คิดวิธีแก้ไขปัญหามุสลิมขึ้นมาได้
1. เราต้องตีความเรื่องสิทธิของนักบวชใหม่ ในศาสนาอิสลาม คนทุกคนคือนักบวช ไม่มีแบ่งเป็นพระ เป็นคุณพ่อเหมือนศาสนาพุทธ คริสต์ และในเมื่อนักบวชพุทธ คริสต์ ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง นักบวชอิสลามก็ไม่ควรมีสิทธิเลือกตั้งด้วย ดังนั้นมุสลิมจึงไม่ควรมีสิทธิเลือกตั้ง
2. นักบวชนั้นไม่สามารถเป็นข้าราชการได้ ดังนั้นตามเหตุผลในข้อ 1 มุสลิมจึงไม่สามารถเป็นข้าราชการได้ ต่อจากนั้นสมควรเพิ่มเติมข้อความในหมวดความผิดร้ายแรงของวินัยข้าราชการว่า "ห้ามกระทำการอันเอื้อไปสู่การเผยแผ่ศาสนาในเวลาราชการ" ดังนั้น หากข้าราชการมุสลิม (ที่เป็นอยู่ก่อนกฎหมายนี้ใช้บังคับ) ทำการละหมาดหรือกล่าวดุอาห์ในที่ทำงาน จะถือว่าผิดวินัยร้ายแรงและต้องถูกไล่ออกจากราชการโดยไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ
3. ทำการเก็บภาษีนักบวชในอัตราที่สูง และด้วยเหตุผลในข้อ 1 ทำให้มุสลิมทุกคนต้องเสียภาษีเพิ่มเติมจากภาษีเงินได้ที่เสียอยู่
4. เก็บภาษีศาสนกิจในสถานประกอบการเอกชน หมายความว่า หากหน่วยงานเอกชนใดเอาเรื่องศาสนามาเกี่ยวข้องกับที่ทำงาน เช่นว่าจัดงานบุญประจำปีบริษัท เอาพระมาเจิมประตู ก็ต้องจ่ายภาษีให้กับรัฐด้วย และในเมื่อมุสลิมถือเป็นนักบวชตามข้อ 1 หากบริษัทไหนรับมุสลิมเข้าทำงาน ก็จะต้องเสียภาษีเพิ่มเติมให้แก่รัฐ คูณด้วยจำนวนวันที่มุสลิมมาทำงานที่บริษัทในรอบปีภาษี
5. ห้ามนำนักบวชเข้ามาสอนหนังสือในโรงเรียนที่ได้รับการรับรองหลักสูตรจากรัฐ คือ สามารถสอนวิชาศาสนาได้ แต่ห้ามนำพระเข้ามาสอน ในกรณีของมุสลิมนั้นให้ยึดตามข้อ 1 คือมุสลิมทุกคนเป็นนักบวช เพราะฉะนั้นมุสลิมจึงไม่มีสิทธิเป็นครู ไม่ว่าจะเป็นวิชาใดก็ตาม นี่จะทำให้โรงเรียนสอนศาสนาต้องปิดไปโดยปริยาย
6. ทุกศาสนสถานต้องมีคณะกรรมการไม่น้อยกว่า 7 คนเพื่อดำเนินกิจการต่าง ๆ โดยคุณสมบัติของกรรมการนั้นคือต้องไม่เป็นนักบวช ด้วยเหตุผลข้อ 1 มุสลิมจึงไม่สามารถเป็นคณะกรรมการสุเหร่าได้ และสุเหร่าทุกแห่งจะต้องปิดตัวลงเนื่องจากขัดกับข้อกำหนดของกฎหมาย เว้นแต่จะให้คนต่างศาสนิกมาเป็นคณะกรรมการสุเหร่า
7. ห้ามนักบวชเข้าเรียนในสถาบันระดับอุดมศึกษาของรัฐและสถาบันระดับอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ
อันนี้คือมาตรการขั้นต้น สำหรับมาตรการขั้นกลางและขั้นสุดท้ายนั้นจะแจ้งให้ทราบต่อไป หากเห็นด้วยก็ฝากแชร์ไปให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้ทราบด้วยนะครับ