Fanboi Channel

นิทานเด็กดีบทที่ 40 (DDN XL) ภาคโม่งกำลังตายทั้งเป็น แต่พระครูบัวเตือนสติทันหวุดหวิด จึงกลับไปฝึกวิชานาฏยุทธ์ ในที่สุดก็กลายเป็นโม่งบาก 3

Last posted

Total of 1000 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:jFeJi.GkV2

นิทานเด็กดีบทที่ 40 (DDN XL) ภาคโม่งกำลังตายทั้งเป็น แต่พระครูบัวเตือนสติทันเวลาพอดี จึงกลับไปฝึกวิชานาฏยุทธ์ จึงกลายเป็นโม่งบาก 3

วิพากษ์วิจารณ์งานเขียนบนเว็บเด็กดีดอทคอม ทั้งจบแล้วและยังไม่จบ ตีพิมพ์แล้วและยังไม่มีใครเหลียวแล รวมไปถึงพูดคุยเกี่ยวกับวงการนิยายเว็บเด็กดี เพื่อความหวังของเว็บโนเวลไทยในอนาคต ทั้งนี้ ไม่สนับสนุนให้นำเรื่องส่วนตัวของนักเขียนแต่ละคนออกมาตีแผ่ ควรเน้นเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานเขียนเท่านั้น

<<คลังกระทู้เก่า>>

นิยายเด็กดี บทที่ 1 -- https://fanboi.ch/webnovel/2403/
นิยายเด็กดี บทที่ 2 -- https://fanboi.ch/webnovel/2703/
นิยายเด็กดี บทที่ 3 -- https://fanboi.ch/webnovel/2907/
นิยายเด็กดี บทที่ 4 -- https://fanboi.ch/webnovel/3066/
นิยายเด็กดี บทที่ 5 -- https://fanboi.ch/webnovel/3187/
นิยายเด็กดี บทที่ 6 -- https://fanboi.ch/webnovel/3229/
นิยายเด็กดี บทที่ 7 -- https://fanboi.ch/webnovel/3388/
นิยายเด็กดี บทที่ 8 -- https://fanboi.ch/webnovel/3594/
นิยายเด็กดี บทที่ 9 -- https://fanboi.ch/webnovel/3852/
นิยายเด็กดี บทที่ 10 -- https://fanboi.ch/webnovel/4106/
นิยายเด็กดี บทที่ 11 -- https://fanboi.ch/webnovel/4265/
นิยายเด็กดี บทที่ 12 -- https://fanboi.ch/webnovel/4393/
นิยายเด็กดี บทที่ 13 -- https://fanboi.ch/webnovel/4626/
นิยายเด็กดี บทที่ 14 -- https://fanboi.ch/webnovel/4810/
นิยายเด็กดี บทที่ 15 -- https://fanboi.ch/webnovel/5006/
นิยายเด็กดี บทที่ 16 -- https://fanboi.ch/webnovel/5346/
นิยายเด็กดี บทที่ 17 -- https://fanboi.ch/webnovel/5535/
นิยายเด็กดี บทที่ 18 -- https://fanboi.ch/webnovel/5769/
นิยายเด็กดี บทที่ 19 -- https://fanboi.ch/webnovel/6022/
นิยายเด็กดี บทที่ 20 -- https://fanboi.ch/webnovel/6295/
นิยายเด็กดี บทที่ 21 -- https://fanboi.ch/webnovel/6506/
นิยายเด็กดี บทที่ 22 -- https://fanboi.ch/webnovel/6868/
นิยายเด็กดี บทที่ 23 -- https://fanboi.ch/webnovel/7834/
นิยายเด็กดี บทที่ 24 -- https://fanboi.ch/webnovel/8477/
นิยายเด็กดี บทที่ 25 -- https://fanboi.ch/webnovel/8614/
นิยายเด็กดี บทที่ 26 -- https://fanboi.ch/webnovel/8685/
นิยายเด็กดี บทที่ 27 -- https://fanboi.ch/webnovel/8795/
นิยายเด็กดี บทที่ 28 -- https://fanboi.ch/webnovel/8876/
นิยายเด็กดี บทที่ 29 -- https://fanboi.ch/webnovel/9247/
นิยายเด็กดี บทที่ 30 -- https://fanboi.ch/webnovel/9744/
นิยายเด็กดี บทที่ 31 -- https://fanboi.ch/webnovel/10135/
นิยายเด็กดี บทที่ 32 -- https://fanboi.ch/webnovel/10275/
นิยายเด็กดี บทที่ 33 -- https://fanboi.ch/webnovel/10680/
นิยายเด็กดี บทที่ 34 -- https://fanboi.ch/webnovel/10887/
นิยายเด็กดี บทที่ 35 -- https://fanboi.ch/webnovel/11174/
นิยายเด็กดี บทที่ 36 -- https://fanboi.ch/webnovel/11834/
นิยายเด็กดี บทที่ 37 -- https://fanboi.ch/webnovel/12989/
นิยายเด็กดี บทที่ 38 -- https://fanboi.ch/webnovel/13803/
นิยายเด็กดี บทที่ 39 -- https://fanboi.ch/webnovel/15451/

รายชื่อนิยายโดนสับไปแล้ว https://docs.google.com/document/d/1ouFhwS9WeoBzEgYHVNYWkeUAbhQ2YkCg4ozpTpx1-94/edit

2 Nameless Fanboi Posted ID:RZzJcjYF0u

สร้างแล้ว ทำไฮไลท์ด้วยเฮ้ย

3 Nameless Fanboi Posted ID:M7Tdyothfh

>>2 ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูทำให้เอง

4 Nameless Fanboi Posted ID:M7Tdyothfh

ก่อนทำไฮไลท์เดี๋ยวขอลงอันนี้ก่อน

*** ระบบป้องกันการ spam ต่างๆ (เนื้อเพลง, อีโมท, พิมพ์ 1 ตัวอักษรลงไป 100 บรรทัด) ***

ถ้ามึงใช้ Chrome ก็ใช้ตัว Chrome Extension Script Runner Pro (ซึ่งจะทำงานเฉพาะบนโม่ง)

link โหลด : https://chrome.google.com/webstore/detail/block-mong-flood/denknahekobanhmcekkdglcogpecegbf
ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก แค่โหลด+ติดตั้งตามปกติ แล้วค่อยเอา Script ไปใส่อีกต่อ

ใส่ที่ไหนยังไง กดดูในรูปนี้ >> https://imgur.com/a/ub4Nx6y ถ้าดูแล้วงง อ่านเป็นข้อๆ ด้านล่างประกอบไปด้วย

1.กดไอค่อนของ Script Runner Pro ถ้ามองไม่เห็นแปลว่ามึงมีส่วนขยายเยอะ ให้กดเข้าส่วนขยาย (รูปจิ๊กซอว์ขวาบน) ไปปักหมุดตัวนี้ก่อน มันจะเด้งโชว์ขึ้นมาจากนั้นก็กดเข้าส่วนขยาย

2.ในหน้าต่างส่วนขยาย ให้กดที่ Open Dashboard ตามด้วยเครื่องหมาย + แล้วกด Install from URL

3.ในช่อง Input URL ให้ก็อปอันนี้ไปวาง >> https://pastebin.com/raw/s3FgDJ59

4.กด CONFIRM INSTALLATION

*** กรณีมึงใช้ Firefox *** เปลี่ยนไปลงปลั๊กอิน Tampermonkey แทน SRP วิธีลงสคริปต์ก็คล้ายๆ กันกับข้างบน

## วิธีใช้งานอย่างง่าย >> https://imgur.com/a/2ZdAfDq ##

หลังติดตั้ง extension แล้วจะมีคำว่า BLOCK ต่อท้ายหมายเลขความเห็น แค่กดจิ๊กเดียวความเห็นนั้นก็จะหายไปเลย กรณีกดซ่อนความเห็นผิดอันแล้วอยากให้ความเห็นนั้นกลับคืนมา ให้เลื่อนลงล่างสุดข้างๆ Reload posts มองหากรอบสีแดงของ extension แล้วกดจนกว่าจะเป็น Show ต่อด้วยกลับไปกด Unblock ความเห็นนั้นจะกลับมาเหมือนเดิม

ตัวเลือกมี 4 อย่างคือ ซ่อน / จาง / เห็นเลขไม่เห็นเมนต์ (จะแสดงข้อความถ้าเอาเม้าส์ไปวาง) / แสดง

5 Nameless Fanboi Posted ID:M7Tdyothfh

:: Topic Highlight ประจำมู้ที่ 39 ::

สับนิยาย: ข้าจะเป็นหมอ.ยา >>>/webnovel/15451/58-61/
โม่งเฮฮา: คำสาปห้องเว็บโนเวล >>>/webnovel/15451/80/
สับนิยาย: เด็กวัด สร้างตำนานลุยโลกแฟนตาซี >>>/webnovel/15451/104-107/
สับนิยาย: ฮัวเหมยสุดยอดตำนานเจ้าเมืองหญิง >>>/webnovel/15451/115-121/
สับนิยาย: The LinkSlayer : Cycle of Other-World >>>/webnovel/15451/235-246/ (มี Tier list ตัวร้ายด้วยด้านล่าง)
สับนิยาย: เกิดใหม่เป็นเเม่มดผู้มีพลังทำลายล้างเทียบเคียงพระเจ้า ภาค ปฐมบทเเม่มดทมิฬ >>>/webnovel/15451/389-391/
ตำนานใหม่ภาค "กลไกนิตยสาร" >>>/webnovel/15451/450-453/
สับนิยาย: ผู้สังหารความมืด (Thai Version) >>>/webnovel/15451/479-480/
สับนิยาย: ต่างโลกพร้อมพลังแห่งการกลืนกิน >>>/webnovel/15451/495-498/
โม่งพูดคุย: ความวน loop ของนิยายแนวเทพซ่าส์ >>>/webnovel/15451/588-589/
โม่งประวัติศาสตร์: มู้นินทาเด็กดวก+ตำนานดอกปอบ >>>/webnovel/15451/830/

มู้ 39 นี่ร้างจริงจัง เปิดมาตั้งแต่เดือนเมษาเพิ่งจะมาปิดตอนเดือนนี้

6 Nameless Fanboi Posted ID6:wkps0kfKgB

โทษที ลืมไฮไลท์สนิท โดนสั่งงาน

7 Nameless Fanboi Posted ID6:uQ65rRv1NG

โม่ง ถ้าอยากจะหาแนว ขับยานรบ ยายอวกาศ ผจญภัย แนวๆstar treks พระเอก นางเอก เป็นกัปตัน ไรงี้ ในเด็กดีมันมีไหม แล้วต้องใช้คำค้นหาอะไร
ลองหาดูแล้วไม่ค่อยเจอแต่คิดว่าอาจใช้คำไม่ถูกมากกว่า
หาในหมวดไซไฟก็รู้สึกกว้างไป อยากได้tag

8 Nameless Fanboi Posted ID:.Z9vUUoVZy

>>7 ใช้ Tag ในเด็กดีนี่ลำบากอยู่นะ มึงคงต้องวัดดวงค้นหาเอาเองแทน

9 Nameless Fanboi Posted ID6:Vhb726HQ1W

>>7 ลองไปหาหมวดอื่นที่ดูใกล้เคียงดูปะ แบบสงครามไรงี้

10 Nameless Fanboi Posted ID:ly2Z+1XwMy

จากมู้ก่อนนะ ช่วยแนะนำนิยายแนวปลูกผักให้หน่อย (เอาแบบเรื่องโรแมนซ์รักๆ ไม่มากเกินนะ กุไม่ชอบ NC)

กุเพิ่งกลับมาอ่านนิยายเว็บไม่ค่อยรู้เรื่องหรือแนวใหม่ๆ ที่นิยมกันเท่าไหร่ แนะนำแนวอื่นด้วยก็ได้แต่ของานที่โม่งคิดว่าดีๆ หน่อย จะเอาที่โม่งเขียนกันเองก็ได้ 555

11 Nameless Fanboi Posted ID:8k6r6RxnZd

>>10 ขอที่โม่งเขียนคงไม่ค่อยดีมั้ง ส่วนตัวกูแนะนำไม่ได้เหมือนกันเพราะไม่อ่านแล้วปลูกผัก ค้นหาเอาจากคำว่า ทำสวน, ฟาร์ม อะไรพวกนี้คงเจออยู่มั้ง (แต่คุณภาพดีหรือไม่นี่แล้วแต่ดวงนะ)

12 Nameless Fanboi Posted ID:cchFkT9dsC

>>10 แนะนำของคนที่กุรุ้จักงานรู้จักฝีมือแล้วกัน
อ่าน "เกิดใหม่เป็นท่านอ๋องปลูกผักแห่งหนองน้ำ" ในนิยาย Dek-D หรือยัง

http://writer.dek-d.com/mormaew/writer/view.php?id=2220822

13 Nameless Fanboi Posted ID:8wpDKi6ci3

>>10 เคยอ่านเรื่องท่านคารันรึยัง มีอีบุ๊คในเมบด้วยนะ

14 Nameless Fanboi Posted ID6:yHlZKTe3kO

คิดว่านิยายจีนโบควรเปลี่ยนพล็อตมั้ย เดาเรื่องง่ายไป

15 Nameless Fanboi Posted ID:YflRECsu4Z

>>14 เดี๋ยวนี้อะไรขายได้ก็ทำซ้ำไปเรื่อยๆ อะ อย่าไปหวังให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้เลย

16 Nameless Fanboi Posted ID:QQ29lUp3UI

>>14 อะไรที่มันยังขายได้ แปลว่ายังมีคนอ่าน เดี๋ยวต่อไปมีอะไรใหม่ๆ ว้าวๆ กว่าเข้ามา มันก็จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเอง อย่างตอนนี้นิยายเกมออนไลน์ก็ซบเซาลงละ นิยายแนวโรงเรียนเวทมนตร์ก็ไม่ค่อยเห็น

พูดแล้วก็อยากอ่านนิยายแนวเกมออนไลน์กาวๆ สักเรื่องเหมือนกันนะ

17 Nameless Fanboi Posted ID6:N3kzIvYGdL

>>16 เกมออนไลน์นี่ตอนนี้คือตามเรื่องเก่าที่ยังไม่จบอย่างเดียวเลย แทบไม่ได้เปิดเรื่องใหม่ แถมไอ้เรื่องเก่า ๆ ที่ว่านี่ก็โดนคนแต่งดองไปอีกซะเยอะ

18 Nameless Fanboi Posted ID:dK9DU0Hvep

>>17 ไฟมันมอดหมดแล้ว ลองถ้ามีแนวใหม่มา จีนโบ ปลูกผัก ระบบ ที่มีอยู่ตอนนี้ก็จะกลายเป็นแบบเดียวกัน อาจจะไม่ได้ตกวูบหายไปเลย แต่คนก็จะหันไปจับกระแสอื่นที่ใหม่กว่าเพราะมันขายดีกว่า

19 Nameless Fanboi Posted ID6:acjCmj+FkS

>>18 ขอถามแนวปลูกผัก ทำไมกูหาไม่เจอวะ ไปหลงหมวดไหนหว่า

20 Nameless Fanboi Posted ID6:DcULA5pfdY

ยุคนี้ใครเขาปลูกผักกันวะ ท็อป20 เขามีแต่ย้อนไปยุค 80

21 Nameless Fanboi Posted ID:A6hb8x5YyO

มีแนวโรงเรียนมัน ๆ ไหมวะอยากอ่าน

22 Nameless Fanboi Posted ID6:QNZaiD8c6s

>>21 ไม่น่าเจอ มีแต่แฮรี่ช่างปั้นหม้อวอนนาบี

23 Nameless Fanboi Posted ID6:jjN7AdyHkS

เบื่อพวกโฆษณาในบอร์ดว่ะ ทุกวันทุกสัปดาห์ดันกระทู้อื่นลงหมด

24 Nameless Fanboi Posted ID:AfxkJDPXCO

>>23 เอากระทู้โฆษณาออก ไม่ต้องให้มันแสดงได้

25 Nameless Fanboi Posted ID6:O9v/AG9Q/V

>>23 กดหมวดย่อยอื่นสิ

26 Nameless Fanboi Posted ID6:nVtES6MQug

>>23 เพื่อนโม่งมึงหมายถึงพวกขาจรป่าววะ

27 Nameless Fanboi Posted ID6:Zd5FovbA0D

กูเอะใจกับมนุษย์ต่างดาว หน้าตาเป็นไงวะ ในโลกนิยายจีน https://www.dek-d.com/board/writer/4072614/

28 Nameless Fanboi Posted ID6:3akVOkFOqq

>>27 รอบนี้กูเห็นด้วยอีตุ๋นกบ สะท้อนสังคมไทยชัดๆ

29 Nameless Fanboi Posted ID6:CcJYT6IXeP

อยากจะตอบเขาจริงๆ แต่มู้ไม่เปิดให้นอนเมนตอบ
กูขอตอบว่า อย่าสักแต่ยอดวิวเพิ่ม มึงควรดูสถานที่ด้วยว่าแต่ละเว็บเน้นขายอะไรกัน นิยายดีแค่ไหน แต่ลงเว็บผิดที่ก็ได้ยอดไม่สู้ดีหรอก
https://www.dek-d.com/board/writer/4072959/

30 Nameless Fanboi Posted ID:G0g1krTgE4

>>29 ลุงมิกกี้แม่งตกยุค นิยายเรื่องเก่าจะเรียกว่าเป็นนิยายยังไม่ได้เลย เขียนมาเป็น 10 ปี ยอดวิวก็มีอยู่แค่นั้น กูไม่ได้จะใจร้ายนะ แต่นิยายลุงไม่ไหวจริงๆ ขนาดคนรักการอ่านอย่างกูยังต้องยอมแพ้ กูจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับนิยายเมกานิเตอร์ซาก้าของไอ้เวคเตอร์-เหรดเลยล่ะ

31 Nameless Fanboi Posted ID6:LZOs/9sLz5

ไม่รู้ควรเชื่อใครดี https://www.dek-d.com/board/writer/4073431/

32 Nameless Fanboi Posted ID:jD/fUimtLY

>>31 เชื่อกุ กุศึกษามา แต่กุขอนิยายที่ใช้บ่มเพาะไม่มีใครโยนมาให้นี่ ไม่มีน้ำใจกันเลย

33 Nameless Fanboi Posted ID6:UmdfKPYaNM

อยากเขียนแนวโลลิ ลงเว็บไหนดีสุดโม่ง

34 Nameless Fanboi Posted ID:WFDvLWYknE

ร้างเรอะ... ก็ดีเหมือนกัน

>>33 มีเย็กไหม ถ้ามีไป ธวล. ถ้าไม่มีลงเด็กดวกก็ได้ เห็นไอ้กวี (K.W.E) เขียนมาตั้งนานแล้วนี่เรื่องมีอา(พี่จ๋าๆ) น่ะ

35 Nameless Fanboi Posted ID:AkG4WuJ+Ue

กลับมาอีกครั้งหลังมีข้อความลับส่งเข้ามาในมายไอดี หัวเรื่องเขียนว่า "ผลักดันไก่ใหญ่" ตอนแรกกูพยายามมองโลกในแง่ดีว่าบางทีมันอาจเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการทางการเกษตร พอเปิดเข้าไปอ่านประโยคแรกปุ๊บ "ฉันอยากจะดูดไก่" ทีนี้แม่งชัดเลย แล้วทางเว็บก็ไม่เคยคิดจะแก้ด้วยนะ เห็นแล้วก็ขำขึ้นมาเพราะเคยมีคุยกันในโม่งเรื่องแนวนี้มาหลายครั้งละ (เรื่องโฆษณาเว็บโป๊ที่ใช้ google แปลไทย) ก็เลยว่าแวะมาสับนิยายหน่อยดีกว่า

เปิดบัญชีหนังหมาขึ้นมาเรื่องล่าสุดที่จะโดนคือเรื่อง Tales Of New World จบ!!! สงสัยกลัวไม่รู้ว่าแต่งจบแล้ว คือกูเข้าใจนะว่าด้วยความที่มีระดับพลังและใช้ชื่อตัวละครเป็นชื่อจีน คงระแวงว่าคนจะไม่ตามอ่านเพราะเป็นแนวยืดตอนหลอกขาย อย่างไรก็ตามถึงจะจบลงได้ แต่เป็นการตัดจบแบบไม่เคลียร์ปมหลักของเรื่องจนโดนรีวิว 2 ดาวติดหน้าผากคนเขียนไว้ตรงหน้าแรก ถ้าถามความเห็นกูที่ไม่เป็นกลางอยู่แล้ว บอกได้เลยว่ามักง่าย แต่งมาได้ตั้ง 485 ตอนแล้วก็น่าจะมีความสามารถพอที่จะจบเรื่องได้สวยๆ แต่ดันไม่ยอมทำ

สาเหตุที่ติดมาในบัญชีหนังหมาเพราะพี่เว็บเอานิยายเรื่องนี้มาทำบทความเกี่ยวกับความสามารถโกงๆ ของพระเอกนิยาย มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลยถ้าในบทความไม่เขียนว่า "สนุกพอๆ กับนิยายเรื่อง MSO" อ่านแล้วกูเลยต้องจดเอาไว้ก่อน ถ้าใครสงสัยว่าความสามารถนั้นคืออะไร เฉลยสั้นๆ ว่า พระเอกเห็นอนาคตในโลกเกมล่วงหน้าได้ 5 วินาที หรือก็คือมีหน้ากากอิพิธาปเล็กๆ ติดบนหน้าผากเหมือนบอสเรื่องโจโจ้ภาค 5 นั่นเอง ส่วน MSO นายศิลาของเราเป็น Healing factor แบบพี่วูฟเวอร์รีนจาก X-Men

ในยุคที่นิยายออนไลน์ยังเขียนด้วยพล็อตเวอร์วังอลังการ แม้ MSO ยุคหลังจะสเกลพลังเกินขีดจำกัดของความพอดีไปแล้ว แต่ช่วงแรกก็ถือว่าสนุกจริงๆ การเอา MSO มาเทียบกับนิยายระดับพลังแบบนี้เลยทำเอากู tilt เบาๆ จบช่วงบ่นแล้วก็เข้าเรื่องเลยดีกว่า

Tales Of New World จบ!!!
https://writer.dek-d.com/Dragonfly45/writer/view.php?id=2006873

ชื่อเรื่องธรรมดา แต่คำโปรยขายของว่าเป็นแนวกลับมาเกิดใหม่ เพื่อให้เข้าตาลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้ทันที ภาพปกลงทุนจ้างวาดมาอย่างดี คุณภาพถือว่าโอเค ปกรองเป็นเรื่องย่อของพระเอกก่อนย้อนเวลามาตอนอายุ 18 เขียนระดับพลัง/ค่าชื่อเสียง/ความสามารถเฉพาะของจิตแบบต่างๆ กูว่ากูคงไม่พูดอะไรเยอะเพราะมันอาจกำลังเป็นที่นิยมในตอนนั้น

ตอนที่ 1 : เสียเวลา

เปิดฉากด้วยการถูกมือปืนรุมของพระเอก แถมโดนหนึ่งในนั้นเย้ยว่านอกจากมึงมันก็เป็นได้แค่ไอ้กระจอกคนหนึ่งนี่หว่า หลังจากหมดลมหายไปใจอยู่ดีๆ พระเอกของเราก็ฟื้นขึ้นมาในห้องนอนตอนอายุ 18 แล้วพูดคนเดียวว่าเราย้อนเวลามา 20 ปี (แปลว่าก่อนตายนี่มึง 38 แล้วสิ) มีการโอดครวญว่าชาติที่แล้วตอนเข้ามหาลัยกูติดเกมจนทิ้งทางบ้านไปอยู่กับเพื่อนในเกม ถึงจะรุ่งในโลกเกมแค่ไหน ชีวิตจริงกลับพังไม่เป็นท่า พ่อตาย แม่กับน้องสาวหมดตัว ธุรกิจที่บ้านก็ล้มละลาย เอาเป็นว่าชาตินี้เดี๋ยวเอาใหม่อีกที

ตอนที่ 2 : เหวิน เหวิน

ก่อนจะไปต่อ กูขอถอดสมองและความสมเหตุสมผลทิ้งไปชั่วคราว เพราะเราคุยกันเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้วว่านิยายเกมมันไม่เคยมีสมดุลทั้งเรื่องเมคานิคของระบบและเทคโนโลยีเครื่องเล่นที่ล้ำสมัยเกินกว่าจะเกิดขึ้นในปีที่ตัวเอกย้อนเวลากลับมา ... ในห้องประชุมของห้างที่พ่อพระเอกเป็นเจ้าของ อยู่ดีๆ พี่เทพ (ในเรื่องมันชื่อนี้จริงๆ) ก็ขอเสือกเข้ามาประชุมด้วย ความจริงแล้วพระเอกตอน 18 พูดจีนได้แค่ มีน้างแลงจะกิงน้างส้วม แต่ความทรงจำจากยุคอนาคตทำให้พี่เทพเกิดเทพภาษาจีนขึ้นมาเพราะเพื่อนในเกมแม่งเป็นคนจีน ว่าแล้วก็เสนอว่าให้สั่งซื้อเครื่องเกมมาขายที่ห้างไปเลย 200 เครื่องรวด เพราะในอนาคตเกม tale of new world จะต้องฮิตระเบิดแน่นอน ประชุมเสร็จก็ติดต่อไปที่บริษัทแม่ของเกมในจีน ขอสายคนชื่อเหวิน เหวิน เพื่อนในเกมที่พระเอกเคยเล่นด้วย ใช้ความกวนตีนหลอกล่อนิดหน่อย นักเจรจาทางการค้าของฝั่งโน้นก็ถูกคอกับพระเอกและตกลงว่าจะมาเข้าไปเล่นเกมด้วยกันได้อย่างง่ายดาย

36 Nameless Fanboi Posted ID:AkG4WuJ+Ue

ตอนที่ 3 : ลูกชาย!?

เนื้อหาในตอนไม่เกี่ยวกับชื่อตอนแม้แต่นิดเดียว สรุปย่อๆ ได้ว่าพี่เทพไปฟิตเนสเพราะรู้สึกว่าต้องฟิตร่างกายให้แข็งแรงเท่ากับอีก 20 ปีข้างหน้า มีสาวๆ แอบมองแล้วบอกว่าพี่เทพเค้าหล่อจริง แล้วจบตอนตรงพี่เทพเล่นเครื่องต่างๆ จนครบใช้เวลารวม 5 ชั่วโมง จากใจคนที่พอรู้เรื่องกล้ามเนื้ออยู่บ้างแบบกู สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นกีฬาอะไร แล้วจู่ๆ มาเล่นหนักต่อเนื่องกันแบบนี้ รับรองว่าวันรุ่งขึ้นขยับตัวไปไหนไม่ได้เพราะปวดกล้ามเนื้อเหี้ยๆ หนักหน่อยก็มวลกล้ามเนื้อสลาย ตับ-ไตมีปัญหา แต่ก็ช่างแม่ง กูถอดสมองไปแล้ว ถ้าจะให้แนะนำคงอยากบอกแค่ว่าช่วงแรก ให้เล่นเบาๆ และใช้เวลาสั้นๆ ก่อน พอปรับสมดุลได้แล้ว ก็ให้เพิ่มความหนักและระยะเวลาขึ้นทีละน้อยเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม (ปกติคือ 15-30 วัน) ไม่งั้นเดี๋ยวจะเกิดเรื่องเหมือนข่าว รด. เมื่อวาน

ตอนที่ 4 : ถงเวย

ชื่อตอนเป็นชื่อไอดอลสาวชาวจีน เนื้อเรื่องพูดถึงข่าวการโปรโมตเกม tale of new world และใช้ไอดอลชื่อถงเวย (ไม่ใช่ถงเหวยเหรอวะ) มาร่วมงาน ไม่รู้ทำไมพี่น้องชาวไทยพากันรู้จังน้องถงเวยกันหมด แล้วบอกว่าจะต้องไปร่วมงานนี้ให้ได้ (เพราะในงานมีแจกเครื่องเกมฟรีด้วย) พี่เทพที่รู้ว่าถงเวยจะมาก็ออกไปรับด้วยตัวเอง แกล้งบอกว่าตัวเองเป็นพนักงานกากๆ แล้วหลอกด่าแม่สาวไอดอลด้วยภาษาไทยทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเธอพูดไทยได้

ตอนที่ 5 : แสดงว่านายยังไม่เจอฉัน

ความคืบหน้าในตอนมีแค่ พี่เทพรู้ว่าน้องถงเวยเป็นแฟนไอ้เหวินอย่างลับๆ ก่อนจะเริ่มการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่จากจีนกับบริษัทพ่อ พี่เทพเลยแกล้งถามว่าแฟนเธอจะมาถึงหรือยัง ทำเอาไอดอลของเราสะดุ้งเล็กน้อย พอเฮียเหวินมาเทพก็เข้าไปทัก ทำเอาพวกตัวละครรองพากันมึนตึ๊บว่าพระเอกมันรู้ได้ไงวะ ประชุมเรื่องงานเกมจบ พี่เทพก็พาเหวินกับถงไปกระดกไวน์กันก่อนกลับ แลกไอดีแชทโปรแกรมคล้ายๆ ดิสคอร์ดกันเสร็จก็จบตอน

การบรรยาย : เนื้อหาต่อตอนค่อนข้างสั้น แต่ก็ไม่ได้สั้นมากจนน่าเกลียด จะว่าไงดี อาจเหมาะกับแนวยืดเรื่องขายแบบนี้แล้วก็ได้ บทสนทนาทำได้โอเค คำผิดไม่ค่อยมี อ่านแล้วรำคาญเล็กน้อยตรงที่ใส่พินอินในบทสนทนาโดยไม่จำเป็น มีการใส่ตัวหนาว่าตรงนี้กำลังจะคุยไทย ตรงนี้กำลังจะคุยจีน ตามด้วยคำว่า "จ้า" บทบรรยายมีการเทข้อมูลใส่บ้างแต่ไม่มากเท่าไหร่ เทได้ถูกที่และทำให้เนื้อเรื่องสมบูรณ์ขึ้น ถือว่าทำได้ดีในระดับนิยายแปลจีน โลกหมุนรอบตัวพระเอก ผู้ซึ่งถูกนักเขียนอวยว่าหล่อและฉลาดจากความรู้เก่าในชาติก่อน ตามแบบฉบับนิยายจีนตายแล้วย้อนเวลามาแก้ไขเรื่องที่พลาดไปในอดีต

ตัวละคร : กูรู้สึกเฉยๆ กับพระเอก แต่ดันชอบตัวละครรอบๆ แทน อย่างน้องสาวที่ชื่อฟ้า เพื่อนเหวินกับแฟนเพื่อนน้องไอดอล ตัวละครพวกนี้มีบทพูดที่น่าสนใจกว่าตัวพี่เทพ ส่วนพระเอกของเราเป็นพวกคุยเรื่อยเปื่อยและมีหน้าที่แค่โดนอวยว่าหล่อ

เนื้อเรื่อง : แนวย้อนเวลากลับมาแก้ไขอดีตผสมเกมออนไลน์ มีปมแค่จำทะเบียนรถพวกมือปืนได้ เนื้อหา 5 ตอนแรกยังไม่ได้เข้าเกม มันไม่ได้เดินเรื่องช้า แต่ด้วยความที่ตอนมันสั้นก็เลยไปไม่ถึงไหน แหกขนบนิยายเกมตรงที่ได้เครื่องเกมมาทันทีเพราะผมรวย ซึ่งปกติมักได้มาฟรีจากงานเปิดตัวเกมในนิยายเรื่องอื่น

จุดเด่น : ความหล่อของพระเอก

จุดด้อย : เปิดเรื่องได้กาก ฉากโดนฆ่าของพระเอกไม่เกิดอิมแพคเหี้ยอะไรเลย พอย้อนมาก็มีดึงดราม่านิดหน่อยว่าชาติก่อนหนีออกจากบ้านจนพ่อมึงตาย เดินเรื่องตามขนบอย่างมีสไตล์ (เพราะผมเป็นลูกเจ้าของบริษัท) 5 ตอนแล้วก็ยังไม่ได้เข้าเกม

คะแนน : ปวดกล้ามเนื้อหลังไปฟิตเนส/10

ความเห็นส่วนตัว : ยอดวิว 5 แสนจาก 485 ตอนถือว่าอยู่ในระดับพอใช้ ต่อไปนี้ถ้าเป็นนิยายเกมออนไลน์กูจะเลิกพูดถึงความเร็วของการเดินเรื่อง (เพราะแม่งชอบซอยตอน) แต่จะพูดถึงการเปิดฉากในตอนที่ 1 แทนว่าทำได้ดีแค่ไหน ตามขนบหรือแหวกได้อย่างน่าสนใจ สำหรับเรื่องนี้ถือว่าแหวกนิดๆ แต่ยังไม่สามารถทำให้ประทับใจได้ พระเอกใช้ข้อมูลที่รู้อยู่แล้วจากชาติก่อนมาสร้างความได้เปรียบให้ตัวเอง ส่วนเรื่องสมดุลเกมและฉากต่อสู้ยังให้ความเห็นไม่ได้เพราะเรื่องยังวนอยู่แค่ที่บ้าน ฟิตเนส และห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

37 Nameless Fanboi Posted ID6:qIbY2g2Td6

>>35 ไม่ได้อ่านวิจารณ์มานานแล้ว เยี่ยมมากโม่ง

38 Nameless Fanboi Posted ID:jZzXGHSylb

>>35 ยังไงก็ต้องขอบคุณในความเหนื่อยยากที่เขียนรีวิวมาให้อ่านกัน

39 Nameless Fanboi Posted ID:qCzQS4u5xM

เรื่องต่อไป...

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=2027568

เหยดดดด ภาคต่อของนิยายที่มี pacing ห่วยที่สุดในประวัติศาสตร์การสับ (ความเดิมตอนที่แล้ว >>>/webnovel/9744/26-33/ ) รอบก่อนคิดว่าจะไม่สับแล้วแต่ลองดูก็ได้วะ ภาพปกดูดีขึ้นมาจากภาคแรกแต่ก็มีจุดที่โดนติอยู่ตามความเห็นของเพื่อนโม่งในมู้ที่ 32 คำโปรยพยายามจะทำให้ดูขลังตามสไตล์แฟนตาซีแต่อ่านกูแล้วขนลุก และอาจมีเพียงคนที่ชอบภาคแรกแล้วตามมาอ่านต่อเท่านั้นถึงจะสามารถอินไปกับคำโปรย cringeๆ แบบนี้ ปกรองมีเรื่องย่อประมาณว่าภาคนี้พระเอกของเราเขาเทพแล้วนะ พวกมึงไม่ต้องมาคอยบ่นแล้วว่าเดินเรื่องช้าสัสเมื่อไหร่พระเอกจะเก่ง จากหนุ่มหน้ามนคนขุดเหมืองกลายเป็นชนวนสงครามระหว่างเหล่าเทพและทัพมาร สปอยนิยายตัวเองเรียบร้อยแล้ววกกลับมาบอกว่าตอนนี้อยู่เมืองหลวง เป็นศิษย์มีครูเต็มตัว ผัวยังไม่มีแต่เมียกำลังจะมา รูปแบบปกรองแม่งแทบจะเหมือนเดิม ส่วนท้ายมีคำชี้แจง 3 ข้อ กับ add-on เพจเฟซบุ๊กที่มีผู้ติดตามมหาศาลถึง 33 คน ถ้าอยากให้ข่มกูคงบอกว่านิยายที่แต่งด้วยไอดีรองโนเนมของกู เรื่องใหม่ลงไปแค่ 20 ตอนแรกก็มีคนตามหน้าเพจหลักร้อยแล้ว เดี๋ยวมาดูกันว่าเพราะอะไรนิยายที่มาถึงภาค 2 และกำลัง on going ไปที่ 769 ตอนถึงมีผู้ติดตามเท่าปลายxมอยแบบนี้

ตอนที่ 1 : บทนำ

ไอ้เหนือภพหมดสติลอยตามน้ำมาติดเบ็ดตาลุงท่าทางมอซอ ลุงช่วยไว้แล้วพระเอกก็ฟื้นมาถามทาง ลุงบอกไม่ต้องไปที่นั่นหรอกฝึกวิชากับอาจารย์ลุงเก่งเร็วกว่า เจ้าหนุ่มบอกโอเคก่อนจะสลบต่อ แล้วอยู่ดีๆ ก็ตัดฉากว่ามีแม่นางคนสวยชื่อจี๊นจีน (ประชด) ว่าอังกาบมาบ่นว่าลุงแม่งแดกเหล้าเก่ง ทำไว้ 100 ไห ไม่ถึงเดือนลุงล่อไปแล้ว 80 เกินโควต้าส่วนที่ต้องแบ่งเอาไปกำนัลให้จ้าวตึกคนอื่นๆ สรุปว่าลุงเองก็เป็นคนใหญ่คนโตพอตัว แต่เขียนหนังสือไม่ได้เลยขอให้อังกาบเขียนจดหมายแทนหน่อย แล้วก็ส่งไปให้อาจารย์ลุงด้วยนะ จบตอนไปแบบงงๆ ว่าพระเอกของเรามันไปนอนแดกฝุ่นอยู่ตรงไหนของตลิ่งละวะ

ตอนที่ 2 : ตอนที่ 1 จดหมายของเหนือฟ้า

เออ... ทั้งตอนก็ตามชื่อตอนเลย คือเป็นจดหมายของน้องสาวพระเอกเขียนถึงเจ้าตัวที่หายไป 1 ปีเต็มแล้ว ไม่มีความคืบหน้าเหี้ยไรเกี่ยวกับเนื้อเรื่องแม้แต่น้อย ที่กูจำได้มีแค่บอกว่าน้องฟ้าเพิ่มพลังเทพีซ่าส์มากขึ้นอีกแล้วนะคะพี่ชาย ตอนนี้หนูเป็นฮันเตอร์แรงค์ D ขั้นที่ 40 นอกนั้นคือเล่าถึงตัวละครภาคแรกที่บางส่วนกูพอจำชื่อได้ ก็คงเป็นคนในก๊วนพระเอกนั่นแหล่ะ แล้วเล่าหมดจนครบทุกตัว (ราว 20 คน) จนผิดหลักเรื่องการเขียนข้อมูลลงในบทสนทนาด้วย คือมีแค่ไอ้ม้าศึกกับช้างศึกเท่านั้นที่หายไป แต่มีคนชื่อเฮงเฮงกับซวยซวยโผล่มาแทน (สาบานนะว่านั่นคือชื่อคน)

ตอนที่ 3 : ตอนที่ 2 เรื่องราวเมื่อสี่ปีที่แล้ว

เปิดตอนมาด้วยไอ้เหนือภพกำลังเคาะบักฮือสวดมนต์ (เขาเรียกบักฮื้อค่ะอีชิบผาย) พระอาจารย์ชื่อสิริซึ่งน่าจะเป็นคนที่ลุงในตอน 1 ส่งพระเอกมาหาบอกว่า มึงฝึกวิชามาครบ 4 ปีควรกลับออกไปสู่โลกภายนอกได้แล้ว ไม่ทันได้พูดอะไรหลวงพ่องก็จับไอ้ภพสึก พระเอกของเราได้แต่บอกลาแล้วโดดลงน้ำตกไป ทางเดินดีๆ ก็มีอยู่แถวนั้นทำไมมึงไม่เดินลงเขาไปวะ ขึ้นย่อหน้าใหม่ตัดฉากย้อนไปเมื่อ 4 ปีก่อน ไอ้ภพสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายตรงหน้าวัด เพราะในฝันน้องกลิ่นจันทร์ (น้องคนที่จะโดนจับไปขายซ่องในภาคแรก) โดดหน้าผาต่อหน้าพระเอก แล้วหลวงพ่องก็โผล่มารับตัวถูกเวลาตอนตื่นพอดี มีการเทข้อมูลที่ไม่จำเป็นในส่วนกลางและท้ายตอน เกี่ยวกับวัดในถ้ำใต้น้ำตกและการลดจำนวนลงของพระสงฆ์

ตอนที่ 4 : ตอนที่ 3 บรรพชิตย่อมไม่เหงา

เนื้อหาเป็นบทบรรยายเสียส่วนใหญ่ เล่าว่าจารย์ให้เหนือภพออกบวชเพื่อสลายความแค้นในใจ วันๆ ก็ทำกิจของสงฆ์ สวดมนต์ นั่งสมาธิ กวาดลานวัด มีอยู่อย่างเดียวที่ดูคล้ายการฝึกฝนคือโดนใช้ให้ไปตักน้ำที่แหล่งน้ำห่างออกไป 10 กิโลเมตร ครั้งแรกที่ไปใช้เวลาตั้ง 3 วันกว่าจะกลับมาถึงเพราะทางทั้งไกลทั้งชัน ท้ายตอนไอ้ภพแซวจารย์ว่าที่ให้บวชเป็นเพราะไม่อยากให้ตัวเองหนีไปใช่ไหม จารย์บอกความรู้สึกแบบนั้นสำหรับผู้ละทางโลกไปแล้วมันไม่มีอยู่หรอก พระเอกก็คิดในใจว่าท่านอาจารย์อย่ามาซึนเดเระ

40 Nameless Fanboi Posted ID:qCzQS4u5xM

>>39

ตอนที่ 5 : ตอนที่ 4 พหุยุทธ์

หลังฝึกมาได้ปีเศษจารย์ก็เริ่มสอนวิชามวยตามชื่อตอน แนวคิดคล้ายการออกอาวุธของมวยไทยมีทั้งหมด 147 ท่า ฝึกไป 1 ปี ก็จำ 30 ท่าแรกที่เป็นท่าพื้นฐานได้ พอครบ 2 ปีพระเอกของเราก็จำ 31-147 ได้ครบทั้งหมด แต่โดนจารย์สั่งไว้ว่าอย่าใช้ท่าพวกนี้ เพราะอาจเป็นอันตรายจากการเปิดช่องโหว่ให้ศัตรูสวนกลับได้ ฝึกใช้ 30 ท่าแรกให้ชำนาญมากๆ ส่วนท่าที่เหลือให้ใช้ก็ต่อเมื่อเห็นว่าสบโอกาสจริงๆ เท่านั้น มีพูดถึง มวยแข็ง-มวยอ่อย แต่เป็นคนละแบบกับที่กูเคยบอก เพราะอันนั้นหมายถึง มวยที่ทำให้แตกหักและฉีกขาดภายนอกกับมวยที่ทำลายอวัยวะภายในและการหายใจ สำหรับเรื่องนี้ผึ่งพุงบอกว่ามวยแข็งคือการโจมตีแบบตรงไปตรงมา ส่วนมวยอ่อนคือการโจมตีที่พลิ้วไหวและจับทางได้ยาก แล้วก็จบตอน

การบรรยาย : อยู่ในเกณฑ์ปกติและยังคงพบความขี้เล่นแฝงอยู่ในคำพูดของตัวละครหลายตัว เหมือนพยายามจะให้เนื้อเรื่องติดฮาบ้างซึ่งบางครั้งก็ไม่เหมาะกับความตึงเครียดในเหตุการณ์ บทบรรยายเป็นแบบเทข้อมูลที่ยังคงมีสัดส่วนของ show น้อยกว่า tell บทสนทนาเป็นธรรมชาติไม่ติดขัด voice และวิธีการพูดของแต่ละตัวละครทำให้สามารถแยกได้ว่าใครกำลังพูดอยู่ คำผิดมีน้อยลงจากภาคแรกและเขียนคำว่าเชี่ยวกรากได้ถูกแล้ว (จากที่เคยเขียนว่าเชี่ยกราด) สิ่งที่ยังคงมีอยู่อย่างเสมอต้นเสมอปลายคือปัญหาด้านลำดับการเล่าเรื่อง รวมไปถึงจังหวะการให้ข้อมูล เดาว่านักเขียนแม่งคงไม่เก่งด้านนี้จริงๆ เพราะการตัดฉากทำได้ค่อนข้างแย่ นึกจะตัดก็ตัด นึกจะข้ามก็ข้าม อะไรที่ควรให้ข้อมูลดันตัด สิ่งที่ควรลดหรือข้ามดันเล่ายืดยาว

ตัวละคร : เหนือภพทางกายภาพดูเหมือนว่าจะเก่งขึ้นกว่าภาคแรกและกำลังเดินหน้าฝึกวิชาเพิ่มเติม จากฝันร้ายในตอน 3 กูเดาว่าน้องกลิ่นจันทร์คงม่องเท่งไปเรียบร้อยจนกลายเป็นเหตุให้พระเอกของเราเกิดความแค้น อย่างไรก็ตามกูคงต้องบอกตรงๆ ว่า วิธีการพูดของไอ้ภพดูไม่เหมือนคนมีความแค้นเท่าไหร่ หลายจุดยังดูดี๊ด๊ากวนตีนเหมือนเคย น้องเหนือฟ้ายังดูจริงจังมากกว่าคนเป็นพี่ ตัวละครประกอบอื่นๆ ทำได้ดีทั้งนิสัยใจคอและวิธีการสนทนาที่มีความเฉพาะตัว สำหรับพระเอกของเรากูยังคงยืนยันว่าไม่เด่นพอจะเป็นตัวเอกได้ ทั้งด้านความเท่และนิสัย โดยเฉพาะเรื่องการชอบหนีปัญหาตามที่เรื่องย่อสปอยไว้ พัฒนาการของตัวละครควรเดินไปข้างหน้าไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ ไม่ต้องพูดถึงภาค 2 แต่มันควรดีขึ้นตั้งแต่ภาคแรกหลังจากต้องเผชิญปัญหาต่างๆ มาจนถึงท้ายเรื่อง อันนี้คือสิ่งสำคัญที่นักเขียนทุกคนต้องทำให้นักอ่านเชื่อหรือรู้สึกได้ว่าตัวละครเอกนั้นเปลี่ยนไปในทางบวก ทั้งเขาและพรรคพวกควรเติบโตทางความคิดจากประสบการณ์ที่ได้พบเจอ หรืออย่างน้อยที่สุดคือควรมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

เนื้อเรื่อง : แฟนตาซีที่บทบรรยายและบทสนทนายังคงจี๊นจีน ภายใต้การตั้งชื่อที่ไท๊ยไทยทั้งตัวละครและวิชา ในภาคที่แล้วกูคิดว่าที่แต่ละตอนเดินเรื่องแบบไม่มีคลิฟแฮงเกอร์เป็นเพราะนักเขียนจงใจ แต่มาตอนนี้กูเดาว่าคงเป็นเพราะแต่ละตอนสั้นลงกว่าภาคที่แล้วเลยไม่รู้จะหาจังหวะไหนมาใส่ดี คลิฟแฮงเกอร์เป็นเครื่องมือช่วยให้เกิดความน่าติดตาม แต่พอตอนมันสั้นเลยเกิดปัญหาว่า ไอ้เหี้ย... กูจะทำยังไงให้มันน่าติดตามทุกตอนได้ ในเมื่อ 1 ตอนหลังลดตัวอักษรลงเหลือ 14 pt แล้วมันยาวแค่หน้านิดๆ นี่แหล่ะคือดาบ 2 คมของการซอยตอน เพราะต่อให้แยกเป็น 5 ตอนย่อยในชื่อตอนเดียวกัน การใส่คลิฟแฮงเกอร์ในตอนย่อยที่ 5 อาจไม่สามารถสร้างความรู้สึกใดๆ ได้ เพราะความสั้นของตอนที่นักอ่านเคยชิน

อีกอย่างที่กูต้องพูดถึงให้ได้คือกิมมิคของเรื่องมันหายไปไหนแล้ววะ 5 ตอนแรกของภาค 2 ไม่มีการพูดถึงทั้ง Tablet และการเติมเงินที่เป็นจุดขายของนิยายภาคหลักแม้แต่ที่เดียว หรือจงใจปูทางเรื่องไปยาวๆ แล้วค่อยใช้ plot device ตัวนี้ทีหลังเหมือนภาคที่แล้ว แม่ง... กูบอกได้เลยว่าพัง ภาคก่อนก็เคยโดนด่าไปแล้วเกี่ยวกับความช้าของการเดินเรื่อง มาภาคนี้ก็ยังจะทำเหมือนเดิมอีกเหรอ กูไม่รู้ว่ากูอคติเองหรือเปล่าเพราะกูไม่ได้อ่านช่วงท้ายของภาคแรก บางทีอาจมีเหตุการณ์ให้เหนือภพใช้ Tablet กับระบบเติมเงินไม่ได้ชั่วคราว แต่ถ้าไม่ใช่แบบนั้นแล้วล่ะก็ แปลว่านักเขียนล้มเหลวด้านการขยี้จุดขายของตัวเอง เป็นมีดมันต้องคม เป็นพริกมันต้องเผ็ด เป็นนิยายเติมเงินให้เทพแต่ไม่ abuse ความได้เปรียบจากระบบเติมเงิน แล้วมึงตั้งชื่อนั้นมาทำไม

41 Nameless Fanboi Posted ID:qCzQS4u5xM

>>40

จุดเด่น : การตัดฉากแบบ ไม่สนหิสนแต๊ด ใดๆ

จุดด้อย : เยอะแยะมากมายและความผิดพลาดนั้นยังคงเป็นเรื่องเดิมๆ

คะแนน : ผู้ติดตาม 33 คน จากนิยาย 2 เรื่อง จำนวนรวม 877 ตอน/10

ความเห็นส่วนตัว : Pacing เหี้ยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงไม่มีคลิฟแฮงเกอร์ซึ่งคาดว่าใส่ไม่ได้เพราะตอนๆ หนึ่งสั้นเท่าxมอยนก พยายามเร่งเนื้อเรื่องด้วยการเทข้อมูลและ tell เป็นช่วงๆ ในทางกลับกันเนื้อหาที่ควรเน้นกลับถูกข้าม เหมือนนักเขียนมีปัญหาเรื่องการจัดลำดับความสำคัญของเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การสึกของไอ้ภพแล้วโดดลงน้ำตกหลังฝึกครบ 4 ปี ช่วงต้นของตอนที่ 3 ควรถูกตัดออกเพราะมันอยู่ผิดที่ผิดทาง ที่ถูกต้องคือเขียนบอกให้ชัดเจนไปเลยว่าย้อนไป 4 ปี แล้วเล่าการฝึกไปเรื่อยๆ พอฝึกเสร็จถึงค่อยใส่ฉากสึกออกจากวัดปิดท้าย ความไม่กลมกล่อมของตัวนิยายก็เป็นปัญหาอีกเหมือนกัน ภาพปกที่ดูคล้ายเรื่องยุคกลาง สำนวนการพูดจาและการใช้คำบรรยายกลิ่นออกจีน กับชื่อที่ไท๊ยไทยอย่างไม่มีเหตุผลรองรับ จะแถยังไงก็ฟังไม่ขึ้นสักนิด

ยุคกลางเหี้ยไรไม่มีบาทหลวงแต่ดันมีหลวงจีนชื่อสิริแทน (ยังมีเคาะบักฮื้อตอนสวดอยู่เลยอย่ามาเถียง) เวทมนตร์เป็นระบบลมปราณแต่ชื่อปราณพญาสุบรรณ แม่นางสวมชุดแขนบานปักลายใช้ปิ่นแต่ชื่ออังกาบ เซตติ้งแบบนีโอฟิวชั่นรึไง

เรื่องสำคัญอีกอย่างคือต่อให้มันเป็นนิยายภาคต่อ นักเขียนมีหน้าที่ต้องเปิดเรื่องให้น่าสนใจ การเปิดเรื่องด้วยบทนำที่เกี่ยวข้องกับตอนจบของภาคก่อนแค่เล็กน้อยแบบนี้ถือเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่า เพราะอะไร? เพราะไม่ใช่ว่านักอ่านทุกคนที่เข้ามาเป็นคนที่ตามมาจากการอ่านภาคแรกจบ ความสดใหม่ของนิยายในแต่ละภาคจึงต้องถูกสร้างขึ้นอย่างเหมาะสม ถ้าช่วงแรกของนิยายทำให้นักอ่านประทับใจไม่ได้ก็คือจบเห่ พวกมึงคิดว่ามีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่คนอ่านภาค 2 จะอยากรู้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นในภาคก่อน ในเมื่อนิยายตอน 2 ตอนแรกมีเหตุการณ์แค่พระเอกลอยตามน้ำมาติดเบ็ดกับน้องสาวพระเอกเขียนจดหมายทั้งตอนแบบนี้

ส่วนสถิติที่น่าสนใจสำหรับคนชอบเสพตัวเลขก็มีดังต่อไปนี้

ผู้ติดตามหน้าเพจ 33 คนจากนิยาย 877 ตอน [ 0.038 : 1]
นิยายภาคแรก 108 ตอน ยอดวิว 32,000 เมนต์ 400 ติดตาม 1,800 หรือ [ 1 : 297 : 4 : 17 ]
นิยายภาคสอง 769 ตอน ยอดวิว 31,000 เมนต์ 260 ติดตาม 1,000 หรือ [ 1 : 40 : 0.4 : 1.3 ]

หรือก็คือ... เจริญลงนั่นเอง

42 Nameless Fanboi Posted ID:qCzQS4u5xM

ต้องตรวจเยี่ยวตัวเองแล้วมั้งเนี่ย คึกเป็นม้าโดนไฟเลยกูวันนี้ เริ่มระแวงว่ากูหยิบขวดยาสลับหรือเปล่าเมื่อคืนเพิ่งออกจากแลปมาด้วยสิ

ถ้าพ่อค้าจะครองโลก(เสมือน)
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1847162

อะไรวะทำไม list ข้างเขียงมันถึงมีนิยายเกมออนไลน์ติดกันหลายเรื่องแบบนี้ จริงๆ ก่อนมาถึงเรื่องนี้ก็มีแนวเดียวกันคั่นอยู่แต่นักเขียนปิดตอนทั้งเรื่องเลยข้ามมา กูคิดว่าตัวเองไม่ค่อยชอบแนวเกมออนไลน์แท้ๆ แต่ดันมีเข้าคิวอยู่หลายเรื่องซะงั้น เห็นหน้าปกแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตอนแรกปกมันไม่ใช่ปกนี้ ตัวละครหรือฉากหลังอะไรดูคล้ายๆ กัน แต่เวอร์ชั่นนี้คงเป็นแบบจ้างวาดขึ้นใหม่ คาดว่าคงขายได้หลายตังค์อยู่ก็เลยมีทุนมาปรับปรุงปก

ชื่อนิยายเชยดีแต่พอมารวมกับคำโปรยเกี่ยวกับอดีตผู้เล่นแนวหน้าผันตัวมาเอาดีด้านการค้าก็เลยน่าสนใจขึ้นบ้าง ปกรองถูกเอาหน้าปกหลักมาขยายแปะคู่แผนที่ในเกม ด้านล่างเป็นข้อมูลเกมที่อธิบายไว้อย่างหลวมๆ กับ add-on ขายนิยายที่เชื่อมไปยังเมปมาร์เก็ต

ตอนที่ 1 : ข้อมูลเบื้องต้น 2021

ตอนแรกเป็นข้อมูลเซตติ้งที่เขียนไว้บนปกรองนั่นแหล่ะ (ละจะเอามาเขียนซ้ำเพื่อ?) มีการกำกับไว้ด้วยว่านิยายเรื่องนี้เป็นนิยายตามชื่อเว็บ ไม่มีเนื้อหา 18+ เน้นฮาเป็นหลัก เนื้อหาส่วนใหญ่ถูกรีไรท์แล้ว ตามที่เห็นว่ามีการเขียนปี ค.ศ. ตามหลังตอนที่ถูกแก้ไข

ตอนที่ 2 : บทที่ 1 เส้นทางการค้า(2021)

เริ่มเรื่องในฉากที่เป็นโกดังสินค้าของชายหนุ่มชื่อภาร์หรือพระเอกของเรา ผู้ซึ่งกำลังขายของให้ลูกค้าที่มารับสินค้า ตรงหน้าร้านมีไอ้หนุ่มลูกครึ่งชื่อจอห์นกำลังชวนให้ภาร์ไปเล่นเกมใหม่ชื่อ "โซลเวิร์ล" แต่เจ้าตัวปฏิเสธเพราะคิดว่าคงจะตามผู้เล่นเก่าที่เล่นกันมาตั้ง 2 ปีแล้วไม่ทัน อีกอย่างคือโกดังเก่าเพิ่งเกิดเหตุไฟใหม้ทำให้พระเอกของเราเป็นหนี้ตั้ง 10 ล้าน ทำให้ต้องรีบหาเงินมาใช้หนี้ก่อนจะไม่มีแต่กระทั่งที่ซุกหัวนอน นายจอห์นจอมตื้อไม่ยอมละความพยายามง่ายๆ พยายามล่อพี่ชายคนสนิทว่าในเกมนี้หาเงินได้ด้วยนะ คนที่เคยเป็นถึงโปรเพลย์เยอร์จากเกมออนไลน์อันดับหนึ่ง ถ้าจะมาเปิดตลาดใหม่ในเกมออนไลน์อันดับสองที่ไต่อันดับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว น่าจะทำกำไรจากระบบการค้าของเกมได้เยอะแน่ ตอนแรกไอ้ภาร์ลังเลแต่บักจอห์นพยายามยืนยัน นั่งยัน และนอนยันว่าพี่แกจะไม่เสียเวลาเปล่าแน่ สุดท้ายเลยตอบตกลงว่าจะลองไปเล่นดู แต่จะลองเล่นแค่เดือนเดียวเท่านั้น ถ้าไม่เวิร์คก็เลิกเลย

ตอนที่ 3 : บทที่ 2 ชัยชนะของผู้เริ่มต้น (2021)

ตกเย็นวันนั้นนายภาร์ของเราก็แวะไปซื้อเครื่องเล่นมาเตรียมตัว แล้วดัดแปลงคอมและโต๊ะทำงานในห้องพักเป็นเกมมิ่งเกียร์ชั่วคราว อุปกรณ์คล้ายหมวกกันน็อคถูกเชื่อมเข้ากับคอมแล้วล็อคอินเข้าสู่ตัวเกม มีการอธิบายอย่างโม้ๆ ว่า เจ้าภาร์อ่านข้อมูลเกมยาวเป็นพันหน้าเสร็จเรียบร้อยมาตั้งแต่ตอนบ่าย อันนี้คือความเก่งเวอร์อย่างแรกของพระเอก ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังนายจอห์นกลับไปก็จำทุกอย่างในเกมได้หมด (เทพเกิ๊น) พระเอกของเราตั้งชื่อตัวละครว่า "ฟูเหลา" มีการปรับแต่งเล็กน้อยแต่ปล่อยให้ตัวละครสูง 185 เหมือนตัวจริง (นี่คนหรือเปรต) โอเค หล่อ เข้ม สูง ฉลาด ยังขาดอะไรอีกไหมทีนี้ แต่งตัวเสร็จมี GM โผล่มาอธิบายระบบเบื้องต้นว่าต้องเก็บเวลให้ถึง 20 ในเกาะเริ่มต้นก่อนถึงจะซื้อตั๋วไปเปลี่ยนอาชีพในทวีปหลักได้ ซึ่งฟูเหลาพระเอกของเราก็ออกเดินทางหาเก็บเวลทันที

พอออกมาจากตึกเริ่มเกมได้สักพัก ก็มีผู้เล่นต่างเผ่าเข้ามาหาเรื่องแล้วเยาะเย้ยว่ามึงนี่บ้าหรือเปล่าวะ อาชีพเก่งๆ เท่ๆ มีตั้งเยอะไม่ยอมเลือก เสือกเลือกมนุษย์ธรรมดามาเล่น พี่เหลายิ้มแห้งแล้วกวนตีนกลับ พวกตัวร้ายเกรดบีทั้ง 5 ที่เลเวล 10 กันเรียบร้อยเลยพุ่งเข้ามาทำการเสิร์ฟยำตีน ถึงแม้จะเลเวล 1 แต่ด้วยสกิลพระเอกที่เคยเป็นผู้เล่นแนวหน้าของเกมเก่า พี่เหลาก็สามารถแย่งมีดแล้วเชือดพวกอันธพาลกลับจุดเซฟได้ยกแก๊งค์ ท่ามกลางสายตาของพวกไทยมุงที่พากันชื่นชมว่าพี่เหลาแม่งโคตรเท่เลยว่ะ

43 Nameless Fanboi Posted ID:qCzQS4u5xM

>>42

ตอนที่ 4 : บทที่ 3 มิตรสหายใหม่ (2021)

ตอนพี่เหลากำลัง loot ของจากเหยื่อทั้ง 5 มีการสื่อสารของแมวมองจากกิลด์ใหญ่ๆ หลายกิลด์ส่งข่าวว่าเจอผู้เล่นใหม่ที่น่าสนใจ เพราะสามารถตอบสนองและเคลื่อนไหวร่างกายได้ดีจนดูไม่เหมือนผู้เล่นเวล 1 ธรรมดา ก่อนที่พระเอกใช้แผนที่สำหรับผู้เล่นใหม่นำทางตัวเองไปที่ป่าหินอ่อน พอไปถึงก็พบกับผู้เล่น 3 คน คนนึงใส่ชุดกาวน์เหมือนนักวิทยาศาสตร์ ที่เหลือใช้ธนูกับดาบใหญ่กำลังสู้กันมอนแถวๆ นั้นอยู่ พระเอกสังเกตเห็นว่าอาวุธของคนพวกนี้เป็นอาวุธแบบคราฟขึ้นใหม่จากแกนเวทมนตร์ซึ่งวัตถุดิบไม่สามารถหาได้จากเกาะเริ่มต้น ก็เลยคุยกับนายเสื้อกาวน์ดู นักวิทย์บอกว่าของที่เห็นเป็นอาวุธที่เขาผลิตเองเอาไว้ให้เพื่อนๆ อีก 2 คนใช้เก็บเวลได้ง่าย พออีก 2 คนสู้จบก็เดินมาร่วมวงสนทนาก่อนทักว่าพี่เหลาเป็นคนดังนี่นา พร้อมโชว์คลิปตอนพี่เหลาโดนไทยมุงแอบถ่ายการต่อสู้ลงบอร์ดสนทนาของตัวเกม ไอ้คนใช้ธนูบอกว่าสักพักคงมีคนมาตามหาพระเอกชวนไปร่วมกิลด์แน่ พระเอกหัวเราะแล้วบอกว่าจะไม่เข้ากิลด์ไหนทั้งนั้น ที่เหลือเลยขำบ้างเพราะคิดว่าพระเอกคงล้อเล่น ตอนนั้นเองพระเอกคิดในใจว่า 3 คนนี้ก็เล่นเผ่ามนุษย์เหมือนกันแฮะ

ตอนที่ 5 : บทที่ 4 ทดสอบอาวุธ (2021)

นายนักประดิษฐ์ผมหยิกบอกว่าพระเอกมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว ขาดแต่อาวุธเหมาะๆ สักชิ้น ว่าจบก็ถามว่าพระเอกอยากเล่นสไตล์ไหน ฟูเหลาของเราตอบว่าน่าจะเป็นต่อสู้ด้วยมือเปล่าระยะประชิด คนผมหยิกที่เลเวล 50 เพียงคนเดียวในปาร์ตี้หยิบถุงมือแปลกๆ ออกมาคู่หนึ่งแล้วยื่นให้พระเองลอง ก่อนอธิบายว่าระบบของเกมโซลเวิลด์ ผู้เล่นต้องพยายามหาอุปกรณ์ที่มีสกิลดีๆ และเหมาะกับตัวเองมาใช้ บางครั้งของที่ดรอปจากมอนก็อาจมีสกิลที่ไม่ตรงกับที่เราต้องการเลยต้องขายทิ้งไปถูกๆ ส่วนของที่คราฟขึ้นสามารถใช้แกนเวทมนตร์เพิ่มแนวโน้มว่าสกิลติดอุปกรณ์ควรจะออกมาเป็นแบบไหน ทำให้คนอย่างนายผมหยิกเนี่ยเป็นที่ต้องการอย่างมากจากกิลด์ใหญ่หลายกิล เพราะสามารถทดลองสร้างได้เรื่อยๆ จนกว่าจะได้สกิลตามที่ต้องการ

แต่นอกจากเรื่องอาวุธกับชุดป้องกันเกรดสูง กับสกิลที่เหมาะสมแล้ว ตัวละครเองก็ต้องรีบเก็บเวลให้ค่าพลังต่างๆ สูงขึ้นด้วย เพราะถ้าตัวละครอ่อนแอถึงจะมีของดีไปก็รักษาไว้ไม่ได้ ทำนองเดียวกัน ถ้าตัวละครเลเวลสูงแต่อุปกรณ์กากก็ทำอะไรได้ไม่เต็มที่นัก พี่เหลาขอบคุณแล้วลองสวมถุงมือดู ค่าพลังที่ติดมาค่อนข้างสูงพอสมควรแม้จะเป็นแค่ของเกรด C ในคำอธิบายมีสกิลเขียนอยู่ว่าสามารถจ่ายมานา 300 เพื่อสั่งใช้งานสกิลคลื่นกระแทก เพิ่มความเสียหาย 2 เท่าเมื่อกระทบโลหะ พี่เหลาได้ของมาก็คิดอะไรเจ๋งๆ ได้ แล้วขอใส่เดียวกับโกเลมหินอ่อน

ช่วงแรกของการต่อสู้พระเอกใช้สกิลคลื่นกระแทกเพื่อให้โกเลมล้มลง แล้วจ่ายมานาซ้ำก่อนชกเข้าใส่ด้ามมีดเกรด F จากโรงฝึกที่โยนไว้กลางอากาศก่อนหน้านี้ แรงกระแทกบนด้ามมีดเพิ่มเป็น 2 เท่าตามเงื่อนไขสกิล เปลี่ยนมีดกากๆ เป็นอาวุธบินที่คิดพลังโจมตีจากถุงมือพุ่งทะลุหัวโกเลมตายหองทันที ไอ้คนใช้ดาบกับคนใช้ธนูเลเวล 9 และ 11 ได้แต่อึ้งเพราะโดนพี่เหลาเลเวล 4 โชว์เทพให้เห็นกันจะๆ ส่วนไอ้ผมหยิกคนผลิตอาวุธเวล 50 ลูบคางมองดูอย่างพอใจ แล้วคิดว่าปาร์ตี้เผ่ามนุษย์ 4 คนของเรานี่ต้องอนาคตไกลแน่นอน

การบรรยาย : ทำได้ดีหมดทั้งการบรรยายและบทสนทนา มันไม่ห้วนหรือล้นเกินไป แต่ความไม่สมดุลคือการเน้นไปที่ความเทพซ่าส์ของพระเอกอย่างออกหน้าออกตา ซึ่งกูพอเข้าใจได้ว่ามันเป็นจุดขายของเรื่อง นักเขียนรีไรท์ได้ดี เพราะจากที่กูเคยสกิมไว้คราวก่อน การเล่ายังติดขัดกว่านี้มาก คำผิดบานเบอะ สามารถใช้เซนส์ของความเป็นโปรเพลย์เยอร์ในตัวพระเอก สร้างการ show ฉากต่อสู้เท่ๆ ออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง ใช้ตัวละครรองอธิบายเซตติ้งอย่างถูกจังหวะไม่ยัดเยียด ปริมาณ tell ก็ทำได้ดีไม่เยอะเกินไม่น้อยเกิน

ตัวละคร : ทุกตัวละครมีเอกลักษณ์ทำให้รู้สึกได้ว่าไม่แบนและมีบุคลิกเฉพาะตัว เสียอย่างเดียวตัวร้ายเกรดบีไปหน่อย แต่ให้อภัยได้เพราะช่วงแรกจำเป็นต้องมีพวกนี้มาให้พระเอกเหยียบขึ้นไปเจอกับพวกโหดๆ ที่น่าสนใจกว่าภายหลังเมื่อเดินเรื่องไปได้สักระยะ การออกแบบตัวละครเน้นความแกรี่เต็มสูบเพื่อให้ขายได้ในนิยายแนวพระเอกเก่งเทพ ตัวละครรองในตี้พระเอกแต่ละคนมีจุดเด่นต่างกัน ในบทสนทนาสามารถแยกได้ทันทีแม้ไม่เขียนตามหลังว่าใครกำลังพูดอยู่ สิ่งเดียวที่กูกังวลคือถ้าใส่ความเทพให้พระเอกมากเกินไป สุดท้ายเนื้อหาอาจดูจืดชืดเพราะคนอ่านจะไม่ต้องลุ้นอะไรมาก แต่กูเคยได้ยินมาว่านักอ่านเขาชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้วก็คงไม่ไรมั้ง

44 Nameless Fanboi Posted ID:qCzQS4u5xM

>>43

เนื้อเรื่อง : เปิดฉากได้แปลกใหม่ แต่ยังขาดความสมเหตุสมผลในบางอย่าง (ซึ่งถ้าเป็นนิยายเกมออนไลน์กูจะมองข้ามข้อนี้) เพราะนักเขียนไม่สามารถทำให้กูเชื่อได้ว่าพระเอกมีความจำเป็นอะไร ถึงต้องเข้าไปเล่นในเกมนี้ให้ได้ คือมีแค่บักจอห์นมาชวนให้ไปลองหาเงินในนั้นสัก 1 เดือนดูเท่านั้นเอง พูดตามตรงถ้ากูกำลังเป็นหนี้สิบล้านเพราะโกดังสินค้าเพิ่งโดนไฟใหม้ไปหมาดๆ กูคงไม่มีกะใจจะเข้าไปเล่นเกมอะไรทั้งนั้น ยกเว้นเสียแต่ว่าบักจอห์นจะยื่นข้อเสนอว่าจะล้างหนี้ก้อนนี้ให้ก่อน ละให้พระเอกเข้าไปหาเงินในเกมมาคืน หรือเดินเรื่องด้วยเส้นเรื่องภาคบังคับและแรงจูงใจที่มีผลกระทบสูง อย่างเช่นการเข้าไปร่วมกิจกรรมเก็บเลเวลของผู้เล่นแบบ Speed runner ประเภทสร้างตัวเวล 1 แล้วแข่งกันว่าใครจะไปถึงเลเวล 40 ได้ในเลเวลที่น้อยที่สุดชิงรางวัลเงินจริงก้อนใหญ่ สามารถจ่ายหนี้ได้ทันทีแถมมีเงินเหลือไว้ทำทุนด้วย

ถ้าทำแบบนั้น ด้วยปัจจัยประกอบที่ว่าพระเอกเคยเทพอยู่แล้วจากการเป็นโปรเพลย์เยอร์มาก่อน มันสามารถทำให้กูยอมซื้อพล็อตนี้ว่าพระเอกจะทำสำเร็จ เป็นการเปิดตัวที่สวยงามและต่อยอดได้ไกลในเกม อีกข้อที่ขัดกับความเป็นไปได้คือการผูกขาดทางการค้าในเกมโซลเวิร์ล ถ้าพระเอกจะเข้าไปทำธุรกิจในเกมที่มีปัญหาใหญ่อย่างวัตถุดิบถูกผูกขาดและพ่อค้าถูกคนต่างเผ่าปล้นฆ่าได้ทันทีที่ออกนอกเมือง โอกาสที่พระเอกจะทำเงินได้จากเกมนี้แทบจะเป็น 0 ภายในเวลา 1 เดือนโลกจริงหรือ 4 เดือนในเกม ไม่ต้องพูดถึงการหากำไรแค่เก็บเวลเฉยๆ ก็อาจจะยังไม่พอด้วยซ้ำ แต่กูคิดว่านักเขียนมันคงหาทางทำให้พระเอกที่เทพซ่าส์สามารถใช้ความเก่งไปเป็นฝ่ายปล้นชาวบ้านเผ่าอื่นได้แทน แต่ก็นั่นแหล่ะ ถามหาความสมดุลและความสมเหตุสมผลในนิยายเกมออนไลน์มันเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะนักอ่านเขาอยากได้อะไรที่อ่านแล้วสนุกก็พอ

จุดเด่น : ความเทพซ่าส์ของพี่ภาร์อดีตโปรเพลย์เยอร์ (หรือฟูเหลาในเกม)

จุดด้อย : โดนกูจับพล็อตโฮลได้ตั้งแต่ขั้นตอนเปิดเรื่อง และชื่อเรื่องไม่มีคำว่าออนไลน์ (ล้อเล่น)

คะแนน : เป็นหนี้ 10 ล้านแต่งานไม่ทำ/10

ความเห็นส่วนตัว : ทำได้ดีในระดับที่อาจรุ่งได้ง่ายๆ เลยถ้าแต่งในยุคแนวออนไลน์เฟื่องฟู ขายความแกรี่ได้อร่อยถ้านักเขียนเป็นคนชอบอ่านแนวพระเอกเทพสุดติ่ง มี element ที่เหมาะสมครบตามขนบของนิยายเกมออนไลน์แท้ๆ ควรมี คือ ตัวเอกเทพจากความสามารถเฉพาะตัวและประสบการณ์จากเกมเดิม มีเพื่อนในเกมใหม่สังกัดอยู่ในกิลด์ที่มีอำนาจรอให้พระเอกไปเข้าร่วม เจอเพื่อนที่ดีระหว่างเดินทางเก็บเลเวล การได้อุปกรณ์เกรด C เป็นใบเบิกทางที่ดีให้การได้รับอุปกรณ์ที่เทพกว่าในอนาคต แนวโน้มที่เป็นโอกาสปลดล็อคความเทพเพิ่มเติมเช่น อาชีพลับ เงื่อนไขลับ เควสลับ ของลับ(หมายถึงอุปกรณ์ในเกมนะไม่ใช่อวัยวะ) สรุปว่านิยายคงขายดีพอดู เพราะแต่งออกมาได้ตามที่โม้ไว้บนปกคือเน้นสนุกและเฮฮา เป็นนิยายออนไลน์ที่ใช้ได้เรื่องหนึ่งหลังรีไรท์เรียบร้อย

45 Nameless Fanboi Posted ID:IDsqGZrbpK

>>44 กูไม่น่าไปค้นกูเกิ้ลคำว่าของลับเล้ย ความสงสัยพาซวยแท้ๆ

46 Nameless Fanboi Posted ID:ifsUtQrvLQ

เมิงไปโดนตัวไหนมาวะ
ที่ถามกุจะได้ไปแหลกบ้าง
ยังไงก็ขอบคุณในความเหนื่อยยาก
ของแสดงความคารวะ m(_ _)m

47 Nameless Fanboi Posted ID6:CUfGds4wGQ

"บทบาทผมมันเทพ"
ขอสั้นๆแล้วกัน ดึกแล้ว
ไปเจอมาเพราะไม่คิดว่ามันจะเอาเวลาการ คิดสตอรี่ Role Play จากเกมเกรียนเทพอัตโนมัติมานั่งพิมพ์นิยายแบบนี้ ในเมื่อกล้าทำกุก็กล้าสับแล้วกัน
https://writer.dek-d.com/December99/writer/view.php?id=2294464
เปิดมาด้วยหน้าปกสุดหล่อเหลาเร้าใจ จะไม่หล่อได้ไงเล่นเอามาจาก photo mode ในเกมทั้งดุ้น + พลัง Gshade หรือไม่ก็โฟโต้ชอปนี่ล่ะ ออกมาซะอย่างกับพรี่จีมึนวงรถไฟฟ้าเลย

ปกรองก็มาซะเป็นเชิงอรรถต้นเล่ม ตั้งแต่กุอ่านหนังสือมาจนเป็นวัยรุ่นปวดหลัง เพิ่งเคยเจอเชิงอรรถต้นเล่มนี้ล่ะ แปลกดี แถมมีจบแบบเข้าตำรา "ไปทำความเข้าใจนิยายกูด้วย101"
ตอนที่ 1
เริ่มเรื่องด้วยเด็กชายคนนึงเล่น GTAV น่าจะขับรถเสยNPCเรียกตำรวจแล้วโทรหาเลสเตอร์ให้ลดดาวอยู่แล้วเพื่อนก็โทรมาชวนเล่น FiveM แถมขายตรงว่าแม่งโคตรเหมือนชีวิตจริงเลย ทำให้รู้ว่าไอ้เด็กเชี่ยนี่กดข้ามเนื้อเรื่อง แถมไม่เคยเล่นโหมด online ไปอีก แล้วไอ้เด็กนี่ก็ติด FiveM ยาวๆไปเจ็ดปี (ใช่แล้ว ผ่านไปเจ็ดปี GTAVI ก็ยังไม่ออก) ครองเซิฟมาแล้วทุกเกือบทุกเซิฟ อ่อ ลืมบอก ไอ้เด็กนี่ชื่อโจ แต่ไม่ต้องห่วง สไตล์นิยายเกมเดี๋ยวมันต้องเปลี่ยนชื่อ โจก็เล่นมาเรื่อยๆจนอายุ 20 มันก็งัดกับพ่อด้วยปัญหาสามัญประจำบ้านอย่างโตแล้วไม่ทำงาน เล่นแต่เกม ทำให้รู้ว่ามีปมเรื่องแม่ทิ้ง เรื่องเด็กข้างบ้านที่น่าจะเป็นรักแรกแต่แหกโค้งตายไปซะก่อนเพราะมะเร็ง แล้วเป็นคนที่ชี้ทางสว่างให้มาสู่วิถีเด็กติดเกมจนกรอบ (เป็นกุ กุเปิดเซิฟ FiveM ขับแลมโบโชว์หญิงแล้วโจเอ๊ย) ก่อนจะจบการทะเลาะด้วยการปล่อยให้คนอ่าน cliff hanger ที่สุดในสามโลก

48 Nameless Fanboi Posted ID6:CUfGds4wGQ

ตอนที่ 2
เปิดมาด้วยโจคุยกับเพื่อนเรื่องผู้เล่นทยอยหายไปเรื่อยๆ ประมาณว่าอาจมีการโดนสอยนอกเกม แล้วก็มีแชทปริศนาเด้งมาชวนโจไปเล่นเซิฟใหม่ที่โฆษณาเหมือนชวนไปเป็นแมงเม่าคริปโตมากกว่าไปเล่นเกม แต่โจผู้นี้มีความฝันที่จะพิชิตทุกเมืองที่เค้าเหยียบย่าง มีคนมาท้าทายแบบนี้ก็มาดิค้าบ ทันใดนั้น คอมของโจก็ระเบิดตู้มม (เชื่อกุมั้ยว่าโจมันไปต่างโลกด้วย Baidu PC destroyer เรียบร้อยแล้ว) โจก็ได้เข้าไปในเซิฟแบบเข้าไปจริงๆ เข้าไปเป็น overlord เลยไอเวร แล้วโจก็ได้รู้ตอนนี้เค้าติดอยู่ในเกม FiveM เซิฟ Dynalog City พร้อมกับระเบียบข้อบังคับที่ยาวเป็นหางอึ่ง โจก็เลยถือโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นใหม่โดยใช้ชื่อว่ากาย มีการอธิบายนิสัยใจคอเสร็จสรรพแบบที่คนอ่านไม่ต้องไปเดา แล้วก็เริ่มเกมด้วยความสปีดรันไม่สนคนอ่านว่า "มันทำเชี่ยอะไรอยู่" รู้ตัวอีกทีก็ไปแกว่งเท้าหาเสาเข็ม หาเรื่องกับแก๊งโอนิเจ้าถิ่นที่เป็น 1 ใน 4 จักรพรรดิ กายก็โชว์สเต็ปเดมซีย์โรล 1 v 5 แบบสปีดรัน จนแก๊งโอนิชวนเข้าแก๊ง กายก็ไม่ปฏิเสธไม่เล่นตัวเข้าแก๊งเฉย

ตอนที่ 3
เปิดมาด้วยการสนทนาภาษา FiveM ของหัวหน้าที่มีชื่อว่าเอก กายก็ไม่รู้ว่าไปหิวตีนมาจากไหนท้าซัดกัน 1 - 1 แบบ FiveM (มันต่อยกันแทบจะเป็นเกมเทิร์นเบสเลยนะเห้ย) แน่นอนว่ากายชนะแบบหืดจับ แล้วหัวหน้าก็รับเข้าแก๊ง (กายเอ๊ย รู้จักไอ้โจแถวบ้านกุมั้ย เข้าแก๊งไม่ทันไรมันตบหัวหน้าทีเดียวได้เป็นดอนเลยนะเว้ย) แล้วได้รู้จักเพื่อนใหม่ชื่อเรย์ และกิจกรรมที่กระชับความสัมพันธ์ที่ดีของลูกผู้ชายชาตรีคือ ไปจกปูนกัน จกไปคุยหยอกล้อไปชวน ใ จ เ ก เ ร จกไปจกมาได้ไม่นานตำรวจก็มา แล้วกายก็อาสาไปเคลียร์เอง

49 Nameless Fanboi Posted ID6:KDy4YzQf1L

ตอนที่ 4
เปิดมาด้วยกายและเรย์โดนตำรวจไล่ไม่ให้จกปูน (ด้วยความสัจจริงนะ แม่งสปีดรันแถมคิงคริมสันจนกุไม่รู้ว่าจกปูนไปขายมันผิดกฎหมายยังไง) กายรู้สึกหัวร้อนที่โดนตำรวจไล่ ไม่ให้จกปูน เลยทำสิ่งที่เย้ยกฎหมายละระบบความยุติธรรมที่สุดคือการขับรถหนี (ห้ะ?) แล้วตำรวจก็ขับรถไล่ล่ายิ่งกว่าฟาสห้า (ห้ะ??) กายเลยโชว์สกิลที่สั่งสมมาจากเซิฟก่อนๆแบบสปีดรันจนหนีตำรวจมาได้ กายกับเรย์ก็พูดถึงเรื่องตัวตนในเกมกับนอกเกมที่ดูยังไงก็ เ ก เ ร
แล้วคุยเรื่องที่มาที่ไปว่าทำไมเรย์มาอยู่แก๊งนี้ได้ และกายก็ตั้งใจแล้วว่าจะไม่กลับไปโลกความเป็นจริง เพราะกายผู้นี้มีความฝัน แล้วก็เข้าสู่ช่วง "ทำเชี่ยอะไรไม่บอกคนอ่าน" แล้วจบตอนด้วยความมีแววจะไปเสือกแก๊งอื่นที่ทะเลาะกันอยู่

ตอนที่ 5
เปิดมาด้วยการทะเลาะกันของแก๊งตัวประกอบสองแก๊ง โดยที่ดูท่าจะบานปลายไปถึงขั้นยุบแก๊งไม่ก็ตายกันไปข้าง (จากความเข้าใจกุนะ เพราะคนแต่งมันไล่กุไปทำการบ้านเอง) แล้วต่างฝ่ายก็เริ่มใส่นัวกันในระดับคิงคริมสัน (แม่งตัดจบให้กุในสองบรรทัด) สุดท้ายแก๊งนึงโดนบังคับตายห้าคนแบบไม่รู้ชื่อ (จะไปรู้ได้ไง แม่งใส่ไข่ปลาให้กุ) GM ก็ไล่จ้วงเรียงตัว แต่แทนที่มันจะตายในเกมแล้วเด้งไปโลกจริง GM เซิฟแม่งบอกว่าพวกเมิงต้องตายจริงว่ะ ในขณะที่กายได้แต่อึ้งว่ามันเอาตายเลยว่ะ เลยได้รู้ว่าตราบใดที่ GM ไม่เอามีดไล่จ้วงเพื่อจบเกม พวกเมิงจะ Git gud กี่รอบก็ได้เพื่อให้ได้ครองเซิฟนี้ กายจึงตั้งใจที่จะตบคนพาล อภิบาลคนดีที่ไม่รู้เรื่องเลยว่าถ้า GM เอามีดไล่จ้วงใครก็ตายห่าสถานเดียว

50 Nameless Fanboi Posted ID6:KDy4YzQf1L

ข้อดี : เออ FiveM มากๆ เ ก เ ร นิดๆ

ข้อเสีย : เมิงบอกกุมาเดี๋ยวนี้ว่าเมิงรับตังค์สตรีมเมอร์คนไหนมาเขียนนิยายโปรโมตเซิฟ นิยายเมิงไล่กุให้ไปนั่งดูคนเล่น FiveM สัสๆ ไล่แบบไล่เลยอะ "ทำเชี่ยอะไร" แม่งไม่บอกไม่อธิบายซักแอะ จกปูนงี้ กาชารถเริ่มเกมงี้ เมิงเล่าหน่อยซิว่ามันเป็นอะไรยังไง เมิงบอกกุว่าอะไรนะ อยากให้คนรู้จัก FiveM เลยต้องเอาประโยคสนทนาแบบ FiveM มาใช้ เอาจริงดิ เมิงเล่นเซิฟไหนทำไมแม่งมีแต่คำที่อ่านแล้วไม่ได้ลื่นไหลส้นตีนอะไรเลย เล่าเหตุการณ์โดดไปโดดมาชิบหาย โรลเพลย์อีท่าไหนมีแต่คำที่ทำให้คนเล่นโรลเพลย์ Trigger IC OOC งี้ คือมันทำให้ไปแนวนิยายเกมแก๊งสเตอร์ได้เว้ย โดยอาศัยโครงเรื่องกับบรรยากาศสังคม FiveM ก็พอ ไม่ใช่เอาสตอรี่ที่เมิงโรลเพลย์แบบไม่โรลเพลย์มาเขียนทั้งดุ้นแบบนี้ จกปูนผิดกฎหมายยังไงไม่บอก ขับรถหนีตำรวจทั้งที่ไม่ทำผิด จริงอยู่ที่มันน่าสงสัยแต่ถึงกับต้องไล่เป็นฟาสห้ามั้ย ไม่เลย
แล้วเรื่องตัวละคร แบน แบนเหี้ยๆ กระดาษA4 70แกรมยังหนากว่าเลย แล้วไม่มีเหี้ยอะไรให้จดจำด้วย นอกจากหัวหน้าแก๊งไข่ปลาคาเวียร์เนี่ย สะกิดใจกุชิบหาย
แล้ววิธีเล่าเรื่อง คือกุรู้ว่าเมิงรีบ แต่เมิงรีบแบบสปีดรันจนไม่สนคนอ่านว่าตามเมิงทันมั้ย เขียนนิยายสไตล์บอสโจโจ้มาเกือบหมด แช่ในจุดที่ไม่ควรแช่แบบเดอะเวิลด์ ย้อนหัวข้อไปย้อนมาเป็นไบท์เดอะดัสท์ ข้ามทุกเหตุการณ์ตัดจบทุกกรณีแบบคิงคริมสัน เร่งสปีดราวกับว่าจะเขียนจักรวาลใหม่ใน 20 ตอนแบบเมดอินเฮฟเว่น แต่นิสัยตัวละครเป็นคนละคนนี่ไม่มีเพราะแม่งอยู่ในโลกมิติเดียว ไม่ต้องไปตามหาตัวเองในจักรวาลอื่นแบบ D4C

"ผ่านไปเจ็ดปี GTA VI ก็ยังไม่ออก / 10"

51 Nameless Fanboi Posted ID:6BmKLGaGKa

>>47 ขอบใจที่เสียเวลา กูเพิ่งเคยได้ยินเนี่ย เอาโรลเพลย์มาลงเป็นนิยายเฉยเลย คือเคยได้ยินมาบ้างนะเรื่องมีคอมมูเปิดให้เขียนสวมบทบาทตอบโต้กันได้ผ่านคนคุมมู แต่แบบนี้เคยเจอครั้งแรกเลยวุ้ย

52 Nameless Fanboi Posted ID:pz6eb0wLOe

K-say หัวร้อนน่าดูเลย https://www.dek-d.com/board/writer/4073822/

53 Nameless Fanboi Posted ID:ju8UEj4i.p

>>52 วัยทองแล้วต้องเข้าใจ มนุษย์ป้าระยะแรกเริ่ม ดูจากคราวนี้คงพอเข้าใจว่าทำไมคนถึงเรียกมาเฟีย สมัยก่อนหนักกว่านี้อีก

54 Nameless Fanboi Posted ID:lUr5mZ4lgr

>>49 จกปูนนี่คือศัพท์แทนกิจกรรมในเกมส์ป่าวน่ะ หรือมันขโมยปูนจริงๆ ถ้ารู้ก็ช่วยอธิบายหน่อย จากคนไม่ได้เล่นทั้ง GTA และ FiveM

55 Nameless Fanboi Posted ID:+fd7IGt6LZ

>>54 จกปูนคือการหาโคเคนในถุงปูน

56 Nameless Fanboi Posted ID:6AGWfRk8u0

ขอบคุณในความยากลำบากอีกรอบ

57 Nameless Fanboi Posted ID:.zI4pwrOYw

>>52 มันกลับมาแล้วรึ เคย์เซย์

58 Nameless Fanboi Posted ID:Y9f8bi3z61

>>57 ก็วนเวียนอยู่แถวนั้นแหล่ะ แค่โผล่บ้างไม่โผล่บ้าง

59 Nameless Fanboi Posted ID6:.oCHVcUA4h

โม่งคิดยังไงกับระบบเอไอที่เขียนนิยายได้ ในอนาคตอันใกล้เอไอจะแต่งเรื่องเก่งขึ้นและทำให้นักเขียนตกงานหรือไม่ ตอนนี้กำลังเป็นที่ถกเถียงในวงการนักเขียน

60 Nameless Fanboi Posted ID:qXFoiWubRs

>>59 มีผลงานออกมาแล้วเหรอถึงได้ถกเถียงกัน โดยส่วนตัวกุเป็นพวกเลิกฝันเป็นนักเขียนนิยายเพราะตัวเองโง่ สู้คนเก่ง ๆ เขาไม่ได้ ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเมิงเขียนนิยายสู้ AI ไม่ได้ ก็เลิกเขียนไปเถอะ เอาเวลาชีวิตไปพยายามอย่างอื่นดีกว่า

61 Nameless Fanboi Posted ID:zywh6ogDOI

>>59 มันเขียนมาได้พักใหญ่แล้ว แต่อ่านไม่รู้เรื่องเหมือนใช้กุเกิ้ลแปล แล้วคนที่ใช้เอไอก็คือนักเขียนนั่นแหล่ะ เขาก็เอาอันที่ได้มาแก้ไขปรับใหม่ให้เป็นภาษาคนแล้วเอาออกมาอัพเดท ชีวิตก็ง่ายขึ้นแค่เปลี่ยนบทบาทจากเขียนเองมาเป็น บก.

62 Nameless Fanboi Posted ID6:S41ODbUvzQ

>>59 มันมีมานานก่อนเอไอวาดรูปอีก ทำไมเพิ่งมากลัวกันวะ
>>61 เห็นพวกฝรั่งมันเอามาใช้เป็นไกด์ช่วยแต่งได้อยู่นะเว้ย แบบโยนไอเดียเป็นคำๆไปให้ทันแต่งเนื้อหามา แล้วค่อยมาปรับๆแต่งเองเพิ่ม ทำเอาคนต่อต้านกันเยอะเลย อย่างเว็บao3นี่ถึงขั้นล็อกแอคแบบไม่ใช่สมาชิกเว็บจะอ่านงานไม่ได้ เพราะกลัวโดนดูดงานไปทำเอไอนี่แหละ

63 Nameless Fanboi Posted ID6:SctjRDKYSO

>>59 พื้นฐาน AI มันก็เรียนมาจากนิยายที่เคยมีอยู่มาก่อน โดยเฉพาะเรื่องดังๆ ขายดี คนที่จะเหนื่อยก็พวกนิยายในกระแส ถ้ามึงสร้างอะไรใหม่ๆอยู่แล้วก็ไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ถ้าพล็อตมึงใครๆ ก็เขียนได้ ก็เตรียมหา AI มาช่วยได้เลยไม่งั้นมึงเองนั่นแหละที่จะโดนคนใช้ AI ปั้มนิยายแข่ง ของแบบนี้แม่งสูงสุดคืนสู่สามัญ สุดท้ายมึงก็แค่ต้องรักษาฐานแฟนคลับจริงๆจังๆ หาคนที่จะอ่านงานของมึงเท่านั้น และเขียนแนวที่มึงเท่านั้นที่จะเขียนได้น่าสนใจ

64 Nameless Fanboi Posted ID6:t2sEHKIPtX

https://www.dek-d.com/board/writer/4074051/
กุล่ะชอบชื่อกระทู้ชิบหาย [พล็อตไม่ซ้ำแล้วนะ] 55555555

65 Nameless Fanboi Posted ID:u/mP+mqdP7

>>64 พันชั่งนี่มันขยันดีนะ ถึงนิยายคนอ่านน้อยมันก็ยังเขียนเรื่อยๆ

66 Nameless Fanboi Posted ID6:87HgOcNIZQ

>>65 ประเด็นคือเดินเนื้อเรื่องเรียบไป ความจริงนิยายไม่ใช่แนวกระแส สามตอนแรกคือต้องว้าวอะ มันอาจต้องใช้ฉากเร้าอารมณ์ ฉากอลังการ หรือฉากเปิดประหลาดๆ ไม่ก็คำพูดโดนๆ ไม่งั้นดึงคนอ่านให้อยู่อ่านต่อยาก

67 Nameless Fanboi Posted ID:eEmUS74yKg

>>66 กุเคยไปอ่านแล้วมันง่วงๆ เลยเลิก

68 Nameless Fanboi Posted ID6:Qxum0kbhyD

https://www.dek-d.com/board/writer/4074141/
เดี๋ยวนี้มีนโยบายชวนคนลงโม่งแล้วเหรอวะ

69 Nameless Fanboi Posted ID:k+fSsskqwP

https://twitter.com/elonmusk/status/1601862965384269825?t=CJYc-V-gQzpfi8cR-Ekt4A&s=19
เตียมตัวโพสนิยายรายในทวิตได้เลยพวกมึง 5555

70 Nameless Fanboi Posted ID6:PfLzC/aPwC

>>68 ไม่หิวแสงก็เหงาอะ555 โม่งมันไม่ใช่ที่ดีขนาดเอาไปแนะนำโจ่งแจ้งได้ขนาดนั้น

71 Nameless Fanboi Posted ID:0C8m8W91kO

>>69 แบบนั้นมันก็ไม่ใช่ทวิตแล้วดิวะ นึกภาพนกร้องจิ๊บๆๆๆ ติดกันยาวๆ สัก 5 นาที แม่งประหลาดเกิน

72 Nameless Fanboi Posted ID6:ynyWVFfQsW

ถ้ามองในแง่ลงนิยายรายตอน 4000 ตัวอักษร ตัดเว้นวรรค ตัดเครื่องหมายคำพูด ตัดชื่อเรื่อง คงเหลือจริงๆสักแค่ 2500-3000 ตัวอักษร พวกเด็กดอกเขียนนิยายสั้นเท่าหม่อยหมาปรับตัวได้แน่นอน ที่เหลือคือการตลาดละมึง จากนี้แม่งจะไม่มีแค่โฆษณาขายของใต้โพส แต่จะมีไอ้งามไส้เอานิยายตัวอย่างไปแปะใต้โพสโปรโมทหนัง มังงะ อนิเมะ แค่คิดก็บันเทิงแล้วไอเหี้ย 555555555555

73 Nameless Fanboi Posted ID6:RF80IdT/Ek

เดี่ยวคอยดูละกัน พวกเด็กดีอยากจะเขียนนิยายบน twitter จริงๆจังๆมั้ย

74 Nameless Fanboi Posted ID6:YCyvjGxSGb

>>73 ลงแฟนฟิคบอยแบนด์แบบ NC ให้ติ่งเกาหลีแหกอกเล่น

75 Nameless Fanboi Posted ID6:l+WGqEAQeN

สูตรสำเร็จแนวเกิดใหม่ที่เราเคยอ่านมานะคับ

1. การเกิดใหม่มี3 แพ๊คเกจ แพ๊คเกจย้อนเวลา, แพ๊คเกจร่างใหม่, แพ๊คเกจต่างโลก

2. ไม่ว่าชีวิตตัวเอกจะเคยระยำบัดซบเพียงใด พอเกิดใหม่ชีวิตจะมือขึ้นยิ่งกว่าถูกหวย(ต่อให้แทบไม่ทำอะไรก็ตาม)

3. ถ้าตัวเอกเกิดในนิยายแอ๊คชั่น Plot Armor จะหนาโคตร ๆ และได้ทักษะได้อาวุธมาอย่างรวดเร็ว

4. ถ้าตัวเอกเกิดเป็นท่านหญิงผู้สูงศักดิ์ เธอจะหนีการแต่งงานและได้สามีโบ้ใหม่ตั้งแต่ยังไม่ถึงกลางเรื่อง

5. สามีคนนั้นต้องรวยล้นฟ้ามีเงินตราและอำนาจแถมน่ากลัวต่อหน้าคนข้างนอก แต่เป็นโบ้เมื่ออยู่กับเมีย

6. และทำข้อตกลงว่าถ้าได้สิ่งที่ต้องการเราจะหย่ากัน

7. ไม่เห็นมันจะหย่ากันจริง ๆ สักที แถมมีลูกด้วย

8. ถ้าตัวเอกเกิดในร่างเดิม สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าต้องแก้แค้น

9. บางเรื่องคนอ่านไม่รู้จักชีวิตเก่าของตัวเอกด้วยซ้ำ อาจรู้แค่ว่าโดนรถบรรทุกชนตาย

10. ใครเคยตายในชาติที่แล้ว ชาตินี้มักรอด และเป็นเพื่อนตัวเอกที่ซื่อสัตย์ยันจบเรื่อง

11. ตัวร้ายชาติที่แล้วฉลาดแค่ไหนไม่สำคัญ แต่ชาตินี้ต้องโง่กว่าตัวเอก

12. และชาตินี้ห้ามเก่งกว่าตัวเอกด้วย

13. และกราฟชีวิตตัวร้ายจะดิ่งลงเหวสุดๆ

14. ตัวเอกบางคนไม่ได้เรียนรู้อะไรจากชาติที่แล้วด้วยซ้ำ งี่เง่ายังไงก็งี่เง่ายังงั้น

15. บางเรื่องไม่มีคำตอบให้คนอ่านว่าทำไมต้องเกิดใหม่

16. พล๊อตแก้แค้นมักจบโดยการให้อภัย ทั้งที่ทำกับตัวร้ายซะปางตายแล้ว

มาเพิ่มต่อ*

17. ทุกคนตกตะลึงการเปลี่ยนไปของตัวเอก แต่หาคำตอบไม่เคยได้

18. เพราะตัวเอกจะอ้างความทรงจำเสื่อมบ้าง ป่วยบ้าง(จากอุบัติเหตุเจ้าของร่างเดิม)

19. มีตัวประกอบโผล่มาเป็นกระสอบทรายเสมอ

20. เริ่มต้นด้วยการเหยียดหยามดูถูกเจ้าของร่างเดิมและจะจบด้วยการโดนตัวเอกตบเกรียนสวยๆ

21. ถ้าตัวเอกเป็นผญ. จะมีบ่าวหญิงที่จงรักภักดี แต่ชาติที่แล้วตุย ถ้าตัวเอกผช. มักใช้ความทรงจำชาติที่แล้วหาพรรคพวกดี ๆ

22. ตัวเอกจะกลายเป็นคนโปรดของคนมีอำนาจสักคน(ที่ไม่ใช่พระเอกนางเอก) และคนๆนั้นจะเป็นจะกลายเป็นแบ๊คสำคัญของตัวเอก

23. พอมีแบ๊ค ตัวร้ายจะกลายเป็นพลเมืองชั้นสองทันที และพลิกเกมไม่ได้เลย

24. ตัวร้ายมีแต่จะงงกับตัวเอก และไม่เคยตามเกมทัน

76 Nameless Fanboi Posted ID6:UE0kfOGU6O

เล่าเป็น 1000 ข้อก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก เป้าหมายในการสร้างงานแบบนี้มันก็แค่ต้องการให้คนอ่านฟินไปกับโอกาสที่สอง มีอำนาจที่ไม่เคยมี จะพล็อตแบบไหนก็ไม่ห่างกันมากหรอก เหมือนพวกละครสั้นคุณธรรมอะ เน้นสะใจ Karma is real หาทางมาอะแดปใช้เอาดีกว่า

77 Nameless Fanboi Posted ID:FRB2UZLwL0

อนไม่หลับทำไงดีคะ สับนิยายเล่นจนกว่าจะง่วงก็แล้วกัน

พระเจ้าส่งผมไปรบ (INTO THE BATTLEFIELD)
https://writer.dek-d.com/totsos2009/writer/view.php?id=2025099

เรื่องนี้จำได้ว่าเจอในกระทู้รับสับนิยายแต่คิวมันเต็มไปแล้วกูเลยจดไว้เพราะสงสารนักเขียน อีกอย่างคือชื่อเรื่องกับพล็อตมันฟังดูเข้าท่า มาดูกันเลยว่าจะออกหัวหรือก้อย

หน้าปกไม่ค่อยดึงดูดเท่าไหร่ในสายตากู คือเข้าใจแหล่ะว่ามันเป็นหมวกทหารซึ่งเกี่ยวข้องกับชื่อเรื่องแน่ๆ แต่การใช้สีแม่งแย่ บางทีนักเขียนอาจชอบงานศิลป์สไตล์วินเทจๆ หน่อย ก็แล้วแต่รสนิยมไป คำโปรยใบ้ว่าเป็นแนวอิเซไคที่ไม่ได้ไปโผล่โลกแฟนตาซีทว่ากลับกลายเป็นสนามรบแทน ขายของกับคนชอบอ่านแนวสงครามที่ผสานความเป็นแฟนตาซีเข้าไป ปกรองเป็นข้อความแนวแจ้งธีมเรื่องก็ง่ายๆ ดี แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ ไม่ค่อยดึงดูดเหมือนกับภาพปก ในส่วนแรกกูเลยให้ผ่านแค่ชื่อเรื่อง เพราะมันขายของได้ถูกจุดดี

ตอนที่ 1 : INTO THE BATTLEFIELD

เล่าด้วย POV 3 เปิดฉากมาบนสมรภูมิต่างโลกแห่งหนึ่งในปี 1872 นายอิทธ พรางกูล อิเซไคมาสวมร่างเด็กหนุ่มอายุ 16 ชื่อชาร์ลหลังทดลองขับรถยนต์ที่ซื้อมาใหม่แล้วคันเร่งค้างจนรถชนตายห่า (วันแรกก็แหกเลยมึงซื้อรถ MG รึไง) เด็กชาร์ลนี่จริงๆ ตายไปแล้วเพราะถูกยิงแต่พอพี่อิทมาเสียบก็ฟื้นเฉย บริเวณนั้นมีแต่ศพทหารที่โดนเกณฑ์มาอย่างลวกๆ คนแก่บ้าง เด็กวัยรุ่นบ้าง เป็นแค่ชาวบ้านจำนวนหยิบมือโดนทางการบังคับให้รบทั้งๆ ที่ใช้ปืนไม่เป็นจนตายเรียบ ระหว่างทางหนีตัวเอกเจอทหารอีกฝ่าย ตอนแรกฟังภาษาไม่เข้าใจ แต่พอความจำของชาร์ลแล่นเข้ามาก็ปวดหัวแล้วฟังรู้เรื่องตามสไตล์นิยายทะลุมิติแบบเปลี่ยนคนสิง มีการยิงกันขึ้นเล็กน้อยก่อนจบตอน

ตรงนี้กูขอคุยเรื่องชื่อตัวเอกก่อน เพราะคิดว่านักเขียนคงเอาชื่อพี่อิท (อิทธิ พลางกูล) มาตั้งชื่อล้อตัวละคร โดยส่วนตัวแล้วกูโคตรจะหลีกเลี่ยงเลยตามหลักการพื้นฐานว่าด้วยการตั้งชื่อ การเอาชื่อคนจริงๆ มาตั้ง แถมตายไปแล้วอีกเป็นเรื่องไม่โอเค คนอื่นอาจเห็นต่างแต่กูคือโนๆ

ตอนที่ 2 : หลบหนีออกจากสงคราม

พี่อิทหรือนายชาร์ลของเราวิ่งหนีไปจนเจอข้าศึกอีก 2 คน คราวนี้ไม่รู้จะหนียังไงเลยยอมมอบตัวบอกพาไปเป็นเชลยก็ได้ (ดีกว่าตาย) ฝั่งศัตรูได้ยินก็ขำก๊าก บอกว่าพลทหารอย่างมึงเนี่ยนะ ไม่มีค่าพอให้จับตัวไปหรอกโว้ยเพราะยศมึงไม่ใหญ่พอ ว่าจบก็ตอกดินปืนเข้าปากกระบอกปืนคาบศิลา ทำเอากูเห็นภาพการรบในทุ่งหญ้ายุคนโปเลียนที่การรบยังพึ่งปืนแบบนี้และมีดปลายปืนกันเป็นส่วนใหญ่ ตัวเอกของเราที่รู้กลไกของปินเป็นอย่างดีว่าต้องใช้เวลาพอสมควรก่อนจะพร้อมยิง ก็แย่งปืนมาแล้วฟาดพานท้ายปืนเข้ากลางเบ้าหน้าคนตอก เพื่อนที่มาด้วยกันตั้งตัวไม่ทันเลยโดนด้ามปืนไปอีกราย พี่อิทเลยรอดมาได้อย่างหวุดหวิด หนีไปซักพักก็เจอคนอีกลุ่มแต่พวกนี้ไม่ใช่ทหาร เป็นชวาบ้านตาดำๆ ที่หมู่บ้านอยู่ใกล้เลยโดนลูกหลงไปด้วย ตัวเอกพูดคุยเก็บข้อมูลทั่วไปมาได้เพียบ ฝากการเทข้อมูลอย่างแนบเนียนผ่านบทสนทนาที่ไม่ได้ยัดเยียดมากนัก ก่อนจะจบตอนด้วยการที่พวกชาวบ้านเห็นว่าชาร์ลอยู่ในเครื่องแบบ เลยขอให้ชาร์ลรับตำแหน่งผู้นำทางการทหารในเขตนั้น

ตอนที่ 3 : สุนทรพจน์ขับไล่

นายอิทตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่หวังว่าจะได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกแล้วลุกไปทำงานตามปกติ แต่เรื่องเมื่อวานแม่งไม่ใช่ความฝันเพราะคนที่มาปลุกคือลุงอาเธอร์ผู้ใหญ่บ้านที่ตัวเอกหนีมาหลบอยู่ ไอ้หนุ่มไม่รู้จะทำยังไงเลยคิดว่าวันนี้จะเรียกรวมตัวคนในหมู่บ้านเพื่อมาพูดคุยแล้วหาทางล้มเลิกแผนรวบรวมคนเพื่อตั้งกองกำลังป้องกันตนเอง แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ แทนที่ชาวบ้านจะเริ่มหอบข้าวของหนีภัยสงคราม คำพูดของไอ้อิทดันไปปลุกใจประชาชนจนคึกขึ้นมาแทน สุดท้ายเลยต้องเรียกพวกหน่วยสอดแนมมาคุย ถามไปถามมาคนในหมู่บ้านมีแค่ 400 แต่พวกที่ยกมามี 5,000 ประสบการณ์ด้านการรบก็ต่างกันมาก เลยต้องหาทางใช้แผนซุ่มโจมตีบริเวณซอกเขาแคบๆ

78 Nameless Fanboi Posted ID:FRB2UZLwL0

>>77

ตอนที่ 4 : อาวุธลับ

เปิดตอนด้วยการบ่นของพี่อิท เพราะลุงผู้ใหญ่แม่งโยนงานมาให้กูทำหมดเลย สักพักมีเด็กหนุ่มคนนึงโผล่มาบอกว่าของที่สั่งได้แล้วครับ จำนวนมากพอที่ต้องการด้วย แต่เขาอยากรู้ว่าหัวหน้าของเราจะใช้มันทำอะไร ตัวเองในร่างชาร์ลเลยบอกว่า นี่คือระเบิดเพลิงรุ่นที่เก่าแก่ที่สุดในโลก "โมโลต๊อป คอกเทล" ถ้าข้าศึกบุกมาในที่แคบแค่โยนขวดพวกนี้ลงไป รับรองมีแต่แพ้กับแพ้ หมู่บ้านส่งคนมาประจำการตรงช่องเขาได้ไม่นาน พวกข้าศึกก็ยกทัพมา พี่อิทเลยสั่งให้ทุกคนซุ่มอยู่เงียบๆ เพื่อรอจังหวะโจมตี

ตอนที่ 5 : สำแดงเดชโมโลตอฟ

เข้าสู่ฉากการรบแบบซุ่มโจมตี ปล่อยให้ข้าศึกเดินทัพเลยเข้าไปก่อนแล้วโยนระเบิดเพลิงขวางหน้า-หลัง พวกที่อยู่ตรงกลางก็ปาระเบิดแล้วใช้ปินยิงซ้ำ
มีการพูดถึงรูปแบบการจัดกระบวนทัพของทหารราบญี่ปุ่นยุคเก่าหลายแบบ การรบผ่านไปได้ด้วยดี มีคนเจ็บและตายค่อนข้างน้อย แต่ทัพของจักรวรรดิตายเพียบเจ็บอีกครึ่งต่อครึ่งจนต้องถอนกำลังกลับไป ลุงผู้ใหญ่เห็นผลงานของอิทแล้วก็ประทับใจ บอกว่าจะส่งเรื่องนี้ไปที่สำนักงานข่าวอีกหมู่บ้าน ให้พวกนั้นพานักข่าวมาดูสนามรบ แล้วให้หนังสือพิมพ์ในเมืองหลวงตีพิมพ์ข่าวนี้ พอวันรุ่งนี้หนังสือพิมพ์ถูกวางขายพี่อิทหรือนายชาร์ลคนโนเนมแห่งหมู่บ้านชายแดน ก็กลายเป็นซุปตาร์ของเมืองหลวงแบบชั่วข้ามคืน

การบรรยาย : เล่าด้วย POV 3 ความยาวต่อตอนนับได้ว่ายาวเทียบกับค่าเฉลี่ยของนิยายปัจจุบัน บทพูดให้ความรู้สึกยุคเก่าแต่ความคิดในใจชาร์ลหรือตัวพี่อิทมาแนวโบ๊บ๊ะขายขำ อ่านมากๆ แล้วนึกถึงนิยายสายกาว เล่าเรื่องได้เห็นภาพ มีการเทข้อมูลเกี่ยวกับการจัดทัพบ้างซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติสำหรับนิยายสายสงครามจนเนื้อหาแต่ละตอนอาจยาวยืดเพราะตัวข้อมูลและการอธิบาย

ตัวละคร : ออกแบบมาได้ดีแต่มีความขัดแย้งอยู่บ้าง เพราะตัวเอกอย่างพี่อิทเกิดการหลุดคาร์แบบไม่มีเหตุผลขึ้นในตอนที่ 4 เพราะตอนแรกพี่แกทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้หนีออกจากสนามรบ แล้วจู่ๆ กลับกลายเป็นหัวหอกของกองกำลังไปซะงั้น แถมจริงจังขนาดสร้างตารางฝึก การผลัดปลี่ยนเวรยาม และควบคุมทุกอย่างในส่วนของกิจการพลเรือนด้วย เหมือนกลายเป็นเจ้าของประเทศขนาดย่อมไปเลย ช่วงแรกขายขำจากความขัดแย้งกันของเบื้องหน้าและฉากหลัง ที่ต้องแสดงเป็นชาร์ลแต่มีพี่อิทบ่นอย่างฮาๆ ในความคิด แต่หลังจากเข้าสู่ตอนที่ 4 พี่แกก็กลายร่างเป็นสุพรีมคอมมานเดอร์เต็มขั้นจนทำให้กูแปลกใจนิดหน่อย เนื่องจากไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ส่งผลกระทบให้ตัวละครตัดสินใจทำแบบนี้ได้ อีกเรื่องนึงที่ถือว่าไม่เหมือนอิเซไคเรื่องอื่นคือ การตระหนักรู้ถึงสถานการณ์รอบตัวของพระเอก เพราะแม่งเข้าใจเซตติ้งโลกที่ตัวเองข้ามมาได้เร็วเกินไป ไม่มีอาการสับสนหรือตกใจ ผิดกับเรื่องอื่นๆ ที่ช่วยแรกต้องมีเสียอาการหรือหวาดกลัวกันบ้าง

เนื้อเรื่อง : แนววางแผนการรบ หลังจากอิเซไคมาเพราะซื้อรถ MG (ใครไม่รู้จักให้ไปอ่านได้ที่เพจ อวย MG) ตัวเอกไม่มีการอธิบายว่าเป็นโอตาคุสงครามแต่ดันรู้เรื่องแผนการรบต่างๆ เป็นอย่างดี คือมันบอกแค่ว่าเป็นพนักงานทำงานบริษัท แต่ไม่มีบอกว่าสนใจในด้านนี้เป็นพิเศษ ดังนั้นความรู้ที่อธิบายมาในระหว่างเดินเรื่องเลยทำให้กูอินบ้างไม่อินบ้าง ว่าทำไมมึงเชี่ยวเรื่องพวกนี้จังวะ ถ้าเล่าตอนแรกว่าเป็นพวกชอบสงครามยุคเก่าแล้วโดนส่งมาเพราะพระเจ้าเห็นว่าชอบแนวนี้อยู่แล้ว กูก็จะได้เออได้มารบสมใจแล้วศึกษามาเยอะจะได้โชว์ภูมิเต็มที่เสียที แต่นี่มันไม่มีเลยรู้สึกแปลกๆ อย่างนึงที่กูต้องชมเกี่ยวกับเนื้อหาคือคนเขียนไม่มีการแวะเยี่ยวใดๆ บอกว่าแนวสงครามโผล่มาก็แม่งนอนแดกดินอยู่กลางสนามรบจริงๆ เนื้อหาต่อจากนั้นก็ยังวนเวียนอยู่แต่กับการรบ จังหวะการเดินเรื่องก็สมดุลไม่เร่งหรือช้าเกิน ให้อรรถรสเกี่ยวกับการทหารเต็มเปี่ยม แต่น่าเสียดายที่แนวนี้ไม่นิยมในเด็กดวก

จุดเด่น : เป็นแนวสงครามที่โอเคและเล่าเรื่องได้ลื่นไหลไม่แวะเยี่ยว

จุดด้อย : ใช้ชื่อคนตายมาล้อเป็นตัวละครเอก ตัวละครหลุดคาร์แบบไม่มีแรงกระตุ้นที่น่าเชื่อถือ พิมพ์ผิดแบบพิมพ์สลับที่บ่อยเช่น ไปเอาขึ้นเงิน-เอาไปขึ้นเงิน

คะแนน : เก็บตะวันที่เคยส่องฟ้าาาา/10

ความเห็นส่วนตัว : ทำได้ค่อนข้างดีในแนวทางของตัวเอง มีวินัยและแต่งจบไปแล้ว น่าเสียดายที่ไม่มีสกิลเทพซ่าส์อะไรเลยขายไม่ออกในเด็กดวก เป็นอิเซไคแนวใช้ความรู้จากวิชาประวัติศาสตร์ด้านการรบ เอามาประยุคใช้ในโลกใหม่ที่ล้าหลังกว่า (ชวนให้นึกถึงเรื่องราชาอาชาไนย์หรือเรื่องสาว ม.ปลายเซ็นโกคุ ที่โดนอิเซไคไปใช้เทคนิคพวกนี้ทั้งคู่) อ่านได้เรื่อยๆ ถ้าชอบแนวรบพุ่ง ถ้าสร้าง conflict หรือเหตุการณ์อะไรหนักๆ สักอย่างให้ตัวเอกต้องตัดสินใจเด็ดขาดในการเข้าสู่โลกสงครามนี้ได้ กูจะโอเคกว่านี้มาก

79 Nameless Fanboi Posted ID:EKY2m0BQ7Q

ขอบคุณในความเหนื่อยยาก ตกลงเมิงจะบอกว่านิยายเรื่องนี้ดีระดับเพลงเก็บตะวันใช่ไหมวะ

80 Nameless Fanboi Posted ID:Cc9Zu4xwUy

>>79 เปล่า กูล้อที่มันเอาชื่อพี่อิทมาใช้ ตอนแกเป็นมะเร็งเสียไปกูนี่เศร้าเลย ละในเรื่องที่นามสกุลไม่เหมือนกันซักที พรางกูลบ้าง พยางกูลบ้าง เห็นแล้วขำ

81 Nameless Fanboi Posted ID6:35/Wg0w0lR

>>77 ขอบคุณโม่งมาก นี่ซิบอร์ดคุณภาพ

82 Nameless Fanboi Posted ID6:NZx1dIEfia

>>79 มันเป็นมีมการใส่คะแนน out of context / 10 อะ
อย่างนิยายที่สับแม่งมีจุดพีคอย่างเอาชื่ออิทธิที่เป็นนักร้องที่เสียไปแล้วมาใช้เป็นชื่อตัวเอก เวลาให้คะแนนก็เลยเอาเนื้อเพลงเก็บตะวัน / 10 เพราะมันคือการสับ ไม่ได้รีวิวอะไรให้เป็นเกณฑ์ขนาดนั้น

83 Nameless Fanboi Posted ID6:I6rexX13HI

คห.4 มาเพื่อระบายอารมณ์ แต่กูไม่เถียงเลย แอบเห็นด้วยหลายอย่าง https://www.dek-d.com/board/writer/4074419/

84 Nameless Fanboi Posted ID:Cc9Zu4xwUy

>>83 เก็บกดมาจากไหนวะน่ะ ใส่เต็มคาราเบ้วอย่างกับผัวดอกขาว

85 Nameless Fanboi Posted ID6:dCOJ4wIiPX

มีคนรู้จักเป็นนักเขียนติด Top หมวดแฟนตาซีมาบ่นให้ฟังแล้วรู้สึกไม่อยากกลับไปเขียนเลยแฮะ
เห็นว่าทุกวันนี้ลงวันละ 3 ตอนคนอ่านยังบ่นว่าช้า พอขาดลงแค่วันเดียวยอดคนอ่านหายฮวบอีก ความสะดวกของผู้บริโภคนี่แลกมาด้วยความลำบากของผู้ผลิตจริงๆ วุ้ย

86 Nameless Fanboi Posted ID6:GlXdw9Z0Tm

>>85 ตลาดไทยไม่เหมือนตลาดจีน ทำใจๆ

87 Nameless Fanboi Posted ID6:R3ZE0XziGi

มีใครลงนิยายรักในเด็กดีไหม ทำไมรู้สึกยอดวิวมันห่างกับในรี้ดอย่างเห็นได้ชัด

88 Nameless Fanboi Posted ID6:H4XRopWc6Q

>>87 กูไม่รู้ ไม่ได้ติดตามเป็นชาติ

KY เห็นมู้ถามถึงนิยายระทึกขวัญ ปกติจะต้องเป็นเรื่องคาดเดายากๆรึเปล่า หรือเพิ่มความยากตามคอมเม้นบอกมา

89 Nameless Fanboi Posted ID:dlgfiWlk3F

>>88 เมิงเขียนนิยายระทึกขวัญ (thriller) ก็ต้องมีฉากระทึกขวัญเท่านั้นเอง
ถ้าเมิงเขียนแนวลึกลับ (mystery) ก็ขายความลึกลับขายปริศนา
ถ้าเมิงเขียน mystery thriller ก็คือมีจุดขายที่ปริศนาความลึกลับของเรื่อง แล้วก็มีฉากระทึกขวัญ
มันเข้าใจยากหรือกูเข้าใจผิด กุอ่าน ๆ ที่คุยกันจะพากุงงไปด้วยแล้ว

90 Nameless Fanboi Posted ID:1lyryCuLLh

เมอร์รี่คริสโม่งงง โฮ่ๆๆ

91 Nameless Fanboi Posted ID6:46NPY8Km+P

ช่วงปีใหม่นี้โม่งหายตัวพักนึงแหง

92 Nameless Fanboi Posted ID6:Q8nBOEX2tl

https://www.dek-d.com/board/writer/4075301/
คาบ้าน

93 Nameless Fanboi Posted ID:.mqyoXnY0f

สวัสดีปีโม่งงงง

94 Nameless Fanboi Posted ID6:BV4rldBQIA

มู้เด็กดวกไม่มีน่าสนใจเบน

95 Nameless Fanboi Posted ID:MhD937LMsD

นานๆถึงจะมีอะไรให้ดูที
https://www.dek-d.com/board/writer/4075814/13/14

96 Nameless Fanboi Posted ID6:fRUNOWQtJ3

กลายเป็นมู้นินทาบอร์ดเด็กดอยไปซะแล้ว วิวัฒนาการย้อนกลับเหรอวะ

97 Nameless Fanboi Posted ID6:JX.8m1ypFJ

มีอะไรให้นินทา เห็นวันๆ มีแต่คนมาขอกำลังใจ ทั้งกำลังใจกัน ทั้งคนขอคนให้ก็นะ… อีโก้สูงชิบ

98 Nameless Fanboi Posted ID6:o/pMSiJnqE

>>96 ก็มันไม่มีเรื่องอะไรให้อ่านแล้วนิหว่า

99 Nameless Fanboi Posted ID6:1mgOOOd2G9

กูอยากเขียนนิยาย แต่กูไม่มั่นใจเรื่องตารางเวลาลงให้โดนใจคนอ่านว่ะ
เห็นเพื่อนที่พยายามดันนิยายตัวเองติด top เขียนแบบตะบี้ตะบัน ลงวันละ 2-3 ตอน ยังโดนบ่นว่าลงช้า แล้วกูที่ทำงานประจำด้วย สปีดลงคงได้แค่อาทิตย์ละ 2-3 ตอน นี่จะโดนจวกยับขนาดไหนหนอ

100 Nameless Fanboi Posted ID6:yXnY05gnSo

>>99 ต้องถามก่อนจะเขียนแบบเปิดอ่านฟรี หรือเขียนหารายได้ แล้วมีฐานแฟนคลับหรือยัง ถ้าไม่มีต้องการสร้างฐานแฟนคลับไหม การเขียนนิยายมันมีจุดประสงค์อยู่ จุดประสงค์ต่าง แนวทางก็ต่างนะ

101 Nameless Fanboi Posted ID6:YvmJJ+taY7

>>99 โดนใจนักอ่าน? คือลงถี่ๆเหรอ งั้นมึงก็เขียนสต๊อกไว้สิ อยากลง2-3ตอนต่อวันต่อเนื่องหนึ่งเดือน มึงก็ต้องมีเก็บในมือ60-90ตอนก่อนเริ่มลงครั้งแรก

102 Nameless Fanboi Posted ID6:3wMBb.Qhid

>>100 กูอยากสร้างรายได้บ้างแฮะ แต่ไม่มั่นใจเลยว่าเขียนแล้วจะมีคนซื้อ

>>101 ถ้าเอาความยาวเฉลี่ยกู นิยายเล่มนึงมีราวๆ 30 ตอน ถ้าเอายาวแค่ 3 เล่มจบนี่หมายความว่ากูต้องเขียนให้จบก่อนเลยนะนั่นถึงเอามาลงได้

103 Nameless Fanboi Posted ID6:yXnY05gnSo

>>102 ลองลงแบบอ่านฟรีไปก่อน ถ้ามีคนอ่านนิยายระดับหนึ่งแล้วค่อยติดเหรียญตอนหลังๆ หรือไม่ก็เปิดอ่านฟรีในระยะเวลาที่กำหนดแล้วค่อยติดเหรียญ นักเขียนแต่ละคนมีเทคนิคการขายไม่เหมือนกัน ลองไปไล่ดูนิยายติดท๊อปอะว่าเขาขายกันยังไง แล้วลองเลือกมาสักวิธี

104 Nameless Fanboi Posted ID6:j.37MYVwtV

ปกติเตั้งราคาตอนละกี่เหรียญ อยากรู้จัง

105 Nameless Fanboi Posted ID6:3DKm7QQxA8

>>104 ตามจำนวนตัวอักษร ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 2-6 เหรียญ ราคานิยายไทยส่วนใหญ่จะถูกกว่านิยายแปล เพราะเสี่ยงไม่จบสูง แพงไปคนอ่านไม่อยากจ่าย ส่วนนิยายแปลคือมันจบแล้วเลยเอามาแปล ยกเว้นจะมีแฟนคลับ ถึงตั้งราคาสูงได้

106 Nameless Fanboi Posted ID:Qbwmlg3IOU

>>97 คนแต่งนิยาย แถมยังเด็กวัยรุ่น เมิงให้อีโกมันต่ำเหรอ เมิงก็พูดเหมือนห้ามวัยรุ่นหงี่นั่นล่ะ

107 Nameless Fanboi Posted ID6:TmOqeDi5LS

อยากแต่งนิยายหรืออยากมีเพื่อน
https://www.dek-d.com/board/writer/4076059/

108 Nameless Fanboi Posted ID6:P79x.BTDnB

>>107 น่าจะมาแค่ขอกำลังใจหรือหาแนวร่วมแหละ เห็นหลายเม้นท์แนะนำให้ปรับปรุงฝีมือเห็นไม่หือไม่อืออะไร ส่วนใหญ่คนในบอร์ดจะประมาณนี้ เพราะนักเขียนมีฝีมือจริงๆ เขาไม่ค่อยมาสนใจบอร์ดหรอก แค่ปั้นนิยายตัวเองก็เหนื่อยแล้ว ไหนจะเกลาแล้วเกลาอีกกว่าจะพอใจกับแต่ละตอน

109 Nameless Fanboi Posted ID6:FpjRmQuDsn

ถามหน่อย ถ้าคิดพล็อตออกมาได้ละหลายเรื่อง แล้วคิดว่ามันน่าสนใจหมด และก็ชอบหมดเช่นกัน แต่มีเวลาเขียนในแค่เรื่องเดียว

ในฐานะมือใหม่ จะเลือกเรื่องที่เอามาเขียนยังไง เมื่อไม่มีบก.หรือคนอื่น ให้ปรึกษาเลย มีเกณฑ์เลือกเรื่องเขียนใหม่ อะไรงี้

อนึ่ง ไม่ได้คิดจะติดเหรียญหรือขาย และยังไม่มีแฟนคลับ เอาแค่ให้กลุ่มเป้าหมายมาอ่านสร้างฐาน ชื่อเสียงเปิดตัวพอ

110 Nameless Fanboi Posted ID6:4RpwkEnJgk

>>109 มีแนวกระแสไหม ถ้ามีเอาแนวกระแสก่อน ถ้าไม่มี เอาเรื่องที่ชอบที่สุด ถ้าหัดเขียนใหม่เนื้อเรื่องไม่ต้องเอาถึงระดับมหากาพย์ เอาแค่เกิดขึ้นในพื้นที่หนึ่งก็พอ ปมไม่ต้องเยอะ สเกลพลังไม่ต้องสูง เนื้อเรื่องอย่าวนลูบ ความยาวไม่ต้องยาวมาก ไม่ควรเกิน 200 ตอน ตอนนึงประมาณ 1500-2000 คำ เน้นลงบ่อย ไม่ต้องไปตบตีกับคอมเม้นคนอ่าน เขาจะเม้นอะไรช่างมัน ถ้าเม้นกำลังใจก็ขอบคุณ เม้นด่ามองข้ามไปเลย คิดว่าตัวเองฝึกงานซะก็สิ้นเรื่อง (ตอนฝึกงานอาจโดนด่ามากกว่านี้อีก) (ปล. ตอนกูหัดเขียนเอาพล็อตขยะมาฝึกเขียนก่อน ส่วนพล็อตดีๆ ไว้เขียนตอนที่คิดว่าฝีมือถึง แต่มันก็เสี่ยงจะไม่มีคนอ่าน)

111 Nameless Fanboi Posted ID6:ttj3Ze8VR6

>>109 ลองเอาไอ้สิ่งที่ "น่าสนใจ" ในหัวมึงมากางดูก่อน ว่ามันน่าสนใจจริงขนาดนั้นเลยไหม ตอนเด็กๆแค่ดาบติดไอพ่นกูก็คิดว่ามันน่าสนใจแล้ว แต่พอเอามาเขียนจริงแม่งก็ไม่ได้มีอะไรต่อยอด เขียนปุ้บ ฟิน... หมดความสนใจ ดอง

ถ้าคิดว่ามันน่าสนใจจริงก็ขุดให้ลึกๆ เขียนออกมา อย่าขังไว้ในหัว เพราะมึงจะเริ่มโม้กับตัวเองว่า "ไอเดียนี้เจ๋งนะ มันดีจริงๆแค่ฝีมือการเขียนกุยังไม่ถึง" ถ้าเอามาเขียนแล้วมึงมีแต่เรื่องอยากเล่าเพิ่ม อันนี้คือมึงมีแพชชั่น มึงลากยาวจนจบเล่มได้แน่ๆ แล้วถ้ามันน่าสนใจสำหรับคนอื่นด้วยอันนี้ก็ Win-Win

112 Nameless Fanboi Posted ID6:jpNDH/aOf1

>>110 ขอบใจมากโม่ง

>>111 อันที่จริงก็ระวังข้อนี่อยู่แหละ จริงโตแล้วยิ่งไม่มีเวลา ต้องเลือกเรื่องเขียนให้ดี ว่าแต่จะลองเขียนยังไงตามที่ว่ามาละ เขียนเป็นทรีตเม้นรึ?

ปอลิ่ง รู้เปล่าว่าไอ้ดาบติดไอพ่นของโม่งมีมังฮวา เอาไปเขียนขายได้โคตรดี 555 โม่งพลาดแล้ว

113 Nameless Fanboi Posted ID6:YMnswlKqQY

>>112 เยสเข้ มีคนเอาไปใช้จริงด้วยสัส 5555

ส่วนเรื่องลองเขียน มันก็แค่ลองเขียนอะ เขียนดราฟแรกโง่ๆ ออกมาสัก 1 ตอน ถ้ารู้สึกว่ามันน่าสนใจมึงก็จะเขียนต่อได้ แต่ถ้าฟินน้ำแตกแล้วไม่อยากแตะมันอีกก็ดองไว้ไม่ก็โยนทิ้ง

114 Nameless Fanboi Posted ID6:11yFFBbZTY

แปลกมั้ยที่กูชอบเขียน POV ตัวละครหญิงมากกว่าชาย ทั้งที่กูก็โม่งชาย
เขียน POV ชายทีไรออกมาเป็นตาลุงขี้บ่นทุกที ในขณะ POV หญิงจะเป็นอีกแบบเลย ถถถ

115 Nameless Fanboi Posted ID:nWkW9O+MVC

>>114 ไม่แปลก เวลาดูหนังโป๊กูก็ชอบดูหีดูนมมากกว่าดูกระดอเหมือนกัน

116 Nameless Fanboi Posted ID6:UtuVXFzxke

เออว่าแล้วอยากถามความเห็นไปประกอบการพิจารณาหน่อยแฮะ เหล่านักอ่านหญิงนี่คิดยังไงกับการที่ตัวเอกมีภรรยาหลายคนหว่า
ไม่เชิงฮาเร็มแบบเจอหน้าปุ๊บอยากจับกดเลยเลย แต่เป็นแนวผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะเลยยอมๆ กันไป คล้ายๆ กับรูดี้กับเมียทั้ง 3 อะ

117 Nameless Fanboi Posted ID6:heliq+NERy

>>116 กุไม่ใช่นักอ่านหญิงนะ แต่มันก็แค่เรื่องกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่เหรอวะ กุตัวผู้ กุก็อยากอยู่ในดงสาวๆ เพราะเหม็นฆวย ส่วนผู้หญิงก็อยากอยู่ท่ามกลางผู้ชาย (หรืออยากเห็นผู้ชายได้กันเองกุก็ไม่รู้เหมือนกัน) มึงถามเหมือนกลัวโดนคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายตัวเองด่างั้นแหละ

118 Nameless Fanboi Posted ID:BH/wmnoFBH

>>116 ถ้าแค่ 2-3 คนแล้วเนื้อเรื่องน่าติดตาม เขาจะไม่คิดอะไรมาก แต่ถ้าเยอะๆ คงไม่ไหวกัน

119 Nameless Fanboi Posted ID6:QRkWCPEqjq

>>116 กุโอเคถ้าตัวละครมันมีเหตุผล มีเคมี ไม่ใช่เดินๆ แล้วหลงหำพระเอก แบบนั้นกุขยะแขยง

120 Nameless Fanboi Posted ID6:fSMvl6wyRk

>>117 ใช่กูกลัวแหละ เพราะไม่ได้อยากเขียนแนวฮาเร็ม แต่ถ้าเขียนยาวแล้วดันมีคนเดียวเนี่ยกูมองว่ามันน่าเบื่อน่ะ อีกอย่างถ้าเขียนแบบไม่หามีเพิ่มเดี๋ยวโดนหาว่าโง่แดกผักอีก

121 Nameless Fanboi Posted ID:pJql2jf.DQ

>>120 ทำไมไม่ใส่แบบให้จิ้นล่ะ สุดท้ายจะลงเอยกับใครก็สุดแล้วแต่ แบบนี้ได้แฟนคลับหลายกลุ่มด้วย ยกเว้นมึงจะขาย nc

122 Nameless Fanboi Posted ID6:Q5Q/FvlSLJ

ถามหน่อย ถ้าเขียนให้นางเอกโดนเย้หรือเสียซิง โดนจัดแบบhard core โดยตัวละครอื่นที่ไม่ใช่พระเอกหรือคู่จิ้น ในฝัน คนอ่านมันจะดรอปไหม

รู้แหละ รี้ดชอบนางเอกซิง แต่บางทีไรท์ก็แอบเบื่อนะ 555

123 Nameless Fanboi Posted ID6:mmxQoggoLK

>>122 ทำไปเพื่อ? มันเป็นปมหรือสตอรี่จำเป็นเหรอ

124 Nameless Fanboi Posted ID6:iqChK7ANDG

>>122 จะใส่อะไรลงไป คิดแค่ว่ามันเป็นพล็อตโฮลหรือเปล่า บางอย่างมีหรือไม่มีก็ไม่ได้กระทบต่อเนื้อเรื่องไม่จำเป็นต้องใส่ ไม่งั้นนิยายมึงจะเกรดต่ำลงทันที

125 Nameless Fanboi Posted ID6:.nTDQ4gLPN

โม่งไม่ได้คิดไปเอง มีคนคิดเหมือนกันด้วย
https://www.dek-d.com/board/writer/4077181/

126 Nameless Fanboi Posted ID:OpyslO13sO

ไหนๆ เด็กดีก็อนุญาต nc แล้ว เลยอยากถามเพื่อนโม่งเป็นวิทยาทานหน่อย
ใครในนี้เคยเขียนแนวนี้บ้าง พอรู้ปะว่าคนอ่านส่วนใหญ่ชอบ nc เข้มข้นดุดัน หรือมีโมเมนต์หวานๆ ผสมโรง มากกว่ากัน?

127 Nameless Fanboi Posted ID6:ll7bDYKELH

Pwp เจอค่อนข้างบ่อย

128 Nameless Fanboi Posted ID6:+R5P3vGuKE

>>126 ห้อง lit มีคุยเรื่องนี้อยู่ ลองไปอ่านดู

129 Nameless Fanboi Posted ID6:ll7bDYKELH

สมัยนี้สนใจปริมาณระดับ Forspoken ไม่สนใจคุณภาพระดับ Dead Space Remake แล้ว
https://www.dek-d.com/board/writer/4077279/

ที่ต้องการสื่อคือ Forspoken คือเล่นใหญ่แต่กลวงสัส Dead Space Remake น่าสำรวจมีอะไรให้ทำจริงๆ ไม่ใช่มีไว้ประดับแต่งบ้าน

130 Nameless Fanboi Posted ID6:4IliyWA8Vo

>>128 แท้งกิ้วมากเพื่อนโม่ง

131 Nameless Fanboi Posted ID6:7zsOtUEhKh

เชี่ยนี่เรียกว่ามือตกสินะ
เขียนนิยายครั้งสุดท้ายคือช่วงปี 61 พอกลับมาเขียนนี่ถึงกับไปไม่เป็น เขียนมา 2 วันละเพิ่งได้ 5000 คำเอง
มาส่องเรื่องเก่าๆ ที่เคยเขียนนี่คือความยาวตอนละ 2 หมื่นคำ (แบ่งลง) แล้วเล่มนึงมาตั้ง 8-10 ตอนแน่ะ
โอ้ยยย รู้สึกเฟลชะมัด ต้องมารื้อฟื้นความรู้สึกกันใหม่แต่ต้นเลยสิเนี่ย

132 Nameless Fanboi Posted ID:+1qEZFJlAu

>>131 ลงไปเขียนไป จั่วหัวว่าลงวันละ 4 ตอน แล้วมึงจะโดนคนอ่านทวงแทบร้องขอชีวิต ถ้าลงไม่ครบนี่มึงจะโดนด่ายับจนกัดฟันเขียนจนครบ

133 Nameless Fanboi Posted ID:MmmIxfyY2b

งบ 60000 บาท ค้องการเขียนนิยาย แหมมมม
https://www.dek-d.com/board/writer/4077661/

134 Nameless Fanboi Posted ID6:AjnF9Hs7aw

แนวระบบ นี่คือยังไง? ดูๆไปแอบคล้ายกับพวกแนวต่างโลกที่มีหน้าต่าง status แต่ค่ไม่ต้องต่าวโลกเกิดใหม่ก็ได้
สรุปแล้วมันคือแนวยังไงหว่า เอกลักษณ์ จุดเด่น ของแนวนี้คืออะไร ที่มันขายได้ในยุคนี้?

135 Nameless Fanboi Posted ID:XGB0LmrMah

>>134 คือมันคุยกับตัวเอกได้ มอบภารกิจ มอบของรางวัล ที่มันขายได้เพราะคนอ่านชอบตรงที่มันมีภารกิจ มีรางวัลให้ เปย์ชนิดที่ตัวเอกกลายเป็นเทพซ่าไปตบเกรียน ไปทำให้คนอื่นอึ้ง แล้วระบบก็มอบภารกิจที่ตัวเอกลำบากนิดหน่อย (ย้ำว่านิดหน่อย) พระเอกก็โชว์เทพทำภารกิจสำเร็จ กับอีกแบบคือระบบแนวทะลุมิติไปในนิยายหรือในเกมจีบ… มันก็มีไว้สปอยเนื้อเรื่อง คุยกับตัวเอกแก้เหงา เป็น GPS ตามติดชีวิตคนที่เล็งไว้

136 Nameless Fanboi Posted ID:ThMI+I5Dfb

>>134 แนวระบบไม่ต้องมีหน้าต่างก็ได้ เมิงนึกภาพมีเซียนมามอบภาระกิจ เมิงทำเสร็จ เซียนก็มาให้รางวัลเมิง นั้นคือเอเลเม้นท์ของแนวระบบ พอเป็นเซียนก็เรียกระบบเซียน พอเป็นปิศาจก็เรียกระบบปิศาจ พอเป็นโปลิ่งเมิงก็เรียกระบบโปลิ่ง ว่ากันไปตามที่ใครจะให้รางวัลเมิง
เอเลเม้นท์ย่อย ๆ คือ การเล่นหลายเซ็ทติ้งในเรื่องหนึ่ง มีหลายโลกในเรื่องหนึ่ง มีกฏการเอาชนะที่เปลี่ยนไป รวมถึงมีการแหกกฏเพื่อชนะด้วย

137 Nameless Fanboi Posted ID6:8iJAEcO.5t

>>135 >>136 เชี่ยละ ถ้าแนวระบบเป็นแบบที่มึงว่ามากันนี่ เรื่องที่กูกำลังเขียนอยู่นี่แม่งก็เข้าข่ายแนวระบบไปเลยนะเนี่ย ถถถถถ

138 Nameless Fanboi Posted ID:MosrWCZCiY

>>137 ไม่ผิดอะไร ใครๆ เขาก็แต่งกัน

139 Nameless Fanboi Posted ID:dUlu2MYIBI

มีไซไฟที่คนเขียนแม่งไป research จริงๆ อ่านแล้วไม่ cringe แนะนำสักเรื่องสองเรื่องมั้ยสัส ใครมีมึงขายมาดิ๊

140 Nameless Fanboi Posted ID6:tB55uvjDFN

>>139 DUNE คนเขียนแม่งหาข้อมูลเยอะมาก

141 Nameless Fanboi Posted ID6:/lrPXzsVPB

Andromeda strain ดีจนทำหนังและทีวีซีรี่สั้น ๆ

142 Nameless Fanboi Posted ID6:esmMGxT8yq

เด็กดอย ี่เรารักกำลังจะมีระบบโดเนทแล้วว่ะมึง มีนาคมนี้เจอกัน
เออดี พอขายกิจการให้อมร.ละระบบเริ่มะัฒนาขึ้นทีละสเตป ต่อไปจะผูกอีบุ๊คกับนายอินปะวะ

143 Nameless Fanboi Posted ID:U82PNwiWz8

>>142 กุว่ามีโอกาสที่นิยายที่ทำเงินได้ในเว็บจะออกเล่มมากกว่า พวกขายรายตอนไม่ออกอีบุ๊ค หรือออกอีบุ๊คแล้วปังๆ ยังไงกลุ่มลูกค้าสามกลุ่มก็คนละกลุ่มกัน

144 Nameless Fanboi Posted ID6:+98b3iaJXW

ระบบโดเนทมองในแง่ดีคือเป็นกำลังใจที่จับต้องได้สำหรับนักเขียนที่อยากแค่เขียนเอาสนุก ไม่ได้หวังผลกำไร
แต่มองในอีกแง่ คือแม่งเปิดช่องให้ไอ้พวกปลิงมิจฉาชีพหารายได้ด้วย เช่นพวกที่ไปขโมยงานคนอื่นมาแปลงี้

145 Nameless Fanboi Posted ID:Um9Z+Gs01G

>>144 เออจริง คนไม่รู้ก็เปย์ให้แม่ง หาแดกง่ายๆ เลย

146 Nameless Fanboi Posted ID6:Y7SIq4KdqV

มือใหม่เคยแต่งนิยายนานมาหลายสิบปีละ วัยทำงาน กลับมาแต่ง ไม่เก็บเงิน ไม่nc เรื่องแรกควรแต่งแนวไหนดี คิดได้3เรื่อง
1. แนวเกิดใหม่ในเกม บริหารเมือง มีรบทัพจัดศึก การเมือง หักเหลี่ยมกลยุทธ์ (นึกถึงไอ้พวกเกมพิชิตสามก๊กในมือถือแบบนั้นอะ) แต่อาจแต่งให้ไม่เครียดมาก มีกาวๆ เบาสมองหน่อย แฟนตาซี

2. แนวนักฆ่า/นักจารกรรม/ก่อการร้าย/จอมยุทธพรรคมาร/sith lord มีมาสเตอร์กับลูกศิษย์ มาdarkนิดๆ ลอบเร้นแทรกซึม วางแผนแยบยลสังหารเป้าหมาย บ่อนทำลายแล้วยึดเมือง มีหักเหลี่ยม วางแผนเช่นกัน แต่ตัวเอกอาจแปลกๆ เช่น เนิดๆหน่อย (ลองจินตนาการว่าเอาเด็กเนิด introvert ติดนิยาย วิชาการ อนิเม มาฝึกเป็นนักฆ่า/จารกรรม/ sith lord ไรงี้ อาจมีแฟนตาซีหน่อยๆ

3. แนวตัวเอกสายintrovert ฟลุ๊คได้เป็นผบ.ทหาร อายุน้อย นำกองกำลัง(ไม่ถึงขั้นกองทัพ) ให้กับจักรวรรดิ มีสืบสวนนิดๆบ้าง การเมืองนิดๆ มีกลยุทธ สงคราม ตายบ้าง แต่เน้นกาวๆหน่อย

อยากรู้ว่าควรเลือกเรื่องไหนมาแต่งเรื่องแรกดี วัดความแต่งยากง่ายแล้วก็
เรื่องไหนมันเป็นแนวกระแส อันไหนนอกกระแสคนไม่น่าอ่าน เรียงลำดับมาเลยก็ได้
ขอบใจโม่งล่วงหน้าจ้า

147 Nameless Fanboi Posted ID6:41EkBSMSGL

>>146 กูเขียน 1. อยู่บอกเลยว่าไม่ใช่ง่าย พยายามเขียนให้กาวแต่สุดท้ายแม่งกาวไม่ออก เพราะเรื่องมันดึงไปทางนั้น

ถ้าอยากจะกาวมึงต้องเตะเหตุผลทิ้งไปให้หมด ประเคนพล็อตอาเมอร์กำหนดให้พวกตัวเอกเป็นแค่กลุ่มคนนิรนามแต่มีแบคระดับพระเจ้าหรือจอมมาร เอาให้การเคลื่อนไหวทีดันสะเทือนทั้งแผ่นดินอะไรทำนองนั้น ยกตัวอย่างเช่นพระเอกทำฟาร์มอยู่ดีๆ ครอบครัวดันมีแวมไพร์+นางฟ้า+เอลฟ์+มังกร บลาๆ มาเป็นเมีย ซึ่งแต่ละคนดันมีสเกลพลังระดับถล่มประเทศได้ พอลูกโดนรังแกก็ยกทัพไปถล่มงี้

2. เปลี่ยนเด็กเนิร์ด Introvert เป็น Alpha male ก็จะกลายเป็นแนวเทพซ่า ใส่สิ่งที่เรียกว่าระบบไปหน่อยก็กลายเป็นแนวที่นิยมเขียนกันในปัจจุบัน ใส่ความเบียวพูดเท่ๆ เข้าไปอีกนิดให้ตัวละครดูเอ็ดจี้นิดหน่อยเด็กๆ น่าจะชอบ ...อันนี้กูไม่ชัวร์เพราะไอ้แนวนี้มันเคยนิยมเมื่อ 4-5 ปีก่อน ไม่รู้ปัจจุบันยังนิยมกันอยู่รึเปล่า

3. แนวจูนิเบียวเข้าใจยาก นอกจากคนไม่ค่อยอยากอ่านแล้ว มึงได้โดนโม่งเอามาสับแหง เหมือนเคยมีเคสตัวอย่างอยู่แถวๆ นี้เมื่อนานมาแล้ว ถถถถถ

148 Nameless Fanboi Posted ID6:10rOJpKiEO

ว่าไปมีใครบริหารเวลาเขียนได้ลงตัวมั่งวะ
กูนี่คือต้องแอบเขียนระหว่างทำงาน บางวันต้องเขียนลงสมุดไม่ก็ไฟล์ notepad แล้วกลับบ้านมาพิมพ์ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ 2 ทุ่มละ ทำธุระนั่นโน้นนี่กว่าจะเสร็จ เหลือเวลาเขียนนิยายนิดเดียวเองก็ต้องเข้านอนละ

นี่เขียนมาได้อาทิตย์กว่าเพิ่งได้ 40 หน้า ตั้งใจจะเขียนซักร้อยตอนก่อนค่อยลง แต่ถ้าสปีดเท่านี้ร้อยตอนแม่งก็สต๊อกไม่พอแหง

149 Nameless Fanboi Posted ID6:VYWO7w.d7g

>>148 ก่อนนอนหัวแล่นไหมล่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็เขียนในมือถือจนกว่าจะหลับ แต่ถ้าไม่ไหวก็เขียนตามที่สะดวก

150 Nameless Fanboi Posted ID6:Y3m3gFd1QL

>>147 ใจมากโม่ง เอาเรื่องเบอร์1 ของโม่งมาแชร์ทีซิ อยากเห็นตัวอย่าง

151 Nameless Fanboi Posted ID6:WX3vrcXVWv

>>147 ไม่จำเป็นก็ได้มั้ง ให้ตัวเอกมึนๆ อึนๆ บริหารบ้านเมืองไป แต่ตัวประกอบดันไปทำให้เรื่องใหญ่โตเองโดยที่ตัวเอกไม่รู้ก็ได้นี่ มันก็กาวเหมือนกัน ประมาณ 'ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน' มันมีกาวอยู่สองแบบ กาวจากตัวเอกกับกาวจากตัวประกอบ ส่วนใหญ่กาวจากตัวเอกจะควบคุมเนื้อเรื่องยาก แต่กาวจากตัวประกอบนี่ทำง่าย มึงสร้างตัวประกอบมากาวแค่ไม่กี่ตอนแล้วบทหายไปเลยก็ได้ ไม่ต้องกลัวคุมเนื้อเรื่องไม่ได้

152 Nameless Fanboi Posted ID:YWwqDkR6/7

เอากาวหรือไม่เอากาว เลือกสักอย่างเถอะ เล่นผสมแล้วได้ครึ่งๆกลางๆ ไปไม่สุดซะที

153 Nameless Fanboi Posted ID:YWwqDkR6/7

>>147 แล้วไอ้ข้อ 2 ก็พวกนักฆ่ามีรถแลนโบกินี่เป็นของตัวเอง ประกาศศักดาตนต่อทุกคนกับตำรวจว่า กูนี่แหละคือนักฆ่าเก่งที่สุดในกาแลคซี่ทางช้างเผือก เป็นแบบนี้หลายเรื่องเลย ไม่นับเรื่องมาเฟียคุณธรรมเอาใจนักอ่านสาวฝันเปียก

154 Nameless Fanboi Posted ID6:dt03m6deYJ

>>152 ยุคนี้มันต้องกาวรึเปล่าถึงขายได้ ไม่งั้นต้องมือถึง+มีแฟนคลับส่วนหนึ่งก่อนถึงขายได้แบบไม่กาว

155 Nameless Fanboi Posted ID6:dt03m6deYJ

>>153 ว่าแต่แนวพวกนักฆ่า อาชญากรนี่ สาวๆชอบอ่านหรอ นึกว่ามีแต่เด็กผู้ชายเอ็ดจี้ ถ้านางเอกเป็นนักฆ่าบ้าง มีอาจารย์เป็นผู้ชายเท่ๆไรงี้ ใครจะอ่านมากกว่ากันระหว่าง รี้ดญ หรือชาย

156 Nameless Fanboi Posted ID6:wq+Kr55QO0

กูนี่พยายามเขียนกาว แต่คือกาวไม่ออกกลายเป็นมุกแป๊กแทนตลอดเลย เศร้าว่ะ

157 Nameless Fanboi Posted ID6:1Y2zvRw+yl

ดราม่าที่ยายละเมิดลิขสิทธิ์ใน DD กุเข้าไปอ่านคอมเม้นต์แฟนคลับของนิยาย พอเจอคำว่า ทำกลุ่มแปลต่อก็ได้ครับ ช่างหัวเด็กดีมัน กูช็อคแบบสุด คือนิยายเรื่องนี้มันไม่มีคำว่านิยายแปลเขียนไว้เลยนะ กะเคลมมาเป็นผลงานตัวเองชัดๆ ทำไมยังสนับสนุนกันวะ

>>155 ญ อ่านมากกว่า เพราะส่วนใหญ่ถ้า ญ เป็นตัวเอกจะไม่ค่อยฮาเร็ม ตัวละคร ญ จะไม่น่ารำคาญ (ส่วนใหญ่จะใส่มาฟิลตัวร้าย) ถ้า ช เป็นตัวเอก ต้องมาลุ้นว่าจะฮาเร็มไหม ตัวละคร ญ จะน่ารำคาญไหมอีก ผญ เขาค่อนข้างซีเรียสเรื่องพวกนี้
>>156 ถ้าพยายามเขียนกาวมันจะไม่กาวนะ เหมือนกับเราพยายามเฟคอะ มึงลองปรับใหม่ แบบเขียนไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องยัดมุกอะไรมากมาย แล้วกลับมาอ่านดู มันจะสนุกแบบแปลกๆ

158 Nameless Fanboi Posted ID6:dt03m6deYJ

>>157 แล้วแนวพวกนี้นี่ ระหว่างคู่ชาย ญ กับ คู่ยูริ แบบไหนนิยมกันมากกว่า ตอนนี้ ไม่รู้นะแต่เห็นแนวยูริเยอะมาก โดยเฉพาะถ้านางเอกน่ารักอายุน้อย(โลลิ)

159 Nameless Fanboi Posted ID:9Z8UC9FtHF

>>158 ชญ ขายได้ดีกว่า ยูริเฉพาะกลุ่มเกิน

160 Nameless Fanboi Posted ID6:bjSqHvbVtJ

โม่งมีวิธีแก้นิสัยชอบรีไรท์ไหมวะ เหมือนกูติดความสมบูรณ์แบบเขียนตอนเดิมซ้ำไปซ้ำมาไม่พอใจสักที อยากแก้คำสาปนี้แล้วไปเขียนตอนใหม่หรือให้จบเรื่องสักที

161 Nameless Fanboi Posted ID:rx+oN5gdRi

>>160 กูเคยเป็นนะ ต้องหักดิบเอา แบบว่าเวลารู้สึกอยากรีไรท์ กูจะพิมพ์นิยายตอนเดิมซ้ำในตอนใหม่ พอพิมพ์ไปได้สักพักแล้วจะนึกได้เองว่า ไอ้เหี้ย เสียเวลาชีวิตไปอย่างเปล่าประโยชน์

เพราะมันมีค่าเท่ากันระหว่างรีไรท์บทเดิมรัวๆ กับขึ้นบนใหม่แต่เขียนเหมือนเดิม ดังนั้นเขียนเนื้อหาใหม่ดีกว่าวนในอ่างไปเรื่อยๆ แบบนี้

อีกผลพลอยได้ที่มึงจะพบคือ เวลาเขียนคำผิดเยอะๆ มันมีคนมาคอยแก้ไขให้จนได้คอมเมนต์ฟรี กับการรีไรท์ตอนจบเรื่องแล้ว มึงจะมองเห็นภาพรวมได้ชัดกว่าเขียนไปแก้ไป

เหมือนเวลามึงเห็นว่าบนสนามหญ้ามีหลุม มึงอยากถมหลุมนั้นเลยขุดดินจากพื้นข้างๆ มาถม แล้วเกิดอะไรขึ้น... ห่า หลุมแรกหายไปก็จริง แต่หลุมใหม่ที่เพิ่งขุดเอาดินมาเติมหลุมแรกกลายเป็นปัญหาแทน ถ้ามึงเขียนไปแก้ไปก็เหมือนมึงขุดหลุมใหม่มาถมหลุมเก่าวนลูป แต่ถ้ามึงปล่อยไปก่อน จนถึงตอนที่มึงมีดินจากแหล่งอื่น (ภาพรวมเรื่องต้นถึงจบ, เวลาว่างหลังแต่งจบแบบไม่ต้องรีบ ไม่มีแรงกดดัน, ทางแก้พล็อตโฮลที่นักอ่านชี้ให้เห็น) ถึงตอนนั้นมึงก็สามารถถมหลุมได้โดยไม่ทำให้สนามหญ้าเกิเความเสียหายเพิ่ม

มึงสามารถยืนข้างสนามแล้วไล่กวาดสายตาดูได้ทั่วเลยว่ามันมีหลุมตรงไหนและต้องใช้ดินเท่าไหร่ ทำได้แบบม้วนเดียวจบ กลบได้ทั้งหมด ดีกว่าขุดหลุมใหม่เติมหลุมเก่า หรือต่อให้ขนดินนอกมาถมรูนั้นได้ แต่ก็อาจมองไม่เห็นว่ามีหลุมอื่นๆ อยู่อีก เพราะทุ่มความสนใจมาแก้หลุมตรงหน้า

มันดีและง่ายกว่ากัน ไอ้โรคบ้าความเป๊ะเว่อร์เนี่ย มันไม่มีวันหายไปได้ แก้แล้วก็ไม่พอใจจะแก้ใหม่เรื่อยๆ ต้องฝืนใจตัวเองปล่อยผ่านไปก่อนแล้วจัดการทีเดียวตอนท้าย แรกๆ จะยากมาก ฝึกให้ชินแล้วทำได้เอง กูก็ฝืนอยู่เป็นปีๆ กว่าจะหายหงุดหงิดได้เอง

162 Nameless Fanboi Posted ID6:TE0cFwZ5U0

ถ้าเรื่องที่แต่งคาดว่าน่าจะมีรี้ดญอ่านด้วยเยอะ แล้วเรื่องที่แต่งโฟกัสที่นางเอกเป็นตัวหลัก เป็นแนวแอคชั่นหน่อยๆ นางเอกอายุน้อยแต่ออกแนวตัวร้ายหน่อยๆ จะให้นางเอกแต่งโป้หน่อยได้ไหม มันจะเหมาะไหม (ส่วนสาเหตุหลักคือเป็นเฟติสไรต์แค่นั้นแหละ555)

163 Nameless Fanboi Posted ID:rx+oN5gdRi

>>162 ได้หมดถ้ามึงกล้าพอ

164 Nameless Fanboi Posted ID6:XRWEg0.VHw

>>160 เคยมีคนบอกว่า นักเขียนมืออาชีพต้องรีไรท์หลายรอบกว่าจะไม่มีอะไรแก้ไข (การตีพิมพ์ครั้งที่เท่าไร เสมือนการนับรีไรท์ทีละรอบ) วิธีรีไรท์ถูกต้องคือแต่งให้จบก่อน จบเฉพาะภาคก็ได้ถ้ามีภาคต่อ แล้วค่อยรีไรท์ใหม่ ให้คิดซะว่ามันคือการ Remaster หรือ Remake (Reboot เหมาะกับแต่งเรื่องใหม่มากกว่า) แต่สมัยนี้แต่งลงเว็บเผยแพร่ทันทีไม่รอ บ.ก. สิ่งที่ทำได้คือ Remaster อย่างเดียว เพราะทุกคนอ่านก่อนจะได้รีไรท์หมดแล้ว

165 Nameless Fanboi Posted ID6:XRWEg0.VHw

อย่าง Dead Space Remake คือการขัดเกลาเนื้อเรื่อง ออกแบบด่าน และเสียง มันคือการรีไรท์ของ Dead Space 2008 ที่ทำเสร็จตอนนั้นแล้ว เราต้องเห็นภาพรวมชัดเจนถึงจะแก้ถูกจุด อย่างที่ >>160 บ่นน่ะแหละ

166 Nameless Fanboi Posted ID6:KMuqOWyglb

เพื่อนกูเขียนนิยายขายมันก็แนะนำมาตลอดว่าเขียนให้จบก่อน แล้วค่อยรีไรท์
แต่เคสมันคือเขียนเป็นเล่มขายในสมัยก่อนอะนะ ปัจจุบันก็เขียนแบบ 2-3 เล่มจบ ซึ่งมันทำได้อยู่ที่จะรีไรท์

แต่เคสกูนี่คือตั้งใจเขียนขายออนไลน์ วางไว้เป็นร้อยๆ ตอน แม่งคงรีไรท์ลำบากชิบหายเลย

167 Nameless Fanboi Posted ID6:TE0cFwZ5U0

โม่ง เราสามารถเขียนให้ตัวเอกมีความสัมพันธ์แบบทั้งคู่นอมอล และคู่ยูริ ในเรื่อวเดียวได้ไหม อารมณ์ มีทั้งเรือพระเอก และเรือยูริ ทีเดียว

168 Nameless Fanboi Posted ID6:eshVpLwHql

>>167 ได้ แต่การเหยียบเรือสองแคม อาจทำให้มึงจับลูกค้าไม่ได้สักทาง

169 Nameless Fanboi Posted ID6:FkpGhU8W8+

>>167 ลูกค้าคนละกลุ่มกันเลย มึงเลือกสักอย่างเถอะ หรือถ้ามึงอยากจับลูกค้าหลายกลุ่มมีวิธีเดียว ไม่ต้องมีพระเอก โสดจนจบ ให้คนอ่านไปจิ้นเอาเอง

170 Nameless Fanboi Posted ID6:TE0cFwZ5U0

>>169 คือ เขียนให้ความสัมพันมันไม่ชัดใช่ไหม ว่าจะชอบใคร แต่ใส่แค่โมเม้นชวนจิ้นให้รี้ดฟินก็พอ แบบงี้ได้ปะ คือที่เขียนไม่ใข่แนวรักอะนะ แค่เป็นซับพล็อต แต่อยากให้รี้ดมีสงครามอวยหน่อยๆให้กระชุ่มกระชวย

171 Nameless Fanboi Posted ID6:FkpGhU8W8+

>>166 กูไม่รีอะ แค่เข้าไปแก้คำผิดกับปรับสำนวนในบางครั้ง ถ้าออกอีบุ๊คค่อยว่ากันใหม่

172 Nameless Fanboi Posted ID6:cwu40RPvXr

ขอบใจมากเพื่อนโม่งที่มาตอบเรื่องรีไรท์ ไว้กูเขียนเสร็จเมื่อไหร่จะให้พวกมึงสับ

173 Nameless Fanboi Posted ID:zHmpRm09pU

>>170 ถ้าให้ชวนจิ้น ตัวเอกต้องไม่ได้ชอบใคร แค่ทำดีด้วยตามนิสัยหรือสถานการณ์ แต่คนที่จะให้จิ้นคือชอบตัวเอกไปแล้ว เพราะถ้าตัวเอกมีความรู้สึกชอบ มันจะไม่ใช่จิ้น

174 Nameless Fanboi Posted ID6:eh76bl6x6z

>>173 อย่างอิจิกาก Infinite Stratos เหรอ

175 Nameless Fanboi Posted ID6:vNuc2t1dwF

กูสงสัยอย่างแฮะ ทำไมหลายๆ เรื่องเขียนเป็นนิยายแฟนตาซีไปต่างโลกแต่หรือหลุดไปในยุทธภพ แต่ตัวละครเป็นชื่อไทยซะงั้น

176 Nameless Fanboi Posted ID6:eh76bl6x6z

>>175 เพื่อให้คนอ่านรับรู้ว่าเรื่องนี้คนไทยแต่ง เพราะคนต่างชาติไม่ค่อยเรียนภาษาไทยกัน

177 Nameless Fanboi Posted ID6:iVHKGLJq9d

รำคาญระบบบอทคอมเม้นต์เด็กดีชิบ จะเม้นต์อะไรกันนักหนาก็ไม่รู้

178 Nameless Fanboi Posted ID6:vNuc2t1dwF

พอเริ่มเขียนมาได้ราวๆ 50 หน้า ก็ชักกังวลแฮะว่าจะเขียนต่อไปไหวรึเปล่า
คือสปีดการเขียนกูแม่งช้ามาก ต่อให้เขียนดองไว้เยอะๆ แล้วลงก็กลัวว่าจะลงไม่ทันจริงๆ

179 Nameless Fanboi Posted ID6:iVHKGLJq9d

>>178 แนวไหน ถ้าแฟนตาซีไม่น่าพอ แต่ถ้าแนวอื่นค่อยๆ เขียนไปลงไปก็ได้ เพราะนักอ่านแฟนตาซีค่อนข้างมาไวไปไว แถมคนอ่านยังน้อยกว่าแนว bl หรือแนวรัก ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นแฟนตาซีสิบยี่สิบตอนจับคนอ่านไม่ค่อยได้ ส่วนแนวอื่นแค่สิบยี่สิบตอนคนก็ติดตามกันเยอะมาก

180 Nameless Fanboi Posted ID6:3PxtA8z.7S

>>179 ทำไมแฟนตาซีมันไม่พอหรอโม่ง

181 Nameless Fanboi Posted ID:zHmpRm09pU

>>180 (ความเห็นส่วนตัวนะ) มันไม่พอจะดึงคนมาอ่าน โดยปกติแฟนตาซีจะสนุกช่วงกลางๆ เรื่อง เพราะช่วงแรกเน้นปูบท ปูโลก ปูเซ็ตติ้ง ปูตัวละคร แต่ถ้าแนว bl หรือแนวรักมันสนุกได้ตั้งแต่ต้นเรื่องเลย เพราะไม่จำเป็นต้องปูขนาดนั้น ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ความรักระหว่างคนสองคน จะเรียกว่าระดับสเกลของเรื่องมันต่างกันก็ได้ ฉะนั้นแฟนตาซีแค่ 10 ตอนมันบอกอะไรมากไม่ได้ เผลอๆ ยังไม่ถึงช่วงสนุกด้วยซ้ำ คนเลยไม่ค่อยเข้ามาอ่านกันช่วงตอนน้อย แต่ bl หรือแนวรัก 10 ตอนมันดำเนินเรื่องมาไกลแล้ว ลองดูจำนวนตอนของทั้งสองแนวในท๊อปกับยอดเฟบก็ได้นะ จะเห็นว่ามันค่อนข้างต่างกัน (ปล. ถ้าตอนสั้นไม่นับนะ แบบตอนละหน้าสองหน้าอะ)

182 Nameless Fanboi Posted ID6:3PxtA8z.7S

>>181 ขอบใจโม่ง แล้วถ้าใช้วิธีไม่ต้องสร้างโลกมาก แต่เน้นพล็อตกับฉากมันส์ๆไปก่อน แล้วค่อยอธิบายโลก ไประหว่างทาง แบบนี้พอแก้ไขได้ไหม

183 Nameless Fanboi Posted ID:zHmpRm09pU

>>182 ได้ ตอนแรกแนะนำใส่ฉากที่ค่อนข้างเค้นอารมณ์คนอ่าน สะเทือนใจ ฮึกเหิม เศร้าเสียใจ ตลก พีคๆ หรืออะไรก็ได้ลงไป มันจะช่วยดึงคนอ่านให้อยู่ติดตามเนื้อเรื่องต่อ ตอนถัดไปค่อยให้ตัวเอกเป็นคนพาไปรู้จักโลก เน้นบรรยายแค่สภาพแวดล้อมบริเวณที่ตัวเอกกำลังอยู่ แล้วค่อยๆ ไต่ระดับไปตามเนื้อเรื่อง เช่นแค่บรรยาเมืองนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอะไร สภาพแวดล้อมวัฒนธรรมยังไงพอ ไม่ต้องบรรยายเมืองอื่นที่ยังไปไม่ถึง หรือถ้าจะทำอย่ามากเกินไป ไม่งั้นจะเหมือนยัดข้อมูล

184 Nameless Fanboi Posted ID6:vNuc2t1dwF

>>181 ก็ใช่แหละ แนวแฟนตาซีมันเครื่องติดช้า
แต่ถ้าติดแล้วมันไปได้ยาวไม่กลับกันแนวรักแนว BL ถ้าเอาด้านนั้นเพียวๆ เขียนได้ถึง 3 เล่มคือเก่งแล้ว ส่วนพวกที่ยาวได้มักเป็นแนวรักในโลกแฟนตาซี
แต่ข้อเสียอีกอย่างของแฟนตาซีคือนักอ่านแม่งใจร้อนด้วย บางคนอ่านไปแค่ 5 ตอนก็บ่นละว่าเดินเรื่องช้า ทั้งที่ยังเป็นแค่ต้นเรื่อง อย่างเรื่องเก่ากูเล่มนึงมี 50 ตอนงี้ คือยังอ่านไปไม่ถึง 10% เลยจะให้เดินไวไปไหนวะ?

185 Nameless Fanboi Posted ID6:hyV/.KA/dx

>>179 เคยเห็นโม่งสับนิยายเรื่องดังชื่ออะไรจำไม่ได้ แม่งกว่าจะเข้าเรื่องจริงๆตอนที่ 28 มั้ง ไอ้ห่า เรตรีวิวแค่ 5 ตอน อย่าหวังจะมอบประสบการณ์ดีๆแก่โม่ง

186 Nameless Fanboi Posted ID:o+pTQUbgz/

>>185 เรื่องเติมเงินของจระเข้ผึ่งพุงป่าว

187 Nameless Fanboi Posted ID:aWod5lhRkj

ไม่มีโม่งคนไหนสับนิยายเลยเหรอ หรือกูต้องสับเองวะ

188 Nameless Fanboi Posted ID6:eBbpgfYdVx

>>187 เอาเลยยย
ทุกวันนี้กูทำงาน เข้ายิม กลับบ้านเล่นเกมนิดหน่อย แล้วเขียนนิยายตัวเองก่อนนอนก็หมดวันละ

189 Nameless Fanboi Posted ID6:v9cvj4omgN

มีเรื่องไหนต้องการให้สับเป็นพิเศษไหม แปะได้ เดี๋ยวกูมาไล่สับให้

190 Nameless Fanboi Posted ID6:Louq1k7p04

>>189 https://writer.dek-d.com/PhinetLee/writer/view.php?id=2193240

191 Nameless Fanboi Posted ID6:Louq1k7p04

กูขอโทษ อย่าหาสับนะมึง 555555

192 Nameless Fanboi Posted ID6:v9cvj4omgN

>>191 สรุปให้สับไหม

193 Nameless Fanboi Posted ID6:Louq1k7p04

>>192 อย่าเลย แค่เห็น tag กูก็จะอ้วกแล้ว ถ้าจะสับจริงๆเอานิยายคนที่เพิ่งแปะในบอร์ดมาดีกว่า

https://writer.dek-d.com/naru00/writer/view.php?id=2447209

เหมือนนักวาดจะเป็นคนมาช่วยโปรโมทให้ด้วย นิยายแนวใจฟูมั้ง ปกติกุไม่ได้อ่านแนวนี้เลย

194 Nameless Fanboi Posted ID6:v9cvj4omgN

>>190 ไม่รู้ให้สับไหมนะ กูยังไม่สับละกัน แต่เท่าที่เข้าไปดู กูว่ามึงวัดใจคนอ่านมาก สามตอนแรกยัดข้อมูลขนาดนั้น เสี่ยงโดนปิดตั้งแต่สองสามตอนแรก ถ้าให้กูแนะนำ มีสามทาง อย่างแรกสร้างตัวละครที่คอยให้ข้อมูล จะเป็นคนเล่าเรื่องให้อีกคนฟัง อาจารย์สอนนักเรียน หรือคนกำลังอ่านหนังสือ อะไรก็ได้ มันจะทำให้น่าสนใจขึ้น สองค่อยๆ ใส่ข้อมูลไปตามเนื้อเรื่องทีละเล็กละน้อย สามสร้างเนื้อเรื่องหรือเหตุการณ์ที่ทำให้จำเป็นต้องรู้ข้อมูลพวกนี้ทันที

195 Nameless Fanboi Posted ID:N2o9DdiZub

>>192 โม่งแม่ง ก่อการร้ายเหรอมึง 555

196 Nameless Fanboi Posted ID6:v9cvj4omgN

เกิดใหม่เป็นเสือสมิงตัวอ้วนกลมละ โฮกปิ๊บ!
สไตล์ : แฟนตาซี ไลท์โนเวล
เนื้อเรื่อง : ตอนที่หนึ่งเล่าถึงหนุ่มน้อยเลเซอร์ เด็กหนุ่มมัธยมปลายวัยขบเผาะที่พยายามตามใจแม่เพื่อให้แม่รัก แต่แม่เป็นคนเข้มงวด ไม่ได้แสดงความรักออกมาให้ลูกเห็นดังที่หวัง แถมยังชอบเอาคนบ้านอื่นมาเปรียบเทียบ เลเซอร์เลยน้อยใจแล้วไปนอน ตัดพ้อว่าทำไมชีวิตนี้ถึงได้แย่ขนาดนี้ ต่อมาพ่อตื่นขึ้นก็กลายเป็นเสือน้อยในเซอร์คัส ที่ต้องคอยจัดแสดงของบารอน ในชีวิตนี้มีแม่ที่คอยรักและดูแล (แม่เป็นเสือ) และเจ้าเสือน้อยเลเซอร์ก็ได้เห็นลูกช้างเอลิไฟเออร์ที่หนีไปถูกจับตัวกลับมา แม่เสือก็เล่าว่าสัตว์บนโลกนี้มีพลังวิเศษ เลเซอร์ก็ถามว่าเขามีไหม แม่เสือก็บอกว่ามีความน่ารักไง ต่อมาเจ้าเลเซอร์ก็ถูกบังคับไปเดาะบอลแต่เดาะไม่ได้ เลยถูกทำโทษเอาแส้ฟาด แม่เสือทนไม่ไหวเอาตัวมารับไว้ เจ้าเลเซอร์ก็โกรธและคับแค้นใจออกมาแล้วกลายร่างเป็นช้างเอลิไฟเออร์อาละวาด
ขอวิจารณ์ตอนนี้ก่อนแล้วกัน : ในตอนนี้แบ่งเป็นตอนย่อยด้านในอีก ไม่รู้ว่าเพราะเป็นไลท์โนเวลหรือเปล่าถึงทำ (อันนี้ไม่รู้ว่าคนอ่านคนอื่นจะคิดยังไงนะ แต่สำหรับกูอย่าหาทำ) คำผิดมีประปราย การบรรยายทำได้ดี แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร คือปมเรื่องชาติก่อนควรทำให้มันแน่นและมีอะไรกว่านี้ อย่างเช่นสร้างพี่หรือน้องขึ้นมาแล้วทำให้แม่ลำเอียง อันนี้เท่าที่อ่านเหมือนแม่ก็รักนะ แค่เป็นคนเข้มงวดเลยไม่แสดงออก แต่ลูกดันอยู่ในช่วงวัยต่อต้าน พอไม่ได้อย่างหวังก็เก็บกด หาว่าแม่ไม่รัก (ถ้าไม่ใช้ปมนี้เพื่อให้พลังพิเศษตื่นมามันก็ไม่อะไรหรอก แต่ดันใช้เรื่องนี้เป็นตัวกระตุ้นให้พลังวิเศษตื่นมันเลยดูไม่มีน้ำหนักพอ) ต่อมาคือเรื่องความสัมพันธ์กับแม่เสือ คือเท่าที่อ่านดูเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นในวันเดียว วันเดียวมันก็ดันผูกพันกับแม่เสือที่แค่ทำดีด้วยเล็กน้อย อาจจะไม่กี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ดันไม่พอใจแม่ตัวเองในชาติที่แล้วซึ่งเลี้ยงมาจนโต? (กูมองได้อย่างเดียวว่าเลเซอร์นี่คือเด็กขาดความรักอย่างแรง ใครดีเข้าหน่อยก็คล้อยตามละ แบบนี้โอกาสโดนหลอกใช้ 99.99%) ถ้าเป็นไปได้ทำไมไม่ไทม์สคลิปสักเดือนก่อนเกิดเรื่องระเบิดพลัง จะได้ดูเหมือนมีช่วงเวลาในการพัฒนาความสัมพันธ์บ้าง สรุปเลยตอนนี้คือปมดราม่ายังมีน้ำหนักไม่พอ
ตอนที่สองและสามไม่มีอะไรมาก หลังเลเซอร์อาละวาด ก็มีเจ้าหญิงที่คาดว่าจะเป็นนางเอกมาช่วย เจ้าหญิงก็จัดการกับบารอนที่เป็นเจ้าของเซอร์คัส ช่วยเหลือเสือน้อยแล้วเอาไปเลี้ยงดู
ที่บอกว่าไม่มีอะไรมากก็คือการบรรยายอะไรทำได้ดีหมดนั่นแหละ ยกเว้นที่แต่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่มันยังรู้สึกผูกพันธ์ไม่พอ ทำให้ตัวเอกเหมือนเป็นคนขาดความรัก เรื่องนี้ถ้าเดาไม่ผิดหลังจากนี้คงจะเล่าถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกที่เป็นเสือกับนางเอกแหละ อาจจะมีตัวละครหญิงโผล่มาอีกหลายคน (ถ้าเป็นไปตามกลไกตลาดไลท์โนเวล) จะว่ายังไงดีล่ะ เรื่องนี้ควรไปอยู่ในหมวดรักแฟนตาซีอาจจะปังมากกว่านี้
ความคาดหวังของคนสับ : กูเห็นว่าเป็นนิยายฟิลกู้ด มิตรภาพ กาว หมวดแฟนตาซี อย่างแรกเลยกูคาดหวังว่าเรื่องนี้ช่วงแรกจะเล่าถึงพวกลูกเสือหนีออกจากเซอร์คัสแล้วไปผจญภัยในป่า ได้เพื่อนสร้างกองกำลังสัตว์ป่า ค่อยมาเจอนางเอกที่หลงทางอะไรเทือกนี้ แล้วนางเอกก็เป็นมนุษย์คนเดียวในฝูงสัตว์ จากนั้นคือเทพซ่าป่วนเมืองต่อไป แต่แบบนี้คนอื่นอาจจะชอบกันล่ะมั้ง
สรุปเรื่องนี้ถือว่าค่อนข้างโอเคด้านการบรรยาย อยู่ก้ำกึ้งระหว่างไลท์โนเวลกับนิยายแฟนตาซี คำผิดมีบ้างให้อภัยได้ เนื้อเรื่องพล็อตก็โอเคอยู่ระดับหนึ่ง เหมาะสำหรับคนชอบอ่านไลท์โนเวลสไตล์ญี่ปุ่น ขาดแค่ฉากกระตุ้นอารมณ์ที่ยังดีไม่พอ

197 Nameless Fanboi Posted ID6:VWd1wD5WtT

>>194 ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว กูเห็นโม่งชอบบ่นเกี่ยวกับการอธิบายแบบใส่ข้อมูลในช่วงต้นเรื่องอยู่ตลอด แต่ในขณะเดียวกันพวกนิยายที่กูอ่านทั้งหลายก็มักจะใส่ข้อมูลอธิบายเซ็ตติ้งของเรื่องมาตั้งแต่ช่วงต้นเรื่องด้วยกันทั้งนั้น ส่วนใหญ่ก็ใส่มาช่วงตอน 2-3 นี่ล่ะ ที่ต่างกันคือความมากน้อย

ยกตัวอย่างเช่นแนวเกิดใหม่เป็นนางร้าย ตอนแรกก็จะออกมาทำนอกตกใจว่าที่นี่มาที่ไหน ก่อนจะตั้งสติได้ในตอนที่ 2 แล้วพล่ามว่าตัวในอดีตเป็นใครและมาอยู่ในร่างใคร ส่วนตอน 3 ก็จะพูดถึงตระกูลและความเป็นมา แล้วค่อยขยายไปสเกลใหญ่ๆ อย่างเช่นคนรอบข้างเป็นใคร อยู่ประเทศไหนมีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้นบ้างในตอนต่อๆ ไป ทั้งนั้น

คือเห็นเมื่อก่อนเหล่าโม่งก็บ่นทำนองนี้ พอมาปัจจุบันก็ยังเห็นบ่นกันอยู่ กูก็พาลนึกนะว่าการใส่ข้อมูลตอนต้นเรื่องมันใช่เรื่องผิดไล่คนจริงรึเปล่า หรือที่จริงแล้วเป็นที่ฝีมือคนเขียนไม่ถึงดึงความสนใจคนอ่านไม่ได้เองกันแน่

แอบกังวลอยู่เหมือนกันนะ เพราะเรื่องที่กูกำลังเขียนก็มาแนวที่ว่าเลย ไอ้การทยอยใส่ข้อมูลให้คนอ่านรับรู้เซ็ตติ้งช่วงต้นเรื่องเนี่ย

198 Nameless Fanboi Posted ID:AqZjZiH+3G

>>197 ใส่น่ะมันใส่ได้ แต่ใส่ยังไงให้อ่านแล้วชอบ หรือไม่รู้สึกว่าโดนยัดเยียดเกินไป ส่วนมากก็ไม่ได้ห้ามแต่จากที่เจอมามันเล่นเทหนักเหมือนรถบรรทุกยกดัมพ์ใส่คนอ่านไง

199 Nameless Fanboi Posted ID6:DNE7foGbKR

>>197 คือทะลุมิติมันใช้มุมมองตัวเอกนึกย้อนข้อมูล มันยังมีบรรยากาศว่าเป็นเนื้อเรื่องบ้าง ทำให้เหมือนเราอ่านความคิดตัวเอก กูก็ไม่ได้บอกว่าใส่ข้อมูลอธิบายมันผิด แต่ไม่ควรใส่เยอะเกินไป หรือใส่โต้งๆ มาเลย ควรใส่แบบหยาบไม่เจาะลึกมากหรือมีสตอรี่ให้มันสอดคล้องว่า เออ... ต้องรู้ข้อมูลนี้นะ เพื่อเนื้อหาบทถัดไปจะง่ายขึ้น ก็ยกตัวอย่างอยู่ว่าควรทำให้มันดูเหมือนเรื่องเล่า หรือทำให้มันดูมีอะไรหน่อย แล้วไม่ควรจะบรรยายอะไรที่มันไกลตัวเกินไป อย่างตัวเอกเกิดในหมู่บ้านเล็กๆ ของอาณาจักรเล็กๆ ถ้ามึงอธิบายอาณาจักรอื่นหรือเมืองที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยมันก็ดูจะมีแต่น้ำ สู้แทรกไประหว่างเนื้อเรื่องไม่ดีกว่าเหรอ อย่างมีการกล่าวถึงเมื่องนี้ อาณาจักรนี้ตอนบทสนทนา ก็อธิบายแบบหยาบไปรอบหนึ่ง พอตัวเอกต้องไปเกี่ยวข้องกับเมืองหรืออาณาจักรนั้น ค่อยบรรยายแบบละเอียดอีกที แบบนี้มันน่าสนใจกว่าไง

200 Nameless Fanboi Posted ID:qze2fdrsN7

>>197 ใส่ข้อมูลในเรื่อง ทำไมบางคนใส่แล้วดีบ้างคนใส่แล้วบ้ง มันต่างกันว่าตอนที่มึงใส่คนอ่านเรียกร้องให้เมิงเล่าให้ฟังหรือเปล่า ถ้าเมิงวางการเล่าเรื่องไม่ดี พูดถึงเทพสิบองค์มาโดด ๆ โดยคนอ่านไม่ได้ถาม มันก็บ้ง
แต่ถ้าเมิงวางการเล่าเรื่องให้ดี ทำให้คนอยากรู้เรื่องเทพสิบองค์ก่อนค่อยเล่ามันก็จะไม่บ้ง

201 Nameless Fanboi Posted ID6:TprKUUYQ8M

>>190 ถ้าคนแต่งเขียนในปี 1918 คงตั้งชื่อว่า Spy Girls III: ไข้หวัดสเปน V/S เครือข่าย AI จักรกลสังหาร เล่ม 1

202 Nameless Fanboi Posted ID:fHtNaooeA9

>>201 ความจริงเรื่องนี้พล็อตน่าสนใจนะ ถ้าเซตติ้งโลกอนาคต เปลี่ยนชื่อโรคใหม่ ประมาณไวรัสทำให้คนมีพลังวิเศษและทำให้คนกลายพันธุ์เป็นปีศาจ (คล้ายกับ home sweet home ของเกาหลีอะ)

203 Nameless Fanboi Posted ID6:C93CW8E2j3

ทำไมมันไม่ค่อยมีเรื่องที่พระเอกที่เป็นลุงอ้วนntrเลย
ถ้ากูเขียนเอง พระเอกเป็นลุงอ้วนntr นางเอกเป็นโลลิ แนวต่อสู้ พลังพิเศษ แฟนตาซี กาว
มันจะมีคนอ่านเยอะไหมโม่ง โม่งอยากอ่านไหม

204 Nameless Fanboi Posted ID6:DNE7foGbKR

>>203 มีคนด่ามากกว่าคนอ่านอะ เชื่อเถอะ ชีวิตจริงคือมันมีแบบนี้เยอะแยะแล้วไง คนอ่านจะคิดกันว่าทำไมกูต้องมาเจอในนิยายอีก ผู้ชายหล่อ ดี เท่ห์ในชีวิตจริงมันมีน้อย คนก็ต้องมาตามหาเอาในนิยายสิ แต่มึงจะแต่งก็ได้นะ เผื่อดัง อย่างน้อยพวกผู้ชายชอบแนวโลลิก็น่าจะอ่านกันอยู่แหละ

205 Nameless Fanboi Posted ID:dIWa9v/htf

>>203 กุเคยอ่าน ยอดชายนายทานากะ การผจญภัยของจอมเวทหน้าเหียกไร้สาวแล
แนวที่เมิงพูดกูก็ว่าน่ามีคนอ่าน
เมิงมีฝีมือหรือเปล่าต่างหากที่น่าห่วง ไม่ใช่ไปโทษคนอ่านไม่อ่าน สนุกเขาก็อ่าน

206 Nameless Fanboi Posted ID6:C93CW8E2j3

แนวองค์กรลับ พลังวิเศษ ที่ไม่ใช่มาเฟีย ยังขายได้อยู่ไหม เปิดๆดูเหมือนมีอยู่บ้างแต่ไม่เยอะ
ว่าแต่ทำไมแนวพลังวิเศษนี่มันต้องจัดranking กันแทบทุกเรื่องเลยแฮะ มันติดมาจากกาตูนโชเน็นรึเปล่า

207 Nameless Fanboi Posted ID:S3Np9sckB.

>>206 Ranking ภายในเรื่องหรือ Ranking ติดท็อปนิยาย?

208 Nameless Fanboi Posted ID6:C93CW8E2j3

>>207 ranking ในเรื่อง

209 Nameless Fanboi Posted ID6:VWd1wD5WtT

>>203 ถ้าให้กูลิสต์เรื่องที่พระเอกเป็น Ugly Bastard นี่ก็มีเยอะอยู่นะ
อย่างนายทานากะที่ >>205 ก็เข้าข่าย ไอ้เรื่องคุณน้าจากต่างโลก Isekai Ojisan ก็เข้าข่าย
ถ้าสมัยก่อนที่เข้าข่ายก็มี Accel world พระเอกอ้วนเตี้ยนิสัยเหี้ยแต่สาวตอม

210 Nameless Fanboi Posted ID6:gyyBLJbZI2

>>208 ง่ายต่อการวัดความเมพของ ตลค. ไว้เป็นหินรองเท้าให้ตัวเอกไล่ตบตามลำดับ

211 Nameless Fanboi Posted ID:RWq+q5dJnH

>>210 ถ้าเป็นเด็กดี Ranking มีไว้ให้นักเขียนนิยายท่านหนึ่งถูกขนานนามว่าที่พระเอก จับนักเขียนคนอื่นๆเป็นบันไดรองตีนให้มันปีนตามลำดับ

212 Nameless Fanboi Posted ID:cEMVp6PoFR

>>209 มึงลืมเรืองพี่อ้วนหน้าเหี้ยที่ยอมลดค่าความหล่อเหลือ 0 จนสเตตัสอื่นขึ้นมาเป็นล้านได้ไงวะ เนื้อเรื่องโคตรดีเลยนะ โดยเฉพาะความเป็นมาก่อนแต่ละคนจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตใหม่น่ะ

213 Nameless Fanboi Posted ID6:dXjE/j7vFt

>>212 +1 เรื่องแม่งดีจริง ตัวชั่วก็ชั่วแบบมีเหตุผลหน่อยไม่ใช่เลียวอยากเป็น ตัวดีก็ดีแบบไม่ได้โลกสวย พระเอกก็แบบเป็นคนที่ดูเทาๆ แต่ใจใฝ่ดีทั้งที่โลกรอบตัวโหดร้ายเหี้ยๆ คือเดอะเบสสัสๆ

214 Nameless Fanboi Posted ID:un3IUz79xA

>>211 ใครวะ

215 Nameless Fanboi Posted ID6:hblUkJjbA3

ถ้าตัวเอกหญิงมีโดนลุงอ้วนที่เป็นหัวหน้าลวนลาม แต๊ะอั๋ง พูดจาแทะโลม ใส่เป็นช่วงๆ เพราะพล็อตมันบังคับ แต่ไม่ได้โดนอึ๊บหรืออมนกเขา และไม่ใช่แนวรัก
แล้วกว่าลุงอ้วนจะโดนเอาคืนก็อีกนาน

แบบนี้นักอ่านรับได้แค่ไหน

216 Nameless Fanboi Posted ID6:gyyBLJbZI2

>>215 ถ้ามึงเขียนดีมันก็ได้หมด แต่ถ้าเขียนไม่ดีก็เตรียมรับการโดนด่า อาจจะด่าตาลุง ด่าตัวเอก ถ้านักอ่านไม่แยกแยะก็ลามมาถึงคนเขียน อย่างในกรณีข่มขืนอะ กูเคยเห็นคนเขียนพลาดแบบเขียนเชิงมองว่าการข่มขืนเป็นเรื่องปกติ แล้วก็โดนคนอ่านด่าลามมาถึงคนเขียน นิยายที่ส่อไปเรื่องทางเพศถ้าไม่ใช่สไตล์ NC มันค่อนข้างอ่อนไหว เพราะคนอ่านบางคนอาจจะรับไม่ได้ ถ้าปิดไปเงียบๆ ก็แล้วไปเถอะ แต่บางคนไม่คิดจะเงียบนี่สิ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับแนวเขียนด้วยแหละ ถ้าดาร์คแฟนตาซี หรือดราม่าก็ไม่น่าจะเป้นอะไร เพราะคนอ่านแนวนี้คงเตรียมใจปวดตับมาในระดับหนึ่ง แต่ถ้าแนวอื่นก็ชั่งใจให้ดีละกัน คนอ่านเขาอาจจะไม่ได้เตรียมใจมา

217 Nameless Fanboi Posted ID:w6lk42Wk0z

พวกชอบยัดข้อมูลเนี่ย ควรใช้วิธี show, don’t tell บ้าง เพราะคนอ่านไม่มีทางจำหมดหรอก

218 Nameless Fanboi Posted ID6:oN+u7J+9VL

เอาจริง Show don't tell มันก็แค่วิธียัดข้อมูลแบบมีสไตล์นั่นล่ะ

จากที่จะให้คนเขียนบรรยายไปตรงๆ ว่าในโลกมีอะไร ก็แค่เปลี่ยนมาเป็นให้ตัวละครไหนซักตัวเล่า ผ่านการพูดที่ข้อมูลมีโอกาสถูกผิด หรือผ่านสายตาที่ตัวละครเห็น

อย่างเช่นฉากแมวกินปลาทูแล้วบอกอร่อย ก็อาจจะบรรยายไปว่าทันทีที่กัดสัมผัสนุ่มชุ่มย้อยที่ละลายอยู่ในปากก็ทำให้รู้สึกเสียวซ่าน ความหอมมันทำให้น้ำลายสอจนเผลอครางครืดๆ ออกมา อะไรทำนอง

219 Nameless Fanboi Posted ID6:wyzbSAt3Ij

ในเด็กดี ไม่nc พระเอก พระรองนี่หื่น โรคจิต ได้ระดับไหนโม่ง เห็นแนวขายผู้ชายหื่นๆเหมือนจะโอเค แล้วแนวขายผู้หญิงละ
ถ้า หล่อ ฉลาด เก่ง หุ่นดี โคตรalpha จะให้เป็นพวกโลลิค่อนขี้เงี่ยน แอบโรคจิต ชอบลวนลามแกล้งนางเอกอายุน้อย smutๆหน่อย ไรงี้รี้ดเขาเกลียดป่าวหว่า

220 Nameless Fanboi Posted ID:w6lk42Wk0z

>>219 ย่อหน้าถัดไป NC แล้วมึง

221 Nameless Fanboi Posted ID6:7y2xW32u2o

แม่งรู้สึกลำบากใจจังว่ะ คือกูว่างงานมานานเลยเขียนนิยายแล้วกำลังไปได้สวยเลย
แต่จู่ๆ แม่งก็ได้งานซะงั้น แถมต้องไปอยู่เทรนก่อนตั้ง 3 เดือน พอเทรนเสร็จก็ไม่รู้จะมีเวลาเขียนรึเปล่าอีก
ได้งานใหม่แบบนี้ทั้งที่กูควรดีใจ แต่กูกลับรู้สึกลำบากใจที่ต้องหยุดเขียนอีกแล้วซะงั้น เฮ้อออ

222 Nameless Fanboi Posted ID6:kgH//rEacU

>>221 ลองแบบกูมั้ย กูมีงานประจำทำ ก็ใช้วิธีเขียนเก็บไว้วันละหน้าสองฟน้าบังดี เจียดเวลาวันละสองชม.มาทำ ได้แค่ไหนแต่ไหน ไม่ต้องเรียบเรียงเขียนๆไปก่อนนึกๆรได้ก็เขียนใส่ไปก่อน พอเขียนจนได้ครบจำนวนบทนึงละ ค่อยมาเรียบเรียงเกลาเอาให้เป็นผลงานสำเร็จมากขึ้น กูทำงี้เขียนได้เดือนละ 1-2 ตอน ฟังดูน้อยนะแต่ดีกว่าปล่อยว่างไว้เฉยๆละค่อยมาเร่งปั่นตอนว่างๆ บอกเลยจ้าว่าไม่มีทาง555 จะกลายเป็นดองนานหมดไฟผัดสันเรื่อยไป ออกงานสม่ำเสมอแบบเดือนละครั้งสองครั้งให้พอมีเชื้อไฟอยู่เถอะ หมดไฟกว่าจะจุดติดคือเวลาผ่านไปเป็นปีๆก็มี กูผ่านมาละ กว่าจะฮึดกลับมสเขียนได้คือตันไปหมด เนื้อเรื่องมันวนในหัวแหละแต่มีลืมๆไปบ้าง จดไว้อ่านยังต่อไม่ติดเขียนไม่ออก

223 Nameless Fanboi Posted ID6:Uf.WaHC818

>>221 มันอยู่ที่มึงชอบงานไหนกว่ากัน งานเขียนก็เป็นอาชีพเหมือนกันนะ ของกูคือเขียนงานขายได้เงินพอๆ กับงานประจำ แถมบางเดือนได้เยอะกว่า แต่มีอิสระมากกว่า ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างหรือกดดันในที่ทำงาน แต่ก็อย่างว่าแหละ กูมองว่าเป็นงานก็ต้องขยันเขียนหน่อย ตั้งเป้าไว้วันละ 8000 คำ ไม่งั้นเงินไม่พอยาไส้ ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่มึงอะ ลองชั่งน้ำหนักแล้วคิดให้ดี ถ้ามึงชอบงานที่ได้คิดจะทำไปยาวๆ อันนี้ก็แนะนำให้ลดการเขียนลง เอางานเขียนเป็นรายได้เสริม แต่ถ้ามึงไปทำแล้วไม่รอดหรือทำเพราะฝืนใจ มึงจะเสียทั้งขึ้นทั้งล่องนะ

224 Nameless Fanboi Posted ID6:FWXRt/WFlF

ปัญหาของกูคือ กูรู้อยู่แล้วไงว่าเขียนนิยายแม่งไปได้ไม่ไกล กูเขียนมาเกิน 10 ปีละยังทำรายได้รวมทั้งหมดไม่เท่าไร ในทางกลับกันงานนี้ถ้าเทรนผ่านได้ก็คือมั่นคงเลยเพราะเป็นราชการ

ที่กูไม่พอใจคือแม่งทำไมจู่ๆ ก็มาตอนที่กูกำลังเริ่มไปได้สวยนี่ล่ะ ถ้ามาตอนกูดาวน์ ปลงๆ นี่จะไม่ว่าเลย

225 Nameless Fanboi Posted ID6:wLc.n3FsLJ

แนวเทพซ่า นี่มันเป็นยังไงหว่า

แล้วตัวละครหญิงเป็นเทพซ่าได้ไหม

226 Nameless Fanboi Posted ID:gpWDqeU5XZ

>>225 เทพซ่าไม่จำกัดเพศ แค่เมิ่งใส่ตัวร้ายนิสัยน่ารังเกียจแต่เก่งและทำร้ายคนอื่น มาเปรี้ยวตีนตัวเอกเมิงที่เก่งกว่า เพื่อให้ตัวเอกเมิงโชวเทพ แค่นั้นก็เป็นเทพซ่าแล้ว

227 Nameless Fanboi Posted ID6:pafjbAYAPT

>>225 ตาม >>226 อีกอย่างคือ แนวเทพซ่าคือห้ามมีตัวละครใดก็ตามเก่งกว่าตัวเอก ถ้าจะให้เก่งกว่าก็ต้องมีจังหวะแพ้เพราะอะไรซักอย่างที่ตัวเอกแทบไม่ได้ออกแรง

แต่ข้อนี้อนุโลมได้ถ้าเกิดคนที่เก่งกว่าเป็นคนใกล้ตัวเช่น ผัว/เมีย พ่อ/แม่ หรือ อาจารย์

228 Nameless Fanboi Posted ID6:pafjbAYAPT

เสริมให้ ถ้ามึงมี Netflix ลองไปหาอนิเมะเรื่อง Bastard ดู นั่นน่าจะเป็นต้นตำหรับแนวเทพซ่าที่มาก่อนกาล เพราะเขียนมาได้ราวๆ 30 กว่าปีละ แต่เพิ่งได้ทำอนิเมะ

229 Nameless Fanboi Posted ID6:oB3Y300wgy

>>228 นิยายเทพซ่าที่เจอทั่วไปก็แค่ขายโชว์เทพกับลดความเทพของตัวร้าย เหมือนเอาเด็กม.6 ไปตบเกรียนกับเด็กป.6 แต่ไอ้ Bastard มันมีอะไรมากกว่านั้นอีก

230 Nameless Fanboi Posted ID6:Ru63bM6jsz

งั้น ถามอีกหน่อยมถ้าแต่งให้ตัวเอกค่อยๆกลายเป็นเทพซ่า ไม่ได้เทพซ่าเลยทีเดียว มีฝึกฝน ลองผิดถูกบ้างเล็กน้อย แล้วค่อยไล่ตบเกรียนไปเรื่อย เจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อหน่อย

เป็นแนวกึ่งเทพซ่า แบบนี้ยังถือว่าเข้าข่ายเทพซ่าอีกไหม

231 Nameless Fanboi Posted ID6:qYOmBzsDQV

>>230 ก็เทพซ่าอยู่ดี คอยไล่ตบเกรียนมันก็เทพซ่านั่นแหละ ปกติแนวเทพซ่าก็มาพร้อมกับการวนลูบ เกรดต่ำลงมาหน่อยก็เพิ่มความเบียว เน้นมันไม่เน้นตรรกะ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะมึง นิยายส่วนใหญ่ก็เทพซ่าทั้งนั้น แทนที่มึงจะมากลัวว่านิยายจะเทพซ่าไม่ซ่า มึงไปคิดดีกว่าว่าจะโฟกัสนักอ่านกลุ่มไหน เทพซ่าก็มีตลาดของเทพซ่าอยู่ แต่งไปไม่ได้เสียหายอะไร

232 Nameless Fanboi Posted ID6:oB3Y300wgy

มันมีอีกเคสที่ทำให้เทพซ่าดูน่าสนใจกว่าเทพซ่าเรื่องอื่น คือทำให้ตัวละครนั้นมีความเป็นมนุษย์จริงๆ มีความเป็นจิตวิทยาแต่ไม่ถึงกับเรียกตัวเองว่านิยายจิตวิทยาซะทีเดียว เช่น พระเอกเป็นเทพซ่าเพราะหลงตัวเอง เหลิงพลังอำนาจ กลายเป็นกับดักของคนหลงตัวเอง คนที่ไม่เคยลิ้นรสของความพ่ายแพ้มาก่อน แค่แพ้ครั้งเดียวแทบสติหลุดไปเลย ไม่เหมือนคนขี้แพ้ที่ไม่เคยลิ้นรสของชัยชนะ ที่ได้ชนะแล้วเหมือนรู้สึกหมดทุกข์ซะที หรือไม่ก็ใช้วิธีการสำรวจจิตใจว่า ความศรัทธาของพวกเทพซ่าจะใช้ได้ผลกับโลกได้แค่ไหน ถึงเก่งแค่ไหน แต่ถ้าศรัทธาของคนเทพซ่าขัดแย้งกับความจริง ตัวเทพซ่าจะยังยืนหยัดสู้เพื่อศรัทธาเดิมต่อไปหรือยอมรับความจริง

แต่ว่า การเขียนแบบนี้ทำให้เด็กเบียวไม่ชอบ เพราะชอบตัวละครมิติเดียวเท่านั้น ชนะกี่ครั้งก็ได้ แต่แพ้ครั้งเดียว คนอ่านทิ้งเมียหลวงไปหาเมียใหม่เลย

233 Nameless Fanboi Posted ID6:Ru63bM6jsz

>>232 ปกติคนที่ชอบอ่านแนวเทพซ่า คือพวกloser ใช่มะ เลยอ่านเพื่อสนองนี้ดตัวเอง เลยรับไม่ได้ถ้าต้องแพ้ศัตรู แต่ เมีย น้องสาวในฮาเรมเท่านั้นที่ยอมได้ อยากมากก็เสมอ(หรือเสมอก็ไม่ได้ฟะ ไม่แน่ใจ)

234 Nameless Fanboi Posted ID6:oB3Y300wgy

>>233 ก็ไม่เชิง แต่ยอมรับว่านักอ่านสมัยนี้ใช้สมองน้อยกว่าปกติ จะเขียนแนวต่างโลกระดับเดียวกับ The Chronicles of Narnia หรือ The Neverending Story ก็ไม่ได้ คนอยากเสพแต่ความสนุกแบบผิวเผิน ไม่สนว่ามันให้ข้อคิดอะไรบ้าง เหมือนเห็นเพชรแค่สวย ไม่เข้าใจคุณค่าของเพชร

235 Nameless Fanboi Posted ID6:qYOmBzsDQV

>>233 แนวเทพซ่าส่วนใหญ่จะเป็นเด็กวัยรุ่นวัยเบียว กับพวกที่ชอบอะไรแบบสะใจๆ หรือไม่ต้องใช้สมองมาก มึงลองหาแนวเทพซ่าสักเรื่องแล้วลองไล่อ่านคอมเม้นต์ดู แล้วจะรู้ว่าเป็นยังไง ถ้าตัวเอกกากปุ๊บ รุมด่ายังกะมึงไปฆ่าใครมา บอกตามตรงนะว่าเขียนนิยายแนวไหนก็จะได้นักอ่านแบบนั้นอะ ถ้านิยายมีตรรกะ มีเหตุผลก็จะได้นักอ่านอีกกลุ่มหนึ่งที่มีเหตุมีผล แนวเทพซ่าก็จะได้อีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นวัยเบียววัยมันส์ แนวสโลไลฟ์ก็จะได้อีกกลุ่มหนึ่งค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน

236 Nameless Fanboi Posted ID6:iAjIGYQtN1

>>233 ปัจจัยมีทั้งกลุ่มอายุ สภาพแวดล้อม และอะไรอีกหลายๆ อย่าง
บางคนอ่านก็เป็นเด็กน้อยที่โดนเลี้ยงมาแบบโลกหมุนรอบตัว บางก็เป็นคนวัยทำงานเจออะไรเหนื่อยๆ มาอยากจะหาอะไรเบาสมอง พวกหลวมชิสเทสที่ชอบแนวนั้นทั้งที่โตแล้วก็มี แต่ปริมาณจริงๆ คงไม่มาก(มั้ง)

กูเองก็ไม่ได้สำรวจตลาดมาหลายปีละ ไม่รู้แนวที่คนอ่านชอบมันเปลี่ยนไปขนาดไหน

237 Nameless Fanboi Posted ID6:Ru63bM6jsz

เทพซ่าสาย int มีไหมโม่ง อารมณ์คล้ายๆบักแสงในเดทโนต บักลู่โค้ดกีอัส ไรงี้ วางแผน ควบคุมทุกคน กำจัดศัตรูแบบเนียนๆ พวกนี่เทพซ่าไหม

238 Nameless Fanboi Posted ID6:7i3jnRMDOu

>>237 น่าจะโดนคนอ่านถล่ม ไม่ก็โดนืบก. ตัดจบไปแล้วล่ะ
ก่อนหน้านี้มีเรื่องที่ใช้คอนเซ็ปนี้อยู่รู้สึกชื่อเรื่อง Cheat slayer นะ แต่ออกมาได้ตอนเดียวโดนยิงทิ้ง เพราะดันไป parody ตัวละครเรื่องอื่นๆ มาให้เป็นตัวร้ายในเรื่องตัวเอง เลยจบที่โดนสาปส่งและยิงทิ้ง

239 Nameless Fanboi Posted ID:vz.zgPigNL

ทำไมวันนี้สาระมาเต็มจังวะโม่ง ไม่ได้เจอตั้งนาน

240 Nameless Fanboi Posted ID6:He.3Ga7drk

>>237 จะสร้างเทพซ่างั้นได้คือต้องลดความเบียวเพิ่ทความฉลาด แม่งยากสัสๆ555 เหมือนที่เขาว่าตัวละครไม่มีทางฉลาดกว่าคนแต่งอะ ถ้ามึงจะยัดพระเอกอัจฉริยะไอคิว 200 แต่มึงไอคิว 180 นี่ก็เกินความสามารถไป แต่มีตัวช่วยได้คือมึงต้องรีเสิร์ชหนักๆให้ข้อมูลแม่น แล้วแต่งพลิกแพลงสถานการณ์ให้พระเอกส่งเรื่อง ไม่ใช่เรื่องส่งพระเอกแบบเนิฟสมองตลค.รอบข้างเพื่อยกให้พระเอกดูอัจฉริยะขึ้นมาทันตาเห็น แบบพวกต่างโลกไปผลิตมายองเนสอะ ให้ตลค.โลกนั้นกลายเป็นคนโง่เพราะโลกนั้นไม่เคยมีใครผลิตมายองเนส พระเอกเป็นคนคิดได้คือโคตรฉลาดเหี้ยๆ

241 Nameless Fanboi Posted ID6:0wK5gcDDMD

เคยเจอนิยายบอกพระเอกมีไอคิวเกิน 300 แต่ปริศนาเสือกแพ้นักอ่านป.4 ในชีวิตจริง แสดงว่านักเขียนโง่เกิ๊น

242 Nameless Fanboi Posted ID6:3ZoxTEFeg9

>>241 ฝีมือไม่ถึง + ไม่หาข้อมูลมากกว่า นักเขียนแบบนี้มีเยอะในไทย กูเห็นมีนักเขียนบางคนไปให้ความรู้นักเขียนใหม่ประมาณว่าข้อมูลไม่สำคัญ เน้นกระแสและเนื้อเรื่อสนุกก็พอ อยากใส่อะไรก็ใส่ไป รับรองติดท๊อปชัวร์ด้วย

243 Nameless Fanboi Posted ID6:3ZoxTEFeg9

ต้องทำรายได้เท่าไหร่วะ เว็บมาสเตอร์ถึงจะขึ้นหน้าแนะนำให้ กูเห็นบางเรื่องแนะนำแล้วแนะนำอีกอยู่นั่นแหละ

244 Nameless Fanboi Posted ID6:wbEK8nat2O

>>242

245 Nameless Fanboi Posted ID6:0wK5gcDDMD

>>243 กูว่ายอดวิวหรือคอมเม้นนี่แหละ แต่ถ้าเขียนเป็น NC น่าจะหมดสิทธิ์

246 Nameless Fanboi Posted ID:a5pRZSSrxi

กูปรึกษากระทู้นี้ได้ป่ะวะ กูอยากเขียนแนวกึ่งๆฮาเร็ม มีโมเมนต์กับทุกตัวละครแต่จะไม่ล็อคคู่ เป็นแนว slice of life ที่เขียนเรื่อยๆไม่เน้นรักมาก ทีนี้คนที่ตัวเอกจะมีโมเมนต์ด้วยจะมีทั้งชายและหญิง ซึ่งกูคิดว่าจะเขียนแบบปล่อยให้ไหลไป เคมีตัวไหนดีก็ให้จบกับตัวนั้น หรือจะจบแบบฮาเร็มก็ได้ แต่เพื่อนกูบอกว่ามันดูไม่มีเป้าหมายโฟกัสครึ่งๆกลางๆไปหมด ถ้าจบ nl คนเชียร์ยูริ เชียร์วายจะด่ากูเอา ถ้าจบยูริหรือวายคนเชียร์ชญก็จะด่ากูเหมือนกัน

ใจกูอยากให้มันเป็นนิยายที่อ่านได้เรื่อยๆทุกเพศทุกวัย ไม่ได้อยากให้มันเป็นนิยายเฉพาะทางอะไรแบบนั้น สมมติกูปักแท็กวาย คนก็จะโฟกัสแค่ความรักระหว่างตัวเอกกับผู้ชายแล้วรอดูว่ามันจะรักกันตอนไหน คนอ่านชญไม่อ่านวายก็จะข้ามนิยายกูไปเพราะเห็นแท็กคำว่าวายหรือยูริ หรือกูไม่ควรแท็กอะไรเลย ไม่บอกอะไรทั้งนั้นว่าจะไปชช ชญ ญญ ให้อ่านไปเรื่อยๆพอ เพราะยังไงก็ไม่เน้นรักอยู่แล้ว

247 Nameless Fanboi Posted ID6:3ZoxTEFeg9

>>246 มึงก็จบแบบปลายเปิดไปดิ ประมาณว่าตัวละครที่จะจิ้นมีความฝันที่อยากทำ แล้วตัวเอกก็พาไปทำความฝันทีละคนอะ แบบเรื่องมุมมองนักอ่านพระเจ้า ที่พระเอกไปทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกทีมทีละคน จบแบบนี้รับรองไม่โดนด่า

248 Nameless Fanboi Posted ID:a5pRZSSrxi

>>247 ไม่ได้กะจะให้ปลายเปิดขนาดนั้น คนที่จะให้จบด้วยกับตัวเอกน่ะเป็นไปได้ทั้งชายและหญิง แต่ตอนเขียนคือไม่ล็อคคู่ เคมีไหนเข้ากันดีกูก็ให้จบกับตัวนั้นน่ะ เผลอๆเลือกไม่ได้กูให้จบฮาเร็มด้วย แต่ไม่ได้อยากแท็กวายหรือยูริเพราะเหมือนจะเป็นการเจาะจงเกินไป

249 Nameless Fanboi Posted ID6:m48.niEhaB

>>248 กุอ่านแล้วงงว่ามึงสับสนอะไร ในเมื่อมึงไม่เน้นเรื่องรักแล้วจะมาสนใจ #วาย ชช ชญ ญญ ทำไม? กลัวคนอ่านด่าเนี่ยนะ? มึงเอาเวลาคิดเรื่องพวกนี้ไปเขียนเนื้อเรื่องให้มันน่าสนใจเหอะ

มีเกมนึงชื่อ Omori เนื้อเรื่องแม่งดราม่าตับแตก แต่ตลอดทั้งเกมมีโมเม้นให้จิ้น ชช ชญ ญญ เต็มไปหมด กุเองก็จิ้นเพราะทุกตัวละครมันมีผลกระทบต่อกัน มันพลักดันตัวเอกให้ตัวเอกเติบโตจนถึงจุดนึงที่กูยอมอวยทุกอย่างที่เกิดขึ้น ขอให้แม่งรักกับใครก็ได้ จะจบกับใครก็ได้ แต่ขอให้มันมีความสุขสักทีเถอะ ตอนนั้นกูเองก็ไม่สนแล้วว่ามันจะจบกับชายหรือหญิง ทั้งที่กูไม่ชอบแนววายเลยแม้แต่นิดเดียว

250 Nameless Fanboi Posted ID6:4pJHnXlwWZ

15 วันเขียนมาได้ราว 100 หน้าแล้วแอบเกลียดตัวเองจังว่พ คือกูมีนิสัยชอบเขียนประโยคให้สมบูรณ์และไหลลื่น ซึ่งพอเขียนงั้นในนิยายแล้วก็รู้สึกว่าน้ำเยอะไป แต่พอลองตัดออกก็จะกลายเป็นว่ามันห้วนไปอีก

เป็นนิสัยเสียที่แก้ไม่ได้มาหลายปีล่ะ ไม่รู้จะทำไงดีว่ะ

251 Nameless Fanboi Posted ID6:XjP0e./HGb

>>250 ถ้านิยายมึงไม่ได้ขาย Speed run เทพซ่าที่ต้องเน้นไปเร็วอะไรขนาดนั้นมึงก็เขียนไปเถอะ กูอ่านนิยายกูก็ไม่ได้ต้องการเร็วอะไรขนาดนั้น

252 Nameless Fanboi Posted ID6:S8eZ4UGqbs

>>251 ทำไมเทพซ่าต้องเร็ว

253 Nameless Fanboi Posted ID6:rf9PA3VmYx

>>252 หลักๆ คือกลุ่มคนอ่านใจร้อน เนื้อเรื่องมันเลยต้องเดินตลอด ไม่มีเวลามาลอยชาย
ในขณะที่นิยายทั่วไป จะมีช่วงบท filler ใส่เข้ามาเสริมให้เนื้อเรื่องสมบูรณ์ ซึ่งอาจจะไม่มีผลกระทบกับเนื้อเรื่องเลย แต่ใส่เข้ามาเพื่อให้รู้ว่ามันเป็นไงมายังไง

ถ้าเทียบก็คือแนวเทพซ่าจะต้อง ข้าเทพ > ตัวร้ายมาหาเรื่อง > ตบดิ้นกลับไป
แต่ถ้าใส่ Filler จะเป็นแบบนี้ ข้าเทพ > ประกาศตัวว่าข้าเทพ > คนเริ่มหมันไส้ > ตัวร้ายมาหาเรื่อง > คุยโม้ใส่คารมณ์กัน > โดนตบดิ้นกลับ > ย้อนอดีตตัวร้ายให้คนอ่านเห็นใจ

254 Nameless Fanboi Posted ID:wyc23WPWA1

>>253 คุณภาพนักอ่านการดำเนินเรื่องนิยายซินะ

255 Nameless Fanboi Posted ID:wyc23WPWA1

เออ แล้ว แนวไล่ออกจากปาร์ตี้ นี่ฮิตหรือมีกระแสบ้างไหมในเด็กดี

เคยได้ยินว่าแฟนฟิคแฟรี่เทลเมื่อก่อนชอบแนวไล่ลูซี่จากกิลมาก

256 Nameless Fanboi Posted ID:jeW6CQtJXi

>>255 มันดังมาพักนึงแล้วแต่เป็นแบบมังงะ เมะ ส่วนนิยายกูเคยเจอนะแต่มีน้อยมาก ไปหนักระบบหมดเพราะกระแส Solo leveling

257 Nameless Fanboi Posted ID6:UZya2sDT8j

>>253 format นี้กูโคตรเบื่อ แถมโคตรไร้สมอง มีอะไรที่มันฉีกแนวไปหน่อยบ้างไหม

258 Nameless Fanboi Posted ID6:rh+h80akh7

แนวนิยายช่วงนี้ก็เริ่มเหมือนตันๆ กันละ พวกไล่ออกจากตี้ พวกแนวระบบ ครองตลาดมาหลายปีแต่ยังไม่มีแนวใหม่เข้ามาให้เห็นเลย

259 Nameless Fanboi Posted ID6:dIppaikoEi

>>258 เดี๋ยวรอกุแต่งเรื่องเก่าจบ กุจะเปิดแนวใหม่ 5555 (อันที่จริงแนวนี้มีมานานแล้วล่ะ แต่กุคิดว่ามันน่าจะบูมเร็วๆ นี้)

260 Nameless Fanboi Posted ID6:dkszlpnpS5

โอ้ยยมีใครเป็นมั่งวะ นั่งเขียนนิยายที่บ้าน จ้องจออยู่ทั้งวันได้แค่ไม่กี่หน้า
กลับกันแอบเขียนในออฟฟิตตอนว่าง ไม่กี่ชั่วโมงแม่งได้เป็นตอนๆ

สงสัยกูต้องขนไปเขียนระหว่างทำงานบ่อยๆ แล้วล่ะ แม่ง

261 Nameless Fanboi Posted ID6:XVWzj.WE5/

>>260 ที่บ้านมีอะไรให้ทำเยอะไง ดูหนัง ฟังเพลง มีอิสระในการทำหลายอย่าง เลยไม่มีสมาธิ แต่ที่ทำงานมันทำอะไรมากไม่ได้นอกจากงาน พอเบื่องานก็ต้องมานั่งปั่นนิยาย

262 Nameless Fanboi Posted ID:Bm0W40XJD+

>>260 แม่งเหมือนกูเลย อยู่ที่ๆ แต่งไม่ได้ ไม่สะดวกแล้วหัวโคตรลื่น มาเป็นฉากๆ ในหัวพร้อมเขียน พอกลับถึงบ้านเปิดคอมปุ๊บ ไอ่เหี้ยหน้าเวิร์ดเปล่า 3 ชั่วโมงเขียนไม่ออก จำที่นึกไว้ตอนกลางวันไม่ได้

263 Nameless Fanboi Posted ID6:lXIMaVaiZ5

คิดเหมือนกูมั้ย microsoft word กับ google docs ไม่เหมาะกับนักเขียนนิยายบางคน

264 Nameless Fanboi Posted ID:Bm0W40XJD+

>>263

กูที่เขียนบน notepad : อืม...

265 Nameless Fanboi Posted ID6:DTdcubko+J

>>263 มึงถนัดอะไรก็ใช้อันนั้น จบ

266 Nameless Fanboi Posted ID6:dLiCFI.uHg

ขอปรึกษาทีโม่ง นักแต่งมือใหม่ เคยอะไรสั้นๆมานิดหน่อย ชั่วโมงบินแทบไม่มี สายไลท์โนเวล

จะลองฝึกแต่งเรื่องดู ไม่เอาตัง คิดไว้ได้หลายพล็อต จะเอาอันดูง่ายสุดมาแต่ง แต่ไปๆมาๆ ลองเขียนพล็อตให้มันขยายขึ้น มันเริ่มซับซ้อน ขึ้นเรื่อยๆละ รู้สึกว่าอาจไม่ได้ฝึกเขียนซักทีถ้าเอาแต่ลงพล็อต กับ หาข้อมูล

เลยอยากถามว่าควรเปลี่ยนไปเขียนเรื่องที่ง่ายๆกว่านี้เลยรึเปล่า ไม่ซับซ้อนมาก setting ไม่ต้องแปลกใหม่มาก จะได้เขียนพล็อตกับทรีตเม้น ไม่นาน ไม่ต้องค้นคว้ามาก ได้ฝึกเขียนเร็วๆ

แบบนี้ดีไหม?

267 Nameless Fanboi Posted ID6:lXIMaVaiZ5

ลองเียนเรื่องสั้นแทนมั้ยล่ะ ตอนเดียวจบ

268 Nameless Fanboi Posted ID6:dkszlpnpS5

>>266 ถ้าเขียนแล้วพล็อตขยายไปเรื่อยๆ นั่นคือเรื่องปกติเลย

ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับแนวแฟนตาซี เพราะมันเหมือนสนามเด็กเล่นของเราที่อยากจะยัดอะไรมาใส่ตามที่ใจอยาก ที่จริงเขียนไปก็ไม่ผิดอะไร ยิ่งถ้าบอกเขียนไม่เอาตังก็หมายความว่าเขียนเอามัน ก็แทนที่จะมานั่งจำกัดความคิดตัวเองก็สู้ให้อิสระปลดปล่อยจินตนาการไปเลยดีกว่า

แต่ถ้าอยากเขียนเอาตังนี่คือจะใช้ความคิดแบบนี้ไม่ได้ละ เพราะมึงต้องเผื่อใจด้วยว่าเรื่องอาจจะไม่ได้รับความนิยม ต้องหาทางลงให้เร็วที่สุดเพื่อขึ้นเรื่องใหม่ ฉะนั้นพวกมืออาชีพจึงนิยมเขียนเรื่องที่ไม่ค่อยซับซ้อนก่อน เพื่อจัดสเกลเรื่องให้เล็กๆ แค่ให้จบภายในไม่กี่เล่ม ถ้าขายดีก็ค่อยขยายจักรวาลไปทีหลัง

269 Nameless Fanboi Posted ID6:pPmAos5So3

เออ เราพอคิดหาทางออกให้พล็อตไม่ขยายได้ละแต่ไม่รู่เวิคไหม ฝากโม่งให้ความเห็นที

คือกะจะใข้วิธีกำหนดตอนจบไว้ก่อนเลยว่าเป็นยังไง หรือควรเป็นยังไง แล้วกำหนดเลยว่ากี่ตอนจบ อาจจะยืดหยุ่นได้เล็กน้อย ห้ามเขียนเกินกว่านั้น และ กำหนดเดดไลน์วันที่เริ่มและวันที่ลงตอนจบ เลย
อารมณ์เล่นบทเป็นนักเขียน เขียนลงนิตยสารแล้วมีโควตาจากบก. ชัดเจนไรงี้
คิดอยู่ว่าถ้ามีเดดไล กับกำหนดจำนวนตอน ที่เป็นรูปธรรมชัดเจน น่าจะทำให้คุมการฝึกเขียนได้ดีกว่า ไม่งั้นตูติดนิสัยperfectionist เอาแต่แก้พล๊อต แด้ทรีตเม้น หาข้อมูล ไม่ได้เขียนซะที

โม่งว่าแผนนี้เป็นไง

270 Nameless Fanboi Posted ID6:/kFg7fE.B+

>>269 นั่นก็ปกติของการเขียน การเซ็ตตอนจบเอาไว้แล้วจะทำให้เขียนง่ายขึ้น เพราะนั่นหมายความว่าเรามีจุดหมายปลายทางแล้ว
แต่ปัญหาคือระหว่างทางนี่ล่ะจะคุมเรื่องอยู่มั้ย

ยกตัวอย่างเช่นเขียนแนวมาเฟีย เซ็ตตอนจบไว้แล้วว่า พระเอก-นางเอก จะไม่สมหวังและแยกจากกันเพราะเดินคนละทาง
แต่ระหว่างทางมึงอาจจะพาทั้งคู่หลุดไปต่างโลก หลุดไปยุคโบราณ หลุดไปนอกจักรวาล หรือสู้กับ ส.ส. นาโนแมทชีนก็ได้ อันนี้ไม่มีใครรู้และก็ไม่ใช่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่ได้ต่อให้มีจุดหมายปลายทางอยู่แล้ว

ถ้าให้แนะนำตรงๆ ถ้าอยากเขียนก็ควรพยายามลดความเป็น Perfectionist ลง ไอ้วิธีกำหนดกี่ตอนๆ จบน่ะทำได้ แต่มึงจะเครียดเพราะต้องคอยระวังไม่ให้ขาดหรือเกิน ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่มึงอยากเขียนแต่ดันเขียนลงไปไม่ได้เพราะกำหนดเอาไว้แล้วมันจะพาลทำให้มึงเกลียดการเขียนไป ส่วนใหญ่คนที่ทำแบบนั้นคือพวกรับจ้างเขียนตามใบสั่ง ไม่ได้อยากเขียนอะไรตามที่ตัวเองต้องการหรอก

271 Nameless Fanboi Posted ID6:fw8bFf.JtP

>>269 ลองแบ่งพาร์ทๆ ก่อนไหม แบ่งไปจนจบอะ ประมาณว่าพาร์ทนี้ตัวเอกไปเจออะไร กี่ตอนจบ เช่นพาร์ทแลกแนะนำตัวละคร กี่ตอนก็ว่าไป เจอเหตุการณ์เล็ก A กี่ตอน พักผ่อนกี่ตอน เจอเหตุการณ์ล็ก B กี่ตอน เจอเหตุการณ์ใหญ่ A กี่ตอน แบบนี้น่าจะทำหนดโครงเรื่องกับตอนจบง่ายขึ้น ส่วนจำนวนตอนที่กำหนดอาจจะไม่เป๊ะ แต่อย่างน้อยมึงก็สามารถนำแต่ละพาร์ทมาเป็นกรณีศึกษาว่า ทำไมมันถึงไม่พอหรือเกิน เดินเรื่องเร็วไปหรือเปล่า มีแต่น้ำหรือเปล่า น่าจะช่วยคุมเรื่องได้ด้วย

272 Nameless Fanboi Posted ID6:cCaZ4ZQVOV

ระบบอีบุ๊คก็มาว่ะ มีใครลองลงแล้วบ้างดีไหม

273 Nameless Fanboi Posted ID6:v+RChsTaCF

คิดพล็อตได้หลายพล็อต ระหว่างเขียนเรื่องที่อยากเขียนมากแต่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่อวที่เขียน
กับ
เขียนเรื่องที่อยากเขียนน้อยกว่า แต่มีความรู้พื้นฐานเรื่องที่จะเขียนแล้ว

ถ้าไม่ใช่แนวตลาดทั้งคู่ โม่งว่าเขียนแบบไหนดี

274 Nameless Fanboi Posted ID6:1TtH.yXCq5

>>273 ถ้าเป็นกูเลือกอันที่อยากเขียน แล้วค่อยๆ มานั่งศึกษาเอา
ทุกวันนี้กูเขียนแนวปลูกผักสร้างบ้าน กูนี่เอาแต่ดูคลิปในยูทูปศึกษาเอาเองตลอด

สำหรับกูถ้าเขียนไอ้เรื่องที่รู้อยู่แล้ว เขียนไปเขียนมากูจะเริ่มใส่ข้อมูลเยอะจนรู้สึก Nerds เลย

275 Nameless Fanboi Posted ID:5.ZvEeG151

>>273 เขียนเรื่องที่อยากเขียนแต่เขียนส่วนที่ตัวเองรู้ให้มากกว่าส่วนที่ไม่รู้ 70-30 80-20

276 Nameless Fanboi Posted ID6:BEd.vql731

ใครมีปัญหาเวลาขึ้นตอนใหม่แบบกูมั่งหว่า
แบบว่าไม่รู้จะบรรยายเกริ่นเวลาขึ้นตอนใหม่ยังไงก่อน เลยกลายเป็นว่าเขียนต่อไม่ออกซะงั้น
แต่ถ้าหาบทเกริ่นได้แล้วที่้เหลือจะเขียนออกมาลื่นไหลเลย

277 Nameless Fanboi Posted ID6:LVW7Oi4S12

>>276 กูก็มีนะ สุดท้ายก็ใช้คำเดิมๆ หลักจาก... เมื่อ... ก็คือบรรยายฉากต่อตอนที่แล้วเล็กน้อยอะ บางทีก็อยากได้ฉากเปิดบทใหม่จึ้งๆ แต่ว่ามันตันเพราะใช้ไปก่อนอื่นๆ หมดแล้ว

278 Nameless Fanboi Posted ID:mBrFX8L9MC

อยากแต่งแนว ผู้กล้า จอมมาร แฟนตาซี ทำสงครามกัน เน้นสงครามและการเมือง มากกว่าผจญภัย

แนวนี้แต่งยากไหมโม่ง ใช้เวลาหาข้อมูลนานไหมอะ? มีใครเคยแต่งมาก่อนไหม

279 Nameless Fanboi Posted ID6:346yeisaRh

>>278 เขียนยากไม่พอ หาคนอ่านยากด้วย

280 Nameless Fanboi Posted ID:t4UgQCnoi0

>>278 กูก็มองว่านิยายเขียนยากทุกแนวล่ะ นอกจากเมิงจะเป็นเด็กใหม่ เบียวถอดด้ามมาจากเวบอ่านการ์ตูนเถือ่น ไม่รู้ 4 รู้ 8 แบบนั้นล่ะก็นิยายแนวไหนก็เขียนง่ายหมด

281 Nameless Fanboi Posted ID:o0ENXk5vlD

>>278 จากคำถามที่มึงถามมาในหลายๆ คำถาม (ดูจากสำนวนการพิมพ์ก็น่าจะเป็นคนเดียวกัน) คือมึงเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลยอะ ซึ่งนับว่าเป็นข้อเสียร้ายแรงของนักเขียนเลยนะ ถ้าไม่มั่นใจ มึงจะโดนคนอ่านจูงได้ง่าย และเนื้อเรื่องมึงจะเละๆๆๆๆ สุดท้ายก็ตัน ไม่ไหว เท ทางที่ดีมึงแต่งไปเถอะ อย่างน้อยก็ได้แต่ง ถือว่าฝึกทักษะไป

282 Nameless Fanboi Posted ID6:xvLTbaicHf

https://www.dek-d.com/board/writer/4079615/
ไอ้กูก็งงว่ามันก็โปรโมทของมันเหมือนทุกที ทำไมมีเรื่องวุ่นวายได้ พอเปิดหน้านิยายเข้าไป อ้อ เปิดเรื่องใหม่ โถ่เอ้ย พอปิดไม่ให้เห็น IP นี่เอาใหญ่เล้ย

>>278 ส่วนมึงแต่งๆไปเหอะ ยากง่ายเชี่ยไรรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ คนจะเขียนต่อให้แม่งไม่รู้อะไรเลยก็สรรหามาเขียนได้ มาถามหาความมั่นใจจากคนอื่นไปทำไม ถ้าสิ่งที่ทำไม่ได้มาจากความต้องการของตัวเองเดี๋ยวมึงก็ฝ่ออีก

283 Nameless Fanboi Posted ID6:D6Gg0tIXMq

ถ้าออกแบบตัวละครไว้หลายๆตัว แต่ชอบพอๆกันทุกตัว อยากให้เป็นตัวเอกมันทุกตัว เเต่เลือกเป็นตัวเอกได้ตัวเดียว โม่งทำไง มิกคาแร็คเตอร์รวมเป็นตัวเดียวกันได้ไหม แต่ลองๆดูแล้วไม่น่าเวิค

284 Nameless Fanboi Posted ID:qWo7jJ0d+C

>>283 อยู่ที่การเล่าเรื่องล้วนๆ มึงจะให้เด่นร้อยตัวก็ยังได้ ถ้าคาแรกเตอร์ชัดเจน คนอ่านไม่สับสน มีเส้นเรื่องของใครของมัน

285 Nameless Fanboi Posted ID:qWo7jJ0d+C

>>282 กูว่าน่าเห็นใจนะ นักเขียนในเว็บนี้มีเยอะแยะ แถมการโปรโมตก็ทำแต่เรื่องเดิมๆ นักเขียนมือใหม่ก็ต้องดิ้นรนเป็นธรรมดา ลองมันไม่ทำอะไรเลยสิ โดนฝังกลบอะกูว่า

286 Nameless Fanboi Posted ID6:D6Gg0tIXMq

>>284 ประเด็นคือ มันเป็นตัวละครสายเดียวกันหมดเลยอะ ถ้าเอามาลงหมดคือ มันจะแย่งคาแรกเตอร์กันหมดเลย แถมมีผลต่อพล็อตด้วย เลยเลือกได้แค่คนเดียว

287 Nameless Fanboi Posted ID:qWo7jJ0d+C

>>286 คาแร็กเตอร์เหมือนกันหมด มันหลายตัวยังไงวะ ป้ารุจ คุณรุจ ยามรุจ จ่ารุจ งี้หรอ ตอนนี้อย่าว่าใครเป็นตัวเอกเลย มึงใส่ตัวละครพวกนี้มาก็โดนด่าละ คาแร็กเตอร์ไม่ชัดเจน เหมือนกันไปหมด ถ้าออกแบบไม่ได้ กูแนะนำให้มึงดูคนรอบตัวแล้วก๊อบคาแร็กเตอร์คนในชีวิตจริงมา ส่วนถ้าให้แนะนำตัวเอกว่าเอาแบบไหน ถ้าแต่งง่ายสุดก็เอาเอานิสัยตัวเองแหละ ยังไงคนเราก็ต้องทำให้ตัวเองดูดีอยู่แล้ว ไม่มีทางเขียนให้ดูแย่ คนไม่น่าจะด่ากัน

288 Nameless Fanboi Posted ID6:D6Gg0tIXMq

>>287 ไม่เชิงแบบนั้น เอาประมาณว่า อย่างเรื่อง โคนัน งี้ ตูจะหาพระเอก แต่ดีไซตัวละครที่เป็นนักสืบมาหลายตัว มีทั้ง คินอิจิ L นักสืบq คินไดอิจิ เชอล็อก ฯลฯ ซึ่งตูเลือกตวงละครพวกนี้มาเป็นตัวเอกที่จะรับบทนักสืบ ได้คนเดียวไรงี้ ใส่หมดจะแย่งบทการสืบกัน แต่ตูเลือกไม่ได้ว่าจะเอาใครมาแบบนี้เลือกพี่ก็เสียดายน้อง ว่างั้น ไม่รู้ทำไงดี

289 Nameless Fanboi Posted ID:qWo7jJ0d+C

>>288 รวมร่างโลดดด ถ้าอยากให้มีหลายบทบาท มึงใช้เสื้อกั๊กหลาย ๆ ตัวเอา ประมาณจอมโจรคิดอะ เวลาปกติก็เป็นอีกคน เวลาสืบก็เป็นอีกคน หรือมีเรื่องให้ต้องใช้อีกตัวตนหนึ่งก็เปลี่ยนอีกคนไรงี้ ถือว่าเป็นอีกลูกเล่นหนึ่งในนิยายดูน่าสนใจ

290 Nameless Fanboi Posted ID:Ll.xN0hQvc

>>288 ตัวเอกของเรื่องเมิงมองไม่เห็นแสดงว่าตัวเรื่องเมิงยังเละเทะปั้นเป็นก้อนไม่ได้อยู่เลย ไปทำเรื่องให้ชัดก่อนตัวเอกของเมิงก็จะชัดขึ้นมาเอง

291 Nameless Fanboi Posted ID6:cAP2gsIdxp

ปกติโม่งเขียนพล็อตก่อนแล้วค่อยใส่ตัวเอกตามพล็อต หรือ
สร้างตัวเอกก่อนที่ชอบแล้วค่อยใส่พล็อต ให้เข้ากับตัวเอก?

292 Nameless Fanboi Posted ID6:p69lejP7rO

>>291 แล้วแต่มึง (ไม่ได้ประชด)

293 Nameless Fanboi Posted ID:5a7w9.GnbU

>>291 แล้วแต่เมิง เมิงคิดว่าตัวละครเมิงเจ๋ง หรือเมิงคิดว่าพล็อตเมิงเจ๋ง ก็เอาอันนั้นนำแล้วอย่างอื่นก็ตามมาเอง

294 Nameless Fanboi Posted ID6:0lJNXx8ywZ

ระบบโดเนทมาแล้วว่ะ อย่างฮาเลยให้ไอเท็มเป็นส้มล้วน สปอนเซอร์ไร่ส้มน้ำส้มต้องเข้าแล้วไหม

295 Nameless Fanboi Posted ID6:rafFEpfw75

>>291 ของกูเขียนพล็อตก่อน เพราะกูเน้นเนื้อเรื่องมากกว่าตัวเอก
แทบทั้งหมดตัวเอกกูเป็นพวก Beta male คือค่อยๆ ให้ไหลไปตามเรื่อง ตามกระแสโลกและเหตุการณ์ เจอปัญหาก็แก้แต่ไม่ทำตัวเป็นศูนย์กลางโลก

แต่ถ้ามึงเขียนแนว Alpha male มึงควรสร้างตัวเอกก่อน จะให้เทพซ่าอะไร มีความาสามารถระดับไหน เพราะแนวนี้พระเอกคือศูนย์กลางของทุกอย่างในเรื่อง ยัดไปเลยให้ทุกอย่างดำเนินรอบตัวพระเอกอะไรทำนองนี้

296 Nameless Fanboi Posted ID6:cAP2gsIdxp

>>295 ใจมากโม่ง พึ่งรู้นี่แหละเรื่องเบต้า แอลฟ่า

297 Nameless Fanboi Posted ID:Gk8V2RYexp

โม่ง ถ้าเราคิดเขียนพล็อตที่คิดได้ไปถึงระดับหนึ่งแล้ว มีค้นคว้าด้วย แต่ยังไม่ได้ลงมือเขียนจริง
พอเวลาผ่านไป เกิดคิดเนื้อหากับการดำเนินเรื่องใหม่ได้ ซึ่งรู้สึกว่าดีกว่าที่อยู่ในพล็อตเดิม (อารมณ์รีไรท์ใหม่ก่อนเขียนจริง)

เราควรใช้พล็อตเดิมหรือเขียนพล็อตใหม่ดี

298 Nameless Fanboi Posted ID6:RTNfFdRX+U

>>297 ถ้ายังมีแค่พล็อตมึงก็เลือกเขียนไปเถอะ
พล็อตมันก็แค่โครงเรื่องคร่าวๆ จะปรับแต่งยังไงก็แล้วแต่ แต่ยังไงก็ต้องเอาให้แน่นให้แน่ก่อนจะลงมือเขียน เพราะถ้าเขียนไปแล้วเปลี่ยนพล็อตนี่คือเรื่องพังแน่

299 Nameless Fanboi Posted ID6:jaTONRALsR

>>298 เออ แล้วโม่งมีวิธีทำให้ไม่มานั่งแก้พล็อตเรื่อยๆไหม เขียนพล็อตไปจู่ๆก็นึกพล็อตที่ดีกว่าได้ตลอดแล้วก็แก้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้เขียนซะที

300 Nameless Fanboi Posted ID:tBPA/v9OlR

>>299 ไม่มีจ้า มีอีกทีคือรีไรท์เลยจ้า เพราะถ้าเขียนไม่จบก็ต้องแก้ไปเรื่อยๆ รอจบแล้วค่อยมาแก้รอบเดียวไปเลยดีกว่าจ้า ยังไงซะถ้าเริ่มเขียนแล้วมันไม่มีหรอกต้องมานั่งแก้ซ้ำไปซ้ำมา ที่ต้องแก้เพราะยังไม่เริ่มเขียนมากกว่า มันเลยไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องจะไปทางไหนดี

301 Nameless Fanboi Posted ID:IdleLW0zm8

>>299 ไม่มีจริงๆ นอกจาก Rewrite เลย
อย่างของกูนี่ตอนแรกวางแผนไว้ว่าเพื่อนพระเอกหักเหลี่ยมโหด โตมาด้วยกันแต่พอโตดัน ข่มขืนพี่สาวพระเอกงี้
พอเขียนไปซักพักรู้สึกว่าแม่งไม่เหมาะ + แรงไป เลยเปลี่ยนให้ฝ่ายเพื่อนพระเอกเป็นผู้หญิงแทนโลด ซึ่งมาแก้หลังเขียนจบไปแล้วเกือบ 2 เล่ม

302 Nameless Fanboi Posted ID6:CIZiuKRCdn

>>301 คือพอเป็นผู้หญิงแล้วยังไปข่มขืนพี่สาวพระเอกอยู่ไหม

303 Nameless Fanboi Posted ID6:zvbKE3GRR8

หน้าแตกเพราะเขียนผิด https://www.dek-d.com/board/writer/4079994/

304 Nameless Fanboi Posted ID6:HaQQilP0GG

ขอตัวอย่างนิยายNCแซบๆที่พวกมึงชอบกันหน่อยดิ กูอยากลองเขียนดูสั้นๆระบายความหงี่ แต่เผื่อเอามาขายด้วย

305 Nameless Fanboi Posted ID6:S9H9Qf1Zo/

โม่งไม่รู้ว่าเราคิดไปเองคนเดียวรึเปล่าแต่ เห็นมีหลายๆเรื่องเลย ลงไม่กี่ตอน การเขียนไม่เท่าไหร่ พล็อตก็ไม่ได้น่าสนใจมาก แต่มีคนดูเยอะถ้าเทียบกับหลายเรื่องๆ สังเกตว่า พวกนี้มีรูปปกสวย ส่วนใหญ่เป็นรูปพวกตัวละครอนิเม สวยๆ น่ารักๆ นั่นแหละ ก็อปมา แล้วขายเฟติสตรงกับชื่อเรื่อง/เรื่องย่อพอดี

แสดงว่ารูปหน้าปกนี่มีผลมากเลยใช่ไหม

306 Nameless Fanboi Posted ID:Eb6L4AWb9w

>>305 มาก

307 Nameless Fanboi Posted ID:Eb6L4AWb9w

>>303 ลบกระทู้หนีไปละ

308 Nameless Fanboi Posted ID:i/z3IS1AU.

>>304 แนะนำห้อง Literature แถวนั้นมีสายตรงเยอะ

309 Nameless Fanboi Posted ID:GMSzMLXFx3

>>305 ของสวยๆ งามๆ ใครๆ ก็ชอบ ถึงไม่อ่านก็ต้องกดเข้าไปดูบ้าง

310 Nameless Fanboi Posted ID6:G8YiW6ZI5S

เออ โม่ง เราพึ่งคิดได้ ถ้าแค่ต้องการฝึกแต่งนิยาย สร้างแฟนคลับ ไม่ได้กะหาเงิน แต่งฟิคจะไม่ดีกว่าหรอ มีคนอ่านอยู่ละ ตัวละครกับsetting ก็ไม่คิดเอง สบาย หรือว่าไม่ดี?

311 Nameless Fanboi Posted ID:Eb6L4AWb9w

>>310 มีเยอะแยะไป แต่งในด้อมที่คนสนใจกันเองอยู่แล้ว คู่จิ้นเรือผีอะไรก็ว่าไป บางคนเคยทำแฟนฟิคสักพักพอกระแสดีกลับลำเปลี่ยนชื่อเป็นเรื่องตัวเองก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ

312 Nameless Fanboi Posted ID:5gVmBCvR/7

>>310 ฟิกมันก็ดี ข้อเสียคือมึงเอามารีไรท์ขายไม่ได้ ตอนมีฝีมือแล้ว แล้วฐานแฟนคลับมึงจะน้อย เพราะฟิกมันมีแฟนคลับเฉพาะเกินไป

313 Nameless Fanboi Posted ID:LcopqjemK6

>>310 เมิงจะไม่ได้ฐานแฟนจากการเขียนแฟนฟิก คนที่เขียนแฟนฟิกแล้วคิดว่าเขียนอริแล้วจะมีคนมาตามอ่าน ร้อยทั้งร้อยคือผิดหวัง ติดยอดวิวติดคำอวยก็กลับไปเขียนแฟนฟิกเหมือนเดิม กูพิมพ์ว่าร้อยทั้งร้อย ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างไร

ถ้าเป้าหมายมึงคือนิยายอริจินอล ไปหัดวางพล็อตเขียนโครงเรื่องมีประโยชน์กว่า

314 Nameless Fanboi Posted ID6:T1/r1BuKOc

>>313 ok เห็นภาพเลย

315 Nameless Fanboi Posted ID:/5jRxFhq8J

เออ โม่งเก่งๆแถวนี้ มีแนวไหนที่อยากจะตะโกนบอกไรค์มือใหม่แบบกูไหมว่า
ถ้าชั่วโมงบินยังไม่มาก อย่าริเขียนเป็นเรื่องแรกไม่งั้นจะพังมากกว่าปัง

เราคิดออกเเนวนึง คือแนวสงครามกับสืบสวน ถ้าเขียนไม่เก่งพังแน่ๆ

316 Nameless Fanboi Posted ID6:kZdlSFgCTb

>>315 แนว NC เขียนเยสกันแล้วคนอ่านไม่มีอารมณ์ร่วมนี่มีแต่พัง

317 Nameless Fanboi Posted ID6:kZdlSFgCTb

ว่าไปแม่งเรื่องที่กูเขียนอยู่ตอนนี้ ตอนแรกตั้งใจจะเขียนเป็น LN บรรยายง่ายๆ ตอนนึงซัก 1500-2000 คำ เพราะเวลาเขียนน้อยเลยกะจะเอาแค่ขำๆ
แต่พอเขียนไปซักพักแม่งเริ่มจริงจังซะงั้น + ใส่สำนวนตัวเองเหมือนตอนเขียนนิยายปกติอีก ฮ่วย!
สุดท้ายตอนนี้ต้องมาพยายามจำกัดให้ไม่เกิน 3000 คำต่อตอน

318 Nameless Fanboi Posted ID:/5jRxFhq8J

>>317 เรื่องไรโม่ง ขอวาป

319 Nameless Fanboi Posted ID6:w6Mgy8NVXu

>>318 ยังเขียนอยู่ใน word อยู่เลย เพิ่งลากมาได้ 30 ตอน

320 Nameless Fanboi Posted ID6:T1/r1BuKOc

>>319 เขียนไป30ตอนนี่ ใช้เวลานานไหม กี่วันโม่ง

321 Nameless Fanboi Posted ID:prXoz.HAPy

>>318 ใครเขาขอวาร์ปนิยายกันในโม่ง เดี๋ยวก็โม่งแตกกันพอดี

322 Nameless Fanboi Posted ID6:Vck0cYFNoL

>>320 เริ่มเขียนก็ช่วงต้น ก.พ. น่าจะราวๆ เดือนเศษๆ ได้
นี่กูแค่เขียนแก้ว่างระหว่างงานไม่ได้ตั้งใจเขียนจริงจัง แถมตัดความยาวออกจากที่เขียนเมื่อก่อนเยอะด้วย แต่สปีดการเขียนนั้นใกล้เคียงกับเท่าเดิม คือ 1-2 เดือนต่อเล่ม ซึ่งหมายความว่าช่วง 5-6 ปีที่กูหยุดเขียนไปนี่ฝีมือตกเยอะแหละ

323 Nameless Fanboi Posted ID:xUVfoMRt3t

ทำไมแนวไปต่างโลก กับทะลุมิติสมัยนี้ มันต้องมีระบบด้วยตลอด มันไปเฉยๆไม่ได้หรอ

แล้วแนวเกมออนไลน์mmorpgนี่ ที่มีหน้าต่างสเตตัส มีหน้าต่างเควส มันถือว่าเป็นระบบไหม

324 Nameless Fanboi Posted ID6:+qepluHP10

>>315 อย่าเปิดตัวนิยายเรื่องแรกด้วยการวางโครงเรื่องเป็นไตรภาค ทำให้มันสนุกจนคนอ่านกล้าเอาไปแนะนำคนอื่นให้ได้สักเรื่องก่อน ถ้าภาคแรกคนไม่อ่าน มีแต่เนื้อหากลวงๆ เพราะเนื้อหาสำคัญโดนกั๊กไว้ทำภาค 2-3 มันคือการฆ่านิยายตัวเอง

325 Nameless Fanboi Posted ID6:rr71bpGrMN

>>323 มึงเมาอะไรอ่ะ มันก็เป็นแนวเกมออนไลน์ดิตามที่มึงบอก

326 Nameless Fanboi Posted ID:wD16M.tQVh

>>315 อย่าเขียนแนวที่เมิงไม่ถนัด อยากรู้ว่าถนัดแนวไหน ลองเล่าออกมาจากสมองโดยใช้ปากเปล่าแล้วอัดเสียงดู เสร็จแล้วเอามาเปิดฟังดู แล้วตัดสินใจเอาเองว่าเมิงเล่าออกมาเป็นยังไง

327 Nameless Fanboi Posted ID:wD16M.tQVh

>>323 กูจะบอกว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าเมิงจะมีหรือไม่มีระบบ ย้อนเวลาทะลุมิติเกิดใหม่หรือรัวซึมตามขอบหน้าต่าง
สนุก หรือ ไม่สนุก ต่างหากที่คนอ่านใช้ตัดสินเรื่องของเมิง

328 Nameless Fanboi Posted ID:Ng9c/fgPnX

>>323 เพราะมันขายได้ ดังง่าย คนชอบอ่าน แล้วระบบเกมใครๆ เขาก็มีกันถ้าเล่นเกม ส่วนระบบที่ไปกับตัวเอกมันระบบส่วนตัว มีแค่ตัวเอก มึงเข้าใจคำว่า ‘หนึ่งเดียวในโลก’ ไหม นี่แหละมันถึงล้ำค่าจนคนอ่านชอบกัน เพราะคนอ่านมักชอบให้ตัวเอกได้ของดีๆ ถ้าตัวร้ายได้ไป รับรองโดนด่าเละ

329 Nameless Fanboi Posted ID6:aVIdrCq4iC

ระบบมันเหมือนกับเป็นสิ่งคอยช่วยกลบจุดด้อยของคนเขียนด้วย อะไรที่กลัวคนอ่านไม่เข้าใจก็ให้ระบบเฉลยไปเลย แทนที่จะมาเขียนอ้อมๆ ให้ตัวละครมานั่งบรรยาย

เรื่องที่กูเขียนเองก็ไม่มีระบบ แต่มีตัวละครที่โดนกำหนดให้เป็นคล้ายๆ สปีดวากอน คอยบรรยายสิ่งต่างๆ คล้ายกับระบบอยู่เหมือนกัน โดยส่วนตัวกูมองว่ามันก็สะดวกดีกว่ามาบรรยายว่าตัวเอกกำลังเจอกับอะไรและมีที่มาที่ไปแบบไหน

330 Nameless Fanboi Posted ID6:DcQ5xE9iFZ

เออ แล้วแนวระบบนี่ เหมาะกับนักเขียนใหม่ไหม โม่ง

331 Nameless Fanboi Posted ID:HWnfuM61Xi

>>330 เหมาะที่สุดในสามโลก

332 Nameless Fanboi Posted ID:RhYkBkzYAP

จะว่าไปแล้วหลังแนวts ชายเป็นหญิง แอบมีเยอะขึ้น โม่งคิดงั้นไหม

333 Nameless Fanboi Posted ID6:CULATuLrPe

>>332 ของเก่าหลายปีแล้ว แต่มันดูเยอะขึ้นเพราะแนวนี้จู่ๆ ก็ได้ทำอนิเมะมากขึ้น มันเลยเหมือนว่าเพิ่งมาบูม ทั้งที่ตัวต้นฉบับเขียนมาหลายปีละ

334 Nameless Fanboi Posted ID6:CULATuLrPe

>>332 อัอโทษทึนึกว่าพูดถึงแนวเกิดใหม่แล้วจากชายเป็นหญิง

335 Nameless Fanboi Posted ID6:FnyDkQ0tGJ

ไอ้ตัวระบบในแนวระบบนี่ มันต้องมีมาแต่ตอนแรกเลยไหม ตัวเอกมาได้ระบบทีหลังได้ไหม รี้ดมันรู้เปล่าหว่าว่าเป็นแนวระบย ถ้าไม่โผล่มาตอนแรก

336 Nameless Fanboi Posted ID:Aj1qivXkol

>>335 ภายใน 3 ตอนแรกควรมาได้แล้ว ระบบก็ควรมีบทบาทด้วย ไม่งั้นมันจะเหมือนยัดระบบในเรื่องเพื่อเรียกกระแส

337 Nameless Fanboi Posted ID6:fW7a4Zco55

>>335 ถ้ามึงจะชูเรื่องระบบเป็นหลักก็ควรมีตั้งแต่แรกๆ ของเรื่องอะ เพราะคนอ่านเขาคาดหวังจะอ่านเรื่องเกี่ยวกับระบบ

338 Nameless Fanboi Posted ID6:3NbtWG+yQF

โม่งเขียนเล่มหนึ่ง นี่ควรมีประมาณกี่คำดีจะได้วางแผนได้ ถ้าเล่มนึงกะจะให้มีประมาณ300 หน้า ขนาดLN อะนะ

339 Nameless Fanboi Posted ID6:Qi.hKOfxaC

>>338 LN นี่ไม่รู้นะ แต่ถ้านิยายปกติประมาณ 70000-120000 คำ กำลังดีเลย น้อยไปก็บาง มากไปก็หนา ถ้าซอยตอนก็ประมาณ 2000-2500 คำ จะได้สามสิบถึงสี่สิบตอน ต่อเล่ม + ใส่ตอนพิเศษลงไปอีกนิดหน่อย

340 Nameless Fanboi Posted ID6:hIZ.dSxpXU

>>338 ถ้า LN เล่มนึงก็ตกราวๆ 120-150 หน้ากระดาษ A4 เพราะเวลาแปลงเป็นเล่มจริงๆ แล้ว LN จะใช้กระดาษ A6 ทำให้จำนวนหน้ามันเพิ่มขึ้นเยอะเป็นเท่าตัว ทำให้ความยาวเฉลี่ยตกที่ราวๆ 300 หน้ากระดาษพอดี

คำนวณ 1 หน้ากระดาษ A4 เขียนได้ราวๆ 300-500 คำ ก็คำนวณเข้าไป ตกที่ราวๆ 60000 คำนั่นล่ะ
แต่อันนี้คือกรณีต้องการทำแบบ LN เล่มเล็กนะ แต่ถ้าตั้งใจจะทำ LN เล่มใหญ่ ความหนาก็ต้องคูณ 1.5-2 เข้าไป ทำให้ความยาวก็เท่าๆ กับนิยายปกตินั่นล่ะ

341 Nameless Fanboi Posted ID:GfdkzMN9zH

ขอบใจโม่งทุกคนมาก กระจ่างดี

342 Nameless Fanboi Posted ID:Yfe/SXijyc

ถามหน่อยถ้าข้อมูลประมาณนี้ถือว่านิยายพอประสบความสำเร็จหรือมีอนาคตไหมโม่ง

มือใหม่ อ่านฟรี มือใหใเรื่องแรก ไม่nc ไม่ใช่แนวกระแส ไม่ใช่แนวจีน ระบบ ต่างโลก แต่ออกlnหน่อยๆ ลงตอนแรกช่วงพ.ย.65 มีประมาณ14-16ตอน คนดูรวมประมาณ6kกว่าๆ ค.คิดเห็นประมาณ 80กว่า คนติดตามประมาณ400

343 Nameless Fanboi Posted ID6:UVh/4ZBvNK

>>342 ถือว่ามีอนาคตนะ ควรลงตอนให้เยอะๆ คนจะเข้ามาอ่านกันเพิ่มขึ้นช่วง 30-50 ตอน เพราะ 14-16 ตอนถือว่าน้อยอยู่ เขากลัวค้างกัน แนะนำว่าให้ลงทุกวัน พยายามดันให้มันติดท๊อป 100 ให้ได้ มันจะเพิ่มโอกาสมองเห็นของคนอ่าน ส่วนจะประสบผลสำเร็จไหม รอลงสัก 30 หรือ 50 ตอนแล้วติดเหรียญดู ไม่ต้องติดแพงก็ได้ ถ้ามีคนยอมจ่ายแสดงว่านิยายมึงมีคุณค่าพอให้จ่ายเงินอ่าน ถือว่ามึงสามารถเขียนงานสร้างรายได้ได้แล้ว

344 Nameless Fanboi Posted ID6:3PNJdWQwyo

เขียนมาถึงกลางเล่ม 2 ละ เพิ่งสังเกตว่ากูเขียนแบบ Tell เกือบหมดเลยแฮะ

คือมาจนถึงตอนนี้กูไม่เห็นความจำเป็นต้องบรรยายแบบ show เท่าไรเลยแฮะ นอกจากกินหน้ากระดาษแล้วยังเขียนยากกว่า ตอนใช้ show จริงๆ มีแค่ตอนที่ตัวเอกเห็นอะไรซักอย่างแล้วถึงกับตะลึงอย่างเดียว ส่วนที่เหลือนี่กูเขียน Tell เรียบ

ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่คงซีเรียสตายแล้ว ทำไมถึงเขียน Tell อย่างเดียว มาตอนนี้เหมือนเขียนเอาอ่านง่ายเข้าไว้ก่อนเลยแฮะ ...เพราะแก่ขึ้นงั้นเรอะ!?

345 Nameless Fanboi Posted ID6:E6ec+ck.jf

>>344 ทำไมถึงคิดว่า Show ดีกว่า Tell เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ทักษะการเขียนกับพล็อตเรื่องมากกว่า ส่วนตัวเล่าแบบผสม แต่ Tell 80% Show แค่ 20% ก็ยังประสบผลสำเร็จนะ

346 Nameless Fanboi Posted ID6:xB.JwU0CXl

>>345 มันมีช่วงนึงราวๆ 5-6 ปีหรือมากกว่านั้น ที่เด็กดวกกำลังบูมการใช้ show เป็นหลัก ใครไม่เขียนแล้วจะโดนแขวนกันถ้วนหน้า โม่งเองก็ได้รับอิทธิพลมาเช่นกันรุมสับเละ ทำให้ช่วงนั้นต้องเขียน show เป็นหลักเลย

347 Nameless Fanboi Posted ID6:vmFC6K.BT6

>>345 มันก็แค่เรื่องความสอดคล้อง ถ้า tell ว่าพระเแกฉลาดมากแต่ละเรื่อง show โง่ไม่สมราคาคุยก็เท่านั้น แล้ว show มันเป็นเรื่องของการให้คนอ่านคิดด้วย ไม่ใช่จับยัด tell ทุกอย่างให้คนอ่านไม่ต้องคิด ถ้ามึงรู้จักสุริยะเทพก็น่าจะพอเข้าใจ

348 Nameless Fanboi Posted ID6:oE1mJ0FOB+

>>347 เรื่องบอกว่าพระเอกฉลาดแต่ Show โง่ ปัญหาอยู่ที่คนเขียนคุมตัวละครไม่ได้มากกว่า เหมือนไม่เข้าใจบุคลิกตัวละครตัวเองดี สร้างแบบกลวงๆ พอเจอเหตุการณ์หนึ่งก็ไม่ได้อ้างอิงจากนิสัยตัวละครเพื่อหาคำตอบของเหตุการณ์ เน้นแต่โชว์เทพ ที่กูสงสัยคือทำไมถึงคิดว่านิยายที่ดีต้อง Show มากกว่า Tell ทั้งที่มันไม่ใช่อะ อย่างที่ 346 บอกนั่นแหละ กูอยู่ในช่วงโม่งสับเรื่อง Tell ด้วย ตอนนั้นกูก็แต่งแบบ Show นะ แต่ว่าเรื่องล่าสุดแต่งแบบ Tell มากกว่า แล้วมันก็สร้างรายได้ครึ่งแสนภายในเวลาสามเดือนอะ มันเคยเกิดคำถามเหมือนด้านบนไง จะมาบอกว่านิยายที่ดีต้อง Show มากๆ เหมือนโม่งบอกเมื่อ 5-6 ปีก่อนมันไม่ใช่ละ (หรืออาจจะเพราะยุคสมัยเปลี่ยนวะ?)

349 Nameless Fanboi Posted ID6:vmFC6K.BT6

>>348 นิยายที่ขายดีไม่ได้แปลว่าเรื่องดี มันแค่ถูกจริตคนอ่าน สำหรับกูอ่านได้หมดละ ไม่ติดอะไรนะถ้ามันเขียนดี นิยายจีนที่กูอ่านหลายเรื่องเวลาโม้เรื่องพระเอกเนี่ยกูข้ามๆ เลยนะ เพราะต่อให้มึงคิดตามยังไงก็ไม่สำคัญ เพราะสุดท้ายคนแต่งก็จะ tell ในสิ่งที่คนแต่งคิดเท่านั้น

ที่คนมักบอกว่า show ดีกว่ามักจะเพราะคุณค่าในเชิงวรรณะกรรม แล้วแบบ show คนอ่านต้องคิดตามด้วย ข้อเสียของ tell คือมันทำให้ขาดความวิเคราะห์ด้วยตัวเอง อ่านเรื่องที่ไม่ได้ tell ตรงๆ ไม่ออก ขนาดหนังที่มีภาพประกอบแล้วคนก็ยังค.ว.ย.ไม่ได้เยอะแยะ นิยายที่มีแต่ตัวหนังสือก็ยิ่งมีปัญหาใหญ่ คนเลยมีกมองว่า show ที่ให้คนอ่านตีความเองได้มีกึ๋นกว่า หลายครั้งมันใช้เป็นการ foreshadow ได้ด้วย อย่างภาษากายบางอย่างที่แสดงออกไปแต่ไม่ได้บอกว่ารู้สึกยังไงก็เป็นการไบ้ได้ว่าคนนี้รู้สึกยังไงโดยไม่ทำให้ spoil คนอ่านต้องจับให้ได้จริงๆ ถึงจะเชื่อมโยงกันได้

อันนี้กู spoil ไททันนะ

ในมังกะฉากที่ให้กุญแจเอเรนตอนเด็ก กริช่า(พ่อ)คุยกับเอเรนตอนโตตลอด ตอนแรกคนคิดว่ามุมกล้องเท่ๆ แต่พอเฉลยมันทำให้รู้ว่าคนแต่ง show มาตลอด และเริ่มเชื่อมโยงเรื่องต่างๆ ว่าเอเรนทำอะไรบ้าง ข้อนี้จะไม่สมบูรณ์แบบหรือเป็นไปได้เลยถ้าไม่ใช้การ show don't tell พูดอีกแง่นึงคือการ show don't tell คือการเบี่ยงเบนความสนใจ การชักจูงผู้อ่านให้เข้าใจในสิ่งที่รู้ "แค่นี้" ก็พอ ส่วนคนอ่านจะคิดได้หรือคนแต่ฝจะทำได้สมบูรณ์มั้ยป็อีกเรื่อง

ถ้าเขียนยาวไปก็เอาสั้นๆ พอ การ show ที่ดีมันยาก ใช้สมองมากกว่า คนเลยให้ค่ามากกว่าการ tell แค่นี้ละ แต่เรื่องการขาย กูคิดว่าไทยเหมาะกับ tell มากกว่า เพราะคนไทยไม่ชอบคิดตาม ข้อนี้มึงดูละครไทยกับประเทศอื่นก็ได้

350 Nameless Fanboi Posted ID6:t0joX3QuFx

ที่แน่ๆ ถ้าตัวละครฉลาดกว่าคนเขียน ยิ่ง tell ยิ่งโง่ลง เพราะสมองของคนเขียนแม่งโง่กว่าตัวละครในเรื่อง ย้อมไม่รู้ว่าทำไงให้ตัวละครนี้ฉลาดอย่างที่พูด

351 Nameless Fanboi Posted ID:J4Zj1/+Qar

ภาคินัยไปดี RIP (ข่าวช็อควงการเลยนะ)

352 Nameless Fanboi Posted ID6:4LKsBIrAoL

ไม่รู้จักเลย ภาคินัยดังขนาดนี้เลยเหรอ

353 Nameless Fanboi Posted ID6:HvXOznqtxU

ไอ้แนวตัวเอกเทพซ่าเนี่ย ระหว่าง

เป็น เทพซ่าในเงามืด คอยเทพอยู่เบื้องหลัง ควบคุมโลกเบื้องหลัง เบื้องหน้าดูเป็นพวกไม่ได้เรื่อง อารมณ์เป็นพวกนักฆ่า ผู้นำองค์กรลับ กับ

แนวเทพซ่าออกนอกหน้าประชาชี อารมณ์ ทำงานเป็นแม่ทัพ นักรบ รับใช้วัง มีชื่อเสียงเรียงนาม โด่งดัง ในสังคม ประชาชนรู้จัก มียศ มีตำแหน่ง ทางการ

เทพซ่าแบบไหนที่สังคมชอบมากกว่ากัน

354 Nameless Fanboi Posted ID6:Nt7BKpDtTs

>>353 อันแรกเบียว+กาว แบบกาวทมิฬ
อัน 2 เบียว+เอ็ดจี้ แบบ Solo leveling
มันมีกลุ่มลูกค้าอยู่แล้วทั้งสองแบบจึงตอบไม่ได้ว่าแบบไหนคนชอบกว่ากัน

355 Nameless Fanboi Posted ID:e1fawlB7gp

>>352 ดังมากสมัยกูเด็ก (สมัยแจ่มใสครองโลก) เพราะหนังสือโซนสยองขวัญในร้านหนังสือทั้งแถบเป็นของเขา ห้องสมุดก็เจอเป็นสิบ ทำรักการอ่านต้องมีของเขาติดมาอย่างน้อยเล่มสองเล่ม ออกถี่ ออกบ่อย คุณภาพไม่แย่ เจ้าพ่อนิยายผีเลย ถึงกูจะได้ยินว่าหลังๆมุกมันจะวนๆก็เหอะ

356 Nameless Fanboi Posted ID6:z6Mc4nJZcC

ผู้หญิงนี่เขาชอบแนวแอดจี้รึเปล่า หรือมีแค่ผู้ชายที่ชอบ

357 Nameless Fanboi Posted ID6:Q1mZCBygMw

ไอ้พวกแนวต่างโลกที่ความจริงตัวเอกไม่ต้องมาต่างโลกก็ได้ ต่างโลกแทบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องเลย

แล้วเขาจะยัดให้ตัวเอกมาจากต่างโลกเพื่อ?
ถ้าทำเพื่อแค่เกาะกระแส ปัจจุบันมันยังเวิคไหมแบบนี้ ยัดเยียดต่างโลกเนี่ย?

358 Nameless Fanboi Posted ID6:Va/uUHeNI3

>>357 ไม่เท่าไหร่ ที่เวิร์คคือระบบ

359 Nameless Fanboi Posted ID6:99HJEYIOii

>>352 สิบกว่าปีก่อนทั้งชั้นหมวดสยองขวัญมีแต่งานคนนี้เลย ถึงไม่เคยอ่านแต่เห็นบ่อยจนจำชื่อได้

360 Nameless Fanboi Posted ID:YON25zx6co

>>352 ดังมาก ทรงพลังมากในสายสยองขวัญเลย เขายึดครองหมวดสยองขวัญไปหมด ลองเดินตามร้านหนังสือดู มีแต่ชื่อภาคินัยเต็มชั้น

361 Nameless Fanboi Posted ID6:vbGVugEXuX

เออ เรื่องระบบเวทมนตร์ในแนวแฟนตาซี นี่จำเป็นไหม เห็นมักจะบอกว่าจำเป็นต้องมี
แต่พึ่งอ่านLN มาสองเล่ม แนวแฟนตาซีเวทมนตร์จ๋า แต่ไม่มีตั้งระบบอะไรเลย แถมกำลังเป็นเมะด้วยนะ
ตกลงมันจำเป็นไหม

362 Nameless Fanboi Posted ID6:Zv42bYC+v/

>>361 ถ้ามึงคิดว่านิยายตัวเองดี แน่น มีกลุ่มลูกค้าชัดเจน ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ คนอ่านจะเป็นคนเลือกเอง

แต่ถ้ามึงเขียนอยากจะมีคนมาคอยตามเลีย เฮ้ย ตามเชียร์ ก็ต้องเขียนตามกระแส ซึ่งแนวระบบคือหนึ่งในแนวนั้น

363 Nameless Fanboi Posted ID6:vbGVugEXuX

>>362 เออ เราอาจเขียนไม่เคลีย โทษที รับบที่ว่าคือระบบเวทมนตร์อะ แบบ เวทมนตร์มีกี่แบบ ร่ายยังไง แบ่งยังไง เรียนยังไง ไรงี้
ซึ่งนิยายที่เราอ่านมันไม่มีเลย ตัวละครอยากร่ายเวทย์ก็ร่ายเลย

364 Nameless Fanboi Posted ID6:Va/uUHeNI3

>>363 มันควรจะมีทฤษฏีพลังบ้างนะ ไม่งั้นจะคุมสเกลพลังไม่อยู่

365 Nameless Fanboi Posted ID:zXxU5cn5ZM

>>363 ควรต้องมีหลักการเวทมนตร์ การสร้างองค์ประกอบย่อย ๆ ของโลกแฟนตาซีให้มีความสมจริงจับต้องได้ ก็ส่งผลต่อภาพรวมของเรื่องให้ดูจับต้องได้ตามไปด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องบอกคนอ่าน ไม่ต้องมาสาธยายระดับ ให้รู้สึกจูนิเบียว

ยิ่งไม่จำเป็นกับเรื่องที่เมิงจะเล่ายิ่งไม่ต้องพูด เพียงแค่เมิงแม่นในหลักการเวทมนตร์ของตัวเอง เมื่อถูกใช้บ่อย ๆ คนอ่านก็จะรู้สึกเอง

366 Nameless Fanboi Posted ID:Ca8XjB1MwU

>>361 อยากถามมากว่ามึงไปอ่านเรื่องไหนมา แฟนตาซีเวทมนตร์จ๋าแต่ไม่มีระบบเนี่ย
เท่าที่กูอ่านๆมาก็แจงได้3-4แบบแล้วนะ

คือถ้าจ๋าชนิดจ๋าจริงๆ มึงจะเจอความเบียวระดับทฤษฎีเวทเทพทัตหรือระบบเวทมนตร์หลากที่มาแบบซุยเมย์ไปแล้ว แหล่งปลดปล่อยพลังเบียวนักเขียนชัดๆ

รึถ้ารองลงมา ก็จะเป็นแบบที่ระบบเวทอะมีแต่จะไม่ได้บอกมากในเรื่อง ตัวเอกรู้เท่าที่รู้ นักเขียนก็บอกเท่าที่บอก อาจจะบอกพื้นฐานไม่ลงรายละเอียด แต่มันมีรายละเอียดซ่อนๆไว้อยู่จริงแบบที่โม่งด้านบนว่า ตัวอย่างก็รีเซโร่

ขั้นสุดคือเหมือนมี/ไม่มีระบบในเวลาเดียวกัน คืออาจไม่เน้นละเอียด แต่เน้นหยอดเน้นแทรกในเรื่องเหมือนเป็นlore ใช้ฝีมือสูงพอสมควรเพื่อให้คนอ่านคล้อยตามโดยไม่รู้สึกว่ามันdeus exมากไป หลักๆคือเกริ่นนู่นนี่เอาไว้ชาติกว่าแล้วหยิบมาโชว์ทีหลัง/ไม่โชว์เลยแต่เอ่ยถึงบ่อย มีประวัติศาสตร์นู่นนี่เกี่ยวข้องก็ว่าไป ตัวอย่างง่ายสุดก็เฟตล่ะมั้ง

อันที่ใช้กันเยอะสุดคือวางระบบไว้หลวมๆแต่ชัดเจนแล้วดิ้นไปให้สุด ตัวอย่างก็ไอ้พวกที่บอกระดับเวท บอกธาตุ แล้วจะแต่งเสริมเติมเพิ่มยังไงก็ใส่ไปตามใจ

1.ขึ้นกับพลังเบียวและเวลาว่าง
2.ขึ้นกับความเอาใจใส่
3.ขึ้นกับฝีมือ+ความเอาใจใส่และความเบียวอีกเล็กน้อย
4.ขึ้นกับความมักง่าย มีน้อยก็มีสิทธิแปลงไปเป็นแบบ2/3ได้ถ้าตั้งใจพอ

367 Nameless Fanboi Posted ID6:lJSm.dqSf9

ถ้าอิงตามเรื่องเก่าที่กูเคยเขียนกูนี่สร้างทฤษฏีระบบเวทมนต์ขึ้นมาเลย

ในเรื่องเก่าของกูเวทมนต์คือการหยิบยืมพลังมาจากตัวตนอีกโลกที่ในเรื่องเรียกว่ามาไค (แดนมาร) เป็นโลกที่อยู่อีกมิติหนึ่ง แล้วกูก็สร้างเรื่องขึ้นมาอีกว่าสิ่งมีในอีกโลกนั้นไม่มีกายเนื้อ แต่สามารถเรียกให้ปรากฎตัวหรือยืมใช้พลังได้โดยการแลกกับพลังเวทย์ของผู้ใช้ ซึ่งถ้าปริมาณพลังเวทย์จะใช้มากหรือน้อยก็จะขึ้นอยู่กับระดับพลังที่ยืมมา แต่ถ้าพลังเวทย์ไม่พอก็จะโดนดึงพลังชีวิตไปอะไรทำนองนี้ และหากใช้มากเกินลิมิตจะเกิดการกลายพันธุ์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างบิดเบี้ยวอะไรทำนองนี้ ทำให้ผู้ที่ใช้เวทได้จะต้องถูกลงทะเบียนและส่งไปโรงเรียนเพื่อเรียนรู้ + ควบคุมโดยองค์กรศาสนาอีกทีนึง ซึ่งในเรื่องเวทย์ประเภทนี้คือเวทมนต์ที่คนทั่วไปใช้กัน

แต่กรณีเคสพระเอกกูพิเศษ เพราะกูกำหนดพระเอกมีพลังเวทย์น้อยเนื่องจากเพิ่งใช้เวทมนต์ได้ตอนโต กูเลยสร้างระบบเวทย์ขึ้นมาอีกอย่างโดนอ้างว่าเป็นเวทย์สายตะวันออกของพวกเซียน โดยแทนที่จะยืมพลังจากอีกโลก ก็เปลี่ยนใช้กระแสพลังของโลกที่กูโม้ว่ามันถูกเรียกว่าปราณมังกรแทน ซึ่งปราณมังกรสามารถหยิบมาใช้ได้เลย ไม่ต้องจ่ายพลังเวทย์ ไม่เกิดการกลายพันธุ์ โดยอ้างว่ามันคือพลังของโลกจึงสามารถใช้งานได้โดยไม่ผลกระทบ แต่ก็กำหนดข้อเสียไว้เช่นกันคือ ในแต่ละพื้นที่มีความเข้มข้นของปราณมังกรไม่เท่ากันงี้ ทำให้เวลาใช้เวทย์จึงต้องคำนึงถึงพลังที่มีด้วย อีกอย่างคือกูกำหนดให้มันเป็นศาสตร์ลับของกลุ่มคนเล็กๆ ที่เร้นกายอยู่ในพื้นที่ลึกลับ คนพวกนี้เลยถูกเข้าใจว่าเป็นเซียนอะไรทำนองนั้น

ก็ประมาณนี้ เรื่องที่กูว่ามานี่ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหลายๆ เรื่องแล้วเอามาสร้างเป็นของตัวเอง ที่กูเอามาแชร์เพราะเรื่องนี้กูเลิกเขียนไปราว 5-6 ปีละ คงไม่ได้เขียนต่อ จำได้ว่าตอนนั้นเขียนเพราะแนวเทพเซียนกำลังบูม กูเลยต้องมาปรับ Element อะไรให้ดูคล้ายๆ เซียนเข้าไปหน่อยด้วย

368 Nameless Fanboi Posted ID6:lJSm.dqSf9

อนึ่ง แรงบันดาลใจของระบบเวทมนต์ชนิดแรก ถ้าจำไม่ผิดกูได้มาจากเกม Dragon Age Origin มั้ง

จำเนื้อเรื่องได้คร่าวๆ คือนักเวทย์ต้องเข้าญาณไปคุยกับปิศาจเพื่อทำให้มันเชื่อฟังเรา จะได้สามารถดึงยืมพลังเวทย์ของมันมาใช้งานได้ กลับกันถ้าดึงมามากไปก็จะโดนครอบงำ จึงต้องโดยส่งไปอยู่ที่วิทยาลัยเวทมนต์ที่มีสภาพคล้ายๆ คุก

ส่วนเคสพระเอก ถ้าจำไม่ผิดกูได้แรงบันดาลใจมาจากป้าร่ม Yakumo Yukari จาก Touhou นางใช้วิชาองเมียวและวิชาสายเขตแดน ตอนนั้นกูเลยต้องไปศึกษาเกี่ยวกับพวกวิชาซินแส วิชาฮวงจุ้ย และอีกหลายๆ อย่างเลยกว่าจะออกมาเป็นแบบนี้ได้

แต่ก็นั่นล่ะ น่าเสียดายที่สุดท้ายเขียนไม่จบ วางแผนไว้เป็นสิบๆ เล่ม แต่พอเขียนจบเล่ม 3 แม่งมรสุมชีวิตเข้าหลายอย่าง + รู้สึกเริ่มเป็นภาระเลยเลิกเขียนไปดื้อๆ เลย ถ้ากูยังเขียนอยู่ตั้งแต่ตอนนั้น ป่านนี้คงได้เป็นพันตอนละมั้ง

369 Nameless Fanboi Posted ID:9tdYfYoPpH

พวกมึงรู้ยัง โม่งจะต้องสมัครไอดีแล้วนะ

370 Nameless Fanboi Posted ID:K1WdpiEAK1

กูพอจะเข้าใจ >>361 >>363 ต้องการจะสื่อแล้วว่ะ คนไทยสมัยนี้ชอบสับสนระหว่าง ระบบเวทมนตร์ที่มีความเป็นเกม กับระบบเวทมนตร์ที่ไม่มีความเป็นเกม ไอ้เรื่องที่มันอ่านว่าไม่มีระบบเนี่ย มันก็คือระบบเวทมนตร์ที่ไม่มีความเป็นเกมเลย คิดว่า Game of Thrones เป็นแบบไหนล่ะ

371 Nameless Fanboi Posted ID:K1WdpiEAK1

ต้นกำเนิดของระบบเวทมนตร์ที่มีความเป็นเกม สันนิษฐานว่ามาจาก Sword Art Online เป็นอนิเมะซีซั่นแรกๆ กับเว็บตูนเกาหลี The Gamer มันเห็นภาพชัดเจนกว่าอ่านนิยายโดยไม่ต้องพูดมากความเลย (แหงล่ะ สื่อด้วยรูปภาพ ไม่ใช่ลายลักษณ์อักษร)

372 Nameless Fanboi Posted ID6:zYL6rPgWz/

ถามหน่อย คือเรากำหนดธีมไม่ได้ ซักที รู้สึกขัดๆ
อยากเขียนแนวแฟนตาซีอารมณ์ นางเอกโลลิ จากฝ่ายฮีโร่ โดนให้เข้าด้านมืดแต่นางเอกเข้าแค่ร่างกายใจไม่เข้า แต่ได้พลังop เทพซ่าไปละ
ไม่แน่ใจว่าจะเขียนออกโทน ดาร์ก หรือ โทนกาวดี ถ้าตัวเอกเป็นผู้ชายหัวดำแบบsolo leveling เราคงเขียนให้เอ็ดจี้ไปละ แต่พออยากลองอะไรใหม่ๆให้เป็นตัวเอกหญิงโลลิ นี่ เราคิดไม่แน่ใจแหะ โทนควรเป็นไง ผสมได้ไหม?

ถ้าเป็นโม่งจะเลือกยังไง?

373 Nameless Fanboi Posted ID6:59N9UuKYSW

ผสมไม่ได้หรอก โทนกาวมันตลกจัด โทนมืดมันดราม่าจัดๆ

374 Nameless Fanboi Posted ID6:59N9UuKYSW

ถ้ามึงเอาโทนกาว เลิกสนใจพลัง op แล้วหาทางคิดมุกตลกดีๆหน่อย กาวแล้วไม่ตลก อ่านยังไงก็ไม่ขำ

375 Nameless Fanboi Posted ID6:59N9UuKYSW

แต่ถ้ามึงเลือกโทนดาร์กและยืนกรานว่าพลัง op เป็นจุดขายนิยาย เคสมึงคือนางเอกได้พลัง op หลังเข้าสู่ด้านมืด เสียร่างกาย แต่จิตใจไม่แตกสลายใช่มั้ย งั้นกูขอแนะนำเลยว่า ตั้งกฎให้พลัง op ทำลายตัวเองมากกว่าเกิดประโยชน์ หรือเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าความตาย

376 Nameless Fanboi Posted ID6:Q8jqZR0E7X

>>373 ok ขอบใจมาก

377 Nameless Fanboi Posted ID6:gZNiKaa2xQ

ตอนแรกกะจะเขียนความยาวราวๆ ตอนละ 1000 คำเอาแบบง่ายๆ เบาสมอง แต่ไหงเขียนไปเขียนมาได้เฉลี่ยตอนละ 3000 เฉยเลยวะเนี่ย

378 Nameless Fanboi Posted ID6:.YieSwk0C3

1000 คำต่อตอน เรื่องย่อนี่หว่า

379 Nameless Fanboi Posted ID6:FKShppwjsi

>>378 กูเคยเจอคนเขียนต่ำกว่าพันคำต่อตอน

380 Nameless Fanboi Posted ID6:+.s1OGF11n

อันนี้กูก็สงสัยมานานแล้วเหมือนกันว่านิยายเว็บตอนนึงมันควรยาวกี่คำถึงดูไม่น่าเกลียดและไม่ยาวจนยืดเกินไป

381 Nameless Fanboi Posted ID6:IIFrt3b9Ow

>>380 กูเขียนลองเขียนลอกจาก LN ญี่ปุ่น/จีนยุคนี้ แม่งก็ราวๆ 1000-2000 คำเองนะต่อตอน
แต่ถ้าเอายุคก่อนหน้านี้ก็น่าจะตกราวๆ 2000-3000 คำอะ สังเกตเอาว่ามันจะมีช่วงที่เขาจะเคาะเว้นบรรทัด 2 บรรทัด ทุกๆ 6-10 หน้า ซึ่งตีได้ว่านั่นคือช่วงตัดตอน 1 ตอน พอดี

อย่างกูเนี่ยเขียนพยายามให้ไม่เกิน 3000 คำแล้วลองกลับมาอ่านเองก็ยังอยู่ในเกณฑ์ไม่สั้นไปและไม่ยาวไปนะ ในขณะที่เมื่อก่อนนี่พยายามยัด 5000+ แล้วรู้สึกว่าโคตรเยอะเลย

382 Nameless Fanboi Posted ID6:qwjYorr1Gh

โม่งอยากถามว่าในมุมนักอ่านสมัยนี้มันจะชอบตัวเอกเทพแบบไหนมากกว่ากัน

1. เปิดมาไม่เกินตอนสองตอนก็เทพเลย ไม่ต้องฝึกไร อารมณ์ตกหน้าผาแล้วจู่ๆก็ได้รับพลังจากเทพไรงี้ หลังจากนั้นก็เก่งและมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆแบบก้าวกระโดด

2. ได้รับพลังเหมือนกันแต่ไม่เทพทันที ต้องฝึก ลองพลัง ผิดถูก ก่อนสองสามตอน หลังจากนั้นก็เก่งขึ้น เติบโตขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็วแต่ไม่ก้วกระโดดแบบข้อแรก

ส่วนตัวชอบแบบสอง มันไม่mary sue แต่เท่าที่รู้มาคนสมัยนี้ใจร้อน ไม่โชเทพเกินสองสามตอนดรอปละ

และจากที่เคยอ่านมาแนวฝึกฝนนี่มันต้องใช้เวลาหลายตอนอยู่ในการบิ้ว ซึ่งอาจไม่ถูกจริตคนอ่าน

แต่เราก็แต่งได้ทั้งสองแนวละ เลยอยากถามหน่อย อ่านฟรีแต่ไม่มีแฟนคลับมาก่อน มองในมุมคนอ่าน แต่งแบบไหนดี ไม่อยากแต่งแล้วร้างอะนะ

383 Nameless Fanboi Posted ID6:sbmPHn4tyV

>>382 จากการที่กูไล่อ่านพวกติดท็อปเพราะอยากรู้ว่าเทรนด์เดี๋ยวนี้เบียวไปถึงไหนแล้ว มันจะเป็น1+2 คือเทพเร็วแต่มีฝึกนิดๆหน่อยๆพอเป็นพิธี บางเรื่องฝึกแบบไร้สาระไม่เป็นเหตุเป็นผลด้วยซ้ำ แค่เอาไว้อ้างฝึกแล้วเทพ(?) ถ้ามึงคิดบิ้วฉากฝึกหลายตอนคือเบื่อแน่นอน เต็มที่ต้องจบภายในหนึ่งพารากราฟ เพราะฝึกจบแค่สองสามบรรทัดยังมีมาแล้ว รูปแบบแนวนี้จะประมาณเจอกีกี้เก่งกว่า>>เราฝึกกลับไปตบ>>เจอกีกี้v.2>>เราฝึกกลับไปตบ>>เจอบอส>>เราฝึกกลับไปตบ สรุปฝึก=ฟาร์มเวลระยะสั้น

384 Nameless Fanboi Posted ID6:CDXKOvBhjT

>>383 สรุปแล้วแนวเทพทันที น่าจะนิบมกว่าซินะในยุคนี้ แต่ต้องใส่ฉากซ้อมนิดๆให้ดูไม่น่าเกียจเกินว่างั้น

385 Nameless Fanboi Posted ID:2E5hvj+A2M

ตอนนี้เด็กดีลง nc ได้แล้ว ยอดเป็นไงบ้างวะ พอจะแข่งกับรีดอะไร้ได้ไหม

386 Nameless Fanboi Posted ID6:TFrLmQnMcJ

เกิดอะไรขึ้นกับเรื่องh.a.c.k ของ อีนิกม่า
ในอดีตมีดราม่าอะไร เราไม่ทัน โม่งเหลาให้ฟังที

387 Nameless Fanboi Posted ID:qWhSh5z5St

>>386 เรื่องนี้แม่งนานมากแล้ว เอาแค่ที่กูพอจำได้มันถูกแยกเป็น 3 ประเด็นใหญ่ๆ

1.นักเขียนพลาดเดินเรื่องไม่เหมาะกับธีมวิทยศาสตร์และเทคโนโลยีจนทำให้นักอ่านกว่าครึ่งออกมาโวยวาย ไอ้ตอนที่เกิดเรื่องคือมีการเปิดตัวให้ตัวละครหนึ่ง แล้วอธิบายว่ามีความสามารถแฮ็คเพื่ออ่านใจคนอื่นได้ พวกคนอ่านก็ ห๊ะ! ทำไมอยู่ดีๆ ถึงมีความแฟนตาซีโผล่มาในเรื่องนี้ได้วะ ตอนแรกๆ ยังต้องหาทางอธิบายแทบตายกว่าจะโม้ว่าทำแลปท็อประเบิดใส่ตัวร้ายจนหนีมาได้แบบล้ำๆ แล้วไม่โดนจับผิดเรื่องพลอตโฮล

2.นักเขียนดองนิยาย สัญญาไม่เป็นสัญญา บอกจะมาต่อแล้วมันก็มา... แต่มาในปีถัดไป แถมพอมาก็ต่อได้ไม่เยอะแล้วหายหัวต่อ ทั้งๆ ที่หน้าเพจในเฟสมีการเคลื่อนไหวตลอด งานหนังสือแต่ละปีมีหนังสือเรื่องนี้ออกวางขาย แต่ความหนาของแต่ละเล่มแม่งน้อยลงเรื่อยๆ เล่มล่าสุดโดนล้อบอกนึกว่าการ์ตูนขายหัวเราะ

3.ประเด็นสดๆ ร้อนๆ ไม่นานมานี้คือความผิดปกติของท็อปนิยายในเด็กดวก เพราะนอกจากจะไม่ได้อัพมานาน จำนวนคนอ่านก็ไม่ได้เยอะแบบถล่มทลายอะไร แต่เรื่องนี้เสือกติดท็อปด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ คนก็เลยพากันสงสัยว่าติดได้ไงวะ

โม่งคนไหนมีข้อมูลเสริมก็เพิ่มให้กูด้วย เพราะกูไม่ได้เข้ามาในนี้นานแล้วเหมือนกัน

388 Nameless Fanboi Posted ID6:qmnVfN39GS

>>386 ไปเจอดราม่าไหนอีกชี้เป้าดิ กูจะไปมุง

389 Nameless Fanboi Posted ID6:TFrLmQnMcJ

>>388 อ่านในมู้โม่งนี่แหละ อันเก่าๆเห็นมีคนพูดถึงh.a.ck. มีดราม่าอะไรในอดีต บังเอิญเราเคยเป็นแฟนคลับชอบอ่านเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ไม่ได้ตามตอนหลัง

390 Nameless Fanboi Posted ID6:TFrLmQnMcJ

>>387 ขอบใจมาก แล้วประเด็นเรื่องปั่นยอดวิวละ คุ้นๆว่าเคยเห็นมีคนโพส

391 Nameless Fanboi Posted ID6:qmnVfN39GS

>>389 อ้อ นึกว่ามีดราม่าใหม่อีก
>>390 ก็ในข้อ3 คือติดท็อปค้างนานผิดปกติทั้งที่คนเขียนไม่อัปแล้ว พอมีคนมาถามในบอร์ดว่าแม่งปั้มวิวป่าว wm ทำไรอยู่ ดูก็รู้ว่าผิดปกติ wmค่อยโผล่หัวมารับเรื่อง มีบอกว่าก็จับตาอยู่ สงสัยเหมือนว่าทำไม(แต่มึงเป็นคนดูแลเว็บนะปล่อยทิ้งเฉยๆงี้เป็นเดือนเลยดิ) สักพักมาแถลงว่าพบการใช้บอทจริงเลยแก้กลับละ เออแม่งต้องให้คนมาท้วงก่อนอะถึงจะยอมจัดการ ถ้าไม่มีคนตั้งมู้ถามคือจะปล่อยเบลอไปเรื่อยๆอะนะ

392 Nameless Fanboi Posted ID6:qYNOC3bE56

พูดถึงtraining arc ในนิยายยุคนี้

เราไปอ่านLN มาหลายเรื่อง เอาจริงๆทั้งต่างโลกไม่ต่างโลก ถ้าไม่ใช่แนวเปิดมาopเทพซ่า เลยเราเห็นมันก็มีฉากฝึกเป็นตอนๆทั้งนั้น หลายเรื่องก็ดังๆเป็นเมะ เช่น ไอ้เรื่องรูดี้ นักฆ่าเกิดใหม่ assasin pride ฯลฯ

แต่พอเป็นนิยายเด็กดี ไหงถึงไม่ชอบฉากฝึกยาวหน่อย ต้องสั้นไม่กี่บรรทัด ถึงขายดี ฝึกแบบขอไปที การพัฒนาตัวละครเลยไม่ค่อยมี เหมือนคนไทยใจร้อนอะนะ

393 Nameless Fanboi Posted ID6:F59u7UtbOH

>>392 ขี้เกียจรอกันไง อยากเห็นเทพซ่าไวๆ เลยต้องให้ได้สกิลโกงง่ายๆแบบมักง่ายไปเลย555

394 Nameless Fanboi Posted ID:MrqGgSr8v5

>>392 สื่อแบบเป็นภาพมันเสพง่ายกว่าด้วย ถึงจะเป็นบทฝึกแต่ถ้ามาเป็นอนิเมะเด็กๆ ก็ดูได้อะ ส่วนนิยายมันเป็นตัวอักษรเลยทำให้บางทีอยากข้ามเลยต้องทำสั้นๆ ไว้ก่อนเพราะพวกรอไม่ได้มันเยอะ

395 Nameless Fanboi Posted ID6:JSnT+03cVy

>>392 ไม่หรอกไอ้คนที่บ่นๆ กันนี่คือไม่ใช่คนอ่านอะ

คนอ่านจริงเจอฉากฝึกยังไงเขาก็อ่าน เพราะเนื้อเรื่องมันไม่ได้มีแค่การฝึกอย่างเดียว มันมีทั้งค้นพบอะไรใหม่ๆ วิชาใหม่ๆ การใช้พลังใหม่ๆ เข้ามาด้วย แต่ขึ้นชื่อว่าฝึกไง เลยยังเขียนออกแนวกั๊กๆ ไว้อยู่มันเลยดูเผินๆ เหมือนเรื่องไม่เดินทั้งที่มันก็เดินต่อตามปกติ

ส่วนคนบ่นอะ คือคนนอกหรือไม่ใช่ขาประจำเข้ามาคลิ๊กอ่าน แล้วเจอเหมือนกับตอนฝึกเลยบ่นว่าไม่ชอบ

396 Nameless Fanboi Posted ID6:loz7wutI+L

>>395 เห็นด้วย ต่อให้นิยายเทพซ่าข้ามช่วงการฝึกยังไง ถ้าคนอ่านไม่ยอมฝึกฝนการอ่าน เขียนให้ตายได้รางวัลออสก้าหรือเน็ตฟลิกยังไงก็ไม่อ่าน สักแต่จะขอสปอยเรื่องท่าเดียว เดี่ยวเจอเวอร์ชั่นรีไรท์แล้วคนอ่านสายฉาบฉวยบ่นด่าว่า ทำไมคลิปสปอยไม่เหมือนหนังสือวะ ก็คลิปสปอยไม่ได้ตามรีไรท์ไง

397 Nameless Fanboi Posted ID6:TZsk7ie4Jc

เขียนตอนสั้นไป มีเรื่อง https://www.dek-d.com/board/writer/4083738/

398 Nameless Fanboi Posted ID6:yyVb8upZuN

>>397 ทำไมไม่ดองไว้หลายๆตอนแล้วค่อยอ่าน? เงื่อนไขไม่ได้ยากขนาดนั้น ลองเปลี่ยนตัวเองให้ง่ายขึ้นแล้วชีวิตจะดี

399 Nameless Fanboi Posted ID6:Hn//dkDETw

>>397 เฮ้ย เขาวิเคราะห์ได้ดีอยู่นะไม่ได้แค่บ่นเอามัน อย่างจึ้งเลยตรงที่บอกนักเขียนเป็นไงก็ได้นักอ่านยังงั้น555 พวกนิยายตอนสั้นนี่เม้นทวงเยอะกว่านิยายตอนยาวจริง ไม่แค่เพราะจำนวนตอนเยอะกว่าด้วยนะ เนื้อหาเท่าๆกันเลยกูเคยลองเอาจำนวนคำมาบวกเทียบกันสองเรื่อง เรื่องนึงตอนสั้น 20 ตอน อีกเรื่องลงตอนยาว 15 ตอน ได้ประมาณสองหมื่นกว่าคำทั้งคู่เลย แน่นอนว่าตอนสั้น 20 ตอนเม้นเยอะกว่าตอนยาว 15 ตอน แต่ส่วนใหญ่คือจะเป็นเม้นเร่งอะแบบไรท์รีบลง ไรท์เมื่อไหร่จะมา ส่วนตอนยาวคือเม้นแบบนี้ก็มีแต่น้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นคุยในตอนเช่นพระเอกโชว์เทพแล้ว รอตอนต่อไปนะไรท์ ไม่ค่อยมีการเร่งอะ
คุ้นๆว่าเคยมีโม่งบ่นไรงี้ไว้ สมัยนี้นิยายเน้นซอยตอนลงสั้นๆ ก็เหมือนบดให้คนอ่านกลืนง่ายไม่ต้องเคี้ยวเหมือนพวกนิยายสมัยก่อนที่ตอนยาวๆ ผลคือนักอ่านจะอิ่มง่ายอิ่มไวแต่ไม่อิ่มนาน แป๊บๆแม่งก็ย่อยอะ กลายเป็นนิยายมันจะไม่น่าจดจำเท่านิยายตอนยาว ทุกอย่างแม่งต้องไวแป๊บๆไทม์สคริป

400 Nameless Fanboi Posted ID6:Hn//dkDETw

>>399 เดี๋ยวพิมพ์ผิดๆ ได้ประมาณสี่หมื่นคำสิ อันนี้กูดูตอนยาวคือเขาเริ่มที่ตอนละ 3-5,000 คำ ส่วนตอนสั้นคือ 1,500-3,000 คำ เฉลี่ยๆนะ เพราะบางตอนยาวก็ล่อซะหมื่นคำในตอนเดียว แม่งสามารถซอยได้สองตอนเลยนะนั่น555 ส่วนตอนสั้นคือบทสั้นก็แม่งแค่พันสองงี้แบบมึงอั้นไว้เพื่อ
ส่วนจำนวนหน้ากูไม่ค่อยเชื่อว่ะ เจอจัดแบบโกงหน้ากระดาษก็มีเว้นวรรคไว้ปลูกหญ้า เคาะย่อหน้าเผื่อนิ้วเบียดตอนไถจอเรอะ ตอนนึงมีสิบหน้าแต่ทั้งตอนมีจำนวนคำแค่สองพันกว่าๆก็เจอมาละ

401 Nameless Fanboi Posted ID:bInf+sFi30

อยากสับนิยายต่างโลกในเด็กดีที่เขียนไปได้ประมาณ 20 ตอน ใครมีแนะนำบ้าง

402 Nameless Fanboi Posted ID6:XOZQfXtHG2

กูเฉลี่ยอยู่ราวๆ 3000 คำ แต่ช่วงหลังๆ ก็เริ่มเหลือซัก 1800-2500 ละแฮะ คือสปีดกูปั่นได้แค่นี้ Orz
แต่กูเคยคิดนะว่า 3000 คำนั้นสั้น แต่พอเนื้อหาหลายๆ ตอนเอามารวมเป็น 1 ตอนใหญ่แล้วแม่งยาวกว่าสมัยก่อนที่กูเขียนอีก

403 Nameless Fanboi Posted ID6:dUDIQCcd9H

>>401 มึงสนใจเรื่องไหนก็เลือกเรื่องนั้นมาเลย

404 Nameless Fanboi Posted ID6:2V7+VyZ6qn

>>401 งั้นลองสับเรื่องพวกนี้ดูโม่ง เราอ่านๆไปบ้างอยู่ เรตติ้งกับภาษา การเขียนถือว่าใช้ได้ และไม่ถึงกับซ้ำซากมากนัก
อนึ่งเราไม่ได้เป็นหน้าม้าให้ใครนะ

tentacles empress

https://writer.dek-d.com/Sikaii13/writer/view.php?id=2222255

น้องสาวพระเจ้า

https://writer.dek-d.com/MelonpangS/writer/view.php?id=1806750

ความฝันคือนักผจญภัย

https://writer.dek-d.com/Donlnwza/writer/view.php?id=1991311

405 Nameless Fanboi Posted ID6:ihtTsXbg8u

>>404 เปิดเรื่องแรกมาก็เตือนnc แถมเป็นแนวที่กูขยะแขยงสุดๆ

406 Nameless Fanboi Posted ID6:2V7+VyZ6qn

>>405 สับเลยโม่ง เราอยากเห็น

407 Nameless Fanboi Posted ID6:WOS3..RHKK

เอิ่ม จำเป็นต้องเพิ่มหมวดเหรอวะ https://www.dek-d.com/board/writer/4083903/

408 Nameless Fanboi Posted ID6:yJ1moFBGfL

>>404 เด๋วสับๆ

409 Nameless Fanboi Posted ID6:dSXLXMrC+z

>>404 เพิ่งกดเข้าไปดู มันมีเป็นร้อยตอนเลยนี่นา ขี้เกียจอ่านอะ มีแบบเพิ่งเขียน 20 ตอนไรงี้ไหม

410 Nameless Fanboi Posted ID6:ZBzrGttxuW

>>409 ลองเรื่องนี่ดูซิโม่ง 24 ตอนน่าจะใกล้ๆ20ตอนอยู่ ลองอ่านดูบ้างอย่างน้อยก็ไม่ใช่พวกเอ็จจี้ เบียว คชั่งฮาเร็ม นางเอกเป็นตัวเอก

https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=2333726

411 Nameless Fanboi Posted ID6:dSXLXMrC+z

>>410 อ่านได้แค่ 5 ตอน ทนอ่านต่อไม่ไหว จะอธิบายสิ่งที่กูเกลียดละกัน

1. ชื่อญี่ปุ่น ทำให้ดูเ บีย ว
2. การบรรยายห่วย ให้อารมณ์ไ ลท์โนเวล ทำให้เรื่องไปไวเกินไปเหมือนดูสปอยหนัง ขาดอารมณ์ร่วมมาก ๆ (ความไม่ชอบส่วนตัว)
3. ใช้ภาษาผิด ๆ ถูก ๆ เช่น "เชื่ออย่างจมปลัก" คือเชี่ยอะไร ต้อง "เชื่ออย่างสนิทใจ" สิ

เนื้อเรื่องคร่าว ๆ เท่าที่อ่านคือ นางเอกเป็นหุ่นยนต์ AI ที่ถูกสร้างขึ้นในโลกอนาคต (ที่ล่มสลายไปแล้วด้วยเหตุผลใดก็ไม่รู้ ฟีลหลังวันสิ้นโลก) พระเอกมันทนไม่ได้ที่นักวิทยาศาสตร์คนอื่นจะเอานางเอกไปใช้เป็นอาวุธ ก็เลยเปิดรูหนอนดูดทุกคนไป นางเอกได้ไปต่างโลก สู้กับโจรป่า ช่วยเหลือเจ้าหญิงเอาไว้ได้ เป็นเพื่อนกับเจ้าหญิง อะไรทำนองนั้น

412 Nameless Fanboi Posted ID6:M3f2QE7r5B

ยิ่งอ่านยิ่งงงคนเม้นว่า มันเข้าใจจุดขายจองตัวเองจริงๆรึเปล่า
https://www.dek-d.com/board/writer/4084207/

413 Nameless Fanboi Posted ID6:y7P7u3GFid

>>412 10เม้นต์แรก ไม่ถึงครึ่งที่บอกจุดขายตัวเองได้ถูก

414 Nameless Fanboi Posted ID6:hb0yZMRr4O

>>412 เน้นโฆษณากันจัง กูไม่ค่อยเข้าบอร์ดเท่าไหร่อะ ถ้าเข้าก็ไปอ่านคอมเมนต์พวกปิดตัวตน อันนั้นดูมีสาระสุดละ ที่เหลือส่วนใหญ่จะหลักการแฝงโฆษณา

415 Nameless Fanboi Posted ID:CLSzF0UpSm

นิยายบนเว็บ นักเขียนจะถูกกดดันจากนักอ่านถึงความเทพของพระเอก มึงลองไปเขียนฉากให้ตัวละครตายแบบหดหู่ดึงอารมณ์ หรือพระเอกกากแพ้สักครั้ง ฝึกยาวๆ อธิบายทฤษฎีของพลังในเรื่อง+หลักการของการได้พลัง + การฝึกสักที่มึงอุตส่าห์ใช้สมองคิดแทบตายสัก 3-4 ตอนดู มึงจะโดนนักอ่านหลายคนด่าทันทีว่า มีแต่น้ำ ขอเนื้อๆ ไม่คุ้มเงิน

กลับกันไอ้พวกนี่แม่งจะไปอวยนิยายระบบ นิยายที่ตัวเอกแม่งเป็นสวะ ดีแค่โชคดีได้ระบบช่วย เป็นหุ่นเชิดระบบ เก่งโดยไม่ต้องฝึก เป็นนักเรียนอยู่ดีๆ จับดาบปั๊บกลายเป็นเทพดาบทันที ทำนองนี้ ตบเกรียนวนลูบ อันนี้คือกูก็ไม่เข้าใจ สุดท้ายถ้ามึงอยากได้เงิน ได้ยอดอ่าน มันก็บีบให้มึงต้องลดเนื้อหาเรื่องการฝึก + กับอธิบายพลังตัวเองอย่างเยอะเกินไป

นิยายเว็บตอนนี้มันประมาณนั้น นักอ่านกลุ่มใหญ่มันไม่สนด้วยซ้ำว่ามันอ่านนิยายมึงแล้วต้องแปลไทยเป็นไทยเพราะสำนวนกาก เนื้อเรื่องพลอตไปซ้ำซากกับใครไหม บางคนมันเข้ามาอ่านเพราะมันต้องการอ่านฉากตัวเอกแสดงความเทพตบเกรียนเอาสะใจ มันไม่สนหรอกว่าตัวเอกจะเทพเพราะอะไร สมเหตุสมผลไหม บางเรื่องตัวเองมันรวย เก่งแบบตบระดับ TOP ได้ ดัง ออกทีวี บางเหตุการณ์ตบเกรียนแม่งมีคนถ่ายออกทีวี แต่มันก็ยังจะมีไอ้โง่มาให้พระเอกตบเรื่อยๆ อะไรทำนองนี้ มันเกิดนิยายแบบนี้ได้ เพราะมันเสือกขายได้

ที่นั้นอ่านกลุ่มใหญ่ส่วนนึงสนคือ มึงต้องมีให้มันอ่าน เน้นความเร็ว สำนวนกากหน่อยก็ได้ เน้นเรื่องเดิน ฉากตบเกรียนเยอะ ตัวเอกพัฒนาเก่งแบบเว่อร์ๆขึ้นไปเรื่อยๆ เอาแบบไม่ต้องพยายามเลยก็ได้ แค่ระบบให้โน่นให้นี่ อยากขับรถเก่งไม่ต้องฝึกขับรถ เสกให้ระบบมอบความสามารถขับรถระดับพระเจ้าให้ บางเรื่องมันให้ความสามารถระดับพระเจ้ากับพระเอกเยอะเกินไปจนนักเขียนมันลืม พอถึงจุดนึงที่มันจะสร้างสถานการณ์ให้พระเอก มันก็เนิพพระเอกให้สวะซะอย่างนั้น เพราะมันลืม

416 Nameless Fanboi Posted ID:CLSzF0UpSm

>>415 เสริมให้อีกนิด ข้อพิสูจน์ของเรื่องนี้ก็คือ นิยายแปลจีนบางเรื่องที่มันไปก็อบของจีน เอามาแปล GOOGLE เกลาคำแบบคนไม่รู้ภาษาจีนนิดหน่อย แล้วเอามาลงให้อ่านเลย มันติด top 1 ในDEK D ได้ แถมโกยเงินได้ไปเป็นแสน

ถ้าพวกมึงจำกันได้ พันปักษาไง ที่ไอ้ห่านี่มันแต่งนิยายแล้วไม่รุ่ง มันเลยไป COPY PASTE นิยายจีนมาแปล GOOGLE แล้วแปะลงเว็บอัพรัวๆจนติด top DEK D ทุกหมวดอยู่เป็นเดือน แอบติดเหรียญได้ประมาณ 1 -2 อาทิตย์ได้เงินไปเป็นแสน เรื่องมันถึงแดง ไปสืบประวัติดูแม่งทำกับหลายเรื่อง มันมาโป๊ะแตกเพราะเรื่องล่าสุดที่มันทำเสือกดัง คนเลยเห็นเยอะ โดนแจ้งเยอะ ทว่ามันก็พิสูจน์ความน่าอนาจ+ความน่าเศร้าให้พวกมึงให้เห็นว่านิยายเว็บ แปล GOOGLE ติด TOP 1 !

417 Nameless Fanboi Posted ID6:hjgsoV2/zQ

>>416 ทำไมไม่มีใครฟ้องขึ้นศาล ไม่งั้นพวกนี้ก็ไม่หยุดอะ จับได้ก็ปิดไปเปิดใหม่ ตลาดมันมีแคร์ไร
จะว่าไปแนวระบบนี่ถ้าอ่านเอาแนวจริงจัง ทุกวันนี้เหมือนมีแต่แนวขายพวกลูซเซอแหะ ไหงเป็นงี้

418 Nameless Fanboi Posted ID:CLSzF0UpSm

คนจะฟ้องได้มันต้องเป็นเจ้าทุกข์หรือผู้เสียหาย มันไปก็อบนิยายจีนมา ผู้เสียหายมันคือนักเขียนจีนหรือคนถือลิขสิทธิ์ เพราะแบบนั้นมันเลยไม่มีใครอยากจะบินมาจัดการฟ้องข้ามประเทศ แค่ฟ้องในประเทศก็ยุ่งยากอยู่แล้ว ฟ้องข้ามประเทศกฎหมายต่าง ทนายฟันหัวแบะ ไม่ค่อยคุ้ม

ดังนั้นเดี๋ยวนี้มันมี 2 อย่าง ประเภทมักง่าย COPY PASTE ลงรัวๆเลย กับ COPY พลอตมาดัดแปลง น่าเกลียดหน่อยก็เอามา 70-80 เปอร์เซ็นต์ ปรับนิดเปลี่ยนหน่อย ไอ้แบบหลังนี่จับยากสุด

นิยายจีนมีเป็นหมื่นเป็นแสนเรื่อง ถ้าจะจับมันก็ต้องมีใครเคยไปอ่านนิยายต้นฉบับมาถึงจะเอ๊ะ เอ๊ะแล้วก็ต้องไปท้วง ไปติง เผลอโดนแฟนคลับมันถล่มอีก มันหลายต่อ และต่อให้ถูกจับได้ก็แค่ลบหรือโดนแบน สุดท้ายมันเลยมีพวกหน้าด้านเกิดขึ้นโครตเยอะ

อีกทั้งช่วงหลังโลกมันเปิดกว้างขึ้น คนส่วนใหญ่ก็มีแนวคิดที่ว่าคล้ายกันนิด คล้ายกันหน่อยไม่เป็นไร ถ้าไม่เหมือนทุกตัวอักษรไม่ผิด พอคนเริ่มมีมายเซ็ตแบบนี้เยอะเข้า มันเลยเกิดประเด็นอย่างที่บอก ยิ่งจับยากขึ้นไปอีก บางทีเราไปจับ ไปบอก มันกลายเป็นเรา = ผู้ร้าย ใจร้าย ด้วยซ้ำ

ที่น่าโมโหสุดคือ ขนาดไอ้พักปักษามัน COPY ทุกตัวอักษรมาแปล GOOGLE ลง ชื่อตอนยังเหมืองกันอะ ช่วงแรกมีเคลมเปลี่ยนนิดๆหน่อยๆ ตั้งใจไม่บอกว่าเป็นนิยายแปลเพื่อเคลมผลงานเป็นของตัวเอง ปิดการแสดงความคิดเห็นเพื่อไม่ให้มีใครมาจับผิด ชัดขนาดนี้ตอนมันโดนแบนยังมีนักอ่านไปการบขอร้องมาเพื่อจะเสียเงินอ่านต่อ ขอเพจ ขอกลุ่มลับ ไอ้พวกนี้แม่งสวะสัส ก็แค่ไปหาต้อนฉบับมาแปล GOOGLE เองจบแล้ว เสือกไม่สำนึกไปสนับสนุนคนผิด

419 Nameless Fanboi Posted ID:egg5+XM.8U

กุคงเขียนแบบอิงพล็อตสถานเดียวว่ะ กุแค่รู้สึกว่าเอะอะโยนๆไปให้ตัวเอกมันเทพแบบไม่มีแก่นสาร กุคงเทเรื่องทิ้งกลางทางแน่ๆ ต่อให้กุกะเขียนเอาฮาก็ตาม

กุยอมรับคนที่เขียนแนวระบบเทพตัวเอกเทพซ่าที่เขียนจนจบมากนะ เพราะส่วนใหญ่แม่งจะยัดให้เทพตามใจตัวเองหรือคนอ่านจนเรื่องตัน จะเนิฟพระเอกก็ไม่ได้ จะสร้างคู่แข่งเทพๆก็ไม่ได้ สุดท้ายเททิ้งแล้วไปเรื่องใหม่ ไม่ก็เข้าดาร์กไซด์ไปเป็นนัก google translate นิยายจีนไปเลย

420 Nameless Fanboi Posted ID:.KxiqrzG+2

อ่านแล้วเป็นเศร้า

421 Nameless Fanboi Posted ID6:MH.mjhbyLl

ตอนนี้กูกำลังอิจฉาคนที่กำลังเขียนได้ไม่ว่าจะแนวไหนก็ตาม
กูจะเรียกว่าตันได้มั้ย ...คือพล็อตมีเนื้อหามี แต่คือไม่มีกระจิตกระใจจะเขียนนี่สิ เปิดหน้ากระดาษมาพิมพ์ไปได้นิดหน่อยแม่งรู้ตัวอีกทีเป็น Youtube ดูซะงั้น ไม่มีสมาธิเลยให้ตายสิ

422 Nameless Fanboi Posted ID6:hjgsoV2/zQ

>>421 เมื่อก่อนเราวิจารณ์พวกเขียนออกมาห่วยๆคือแย่ ตอนนี้คิดว่าเขียนออกมาได้ติดต่อกันซักยี่สิบตอนภายในเดือนสองเดือนได้ คือเก่งละ พล็อต ภาษาห่วย ค่อยไปแก้ พอเราเขียนเองไม่ออกตอนนี้ก็ไม่กล้าด่าพวกเขียนออกแต่ห่วย ซักเท่าไหร่555

423 Nameless Fanboi Posted ID6:B5AmWKyF9S

ไม่มีอารมณ์แล้วพยายามเค้นนี่งานออกมาห่วยไม่พอยังกินเวลาเยอะกว่าปกติอีกแฮะ นั่งอ่านเองแล้วกุมขมับเลยทำไมห่วยได้ขนาดนี้

แต่แม่งจะมานั่งรออารมณ์ก็ไม่ได้คนอ่านรอกดดันอยู่อีก orz

424 Nameless Fanboi Posted ID6:B5MwjaKSYk

>>415 แต่มึงต้องไม่ลืมว่าเขียนยังไงได้คนอ่านอย่างนั้น เขียนไร้สมองไร้เหตุผลก็ได้แฟนคลับไร้สมองไร้เหตุผล ถ้าสนแต่เงินไม่สนห่าเหวอย่างอื่นก็คงพอได้ แต่ว่านะ เขียนแบบนั้นกูว่ากินระยะยาวไม่ไหวแน่ พอคนอ่านเริ่มมีสมองคงไม่กลับมาอ่านนิยายที่คนนี้เขียน ในอนาคตถ้านักเขียนอยากสร้างผลงานดี ๆ เรื่องนี้ก็จะเป็นตราบาป

425 Nameless Fanboi Posted ID6:B5MwjaKSYk

>>423 ของแบบนี้มันต้องใช้แรงกระตุ้น บางคนก็หาเพื่อนักเขียนที่แต่งหมวดเดียวกัน บางคนก็ไปเสพนิยายดีๆ จนมีแรงบันดาลใจ บางคนก็เอฟปก หรือถ้ามีเงินก็จ้างนักเขียนเงา

426 Nameless Fanboi Posted ID6:B5MwjaKSYk

>>416 เรื่องนั้นใช่มะ กูเข้าไปอ่านคอมเมนต์แล้วแบบหมดไฟในการเขียนเลย แม่ง... ถามหากลุ่มลับกันเพียง อิหยังวะเลย

427 Nameless Fanboi Posted ID:SuIT.94ufk

ยุคนิยายระบบครองเมือง

https://www.dek-d.com/writer/61608

428 Nameless Fanboi Posted ID6:oKv/gZ3NTi

>>427 แนวซ้ำซากมาก แต่อ่านแล้วดูนข.ก็มีฝีมือดีนะ

429 Nameless Fanboi Posted ID6:8Z/hhrZCqO

ค่อยๆ เค้นเขียนออกมาได้ชั่วโมงละ 1 หน้า (350-400 คำ) แล้วแม่งรู้สึกเหนื่อยจังแฮะ
แต่จะหยุดพักนานก็ไม่ได้ เดี๋ยวแม่งจะกลายเป็นพักยาวจนขี้เกียจกลับมาเขียนอีก orz

430 Nameless Fanboi Posted ID6:oKv/gZ3NTi

โม่ง เราอยากลองเขียนพระเอกแนวใหม่ๆดู คิดว่าพระเอก เป็นลุงอ้วนแบบโดntr นี่มันพอน่าสนใจให้คนอ่านไหม เราลองค้นหาในเว็บแล้วมีอยู่สามเรื่องเองมั้งในเว็บที่พรัเอกเป็นลุงอ้วน แต่ในรี้ดก็เจออีกเรื่องนึง แต่ไม่แน่ใจคนอ่านถ้าเห็นแล้วจะอ่านไหม แต่ไม่มีntr ไรนะ พระเอกแค่เป็นลุงอ้วน ล้อเลียนโดจินเฉยๆ

ถ้าโม่งเป็นรี้ด โม่งเห็นโม่งแล้วคิดว่าอยากลองอ่านไหม?

431 Nameless Fanboi Posted ID6:RNE0NuikKx

>>430 พล็อตคืออะไรล่ะ? ถ้ามาแบบระบบกุไม่อ่าน เบื่อละ

432 Nameless Fanboi Posted ID:rdykWKLn56

>>430 มึงต้องถามตัวเองแล้วล่ะว่าถ้าลุงอ้วนเป็นพระเอกแล้วทำไมถึงคิดว่าพวกกุจะอยากอ่าน
นอกจากล้อเลียนโดจินแล้วมึงพอมีพล็อตอะไรจะขายอีกบ้างอ่ะ

433 Nameless Fanboi Posted ID6:oKv/gZ3NTi

>>431 ไม่มีระบบ ไม่ต่างโลก แนวสืบสวน ผสม แอคชั่น องค์กรสู้กัน ฝั่งพระเอกแก๊งลุงอ้วน สู้กับองค์กรมืดฝั่งตรงข้ามที่คอยลอบสังหาร/ก่อการร้าย/ โจรกรรม ลุงอ้วนเล่นเป็นนักสืบสายบู๊คอยเปิดโปงแผนการร้าย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตัวละครหญิง พอลุงอ้วนเปิดโปงและสู้ชนะ ก็จะจับntr มาย้ายฝั่งทีละคน แต่ไม่มีncแค่ล้อเลียนโดจินเฉยๆไรงี้

434 Nameless Fanboi Posted ID6:K40sKrW6li

>>430 ถ้าพระเอกเป็นลุงอ้วนแต่เนื้อเรื่องมันแบบ Sakamoto Days กูก็อ่านนะ

ในสายตากู ประเด็นพระเอกตัวอ้วนนี่เป็นเหมือนการสร้างปมหรือข้อจำกัดอะไรซักอย่างให้ตัวละครมากกว่า ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วว่าจะสามารถเขียนให้ตัวเอกสามารถเผชิญกับเรื่องราวไปได้อย่างไรโดยที่มี Passive เป็นสกิลตัวอ้วนซึ่งถือว่าเป็น Debuff ในสายตาตัวละครอื่นน่ะ

ยกตัวอย่างเช่น พระเอกอาจจะอ้วนและเข้าเรียนวันแรกก็โดนบูลลี่ แต่ปูมหลังพระเอกคือฝึกยูโดระดับสายดำมาแล้วงี้ ใช้ทักษะและสกิลซัดคนที่มาบูลลี่เกลี้ยงงี้ มีลุคเท่ๆ โมเม้นท์พระเอกกับสาวอื่นแบบสุภาพบุรุษจนไป NTR แฟนของนายหัวทองงี้ ในสายตากูก็ยังถือว่าโอเคสามารถมองข้ามความอ้วนไปได้

แต่กลับกันถ้ามาแนวพระเอกตัวอ้วนไม่พอ โดนบุลลี่แล้วยังขี้แพ้ ขี้โวยวาย โทษโน้นโทษนี้ แล้ววันนึงดันได้พลังโกงมาแล้วเอาไปแก้แค้นนี้แล้วเย็บเมียนายหัวทองงี้ กูเห็นปุ๊บกูโยนทิ้ง + พิมพ์ด่าเรื่องนี้แน่นอน

435 Nameless Fanboi Posted ID6:YUe9o2j25+

ต้องลุงอ้วนขี้แพ้แต่เป็นคนดี ช่วยสาวไว้แล้วได้พลังขี้โกงมาตัวผอมรูปหล่อทีหลังจนมีjkjsjcมาหลง สาวเจ้าที่รู้จักลุงสมัยอ้วนยังบอกว่า อิฉันจำดวงตาคุณลุงได้ขร่ะ เป็นเหตุผลให้รู้ว่าไอ้ลุงรูปหล่อกล้ามแน่นคนนี้แหละคือคนเดียวกับลุงอ้วนเตี้ยพุงพลุ้ยคนนั้น
แต่ลุงก็ยังบื้อเพราะความขี้แพ้เกาะติดมานานพอๆกะไขมันในช่องท้อง มองไม่ออกว่าสาวๆที่แทบจะถวายกีให้พวกนี้ชอบตัวเอง

436 Nameless Fanboi Posted ID6:QaXbiYy+r6

มึงติดใจสามเรื่องมาแน่ๆเลย ผู้กล้าฮีล กาวทมิฬ และ Isekai de Cheat Skill wo Te ni Shita Ore wa, Genjitsu Sekai wo mo Musou Suru: Level Up wa Jinsei wo Kaeta

437 Nameless Fanboi Posted ID6:QKrKwXPkr8

>>430 มึงต้องคิดพล็อตก่อนหรือเปล่า คือตัวเอกมึงต่อให้ไม่หล่อ อัปลักษณ์ เป็นตาแก่วัยเจ็ดสิบ แต่ถ้าเนื้อเรื่องสนุก เขียนได้ดี คนก็ตามอ่านกัน เขาไม่ได้มานั่งสนใจว่าตัวเอกต้องหล่อเฟอร์เฟคหรอก แต่ที่คนเขียนแบบนั้นกันเพราะมันง่ายต่อการเขียน ง่ายต่อการดำเนินเรื่อง ก็เหมือนกับคำที่ว่าหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่งนั่นแหละ มึงไม่เขียนตัวเอกหล่อก็ได้ แต่ถ้ามันอยากให้มีเรื่องความรัก มึงต้องเขียนนิสัยใจคอ เขียนว่าทำไมผู้หญิงถึงตกหลุมรัก ผู้ชายหุ่นหมี หรือขี้เหร่แต่เมียสวยมีเยอะแยะในสังคม ทำไมเขาได้เมียสวยกันล่ะ ของแบบนี้มันไม่ได้มีดีที่แค่หน้าตา จะมากังวลอะไรกับตัวละคร โน่นไปกังวลเนื้อเรื่องกับสำนวนโน่น

438 Nameless Fanboi Posted ID6:Oqcw5Esjxo

โม่งเคยเจอปัญหาแบบเราเปล่า

เมื่อก่อนตอนเขียนนิยายเขียนแบบไม่คิดไรมาก กลับเขียนได้เร็วเขียนออก ทั้งๆที่อ่านนิยายมาก็ไม่ได้เยอะ ไม่ำด้หาข้อมูลไรก่อนเท่าไหร่ด้วย
พอวันนี้จะกลับมาเขียนนิยายใหม่ตอนโต ทั้งๆที่อ่านนิยายมาพอควร ทำการบ้านเขียนพล็อต เซตติ้ง ตัวละครมา สะสมคำศัพท์และประโยคในการเขียนมาพอสมควร พอจะเริ่มลงมือเขียนจริงๆหน้าคอม กลับ เขียนไม่ได้ ไม่รู้เขียนไรดี ทั้งๆก็มีพล็อตและตัวละครในมือ

โม่งแก้ปัญหานี้ยังไง
เราควรใช้วิธีแบบตอนเด็ก ช่างหัวมันเขียนพล็อตกับตัวละครคร่าวๆพอแล้วเขียนไปเลยดีไหม แล้วมาแก้ทีหลัง
ยังไงๆก็อ่านฟรี ไม่ได้ขาย

ช่วยแนะนำทีโม่ง ขอบใจ

439 Nameless Fanboi Posted ID:RSmydkpsCc

>>438 ถ้ารู้ว่าสะดุดก็ควรเปลี่ยนวิธีการทำงานของตัวเอง ไอ้พวกวิธีการทำงานแบบมืออาชีพทำ มันไม่ใช่ว่าเหมาะกับทุกคน อย่างการเขียนพล็อตไว้ก่อนมันทำให้ความสนุกในการเขียนนิยายลดลง บางคนเริ่มจากเขียนนิยายเพราะอยากรู้ว่าเรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร ลองปรับจูนดูว่าควรวางพล็อตแน่นขนาดไหน ช่วงการพัฒนางานเขียนมันจะต้องพบเรื่องแบบนี้เป็นระยะ ๆ ต่อไปเมิงก็จะเจออีก เจอไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงจุดที่ กูจะอยู่ตรงนี้ละ กูพอใจตรงนี้แล้ว ไม่เดินต่อไปอีกก็จะไม่ต้องเจอกำแพงอะไรให้ติดแหงก

440 Nameless Fanboi Posted ID6:p8L2KtC/pl

>>438 กูมีพล็อต มีโครงเรื่องคร่าวๆ มีต้น มีจบ ไม่มีกลาง กูใช้วิธีให้ตัวละครนำทางเอง และกูก็ไม่รู้ว่ามันจะเจออะไรบ้าง อย่างเช่นตัวเอกเย็นชา เดินทางไปเมือง A เจอสาวงามถูกทำร้าย ก็มีตัวเลือกสองตัวเลือกให้ตัดสินใจ A ช่วย B ไม่ช่วย ด้วยนิสัยตัวเอกไม่น่าจะช่วยก็ไม่ช่วย พอไม่ช่วยแล้วผลเป็นยังไงต่อก็ว่าไป หรือช่วยก็ช่วยเพราะอะไร ช่วยแล้วเกิดอะไรขึ้นก็ว่ากันไป สมมติสาวงามเป็นลูกเจ้าเมือง ช่วยได้รับคำยกย่อง ยกลูกสาวให้ ไม่ช่วย เจ้าเมืองคิดแค้น เกิดการไล่ล่า มันก็จะมีเนื้อเรื่องต่อๆ ไปอีก อันนี้คือคิดแบบนอกกรอบอะ ตัวละครจะดูมีมิติมากขึ้น ไม่เดินเป็นเส้นตรง ติดสินใจถูกบ้าง ผิดบ้างก็ว่ากันไป แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปให้ถึงฉากจบ ไม่อย่างนั้นมึงเตรียมออกทะเลกู่ไม่กลับได้เลย

441 Nameless Fanboi Posted ID6:T0wVyCO1m.

คิดไปเองรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ลงที่raw แล้วคนไม่ค่อยคอมเม้นเท่าเด็กดี เอาแต่กดอีโมจิ ไม่ค่อยพิมพ์เท่าไหร่

442 Nameless Fanboi Posted ID6:uBqy80NZ2+

>>438 ขอแนะนำเขียนเรื่องสั้นเถอะ เขียนตอนเดียวจบจะรู้ผลว่าจบหรือไม่จบ ดองเท่ากับมึงไม่เคยเขียนมาก่อน เขียนจบคือมึงเขียนเสร็จแล้ว แม้ยอดวิวสะสมน้อยกว่าเรื่องยาว แต่ดีกว่าสร้างประวัติเสียแก่ตัวเองด้วยการลอยแพ

443 Nameless Fanboi Posted ID6:OuWOrKLKIZ

เพื่อนในเฟสกูที่เป็นนักเขียนมืออาชีพเขาแนะนำทุกครั้งเลยว่าเขียนให้จบก่อนค่อยลง
แต่ปัญหาคือกูตั้งใจจะเขียนเป็น Web novel ยาวๆ เป็นร้อยๆ ตอนเนี่ยสิ มันจะรอให้จบยังไงฟะ ถถถถถถ

444 Nameless Fanboi Posted ID6:IfCVRGvLSr

>>443 แล้วถ้าเขียนจริงไม่เอาน้ำ พบว่าไม่ถึงร้อยตอนล่ะ

445 Nameless Fanboi Posted ID:reCYhg/IDL

>>443 เขียนให้จบ Arc แล้วค่อยลงแทนก็ได้

446 Nameless Fanboi Posted ID:ATSvZF0pOL

>>445 +1 ความเห็นนี้ ลงทั้งเรื่องไม่ได้แบ่ง 3 ลงเป็นอาร์คก็ได้

447 Nameless Fanboi Posted ID6:beXXvufaZN

ไอ้เหี้ย บอร์ดนักเขียนโดนสแปมตั้งแต่เกือบ 5 ทุ่มว่ะ

448 Nameless Fanboi Posted ID6:2z6730qLVJ

นิยายเน็ตนี่ ตอนแรกต้องมีเบตแบบ มังงะ หรืออนิเมบางเรื่องไหม แบบ เปิดมามีฉากเรป ฉากโหดทารุณ ฉากntr ฉากฆ่าทรยศ จะได้เรียกแขกเรียกเรตติ้ง

แล้วปกติฉากเรียกแขกในเด็กดีนี่ต้องใช้ฉากแบบไหน nc?

449 Nameless Fanboi Posted ID6:Nc+69hAWXL

>>443 ลงไปสักสามสิบตอนแล้วติดเหรียญล่วงหน้า พอมึงได้เงิน มีงจะมีแรงกดดันว่ากูต้องแต่งให้จบ ไม่งั้นมีประวัติเสียแน่

450 Nameless Fanboi Posted ID6:Nc+69hAWXL

>>448 ไปลองอ่านนิยายท๊อปดิ เขาเปิดฉากยังไง ติดท๊อปได้ แปลว่าฉากแรกต้องดึงดูดระดับหนึ่ง

451 Nameless Fanboi Posted ID6:OIsljg6iYe

>>448 ฉากที่มึงยกมา nc ทั้งนั้น ยกเว้นฉากหักหลังทรยศ

452 Nameless Fanboi Posted ID6:91yZQqg2xr

กูนี่นับว่าหัวโบราณมั้ยนะ เขียนฉากเยสกันแบบไม่ NC
ที่จริงคือกูไม่ได้อยากจะขาย NC อยู่แล้ว แต่พอดีจังหวะนั้น พระเอก+นางเอก มันมาถึงจุดแล้วไง มันต้องเยสกันแล้ว แต่พอนึกถึงโทนเรื่องแล้วกูก็ไม่อยากจะใส่ NC มา สุดท้ายก็เลยไม่ได้ใส่ซะงั้น

สุดท้ายตัดกันที่เล้าโลมกันนิดหน่อย ก่อนจะตัดภาพไปอีกทีคือฟ้าเหลืองอะไรทำนองนี้
เอาไว้ฉาก NC ค่อยติดเหรียญขายราคาพิเศษล่ะกัน ถถถถถ

453 Nameless Fanboi Posted ID6:OIsljg6iYe

>>452 แค่ข้ามฉากไปเลย แต่จะบอกใบ้ด้วย show, don’t tell มึงไม่บอกมึง แต่จะบอกใบ้ด้วยบรรยายให้คนอ่านคิดเอาเอง เช่น พระรองโดนพี่สาวดึงเน็คไทลากเข้าไปห้องนอนเธอเอง แล้วตัดฉากไปที่ห้องซ่อมบำรุงอาวุธสงคราม ผ่านไป 20 ตอน กลายเป็นว่า พี่สาวเพิ่งคลอดลูกวันชัยชนะสงครามว่ะ

454 Nameless Fanboi Posted ID6:OIsljg6iYe

>>453 ขอแก้คำผิด show, don’t tell มึงไม่บอกคนอ่าน แต่บอกใบ้

455 Nameless Fanboi Posted ID6:q41cV/4NOz

เรียบร้อยละ เขียนแค่ในระดับนั่งคร่อมจับนมกันนิดหน่อยแล้วตัดไปเช้าวันถัดไปพอ

456 Nameless Fanboi Posted ID:LVuimhjnZR

นิยายระบบ DEK เริ่มเสื่อมแล้วว่ะ คนคงเริ่มเอือมแล้ว กลับมาเขียนเลยได้สังเกต เห็นนักเขียนหลายคนที่เขียนนิยายระบบออกมาขายปังๆหลายคน ลงเรื่องสองของตนที่เป็นระบบเหมือนกัน สุดท้ายไม่ปังเหมือนเรื่องแรกเลย

457 Nameless Fanboi Posted ID6:k2wFSb884p

>>456 ถ้าเป็นงี้จริงก็ดี

458 Nameless Fanboi Posted ID6:Up5AZ+3Txn

>>456 ก็ดีเหมือนกัน ถ้าจะดูอะไรที่เป็นระบบเกมให้คนอ่านดูตัวเอกเล่นเกมละก็ ซื้อเกมมาเล่นเองหรือดู youtube บันเทิงกว่า

459 Nameless Fanboi Posted ID6:Up5AZ+3Txn

ควรมีหมวดนิยายแปลแยกเลยมั้ย https://www.dek-d.com/board/writer/4085262/

460 Nameless Fanboi Posted ID:P0ovddSSQ9

>>459 ควร กุไม่ชอบนิยายแปล แล้วหลายเรื่องแปลกับกุเกิลแล้วมาเกลาคำ ขยะกว่านิยายไทยเขียนกากๆ อีก

461 Nameless Fanboi Posted ID6:H/aCkU/yli

>>459 แยก ๆ ไปเหอะ แม่งยึดพื้นที่นิยายเรื่องอื่น แล้วจะได้กรองนิยายขี้ก็อปแปะวางได้ง่ายขึ้น

462 Nameless Fanboi Posted ID6:As8T1je8VG

>>459 เมื่อก่อนกูชอบนิยายแปลนะ แต่ตอนนี้คือเชี่ยไรเนี่ย แย่กว่านิยายไทยอีก น้ำเน้น ๆ เนื้อน้อย ๆ ฮาเร็มจัดจ้าน ตัวเอกเป็นเชี่ยไรต้องฆ่าอย่างเดียว ฆ่าแต่ผู้ชายด้วยนะ ผู้หญิงต่อให้ระยำแค่ไหนก็ไม่ฆ่า แถมดีไม่ดีได้มาเป็นเมียเป็นภาระ อวยพระเอกจัด ๆ ตัวร้ายนี่แทบถอดสมองเวลาเจอพระเอก ไหนจะวนลูปอีก นิยายดี ๆ ดัง ๆ ก็มีแหละ แต่ไม่ชอบเอามาแปลกัน

463 Nameless Fanboi Posted ID6:k2wFSb884p

>>462 เรื่องไรละนี่

464 Nameless Fanboi Posted ID6:MM.YPIH3xA

>>463 แทบทุกเรื่อง มันคือคอนเซ็ปหลักของนิยายแปลจากจีนและเกาหลี

465 Nameless Fanboi Posted ID6:MM.YPIH3xA

ไอ้เรื่องนิยายแปลนี่ยังไม่จบอีกหรอวะ
เมื่อก่อนแม่งก็มาเบียดจนคนเขียนก่อม็อบเรียกร้องไปทีแล้วทำให้นิยายแปลไม่สามารถขึ้นติด Top ได้อยู่ช่วงหนึ่ง มาตอนนี้ปัญหากลับมาอีกแล้วเรอะ

เรื่องมันก็ตั้ง 5-6 ปีแล้ว ถ้าเด็กดวกมันไม่ทำอะไรก็คือแม่งคงปล่อยแล้วล่ะ

466 Nameless Fanboi Posted ID:LVuimhjnZR

>>465 ช่วงหลังมันมีหนักหว่านั้นคืออาศัยกฎช่องว่าง เอานิยายแปลมาลงเพจฟรีวัน 1 -2 ตอน พอคนติดแล้วก็ฝากลิ้งไปจ่ายเงินเข้ากลุ่มลับอ่านล่วงหน้า

บางคนแม่ปกป้องตัวเองด้วยการเอาข้อมูลรูปเดียวมาลงบอกขอนักเขียนแล้ว ถ้าอ่านดีๆบางภาพแม่งไปขอผิดคน มันไปขอจากฝรั่งที่แปลมาอีกที แถมขอแค่ว่าขอแปล ไม่ได้บอกว่าจะแปลแล้วเก็บเงิน

เอาแค่หมวดแฟนตาซี คนที่ทำแบบนี้ติด top 10 อยู่ 2 เรื่อง มึงลองคิดดูว่านิยายจีนมาหลัก 3000 ตอนอะ มันลงวันละ 2 ตอน มันจะติด top ค้างอันดับแบบนั้นอยู่กี่ปี

467 Nameless Fanboi Posted ID6:HqJXvBzkDp

>>466 นั่นล่ะคือประเด็นเดียวกับที่เคยเป็นเรื่องเมื่อก่อน
จำได้ว่าสมัยนั้นนิยายจีนจำนวนหลักพันตอนโผล่มาลงวันละ 2-3 ตอนทุกวันกลายเป็นว่า 8 ใน 10 ติด Top แม่งเป็นนิยายแปลหมดเลย มีทั้งแบบแปลเถื่อนทั้งแบบถูกลิขสิทธิจากกวีบุ๊คด้วยนะ ซึ่งทำให้คนเขียนหลายคนสไตรส์งานไม่เขียนแม่มจนเด็กดวกต้องทำให้พวกนิยายแปลไม่สามารถติด Top ได้ เพราะแม่งแข่งกันไม่ไหวจริงๆ

แต่ที่กูประหลาดใจคือปัญหานี้กลับมาอีกแล้วเรอะ? แถมเด็กดวกไม่ทำอะไรด้วย? แถมทุกวันนี้ยังไม่ออกหมวดนิยายแปลอีก?

468 Nameless Fanboi Posted ID:ESRgBWka3Q

>>467 บางคนมันลักไก่โดยการไม่บอกว่าเป็นนิยายแปลที่ชื่อเรื่องหรือหน้าปก

469 Nameless Fanboi Posted ID6:lMuHivh/KE

อยากสับนิยายนะ แต่พอคิดไปคิดมาสับไปคนเขียนแม่งก็ไม่แก้ เอาเวลาไปแช่กับไฟนอล 14 ดีกว่า

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.