Fanboi Channel

นิทานเด็กดีบทที่ 39 (DDN XXXIX) ภาคปิดเทอมแล้วทำไมเงียบจังวะ สงครามหมีขาว-ทานตะวันจะยังไงก็ไม่สำคัญ เพราะโลกเด็กดีก็มีสงครามตัวเองกับนิยาย THIS NOVEL OF MINE (นักเขียนเขาจะย้ายเว็บกันจนร้างแล้วเพ่)

Last posted

Total of 1000 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:LWfo7D89Jk

วิพากษ์วิจารณ์งานเขียนบนเว็บเด็กดีดอทคอม ทั้งจบแล้วและยังไม่จบ ตีพิมพ์แล้วและยังไม่มีใครเหลียวแล รวมไปถึงพูดคุยเกี่ยวกับวงการนิยายเว็บเด็กดี เพื่อความหวังของเว็บโนเวลไทยในอนาคต ทั้งนี้ ไม่สนับสนุนให้นำเรื่องส่วนตัวของนักเขียนแต่ละคนออกมาตีแผ่ ควรเน้นเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานเขียนเท่านั้น

<<คลังกระทู้เก่า>>

นิยายเด็กดี บทที่ 1 -- https://fanboi.ch/webnovel/2403/
นิยายเด็กดี บทที่ 2 -- https://fanboi.ch/webnovel/2703/
นิยายเด็กดี บทที่ 3 -- https://fanboi.ch/webnovel/2907/
นิยายเด็กดี บทที่ 4 -- https://fanboi.ch/webnovel/3066/
นิยายเด็กดี บทที่ 5 -- https://fanboi.ch/webnovel/3187/
นิยายเด็กดี บทที่ 6 -- https://fanboi.ch/webnovel/3229/
นิยายเด็กดี บทที่ 7 -- https://fanboi.ch/webnovel/3388/
นิยายเด็กดี บทที่ 8 -- https://fanboi.ch/webnovel/3594/
นิยายเด็กดี บทที่ 9 -- https://fanboi.ch/webnovel/3852/
นิยายเด็กดี บทที่ 10 -- https://fanboi.ch/webnovel/4106/
นิยายเด็กดี บทที่ 11 -- https://fanboi.ch/webnovel/4265/
นิยายเด็กดี บทที่ 12 -- https://fanboi.ch/webnovel/4393/
นิยายเด็กดี บทที่ 13 -- https://fanboi.ch/webnovel/4626/
นิยายเด็กดี บทที่ 14 -- https://fanboi.ch/webnovel/4810/
นิยายเด็กดี บทที่ 15 -- https://fanboi.ch/webnovel/5006/
นิยายเด็กดี บทที่ 16 -- https://fanboi.ch/webnovel/5346/
นิยายเด็กดี บทที่ 17 -- https://fanboi.ch/webnovel/5535/
นิยายเด็กดี บทที่ 18 -- https://fanboi.ch/webnovel/5769/
นิยายเด็กดี บทที่ 19 -- https://fanboi.ch/webnovel/6022/
นิยายเด็กดี บทที่ 20 -- https://fanboi.ch/webnovel/6295/
นิยายเด็กดี บทที่ 21 -- https://fanboi.ch/webnovel/6506/
นิยายเด็กดี บทที่ 22 -- https://fanboi.ch/webnovel/6868/
นิยายเด็กดี บทที่ 23 -- https://fanboi.ch/webnovel/7834/
นิยายเด็กดี บทที่ 24 -- https://fanboi.ch/webnovel/8477/
นิยายเด็กดี บทที่ 25 -- https://fanboi.ch/webnovel/8614/
นิยายเด็กดี บทที่ 26 -- https://fanboi.ch/webnovel/8685/
นิยายเด็กดี บทที่ 27 -- https://fanboi.ch/webnovel/8795/
นิยายเด็กดี บทที่ 28 -- https://fanboi.ch/webnovel/8876/
นิยายเด็กดี บทที่ 29 -- https://fanboi.ch/webnovel/9247/
นิยายเด็กดี บทที่ 30 -- https://fanboi.ch/webnovel/9744/
นิยายเด็กดี บทที่ 31 -- https://fanboi.ch/webnovel/10135/
นิยายเด็กดี บทที่ 32 -- https://fanboi.ch/webnovel/10275/
นิยายเด็กดี บทที่ 33 -- https://fanboi.ch/webnovel/10680/
นิยายเด็กดี บทที่ 34 -- https://fanboi.ch/webnovel/10887/
นิยายเด็กดี บทที่ 35 -- https://fanboi.ch/webnovel/11174/
นิยายเด็กดี บทที่ 36 -- https://fanboi.ch/webnovel/11834/
นิยายเด็กดี บทที่ 37 -- https://fanboi.ch/webnovel/12989/
นิยายเด็กดี บทที่ 38 -- https://fanboi.ch/webnovel/13803/

รายชื่อนิยายโดนสับไปแล้ว https://docs.google.com/document/d/1ouFhwS9WeoBzEgYHVNYWkeUAbhQ2YkCg4ozpTpx1-94/edit

ระบบป้องกันการ spam และ app โม่ง : (จองไว้ลงมู้หน้าเพราะจะมีอัพเดตเพิ่มด้านล่าง)

2 Nameless Fanboi Posted ID:LWfo7D89Jk

โอเค... ระบบช่วยเหลือที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนโม่งทั้งหลายมีดังนี้ (เครดิตโม่งไอทีที่อยู่ในห้อง Tech)

1) กรณีเล่นโม่งบน PC

ถ้ามึงใช้ Chrome ก็ใช้ตัว Chrome Extension Script Runner Pro (ซึ่งจะทำงานเฉพาะบนโม่ง)

link โหลด : https://chrome.google.com/webstore/detail/block-mong-flood/denknahekobanhmcekkdglcogpecegbf
ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก แค่โหลด+ติดตั้งตามปกติ แล้วค่อยเอา Script ไปใส่อีกต่อ

ใส่ที่ไหนยังไง กดดูในรูปนี้ >> https://imgur.com/a/ub4Nx6y ถ้าดูแล้วงง อ่านเป็นข้อๆ ด้านล่างประกอบไปด้วย

1.กดไอค่อนของ Script Runner Pro ถ้ามองไม่เห็นแปลว่ามึงมีส่วนขยายเยอะ ให้กดเข้าส่วนขยาย (รูปจิ๊กซอว์) ไปปักหมุดตัวนี้ก่อน มันจะเด้งโชว์ขึ้นมาตรงขวาบน จากนั้นก็กดเข้าส่วนขยาย

2.ในหน้าต่างส่วนขยาย ให้กดที่ Open Dashboard ตามด้วยเครื่องหมาย + แล้วกด Install from URL

3.ในช่อง Input URL ให้ก็อปอันนี้ไปวาง >> https://pastebin.com/raw/s3FgDJ59

4.กด CONFIRM INSTALLATION

*** กรณีมึงใช้ Firefox *** เปลี่ยนไปลงปลั๊กอิน Tampermonkey แทน SRP วิธีลงสคริปต์ก็คล้ายๆ กันกับข้างบน

## วิธีใช้งานอย่างง่าย >> https://imgur.com/a/2ZdAfDq ##

หลังติดตั้ง extension แล้วจะมีคำว่า BLOCK ต่อท้ายหมายเลขความเห็น แค่กดจิ๊กเดียวความเห็นนั้นก็จะหายไปเลย กรณีกดซ่อนความเห็นผิดอันแล้วอยากให้ความเห็นนั้นกลับคืนมา ให้เลื่อนลงล่างสุดข้างๆ Reload posts มองหากรอบสีแดงของ extension แล้วกดจนกว่าจะเป็น Show ต่อด้วยกลับไปกด Unblock ความเห็นนั้นจะกลับมาเหมือนเดิม

ตัวเลือกมี 4 อย่างคือ ซ่อน / จาง / เห็นเลขไม่เห็นเมนต์ (จะแสดงข้อความถ้าเอาเม้าส์ไปวาง) / แสดง

2) กรณีเล่นโม่งบน Smart Phone

มีแอพโม่งรีดเดอร์พัฒนาขึ้นโดยโม่งไอทีผู้เจอการโดน spam มาจนชาชิน

2.1) แอนดรอยด์

โหลดแอพอ่านโม่งมาใช้ >> [Unofficial Fanboi Android App] Moong Reader 0.7.1 (รองรับ Android 7.0+)
link โหลด : https://www.mediafire.com/file/6mdoowxklwtn6p3/MoongReader0.7.1-release.apk/file

2.2) iOs

1.โหลดแอพนี้ลงเครื่อง https://apps.apple.com/us/app/userscripts/id1463298887

2. โหลดไฟล์สคริปต์ของโม่งลงมาในเครื่อง (garbage.js)
http://www.mediafire.com/file/qdiyf6ddl43q8bv/garbage.js/file

3. เข้าแอพ Userscript Safari แล้วกดที่ Set Userscript Directory จากนั้นให้เลือกไปที่โฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์สคริปต์เอาไว้ (ในข้อ 2)
4. เข้า Settings > Safari > General-Extensions > Userscripts แล้วเปลี่ยนเป็น On
5. เข้า Safari จะมีไอคอนรูป </> กับจิ๊กซอว์อยู่ตรงแถบ URL
6. กดที่ </> จากนั้นถ้าลงสคริปต์แล้ว ก็ควรจะขึ้นหน้าต่าง Vtuber Boi garbage Collector มา
7. กดเปิดใช้งาน ระหว่างนี้มันจะมีถามขึ้นมาว่าจะให้ใช้สคริปต์กับเว็บไหนบ้าง ก็ให้ allow ไปให้หมด

Note : ใครคิดว่าเสี่ยงจะไม่ใช้แอพนี้ก็ได้ เท่าที่ลองใช้เองไม่พบปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอร์รี่หรือความร้อนตัวเครื่อง แต่มีสมัคร SMS เช็คดวงรายวันโผล่มาครั้งนึง (ซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับแอพนี้) ถ้าใครมี SMS แปลกๆ ว่าสมัครรับบริการครั้งละ 3 บาทไรงี้ ก็ทำตามกูด้วยการกด *137 ต่อด้วยกด 3 แล้วกด 2 ระบบจะลบทุกบริการ SMS ที่คิดเงินทิ้งให้ฟรีทันที

## แอพนี้ทำอะไรได้บ้าง ?? ##

2.0 กรองและดักจับความเห็นที่เป็น (หรือมีโอกาสจะเป็น) spam ได้อย่างง่ายดาย

2.1 หากกดถูกใจมู้ไหน (กดรูปหัวใจขวาบน) จะส่งการแจ้งเตือนและแสดงจำนวน post(s) ใหม่ที่ยังไม่ได้อ่านให้บน notification (ทำให้ไม่พลาดทุกโอกาสในการเสือก)

2.2 แสดง notification เป็น Chat Bubble (ใช้ได้บน Android 11 ขึ้นไปเท่านั้น) ถ้าใครไม่ชอบก็ไปปิดในหน้า setting ได้

2.3 Data Saver mode ปรับวิธีการอ่านข้อมูลให้กิน data น้อยลงเวลาเปิดหน้า Favorites กับหน้าหลักของแต่ละ Board โดยค่า default จะเปิดใช้งานเฉพาะเวลาใช้งาน mobile data เท่านั้น ถ้าใครใช้แล้วมีปัญหาสามารถปรับได้ใน setting ตามรูป >> https://i.imgur.com/ynIwJZH.jpg

2.4 ในหน้า All topics ของแต่ละ board สามารถเลือกกระทู้ครั้งละหลายๆ กระทู้จากการกด checkbox เพื่อเพิ่ม/ลบ favorite หรือ เพิ่มกระทู้เข้า blacklist ได้

3 Nameless Fanboi Posted ID:LWfo7D89Jk

## การใช้งานตัวกรองสแปมแบบต่างๆ ##

- การกรองด้วย keyword: >>https://i.imgur.com/RibZvRy.jpg
- การกรองด้วย ID ผู้โพส >> https://i.imgur.com/Y3uJyRe.jpg
- การเลือกกระทู้ที่เป็นสแปม >> https://i.imgur.com/kfks6zw.jpg

***** สำหรับข้อข้างล่างนี้ ก่อนใช้งานแอพขอแนะนำให้เข้าไปกดเพิ่มจำนวนบรรทัดจนเต็ม 200 เสียก่อน
(เพื่อไม่ให้ความเห็นที่สับนิยายถูกกรองออก) *****

- การกรองด้วยจำนวนบรรทัดของโพส >> https://i.imgur.com/mW9XZQQ.jpg

สำหรับคนที่ไม่สะดวกใจจะใช้งานก็ไม่เป็นไร เพราะนี่ไม่ใช่ App ทางการที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย แต่จากที่กูใช้มาหลายเดือนก็ไม่พบปัญหานะ ความสิ้นเปลืองแบตเตอร์รี่ปกติและเครื่องไม่ร้อนเหมือนตอนโหลดแอพ "หมอยชนะ" มาใช้ ระบบรักษาความปลอดภัยในตัวเครื่อง scan แล้วไม่เจอของแถม หน้าแรกของแอพจะมีมู้ที่เรากด fav โชว์ไว้ให้ทันที ปรับ Theme ให้อ่านง่ายได้ตามชอบ ข้อเสียเดียวที่กูเจอคือนิ้วโป้งกูใหญ่ พอแตะขอบจอทางขวาสุดแล้วแอพจะข้ามเนื้อหาให้ จนต้องเลื่อนกลับลงไปที่เดิมบ้าง นานๆ ที สิ่งสำคัญที่สุดคือมันกรอง spam และจัดการโทรลทั้งหลายได้อยู่หมัด แค่กดบนเลขความเห็น ข้อความไม่พึงประสงค์ก็จะหายวับไปทันที ถ้าใช้ไอดีเดิมฟลัดหลายๆ เมนต์ ความเห็นอื่นก็จะโดนรวบหายไปด้วย

นี่แหล่ะเพื่อนโม่ง ทางออกของปัญหาโม่งเพลง โม่งโทรล โม่งฟลัด ทุกอย่างจบได้ในคลิกเดียว

ถ้าใช้งานแล้วชอบก็ช่วยไปให้ข้อมูลโม่งไอทีเขาข้างล่างนี้กันด้วยนะ (สำหรับอ้างอิงและพัฒนาแอพรุ่นใหม่ๆ ในอนาคต)
## โพลสำรวจความคิดเห็น+ข้อมูลการใช้งาน ##

รู้จัก app นี้จากไหน https://strawpoll.com/j6b7avpe7
ใช้ Android version อะไรกันบ้าง (เฉพาะเครื่องที่ลง app) https://strawpoll.com/98wkyyppk
มีกระทู้ Favorite กี่กระทู้ https://strawpoll.com/17c1y7qhd
Light / Dark Theme https://strawpoll.com/xo27y1oau
ปรับ setting อะไรกันบ้าง https://strawpoll.com/kdhk5qhbg
ได้ปรับ setting เปลี่ยนจำนวนโพสที่ให้แสดงกันรึเปล่า https://strawpoll.com/pkbarorxq

ด้วยรักและคิดถึง
กูเอง

4 Nameless Fanboi Posted ID:4EyTyyuXzN

อันนี้ว่าจะถามตั้งแต่มู้ที่แล้วละแต่เห็นมันจะหมดมู้เลยรอมู้ใหม่ก่อน

สมัยนี้ยังมีที่ให้พวกนิยายแฟนตาซีธีมยุคกลางอะไรพวกนั้นอยู่มั้ยหรือตอนนี้ต้องธีมจีนกันหมดละ ไม่มีร่ายเวทฟันดาบปราบมังกรแล้ว

5 Nameless Fanboi Posted ID:LWfo7D89Jk

:: Topic Highlight ประจำมู้ที่ 38 ::

(นิยายแปล) Gods King Warrior Conqueror Heaven อภินิหารเคล็ดวิชาเทพเจ้าราชันย์นักรบเย้ยจอมสวรรค์: https://fanboi.ch/webnovel/2726/289-321/ (1 ใน 3 นิยายเสียดสีเว็บโนเวลในตำนานแห่งเว็บโม่ง)
สับนิยาย: 'Unique Online' เพราะฉันไม่เหมือนใคร >>>/webnovel/13803/464-484/
แซวนิยายระบบติดท๊อป: โม่งพยายามทำลายสมองเพื่อน >>>/webnovel/13803/506-515/
โม่งอภิปราย: นิยายขายได้กับนิยายขายดี >>>/webnovel/13803/528-580/
สับนิยาย: โ.ล.ก. (นิยายของไอ้ F ที่พวกมึงชอบด่ากันไง) >>>/webnovel/13803/655-656/
สับนิยาย: เด่นชัย กับระบบเกม ในชีวิตจริงของเขา >>>/webnovel/13803/659-661/
สับนิยาย: เปลี่ยนชีวิตไอ้หนุ่มเดียวดาย (Change Ren) >>>/webnovel/13803/663-665/
สับนิยาย: 7 คัมภีร์เทพสวรรค์สยบมารยุทธภพ >>>/webnovel/13803/666-669/
สับนิยาย: Merlin พลิกตำนานมหาจอมเวท >>>/webnovel/13803/672-674/
มีใครให้มากกว่านี้ไหม: >>>/webnovel/13803/690/
สับนิยาย: ฟีร์มัว! นางร้ายวีลแชร์!? >>>/webnovel/13803/706-708/
โม่งลองของ: Rerun สับนิยายเจ๊ดอกขาว >>>/webnovel/13803/716-717/
โม่งรำลึกความหลัง: นิยายในตำนาน -ดะ ไวท์โร้ด- >>>/webnovel/13803/772-798/

คนรู้จักติดโควิดกันเรียบวุธเหลือแค่กูที่ยังรอด ... ถ้ามีช่วงไหนกูหลุดพ้นจากวังวน เช้า-บ่าย-ดึก หรืออยู่ดีๆ มีคนบ้าอยากเสียบเวรแทนกู เดี๋ยวจะแวะมาสับนิยายเล่นก็แล้วกัน (เห็นเรียกร้องกันอยู่ท้ายมู้ที่แล้ว)

6 Nameless Fanboi Posted ID:LWfo7D89Jk

>>4 ยังพอมีอยู่แต่หนักไปทางเป็น isekai ถ้าอยากอ่านเพียวแฟนก็มีคนมาขายของในบอร์ดอยู่เป็นพักๆ อาจจะอ่านยากน่าเบื่อไปบ้างแต่ถ้าใจมึงเรียกร้องก็คงอ่านต่อได้ยาวๆ

7 Nameless Fanboi Posted ID:XozW0Yli0x

ตอนแรกกุอยากลองหาเพื่อนนักเขียนไว้คุยกันเรื่องงานบ้างนะ แต่พอไปมีจริงๆ กุเริ่มอยากกลับไปอยู่คนเดียวมากกว่าละ แม่งคุยกันแต่ละอย่างไม่เคยมีเหี้ยอะไรเกี่ยวกับงานเขียนเลย ว่างกันนักพวกมึงก็ไปเขียนนิยายกันสิคะอ้ายอีทั้งหลาย แล้วอีพวกเบียวๆ กระแดะบอกว่าเป็นนักวาดนี่แม่งก็น่าตบชิบหาย แค่วาดรูปเป็นไม่ได้แปลว่ามึงเป็นนักวาดนะคะอีนี่ แม่งเบื่อชิบหาย

8 Nameless Fanboi Posted ID:ZpS+/tCItG

>>4 ถ้าเป้าหมายของการเขียนคือการปลดปล่อย จินตนาการ เมิงจะเขียนอะไรก็เขียนเถอะ
ถ้าเมิงแคร์จะขายแคร์จะให้มีคนอ่านก็ต้องเขียนในตำบลที่แสงสปอร์ตไลท์สาดไปถึง

9 Nameless Fanboi Posted ID:9QETBHyV/F

>>7 มันมีคนอยู่ 2 ประเภท 1.พวกเอาจริงเอาจังกับงาน 2.พวกชิวๆจับงานแค่เล่นๆ
ถ้ามึงอยากเก่งอยากได้ประโยชน์ มึงต้องเข้ากลุ่มแรก ไม่ใช่กลุ่มสอง

10 Nameless Fanboi Posted ID:ZpS+/tCItG

>>7 จากปลาสบพบเหตุการณ์มา นักเขียนต้องการเพื่อนคุยเรื่องอื่นที่เทสตรงกัน
คือต้องการเพื่อนนักเขียนแต่ไม่อยากคุยเรื่องเขียนนิยาย

เมิงชวนคุยในบอร์ดเด็กดี หรือในโม่งยังดูจะได้อะไรพวกนั้นมากกว่าเข้ากลุ่มนักเขียนที่เจอแต่โฆษณา

11 Nameless Fanboi Posted ID:NNDMpt1SGx

>>10 +1 กลุ่มนักเขียนนี่แม่งหลักๆมีไว้ทำคอนเนคชั่นช่วยเชียร์ช่วยขายงาน ถ้าคิดจะทำเป็นกลุ่มติวหนังสือกันบอกเลยรอดยาก เพราะมันต้องหาเทสตรงกันอะ ถ้ามึงคอแฟนตาซีไปจับกับพวกรักก็ล่มปะ งานคนละแบบเลย หรือถึงไปเจองานเดียวกันแต่แนวย่อยไม่ตรงกันก็เซงอีก เช่นแนวแฟนตาซีแต่มึงสายอิเซไก ที่เหลือระบบเกม เกิดใหม่ ย้อนเวลา ก็ชวดไปอีก5555
ถ้าจะคุยงานให้รุ่งที่เห็นผลสุดคือใช้ระบบอาจารย์-นักเรียนอะ หาโค้ชให้ช่วยแนะแนวงี้ หรือบัดดี้ก็ได้เป็นคู่หูกัน เออแต่ก็คัดคนหน่อยนะเพราะบางทีเสร่อเป็นกูรูให้ทั้งที่นูกูแม่งแทบไม่ได้สอนสิ่งที่ควรให้กูเลย หรือบัดดี้ติดเกินกลายเป็นช่วยกันจมอะ งานไม่คืบขึ้นทั้งคู่หรืองานกลืนกันเองออกมาเหมือนๆกันงี้
แต่ถ้าอยากคุยกลุ่มจริงๆอย่าไปเข้ากลุ่มไรเลยงานไม่เดิน หาคอมมูอิสระเอาอย่างบอร์ดหรือโม่งนี่แหละ เพราะจับกลุ่มนี่มันสนิทกันเกินไปเลยติดเล่นหัวกันงานไม่คืบ แต่พอมาบอร์ดมาโม่งคือไม่ได้สนิทกันอะ เป็นการเป็นงานขึ้นมาหน่อยงี้ไม่ต้องมารักษาหน้าหรือถนอมใจใคร
ฟีลเดียวกับขายของอะ ขายให้ลูกค้าที่ไม่ใช่คนรู้จัก มึงก็จะมุ่งมั่นกับการขาย ถึงเกร็งบ้างแต่ก็เน้นทำงานบริการสุดตัวใช่ปะ แต่ถ้าเป็นคนรู้จักก็จะเขินหน่อยๆไม่พอ แม่งด้วยความสนิทอะมึงจะทำงานไม่เต็มที่ เพราะถ้าไม่ถูกขอลดแลกแจกแถม ก็เป็นมึงเองที่ติดหล่มเองว่าเออสนิทกันเนอะต้องทำพิเศษหน่อย กลายเป็นการทำให้งานแกว่งไปจากมาตรฐานเดิมอะ

12 Nameless Fanboi Posted ID:iyWpsMj9Ji

กลุ่มนักเขียนกูมีไว้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับสอบถามเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นล่ะ
นักเขียนแต่ละคนนี่วันๆ คิดแค่จะเขียนแบบไหน ทำยังไงถึงจะขายได้จนแทบไม่มีเวลาไปอ่านเรื่องของคนอื่นด้วยซ้ำ ฉะนั้นถ้ามึงอยากจะหาคนคุยเกี่ยวกับเรื่องนิยายนี่กลุ่มนักเขียนไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีหรอก มึงจะเจอแต่โฆษณาแปะๆ

13 Nameless Fanboi Posted ID:DPtcaRvyXu

>>6 กูพอเห็นอยู่ เอาจริงก็ไม่ได้หวังอะไรมากหรอกกะคุณภาพยุคนี้อะ แต่มึงพอจะมีอันที่พอรับได้บ้างมั้ย คือกุเห็นแม่งขายกันหลายสิบ ไม่มีเวลาไปไล่ส่องทีละเรื่องอะ

14 Nameless Fanboi Posted ID:wU3x+gTiEN

สวัสดีโม่งกูเป็นโม่งหน้าใหม่ พวกมึงจะหาว่ากูงอแงก็ได้ตอนนี้กูเขียนนิยายแนวกระแส ลงไป 5 ตอนยอดวิว 600 เฟบ 30 มันดูขึ้นเร็วกว่าหมวดอื่นแต่สำหรับแนวกระแสถือว่าน้อยไปเปล่าวะ

ป.ล. กูว่างอยากหารายได้พิเศษ ถ้ามันน้อยไปกูจะได้เลิกก่อน

15 Nameless Fanboi Posted ID:JhiwL2hgvm

>>14 บอกลำบากเพราะไม่ได้อ่านของจริง ลองแต่งไปนานๆ ก่อนเผื่อยอดจะเพิ่ม ถ้าโชคดีอาจไปได้ไกล

16 Nameless Fanboi Posted ID:wU3x+gTiEN

>>15 ขอบใจมากมึง พอกูดูยอดวิวของคนอื่นแล้วทำเอาประสาทแดกแทน

17 Nameless Fanboi Posted ID:JhiwL2hgvm

>>16 เอาจริงๆ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ฝีมือของมึง (วิธีเล่าเรื่อง จังหวะเร่ง-หน่วง มุกตลก สำนวน) แนวที่มึงแต่ง (ว่ายังแมสอยู่ไหม) กับความเสมอต้นเสมอปลาย (ลงถี่รึเปล่า ลงได้ยาวต่อเนื่องหรือไม่) ข้อสุดท้ายนี่สำคัญสุด ขนาดนิยายกากๆ ยังติดท้อปได้ เพราะแม่งลงวันละ 3 รอบ ซึ่งเอาจริงๆ วันละรอบก็เหลือเฟือแล้ว

18 Nameless Fanboi Posted ID:wU3x+gTiEN

>>17 ขอบใจมึงอีกรอบ กูยังพอมีความหวังแล้วล่ะ ถึงเครื่องคุณภาพกูจะไม่แน่ใจ แต่ปริมาณกูไม่แพ้ใครแน่

19 Nameless Fanboi Posted ID:LzmAhDm.HM

เรื่องความนิยมมันเป็นเรื่องของดวงน่ะ ดวงว่าจะมีคนมาเจอนิยายของเรากี่คน ถ้าเราลงถี่ๆ คนก็เข้ามาเยอะขึ้น ยิ่งถ้างานไม่ได้ห่วย หรือคนที่มาเจอเป็นเซเล็บ เดี๋ยวยอดก็พุ่งเอง

ต่อให้เขียนแนวกระแสแค่ไหน ถ้าไม่มีช่องทางโปรโมตให้คนมาเห็นนิยายเราเยอะๆ ยอดก็ไม่ได้สวยนักหรอก กูเคยเขียนแนวไม่กระแสเท่าไหร่อยู่ครั้งนึง คนก็อ่านไม่มาก แต่พอเว็บเอาไปขึ้นแบนเนอร์เท่านั้นแหละ โอ้โหยอดพุ่ง โคตรปลื้มที่มีแต่คนเม้นว่าเขียนดีมากสนุกมาก ทำไมเพิ่งมาเจอ บลาๆ แต่พอเว็บเอาแบนเนอร์ลง ก็ไม่ค่อยมีคนหน้าใหม่ๆ เข้ามาอีกเลย 555

20 Nameless Fanboi Posted ID:LzmAhDm.HM

เพิ่มเติมว่าของแบบนี้มันต้องเริ่มตกคนอ่านกันตั้งแต่ชื่อเรื่อง คำโปรย หน้าปก ต้องลองศึกษาดูว่าตั้งชื่อแบบไหนคนถึงจะคลิกอ่าน บางทีถึงจะเขียนแนวกระแส แต่ถ้าเสือกตั้งชื่ออินดี้ ก็ไม่มีคนเข้ามาดูหรอกนะ

21 Nameless Fanboi Posted ID:BmUajhpQi2

ช่วงนี้โม่งใจดีจังเลยค่ะ ถ้าโพสแบบคุณ >>14 ปกติต้องโดนด่ายับแล้ว

22 Nameless Fanboi Posted ID:PYX//YBjPX

>>19 ใน เด็กดอกไม่ใช่แค่ดวงหรอกนะ มันอยู่ที่การศึกษา วางแผนด้วย ศึกษาคู่แข่ง วางแผนให้นิยายติด top ในแต่ละหมวดอย่างน้อยก็ต้องไปทำความเข้าใจว่าต้องมียอดอ่านเท่าไรถึงจะติด top 10 ขึ้นหน้าหนึ่งได้ จากนั้นก็ทำตามเป้าหมายให้ได้ ถ้ายอดติดตามน้อยคนอ่านน้อยก็ค่อยๆสะสม จนถึงระดับหนึ่งก็ลงแมร่งวันละ 5 ตอน 10 ตอน พอติด top แล้วคนมันก็จะเห็นนิยายเราตลอด อะไรมันก็จะง่ายขึ้น

ศึกษา วางแผน วางกลยุทธ ดำเนินตามกลยุทธที่วาง เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย จะโทษดวงอย่างเดียวทั้งๆที่พยายามและลงแรงน้อยกว่าคนอื่นไม่ได้หรอก ! แค่อยากจะฝากไว้ให้คิด

23 Nameless Fanboi Posted ID:cWz4r6kUL2

ไรวะ ยังเขียนกันในเว็บดักดานแบบเด็กดอกอีกเหรอ?

24 Nameless Fanboi Posted ID:5nosdSOx3v

>>23 มีเว็บร่วมสมัยนิยมแนะนำบ้างไหมคะ? _/\_

25 Nameless Fanboi Posted ID:jKUZ650Ujp

>>24 ขึ้นอยู่กับแนว แนวแฟนตาซีลงเด็กดีดีสุด ถ้าแนวรักๆ ลงรี้ดอะไร้ แนวเยๆ ลงธัญวลัย ที่เหลือทั้งฟิกชั่นล็อก กวีบุ๊ค ไม่น่าสนใจที่จะลง แต่ถ้าจะลงก็ต้องเป็นแนวจีนๆกำลังภายใน ไม่เน้นรัก

26 Nameless Fanboi Posted ID:FPCLJc/9z8

เขียนในเว็บเด็กดวก ยอดอ่านยอดเปย์ ยังพอรับได้ แต่ในรีด จัดหมวดหมู่เชี่ยมาก แถมยังแจกยอดวิวพร่ำเพรื่อ ขายฝันนักเขียนอ่อนหัดใจบางไปวันๆ เมิงไม่ให้เขียนในเด็กดวก จะให้ไปเขียนที่ไหนวะ รบกวนช่วยชี้แนะ

27 Nameless Fanboi Posted ID:+WYQMnqG8t

>>23 ถ้าเป็นแนวแฟนต้าล้วนมันหนีเด็กดอกไม่ได้หรอก รอรแม่งจัดหมวดหมู่ห่วยแตก

28 Nameless Fanboi Posted ID:+WYQMnqG8t

>>23 ส่วนฟชลนี่แม่งก็ขายแต่นิยายแปลของมัน

29 Nameless Fanboi Posted ID:3Kn2VcLcy9

>>25 แล้วแนวไซไฟลงที่ไหนดีคับ ไม่ได้จะกวนตีนนะคับแค่ถามเฉยๆ

30 Nameless Fanboi Posted ID:dRwB+kgT98

กูกำลังสงสัย กลุ่มคนที่อ่านแฟนตาซีอยู่นี่ปัจจุบันคือคนกลุ่มไหนหว่า
หลานๆ กูอายุรุ่น 10 ขวบนี่แม่งอ่านวายกันละ ส่วนพวก 13 กับ 15 นี่ไม่รู้ว่าอ่านรึเปล่าปกติเห็นติดกันแต่เกม

31 Nameless Fanboi Posted ID:+4LrBfQG6G

เพิ่งมีโอกาสได้กลับมาอ่านนิยายเว็บเมื่อไม่กี่วันก่อน กุไม่เข้าใจว่านิยายสมัยนี้มันเขียนไม่ดีหรือกุอ่านไม่เข้าใจกันแน่ รู้สึกมันไร้สาระแบบเน้นอ่านเอาสนุกละทิ้งหลักกการแล้วเหตุผลไปเลย ล้างแค้นกับพวกโง่ๆ ด้วยวิธีโง่ๆ (บางครั้งก็เขียนโหดเกินจนไม่เข้าใจคนเขียนว่าทำไมต้องรุนแรงขนาดนั้น) สมองเบลอๆ ก็ไปลองอ่านนิยายระบบ แม่คุณ ยิ่งอ่านยิ่งจะเป็นไมเกรนเข้าไปทุกตอนๆ จนเข้าใจว่านิยายพวกนี้ควรถอดสมองก่อนอ่าน

แฟนตาซีในไทยยุคเกมออนไลน์ว่าแย่แล้ว ยุคนี้รู้สึกสิ้นหวังกว่าอีก สำหรับกูแล้วนิยายเว็บแฟนตาซีสมัยนี้ต่ำกว่าฟาสต์ฟูดอีก เป็นขยะทางวรรณกรรมแบบไม่ต้องสงสัยเลย

32 Nameless Fanboi Posted ID:3ekntPPmzR

>>31 ยุคนี้ต้องจีนโบราณจั๊ฟ คุณภาพล้นแก้ว

33 Nameless Fanboi Posted ID:BrScKrZM+F

วันนี้กูจะมาแจกสูตรความสำเร็จตามกระแสของนิยายในยุคนี้ ถ้าเอาไปทำตามรับรองรวย

พวกมึงเคยเห็นนิยาย 3 in 1 ไหม ยำใหญ่สามพล็อตยอดฮิต

ย้อนเวลาไปยุค 70
นางร้าย
แม่ลูกติด

นำมารวมกันเป็น “นางร้ายย้อนเวลาเลี้ยงลูกติดในยุค 70” ทำตามสูตรนี้ปังปุริเย่ กูบอกเลย สิ้นคิดแหละ แต่ยุคนี้เป็นอย่างนี้จริงๆ แต่ถ้าจะให้ปังกว่านี้ มึงต้องใส่พล็อตฮิตอื่นๆ เข้าไปด้วย กลายเป็น

“นางร้ายต่างโลกย้อนเวลาไปเลี้ยงลูกแฝดในยุค70พร้อมระบบปลูกผัก Online”

ซึ่งเป็นกันรวมกันของ

นางร้าย
ต่างโลก
ลูกแฝด
ยุค70
ระบบ
ปลูกผัก
เกมOnline

ไม่ดังให้มันรู้ไป

34 Nameless Fanboi Posted ID:3ekntPPmzR

>>33 กูสงสัยว่าทำไมคนสมัยนี้ ถึงชอบอ่านตัวละครย้อนไปยุคเรดการ์ดวะ มันน่าอภิรมย์ตรงไหน เป็นหนึ่งในยุคตกต่ำสุดของจีนแดงด้วยซ้ำ

35 Nameless Fanboi Posted ID:8zCFJFs35t

>>34 ไม่เกทเหมือนกัน หรือมันเป็นแผนของจีนแดงที่จะทำให้ยุคนั้นมันดูดีวะ

36 Nameless Fanboi Posted ID:W8c++CgqLx

>>33 อยากถามคนเขียนรายนี้จังเลยว่า มึง(คนเขียน)ศึกษาโลกยุค 70's แล้วยังวะ ถ้าเป็นประเทศจีนคือนรกบนดินเลยเหี้ย มีแต่พวกโง่อยากดาร์กวอนนาบีสัสๆ

37 Nameless Fanboi Posted ID:oKPuRe7TS7

กูยิ่งไม่เข้าใจเลยแหละกับพวกอ่านนิยายจีนแล้วอวยวัฒนธรรมจีน อวยการปกครองจีนเนี่ยในหัวคิดอะไรกันอยู่
อยากหนีความจริงน่ะเข้าใจ แต่พวกนี้คือไม่เคยศึกษาเลยใช่มั้ยว่ายุคนั้นๆ จีนมันเหี้ยแค่ไหน

38 Nameless Fanboi Posted ID:8DHj7qGsCo

สูตรสำเร็จตลอดกาลคือการก็อปงานต่างชาติดังๆแบบแทบจะแปลแล้ววางต่างหากโม่งเอ๋ย มีคนรออ่านแน่นอนไอ้พวกชอบของเกรดมิลเลอร์ จรรยาบรรณคือไร?แดกได้ป่าว มันผิดแล้วไง?ให้เจ้าของเรื่องมาตามเองดิแต่อยู่คนละประเทศนะคิดว่าง่ายเหรอ ด่าไปเถอะไงก็มีคนพร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว บิบิ

39 Nameless Fanboi Posted ID:1CUH/bIq9p

>>38 ชั่ย! จันยาบันแดกไม่ได้ ถึงจะก็อปมาก็ต้องมาคิดคำไทยใส่ คิดชื่อตัวละครเอง ไหนจะต้นทุนค่าเน็ต ค่าไฟ ต้องกินต้องใช้นะ

40 Nameless Fanboi Posted ID:mEbKfA2/Ov

นอกเรื่อง ใครอยากสับรีบมากันเร็ว
ป.ล. ไอตรงใต้คอมเม้นต์ 12 และ 17 ลงไปเค้าหากินกันแบบนี้เลยหรอวะ
https://www.dek-d.com/board/writer/4054746/

41 Nameless Fanboi Posted ID:ICSeQmxvNT

>>40 หมายถึงขอเอาเรื่องเค้าไปสับเฉยอะเหรอ

42 Nameless Fanboi Posted ID:mEbKfA2/Ov

>>41 เอาไปสับแล้วคิดเงินค่าคอมเม้นต์ตอนละบาท

43 Nameless Fanboi Posted ID:ICSeQmxvNT

>>42 ไม่ใช่เหี้ยธรรมดาแต่เป็นโคตรเหี้ย

44 Nameless Fanboi Posted ID:ZXLh00ZXVw

โม่งบดสับไปเตรียมเล่นสงกรานต์หรอวะ ว่างไม่ว่างก็มาสับหน่อยให้หายคิดถึงกันบ้าง

45 Nameless Fanboi Posted ID:GJTxzgtCkJ

กว่าจะได้สับคงรออีกพักใหญ่ เพราะคุณภาพนิยายถิ่นนั้นเหี้ยระดับเดียวกับ The Snake

46 Nameless Fanboi Posted ID:ZXLh00ZXVw

>>45 มึงแม่งดูถูกหนังร้อยล้านว่ะ

47 Nameless Fanboi Posted ID:K0YpbOBFpF

>>46 งั้นเอาเรื่องนี้แทนก็ได้ https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTZcz8oT4xNRL3EdCjqC63uNFt-8-OQv1Nx6e_ZgfBuIItGVzxpNftXD6-M&s=10

48 Nameless Fanboi Posted ID:+jdd4i7myb

ช่วงนี้บอร์ดเด็กดีมีแต่พวกกากๆ เข้าไปเห็นก็เซ็งแล้ว

49 Nameless Fanboi Posted ID:pPchQGSSA6

งั้นกูขอถกประเด็น ทำยังไงถึงจะให้พี่เว็บแนะนำนิยาย

50 Nameless Fanboi Posted ID:q.QkNVrZII

>>49 ทำปกสวยๆ ติดเหรียญ ลอง IB ไปขอแบบส่วนตัว ถ้าไม่มีเส้นก็ต้องลุ้น ถ้าเป็นนักเขียนมีชื่อ หรือเคยรู้จักส่วนตัวกับทีมงานก็คงสบาย

51 Nameless Fanboi Posted ID:pPchQGSSA6

>>50 ขอบใจ พอดีกูเห็นบางเรื่องคนอ่านพันกว่าๆ แต่พอเว็บโปรโมทก็พุ่งรัวๆ จริงอย่างที่มึงบอกเห็นเรื่องที่โปรโมทส่วนใหญ่ติดเหรียญกันเพนิ

52 Nameless Fanboi Posted ID:szH76zNp8f

>>51 ผลประโยชน์ต่างตอบแทนน่ะโม่ง

นักเขียนขายแล้วเว็บก็มีรายได้ตามไปด้วย พอเว็บโปรโมตให้นักเขียนก็ได้คนอ่านเพิ่ม ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย

53 Nameless Fanboi Posted ID:k+Xxk5phn2

>>52 แม่งเกลียดโลกทุนนิยมว่ะ อยากย้อนยุคไปปลูกผักปี 60 กับท่านแชร์แมนเหมาแล้ว

54 Nameless Fanboi Posted ID:szH76zNp8f

>>53 มึงคือคนเดียวกับ >>34 รึเปล่าวะ

55 Nameless Fanboi Posted ID:szH76zNp8f

มาแล้วลูกจ๋า สับพร้อมนินทาที่หนูอยากได้ ช่วงนี้เห็นบ่นกันว่าไม่มีใครสับ เออ ก็ตามนั้นแหล่ะ เพราะแต่ละคนมันก็ต้องทำอะไรในชีวิตประจำวันเหมือนกัน ไม่ได้ว่างมาสับนิยายให้อ่านกันฟรีๆ ถึงจะเก็บเงินก็เก็บได้แต่ตอนละบาท สับ 5 ตอนได้แค่ 5 บาทเอง (อิอิ) ไล่อ่านที่พวกมึงคุยกันดูกูจะออกความเห็นเพิ่มในเรื่องสำคัญๆ ตามนี้

>>11 อย่าเข้ากลุ่มนักเขียน เชื่อกู นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้วมึงยังจะเสียเวลาชีวืตไปโดยเปล่าประโยชน์ด้วย อันที่เข้าแล้วพอได้อะไรบ้างหรือคอร์สสอนการเขียนทั้งหลาย ซึ่งอันนี้ก็ต้องวัดดวงด้วยเหมือนกันว่าจะเจอครูดีหรือครูที่ (ดูเหมือนจะ) ดี ถ้าเจอคนที่สอนเป็นมึงจะได้อะไรดีๆ มาใช้เยอะ แต่ถ้าเจอที่สอง มึงจะโดนหลอกขายหนังสือหลังอวยว่านิยายของครูมันเจ๋งยังไง

>>19 กับ >>22 อันนี้จริง เพราะโอกาสเป็นของคนที่พร้อมเสมอ เหมือนร้านขายน้ำผลไม้โนเนมแบบวันต่อวันที่อยู่ดีๆ ก็มีออเดอร์จากโรงแรมใหญ่สั่งซื้อเข้ามาเพราะทำของให้แขกไม่ทัน หลังจากดีลครั้งนี้จบลงโรงแรมก็จะได้ร้านน้ำร้านนี้เป็นตัวเลือกเวลาทำไม่ทันรอบหน้า ส่วนแขกในงานที่ติดใจรสชาติก็อาจถามว่าน้ำพวกนี้มาจากไหน แล้วตามไปหาซื้ออีก

พอกลับมาพูดถึงเรื่องโปรโมตที่ได้ขึ้นแบนเนอร์หรือโดนสัมภาษณ์ขึ้นหน้าเพจ นิยายกลุ่มนี้มักมีบางอย่างที่ตรงตามความต้องการของเว็บ เช่นมียอดวิวเยอะและกำลังติดเหรียญขาย หรือมีสำนวน-เนื้อเรื่องที่ดีแต่ดันอยู่ในซอกหลืบ คือก่อนที่ดวงจะพาโอกาสมาให้มึงคว้า ระหว่างนั้นมึงก็ต้องพยายามเองก่อนด้วย เพราะถ้านิยายมึงกากเนื้อเรื่องหมาไม่แดกต่อให้ทีมงานมาอ่านเจอ เขาก็ไม่คิดจะเอาไปโปรโมต หรือเขียนนิยายไปยาวๆ แล้วยังไม่ติดเหรียญก็ไม่รู้ว่าจะช่วยส่งเสริมการขายไปทำไม

โอกาสมันมาแบบไม่เลือกเวลา เหมือนเรื่องร้านขายน้ำผลไม้ข้างบน ถ้าโรงแรมมาติดต่อว่าอยากได้ 100 ขวด แล้วร้านมึงจัดให้ 100 ขวดได้ตามต้องการ ทุกอย่างมันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ปัญหาคือร้านที่อยู่ในเว็บส่วนมากมันทำไว้แค่ 20 ขวด พอให้ขายได้พ้นไปเป็นวันๆ จนเมื่อโอกาสมาถึงจริงๆ ก็คว้าไว้ไม่ได้เพราะไม่มีอะไรสำรองไว้ในมือเลย

อย่างสุดท้ายที่กูจะพูดถึงใน >>19 คือช่วงที่นิยายได้ขึ้นหน้าแนะนำ อย่าเล่นตัว มีของอะไรให้รีบปล่อยออกมาให้หมด สต็อคมีแค่ไหน จัดไปเลยวันละหลายๆ ตอน ในช่วงที่แสงกำลังส่องมาจนสายตาของคนอื่นจับจ้องมึงอยู่ เป็นจังหวะสำคัญสัสๆ ที่ควรจะขายของ มึงมีดีอะไร จุดเด่นเป็นแบบไหน รีบโฆษณาเลย พอแสงส่องมามึงต้องรีบฉายแสงต่อเพราะมันมาแค่ไม่นาน อย่าให้โอกาสต้องสูญเปล่า

>>31 เศร้าแต่ก็ต้องปลง เพราะตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องของคุณภาพวรรณกรรม แต่กลายเป็นธุรกิจไปแล้ววะ โลกไม่ได้สนว่าดีหรือไม่ แต่สนว่าขายออกหรือเปล่า แต่งแล้วมีคนอ่านไหม

>>33 ฟังดูเข้าท่า แต่อาหารถ้าผสมหลายอย่างมากไปกินแล้วขี้แตกนะมึง (ทำพวกเมนูฟิวชั่นก็พอมั่ง)

>>38 การลอกเลียนแบบคือรูปแบบพื้นฐานในการเรียนรู้ ตอนเราเรียนหนังสือเราก็ต้องอ่านแบบเรียน ศิลปะทุกแขนงสร้างสรรค์มาเป็นพันปีจนแทบจะไม่เหลืออะไรที่เป็นเป็น OG เหลืออีกต่อไป กูไม่ค่อยคิดมากถ้าใครจะลอกงานใคร แต่แบบที่มึงบอกมันก็ทุเรศเกิน อย่างน้อยก็ควรดัดแปลงให้เป็นแนวทางของตัวเองหน่อย สร้าง setting ที่มันเป็นของตัวเองบ้าง ขนาดคนวาดโจโจ้ยังยอมรับเลยว่าได้ รบดจ. มาจากหมัดเทพเจ้าดาวเหนือ ส่วนเรื่องดาวเหนือนี่ก็รับแนวคิดมาจาก Mad max อีกต่อ ใช้วัตถุดิบเดิมมันไม่ผิด แต่ใครจะเอาไปต่อยอดได้ดีกว่ากันต่างหากคือสิ่งที่ต้องเก็บไปคิด

>>39 อ่านแล้วขำ ภาพความเห็นติ่งเลียไข่นักเขียนลอยเข้ามาในหัวเลย

>>47 รายได้รวมเยอะเหี้ยๆ สูงที่สุดในประวัติศาสตร์หนังไทย (ประชด)

>>49 รออ่านในสับเดี๋ยวกูจะบอกใบ้ให้เป็นข้อๆ

56 Nameless Fanboi Posted ID:k+Xxk5phn2

>>54 ใช่แล้วสหายโม่ง เผลอๆทั้งบอร์ดมีแค่มึงกะกูคุยกัน

57 Nameless Fanboi Posted ID:+SemEy8A/L

>>55 เรื่องลอกเลียนนี่กูเห็นด้วยกับมึงมาก ๆ พล็อตเหมือนแต่ถ้าไม่ได้ลอกมาคำต่อคำก็ไม่มีปัญหาหรอก

58 Nameless Fanboi Posted ID:szH76zNp8f

มีจังหวะให้พักได้ 30 ชั่วโมงก็เลยนอน 6 ชั่วโมงแล้วหาอะไรทำหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นก็คือแวะมาสับนิยายให้พวกมึงอ่าน (ถ้ามึงคิดว่าการด่านิยายคนอื่นคือการพักผ่อนแบบหนึ่ง) นิยายเรื่องนี้กูเห็นได้รับการแนะนำตรงหน้าเพจเด็กดวก พอเข้ามาแอบอ่านก็เจอพวกมึงพูดถึงเหมือนกันท้ายๆ มู้ที่แล้ว เราจะไม่พูดถึงเกี่ยวกับนักเขียนแต่เน้นไปที่เนื้อเรื่อง (เพราะเดี๋ยวจะมีพวกเหี้ยมาหาว่ากูเป็นพวก racist อีก) จากที่มีคนถามไว้ใน >>49 หลังจากที่กูสับนิยายแนะนำมาหลายรอบ กูจะบอกให้อ่านตามนี้ถ้าเป้าหมายของมึงคือการอยากให้หน้าเว็บเอานิยายไปแนะนำนะ

1) นิยายมึงต้องมีจำนวนตอนอย่างน้อย 50 ตอน (ในความยาวที่ไม่สั้นจนเกินไป)
2) ยอดวิวขั้นต่ำสูงกว่า 50,000
3) ยอดความเห็นสูงกว่า 500
4) ยอดผู้ติดตามสูงกว่า 2,000
5) มีการอัปเดตต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง (แต่ส่วนใหญ่เห็นอัปวันละตอนหรือวันเว้นวัน)
5) ***สำคัญเหี้ยๆ*** ต้องมีการติดเหรียญขายแล้วเกิดการขายแล้วในระดับหนึ่ง

ข้าจะเป็นหมอยา
https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=2277919

นิยายเหี้ยไรวะอยากจะเป็นหมอยเฉยเลย (พนักงานตบมุก : หมอยาครับไม่ใช่หมอย เห็นสระอามั้ยวะครับ) โอเคหมอยานี่เอง อะแล้วไงต่อ ถึงชื่อเรื่องจะธรรมดา แต่กูจะบอกว่ามันเป็นการตั้งชื่อแบบใช้กับดักทางความคิด ไม่ต่างกับนิยายเรื่องหมอยลดา หรือคุณหมอยศวิน โดยเฉพาะกับคนเหี้ยๆ (แบบมึงกับกู) ที่อ่านแล้วสามารถเก็ตมุกทะลึ่งตึงตังได้ทันใด แน่นอนว่านักอ่านบางส่วนอาจไม่คิดอะไรถ้าจิตใจไม่เหี้ยเท่าพวกเรา ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีผลในทางร้าย ถ้ามีคนเก็ตมุกก็เหมือนเกิด effect (+1) ถ้าอ่านแล้วไม่เก็ตก็ไม่เป็นไร (0) ในต่างประเทศเองก็มีการแอบใช้ subliminal message กันอย่างแพร่หลาย พอโดนจับได้ก็เจอโจมตีกันไป เช่นการแอบใส่คำว่า sex ใน texture ภาพพื้นหลังการ์ตูนเจ้าหญิงของดิสนีย์ กับอันที่อื้อฉาวกว่าคือยอดปราสาธในปกการ์ตูนเจ้าหญิงที่มีหอคอยอันนึงมีปลายเห็นเป็นหัวดอแบบถอกเรียบร้อย (ซึ่งไม่รู้ว่าคนวาดมันซ้อนแผนทำลายค่ายเองหรือเปล่า)

เรื่องทำนองนี้เป็นอะไรที่พื้นๆ มาก เหมือนเวลาคนถามว่าทำไมเรื่องเกี่ยวกับการเด้ากันถึงได้รับคำนิยมมากกว่า Love scene ในละครทำไมต้องใส่มา หนังผีเกรดบีของฝรั่งทำไมต้องโดนฆ่าระหว่างกำลังเยดกัน ถ้าให้ตอบแบบโง่ๆ เลยก็คือคนเรามันมีความขี้เงี่ยนแอบซ่อนอยู่ภายในทั้งแบบที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว พวกโปสเตอร์เหล้าเบียร์ก็มักจะมีนางแบบนุ่งน้อยห่มน้อยปรากฏอยู่ แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิด กูไม่ได้บอกให้พวกมึงแต่งนิยายที่มีแต่ฉากเยด เพราะมันจะกลายเป็นการเขียนเรื่องเสียวไปแทน คือในเนื้อเรื่องทั้งหมดก็อาจใส่ไปบ้างได้เป็นระยะ แล้วใส่แบบมีจุดประสงค์ด้วย ไม่ใช้เอะอะเดินชนกันหน้าพระเอกล้มทับกีแล้วนางเอกร้องอ๊างไรงี้นะ บางเรื่องใส่ฉากทำนองนี้เป็นฉากการถูกข่มขืน เพื่อให้ส่งผลต่อตัวละครประกอบ หรือตัวละครรองใน arc นั้นๆ ว่าจากเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดอะไรขึ้นต่อบ้าง แล้วมันมาเกี่ยวกับพวกตัวละครหลักได้ยังไง ถ้าเป็นนิยายรักรอมคอมก็จะต้องใส่ฉากถูกเนื้อต้องตัวแบบจำใจมาบ้างพอกระชุ่มกระชวย ไม่งั้นแม่งน่าเบื่อแย่

อะไรวะ หลุดประเด็นจากชื่อเรื่องมาไกลเลย ถ้าไม่นับเรื่องการใช้คำว่า หมอย-า แล้วล่ะก็ กูว่าชื่อเรื่องธรรมดาไป อาจเป็นเพราะเห็นว่าชื่อเรื่องยาวๆ สไตล์ Light Novel มันเต็มเว็บไปหมดเลยอยากจะแตกต่าง ตั้งชื่อธรรมดาแบบสูงสุดคืนสู่สามัญแบบนี้แหล่ะดีแล้วก็เป็นได้

หน้าปกนักเขียนลงทุนจ้างนักวาดมาวาดให้ ลายเส้นโอเค การใช้สีก็ทำได้ดีเลย มีเทคนิคหน้าชัดหลังเบลอกับกุมารทองด้านหลังแถมมาให้อีกตัว font ที่ใช้กับชื่อเรื่องไปด้วยกันได้ ปกเรื่องนี้กูให้ผ่าน คำโปรยอ่านแล้วพอเข้าใจเนื้อเรื่องคร่าวๆ แต่อ่านแล้วติดๆ ขัดๆ เหมือนยังต้องเกลาอีกเยอะกว่าจะลื่น ถ้าอยากลองก็ไปอ่านกันดูเองใต้ชื่อเรื่อง ถามว่าดึงดูดใจไหม กูว่าไม่เลย เหมือนมึงขายเค้กแล้วมึงบอกแค่ว่าเค้กครับ อร่อยนะครับ แล้วไม่ได้บอกว่าใส่ครีมสด เนยแท้ มีสตรอเบอร์รี่เกรดเอลูกใหญ่กว่าหัวพ่อมึงแต่งหน้าเค้กด้วย ใช้ส่วนคำโปรยยังไม่คุ้มเท่าไหร่ Tag อันสุดท้ายนี่เป็นดาบสองคม เพราะคำว่าไม่ฮาเร็มมันทำได้ทั้งจัดการศัตรูและบาดคอมึงตายเองได้ในเวลาเดียวกัน ลองคิดกันเล่นๆ ว่าจำนวนคนอ่านเด็กชายวัยเบียวที่ชอบแนวเมียเยอะๆ ในเว็บมีอยู่เท่าไหร่ ถ้าเทียบกับพวกผัวเดียว-เมียเดียว

ปกรองเขียนเกี่ยวกับ setting ไว้นิดหน่อยว่า ปัจจุบันแพทย์แผนโบราณมันถูกด้อยค่าลงไป พระเอกของเราเลยจะทำให้มันโด่งดังขึ้นมาใหม่ ด้านล่างสุดมีแปะบทสัมภาษณ์จากหน้าเพจไว้ด้วย เผื่อมีคนอยากลองไปอ่านดู ก็เหมือนกันกับส่วนคำโปรย... ใช้งานได้ไม่คุ้มค่า

59 Nameless Fanboi Posted ID:szH76zNp8f

ตอนที่ 1 : ตอนที่1

โอเคนักเขียนเขียนแบบไม่มีชื่อตอน กับขนาดตัวอักษร 20pt แล้วเขียนแค่ 6,000 characters ถ้าหดลงมาให้เท่ากับขนาดมาตรฐานไฟล์ epub กูว่าจะให้ครบ 2 หน้ายังเกือบจะไม่รอด เอาไปเลยระดับความยาว : หมอยแมงเม่า คนที่จะซื้อนิยายเรื่องนี้ได้ต้องคิดให้ดีกับนิยายที่ตกหน้าละ 50 สตางค์แบบนี้ นิยายเรื่องนี้เล่าด้วย POV3 ส่วนเนื้อเรื่องก็... เปิดเรื่องมาด้วยการอธิบายว่ามีหมู่บ้านแห่งหนึ่งไกลเหี้ยๆ เวลาป่วยก็ต้องหาสมุนไพรแดกรักษากันเอง เพราะกว่าจะไปถึงเมืองก็มักจะตายห่ากันกลางทาง ปูนิลพาเด็กชายชื่อไอ้ไพรเข้าป้าหาสมุนไพร ไอ้ไพรบ่นว่าปูแม่งพากูเข้าป่าตลอด จนกูไม่สนิทกับเด็กในหมู่บ้านสักคน ไม่เห็นอยากจะเป็นเลยหมอยาเหี้ยไรเนี่ย เลยโดนปู่โบกหัวไป 1 ทีจนต้องหุบปาก หลังจากนั้นปู่ก็พูดถึงหน้าที่ของหมอว่าต้องรักษาคนป่วย ตกเย็นพอใกล้ค่ำเลยพากันขึ้นไปนอนบนนั่งร้านส่องสัตว์ของพวกพราน มีเสือสมิงในร่างหญิงสาวโผล่มาคุยกับปู่หลังไอ้ไพรหลับไปแล้ว สมิงเรียกปู่ว่าจอมไพรแล้วแจ้งข่าวว่ามีทหารบุกเข้ามาในป่า ปู่ก็รับทราบแล้วบอกอีสมิงให้กลับก่อน เดี๋ยวกูจะไปคุยกับพวกนั้นเอง

ตอนที่ 2 : ตอนที่ 2

เช้ามือวันถัดมา (เช้ามืดรึเปล่าวะ) ปู่นิลก็พาไอ้ไพรเดินทางต่อ เดินทางไปจนเจอกำลังทหาร 20 นายกับตัวหัวหน้า ปรากฏว่าหัวหน้าเป็นสหายเก่าของปู่ชื่อวี ก่อนจะคุยธุระปู่นิลใช้ให้ไอ้ไพรไปหาอะไรทำรอ เพื่อนปู่เลยบอกว่าไปนั่งคุยกับน้องมะขามหลานสาวกูก็ได้ พอเด็กๆ ออกไปแล้วสองเฒ่าก็พูดถึงเรื่องในอดีตที่ปู่นิลเคยถล่มกองพันของศัตรูตายห่าด้วยตัวเองในเวลาชั่วข้ามคืน (ปู่แม่ง OP นี่หว่า) สักพักปู่ก็ตัดเข้าเรื่องว่ามึงมาตามหากูทำไม ปู่วีทำหน้าเครียดๆ แล้วเล่าว่าไปมีปัญหากับกลุ่มอิทธิพลในเมืองหลวง ลูกๆ โดนจับตัวไปส่วนที่เหลือในบ้านถูกฆ่าตายเรียบ พวกนั้นบังคับให้ปู่วีขายกิจการให้ภายในเวลา 3 เดือน ตอนนี้ก็ผ่านมา 2 เดือนแล้วปู่วีเลยจะต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนจะไปลุยเลยเอาน้องมะขามมาฝากให้เพื่อนอย่างปู่นิลช่วยดูแล ปู่นิลได้ยินเลยทำนายชะตาให้เดี๋ยวนั้นเลยว่า ลูกๆ ของปู่วียังไม่ถึงฆาต แต่ครั้งนี้จะต้องระวังลูกน้องคนใกล้ตัวให้ดีๆ เดี๋ยวจะให้ item โกงๆ ไปติดตัวไว้ เวลาจะออกจากป่าก็ไปทางทิศนี้นะ ปู่วีบอกลาหลานสาว แล้วเก็บข้าวของเดินทางไปในทิศที่ปู่นิลบอก ขาเข้ามาเดินป่าตั้ง 3 อาทิตย์ แต่ตอนออกใช้เวลาแค่วันเดียวก็ออกมาได้ ปู่แกก็คิดในใจว่าเราเอาหลานมาฝากไว้ถูกคนแล้ว

ตอนที่ 3 : ตอนที่ 3

หลังจากนั้นปู่นิลก็ให้เด็กทั้งสองจับมือแล้วหลับตา ภายในเวลา 1 นาทีพอลืมตาขึ้นทุกคนก็มาถึงชายป่าใกล้หมู่บ้าน ไอ้เด็กไพรรู้ทันทีว่าปู่พาตัวเองกับมะขามวาร์ปมาแหงๆ เพราะตอนเดินป่าออกมาใช้เวลาตั้งหลายวัน ปู่รีบดักคอว่ายังไม่ต้องถามอะไร เดี๋ยวคืนนี้ค่อยคุยกัน น้องมะขามด้วยความที่เป็นเด็กเมืองกรุงก็เดินต่อไม่ไหว ไอ้ไพรเลยพาน้องขี่หลัง นักเขียนอธิบายว่าไอ้ไพรแบกน้องขามได้สบายแม้จะเป็นเด็กวัยเดียวกัน เพราะโดนปู่บังคับอาบน้ำสมุนไพรกับฝึกกล้ามเนื้อด้วยการเดินป่ามาตั้งแต่เด็ก (ตอนนี้มึงก็ยังเด็กอยู่นะ สรุปฝึกตั้งแต่ตอนไหนแล้ววะ) ตกกลางคืนปู่ก็เล่าเรื่องสำคัญให้เด็กชายไพรฟัง บอกว่าตระกูลเราเนี่ยเป็นแพทย์หลวงจากรุ่นสู่รุ่นมา 1,000 ปี แล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ต้องเลิกทำแล้วมาอยู่ในป่าที่นี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเอ็งจะต้องเข้าพิธีฝึกการเป็นแพทย์หลวงเต็มตัว แช่น้ำว่าน ฝึกการต่อสู่ เรียนวิชาแพทย์ เรียนศาสตร์แห่งพราน บลาๆๆ ถ้าเทียบเป็นอนิเมะก็จะเป็น training arc ก่อนที่ไอ้ไพรจะเริ่ม OP เด็กไพรฟังแล้วก็เริ่มด้วยการลงชานเรือนไปออกกำลังกายศาสตร์ลับ 108 ท่า เพื่อเตรียมร่างกายตามที่ปู่บอก

60 Nameless Fanboi Posted ID:szH76zNp8f

ตอนที่ 4 : ตอนที่ 4

เช้ามาปู่นิลให้ไอ้ไพรไปตักนำด้วยคานหาบกับถังเหล็กขนาด 5 ลิตร 2 ถึง แต่ด้วยความที่เป็นเด็กทำไปไม่นานรอบที่ 3 ก็เดินไม่ไหวเลยโดนปู่ดีดหินใส่น่องจนต้องฝืนเดินต่อไป น้องขามเห็นก็สงสารไอ้ไพร แต่ปู่นิลห้ามไม่ให้เข้าไปช่วยเพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึก ถ้าอยากช่วยก็ให้ไปทำอาหารมาไว้ให้ไอ้ไพรกินแทน พอตักน้ำเสร็จปู่ก็พาไอ้ไพรไปแช่น้ำว่านสมุนไพรต่างๆ 108 ชนิด ซึ่งชื่อของว่านสมุนไพรพวกนี้กูเคยได้ยินมาบ้าง เช่นพวก หนุมานประสานกาย (ยางจากก้านใบใช้หยอดใส่แผลเปิดเพื่อเร่งการสมานได้) ขมิ้นขาวปัดตลอดแบบ 100 ปี (ซึ่งมีหลายรุ่นเช่น 10 หรือ 50 ปี ใช้ถอนพิษและอาการแสบคันเบื้องต้น) ในทางไสยศาสตร์ว่านพวกนี้ยังฤทธิ์ด้านอื่นๆ อีก ถ้าตามที่ปู่นิลเล่าไปในตอนที่แล้ว แปลว่าตระกูลแพทย์ลับของไอ้ไพร ไม่ได้ทำแค่การรักษาคน แต่ยังเรียนรู้เรื่องคุณไสยด้วย สรุปว่าปู่แกเตรียมความพร้อมให้ไอ้ไพรมาเป็นอย่างดี ว่านที่แช่อยู่ทุกวันก็มีผลทั้งเรื่องคงกระพัน มหาเสน่ห์ และเสริมพละกำลัง

ตกค่ำปู่พาไอ้นิลไปไหว้บรรพบุรุษเพื่อขออนุญาตเรียนวิชา ความรู้ที่ต้องเรียนก็มีมากมาย ทั้งเรียนจากคัมภีร์ใบลาน 100 เล่ม การค้นหาสมุนไพรป่า 10,000 ชนิด การออกกำลังกายลับ 108 ท่า และอื่นๆ พอไหว้รูปปั้นเสร็จจิตไอ้ไพรโดนดึงเข้ามิติลึกลับ พวกปู่ๆ ที่เป็นต้นแบบรูปปั้นพากันล้อมเข้ามาคุย บอกว่าเอ็งเป็นรุ่นที่ 99 ของตระกูล พอถึงรุ่นเอ็งชื่อเสียงของครอบครัวเราจะกลับมายิ่งใหญ่ พวกวิชาต่างๆ ก็เรียนไปได้เลย เดี๋ยวพวกเราจะแถมพลังจิตขั้นสูงให้ด้วย หลังจากกลับมาปู่นิลก็ตกใจเพราะพลังจิตของเด็กไพรมันเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน เลยพาตัวไอ้ไพรกลับบ้านก่อน

ตอนที่ 5 : ตอนที่ 5

พอไอ้ไพรฟื้นตอนเช้า ปู่นิลก็ถามว่าเป็นยังไงบ้างการไปพบบรรพบุรุษ ไอ้ไพรตกใจว่าปู่รู้ได้ไงแล้วก็เดาได้ว่าปูคงเคยเข้าไปในมิตินั้นเหมือนกัน ไอ้ไพรเล่าว่าบรรพบุรุษให้พลังจิตกับความรู้ด้านการแพทย์มา ศาสตร์อื่นๆ ก็ได้มาด้วยแต่ยังใช้ไม่ได้เพราะตบะยังไม่ถึงขั้น ปู่ได้ยินก็โล่งใจว่าแบบนี้ไอ้ไพรก็เทพซ่าเรียบร้อยเหลือแค่ต้องฝึกตบะกับหาประสบการณ์เพิ่มเท่านั้นเอง เวลาผ่านไป 1 เดือน ไอ้ไพรเก่งขึ้นทุกด้านจนปู่รู้สึกพอใจ ด้านปู่วีก็กลับมาหาหลานสาวแล้วคุยกับปู่นิลต่อ สรุปว่าปู่จะต้องออกไปทำธุระในเมืองหลวง ทิ้งให้ไอ้ไพรที่แช่น้ำว่านกับหนูมะขามที่เล่นตุ๊กตายืนงงอยู่ในหมู่บ้าน ขณะที่ปู่ทั้งสองคนเดินทางออกไปในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ

การบรรยาย : สำนวนธรรมดาอ่านง่าย ไม่หนักไปในทางใดทางหนึ่งทั้ง show ทั้ง tell แต่รูปแบบการเล่ามันเน้นเอาเนื้อหาใส่ปากตัวละครพูดออกมาเยอะไปหน่อย เช่น "วิธีเข้าฝันคนอื่น ขั้นตอนแรกต้อง...(ยาวไปจนจบทุกขั้นตอน)" เขาอธิบายพร้อมทำท่าทางจริงจังไปด้วย ซึ่งมันเป็นการยัดเยียดข้อมูลผ่านตัวละคร กูไม่รู้ว่าควรติหรือเปล่า เพราะเรื่องความเชื่อไสยศาสตร์พวกนี้ถ้าไม่อธิบายให้ครบละมันจะฟังดูไม่ขลัง เอาเป็นว่าจะข้ามไปก็แล้วกัน เพราะถ้าเป็นคนสายมูฯ มาอ่านนิยายแนวนี้แล้วก็คงอ่านได้ไม่คิดมาก การดำเนินเรื่องกูว่ากราฟแม่งขึ้นๆ ลงๆ pacing แปลกดี เหตุการณ์สำคัญจะเล่าแค่คร่าวๆ แต่วิธีการฝึกหรือรายละเอียดสมุนไพร คาถาอาคม ไรพวกนี้จัดเต็มมากๆ ซึ่งอาจเป็นจุดเด่นของนิยายแฟนตาซีไทยแนวมูเตลูแบบนี้ ภายใน 5 ตอนแรก สาระสำคัญเหมือนให้กูดู training montage ของเด็กชายไพรว่าฝึกยังไงก่อนจะเริ่มเทพซ่า มันดีสำหรับคนชอบแนวคุณไสยลึกลับ แต่ถ้ามองให้กว้างขึ้นสำหรับนิยายทุกแนว ถือว่าเดินเรื่องช้าไปหน่อย

จบ 5 ตอน กูว่าปู่นิลกับปู่วีควรไปบวกกับพวกมาเฟียจบนานแล้ว สาเหตุสำคัญคือความยาวต่อตอนที่เหี้ยจัด ไม่ถึง 2 หน้าซักตอน แต่นักเขียนมันเก่งนะพยายามสรุปด้วยบทบรรยายให้คนอ่านตามทัน ทั้งๆ ที่ยัดเรื่องราวหลายส่วนใส่มาในความยาวแค่นี้ได้ บางจุดกูเลยรู้สึกเหมือนอ่านทรีตเมนต์ย่อของเนื้อหานิยายในตอนนั้นแทน ถ้าเป็นมะนาวนี่คือมะนาวหน้าแล้งที่โดนบีบแล้วบีบอีกจนมีน้ำออกมาได้ทั้งๆ ที่เปลือกแทบจะป่นเป็นผงแล้วอะ ละดูตรงท้ายตอนมันเขียนจำนวนตัวอักษรไว้ทุกตอน แรกๆ ยังดี มี 5-6,000 เจอตอน 5 เข้าไป เหลือ 3,098 เหมือนนิยายทำมือราคาหน้าละ 1 บาท (แต่ 1 บาทนี้ได้แค่ 1 ตอน)

61 Nameless Fanboi Posted ID:szH76zNp8f

ตัวละคร : ทุกตัวละครไม่มีเอกลักษณ์ชัดเจน ไอ้ลักษณะนิสัยตามอายุกูพอรู้สึกได้อยู่ แต่ voice ที่ทำให้รู้ว่าเป็นตัวละครนั้นๆ กลับไม่มีเลยสักนิด วิธีการพูดในบทสนทนาแทบจะไม่ต่างกัน บทบรรยายก็ไม่การพูดถึงภาษากายหรือการกระทำที่ไม่เหมือนใคร ถ้าในอนาคตมีตัวละครมาเพิ่มในกลุ่มแล้วยังเขียนบทสนทนาแบบนี้อยู่อีก นักอ่านจะมีปัญหาเรื่องการแยกตัวละครว่าใครเป็นคนพูด ต่อให้เขียนแบบ "ทำยังไงดี" เอถาม "ไม่รู้เหมือนกัน" บีตอบ ในฉากอื่นๆ ที่มีความชุลมุนแล้วต้องเล่าต่อเนื่องรับรองว่าต้องอ่านแล้วงงแน่นอน การแก้ไข่นั้นทำได้ไม่ยาก แค่ใส่วิธีการพูดหรือคำติดปากเข้าไป ไม่ก็ใช้ความล้นหรือความห้วนก็ได้ บางตัวละครอาจเป็นคนพูดน้อยถามคำตอบคำ บางตัวอาจถามนิดเดียวมึงพูดเหี้ยอะไรตอบมาเยอะแยะ หรือใช้ภาษากายประกอบในบทบรรยายเช่นชอบพูดแบบไม่มองหน้า พูดจบละเสยผม ใช้คำหยาบในประโยค ถ้าเป็นในมังงะหรือเมะก็จะเจอพวกที่พูดแล้วลงท้ายด้วย เดส นาโนะ โกซารุ(ขอรับ) เป็นแบบอย่างหนึ่งที่พบได้อยู่บ่อยครั้ง การสร้างตัวละคร plain แบบนี้ไม่ผิดอะไรตราบใดที่มึงเล่าเรื่องได้เข้าใจ แต่ตัวละครมันจะไม่เป็นที่น่าจดจำ หรือถูกจินตนาการเป็น stickman พูดได้แบบที่แยกเพศด้วยการเติมหำ-เติมนม

เนื้อเรื่อง : สายไสยศาสตร์ไทยเต็มตัว พออ่านไปนานๆ พบว่าหมอยาในชื่อเรื่องควรถูกเปลี่ยนเป็นหมอผีมากกว่า หมอยาจริงๆ เขาก็ศึกษาทางยาไปเลย แต่ที่ไอ้ไพรทำอยู่คือการเรียนไสยเวทโดยมีเรื่องสมุนไพรและว่านทรงฤทธิ์มาเป็นส่วนประกอบ เรียนทั้งการแพทย์ การเป็นพราน และการใช้คุณไสยแบบนี้ มันไม่เรียกว่าเป็นหมอธรรมดาแล้ว ไอเดียไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่เน้นไปที่การนำเอาคติความเชื่อไทยๆ มาสร้างเป็น power fantasy เดินเรื่องด้วยตัวเองที่เก่งเทพ OP จากเวทมนตร์คาถาและการรักษาแบบสารพัดประโยชน์ของสมุนไพรที่แทบจะหาไม่ได้ในชีวิตจริง เจ้าของเรื่องทำการบ้านมาดีสำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับของอาถรรพ์และสมุนไพรต่างๆ

จุดเด่น : เล่าเรื่องได้ลื่นไหล เน้นขายของสายมูเตลูอย่าชัดเจน หาข้อมูลมาดีอ่านแล้วรู้สึกว่าแม่งรู้จริงด้านไสยศาสตร์ การล่าสัตว์ และสมุนไพรโบราณ เท่าที่อ่านมา 5 ตอน ไม่เจอพล็อตโฮล (หรืออาจเพราะสั้นเกินไปเลยยังไม่เจอ) ใช้ความยาวตอนที่สั้นใส่ข้อมูลมาได้เยอะ อาจถูกใจพวกชอบดูสปอยหนังเป็นพิเศษ เพราะแม่งสรุปมาให้กูเหมือนโดนครูบังคับเขียนย่อความจากหนังสือเล่มอื่นอีกที หน้าปกนอกอยู่ในระดับสูงกว่ามาตรฐานเทียบกับนิยายในเว็บเดียวกัน

จุดด้อย : บทบรรยายอ่านแล้วสะดุดเหมือนกับคำโปรย แต่กูแก้เองในหัวได้เลยไม่มีปัญหาเท่าไหร่ ส่วนคนอื่นก็แล้วแต่เวรแต่กรรม ใช้คำโปรยและปกรองได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื้อหาต่อตอนสั้นเกินไปจนดูเหมือนเอาเปรียบผู้บริโภค ขนาดกูอ่านฟรียังรู้สึกไม่พอเลย

คะแนน : แช่น้ำว่านสมุนไพร/10

ความเห็นส่วนตัว : บักสัสเอ๊ย ทำเอาคำแนะนำของกูข้อแรกเป็นหมันเลย ที่บอกว่าถ้าอยากขึ้นแบนเนอร์ความยาวต่อตอนต้องไม่สั้นเกินไป แล้วดูเรื่องเหี้ยนี่สั้นเหี้ยๆ ยาวกว่าระดับหมอยมดไปขั้นเดียว จนกูต้องเปลี่ยนสมมุติฐานใหม่ว่า เนื้อหาอาจไม่ต้องยาวก็ได้แค่มึงขายออกก็พอ บางทีพี่เว็บน่าจะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเด่นในฌองของมัน เป็นตัวเลือกให้พวกนักอ่านที่ชอบเรื่องราวไสยศาสตร์ตามมาซื้อได้ เลยเลือกเรื่องนี้ขึ้นมาโปรโมตเหมือนนิยายย้อนเวลาไปยุคอยุธยาคราวที่แล้ว (ช่วงนี้เน้นแฟนตาซีไทยกันแบบแปลกๆ นะ) ตอนสั้นแต่ยัดข้อมูลมาเยอะแล้วเล่าความคืบหน้าแค่พอเข้าใจ เช่น ปู่พาไพรเข้าป่า-คุยเรื่องสมุนไพร-ปีนนั่งร้านหาที่นอน-สมิงมาบอกเรื่องทหาร <<< แบบนี้อะ 1 ตอนของมัน ด้วยความที่สั้นเกินเลยบอกเราแค่ what's going on ในแต่ละตอนแต่เสือกอธิบายสมุนไพรยาวเหยียด หวังว่าจะไม่มีใครทะลึ่งไปหาว่านมาแช่น้ำอาบจริงๆ (แต่ก็เห็นเขียนเตือนไว้ตรงหน้าปกแล้วนี่ว่า เป็นเรื่องแต่งไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์จริง)

62 Nameless Fanboi Posted ID:szH76zNp8f

เออ... ก่อนจากของฝากอะไรไว้หน่อย
พอดีกูแวะไปดูนิยายอีกเรื่องของเจ้าของเดียวกัน ตอนแรกว่าจะลองอ่านเล่นๆ เจอชื่อเรื่องกับระดับพลังแบบจีนบน setting ยุคกลางเข้าไปเลยถอยดีกว่า
https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1741500
(แล้วรูปปกนี่คืออิหยังวะคะ)

63 Nameless Fanboi Posted ID:nNoqhwRuul

>>62 ขอบคุณที่แวะมาสับ เข้าไปดูแล้วเรื่องนี้คนอ่านเยอะกว่าอีก หรือเพราะเป็นนิยายมีระดับพลังเทพซ่าส์ 007 ว่ะ

64 Nameless Fanboi Posted ID:o0giLKJ+Zv

>>60 กูว่าเนื้อหา 3000-5000 ตัวอักษร ไม่ได้น้อยหรอกถ้าคนเขียนจัดหน้าหลอกดีๆก็จะดูเหมือนเยอะ ตอนอ่านตอนแรกกูไม่ได้คิดอะไร พอบอกคนอ่านตอนท้ายด้วยว่ากี่ตัวอักษรก็เลยดูน้อยจริงๆ

65 Nameless Fanboi Posted ID:yM1bpp/kbq

ช่วงนี้กูลองพิมพ์ตามนิยายฝั่งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น พวกงานลงเว็ปนี่ตอนนึงความยาวเฉลี่ยอยู่ราวๆ 900 คำ หรือ 4000 ตัวอักษรเอง
กูว่ามันน่าจะเป็นมาตรฐานใหม่ที่เหมาะกับการเลื่อนไถอ่านผ่านมือถือแล้วแหละ กูเองก็เริ่มปรับตัวเขียนแบบนั้นแล้วเหมือนกัน

66 Nameless Fanboi Posted ID:jdAir0A4ts

>>64 กูเขียน 9000 ไม่โดนด่า พอลดมาเหลือ 8000 ตัวอักษรโดนด่าว่าสั้น มันรู้ได้ไงวะ งงเหมือนกัน

67 Nameless Fanboi Posted ID:yhe9NGMBfb

คืนนี้อยากวิจารณ์นิยายแฟนตาซีเพื่อลับฝีมือ ใครมีเรื่องไหนมาเสนอแปะไว้ได้เลย จะเลือกมา 1 เรื่อง ขอไม่เกิน 20 ตอน เด็กดีเท่านั้น

68 Nameless Fanboi Posted ID:POZSIAgg8Y

>>67 ทำไมต้องไม่เกินยี่สิบตอนวะ

69 Nameless Fanboi Posted ID:yhe9NGMBfb

>>68 ขี้เกียจอ่านเยอะ

70 Nameless Fanboi Posted ID:9BFEkBzYao

>>68 เคยมีเรื่องหนึ่ง คนเขียนบอกเองว่า กว่าจะเข้าสู่เนื้อเรื่องหลักเริ่มตอนที่ 28 ไอ้สัส ถ้ากูเป็นคนนนั้น กูจะ reboot แม่งเลย

71 Nameless Fanboi Posted ID:nYxjgP23R3

>>70 มันแต่งตอนละ 5 บรรทัดรึไง

72 Nameless Fanboi Posted ID:POZSIAgg8Y

>>67 ก็ถ้าไม่เกินยี่สิบตอนใครมันจะรู้จักจนเอามาลงให้สับวะ มันก็มีแต่พวกเอาของตัวเองมาให้สับ กะของคนที่อิหยังวะมาก ๆ ในบอร์ดจนแม่งมีคนจ้องจองกฐินตั้งแต่ตอนยังน้อยป้ะ

73 Nameless Fanboi Posted ID:KSfHB0stKv

>>72 สุ่มๆมาให้หน่อยจิ

74 Nameless Fanboi Posted ID:5VUIRBBhOC

>>67 มึงจะสับ 20 ตอนเลยเหรอวะ ปกติสับกันแค่ 5 ตอนแรกดูแววว่าจะรอดหรือร่วง แต่ก็ช่างมันเถอะ ถ้ามึงขยันน่ะนะ (ไม่มีค่าจ้างตอนละบาทแบบในบอร์ดให้นะเว้ย)

75 Nameless Fanboi Posted ID:3EyL1Y7tud

>>73 ระวังเจอคนเอานิยายดอกขาวหรือมากิเนเตอร์ซาก้ามาให้สับนะมึง สมองพังเลยนะ

76 Nameless Fanboi Posted ID:2.1OrktIi+

>>73 แนะนำให้เอานิยายที่ฝากในบอร์ด พวกนี้ต้องมีความมั่นใจระดับนึงถึงกล้าออกแสง

77 Nameless Fanboi Posted ID:3EyL1Y7tud

>>76 +1 ไปตามกระทู้ขอนิยายอ่านอะ เพียบเลย ล่าสุดก็มู้ที่มีดราม่าขอสับเก็บเงินตอนละบาทไง

78 Nameless Fanboi Posted ID:ep6KxUVrJz

>>73 เอ้านี่ ลองสุ่ม ๆ ดู
https://www.dek-d.com/board/writer/4053990/46/0
แต่ถ้าถามกู ที่ดูน่าสับมีความเห็น 6 ที่แม่งดูพูดอะไรยืดยาว แหวกจากเม้นอื่นที่แม่งจะขายของท่าเดียว (ไม่ต้องหาว่ากูเป็นม้านะสัส)

79 Nameless Fanboi Posted ID:2YizY6/T6D

>>78 ม้าไม่ม้าก็ช่างเถอะ เดี๋ยวสับไอ้ดากแฟนตาซีธีมยุโรปให้ละกัน

80 Nameless Fanboi Posted ID:n.KWMhL6vU

>>78 ขำว่ะ 555 เรื่องพวกนี้อย่างกับเป็นคำสาปของห้องเว็บโนเวลเลย

ถ้าเอานิยายมาให้คนอื่นสับ = โดนหาว่าเป็นหน้าม้าเชียร์เพื่อน
ถ้าเอานิยายมาสับเองแล้วชม = โดนหาว่าเอานิยายตัวเองมาอวย
ถ้าเอานิยายมาสับแล้วด่า = โดนหาว่าไม่เป็นกลาง เลือกปฏิบัติ อคติกับนักเขียน
ถ้าเอานิยายมาสับแล้วอ่านยาก = โดนหาว่ากากสับไม่เป็น มีความพยายามแต่ก็ยังอ่อนหัด
ถ้าเอานิยายห่วยๆ มาเผยแพร่ = โดนหาว่าพยายาม Sabotage สมองพวกเดียวกัน
ถ้าเอานิยายดีๆ มาแจก = โดนหาว่าโชว์เหนือ อวดเก่ง ดูถูกรสนิยมคนอื่น

สรุปคืออยากทำเหี้ยอะไรก็ทำไปเหอะ คนชอบ, คนที่เข้าใจ มันก็มี พวกขี้หมั่นไส้ เน้นด่าไว้ก่อน มันก็มาก ในโม่งมันก็เป็นงี้แหล่ะ เก็บมาคิดมากเดี๋ยวปวดหัวเองนะมึง ยิ่งร้อนตัวแบบนี้ก็ยิ่งมีคนอยากแซวหรืออยากใส่ไฟ เพราะในโม่งแม่งจริงๆ แล้วไม่มีอะไรแค่โรคจิตชอบดูคน suffer เฉยๆ

81 Nameless Fanboi Posted ID:NPYnnA/CPr

ขอแทรกแปป ช่วงนี้ ดด. มีปัญหาหรือเปล่าอะ อัพแล้วบางทีไม่ขึ้นตอนใหม่ แถมคนอ่านก็ลดลง

82 Nameless Fanboi Posted ID:g1uI3e83z3

>>81 ต้องกลับไปกดบันทึกแล้วกดอัพอีกรอบ จะหาย ช่วงนี้ต้องทำแบบนี้ไปก่อน

83 Nameless Fanboi Posted ID:2.1OrktIi+

>>82 แง่ะ กูว่าอยู่ตั้งเวลาไว้แล้วไม่ขึ้น ยอดล้านวิวกูเลยไม่แตก

84 Nameless Fanboi Posted ID:X67k.O8uh/

>>83 หยุดฝันก่อนโม่ง ไม่มีโม่งคนไหนทำยอดวิวล้านแตกได้หรอก

85 Nameless Fanboi Posted ID:D9zhoabLcV

>>84 มันอาจเป็นโม่งเทพซ่าปลอมตัวมาก็ได้นะ

86 Nameless Fanboi Posted ID:DNmh2mhuC2

>>84 กูถือว่าเป็นโม่งไหม? ยอดวิวกูถึงล้านนะ หลายเรื่องอยู่ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่

87 Nameless Fanboi Posted ID:D9zhoabLcV

>>86 สมมุติว่ามึงเป็นนักเขียนยอดวิวหลักล้านจริงๆ กูขอถามหน่อยว่ามึงมาทำอะไรในเว็บเหี้ยๆ แบบโม่งวะ

88 Nameless Fanboi Posted ID:DNmh2mhuC2

>>87 นักเขียนบางทีมันก็เหงา นั่งเขียนงาน เขียนไม่ออก หาข้อมูล มันก็อยากจะฟังว่ากลุ่มนักเขียนคนอื่นมีความเห็นยังไง คิดเห็นยังไง บอร์ดเด็กดีแมร่งมีแต่พวกเด็กกากๆ บางพวกก็จิตตก เอาง่ายๆอ่านแล้วไม่ได้อะไร บางทีพิมพ์แนะนำตรงๆทัวลงอีก เข้าโม่งมาส่องเล่น ดูด้วยว่าผลงานตัวเองมีถูกสับไหม สับเละยังไง ฆ่าเวลาไปเรื่อย

89 Nameless Fanboi Posted ID:DNmh2mhuC2

ออ อีกเรื่อง นักเขียนนิยายมันก็มีความโรคจิตของมัน มีคู่แข่ง บางทีมันก็อยากจะบ่น อยากจะด่าผลงานคนอื่น อยากเห็นผลงานคนอื่นโดนติ มันมีอารมณ์แบบนี้ โม่งคือคำตอบ แต่ก็ไม่เคยด่าผลงานคนอื่นหรือสับผลงานคนอื่นเสียๆหายๆนะ กูแค่เข้ามาอ่านขำๆ นักเขียน ยิ่งมึงดัง ยิ่งผลงานมึงคนอ่านเยอะ มึงก็จะยิ่งเครียด ยิ่งกดดัน เพราะนักอ่านจะคาดหวังงานจากมึง

90 Nameless Fanboi Posted ID:Bh.iKYxh9E

>>89 เข้ามาคลายเครียดเหมือนกูนี่เอง

91 Nameless Fanboi Posted ID:3GMksJp9VJ

>>89 พูดแทนใจกูมาก 555 กูก็แอบมาปลดปล่อยด้านมืดในนี้ ระบายของเสียออกจากร่างเพื่อที่ในโลกข้างนอกกูจะได้คีปลุคคลีนๆ ต่อไป

92 Nameless Fanboi Posted ID:hWMmVp5pk1

กูไม่เชื่อออออ พวกมึงฝันว่ะ รีบตื่นด่วน ถ้ามึงเก่งจริง เป็นนักเขียนหลักล้านจริง คงมีเคล็ดลับดีๆ มาแชร์ในโม่ง ทุกวันนี้กูอ่านโม่ง เจอแต่ความโง่งม ไม่เห็นความเก่งกาจหรือบารมีนักเขียนหลักล้านที่แผ่ออกมาจากตัวพวกมึงเลย หรือต่อให้พวกมึงเป็นนักเขียนหลักล้านจริง กูว่าฟลุ๊คว่ะ ฟลุ๊คล้วนๆ ดังเพราะโชคช่วย กูไม่อยากเชื่ออ่ะ มันไม่ใช่ พวกมึงมันไม่มีออร่าว่ะ

93 Nameless Fanboi Posted ID:hWMmVp5pk1

ถ้าโม่งมีเทพเยอะขนาดนี้จริง ต่อให้พวกมึงไม่ตั้งใจแชร์ความรู้ แต่สำนวนการคุย มันต้องมีบารมีแผ่ออกมาบ้างว่ะ แบบเฮ้ย คนนี้ของจริง แต่นี่อะไร ดูยังไงก็นักเขียนเพ้อฝัน แบบนิยายไม่มีใครอ่าน เข้ามาเพ้อในโม่ง หลอกตัวเองว่าประสบความสำเร็จ ทั้งที่นิยายคนอ่านหลักสิบ แบบนี้ไม่ไหวๆ

94 Nameless Fanboi Posted ID:Bh.iKYxh9E

>>92 >>93 ระวังเจอพวกโดนแทงใจดำออกมาดิ้นขออ่านนิยายมึงบ้างนะ (ถ้ามึงไม่ใช่นักเขียนก็แล้วไป) เอาตรงๆ คือตอนนี้คนเล่นโม่งห้องเด็กดวกมันน้อยลงมากถึงจะก่อเกรียนไปก็ตีกันไม่นานหรืออาจไม่มีคนออกมาเล่นด้วย ส่วนเรื่องเทพไม่เทพนี่ไม่รู้เหมือนกัน อาจเป็นแบบที่มึงบอก เพราะส่วนใหญ่พวกที่ดังมากมันไม่ค่อยมีเวลา ต้องคอยเขียนให้ทันขายตลอด ยกเว้นจะเป็นพวกติดงาน,ดองนิยาย ถึงจะแอบมาเล่นในนี้ได้

95 Nameless Fanboi Posted ID:DNmh2mhuC2

>>92 กูเขียนจุดประสงค์ที่กูเข้ามาชัดเจนไปแล้ว นักเขียนคนอื่นๆที่เก่งๆมันก็เข้ามาในจุดประสงค์เดียวกัน ส่วนเรื่องแนะนำให้ความรู้พวกมึง มันก็เหมือนกับการโปรดสัตว์อะ อารมณ์ดีกูก็โปรด อารมณ์ไม่ดีกูก็อ่าน หัวเราะ แล้วสมเพช บางเรื่องพวกมึงก็เหมือนบัวใต้น้ำ เวิ่นเว้อ ไม่ได้มองความจริง เอาง่ายๆให้พูดตรงๆก็พวกขี้แพ้เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แล้วเอาจริงๆ มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยนะที่กูจะต้องมาแนะนำให้คนอื่นขึ้นมาเป็นคู่แข่งกูน่ะ นอกจากช่วงอารมณ์ดีอย่างโปรดสัตว์ แค่นั้นจริงๆ อาจจะแรงไป ก็ดูอย่างตอนนี้สิ ขนาดกูแสดงตัวออกมาบอกมึงชัดๆ คนที่มีดุดมการณ์แบบกูแสดงตัวออกมา มึงก็ยังไม่เชื่อ ดังนั้นต่อให้แนะนำวิธีการมึงไป มึงก็ไม่รู้จะเชื่อหรือเปล่า จะทำไปทำไม

นิยายกูเขียนมาหลายเรื่อง ทุกเรื่องก็วิวหลักหลายแสนหมดนะ หลักล้านก็มีไม่ใช่แค่เรื่องเดียว [นับแค่เว็บเดียว] ถ้านับเว็บอื่นรวมด้วยเนี่ย หลักล้านมันก็ไม่ได้ยากเลย มันมีวิธีการ มีสูตรสำเร็จ ก็แค่ถ้าสกิลการเขียนมึงไม่กาก ไม่ขี้เกียจ หรือแต่งเรื่องเพ้อเจ้อจนเกินไป มันก็สำเร็จได้ไม่อยากหรอก

96 Nameless Fanboi Posted ID:DNmh2mhuC2

>>93 อีกอย่าง การเข้ามาส่องโม่ง หรือตอบโม่ง มันไม่ได้เปลืองเวลาชีวิตอะไรขนาดนั้น มึงว่าไอ้พวกนักเขียนที่มันดังๆต้องปั่นงานกันเนี่ย มันปั่นงานทั้งวันทั้งคืน? เพ้อเจ้อ มันก็มีดูหนังฟังเพลง อ่านนิยายคนอื่น ใช้ชีวิตปกตินั่นแหละ แล้วทำไมแค่เข้ามาส่องโม่งเนี่ย มันจะทำไม่ได้? บางคนที่เข้ามา ผลงานมันก็มีเคยโดนพวกมึงสับไปแล้วด้วยซ้ำ แค่มันไม่ได้แสดงตัว หรือมึงไม่รู้ว่ามันเข้ามาอ่าน โม่งใครจะเข้ามาส่องก็ได้นี่ แล้วทำไมมึงถึงคิดว่าคนเก่งๆมันจะไม่เข้ามากันวะ? บางอารมณ์นักเขียนมันก็อยากจะถูกด่างาน อยากจะอ่านคำติของคนอื่นเหมือนกัน กูก็บอกได้แค่นี้

97 Nameless Fanboi Posted ID:DNmh2mhuC2

กูขอหายเข้ากลีบหีหมากลับดาวหมาน้อยเหมือนเดิมนะ บาย

98 Nameless Fanboi Posted ID:4LauG2DozU

โม่ง... โม่ง never changes จริงๆ

ว่างทีไรใส่กันเองตลอด

99 Nameless Fanboi Posted ID:plXue+/DUP

มืออาชีพบางคนไม่ว่างจะอวดชาวบ้านกันหรอก รายได้ก็ไม่อวด ยกเว้นมีคนจะขอสัมภาษณ์

100 Nameless Fanboi Posted ID:o6EjFmwUoY

อย่าให้อาหารโทรลสิสู ป่านนี้มันไปนั่งขำคิกคักละทำให้ออกมาดิ้นได้งี้ กูเจหลายห้องละจะมีโทรลมาปั่นประมาณนี้พล่ามไรโง่ๆให้คนมาตอบมาดิ้นตาม

101 Nameless Fanboi Posted ID:EVB+eWX77O

>>100 กูอ่านแล้วก็รู้สึกเหมือนกันว่ามันไม่ใช่คนที่เล่นมู้นี้บ่อยๆ วิธีการพิมพ์มันไม่คุ้น ตั้งแต่ตอนที่โทรลเรื่อง "พวกมึงยังลงนิยายในเว็บดักดานนี่อยู่อีกเหรอ" แล้ว เหมือนแวะมากวนตีนให้คนหัวร้อนเล่นเฉยๆ

102 Nameless Fanboi Posted ID:h2BXMAFGSa

รอเรื่องใหม่คงหลังสงกรานต์

103 Nameless Fanboi Posted ID:7MuJtRvdiF

>>102 ทีแรกคิดว่าไม่มีใครอยู่เลยไม่สับ แต่มึงโผล่มา งั้นเดี๋ยวกูมาสับ

104 Nameless Fanboi Posted ID:7MuJtRvdiF

เด็กวัด สร้างตำนานลุยโลกแฟนตาซี
https://writer.dek-d.com/snoopy147/writer/view.php?id=1772080

ชื่อเรื่องแม่งคุ้นๆ ใช่ไหม ไม่ได้คิดไปเองแน่นอนเพราะเรื่องนี้คือเจ้าของเดียวกับเรื่อง "สุดยอดพ่อบ้าน HERO กู้โลก " นามปากกา "สองดาวจุด" นั่นเอง เงงๆๆ พอเห็นนามปากกาก็นึกขึ้นได้ว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์นักเขียนได้รับการโปรโมตหน้าเพจ แม่ง... ขอเวลาทำใจหน่อย เห็นจำนวนตอนเยอะๆ กับความเห็นนักอ่านที่บอกว่าเมื่อไหร่จะจบหรือเมื่อไหร่จะกลับมาแต่งต่อแล้วกูใจคอไม่ดี ขอร้องล่ะ อย่าเป็นแนวเทพซ่าวนลูปเลยนะ สกิมดูคร่าวๆ เพราะเห็นว่าตอนมันสั้นปรากฏว่าเกลียดอะไรก็ได้อย่างนั้นอีกแล้ว ต่างโลกเทพซ่าลมปราณและการไปเกิดในตระกูลขุนนางฝรั่งตามเคย ไอ้แย่เม็ด

ปกนอกเหมือนทำขึ้นง่ายๆ ด้วยภาพจากเว็บแจกภาพฟรีเอามาใส่ชื่อเรื่องด้านบนกับผู้แต่งด้านล่าง มีความใช้ภาพคนในผ้าคลุมหันหลังมองไปยังปราสาทที่อยู่ไกลลิบ เจ้าของเรื่องอาจอยากได้ปกสไตล์ลึกลับหน่อย เพราะหน้าปกเวอร์ชั่นที่เอาไปลงไว้ในฟิคล็อคกับธัญฯ ก็เป็นรูปตัวละครเอกหันหลังให้คนดูเหมือนกัน (เปลี่ยนแค่ BG ที่กลายเป็นภาพน้ำตกกลางป่า) คงไม่ขอพูดอะไรมากนอกจากปกกับชื่อเรื่องดูไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และไม่สร้างแรงดึงดูดให้อยากอ่านเท่าไหร่ แต่กูพอเดาได้ว่าคนที่เข้ามาอ่านส่วนใหญ่เห็นคำว่าเด็กวัดแล้วมันสะดุดตา ก็เก็บไว้ใช้เป็นตัวอย่างวิธีตั้งชื่อก็แล้วกัน เพราะคำที่มันโผล่มาไม่บ่อยมักโดดเด่นและจำได้ง่ายกว่าคำโหลๆ แต่อย่าให้ถึงขั้น "ระบบเด่นชัย" แบบคราวก่อนก็แล้วกัน

คำโปรยสไตล์เล่าเรื่องย่อ ตัวเอกตายห่า พระเจ้าให้โอกาสไปเกิดใหม่แล้วพัฒนาบ้านเมือง อืม... ข้ามแม่ง ไม่ต่างอะไรกับเรื่องข้างบนเลย ใน Tag 4 อันกูมาสะดุดกับคำว่าเวทย์มนต์ เคยสอนกันมาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนน่าจะสัก 100 รอบ งั้นเอาอีกสักรอบคงไม่เป็นไร ว่าคำๆ นี้ที่ถูกต้องคือ "เวทมนตร์" ความหมายของ มนต์ กับ มนตร์ คืออันเดียวกันแค่มันเป็นบาลีกับสันสกฤต และมนต์มักใช้ในบทสวดของพุทธ สำหรับศาสนาอื่นหรือคาถาอาคมจะใช้มนตร์เป็นหลักโดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวกับศาสตร์มืดเช่น มนตร์ดำ ถ้าหลวงพี่แถวบ้านไม่เคยตะโกนกลางงานบุญว่า "กิก้าแฟลร์!" "ไลท์นิ่งโบลต์!" หรือ "ไฟเออร์บอล!" ก็แปลว่าถูกแล้ว เพราะชื่อพวกนี้เป็นเวทมนตร์ ส่วนบทสวดที่พระสวดมันเป็นพระพุทธมนต์

ถ้าแยกเวทกับเวทย์ไม่ออกก็ให้นึกถึงคำว่าวิทย์กับเวท เพราะวิทยาศาสตร์กับเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างเวทมนตร์ มันอยู่ตรงกันข้าม ดังนั้นเวทจะมี ย์ เหมือนกับวิทย์ไม่ได้ ส่วนมนต์กับมนตร์ก็แยกเป็นพระกับหมอผี อันนึงต้องสวดมนต์อันนึงใช้มนตร์ดำ อะ จบการสอนครั้งที่ 101 ไว้เพียงเท่านี้

ปกรองมีแจ้งข่าวเรื่องการเอาไปลงที่เว็บอื่น คำขู่เกี่ยวกับกฏหมายทรัพย์สินทางปัญญา นิสัยใจคอกับความเก่งของพระเอกที่เทพทรูนิดๆ (จริงหราาา) และแผนที่วาดเองด้วยโปรแกรม Paint เห็นแล้วรู้สึกว่าไม่ต้องมียังจะดีเสียกว่า เพราะเดี๋ยวนี้เค้าใช้ Inkarnate ทำกันหมดแล้วนะรู้ยัง?

บทที่ 1 บทนำ

เล่าเรื่องด้วย POV 1 ว่า ผม "เมฆา รักษ์กำเนิด" หรือ "น้องเมฆ" เกิดมากำพร้าอาศัยอยู่ในวัดจนเปลี่ยนอาชีพเป็นเด็กวัดไปโดยปริยาย นอกจากจะเรียนหนังสือกับพระแล้ว พระยังสอนวิธีรำดาบอาธมาฏให้ด้วย เรียนดาบเสร็จก็ไปเรียนมวยต่อ ด้วยความชำนาญของนักเขียนและการจัด pacing ขั้นเทพ อยู่ดีๆ หลังไอ้เมฆสวดมนต์ก่อนนอนจบ คำว่า "ปัจจุบัน"(ตัวหนา) ก็ปรากฏขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมการ time skip 10 ปีรวด จากไอ้เมฆเด็กโปกกลายเป็นนายเมฆอายุ 18 ปีที่กำลังจะขึ้นรถเมล์ไปเที่ยวห้าง ระหว่างที่รอรถอยู่เกิดการวิ่งราวทรัพย์ ไอ้เมฆเห็นโจรวิ่งผ่านมาเลยใช้วิชามวยเตะก้านคอเข้าให้ พี่โจรเซเพราะเมาตีนจนไถลออกไปยืนบนถนน ด้วยความประเสริฐของพระเอกเห็นอย่างนั้นก็กลัวว่าพี่โจรจะโดนรถชนตาย เลยรีบวิ่งไปคว้าเสื้อกระชากพี่แกกลับเข้ามา แต่เรื่องกลายเป็นว่าไอ้เมฆของเราดันลื่นแอ่งน้ำบนฟุตพาธล้มลงไปบนถนนแทน ประกอบกับรถเมล์สาย 8 ขับมาถึงป้ายด้วยความเร็วสูงพอดี เลยมีการ Isekai เกิดขึ้นหลังโดนรถทับจนหัวเละ

คือ... กูพยายามขยายความให้มันดูยาวแล้ว เพราะเนื้อหาจริงๆ ในตอนมันสั้นกว่าเรื่องก่อนหน้านี้อีก จัดได้ว่าอยู่ในเขตหมอยมดอีกนิดเดียวจะไปถึงหมอยเต่าทอง ได้แต่หวังว่าเพราะมันเป็นบทนำหรือเปล่าวะ มันถึงได้สั้นขนาดนี้

105 Nameless Fanboi Posted ID:7MuJtRvdiF

บทที่ 2 ภารกิจจากลุง

วิญญาณไอ้เมฆไปโผล่ในพื้นที่ประหลาดที่นักเขียนไม่ได้บอกว่าประหลาดยังไง รู้แค่มีประตูสลักลวดลายงดงามไว้ เปิดประตูไม่ออกเลยยืนรออยู่ชั่วโมงหนึ่ง ก่อนที่ตาลุงผมทองจะเปิดประตูออกมาคุยด้วย ลุงบอกว่าที่นี่เป็นช่องว่าระหว่างมิติ เอาไว้ตัดสินว่าใครจะต้องไปนรกหรือสวรรค์ แต่มึงไม่ต้องไปทั้งคู่เพราะกำลังจะโดนกูส่งไปเกิดต่างโลกที่มีทั้งเวทย์มนต์ ลมปราณ และพลังจิต คนในโลกนั้นรู้จักแค่เวทย์มนต์ (ขัดใจเหี้ยๆ แต่ก็ต้องเขียนตามมัน) มึงมีหน้าที่ไปเผยแพร่ข้อมูลว่ายังมีปราณกับพลังจิตอยู่อีกด้วย แล้วไอ้ 2 อย่างนี้มึงก็มีอยู่ในตัวอยู่แล้วจากการเรียนวิชาดาบกับเรียนต่อยมวย (ห๊ะ มึงว่าอะไรนะ) ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ ลุงก็ต่อยหน้าไอ้เมฆจนวูบ ได้สติอีกทีก็คือตอนกำลังไหลออกมาจากกีคุณแม่ คือจำอะไรได้หมดแต่พูดไม่ได้เพราะอยู่ในร่างเด็กทารก พ่อใหม่ตั้งชื่อไอ้เมฆว่า "คลาวด์" เออ... แปลว่าก้อนเมฆพอดี ละชื่อนี้ก็โหลสัสๆ เลยนะ สำหรับ Genre นี้ ไอ้ประเภทอิเซไคมาเกิดใหม่ในตระกูลขุนนางแต่มีลมปราณระดับพลังแบบจีนเนี่ย พวกมึงอ่านเดวาวิซาร์ดกับนิยายของไอ้ตุ๋นกบแล้วเอามาเขียนบ้างกันทุกคนเลยหรือไง ทำไมพระเอกแม่งชอบชื่อคลาวด์วะ

บทที่ 3 ฝึกอ่านหนังสือกับท่านแม่

ไอ้คลาวด์อวดว่าชาตินี้พี่โคตรเทพ ฉลาดเกินวัยทั้งเรื่องการอ่านเขียนและการเดินที่เร็วกว่าเด็กคนอื่นตั้ง 2 ปี แต่ยังไม่รู้ภาษาของโลกนี้เท่าไหร่นัก เลยไปขออ่านหนังสือกับแม่ แม่ก็จัดให้ลูกชายด้วยการอ่านนิยาย BL ต่างโลกให้ฟัง พี่คล้าวบอกกูแม่งพลาดแล้ว สุดท้ายเลยต้องนั่งฟังบทรักดูดปากเด้าตูดของเหล่ายอดชายไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม พอได้จังหวะเลยหนีด้วยการอ้างว่าจะไปเจอพ่อ พ่อก็งานยุ่งต้องทำบัญชีส่งเมืองหลวง ดูจากตัวเลขคร่าวๆ ก็เห็นว่าเมืองที่พ่อดูแลอยู่ประชาชนรายได้ไม่ค่อยดีนัก แล้วจบตอนไปดื้อๆ

บทที่ 4 วันวานของนาเดียร์&เอริก

เปลี่ยนมาเล่าเกี่ยวกับพ่อและแม่ของพี่คล้าวด้วย POV 1 ของแต่ละคนในรูปแบบ

ข้าชื่อ...(ชื่อแม่)
(ความหลังก่อนมีพี่คล้าว)

ข้าชื่อ...(ชื่อพ่อ)
(ความหลังก่อนมีพี่คล้าว)

จบตอนที่น่าจะยาวแค่ 1,500 ตัวอักษร

บทที่ 5 เริ่มวางแผนพัฒนา

เนื้อหา 2 ใน 3 ส่วนแรกของตอนเป็นพี่คล้าวขอไปเที่ยวชายทะเลกับพ่อ พบว่าการประมงแม่งล้าหลังมากๆ อาหารก็มีแต่ขนมปังและกับข้าวรสชาติจืดชืด พี่คล้าวเกิดความคิดดีๆ ว่าอยากทำเครื่องปรุงรสขึ้นมา เลยขอให้เด็กรับใช้ปืนขึ้นไปตัดช่อดอกมะพร้าวละเอากระบอกเหล็กไปรองไว้ พอได้น้ำหวานมาเต็มกระบอก ก็ขอให้พี่ชายคนเดิมไปกรอกน้ำทะเลใส่กระบอกมาให้ด้วยอีกสัก 2-3 กระบอก พร้อมกับอธิบายในความคิดว่าจำวิธีทำน้ำตาลมะพร้าวมาจากการไปเที่ยวสมุทรสงครามกับหลวงพี่ในวัด ส่วนเกลือก็ใช้น้ำทะเลทำเอาแต่อาจต้องรอถึง 2 สัปดาห์กว่าจะกลายเป็นเกลือ (โลกนี้มันมีวิธีการต้มอยู่นะพี่คล้าว) อีกอย่างที่ต้องพูดคือปริมาณน้ำหวานที่ใช้ก่อนจะเคี่ยวจนกลายเป็นน้ำตาลปี๊บ ขนาดน้ำหวานเต็มกระทะโรงทานยังเคี่ยวแล้วได้น้ำตาลแค่ 5 ถ้วยตวง น้ำหวานกระบอกเดียวของพี่คล้าวจะได้น้ำตาลสักเท่าไหร่กันเชียว แต่ก็ช่างแม่ง บางทีน้ำหวานต่างโลกอาจเข้มข้นกว่า หรือมีความหนาแน่นมากกว่าจนได้น้ำตาลออกมาเยอะก็ได้

เนื้อหาอีก 1 ส่วนที่เหลือเป็นการเล่าของพ่อพี่คล้าวผ่านการตัดฉากด้วยคำว่า "มุมมองเอริก"(ตัวหนา) เกี่ยวกับการเดินทางมาเมืองชายทะเลครั้งนี้ แล้วก็ไม่มี cliff hanger เหมือนเคยแถมตอนยังสั้นอีกด้วย

106 Nameless Fanboi Posted ID:7MuJtRvdiF

การบรรยาย : เล่ารู้เรื่องแต่ติดกวนและหนักไปทาง tell พยายามจะให้ดูฮาแต่มุกแม่งแป๊กเหี้ยๆ อ่านแล้วนึกถึงการแทรกความเห็นของนักเขียนเข้าไปในบทบรรยาย คล้ายๆ ที่พวกนักเขียนสาวของค่ายแจ่มเสียวชอบทำกัน จนไม่สามารถสัมผัสถึงความเป็นยุคกลางผ่านตัวละครเอกได้ แต่ความรู้สึกพวกนี้ดันชัดเจนขึ้นเมื่อถึงบทเล่าเรื่องของพ่อกับแม่ที่เขียนด้วยตัวเอียง อาจเป็นเพราะสองคนนี้เป็นคนต่างโลกจริงๆ ส่วนพี่คล้าวใส้ในยังคงเป็นเด็กวัด บทสนทนาทำได้ปานกลาง อ่านแล้วแยกได้ว่าใครเป็นใคร มีเรื่องเดียวที่รู้สึกแปลกๆ คือพี่คล้าวแกเทพเร็วเกิน 3 ขวบก็เริ่มติดตามพ่อไปคิดแผนพัฒนาแล้ว น่าจะให้อายุเยอะกว่านี้อีกสักหน่อย ขืนไปทั้งๆ ที่อายุแค่นี้เดี๋ยวแม่งป่วยตายกันพอดี แต่ก็ช่างแม่งแล้วกัน นิยายแฟนตาซีอะไรก็เป็นไปได้หมดแหล่ะ

เป็นอีกเรื่องที่ตอนสั้นเหี้ยๆ แต่ยัดข้อมูลไม่เยอะเท่าเรื่องก่อน สาระสำคัญเลยสามารถสรุปออกมาได้ในประโยคเดียว เช่น "ไปเที่ยวทะเลกับพ่อ" ในตอนที่ 5 หรือ "โดนรถทับตายห่า" ในตอนที่ 1 ด้าน pacing แย่เข้าขั้นจัญไร อยากจะตัดฉากก็ตัดแบบไม่สน 4 สน 8 ใดๆ โดยเฉพาะตอนที่ 1 เนี่ย กูรับไม่ได้ ไหนจะเรื่องการแทรกความหลังของพ่องกับแม่งในตอนที่ 4 อีก ก็ทำได้แหล่ะแต่มันดูไม่มีชั้งเชิง ไม่มีกึ๋น มึงเล่าผ่านการเปิดประเด็นด้วยคำถามของบุคคลที่ 3 หรือเหตุการณ์ปัจจุบันที่ทำให้เกิด nostalgia ก่อนละค่อยเล่าไม่ได้เหรอวะ ถ้ากูเป็นครูนะ คะแนนเต็มเท่าไหร่กูจะให้แค่ครึ่งเดียว แถมเป็นครึ่งที่ฝืนใจให้ด้วย ทำตัวมือสมัครเล่นเกินไปอะแบบนี้

ตัวละคร : 5 ตอนสั้นที่เกินไป ทำให้กูแทบจะจำอะไรเกี่ยวกับตัวละครไม่ได้ รู้แค่ความเป็นมาของพี่คล้าวชาติก่อน กับพ่อ-แม่และเด็กรับใช้ที่กูจำได้แค่ชื่อเท่านั้น พยายามสร้างมิติให้ตัวละครเอกผ่านการอวยของตัวละครอื่นๆ ว่าอัจฉริยะอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งก็อ่อนหัดพอๆ กับการตัดฉากที่กูบ่นไปในย่อหน้าก่อนๆ ความเข้าใจผิดใหญ่หลวงข้อหนึ่งของการแต่งนิยายต่างโลก คือคิดไปเองว่าการทำให้ตัวละครรองมัน Hype ตัวเอกมากๆ หรือพยายามทำให้ตัวเอกดูพิเศษกว่าชาวบ้านแล้วคิดว่านั่นจะทำให้ตัวละครน่าสนใจ สองอย่างนี้เป็นอะไรที่บ้าบอสุดๆ ใช่ มันง่ายที่จะนำเสนอแบบนี้แต่มันมีวิธีที่ดีและได้ผลกว่าอยู่ อย่างการสร้างสถานการณ์อะไรสักอย่างขึ้นมา แล้ว show ทางอ้อมเลยว่าตัวละครมันเจ๋งยังไง เอาง่ายๆ อย่างเรื่องภาษา ถ้าเปลี่ยนจากมุกแม่อ่านนิยายยาโอยให้ฟัง ไปเป็นพี่คล้าวเรียนการเรียน ก ข ค ต่างโลกขั้นพื้นฐาน แล้วแอบฝึกอ่านหนังสือคนเดียวตอนกลางคืนจนพูดได้คล่องเอง แบบนี้มันยังจะดูมี "อะไร" มากกว่าฟังแม่พรรณาเกี่ยวกับพระเอก-นายเอกสอยดากกันเสียอีก

พวกมึงแยกออกใช่มั้ยระหว่าง "ทุกคนตกใจที่เขาหลบหลีกเก่ง" กับ "เหล่าศัตรูโจมตีเข้ามาจากทุกทิศทาง แต่ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้เขาได้" หรือไม่ก็ "เขาแข็งแกร่งสุดๆ" กับ "ขนาดคุณโรเบอร์โต้ที่เป็นหัวหน้ายังถึงกับตัวสั่นหลังจากได้ประลองกับเขา" พลังของการนำเสนอและการใช้คำมันต่างกันขึ้นอยู่กับวิธีสื่อ นิยายเรื่องนี้ทำให้กูพูดได้ว่า "ผ่าน" แต่ทำให้กูพูดว่า "สุดยอด" ยังไม่ได้ ขนาดคำว่าผ่านกูยังต้องฝืนใจพูดเลยอะคิดดูเองก็แล้วกัน

107 Nameless Fanboi Posted ID:7MuJtRvdiF

เนื้อเรื่อง : ต่างโลก พระเอกเทพ แต่เทพยังไงยังไม่รู้ รู้แต่ว่ามีเควสจากลุงพระเจ้าให้มาพัฒนาบ้านเมืองและสอนชาวโลกใช้พลังจิตและปราณเป็น ถ้าวิธีการเดินเรื่องยังเป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง กูว่า 400 กว่าตอนที่เห็นอยู่นี่อาจยังไปไม่ถึงครึ่งเรื่องด้วยซ้ำ ถึงตอนนี้จะยังไม่มีระดับพลัง แต่การใช้คำว่าปราณในเนื้อหาทำให้กูเดาได้ว่าคงมาแนว Wuxia แบบข้าม setting อีกแล้ว หลายอย่างรวบรัดเกินไป อยากโชว์พระเอกเก่งแต่ใส่ความ Hype ของคนรอบข้างให้ตั้งแต่มันแค่ 3 ขวบ พวกไลท์โนเวลยังมีการพูดถึงช่วงแรกเกิดแค่ไม่นาน แล้ว skip ไปเป็นตอนโตขึ้นมาประมาณนึงเพื่อให้โตพอจะแสดงความสามารถได้ ตอนเป็นเด็กวัด skip 10 ปีได้ แต่ทำไมพออิเซไคมาแล้วข้ามสัก 3-5 ปี ไม่ได้วะ กูไม่เข้าใจจริงๆ เรื่องความยาวตอนนี่ก็เหมือนกัน มีโม่งบางคนพูดถึงว่าสั้นๆ นี่แหล่ะดี เพราะน่าจะเหมาะกับการอ่านบนมือถือ แต่เรื่องนี้สั้นเกินไป ไถทีเดียวก็เจอปุ่มตอนต่อไป ความต่อเนื่องในการเล่าเรื่องเลยไม่มี

จุดเด่น : ไม่ค่อยเสียเวลาชีวิตเพราะตอนแม่งสั้น มีมุกฝืดๆ ให้อ่านตลอดทางไม่จำเจ คำผิดมีไม่มาก (ยกเว้นคำว่าเวทย์มนต์นี่มาตลอดเลยค่ะอีสัส)

จุดด้อย : ตอนสั้น เป็นผลงานของมือใหม่ที่ค่อนข้างมักง่าย จัดจังหวะและ pacing แบบตามใจกู พล็อตซ้ำซากเหมือนนิยายต่างโลกเรื่องอื่นๆ ในเว็บเดียวกัน แต่การเดินเรื่องช้าสัสหมากว่าเยอะจากความสั้นของแต่ละตอน

คะแนน : อยากทำน้ำตาลปี๊บกับนาเกลือ/10

ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้ได้ รบดจ. มาจากนิยายแนวเดียวกับเรื่องแรกของพี่ตุ๋นกบ ส่วนเรื่องสุดยอดพ่อบ้าน HERO กู้โลก ก็มาจาก solo leveling แบบที่พระเอกเคยทำอาชีพพ่อบ้านทำความสะอาดมาก่อน จังหวะการเล่าและการใช้คำน่าจะหลอกขายได้เฉพาะกับเด็กเล็กเท่านั้น ขนาดความเห็นในแต่ละตอนยังมีนักอ่านมาแนะนำเลยว่าบางอย่างมันไม่ถูกต้อง เป็นอีกครั้งที่กูต้องผิดหวังกับนิยายแนะนำจากหน้าเพจเด็กดวก คือกูมีความหวังนะว่าในสักวันจะต้องมีอยู่สักเรื่องแหล่ะที่สามารถทำให้กูรู้สึกพึงพอใจได้ กูเองก็ยังรอคอยนิยายเรื่องนั้นอยู่ แล้วใน list ที่สะสมนิยายรอสับไว้คงมีอีกหลายเรื่องที่มาจากการแนะนำของเว็บ ช่วยลุ้นให้กูทนสับไหวจนกว่าจะครบทุกเรื่องด้วยเถ้อะ

108 Nameless Fanboi Posted ID:7MuJtRvdiF

ปล.นิยายเรื่องนี้กับสุดยอดพ่อบ้านโดนดองมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีก่อน คงเดากันได้ไม่ยากใช่ไหมว่าเป็นเพราะอะไร เออ ก็อย่างที่พวกมึงคิดกันอยู่นั่นแหล่ะ

109 Nameless Fanboi Posted ID:DLCAafOXF/

ถ้าจะสับนักเขียนคนนี้นะ มึงจัดเรื่องล่าสุดเลย ที่มันเขียนแนวจีนโบราณอ่ะ อันดับสูงด้วยนะมึง top20 หมวดรวม ไม่ธรรมดา ตามเทรนด์จีนแบบนี้ร่ำรวยแน่ๆ

110 Nameless Fanboi Posted ID:G3PwWmt0TY

เออว่ะ อยากดูการสับแนว j3k โบราณบ้าง เผื่อจะได้เทคนิคว่าทำไมพวกนี้ถึงติดท็อป หรือเรื่องไหนทำไมถึงไม่ปัง ทั้งที่เขียนเนื้อเรื่องเป็นแนวกระแสเหมือนกัน

111 Nameless Fanboi Posted ID:7MuJtRvdiF

>>109 >>110 งั้นก็ลุ้นให้กูว่างภายใน 5-6 ชั่วโมงข้างหน้า ถ้ากูปลีกตัวจากการเฝ้า ER มาได้ กูอาจลองแวะไปดู

112 Nameless Fanboi Posted ID:G3PwWmt0TY

>>111 เอาใจเราไปเลย

113 Nameless Fanboi Posted ID:G3PwWmt0TY

ดูแลคนไข้ไปก่อนเถอะ ว่างจริงๆค่อยมา ว่าแต่ช่วงสงกรานต์ปีนี้อุบัติเหตุยังเยอะอีกเปล่า อุตส่าห์ห้ามไม่ให้สาดน้ำกันแล้ว

114 Nameless Fanboi Posted ID:7MuJtRvdiF

>>113 กี่ปีๆ ก็เหมือนกันหมดนะ เพราะแม่งแดกเหล้าแล้วขับ-ขี่รถกัน อุบัติเหตุเยอะเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเป็นโควิดด้วย พอเมาแล้วมันก็ไม่รักษาระยะห่าง กอดคอกันร้องเกะ กระดกเหล้าแก้วเดียวกันไปอีก ปีนี้เลยคิดว่ากราฟแดงไตรมาส 2 น่าจะขึ้นกว่าปีก่อนๆ เพราะมียอดตายโควิดบวกเข้ามาด้วย

115 Nameless Fanboi Posted ID:NqVq6qMzQW

จัดให้เป็นพิเศษตามคำขอของ >>109 กับ >>110

ฮัวเหมยสุดยอดตำนานเจ้าเมืองหญิง
https://writer.dek-d.com/snoopy147/writer/view.php?id=2283614

สำหรับคนที่จงใจขายแนวนี้ ชื่อเรื่องถือว่าตั้งมาได้ดี ปกนอกดูมีการพัฒนาเพราะช่วยสื่อถึงเนื้อเรื่องว่าอาจเป็นการบริหารเมืองด้วยการเพาะปลูก (ช่วงนี้แนวทำฟาร์มยิ่งฮิตๆ ด้วย) คำโปรยมันล้นไปบ้างแต่กูว่าใช้หลอกล่อให้คนเข้ามาอ่านไหวอยู่ ภาพรวมคือดีขึ้นในหลายๆ ด้าน บางทีกูอาจด่วนสรุปเองในเรื่องที่แล้วเพราะตอนนั้นนักเขียนมันกำลังหัดแต่ง บางทีเวลาที่ผ่านมาอาจทำให้เจ้าตัวพัฒนาขึ้นได้ เดี๋ยวเราค่อยมาดูกันว่าอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้มันขึ้นมาติด Top 20 ได้สำเร็จกันแน่

ใช้ Tag ได้ชัดเจนตรงกลุ่มลูกค้าดีมาก ปกรองส่วนแรกเป็นคำเตือนเกี่ยวกับกฏหมายทรัพย์สินทางปัญญาเหมือนเคย ส่วนกลางเป็นเรื่องย่อว่าตัวเอกมันโดนทะลุมิติมาได้ยังไง แล้วส่วนท้ายเป็นหน้าปกแบบขยายจากไอคอนซ้ายบนลงมาให้เห็นชัดๆ อีกรอบ รอบนี้นักเขียนมันเกริ่นนำเกี่ยวกับเซตติ้งและความเป็นมาก่อนจะเริ่มเรื่องตั้งแต่บนปกรอง วิธีนี้ทำให้ประหยัดเวลาไปได้ค่อนข้างมาก เพราะถ้าเล่าได้ชัดเจนและกระชับก็ไม่จำเป็นต้องมีบทนำ ทำให้สามารถเข้าสู่เนื้อหาได้ทันที

ตอนที่ 1 พูดคุยกับนักเขียน

ก็แนะนำตัวเองเล็กน้อย บอกว่าเรื่องนี้เรื่องใหม่ครับ ส่วนอีก 2 เรื่องที่เขียนก่อนหน้านี้ (ศึกชิงจ้าวยุทธ กับ ผี+หมอ) ขอดองไปก่อนเพราะพล็อตเรื่องนี้มันโผล่มาแล้วทำให้เรื่องพวกนั้นตัน (Bruh...) ถัดลงมาเป็นหน่วยชั่งตวงวัด ค่าเงิน กับชื่อเรียกยามต่างๆ ตอนแรกกูหลอนๆ นึกว่าจะมีระดับพลังด้วย แต่โชคดีที่ไม่มี ก็คงจะเป็นแนวทะลุมิติเพื่อสร้างความเจริญในยุคล้าหลัง (แบบไม่มีดราม่าผัวนิสัยเหี้ยมาเป็น Plot device เหมือนเรื่องอื่นๆ) ด้วยความรู้ยุคใหม่นั่นแหล่ะ

ตอนที่ 2 เมืองที่ยากจนที่สุดในแคว้น

เล่าเรื่องด้วย POV 3 เท้าความถึงฉากบนรถเก๋งที่นางเอกใช้เดินทาง อธิบายว่านางเอกชื่อ "เหมย" เป็นสาวน้อยอัจฉริยะเจ้าของธุรกิจที่ทำกำไรได้มหาศาล ระหว่างที่งีบหลับตรงเบาะหลังเลขาควบตำแหน่งคนขับรถก็กรีดร้องขึ้น เพราะเกิดอุบัติเหตุโดนรถบรรทุกพุ่งเข้าชนเต็มๆ รู้สึกตัวอีกทีก็มาสิงร่างเด็กสาวคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายกับตัวเองมาก ผีเจ้าของร่างบอกแค่ว่าฝากดูแลพ่อกูด้วยแล้ววิญญาณก็สลายไป ตอนแรกก็งงๆ อยู่ ก่อนจะเข้าสูตรนิยายทะลุมิติทั้งหลาย นั่นคือปวดหัวแล้วโดนความทรงจำของร่างต้นทับซ้อนจนเข้าใจความเป็นมาทุกอย่าง มีการบรรยายว่าเมืองพ่อกับนางเอกอาศัยอยู่เป็นเมืองทำถ่าน แต่พอสงครามจบลงการใช้ถ่านในโรงหลอมก็ลดตามไปด้วย เนื่องจากไม่มีการหลอมอาวุธและชุดเกราะอีกต่อไป ทำให้สภาพคล่องของเมืองแย่ ข้าวยากหมากแพง ชาวเมืองขาดรายได้ พวกหนุ่มสาวก็ไปหาทำงานต่างเมืองกันหมด น้องเหมยเลยเข้าใจว่าที่ผีคนขับบอกให้ช่วยดูแลพ่อคงหมายถึงเรื่องนี้นั่นแหล่ะ สักพักพ่อน้องเหมยกลับมาพร้อมหมอ แต่น้องเหมยบอกสบายดีแล้วค่ะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คนขับคนเดิมเพิ่งจะเป็นลมแดดตาย จบตอนที่ 1 ไปแบบเรียบๆ

โอเคทีนี้กูจะบอกว่า ความสั้นของตอนนี่เหมือนกับเรื่องก่อนเลย แต่คราวนี้คนเขียนมันแบ่งส่วนการเล่าเป็น 2 ส่วนสำคัญในแต่ละตอน สไตล์ของ story telling เปลี่ยนจากภาษาวัยรุ่นในเรื่องเด็กวัดมาเป็นนิยายจีนหนัก tell เต็มตัว ก็คงจะอ่านนิยายแปลจีนมาพอสมควรถึงสามารถเลียนแบบให้ออกมาโอเคแบบนี้ได้ เดินเรื่องกระชับไม่มีแวะเยี่ยว บอกเป้าหมายที่เป็นเส้นเรื่องระยะกลางออกมาให้คนอ่านเข้าใจได้ทันที อีกอย่างที่สังเกตเห็นคือไม่มีคำผิดแม้แต่คำเดียว (อาจเป็นเพราะเรื่องนี้มันไม่ต้องเขียนคำว่าเวทมนตร์ด้วยหรือเปล่าวะ)

116 Nameless Fanboi Posted ID:NqVq6qMzQW

ตอนที่ 3 บันทึกรายรับรายจ่าย

บทนี้น้องเหมยหรือ "เสี่ยวเหมย" ในปัจจุบันออกหาข้อมูลเพื่อประเมินสถานการณ์ พบว่าเกิดภาวะเงินเฟ้อในเมืองอย่างหนัก ค่าเงินตกต่ำจนเงินจำนวนเท่าเดิมสามารถแลกสินค้าได้น้อยลงมาก บัญชีรายรับ-รายจ่ายของบ้านก็ติดตัวแดงยาวเป็นหางว่าว ทรัพยากรน้ำมีเหลือไม่มาก อากาศนี่ร้อนเหี้ยๆ จนพวกเกษตรกรเจอภาวะภัยแล้ง เนื้อหาในตอนมีอยู่แค่นี้ คือน้องเหมยตามหาบัญชีกับออกไปเจอปัญหาว่าทำไมเมืองแม่งใกล้จะร้างเต็มที นักเขียนมันโชว์ความเชี่ยวเกี่ยวกับหน่วยชั่งตวงวัด ค่าเงิน เวลา และชั่วยามต่างๆ แบบจีน แล้วมีการวงเล็บต่อท้ายด้วยการแปลงค่าเป็นมาตราชั่งตวงวัดสากล เช่น เค่อ(15 นาที) ยามเว่ย(13.00 - 14.59) หรือ 1 จิน(500 กรัม) ดูแล้วก็เห็นว่ามีการหาข้อมูลมาพอสมควร ต่างกับเรื่องเจ้าแม่ทองหยิบของไอ้เงินบวกที่มั่วนิ่มทุกอย่างชนิดฟ้ากับเหวเลยทีเดียว

ตอนที่ 4 สำรวจเมืองหลิง

เนื้อหาโดยสรุปของตอนนี้คือเสี่ยวเหมยตามพ่อไปซื้อข้าวที่ตลาด พอไปถึงเจ้าของร้านบอกข้าวยังไม่มา เสี่ยวเหมยเลยขอพ่อไปเดินเล่นแถวนั้น มีการบรรยาในสิ่งที่เสี่ยวเหมยพบเจอ เกี่ยวกับความแห้งแล้งของตัวเมืองจนแทบจะปลูกอะไรไม่ขึ้น มีฉากที่นางเอกคุยกับคนตัดฟืนจนได้ข้อมูลมาว่า เมืองนี้ตัดไม้ทำถ่านมากเกินจนป่าเสื่อมโทรม พอไม่มีป่าก็เลยเกิดปัญหาน้ำแล้งตามมา ถึงสงครามจะยุติมานานมากแล้วแต่ป่ามันฟื้นตัวไม่ทันกับจำนวนไม้ที่โดนตัดไป เสี่ยวเหมยได้แต่กุมขมับว่ากูจะทำยังไงดี แล้วจบตอนด้วยการมาถึงของขบวนพ่อค้า เจ้าตัวเลยรีบกลับไปหาพ่อที่ร้านค้าข้าว

ตอนที่ 5 อาหารม้า

เริ่มต้นด้วยการบ่นของพ่อนางเอกว่าข้าวแม่งขึ้นราคาอีกแล้ว พอซื้อขายกันเสร็จน้องเหมยสังเกตเห็นว่าพวกคนในคาราวานเลี้ยงม้าด้วยพืชอย่างอื่นที่ไม่ใช่หญ้า เลยเข้าไปขอดูปรากฏว่าเขาใช้ข้าวโพดเลี้ยงม้าแทน ด้วยความที่แถวนี้มันแล้งเกินหญ้าเลยแห้งตายหมด ก็เหลือแค่ข้าวโพดป่าเนี่ยที่ยังพอหาเด็ดให้ม้าแดกได้ (ถ้าหญ้าตายแล้วข้าวโพดรอดได้ไงวะ) เสี่ยวเหมยเห็นอย่างนั้นเลยขอซื้อข้าวโพดต่อจากพี่บ่าว แต่พี่แกยกให้ฟรีเลย 4 ฝัก เพราะถึงยังไงข้าวโพดพวกนี้ก็ให้ม้าแดกเยอะไม่ได้เดี๋ยวม้าจะท้องผูก ของป่าได้มาฟรีเก็บไว้ได้ไม่นานก็ต้องทิ้งด้วย เลยไม่รู้จะเก็บเงินน้องเหมยไปทำไม จากนั้นสองพ่อลูกก็กลับบ้านมาปรุงอาหารกินกัน น้องเหมยถามพ่อว่าแล้วเจ้าเมืองไปไหน ทำไมไม่มาแก้ปัญหา พ่อเลยตอบหน้าตายมาว่า เจ้าเมืองแม่งตายไปแล้ว น้องเหมยอึ้งแดกแต่เห็นสีหน้าพ่อตอนพูดก็คงไม่ได้ประชดหรือเล่นมุกแหงๆ ราชสำนักพยายามส่งคนมาทำหน้าที่แทน แต่ก็ไม่มีใครทนได้นาน แดกข้าวเสร็จน้องเหมยก็เอาเมล็ดข้าวโพดไปตากแดด เอาไว้เตรียมทดลองปลูกทีหลัง

117 Nameless Fanboi Posted ID:NqVq6qMzQW

การบรรยาย : สำนวนและการเล่าดีขึ้นมากเหมือนเป็นคนละคนกับเรื่องก่อน อ่านบทสนทนา สภาพสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตในเรื่องแล้วรู้สึกได้ว่าแม่งจีนจริงๆ ด้วยวิธีการเล่าแบบแบ่งเนื้อหา 2 ส่วนใน 1 ตอนทำให้คนอ่านตามทันได้สบาย ถึงจะไม่มี cliff hanger เต็มรูปแบบ แต่เนื้อหาท้ายตอนมักจะเชื่อมกับส่วนแรกของตอนต่อมาอยู่แล้ว มันเป็นการกระทำที่เรียกกันว่าเทคนิคแบบ soft tame สำหรับการเล่าเรื่องของนิยายที่ไม่ได้เน้นความตื่นเต้นเร้าใจ และเมื่ออ่านไปนานๆ คนอ่านจะเข้าใจได้เองว่าควรตั้งใจอ่านช่วงท้ายบทเพราะตอนต้นของบทต่อไปมันจะเชื่อมโยงกันเสมอ จังหวะการเดินเรื่องสมดุลไม่เร็วและไม่ช้า นักอ่านสามารถเข้าใจปัญหาและสิ่งที่เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับตัวละครหลักได้ ใช้ความสงสัยว่านางเอกจะแก้ปัญหาต่างๆ ยังไงเป็นเหยื่อล่อให้คนอ่านยอมไปต่อ ถึงจะหนัก tell ไปบ้างแต่สิ่งนี้คือความปกติของนิยายจีนแปลยุคใหม่ไปแล้ว ซึ่งนักเขียนอย่างเราๆ ก็อาจต้องปรับตัวตามสมัยนิยม ดีกว่ายึดติดกับหลักการบางอย่างมากเกินไป จนสร้างนิยายที่ไม่มีใครอยากอ่านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

ตัวละคร : ไม่เด่นเท่าไหร่เพราะเรื่องสไตล์นี้มันเป็นแนว Plot base (เน้นเนื้อหามากกว่าตัวละคร) จากที่อ่านมามันไม่ค่อยพูดถึงรูปลักษณ์ตัวละคร หรืออธิบายตั้งแต่หัวยันหิแบบนิยายแจ่มใสสมัยก่อน เน้นให้จุดสนใจไปตกอยู่กับปัญหาที่ตัวเอกกำลังประสบอยู่แล้วลุ้นว่าจะแก้ไขมันได้ยังไง มากกว่าสนใจว่าปากกระจับ คิ้วเรียวเหมือนคันศรไหม มันมีการอธิบายคร่าวๆ แหล่ะ เช่นตอนที่บอกว่าเสี่ยวเหมยหน้าตาเหมือนน้องเหมยมาก แต่หลังจากนั้นคือไม่มีการพูดถึงหน้าตาอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นพ่อ หมอ หรือลุงขายข้าว

เนื้อเรื่อง : สรุปได้สั้นๆ ว่า ทะลุมิติจากไทยปัจจุบันมาอยู่ในจีนโบฯ บ้านเกิดแห้งแล้ง เจ้าเมืองไม่มี น้องเหมยเลยต้องหาทางทำไงก็ได้ให้ทุกอย่างดีขึ้น แรงจูงใจให้แก้ปัญหายังไม่ชัดเจน เราอาจอนุมานเอาเองได้ว่าเป็นเพราะความทรงจำเดิมของเสี่ยวเหมย คำขอก่อนสลายไปของวิญญาณน้อง หรือเป็นเพราะตัวเอกทนใช้ชีวิตในเมืองที่ร้อนเหี้ยๆ แบบนี้ไม่ได้ อีกหน่อยก็น่าจะใช้ความรู้ยุคใหม่ประดิษฐ์อุปกรณ์มาใช้ พอตั้งตัวได้เมืองก็คงเจริญขึ้นเรื่อยๆ พออุดมสมบูรณ์ข่าวก็ไปถึงหูคนในวังหลวง ที่เหลือกูคงไม่ต้องอธิบายต่อ เพราะเรื่องแนวนี้มันมีความสูตรสำเร็จอยู่ค่อนข้างสูง วัตถุดิบมันเดิมๆ แต่ใครจะปรุงออกมายังไงให้อร่อยต่างหากที่เป็นความแตกต่าง พวกชอบเผ็ดร้อนหน่อยก็อาจไปสายสงครามกับแคว้นอื่นหรือถ้าก้าวหน้ากว่าเมืองหลวงก็ยึดอำนาจแม่งเลย สายละมุนก็อาจไปเขียนเกี่ยวกับความรักต่อ เมืองเจริญจนกลายเป็นเจ้าแม่แล้วยังไง มีผู้มาจีบหรือตัวเองไปอยากได้เขา อะไรพวกนี้อะ

118 Nameless Fanboi Posted ID:NqVq6qMzQW

จุดเด่น : ทำได้ดีขึ้นจากเรื่องที่แล้วทุกด้าน คำผิดไม่มี pacing ค่อนข้างดี เนื้อหาอาจไม่มีความหวือหวาแต่ใช้วิธีอื่นดึงความสนใจจากผู้อ่าน เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของคำว่า simply is the best

จุดด้อย : มาเปิดเรื่องใหม่ทั้งๆ ที่เรื่องเก่าก็คาราคาซัง ทำแบบนี้มากๆ เดี๋ยวผู้อ่านจับทางได้ว่าแม่งคงทิ้งไว้กลางทางอีกแล้วจะเสีย brand loyalty เอา

คะแนน : 7/10 ... อ่านง่ายไม่หนักหัว เล่าเรื่องเข้าใจ รอชมการใช้นวัตกรรมจากโลกสมัยใหม่ได้ในตอนถัดๆ ไป

ความเห็นส่วนตัว : ถึงจะหย่อนยานเรื่องวินัย แต่ฝีมือมันพัฒนาขึ้นจริง ความเปลี่ยนแปลงอาจไม่สุดยอดเข้าขั้นเป็นปรากฏการณ์อะไรขนาดนั้น แต่ดูออกแหล่ะว่าคงศึกษามาเยอะว่าจะเขียนแนวนี้ยังไงให้ปัง สังเกตจากความถี่ในการอัปเดตแล้วมันอัปเร็วนะวันละตอนหรือ 2 ตอนด้วยในวันเสาร์ บางตอนที่เวลาแปลกกว่าเพื่อนคือมันกลับมารีไรท์แล้ววันที่เลยเลื่อนไปไกลจากตอนข้างๆ กัน ความยาวต่อตอนไม่มากแต่เน้นมาทุกวัน ที่สำคัญคือเรื่อง soft tame เนี่ย มันเป็น cliff hanger แบบอ่อนๆ ต้องตอบโจทย์ให้ได้ด้วยว่าทำยังไงถึงจะจูงจมูกคนอ่านสำเร็จ ในกรณีนี้คือลงสั้นๆ ทุกวันเพื่อเก็บทั้งพวกดองไว้อ่านสุดสัปดาห์และพวกที่ว่างมารออ่านต่อเรื่อยๆ ถ้าตอนใหม่มาแล้วจำไม่ได้ก็ย้อนไปอ่านท้ายตอนที่แล้วนิดเดียวก็รู้เรื่อง อย่างที่มีโม่งแถวนี้เคยบอกไว้ว่า ความสำเร็จมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะแค่โชคช่วย ทุกอย่างต้องผ่านการวางแผน การคิดและใช้ข้อมูลหรือสถิติเดิมมาเป็นแนวทาง ทุกอย่างที่ทำต้องสามารถสร้าง effect ไปพร้อมกันได้ ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งไม่โอเคที่เหลือก็พังอยู่ดี

ลงได้ทุกวันแต่เล่าเรื่องห่วยใครจะอยากตามอ่าน เล่าเรื่องดีอ่านเข้าใจแต่คำผิดบานก็ไม่ค่อยเวิร์ค(แต่บางเรื่องก็มีคนทนอ่านนะ) คำผิดไม่มีเนื้อเรื่องสุดยอดแต่สามเดือนมาตอนหนึ่งก็ไม่มีใครอยากรอ ในยุคที่ทุกคนเข้าถึง social media ได้ มือถือคุณภาพปานกลางทุกคนสามารถซื้อได้สบายๆ การแข่งขันมันไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว หลายๆ เพจผันตัวมาทำ daily content เพื่อดึงให้มีคนติดตามต่อเนื่อง กับการเขียนนิยายก็ไม่ต่างกัน ลูกค้าที่เป็นนักอ่านไม่ใช่คนใจเย็นเน้นคุณภาพ แต่เปลี่ยนเป็นเด็กวัยรุ่นยุคใหม่ที่ไม่ค่อยชอบการรอคอย หน้าที่ของผู้ผลิตอย่างเราๆ เลยต้องหาคำตอบว่าจุดไหนคือจุดที่มันสมดุลและสร้างโอกาสให้เราได้มากที่สุด ถ้ายังไม่รู้เดี๋ยวกูใบ้ให้ก็ได้ แต่พวกมึงก็คงเคยเห็นผ่านๆ ตามาบ้างแล้ว เพราะกูตอบไปค่อนข้างบ่อยเวลามีโม่งใหม่มุดลงมาถามน่ะนะ

119 Nameless Fanboi Posted ID:NqVq6qMzQW

ปริมาณต่อตอนไม่ต้องยาวจนได้มาตรฐานยุคบุกเบิก คนอ่านสมัยนี้เกินครึ่งมีสภาวะสมาธิสั้น เพราะใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ก่อนวัยอันควรจนเป็นเรื่องปกติ อุปกรณ์ที่ใช้อ่านก็ไม่ใช่ PC แต่เป็นมือถือ เขียนยาวเกินเดี๋ยวแม่งรำคาญ ไถหลายรอบก็ยังไม่จบตอนสักที บทบรรยายก็ไม่ต้องลากเยอะ หน้าจอมันก็มีนิดเดียวเดี๋ยวจะกลายเป็นกำแพงอักษร ไอ้เหี้ยบรรทัดใหม่อยู่ตรงไหนนะ ตัวหนังสือแม่งก็เล็กเท่าหีมด เลิกอ่านแม่ง

ถ้าใครติดเขียนตอนยาวก็ซอยตอนไปเลยก็ได้ จากปกติตอนนึงเขียน 3,000 คำ ถ้าขี้เกียจคิดชื่อตอนก็ใส่เป็น (ชื่อตอนอันเดิม) part 1,2,3,4 ซอยมาเหลือตอนละ 800 พอ หรือไม่ก็เอาแค่พอให้ระบบมัน detect ว่าจำนวนคำถึงขีดต่ำสุดแล้วเดี๋ยวมันไม่แจ้งเตือน เว้นบรรทัดตรงไหนได้ก็เว้นๆ ไปซะ จะได้ดูเหมือนว่าตอนยาวทั้งๆ ที่มีอยู่ไม่กี่พัน characters น้องเกรียนบางคนกลับชอบเสียด้วย สบายตาดีเล็งไม่ยากว่าขึ้นบรรทัดใหม่ตรงไหน

ถ้าพี่จะเขียนช่องคำพูดแล้วเว้นบรรทัดเลยก็ได้นะครัฟ ผมแม่งโง่บางทีแยกไม่ออกว่าอันนี้คือคำพูด อันนี้คือกำลังอธิบาย ถ้าอธิบายก็อย่าเกิน 3 บรรทัดนะครัฟ เพราะบนจอมือถือผมมันพื้นที่น้อย จาก 3 ของพี่มันกลายมาเป็น 7 ของผมอะครัฟ ถ้าจะบรรยายเกินก็เหมือนเดิม ช่วยเว้นวรรคทุกๆ 3 บรรทัดทีครัฟ เพราะผมแม่งจ้องจอเยอะจนสายตาไม่ดีต้องขยายตัวอักษรอ่านมันเลยยิ่งยาวครัฟ

ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียศักดิ์ศรี เพราะศักดิ์ศรีมันแดกไม่ได้ ไม่ทำให้ยอดวิวเพิ่มขึ้นด้วย ความภูมิใจในมาตรฐานที่ยืดถือมาตลอดมันกำลังจะทำลายตัวเราเอง เพราะคนอ่านมันเปลี่ยน เราก็ต้องปรับตัวตาม ส่วนเรื่องความยาวหมอยต่างๆ ที่กูเคยเล่นก็ให้คิดเสียว่าเอาฮา จัดระเบียบซะอย่าให้มันสั้นหรือยาวเกินไปในแต่ละตอน ดีเสียอีกซอยได้มากๆ จะได้อัปล่วงหน้าสำรองไปได้ไกลๆ มีเวลาปั่นตอนใหม่เติมเข้าไปได้อีกเรื่อยๆ ซอยจนจำนวนตอนเยอะยอดวิวก็ทวีคูณขึ้นไปตามนั้นอีก มีแต่ได้กับได้จริงไหม คนอ่านมันไม่เหนื่อยหรอกที่ต้องกดคำว่า "ตอนต่อไป" แต่มันเหนื่อยที่จะต้องเลื่อนหน้าจอลงไปลึก ดังนั้นถ้ายังไม่ได้เริ่มทำ ก็ให้หัดซอยตอนได้แล้ว

โอเคจบจากเรื่องความยาวตอนกับการอัปบ่อยก็คือการอยู่ในกระแส ถึงมึงจะไม่ค่อยชอบ แต่ถ้าตอนนั้นแนวไหนกำลังบูม อย่าอายที่จะทดลองเขียน ถึงไม่เคยจับมาก่อน ทุกอย่างมันเรียนรู้กันได้ ปั่นจักรยานไม่เป็นแล้วมึงจะยอมเดินไปตลอดหรือเปล่า ว่ายน้ำไม่เป็นก็ไม่อยากหัดพอถึงเวลาก็ขึ้นอืดไปโผล่ปากอ่าว การลอกเลียนมันไม่ผิด ถ้าอยากรู้ว่าเขาเขียนกันยังไง ก็ไปหาแนวนั้นมาอ่าน อ่านเยอะๆ จนรู้ว่าคนอ่านมันชอบให้เราเซอร์วิสแบบไหน เขียนยังไงแล้วมันอ่านแล้วจะฟินน้ำแตก คนทำถนนสร้างหนทางไว้ให้มันมีเพียบ มึงแค่เดินตามเค้าไปก็พอ ไม่ต้องไปพยายามถมดินเทปูนสร้างใหม่

เหมือนที่กูบอกไปข้างบนว่าวัตถุดิบหรือสูตรมันมีคนคิดไว้แล้ว มึงแค่เอามาดัดแปลงเป็นสูตรของตัวเองก็พอ เขาใส่แตงโมมือลองแตงไท เขาใส่เกลือมึงลองน้ำปลา ยืมมาดัดแปลงอย่าให้มันเหมือนเป๊ะจนน่าเกลียด หรืออย่าแหวกขนบเกินจนมันไม่เข้าท่า เขาใช้มะนาวอย่าเสือกลองมะขาม เอาจริงๆ ถ้ามาเป็นนักเขียนได้ก็คงมีสติปัญญาพอจะรู้ได้ว่าเส้นแบ่งมันอยู่ตรงไหน นักเขียนอย่างเราจะรู้เองโดยอัตโนมัติเลยว่าถ้าเขียนแบบนี้แล้วมันจะล้ำเส้น เหมือนพวกที่เขียนนิยายออนไลน์แล้วให้พระเอกใส่ชุดดำถือดาบคู่ได้คนเดียวในเซิฟ แบบนั้นใครๆ เขาก็ดูออกว่าลอก SAO หรือเขียนนิยายที่เวลาจะสู้กันต้องขยายร่างด้วยการแดกมือ แม่งก็ประเจิดประเจ้อเหมือนคิดว่าในเว็บไม่มีใครเคยอ่าน AoT มาก่อน

120 Nameless Fanboi Posted ID:NqVq6qMzQW

ถ้าชอบ SAO นักมึงก็ยืมมาเลยว่าติดอยู่ในเกมเหมือนกัน แต่ติดแบบไหน ออกมาได้ไง อันนี้ไปคิดมาเอง หรือถ้าชอบ AoT มากนักก็ยืมเรื่องที่ต้องหลบในกำแพงมา แล้วไปคิดศัตรูใหม่ว่าอะไรรอมึงอยู่ข้างนอก ถ้าจะใช้มุกแปลงร่างแล้วชัดเกินไปก็เปลี่ยนเป็นพลังพิเศษอย่างอื่นเอา อุปกรณ์ห้อยโหนมันแถว่าคิดขึ้นมาใหม่เองยาก งั้นจัดเลยว่าเรื่องนี้มีรองเท้าไอพ่นอะไรก็ว่าไป

อีกเรื่องที่สำคัญคือจะเขียนตามกระแสแล้วต้องทำการบ้าน หาข้อมูลแนวนั้นๆ ให้จริงจัง เพราะแนวที่อยู่ในความสนใจมันมีพวกแฟนพันธุ์แท้รอเล่นงานมึงอยู่ ถ้าจะเขียนจีนแล้วบอกว่าซาลาเปาคือหมั่นโถวแบบไอ้เงินบวกล่ะก็ อย่าหาทำ นอกจากจะไม่มีคนอ่านแล้ว ยังจะโดนด่าฟรีแถมด้วย เวลาจะทำอะไรก็ไปให้มันสุดทาง ถ้ามันฝืนใจมาก ทำยังไงก็คงแต่งแนวนี้ไม่ได้ ก็ค่อยถอนตัวออกมา โอกาสหน้ายังมีเผื่อแนวกระแสแบบใหม่มันมาแล้วมึงพอแต่งตามไหว ถึงตอนนั้นค่อยลองดูอีกทีก็ยังไม่สาย

เรื่องใต้สะดือ พื้นที่สีเทา ของผิดศีลธรรม เดี๋ยวนี้เขาไม่คิดมากกันแล้ว จะใส่ลงในงานก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ใส่อย่างมีศิลปะ ใส่เท่าที่จำเป็น ยกเว้นลงในธัญวลัยใส่ไปได้เลยรัวๆ ในเว็บเด็กดวกมีบอกอยู่ว่าใส่ได้แค่ไหน คนรู้จักกูบางคนใส่เหมือนไม่กลัวโดนรีพอร์ตแล้วบอกกูว่า "เดี่ยวรอมีคนแจ้งแบนก่อนกูค่อยแก้" ถ้าไม่มีใครแจ้งแม่งก็ทิ้งเอาไว้อย่างนั้นแหล่ะ ขนาดพวกนิยายเสน่ห์มาเฟียทาสซาตานไรพวกนี้ยังรอดได้ ก็ไปหาอ่านดูแล้วกันว่าเขียนแค่ไหนถึงจะไม่โดนสอย นิยายจีนปลอมบางเรื่องยังใช้คำแทนโคตรตลกเลย อ่านแล้วกูงงมันมีอารมณ์กันได้ยังไง แม่งเลวร้ายกว่าบทอัศจรรย์ของวรรณกรรมไทยอีก คนเรามันขี้เงี่ยน มึงเงี่ยน กูก็เงี่ยน แต่งานเขียนที่ทำให้เราอ่านแล้วเงี่ยนได้ ไม่ใช่ว่าจะหาเจอได้บ่อยๆ ถ้าคิดว่าไม่เจ๋งพอก็อย่าใส่เดี๋ยวมันจะตลกไปแทน

เขียนไปเขียนมาชักจะเยอะ เอาเวอร์ชั่นยาวไปไม่อ่านห้อยท้ายไว้ด้วยละกัน

1) ถ้ายังไม่เก่ง ฝึกให้เก่งก่อน ถ้าสำนวนกาก ข้ออื่นไม่รอด
2) ฝึกมาตั้งนาน ไม่เก่งสักที หาเรื่องดังๆ มาอ่านแล้วลอก
3) จะแต่งตามเขา ต้องหาข้อมูล อย่าให้เขาด่า ว่ารู้ไม่จริง
4) เล่าเรื่องให้เป็น เอาภาษาคน เข้าใจคนเดียว ไปเขียนไดอารี่
5) จังหวะต้องดี หามาให้เจอ ตรงไหนต้องเน้น ตรงไหนต้องข้าม
6) เขียนๆ หยุดๆ เดี๋ยวแม่งดองยาว เขียนให้จบก่อน แล้วมึงค่อยลง
7) คิดถึงลูกค้า จัดหน้าอ่านง่าย ลองเปิดนิยาย เช็คในมือถือ
8) แต่งไม่ต้องยาว เน้นลงถี่ๆ ถ้าแก้ไม่ได้ ไปซอยตอนซะ
9) กีกี กวยกวย เรื่องธรรมชาติ ใส่บ้างนิดหน่อย ไม่มีใครว่า
10) ถ้ามีคนชอบ ติดเหรียญขายดิ วันดีคืนดี เดี๋ยวมีสัมภาษณ์

ดีนะที่คืนนี้มันไม่ค่อยมีใครโผล่มา คิดว่าคงเตรียมตัวกลับบ้านกันหมดแล้ว กูเลยพอมีช่องให้แอบสับอยู่ อย่างไรก็ดีพวกมึงไม่ต้องเชื่อกูมากก็ได้ อะไรที่กูบอกอาจใช้ไม่ได้ผลกับบางคน ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไปคิดหาวิธีที่เหมาะกับตัวเองดู เทคนิคต่างๆ มันมีโม่งอื่นคอยมาแนะนำเป็นพักๆ อยู่แล้ว (ล่าสุดก็เห็นมีไอ้เห็บหมาแวะมา)

คนเราจะเขียนอะไรแล้วแจ้งเกิดได้ อยากแรกคือใจมึงต้องมีก่อน พวกไม้หลักปักเลนส่วนใหญ่อยู่ได้ไม่นาน ประเภทที่มางอแงในบอร์ดว่าทำไมไม่มีคนอ่านเลย เลิกแต่งนิยายดีกว่า แบบนี้ไม่มีทางปีนขึ้นมาไหวแน่ๆ ใจรักแล้วก็ต้องเสมอต้นเสมอปลาย ฝึกเรื่อยๆ เขียนเรื่อยๆ มันก็ค่อยๆ เก่งขึ้นมาเอง ว่างก็หานิยายคนอื่นอ่าน ถึงนิยายจะกากแต่อ่านเอาแนวทางแทนได้เหมือนกันว่ามันเขียนยังไงคนถึงชอบ ในฐานะคนที่ขึ้นมาได้ก่อน กูอยากบอกพวกมึงว่าตอนปีนมันไม่เท่าไหร่ แต่การที่จะเกาะไว้ไม่ให้ร่วงลงไปนี่คือนรกเหี้ยๆ นึกตามว่ามันโหดกว่าเก้าอี้ดนตรีไปอีกขั้น เหมือนมึงเล่น fallguy ที่มีแท่นให้ยืนได้แค่ 20 คน แต่ต้องแย่งชิงที่ว่างกับคนเป็นพันเป็นหมื่น แล้วต่อให้ได้ที่ยืนเรียบร้อยก็มีคนพร้อมจะยกตีนถีบมึงลงไปเพื่อเข้ามาแทน

ถ้าไม่อยากกดดันอะไรมาก ให้เบนเข็มไปแต่งแนวกระแสเน้นขายเอาเงินแทนจะดีกว่าเขียนเพื่อติดท็อป หรือแต่งแค่ให้ achievement unlocked ก็ได้ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตกูเคยติด Top กับเขาเหมือนกัน (อย่าลืมแคปจอเอาไปแปะไว้ตรงปกรองแบบที่แม่งชอบทำกันด้วยล่ะ) ถึงจุดๆ นึงพวกมึงจะเข้าใจเองว่ามันกดดันที่ต้องคอยรักษาอันดับไว้ เลยอยากให้แต่งนิยายอย่างที่ทำแล้วมีความสุขมากกว่า บางทีแค่เขียนให้จบเป็นเรื่องๆ ไป แปลงไฟล์ขายเป็น E-book แลกค่าไฟได้เรื่อยๆ แค่นั้นก็อาจเพียงพอแล้ว

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.