Fanboi Channel

นิยายเด็กดี บทที่ 19 (DDN XIX) ภาคสิ้นหวังแล้วเดกดวก ตั้งใจเขียนแล้วไม่มีคนอ่าน หนีไปเขียนกากๆ อัพถี่ๆ เกาะกระแสแล้วติดท็อปกันดีกว่า

Last posted

Total of 1000 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:toYGka/sPX

วิพากษ์วิจารณ์งานเขียนบนเว็บเด็กดี.คอม ทั้งจบแล้วและยังไม่จบ ตีพิมพ์แล้วและยังไม่มีใครเหลียวแล รวมไปถึงพูดคุยเกี่ยวกับวงการนิยายเว็บ (เด็กดี) เพื่อความหวังของวรรณกรรมไทยในอนาคต ทั้งนี้ ไม่สนับสนุนให้นำเรื่องส่วนตัวของนักเขียนแต่ละคนออกมาตีแผ่ ควรเน้นเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานเขียนเท่านั้น

<<คลังกระทู้เก่า>>

นิยายเด็กดี บทที่ 1 -- https://fanboi.ch/webnovel/2403/
นิยายเด็กดี บทที่ 2 -- https://fanboi.ch/webnovel/2703/
นิยายเด็กดี บทที่ 3 -- https://fanboi.ch/webnovel/2907/
นิยายเด็กดี บทที่ 4 -- https://fanboi.ch/webnovel/3066/
นิยายเด็กดี บทที่ 5 -- https://fanboi.ch/webnovel/3187/
นิยายเด็กดี บทที่ 6 -- https://fanboi.ch/webnovel/3229/
นิยายเด็กดี บทที่ 7 -- https://fanboi.ch/webnovel/3388/
นิยายเด็กดี บทที่ 8 -- https://fanboi.ch/webnovel/3594/
นิยายเด็กดี บทที่ 9 -- https://fanboi.ch/webnovel/3852/
นิยายเด็กดี บทที่ 10 -- https://fanboi.ch/webnovel/4106/
นิยายเด็กดี บทที่ 11 -- https://fanboi.ch/webnovel/4265/
นิยายเด็กดี บทที่ 12 -- https://fanboi.ch/webnovel/4393/
นิยายเด็กดี บทที่ 13 -- https://fanboi.ch/webnovel/4626/
นิยายเด็กดี บทที่ 14 -- https://fanboi.ch/webnovel/4810/
นิยายเด็กดี บทที่ 15 -- https://fanboi.ch/webnovel/5006/
นิยายเด็กดี บทที่ 16 -- https://fanboi.ch/webnovel/5346/
นิยายเด็กดี บทที่ 17 -- https://fanboi.ch/webnovel/5535/
นิยายเด็กดี บทที่ 18 -- https://fanboi.ch/webnovel/5769/

2 Nameless Fanboi Posted ID:toYGka/sPX

รายชื่อโดนสับไปแล้ว https://docs.google.com/document/d/1ouFhwS9WeoBzEgYHVNYWkeUAbhQ2YkCg4ozpTpx1-94/edit

3 Nameless Fanboi Posted ID:7Bp9vm6uJv

เขียนนิยายกระแสก็ไม่ได้การันตีติดท็อปหรอกนะ ต่อให้อัพทุกวัน ที่พอจะการันตีได้ก็แค่มีคนอ่านมากกว่าปกติเท่านั้น ถ้าอยากติดท็อป มึงต้องเบียวมาจากภายในจิตใจของมึงเอง+ตั้งชื่อเรื่องให้โดนใจ+ดวง พยายามเฟคๆ น่ะมันไปได้ไม่สุดหรอก

4 Nameless Fanboi Posted ID:X2/qtWMSbc

>>3 มึงรอดูพวกที่แข่งเขียนติดท็อปดิเดี๋ยวก็รู้ว่าทำได้ไหม แต่กูแทงว่าไม่ได้ถถถ ส่องดูแล้วมีแต่เกรียนถ้ามันไม่ปั้มวิวแม่งไม่ได้หรอก

5 Nameless Fanboi Posted ID:NgcHNfSqUz

>>4 ติดท็อปหมวดยังยาก แม่งจะให้เอาติดท็อปรวม ถถถ

6 Nameless Fanboi Posted ID:xB0yLpYgnA

คนคิดชื่อมู้แม่งจงใจล้อเลียน

7 Nameless Fanboi Posted ID:a0zzFMb3Wd

จะติดท็อปนี่มันไม่ง่ายนะเว้ย ทุกอย่างต้องลงล็อคเป๊ะๆ จังหวะต้องถูก แล้วดวงต้องดีด้วย

ถึงจะเขียนบรรลุความเบียวขั้นสวรรค์หยวน อัพถี่ จัดพลังทรูเต็มที่ แต่ถ้าดวงไม่ดีก็ไม่ติดท็อปหรอกเชื่อกู

8 Nameless Fanboi Posted ID:xB0yLpYgnA

บอร์ดเด็กดวกมีแต่มู้จีนโบราณ คนไม่เบื่อแย่เรอะ

9 Nameless Fanboi Posted ID:8aPlTCviNY

>>7 ลองใช้พลังพิเศษแบบเทพกระบี่หมื่นล้านสิ กูโคตรชอบตอนนั้นเลย

10 Nameless Fanboi Posted ID:/tDk6IggGN

ขอบ่นหน่อย กูเจอในบอร์ดบอกเขียนนิยายใหม่รบกวนให้เข้าไปติชม แต่เสือกทิ้งชื่อไม่ทิ้งลิ้งก์ กูคิดว่าก็ เออ มันอาจทำไม่เป็น

พอกูหาตามชื่อปุ้บ แม่งมีตอนเดียวแถมเหี้ยด้วย

กูเลยอยากรู้ว่ารสนิยมเด็กดวกแม่งชอบเขียนตอนเดียวแล้วแปะบอร์ดเลยหรอวะ คือกูว่าตอนเดียวมันยังบอกอะไรไม่ได้แถมแม่งยังเหี้ยจนไม่รู้เรื่องอีก

จบการบ่นเพียงเท่านี้

11 Nameless Fanboi Posted ID:/eFa37vEXB

>>10 ถาม: อยากรู้ว่ารสนิยมเด็กดวกแม่งชอบเขียนตอนเดียวแล้วแปะบอร์ดเลยหรอวะ คือกูว่าตอนเดียวมันยังบอกอะไรไม่ได้แถมแม่งยังเหี้ยจนไม่รู้เรื่องอีก

ตอบ: จะรู้ได้ถ้าไปหาสัดส่วนของจำนวนคนเขียนที่แปะในบอร์ดทั้งหมด ที่เทียบกับตัวเลขคนเขียนตอนสองตอนแล้วแปะ เช่น ถ้ามีแบบนี้อีกสัก 10-20 คน ก็เก็บตัวเลขเอามาทำเป็นฐานข้อมูล เอามาทำสถิติไว้แล้วผลลัพธ์ถึงจะเป็นเชิงประจักษ์

12 Nameless Fanboi Posted ID:Pkr3dH2K7+

และเกือบทั้งหมดของไอ้พวกห่านี่ พอแต่งไปได้ราวๆ 5-10 ตอนแล้วคนอ่านคนเม้นท์มีน้อย ก็จะมางอแงลงบอร์ดอีกรอบ

13 Nameless Fanboi Posted ID:ZYkYnqTpG6

อะหือ ชื่อมู้แม่งสะเทือนใจกูยิ่งนัก มันเป็นเรื่องจริง หลายเรื่องเขียนดีภาษาดีดันไม่มีคนอ่านคนเม้นท์
แต่แนวเกาะกระแสเกิดใหม่ นางร้าย อัพถี่ๆ พล็อตเดิมๆ บทโคตรซูดันติดท็อป

14 Nameless Fanboi Posted ID:VgecZW6Mg0

อยากได้คนเมนต์เหรอ? เปิดรับสมัครตัวละครสิ ไม่ว่าเรื่องของมึงจะกากหมาแค่ไหนก็มีคนเมนต์แน่นอน!

15 Nameless Fanboi Posted ID:cLJeoQPkf8

>>14 มีงอย่าลืมโรลเพลย์ดิเฮ้ย ก็เห็นแม่งมี 5000 กว่าเม้นแล้ว

16 Nameless Fanboi Posted ID:bpIkFvmutS

>>13 ถ้าคิดว่าดี​+ตัวเองสนุกที่จะเขียน​ก็เขียนไปเถอะ​ คนอ่านเลือกอ่านหนังสือ​ หยังสือก็เลือกคนอ่านได้เหมือนกัน​ คนอ่านไม่อยากอ่านบทบรรยาย​ กูก็ไม่อยากให้คนอ่านประเภทโหยหาพระเอกแกรี่สตูมาอ่านงานกูเหมือนกัน​ บิบิ

17 Nameless Fanboi Posted ID:bxHZsUbdQY

>>10 พวกนี้ต้องการยอดวิว ไม่ได้ต้องการเงินเหมือนมืออาชีพ

18 Nameless Fanboi Posted ID:bxHZsUbdQY

Low Fantasy คืออัลไลวะ https://www.dek-d.com/board/view/3878754/

19 Nameless Fanboi Posted ID:sovjZDsCiR

>>18 high = สร้างโลกใหม่ แบบเดอะหลอด
low = มีความแฟนตาซีแฝงอยู่กับโลกจริงของเรา อย่างแฮร์รี่พ่องตาย
-แทงเต็ง คือ การแทงแต้ม 1 ไปจนถึงแต้ม 6 (ภาษานักพนันเรียก แต้ม1 ว่า เอี่ยว) ถ้าลูกเต๋า 1 ใน 3 ลูก ลูกใดลูกหนึ่ง ออกแต้มตามที่เราแทง เราก็จะได้ เงิน 1 ต่อ นั่นคือ แทง 1 บาท ถ้าถูก จะได้ 1 บาท
- แทงโต๊ด คือ การแทงแต้มเหมือนกับข้อ 1 แต่จะแทงทีละ 2 แต้ม ลูกเต๋า 2 ใน 3 ลูก จะต้องออกแต้มที่ทายควบไว้ จึงจะถือว่า แทงถูก เช่น ถ้าแทงว่า โต๊ด 2-3 ถ้าเปิดฝาออกมาแล้ว เป็น 2-3-5 อย่างนี้ ถือว่าเราแทงถูก แต่ถ้าเป็น 2-4-5 หรือ 3-4-6 อย่างนี้ ถือว่าออกแค่แต้มเดียวที่เราทายไปจะถือว่าแทงผิด ด้วยการแทงโต๊ดมีความเสี่ยงสูงค่าตอบแทนจึงจ่ายที่ 5 ต่อ คือ แทง 1 บาท ถ้าถูก จะได้ 5 บาท
- แทงสูง-ต่ำ คือ การแทงแต้มรวมของลูกเต๋าทั้ง 3 ลูก ถ้าแต้มรวมอยู่ระหว่าง 3 แต้ม ไปจนถึง 10 แต้ม ก็ถือว่า "ต่ำ" แต่ถ้าแต้มรวมอยู่ระหว่าง 12 ไปจนถึง 18 แต้ม ก็ถือว่าเป็น "สูง" แทงแบบนี้ ก็จะได้เงิน 1 ต่อ เหมือนกับข้อ 1.
- แทง 11 ไฮโล คือ การแทงแต้มรวมของลูกเต๋าทั้ง 3 ลูก ที่เท่ากับ 11 ซึ่งจะมีศัพท์เฉพาะเรียกว่า "11ไฮโล" 11ไฮโล ออกยากมาก เพราะแต้มรวมต้องได้ 11 พอดี ห้ามขาด ห้ามเกิน ใครแทง 11 ไฮโล แล้วถูกขึ้นมา รับไปเลย 5 ต่อ คือ แทง 1 บาท ถ้าถูก จะได้ 5 บาท

20 Nameless Fanboi Posted ID:Cyss+GCPiz

>>19 แฮรี่กูถือว่าเป็น middle นะ คือไม่ใช่โลกใหม่ทั้งหมด แต่ก็สร้างโลกซ้อนโลกที่มีความเป็นแฟนตาซีสูงอยู่ ถึงกูจะอ่านปวศ.โลกแม่งแล้วรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ European-Supremacist สุดๆ ก็เถอะ โลกเวทมนต์เอเชียแม่งอย่างกาก ไม่มีส่วนร่วมอะไรเลย แถมโรงเรียนเวทมนต์เสือกมีแค่ที่ญี่ปุ่นที่เดียว และชื่อโรงเรียนก็คือ "โรงเรียนเวทมนต์" โคตรสิ้นคิดและ Cultural Approach กากชิบหาย ถ้าเป็นยุค 70 กูยังเข้าใจ แต่ยุค 2000 แล้วยังมีแบบนี้อีก เหลือเชื่อจริงๆ

21 Nameless Fanboi Posted ID:4aPk5vL7Z7

>>20 พี่ถุยครับเลิกไทยคำอังกฤษคำเถอะนะครับ คนอื่นเขาไม่ได้ฉลาดแบบพี่นะครับผม

22 Nameless Fanboi Posted ID:45SoOCC5o8

>>20 ก็พวกยุโรปแม่ง Top-from โครตๆ ตั้งแต่ยุคจักรวรรดิโรมันมาเลยนี่หว่า ถึงยุคใหม่จะแผ่วๆ ให้เอเชียกะเมกาลืมตาอ้าปากได้บ้าง แต่ยังไงก็เทียบกับมันไม่ได้อ่ะ เหตุการณ์ใหญ่ เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์แม่งเกิดวนๆ อยู่ในทวีปเดียว

23 Nameless Fanboi Posted ID:0.wVfgSGML

>>22 Top-from คือมันมาจากข้างบนเหรอ?

24 Nameless Fanboi Posted ID:Tcfe.CGn3D

>>23 จริงๆ ต้อง Torp fom ต่างหาก

25 Nameless Fanboi Posted ID:TQNL6zvUjg

>>24 ใช่ กูเขียนผิดเองโทษที ดึกแล้วมันจะเบลอๆ หน่อย

26 Nameless Fanboi Posted ID:UqTMRGPW5Y

เอาจริงๆนะ พวกยุคกลางยุโรปที่เด็กดีชอบเขียนกัน ถ้าไม่ใช่มาจากหอยหลอดแห่งแหวน ก็ต้องแรงบันดาลใจรากเหง้ามาจากดราก้อนเควสน่ะแหละ

27 Nameless Fanboi Posted ID:XzXlT6wtrf

มันก็โอลสคูลประเภทผจญภัยรับเควสเหมือนกันไม่ใช่เรอะ

28 Nameless Fanboi Posted ID:vYm.ykDE+W

อยากจะเขียนนิยายพระเอกเทพ วางโครงเรื่องไว้แบบนี้

พระเอกไปกินเลี้ยงกับเพื่อนที่ออฟฟิศ เมากลับมาที่ห้องเช่า แล้วบ้าไปแทงบอลออนไลน์ จากนั้นตอนเช้ามีคนจากบ่อนโทรมาแสดงความยินดี ปรากฏว่าที่กดมั่วแทงสกอร์ด้วยความเมา เสือกถูกแจ็คพ็อตสเต็ป 16 คู่ ได้เงินมา 350 ล้าน พระเอกเลยไปเปิดบัญชีธนาคารที่สิงคโปร์ หาทางเอาเงินกลับเข้าประเทศ ใช้ชีวิตแบบโคตรราชา โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า ปปง กับสรรพากร เริ่มระแคะระคายถึงเรื่องนี้แล้ว

29 Nameless Fanboi Posted ID:AQpXmMixgb

>>28 ถามจริง 350 ล้านมึงจ่ายกันเป็นเงินสดขนใส่รถกระบะมารึไงวะ สรรพากรมันถึงแค่ระแคะระคายเนี่ย 555
อยู่ดีๆ เงินเข้าบัญชี 30ล้านสรรพากรแม่งก็โทรมาแล้ว

30 Nameless Fanboi Posted ID:5ya0q3Jyp.

https://www.dek-d.com/board/view/3878943/
โต้วาทีกันไหมครับ

31 Nameless Fanboi Posted ID:AQpXmMixgb

>>30 บอร์ดไม่มีคนกลางห้ามมวยมันจะกลายเป็นดราม่าได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าคนกลางเสือกเอียงกระเท่เล่ก็ยิ่งเละ
ถ้าไม่มีการจัดการฝั่งให้เรียบร้อยมันก็จะออกทะเล คุยเรื่อง A ญัตติ A ก็จะมีพวกค้านด้วยเหตุผลค้างๆ คูๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คุยกันโดยตรงขึ้นมา หรือออกนอกเรื่องไป ซึ่งมันจะลากกลับเข้ามาได้ยากมากๆ
กูว่าถ้าจะทำบอร์ดโต้วาที(ที่เป็นการโต้กันจริงๆ) คงยากว่ะ แต่ถ้าเป็นการถกกันด้วยเหตุผลอันนี้ปกติก็ทำกันอยู่ไม่ใช่รึ

32 Nameless Fanboi Posted ID:zFXpkfAgvN

>>22 มึงตกประวัติศาสตร์นะ หลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก ยุโรปแทบไม่มีห่าไรดีเลย เหตุการณ์สำคัญส่วนใหญ่ในโลกเกิดที่เอเชียและตะวันออกกลางซะส่วนใหญ่วะ มึงเมาจากไหนว่า "เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์แม่งเกิดวนๆ อยู่ในทวีปเดียว" เรียนอยู่มัธยมไหนวะเนี่ย

เรียนประวัติศาสตร์ใหม่นะ หรืออ่านที่ไม่ใช่ Eurocentrism บ้างนะ ยุโรปมีบทบาทในระดับโลกจริงจังช่วงปลายยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการนี่เอง ก่อนหน้านั้นผู้ที่มีอิทธิพลต่อโลกเก่าจริงๆ มีแค่ 3 ที่ คือจีน อินเดีย และเปอร์เซีย-อาหรับ ยุโรปพึ่งขึ้นนำตะวันออกเมื่อปี 1820 นี่เอง

ไม่เชื่อลองไปดู GDP โลกย้อนไป 2,000ปี สิ แล้วจะรู้ว่าใครคือผู้ทรงอำนาจที่สุดในโลกของจริง ช่วงที่โรมันยิ่งใหญ่ยังมี GDP ไม่ได้ครึ่งนึงของจีนหรืออินเดียเลย สมัยก่อนไม่ได้มีแค่ยุโรปหรอกที่ส่งผลกระทบต่อโลก ลองศึกษาประวัติศาสตร์ตะวันออกกลางดู แล้วจะรู้ว่ายุโรปสมัยนั้นได้รับอิทธิพลจากโลกอิสลามแค่ไหน

http://www.visualcapitalist.com/2000-years-economic-history-one-chart/

รู้รึเปล่าวว่าจนถึงสมัยอดัม สมิธ ประเทศจีนถูกมองว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวย ความเป็นอยู่ดี และเจริญกว่ายุโรป พึ่งยุคล่าอานานิคมนั่นละ ความคิดของคนยุโรปถึงจะเริ่มเปลี่ยนแปลง และพอสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม ความคิด White-Supremacist ถึงเป็นรูปเป็นร่างจริงๆ

33 Nameless Fanboi Posted ID:AQpXmMixgb

>>28 9หลัก นี่ถ้าไม่ใช่เว็บพนันถูกกฎหมายต่างประเทศมีแววว่าตัวเอกมึงจะหายตัวได้ก่อน ปปง จะทันได้ระแคะระคายมั้ง
แล้วถ้ามันเป็นเงินที่ได้จากการพนันในต่างประเทศนี่ ปปง ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่สรรพากรเรียกแน่นอน เงินขนาดนั้นมันไม่มีวิธีเลี่ยงภาษีหรอก มีแต่หาวิธีลด สรรพากรไม่ได้โง่ แค่ขี้เกียจมาจับปลาซิวปลาสร้อยเฉยๆ แล้วพนักงานออฟฟิสเอาอะไรไปเปิดบัญชีสิงคโปร์วะ
ตัวเอกมึงแค่โชคดี ไม่ได้เป็นพ่อค้ายา ไม่ต้องซ่อนแอบขนาดนั้นก็ได้

34 Nameless Fanboi Posted ID:I0H.3Vv3zl

>>32 +1 กะจะพิมพ์ประมาณ​นี้เหมือนกันแต่ขี้เกียจ

35 Nameless Fanboi Posted ID:G26yMf/3Wd

>>34 กูไม่เชื่อมึง +1

36 Nameless Fanboi Posted ID:nByOEASM5b

>>35 กูไม่รู้จักมึง +1

37 Nameless Fanboi Posted ID:TQNL6zvUjg

>>36 กูก็ไม่รู้จักมึง +1

38 Nameless Fanboi Posted ID:UqTMRGPW5Y

>>27 แต่โอลสคูลไม่มีกิลด์ผจญภัยหลุดจากเกมซะหน่อย คนโบราณรับเควสแบบ common sense แทน อย่าลืมพวกนี้ไม่มีเกมคอมพิวเตอร์ให้เล่นเหมือนพระเอกหลุดจากยุคปัจจุบันหรอก

39 Nameless Fanboi Posted ID:TQNL6zvUjg

อันนี้กูก็สงสัยมานานละว่าทำไมจักรวาลนิยายเกมออนไลน์ถึงมีแต่แบบ VR AR

40 Nameless Fanboi Posted ID:1m5a9lm8yH

>>39 ขาด AV

41 Nameless Fanboi Posted ID:4bSw0NqYqv

>>40 อันนี้แฟนตาซีอยู่แล้ว

42 Nameless Fanboi Posted ID:UqTMRGPW5Y

>>39 AR ไม่ยักกะเจอ แต่ VR เยอะชิบหาย เอาแค่นิยายเด็กดีมีเรื่องไหนเป็น AR จริงๆล่ะ

43 Nameless Fanboi Posted ID:0zyUP9zlbd

>>39 มันเขียนให้เบียวง่ายกว่า มึงลองนึกภาพคนเล่นเกมออนไลน์ปัจจุบันสิ ในคอมกับมือถือ เทพแค่ไหนก็สู้เทพซ่าเข้าไปป่วนเซิฟไม่ได้หรอก แถมมันต้องเขียนให้สมดุลย์ทั้งโลกจริงและโลกเกมด้วย เพราะคนไม่ได้เข้าไปในเกม มันเขียนยากกว่าเยอะ

แต่ถ้าอยากอ่านแนวออนไลน์แบบคอมทั่วไป กูแนะนำ Boss จินตนาการพิศดาร กับ TKA สนุกจริงๆ แต่เรื่องแรกคงหายากหน่อย หลายปีละ เรื่องหลังยังออกไม่จบ

44 Nameless Fanboi Posted ID:8usV/vLEAc

>>43 แม่งเลยพัฒนาจากเกมออนไลน์แบบ​ vr ไปเป็นต่างโลกแบบมีระบบเลเวลไง​ คือไม่ต้องพูดถึงโลกนอกเกมเลย เหมือนเล้นเกมอย่างเดียว​ เฉียบไหมล่ะ

45 Nameless Fanboi Posted ID:I64VKGfAUE

>>43 เล่นเกมคอมธรรมดาต้องไลท์โนเวล Netoge no Yome wa Onna no Ko Janai to Omotta? หรือคนไทยเรียกกันว่า "ถามหน่อยครับ คิดว่าเจ้าสาวผมในเกมออนไลน์เป็นผู้หญิงจริงรึเปล่า?" พระเอกไม่เบียว แต่นางเอกเบียวสุดกู๋ ไม่รู้จะสงสารหรืออิจฉาพระเอกดี แถมเพื่อนร่วมกิลด์ที่ใช้ตัวละครชายเล่น จริงๆแล้วทุกคนเป็นผู้หญิง อยู่โรงเรียนเดียวกันด้วย ถ้ามึงขี้เกียจอ่านไลท์โนเวล ดูอนิเมะหรือมังงะก็ได้ เหมาะกับคนเบื่อพระเอกเบียวซูเห่อหมอยสไตล์ *shit*rito

>>44 ยิ่งเบียวยิ่งเขียนจบยากขึ้น ญี่ปุ่นเขียนต่างโลกเยอะชิบหาย แต่ประสบความสำเร็จจริงๆไม่ถึงครึ่งต่อครึ่ง แค่ของญี่ปุ่นคุณภาพดีกว่าไทย แล้วต่างโลกของไทยไปรอดรึเปล่า นอกจากดองกับตัดจบ

46 Nameless Fanboi Posted ID:5d41aMD2.s

โม่งๆ self-insert คืออะไร

47 Nameless Fanboi Posted ID:STU.3k7p3.

>>46 การเอาตัวเองเข้าไปแทนตัวละคร อย่างนักเขียนอยากเก่งเทพหล่อรวยควยใหญ่ ก็เขียนให้พระเอกเป็นแบบนั้นไป

48 Nameless Fanboi Posted ID:Qc.NuxAHSr

>>46 self-insert อาจจะดูเหี้ย แต่จริงๆแล้วมันไม่แย่อย่างที่คิด ระวังแค่อย่าให้มันเลยตามเลย

49 Nameless Fanboi Posted ID:Xioi78vXOv

วันนี้กูเสียนักอ่านไปคนนึงด้วยข้อหา พระเอกกาก...เสียไต คนอ่านยิ่งน้อยๆ อยู่

50 Nameless Fanboi Posted ID:cOag2jOdOe

โม่งๆ นิยายไซไฟคืออะไร

https://www.facebook.com/solisbooks/videos/740886619593666/

51 Nameless Fanboi Posted ID:STU.3k7p3.

>>50 ใส่ไฟ
หมายถึง
เติมเชื้อเพลิง เช่น คอยเอาฟืนใส่ไฟไว้นะ อย่าให้ไฟดับ; จุดไฟเผาศพ; โดยปริยายหมายถึงให้ร้ายผู้อื่นทำให้ได้รับความเสียหาย เช่น เขาใส่ไฟผม อย่าไปเชื่อ

52 Nameless Fanboi Posted ID:WHZpac0OoE

>>51 ไวไฟ ต้องถังแก๊ส

53 Nameless Fanboi Posted ID:M7.o4kMAMg

>>50

นิยายวิทยาศาสตร์ (Science Fiction / SF / Sci-Fi) กำเนิดขึ้นเมื่อไหร่ และด้วยเหตุใด? หากพิจารณาคำถามนี้ด้วยสามัญสำนึกปัจจุบัน ว่ามนุษย์เขียนบันทึกหรือต่อเติมเรื่องเล่า เพื่อสะท้อนหรือระบายสิ่งที่อยู่ใต้จิตสำนึกของตนออกมา ในขณะที่มีภาษาพูด การเขียน อักขระและท่วงทำนอง เป็นเครื่องมือสำหรับถ่ายทอด คำถามนี้ย่อมได้คำตอบครอบคลุมทันใดว่า เช่นเดียวกับองคาพยพอื่นที่ร่วมอารยธรรม นั่นคือ นิยายวิทยาศาสตร์อุบัติขึ้นพร้อมๆ กับที่มนุษยชาติถือกำเนิด

แต่หากชื่อเรียกเป็นเพียงนิยาม และนิยามมีเพื่อความสบายใจ คำว่า science fiction ในภาษาอังกฤษถูกระบุเป็นครั้งแรกเมื่อปีคศ. 1926 ในบทบรรณาธิการหน้าเดียวของ Amazing Stories เดือนมิถุนายน ซึ่ง Hugo Gernsback ผู้บรรณาธิการนิตยสารเล่มนี้ เขียนว่า science fiction ที่ดีคือ "ส่วนผสมของวรรณกรรมร้อยละ 75 และที่เหลือ เผื่อให้วิทยาศาสตร์"

จึงเป็นเหตุให้เกิดโต้วาทีระหว่างสองสำนัก ฝ่ายที่อ้างอิงแง่ความเชื่อมโยงของแนวทางในการเผยแพร่และตีพิมพ์ กับฝ่ายมุ่งเน้นการสืบค้นมรดกทางความคิด ฝ่ายแรกปักใจว่านิยายวิทยาศาสตร์พัฒนาขึ้นในยุคตื่นตัวทางวิทยาศาสตร์นั่นเอง (คือระหว่างศตวรรษที่ 1700 ถึง 1900) ในขณะที่ฝ่ายหลัง ยึดเอาวรรณกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในอารยธรรม มหากาพย์กิลกาเมช (2100 ปีก่อน คศ.) เป็นหนึ่งในต้นธาร

การศึกษาจุดกำเนิดและพัฒนาการ น่าตื่นเต้นและท้าทายสำหรับผู้ดั้นด้นค้นหาคำตอบเสอมา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบางวาระ ความคลุมเครือไม่ต่างจากมนต์เสน่ห์แห่งม่านหมอกอันลี้ลับและเย้ายวน ยุยงให้เรามานะฟันฝ่าไป

และมุมมองที่แตกต่าง ก็เพื่อสมดุลซึ่งความกระหายรู้

----------
ภาพ อินโฟกราฟ The History of Science Fiction
http://www.wardshelley.com/paintings/pages/fullpics/HistSciFi2.jpg

54 Nameless Fanboi Posted ID:WHZpac0OoE

>>53 กูตอบง่ายๆก็ได้
Fantasy = มโนสายศิลป์
Science Fiction = มโนสายวิทย์

55 Nameless Fanboi Posted ID:+PTK/ESEd7

>>53 ชอบ

56 Nameless Fanboi Posted ID:C8v/1dEkj.

>>54 ครับพี่ เก่งมากครับ สุดยอดเลยครับผม

57 Nameless Fanboi Posted ID:4Xw8g9/tFB

ถ้าจะแต่งนิยายแนวโรงเรียนเวทฯ นี่ต้องทำยังไงให้มีเอกลักษณ์ + คนอ่านไม่เบื่อไปก่อนวะ

58 Nameless Fanboi Posted ID:pfOleayXs8

>>57 จะพูดเฉพาะไอ้ที่มันซ้ำๆก็ละกันนะ​ อยากฉีกตรงไหนก็ฉีกไป
- มีหอ/บ้าน​ 4 หลัง
- ต้องมีบ้าน​ 2 หลังที่แบบไม่ถูกกันมากๆ​ ในขณะที่อีกสองหลังที่เหลือจืดจาง
- ตัวเอกต้องมีพลังบางอย่างที่พิเศษกว่าคนทั่วไป
- กลุ่มเพื่อนของตัวเอกจะต้องมีตัวยิงมุก​ ตลกแดก
- พระเอกถ้าไม่เป็นเด็กกำพร้าจนๆ​ ก็ต้องเป็นห่าอะไรใหญ่โตรวยๆ​ ไม่เคยเห็นพวกที่พ่อเป็นพนักงานบัญชี​ แม่เป็นแม่บ้านมาเรียนบ้างเลย

ล้างตูดก่อน​ คิดออกจะพิมพ์ต่อ

59 Nameless Fanboi Posted ID:JtPbKHbSK9

>>57 ดู Senran Kagura แต่เปลี่ยนนินจานมเป็นนักเวทนมแทน
โรงเรียนเวทหญิงล้วน ไม่มีหอพัก เลิกเรียนกลับบ้าน ใครบ้านรวยมีรถมารับส่ง
ใส่กฎว่านมยิ่งใหญ่ เวทยิ่งดี การสู้ไม่มีใครตาย แต่ใครทำให้อีกฝ่ายเสื้อขาดถือว่าชนะ

60 Nameless Fanboi Posted ID:tUY+axh9dq

>>57
- มีหอ/บ้าน​ 4 หลัง ทำให้เหลือหลังเดียว มีตีกิลทุกสัปดาห์ แพ้นอนวัด แบบบากะเทส
- ตัวเอกต้องมีพลังบางอย่างที่พิเศษกว่าคนทั่วไป พลังโคตรไร้ประโยชน์ แต่ดันใช้ได้ผลตอนไคเม็ก แบบเรื่องอะไรกุจำไม่ได้ละ
- กลุ่มเพื่อนของตัวเอกจะต้องมีตัวยิงมุก​ ตลกแดก เพื่อนพระเอกชื่อ เคนนี่ ตายแบบไม่มีใครรู้ตัว แล้วคนแรกที่เห็นก็ตะโกนว่า Who killed kenny?
- พระเอกเป็นคนจนแต่ทุกคนคิดว่า รวยเพราะหน้าตาดีมีออร่าเจ้าชาย

58 เมิงอย่าโกรธกุ

61 Nameless Fanboi Posted ID:psSXmU7G+B

>>60 - ที่ 2 นี่ใช่ไอ้พลังลมพัดกระโปรงเปิดรึเปล่าวะ ไม่แน่ใจแต่จำได้ว่าตอนสุดท้ายมันใช้พลังนี่แล้ววิน จำวิธีใช้กับชื่อเรื่องไม่ได้ด้วย ใครจำได้มั่ง

62 Nameless Fanboi Posted ID:xOK11qvW61

>>58 ร่างโคลน Harry potter เหรอวะ?

63 Nameless Fanboi Posted ID:pRYh8Ae7P0

>>57 ลองดูซีรีย์เรื่อง Magician ซี่ซั่นแรกๆ เป็นแนวทางก็ได้ ขนาดฉีกจากความเป็น Harry ตามที่>>58 บอกออกไปขนาดนั้นแล้ว กูยังรู้สึกว่าแม่งคลิเช่ชอบกล
สรุปคือโรงเรียนเวทแม่งเกล่อซะจนคนเขียนก็เขียนฉีกกันมาร้อยแปดตลบ คนอ่านก็อ่านซะจนเปื่อยหมดกระแสไปเป็นสิบปีแล้ว ถ้าจะหยิบมาเขียนจริงๆ จับเอาไปเป็นประเด็นรองแบบเจือจางไปเลย แล้วไปมุ่งเน้นประเด็นสำคัญอื่นเหอะ โรงเรียนเวทแม่งเข็นยากว่ะ

64 Nameless Fanboi Posted ID:AUDHa+JUsc

>>57
-ต้องมีชนชั้นภายในโรงเรียน อย่างน้อยๆก็สองชั้นขึ้นไป
-พระเอกต้องไปอยู่วรรณะต่ำสุดด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ส่วนระดับพลังก็น้องๆพระเจ้าแถมหัวดี เป็นบราค่อนด้วย
-เพื่อนพระเอกที่อยู่วรรณะเดียวกันก็เทพไม่แพ้พระเอก แต่มีปมบางอย่าง
-ต้องมีเรื่องให้พระเอกโชว์เทพ เช่นโดนคนวรรณะสูงกว่าหาเรื่อง หรือไม่ก็ไปแข่งกับโรงเรียนอื่นๆ
ไอเดียนี้สามารถใช้ได้ถ้า "ค×โ×ค×ว่×" ไม่ฟ้อง

65 Nameless Fanboi Posted ID:xOK11qvW61

Ky ขอถามเป็นไอเดียหน่อย ในเซ็ตโลกแฟนตาซี ที่จอมมารชนะแล้วมนุษย์สูญพันธ์โดยสมบูรณ์จะเกิดผลอะไรตามมาบ้างวะ ถ้าสมมติให้กองทัพจอมมารเป็นอมมนุษย์หลายๆ เผ่ามารวมกัน ไม่ใช่มารหรือปีศาจเพียวๆ

66 Nameless Fanboi Posted ID:cK0T/gZNgw

>>65
1. ปีศาจกินอะไรกัน? ถ้าแดกสัตว์ ปีศาจต้องหัดเลี้ยงสัตว์ด้วย ไม่ก็จับแดกอย่างพอเพียง ไม่ก็ต้องมีช่วงจำศีลกันให้สัตว์เกิดใหม่ทัน
2. ต้องมีสงครามแบ่งแย่งดินแดนกันแน่นอน ด้วย mind set แบบปีศาจ
3. เดี๋ยวนึกออกจะมาต่อ ขอประชุมก่อน

67 Nameless Fanboi Posted ID:FTuqDvD5M0

>>65 ก่อนอื่นต้องถามว่าปิศาจของฝ่ายจอมมารมีอารยธรรมรึเปล่า Civilization รึเปล่า หรือเป็นพวก Barbaric ที่ฆ่าเพราะกระหายอย่างเดียว

กูยกตัวอย่าง 3 เรื่องนะ
เรื่องแรกคือ "จอมมารเศรษฐศาสตร์กับผู้กล้าบ้าพลัง" ของ โทโนะ มามาเระ (ผู้เขียน Log Horizon)
เรื่องนี้เซ็ตติ้งเอาไว้ว่าเผ่าปิศาจนั้นมีอารยธรรม มีการปกครองแบบชนเผ่า มีหัวหน้าเผ่า มีการแบ่งแยกดินแดนและทำสงครามกับมนุษย์เพื่อแย่งชิงดินแดนกับ เหมือนกับแนวสงครามทั่วไป กรณีถ้าเป็นปิศาจแบบนี้ มึงก็ต้องกำหนดระบบการปกครองขึ้นมา และจินตนาการต่อว่าหากเผ่าปิศาจยึดครองโลกมันจะทำอะไรกับมนุษย์ จะจับเป็นทาส? ใช้แรงงาน? ซึ่งอันนี้มึงต้องใช้ความรู้ด้านการปกครองซักหน่อย แต่ก็คงไม่ยากเกินที่จะศึกษา

อย่างในเรื่องมีเมืองปิศาจที่โดนมนุษย์ยึดไปปกครอง ก็กลายเป็นว่าปิศาจในเมืองกลายเป็นพลเมืองชั้น 2 โดนปกครองอย่างกดขี่ โดนใช้งานเยี่ยงทาส + บำเรอกาม ถึงจะมีคนไม่เห็นด้วยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งจอมมารได้ส่งพระเอกที่เป็นผู้กล้า ปลอมตัวเป็นอัศวินดำมาช่วยปลดปล่อยจากการปกครองนั้นและกลายเป็นเมืองที่มนุษย์กับเผ่าปิศาจอาศัยอยู่ด้วยกันได้ในตอนหลัง

เรื่องที่ 2 ที่จะยกตัวอย่างคือ "Warhammer (Fantasy)"
ในเรื่องนี้มีพวกปิศาจที่เรียกว่า Daemon เป็นปิศาจจากโลกคู่ขนานที่ถูกส่งมาโดยเทพเจ้าชั่วร้าย (Chaos God) โดยมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวคือการฆ่าเพื่อสนองความกระหายและบูชาเหยื่อให้แก่เทพโลหิตของพวกมัน สิ่งที่อยู่ในหัวของพวกมันคือการฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่พบเจอ ซึ่งถ้ามึงกำหนดให้ปิศาจเป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะโลกที่มึงสร้างคงตกอยู่ในสภาวะวิกฤตแล้วล่ะ ใน End Time นี่ขนาดรวมทุกเผ่าพันธุ์ที่เคยเป็นศัตรูมาก่อนร่วมกันสู้กับปิศาจยังแพ้ยับจนโลกแตก การเขียนแนวนี้ก็ไม่ต้อง Mindset เยอะ แค่กำหนดว่ามันมาฆ่าล้างก็พอแล้ว

เรื่องที่ 3 อันนี้ทุกคนน่าจะเคยดูก็คือ "The Matrix"
ถามว่ามันปิศาจตรงไหน? ก็ไม่เชิงปิศาจหรอก แต่ที่ยกตัวอย่างมานั้นก็เป็นเพราะ "หุ่นยนต์" มันทำสงครามกับมนุษย์นี่ล่ะ ในเรื่องนี้ถ้ารู้จัก Lore ดีๆ จะพบว่าก่อนเริ่มเรื่องเนี่ย หุ่นยนต์มันรบกับมนุษย์จนชนะไปแล้ว มนุษย์ดั้งเดิมนั้นถูกกวาดล้างเกลี้ยง เหลือเพียงแค่กลุ่มน้อยที่พวกหุ่นยนต์ปล่อยเอาไว้เพื่อสร้างไซออนเท่านั้น ในกลุ่มนี้พวกหุ่นยนต์มีเป้าหมายชัดเจนคือต้องการมนุษย์มาใช้เป็นพลังงาน + ศึกษาเพื่อพัฒนาอัลกอริทึม พวกมันเลยจงใจปล่อยให้มนุษย์อยู่ใน Matrix ผนวกกับปล่อยบางส่วนออกไปให้กลายเป็นศัตรูหาอะไรทำฆ่าเวลา ทั้งที่ความจริงแล้วมนุษย์ก็ไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือพวกมันตั้งแต่แรก

68 Nameless Fanboi Posted ID:rSixByQUA5

>>67 มันอาจจะฟังดู Bias แต่กูคิดว่าจะกำหนดแบบนี้
มาร (แวมไพร์ เทวดาตกสวรรค์ etc.) คือ Civilization ไปแล้ว
พวกผิวเขียวอย่างออร์ค/ก็อบลิน หรือพวกกึ่งมนุษย์ต่างๆ อยู่กันแบบชนเผ่า แยกจากกันแม้เป็น species เดียวกัน
ปีศาจ + ยักษ์ระดับโทรลขึ้นไป เป็น อยู่แบบตัวใครตัวมัน
ถามว่าพวกนี้มารวมกันเป็นกองทัพได้ไง
1.เพราะจอมมาร (จากเผ่ามาร) เก่งพอจะควบคุม (บังคับ) ให้พวกนี้อยู่ในระเบียบได้
2.เพราะมีศัตรูร่วมกันคือมนุษย์
และเรื่องที่ทำไมถึงทำสงครามกับมนุษย์ กูคิดให้มันมีเป้าหมายต่างกันคือ
1.ต้องการเป็นสายพันธุ์ Civilization เพียงหนึ่งเดียวบนโลก (ของเผ่ามาร)
2.อาหาร,ขยายดินแดน (พวกผิวเขียว)
3.ล้างแค้นที่เคยโดนกดขี่ (กึ่งมนุษย์ต่างๆ)
4.แค่อยากฆ่าเฉยๆ (ปีศาจ)
ส่วนสาเหตุที่เผ่ามนุษย์จนหายจากโลกโดยสมบูรณ์คือ
1.ขาดแคลนอาหาร เนื่องจากเสียดินแดนทำกินเดิมไปจนหมด ผู้ชายและคนที่เป็นงานตายในการรบแทบทั้งหมด
2.โดนผิวเขียวล่าเป็นอาหารและถูกฆ่าเล่นๆ โดยปีศาจและกึ่งมนุษย์เป็นจำนวนมาก
3.เพราะขาดแคลนอาหารรวมทั้งโดนไล่ฆ่าอยู่เรื่อยๆ อัตราการตายเลยสูงกว่าอัตราการเกิดอย่างมาก และเด็กที่เกิดมาก็มีโอกาสรอดจนเป็นผู้ใหญ่ต่ำเพราะโดนบีบให้ต้องเดินทางหนีการตามล่าของพวกข้อ 2 ไปเรื่อยๆ
ด้วยเหตุผลด้านบนเลยทำให้มนุษย์สูญพันธุ์โดยสมบูรณ์ในเวลาต่อมา

69 Nameless Fanboi Posted ID:L4gAj.lQRf

>>68 มึงทำกูนึกถึง Warhammer ในกรณี if ที่คนแคระไม่ยื่นมือมาช่วยมนุษย์ชะมัด

หมายความว่ามึงต้องการเขียนแนวที่มนุษย์ใกล้สูญพันธุ์ + โดนตามล่าจากทุกเผ่าพันธุ์สินะ? ถ้ากูเข้าใจถูกก็แนะนำลองไปอ่านเรื่อง No game No life เล่ม 6 เอาแค่เล่ม 6 อย่างเดียวพอ เพราะเหตุการณ์มันใกล้เคียงกันมนุษย์ไม่มีแรงสู้แล้วเลยต้องอาศัยอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ประมาณว่าเผยตัวไม่ได้เลย

ถ้าหาอนิเมมาดูจะเห็นภาพชัด เพราะทำมาค่อนข้างดี แต่มันเป็นภาค Movie คงหาดูยากหน่อยนะ

70 Nameless Fanboi Posted ID:rSixByQUA5

>>69 ที่กูจะเขียนคือหลังมนุษย์สูญพันธุ์ไปแล้วอะนะ

71 Nameless Fanboi Posted ID:OuGgyX8HkU

>>68 กูสงสัยนิดหน่อย ที่วางให้มนุษย์สูญพันธุ์คือฉากจบของเรื่องเหรอ หรืออยู่ช่วงไหนวะ คือกูไม่เข้าใจว่าถ้ามึงสร้างสงครามมาโดยกำหนดว่าจุดจบของสงครามคือเผ่าพันธุ์นึงล่มสลายไปเลย แล้วเนื้อเรื่องจะไปต่อยังไงนะ หรือก็คือจบแล้ว ที่คิดอยู่คือจะเอาไว้เล่า outtro ของเรื่องเฉยๆ?

ที่มึงวางมา กูติดตั้งแต่มารคือพวกตกสวรรค์ แวมไพร์ etc มารวมกันแล้วว่ะ มึงอาจจะเรียกรวมว่ามารได้ แต่กลุ่มนี้มันจะไม่ใช่กลุ่ม civilized เดียวบนโลกสิ สุดท้ายมันก็จะมีสงครามฆ่าล้างกันต่อไปเรื่อยๆ อีก ยกเว้นจะบอกว่าเผ่าทั้งหมดนี้มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน

กลับมาที่มนุษย์สูญพันธุ์ เป็นกูจะคิดก่อนว่ามนุษย์มีประโยชน์อะไรบ้าง เป็นแหล่งอาหารเดียวของพวกผิวเขียวมั้ย หรือคอยผลิตสินค้าอะไรให้เผาาพันธุ์อื่นรึเปล่า แล้วมนุษย์มีพันธมิตรอื่นๆ มั้ย หรือพันธมิตรก็ตายทั้งหมดด้วย แล้วพวกมารนี่พอลเางเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้วอยากทำอะไรต่อ จะครองโลก ตั้งตัวเองเป็นผู้นำแล้วควบคุมทุกเผ่ามั้ย แล้วจะเป็นผู้นำแบบไหน ช่วยพัฒนาเผ่าต่างๆ รึเปล่า (ซึ่งก็น่าจะไม่ ถ้าอยากเป็นอารยะเดียวที่เหลืออยู่บนโลก) หรือจะปกครองด้วยอำนาจกับความหวาดกลัวอย่างเดียว หรือจบสงครามก็แยกย้ายกลับไปมีชีวิตของตัวเองกันหมด

ภาพในหัวกูตอนนี้คือดิสโทเปียอย่างเดียวเลย มีเผ่าเฉพาะเผ่ามารที่เข้าถึงน้ำ อาหารได้ ใช้ชีวิตหรูๆ แบบไม่สนใจเผ่าอื่น ส่วนพวกที่เหลือก็ต่อสู้แย่งชิงกันเข้าถึงแหล่งอาหารที่เหลือไม่มาก ไม่เหลือคำว่าเผ่าพันธุ์ มีแต่กูอยู่ มึงตาย อะไรประมาณนี้

72 Nameless Fanboi Posted ID:GH+zS0bFSp

>>71 post-apocalypse ไม่ใช่​ dystopia

73 Nameless Fanboi Posted ID:0+gE36BAPs

>>68 กูพอเข้าใจสิ่งทีมึงจะสื่อ แต่ถ้าเอาตามตรงตามเหตุผลที่มึงบอกมาถึงสาเหตุที่ทำสงครามกัน หลังสงครามจบมนุษย์สูญพันธุ์ สิ่งที่เกิดเป็นอย่างแรกคือแม่งจะตีกันเองต่อแน่นอน เพราะเหตุผลที่มารวมกันสู้คือโหลงเหลงมากซะจนกูเองยังไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าแม่งจะไปรอด เผลอๆ จะตีกันเองตั้งแต่สงครามยังไม่จบด้วยซ้ำ
1.ต้องการเป็นสายพันธุ์ Civilization เพียงหนึ่งเดียวบนโลก (ของเผ่ามาร) - ยังไงเดี๋ยวก็จะก่อสงครามอีก แถมไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ที่จะได้จากการทำสงครามเลยด้วย สูตรสำเร็จจอมมารสาย Annihilation เป๊ะๆ หลังจบสงครามกับมนุษย์มีแววจะโดนรุมกินโต๊ะเป็นเผ่าแรก ยิ่งถ้าในช่วงสงครามเป็นพวกชนชั้นปกครองหรือยิ่งเก่งเท่าไหร่ก็จะยิ่งโดนเพ่งเล็งเป็นพวกแรก
2.อาหาร,ขยายดินแดน (พวกผิวเขียว) - กูไม่ค่อยแน่ใจว่ามึงหมายความว่ายังไง เพราะกูไม่รู้ว่ามันจะต้องการอาหารกันซักเท่าไหร่ จะขยายดินแดนกันขนาดไหนถึงจะพอ สงครามจบแล้วพวกแม่งพอกันรึยังหรือยังจะเอาอีก ต้องการเพิ่มไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบอย่างงี้อ่ะเรอะ แบบนี้มันก็ออกจะเป็นภาพซ้อนกับพวกข้อ 1 อยู่นะ แค่ออกไปแนวๆ ยึดครองโลกมากกว่าทำลายล้าง
3.ล้างแค้นที่เคยโดนกดขี่ (กึ่งมนุษย์ต่างๆ) - เหตุผลนี้มันพอจะให้เชื่อได้นะว่าจะช่วยรบ ช่วยทำสงคราม แต่ถ้าระหว่างสงครามโดยกดขี่ เป็นขี้ข้า เป็นทหารเลวอีก กูว่าพวกนี้น่าจะแยกตัวออกมาก่อนสงครามจบ หรือถ้าช่วยจนจบมันก็จะเป็นแบบจบแล้วก็จบกันอ่ะ ไม่น่าจะไปยุ่งกับใครเขาอีก แต่จากเหตุผลเผ่าอื่นกูว่าต่อให้ไม่ยุ่งกับใครยังไงก็ต้องจะโดนรุกรานอยู่ดี แล้วก่อนหน้านี้มีแต่มนุษย์หรอวะที่กดขี่ เผ่าอื่นชื่อเสียเยอะขนาดนี้แต่แค้นแค่มนุษย์? ก็มีเหตุผลดี....
4.แค่อยากฆ่าเฉยๆ (ปีศาจ) - คงไม่ต้องอธิบายให้มากแล้วมั้ง เหตุผลแบบนี้ ปลายทางเดียวกับข้อ 1,2 เลย
ที่มึงเล่ามานี่ทำสงครามกันด้วยความอยากล้วนๆ แล้วแบบนี้จุดจบมัน0tอยู่ตรงไหน่อ่ะ ก็ตีกันไปเรื่อยๆ จนเหลือเผ่าเดียวงี้เรอะ

74 Nameless Fanboi Posted ID:gRh.Y.V85c

>>72 dystopia นั่นละ เพราะมันหมายถึงอนาคตที่ไม่ดี ตรงข้ามกับ utopia แต่ก็ขึ้นกับโลกหลังจากนั้นด้วย ถ้าหลัง post-apocalypse โลกสงบสุข สังคมพัฒนา มันก็คือ utopia ได้เหมือนกัน แต่ปรกติพวก post-apocalypse จะเป็น dystopia เสียมากกว่า

75 Nameless Fanboi Posted ID:E/PDWDx9JU

>>72 ตามที่กูเข้าใจ dystopia คือ man vs man ต่อสู้กับชนชั้น ความเหลื่อมล้ำ ส่วน post-apocalypse คือ man vs nature อะ แต่ดิสโทเปียก็น่าจะเป็นสเตจนึงของ post-apocalypse ได้เหมือนกัน

ที่กูใช้คำว่าดิสโทเปียคือเป็นภาพแต่ละเผ่าต้องต่อสู้แย่งชิงกัน ถูกกดขี่โดยเผ่ามารอีกทีนึง แล้วสุดท้ายอาจจะมีซักกลุ่มนึงที่ลุกขึ้นมาต่อต้านอะนะ

76 Nameless Fanboi Posted ID:gRh.Y.V85c

>>75 เปล่า dystopia ไม่ต้องสู้กับอะไรเลยก็ได้ เขียนให้ขึ้นอยู่กับมุมมองของคนก็ได้

https://en.m.wikipedia.org/wiki/Dystopia

ในนิยายเรื่องนึงเขียนให้สังคมนึงสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง แต่มีกฎที่ต้องแลกเปลี่ยน คือต้องให้คนบริสุทธิ์ 1 คนคอยรับกรรมทั้งหมดของเมือง และทึกคนในเมืองต้องรับรู้เรื่องนี้ แต่ห้ามพูด เพื่อให้ทุกคนยกเว้นคนที่รับกรรมมีความสุข สังคมในโลกนี้จะเป็น dystopia ก็ได้ถ้าอยากจะมอง

77 Nameless Fanboi Posted ID:0+gE36BAPs

>>75 มึงเปรียบแบบนั้นได้ไงวะ Distopia กับ Post-apocalypse มันไม่ใช่คำจำแนกที่เกี่ยวข้องกันเลย มึงเปรียบแบบไม่รู้ความหมายของตำศัพท์ด้วยซ้ำ
Distopia คืออนาคตอันไม่พึงประสงค์ อนาคตที่ไม่ดี ความหมายมันกว้างมาก แต่ไม่เกี่ยวห่าอะไรกับ MAN vs MAN แค่มึงรู้สึกว่าอนาคตแบบนี้แม่งไม่โอเคนี่แม่งก็เป็น Distopia แล้ว สมมุตในอนาคตโลกร้อนมากเกิดภัยพิบัติมันทุกวันแบบนี้ก็ Distopia เหมือนกัน ไม่ต้องสู้กับชนชั้นสู้กับคนห่าอะไรทั้งนั้น
ส่วน Post-Apocalypse คือโลกภายหลังภัยพิบัติครั้งใหญ่ นิวเคลียร์ อุกกาบาติชนโลก บลาๆๆ แล้วแต่จะมึงคิดได้

78 Nameless Fanboi Posted ID:E/PDWDx9JU

>>77 มันเป็น theory นึงที่กูเคยอ่านเจอเมื่อซักพักมาแล้ว เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสอง Genre นี้ เพราะลักษณะโดยพื้นฐานมันใกล้เคียงกัน แต่แค่ดิสโทเปียมันกว้างกว่า ถ้ามึงบอกว่าโพสต์คือหลังจากนิวเคลียร์ อุกกาบาต บลาๆ มันก็คือความพยายามที่คนต้องดิ้นรนในสภาพแวดล้อมที่จำกัดไง แล้วมันไม่ man vs nature ยังไงอะ

79 Nameless Fanboi Posted ID:A2c7PlF8Tk

>>78 Apocalypse เกิดได้จากหลายอย่าง เอเลี่ยน-ปีศาจถล่มโลกก็เป็น Apocalypse ได้ สงครามนิวเคลียร์คนฆ่ากันเองก็เป็น Apocalypse ได้ Apocalypse=/Nature

80 Nameless Fanboi Posted ID:/l0nHZK7fZ

โม่งพูดเรื่องนี้ไปแล้วไม่ใช่หรือวะ

81 Nameless Fanboi Posted ID:0esTaySBUm

Dystopia ไม่ต้องรอเกิด Apocalypse ก็ได้ เช่น
1984, การปฏืวัติทางวัฒนธรรมของเหมาเจ๋อตุง, ยุคแห่งความน่าสะพรึงกลังหลังปฏิวัติฝรั่งเศส, โซเวียตสมัยโจเซฟ สตาลินปกครอง, ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอัฟกันสมัยตาลีบันปกครอง, Death Note แม้อาชญากรหดหายเกือบหมดโลก แต่ชาวโลกกลัวคิระที่เกิดจากบักแสงสร้างโลกอุดมคติ ใครขวาง มึงตาย, Bioshock สร้างเมืองยูโทเปียใต้มหาสมุทร แต่ความชิบหายบังเกิดจากยาอดัมและความละโมบเสียเอง, We Happy Few อังกฤษรอดจากการยึดครอง แต่วีรกรรมของนาซีเยอรมันทำให้อังกฤษตกอยู่ในความสิ้นหวัง จึงผลิตยา Joy เพื่อลืมอดีตอันโหดร้าย ไปๆมาๆ สังคมกำหนดให้พวกที่ไม่กินยา Joy เป็นสวะทางสังคม ไม่กินยาก็ต้องถูกกำจัด จะได้ไม่หนักแผ่นดิน แถมคนกินยา Joy ก็เหี้ยเกินคำบรรยาย

82 Nameless Fanboi Posted ID:1tR5Fj09vo

>>76 ขอขัดจังหวะหน่อย นิยายที่มึงยกตัวอย่างชื่อว่าอะไรหรอ

83 Nameless Fanboi Posted ID:pnV7PGsY9g

Dystopia มันเกิดยุคไหนก็ได้โว้ยย ไม่จำเป็นต้องเป็นยุคอนาคต ไปเอาความมั่นใจผิดๆแบบนั้นมาจากไหนเนี่ย
เอางี้ รู้จักยูโทเปีย (Utopia)มั้ย แดนในฝัน สถานที่ที่ทุกอย่างดี การปกครองดี ประชาชนอยู่ดีกินดี ไม่มีความเหลื่อมล้ำ ปราศจากสงคราม ทุกคนอยู่ในกรอบกฏหมาย ไม่มีการฆ่าฟันแย่งชิงหรือลักขโมย

ส่วนดิสโทเปียคือขั้วตรงข้าม มีการแบ่งชนชั้นชัดเจน การปกครองเลวร้าย ความเหลื่อมล้ำสูง อาจมีสงคราม มีการฆ่าฟัน มีการทำผิดกฎหมาย บลาๆ

ดิสโทเปียจะชอบเล่นกับจุดนี้ เน้นที่ความเหลื่อมล้ำและการปกครอง บางทีมันก็จะพ่วงมาเป็นยุคPost-Apocalypses ด้วย เพราะโลกล่มสลาย เลยเกิดการปกครองแบบนี้ขึ้น เป็นต้น แต่จริงๆแล้วจะมีอะโพคาลิปหรือไม่มีก็ได้ โลกนั้นอาจปกครองแบบนั้นอยู่แล้วก็ได้

ส่วนPost apocalypse คือยุคหลังการล่มสลาย เอาจริงๆจะอนาคตไม่อนาคตก็ได้ มึงอาจตั้งโจทย์ว่า What if ในยุค1826เกิดมีซอมบี้ล้างโลกขึ้นมา โลกตอนนี้จะเป็นยังไง จะรับมือซอมบี้ยังไง ก็ถือว่ายุคนี้เป็น post-apocalypse แล้ว หรือเกิดเด็กอ้วนไม่ได้ลงแค่ญี่ปุ่น แต่ลงทุกประเทศทั่วโลก โรงงานปรมาณูระเบิด หรือออกซิเจนหมดโลก บลาๆๆๆ คือมันยุคไหนก็ได้ แต่คือหลังการล่มสลาย ส่วนจะพ่วงดิสโทเปียมั้ยก็แล้วแต่จินตนาการไป

84 Nameless Fanboi Posted ID:k4+IvvMyCJ

Dystopia ที่กูรู้จักประมาณว่า รัฐบาลถูกชักใยโดยองค์กรเอกชน ทำให้องค์กรมีอำนาจกำจัดคนที่ต่อต้านและปกปิดความลับ ส่วนชีวิตประชากรก็ถูกแบ่งตามฐานะทำให้คุณภาพชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวอะไรทำนองนั้น ซึ่งพอมานึกดูดีๆ นะ... ไอ้ Dystopia นี่คือขั้นกว่าของระบอบสังคมทุนนิยมเลยนี่หว่า... พวกต้นทุนสูงได้เปรียบและเรืองอำนาจ กลับกันพวกที่ฐานะต่ำหรือกำลังน้อยก็มีแต่โดนกดขี่ลงๆ จนโดนคนชั้นสูงเห็นเป็นแค่ของเล่นใช้สร้างความบันเทิงเท่านั้น

จะว่าไปมันดูคล้ายสังคมบ้านเราในช่วงนี้ดีแฮะ SME จนลงๆ แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่รวยจนมีอำนาจต่อรองกับรัฐบาลเนี่ย หยิบไปเขียนนิยายได้เลยมั้งแบบนี้

85 Nameless Fanboi Posted ID:j2.KHpqo5K

>>82 กูไม่ได้อ่านเองเลยจำไม่ได้ แต่มันเป็นตัวอย่างในหนังสือเล่มนี้นะ แนะนำให้หามาอ่าน งานดีมากจริงๆ เรื่องนี้อยู่ในบทอรรถประโยชน์นิยม

http://openworlds.in.th/books/justice-revised/

>>84 กูไม่คิดว่า SME จนลงจริงๆ หรอกนะ ลองดูจากข่าวและสถิติต่างๆ หรือบ.ที่เกียวข้องได้ ส่วนที่ถูกประโคมข่าวว่าจนลงถือพวกรากหญ้าอย่างภาคการเกษตรซะส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นคนส่วนมาก แต่สร้าง GDP น้อยที่สุด

http://www.sme.go.th/th/download.php?modulekey=215

86 Nameless Fanboi Posted ID:ph0lKhoo49

dystopia พูดให้กว้างๆ หยาบๆ โดยมากมักเป็นเรื่องที่คนต่อสู้กับระบบ เช่นว่ามนุษย์ทุกคนต้องกินยาไม่ให้มีความรู้สึก เพราะความรู้สึกเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรม อะไรก็ว่าไป แล้วจู่ๆ ตัวเอกของเรื่องก็เกิดลืมกินยา ทำยาตกส้วม หรือกินยาแล้วยาไม่ได้ผล กลายเป็นเกิดมีความรู้สึกขึ้นมา จากนั้นก็ตาสว่างว่า เฮ้ย คนเราจะใช้ชีวิตแบบไม่มีความรู้สึกไม่ได้ จากนั้นก็ไปพบกับกลุ่มต่อต้าน ร่วมมือกันปฏิวัติ อ้อ และ utopia เนี่ยก็อาจถูกมองว่าเป็น dystopia ได้เหมือนกันนะ

ส่วน post-a ก็ตรงตัว เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกหลังจากเกิดหายนะอะไรบางอย่าง เช่น อุกกาบาตชนโลก โรคระบาดมรณะ โดยทั่วไปก็เน้นเอาชีวิตรอดจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย + ความเลวของมนุษย์ด้วยกันเอง

87 Nameless Fanboi Posted ID:3/qwNxi2YS

เพื่อนโม่ง อยากลองแต่งนิยายแนวเจ้าหญิงลั้ลลาๆ ชิวๆเพลินๆไปเรื่อยมันได้ป่าววะ มันจำเป็นต้องมีไทม์ไลน์แน่ชัดมั้ยอ่ะว่าอยู่ช่วงปีไหนไรงี้ นึกภาพประมาณเจ้าหญิงดิสนีย์อ่ะ

88 Nameless Fanboi Posted ID:3VE+m8bESg

>>87 ทำเป็นแฟนตาซีไปเลยก็ได้ ไม่ต้องสนยุค

89 Nameless Fanboi Posted ID:oIJXSvTHr2

ใครมีแหล่งชื่อแปลกๆ อยากจะแนะนำบ้างไหมวะ คือกูไม่ได้ขอทานชื่อนะ แค่อยากได้ตัวอย่างชื่อที่มันแปลกๆ อ่านยากมาเป็นแนวทางหน่อย ปกติกูชอบตั้งแบบ เอ เร ล่า วิ เฟ เฟีย อะไรแบบนี้

รู้สึกว่ามันออกจะง่ายเกินไปหน่อย ยังไงไม่รู้ อยากได้ชื่อจำพวกที่ออกเสียงเป็น เอ็ม บรึม เบลม บะลาบรือบรือ บรื๊อบรื๋อบี้... (แอบนั่งมุมไปร้องไห้) เข้าใจที่กูจะสื่อกันไหม // ประมาณนี้แหละ ชื่อต่างชาติแบบแปลกๆ ก็แปะมาได้ กูรออยู่นะ...

90 Nameless Fanboi Posted ID:vtFtORyaXR

>>89 Google 'name generator'

91 Nameless Fanboi Posted ID:O21jqtSn1O

>>89 เลือกสัญชาติแล้วเสิร์ชหาชื่อเอา ส่วนตัวกูไม่นิยมชื่อตั้งเอง เจอชื่อมั่วๆ ไม่มีรากศัพท์ไม่มีความหมายแค่พยายามจะให้ฟังดูตะวันตกเฉยๆ แล้วกูขนลุกทุกที

92 Nameless Fanboi Posted ID:WG0/zRnkIX

>>89 ที่กูเคยทำนะ ไปเปิดดิคภาษาโรมัน/กรีก หาคำที่แทนอิมเมจตลค.ได้ แล้วเอามาดัดแปลงเป็นชื่อ เพราะกูชอบภาษาพวกนี้ ถ้ามึงชอบภาษาอะไร ก็ลองทำแบบนี้ดูได้

93 Nameless Fanboi Posted ID:a0wdE8KTuF

>>89 เมื่อก่อนกูใช้วิธีเปิดหนังสือภาษาอังกฤษแบบสุ่มๆ แล้วนิ้วจิ้มหาคำซัก 3 คำมาแล้วเอามาผสมกับเป็นชื่อ (ฮา)
ปัจจุบันก็ยังทำอยู่ แต่เปลี่ยนไปใช้เว็ป name generator แทน

94 Nameless Fanboi Posted ID:9t5Hltne/D

จริงๆ กูว่าจินตนาการชื่อเอาเองอะไรแบบนี้มันยากกว่าอีกนะ แถมมีโอกาสสูงว่าจะตั้งแล้วแหม่งๆ อย่างข้างบนว่า

เข้าเว็บชื่อแล้วเลือกชื่อคนที่ให้ความรู้สึกแฟนตาซีๆ หน่อยยังจะเวิร์คกว่า ถ้าขยันหน่อยก็หาชื่อที่ความหมายพ้องกับลักษณะตัวละครด้วย

95 Nameless Fanboi Posted ID:ivpDg.sPDW

แล้วถ้าเป็นพล็อตกระแสอย่างต่างโลก ที่กำหนดให้มีภาษาในโลกนั้น มึงว่ามันจะแหม่งไหม ถ้ากูจะคิดชื่อเอง คิดความหมายชื่อเอาเอง 5555555

96 Nameless Fanboi Posted ID:88M/8Oy0jH

>>95 ไม่ ดูอย่าง GoT หรือ LotR สิ นั่นก็มีภาษาของตัวเองเหมือนกัน แต่มันก็เบสมาจากภาษาบนโลกนี้ละ

97 Nameless Fanboi Posted ID:ivpDg.sPDW

>>96 แต๊งหลายเพื่อนโม่ง

98 Nameless Fanboi Posted ID:AbGdBUnUtE

การประกวดแบบนี้ รุ่งหรือร่วงว่ะ
https://www.dek-d.com/board/view/3880187/

99 Nameless Fanboi Posted ID:693w/R/F8p

>>96 ก็ถ้ามึงเก่งระดับ J. R.R. Tolkien ที่นอกจากเป็นนักเขียนแล้วยังเป็นนักภาษาศาสตร์สอนมหาลัย สร้างภาษาใน Middle-Earth ของตัวเองขึ้นมาเป็นเล่มๆ ทั้งคำแปล ทั้งไวยากรได้ กูว่าก็คงไม่มีปัญหาหรอกมั้งที่จะสร้างภาษาขึ้นมาเอง
หรือไม่งั้นก็ต้องใช้ภาษาที่คิดขึ้นมาให้มันสม่ำเสมอ มีต้นขั่ว มีแบบแผนรากศัพท์แบบปู่ G.R.R. Matin ที่สร้างภาษาขึ้นมาเองแล้วเอามาใช้ในหนังสือจริง เชื่อได้จริงๆ ว่าเออนี่แหละชื่อภาษา Dothraki นี่แหละ Common Tongue เพราะมันใช้ชื่อแบบนี้กันทั้ง Westeros ไปทางเดียวหมด
>>95 กูยังยืนยันนะว่าไม่ควรสร้างเอง หรือถ้าจะสร้างจริงๆ ก็อิงรากศัพท์ซักนิดนึงให้มันไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ขนลุกเวลาอ่าน
แถมให้อีกหน่อย พวกชื่อลงท้ายลงท้าย เรีย เฟีย ไม่เอานะ เบื่อแล้ว

100 Nameless Fanboi Posted ID:ivpDg.sPDW

>>99 ถถถถถ กูก็พยายามคิดอยู่ แต่ไอ้ตรงที่มึงบอกว่าเบื่อเนี่ย แม่งต้องมีโผล่มาบ้างอะ 😂😂

101 Nameless Fanboi Posted ID:uOS.aG6EiY

>>100 พวก Celtic Irish OldEnglish Spain พวกนี้แฟนตาซีฝั่งฝรั่งชอบใช้เพราะมันอ่านง่าย(สำหรับลิ้นฝรั่ง) จำง่าย รากศัพท์ชัดเจนไม่หวือหวา ตรงสายแฟนตาซียุคกลางด้วย
ถ้าอยากเป็นเอกลักษณ์ก็แค่แก้เสียงตัวอักษรบางตัว แบบ J ก็ยกเลิกเสียง จ ไปใช้ ย อย่างเดียวแบบ Norse ไปเลย
แต่ถ้าชอบ เซีย เรีย เฟีย มากแบบยังไงก็ต้องมี ถ้าไม่มีมันอยู่ไม่ได้จริงๆ จะดิ้นตาย กูแนะนำรากภาษารัซเซียเลย ภาษา Slavic เพราะเอาเข้าจริงไอ้การลงท้ายสระเอียเยอะๆ เนี่ยแม่งก็มาจาก Slavic เกือบหมด

102 Nameless Fanboi Posted ID:AbGdBUnUtE

>>101 พูดถึงรัสเซีย ทำไมเด็กดวกไม่มีใครอยากเขียนแฟนตาซีกลิ่นไอรัสเซียเลย

103 Nameless Fanboi Posted ID:VHNkb6ZH/G

>>96 ถ้าอยากจะทำคงต้องเริ่มจากพวกconlangในredditก่อนมั้ง

104 Nameless Fanboi Posted ID:JYAXS/Aq5N

>>102 เพราะคนไทยไม่ค่อยรู่จักวัฒนธรรมรัสเซียไง

105 Nameless Fanboi Posted ID:zY0dEJvLns

>>104 แต่แม่งอวยกันหนักมากเลยในเพจต่างๆ ที่เกี่ยวกะทหารรัสเซีย

106 Nameless Fanboi Posted ID:qicu2sBp+a

>>105 แล้วมีคนชอบสโลแกนโหดสัสรัสเซีย

107 Nameless Fanboi Posted ID:RpNhFU1DCN

>>102 สำหรับกูที่ไม่ได้อวยรัสเซีย คือจะมีความรู้สึกแหม่งๆ เพราะบ้านเรามันคุ้นเคยกับกลิ่นอายแฟนตาซีของญี่ปุ่นจ๋า จีนจ๋า กับพวกแถบยุโรปบางส่วนมาหน่อยๆ แล้ว มันต้องมีความรู้สึกแหม่งๆ บ้างล่ะวะ ถ้าต้องไปเขียนแบบมีกลิ่นอายรัสเซียปนมา บางคนมันไม่ได้รู้สึกแหม่งแบบกู แต่มันจะติดปัญหาตรงที่ไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย บ้านเราในชีวิตประจำวันรู้จักบ้านเขามากแค่ไหน กูไม่คิดหรอกว่ามันจะยอมไปนั่งค้นข้อมูลมาศึกษาเพียงเพราะเกิดคึกอยากเขียนแนวนี้ขึ้นมา ถ้ามันไม่ได้สนใจจริงๆ มันก็ไม่ทำ ก็คือจบแล้ว ถ้าให้กูบอกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับรัสเซีย กูก็บอกได้แค่ว่าสาวรัสเซียสวย มีอยู่ข้อเดียวอะที่กูรู้ ถถถถถถ

กูนั่งอ่านไอ้ที่พวกมึงพิมพ์ๆ กันมาด้านบน เกี่ยวกับดิสโทเปียอะไรสักอย่าง กูไม่เข้าใจว่าพวกมึงกำลังจะสื่ออะไรกันนะ แต่อยากถามเกี่ยวกับพล็อตนิยายกู คือกูกำลังนั่งเขียนนั่งร่างเซ็ตติ้งต่างๆ คือมันจะมันมีโลกแฟนตาซี ที่สิ่งมีชีวิตหลายเผ่าพันธุ์ต่อสู้กัน มีการกดขี่กันระหว่างเผ่าพันธุ์ แล้วมีชนชั้นการปกครองภายในตัวไปอีกขั้น(ทาส,สามัญชน,ราชวงศ์) เข้าข่ายดิสโทเปียปะวะ กูไม่เข้าใจจริงๆ นะ อ่านที่พวกมึง คุยกันละไม่รู้เรื่อง

108 Nameless Fanboi Posted ID:TTmO3aMfzV

>>107 กุตอบสั้นๆ นิยายมึงแนวแฟนตาซี ไม่เกี่ยวไรกะดิสโทเปีย ไม่เก็ตอะไรกูเกิ้ลบอกมึงได้หมด

109 Nameless Fanboi Posted ID:iapluYrYXU

>>108 กูก็นึกว่าเกี่ยวซะอีก 555555

110 Nameless Fanboi Posted ID:qicu2sBp+a

>>107 ถ้ามึงพึ่งพาใครไม่ได้ มึงต้องถามตัวเองว่าเข้าใจนิยายของมึงเองแล้วยัง

111 Nameless Fanboi Posted ID:Bj/mB6vTbd

>>110 เคร กูถามตัวเองอยู่ คงหาคำตอบสักพักจนกว่าจะเริ่มแต่ง

112 Nameless Fanboi Posted ID:h.Bd3vlS8u

เพื่อนโม่งกูขอถามความเห็นหน่อยสิ คือตอนนี้กูมีนิยายเรื่องนึงที่เขียนดองเอาไว้ (ก็คนมันทำงานอะนะ) แล้วพอดีกูลองส่งให้เพื่อนในกลุ่มลองอ่าน แล้วหลายคนมันแนะนำว่าน่าจะเปลี่ยนนิยายกูให้กลายเป็นนิยายจีนว่ะ

คือองค์ประกอบนิยายกูนี่ พอกลับมาอ่านเองแล้วก็ค่อนข้างใช่ตามสูตรนิยายจีนอย่างที่เพื่อนกูว่าเลย มีคลีเช่ประมาณว่าพระเอกตอนต้นเรื่องโดนชาวบ้านดูถูกว่าเป็นขยะแต่ใจสู้ พอเดินเรื่องไปซักพักพระเอกได้พลังมาก็เริ่มเก่งขึ้น แต่ยังใช้ไม่เป็นเลยต้องใช้แบบผิดๆ ถูกๆ ค่อยๆ ขยับฝีมือขึ้นไปเรื่อยๆ ตามเหตุการณ์ที่พบ (แต่ไม่มี game element , ไม่มีระดับพลัง) แถมวิธีต่อสู้ยังเป็นแบบ Martial arts + เวทมนตร์ มาผสมกัน (ตรงนี้เพื่อนกูบอกแถให้เป็น Wuxia ไปเลย) ซึ่งเมื่อเอาทั้งหมดมารวมกัน ก็ทำเอากูเก็บมาคิดว่า แบบนี้ถ้าแปลงเป็นนิยายจีนล้วนไปเลยมันจะตอบรับกระแสกว่ามั้ยหว่า?

เรื่องนี้เดิมทีใช้ธีมแนว Sword&Magic (ประมาณช่วงยุคกลางตอนปลาย - เข้ายุคฟื้นฟูศิลปะ) ส่วนหนึ่งเพราะกูถนัดแนวนี้ และอีกส่วนคือกูไม่ค่อยรู้เรื่องจีนๆ (ฮ่า) + มันสามารถหยิบวัฒนธรรมหลายๆ ชาติมาเล่นง่าย แต่ก็อย่างที่รู้กันดีว่ายุคนี้แนวจีนมันครองตลาด กูเลยไม่มั่นใจว่าเขียนด้วยธีมนี้ต่อไปมันจะไปได้สวยเท่ากับเขียนใหม่ให้กลายเป็นจีนล้วนเลยรึเปล่านี่ล่ะ

ที่ถามนี่เพราะตอนนี้รู้สึกลังเลนี่ล่ะ เสียดายอะไรหลายๆ อย่างที่เขียนมาแล้ว เช่นพล็อตที่วางจนแน่น พวกเซ็ตติ้งของโลก ความสัมพันธ์ตัวละคร และพวกข้อมูลยิบย่อยที่ไปหามาเขียนนี่ล่ะ ถ้าต้องแก้เป็นจีนก็คงต้องเขียน + หาข้อมูลใหม่เยอะ แถมพวกประเด็นวัฒนธรรมและความต่างของเชื้อชาติคงเอามาใช้ยาก เพราะมันจะกลายเป็นจีนกันหมดนี่ล่ะ

113 Nameless Fanboi Posted ID:dTsoiSuTZN

>>112 มึงบอกว่าไม่ค่อยรู้เรื่องจีน ก็ตามที่มึงสบายใจที่สุดเลยอะ ปล่อยให้มันเป็นงั้นไปไม่ต้องไปเปลี่ยนก็ได้ กูแนะนำในฐานะที่กูเคยดีดไปฝืนแต่งอะไรที่กูไม่รู้เรื่องและไม่คุ้นเคย ผลคือตอนแต่งนี่โครตเครียดโครตปวดกะบาล ต้องมานั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายต่างๆ เขียนแถแบบไปเรื่อยแทบตาย มึงคิดว่าพอเปลี่ยนแล้วจะทนหาข้อมูลใหม่ ไม่ได้เขียนสบายๆ แบบในตอนแรกได้ไหมล่ะ สุดท้ายก็อยู่ที่ตัวมึง รู้ใจตัวเองไวๆ นะ

แล้วกูก็กระดกยาพาราวนไป คนอ่านก็ตามจี้ไม่ให้เททิ้ง ถถถถถถถ

114 Nameless Fanboi Posted ID:u.NOvvM6js

พวกชอบเขียนนิยายจีนบางคนก็ไม่ได้มีความรู้ความเชื่อแบบเต๋าหรือขงจื้อหรอก กูอ่านแล้วบางเรื่องแม่งไม่เป็นจีน

115 Nameless Fanboi Posted ID:WMywR43Jwy

>>114 เขาถึงเรียกว่านิยายเสิ่นเจิ้นไง

116 Nameless Fanboi Posted ID:u.NOvvM6js

>>115 ก็ใช่ไง แบบเดียวกับพวกญี่ปุ่นเขียนแนวโลกยุคกลางศักดินายุโรปๆ แต่เวลาคนขอโทษหรือขอร้องอะไร เสือกนั่งท่ากราบแบบญี่ปุ่นๆ ซึ่งคนยุโรปจริงๆไม่ได้กราบท่าแบบซามูไรโชกุนซะหน่อย แล้วก็นิยายจีนเสือกมีซูชิกับข้าวผัดกะเพราหมูสับ

117 Nameless Fanboi Posted ID:zrXUz.IpN5

>>116 ข้าวผัดกระเพราหมูสับ 5555555555

118 Nameless Fanboi Posted ID:WC7FN8KRzn

>>116 ข้าวผัด + กระเพราหมูสับ หรือ ข้าว + ผัดกระเพราหมูสับ วะ

119 Nameless Fanboi Posted ID:p4RAWbF5xB

โหลๆ ยังมีคนสับนิยายอยู่ป่าววะ

120 Nameless Fanboi Posted ID:TATPKUwjId

กูอยากสับนะ ถ้าว่างก็จะสับให้

121 Nameless Fanboi Posted ID:0msu8MvXV/

>>120 ระวังกลายเป็นม้านะมึง

122 Nameless Fanboi Posted ID:vjMhLOiiR3

>>121 กูเป็นแกะได้มั้ง กูชอบแกะมากกว่า

123 Nameless Fanboi Posted ID:JUxaM9gV3r

>>121 มึงยังเล่นมุกม้าเหี้ยๆอีกแล้วเรอะ ที่กระทู้เกือบจะร้างเพราะมัวแต่จับผิดเรื่องม้า

124 Nameless Fanboi Posted ID:4GZHuvYEce

ม้าคือไรวะ?

125 Nameless Fanboi Posted ID:PD3jjifcqX

>>124 มาย ลิตเติ้ล โพนี่

126 Nameless Fanboi Posted ID:Mx.F6eH0hd

>>125 นั่นมันม้าแคระ!

127 Nameless Fanboi Posted ID:QE5KhvwNz+

โทรลแม่งป่วนไปทั่วแหละ ไม่ต้องไปสนใจหรอก

128 Nameless Fanboi Posted ID:0msu8MvXV/

>>123 กูไม่ได้เล่นนะเว๊ย กูเตือนด้วยความหวังดีจริงๆ

129 Nameless Fanboi Posted ID:5CspJEC7If

>>127 แต่คนแม่งสนใจ เพราะบางคนแยกแยะไม่เป็นว่ามู้นี้ต้องการสื่ออะไร คนถึงเลิกสับกันไง

130 Nameless Fanboi Posted ID:hoiGQwUAr.

เรื่องที่กูตามแม่งมีแต่นิยายดอง มีให้ชอบตั้งหลายเรื่องไม่ชอบ เสือกมาชอบนิยายดอง น้ำตาจิไหล

131 Nameless Fanboi Posted ID:vjMhLOiiR3

>>130 เด็กดีมีนิยายเวียดนามด้วยเหรอ?

132 Nameless Fanboi Posted ID:BwONSJ5SIx

>>131 นี่มึงมุกหรือมึงมุก

133 Nameless Fanboi Posted ID:qkKNJMjTQK

นิยายจะตัวเองหรือคนอื่นกูสับได้หมดแหละ แต่ถ้าสับเละเป็นหมูบะช่อ โดนด่าประหนึ่งลากไปตบกลางสี่แยกแล้วสาดทับด้วยแอลกอฮอล์ เจ้าของเรื่องที่เอามาให้สับก็ต้องเตรียมใจไว้ด้วย

134 Nameless Fanboi Posted ID:fbd70V41Qy

>>133 งั้นมึงสับเรื่องนี้หน่อย กูเกลียดอีคนเขียนเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว
https://writer.dek-d.com/Bwine/story/view.php?id=1850517

135 Nameless Fanboi Posted ID:5nyV4ukZm4

>>134 อย่างงี้ก็ได้เหรอวะ

136 Nameless Fanboi Posted ID:4zbTxga+NF

>>134 ชื่อตอนมาแบบนี้ไม่ต้องเขียนประกาศิตก็ได้ ใครจะไปจำเรื่องได้เว้ย ไอ้คนเขียน

137 Nameless Fanboi Posted ID:5nyV4ukZm4

ช่วงนี้กูมือลั่นไปกดลบนิยายตัวเองตลอด พอตกใจเผลอกดออกแม่งเซฟหน้ากระดาษเปล่าๆ แบบอัตโนมัติ โครตเหี้ย 555555 หายหมด จิตใจที่กระชุ่มกระชวยตอนเขียนกูนี่แฟบติดดินลงเลย

138 Nameless Fanboi Posted ID:LeBYkqtZh/

>>137 เขียนใน​ word สิ​ ไม่มีนักเขียนคนไหนบ้าไปเขียนในหน้าเว็บหรอก​ โคตรมือสมัครเล่นเลยห่า

139 Nameless Fanboi Posted ID:jN9XrtjbLX

>>138 กูเขียนในแอปเอกสารอะ ผลคือเป็นงั้นแหละ หายเกลี้ยง// อ้าว แต่กูเขียนในหน้าเว็บก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ กดเซฟแบบกระหน่ำ 555555

140 Nameless Fanboi Posted ID:37++zZcrNv

>>139 ถ้าใช้เครือนั้นมันย้อนไปดูประวัติได้ไม่ใช่อ่ิวะ

141 Nameless Fanboi Posted ID:asg+kHs4Gm

>>139 ปี 2018 แล้วนะมึง มันไม่ควรมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแล้ว
ว่าแต่แอพอะไรวะถึงมือลั่นลบเอกสารจนเหลือหน้าเปล่าได้ขนาดนั้น

142 Nameless Fanboi Posted ID:XPBh4ZxL8P

https://www.dek-d.com/board/view/3880907/

คิดยังไงกับประเด็นนี้วะ?

143 Nameless Fanboi Posted ID:asg+kHs4Gm

>>142 มีมาเรื่อยๆ เบื่อแล้วว่ะ กูเห็นใจ เข้าใจนะ แต่ก็สมเพชไปพร้อมๆ กัน
แต่ขอแยกประเด็นไอ้ นักปฎิวัติ นี่หน่อยนะ คือแม่งปฎิวัติอะไรบ้างวะ สิ่งที่แม่งทำ กระทู้ที่แม่งตั้งไม่ใช่การเรียกร้องหรือพยายามาจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เจตนามันชัดเจนอยู่แล้วว่าแค่อยากดัง อยากมีตัวตนอยู่ในบอร์ดแค่นั้นแหละ

144 Nameless Fanboi Posted ID:4zbTxga+NF

>>143 เรื่องดีๆไม่ดัง พอทำเรื่องเหี้ยๆเสือกดัง

145 Nameless Fanboi Posted ID:fbd70V41Qy

>>135 กูคิดว่าได้นะ

146 Nameless Fanboi Posted ID:o37Y/6dAcJ

>>139 มึงพึ่งพา word ไม่ได้ก็หันไปใช้ google drive สิ อีเมลเดียวใช้ได้ทุกเครื่อง

147 Nameless Fanboi Posted ID:4zbTxga+NF

>>142 เอานี่ไป นิยายของนักปฏิวัติ เชิญสับตามสบาย https://my.dek-d.com/shadowvihok/writer/view.php?id=1727769

148 Nameless Fanboi Posted ID:DcggdkSdb7

>>147 เข้าใจละว่าทำไมถึงด่านักอ่านเงาแบบนั้น
เขียนมาเพื่อหวังโดเนต แต่พอยอดไม่พอเอาไปโปะบัตรเครดิตก็เลยมาโวยวายสินะ

149 Nameless Fanboi Posted ID:YhpQQlVv6p

แหม่ คิดว่าเขียนนิยายออกมาแล้วจะมีคนโดเนตให้จนได้ตังค์มาใช้เหลือเฟือมันง่ายมากนักเหรอวะ ฝันมากเกินไปแล้ว 555

150 Nameless Fanboi Posted ID:/YFcsN5srL

งาช้างไม่งอกออกมาจากปากสุนัขฉันใด​ นิยายดีๆ​ ก็ไม่งอกออกมาจากสมองของนักเขียนตามกระแสฉันนั้น

151 Nameless Fanboi Posted ID:XBzc+.z.WJ

>>150 อันนี้ชอบวะ

152 Nameless Fanboi Posted ID:NYwYk2iU.R

คิดยังไงกับผู้ชายที่อ่านนิยายแนวรักหวานแหวววะ
กูเป็นคนแต่ง โคตรปลื้มเลยที่มีนักอ่านผู้ชายมาทั้งอ่านทั้งซื้อหนังสือกู ใน10 คนมี 2-3 คน สำหรับกูแล้วมันปลื้มมากกกกกกกกก

153 Nameless Fanboi Posted ID:BC6Cdiaxm1

เป็นคนน่ารักโรแมนติกครับ

154 Nameless Fanboi Posted ID:mKnrGuNb5C

>>152 กูเพิ่งรู้ว่าผู้ชายไม่อ่านรักหวานแหวว กลุ่มกูนี่แม่งอ่านกันทุกตัวถถถ

155 Nameless Fanboi Posted ID:fbd70V41Qy

>>133 เมื่อไหร่จะสับที่กูส่งให้ใน 134 วะเพื่อนโม่ง

156 Nameless Fanboi Posted ID:4L4SL+Ncvb

>>150 อันนี้ไม่เห็นด้วย นักเขียน 99% ก็นักเขียนตามกระแสทั้งนั้น มองแคบไปหน่อย ศิลปินแห่งชาติเริ่มเขียนก็เขียนตามกระแสนิยายในยุคนั้นๆ สมัยก่อนคนชอบอ่านนิยายรัก ก็เขียนตามๆ กันมา เวลาผ่านไปเรียกนิยายกระแสในสมัยก่อนเป็นนิยายทรงคุณค่า กูสรุปให้แล้วกัน นิยายดีไม่ดีอยู่ที่สิ่งที่เขาเขียน ไม่ใช่แนวที่เขาเขียน

157 Nameless Fanboi Posted ID:Q39BX1QltK

>>152 >>152 กูผู้ชายอ่าน เพื่อนกูผู้ชายก็อ่าน เหตุผลเหมือนกันคือมันตลกหรือไม่ก็ละมุนพอให้ยิ้มอ่อน แต่เรื่องไหนใช้อีโมจิเยอะๆ ใช้มุกห่วยๆ หรือน้ำเน่าเกินกูไม่อ่านเหมือนกัน

เรื่องอีโมจิคือกูแค่ไม่ชอบ แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ดีหรืออะไรนะ

158 Nameless Fanboi Posted ID:QPoFUDc3vU

>>155 กูไม่ได้ว่างตลอด 24 ชั่วโมงป่ะมึง คือถ้าว่างก็จะสับให้ กูเปิดนิยายที่มึงโยนมาเห็นตัวเล็กนิดนึงกับเขียนค่ะคะผิด กูว่ากูคงต้องใช้ความพยายามในการอ่านหน่อยเลยรอว่างกว่านี้หน่อย

159 Nameless Fanboi Posted ID:HAFnr0MmrP

>>157 นิยายกูไม่มีพวกอีโมจินะ แบบนิยายสไตล์ผู้หญิงเลย หวานละมุนกว่านี้ไม่มีอีกละ น้ำเน่าอีก ดราม่าอีก
คือไม่คิดว่ากลุ่มลูกค้าจะเป็นผู้ชายเลยไง
ตีพิมพ์แล้วมีผู้ชายมาถามซื้อเรื่อยๆ พอเป็นผู้ชายก็อดไม่ได้ที่จะแอบเจ้าไปส่องโปรไฟล์โอโหหห แต่ละคนหน้าอย่างเถื่อน ในเฟสนี่เข้มมาเลย หนวดครึ้มบ้าง ภาษาหยาบ ลงภาพกินเหล้าสูบบุหรี่ เตะบอล แมนจนไม่รู้จะแมนยังไง ไม่ได้มีฟีลมุ้งมิ้งสักนิด

พอเห็นเค้ามาถามหาซื้อนิยายเรานี่แบบ โอ้ยย เพิ่มความน่ารักขึ้น300% แบบภาพเปลี่ยนเลย ทำไมพี่มุ้งมิ้งจังวะ น่ารักโคตร

160 Nameless Fanboi Posted ID:JR3MKgZABq

ซื้อให้คนอื่นอีกทีป่าว 555

161 Nameless Fanboi Posted ID:4zbTxga+NF

กูอยากถาม ผู้ชายชอบฮาเร็มเยอะแค่ไหน

162 Nameless Fanboi Posted ID:Ny6o4r5ZEz

>>161 อยากรู้เหมือนกันว่าพวกที่แต่งๆ ฮาเร็ม หญิงยัดนมใส่แขนใส่หน้านี่คิดยังไงกันอยู่

163 Nameless Fanboi Posted ID:0hAwZZxsJT

>>146 ถ้าบ้าพอเขียนแล้วอัพขึ้นrepoเลย

164 Nameless Fanboi Posted ID:3kDFiIDeFE

>>163 เดี๋ยวกูทำแน่

165 Nameless Fanboi Posted ID:5k.QX+2qcw

มาสับนิยายกัน

ประกาศิตนางร้าย
https://writer.dek-d.com/Bwine/story/view.php?id=1850517

ชื่อเรื่องเว่อร์วังอลังการ แต่เละเทะแค่ไหน เรามาดูกันข่า ออกตัวก่อนว่าอ่านเท่าที่อ่านไหว อ่านไม่ไหวเมื่อไรคือปิดนะเออ

ขอติอย่างแรกเลยคือการจัดอักษรฉิบหายวายป่วงมาก นับถือคนที่ติดตามอ่านได้จริงๆ ว่ามึงทนกับการจัดหน้าที่แบบนี้ได้ยังไง บอกกงๆ ว่าอ่านแค่ตอนแรกก็ปวดตาแล้ว อ่านในมือถือกับในคอมไม่ไหวจะเพลีย เบอร์ว่ากูต้องจิ๊กไอแพดแม่มาเปิดอ่านขยายตัวใหญ่ๆ อีกเรื่องคือตอนนึงสั้นมากกกกกก ถึง 700 ตัวอักษรไหมเนี่ย??

เนื้อเรื่อง
เปิดเรื่องมาด้วยการโชว์เทพของอลัวเทีย นางมีความสามารถย้ายจิตตัวเองไปร่างใหม่ได้ อมตะว่างั้น จู่ๆ นางก็มาฆ่าล้างบาง ไม่รู้ว่ามาทำภารกิจอะไร เพื่ออะไร ไม่ได้เกริ่นใดๆ ทั้งสิ้น นังอลัวเทียก็ง่าวโดนอาวุธที่ตัวเองจะใช้ฆ่าตาย ไหนบอกเทพไง งงเลย พอนางตายก็จะไปหาร่างอื่นสิงต่อ จู่ๆ ก็ข้ามมิติมาโลกที่มีเวทย์มนตร์ จู่ๆ ก็มีความทรงจำของเจ้าของร่างที่ชื่อเลวิธาน (มันชื่อผู้ชายป่ะ??) ซึ่งตามฉบับคือร่างนี้ไม่มีเวทย์ แล้วก็นึกอยากดูแลครอบครัวร่างนี้ขึ้นมาซะงั้น เออ งง ไม่มีที่มาที่ไปดี กูไม่ได้เป็นปรสิตในสมองคนเขียนนะ จะได้รู้ว่าเรื่องมันอะไรยังไง มึงไม่คิดจะเกริ่นจริงๆ เรอะะะ?

เสร็จแล้วนางก็ติดตั้งอุปกรณ์(?)กับร่าง ก็งงว่ามึงย้ายมามึงเอาซอฟต์แวร์ติดมาด้วยอ่อ พอติดตั้งก็มีเวทย์สายฟ้าขึ้นมา ตาก็เปลี่ยนสี พอพ่อเลวี่ถามว่าทำไมตาอีกข้างเปลี่ยนสี แม่งตอบว่าเซอร์ไพรส์…เซอร์ไพรส์พ่อง พ่อแม่งก็ไม่ตกใจด้วยนะ เอ้า ก็ไปงานเลี้ยงรัชทายาทซึ่งเป็นคู่หมั้น สรุปคือโดนถอนหมั้นเพราะกากไม่มีพลังตามสไตล์นิยายจีนเป๊ะ นางก็โชว์พลังสายฟ้า เห้อ…

คือเนื้อเรื่องไม่ค่อยมีอะไรอ่ะ ตีกับคู่หมั้นเก่าและกิ๊กใหม่ของคู่หมั้น บีบคู่หมั้นให้ตกจากตำแหน่งรัชทายาท ไปเรียนรร.เวทย์ คือมันไม่สนุกอ่ะแก ไม่รู้จะทนอ่านไปทำไม… กูอ่านไป 5 ตอน และคงพอละ สงสารตัวเอง

การเขียน

การบรรยาย : มันขาดๆ เกินๆ ยังไงไม่รู้ ด้วยการใช้ภาษาที่แปลก เลือกใช้คำทั่วไปและคำสันธานที่แปลก โยงประโยคแบบไม่มีตรรกะ เนื้อเรื่องยังไม่เห็นปมหรืออะไรสักอย่าง ไม่ดึงดูดให้อ่าน แล้วแม่งจะบรรยายเสื้อผ้าอะไรขนาดนั้น เสียเวลาบรรยายชุดนางเอกมากกว่าภูมิหลังเซตติ้งกับตัวละคร กูอ่านไปก็ถอนหายใจไป

รำคาญการใช้ซาวด์เอฟเฟ็กต์แทนการบรรยายมาก เพราะแม่งล่อใส่กลางย่อหน้าเลยจ้าาา ก่อนจะเปรี้ยง แล้ว ฟึบ ห่านจิก กูจะรู้ไหมว่ามึงเปรี้ยงอะไร ฟึบอะไร แล้วมึงจะเน้นร่างเซ็กซี่ เสียงเซ็กซี่อะไรนักหนา ตอกย้ำความเบียวของนางเอกและคนเขียนเหลือทน

เขียนๆ อยู่ แม่นางอยากจะเปลี่ยนเป็นมุมมองบุรุษที่ 1 แม่ก็เปลี่ยนซะงั้น แล้วงงเซตติ้งมึงมาก ลุดโกธิคย้อนยุคแต่ขึ้นรถลีมูซีน ตกลงคือยังไงไหนตอบ! แล้วจู่ๆ อีพี่ก็เรียกนางเอกว่าเลจัง สรุปยังไง มึงต้องเลือกนะ จะฝรั่ง ญี่ปุ่น โกธิค ยุคกลาง เอาไงกันแน่ เลือก!!

เว้นวรรค : เว้นวรรคได้บรรลัยมาก เหมือนเคาะเว้นวรรคไม่เป็น ประโยคมันยาวยืดจนไม่มีจุดพัก บวกกับการใช้พวกคำเชื่อมติดๆ กันเหมือนเกิดมาไม่เคยใช้มาก่อน อ่านแล้วอึดอัดไปหมด กูอ่านข้ามรัวๆ บอกตรงๆ

คะแนน : ถอนหายใจแล้วกดปิด อ่านแล้วนอกจากปวดเฮดก็ยังจะปวดตา วงวารกระจกตากูเถอะ สายตากูก็สั้น อายุก็ไม่น้อย อย่าทำร้ายสุขภาพตากูมากไปกว่านี้เลย

166 Nameless Fanboi Posted ID:5I+ijqw4Zx

>>165 อ่านแล้วขำ สับได้ดี กระชับเข้าใจง่าย
ลองไปตามอ่านแล้วพยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วย
สำนวนมึงคุ้นมาก เหมือนกูเคยอ่านสับแบบนี้มาแล้ว
แต่มึงเลิกไปเพราะเจอพวกโทรลมาป่วน

หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะ กูจะรอ

เรื่องนี้กูให้ 8/10 คาเงโร่ ขาดอีกแค่ 2 คาเงโร่พ้อยต์จะห่วยสมบูรณ์แบบ
ตอนแรกกะจะให้ 7/10 แต่พอเจอ 'นะค่ะ' เข้าไปเลยเพิ่มไป +1

167 Nameless Fanboi Posted ID:hHP1ec4Ccp

คาเงโร่พอยต์ยิ่งเยอะยิ่งดีหรือยิ่งเยอะยิ่งแย่

168 Nameless Fanboi Posted ID:E1A8sB9rD3

>>165 กูขอนับถือความพยายาม และความใส่ใจของมึง เพราะกูไม่อ่าน กูอ่านแบบมึงไม่ได้ มึงสับนิยายได้ดี เข้าใจง่ายดี

กูเห็นด้วยกับมึงเรื่องความเว่อร์วัง อลังการของชื่อเรื่อง มันเด่นสะดุดตามาก กูเลยพยายามเปิดใจให้นิยายติดท็อป (เรื่องนี้ท็อป 1 หมวดรักแฟนตาซี?) ปรากฎว่าพอเปิดเข้าไปส่อง จบเลย จัดหน้าได้เละเทะมาก กูแอบเห็นคำผิดด้วย เห็นแบบนี้ก็ได้แต่ปิดไปแบบเงียบๆ แล้วคิดในใจว่า ขึ้นท็อปมาได้ไง แล้วคนอ่าน คนติดตามเขาทนอ่านกันได้ไงวะ...

169 Nameless Fanboi Posted ID:5k.QX+2qcw

>>166 ถ้ามึงอ่านตั้งแต่มู้แรกๆ มึงจะพบเจอกูได้บ่อยๆ กูว่ากูขาประจำใช้ได้เลย ที่หายไปคือช่วงดราม่าเซฮุน โม่งเรื่องสั้น ด่ากันเป็นสัปดาห์ แต่ก่อนเวลาสับด่าแหลกกว่านี้มาก ตอนนี้คือชักจะขี้เกียจร่ายยาว ไม่ค่อยว่างเหมือนแต่ก่อนละ

170 Nameless Fanboi Posted ID:dR9kfKZbXz

>>165 >>166 >>168 กูคนเอามาแปะนะ ถ้าอยากรู้ว่าทำไมกูถึงเกลียดอีนักเขียนคนนี้ มึงลองไปอ่าน Talk ชวนทะเลาะกับคนอ่าน ตอนที่ 27 กะ 31 ดู

171 Nameless Fanboi Posted ID:KHBO+a6hqf

>>170 กูไม่ค่อยแปลกใจ ที่มึงจะรู้สึกแบบนั้นกับคนเขียน เห็นแนะนำตัวละคร มีวงเล็บด่ากราดตัวละครของตัวเอง กูก็เดาทางอุปนิสัยบางส่วนได้แล้ว ยิ่งมาเห็นหัวข้อสนทนา 'ชวนทะเลาะ' มันก็ยิ่งชัดว่ะ เพราะกูไม่ค่อยเห็นนักเขียนที่ออกตัวแรงแบบนี้ ส่วนใหญ่จะนอบน้อมสำรวมเข้าไว้ก่อน (หรือเป็นกูเองที่โลกแคบ ไม่ค่อยเห็นนักเขียนออกตัวแรงๆ วะ??) เอาเป็นว่าโอเค กูเข้าใจในระดับนึง //กูไม่ได้เกลียด ไม่ได้ชอบตรงส่วนนั้นของเขา และกูก็เข้าใจมึงนะ

172 Nameless Fanboi Posted ID:i9hbmKcTdR

>>147 เข้าไปแล้วก็เพลียใจ ว่าแล้วว่าต้องมาไม้นี้ มันแปลกๆ ตั้งแต่แรกแล้ว

คนผู้นี้มีฐานแฟนคลับของเขา เขาจึงมั่นใจว่าการตั้งโพสแบบนี้ ตัวเองจะไม่ได้รับดาเมจความเสียหายอะไรมาก อีกทั้งยังช่วยดึงให้ยอดวิวเพิ่มขึ้น พวกที่ชอบในนิยายไม่สนเนื้อใน และอุปนิสัยของผู้เขียนก็จะออกมาปกป้อง ส่วนคนที่มาแซะก็จะดูแย่ๆ ลงไปในหน้านิยายของเขา คนอ่านคงไม่เข้าใจหรอก ว่าสิ่งที่เขากำลังทำมันดูแย่แค่ไหน ใครที่ร้อนก็ช่วยใจเย็นและเฉยๆ ไปหน่อย ปิดเทอมพวกปั่นแบบนี้มีมาตลอด

กูรู้สึกว่ามันแปลกๆ พวกที่ปกป้องนี่โดนเป่าหูหรืออะไร ที่มีคนมาแซะนั่นก็เพราะความคิดของเขา เท่าที่เห็นก็ไม่มีใครด่านิยายของเขาเลยนะ เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า เห็นปกป้องราวกับคนที่เข้ามาจากกระทู้ เป็นคนไม่ดี มารังแกนักเขียนงั้นแหละ เฮ้อออออ น่ากลัวจริงๆ แบบนี้ก็มีด้วย

173 Nameless Fanboi Posted ID:dR9kfKZbXz

หมวดนิยายสงครามนี่ดูเหมือนจะติดท็อปกันง่ายเนาะ...

174 Nameless Fanboi Posted ID:i9hbmKcTdR

>>173 คนอ่านยังไม่อิ่มพล็อตสงคราม ส่วนใหญ่เนื้อหาก็แทรกสงครามมาทีละนิดละหน่อย เลยอยู่ได้ยาวๆ ไง

175 Nameless Fanboi Posted ID:rbHC3rPew1

จริงๆ มันก็หลายหมวดที่คนไม่ค่อยลงนั่นละ
บางหมวดร้างๆ แต่งนิยายไปตอนเดียวมันเด้งขึ้นท็อป10เลยก็ยังมี

176 Nameless Fanboi Posted ID:CC.IT9wrDU

>>175 ยอดวิวมันเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด อธิบายง่ายๆ ถ้านิยายมึงมี 5 ตอน มีคนอ่าน 1 คน ยอดวิวก็จะอยู่ที่ 6 (รวมกดเข้าหน้าแรก)​ แต่ถ้ามี 40 ตอน ยอดวิวมึงก็จะอยู่ที่ 41

และยิ่งคนเห็นยอดวิวสูง ก็จะยิ่งดึงดูดนักอ่านได้มากขึ้น จากเดิมที่ยอดวิวขึ้นวันละสิบวิว พอลงนิยายไปสักพักก็จะกลายเป็นวันละร้อย ติดท๊อปก็อาจกลายเป็นวันละพัน

ถ้าอยากติดท็อปมาก ก็ให้ไปเปิดนิยายในหมวดที่คนอ่านเยอะ เช่น แฟนตาซี อดีต ซึ่งมึงไม่มีทางติดท็อป แต่ก็คงจะมีคนหลงเข้ามาอ่านพอควร จากนั้นก็รอเดือนนึงย้ายหมวดไปยังหมวดที่การแข่งขันต่ำำ​ รอสักวันสองสันก็ขึ้นท๊อปละ

177 Nameless Fanboi Posted ID:Ra1BzroRnc

คิดยังไงกันกับนิยายท็อปหมวดแฟนตาซีบ้างครับผมอ่านไปเรื่อยๆ แต่ยังงงๆอยู่เลยว่าเรื่องมันมีจุดประสงค์อะไร

178 Nameless Fanboi Posted ID:0NUEhO3V.8

>>167 ยิ่งเยอะ ยิ่งห่วย

179 Nameless Fanboi Posted ID:C2qD4dpOLS

>>177 เลิกสนนานแล้ว หาเรื่องดียาก ที่ขึ้นก็ไม่ใช่เพราะเขียนดีซะเยอะ

180 Nameless Fanboi Posted ID:mb9KtZWR8T

เด็กดวกเดี่ยวนี้่โดเนทได้แล้วเรอะ จำได้ว่าตอนมีนิยายแปล แอดมินเคยบอกว่าห้ามโดเนทวะ
https://www.dek-d.com/board/view/3881133/

181 Nameless Fanboi Posted ID:CbMGQhPBF.

>>156 นักเขียน 99% เขียนตามกระแส อันนี้ข้อมูลจากไหนอะ?

182 Nameless Fanboi Posted ID:7DoiS/RXyN

>>180 นิยายเขียนเองเปิดรับโดเนทได้ไม่ใช่เหรอ

183 Nameless Fanboi Posted ID:i9hbmKcTdR

>>180 กูว่าถ้าเขียนเอง มันก็น่าจะได้นะ

184 Nameless Fanboi Posted ID:tyV4t+7A7T

จะให้สับเรื่องไหนก็บอกมา เดี๋ยวสับให้ ถ้าว่าง

185 Nameless Fanboi Posted ID:D9f/DrySNQ

ถ้ากูเลือกหยิบมาให้สับแบบมั่วๆ จะโดนด่าเปล่าวะ

186 Nameless Fanboi Posted ID:tyV4t+7A7T

>>185 ไม่โดนหรอก อยากสับไรสับเลยพี่น้อง

187 Nameless Fanboi Posted ID:mb9KtZWR8T

>>184 สับของอีปฏิวัติก็ได้ >>147 อยากรู้ว่าเขียนดีจริงรึเปล่า

188 Nameless Fanboi Posted ID:CbMGQhPBF.

ช่วงนี้ติดตามกลุ่มนักเขียนอยู่ พอได้ฟังเรื่องราวของแต่ละคนแล้วก็ยิ้มได้นิดๆ คิดว่าเราโชคดีนะที่ไม่บ้าคิดจะหาเลี้ยงชีพด้วยการเขียนอย่างเดียว ทำงานประจำไปด้วย พอมีเวลาว่างก็เขียนนิยายเป็นงานอดิเรกแบบนี้ดีกว่า พวกที่เขียนนิยายเป็นอาชีพอยู่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะแนวไหนก็หนีการเล่นกับตลาดไปไม่พ้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีกิน ตอนแรกคงคิดว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่คือการขายหนังสือ แต่สุดท้ายมันกลับเป็นการขายวิญญาณไปแทน

189 Nameless Fanboi Posted ID:kGYQZ+dvrH

>>188 เห็นด้วย พูดตรง ๆ นะ เรานี่วัยเรียน ไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องหาเงินเลย แต่พอความเป็นนักเขียนมันกลายเป็นอาชีพไปกลาย ๆ +มันกลายเป็นแหล่งทำเงิน ความอยาก ความชอบเราต้องกดลงไปละ แล้วต้องมาคิดว่าคนอ่านชอบแบบไหน ไม่ชอบแบบไหน อะไรขายได้บ้าง

ตอนนี้เลยตัน มืดแปดด้าน คิดกับเขียนอะไรไม่ออกเลย

190 Nameless Fanboi Posted ID:r8CBuIdVp8

อีกเรื่องหนึ่งคือ จำได้ว่าในบอร์ดเด็กดีเนี่ยแหละ เมื่อนานหลายปีมาแล้ว มีคนเคยมาตั้งกระทู้ประมาณว่า นิยายเนี่ยเป็นจุดต่ำสุดของงานศิลปะทุกประเภทเลย เพราะแทบไม่ต้องมีความสามารถอะไรก็เขียนนิยายได้ โดยยกตัวอย่างการ์ตูน (มังงะ) มาว่า ถ้าวาดภาพไม่สวย ต่อให้เนื้อหาดียังไง คนก็ไม่อ่าน แต่นิยายเนี่ยเขียนยังไงก็ได้ขอแค่คนอ่านๆ แล้วรู้เรื่องก็พอ

จำได้ว่าตอนนั้นเถียง (ในใจ) ไปว่า การเขียนแม่งไม่ใช่สักแต่ว่าเขียนๆ ไปก็ได้สักหน่อย การใช้ภาษาให้สวยงามลื่นไหลนั้นเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝนและสั่งสมมา ไม่ใช่ใครคิดเขียนก็เขียนได้ เพียงแต่ด้วยระบบการศึกษาที่มันทำให้คนเกือบทั้งหมดสามารถเขียนหนังสือได้ การเขียนมันเลยดูง่ายกว่าศิลปะอย่างอื่น เช่นการวาด หรือการเล่นดนตรี (ที่ระบบการศึกษาไม่ได้เน้น)

แต่พอมาตามเว็บโนเวลในปัจจุบัน (ในอดีตก็ด้วย แต่ยิ่งมายิ่งแย่) ก็พบว่ามันเลวร้ายมาก คนแทบไม่สนใจความสวยงามทางภาษาแล้ว อันนั้นยังไม่เลวร้ายเท่าคนไม่สนใจเรื่องคำผิด นักเขียนหลายๆ คนเขียนงานออกมาเหมือนกับชีวิตนี้เคยอ่านหนังสือมาไม่ถึงสิบเล่ม ไม่รู้แม้กระทั่งว่ารูปแบบของการเขียนบทสนทนานั้นเป็นอย่างไรด้วยซ้ำ ตลกร้ายที่งานแบบนั้นกลับมีคนติดตามไม่ใช่น้อย นี่ยังไม่ได้พูดถึงเนื้อเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอีกนะ

191 Nameless Fanboi Posted ID:+wB+ZSzFqA

>>190 แล้วพวกวรรณกรรมอย่างสุนทรภู่ล่ะ

192 Nameless Fanboi Posted ID:Xu6We70JA6

>>190 ONEกล่าวเอาไว้ว่ากุขายเนื้อเรื่องไม่ได้ขายภาพโว้ยยย

193 Nameless Fanboi Posted ID:hx+SPNTiXg

ทำไมพวกมึงอยู่ดึกกันจังวะช่วงนี้

194 Nameless Fanboi Posted ID:gkdcOVn+QU

เขียนนิยายอยู่ ตอนกลางวันไอเดียไม่มา เสือกมาซะดึกเลย

195 Nameless Fanboi Posted ID:xwgUYeq3mE

สับเรื่องนี้หน่อย ตัวละครอื่นโผล่มาพรึ่บๆ
/เหมือนมู้ที่แล้ว จะมีโม่งเอามาถาม ว่าใช้ตัวละครคนอื่นแบบนี้ เอามาขายได้เหรอ
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1801889

196 Nameless Fanboi Posted ID:+wB+ZSzFqA

>>194 เพราะเบื่อเสียงแว้นไง คนจะเขียน เสียงเหี้ยจากไหนไม่รู้

197 Nameless Fanboi Posted ID:7NEGyEwcpE

ฉัวฉัวกุดุสกุดุสเริ่มเผยแพร่สู่สังคมแล้วเรอะ

198 Nameless Fanboi Posted ID:cqkudv3PP7

>>195 นี่คือการคิดจะทำนิยายล้อเลียนแบบกินทามะโดยไม่ได้รู้เลยว่ามันล้อชาวบ้านได้เพราะอะไร

199 Nameless Fanboi Posted ID:BME31RZbVQ

>>197 ฉัวฉัวฉัว กุดุสกุดุส มุ้งมิ้งชิบหาย กูนี่ปวดกบาลเลย ฉัว ฉัว

200 Nameless Fanboi Posted ID:nLhb6f15TY

มีคนบอกกูว่าถ้าเจอสำนวนสไตล์ผู้ใหญ่เขียนจะไม่กล้าเม้น เพราะรู้สึกเกรงใจ ถึงจะชอบมากก็แค่ตามอ่านเงียบๆ ส่วนนิยายที่ใช้สำนวนทั่วๆไปคนจะกล้าเม้นกว่า เพราะคนเขียนดูเข้าถึงง่าย

201 Nameless Fanboi Posted ID:BME31RZbVQ

>>200 สำหรับกู กูไม่ได้เกรงใจ แต่มันรู้สึกเกร็งๆ ไม่เป็นกันเอง พอมันรู้สึกแบบนั้น ก็ไม่รู้จะเมนต์อะไรละ

202 Nameless Fanboi Posted ID:Qxy15h3P8Z

นางร้ายภาษาอังกฤษใช้คำว่าอะไรอ่ะโม่ง เห็นคนใช้Villainมันกว้างไปป่ะวะ

203 Nameless Fanboi Posted ID:1hVPQCKM5N

>>200 สำนวนผู้ใหญ่นี่ยังไงวะ? สำนวนคนแก่? ภาษาทางการ? เน้นภาษาบรรยายมากกว่าภาษาปาก?
คือกูต้องใช้แบบพิมพ์แชท ภาษาสก๊อย หรือ กุดุสกุส รึไงวะ ถึงจะเป็นกันเอง

204 Nameless Fanboi Posted ID:+wB+ZSzFqA

>>202 Jerkass Lady กับ Badass Lady

205 Nameless Fanboi Posted ID:RXmWC60f9.

>>203 ใจเย็นๆ นะเพื่อนโม่ง สำนวนผู้ใหญ่ในที่นี้กูว่าเป็นสำนวนแบบพวกนิยายที่ผู้ใหญ่ชอบอ่าน พวกนิยายในกุลสตรี ขวัญเรือน แบบภาษาว.วินิจฉัยกุล โสภาค สุวรรณ กฤษณา อโศกสิน อ่ะ มันจะคนละแบบกับภาษานิยายออนไลน์ว่ะ กูเป็นคนนึงที่เขียนภาษาแบบนั้นนะ เพื่อนบอกนึกว่าอ่านนิยายในขวัญเรือน เด็กๆ ไม่ชอบอ่านกัน....

206 Nameless Fanboi Posted ID:MRQOU8uhvb

>>202 ตอนแรกจะใช้คำว่าBitchแต่หยาบไป 555 งั้นFemale antagonistล่ะเป็นไง

207 Nameless Fanboi Posted ID:JFst7sxFLE

>>206 นั่นมันหมายถึงตัวดำเนินเรื่องเป็นผู้หญิงไม่ใช่เรอะ?

208 Nameless Fanboi Posted ID:J82z5Aq/iS

>>207 นั่น fem protagonist

209 Nameless Fanboi Posted ID:vknduV05NT

>>206 ที่กูเคยใช้คือ Wretched Lady มันแปลได้กว้างแต่ถ้าใช้ถูกบริบทก็คือ สตรีสามานย์

210 Nameless Fanboi Posted ID:IW4yf9w97+

>>202 เดี๋ยวกูสรุปให้ ทดเรื่องคำว่า Villain เอาไว้ก่อน
>>204 Jackass Badass อันนี้พยายามเกิน ไม่ใช่แน่นอน ความหมายไม่ลบแล้วยังฟังดูบวกไปอีก สองคำนี้มันใช้ในเชิงบวกมากกว่าลบ แถมฟังแล้วแหม่งแปลกๆ
>>206 Female antagonist ถูกเป๊ะ Antagonist คือตัวโกง ฝรั่งไม่แยกเพศตัวละคร ตัวหลักคือตัวหลัก ตัวโกงคือตัวโกง แต่ Female Antagonist นี่น่าจะตรงสุดเท่าที่กูรู้ล่ะ (จริงๆ ถ้า 206 ไม่เกริ่นขึึ้นมากูก็ลืมคำนี้ไปเลย)
แล้วทีนี้ Villlian กับ antogonist ต่างกันตรงไหน ความหมายตามพจนานุกรมเลยนะ Antogonist คือตัวละครที่มีการกระทำ หรือแรงกระตุ้นเป็นปฏิปักษ์คุกคามตัวละครหลัก หรือเนื้อเรื่อง ไม่มีความจำเป็นต้องร้ายก็ได้
ส่วน Villian คือตัวร้ายแบบร้ายอ่ะ ปีศาจ อสูร วายร้าย
กูสรุปมาจาก http://writerandproud.blogspot.com/2015/05/the-difference-between-villain-and.html เผื่อมึงอยากอ่านเต็มๆ

211 Nameless Fanboi Posted ID:PPZ4ok5TBG

ทำไมต้องแปลตรงๆ กันด้วยวะ เรียกแบบ bitchy angel หรือ sassy bitch ไม่ได้เรอะ

212 Nameless Fanboi Posted ID:Qxy15h3P8Z

กูคนถามเรื่องนางร้ายเองนะ ขอบใจโม่งทุกคนมาก แล้วมีคำอื่นที่สื่อได้อีกป่ะที่ไม่แปลตรงๆอ่ะขอแบบมีชั้นเชิง Female Antagonistแม่มดิบเป็นบ้าถถถ

213 Nameless Fanboi Posted ID:IW4yf9w97+

>>211 เพราะกูเข้าใจว่าเรากำลังหาคำแยก category ของตัวโกงเพศหญิงทั้งหมด ไม่่ได้หาสรรพนามเรียกผู้หญิงที่ทำกริยาแบบ sassy bitch ล่ะมั้ง หรือกูเข้าใจผิดวะ
>>202 ว่าแต่มันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรอกับ ไอ้การพยายามแปล นางร้าย เนี่ย

214 Nameless Fanboi Posted ID:JFst7sxFLE

ว่าแล้วถามหน่อย อันนี้อยากรู้ส่วนตัว ถ้าแบบตัวเอกฉลาดแกมโกง มีการเล่นแง่ชิงไหวพริบประมาณโซระในเรื่อง No game no life นี่ควรใช้ Clever หรือ Smart protagonist ดี?

พอคุยเรื่อง tag กันแบบนี้อยากให้เด็กดีเปลี่ยนไปใช้ระบบ tag เพียวๆ แทนที่จะแบ่งหมวดชะมัด นิยายกูแม่งเสียเปรียบเพราะเนื้อหามันครอบคลุมทั้งกลุ่มผู้อ่านชายและหญิง แต่นี่กลายเป็นกูต้องเลือกระหว่างลงหมวดรักแฟนตาซีเพื่อเอากลุ่มผู้อ่านหญิง หรือจะไปหมวดแฟนตาซีที่ผู้อ่านเป็นชายเยอะซะงั้น

215 Nameless Fanboi Posted ID:u/0TJW84ZO

>>214 กูก็เข้าใจมึงแหละ เพราะเขียนนิยายเหมือนกัน แล้วมันต้องเลือกสักหมวด แต่กูก็ยังอยากให้มีระบบหมวดหมู่ว่ะ

216 Nameless Fanboi Posted ID:yneANHIU5H

เมื่อกี้กูนั่งอ่านของนักปฏิวัติมาเจ็ดตอนรวด

ลิ้งก์ : https://my.dek-d.com/shadowvihok/writer/view.php?id=1727769

ภาษา: กูว่ามันก็ใช้ภาษาโอเคในระดับนึง ให้ความสำคัญกับการตรวจทาน เรื่องคำผิดเลยมีน้อยมาก เห็นแค่คำว่าสคริปต์คำเดียว ที่จริงมันต้อง skip

ระดับการใช้ภาษาของสำนวนการบรรยายไม่คงที่ เดี๋ยวมีบรรยายจีน(ซึ่งโอเคอยู่)เดี๋ยวมีบรรยายแบบเด็กน้อย ทำให้อารมณ์ดรอป เหมือนเจอสก๊อยตลาดล่างสลับกับเบอร์ตองในตู้ และแม่งบรรยายเวิ่นเว้อ ไม่สละสลวย หมอยกูยังสละสลวยกว่า

พลอต: ออนไลน์ จีน เทพทรู ทำเควส ตบมอนโชว์ อวดเก่ง วันนาบีเอกกี้ ดวงดีเหมือนลักกี้แมน กูไม่เห็นว่ามันมีอะไรแปลกใหม่ เติมคำว่าอีสปอร์ตมาทำไมไม่รู้ คิดว่าตอนหลังอาจจะมีแข่งขันจริงจังหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ และกูคงไม่เสียเวลาอ่านไปมากกกว่านี้แน่นอน

บทสนทนา: ไม่เป็นธรรมชาติ เพราะบางทีแม่งเอาภาษาเขียน/บรรยายมาใส่ในบทสนทนา แถมยังเวิ่นเว้อไร้สาระเหี้ย ๆ ควรตัดไปเลยไอ้บทสนทนาถามสารทุกข์สุกดิบหีแตดทั้งหลาย บรรยายคร่าว ๆ แทน มึงเอาแต่บทสนาที่สำคัญจริง ๆ มีผลต่อเนื้อเรื่อง หรือไม่ก็เป็นกิมมิก หรือจะใช้คำพูดคม ๆ ต่อปากต่อคำกัน อะไรเทือกนี้

ความสนุก: พูดตามตรง มันก็เรื่อย ๆ อ่านไปได้เพลิน ๆ แต่กูเอาเวลาไปอาบน้ำหมาดีกว่า

ให้ 4/10 สำหรับ 7 ตอน และขอไว้อาลัยให้เวลายี่สิบนาทีที่หายไปจากชีวิตกู

อยากลงชื่อ แต่โฟกัสที่ความเห็นกันดีกว่า พวกเราจะได้ดูมีอารยะไง

217 Nameless Fanboi Posted ID:ysCycwXU30

>>216 กูอ่านไปไกลกว่ามึง สำหรับกูเรื่องนี้ธรรมดา พล๊อตตลาดทั่วไป
คิดดูแล้วน่าจะเหมาะกับ FL มากกว่า DD ด้วยซ้ำ เห็นด้วยเรื่องระดับภาษา
กับรูปแบบการบรรยาย มันอยู่ผิดที่ผิดทางชวนสะดุดไปหมด บางที่นอกเกม
ควรบรรยายไทยๆ หน่อย ดันเขียนเหมือนหนังจีนคุยกัน

นิยายปานกลางค่อนไปทางแย่ ส่วนนิสัยคนแต่งควรปรับปรุง (จากที่เห็นในดราม่า)

218 Nameless Fanboi Posted ID:30QABoqC0i

*ระบายสี*
ช่วงนี้กูติดนิสัยอ่านนิยาย แล้วในหัวมันจะมีคำวิจารย์งอกขึ้นมาเป็นดอกเห็ดว่ะ เวลาพยายามอ่านนิยายสักเรื่อง ถ้ามันไม่ดีเลิศเลอผ่านเกณฑ์การประเมิน จะมีคำวิจารย์เต็มหัวไปหมด ซึ่งกูก็ได้แต่เก็บๆ ไว้ เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่านักเขียนบางคนคงรับไม่ได้ ถ้ากูจะคอมเมนต์ไปตามตรง

โอเค นั่นไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ ปัญหาคือเวลากูอ่านนิยายของตัวเองนี่แหละ พออ่านคำวิจารย์ก็เด้งขึ้นมาเป็นพรืด บางทีมันไม่ใช่คำวิจารย์ แต่เป็นความรู้สึกแหม่งๆ ซึ่งกูไม่รู้จะแก้ไขตรงไหน แก้ยังไงดีเหมือนกัน นั่งลบๆ นิยายกับพล็อตที่ร่างไว้ทั้งวัน สรุปไม่คืบหน้าสักอย่าง

219 Nameless Fanboi Posted ID:AC5xr/Dg4V

เพิ่งไปเจอนิยายแฟนตาซีที่ไอเดียค่อนข้างดีมาเรื่องนึง แต่กุสงสัยอย่าง นิยายที่อิงความรู้วิทยาศาสตร์เยอะๆแต่มีเซตติ้งที่(ค่อนข้าง)แฟนตาซีนี่ควรไปอยู่ในหมวดไซไฟหรือแฟนตาซีวะ

220 Nameless Fanboi Posted ID:3D7Zd6+sqP

>>219 ได้ทั้ง 2 อย่างละ ขึ้นอยู่กับว่าอยากเน้นด้านไหนมากกว่ากัน

221 Nameless Fanboi Posted ID:RDrrsR2But

>>216 กูว่าแม่งคนไม่ได้ลง esport เพราะแม่งติดกับดักนักเขียนพล็อตโหล่อยู่ ไม่ก็เข้าทาง hunter x hunter สมัยแรกๆ

222 Nameless Fanboi Posted ID:q5K3u88DQ1

>>221 สมัยแรก ที่คนเขียนยังไม่คิดเรื่องเน็นใช่มะ

223 Nameless Fanboi Posted ID:JF3Ja0/LaP

>>222 สมัยที่ต้องเขียนเอาใจตลาดโชเน็นจัมป์ เพราะสถานการณ์พาไปจนตอนหลังๆ ออกทะเลไม่ก็เผางานผิดจากตอนแรกสุด ไม่ใช่รีเมคใหม่

224 Nameless Fanboi Posted ID:RDrrsR2But

>>223 ถ้ากูเป็นคนเขียนอีปฏิวัติเห่อหมอย กูเริ่มที่ตัวเอกต้องเข้าวงการ sport ภายใน 3 ตอนแรก ไม่ใช่ปูเรื่องจาก lv.1 ถึง max เพราะกว่าจะเข้าเรื่อง esport คนหนีไปอ่านเรื่องอื่นกันเกินครึ่งแล้วล่ะ

แบบว่า ถ้ากูเป็นคนเขียน sao กูจะเริ่มที่ alicization เลย ตัดชื่อเรื่อง sword art online แล้วแก้ชื่อเป็น alicization เพราะถือว่า sao ควรจบที่เล่ม 1 2 หรือ 4 ส่วน ggo ยกให้ปีศาจสีชมพูพบปินโตหุ้ยแทนเถอะ สนุกกว่าขี้ริโตะจับคู่ชินอนน่ะแหละ

225 Nameless Fanboi Posted ID:+zg36qfjvh

รบกวนหน่อยครับ อยากได้คำวิจารณ์ตอนนี้เขียนนิยายจบแล้วช่วยแนะนำหน่อนได้ไหม
https://writer.dek-d.com/nakarin0o/writer/view.php?id=1816566

226 Nameless Fanboi Posted ID:XtWnDhe+ml

>>225 ว่างจะอ่านให้นะครับ

227 Nameless Fanboi Posted ID:+zg36qfjvh

>>226 ขอบคุณครับ

228 Nameless Fanboi Posted ID:IcGA+2FATK

>>225 คนละคนกับ >>223 นะ

ลองอ่านเกริ่นกับคำโปรยแล้วมันไม่ชวนอ่านต่ออ่ะ แบบมันงงๆ อึนๆ ว่าหมายถึงอะไรกันแน่ มันไม่มี clue ที่ให้คนอ่านรู้ concept คร่าวๆ ของเรื่องอ่ะ อ่านแล้วต้องคิดเรียบเรียงก่อนว่าที่เขียนนี่หมายถึงอะไรกันแน่

จริงๆ ส่วนเกริ่นกับคำโปรยคือส่วนที่ตีหัวคนอ่านเข้าบ้านนะ ถ้าเล่าแบบเรียบๆ มันก็ดึงความสนใจคนไม่ค่อยได้ แนะนำให้หาอะไรที่คนอ่านรู้สึกว้าวดีกว่า

229 Nameless Fanboi Posted ID:z06MN/doPS

>>225 แนะนำให้ใช้เป็นเล่าพล็อต 5% ของเนื้อเรื่อง แล้วจบด้วยประโยคคำถาม ช่วยล่อคนเข้าหน้านิยายได้ พอดีว่าใช้บ่อยค่ะ 55555

230 Nameless Fanboi Posted ID:+zg36qfjvh

>>228 >>229 ขอบคุณที่แนะนำครับ คิดอยู่ว่ามันเรียบๆ ไป จะลองไปปรับแก้นะครับ

231 Nameless Fanboi Posted ID:IjNslRVVdz

วันนี้แม่เผลอ จิ๊กไอแพดแม่มาอ่านนิยายกันดีกว่า

Chat with god แชทกับพระเจ้า
https://writer.dek-d.com/banmos14/story/view.php?id=1801889

อื้อหือ เปิดเรื่องมาเจอใช้อะพอสทรอฟี (‘) สองตัว แทนอัญประกาศ (“) ก็เริ่มปวดเฮดละ ออกตัวเช่นเคยว่าทนไม่ไหวเมื่อไรปิดเมื่อนั้นเน้อ อย่าคาดหวังไรมาก

เนื้อเรื่อง

ถังซานโดนเมียทิ้งไปหาผู้ใหม่ที่รวยกว่า กำลังแค้นๆ อยู่ก็โดนลากเข้ากรุ๊ปแชทตัวละคร ตรงกับช่วงที่ตัวละครส่งของกันพอดี เฮียถังจิ้มถั่วเซียนมาได้ ระหว่างสงสัยเรื่องกลุ่มแชท ไซตามะก็หลังไมค์มาขอถั่วแลกกับคัมภีร์นินจา เล่นมุกว่าทำยังไงถึงจะแข็งแกร่งแบบไซตามะหน่อยนึง แต่ไม่ขำ จังหวะไม่ค่อยดี แล้วก็ฝึกจักระ สลับกับการบรรยายชีวิตทั่วไป

ไปเจอดาวมหาลัยกับปู่ที่ร้านอาหาร ปู่แกหิวรอคิวนานจนจะเป็นลม เฮียถังเลยให้ถั่วเซียนไป พระเอกก็ขวางๆ ดาวมหาลัยหน่อยนึง ดาวมหาลัยก็แบบทำไมเขาไม่สนใจเรา โอ้วว นี่มันสูตรนิยายฮาเร็มป่ะวะ ถังซานแถๆ ไปว่าถั่วนี่คิดค้นเอง แล้วก็เล่าเรื่องวนๆ อยู่กับถั่ว แล้วก็เข้าไปกินในร้ายเฉย… แต่เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าคิวยาวไม่ใช่เรอะ??

พระเอกนั่งจิ้มมือถือเอาของ แล้วได้เดธโน้ตมาหน้าหนึ่งกับวิชานินจาแพทย์ ปู่ดาวมหาลัยจะให้หลานจีบพระเอก เออ ง่ายดี คือถั่วเม็ดหนึ่งก็พร้อมขายหลานสาวแล้วเรอะ แล้วก็ฝึกจักระอะไรของมันไป เสร็จพอถึงขั้นเกะนินก็ไปลองวิชา ไต่กำแพงแล้วไปเจอดาวมหาลัยที่ด่านฟ้า งงเลยจ้าว่าด่านฟ้าคือไร คิดอยู่แปปนึงถึงรู้ว่าเป็นดาดฟ้า…

ดาวมหาลัยก็งงว่าขึ้นมาได้ไง พระเอกก็ขอตัวลงไปข้างล่าง ดาวมหาลัยเลยคิดว่าพระเอกหน้าด้านหน้าทน(?)ที่ไม่อธิบาย พอพระเอกไปก็หาว่าพระเอกนิสัยไม่ดี แต่นิสัยไม่ดีก็น่าจะไม่เจ้าชู้…แล้วเขินหน้าแดง ว้อททท ตรรกะอะไรนี่ แล้วในแชทก็คุยกันเรื่องวันนี้ไม่ส่งซองแดง เฮียถังทักคิลัวร์ไปขอให้สอนวิชา แล้วก็ได้วิชาเน็นมาง่ายๆ ซะงั้น พระเอกตัดสินใจจะฝึกเน็น…

พอละ เนื้อเรื่องไม่ได้สนุก ติดจะน่าเบื่อ ขี้เกียจอ่านว่ะ

การเขียน

การใช้ภาษา : เขียนผิดไม่เยอะเท่าไร แต่แข็งทือประหนึ่งสากกระเบือ สับสนไปหมด ไม่รู้ว่าจะเขียนบรรยายยังไงกันแน่ ภาษาเขียนภาษาพูด สำนวนพยายามจีน ปนกันมั่วซั่วระดับที่ครูสอนภาษาไทยม.3 จะต้องหลั่งน้ำตา ตรรกะเชื่อมโยงประหลาด คือจริงๆ มีความวันนาบีนิยายแปลมาก แต่มันแปร่งๆ อ่านแล้วแปลกๆ เนื้อเรื่องยุคปัจจุบันแต่แทนผู้หญิงว่านาง เอาง่ายๆ ว่าที่กูเขียนสรุปไว้อ่านง่ายกว่าเนื้อเรื่องจริงๆ เสียอีก…

การเอาตัวละครของคนอื่นที่มีอยู่แล้วมาเขียนนิยาย นอกจากจะสุ่มเสี่ยงเส้นลิขสิทธิ์ ปัญหาอีกอย่างคือถ้าคงคาร์แรกเตอร์ตัวละครเอาไว้ไม่ได้ก็จบเห่ ซึ่งเรื่องนี้ทำไม่ได้ เหมือนแค่ยกชื่อตัวละครมาเฉยๆ นิสัยหลุดคาร์แรกเตอร์ จริงๆ ถ้าอยากจะเขียนพาโรดี้แบบกินทามะต้องมีชั้นเชิงในการแซวมากกว่านี้ เปลี่ยนชื่อตัวละคร สิ่งของเสียหน่อยจะดีกว่า อย่างถ้า ได้ถั่วโครตเทพมาจากชาวซูเปอร์ไซบีเรียน น่าจะดีกว่าโต้งๆ แบบนี้

มุกยัดเยียดไปหน่อย อ่านแล้วขำแห้งๆ หรือไม่ขำเลยดีกว่า ด้วยการเอามุกที่มีอยู่ในมังงะ/นิยายอยู่แล้วมาเล่น จังหวะไม่ดีมันเลยแป้กมากกว่าขำ

คะแนน : ยำใหญ่ใส่สารพัด พยายามทำเป็นยำโชว์เทพแต่ไปไม่ถึง รสชาติหมาไม่แดรก

232 Nameless Fanboi Posted ID:FdGbBw91Bd

>>231 เหมือนว่ามีคนเคยถามแล้วว่านิยายแบบนี้มันไม่เหมือนแฟนฟิครึไง ถ้าเอาแฟนฟิคมาติดเหรียญขายนี่มันไม่ผิดกฏหมาย ลขส. เหรอ

233 Nameless Fanboi Posted ID:e2PLt/dCne

>>231 เออ... จริงว่ะ กูอ่านแล้วรู้สึกเครียด เพราะมันแป้กนี่เอง ส่วนหลุดคาร์นี่ร้ายแรงมากนะเว้ย เอาของคนอื่นมาอะได้ แต่ช่วยรักษาคาร์หน่อยได้ไหม (อย่าติดเหรียญหวังเงินด้วย ตัวละครคนอื่นเขา) กูเห็นละเครียด คิรัวร์นี่เล่นกับคนอื่นขนาดนั้นเลยเหรอวะ กูเห็นแต่เล่นกับคนที่สนิทด้วยจริงๆ เท่านั้น คือมันไม่ใช่ เหมือนไม่มีตัวตนเลย

234 Nameless Fanboi Posted ID:H/+mqxwGUI

>>233 เค้าเรียกว่า มุกไม่ฮา พาเครียด

235 Nameless Fanboi Posted ID:Jnj6ZzbyrF

โม่งมึง กูอยากแต่งฟิคคู่ชิปกู แต่งลงไหนดีวะ กูเห็นในจอยฟิคชิปกูเยอะชิบหายคนอ่านก็เยอะงี้ แต่ใจนึงก็ชอบเว็บรีดอะไรท์ เว็บแม่งน่ารักดีแต่กลัวไม่มีคนอ่านว่ะ ใครก็ได้แนะนำกูหน่อย เว็บอื่นก็ได้ (พล็อตกูแนวชิวๆไม่เรทอ่ะ) นี่กูมาถูกมู้ป่าววะ ถ้าผิดซอรี่ด้วย

236 Nameless Fanboi Posted ID:DaGT+3/Qpg

>>235 ถ้ามึงไม่ได้จะอัพลงเด็กดวก กูว่ามึงมาผิดแล้วล่ะ

237 Nameless Fanboi Posted ID:b5btNNU2kw

>>235 มีเหตุผลที่ต้องเลือกลงแค่ที่เดียวด้วยเหรอ? แต่งเสร็จแล้วก็แค่ก็อบไปวางรึเปล่า? ทำไมไม่ลงให้หมดทุกที่ที่สนใจเลยล่ะ?

238 Nameless Fanboi Posted ID:t7D65mzo/P

ถามหน่อย ถ้าเราไปเจอนิยายน่าสนใจแล้วอยากแปล แต่ในเด็กดีมีคนแปลแล้ว แต่อ่านไม่รู้เรื่องเบอร์ว่าใช้กูเกิ้ลแปลมั้ง อยากรู้ว่าถ้ากูแปลทับไลน์ได้ป่ะวะ...

239 Nameless Fanboi Posted ID:BuPP9Amou+

>>237 โอเคกูโง่เองที่ลืมคิด แต้งเด้อ

240 Nameless Fanboi Posted ID:r0Wxpz/JDr

>>238 มึงขโมยเขามาแล้ว ยังจะเกรงใจโจรคนอื่นอีกทำไมวะ?

241 Nameless Fanboi Posted ID:1MiYW+v.bR

>>240 พูดได้ดี

242 Nameless Fanboi Posted ID:wLxj1dW719

>>240 ได้!!!

243 Nameless Fanboi Posted ID:xhecWNfw1b

>>238 ถ้าเขาใช้กูเกิ้ลแปล ทำไมมึงจะใช้บ้างไม่ได้วะ พอแปลก็เอามาเรียบเรียงให้มันอ่านรู้เรื่อง หรือมึงอยากแปลแต่ขี้เกียจเหรอวะ

244 Nameless Fanboi Posted ID:wLxj1dW719

>>243 เข้าใจผิดละเพื่อนโม่ง ไม่ใช่ว่ากูจะใช้กูเกิ้ลแปล แต่คือกูจะแปลเรื่องเดียวกับเขาต่างหาก กูอยากฝึกภาษาอังกฤษด้วย ปีหน้าต้องสอบ IELTs อ่ะ 5555

245 Nameless Fanboi Posted ID:xhecWNfw1b

>>244 งั้นถ้ามึงอยากแปลก็แปลเลย แล้วแต่มึง เพราะยังไงอีกเรื่องมันก็อ่านไม่รู้เรื่อง

246 Nameless Fanboi Posted ID:b4iOuDmR2g

กูขอถามอะไรหน่อย การกับความ ใช้กันยังไง กูอยากรู้

247 Nameless Fanboi Posted ID:PspxT4ztdC

>>246 การ=กิริยา
ความ=คำนาม

248 Nameless Fanboi Posted ID:2pjOhZSTwb

>>246 https://planetpt.blogspot.com/2009/10/blog-post_790.html

กูเกิ้ลบ้างก็ได้นะมึง

249 Nameless Fanboi Posted ID:Yc5mo60gpm

>>102 ย้อนมาเห็นเรื่องรัสเซีย
กูเพิ่งเห็นเรื่องแฟนตาซีเรื่องหนึ่ง ตัวเอกเป็นจอมเวทย์ย้อนกลับมาโผ่ลที่วันสิ้นโลกแถวรัสเซียแถบที่อยู่ทางเอเชีย
เพิ่งเริ่มเขียนไม่กี่ตอน เห็นใช้แต่ปืนรัสเซีย
ข้าคือราชันของโลกล่มสลาย

250 Nameless Fanboi Posted ID:q426Kudol3

>>249 ดีครับ ฮี้ๆ

251 Nameless Fanboi Posted ID:Yc5mo60gpm

>>250 เห็นเฟซคนเขียน ว่าจะเอาเรื่องรัสปูตินมาเกี่ยวด้วย
ถ้าจะเขียนเกี่ยวเรื่องเวทย์มนต์ในรัสเซีย คงต้องมีคนนี้ด้วยจริงๆ ตามที่เดา

252 Nameless Fanboi Posted ID:KWX8dNMICd

เลนิน > รัสปูติน

253 Nameless Fanboi Posted ID:g0vEEHpr9a

ของคนเขียนเซนนี่เอง 55+ แฟนคลับหายหมด

254 Nameless Fanboi Posted ID:exfEWHBLLb

>>253 พูดถึงเรื่องนี้กับ สนพ. เมจิคบุ๊คเนี่ย สรุปมันขายได้รึเปล่าหรือยังไง

255 Nameless Fanboi Posted ID:g0vEEHpr9a

>>254 ไม่เห็นออกงานแฟนตาซีใหม่แล้ว
คงสู้กระแสนิยายแปลจีน นิยายวาย ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงมั่ง

256 Nameless Fanboi Posted ID:epitpEF/Tt

เอาละวุ้ย....
https://www.dek-d.com/board/view/3882263/?comment=post

257 Nameless Fanboi Posted ID:t..GQ3mj.r

>>256 มึงตั้งเองเอามาแปะเองนี่หว่า กระทู้ตั้งเมื่อ 22:25 มียอดวิว 2 จะให้กูเชื่อเหรอว่ามึงเสือกเป็น 1 ใน 2 ที่เข้ามาดู แล้วเอามาแปะในโม่งอย่างรวดเร็วเนี่ย

ไม่สนับสนุนให้เอาโม่งมาเป็นเครื่องมือแบบนี้สัส

258 Nameless Fanboi Posted ID:epitpEF/Tt

>>257 กูผิดไรเนี่ย เพิ่งอ่านนิยายจบ กูบังเอิญรีฟีดมาเจอเว้ย

259 Nameless Fanboi Posted ID:exfEWHBLLb

>>256 ดราม่าแบบนี้ไม่มันส์เลย สู้ดราม่าการตลาดเนกาทีฟของไอ้นักปฏิวัติไม่ได้ซักนิด

260 Nameless Fanboi Posted ID:B6JT5BPWdv

>>259 ดราม่านักปฏิวัติมันส์ก็จริง แต่ตรรกะกับ EQ แม่งพอๆกะอีแตมเบอรี่

261 Nameless Fanboi Posted ID:CT5PiNH4PQ

เพราะนิยายติดท็อปในหมวดเหรอวะ ถึงได้มีคนออกมาบ่นอิดออดเกี่ยวกับแตมรี่

262 Nameless Fanboi Posted ID:icPSbI0nYY

สำหรับโม่งที่อยากได้ชื่อตลค. ลองไล่อ่านดูได้

https://pantip.com/topic/31259696

263 Nameless Fanboi Posted ID:31TR+gccAH

มึงค้นตามเว็บชื่อเอาก็ได้นะของแค่นี้

264 Nameless Fanboi Posted ID:Yc1MXD+ms6

>>262 อ่านไป๊! ชิ่ว! อ่านไป๊! ชิ่วชิ่วไป๊ไป๊!!!

265 Nameless Fanboi Posted ID:4Bj5j+l5X4

แตมรี่ยังขายได้อีกเหรอ ยังเขียนแบบเดิมๆ พล็อตเดิมๆอยู่มั้ยวะ

266 Nameless Fanboi Posted ID:Yc1MXD+ms6

ม้าเต็มไปหมดเลย (^__^)* <3

267 Nameless Fanboi Posted ID:7tO0Y2nHDI

>>264 กูำมาเข้าใจมุกมึงวะ

268 Nameless Fanboi Posted ID:7r97sZ5t6.

>>267 ไล่ม้า

269 Nameless Fanboi Posted ID:3CqSPja1UT

>>267 >>268 ไล่อ่านหรือเปล่า?

270 Nameless Fanboi Posted ID:7tO0Y2nHDI

>>268 แต่ >>262 ไม่ใช่นิยายนะมึง

271 Nameless Fanboi Posted ID:Cv3Qe268Zz

นิยายบางเรื่องแม่งจะ50ตอนแล้ววิวแม่งยังไม่พ้นสามหลักเนี่ย คนเขียนแม่งต้องใจแกร่งมากๆ

272 Nameless Fanboi Posted ID:0vCMzd2DVE

>>271 ขอลิงก์หน่อย จะไปลองดูว่าทำไมได้น้อยจังวะ

273 Nameless Fanboi Posted ID:XrgjIGupc0

ให้ลิงค์ เอ่ยชื่อที่นี่ ก็เป็นม้าอีก
สรุปบอกปุ๊บ ม้าปับ นะจ้า

274 Nameless Fanboi Posted ID:nj.bXWBlHe

มันเกี่ยวที่เวลาการลงด้วยรึเปล่าวะ แบบอัพแล้วโดนดันตกในไม่กี่วิไรงี้

275 Nameless Fanboi Posted ID:wrru17GNZg

ไม่ใช่แนวกระแส จบข่าว

276 Nameless Fanboi Posted ID:rNsl37wQ+8

>>273 เออจริง กูเบื่อไอ้มุกม้าเหี้ยนี่มากเลย ตั้งแต่มีคนเริ่มมุกม้า คนสับแม่งหายหมด อย่าว่าแต่สับเลย ใครพูดถึงนิยายเรื่องไหน หรือเอาลิ้งค์ไรมาแปะ แม่งม้าหมด
พ่องตาย

277 Nameless Fanboi Posted ID:pxhy4e+6Ou

ฮี้ฮี้ กุดุสกุดุส

278 Nameless Fanboi Posted ID:DEzGwhTlaD

>>276 อีกสามวันครบรอบ

279 Nameless Fanboi Posted ID:2onpVGtQEO

ลามมาห้องนี้ด้วยเหรอ

280 Nameless Fanboi Posted ID:U1LYy7RX3e

>>279 ห้องอื่นก็มีเหรอวะ?

281 Nameless Fanboi Posted ID:nj.bXWBlHe

https://imgur.com/oI8JcoS คนอ่านแม่งแหว่งกลางนี่คือคนอ่านซ้ำเฉพาะตอนหลังๆเหรอวะ

282 Nameless Fanboi Posted ID:nj.bXWBlHe

>>281 ผิดลิ้ง https://imgur.com/a/fLeHBYd

283 Nameless Fanboi Posted ID:DEzGwhTlaD

>>282 ครั้งแรกเจออัพเดตเปิดดูผ่าน ๆ ยังไม่อ่าน หรือ เปิดดูครั้งแรกอ่านแล้วอ่านไม่จบ กลับมาอ่านใหม่

284 Nameless Fanboi Posted ID:2onpVGtQEO

>>280 ห้อง Lounge โดนหนักสุด แต่ห้องนั้นก็โดนบ่อยอยู่ละ ไม่ถือว่าแปลก แต่มาห้องนี้ถือว่าแปลก

285 Nameless Fanboi Posted ID:eYsXkKQX.F

ย้อนกลับไปประเด็น สนพ. เมจิคบุค ละกัน ยอดขายน่าจะต่ำกว่าเป้าว่ะ ดูจากที่เงีียบๆ ไม่ค่อยเปิดเรืื่องใหม่หรือหัวใหม่เลย
อันนี้คนว่าวงการหนังสือมันซบเซา คนอ่านลดลง แต่กูว่านั่นแค่ส่วนนึงว่ะ
คือดูพวกนิยายแปล, LN ญี่ปุ่น ก็ยังขายดีอยู่เลย งานหนังสือทีไรก็ขายหมดหรือเกือบหมดล็อตแรกทุกที
ดังนั้นกูว่ากลุ่มผู้อ่านน่ะมี แต่แนวแฟนซาซีเนี่ยส่วนใหญ่เขาไปอ่านนิยายแปลกัน ส่วนของไทยโดนเมิน ยอดเลยต่ำ

286 Nameless Fanboi Posted ID:PBA4ll9n1j

>>285 มันต้องเป็นพวกนักเขียนติดลมบนวะ ถึงจะขายได้ อย่างมาซาลาน กัลธิดา พวกนี้เขียนอะไรมาก็ขายได้ตลอด ไม่ว่าจะห่วยแค่ไหน เพราะมันเขียนตามใจตลาดได้ พวกเมจิค จะว่าคุณภาพดีกว่าก็พูดได้ แต่มันไม่ใช่แนวที่คนส่วนใหญ่ชอบ ยอดขายเลยไม่ดี

ส่วนเรื่องที่ยอดขายดี ถ้าไม่ไปแนวรัก 90% แฟนตาซี 10% แบบกัล ก็ต้องเขียนแนว "เทพซ่า" นั่นละ ถึงจะขายได้

287 Nameless Fanboi Posted ID:eYsXkKQX.F

>>286 อืม ฐานคนอ่านนิยายไทยออกไปทางแนวรักมากกว่า
ส่วนแนวแฟนตาซี อาจเพราะแต่ไหนแต่ไรเลยกลุ่มนี้ก็อ่านแต่นิยายแปล มาตรฐานอาจจะสูง หรือค่านิยม ทำให้ยังไม่ค่อยแบ่งมาทางนิยายไทย

อีกส่วนที่กูว่ามีผลคือรูปแบบการตีพิมพ์ นิยายไทยทำเล่มทีอลังการงานสร้าง เดี๋ยวนี้เล่มละสามร้อยกันแล้วมั้ง?
คือมันไม่ใช่ราคาที่กลุ่มลูกค้าหลักอย่างนักเรียนนักศึกษาจะลองซื้อมาอ่านได้ หรือถ้าจะซื้อคือต้องเป็นคนที่ชอบจริงๆ และถ้าทุนจำกัด ก็อาจเลือกซื้อนิยายแปลก่อน

ถ้าจะเจาะกลุ่มลูกค้าฝั่งนิยายแปลหรือ LN ให้มาซื้อจริงๆ กูว่าต้องเริ่มจากรูปเล่มและราคานี่แหละ
คือคุมราคาไว้ไม่เกินสองร้อยหรือสองร้อยต้นๆ ให้อยู่ในระดับที่ลองซื้อมาอ่านก็ไม่เสียดายเงิน แบบนี้น่าจะขายง่ายกว่า แล้วค่อยต่อยอดจากตรงนั้นเอา

288 Nameless Fanboi Posted ID:RnMBzwll+m

>>287 รักแฟนตาซีพอจะไปรอดมั้ยวะ ตลาดนิยายรักเค้าอินป่าว

289 Nameless Fanboi Posted ID:nveQsfi+8u

>>288 ดูจากอัตราการออกแล้ว มันก็น่าจะขายได้อยู่นะ
คือฐานลูกค้ามันก็กลุ่มเดิมจากนิยายรักนั่นแหละ กลุ่มนี้คือผู้อ่านหญิงซึ่งมีเยอะอยู่แล้ว
การเปลี่ยนจากแนวรักธรรมดามาเป็นแนวรักแฟนตาซีถือว่าไม่ได้ฉีกจากเดิมเท่าไหร่
ฐานคนอ่านเลยแชร์กันได้ไม่มีปัญหา

แต่นิยายไทยนี่ จะแจ้งเกิดจริงๆคือลุ้นได้เป็นบทละครว่ะ ซึ่งแนวรักทั่วไปมันทำเป็นละครง่ายกว่า
ส่วนรักแฟนตาซี ได้รวมเล่มก็ถือว่าหรูแล้ว

290 Nameless Fanboi Posted ID:nveQsfi+8u

คนเขียนนิยายไทย โดยเฉพาะพวกที่ไปแนวแฟนตาซีเนี่ย กูว่าหวังแจ้งเกิดกับตลาดไทยยาก
เพราะอย่างมากสุดก็คงได้แค่รวมเล่ม และมันก็ตันอยู่แค่นั้น ยอดขายก็ไม่ได้เยอะอะไรด้วย

ถ้าอยากแจ้งเกิดแบบอยู่ได้เลยจริงๆ กูว่าต้องแปลเป็นภาษาอื่นแล้วเอาไปลงเว็บดังๆของต่างประเทศ
เช่นแปล eng แล้วเอาไปลง webnovel งี้ กูเข้าใจว่าเขาให้ส่วนแบ่งการขายเยอะกว่า fictionlog อีกนะ
แถมมีโอกาสได้รวมเล่มเป็น eng ซึ่งขายได้ทั่วโลก มันไปไกลมาก

สำหรับเว็บญี่ปุ่น กูไม่แน่ใจว่าควรไปลงเว็บอะไร แต่ถ้าทำได้ก็มีลุ้นอยู่
คือนิยายแฟนตาซีไทยหลายๆเรื่องเลย กูเห็นว่าเนื้อเรื่องกัับพล็อตมีคุณภาพกว่า LN ยุ่นที่แปลขายหรือทำอนิเมกันอีก
ถ้าเป็นญี่ปุ่น นิยายพวกนี้อาจได้เป็นอนิเมไปแล้ว คือเกรดมันถึงจริงๆนะ ในสายตากู ติดตรงตลาดไทยมันจำกัดอยู่แค่นี้ ก็ได้แค่นี้แหละ

291 Nameless Fanboi Posted ID:PBA4ll9n1j

>>288 รักแฟนนาซีส่วนใหญ่จะให้น้ำหนักแบบที่กูบอกนี่ละ >>286 ใส่แฟนตาซีมาให้ได้กลิ่น แต่จริงๆ จะไม่ใส่ก็ได้

>>290 มึงคิดว่านักเขียนไทยได้อังกฤษกันกี่คนละ พวกที่ลงใน webnovel ก็ native speaker ทั้งนั้น

292 Nameless Fanboi Posted ID:kofxUYv6Jb

>>288 รักแฟนตาซีเป็นไปได้ควรก็ชั่งน้ำหนักแบบที่ >>286 ว่านั่นแหละถึงจะขายได้
แนวนี้มันไม่มีสมดุลอุดมคติว่ะ เพราะกลุ่มคนอ่านนิยายรัก กับกลุ่มคนอ่านแฟนตาซีบ้านเราแม่งแยกกันห่างเกินไปหน่อยอ่ะ
ถ้าใส่แฟนตาซีมากไปจะกลายเป็นว่ามึงเสียฐานคนอ่านนิยายรักไปเลย แถมกลุ่มคนอ่านแฟนตาซีจ๋าแม่งก็มีพวกที่ไม่ชอบแฟนตาซีที่มีนางเอกหรือมีเรื่องรักอยู่เยอะ เพราะฉะนั้นเพลเซฟเน้นรักเป็นแกนไปเลยขายง่ายกว่า

293 Nameless Fanboi Posted ID:qy6jlUYOVD

>>285 สนพ. เมจิคบุคกุอ่านเซนเล่นแรกยังไปไม่รอดเลย
>>288 นิยายรักแฟนตาซีกุทำงานร้านหนังสือ เล่มไหนแฟนตาซีมากไปลูกค้ากลุ่มนิยายรักบ่นว่ะ เอาแค่กลิ่น ๆ พอ

294 Nameless Fanboi Posted ID:nveQsfi+8u

>>291 แค่พูดถึงเฉยๆน่ะ อย่างที่ว่าแหละ ถ้าแปลกันได้ก็คงเอาไปลงกันแล้ว
แต่เอาจริงๆนะ งานของหลายคนเนี่ย กูว่าน่าลองจ้างแปลเพื่อเอาไปลงอยู่
แน่นอนว่ามันต้องลงทุน แต่ถ้าเข้าตากรรมการขึ้นมา ผลตอบแทนมันประเมินค่าไม่ได้ว่ะ
คือเมื่อเทียบต้นทุนกับรางวัลที่อาจได้แล้วกูว่าคุ้มเสี่ยง
นี่ถ้ากูเชี่ยวๆ eng หรือยุ่น กูยังอยากขอนิยายของหลายๆคนไปแปลลงดูเลย

295 Nameless Fanboi Posted ID:nveQsfi+8u

>>293 ให้พูดตรงๆ เมจิคบุคล็อตแรกเนี่ย บก. โป่งเกรีบเข็นไปหน่อย หลายๆเรื่องกูว่ายังไม่ได้มาตรฐานเลย
คือการคัดนิยาย top จากเด็กดีมาทำ มันไม่ผิด แต่ควรดูว่านักเขียนเป็นพวกใจรักมือถึง หรือแค่มือใหม่ไฟแรง
พวกนิยาย top ส่วนใหญ่ มันขึ้นเหมือนพลุทั้งนั้น คือเหมือนหัวกระทู้นี้อะ ติด top เพราะลงถี่เป็นหลัก
ถามว่าผ่านไปสักปีสองปีี เหลือกี่เรื่องที่ยังเขียนอยู่
ถ้ามึงย้อนกลับไปดูจะแทบไม่เห็น top ชุดเดิมเลย เพราะถ้าไม่หมดไฟเลิกเขียนก็ดองยาวๆ
การเลือกนักเขียนไปปั้นจึงควรเลือกที่เขียนมานานๆ ประสบการณ์สูง แล้วยังลงสม่ำเสมอโดยไม่หมดไฟมากกว่า

296 Nameless Fanboi Posted ID:XrgjIGupc0

แนวแฟนตาซีจริงๆคือตลาดซบเซาคาดหวังยอดขายได้ไม่ดี กูว่ามันเป็นมาหลายปีมากแล้ว
ลองสังเกตสนพใหญ่ๆก็ไม่ดันสายนี้แล้ว ที่ออกคือนักเขียนเดิมที่มีฐานแฟนคลับอยู่ก่อน
หน้าใหม่เรื่องใหม่ แทบไม่มีออกอีก แถมไม่รับต้นฉบับสายนี้กันอีกแล้ว
ตอนนี้ก็มีแค่ แนวรัก แนววาย แนวจีนแปล ที่ยังออกกันได้สม่ำเสมอ ถ้าตั้งโจทย์อยากตีพิมพ์ต้องไปแนวนั้นมากกว่า
มาเขียนแนวแฟนตาซีตอนนี้ หวังได้แบบขายกับเว็บติดเหรียญและ ebook เท่านั้นแหละ

297 Nameless Fanboi Posted ID:Nep4l9ONgM

>>296 ที่ขายไม่ดีคือของไทยไง แต่นิยายแปลหรือ LN ยุ่น ก็ขายดีอยู่นะ
ปัญหาคือทำยังไงให้คนที่นิยมนิยายแฟนตาซีจาก ตปท. หันมาอ่านของไทยบ้าง
ซึ่งกูว่าการตลาดของ สนพ. ในไทยยังผิดอยู่ แค่รูปเล่มกับราคายังไม่ใช่เลย
ถ้าเปลี่ยนมาทำเมือน LN แปล แต่เป็นของไทยเอง น่าจะดึงผู้อ่านมาได้ แต่อันนี้ก็ความเห็นส่วนตัวน่ะนะ

298 Nameless Fanboi Posted ID:Um4ouuci47

>>297 ไอ้lnไทย ไปเล่นการเมืองที่ต่างโลก แม่งยอดพรีบานเบอะขนาดนั้น ถ้าสนพ.อื่นแม่งปรับแนวทางซักหน่อยก็ขายได้แล้ว

299 Nameless Fanboi Posted ID:n4G7RoZBSX

>>298 นั่นแค่ตัวอย่างนึง คือมีอีกเยอะ ที่น่าจะขายได้ไม่แพ้นิยายแปลเลยล่ะ
แต่ถ้า สนพ. ยังยึดติดกับการทำนิยายแบบเดิมๆ อยากได้ฐานคนอ่านนี้ แต่ไม่ปรับรูปแบบให้เข้ากับรสนิยมของกลุ่มลูกค้า มันก็ยาก

300 Nameless Fanboi Posted ID:K9aF2CrKkq

กูคนนึงที่อ่านแฟนตาซีไทยไม่รอด เลยเลิกเสาะหา ทั้งภาษาและเรื่องที่กูรู้สึกว่าลอจิกมันกระโดดไปมา ตามใจคนเขียน แต่กูอ่านแปลฝรั่ง อ่านแปลจีนรอด ถ้ามีเรื่องไทยอันไหนว่าดีงาม แนะนำดูหน่อยกูก็อยากอ่านของไทยดีๆนะ

301 Nameless Fanboi Posted ID:8xwfyoc.nD

Ky กูเพิ่งได้เรียนเรื่องกฏหมายเบื้องต้นมานิดหน่อย กูเลยนึกสงสัยขึ้นมา โลกแฟนตาซี มันควรใช้กฏหมายลายลักษณ์อักษรหรือไม่เป็นลายลักณ์อักษรวะ

302 Nameless Fanboi Posted ID:r/.gYmGLR3

>>301 แล้วแต่ความเถื่อน

303 Nameless Fanboi Posted ID:dOVFZNJ4nH

>>301 เท่าที่เห็น แฟนตาซีเขียนโดยคนไทยเนี่ย ไม่น่ารู้จัก Magna Carta ล่ะมั้ง

304 Nameless Fanboi Posted ID:dOVFZNJ4nH

>>300 กูเช่นกัน กูไม่ได้อคติกับมัน แต่สไตล์การเขียนนิยายแฟนตาซีของไทยขาดๆเกินๆ คือคนเขียนไทยชอบเสพตปทฺจนมีคลังในกังเยอะ แต่ขาดการฝึกฝนความคิดสร้างสรรค์ เพราะยึดติดแบบแผนมากเกินไป ทั้งที่รู้ว่าใช้ไม่ได้ก็ดังทุรังทำตามแผนนั้นอีก

305 Nameless Fanboi Posted ID:+QJQkbC2jt

>>298 ก็มันเขียนให้ "เป็นญี่ปุ่น" นิ ตลาด LN กับตลาดแฟนตาซีมันต่างกันนะ พวกอ่าน LN ไม่อ่านนิยายแฟนตาซีก็เยอะ มันเป็นอีกกลุ่มนึงเลย คนอ่าน LN คือคนเสพย์วัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ได้เสพย์ความเป็นแฟนตาซี ดังนั้นมึงทำตลาดไม่ได้หรอก ถ้าไม่ใส่ความเป็นญี่ปุ่นลงไปเยอะๆ แบบไอ้เรื่องที่มึงบอก

แต่เรื่องนี้พรีเยอะเพราะชื่อเสียงคนเขียนมากกว่า ต้องรออกมาซัก 2-3 เล่มก่อนถึงจะพูดได้ว่าขายดีจริงๆ

306 Nameless Fanboi Posted ID:fbBy/gCtEp

>>300 เรื่อง LAS กูว่าพอโอเคอยู่ จริงๆกูก็คันๆเพราะมันให้อารมณ์คล้ายๆฮิคารุในตอนแรก (เปลี่ยนจากเจอกระดานผีสิงเป็นเจอหม้อยาผีสิง) แต่จุดร่วมก็มีแค่นี้อะนะ ส่วนหลังจากนั้นก็นับว่าออริจินัลดี กับอีกเรื่องคือดูมบริงเกอร์ เนื้อหาแน่น เป็นโลกแฟนตาซีแต่มีคำอธิบายเหตุผลรองรับแทบทุกอย่าง ช่วงต้นเหมือนจะธรรมดาๆ แต่ยิ่งอ่านยิ่งลึก อ่านแล้วมึงรู้เลยว่าคนเขียนอายุเยอะแน่นอน เพราะไม่ใช่ของที่เด็กหรือมือใหม่ประสบการณ์น้อยๆจะเขียนได้เลย

307 Nameless Fanboi Posted ID:SpDDIvFg0u

>>306 ม้าลามมาถึงห้องนี้เลยเหรอวะ

308 Nameless Fanboi Posted ID:kz+ma653I+

มุกม้าเล่นบ่อยๆ แล้วไม่ขำเลยนะ มันทำให้ห้องไม่มีคนคุยเพราะแบบนี้ละ แนะนำไรไม่ได้เลย

309 Nameless Fanboi Posted ID:fbBy/gCtEp

>>307 กูว่าแล้วว่าพูดไปต้องโดน แต่ช่างแม่ง กระทู้เว็บนิยายเสือกเอ่ยชื่อนิยายไม่ได้นีี่ มึงจะให้คุยกันยังไงวะ

310 Nameless Fanboi Posted ID:dOVFZNJ4nH

>>307 มึงเลิกเป็นควายได้รึยัง โตๆกันแล้ว เด็กม.ต้นยังรู้จักกาละเทศะเลย

311 Nameless Fanboi Posted ID:nkDBkBy/08

ที่นี่เอ่ยชื่อเรื่อง เป็นม้าหมด
คือแม่งจะไม่ให้คุยถึงนิยายเรื่องไหนทั้งสิ้น
คนสับหาย คนคุยหาย ดีกระทู้เงียบลงทุกที คงพอใจแล้วกันแล้วล่ะ
กูมองว่า จะม้าไม่ม้า แม่งก็ขอให้มีเรื่องคุยหน่อย จะได้รู้เหนือเหนือใต้ในวงการของเค้ามั้ง
(กูอยากเผือกโว้ย 55+)

312 Nameless Fanboi Posted ID:nPX6QhTC3K

>>307 มึงอ่านยังไงว่าเป็นม้าวะ >>306 มันเขียนแค่

"เรื่อง LAS กูว่าพอโอเคอยู่ ((ไม่ได้ชม ไม่ได้อวย แค่บอกว่าโอเค)) จริงๆกูก็คันๆเพราะมันให้อารมณ์คล้ายๆฮิคารุในตอนแรก (เปลี่ยนจากเจอกระดานผีสิงเป็นเจอหม้อยาผีสิง) ((แค่บอกว่ามันคล้ายกับมังงะเซียนโกะ)) แต่จุดร่วมก็มีแค่นี้อะนะ ส่วนหลังจากนั้นก็นับว่าออริจินัลดี ((ตรงนี้เหรอที่ว่าม้า กูว่ามึงอคติละ))

กับอีกเรื่องคือดูมบริงเกอร์ เนื้อหาแน่น เป็นโลกแฟนตาซีแต่มีคำอธิบายเหตุผลรองรับแทบทุกอย่าง ช่วงต้นเหมือนจะธรรมดาๆ แต่ยิ่งอ่านยิ่งลึก อ่านแล้วมึงรู้เลยว่าคนเขียนอายุเยอะแน่นอน เพราะไม่ใช่ของที่เด็กหรือมือใหม่ประสบการณ์น้อยๆจะเขียนได้เลย ((โอเค ม้าตัวเบ้อเริ่มเทิ่มเลยว่ะ ฮรี่ ๆ กุบกับ ยิ่งอ่านยิ่งลึก คนเขียนมีอายุ ฮ่า ๆๆๆๆๆๆๆๆ))"

313 Nameless Fanboi Posted ID:+QJQkbC2jt

มันโทรล ถึงสมองจะบอหใ้ปล่อยผ่าน แต่โดนมากๆ มันก็เหนื่อยใจเหมือนกัน

314 Nameless Fanboi Posted ID:Fq3jn7UNyO

เอางี้มะ ถ้าเจอใครมานั่งวี้ดๆ เรื่องม้าแบบ >>307 ก็ปล่อยเบลอไปเลย ใครจะว่าม้าก็ช่าง กูรำคาญ เวลากูมาหานิยายอ่านในนี้คือไม่ได้เหี้ยไรเลย ม้าก็ม้าวะ ยังดีกว่ากระทู้ร้างไม่มีใครคุยกันเพราะกลัวหาว่าเป็นม้าแบบนี้ รำคาญว้อย!!

315 Nameless Fanboi Posted ID:mRIkt8DQ8F

กูว่าเป็นม้ามันไม่ได้ผิดอะไรนะ จะแนะนำจะชมเรื่องไหนมันไม่เสียหายหรอก นี่มีคนถามโม่งให้แนะนำ โม่งก็แนะนำ ก็ LAS คือนิยายน้ำดี แล้วดูมบริงเกอร์ก็คือสุดยอดนิยายที่เนื้อหาแน่นที่เป็นโลกแฟนตาซีและมีเหตุผลรองรับแทบทุกอย่าง ยิ่งอ่านยิ่งลึก ไม่ใช่ของที่เด็กหรือมือใหม่ประสบการณ์น้อยๆจะเขียนได้เลย

316 Nameless Fanboi Posted ID:3bMDxvgaQ+

พอโทรลเสร็จจนไม่มีคนกล้าคุยกันแล้วมึงทำไงต่อวะ ย้ายไปโทรลกระทู้อื่นต่อไปเรื่อยๆเงี้ยเหรอ? เป้าหมายมึงคือปิดบอร์ดโม่งด้วยวิธีนี้เลยปะ?

317 Nameless Fanboi Posted ID:3i6B2zOdib

>>315 นี่สิม้าตัวจริง นิยายน้ำดี สุดยอดนิยายเนื้อหาแน่น กุบกับๆๆ

318 Nameless Fanboi Posted ID:wh.KUsHfi7

นิยายแนวนางเอกร้าย จะยังยึดครองท็อป 100 หมวดหมู่รักแฟนตาซีอยู่อีกมั้ย โปรดติดตามตอนต่อไป

319 Nameless Fanboi Posted ID:HUs5VAePBN

วิธีดูม้าง่ายๆม้าจะร้อนตัวไอ้>>314 เป็นม้า อวยไส้แตกแบบไอ้>>315 คือโม่งคุณภาพ

320 Nameless Fanboi Posted ID:3bMDxvgaQ+

มึงเห็นต่างหรือมีเรื่องอื่นที่คิดว่าน่าสนใจไม่แพ้กันก็เสนอมาสิวะ
นี่มันเหมือนแบบ เพื่อนถามว่ากินไรดี มีคนบอกร้านนี้อร่อย แม่งก็ไปชี้ว่าหน้าม้า คือเขาชอบเขาก็บอกว่าอร่อยปะ?
งั้นมึงจะกินอะไร มึงก็บอกมาดิ ไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ออกความเห็น รอด่าอย่างเดียว แบบนั้นมันขยะสังคมว่ะ

321 Nameless Fanboi Posted ID:9KGLPWV0hX

>>319 อวยโม่ง >>315 ว่าเป็นโม่งคุณภาพ นี่ก็ม้า

322 Nameless Fanboi Posted ID:SpDDIvFg0u

>>320 +1 เห็นด้วย เป็นม้าให้นิยายขยะ กับ เป็นขยะให้สังคม มันเลือกยากตรงไหนวะ

323 Nameless Fanboi Posted ID:UeO4J4zhzK

คุยอะไรกันไม่ได้เลย toxic coommunity เหี้ยๆ สิ้นหวังแล้ว

324 Nameless Fanboi Posted ID:P/fYcyi7ZL

ยุ่งๆอยู่หลายวัน เข้ามาเจอม้าอีกละ ช่างแม่ง กูอยากสับนิยาย โยนมาโล้ด ว่างละจะสับให้

325 Nameless Fanboi Posted ID:nPX6QhTC3K

จะเรียกกูม้าก็ตามใจ มันเรื่องจริงนี่หว่า กูแค่เห็นว่าดูมบริงเกอร์เป็นนิยายที่เนื้อหาแน่นที่เป็นโลกแฟนตาซี มีเหตุผลรองรับแทบทุกอย่าง ยิ่งอ่านยิ่งลึก ไม่ใช่ของที่เด็กหรือมือใหม่ประสบการณ์น้อยๆจะเขียนได้เลย

326 Nameless Fanboi Posted ID:WAK6pvO8or

กูเข้าใจนะว่ามึงประชด แต่ฟังบ่อยๆเข้ากูเริ่มอยากไปลองอ่านละ

327 Nameless Fanboi Posted ID:mRIkt8DQ8F

ม้า inception >>326

328 Nameless Fanboi Posted ID:iowfsaExGs

ม้าคือ?

329 Nameless Fanboi Posted ID:WAK6pvO8or

>>327 5555 คือเหมือนแม่งมาท้ากูอะ ว่ามันเจ๋งอย่างโง้นอย่างงี้นะ จนเกิดความรู้สึกอยากจะพิสูจน์ อยากไปจับผิดหรือเอามาสับซะงั้น

330 Nameless Fanboi Posted ID:WAK6pvO8or

>>328 เครื่องมือที่โทรลใช้ในการทำลายการสนทนา และควบคุมให้กระทู้มีแต่เรื่องด่ากันเท่านั้น ห้ามอวย

331 Nameless Fanboi Posted ID:wh.KUsHfi7

เรื่องม้ายาวๆ

332 Nameless Fanboi Posted ID:9KGLPWV0hX

ดูมห่าไรนั่นมันมีคนเอามาสับตั้งแต่กระทู้ก่อนๆ แล้วนี่

333 Nameless Fanboi Posted ID:SpDDIvFg0u

>>332 มู้ไหนล่ะ

334 Nameless Fanboi Posted ID:NAuvOC25ly

>>332 ใช่

335 Nameless Fanboi Posted ID:xz45to4EKB

รุ้สึกว่ากูเคยสับไปแล้วนะ ดูมบริงเงอร์ ก่อนหน้าก็มีคนสับก่อนกูไปแล้ว ดีกูอ่านพ้นห้าตอนแรก ง่วง ๆ อยู่ แม่งตื่นเลย นิยายดี คนเขียนก็อายุพอ ๆ กับกู 3X แหละ เคยเล่นประมูลด้วยกัน จำชื่อแม่งได้

สนุกอยู่ แต่ไม่ได้น่าติดตามถึงขนาดวางไม่ลง
สู้ยามกลีบฯ ไม่ได้ เรื่องนี้แม่งดีที่สุดในเด็กดีแล้ว กูจะขอเป็นม้าอวยเรื่องนี้จนตราบชั่วฟ้าดินสลายยย

336 Nameless Fanboi Posted ID:z.Kgfs/+qh

>>335 ยามกลีบฯ นี่เรื่องไรวะ ขอชื่อเต็มดิ๊ ใครจะว่าม้าก็ช่างพ่องมัน เอาชื่อมา

337 Nameless Fanboi Posted ID:K8p9AgQ+K6

>>332 >>333 >>334
นี่ไง ดูมห่าราก https://fanboi.ch/webnovel/4810/721-725/

338 Nameless Fanboi Posted ID:K8p9AgQ+K6

>>336 ไอ่นี่ป่ะ https://my.dek-d.com/guillietsig/writer/view.php?id=1401317

339 Nameless Fanboi Posted ID:0948gRK1Lr

>>338 เคยเห็นตามมู้รับวิจารณ์ แต่ยังไม่เคยอ่านว่ะ กลัวตัวเองจะรำคาญอะไรแบบนี้ ถถ

340 Nameless Fanboi Posted ID:SGAQqBZHtI

ใครเริ่มมุกม้าวะ

341 Nameless Fanboi Posted ID:HG5IASk/RI

>>338 ลองอ่านแล้วไม่ใช่แนวกูว่ะ คือกูเป็นพวกไม่ค่อยคิดมากเรื่องวิธีการสื่อนะ
ขอแค่จัดหน้าดีไม่ให้อ่านแล้วรำคาญ กูก็อ่านได้หมด แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่แนวกูจริงๆ
อ่านไปได้ 6 ตอนก็ไม่ไหวละ ภาษาดีจริงแต่สำหรับกูอ่านแล้วมันน่าเบื่อ ส่วนคนอื่น
อ่านแล้วอาจชอบก็ได้ กดลิงก์ลองไปอ่านดูเองละกัน

เห็นโม่งบนๆ มีคนอวยเรื่องนี้ กูเองไม่ใช่นักวิจารณ์เลยประเมินอย่างเป็นกลางไม่ได้
ก็เลยบอกตามที่กูรู้สึกนี่แหล่ะ ถ้าถามว่าดีมั้ย กูตอบว่าดี แต่ถ้าถามว่ามันขายได้มั้ย
กูว่าขายยาก มันเหมือนเขียนแบบนิยายอินดี้ไม่สนกระแส ยอดวิวมันก็จะมาจากคนที่
อ่านเรื่องนี้แล้วชอบจริงๆ

สำหรับ 50 กว่าตอน แต่ละตอนยาวตามมาตรฐานแล้วยังได้วิวหลักพันกูถือว่าเรื่องนี้
ท่าทางจะอยู่ยาก แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็ยังมีคนคอยติดตามรออ่านอยู่ เขียนไปเรื่อยๆ
ให้จบแล้วส่งต้นฉบับไปลองดูอาจพอมีลุ้น

นิยายเรื่องนี้เหมือนคนที่เกิดมาผิดยุค ถ้าเป็นสัก 7 ปีก่อน กูว่าเรื่องนี้อาจเป็นที่สนใจ
มากกว่าในตอนนี้เยอะ ตลาดปัจจุบันแม่งโดนกลืนจากนิยายกระแสหลักมากไป
แล้วในไทยเองก็ไม่ค่อยสนใจแนวแฟนตาซีเท่าไหร่แล้วด้วย (เว้นแต่มึงดังมานาน)

พูดแบบนิสัยเสียหน่อยนึงก็คือกูไม่ค่อยสนว่านิยายเรื่องนั้นจะภาษาดีเลิศประเสริฐศรี
หรือภาษาทั่วไปแบบไร้ลูกเล่น เพราะแต่ละคนมีวิธีการสื่อและบอกเล่าเรื่องราวต่างกัน
ขอแค่มันไม่สก๊อย วิบัติ ฉัวะๆ กุดุสๆๆ จนเกินไป กูก็อ่านหมด ส่วนเรื่องที่ทำให้กูอ่าน
หรือไม่อ่านต่อคือความสนุกมากกว่า

สรุปว่ากูไม่ได้บอกว่าเรื่องนี้ไม่ดี แต่กูแค่ไม่ชอบ ชิมแล้วมันไม่ถูกปากกู แค่นั้นแหล่ะ

342 Nameless Fanboi Posted ID:Um4ouuci47

เออ มู้เริ่มกลับเข้าที่เข้าทางแล้ว อยากจะม้าก็ม้ามา กุจะแห้งตายเพราะไม่มีนิยายให้อ่านแล้ว

343 Nameless Fanboi Posted ID:Nx8KLoSwdz

>>341 เห็นด้วยกับมึงนะ ไม่ใช่ว่าเขียนไม่ดี แต่มันอ่านแล้วไม่ตรงกับความชอบเลยรู้สึกว่ามันไม่ดึงดูดให้อ่านเรื่อยๆ คือภาษาเขาก็สวยนะ แต่อ่านแล้วบางทีมันก็จั๊กจี้อ่ะ มันแบบภาษาทำนองเจ้าชายน้อยที่เราไม่อินอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะรสนิยมที่ชอบนิยายแฟนตาซีแบบรื่นเริงเฮฮามั้ง เรื่องนี้เลยยังไม่ถูกใจ

344 Nameless Fanboi Posted ID:J+0ITE/4k8

มอ เตอร์ไซค์ฮ่าง
มอ เตอร์ไซค์ฮ่าง
ทางลูก รัง.
ฝุ่นเกาะเกรอะกรัง
จับตัว จนหัว แดง

345 Nameless Fanboi Posted ID:krhBU74A5v

กู เพิ่งได้กลับเข้ามา ขอบคุณที่แนะนำนิยายให้ กูจะตามไปอ่านทั้งสองเรื่อง
ส่วนตัวกูจะม้าไม่ม้า กูกดเข้าไปอ่านกูก็รู้เอง ถ้ามันห่วยมากแต่อวยเสียลอย กูก็คงมาสับกลับในนี้แหละ การมาม้าในโม่งไม่ได้ช่วยเพิ่มยอดวิวสักเท่าไหร่หรอก เอาเป็นว่ากูไม่กลัวม้า5555

346 Nameless Fanboi Posted ID:kRmT2ZF6wm

คนโง่มักจะใส่ใจกับเรื่องฉลาด ๆ เรื่องม้าก็เช่นกัน งับเหยื่อกันเข้าไป

347 Nameless Fanboi Posted ID:FLe6ga7v6n

ลืมเรื่องม้าแล้วมาสนใจ KY กูหน่อย

ในไทยนี่ถ้ากูเขียนแนว Cop Action/Comedy นี่คิดว่าจะไปรอดมั้ยวะ

348 Nameless Fanboi Posted ID:kRmT2ZF6wm

>>347 ไม่รอดว่ะ ตำรวจไทยมันไม่เหมือนตำรวจนอก บุกจับยาจับอาวุธต้องเป็นทีมไม่ค่อยมีอะไรมาก ตำรวจยุโรปยิ่งแย่ไม่พกปืน ที่อเมริกาคนมันพกปืนได้ มันมีอะไรหลากหลายกว่า

ล่าสุดที่เป็น Cop Action Comedy ก็เรื่องที่โอ๊ด ปราโมทย์เล่น เรื่อง "โอเวอร์ไซส์ทลายพุง" เป็นทีมตำรวจอ้วนที่โดนเบื้องนสั่งให้ลดน้ำหนัก คือไอเดียพอไหว แต่หนังไม่สุด

ลงชื่อ จองกุก

349 Nameless Fanboi Posted ID:tBQfyWintY

>>347 ขนาด Robocop ไปไม่รอดเลย เอาอะไรกับตำรวจไทย ยังดีที่ละครไทยตำรวจไม่ค่อยจะเป็นศัตรูกับพระเอก เป็นศัตรูทีไรยิงปืนเหมือน Stormtrooper

350 Nameless Fanboi Posted ID:kRmT2ZF6wm

>>349 มันถามเกี่ยวกับ Cop Action Comedy เกี่ยวอะไรกับ Robocop วะ?

ถ้ามึงพูดถึงการไปไม่รอดของ Robocop ภาคที่เอามาทำใหม่มันพูดแทนหนังตำรวจทุกเรื่องไม่ได้หรอกนะมึง หนังตำรวจมีอีกหลายเรื่อง ไหนจะทีวีโชว์อีก แล้วยิ่งถ้ายิงปืนเหมือน Stormtrooper คือพลาดเป้าเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา มันจะเป็นอะไรวะ มันก็เป็น Comedy ได้ปะ นี่มึงสับสนอะไรปะวะ

คือไม่รู้อะไรจริงไม่ต้องพูดก็ได้นะไม่มีใครว่าอะไรหรอก อ่านไม่เข้าใจแล้วเขียนมั่วมันเสียเวลาโม่งคนอื่น กูเห็นหลายทีแล้วนะโม่งแบบมึงเนี่ย

351 Nameless Fanboi Posted ID:Qy73u8Q7/F

Robocop เค้าคงหมายถึง ความเก่งกาจระดับตำรวจในตำนานยอดมนุษย์ที่เก่ง
ยังไม่สามารถจูงใจในคนอ่านหันมาสนใจแนวนี้ได้เลยละมั้ง
แล้วตำรวจไทยตามธรรมดา ที่ดูจะบู๊แอ็ดชั่นแบบอ่อนๆ จะเป็นนิยายแอ็ดชั่นที่น่าสนุกได้ไงอะไรทำนองนี่แหละ

352 Nameless Fanboi Posted ID:Qy73u8Q7/F

ถ้าแนวตำนวจ กูอยากอ่านแบบหนังฮ่องกงในตำนานเรื่อง ตํารวจตัดตํารวจ
แบบนั้นกูยอมเลย

353 Nameless Fanboi Posted ID:Qy73u8Q7/F

แล้วก็แบบหนังฮ่องกง สองคนสองคม
ที่หลิวเต๋อหัวเล่นคู่กับเหลียงเฉาเว่ย สนุกสุดๆ

354 Nameless Fanboi Posted ID:8fToW2RcNY

>>349 กูงงโรโบคอปเกี่ยวเชี่ยไรด้วยวะ >>347 แบบที่มึงว่านึกถึงซีรีย์ว่ะLethal weaponกับrush hour เบาสมองดีแต่ไม่หนุกว่ะ

355 Nameless Fanboi Posted ID:kRmT2ZF6wm

>>350 อย่าหัวร้อนดิ Robocop มันก็ใกล้แนวซุปเปอร์ฮีโร่ไหม? ถ้าใช่มันก็ใกล้เคียงกับ Action Comedy ได้นะ ปราบผู้ร้ายสอดแทรกความฮา มันอาจจะหมายถึงพวกหนังมาเวลไรงีไหมมึง

356 Nameless Fanboi Posted ID:OWvkaDNwbH

>>350 >>355 มึงคนเดียวกัน ID:kRmT2ZF6wm
ทำแบบนี้เพื่ออะไร

ลงชื่อ เซฮุน

357 Nameless Fanboi Posted ID:HI5IrBF7BE

คุยเรื่องที่กำลังดราม่ากันดีกว่า เรื่อง Goblin Slayer เนี่ย
มีใครเคยแต่งแนวนี้มั่งปะ

358 Nameless Fanboi Posted ID:MG4oMGue6j

>>357 มีมาม่าอะไรวะกูไม่ได้ตาม

359 Nameless Fanboi Posted ID:HI5IrBF7BE

>>358 ดราม่าเรื่องเอาฉากข่มขืนมาเป็นจุดขายล่อพวกคุหื่นๆ

360 Nameless Fanboi Posted ID:acaWgD+.ot

>>359 มันใช่หรอวะ ดราม่ามันจากอนิเมะไม่ใช่เรอะ ไม่เกี่ยวกับนิยายเลยเพราะพอเป็นเมะแล้วฝรั่งมันดราม่าเรื่องเอะอะก็ Rape เอะอะก็ตาย
ในนิยายอ่านแล้วแรงก็จริงแต่ก็ตามสไตล์ดาร์กแบบยุ่นอ่ะ คิดอะไรไม่ออกก็เอาตัวประกอบมา Raped แม่งเลย มันมีตรงไหนเอาใจคุวะเนี่ย

361 Nameless Fanboi Posted ID:Qy73u8Q7/F

มีฉากรุนแรง ข่มขืน มันแต่งลงเด็กดีไม่ได้นะสิ

362 Nameless Fanboi Posted ID:liQvI6XAdM

โม่งหลายตัว มันก็บอก ติดตามเพราะฉากเรท ขายความหื่น ขายความรุนแรงนี่แหละ

363 Nameless Fanboi Posted ID:wXvnLUuxAU

มีแค่ในมังกะเท่านั้นละ นิยายมีแต่จึ๋งนึง พูดผ่านๆ ด้วยซ้ำ

364 Nameless Fanboi Posted ID:KB1a+AKNPd

ดราม่าก็อบลินสเลเยอร์มันแบ่งได้ 2 กรณีคือ
1. พวกที่ตับอ่อน จิตใจอ่อนแอ ที่บังเอิญเข้ามาชมเพราะคาดหวังจะได้เห็นพระเอกโชว์เทพช่วยหญิงตกสาว โดยหารู้ไม่ว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่นิยายโลกสวยแบบที่พวกมันอ่านๆ กัน

2. พวกโทรลพวกฮีทเตอร์ที่คอยปั่น ซึ่งอันนี้เป็นไงก็ไปนั่งดูในมู้ Goblin slayer โลด กูเบื่อจนขี้เกียจเข้าไปอ่านละ

เอาตามจริงแล้วไอ้เรื่องนี้มันไม่สมควรมีดราม่าเลยซักนิด ฉาก Rape เอย ไอ้พฤติกรรมป่าเถื่อนของพวกก็อบลินเอย มันก็มีแค่ 2 ตอนแรกที่ใส่มาเพื่อปูเรื่องให้คนอ่านเข้าใจว่าก็อบลินแม่งเหี้ยสมควรโดนกำจัดเท่านั้นแหละ ที่เหลือก็ไม่มีละเป็นแนวแฟนตาซีรับเควสที่มีพระเอก edgy นิดๆ แต่ไอ้พวกสารก่อมะเร็งดราม่าทั้ง 2 จำพวกนี่แม่งมันไม่ยอมหยุดไง คอยแซะเป็นเนื้อร้ายจนแม่งลามไปเรื่อยตั้งแต่เรื่อง Rape เรื่องเหยียดเพศนักผจญภัยหญิง เรื่องหาความสมจริงของแรงดันน้ำ เรื่องการเมืองในเรื่อง ยันไปถึงเซ็ตติ้งของเรื่อง

พอเอาข้อมูลมาเถียงแม่งก็หาว่าคุบ้าง เป็น nerd บ้าง แทนที่จะคุยเนื้อเรื่องก็ผันกลายเป็นโจมตีบุคคลซะงั้น

365 Nameless Fanboi Posted ID:mO5rPnj66S

อยู่ดีๆเพื่อนกุแม่งก็โยนไฟล์นิยาย1000หน้ากระดาษ(ไม่เคยลงในเน็ต)มาให้กู กูควรทำไงกับมันดี 5555

366 Nameless Fanboi Posted ID:7Ki35uHl.B

>>365 เอาไปส่งสำนักพิมพ์

367 Nameless Fanboi Posted ID:1hekUcuP7b

>>364 ปิดเทอมก็เป็นฉะนี้แล เปิดเทอมเมื่อไรเดี่ยวไปแล้ว

368 Nameless Fanboi Posted ID:aeOkhH2/CX

>>365 ลง Recycle Bin

369 Nameless Fanboi Posted ID:aeOkhH2/CX

ขออนุญาต KY เกี่ยวกับไลท์โนเวลไทยเรื่องนี้หน่อย >>> https://www.kawebook.com/story/view/535

เห็นมีคนบอกว่าเรื่องนี้ได้รับการแนะนำในญี่ปุ่น เขียนโดนหะริดผู้เคย
ไปยังวัลฮาลามาแล้ว ไลท์โนเวลแนวน่าจะไปทางการเมืองหรือไม่ก็
ปรับปรุงระบบบริหารประเทศ

ถึงมันไม่ได้มาจากเด็กดี แต่อยากให้มีคนลองสับเรื่องนี้ดูหน่อย
จากที่ไปหาข่าวอ่านมา ได้เรื่องประมาณว่าที่มีคนญี่ปุ่นสนใจเพราะ
รูปตัวเอกที่เป็น Trap บนปกดูน่าเด้าเฉยๆ กูเลยอยากรู้ว่าโม่งคิดยังไง
กับเรื่องนี้บ้าง

กูสกิมผ่านๆ แล้วเกิดความ Cringe เป็นพักๆ เขียนด้วยสไตล์ที่
ค่อนข้างไทย มีเผ่าหูสัตว์ต่างๆ มาสร้างความโมเอะ มีเซอร์วิสด้วย
ตามสูตร ที่กูสะดุดคือความฝืน ไม่เป็นธรรมชาติทางอารมณ์ของตัวเอก
ถึงจะพยายามอธิบายว่าเป็นเพราะฮอร์โมนของวัยรุ่นก็เถอะ

ใครสนใจก็รบกวนหน่อย เลิกงานเดี๋ยวกลับมาอ่าน

370 Nameless Fanboi Posted ID:vIq7sOWlCV

ถ้า Goblin slayer เป็นนิยายขี้เงี่ยนเพราะฉาก rape ตอนต้นเรื่องละก็ kaifuku jutsushi no yarinaoshi คงเป็นนิยายมหาเทพแห่งความเงี่ยนแล้วมั้ง

371 Nameless Fanboi Posted ID:aeOkhH2/CX

>>370 เออว่ะ... ไอ้เรื่อง Skill taker ก็ด้วยนั่นก็อย่างหื่น

372 Nameless Fanboi Posted ID:xkX6VE5dB4

>>370 จะว่าไปทำไมมีแต่ ญี่ปุ่น กับเกาหลีที่ชอบเอาการถูกข่มขืนมาเป็นประเด็นว่ะ (ไม่นับรักข่มขืน ข่มขืนรัก น้ำเน่าปัญญาอ่อนแบบไทยนะมึง คนละอารมณ์กัน) นิยายจีน นิยายตะวันตกนี่กูแทบจะไม่เคยเห็น กว่าจะปูเรื่องให้หม่น ให้กดดันนี่แม่งเล่าสามตลบ หลายๆ เรื่องใช้วิธีฆ่าตัวละคร บางเรื่องใช้วิธี Bully ตัวละคร เห็นมีแต่เกากับยุ่นนี่แหละเอา Rape มาดึงอารมณ์
ไม่ใช่ว่าไม่ได้ดีนะ แค่สงสัยทำไมที่อื่นเขาไม่ใช้หรือมันง่ายไป เพราะตอนกูอ่านเจออะไรแบบนี้ครั้งแรกๆ กูดาวน์เดี๋ยวนั้นเลย ไม่ต้องปูพื้นกันเป็นบทๆ

373 Nameless Fanboi Posted ID:AzN7oimXns

ญี่ปุ่น กฎหมายเปิดกว้างการแสดงออกเรื่องเซ็กซ์ ถึงมีให้เล่นกับฉากข่มขืนได้มั้ง ไม่งั้นหนัง AV จะเต็มเนทได้ไง
จีนหรือที่อื่น ยังไม่เปิดกว้างในการแสดงออกเรื่องแนวนี้มั้ง

374 Nameless Fanboi Posted ID:u9tjPmiRqR

>>372 ก็มีนิ GoT ก็มีพูดถึง Walk of Shame ก็ไม่ต่างจากการข่มขืนเท่าไหร่หรอก

>>373 ที่จีนพระเอกข่มขืนเองเลย นางเอกโดนก็มี ไม่เคยอ่านเจาะเวลาหาจิ๋นซีละสิ

375 Nameless Fanboi Posted ID:KB.aDDyrb2

เดาว่าอีกอย่างคือสถานภาพทางสังคมของผู้หญิงบ้านเขาไม่เหมือนบ้านเราด้วย
บ้านเราชายหญิงมีสถานะทางสังคมใกล้เคียงกันดูคล้ายๆ สังคมฝรั่งนิดหน่อย แต่ที่ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ผู้หญิงยังถูกมองว่าด้อยกว่าผู้ชาย ฉะนั้นความอ่อนไหวในเรื่องข่มขืนนั้นจึงต่างกับบ้านเราด้วยล่ะมั้ง

376 Nameless Fanboi Posted ID:vIq7sOWlCV

>>364 พวกตับอ่อน นี่กูก็เห็นใจอยู่นะ ในช่วงปีหลังๆ มานี้ เมะ นิยาย การ์ตูน ดาร์กๆ แนว Berserk , Devilmanหรือกระทั่งฤทธิ์หมัดดาวเหนือ มันไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่ ที่มีก็ไปไม่สุด

377 Nameless Fanboi Posted ID:pkQE1HVIUC

>>374 ไม่รู่ว่าเป็นเพราะตอนนั้นกูไม่ค่อยชอบอี Cersei หรือเพราะบทมันปูมาให้พอเดาได้อยู่แล้วว่าอีนี้ต้องโดนแน่ ตอน Walk of shame กูเลยไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ เอาจริงๆ ตอนแม่มังกรโดนพี่ขายให้ Droco(เขียนถูกปะวะ?) กูยังเจ็บกว่าอีก
เอาจริงๆ ฝั่งตะวันตกที่เล่นเรื่องข่มขืนมันก็มีนะ แต่ก็ไม่รู้สึกดาวน์ขนาดนั้นอ่ะ ไม่รู้ว่ะ อาจจะเพราะรสนิยมส่วนตัวมั้ง 555

378 Nameless Fanboi Posted ID:rMNMusQesv

>>377 Drogo

379 Nameless Fanboi Posted ID:1hekUcuP7b

อุตสาหกรรมสื่อลามกในญี่ปุ่นมีประวัติมานานแล้ว เกาหลีน่าจะเห่อหมอยเหมือนคนไทยเห่อนิยายจีนเสิ่นเจิ้น
https://www.youtube.com/watch?v=Y8-vkFpU5UQ

380 Nameless Fanboi Posted ID:u9tjPmiRqR

>>379 โทษที กูไม่เข้าใจว่าเกี่ยวไรกับเกาหลี

381 Nameless Fanboi Posted ID:iXKSnzyEEf

เรื่องข่มขืนใน Goblin Slayer เป็นดราม่าที่ตื้นเขินมาก ไม่เชื่อลองเอาไปตั้งเป็นกระทู้ในเด็กดีสิ

382 Nameless Fanboi Posted ID:AzN7oimXns

>>374 เจาะเวลาเคยอ่าน
แต่มันไม่ได้ดูรุนแรงแบบ ก็อปลินมารุมข่มขืน รุมโทรมผู้หญิง แล้วเอามีแทงเสียบเหยื่อไปด้วยอะไรยังนี้ไง มันเน้นไปที่ความดาร์ท เถื่อนดิบ
ส่วนแนวจีน มันบรรยายฉากข่มขืนแบบเด็กๆ หญิงชายให้อรรสรสเบาๆ เช่นมังกรหยกก็ อา...หลั่งน้ำวิสุทธิ์เข้ามาในตัวข้า อะไรแบบนั้น

383 Nameless Fanboi Posted ID:1hekUcuP7b

>>381 เชื่อเถอะ คนในเด็กดีส่วนน้อยรู้จัก Goblin Slayer

384 Nameless Fanboi Posted ID:OcPW0gJF3W

ใครมีนิยายสืบสวนแนะนำบ้างวะ เอาแบบสืบสวนจริง ๆ นะ ปนตลกนิด ๆ ก็ได้ แนะนำกูหน่อย

385 Nameless Fanboi Posted ID:pkQE1HVIUC

>>384 ถ้าแบบเว็บโนเวลคงไม่มีอ่ะ คนไทยไม่เขียน แนวนี้มันต้องใช้ Fact+Logic เขียนไม่สนุกเลยไม่เขียนลงเว็บกัน ขนาดพิมพ์เป็นเล่มๆ ยังหายาก แต่ถ้าแบบแปลก็ตามสูตรอะ นิยายชุด Sherlock H. คินดะอิจิ, นิยาย Dan brown, ปัวโรต์ แต่ถ้าคอเกม FPS ก็นิยาย Tom Clancy(สืบสวน+MilitaliaSci)
กูไม่ค่อยอ่านนิยายจีนแต่เห็นเขาว่า ตี๋เรินเจี๋ยสนุก

386 Nameless Fanboi Posted ID:CSEr8gPXit

>>385 ตายห่าละ กูอ่านจนนิยายหมดบ้าน เป็นของแปลทั้งนั้น ถึงว่า ไม่เจองานของคนไทยเลย... เศร้า

387 Nameless Fanboi Posted ID:yYcDIdHfee

จู่ๆ ก็นึกอยากอ่านนิยายสูตรสำเร็จโรงเรียนเวทมนตร์แฮะ ไอ้สูตรมาวันแรกก็ไปท้าต่อยนางเอกอ่ะ

388 Nameless Fanboi Posted ID:wnUpOfOjD6

>>387 สูตรเมะยุ่นโรงเรียนเวทนี่หว่า

389 Nameless Fanboi Posted ID:ymRZw6XPDC

>>388 แบบ Astherisk กับ Rakudai อ่ะเหรอ

390 Nameless Fanboi Posted ID:yYcDIdHfee

>>389 ใช่ๆ

391 Nameless Fanboi Posted ID:7Wqy+j5C9n

>>389 ใช่แล้ว ๆ

392 Nameless Fanboi Posted ID:gA5GSkhsGk

กูก็งงนะวันแรกเปรี้ยวตีนอะไรขนาดนี้ ส่วนอีนางเอกโดนจนหมอบหนเดียวก็ mind break จากคนหยิ่งเป็นหลงคนกระทืบตัวเองซะงั้น

393 Nameless Fanboi Posted ID:68RqmlYYP1

แมชชีนดอลล์น่าจะได้มั้ง
แต่ถ้าหมายถึงในพล็อตแนวๆนั้นเด็กดี อันนี้กูไม่รู้นะ

394 Nameless Fanboi Posted ID:wnUpOfOjD6

การเขียนพล็อตของพี่แก https://www.youtube.com/watch?v=TTZEFGvMH0k

395 Nameless Fanboi Posted ID:dMYVihZ5hN

การเขียนฉากแอ็คชั่นของพี่แก
https://youtu.be/C17bE66vz2Y

396 Nameless Fanboi Posted ID:yYcDIdHfee

>>395 มึงต้องไปดูคลิปแอนตี้ฮีโร่ กับ จักรวรรดิชั่วร้าย กูชอบ 2 คลิปนั้นมาก

397 Nameless Fanboi Posted ID:Ln4CNEQhPM

>>396 หาไม่เจอว่ะ อันไหนวะ

398 Nameless Fanboi Posted ID:wnUpOfOjD6

>>397
แอนตี้ฮีโร่ https://www.youtube.com/watch?v=YoxRr07drJU
จักรวรรดิชั่วๆ https://www.youtube.com/watch?v=A1Way_MdkVg

399 Nameless Fanboi Posted ID:WsegZQrph6

ช่วงนี้เว็บบอร์ดเด็กดีน่าเบื่อ คุยแต่เรื่องจีนกับจีน กูนึกว่าเข้าเว็บของสนพฺบูรพัฒน์

400 Nameless Fanboi Posted ID:WsegZQrph6

กูขอบอกล่วงหน้าว่าไม่ม้า กูเบื่อจีนเสิ่นเจิ้น แต่ไอ้เรื่องนี้ถือว่าโซเวียตเสิ่นเจิ้นอ่ะเปล่า
https://writer.dek-d.com/Comradepiddog/writer/view.php?id=1865726

401 Nameless Fanboi Posted ID:I6kmf9XMpe

Ky เห็นพูดเรื่องก็อบสเลกัน กูขอลี้ภัยมาในนี้หน่อยนะ มู้ในหมวด Anime&manga แม่งเรื้อนเกิน อยู่ไม่ได้
กูไปเห็นคนเล่นมีมที่ก็อบสเลพูดเรื่องดาบของหัวตี้ตอนแรกว่ายาวเกินกว่าจะใช้ในถ้ำ แล้วเอาภาพกัซ Berserk มาพร้อมติดคำพูดว่ามันอยู่ที่ประสบการณ์...ซึ่งกูว่าคนมีประสบการณ์จริงๆ ก็ไม่ใช้ดาบใหญ่ๆ ยาวๆ ในถ้ำหรอกวะ แต่คอมเมนต์แม่งอวยกัซซะเหลือเกิน บางคนก็พูดว่าเรื่องใช้ดาบแทงด้วย กูก็ได้แต่ปลงใจ พอๆ กับพวกเชื่อเรื่องการถอด pommel เพื่อเขวี้ยงใส่หัวอีกฝั่งวะ
ดาบมันใช้แทงได้จริง แต่ต้องดูบริบทด้วย พวกก็อบลินมันไม่มีเกราะ จะแทงจะฟันก็เข้า ตัวเล็กด้วย ยังไงก็เข้าจุดตาย แต่ในสถานการณ์เด็กใหม่คือโดนล้อมและด้านหน้าก็มีก็อบลินหลายตัวรออยู่ กว่ามึงจะแทงแล้วชักดาบกลับ ไอ้พวกตัวข้างๆ ก็เข้าประชิดแล้ว ที่มันพลาดคือใช้ท่าฟันที่ชูดาบขึ้นเหนือหัวกับแกว่งดาบเป็นวงกว้างเกินไป แทนที่จะฟาดแนวระนาบหรือแนวทแยงที่กินวงแกว่งเล็กกว่าและเพิ่มโอกาสฟันโดนหลายตัวในดาบเดียว
แค่ถึงอย่างนั้นมันก็พลาดตั้งแต่ใช้ดาบยาวเข้าถ้ำกับแกว่งแบบเสียสติจนเพื่อนเข้าไปช่วยไม่ได้แล้วละ

402 Nameless Fanboi Posted ID:KkVRD+MrhJ

>>401 มึงกำลังจะทำให้มู้นี้เรือนเพื่อ?

403 Nameless Fanboi Posted ID:MR9lUxdA4A

ใครจะอ่านใครจะดูก็ช่าง มีกูคนนึงอะที่ไม่สนใจ เอาที่สบายใจ

404 Nameless Fanboi Posted ID:XwKTZ8+f+F

>>401 มึงลืมแล้วใช่มั้ย ตุลานี้คือช่วงปิดเทอม เด็กว่างจัดไม่ไปโรงเรียนกัน

405 Nameless Fanboi Posted ID:VtTiHnPGV0

>>401 มึงอย่าไปคิดมากกับการแต่งนิยายหรือการ์ตูน แค่คิดว่าจะเขียนยังไงทำให้คนอ่านเชื่อได้นะแหละ คือจุดประสงค์หลักที่ควรศึกษา
ในก็อบสเล มูลเหตุตัวละครนั้นมันต้องตาย ฉะนั้นจะด้วยอะไรก็ตาม สุดท้ายมันต้องตาย
ในกัซ พระเอกมันต้องรอด จะฟันดาบฝ่าศัตรูยังไง มันก็ต้องรอดออกมาให้ได้
คนแต่งทั้งสองเก่งมาก ที่ทำให้คนอ่านมีความรู้สึกร่วมได้ นั่นคือจุดที่ควรสนใจนำมาใช้บ้าง ถ้ามึงแต่งนิยายสักเรื่อง

406 Nameless Fanboi Posted ID:k+TsCaEtrI

>>401 เรื่องประสบการณ์ ก็อบสเลต่างจากเบอเซิร์กหน่อย ก็อบสเลอยู่ในเมืองเฉยๆก็ไม่มีใครทำร้ายเขาตรงๆแล้ว แค่บุกไล่ฆ่าที่รังก็อบลินตามประสาคนมีปม แต่เบอเซิร์กที่ไอ้กัซถูกปีศาจไล่ล่า ไม่ใช่เพราะไปหาเรื่องกริฟฟิทก่อน แต่โดนตีตราสังเวยประทับตามธรรมเนียมของก็อดแฮนด์ต่างหาก พวกที่มีตราจะถูกปีศาจตามล่ามาถวายให้พวกมัน อยู่เฉยๆก็ถูกไล่ล่าอยู่ดี

407 Nameless Fanboi Posted ID:TdOhfge//1

ทำไมตอนกัซโดนอัดถั่วดำไม่มีดราม่าแบบนี้บ้างวะ

408 Nameless Fanboi Posted ID:I6kmf9XMpe

>>407 พวกที่ดราม่ามันเกิดไม่ทันดูละมั้ง

409 Nameless Fanboi Posted ID:TdOhfge//1

https://i.redditmedia.com/84Q5-M8MhDX2ulNmosD2I6QlkJtbL3ESKW4KXMlVURE.jpg?w=320&s=e3628ad0f6c0cfe30f488183495ddaca

410 Nameless Fanboi Posted ID:I6kmf9XMpe

>>400 อ่าาาาาา นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้อ่านนิยาย
ชื่อตัวละคร : บทพูด

411 Nameless Fanboi Posted ID:PNFzZkoJ+1

>>410 คำพูดคำจาวันพีซสัด

412 Nameless Fanboi Posted ID:s+5bsBi8UB

>>407 อินเตอร์เน็ตยังไม่เข้าถึงง่ายแบบสมัยนี้

413 Nameless Fanboi Posted ID:wRhORucC/e

Berserk มันดีทุกอย่างยกเว้นตำนานการดองและเนื้อหาโลกสวยขึ้นนี่แหละ

414 Nameless Fanboi Posted ID:qk7eqYaUVc

โหลๆ มีนิยายแนะนำไหม หาอ่านเรื่องใหม่อยู่ สนใจแนวแฟนตาซี-ยุคกลางเป็นพิเศษ ถ้ามีเรื่องไหนแนะนำก็แปะมาหน่อย

415 Nameless Fanboi Posted ID:zdPAwRGXra

ตอนนี้ยังหาไม่เจอ จีนเสิ่นเจิ้นเต็มไปหมด

416 Nameless Fanboi Posted ID:o+Lq9Y93mq

ทางนี้เขียนอยู่นะ แต่แปะไปเดี๋ยวหาว่าม้า ก่อนหน้านี้โดนโม่งเหน็บไปทีด้วย

417 Nameless Fanboi Posted ID:+MZRFWQw6U

>>416 เฮ้ยยยยยยย แปะนิยายตัวเอง ก็เป็นม้าเหรอวะ?

418 Nameless Fanboi Posted ID:F6ilqgUr5f

ถ้าไม่ได้แปะเพื่อด่าก็ม้าหมดอะ
ไม่ดิ บางทีแปะเพื่อด่ายังโดนหาว่าม้าเลย แกล้งด่าเพื่อโปรโมท
สรุปคือ กูก็ไม่รู้ว่ามันจะให้เราคุยอะไรกันในกระทู้นี้

419 Nameless Fanboi Posted ID:+MZRFWQw6U

ใครเริ่มต้นมุกม้ากูก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ไอ้คนที่ต่อยอดมุกม้าจนมู้ตกต่ำนี่มัน...

420 Nameless Fanboi Posted ID:UMBVBJYXrO

กูมีเน็ตโทรศัพท์ที่สามารถเล่น Pubg mobile หรือ Fate go ได้ไม่มีสดุด แต่กูไม่สามารถโหลดหน้าค้นหานิยายของแอพเด็กดวกได้ บัดซบชิบหาย

421 Nameless Fanboi Posted ID:ErEvy1XzyK

คือไม่ว่าจะแปะนิยายหรือแม้แต่แค่พูดถึง ไม่ว่าด้วยเหตุผลแะไรขึ้นมา จะมีคนเล่นมุขม้าแล้วก็ต่อยาวๆ จนน่ารำคาญทุกที

422 Nameless Fanboi Posted ID:+MZRFWQw6U

>>421 มุกม้า หรือ มุขม้า

423 Nameless Fanboi Posted ID:rdx6EQuQyg

ใครขยันเล่นมุกม้า แจ้งแบนแถวนี้ดู https://fanboi.ch/meta/

424 Nameless Fanboi Posted ID:NHbGEyz++F

อะไรๆ ก็ม้า มุกม้าแม่งกระจายไปทุกมู้ ฮรี้กุบกับๆ

425 Nameless Fanboi Posted ID:2PGQyFhxUY

>>424 ใครก็ได้แจ้งแบนมันที

426 Nameless Fanboi Posted ID:OcujHzocdN

เห็นมั้ยล่ะ ขนาดแค่พูดถึงเฉยๆ ก็มา...

427 Nameless Fanboi Posted ID:BjrBPwkSDh

พอพูดถึงมุกม้า กูเลยนึกถึงชื่อมู้เก่า พอนึกถึงชื่อมู้เก่าเลยนึกถึงชื่อมู้นี้"สิ้นหวังแล้วเด็กดวก..." พอนึกถึงชื่อมู้นี้เลยนึกขึ้นได้ว่าไอ้พวกที่บอกจะแข่งกันเขียนนิยายให้ติดท๊อป พิสูจน์ว่าติดท๊อปง่ายๆ นี่มันไปถึงไหนแล้ววะ ล้มหายตายจากกันไปหมดแล้วหรือมีผงาดขึ้นมาใกล้จะท๊อปบ้างรึยัง หรือรู้ตัวว่าสิ้นหวังแล้วก็เลยทำเป็นลืมไปเฉยๆ

428 Nameless Fanboi Posted ID:eDYTtJsD5J

ถึงพวกท็อปมันจะมาจากกระแส ก็ใช่ว่าเขียนตามกระแส แล้วจะขึ้นกันได้ง่ายๆ นะเว้ย มันต้องลงในเวลาที่พอเหมาะ +ต้องมีดวง ไม่ก็พวกฐานแฟนคลับด้วย แบบเรื่องใหม่แตมรี่นี่ก็ใช่มั้ง เขามีฐานแฟนคลับ

429 Nameless Fanboi Posted ID:ErEvy1XzyK

เอาจริงๆ แตมรี่นี่กูว่าอาศัยแฟนคลับล้วนๆแล้วล่ะ งานแบบเดิมๆ พลอตเดิมๆ ภาษาเดิมๆ ตลอด ไม่เห็นจะพัฒนาหรือเปลี่ยนแนวอะไรเลย อย่างฮิเดโกะนี่ กูยังเห็นเขาย้ายไปเขียนแนวผู้ใหญ่ เขียนวายบ้าง หรือเจ้าปลาน้อยก็ภาษาโอเค ตอนนี้ไปเขียนยูริจนรุ่งกว่าแล้วมั้ง แตมรี่ล่ะ มีอะไรเปลี่ยนบ้าง

430 Nameless Fanboi Posted ID:QN3/O2z2bX

>>429 แตมรี่ถนัดเขียนให้คนโง่หลงซื้อไง พออ่านเยอะจนหายโง่ก็จับทางอีแตมรี่ได้ จึงย้ายไปอ่านเรื่องอื่น ส่วนคนที่ยังไม่หายโง่ก็ตามอ่านแตมรี่ต่อไป

431 Nameless Fanboi Posted ID:mfaVMjxOdR

ถ้าไม่อยากให้คิดว่าม้า ก็เหลือแค่ 2 ทางล่ะวะ

1.ย้อนกลับไปเอานิยายที่ยังไม่ได้สับใน list มู้เก่ามาจัดให้หมด
2.กระทู้ฝากนิยายใน DD ชอบอันไหนมึงก็แจงที่มาเลย จากกระทู้นี้ คห. ที่เท่าไหร่ก็ว่าไป

จะได้ไม่ต้องเขินเพราะแม่งก็แปะกันทั้งกระทู้อะ ไม่ต้องโดนข้อหาม้าออกหน้าออกตา
เพราะมึงเอาม้ไปปล่อยในคอกม้าที่มีเป็นสิบๆ ตัว ส่วนเรื่องของมึงจะโดนสับมั้ยก็แล้วแต่ดวง

432 Nameless Fanboi Posted ID:k8G8Vy8wsi

youtube ล่มเอ๋อวะ?

433 Nameless Fanboi Posted ID:mfaVMjxOdR

>>432 ล่มทั่วโลก กูก็เป็น

434 Nameless Fanboi Posted ID:mfaVMjxOdR

>>432 หายละ

435 Nameless Fanboi Posted ID:YfPytP5eYS

>>432 โครตตกใจ กูไม่คิดว่าตัวมันเองจะเป็นฝ่ายล่ม นึกว่าเน็ตกูนี่แหละที่ล่ม พอเปิดเว็บได้ปกติเท่านั้นแหละ youtube ล่มเองเลยว่ะ ถถถถถถ

436 Nameless Fanboi Posted ID:fpc32GJqsG

https://www.dek-d.com/board/view/3883939/
ชวนมาบ่น...

437 Nameless Fanboi Posted ID:nP9lK88ccw

https://www.dek-d.com/board/view/3883980/
ขอบคุณที่รักกัน...

438 Nameless Fanboi Posted ID:mfaVMjxOdR

บอร์ดนักเขียนสมัยนี้ตกต่ำลงเยอะเลยนะ ใช้พื้นที่กระทู้ลงเรื่องที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับงานเขียนเท่าไหร่
ถ้าเป็นสมัยก่อนนี่ เจอพวกมาเฟียบอร์ดจัดหนักไปแล้ว

439 Nameless Fanboi Posted ID:YfPytP5eYS

ถ้าไม่มีนอกเรื่องบ้างมันก็เหมือนจะเงียบๆ อะนะ

440 Nameless Fanboi Posted ID:rN6/LlTv97

ช่วงนี้มีเว็บอื่นมาถามด้วยนะ จอยลดาเอย ฟิคชั่นล็อกเอย

441 Nameless Fanboi Posted ID:2iUZLrTMaw

>>438 จริง ปกติกูส่องบอร์ดวันละหลายรอบ แต่เดี๋ยวนี้หลายๆ วันส่องที

>>437 ไอ้มู้นี้กูก็งงนะ คือถ้าจะมาขอบคุณเรื่องยอดวิว แล้วทำไมต้องมาทำในที่ที่มีแต่นักเขียนเป็นส่วนมาก คนในบอร์ดจะมีอ่านนิยายมันอยู่สักกี่คนกันวะ เจตนาชัดเจนเลยนะ แล้วก็กูสังเกตมาหลายทีละ เวลามีพวกงั่งๆ มาตั้งมู้ถามว่าได้ยอดวิวยอดเฟฟกันเท่าไหร่ ในขณะที่คนอื่นเขาตอบกันหลักสิบ หลักร้อย ถ้ามีหลักพัน หลักหมื่น โผล่มา มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเสิ่นเจิ้น80% ถามว่ามันผิดไหม ไม่ผิดนะเพราะมันก็ได้เท่าที่มันอวดจริง แต่ก็นะบางคนแม่งดูโคตรพราวด์
โอเค มึงเจ๋งมากเสิ่นเจิ้น ตอนนี้เป็นยุคของมึง กูปรบมือ

442 Nameless Fanboi Posted ID:k8G8Vy8wsi

>>438 มาเฟียบอร์ดคืออะไรวะ

443 Nameless Fanboi Posted ID:fpc32GJqsG

>>442 ดู>>436 >>437ขาใหญ่นึกจะตั้งมู้อะไรก็ตั้ง

444 Nameless Fanboi Posted ID:mfaVMjxOdR

>>442 อ่านกระทู้เก่าๆ ดู

สมัยก่อนถ้ามีกระทู้ไร้สาระแบบนี้ออกมา จขกท. แม่งจะโดนขาประจำเขียนประมาณว่า กระทู้อวดหรือกระทู้โพสรูปไม่เกี่ยวกับนิยายแบบนี้มันรกบอร์ด

445 Nameless Fanboi Posted ID:HqrDt67Dgd

>>442 ตรงตัวนั่นแหละ อารมณ์ผู้คุมบอร์ด(ใครตั้งไม่รู้ แค่คนรู้จักเยอะ มีชื่อในบอร์ดก็เป็นได้แล้ว) มีอำนาจพอๆกับเว็บมาสเตอร์เลยด้วยมั้ง

446 Nameless Fanboi Posted ID:qTKbFEQ27b

ทำไมเรียกว่าอีเครื่องวะ

447 Nameless Fanboi Posted ID:h1JDDDI8nw

แม้แต่นางร้ายที่ว่าแน่ก็ไม่สามารถต่อกรพลังวายได้

448 Nameless Fanboi Posted ID:41Hwg.aC9J

มาเฟียบอร์ดเหรอ ฟังแล้วขำว่ะ เคยมีคนทำตัวแบบนั้นด้วยเหรอวะเนี่ย เสียดายกูมาไม่ทัน

ลงชื่อ เจ โฮป

449 Nameless Fanboi Posted ID:57.Bphnid9

>>446 เมื่อก่อนแม่งใช้โปรรูปเครื่องบิน

450 Nameless Fanboi Posted ID:9Hxw4fJPau

>>449 แค่โปรรูปเครื่องบิน กูใช้โปรที่โทรฟรี 300 นาที กับเน็ตไม่จำกัดว่ะ

451 Nameless Fanboi Posted ID:QN3/O2z2bX

>>440 จอยลดาคือไรวะ สงสัยตั้งนาน ยังไม่เก็ท

452 Nameless Fanboi Posted ID:HqrDt67Dgd

>>451 เว็บลงนิยายแนวแชท หาในอากู๋ก็เจอ ดังนะเว้ย
>>448 ใช่สิ มึงมาไม่ทัน พวกนี้คือจุดเริ่มต้นของมู้รวมนินทาเด็กดวกเลยด้วยซ้ำ ตอนตั้งใหม่ๆนะไหลเร็วมาก คนก็น่าจะเนียนย้ายฝั่งมากันเยอะด้วย 555

453 Nameless Fanboi Posted ID:mETVHF3miy

มาเฟียผ่านไป ม้าเฟียก็มาแทนที่

454 Nameless Fanboi Posted ID:ZdKUJBei9S

นี่มันพยายามให้ดูเป็นยุโรป แต่ทำไมยิ่งอ่านยิ่งจีนวะ T____T)
https://writer.dek-d.com/InaeO/story/view.php?id=1807171

455 Nameless Fanboi Posted ID:qTKbFEQ27b

>>454 ลองดูผ่านรู้สึกมันจะ succ แปลก ๆ ว่ะ คือดูไปตอนแรกเหมือนเซ็ตติ้งจะยุโรปป แต่ภาษาพูดมันดูเหมือนพวกกำลังภายในยังไงก็ไม่รู้

ปล. กูอ่านไม่จบ

456 Nameless Fanboi Posted ID:qTKbFEQ27b

https://www.dek-d.com/board/view/3883129/

เห็นมันฝากนิยายกัน เผื่อใครจะทำตาม>>431

457 Nameless Fanboi Posted ID:h1JDDDI8nw

>>453 มันเล่นมุกม้า แบนมัน

458 Nameless Fanboi Posted ID:fCBN/xB1+T

>>456 กูเห็นขยันโปรโมตฟิค Witch's Heart แต่กูดูคนแคสเกมตัวหลัก นอกจากตัวละครหน้าตาดี ที่เหลือไม่เห็นน่าติดตามเลย ยังกะดู Pandora Hearts

459 Nameless Fanboi Posted ID:mOjUf9tvIp

>>454 ตาม >>455
อันนี้เสริม คำว่า "เซียน" กับ "องค์ชาย" นี่แหละแม่งทำให้นึกถึงหนังจีน

460 Nameless Fanboi Posted ID:fCBN/xB1+T

>>459 ยุโรปรู้จักองค์ชาย แต่ไม่ได้รู้จักเซียน

461 Nameless Fanboi Posted ID:mOjUf9tvIp

>>460 มันใช้ได้ไง ส่วนตัวแค่ว่าพอมี องค์ชายแปด โผล่มากูก็แอบนึกถึงหนังจีน แต่จะใช้องค์ชายหรือเจ้าชายก็เหมือนกันแหละ(ยกเว้นในศักดินาไทยอะนะ)

คำว่าเซียนน่าจะค่อนข้างเฉพาะเลยแหละว่าจีน เปลี่ยนไปเทียบกับอย่างอื่นดีกว่า เทพไรงี้ก็ได้

462 Nameless Fanboi Posted ID:rsH2PWBRxt

เวลากูเขียนให้มันยุโรป กูจะไม่ใช้องค์ชายนะ กูใช้เป็นเจ้าชายไปเลย พวกเก่งๆ เทพๆ ก็เรียกไปตามอาชีพ ยศ กับชื่อจริงของตัวละคร ท่านอัศวินผู้เก่งกาจ ท่านกษัตริย์อาเธอร์ อะไรแบบนี้ // ว่าแต่เซียนนี่แปลว่าไรวะ เอาแบบความหมายตรงตัว

463 Nameless Fanboi Posted ID:N/o+RaPj7G

>>462 คนที่กลายเป็นเทพ

https://th.wikipedia.org/wiki/เซียน

464 Nameless Fanboi Posted ID:xSuhdkAx7r

>>461 องค์ชายแปด = องค์ชายลำดับที่แปด
ใช่ไหมวะ

465 Nameless Fanboi Posted ID:QUd71jhAhy

>>464 เขียนคล้ายกันแต่ความหมายมันไม่เหมือนกันหรอกนะ จีนกับยุโรปเนี่ย

466 Nameless Fanboi Posted ID:8ugxgn2oj7

>>465 แล้วต่างกันยังไง >>464 ก็ความหมายเดียวกันนิ

467 Nameless Fanboi Posted ID:QtMl3S5Bdr

มันไม่ได้มีแค่นั้น ลองอ่าน ๆ ดูนอกจากชื่อตัวละครกับประเทศ/ภูมิรัฐศาสตร์แล้ว นอกนั้นแม่งไม่มีอะไรดูยุโรปเลย ยิ่งแบบฟาดฟันกันเพื่อชิงบัลลังก์งี้ถ้าเป็นยุโรปก็คงเป็นยุคชนเผ่าก่อนแม่งจะใช่กฎลูกคนโตได้ทุกอย่างป่ะ
แต่งเมียเยอะออกหน้าอีก คือถ้าฝั่งยุโรปมันควรจะมีเมียเอก 1 แล้วจะมีสนมลับอีกนับสิบก็ว่าไป คือสรุปแม่งดูจีน ๆ อะ

468 Nameless Fanboi Posted ID:QtMl3S5Bdr

อีกอย่างฝั่งยุโรปมันจะไม่แทนกันด้วยตัวเลขไหม ก็องค์ชาย + ชื่อตัว ไปเลย หรือไม่ก็เจ้าชาย + ชื่อ + ลำดับที่

469 Nameless Fanboi Posted ID:CJ6kPiB707

>>468 องค์ชายโม่งแซะ โ่มงแซะ แซะโม่งตะลุ่มตุมโม่งที่ 8

470 Nameless Fanboi Posted ID:3KfL8TBH0w

ฝากไปบอกมันว่าทางยุโรปคนเป็นเทพเขาใช้ เซนต์ (Saint)

ลงชื่อ เซย่า ชิริว เฮียวกะ ชุน อิคคิ

471 Nameless Fanboi Posted ID:8ugxgn2oj7

>>468 มีนะ คำว่า xxx prince ก็มีใช้ทั่วไป แต่พวกฝนั่งลูกไม่เยอะเท่าจีน เลยไม่ได้มีเลขเยอะแบบนั้น และบางทีก็เป็นตำแหน่งมากกว่า ลองหาคำว่า 1st prince สิ

472 Nameless Fanboi Posted ID:9EJZRduMyc

กูเห็นฝั่งยุโรปมักลงท้ายชื่อเมืองหรือดินแดนมากมาย เช่น เจ้าชายทอมมี่แห่งสโลเนีย เจ้าชายโรมันแห่งสก๊อต อะไรแบบนี้มากกว่า
ช่วงนี้กูอิ่มแนวจีนนิดๆ เริ่มวนไปหันไปหาแนวยุคกลางฝรั่งกับแนวเอาชีวิตรอด

473 Nameless Fanboi Posted ID:xSuhdkAx7r

>>472 พูดถึงแนวเอาชีวิตรอด กูคิดถึงการ์ตูนของนานมีบุ๊คว่ะ

474 Nameless Fanboi Posted ID:iq+5PlfVsP

>>466 >>464 ยุโรปทุกราชวงศ์ไปยันราชวงศ์ฝั่งเอเชียอย่างรัซเซียไม่ได้ให้ความสำคัญกับการนับลำดับพี่น้องเกิดก่อนหลังขนาดนั้น วัฒนธรรมพี่น้องเขาไม่เหมือนคนเอเชีย
คำว่าที่123456ต่อท้ายชื่อคือชื่อมันซ้ำกับพ่อ ปู่ ทวด ญาติโกโหติกามันเลยต้องใช้ลำดับที่ เพราะมันตั้งชื่อตามตระกูล กึ่งๆ จะเป็นนามสกุล เป็นชื่อประจำราชวงศ์นั้นๆ อย่างชื่อโรเบิร์ตที่หก หมายถึงราชวงศ์นี้แม่งมีโรเบิร์ตมาก่อนแล้วหกคน ไม่เกี่ยวห่าอะไรกับเป็นพี่น้องคนที่หกเลย
>>471 ไม่อยากขัดแต่ 1st prince หมายถึงรัชทายาทลำดับที่หนึ่งที่จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ทันทีที่กษัตริย์คนก่อนหน้าสละบัลลังค์ก็จริง แต่มันก็มีแค่ 1st นี่แหละที่เป็นเหมือนตำแหน่ง แถมไม่ได้วัดว่าเป็นเจ้าชายองค์โตด้วยเพราะมันคือตำแหน่งรัชทายาท จะเป็นคนสุดท้องก็ได้
แล้วไอ้ 2nd prince, 3rd prince นี่ไม่มีนะมึง มีแต่เป็นชื่อเขตเลือกตั้งของแคนาดา

475 Nameless Fanboi Posted ID:F/zkc6nPbl

ถ้าจำไม่ผิดฝั่งยุโรปจะมีแค่รัชทายาทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นครองบัลลังค์ ส่วนคนอื่นๆ ถ้ารัชทายาทยังไม่มีทายาทก็ยังสามารถมีสิทธิ์ขึ้นครองได้ในฐานะตัวสำรองหากรัชทายาทเกิดตายไป แต่ถ้ารัชทายาทเกิดมีทายาทสืบบัลลังค์แล้วญาติคนอื่นก็จะหมดสิทธิ์ทันที

ซึ่งหลังหมดสิทธิ์ในบัลลังค์แล้วก็มี 2 กรณีคือ หากยังญาติดีกับทางราชวงศ์อยู่ก็จะสามารถแยกตัวออกไปตั้งเป็นตระกูลของตัวเองได้ โดยดำรงตำแหน่ง ดยุคไม่ก็ดัชเชส ในฐานะญาติของกษัตริย์ หรือไม่ก็แต่งเข้าตระกูลอื่นเพื่อใช้เป็นเชื่อมสัมพันธ์

อันนี้กูจำมาจากตอนเล่น Crusader King อะ

476 Nameless Fanboi Posted ID:CJ6kPiB707

กูขอถามสงสัย อย่างองค์ชายแปดคือลูกคนที่ 8 ใช่มั้ย ถ้าไม่เกี่ยวกับการเรียงลำดับเลขของยุโรป ฮ่องเต้ต้องบะบ่ะจนมีลูกถึง 8 องค์ใช่รึเปล่า

477 Nameless Fanboi Posted ID:fCBN/xB1+T

>>475 ไอ้สืบทอดให้รัชทายาทกับลูกหลานเนี่ย มีส่วนเกิดสงครามแย่งชิงบัลลังก์ เช่น สงครามกุหลาบ เป็นต้น
https://www.youtube.com/watch?v=CWu8ETLml64

478 Nameless Fanboi Posted ID:jmNPmgJA3E

>>474 จริงๆ มันก็มีลำดับอยู่นะ แต่เป็นลำดับการสืบบัลลังก์ ปกติจะไม่แสดง แต่ถือว่ามีอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็นับตามลำดับพี่น้องนั่นละ

>>476 ลูกชายคนที่ 8

479 Nameless Fanboi Posted ID:sykY1FRlQk

>>476 ให้ชัดเจนขึ้นคือเป็น "ลูกชาย"คนที่8 ถ้ามีลูกสาวไม่เลขรวมกัน

480 Nameless Fanboi Posted ID:CJ6kPiB707

>>478 >>479 เข้าใจแล้ว

481 Nameless Fanboi Posted ID:0H0T1l2F.5

>>474 เสริม โรเบิร์ต ที่ 6 นี่คือราชวงศ์นี้มี”กษัตริย์”ชื่อโรเบิร์ตมาแล้ว 6 องค์ คือถ้าเป็นเจ้าชายโรเบิร์ตเฉย ๆ แต่ไม่ได้ขึ้นครองราชย์ก็แค่โรเบิร์ตอะ

482 Nameless Fanboi Posted ID:0H0T1l2F.5

หรืออาจจะเจ้าชายลำดับที่ 17 แห่งจักรวรรดิบริทาเนีย อะไรงี้
เช่น ลู—- เจ้าชายลำดับที่ 17 แห่งจักรวรรดิบริทาเนีย ลูกชายคนโตแห่งพระนางมารีแอนผู้ล่วงลับ บลา ๆ ๆ ๆ ๆ

483 Nameless Fanboi Posted ID:uTiQfdeeNu

ลูลูช วี บริทาเนียขอกัญชา ให้พวกเจ้าทุกคน จงอัพนิยายทุกวันซะ! #ไร้สาระแปป

484 Nameless Fanboi Posted ID:CJ6kPiB707

แล้วมีการตั้งชื่อเล่นให้กษัตริย์หรือพระโอรสรึเปล่า กรณีชื่อจริงยาวมาก

485 Nameless Fanboi Posted ID:3KfL8TBH0w

>>484 ถามแบบนี้มึงคนไทยหรือเปล่าวะ

486 Nameless Fanboi Posted ID:0H0T1l2F.5

>>484 มี อย่างควีนอลิซาเบธที่2 มีชื่อเรียกกันในครอบครัวว่า ลิลิเบธ

487 Nameless Fanboi Posted ID:0H0T1l2F.5

หรือเติมสมญานามเข้าไปหลังชื่อเช่น วิลเลี่ยมผู้พิชิต(เกาะอังกฤษ) แมรี่บ้าเลือด

488 Nameless Fanboi Posted ID:0H0T1l2F.5

คือมันกลิ่นอายจีนชัดขนาดนี้จะเปลี่ยนชื่อตัวละคร/สถานที่/ประเทศ เป็นยุโรปทำไม ก็จีนไปเลยสิ
มันไม่ใช่แค่องค์ชายแปดนะ พออ่าน ๆ ไปกลาง ๆ เรื่องแม่งโครตหนังจีนอะ…

489 Nameless Fanboi Posted ID:xSuhdkAx7r

>>487 ถ้าจำไม่ผิด ที่มีการตั้งสมญานามเพราะสมัยนั้นชื่อมันซ้ำกันเยอะใช่มะ

490 Nameless Fanboi Posted ID:fCBN/xB1+T

>>489 ใช่ ไม่เพียงแค่ชื่อกษัตริย์ ชาวบ้านตั้งชื่อซ้ำเยอะกว่าคนไทย อย่างเอ็ดเวิร์ด คนไหนเอ็ดเวิร์ดกันแน่ คนจึงนิยมเรียกนามสกุลแทนชื่อไปเลย

491 Nameless Fanboi Posted ID:9q19NwC1Nx

เอ้าๆ ปรบมือ ความรู้จากยุโรปมาเต็ม

492 Nameless Fanboi Posted ID:Ay5LPUxAGR

ถ้าเรียกชื่อผู้หญิงชั้นสูงต้องเรียกแบบไหนหรือ
ตัวอย่าง:แมรี่ ป๊อปปิ้นส์
1) เลดี้แมรี่
2) มิสป๊อปปิ้นส์
3) ใช้ได้ทั้งคู่
กูเคยเห็นใช้แบบนี้ในหนังกับซีรี่ย์ แต่ไม่ค่อยมั่นใจว่าใช้ยังไง

493 Nameless Fanboi Posted ID:0THEC3i6OR

>>492 3.) ใข้ได้ทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับบริบทล้วนๆ
อย่าง Lady นี้ถ้าใช้นำหน้าชื่อแบบในนิยายอะไรแบบนี้ แบบ Lady Poppin คือออกแนวไปในทาง "เคารพให้เกียรติ" มากกว่า
แต่ถ้าแบบ Lady เฉยๆ แบบใช้กันประจำวันนี่คนละเรื่องเลยนะ ถ้ากูจะ Lady ใส่ใครนี่คือแม่งต้องมีเหตุการณ์อะไรซักอย่างอ่ะ ประมาณว่ามีคนมาแซงแถวกู กูก็ Excuse me Lady! เอาแบบไทยๆ ก็ ขุ่นน้องคะ!
ส่วน Miss นี่คือเหมือนเป็นคำสุภาพใช้เรียกผู้หญิงที่มึงไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าเขาแต่งงานรึยังก็ Miss ไปก่อนเลย ใช้ได้แม่งทุกสถานการณ์

494 Nameless Fanboi Posted ID:N/o+RaPj7G

>>493 แต่ถ้ามีตำแหน่งเป็น Lady ก็ต้องใช้ Lady นะ ไปใช้ Miss มันจะถือว่าไม่ให้เกียรติ

495 Nameless Fanboi Posted ID:Ly5i2gziky

>>493 แล้วถ้าเป็นคำว่ามาดามล่ะมึง ใช้ในสถานการณ์ไหน

496 Nameless Fanboi Posted ID:QtMl3S5Bdr

>>495 ผู้หญิงที่ผัวตาย

497 Nameless Fanboi Posted ID:N/o+RaPj7G

>>495 มาดามเป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าผู้หญิงสูงอายุ ถ้าจะใช้ก็ระดับคนรุ่นแม่คนพูดหรือใช้ให้เกียรติแบบ Lady ก็ได้ แต่ต้องมีอายุด้วยนะ ใช้เรียกเด็กหมอยยังไม่ขึ้นไม่ได้

498 Nameless Fanboi Posted ID:oNMF7M073X

กูเองก็เคยมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ในตอนแรกๆ ที่เริ่มเขียนแนวขุนนางแฟนตาซี กูเลยตัดปัญหาด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ในโลกของกูไปเลยว่า ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว และคนที่แต่งด้วยเป็นขุนนางให้เรียกว่า ท่านหญิง นอกนั้นให้เรียกว่า คุณ แต่พวกอายุน้อยกว่า 20 ให้เรียกว่า คุณหนู สามัญชนเรียกชื่อตรงๆ ห้วนๆ ไปเลย
รู้แหละว่ามันอาจไม่ถูกหลักความเป็นจริง แต่มันง่ายกว่าเวลาเขียน นักอ่านก็ไม่ท้วงอะไรก็เลยใช้มาเรื่อยๆ

499 Nameless Fanboi Posted ID:Ay5LPUxAGR

>>493 >>494 แต็งมากๆ

500 Nameless Fanboi Posted ID:qvO8VT4Js.

สงสัย พวกดยุกที่มีอำนาจมากๆในนิยาย แบบมากจนกษัตริย์ต้องเกรงใจ อำนาจพวกนี้มาจากไหน ไม่ใช่ว่าดยุกมีแค่ที่ดินกับเงินเยอะอะไรแบบนี้เหรอ

501 Nameless Fanboi Posted ID:TYbOX5WkEJ

พ่อแม่ซินเดอเรลล่า (เอลล่า) นี่เป็นดยุกหรือเปล่าวะ ในการ์ตูนบ้านนางใหญ่โตมาก เหมือนถอดแบบมาจากปราสาท

502 Nameless Fanboi Posted ID:TYbOX5WkEJ

เอ๊ย พ่อเฉยๆ

503 Nameless Fanboi Posted ID:Aj5rmoQuIA

>>501 ในเนื้อเรื่องบอกเป็นแค่เศรษฐีผู้มั่งมี คิดว่าไม่น่าใช่ขุนนาง น่าจะเป็นพวกพ่อค้ามากกว่า

504 Nameless Fanboi Posted ID:Aj5rmoQuIA

>>500 ชีวิตจริง ยุคฟิวดัล ขุนนางน้อยใหญ่มันมีทหารเป็นของตัวเอง เพราะยังไม่เป็นรัฐชาติแบบปัจจุบันที่ทหารรับใช้ชาติ ยุคนั้นทหารรับใช้ขุนนางที่ตัวเองสังกัด ดยุกมีที่ดินกับเงินเยอะ = ทหารในสังกัดตัวเองก็เยอะตาม ตัวอย่างก็ วิลเลี่ยมผู้พิชิต เป็นแค่ดยุกแห่งนอร์มังดี แต่มีทหารกับทุนมากพอจนพิชิตเกาะอังกฤษ (ถึงส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะอังกฤษเพิ่งสู้กับนอร์เวย์เสร็จมาหมาดๆ ก็เถอะ) กษัตริย์จะเกรงใจ เอาใจ บ้างก็ไม่แปลก
แต่สำหรับนิยายเท่าที่อ่านมา...แค่รวยเฉยๆ ว่ะ ไม่เห็นเหี้ยไรอื่นเลย

505 Nameless Fanboi Posted ID:qvO8VT4Js.

>>504 โอเค กูอยากรู้ว่าชีวิตจริงๆเป็นยังไงนี้แหละ กูพยายามหาข้อมูลแนวนี้อยู่ แต่หนังสือพวกประวัติยุโรปแม่งมาเล่มหนาปึก ตัวหนังสือบรรยายเรียบๆน่าง่วงมาก อ่านที่พวกแกถกยังเข้าใจมากกว่า

506 Nameless Fanboi Posted ID:x957OITB4y

>>500 ชาวบ้านขึ้นตรงกับขุนนาง ขุนนางขึ้นตรงกับดยุก เเล้วดยุกขึ้นตรงกับกษัตริย์ ทีนี้จะเห็นว่าอำนาจจะไปรวมที่ดยุกก่อนถึงกษัตริย์ เท่ากับไม่มีใครที่ขึ้นตรงกับกษัตริย์ กษัตริย์ยุคนั้นถึงชอบสงครามครูเสดมากๆ เพราะพวกขุนนางมันไปตายกันเยอะดี

507 Nameless Fanboi Posted ID:qvO8VT4Js.

>>506 ดยุกเนี้ยไม่ใช่ขุนนางเหรอ กูเข้าใจว่าเป็นแบบ ชาวบ้าน<ทหาร<ขุนนาง(ดยุก มาควิส บารอน)<กษัตริย์ ซะอีก

508 Nameless Fanboi Posted ID:lIwT+kbAP9

>>507 ดยุคคือขุนนางที่มีเชื้อพระวงศ์ อาจเป็นทายาทกษัตริย์องค์ก่อนหรืออะไรก็ตาม แต่ปกติต้องมีเชื้อสายกษัตริย์ถึงเป็นได้

509 Nameless Fanboi Posted ID:F.3VFeTkQq

เห็นพูดถึงเรื่อง saint อยากถามหน่อยว่าที่ฝรั่งเรียกกันว่า Sword saint นี่ภาษาไทยเขาเรียกว่าอะไรกันนะ

510 Nameless Fanboi Posted ID:Aj5rmoQuIA

>>508 ถ้ากูจำไม่ผิด มันก็มีดยุกที่ไม่มีเชื้อสายกษัตริย์อยู่นะ

511 Nameless Fanboi Posted ID:x957OITB4y

ลำดับชั้นขุนนางมันเยอะขี้เกียจพิมพ์ ไปหาในกูเกี้ลไป มันจะรับใช้กับเป็นทอดๆไปเรื่อยๆ

512 Nameless Fanboi Posted ID:Aj5rmoQuIA

ถ้าไม่ใช่นิยายเจาะลึก ใช้แค่ ราชา > ดยุก > เคานต์ > บารอน > เซอร์ > สามัญชน > ทาส
ก็น่าจะพอนะ อยากได้เยอะกว่านี้ค่อยไปดูแล้วเทียบว่าอันไหนใหญ่กว่าอันไหน

513 Nameless Fanboi Posted ID:MInmxhb2N.

โม่งเปล่าวะเนี่ย เพิ่งคุยเรื่องนี้กันไปเมื่อไม่กี่วันก่อน วันนี้กระทู้โผล่เลย
https://www.dek-d.com/board/view/3884448/

514 Nameless Fanboi Posted ID:oBWL5eTgNZ

ดยุกคือขุนนางชนิดหนึ่งแหละ แต่พอดีมีอำนาจรองมาจากกษัตริย์เท่านั้น แถมคนที่เป็นดยุกส่วนใหญ่ก็ดันเป็นเชื้อราชวงศ์
ส่วนเรื่องดยุกที่ไม่ได้เป็นเชื้อราชวงศ์ อันนี้ก็มีแหละ แต่มีน้อยส่วนใหญ่แล้วไม่ว่ายังไงก็ต้องมีเชื้อสายเกี่ยวกับกษัตริย์ทั้งนั้น

ยกตัวอย่าง วิลเลี่ยม ผู้พิชิต (William the conqueror) มีตำแหน่งเป็น Duke of Normandy แต่ต้นตระกูลของวิลเลี่ยมนั้นเป็นทหารรับจ้างชาวไวกิ้ง ที่ถูกจ้างโดยพระเจ้าชาร์ลที่ 3 ของฝรั่งเศส แต่เพราะพระเจ้าชาร์ลยกลูกสาวให้เป็นของกำนัลเพื่อไม่ให้พวกไวกิ้งมารุกรานเท่านั้น ตระกูลนี้ก็กลายเป็นตระกูลที่มีความใกล้ชิดกษัตริย์ และอาศัยความใกล้ชิด + ความภักดีสร้างผลงานจนกลายเป็นตระกูลดยุกในที่สุด

515 Nameless Fanboi Posted ID:a9aH/KrWVk

>>513 ผิดหมวดนะ มู้นี้เกี่ยวกับนิยายเด็กดี แต่ไม่นินทาบุคคลในบอร์ดเด็กดี

516 Nameless Fanboi Posted ID:CuGJXCFu6X

>>513 กระทู้คุณตะพาบ พวกมึงตั้งคุยนอกเรื่องกุด่ากูลบ แต่พวกกุตั้งเหี้ยอะไรที่ไม่เกี่ยวก็ได้เพราะคุยสัพเพเหระเว้ย

517 Nameless Fanboi Posted ID:lIwT+kbAP9

>>510 มี แต่น้อย

>>512 แต่ละประเทศมียศไม่ครบตามนี้หรอก อย่างอังกฤษ เซอร์ไม่นับเป็นบรรดาศักดิ์ ตามหลักมีแค่ duke marquess earl viscount baron ที่อื่นก็ว่ากันไป แต่ส่วนใหญ่จะเอามาปนกันซะมากกว่า

518 Nameless Fanboi Posted ID:rVZ1bCJxDy

ลำดับชนชั้น​เรียงสูงสุดไปล่างสุด
-กษัตริย์​
-แกรนด์​ดยุค, อาร์ชดยุค (ใช้ในบางประเทศ​เท่านั้น​ ส่วนใหญ​่ก็คือพวกเจ้าชายเจ้าหญิง)​
-ดยุค
-มาร์ควิส
-ไวท์​เคานท์
-เคานท์(เฉพาะเกาะอังกฤษ​เรียก เอิร์ล)​
-บารอน
-อัศวิน​
-ชาวบ้าน
-ทาส

519 Nameless Fanboi Posted ID:J2.XcXZxkO

>>510 ที่น่าตลก สำหรับไลท์โนเวลยุ่นกับนิยายไทย ดยุคส่วนใหญ่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดราชวงศ์เลย เขียนให้เท่เฉยๆ

520 Nameless Fanboi Posted ID:.Q/25UAK7h

เพราะเป็นรองแค่คิงไง เลยคิดว่าเป็นแล้วดูเท่ ให้ราชาแต่งตั้งให้มั่วๆ เฉยเลยก็มี บ้าบอ

521 Nameless Fanboi Posted ID:oBWL5eTgNZ

ไหนๆ มาถึงนี่แล้วจะลากยาวไปเรื่องจักรวรรดิ์ด้วยมั้ย?

522 Nameless Fanboi Posted ID:TbdCQGjb/N

มาด้วยก็ดี กูอ่านแล้วเพลินว่ะ

523 Nameless Fanboi Posted ID:x70UOUcyhP

กูก็รออ่านนะ มีใครใจดีเล่าให้ฟังบ้าง มาเก็บเอาไปเป็นข้อมูลเขียนนิยาย

524 Nameless Fanboi Posted ID:oBWL5eTgNZ

โอเคงั้นเพิ่มเรื่องจักรวรรดิให้นิดหน่อยละกัน

ก่อนอื่นเลยก็คือนิยามของจักรวรรดิ ฟังดูเหมือนจะยิ่งใหญ่นะแต่ในความเป็นจริงแล้วจักรวรรดิ์มันก็แค่ระบอบการปกครองที่มีหลายๆ ประเทศมารวมตัวกันโดยที่มีตัวจักรวรรดิเป็นศูนย์กลางก็เท่านั้นล่ะ ซึ่งไอ้เจ้าประเทศทั้งหลายนี่ส่วนใหญ่แล้วก็ยังมีระบบการปกครองเป็นของตัวเองอยู่ และนั่นก็หมายถึงอาจจะมีกษัตริย์และขุนนางเป็นของตัวเองอยู่ด้วย แต่การปกครองประเทศหลายๆ แห่งให้มาร่วมมือกันเป็นหนึ่งนั้น นั้นก็จำเป็นต้องมีผู้นำที่เป็นศูนย์กลางซึ่งในที่นี้ก็คือ องค์จักรพรรดิ นั่นเอง

ยกตัวอย่างจักรวรรดิที่สังเกตง่ายๆ ก็คือ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman empire) ซึ่งเจ้าจักรวรรดินี้ก็มีสมาชิกหลักๆ อยู่ด้วยกันก็คือ เยอรมัน , โบฮีเมีย (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐเช็กเกียและสโลวาเกีย) , อิตาลีเหนือ (มิลานไปถึงกรุงโรม) และบางส่วนของฝรั่งเศสและโปแลนด์ ซึ่งการรวมหลายประเทศเข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองเดียวกันแบบนี้นี่ล่ะ ถึงเรียกว่าระบบจักรวรรดิ

ส่วนการตั้งเป็นจักรวรรดินั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีหลายประเทศรวมกันก็ได้ บางทีแค่ 2-3 ประเทศรวมกันก็เป็นจักรวรรดิได้แล้ว ยกตัวอย่างก็คือจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง ตอนน้ันญี่ปุ่นมีพื้นที่ปกครองหลักๆ ก็คือตัวญี่ปุ่นบนเกาะ , ไต้หวัน , แมนจูเรีย และเกาหลี ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นตรงกับการปกครองส่วนกลางและกลายเป็นจักรวรรดินั่นเอง

เรื่องเขตแดนนั้นไม่ยากสำหรับจักรวรรดิ แต่เรื่องที่ปวดหัวที่สุดก็คือเรื่องระบอบการปกครองในจักรวรรดิและการเลือกจักรพรรดินั่นล่ะ

ที่บอกว่าปวดหัวเพราะบางจักรวรรดินั้นมีการเลือกไม่เหมือนกัน บางแห่งก็เลือกใช้วิธีสืบทายาทโดยที่จักรพรรดิจะส่งต่อตำแหน่งให้กับรัชทายาท แต่บางแห่งก็จะใช้ระบบการโหวตของสภาขุนนางเลือกว่าจะให้ตัวแทนของประเทศไหนขึ้นมาเป็นจักรพรรดิ และบางแห่งจักรพรรดิก็มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนเลยก็ยังมี ซึ่งอันนี้ขอพูดแค่คร่าวๆ ละกัน รายละเอียดเบื้องลึกนี่คงต้องไปหาอ่านกันเอง

นี่กูพูดถึงเรื่องนี้แล้ว อีกหน่อยกูต้องพูดถึงเรื่อง Galactic federation ด้วยมั้ย?

525 Nameless Fanboi Posted ID:GLJgHK3jpH

ตามความเข้าใจของกู ภายในประเทศ จักรวรรดิมียศสูงกว่าราชอาณาจักร จักรพรรดิมียศสูงกว่าราชา (HRE) แต่ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จักรพรรดิและราชามีศีลเสมอกัน จักรวรรดิจะต้องเป็นมหาอำนาจ (มหาอำนาจกลาง WW1) มีการขยับขยายดินแดน (จักรวรรดิ Roman) และปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ แต่ไม่จำเป็นต้องเรียกตัวเองเป็นจักรวรรดิหรือจักรพรรดิ (จักรวรรดิสเปน ที่กษัตริย์เป็น King ไม่ใช่ Emperor ) ที่สำคัญสุดเลย จักรวรรดิมันฟังดูชั่วและโครต Cool กว่าราชอาณาจักร
ผิดตรงไหนแก้ให้ด้วย

526 Nameless Fanboi Posted ID:x70UOUcyhP

>>524 แต๊งกิ้ว แล้วข้อดีของการปกครองแบบจักรวรรดิเป็นยังไง ทำไมราชาของประเทศต่าง ๆ ถึงได้ยอมเป็นรองราชาคนใดคนหนึ่ง แล้วถ้าสมมติว่าจักรวรรดิมีความเห็นว่าแบบนี้ แต่ราชาของประเทศในจักรวรรดิไม่เห็นด้วย จะเกิดสงครามหรือการแยกประเทศกันไหมวะ?

527 Nameless Fanboi Posted ID:WxnMHoNJez

ก็เอาระบบฟิวดัลมาเทียบก็ได้ แค่เพิ่มตำแหน่งจักรพรรดิไปอยู่บนสุดแค่นั้น ในเกมที่เล่น กุก็ชอบตั้งราชามาปกครองดินแดนใหญ่ๆแทนจะมาเสียเวลาเอาใจเหล่าลอร์ดทั้งหลาย

528 Nameless Fanboi Posted ID:f7D48CPT2P

Ky กูเห็นเพจเกม identity v จองไทย เขาโพสชื่อทีมกัน หนึ่งในนั้นมีชื่อที่เตะตากูมาก
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=437418963450711&id=433877867138154
โม่งใช่มั้ย นั่นใช่โม่งรึเปล่า~

529 Nameless Fanboi Posted ID:ANfDvbni0r

>>528 กูว่าใช่

530 Nameless Fanboi Posted ID:VSVfeALS42

>>529 ไม่ก็เด็กดวกนี่แหละที่มาเหมือนขอตั้งชื่อพระเอกนางเอก แต่เสือกเจอของดีโดยบังเอิญ ตั้งชื่อกลุ่มแม่งเลย

531 Nameless Fanboi Posted ID:+aas6U3SRG

>>526 ที่กูคิด ถ้าแม่งไม่ยอมเป็นรอง สงครามแม่งเกิดแน่ๆ และดูท่าฝ่ายตัวเองแม่งต้องแพ้ยับแน่นอน

532 Nameless Fanboi Posted ID:GLJgHK3jpH

>>531 ไม่ก็ยับแม่งทั้งคู่ เหมือนสงคราม 30 ปีอ่ะ...

533 Nameless Fanboi Posted ID:NSNw8tlGxC

ky กูกำลังเขียนตลคที่เป็นเด็กอยู่ เป็นเด็กผู้หญิงที่มีมารยาท วางตัวดี เป็นลูกคุณหนู แล้วกูไม่รู้จะแบ่งสัดส่วนระหว่างนิสัยเด็กกับการวางให้ยังไงดี เพื่อนโม่งว่ากูทำไงดี หรือกูต้องหาแนวโลลิอ่าน

534 Nameless Fanboi Posted ID:1YdWX7vye2

>>533 มารยาทกับการวางตัวดีก็แบบเดียวกันนะ มึงจะแยกทำใม

535 Nameless Fanboi Posted ID:Tm5BbPalK3

>>526 การเมืองไง ง่ายๆ สมมุติว่ามึงมีประเทศของตัวเองเป็นประเทศเล็กๆ พอจะปกป้องตัวเองได้บ้างแหละ แต่ชายแดนมึงอีกประเทศที่การทหารแม่งเหนือกว่ามึง แถมผู้นำบ้าๆ บอๆ จะยกคนมาตีบ้านมึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ บางทีการยอมไปอยู่ใต้ร่มเงาของจักวรรดิที่ยิ่งใหญ่กว่าก็เป็นกันชนได้อย่างดี แถมผลประโยชน์อีกนับไม่ถ้วน แลกกับเงือนไขอะไรก็แล้วแต่จักวรรดิจะขอมา คุ้มไม่คุ้มไม่รู้แต่ดีกว่าแยกตัวเองแล้วโดนรุมยำเละแน่ๆ อะ
สมัยนั้นแม่งล่าดินแดนกันป่าเถื่อนไร้เหตุผลสัสๆ ถ้าตัวเองไม่แข็งจริงก็ไปขออยู่ ขอเป็นพวกเดียวกับคนที่เขาแข็งกว่าเหอะ

536 Nameless Fanboi Posted ID:vR4+pRr.V1

แล้วพอรอบข้างมันเริ่มอ่อน + ตัวเองเริ่มแข็งก็จะคิดแยกตัวออกจากจักรวรรดิเอง ปรัสเซีย เป็นต้น

537 Nameless Fanboi Posted ID:LGXEUdEQjJ

จักรวรรดิก็แค่คำคำหนึ่ง อย่างช่วงก่อนสงครามโลกเกาหลียังอัพเกรดตัวเองขึ้นมาเป็นจักรวรรดิเกาหลีเลยทั้ง ๆ ที่ก็มีอยู่ประเทศเดียว ชนชาติเดียว

จักรวรรดิเดิมมันใช้เรียกประเทศที่ปกครองหลาย ๆ ชนชาติพร้อม ๆ กันเช่นรัสเซียที่ขยายอำนาจลงไปทางใต้ กับตะวันออกกลาง
อังกฤษที่มีอนานิคมทั่วโลก
ส่วนหลัง ๆ มันใช้ผิดความหมายกันไปเรื่อยแต่ก็ไม่มีใครซีเรียสอะไรก็แค่ชื่อ
เหมือนญี่ปุ่น ชื่อประเทศคือ State of Japan แต่มีตำแหน่งจักรพรรดิเฉย
หรืออย่างควีนวิคตอเรียเป็นพระราชินีของสหราชอาณาจักร พร้อม ๆ กับเป็นจักรพรรดินีแห่งอินเดีย

538 Nameless Fanboi Posted ID:LGXEUdEQjJ

>>536 ปรัสเซียอยากแยกตัวจากHRE? ถ้าจำไม่ผิดปรัสเซียนี่เป็นหนึ่งในรัฐผู้คัดเลือก ที่สามารถโหวตเลือกจักรพรรดิของจักรวรรดิได้นะ มีอำนาจขนาดนี้ยังจะอยากออกจากจักรวรรดิ?
อีกอย่างที่จักรวรรดิล่มก็เพราะแพ้สงครามนโปเลียนนะ

539 Nameless Fanboi Posted ID:KpAOWd+rTo

>>538 เสริมด้วยคนว่าปรัสเซียมันไม่น่าจะคิดแยก ตอนนั้นจักรพรรดิไร้นํ้ายาจะตายห่า โดน nerf หลังสงครามจนอำนาจในจักรวรรดิแทบไม่เหลือ ถ้าเป็นเจ้าผู้ปกครองใน HRE ตอนนั้น กิจการเกือบทั้งหมดสามารถดูแลได้เองโดยไม่โดนแทรกแซง แล้วจะแยกไปให้มีปัญหาเพื่อ

540 Nameless Fanboi Posted ID:xst28Q1MtN

ky ยศดยุค มาควิส บารอนอะไรพวกนี้แต่ละคนได้ตอนไหนนะ เกิดมาแล้วได้เลยเหรอ แล้วมันมีกรณีที่สามารถเลื่อนขั้นได้ไหม อย่าเช่น เลื่อนจากมาควิสเป็นดยุคงี้
ปล.พวกเกร็ดยิบย่อยพวกนี้โม่งหาข้อมูลจากไหนบ้าง กูอยากหาอ่านบ้างนะ แต่งนิยายแล้วรู้สึกข้อมูลไม่แน่น

541 Nameless Fanboi Posted ID:T1YpjyY.C1

>>538 >>539 โทษๆ กูอินกับ Prussian Space Marine ใน EU4 มากไปหน่อย

542 Nameless Fanboi Posted ID:L2SDOm2ypH

ตามความเข้าใจกุนะ ปรัสเซียน่าจะอยากขึ้นเป็นผู้นำในHRE มากกว่าแยกตัว แต่ HRE ล่มไปก่อนหลังจากนั้นก็เลยเป็นเกมแผ่อิทธิพลชิงอำนาจเหนือดินแดนHREเดิม โดยมีคู่แข่งคือออสเตรีย

543 Nameless Fanboi Posted ID:VOUh5RjtDz

>>540 ถ้าสั้นๆ ก็นับแต่ช่วงยุคกลางมาจนถึงปัจจุบันจะเป็นเกิดมาแล้วได้เลย ยศมันสืบผ่านสายเลือด
.
ให้อธิบายจริงจังยาวๆ ก็ระบบสืบราชสมบัติของยุโรปมันผูกกับศาสนาคริสต์ ถ้ากูอธิบายก็จะบอกว่ามันเริ่มจากการที่เชื่อว่า pope ได้อำนาจจากพระเจ้าซึ่งเป็นเจ้าของโลกทั้งใบ และ pope ก็ส่งอำนาจในการปกครองให้เจ้าผู้ปกครอง ส่วนใหญ่เป็นกษัตริย์ แต่ก็มีบางครั้งที่เป็นดยุก ผ่านการสวมมงกุฎ (พิธีราชาภิเษกนั้นเอง) หากพูดแบบรูปธรรมมันเป็นการฮั้วกันระหว่าง pope กับกษัตริย์ที่เป็นคนเถื่อน pope จะได้รับการคุ้มกะลาหัวโดยกษัตริย์จากภัยอย่างพวกโรมันที่อยู่คอนสแตนติโนเปิล ส่วนพวกคนเถื่อนจะได้ความชอบธรรมจากการปกครองโดยการให้อำนาจผ่าน pope ตามหลักการที่กูเข้าใจเมื่อกษัตริย์ได้ที่ดินจาก pope ก็เอาที่ดินไปแจกต่อให้กับพวกลูกน้องตัวเองเป็นตำแหน่งต่างๆ และเมื่อพวกนี้ออกลูกออกหลานตำแหน่งก็จะตกถึงท้องต่อไปเรื่อยๆ แต่ที่สำคัญของยุโรปมันคือ มันใช้ระบบสืบราชสมบัติแบบลูกคนโตได้หมด กรณีไอคนที่ถือครองตำแหน่งไม่มีทายาท มันจะใช้วิธีการสืบค้นสายที่ใกล้ที่สุด แล้วคนที่ใกล้สุดนั้นแหละจะได้ไปทั้งหมด ถ้ามีตำแหน่งอยู่แล้วก็ได้ตำแหน่งควบไปเลย ทำให้เราเห็นบ่อยที่กษัตริย์ยุโรปมันมียศตามติดยาวเป็นพรืดอย่างอังกฤษช่วงหนึ่งนี้ยาวโคตรพ่อโคตรแม่ยาว

544 Nameless Fanboi Posted ID:vR4+pRr.V1

>>543 ยุโรปช่วงต้นมันสืบทอดแบบ Gravelkind แบ่งให้ลูกทุกคนจากคนโตสุดไปหาเล็กสุดไม่ใช่เหรอ

545 Nameless Fanboi Posted ID:o+tzYCYxVK

>>543 ต่อ เจ้าของยุโรปถ้าสืบสายจริงๆ ส่วนใหญ่เลยมักจะสืบกลับไปถึงพวกยุคกลางได้ทั้งนั้น เพราะวิธีสืบราชสมบัติแบบนี้ อย่างของอังกฤษก็เชื่อกันว่าสามารถสืบย้อนกลับไปถึงวิลเลี่ยมผู้พิชิตได้ หรือของฝรั่งเศสเห็นมันมีหลายราชวงศ์ แต่ถ้าสืบไปจะเริ่มที่ราชวงศ์กาแปทั้งนั้น (ยกเว้นพวกโบนาปาร์ตไว้ในฐานที่เข้าใจ) ส่วนที่ >>540 ถามว่าเลื่อนขั้นได้ไหม ถ้ายุคใหม่หน่อยเหมือนจะมีเปลี่ยนชื่อตำแหน่งเอาดื้อๆ อย่างออสเตรียก็เปลี่ยนชื่อจากอาร์คดยุคเป็นจักรพรรดิ แต่ถ้ายุคกลางทำแบบนี้มันยากโคตร ส่วนใหญ่วิธีเลื่อนขั้นที่กูเข้าใจน่าจะเป็นการแต่งกับตระกูลที่ยศสูงๆ คอยแช่งให้ตายโดยไม่มีทายาท แล้วค่อยกินตำแหน่งหลังจากนั้น

546 Nameless Fanboi Posted ID:o+tzYCYxVK

>>544 อธิบายแบบนั้นแม่งยาวกว่าเดิมอีกว่ะ เพราะต้องมาบ่นถึงปัญหาที่มันเจอ กูเลยข้ามมาเป็น Primogeniture เลย

547 Nameless Fanboi Posted ID:o+tzYCYxVK

>>544 แถมเอาเข้าจริงภาพจำส่วนใหญ่ของคนปกติยุคกลางมันเป็น high middle age อะมึง มีครูเสด มีอาณาจักรใหญ่ๆ ใช้ Primogeniture เลยคิดว่าอธิบายแบบนี้เข้าใจง่ายกว่าด้วย

548 Nameless Fanboi Posted ID:h0.kmjOlTz

>>538 >>539 HRE คืออะไร รู้จักแต่ HRK

549 Nameless Fanboi Posted ID:T1YpjyY.C1

>>548 Holy Roman Empire ที่ neither Holy nor Roman nor Empire

550 Nameless Fanboi Posted ID:L2SDOm2ypH

>>549 เออแม่งเหมือนสหพันธรัฐมากกว่า

551 Nameless Fanboi Posted ID:xst28Q1MtN

>>543 >>545-547 กูเข้าใจแหละ แต็งมาก

552 Nameless Fanboi Posted ID:ZRdWA7.Yvu

>>549 กูรู้ว่ามันแซะ ณ ศ.18 แต่ในสมัยชาเลอมาญ ยกเว้นข้อ Roman ที่เหลือมันก็เป็นหมดนะ

553 Nameless Fanboi Posted ID:uj8f7o0D.L

>>552 ความเป็นโรมันไปกระจุกตัวที่ไบแซนไทน์ แต่มาแตกตัวตอนพวกออตโตมันตีเมืองสำเร็จ พวกที่อ้างเป็นชาวโรมันไปกระจายตัวแถวยุโรป

554 Nameless Fanboi Posted ID:WuPEcDszsz

>>553 เอาจริงๆ พวกโรมก็ไม่นับว่าไบเซ็นไทน์เป็นคนโรมันหรอก ไม่งั้นจักรวรรดิคงไม่แตกเป็นตะวันออกตะวันตก

555 Nameless Fanboi Posted ID:fHNl1b5r/w

>>554 ไบแซนไทน์ไม่มีจริง เป็นคำเรียกของคนยุคหลังมากกว่าคนยุคนั้นก็เรียกตัวเองว่าเป็นจักรวรรดิโรมัน หรือจักรวรรดิโรมันตะวันออกก็ว่าไป ไบแซนไทน์นี่เป็นคำที่เพิ่งมีในยุคหลัง

ส่วนที่ในจักรวรรดิมีรัฐที่ทรงอำนาจสองรัฐคือ ออสเตรีย กับปรัสเซียกูว่า เพราะแม่งอยู่ริม ๆ จักรวรรดิไง เลยสามารถแผ่ขยายดินแดนออกไปนอกจักรวรรดิได้ อย่างปรัสเซียไปตีเอาดินแดนของโปแลนด์มา ส่วนออสเตรียก็ในโชคร้ายมีโชคดีได้ฮังการีมาหลังออคโตมันยำให้แล้ว ส่วนที่อยู่ติดริม ๆ ฝั่งแม่น้ำไรน์ติดฝรั่งเศสที่เป็นรัฐที่แข็งแกร่งมากอีกรัฐหนึ่งจะให้ไปตีกินฝรั่งเศสคงยาก

ส่วนตอนรวมชาติที่ทุกแคว้นหันไปรวมกับปรัสเซียเห็นว่าเป็นเพราะเกมส์การทูตของบิสมาร์ก น่าเสียดายลุงแกอุส่าทำเอาไว้ดีไกเซอร์พลาดทีจบเลย

อีกเรื่องที่น่าสนใจคือการแต่งงานครอสกันไปมาของราชวงศ์ในยุโรปยิ่งยุคควีนวิคตอเรียนี่ไขว้กันไปมาจนแบบ คิงอังกฤษ กับซาร์รัสเซียแม่งหน้าคล้ายกันยังกับฝาแฝด

556 Nameless Fanboi Posted ID:fHNl1b5r/w

>>554 เสริมอีกนิดเพิ่งนึกได้ว่าที่ย้ายเมืองหลวงเพราะก่อนหน้านี้มันมะรุมมะตุ้มแย่งอำนาจกันจนกรุงโรมเละเป็นโจ๊กไปแล้ว อีกอย่างทางฝั่งตะวันออกก็เป็นฐานอำนาจของคอนสแตนตินด้วย แล้วเรื่องแบ่งจักรวรรดินี่คือทำมาก่อนหน้านี้แล้วแบ่งเป็น 4 ส่วนด้วยซ้ำเพราะยุคก่อนการสื่อสารมันยังไม่ดีจักรวรรดิใหญ่ขนาดนั้นมีศูนย์กลางอยู่ที่เดียวเกิดเรื่องทีกว่าเรื่องจะมาถึงกว่าจะตัดสินใจกว่าจะส่งกลับไปไม่ทันกันพอดี

557 Nameless Fanboi Posted ID:kVcc6hAZns

จากลำดับชั้นขุนนาง มาเป็นเรื่องจักรวรรดิ กุว่าพอก่อนดีกว่ามั้ยเดี๋ยวจะออกทะเลไปไกลกว่านี้

558 Nameless Fanboi Posted ID:dPWrwRIZXT

>>557 อย่าเพิ่ง กูกำลังสนุก

559 Nameless Fanboi Posted ID:uj8f7o0D.L

>>557 ควบสองไปเลยดิ ไหนๆกูเบื่อจีนเสิ่นเจิ้นอยู่แล้ว

560 Nameless Fanboi Posted ID:kVcc6hAZns

>>558 >>559 งั้นก็แล้วแต่ละกัน ถ้ามีประโยชน์แล้วเอาไปใช้ในนิยายได้

561 Nameless Fanboi Posted ID:1jX1BUgzR8

โอ้โห ยุโรป-ยุคกลางพรึ่บๆ เลย จู่ๆ มู้ก็มีสาระ หลังจากบ่นกันเรื่องม้า

562 Nameless Fanboi Posted ID:uj8f7o0D.L

ไหนๆแล้ว ขอถามหน่อยดีกว่า ยุคกลางมาสิ้นสุดกันตอนไหน อาณาจักรไบแซนไทน์โดนพวกออตโตมันยึดรึเปล่า หรือยังไง

563 Nameless Fanboi Posted ID:4paoI5uFCL

>>562 หนังสือเรียนของกูให้จบที่ออตโตมานตีกรุงคอนแตนตินโนเปิลแตก แล้วตัดเข้าเรอเนซองเลย

564 Nameless Fanboi Posted ID:4paoI5uFCL

อันนี้กูสงสัยส่วนตัว ทำไมไม่ค่อยมีคนแต่ง Gunpower Fantasy วะ

565 Nameless Fanboi Posted ID:WuPEcDszsz

>>562 แล้วแต่คนจะนับ โดยทั่วไปถือว่าสิ้นสุดในยุคต้นฟื้นฟูศิลปะวิทยาในศ. 15 เพราะกระแสการเปลี่ยนแปลงแต่ละที่ไม่เท่ากัน เลยเหมารวมทั้งศตวรรษไปเลย

566 Nameless Fanboi Posted ID:jVAKCXFSaB

>>564 ประมาณไหนวะ 55555

567 Nameless Fanboi Posted ID:uj8f7o0D.L

>>563 เออ ลืมคอนสแตนติโนเปิลสนิท เดี่ยวต้องกลับไปดูสารคดีใหม่แล้ว
>>565 นั้นสินะ

>>564 งั้นต้อง Steampunk เป็นได้ทั้งไซไฟกับแฟนตาซี เริ่มมีการอัพเกรดดินปืนเป็นปลอกกระสุน โดนน้ำไม่เป็นไร อาจจะมีการคิดค้นซองแมกกาซีน ออกแบบตัวปืนหรู ส่วนดาบกลายเป็นอาวุธรอง แต่ถ้าพูดเฉพาะเด็กดีหรือนิยายไทยเนี่ย ที่คนไม่ค่อยแต่งกัน เพราะคนไม่ค่อยดูกันมากกว่า ยุควิตอเรียนมีความใกล้เคียงสุด

568 Nameless Fanboi Posted ID:MOh+39csXg

แหล่งสับชั้นดีย์---------------- https://www.dek-d.com/board/view/3884937/

569 Nameless Fanboi Posted ID:kVcc6hAZns

>>564 หมายถึงแนวเดียวกับ gun ota รึเปล่า ที่เอาปืนไปยิงในโลกยุคกลางแฟนตาซีน่ะ

570 Nameless Fanboi Posted ID:nET68VR10U

อันนี้สงสัยมานานล่ะ ทำไมปืนเเม่งถึงไปopในยุคเเฟนตาซีได้วะ ลูกตะกั่วเเม่งไม่น่าเเรงไปกว่าเวทเเน่ๆอะ

571 Nameless Fanboi Posted ID:rSCtNpDbIR

>>570 เร็วและง่าย ข้อดีของปืนที่ทำให้อาวุธยุคเก่าตกยุค อัศวินฝึก 10 ปี ปืนฝึก 1 วัน จะเอาไรไปสู้

ถ้าในโลกแฟนตาซี ความเร็วของปืนทั่วไปคือเหนือเสียง คนธรรมดาหลบไม่พ้นหรอก ไม่เกี่ยวกับว่าแรงไม่แรง แต่มันทำไรไม่ทัน กว่าจะร่ายเวทย์ เจอปืนแกร๊กเดียวตายละ

572 Nameless Fanboi Posted ID:UXsbnLtht9

ปืนยุคแรกจริงๆ อะมันไม่เท่าไหร่หรอก โหลดช้า ความแม่นหาไม่เจอ แถมระยะยิงโครตสั้น แต่พวกต่างโลกมีปืน เสือกใช้ปืนในยุคที่แม่งเริ่ม OP แล้ว...และปืน ใครๆ ก็ใช้ได้ แต่จะใช้ให้มีประสิทธิภาพมันยากนะ ถามพวก รด. ก็ได้ ยิ่งปืนคาบศิลานี่ ใครๆ ก็ยิงได้จริง แค่เหนี่ยวไก แต่กว่าจะบรรจุ กว่าจะยิงให้โดน นี่มันไม่ง่ายเลย นี่ยังไม่ทันได้พูดถึงการจัดกระบวนทัพ บลาๆ แต่มันใช้เวลาฝึกน้อยกว่าดาบและไม่เปลืองแรงแบบธนู ติดดาบปลายปืนทีก็ใช้แทนหอกได้

573 Nameless Fanboi Posted ID:UXsbnLtht9

>>569 Gunpowder Fantasy ในความหมายของกูคือ โลกที่ใช้ปืนคาบศิลาเป็นหลักแล้วอ่ะ

574 Nameless Fanboi Posted ID:Go+Y9yYHDc

>>570 ถ้าคนเขียนอวยเวทมนตร์ จะเขียนให้ปืนกากลง แต่ถ้าคนเขียนอวยปืน เวทมนตร์มีพลังเป่ากาแลคซีพริบตาย่อมมีหนทางหยุดยั้งอยู่ดี

575 Nameless Fanboi Posted ID:Go+Y9yYHDc

ถ้ามีปืนคาบศิลา น่าจะมีปืนพกติดตัวบ้าง ปืนพกมีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ปี 1500 แล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=wrtWWY5-ZaA

576 Nameless Fanboi Posted ID:TS+5Qmd33j

>>575 F to respect
ขอขอบคุณจ่าอาร์ ลี เออร์มี่ สำหรับสารคดีดีๆ ที่ผ่านมา

577 Nameless Fanboi Posted ID:Lh+DG2V3vK

แนว Steam Punk บ้านเราคงหายากหน่อย เพราะวัฒนธรรมบ้านเรามันไม่มีอะไรแบบนั้น
ส่วนแนว Gunpowder เท่าที่เห็นมีแต่แนวที่เขียนให้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่าง ยุคกลาง > เรเนซองค์ ซึ่งเป็นยุคที่คนเริ่มเอาปืนคาบศิลามาใช้

ส่วนความ OP ของปืนในยุคแฟนตาซีส่วนใหญ่ที่กูเจอมักใช้มุกประมาณ Surprise Attack ว่ะ พอลองคิดว่าทำไมถึงทำงั้นก็ได้คำตอบว่า มันเป็นยุคที่คนยังไม่รู้จักปืนกัน ถึงรู้จักก็รู้น้อย พอโดนพวกตัวเองหยิบมาใช้ปุ๊บ พวกตัวร้ายก็จะตกใจร้อน Nani!? ก่อนโดนเก็บแล้วลงไปนอนร้อง Baka ...na นั่นเอง

ซึ่งถ้าอิงตามความจริงแล้วปืนในยุคนั้นมันไม่ได้น่ากลัวเท่าไรเลยถ้ารู้ว่ามันทำงานยังไง ยกตัวอย่างก็สงครามยุคเซ็นโกคุ ระหว่างโอดะ กับ ทาเคดะ นั่นอะ ฝั่งโอดะใช้ปืนคาบศิลามายิงสู้เอาชัยมาตลอด แต่ฝั่งทาเคดะรู้ว่าปืนเป็นยังไงมีจุดอ่อนยังไง ก็เลยเอาทหารม้าวิ่งชาร์จจนเละไปเลยน่ะ

578 Nameless Fanboi Posted ID:tjr26x9Pfe

OP คือ over power ?

579 Nameless Fanboi Posted ID:.nFPF3Dzxw

>>578 ใช่แล้ว

580 Nameless Fanboi Posted ID:JjkX6d7AH0

>>577 ทาเคดะเละไม่ใช่เหรอ ตอนปะทะซึ่งหน้านะ

581 Nameless Fanboi Posted ID:Go+Y9yYHDc

>>577 ปืนสมัยก่อนมีจุดอ่อน 4 ข้อ
1.ดินปืนไม่ทนความชื้น เจอน้ำเมื่อไร ปืนจะกากลง
2.รีโหลดช้ามาก ใช้เวลาบรรจุกระสุนนานกว่าเล็งเป้าหมาย เห็นว่ารีโหลดนาน 50-60 วิแล้วแต่ความชำนาญ
3.การทำความสะอาดปืนสมัยก่อนลำบากกว่า เพราะยิงแล้วเขม่าดำจนคุณภาพลดลง
4.ก่อนมีปืนลูกโม่ ยิงได้ทีละนัด ยิงรัวไม่ได้

582 Nameless Fanboi Posted ID:W6jrzlaPhQ

Ky กูลองไปหาข้อมูลเล่นๆ เกี่ยวอาวุธยุคกลางของพวกฝรั่งกลุ่ม HEMA มา เหมือนว่าเขาจะยกให้ หอก เป็นเจ้าสนามรบยุคกลางเพราะ
1. ใช้งานง่ายที่สุดในบรรดาอาวุธทั้งหมดในยุคนั้น เพราะไม่ต้องใช้สมองหรือไหวพริบมาก แค่ยื่นหอกแทงไปข้างหน้าก็พอ
2. ระยะที่ยาว เพิ่มโอกาสรอดให้ผู้ใช้
3. ผลิตง่ายและราคาถูก

583 Nameless Fanboi Posted ID:.NWLcVBTBg

ทหารม้าเกราะฟูลเพลทที่เห็นๆกันก็ไว้ใช้บู๊กับพวกพลปืนนี่แหละ แต่ปืนมันพัฒนาขึ้นเรื่อยๆส่วนเกราะทำให้หนาไปคนใส่ไม่ไหวเลยเลิก

584 Nameless Fanboi Posted ID:JjkX6d7AH0

>>583 ทหารม้าฟูลเพลทมีมานานก่อนปืน แต่จบลงที่ยุคปืน

>>582 ถ้าเป็นจีนคือง้าวต่อต้านทหารม้าของงักฮุย แต่มันเก่งกับทหารม้าทั่วไป เจอทหารม้าพลธนูแบบมองโกลก็เสร็จหมด

585 Nameless Fanboi Posted ID:Go+Y9yYHDc

>>582 ค่อนข้างเห็นด้วย แต่ไม่รู้ทำไมนิยายส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับดาบมากกว่าหอก รู้แต่ถ้าพลหอกเรียงแถวสามารถกันกองทหารม้าดี ไม่เสียบทหารก็เสียบม้าแทน
>>583 >>584 เพิ่มเติม เกราะฟูลเพลทนอกจากสวมใส่ยากร้อนชิบหาย ปวดเยี่ยวปวดดากก็ถ่ายเลอะกางเกง ท้องร่วงไม่ต้องสืบ

586 Nameless Fanboi Posted ID:hKtA8rQYsF

เดกดวกมีมาเควี่ยตัวใหม่แล้วหรอวะ คอยเม้นแขวะแดกดันบูลลี่พวกที่มึนงงๆเข้าบอร์ดมาถาม เบ่งกร่างอวดตัวว่าเก่งโง้นงี้ลูกหาบตามเลียแพลบๆ มึงไม่ชอบไม่ต้องตอบเค้าก็ได้จะทำตัวเป็นเจ้าที่แรงทำไมวะ เดกดวกสังคมคุณตะพาบขริงๆ กูบ่นแล้วก็จากไป

587 Nameless Fanboi Posted ID:WX7iSO99b5

>>586 กูงง มู้ไหนวะ?

588 Nameless Fanboi Posted ID:Go+Y9yYHDc

>>587 คาดว่า >>586 ลืมทานยา

589 Nameless Fanboi Posted ID:./reNIb9Rm

>>586 ไม่ต้องไล่กูไปเน็ตวอทช์นะ กูแค่อยากเดา M...nL..h หรือเปล่า พักหลังดูกร่างๆ

590 Nameless Fanboi Posted ID:ukKXYZRMRj

>>586 มึงพิมพ์เหมือนเดิมกับคราวที่แล้วเลย

591 Nameless Fanboi Posted ID:ybQxXxb.pX

>>589 +1 อิจฉาคนอะไรว๊างว่างนั่งรีเฟรซทุกสามนาทีบิบิ

592 Nameless Fanboi Posted ID:W6jrzlaPhQ

KY ขอความช่วยเหลือหน่อย
ตอนนี้ ด้วยความไม่ตั้งใจ พระเอกของกูกลายเป็นพวก ผลประโยชน์ > ความรู้สึกในสายตาคนอ่านไปละ
นางเอกของกูเป็นคนซื่อ แต่ไม่ได้ไร้เดียงสา และยังไม่รู้ว่าโดนพระเอกเก็บโกยผลประโยชน์จากตัวเองอยู่
เซตติ้ง แฟนตาซียุกลางที่กำลังจะข้ามไปยุคถัดไป มีเกมการเมืองระหว่างตัวละครหลัก
แต่...กูไม่ได้เขียนนิยายดาร์ก หรือธีมมืดมน พระเอกชั่ว หรือตัวละครตายรัวๆ นะอย่างน้อยก็ยังติด tag รัก อยู่ กูอยากให้ 2 ตัวนี้มันมารักกัน แต่กูต้องทำยังไงดีวะ กูคิดไม่ออก ที่คิดออกแม่งก็ไม่ใช่ความรัก มันออกแนวชาวนากับวัวอ่ะ

593 Nameless Fanboi Posted ID:N1qez/StQ3

มิติใหม่แห่งการขายตรง ขา่ยกันข้ามค่าย แถมขายยังไงให้ขึ้นท๊อปบอร์ดวะ ถ้ากูจะไม่ชอบมันเป็นการส่วนตัวกูจะผิดมั้ยเพราะกูไม่ชอบแม่งจริงๆ นะเนี่ย
https://www.dek-d.com/board/view/3885163/

594 Nameless Fanboi Posted ID:B22Srtw6uc

>>592 จริงๆมันก็ไม่ยากนะ(หรือเปล่า) อันดับแรก ตลค. ต้องมีเหตุได้เจอกันบ่อยๆก่อน จริงๆแบบชาวนากับวัวอย่างที่มึงว่าก็โอเคนะ เจอกันมันก็ไม่จำเป็นต้องมีฝ่ายหนึ่งรักอีกฝ่ายหนึ่งทันทีนะ ส่วนใหญ่ที่กูเห็นถ้าคล้ายๆมึงก็ พระเอกตั้งใจมาหลอกนางเอก ส่วนนางเอกใสสื่อไม่รู้ แต่พอเวลาผ่านไป ฝ่าฟันอุปสรรค ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รู้ตัวอีกทีอีพระเอกที่สนใจแต่ผลประโยชน์กลับเผลอชอบนางเอกไปแล้ว ส่วนที่พลาดไม่ได้(ไม่ได้บอกให้มึงทำนะ อันนี้คือที่กูเห็นประจำ) พอจะรักกัน นางเอกรู้ความจริงว่าทีแรกพระเอกตั้งใจมาหลอก ดราม่าไปอีก

สรุปก็คือ ให้ตัวละครมีเหตุให้ต้องมาเจอกัน ให้มันมีเวลาพัฒนาความสัมพันธ์ จะเริ่มต้นแบบไหนไม่สำคัญหรอกว่ะ ถ้านักเขียนอยากให้มันได้กันมันต้องได้สิน่า

ถ้าตอบไม่ตรงประเด็น ซอรี่

595 Nameless Fanboi Posted ID:WX7iSO99b5

>>593 กูไม่ชอบเลย คือนี่บอร์ด ดด. มะวะ จอยก็อีกตัว สองเว็บนี้มันไม่มีบอร์ดเป็นของตัวเองเรอะ

596 Nameless Fanboi Posted ID:ybQxXxb.pX

>>593 มีอีกกระทู้ที่บอกวาดปกใหม่ นั่นก็แปะถี่ โฆษณาในเฟสตัวเองสิวะแปะข้ามเว็บมันได้เหรอ

597 Nameless Fanboi Posted ID:Go+Y9yYHDc

>>593 กลัวจะตกรอบสินะๆ

598 Nameless Fanboi Posted ID:j1nUlSdPoT

เห็นเว็บเด็กดวกเป็นอะไรกันวะเนี่ย

599 Nameless Fanboi Posted ID:Wxfr1nWRci

โม่งที่จะมานินทาบุคคลหรือคุยเรื่องในบอร์ดในนี้มันผิดหมวดนะ มู้นี้ตอนนี้เขาถกเรื่องนิยายกันดีแล้ว ได้ความรู้และสาระมากมาย แต่โม่งบางพวกก็ลากเข้าเรื่องบอร์ดซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับนิยายอะไรเลย Toxicity มากมาก แถมมู้นินทาก็มีอยู่แล้วด้วย Netwatch เด็กดวกไง ทำไมไม่ไปเล่นที่นั่นกัน? เราขอความร่วมมือนะ เคารพผู้อื่นหน่อย อย่าก่อกวนเลย คุณใช้ Fanboi ผิดที่ผิดทางอยู่นะ

600 Nameless Fanboi Posted ID:hhBlRx2VRV

>>585 เผื่อคุยเรื่องแฟนตาซียุคกลางต่อ
>>594 เผื่อใครมีไอเดียช่วย >>592

601 Nameless Fanboi Posted ID:AOBX+iMK8G

>>585 เสียบไปคนนึงไอ้ทหารม้าคนอื่นก็โถมตามมาทั้งที กันได้ไม่นานหรอก เเล้วก็พอทหารม้าทำขบวนเเตกที่เหลือก็บุกไปรบประชิดโดยใช้ดาบ

602 Nameless Fanboi Posted ID:ZXdQBE5r2V

เบื่อประวัติศาสตร์เบื่อพวกบ้าสงคราม เอานิยายมาสับเถอะขอร้อง จะม้าก็ช่าง

603 Nameless Fanboi Posted ID:Qkwa5posy.

กระทู้นินทาใน netwatch แม่งก็จมไปไหนต่อไหนแล้วมั้ง
เอาเป็นว่าจะคุยต่อก็ไปขุดเอาแล้วกัน หรือใครอยากเปิดหน้าบวกในบอร์ดก็ไปเลย เดี๋ยวกูตาม

604 Nameless Fanboi Posted ID:hhBlRx2VRV

>>601 ไม่ใช่ว่าพอทหารม้าแถวหน้าสุดมันหยุด ตัวหลังๆ มันก็ชะงักเสียจนเสียแรงชาจเหรอ

605 Nameless Fanboi Posted ID:7nZhJqkG4J

>>604 ใช่ แต่มันกันได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับจำนวน ถ้ามากกว่าจริงๆ ก็ถมชนะด้วยจำนวนได้ แต่ไม่ค่อยนิยมหรอก ม้ามันแพง ทหารม้ายิ่งหายาก เวลาเจอหอกมันถึงกลัวกันไง ของรัสเซียยิ่งโหดกว่า ทำกำแพงเคลื่อนที่มาสู้เลย

606 Nameless Fanboi Posted ID:FBYMQeJx+x

>>429 https://www.dek-d.com/writer/50551/ นี่ไงนิยายล่าสุดของแตมรี่ ยังคงความล้ำของชื่อนางเอกไม่เปลี่ยน เธอมีชื่อว่า เส้นด้าย

607 Nameless Fanboi Posted ID:R4IQkr5PCp

>>606 ทำไมอ่านแล้วได้กลิ่นกาววะ

608 Nameless Fanboi Posted ID:tumXGwUC9n

>>606 อยากหนีปัญหาหัวใจ เลยมาทำงานกับหนุ่มหล่อ

Genius

609 Nameless Fanboi Posted ID:oIgnT.w0B1

>>606 เรื่องล่าสุดคือนางเอกชื่อยูแอล ในเซ็ต 7'x นะ กูตามนางอยู่ แต่ก็อ่านๆ ไปงั้น ไม่รู้จะอ่านอะไร เลิกซื้อมาสักพักแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งรับนิสัยนางเอกบางเล่มไม่ได้ ล่าสุดกูรู้สึกเสียใจ แถมเสียดายเงินมากกก อ่านไปอ่านมา กลางเรื่องนางเอกแม่งยอมผู้ชายไปหมด ส่วนกูที่เป็นคนอ่าน นี่แทบจะอยากเอาตรีนเหยียบหน้าพระเอก #ไม่ได้จะเหยียบหนังสือนะ แค่รำคาญไอ้พระเอกเฉยๆ กูก็มโนว่าเหยียบไปงั้นแหละ Sorry +กราบ ตอนนี้โยนหนังสือเข้าคลังมืดไปละ จะพยายามกลับมาอ่านในสักวัน

610 Nameless Fanboi Posted ID:FBYMQeJx+x

>>609 ล้ำกว่าอีเส้นด้าย ก็อียูแอลนี่เอง แต่ล้ำกว่าอียูแอล ต้องนักเขียนยูเอ็น เชี่ย พอละ เดี๋ยวกูโดนไล่ไปเน็ตว็อทช์

611 Nameless Fanboi Posted ID:FBYMQeJx+x

>>608 กูลืม+ จีเนียสสัดๆ 555 >>607 แตมรี่อาจดมกาวระหว่างเขียนเรื่องนี้

612 Nameless Fanboi Posted ID:eaZnNJPMVJ

แหล่งสับ https://www.dek-d.com/board/view/3885282/

613 Nameless Fanboi Posted ID:eojDfMLqfW

มา กูช่วย
https://www.dek-d.com/board/view/3885307

614 Nameless Fanboi Posted ID:ifg4N+QC5g

>>612 นิยายในทู้นี้ทั้งหมดยังไม่เคยโดนสับใช่ไหม ถ้าใช่เดี๋ยวจะเลือกมาสับดู

615 Nameless Fanboi Posted ID:ynZZOb5OOe

เส้นด้าย กูนึกถึงพยาธิ

616 Nameless Fanboi Posted ID:QeILogSUYo

ทำไมวันนี้มันเงียบๆ วะ ก่อนหน้านี้ไหลยังกะน้ำลงท่อ

617 Nameless Fanboi Posted ID:h.E/vzFuok

กูว่าชื่อเส้นด้ายยังธรรมดานะ แต่จำได้ว่าเจ้าตัวเคยพูดไว้มั้งว่าตั้งชื่อแปลกๆ คนจะได้จำได้ เอ้า จำได้แค่ชื่ออ่ะดิ แต่ตัวละครมาแบบเดียวกันหมด เหมือนเอาตัวเก่ามาเปลี่ยนชื่อ 555

618 Nameless Fanboi Posted ID:l.xG7EHB.N

ข้างบนกูจิ้มอ่านแล้วมีแต่เรื่องน่าเบื่อว่ะ บางเรื่องเขียนพออ่านได้ก็จริงแต่มันไม่สนุกสำหรับกูเลยไม่รู้จะทนอ่านทำไมซอรี่ด้วย ไปเข้าบอร์ดหาประเด็นหนุกๆแม่งก็มีแต่กระทู้ถามเรื่องซ้ำซากกับกระทู้ไร้สาระเยอะจังวะ

619 Nameless Fanboi Posted ID:KOKvKe1jQ5

>>618 ทำใจเถอะ จะหยิบนิยายฟชล. ธวล. ออร. มอบ. เดี่ยวโดนไล่ไปตั้งมู้ใหม่อยู่ดี บอร์ดปิดเทอมนึกว่ามีอะไรน่าสนุก ปรากฎว่าน่าเบื่อกว่าช่วงเปิดเทอม

620 Nameless Fanboi Posted ID:XvCxsUEkcO

กู 614 จะมาสับนะ แจ้งไว้ก่อน กูอ่านเท่าที่อยากอ่าน แต่จะแจกแจงส่วนที่กูรู้สึกแหม่งๆ กูอาจเขียนผิดบ้างเพราะพิมพ์ในมือถือ
https://my.dek-d.com/Lavenderblues/writer/view.php?id=1874240
Rosemary(สถานะ : ยังไม่จบ และกูก็อ่านไม่จบ)
เซ็ตติ้งยุโรป กูอ่านไปถึงตอน 5 ซึ่งน่าจะอยู่ในช่วงปูพื้นอยู่เลย เส้นเรื่องก็เลยยังไม่รู้ แต่เท่าที่อ่านในหน้าแรกน่าจะเกี่ยวกับตัวเอกที่ไปทำโน้นทำนี้กับตลค.อื่นประมาณนั้น ถ้าถามว่าทำไมกูไม่อ่านให้หมด ขอบอกตามด้านบนกูอยากหยุดเมื่อไรก็หยุด
ตอนที่ 1
เล่าเรื่องของครอบครัวตัวเอกชื่อโรสแมรี่ โดยปูพื้นจากพ่อไปพบรักแม่ยันมีลูก(โรสนี้แหละ) ซึ่งกูคิดว่ามันเขียนเกินจำเป็นไปบ้าง การบรรยายก็เหมือนเขียนเรียงความ กูไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไร ต่อ คือวันนี้เป็นวันเกิดหนูโรส(มันบรรยายว่าเธออายุได้ 5 ขวบแล้ว และวันที่ 14 มีนา เป็นวันเกิดหนูโรส กูเลยงงๆว่า 5 ขวบหรือ 6 ขวบกันแน่) ต่อ แม่เล่านิทานให้โรสฟังก็แบบ เออ แม่เลือกนิทานโหดดีเนอะ(นิทานอารมณ์โรมิโอจูเลียต ตัวเอกตายตอนจบ) โรส 5-6 ขวบ ก็พูดเลย หนูจะไม่มีคู่ครองค่ะแม่ (ตรงนี้ส่วนตัวกูว่าใช้คำว่าคนรัก แต่งงาน อะไรแบบนี้ดีกว่า คู่ครองมันอารมณ์เจ้าหญิงไงไม่รู้) แล้วเรื่องก็บรรยายว่ามีคนปริศนาเข้ามา(กูนี้เลิกคิ้ว เล่นงี้เลย?) คนที่เขามาเป็นแม่นม เข้ามาก็ทำนู้นทำนี้ จบ
เป็นบทนำที่ยังไม่เห็นจุดประสงค์ของตัวโรสแม้แต่น้อย แต่พอได้ ที่ดีคือชื่อยังเป็นชื่อที่มนุษย์ใช้กัน ไม่ใช่ยูเรีย เรเดี่ยน หรือชื่อแตมรี่สไตล์ ส่วนสองแม้บรรยายจะบรรยายแข็งๆ แต่ก็ยังพอเข้าใจ มีจุดงงบ้างประปราย ดังนั้นไปต่อ
ตอน 2
งานวันเกิดผ่านพ้นไป มีบรรยายแม่เข้ามาหาโรสที่ห้องนอน ก๊อก ก๊อก โรสหันไปต้นเสียง(กูจั๊กจี้ มีความนิทานภาพเบาๆ) โรสถามว่าพ่อไปไหน แม่บอกไปรบ(เออ พูดตรงๆเลยเหรอ ไม่มีแบบพ่อไปทำธุระ ยุ่งนิดหน่อยไรงี้ บอกตรงๆเลย? ไม่เป็นไร แม่อาจเป็นคนตรงๆ) ต่อ โรสขอให้แม่ร้องเพลง แม่ก็ร้องแล้วก็ขึ้นเนื้อเพลงมาด้วย(กูไม่แน่ใจว่าคนเขียนแต่งเองเปล่านะ) จบ
บทนี้ไม่ค่อยมีอะไร
ตอน 3 เดี๋ยวมาต่อ...

621 Nameless Fanboi Posted ID:cGGOsaLkDR

>>620 กูว่าถ้านิยายเรื่องนี้เป็นแนวคอมเมดี้ ถ้าพ่อนางเอกตาย แม่มันคงบอกว่า "โรส พ่อมึงตายแล้ววว" จากนั้นก็กรีดร้องแบบ Scary Movie

622 Nameless Fanboi Posted ID:8VKSd.6ZfK

เดี๋ยวนะ อีนางเอกชื่อยูเรียกูคุ้นมากเลย เรื่องไรวะ

623 Nameless Fanboi Posted ID:m7niisoXDM

>>620 ได้ฤกษ์มาต่อ
โรสแมรี่ ตอนที่ 3
กูลืมเล่าจุดหนึ่งของตอนที่สอง คือตอนท้ายโรสเดินลงมาเจอแม่ร้องไห้ พอตอนสามก็เฉลย พ่อนางตายแล้วจ้า โรสก็น้ำตาไหล แล้วก็ตัดไปหลายวีนต่อไป จัดงานศพพ่อแล้ว บรรยายว่ามีงานศพอย่างสมเกียรติ(พวกคนตวต.จัดงานศพสมเกียรติด้วยหรือ ไม่ใช่ว่าเข้าโบถส์ ฝัง คนมาร่วมไว้อาลัยแค่นั้น?) ต่อ ตอนนี้ค่อนข้างมีสำนวนไทยๆเข้ามา โรสปลอบแม่ที่ร้องไห้คิดว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา(หนูลูก เด็ก 5 ขวบ บ้านแฮปปี้ รู้จักคำนี้แล้วหรือ คือเด็กอาจจะฉลาด แต่กูคิดว่าอารมณ์เด็กอะ มันยังบริสุทธิ์ ยังไม่น่าเข้าใจการเศร้าจากความตาย กูแนะนำว่าเป็นอารมณ์ไม่ซับซ้อน หนูจะไม่ได้เจอพ่อแล้วหรือ แง แบบนี้มากกว่า) ต่อ แล้วโรสก็นึกถึงพ่อที่นั่งศาลาด้วยกัน(ตวต.มีศาลา?) นึกถึงคำสัญญาต่างๆนานาของพ่อ แม่ก็เข้ามากอด โรสบอกว่าพ่อผิดสัญญากับหนู ประมาณว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปอะนะ
โรส : พ่อผิดสัญญาหนู(ได้ข่าวว่าตอนพูดกับแม่ตอนแรกแทนตัวเองว่า'ข้า' เด็กลำเอียงงงง)
แม่ : แล้วหนูให้อภัยพ่อไหมจ้ะ
โรส : หนูให้อภัยค่ะ
(...แล้วพูดขึ้นมาเพื่อ ก็นึกว่าแกจะโกรธ)
แม่ก็บอกดีมากจ้ะ แล้วก็บอกว่าพ่อไม่ได้ไปไหน พ่อเขายังอยู่ในนี้~ ชี้ไปที่อกข้างซ้าย(ควรเอาคุณแม่ไปโรงพยาบาลด่วน เสียใจจนสติหลุดแล้ว)
ต่อตอน 4 เลยนะ เพราะเนื้อเรื่องมันเชื่อมกัน(กูไม่รู้ว่าเขาจะซอยตอนทำไม)
แม่ลูกก็ซึ้งๆกัน แล้วก็ตัดไป 11 ปี ตอนโรสโตเป็นสาวสวย(อายุ 16-17 กูยังไม่แน่ใจ) พวกนางเล่นเปียโนกัน ร้องเพลงเดิมกับที่แม่เคยร้องให้ตอนเด็ก(จะมีปมไรเปล่าวะ) แม่นมมา โรสเข้าไปกอด แม่นมชมว่าโตแล้วสวย(แม่นมดูจะไม่ค่อยอยู่บ้าน)
แล้วคำว่า'บุคคลปริศนา'ก็โผล่มาอีกแล้ว คร่าวนี้เป็นหมอ หนูโรสเห็นหมอแล้วตกใจสุดขีด(อะไร หนูโรสมีอดีตฝังใจกับหมอหรือ) โรสบอกว่าเธอกลัว แล้วหมอก็บอกว่า แม่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อยู่ได้อีก 2 สัปดาห์(ว๊อท เดอะ... โรสแม่งอ่านใจคนได้ พีคในพีค พีคยิ่งกว่า ถ้าลองกลับไปอ่านคำโปรยมันมีทั้งคำว่าเจ้าชาย แม่มด คือยุคแนวนั้นมันมีคำว่ามะเร็งด้วย?แถมหมอเก่งขนาดบอกเวลาตายแน่นอนได้เหมือนหมอปัจจุบัน เก่งตั้งแต่ยุคนั้นคงไม่มีกาฬโรคระบาด อหิวา ลักปิดลักเปิด) ต่อๆจากนั้นแม่ก็คิดว่าถึงโรสจะโตแล้วแต่ในสายตายังเป็นแค่เด็กอายุ 6 ขวบ(เลี้ยงฉลอง กูรู้อายุนางแล้ว) จากนั้นกูตามเสต็ปแม่ก็ตาย
สรุป ความรู้สึกอยากอ่านของกูหยุดแค่ตรงนี้(ตั้งแต่รู้อายุหนูโรส ผิดๆ) แต่ก็ลองไปเปิดตอนหน้าๆคร่าวๆบ้าง เขียนขอเสียเป็นข้อๆดังนี้
-บทนำไม่ทำให้รู้ว่าตัวเอกกำลังทำอะไร และเรื่องกำลังดำเนินไปทางไหน ที่จริงมันก็สามารถเล่าไปเรื่อยๆได้แต่การเขียนแบบนั้นต้องมีการบรรยายที่มีแรงดึงดูด แนะนำให้ไปหาเรื่องสั้น นิยายลึกลับ นิยายslice of life อย่างเรื่องสั้นของสรจักร อันนั้นเล่าจากหนึ่งไปสิบได้น่าติดตามมาก
-การนำเสนอไม่ค่อยกระชับ มีน้ำด้วย แต่ที่กูอยากบอกคือให้เอาการบรรยายบ้างส่วนไปใส่ไว้ช่วงอื่นๆ เช่น อย่างในเรื่อง ถ้าเล่ามาว่าพ่อแม่มารักกัน หลังจากมีโรสปุ๊ปกูจะตัดเขาประเด็นหลักเลย อาจจะไปบ้านญาติ ไปเจอผีผู้หญิงก็ว่าไป แต่ช่วงนั้นกูก็จะบรรยายไปว่าพ่อแม่ตายยังไง โรสเสียใจแบบไหน คนอ่านจะได้เห็นแกนหลักของเรื่อง กูมั่นใจว่าเรื่องพ่อแม่ตายนักเขียนไม่ได้อยากเอามาเป็ประเด็นหลักหรอก แค่อยากให้ตัวเอกของตัวเองมีปมเฉย พ่อแม่เป็นแค่ตัวประกอบ การใช้ตัวประกอบที่ดีก็คือหยอดมาทีละนิดนานๆครั้ง ไม่ใช้แล้วทิ้ง
-ภาษาไม่คงที่ บางคำไม่เข้ากับเซ็ตติ้งนิยาย ซึ่งส่วนนี้ถ้ามันชัดเจนมากๆ(อย่างศาลา)ค่อนข้างกระทบกับความอยากอ่าน
-ตัวละครอารมณ์กลับไปกลับมา อย่างหนูโรสจากตอนแรกที่คิดว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาในตอน 6 ขวบ กลับมากลัวหน้าหมอของแม่(แบบวิตกจริต)ในวัย 17 ปี
-ตัวละครเด็กเป็นตัวละครที่ต้องใส่ใจกับความคิดหน่อย เพราะเด็กไม่เหมือนผู้ใหญ่ ควรศึกษาพฤติกรรมเด็กดีๆ(ตรงนี้กูอาจบอกอะไรไม่ได้มากเพราะกูก็ศึกษาอยู่)
-ใช้ภาษาแข็ง หลายครั้งอ่านแล้วสดุด
-ทำไมต้องบรรยายว่าเอามือแตะอกข้างซ้ายบ่อยๆ แล้วเป็นหลายตัวละครไม่ใช้ความเคยชินของตัวละครเดียว
ข้อดี
-ชื่อไม่น่าปวดเฮด
-นอกจากโรส คาร์แม่กับแม่นมค่อนข้างคงเส้นคงวา
-เขียนค่อนข้างรู้เรื่อง มีไม่ชัดเจนในบ้างจุดเท่านั้น
-ไม่มีบรรยายสีผมสีตาพรำเพรื่อ (แต่ตอนบรรยายพวกสีผมสีตาใช้ภาษาแข็งไปหน่อย)
-(คิดไม่ออกแหละ)
งั้นจบแต่เพียงเท่านี้ ว่างๆจะมาสับเรื่องอื่นเพิ่ม บาย

624 Nameless Fanboi Posted ID:3qjsA0xWYM

มันเงียบเหงา นี่ปิดเทอมหรือเปิดเทอมจ๊ะ น่าจะเอามุกสูบบุหรี่จากมู้ที่แล้วมาเล่นอีกรอบ แม่ง มู้เดินเพราะไอ้สูบบี่หรี่นี่แหละ

625 Nameless Fanboi Posted ID:h2AFxDgseK

>>624 มุกไรอะ ชี้ทางหน่อยจะกลับไปเสพ

626 Nameless Fanboi Posted ID:m7niisoXDM

>>622 จำไม่ได้แล้ว คุ้นๆว่ามาจากโม่ง

627 Nameless Fanboi Posted ID:0.cUqTFArH

เคนชิโร่ไง ยูเรีย

628 Nameless Fanboi Posted ID:Q6c4Fk2R/I

ช่วงนี้เนือยๆจริงว่ะไม่มีนิยายสนุกๆให้สับ กระทู้โง่ๆโผล่เต็มบอร์ดหาสาระไม่ได้ ดราม่ามันๆก็ไม่มีให้เผือก ว่าไปไอ้แข่งเขียนนิยายติดท็อปไปถึงไหนแล้ววะ

629 Nameless Fanboi Posted ID:yC2nXOa5H/

>>625 มาจากมู้เก่า มีคนสับนิยายซักเรื่องนี่แหละ แล้วแปลงฉากสูบบุหรี่พ่นควันกันสนุกสนาน เหมือนแม่งยัดกัญชาแล้วเมาควันหลงกันทั้งมู้

630 Nameless Fanboi Posted ID:9GnH1tPvdc

อยากอ่านแนวสืบสวนหรือทริลเลอร์มีแนะนำบ้างป่ะในเด็กดีอ่ะ

631 Nameless Fanboi Posted ID:h2AFxDgseK

>>630 มีแต่กูไม่อยากแนะนำเลย แต่ละเรื่องกากๆ ทั้งนั้น เดาทางง่าย เลียนแบบทริคที่เคยมีมาก่อนแล้วยืมมาโต้งๆ ฝีมือไม่ถึงขั้น ถ้าอยากอ่านจริงๆ แนะนำไปนาโร่ยังจะดีกว่า

632 Nameless Fanboi Posted ID:KOKvKe1jQ5

>>628 ไม่กี่วันก่อน มีคนตั้งกระทู้ถามรัวชิบหายเลย น่าจับมาอยู่โม่งมากกว่า จะได้หายเหงา

633 Nameless Fanboi Posted ID:CgtWEqKsov

>>632 เออ อยู่โม่งหายเหงาจริง จับมา 55

634 Nameless Fanboi Posted ID:h2AFxDgseK

>>632 ไอ้กาแฟไทยป่ะ ตั้งกระทู้จนติดอัน 1 คะแนนบอร์ด กูละเชื่อเลย

635 Nameless Fanboi Posted ID:DQUQiBVSoe

อาทิตย์หน้าจะเปิดเทอมแล้ว กูจะมีเวลาว่าสับรึเปล่าวะ

636 Nameless Fanboi Posted ID:v09r/qukSw

>>634 มันตั้งซะกูนึกว่าเป็นอีเหมียว 2

637 Nameless Fanboi Posted ID:yU/8syurfz

พี่ถุยฝากสับ 2 ตอนงับเพื่อนโม่ง

https://www.dek-d.com/board/view/3886325/

638 Nameless Fanboi Posted ID:tq5Dx3Jzcz

>>637 ยังคงไม่ทิ้งเรื่องการโพสรูปวาด นี่มันซิกเนเจอร์ของพี่แกจริงๆ

639 Nameless Fanboi Posted ID:Czwr.XDVzb

>>637 เลิกเขียนไซไฟแล้วสินะพี่ถุย

640 Nameless Fanboi Posted ID:BZqvivGnwa

>>637 ภาพสวยดีนะ ลงสีแล้วอารมณ์นิยายแปลโอดสคูลนิดๆ น่าจะเอาดีด้านนี้

641 Nameless Fanboi Posted ID:xKSDMka8fy

>>640 มึงคิดงี้จริงหรือประชดวะ มึงไปเสพปกนิยายแปลงามๆบ้างนะ

642 Nameless Fanboi Posted ID:QkVCPO2w9g

>>640 expression กับ anatomy ยังดูแปลกๆง่ะ แต่ถ้ามองให้เป็นงานแบบ abstract ก็พอได้นะ

643 Nameless Fanboi Posted ID:gU6CaFYtcj

>>637 กูว่ากูชอบรายละเอียดในรูป องค์ประกอบต่างๆ ในรูป อนาโตมี่ยังดูแปลก แต่มันคือดีเว้ย วาดออกมาได้น่ามอง ถ้าปรับเรื่องอนาโตมี่อีกหน่อยก็เป็นงานดีๆ งานนึงเลยนะ ฝึกลงสีแสงเงาก็สวยแล้ว

644 Nameless Fanboi Posted ID:sMbUNHPAq3

>>637 ตอนแรกต้นๆ คำฟุ่มเฟือยยังเยอะอยู่ เวลาบรรยายแบบตั้งใจเป็นทางการนิดมันไม่กระชับไม่ทันใจนักอ่านสมัยใหม่แล้ว ช่วงหลังก็ดูไหลลื่นขึ้น แต่เนื้อเรื่องยังไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรมาก ยังไม่ถึงกับน่าติดตาม ใช้บทสนทนาโต้เถียงไร้สาระกันเยอะไปหน่อย เนื้อเรื่องเอาจริงๆ ยังจับไม่ถูกว่าต้องการสื่ออะไร นักอ่านปกติเขาเปิดมาไม่ได้ตั้งใจอ่านมากหรอก ต้องมีจุดที่ทำให้คนอ่านโฟกัสให้มาก เท่าที่อ่านจำได้แค่หีบทอง ทรยศ ไพ่ แค่นั้นแต่ในความรู้สึกมันเป็นอะไรที่โดดออกมาไม่เชื่อมต่อกับเนื้อเรื่อง ควรจะเขียนให้อ่านง่ายขึ้น การจะส่งข้อมูลอะไรให้นักอ่านไม่ควรรีบร้อนอัดเข้าไป ค่อยๆ ป้อน ทีละเล็กทีละน้อยให้นักอ่านจำได้ ถ้าอัดเร็วไปนักอ่านจำไม่ได้เขาก็จะเชื่อมโยงเนื้อเรื่องหรือความต้องการของคนเขียนไม่ได้ จุดไหนจะเชื่อมกับเนื้อเรื่องต่อก็ย้ำไว้ ทำให้เด่นไว้ ทำให้หาง่าย พอเนื้อเรื่องใหม่มาถึงนักอ่านจะได้ร้อง อ้อ อย่างนี้เอง ถ้าอ่านอันแรกไม่รู้เรื่อง อ่านอันหลังก็จะไม่รู้เรื่องตามไปด้วย

สำนวนไม่ถึงกับแย่นะ มันก็พอไปได้ แต่การเล่าเรื่องต้องปรับปรุงสักหน่อยให้อ่านง่ายเข้าใจง่ายขึ้นกว่านี้ หรือจริงๆ มันยังไม่มีอะไร สู้กันกับอธิบายระบบเฉยๆ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็ปูนานเกินไป อาจจะมีความพยายามสร้างจุดพีคเล็กๆ ในตอนด้วยบทสนทนา แต่รู้สึกว่ายังฝืดอยู่หน่อยแล้วมันกลบเรื่องระบบหรืออะไรที่อยากอธิบายในตอนนั้นๆ พวกการเล่าเรื่องนี้มันยืดหยุ่นไม่ตายตัวหรอก เล่าแบบที่เป็นอยู่นี้ก็ได้แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดที่รู้สึกว่า ว้าว สนุกจัง แต่ก็ต้องมองจุดประสงค์การแต่งด้วยแหละนะว่าต้องการให้ไปถึงไหน บางคนอยากแต่ง บางคนอยากได้รับการยอมรับ บางคนอยากตีพิมพ์ บางคนอยากขายออก งานสามอย่างหลังมีจุดร่วมเหมือนกันอย่างคือต้องให้คนอ่านสนุกไปกับงานด้วย ดังนั้นมุมมองคนอ่านกับคนเขียนอาจจะไม่เหมือนกัน ถ้ายังไม่ได้มีงานออกเป็นชิ้นเป็นอัน เวลาคนเขียนคิดว่านี่มันโอเคแล้ว แปลว่า มันกลางๆ ดาดๆ ไม่ได้มีดีอะไร ต้องเขียนจนรู้สึกว่า นี่มันเจ๋งไปเลย มันอาจจะเข้าขั้นดีขึ้นหน่อย ถ้าอยากวัดระดับจริงๆ ก็วัดกับงานที่ออกเล่มแล้วขายดีนั่นแหละ ถ้ามีความรู้สึกว่างานเราสู้ได้ ตอนนั้นงานน่าจะโอเคระดับหนึ่งแล้ว (ถ้าไม่อคตินะ) แต่ถ้าเห็นแต่ข้อเสียนั่นนี่เต็มไปหมด ทำไมเขาได้พิมพ์เล่มแล้วขายดีวะ แบบนั้นไม่ต้องคิดแล้ว กลับไปเขียนตามใจตัวเองดีกว่า ถ้าปรับทัศนคติไม่ได้มันยากจะเข้าใจมุมของคนอ่านทั่วๆ ไป

645 Nameless Fanboi Posted ID:kTGusauXyC

>>644 โม่งคนอื่นช่วยสรุปอันนี้สั้น ๆ ได้ไหม คำพูดคำจาเหมือนป้าที่ชอบสอนในบอร์ด

646 Nameless Fanboi Posted ID:sMbUNHPAq3

>>645 ถ้าขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปก็ได้ เห็นเจ้าของเรื่องแวะมาเล่นบ้างก็เขียนความเห็นไว้ให้เจ้าของเรื่องอ่าน คนเราถ้าอยากให้คำวิจารณ์ก็ต้องบอกรายละเอียดของปัญหาเขาบ้าง จะให้สรุปสั้นๆ ว่า สำนวนพอได้แต่เขียนยังไม่ดี จบแค่นี้ก็ได้แต่คนเขียนจะเห็นปัญหาหรือเปล่า วันๆ นึกแต่ว่าโม่งคนนั้นคนนี้เป็นใคร คนนี้ม้าไหม ไม่เกิดประโยชน์กับตัวเองหรอก หรือว่าถ้าได้คิดได้เดาแล้วมีความสุขก็ทำไปก็ได้นะ จะพยายามเข้าใจแล้วกัน

647 Nameless Fanboi Posted ID:f7egX1no39

>>645 +1 ใช่ป้าคนเดียวกับที่กูคิดรึป่าวบิบิ >>646 มึงไม่ต้องนอยด์ สำนวนมึงเวิ่นจริงๆนะกูหวังดีเลยอยากบอก กูวิจารณ์ที่มึงวิจารณ์บ้างไม่ได้รึไง ถ้าใครมาต่ออีกคน ก็จะเป็นมันวิจารณ์กูที่วิจารณ์มึงที่วิจารณ์พี่ถุย เครป่ะ

648 Nameless Fanboi Posted ID:sMbUNHPAq3

>>647 -2 ได้ แต่ป้าอะไรนี่ไม่ใช่หรอก ไม่เคยแสดงความเห็นในบอร์ด วันๆ ข่มกันไปข่มกันมา จ้องแต่จะจับผิดคนอื่นบางทีก็ไม่ทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อ เห็นแล้วรู้สึกว่าไปตอบในนั้นจะเปลืองตัวเลยมาตอบในโม่งแทน

649 Nameless Fanboi Posted ID:tiSYD4UQF6

กุอ่านแล้วรู้สึกว่ามีประโยชน์ดี ขอรับไปใช้กับนิยายของตัวเองแล้วกัน แต้งส์

650 Nameless Fanboi Posted ID:S5Z+6OCS9I

>>647 กูว่าไม่ใช่ เชื่อกูเถอะว่าไม่ใช่

ส่วน >>644 เวิ่นไม่เวิ่นกูไม่รู้ แต่กูตาลาย ตัวหนังสือติดกัน อ่านจนถึงกลางๆ บรรทัดก็ขอปัดผ่านอะ มึนๆ งงๆ

651 Nameless Fanboi Posted ID:O8i+Aonzf6

>>644

เรียนผู้วิจารณ์ที่เคารพ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตามแต่

อย่างแรกขอขอบคุณมากครับ ผมคือ Louis Forest เองนะครับ เบื้องต้นผมเห็นปัญหาตามที่แนะนำมาแล้วครับ แต่ก็สบายใจครับ เพราะจากที่คะเนดูทุกอย่างดูแล้วไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ ผมจะเอาไปปรับแก้แน่นอนครับ อธิบายเล็กน้อย ตัวผมเขียนนิยายมาสามปี ก็แล้วจากคนที่เป็นเด็กนอกวาดรูปลงบอร์ดแล้ว มีมาม่าก็หลายชาม แต่ผมสรุปได้ว่านี่น่าจะเป็นสำนวนที่ผมจะใช้จากนี้ไปครับ มันจะศัพท์ฟุ้งและคำสิ้นเปลืองหน่อย แต่ว่าผมคิดว่ามันมีพลวัตและเป็นกิจจะลักษณะดีครับ คงไม่เหมาะกับคนยุคดิจิตัลเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่า 'voice' มันเป็น Louis Forest ดีครับ พอดีผมเป็นคนยุค 90s
ก็เลยมีอะไรถ่ายทอดออกมาตามประสบการณ์ จะไปปรับหาเด็กยุคใหม่ มันก็จะเหมือนขนุนออกผลย่อกิ่งให้ลิงเก็บเสียมากกว่า แถมมีคนทักบอกว่าผมเขียนเหมือน Season Cloud ผมไม่รุ้จักแฮะ ก็เพิ่งเข้ามาที่นี่สามปี ก็กะว่าจะไปค้นดูสักหน่อยว่าเป็นใครและเขียนยังไง หรือป่าพนาจะเทียมเท่าเมฆเมฆาได้แล้ว?

>>646 ผมก็แวะมาอ่านบ้างจริงจริงนั่นแหละครับ ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบมุกม้านะ พอดีเป็นคนชอบปล่อยมุกควาย

652 Nameless Fanboi Posted ID:xOJuLc7fy+

>>644 กูทักว่าเป็นป้าหลอกไปก่อนโว้ยมึง มีคนตามน้ำก็คืองับเหยื่อกูละ ขอตัดตัวเลือกทิ้งไป
คิดว่าสำนวนทอมแบบนี้ มีอยู่สองคนในหัวกูละ ไม่ L ก็ Q

ลงชื่อ เซฮุน ผู้ปราบม้าและวิดสวะ

653 Nameless Fanboi Posted ID:f7egX1no39

กูสงสัย นักเขียนเข้ามาตอบโม่งนี่โอกาสมีมากน้อยแค่ไหน แบบถูกพูดถึงปุบก็โผล่มาทันที ต้องส่องทุกวันหรือมีใครส่งข้อความไปบอกหรอ ม้ามั้ย?

654 Nameless Fanboi Posted ID:+7Um6n+RBP

กูเองก็เป็นขาประจำบอร์ดคนหนึ่งเหมือนกัน แต่กูมาที่นี่บ่อยกว่าไม่รู้ทำไม 555555

655 Nameless Fanboi Posted ID:O8i+Aonzf6

>>653 ผมให้ข้อมูลผมได้ครับ เมื่อวานคืนวันศุกร์ผมตั้งกระทู้ วันนี้บ่ายวันเสาร์ผมแวะมาดูโม่งครับ ไม่มีใครส่งข้อความครับ

656 Nameless Fanboi Posted ID:ahONNAkfSv

เขียนแฟนตาซีเว็บแต่จะไม่รู้จัก Season clound ซักหน่อยเลยจริงดิ ถ้าพูดถึงนักเขียนแฟนตาซีที่ดังขึ้นมาจาก ดด แล้วยังมีผลงานออกมาต่อเนื่องนี่มันมีไม่กี่คนเองนะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะรุ่นเดียวกับมาซารันแต่มาหลังกัลฐิดา สามคนนี้นี่สถาพรแทบจะเลียไข่ให้ออกหนังสือ เขียนห่าอะไรก็ขายได้หมด

657 Nameless Fanboi Posted ID:xOJuLc7fy+

>>656 ถุยมันเขียนนิยายได้สามปี ครึ่งหนึ่งของระยะเวลานั้นก็ป่วนบอร์ดกับวาดรูปเป็นส่วนใหญ่
ให้กูเดามันคงรู้จักแค่คนในบอร์ดนั่นแหละ

อีกอย่างเปรียบสำนวนกับของ Season Cloud ความเห็นของกูนะ แสดงว่าไม่ได้ดีอะไรหรอก เพราะ SC พึ่ง บก เยอะ มันไม่ใช่นักเขียนที่มาจากการเป็นคนอ่าน ออกจะเป็นพ่อค้าขายพล็อตมากกว่า

658 Nameless Fanboi Posted ID:Tr/+3hlU5g

ห๊ะ กูป้าเอง กูไม่ได้เข้าเด็กดีมาสองปีละนะ ในโม่งก็ไม่ได้มากแสดงความคิดเห็นอะไร จู่ๆโดนพาดพิง งงเลยกูกูไม่ได้ใช้ชื่อป้านานจนลืมไปแล้วเนี่ยว่าสำนวนการพิมพ์เป็นยังไง คือถ้ากูจะด่ากูไม่ยาวเยิ่นเย้อนะ กูด่าตรงๆเลย ในนี้ที่กูสับไว้ก็มี ถถถถ

659 Nameless Fanboi Posted ID:hMENvQxx+/

>>656 กูไม่ได้เข้าเด็กดีบ่อยๆ ไม่เคยอ่านงานเขาด้วย กูยังรู้จักเลย ดังพอตัวนะนั่น เคยออกงานกับสถา ส่วนตอนนี้ย้ายออกมาทำเองในนามของแฟนตาเซียที่ร่วมกับอดีตนักเขียนสถาคนอื่นๆอย่างกัลฐิดาหรือวีรอนเดลแล้วนะ

660 Nameless Fanboi Posted ID:3FjXN/YG/R

>>659
ม้าไม่ม้ากูไม่รู้ แต่ออกตัว
1. กูไม่ได้เข้าเด็กดีบ่อยๆ
2. ไม่เคยอ่านงานเขาด้วย
3. และอวยว่า: กูยังรู้จักเลย ดังพอตัวนะนั่น
4. แล้วรู้จักชีวิตความเป็นมาเขาด้วย: เคยออกงานกับสถา ส่วนตอนนี้ย้ายออกมาทำเองในนามของแฟนตาเซียที่ร่วมกับอดีตนักเขียนสถาคนอื่นๆอย่างกัลฐิดาหรือวีรอนเดลแล้วนะ

ตรวจฉี่ก็พบสีม่วงเมิง

661 Nameless Fanboi Posted ID:tiSYD4UQF6

กุจำได้แต่ เซวีน่า บารามอส ไวท์โร้ด

662 Nameless Fanboi Posted ID:hMENvQxx+/

>>660 เอ้า กูแค่พูดส่วนของกูเฉยๆ ม้าก็ม้าวะ ถึงกูจะไม่เคยอ่านงานเขาจริงๆก็เถอะ กูไม่มีชื่อนิยายมันในหัวซักเรื่อง บางอย่างก็รู้อย่างแฟนตาเซียเพราะในโม่งก็มีพูดถึงบ่อย พูดง่ายๆ กูรู้จักเรื่องส่วนใหญ่จากโม่งนั่นแหละ แต่เอาเถอะ ตามแต่มึงจะสบายจา~ย 555

663 Nameless Fanboi Posted ID:lLOczOelAC

>>661 เซวีน่ามันก็กัลฐิดามั้ยล่ะ บารามอสก็แรบบิทเลิกแต่งนิยายไปเป็นสิบปีได้แล้วมั้ง ส่วนไวท์โร้ดก็เป็นอันรู้กันหรือมึงตกข่าวไม่ได้อ่านว่าแม่งได้รับคำสรรเสริญชื่มชมขนาดไหน
ที่มึงยกมานี่ ดด รุ่นโคตรเก่ามาก ใจคอจะอ่านแต่นิยายยุคนั้นอย่างเดียว ไม่ไปเดินงานหนังสือ เข้าร้านหนังสือยุคปัจจุบันหน่อยเลยรึ

สมัยนี้เด็กดีอ่านในมือถือได้ด้วยนะแก รู้ยัง เก๋ไก๋อ่ะ ไอโฟนออกมาสิบรุ่นแล้วด้วยแต่สตีฟจ๊อปอยู่ไม่ทันเห็นอ่ะ เขาเสียแล้วนะเผื่อแกยัังไม่รู้...

664 Nameless Fanboi Posted ID:+7Um6n+RBP

ดะไวท์โร้ดนี่เป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตวัยเด็กของกูเลยนะ พอโตขึ้นมาหน่อยเป็นวัยรุ่นแล้วสำนึกได้ว่านิยายนี้โคตรเหี้ย กูต้องแอบเอาไปทิ้งที่ห้องสมุดประชาชนหมู่บ้านข้างๆ เลยทีเดียว

665 Nameless Fanboi Posted ID:E5/tScjj/h

>>664 กูสงสารคนหมู่บ้านข้างๆ

666 Nameless Fanboi Posted ID:UF1UwvR7Fm

>>664 เหี้ยขนาดนั้นเลยเหรอวะ

667 Nameless Fanboi Posted ID:tiSYD4UQF6

>>663 สมัยนั้น เดอะลอร์ด กับ แฮรี่ดังเลยสนใจหาอ่านนิยายจนเจอกับเว็บเด็กดีเลยรู้จักสามเรื่องที่ว่า ก็แต่งนิยายพักนึงก่อนจะเบื่อเลยเฟดไปเสพพวกมังงะญี่ปุ่นอยู่หลายปี หลังๆอ่านไลท์โนเวลด้วยเลยกลับมาหานิยายเด็กดีอีกครั้ง

668 Nameless Fanboi Posted ID:ahONNAkfSv

>>666 จริงๆ ถ้าเอาไปเทียบกับนิยายเว็บเด็กเขียนสมัยนี้ก็พอๆกันแหละ แต่สิ่งที่เหี้ยคือแม่งก๊อปฉากต่างๆ สถานการณ์ในเรื่องมาจากพวกเมะ พวกมังงะแบบแทบจะตัดแปะเกือบทั้งเรื่อง แล้วที่เหี้ยกว่าคือเสือกเป็นลูกคนรวยมีคอนเนคชั่นไง ออกหนังสือมาผู้หลักผู้ใหญ่ นักเขียนรุ่นเก่าชมกันเกลียวว่าไอ้เด็กนี้แม่งอัจฉริยะ คิดฉาก คิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้ (เพราะไม่เคยอ่านการ์ตูน) แต่แม่งก๊อปตัดแป๊ะมาอย่างกะแฟนฟิค!! กูถือว่าเป็นหนึ่งในความระยำขั้นสุดครั้งหนึ่งของวงการหนังสือเลย แต่คนแทบจะลืมไปหมดแล้ว จริงๆ ห้องเน็ตวอชก็เคยพูดถึงนะด๊อกปอบเนี่ย

669 Nameless Fanboi Posted ID:tiSYD4UQF6

>>663 จะว่าไปมึงพูดถึงขนาดนี้แล้วไม่แนะนำแฟนตาซีไทยยุคปัจจุบันเด็ดๆให้กุสักหน่อยเหรอ ถ้าเป็นเล่มด้วยก็ดี

670 Nameless Fanboi Posted ID:ddsspoyKl3

>>669 แปะไม่ได้ กลัวกลายเป็นม้า

671 Nameless Fanboi Posted ID:vx2X.CF49q

เดี๋ยวแม่งก็ม้าโฟเบียกันอีกรอบหรอก

672 Nameless Fanboi Posted ID:kMqckFq9+o

>>669 ไม่ม้า แต่เป็นแฟนขับเดนตาย ฮรือ ฮรือ ฮรือ
https://my.dek-d.com/ri-ne/writer/view.php?id=1376803
https://my.dek-d.com/ri-ne/writer/view.php?id=979871
https://jamshop.jamsai.com/product/3572-curse-of-lost-heaven-สาป-ล่า-สวรรค์-1
https://jamshop.jamsai.com/product/2419--who--call-for-hero---ช่วย--กลับไป--ที-คุณฮีโร่--

673 Nameless Fanboi Posted ID:kMqckFq9+o

แถม ๆ ของคนนี้ก็ชอบมาก งานเขียนเค้าเอกลักษณ์จริง ๆ
https://my.dek-d.com/lawit/writer/view.php?id=1346435
https://my.dek-d.com/lawit/writer/view.php?id=1699927

674 Nameless Fanboi Posted ID:pgvFMGvbX4

>>663 แอพเด็กดีแม่งกากหมามาก ขอระบายหน่อย กูมีเน็ตที่เล่นได้ทั้ง pubg , fate go อ่าน webtoon หรือท่องเว็บเล่นแอพอื่นๆ ได้ลื่น ไม่มีสะดุด แต่เปิดแอพเด็กดีกูต้องลุ้นแล้วลุ้นอีกว่ามันจะโหลดหน้าอ่านนิยายให้กูไหม ซึ่ง 8 ใน 10 แม่งจะโหลดไม่ขึ้นเหมือนเน็ตกูหมด ทั้งที่กูใช้เน็ตไม่จำกัดอีเหี้ยเอ๊ย

675 Nameless Fanboi Posted ID:E7ipcI9PyP

มึงว่านิยายเด็กดวดยุคนี้มีอะไรน่าจดจำอีกมั้ย นอกจากงานเขียนพวกคนเก่าเนี่ย

676 Nameless Fanboi Posted ID:J0iqaQ6dRh

>>673 ลวิตร์เนี่ยกูอ่าน แต่งานคนข้างต้น กูแบนเป็นการส่วนตัว ได้ข่าวว่ากลิ่นแรงบันดาลใจเข้มข้น

677 Nameless Fanboi Posted ID:uLxs.QoScQ

>>669 เออ นั่นสิ
คือแบบพอยกตัวอย่างในกระทู้นี้ กูเห็นแต่ชื่อนักเขียนที่เขียนมาตั้งแต่ 5-10 ปีก่อนกันทั้งนั้นเลย หน้าใหม่นี่นึกไม่ออก

678 Nameless Fanboi Posted ID:OBgTiWvHj7

>>642 abstract มันเป็นแบบนี้เหรอวะ กูเพิ่งรู้นะเนี่ย

679 Nameless Fanboi Posted ID:.VSqq0Ddae

>>678 ไม่ใช่ อย่าไปเชื่อมัน Abtract กับ Surreal แม่งไม่ใช่อย่างเดียวกัน และ Surreal กับวาดผิดสัดส่วนก็ต่างกันโข

680 Nameless Fanboi Posted ID:1q.QYjGpP2

>>679 คือกูแค่จะทักเรื่อง abstract ว่ะ เพราะกูเข้าใจอีกแบบ มึงจะสื่ออะไรเหรอ กูงง

681 Nameless Fanboi Posted ID:OBgTiWvHj7

เรื่องอีถุยน่ะ ปล่อยเบลอมันบ้างเถอะ สับนิยายก็พอไม่ต้องไปสับภาพวาดมันอีกหรอก

682 Nameless Fanboi Posted ID:1q.QYjGpP2

>>681 กูถึงพูดเรื่อง abstract ไม่ได้พูดถึงอีถุยหรือภาพมัน

683 Nameless Fanboi Posted ID:AEMHVeWu2z

>>682 กูสรุปให้ มันไม่abstract โม่งตัวที่บอกว่าใช่ มันแค่อวยิถุยหรือไม่รู้หรอกว่าabstractจริงๆเป็นไง

684 Nameless Fanboi Posted ID:E7ipcI9PyP

>>683 เอาเป็นว่าไอ้ถุยอินดี้เกินกว่ามนุษย์ปกติจะเข้าใจ

685 Nameless Fanboi Posted ID:ms8FJPTGdX

Dear fanbois,

I skipped those comments. My purpose of posting was all about my narrative choice, not my drawing, that's all I care. Although I understood what those two, or three, tried to convey earlier. I knew that It's not about abstract art, surreal art, or even figure proportion (anatomy). It's about me. Sadly, I know what is poisonous and what is venomous. Because, both poison and venom are considered toxins. Simply put: toxin is a biologically produced chemical that alters the normal function of another organism. Having said that I know what is a forum toxicity and what is a constructive criticis.

Please keep your rice to youself, giving them to me doesn't make them mine, get it? And it's good to be Louis Forest, I don't if it sux to be you or not. Peace.

Sincerely,

Louis Forest

686 Nameless Fanboi Posted ID:ms8FJPTGdX

Typo: Constructive Criticism**

687 Nameless Fanboi Posted ID:7dPYETe3By

เจ้าตัวมาแล้ว อินดี้ไม่สนโลกขนาดไหนมึงก็ลองคิดดูเอาเอง ล่อตอบมาเป็น Eng ในเว็บไทย ที่มีแต่คนไทยแถมใช้ภาษาไทยสื่อสาร กูไม่เข้าใจพอยต์นการใช้อังกฤษของมึงจริงๆ กูเข้าไม่ถึงว่ะ เอาเป็นว่าจะกูทำเป็นมองข้ามเรื่องที่บอกว่ามึงไม่แคร์แต่อธิบายกูซะเป็นเรียงความสามพารากราฟไปละกัน โอเคๆ แยกย้ายๆ
ปล.Reply นี้ก็ Toxic ข้ามไปๆ อย่าแคร์ ให้เหามันอยู่บนหัวกูนี่่แหละอย่าเก็บใส่หัวตัวเองมันจะคันเนาะ ถถถถถ

688 Nameless Fanboi Posted ID:NCc1XW1OSr

ย้อนกลับมาเรื่องนิยายดด. ถ้านักเขียนหน้าใหม่นี่อย่างปราปต์(คนเขียนกาหลฯ) นี่นับเปล่าวะ

689 Nameless Fanboi Posted ID:7dPYETe3By

เออกูลืมคนนี้ไปได้ไง แตปราปต์ไม่ใหม่นะ เป็นรุ่นแรกๆ ของ ดด เลยด้วยซ้ำ เคยเขียนมาตั้งแต่สมัย ดด เพิ่งจะเปิดเว็บอ่ะมึงแต่ตอนนั้นเขียนนิยายรักใส มาพีคจริงๆ ก็ตอนเปลี่ยนมาเขียนแนวจริงจังแบบกาหลฯ กับนิราศมหรรณพนี่แหละ โดยเฉพาะเรื่องหลังส่งซีไรต์แต่กูไม่แน่ใจว่าเข้าถึงรอบไหน

690 Nameless Fanboi Posted ID:wnFlQk4YB5

>>685 hmm.. kinda cheesy stuff *smh*

691 Nameless Fanboi Posted ID:UtiLWJ27Vb

>>685 เขียน essay ส่งอาจารย์ตั้งใจขนาดนี้ป่ะคะ? ทำไมต้องโชว์เทพ โชว์เหนือภาษาปะกิดด้วยอ่า? ไม่เอาผลสอบ ielts มาแปะด้วยเลยอ่ะคะ? จะได้รู้เรื่องกันไป กิกิ

692 Nameless Fanboi Posted ID:hf9Yl6+hTi

พวกในบอร์ดที่วาดรูปไม่ได้ดีเด่หรือห่วยกว่าถุยมันก็มีอยู่เยอะนะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้มั่นหน้ามั่นโหนกแบบถุยเลยไม่โดนว่ากัน

693 Nameless Fanboi Posted ID:7aQn/W3fO.

>>692 เห็นพวกที่แปะรูปเดิมซ้ำๆบ่อยๆทุกกระทู้แล้วกูมองบน

694 Nameless Fanboi Posted ID:E7ipcI9PyP

พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วสินะๆ

695 Nameless Fanboi Posted ID:4E7s/pJD3h

5555 โคตรจูนิเบียว พิมตอบเป็นอังกฤษ
รู้รึเปล่าว่า คนที่เก่งจริงกับคนที่อวดเก่งน่ะต่างกันยังไง?
คนที่เก่งจริงน่ะเขาสามารถนำเสนอประเด็นที่ตัวเองต้องการจะสื่อให้ทุกคนเข้าใจได้ โดยไม่เกี่ยงว่าอีกฝ่ายมีความรู้ในเรื่องที่นำเสนอหรือไม่
ส่วนพวกที่อวดเก่งน่ะ มักจะใช้ภาษาเฉพาะทางสละสลวย ดูมีภูมิ แต่ในความเป็นจริงเหมือนคุยกับตัวเองเพราะไม่สนว่าใครจะเข้าใจบ้าง
เหมือนถ้ามึงจะอธิบายหลักการทางฟิสิกส์ให้คนๆหนึ่งฟัง
คนเก่งจริงเขาจะรู้ว่าควรใช้ภาษา ควรใช้วิธีการนำเสนออย่างไร ให้คนที่ไม่มีความรู้เรื่องฟิสิกส์สามารถเข้าใจหลักการของมันได้
ส่วนพวกที่อวดเก่งก็จะยัดแต่ภาษาเฉพาะทางของมันให้คนอื่นฟัง จะเข้าใจไม่เข้าใจไม่รู้ กูดูมีภูมิเป็นพอ
มึงว่าคนไหนฉลาดจริง คนไหนฉลาดวอนนาบีกันล่ะ?

696 Nameless Fanboi Posted ID:QPWIW7sypx

>>683 กูว่าไอ้นั่นประชด ว่าเป็นภาพ abstract (นามธรรม) เหมือนจะสื่อว่าภาพมันใช้ตาดูไม่ได้ ต้องใช้จิตตนาการตีความเอา

697 Nameless Fanboi Posted ID:IwLQl7cuwJ

>>695 คนอวดเก่งอีกนัยคือ ทำทุกอย่างเพื่อข่มคนทั้งโลกสติปัญญาต่ำกว่าตน โดยไม่รู้ว่าตัวเองกาวเอง

698 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

>>695 I'm not going to talk about myself. How about... Let's talk about your damn logic. First of all, I'm not here to debate you about who I am or what I am capable of, ok? I have said it already, I only care about my new narrative choice. I guess that you haven't read any of my stuff, my comment , my novel, my shit, wow what a piece of shit. Hey... without collecting the truth, and you started judging, is it fair? Is it fucking fair? Don't put words in my mouth anymore, don't be an idiot, please? Here goes.

Why do you establish a claim here anyway? You hope that an act of denigration will tarnish my gloomy reputation further? What a moron. Don't you realize that your definition of "คนที่เก่งจริง" and "คนที่อวดเก่ง" are debatable. If you didn't have a clue and talking about this subject only make you a pure imbecile, sir! For Example: คนที่เก่งจริงน่ะเขาสามารถนำเสนอประเด็นที่ตัวเองต้องการจะสื่อให้ทุกคนเข้าใจได้ โดยไม่เกี่ยงว่าอีกฝ่ายมีความรู้ในเรื่องที่นำเสนอหรือไม่. Dear sir, Are you fucking stupid? Have you heard of Dunning Kruger Effect? Go read it and tattoo some knowledge to your brain now!

My comment , myself ,and my new novel has nothing to do with what this guy said. If you can't see a hint of truth from this statement, all I can say is: the hell with you.

>>696 I knew that since kindergarten.

>>697 If you were a male, you'll need to get a bf and a job quick. Don't see a doctor.

I'm not here to fight, but I can do this all day people. Winning or losing, if bitches ain't thinking of stopping, I will make them. It's only Monday.

699 Nameless Fanboi Posted ID:V0XJkcwX5A

เขวี้ย กูอ่านไม่ออก

700 Nameless Fanboi Posted ID:cehyqJ1EeS

Dear>>698
I'm not >>695 and with much respect, claiming dunning kruger effect in that argument won't help anything better and it's also not related too. Please consider some better ways of arguing.
Just a passing through fanboi.

701 Nameless Fanboi Posted ID:Lpx.q8sjxC

พอเถอะ กลับเข้าประเด็นสักที เดี๋ยวเราอาสาสับสักเรื่องให้ ถ้าว่างมากพอ

702 Nameless Fanboi Posted ID:cehyqJ1EeS

>>701 ไม่ได้เว้ย เห็นคนตกcritical thinkingแล้วกรูทนไม่ได้

703 Nameless Fanboi Posted ID:LK7.OTVPj4

>>698 Dear sir.

I never really participated in gossiping about you and your works or even read your novels; however, if you want to debate with fanboi, I really would like to suggest you that you should type in Thai. Arguing in English, might seem fancy to you and the passerby but aside from showing your superior in second language (which I kinda impressed and really think that you are cool.) do not get you any further to the point.

Nevertheless, fanboi is like any gossping website and you should be glad they are talking about you. Shitty stuffs or not, they DO interested in you and your works which put you into the pro position. You should be glad, I, as a author, would freaking love critics to stirred up my stuffs so people might taking some interests and visit my page.

You might think it’s not fair that fanboi talking shit about you, they HAVE liberty to do that and do you really think anyone could exist without being gossiped at? Go improved your novels and arts, it’s not that bad and you shouldn’t spend your time arguing here. Prove them wrong by making your work better. But if you sir still likes to has a chit-chat, you might as well type in Thai, I think you are capable of doing that.

704 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

Dear >>700 ,
I am >>698 Please allow me to explain my claim further. There are two sides of Dunning Kruger Effect. One which an unskilled usually think of oneself as skilled. I guess you understand it only one side since you claim that my claim is not related. Leave out the question of whether or not I am skilled or unskilled. Let me show you the other side of it: the skilled is usually be uncertain of himself, and always explaining things with what he familiar hoping that everyone is as the same level as him. Therefore, under>>695 , his claim
shows that I I fall into the number 2 category. I explain shit in words that I understand and familiar with, I only expect people to know as much as me.

To retort my claim, you can say that I am unskilled and thinking of myself as a skilled individual. Prove that. Because I believe that I am under the second category in Dunning Kruger Effect.

Is it related now sir?

Sincerely,

Louis Forest.

705 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

>>703 I don't mind they talking about me. I just think it's unfair to judge a person, any person without understanding him or her. It is not right. Talking about anyone's work and anyone's drawing is fine, mine included. But to put claims into my facts without knowing me is rather shameful, like >>695 . His logic/definition of acting superior, arrogant, condescending are unacceptable. It attacked me on my communication skill. I merely explain it that I am fucking trying my best to communicate with everyone. But are you trying as hard as me to understand what I say?

Lastly, I communicate in English when I am under an influence of a morning coffee. It's just me being me.

Sincerely,

Louis Forest

706 Nameless Fanboi Posted ID:f9KBom8JeA

เอาความขยันตอบของมึงไปเขียนนิยายหรือฝึกวาดรูปให้งานมันดีขึ้นเหอะ ถุยเอ้ย

707 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

>>706 I don't think I do this everyday. Thanks for your kind suggestion anyway.

708 Nameless Fanboi Posted ID:cehyqJ1EeS

>>704
Since this matter is quite complicated, it take me quite too much time
Even with that side, I still see it unrelated that much. Let me explain that >>695 said "the expert use the words that people will understand easily but boast one will use the word that's technically right but didn't care whoever will understand it" and from your word about that side of dunning kruger "the skilled is usually be uncertain of himself, and always explaining things with what he familiar hoping that everyone is as the same level as him." The matter >>695 said is about 'how different type of people communicated' not ‘how different type of people react with thing’. Even it’s indirectly related to how people get thing done, It’s surely doesn’t related to whether category you’re in dunning kruger effect.
I think a bit of example should work? “John is able to teach basic physics to kids but Bob isn’t.”. This example doesn’t care whether John and Bob is in which category of dunning kruger since it’s about how they communicated to kids and make them know basic physics. It’s extractly as >>695 word and condition. But what about your own word? Now, will you still claimed that it’s related to dunning kruger effect?

709 Nameless Fanboi Posted ID:cehyqJ1EeS

>>705 also let me remind me one thing that you've been using english since yesterday's evening.

710 Nameless Fanboi Posted ID:MsOjEb8AT/

ดิ้นพลาดๆ เป็นหมาโดนน้ำร้อนละ นี่คือคนบอกว่าไม่แคร์นะ แต่เข้ามาอ่านมาตอบตลอดเวลา หัวร้อนฟลัดกระทู้อีกต่างหาก 55555 น่าสมเพชชิบหาย

711 Nameless Fanboi Posted ID:jJqafad0/E

>>708 ปรบมือสิครับเพื่อนโม่ง รออะไรกัน ชนด้วยข้อมูลล้วนๆ ไม่ไล่ให้ไปตีความเรื่อง Dunning–Kruger effect เองด้วย ยกมาอธิบายแม่งเลย แถมไม่หลุดหยาบคาย ไม่มี Logic งงๆ
กูไม่ได้ศึกษาเรื่อง DK effect อะไรขนาดนั้นนะแค่เคยอ่าน แต่ยิ่งอ่านเรปบนๆ กูยิ่งรู้สึกเหมือนพี่ถุยยก DK effect มาแล้วเข้าตัวยังไงก็ไม่รู้

712 Nameless Fanboi Posted ID:cehyqJ1EeS

>>711 อย่าชมกรู กรูเขินนนนนนนนนนน

713 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

>>708 I see where you are coming from,"how different type of people communicated' not ‘how different type of people react with thing’. It seems you have studied about this effect quite a bit. But the question is how many source have you been through?

Please note that I believe wholeheartedly that I am a fool. I know nothing I create nothing but simply copy other people ideas and paraphrasing. Here goes.

I can easily agree with you on this nuance of the interpretation. And I will? No I won't. Do keep in mind that you only drew a "fresh" conclusion from a single source or two. So you came up with that notion, one that I have been through. A quick research often do that to everyone. Let me entertain you with some of my notes from my hard-drive.

A Lack of Metacognition

1- The Dunning-Kruger effect is also related to difficulties with metacognition, or the ability to step back and look at one's own behavior and abilities from outside of oneself. People are often only able to evaluate themselves from their own limited and highly subjective point of view. From this limited perspective they seem highly skilled, knowledgeable, and superior to others. Because of this, people sometimes struggle to have a more realistic view of their own abilities.

2- The Dunning–Kruger effect is a cognitive bias in which low-ability individuals suffer from illusory superiority, mistakenly assessing their ability as much higher than it really is. Dunning and Kruger attributed this bias to a metacognitive incapacity, on the part of those with low ability, to recognize their ineptitude and evaluate their competence accurately. (Source: https://medium.com/@johnhawks/excellent-comment-with-many-great-suggestions-6f64c6b872e2)

That statement implied:

Senior scientists are low-ability science communicators who think they are great a scientific communication. There is an assertion, and many do disagree. Most scientists are painfully aware of how hard it is to communicate their science properly, this including myself. And many do not want to communicate with non-expert people in fear of being misunderstood, or their words being taken out of context.

Most part scientists would be much happier if there is a scientific literate journalist who discusses with them about their research before he gets it to the public. Science communication/outreach coming directly from scientists is rare, precisely because proper communication is not something you can do with little practice. I agree that the communications skills of scientists should be at least so good that they can communicate with a scientific literate person/journalist, but anymore than that is asking the scientists to become journalists.

I do not think the solution to bad science coverage is to shift all responsibility on the scientists, because after all, they have to think about the problems in science, and not about the problems of how to reach people or sell it.

I did get you. But you got what I am saying now?

>>710 Don't compare me to your parents like that kiddo.

>>711 Bitch please. Did you even read? You wanna place a bet? How much do you have on you right now? Yo, It's never about winning or losing for me, kid. I do it because it's fucking fun to slap bitches with facts.

>>709 Doing this two days straight doesn't make it everyday, are you retarded?

714 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

Like Captain America. I can do this all day.

715 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

Seriously man. You think I started this shit? Bitches started this. Acting like you all are all that and walk away with shit? Is this Brazil? Oh shit! It's Thailand! You people started shit . And what do a man like me do? Ignore and runaway? Nigger please. Grab an antidote my rhymes and facts will intoxicate your innate sheep-like brain.

716 Nameless Fanboi Posted ID:Lpx.q8sjxC

>>714 Excuse me but don’t you have anything better to do? I mean I’ve seen you answer pretty frequency and all.

717 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

Remember that I do this shit alone since day one. I never give a fuck of how many you have. Pick you poison, facts or lies. Pick your places, on the main forum or in here. Come at it. Conventional or unconventional, I'll accept all challenge. Cocksuckers.

718 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

>>716 I'm in my office. My colleagues (a.k.a cohorts ) are reading this. It's fun to laugh at dumb ideas around here. People getting paid today, and I'm scratching my balls talking to you fags.

719 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

>>716 Let see. I would keep fixing your grammar like a nazi but I won't. I encourage people to communicate in universal language. I believe that people, especially in this 3rd world country, need practices. See? it's a win-win situation here.

720 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

I'm still waiting on the Dunning-Kruger effect debate (>>713) . I have more notes to show. (>>711) Do you wanna join in? I'm not telling anyone to go and read shit anymore.

721 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

Oh... Please enlighten me, sir. I would like to understand more on this subject. Oh I'm so lacking of profound understanding on this matter. How shameful of me. I should go cry in a corner. Please show me the light. Please show me the way. Please show me the truth.

722 Nameless Fanboi Posted ID:Lpx.q8sjxC

>>719 Correct me if I’m wrong. I don’t mind.

723 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

>>722 Did you not read? I said I won't. And you are doing fine. Keep up good work.

724 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

Come to think of it, there is a quote from Einstein saying "If you can't explain it simply, you don't understand it well enough." - Albert Einstein.

If this statement helps. You can use it. But is it only a claim? Yes. Well, It's from Einstein... so it's must be true. Well, really?

725 Nameless Fanboi Posted ID:vpLPgj82S/

This is a book.

726 Nameless Fanboi Posted ID:1slRlOl90d

เออ มึงจะว่าง จะไล่ตอบเป็นอิ้งทั้งวันก็เรื่องของมึง แต่กูไม่อ่านละ รำคาญ ไปทะเลาะกันเองละกัน ไว้มึงไปเมื่อไหร่ค่อยกลับมามู้อีกที

727 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

>>726 Another one bite the dust.

728 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

>>725 Very old joke. How old are you?

729 Nameless Fanboi Posted ID:RUCWXTWezC

Dear Louis Forest

I'm not sure what did they talking about your work and illustrations. But I think when someone had commented your works you should read it carefully and use it to improve yours not being childish like this.

By the way, if some feedback on fanboi.ch were too rude to you, just pass over it as you say on your first reply that you don't care. You said that but look what you did.. what did we called? Overtly agree but coertly oppose? LMFAO

P.S I actually got C in English classes when I was grade 12. I really don't mind if no one read my message because I trying to be like Louis Forest! You are my idol! YAY!! Louis YOLO! YAYAYAYAYAYA!!!

XOXO
Your love

730 Nameless Fanboi Posted ID:vpLPgj82S/

Your mom did it nicely. I gave her 5-stars on Yelp.

731 Nameless Fanboi Posted ID:MsOjEb8AT/

>>730 555555555555555

732 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

>>729 Make this clear. It is not about my work and my illustrations. No... I'm talking about Dunning Krugger Effect and my way of communication. But I get you. Because from the context, anyone could misunderstand this mess since it is somewhat related to my previous novel, the sci-fi one, but I can assure you this is not about my current one that I asked in Dek-d's board. It's a whole day apart, it is a different work, different style of writing. I wanna know if my improvement going as I hope. One could call this a confirmation bias. The way that I keep asking around, to find someone to confirm of what I have in mind. I did not react to those comments and suggestions at all. I even answered them in Thai, politely.

I cherish all of those comments and whoever sacrifice their valuable time to read my novel. I don't see them as adversaries.

A day later. >> 695 This person still have this notion of me writing complex and dense novel. Started to judge me right way. It just got me thinking, wow this dude didn't even care and attack me. How awesome of him.

733 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

>>730

Yo mamma is so dumb, she had a test and failed. It was a blood test.
Yo mamma is so fat when she turned around it was her next birthday.
Yo mamma is so ugly when she tried to join an ugly contest they said, "Sorry, no professionals."

734 Nameless Fanboi Posted ID:v5/PSFyywQ

เห็นคุยอิ้งกันกูรู้เลยเจ้าไหนมาประทับที่มู้

735 Nameless Fanboi Posted ID:IwLQl7cuwJ

เฮ้ย เข้าเรื่องแล้วยัง กูสนใจนิยาย ไม่ใช่ภาพวาด

736 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

>>735 Fine. Nobody is talking about that anyway.

If nothing to talk about further on Dunning Kruger effect. I'm going to leave now.

737 Nameless Fanboi Posted ID:h9q7pNCmfE

Shit. typo: If there is nothing to discuss further on Dunning Kruger effect***

738 Nameless Fanboi Posted ID:cehyqJ1EeS

So, what to do again? At first, I only come to imply that your statement is not logically right and with your additional claiming, it still doesn’t right since both of your additional statement doesn’t related to >>695statement because at first, the two group example is only ‘who can explained it simply’ and ‘who explained it technically right but don’t care whoever will get it’ but you argue that they claimed you to be in either ‘expert who underestimated themself’ and ‘low-abillity people who overestimated themself’. And then, you claimed that to be subset of those above.

Ah, yes.
I totally lost a word.
Who said that it’s okay to talk about sub topic while talking about main topic!
It’s not like that I don’t understand you, but instead, I feel lost a word like I’ve said.
You’re technically right but that’s logically wrong in debating.
Well, Your claiming about scientist is right. But that’s 2 sub topic needed to be explained.
1st, they’re a great scientific communicator. This one is right since they’re expert in this field.
2nd, they’re low-abillity communicator. This one is both right and wrong since scientific word is specific word used in specific field. In case that’s right, If they’re easy to understand in several time, how can it be specific word? And in case that’s wrong, it’s because different level of language Whether they’re going to communicate with non-expert or not is their own choice.
And from 1st sub topic, is it not common to talk with someone who’s in same field? If it’s me, I also sure prefer talking with someone who’s in same field since they’ll also know scientific word so there’s no need to adjust the word again( I’m sure it’s also waste of time if It’s me and I need to adjust the word so common people understand it easier and I would also rather leave the adjustment to others). But if it’s talking with non-expert, I sure that it’s better to talk with other about how to get through it smoothly.
I think it’s better to describe this as ‘common people use language level 1’ ‘officer use language level 2(-X)’ and ‘expert use level 3-X’ (level is how specific the word is and X is shown for which field the world is specific for). People usually use the word they’re simillar with. (As you said in above but this is still not related to the matter because the two group example didn’t care how highly your skill are but instead it care whether you can made communicate with target successful or not, leading to decide whether you’re in which group of two example group )
I sorry for taking too much time rearrange it to make smoothly but it’s not bad to have my time do critical thinking here

739 Nameless Fanboi Posted ID:cehyqJ1EeS

Ah forget to edit headline, sorry for leaving it like that

740 Nameless Fanboi Posted ID:cehyqJ1EeS

Ah I forget to add that "it's not like they're low-abillity communicator because they're expert but instead it's because they're maniac who interested and dedicated themselves to their field and then acknowledge something that can only be also talking with other who're also the same."

741 Nameless Fanboi Posted ID:zEODJkKP6d

>>738 Ok... for the main topic: erm... here is the thing. First, I have adjusted in my new novel but it's >>695, who didn't seem to care about my novel or my new narrative choice, instead he attacked and made a false claim right there, mentioning physics and scientific stuff and all, claiming that I'm still doing that same just like my past. If I did not try to fix my way of communication, I would gladly accept that claim. He drew physics and science into this mess, suggesting that I'm still with the narrative that dense and complex. Hence, in the past, it was either the first or the second side of Dunning Kruger Effect. Am I dumb and thinking that I am smart, or I'm capable but struggling to communicate with what I know.

You said Dunning Kruger Effect has nothing to do with this argument. The curse that I am having. Look how I communicate to people. Is it a problem? Yes! Am I trying to fix it? Yes! I am no Richard Feynman. I'm not a great explainer. I'm just Louis Forest. And look how I communicate. Look how I tried to fix shit.

Just ignore the sub topic, the hell with it. My strategy is not trying to confuse you with sub topics. I just answered and further explained the second side of Dunning Kruger Effect. It seems to be pointless to go deeper into it now, i think. Sub topic or not, it's about communication. The one that I'm having the same problem just any other specialist.

The point here should be: I have a problem, I'm trying my best to fix it. Did it improve? Or you want to talk about the past.

Am I making it clear now? Mr. Lost of Words. Oh dear...

742 Nameless Fanboi Posted ID:zEODJkKP6d

>>740 There is a thin line between insanity and genius. Evidently, I'm neither. I just can't communicate to people, and so they claim.

743 Nameless Fanboi Posted ID:5PIH+zQnsf

เยอะกว่าที่กูคิดอีก

744 Nameless Fanboi Posted ID:zEODJkKP6d

Noted: if you needed to go into sub topics I can come back and explain some more.

And if you lost of words again I can bring a dictionary. There are plenty of words there.

745 Nameless Fanboi Posted ID:e+xC44Px+P

ไปเปิดมู้ใหม่เลยมะ Talking with P' Tui (English only) หรืออะไรก็ว่าไป กูเข้ามาดูหวังเจออะไรน่าสนใจ เจอแต่มานั่งเถียงกัน...

746 Nameless Fanboi Posted ID:xN+ceix6pO

>>745 กุหมันใจว่าคนจะอ่านว่า พี่ตุ้ย หรือ พี่ทุย

747 Nameless Fanboi Posted ID:fLTPsdOoaI

มึงเถียงกันภาษาเกาหลีได้มะ กูจะได้เข้าใจด้วย

ลงชื่อ จองกุก แห่งบังทัน

748 Nameless Fanboi Posted ID:IwLQl7cuwJ

>>746 กูอ่านเป็น พี่ตุ๋ย คำนี้ https://th.wikipedia.org/wiki/ตุ๋ย

749 Nameless Fanboi Posted ID:RUCWXTWezC

>>745 >>746 กูคนนึงล่ะ ที่อ่านว่าพี่ตุ้ย

750 Nameless Fanboi Posted ID:vpLPgj82S/

>>733 your mom is so poor, she can't even pay attention to what her son is doing.

751 Nameless Fanboi Posted ID:04x5QFnruI

อีถุยมึงควรไปหาหมอ กะอีแค่โม่งด่ามึงส่งเดชแล้วเสือกเอามาใส่ใจมันไม่ดีกับสุขภาพจิตมึงเลย กูยืนยันว่าไม่ดี แต่กูไม่ได้เป็นห่วงมึงนะ กูสะใจ นี่ก็ทำตัวไม่ต่างอะไรกับไอ้วิดสวะที่กูตบเลยสักนิด สวะพอๆกับแจกันลูซิเฟอร์ ไม่รู้จะเถียงไปทำห่าอะไร กูนึกว่ามึงจะสตรองกว่านี้หน่อย คือมึงกะจะให้เขาม้านิยายมึงหรือไงวะ ถึงมึงไม่แปะเอง แต่มึงทำเหี้ยอะไรก็มีแต่คนด่านะ จะโดนแบนในดวกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ คนในนี้เขาไม่ฮรี่ๆกุบๆกับๆหรอก มันทุเรศ ให้บรรดาลูกหาบของมึงเข้าใจมึงเถอะ

ตอนแรกกูตั้งใจจะสับนิยายให้มึงนะ แต่มาเจอแบบนี้กูเปลี่ยนใจละ มึงควรเป็นมิตรกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมากกว่านี้ แล้วอย่าไปหวังว่าสักวันหนึ่งจะเปลี่ยนใจโม่งให้กลับมารักมึงได้ ที่นี่มันเป็นด้านมืดของพวกกลายพันธุ์อย่างกู

มึงมันแค่บ้านะถุย แต่กูโรคจิต ระดับความคูลมันต่างกัน

ลงชื่อ จองกุก แห่งวงบังทัน

752 Nameless Fanboi Posted ID:R6KvyeDzi7

>>751 erm thx? Are you that person but calling yourself something else now? Who was it? Another kpop name. Oh well. The damage is done. I can't turn back time, man.

753 Nameless Fanboi Posted ID:uG7JZWggbl

ดีจริงที่วันนี้ส่องโม่ง เหมือนได้ฝึกภาษา

754 Nameless Fanboi Posted ID:44rnMS+4rc

พี่ตุ้ยยังไม่เลิกหายคึกจากแฟตอนเช้าอีกหรอคะ คุยภาษาไทยกันเถอะค่ะ

755 Nameless Fanboi Posted ID:R6KvyeDzi7

>>754 I don't know. Can I start with how Netflix (เน็ตฟลิกซ์) becoming เหน็ตฟลิกซ์? I can't get this out of my head.

756 Nameless Fanboi Posted ID:oxeAZAhIDO

Ky พวกมึงมีวิธีเขียนสิ่งที่มึงไม่เคยสัมผัสในชีวิตจริงยังไงให้เนียนวะ อย่างการใช้อาวุธ ฯลฯ

757 Nameless Fanboi Posted ID:5zTHpuAgrp

>>756 หาข้อมูลสิ ถามได้

758 Nameless Fanboi Posted ID:rQs3vvKCsh

>>756 อ่านงานชาวบ้านเอา ดูว่าเขาบรรยายประมาณไหน

759 Nameless Fanboi Posted ID:g8hx8tdHB6

>>756 อย่าให้คนที่รู้จริงอ่าน พูดจริงๆ นะ คนไม่เคยเจอของจริงเขียนยังไงก็ไม่จริง ที่มึงทำได้ก็แค่เขียน infodump ให้คนอ่านเข้าใจว่ามึงรู้จริงก็พอ พวกอาวุธนี่ง่ายมาก มึงแค่บรรยายความกว้างยาวสูงหนักรูปร่างก็พอ

อย่างเรื่องขบวนการหมาป่าของสยาม เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ว่าคนเขียนไม่เคยไปอยู่กับกองทหารรับจ้างหรือเคยจับอาวุธพวกนี้หรอก แต่คนเขียนยัด infodump เรื่องอาวุธมาทั้งย่อหน้าได้ คนก็เชื่อแล้วว่าอาวุธนี้เป็นอย่างนี้

พูดอีกอย่าง คือเขียนให้คนอ่าน "พอเข้าใจ" แต่ "ไม่รู้อะไรเลย" นั่นละ มึงอธิบายเข้าท่าคนอ่านก็เอออห่อหมกไป แต่อย่าให้มีจุดขัดกันมากก็พอ คนอ่านส่วนใหญ่พร้อมจะมองข้ามอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่สำคัญได้เสมอ แต่ถ้ามันใหญ่และสำคัญ คนจะเอามาด่ามึงยันเขียนเรื่องใหม่เลยละ

760 Nameless Fanboi Posted ID:32dIc/ui6X

>>756 พอถามแบบนี้ทำให้กูนึกได้ว่า ทำไมนักเขียนส่วนใหญ่ถึงอวยเวทมนตร์กันนักกันหนา เพราะคลังความรู้ตัวเองไม่ถึง จึงหยิบประเด็นเวทมนตร์เป็นข้ออ้าง คนเขียนใส่พระเครื่องกี่ชิ้นเปิดอัลติไม่ได้อยู่ดี

761 Nameless Fanboi Posted ID:TMtJK5bp0l

ลงตอนใหม่ ไม่ได้คนติดตามเพิ่มแถมหายไปอีก 2 คน..เฮ้อ....

762 Nameless Fanboi Posted ID:pevwJ9QEbU

สอบถามหน่อย พอดีว่าแต่งไลท์โนเวลไว้ แล้วอยากได้คนมาวาดภาพประกอบให้ ควรจะไปติดต่อที่ไหนดี งานขาวดำมี ref ให้ว่าอยากได้ท่าประมาณนี้ๆ พร้อมพูดคุยบรีฟงานก่อนเริ่มวาด มีแนะนำมั้ยว่าเพจไหนอะไรยังไงดี

763 Nameless Fanboi Posted ID:/ReY3yADA6

>>762 มึงชอบนักวาดคนไหนก็ลองติดต่ออินบ็อกดู หาตามเพจวาดภาพได้เลย ถ้าตีพิมพ์กับสนพ.ก็ให้สนพ.ช่วยหาให้ได้

764 Nameless Fanboi Posted ID:0wpmgzjbyI

ไลท์โนเวลต่างกับนิยายยังไง

765 Nameless Fanboi Posted ID:pevwJ9QEbU

>>764 มันไม่มีนิยามตายตัวอะ อย่างที่กูแต่งแล้วมาหาคนวาดรูปให้ก็เป็นความต่างอย่างนึงแล้ว เพราะนิยายปกติจะไม่มีภาพประกอบคั่นตามบทต่างๆ อย่างมากก็เห็นเป็นภาพเล็กๆ ข้างใต้ชื่อตอนแบบแฮร์รี่พอตเตอร์

ความแตกต่างอย่างอื่นจากที่กูเขียนอยู่ก็มี

-ใช้ภาษาง่ายไม่เวิ่นเว้อ อธิบายแต่ไม่ลงลึก ชอบอ่านแบบย่อยง่ายกูก็จัดให้
-มีไวฟุให้อวย หัวดำ หัวทอง เอลฟ์โลลิ ออคซึน เจ้าหญิงขาสวย พี่สาวอ้ปไป ใครจะวอร์กันก็เอาเลย
-มีเพื่อนชายในกลุ่มตัวละครหลัก ไม่ได้แต่งให้ดูดปากเด้าตูด แต่สนิทกันจนพอใช้เป็นยาโอยแมททีเรียลอ้อมๆ ได้
-เซอร์วิสมีบ้างนานๆ ที มีโมเมนต์ชวนจิ้นให้ทำคะแนนทั้งสาวๆ และพระรอง (ใครสายโอจิ กุมีน้องชายของอาจารย์ให้ด้วย)
-พระเอกกินเนื้อแต่ไม่ถึงขั้นเย มีเหตุผลบางอย่างทำให้พระเอกเสียตัวไม่ได้ มากสุดคือใช้นิ้วเฉยๆ
-องค์ประกอบอื่นๆ ที่คนอ่านจะเซลฟ์อินเสิรท์ได้ จิ้นได้ เอาไปจูนิเบียวก็ได้

เป็นไลท์โนเวลสายพลีชีพ เขียนแบบไม่กลัวคนหาว่าขยะ (ก็จงใจให้เป็นงี้) ใครตามหาเจอ ก็อย่าว่ากูเป็นม้านะ

766 Nameless Fanboi Posted ID:EafFMictMw

>>762 ได้หมดถ้าเงินมี งานขาวดำสวยๆมันต้องพวกนักเขียนการ์ตูน เพจการ์ตูนไทยสตูดิโอเลยโม่ง ว่าแต่จ้างวาดมันกำไรหดเพิ่มต้นทุนน้า

767 Nameless Fanboi Posted ID:pevwJ9QEbU

>>766 เงินกูอะมีเพราะทำงานแล้ว นิยายก็ไม่ได้แต่งกะตีพิมพ์ด้วย แต่งออกมาแบบนิยายแดกด่วนไม่ตามขนบเท่าไหร่ กูเลยไม่สนเรื่องยอดขายหรือกำไรหรอก (บ่องตง ขนาดภาพปกยังไม่มีเลย 55555)

คุณภาพงานเอาเป็นแบบ รัฟ-สเก็ตช์ ก็ได้ ถมดำไม่ต้องเนี๊ยบฉากปกติมีแสงเงานิด ฉากบู้มีเส้นสปีดหน่อย ไม่ได้วอนเอางานระดับไฮเอนด์

768 Nameless Fanboi Posted ID:0wpmgzjbyI

>>767 ไปหาเอาในกลุ่มคอมมิชชั่นในเฟสดูดิ คนวาดเก่งๆ มีเยอะอยู่นะ

769 Nameless Fanboi Posted ID:S8UFiPGj+7

กูขอถามหน่อย ไม่ว่าเกมดัง การ์ตูน และนิยายออกใหม่แล้วดังพูดปากต่อปาก อย่างล่าสุด ก็อบลินสเลเยอร์ เรดเดดรีเด็มชั่นสอง เกิดใหม่สร้างประเทศของคนไทยที่พระเอกดันหน้าสวยกว่านางเอก มีผลต่อกระแสนิยายเด็กดีแค่ไหน อยากรู้จริงๆ

770 Nameless Fanboi Posted ID:A8lEbLZ4th

>>769 กระแสน้ำไม่ว่าจะไหลไปในทิศทางใด ย่อมมีผลต่อปลาที่ว่ายอยู่ ปัจจัยรวมไปถึงอุณหภูมิตามฤดูกาล และความสมบูรณ์ของอาหาร ปลาที่ว่ายทวนกระแสก็มีอยู่ เช่น แซลมอน

771 Nameless Fanboi Posted ID:MHLaDrJ1Zu

>>769 มีผลไม่มากเท่าไหร่หรอก เพราะนิยายในเด็กดวกมันตามกระแสเป็นหลัก กอบสเลมันเป็นเว็บโนก่อนจะมาเป็นไลท์โน เรดรีเด็มนี่กุไม่รู้เหมือนกัน แต่แทร็ปสร้างชาตินี่ มันเป็นไลท์โนเวลที่ไม่ใช่ยุ่นเสินเจิ้น เขียนด้วยเซตติ้งไทยก่อนข้ามโลกไป มันเลยดูแตกต่างจากนิยายที่เด็กๆ พยายามแต่งให้ดูญี่ปุ่นแต่ทำได้ปลอมเปลือกมาก ชอบอ่านไลท์โน ชอบดูมังงะ แล้วพยายามเอามาแต่งให้เหมือนนิยายของชาวยุ่น ดูยังไงก็ดูออกว่าคนไทยแต่ง มันก็มีอยู่เหมือนกันนะที่แต่งแล้วญี่ปุ๊นญี่ปุ่นจนเกือบดูไม่ออก แต่ก็จำนวนน้อยอะ

ตอนนี้ไลท์โนยุ่นที่กำลังแทรกเข้ามาแบบเงียบๆ คือแนวแก้แค้น แต่มันไม่เหมือนแก้แค้นของจีนที่ต้องโดนดูถูกก่อน ของยุ่นมันมักจะบัดซบแล้วก็ดาร์คแบบยัดเยียด พอมาแก้แค้นก็เอาคืนแบบเถื่อนมาก ปัญหาคือกูคิดว่ามันคงไม่ได้แก้แค้นไปทั้งเรื่องหรอก เหมือนผู้กล้าโล่ที่ตอนแรกต้องสู้ชีวิตชิบหาย กลางเรื่องพลิกกลับมาได้รับการยอมรับ แล้วจบแบบมหาเทพ กูรอดูอยู่ว่าจะมีเรื่องไหนบ้างที่เอาคืนอีกฝ่ายจนถึงตอนจบบ้าง เพราะมันไม่ง่ายที่จะผูกเนื้อเรื่องอยู่กับการแก้แค้นได้จนจบ

772 Nameless Fanboi Posted ID:w29OwrGwOK

How to แก้แค้น
"เย็ดมันซะสิ"
ผู้กล้าฮีลจากนิยายยุ่นเรื่องหนึ่งไม่ได้กล่าวไว้ แต่ตรรกะ+การกระทำของมัน ตีความได้แบบนี้

773 Nameless Fanboi Posted ID:tnqjvzHVgl

>>771 >>771 แก้แค้นนี้มันไม่ควรจะใช้เป็นประเด็นหลักของนิยายยาวๆ แบบ LN เลยนะ ขนาดนิยายจบในเล่มยังมีน้อยเรื่องที่เอาไปเป็นสาระสำคัญของเรื่อง มันควรเป็นแค่ส่วนย่อยๆ ของเรื่อง มากกว่า เพราะถ้าใช้การล้างแค้นมาเป็นแกนหลักเลยคือล้างแค้นเสร็จเมื่อไหร่ โทนเรื่องพังทันที แถมจะเลี้ยงอารมณ์ระหว่างพยายามล้างแค้นไปเรื่อยๆ แม่งก็จะโดนคนอ่านด่าอีกว่ายืด
ส่วนตัวกูว่าผู้กล้าโล่เป็นตัวอย่างที่ดีว่าพอล้างแค้นเสร็จแล้วโทนเรื่องพังเป็นยังไง แถมกูว่าแม่งแก้ปมได้จังไรมาก คือมึงสู้ชีวิตด้วยเองมาอย่างนาน แต่พอบทจะแก้ปมก็เสือกโยนราชินีเข้ามาแก้ให้ซะเฉยๆ ง่ายๆ แถมความ่ justice แบบโคตรเรียบแบนของราชินีแม่งทำกูเลิกตามต่ออีกเลย กูเลยไม่รู้ว่าตอนจบแบบมหาเทพที่มึงว่าเป็นยังไง ต้องขอโทษจริงๆ

774 Nameless Fanboi Posted ID:MIqqLFducJ

ของจีนนี่อย่าเรียกเเก้เเค้นเลย ทุกเรื่องอะ เเรกๆโดยดูถูกก็พอเข้าใจ อยากจะขิงจะล้างเเค้นไรก็ทำไป เเต่หลังๆมานิสัยพวกเเม่มจะส้นตีนขึ้นเรื่อยๆ ทำตัวกวนตีนหาเรื่องเขาไปทั่ว ชนะก็เหยียดเขาเเบบที่ตัวเองเคยโดน เเพ้ก็ร้องไห้โทษฟ้าดินเเล้วบอกจะล้างเเค้น ถุยเถอะ
ตัวอย่างชัดๆก็อสูรพลิกฟ้าอะ พระเอกส้นตีนอันดับหนึ่งในใจเลย

775 Nameless Fanboi Posted ID:DwsUENpx9M

>>774 55555

776 Nameless Fanboi Posted ID:MHLaDrJ1Zu

>>774 ไม่ใช่แค่เรื่องเดียว ส่วนใหญ่เลยแหล่ะ สุดท้ายแม่งกร่างซะเอง บางเรื่องคิดว่าตัวร้ายเหี้ยแล้วหลังๆ พระเอกเหี้ยกว่าเยอะ เย็ดแล้วทิ้ง พอได้เค้าแล้วตัวหญิงนั่นก็ไม่มีบทเหมือนโดนรีมูฟออกไปจากเรื่อง ขึ้นช่วงใหม่หาเรื่องชาวบ้านก่อนไข่แล้วหนีวนลูปเป็น 1,000 ตอน ให้คนอ่านด่าเล่น

777 Nameless Fanboi Posted ID:MIqqLFducJ

ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าชาวเด็กดวกชอบกันไปได้อย่างไร ถถถ

778 Nameless Fanboi Posted ID:zj9088fOu7

แก้แค้นเป็นแกนหลัก กูว่าทำเป็นเกมเป็นหนังจะเหมาะกว่านิยายวะ จอนวิคงี้ coj gunslinger งี้

779 Nameless Fanboi Posted ID:BcL1pmTxe1

คุยถึงพล็องล้างแค้นแล้วยอยากเขียนบ้างว่ะ ท่าจะมันส์

780 Nameless Fanboi Posted ID:JEowqBaAgR

แก้แค้น... ต้องดื่มน้ำ

ลงชื่อ ไผ่ พงศธร

781 Nameless Fanboi Posted ID:wHIQD4.RH9

ky คือกูกำลังแต่งนิยายแนวๆ spin-offs อยู่ กูอยากรู้ว่าคำว่า spin-offs มันควรอยู่หน้าหรือหลังชื่อเรื่องอะ แบบว่า [(ชื่อเรื่อง) spin-offs] งี้หรอ?

782 Nameless Fanboi Posted ID:GZjPO5UL+T

>>781 เคยเห็นแต่เขียนต่อหลังชื่อ

783 Nameless Fanboi Posted ID:zMtTY1u3g3

ก็เห็นด้วยว่าพระเอกนิยายจีนแม่งเหี้ยขึ้นหลังจากได้เอาคืนครั้งแรก ไม่รู้คนแต่งถูกล้างสมองจากผลพวงของการปฏิวัติทางวัฒนธรรมของเหมาเจ๋อตุงรึเปล่า มันถึงมีความคิดเอาตัวเองอยู่ศูนย์กลางจักรวาลให้พระเอกเนี่ย

784 Nameless Fanboi Posted ID:d+oFZI0zAv

พี่เจียงกำลังร่ำไห้

785 Nameless Fanboi Posted ID:Ap4E7b5/R2

>>784 เจียงลูกชิ้นปลา?

786 Nameless Fanboi Posted ID:xUAO+z2c5o

>>785 Father of TRUE china ต่างหาก

787 Nameless Fanboi Posted ID:yylt2RofgZ

ไม่ใช่ซุนหรอกเหรอ

788 Nameless Fanboi Posted ID:2MV6Mpxmid

God of war แก้แค้นมาสามภาค เพิ่งจะมาคิดได้ตอนภาคสี่ แล้วพระเอกนิยายจีนจะคิดได้ตอนไหนวะ แนวคิดแม่งอย่างกับจอมมารกลับชาติมาเกิด

789 Nameless Fanboi Posted ID:CXqgEExkqq

เท่าที่อ่านมาก็นิสัยงั้นไปจนตายนั่นเเหล่ะ

790 Nameless Fanboi Posted ID:zMtTY1u3g3

>>788 เฮียแกเป็นสปาตันโดยสายเลือด ยังไงมีึความแค้นอาฆาตเยอะกว่าคนทั่วไป ต่างจากพวกคนจีนที่ไม่ได้ถูกเข้าเรียนโซตัสดิบเถื่อนตั้งแต่อายุ 6 ขวบเหมือนสปาตัน ต่อให้เป็นลูกแม่ทัพหรือขุนนางจีนก็เถอะ

791 Nameless Fanboi Posted ID:ucIGOJWG3t

>>788 พระเอกนิยายจีนแม่งแค่โดน Bully กูให้มากสุดก็พ่อแม่โดนฆ่าอ่ะ แต่ลุงโล้นแม่งโดนล้างสมองให้ฆ่าล้างโคตรครอบครัวตัวเอง แถมวาง Symbolic เตือนใจไว้ตั้งแต่แรกว่าเนื้อหาจะอยู่แค่กับการล้างแค้น แบนๆ ตรงๆ ไปเลย
ที่บอกว่าเพิ่งมาคิดได้ภาค 4 นั่นกูว่าไม่ได้คิดหรอก แต่มันล้างแค้นเสร็จไปแล้วตอนภาค 3 ไง อีกอย่างถ้าจะขายตัวละครแบนๆ ฆ่าแม่งอย่างเดียวแบบ123เกมมันจะกร่อยน่ะ สมัยนี้เกมเนื้อเรื่องมันแข่งกันโหด ถ้ามีเนื้อเรื่องแต่เสือกแบนราบเหมือนเมื่อก่อนก็บอกลา game award ได้เลย

792 Nameless Fanboi Posted ID:BF97KpfvK.

กูว่าภาคสี่ทำมาโคตรดีย์
not be like me, you must be better โคตรคมอะคุล

793 Nameless Fanboi Posted ID:/Lelk6cIl6

>>792 copy ไปใช้แปบ
เออ กูได้ทำรายงานเรื่องราชวงศ์โรมานอฟมา พอทำเสร็จ กูก็เข้าใจเลยว่า ถ้ามีกษัตริย์เก่งๆ โผล่ขึ้นมา ยุคต่อไปมันต้องมีอะไรเหี้ยๆ เกิดขึ้นแน่นอน
ปล.ซารีน่าแคเธอรีนที่ 1 นี่แม่งนางเอกในนิยายอวยนางร้ายชัดๆ

794 Nameless Fanboi Posted ID:2rpHNbeAvU

เห็นพวกมึงบ่นกัน แล้วอยากเขียนจังวะ ทำไมกูเป็นคนแบบนี้ ก๊ากๆ

795 Nameless Fanboi Posted ID:MCaJcSBHco

>>771 เอาจริงๆแนวแก้แค้นนี่ทำเป็นเนื้อเรื่องหลักได้นะ แต่ตัวที่จะแก้แค้นแม่งต้องเป็นบอสใหญ่ ตีเสร็จพร้อมปิดเรื่องไม่ใช่ยืดต่อ
>>773 กรูไม่ทันอ่านสามเล่มแรก(กรูอ่านมังงะถึงจุดนึงแล้วย้ายไปอ่านwnเอา) แต่กรูเห็นด้วยส่วนนึงนะ คือ แม่งพอเคลียร์ปัญหาเสร็จแล้วจะให้แค้นต่อนี่มันก็ไม่ใช่นั่นแหล่ะ เลยต้องเปลี่ยนโทน ยังดีที่แม่งต่อพล็อตได้ยันจบ

796 Nameless Fanboi Posted ID:s6yTiaG86A

กูจะหาแรงบันดาลใจจากไหนได้บ้างวะ นอกจากเมะเกมละก็นิยาย

797 Nameless Fanboi Posted ID:fvf52injq1

>>796 ดูหนัง ฟังเพลง ขึ้นเขาลงห้วย ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆเดี๋ยวเเรงบันดาลใจก็มาเอง

798 Nameless Fanboi Posted ID:xgIJW3MooI

นิยายจีนแบบ wtf แม่งมีหลายเรื่องมาก เขียนกันแบบเหี้ยสัสๆ แต่เสือกดัง เช่นไอ้เรื่องที่ทะลุมิติเข้าไปในจักรวาลมาร์เวล ไอ้เหี้ย โคตร edgy แถมเอามาติดเหรียญขายได้แบบไม่กลัวโดนฟ้องด้วย

799 Nameless Fanboi Posted ID:fapd9/hz.3

>>795 ขอ ky นิดนึง เกี่ยวกับโทนเรื่อง ไม่เกี่ยวกับการล้างแค้น
SAO คืออีกเรื่องที่ยืดจนเพี้ยน หลังได้ฆ่าตัวการและล็อคเอ้าท์เกม จากนี้จะไม่ใช่การเอาตัวรอดแล้ว พอช่วยเมียตัวเองและตบเกรียน GM หัวหมอ NTR แล้วสร้าง SAO บนโลก AFO ซึ่งประมาณเล่ม 4 หรือจบซีซั่น 1 หลังจากนี้เป็นต้นไปโทนเพี้ยนไปเรื่อยกู่ไม่กลับ จากเกมออนไลน์เอาชีวิตรอดมาสู่การเก็บสาวเข้ากิลด์เหมือนหนังคนละม้วน Alicization แม่งยังกะเขียนเรื่องใหม่เอาชื่อ SAO หากินอีก

800 Nameless Fanboi Posted ID:TrqHG.qNzQ

>>799 แต่มันยืดแล้วสนุกนะ ช่วงggoนี้อาจแผ่ว แต่พอขึ้น mother Rosario นี้สนุกยาวจนปัจจุบันเลย

801 Nameless Fanboi Posted ID:kG6SjqeUcv

ก็นั่นแหละฮะทั่นผู้ชม คือถ้าเป็นคนที่ติดตามตัวละครมากกว่าเนื้อเรื่องก็คงโอมั้ง ที่มันจะยืดเรื่องไป ขอแค่อ่านเพลินๆ
แต่ในขณะเดียวกันก็คิดว่ามันควรจะเปลี่ยนชื่อเรื่องไปเลยนะตอนขึ้นภาคใหม่ เพราะตัวเกมที่ชื่่อ Sword Art Online มันจบไปตั้งแต่ภาคแรกแล้ว
แนวเรื่อง อารมณ์ของเรื่องก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย เสือกแปะหัวว่า SAO มันทุกภาค เหมือนกลัวคนจำไม่ได้

802 Nameless Fanboi Posted ID:kG6SjqeUcv

กูจะยกตัวอย่าง City Hunter กับ Angel Heart ละกัน คือใช้ตัวละครเดิม แต่โทนเรื่องคนละขั้วเลย นิสิัยตัวละครก็ต่างกันในหลายๆแง่ด้วย คือมันเป็นคนละเรื่องไปแล้วล่ะ ก็เปลี่ยนชื่อ ไม่ใช้ City Hunter ต่อให้ระคายเคืองผู้อ่านเก่า แบบนี้อะถูกต้อง

803 Nameless Fanboi Posted ID:t/.giTNTGF

>>799 นี่>>795 saoนี่กรูก็ว่าโทนมันเพี้ยนเหมือนกัน แต่ประกาศเป็นarcใหม่ส่วนตัวเลยไม่ได้มีปัญหามาก saoคิดว่าเป็นชื่อละครใหญ่ก็ได้แหล่ะ

804 Nameless Fanboi Posted ID:50fM5uWHmT

>>802 City Hunter กับ Angel Heart นี่มันคนละจักรวาลกันนี่ เหมือนกับจักรวาลมาลเวลนั่นล่ะ
ส่วนเรื่องชื่อ SAO กูว่ามันเป็นแฟนไชร์ไปแล้วอะ

805 Nameless Fanboi Posted ID:UR5/Iho2YM

>>804 นักล่าเมืองกับหัวใจเทวดานี่เรื่องมันต่อกันไม่ใช่เหรอวะ รึกูจำผิดเอง

806 Nameless Fanboi Posted ID:K6AvzIpvJB

>>805 "เหมือน"จะต่อกัน แต่จริงๆเป็นโลกคู่ขนานมากกว่า
คือถ้าดูการเชืื่อมโยงเพียวๆ อาจนึกว่ามันเป็นเนืื้อเรื่องต่อจาก City Hunter ซึ่งก็เหมือนจะใช่
แต่ถ้ามึงไปดูตัวละคร จะพบว่า มีตัวละครหายสาปสูญไปเยอะมาก ไม่เอ่ยถึงเลย และทำเหมือนไม่เคยมีตัวตน
เช่นฟอลคอน เมียหาย ซาเอโกะมีน้องสาวอยู่สี่คน ไม่พูดถึง (เล่มหลัังๆพูดถึงบ้างมั้ยไม่แน่ใจ) และตัวละครขาจรขาประจำอีกมากมายที่เคยมีในภาค City Hunter ก็ถูกตัดออกไปหมด จนกูรู้สึกว่ามันเป็นโลกคู่ขนานมากกว่า

807 Nameless Fanboi Posted ID:6MCo7y+c+T

>>806 กูชอบ City Hunter มากกว่า เพราะเฮียโล้นผีทะเล

808 Nameless Fanboi Posted ID:tK4jCTUPLf

อยากลองเขียนนิยาย ราชาปกครองประเทศเป็นแกนหลัก ดูบ้าง มีนิยายแนวๆ นี่แนะนำมะ จะดูเป็นตัวอย่างหน่อย
ปล. เอาประวัติศาสตร์มา mock up ได้ปะวะ

809 Nameless Fanboi Posted ID:F.9O/kbjy6

>>808 Game of thrones กิกิ

810 Nameless Fanboi Posted ID:3N6tjW42OU

>>808 เน้นการเมืองการปกครองลองอ่านไตรภาคสุยถังดู นิยายไทยไม่ค่อยมีหรอก แทรปเกิดใหม่กูไม่ได้อ่าน แต่น่าจะพอไหว

เอาจริงเรื่องการปกครองมันยากนะ เขียนให้สนุกนี่ยากยิ่งกว่า หาหนังสือปวศ.อ่านง่ายกว่าเยอะ ถ้าอยากได้มุมมองด้านตัวบุคคลและนโยบายเชิงเปรียบเทียบ กูแนะนำหนังสือของมติชนเรื่อง ราชสำนักจีนหันซ้าย โลกหันขวา สนุกสุดๆ

811 Nameless Fanboi Posted ID:I71.9QJUKY

โหลๆ คือกูกำลังหาเว็บอธิบายรายละเอียดของชุดผู้ชายอะ คือมันจะเป็นแบบอธิบาย ว่าชุดนั้นชุดนี้เรียกว่าอะไร ที่กูกำลังหามันเป็นชุดแนวแฟนตาซีหน่อยๆ ด้วย มียศ มีอะไรประดับแบบหรูๆ หน่อย ทีนี้กูควรจะหายังไงดี ไม่รู้จะเสิร์ซว่ายังไง โม่งช่วยแนะนำหน่อยนะ อยากได้จริงๆ กูค่อนข้างโง่เรื่องแฟชั่น

812 Nameless Fanboi Posted ID:MxKwPszmpD

>>811 ราชปะแตน

813 Nameless Fanboi Posted ID:73KkOdkvP3

ราชปะแตน มาจาก ราช แพตเทิร์น... Raj Pattern
ไปรเวท... มาจาก ไพรเวต... Private

814 Nameless Fanboi Posted ID:xyQeon1rxV

>>811 จำกัดก่อนว่าเป็น​ชุดยุคไหน, ชาติไหน แล้วค่อยค้นหาเจาะลึกลงไป

815 Nameless Fanboi Posted ID:I71.9QJUKY

-ยุคกลาง ออกแนวแฟนตาซี มีความทันสมัยหน่อยก็ได้ พวกชุดของผู้ชาย เกราะอัศวิน ชุดเครื่องแบบประดับยศ
-ชาติก็ ยุโรป-อังกฤษ ประมาณนี้แหละ

816 Nameless Fanboi Posted ID:I71.9QJUKY

ไม่รู้จะหารูปจากไหน จากเกมละกัน ก็น่าจะประมาณนี้ https://pin.it/6hhpylpjwbmijh
https://pin.it/j4g7vz6xullpsa

817 Nameless Fanboi Posted ID:I71.9QJUKY

>>812 >>813 ขอบคุณ แต่ลองเสิร์ซ ปรากฎว่าคนละทวีปกันเลย 😂

818 Nameless Fanboi Posted ID:/9ljuRGCyy

พูดถึงแล้วก็แอบติดปัญหาเรื่องนี้หน่อยๆ เหมือนกัน
นิยายที่กูแต่งมันเป็นแฟนตาซีแต่อิงเซ็ตติ้งวัฒนธรรมให้คล้ายกับประเทศที่มีในโลก (ตัวอย่างเช่นแทนที่ประเทศอังกฤษว่าอาณาจักรA) ทีนี้มันมีตัวละครที่แต่งตัวด้วยชุดประจำถิ่นอย่างยูคาตะหรือชุดมิโกะอยู่ แต่เพราะโลกในเรื่องมันไม่มีประเทศญี่ปุ่นอยู่ก็เลยไม่รู้ว่าควรจะเขียนยังไงดี จะบรรยายเลี่ยงๆ ก็อาจนึกภาพไม่ออกด้วย

819 Nameless Fanboi Posted ID:En6jz9TohW

>>815 ต้องดูของศตวรรษที่ 14 เพราะยุคกลางตอนปลายคือเจริญที่สุดแล้ว และกำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเรเนซองส์ ชาติที่เจริญล้ำหน้ากว่าอังกฤษน่าจะเป็นอิตาลี ซึ่งช่วงนั้นถูกปกครองโดยจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (คนละอาณาจักรกับโรมันโบราณ)

820 Nameless Fanboi Posted ID:En6jz9TohW

>>818 ประเทศฮอกไกโดก็ได้ เหมือนประเทศสารขัณฑ์ล้อบางประเทศนี่แหละ เพราะฮอกไกโดมีชนพื้นเมืองไอนุ สืบเชื้อสายผสมญี่ปุ่นกับรัสเซียตะวันออกไกลหน่อย

821 Nameless Fanboi Posted ID:ln+NHh6s9D

>>820 ไม่ๆ กูหมายถึงการแต่งกายเด่ะ
คือในเรื่องที่กูเขียนมันมีประเทศญี่ปุ่นที่สมมติชื่ออยู่แล้ว แต่ด้วยการที่มันไม่ใช่ญี่ปุ่นแบบในโลกของเราจริงๆ ชื่อสิ่งของที่เป็นชื่อเฉพาะอย่างยูคาตะก็เลยต้องไม่มีด้วย และปัญหาที่ตามมาคือกูจะบรรยายลักษณะของยูคาตะยังไงให้คนรู้ว่าเป็นยูคาตะ โดยไม่ใช้คำว่ายูคาตะตรงๆ

เขียนมาแบบนี้กูก็นึกเพิ่มได้อีกอย่าง พวกหน่วยวัดสมัยใหม่ที่กำหนดโดยมนุษย์ (กรัม เมตร) ในโลกแฟนตาซีมันก็ไม่ควรมีนะ กูอ่านเรื่องนึงเจอโลกเวทมนตร์ใช้หน่วยไมล์วัดระยะทางแล้วรู้สึกแหม่งๆ ขึ้นมาทันที

822 Nameless Fanboi Posted ID:Ru4y0AhMhX

>>821 บางทีมันพูดยากนะ ถ้าแฟนตาซีจริง ๆ หลา นิ้ว เอเคอร์ ก็ต้องห้าม แต่จะให้เรียนทั้งหมดใหม่เลยนี่ลำบากมาก เช่นถ้าจะแสดงให้คนอ่านเห็นว่าไกลเท่าไหร่ แล้วต้องใช้หน่วยใหม่นี่ลำบากคนอ่านอีก

เช่น มังกรกัลลิวัลล์หนัก 22 รานัต เดินทางได้ 250 นาลีต่อคาเด ดำน้ำลึกได้ 750 พาเซ คนอ่านคงแบบ แล้วกูจะรู้กับมึงไหม ต้องทำตารางเทียบให้ทั้งหมดเหรอ อีกอย่างเรื่องเวลาก็เหมือนกัน อันนี้รุนแรงกว่า ถ้าเป็นดาวคนละดาว วันต่อปี ฤดูกาล ชั่วโมงต่อวัน ไม่เท่ากับโลก ถ้าต้องอธิบายใหม่หมด ทุกหน่วยวัด กูว่าคนอ่านหนีอ่ะ คือบางอันก็เปลี่ยนได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดว่ะ

823 Nameless Fanboi Posted ID:KzwdW8mBmK

>>822 แต่บางเรื่องก็เล่าใหม่หมดได้แบบไม่สะดุด กูว่าเค้าเก่งวะที่ทำได้ขนาดนั้น

824 Nameless Fanboi Posted ID:UKFRUd3Bfo

ระยะทางหรือน้ำหนักกูใช้วิธีเปรียบเปรยแบบอื่นเอาอ่ะ อย่างพระเอกโดนตัวร้ายถีบจนกระเด็นไปหลายสิบก้าว ดาบที่มีความยาวใบมีดประมาณสองช่วงแขน
จริงๆ ถ้าพูดแบบนี้ การนิยามจำนวนตัวเลขในโลกแฟนตาซีมันก็ต้องเปลี่ยนใหม่หมดตั้งแต่การนับ 1-10 เลย แต่พอดีกว่าเดี๋ยวยาว

825 Nameless Fanboi Posted ID:mvqr8swyKd

ถ้ามึงแต่งแฟนตาซียุโรปก็ใช้มาตรฐานยุโรปไปเลยก็ได้ แต่ถ้าต่างโลกแบบเพียวๆ แล้วอยากสร้างมาตรวัดใหม่ก็ไม่เป็นไร

826 Nameless Fanboi Posted ID:JuzaylonSc

>>823 มึงยกตัวอย่างเรื่องที่ใช้หน่วยวัดต่างๆ เป็นภาษาของตัวเองแล้วเขียนจนจบได้ให้กูซักเรื่องสิ แล้วเดี๋ยวกูจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมเรื่องนั้นทำได้แต่พวกมึงทำไม่ได้

827 Nameless Fanboi Posted ID:kxm95LGSjO

>>821 กูไม่มีปัญหานะถ้าจะใช้คำพวกนั้น ประเด็นไม่น่าใช่เซตติเงแต่น่าจะเป็นยุคมากกว่า คือต่อให้เป็นแฟนตาซีมันก็ต้องมียุคสมัยของมัน ถูกมะ ถ้ามันเป็นแฟนตาซีที่ติดกลิ่นโบราณๆ ก็เลือกใช้คำที่เฉพาะกับยุคหน่อย แต่ถ้าเป็นแฟนตาซีโลกอนาคต กูก็ไม่ติดใจที่จะใช้คำที่มีอยู่แล้วนะ ในฐานะคนอ่าน กูรู้สึกว่าถ้ากูต้องมาจำคำเรียกใหม่หมด บางทีมันก็น่ารำคาญเหมือนกัน ยิ่งอีพวกมาเป็นตารางๆ คือกูโบกมือลาก่อนเลย ไม่ใช่ทุกคนที่อยากมานั่งท่องตารางคำศัพท์ใหม่ว่ะ

828 Nameless Fanboi Posted ID:3+eMMCD6pu

มันก็ไม่ต่างกับชื่อตำแหน่ง หรือลำดับชั้นหรอก กุว่า

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.