"มีอะไรหรือคุณอีแวนส์" สมิธเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก สายตาของเธอเพ่งมองลงมาคล้ายจะอ่านสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจ ฉันสูดลมหายใจลึกก่อนบังคับน้ำเสียงสั่นเครือให้ตอบกลับไปโดยไม่ฉายแววพิรุธ
"ไม่มีอะไรค่ะคุณสมิธ ฉันเพียงจำนามสกุลของเขาไม่ได้เท่านั้น"
"เช่นนั้นคิดเสียว่าเขานามสกุลอะไร อย่าให้เราต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้" ฉันก้มหน้ารับคำสั่งของเธอ สมองพยายามประมวลผลอยากรวดเร็วก่อนตัดสินใจกล่าวชื่อหนึ่งออกไป
"ผู้ชายผมสีดำตรงนั้นคือไทเลอร์ รีดจ์ค่ะ..."
ไม่มีใครรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาไม่ใช่ไทเลอร์ รีดจ์อย่างที่ฉันกล่าวอ้าง เด็กหนุ่มผมสีดำคนนั้นคือจอร์จ ดาวิส รูปร่างของเขาคล้ายคลึงกับไทเลอร์มากพอที่ทำให้ทุกคนเชื่อว่าศพใบหน้ายับเยินคือเขา ความหวังลึก ๆ ก่อเกิดขึ้นในใจของฉัน ไทเลอร์เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของฉัน ตอนนี้เขาหนีไปแล้ว...หนีรอดไปจากผลึกเพชรแห่งนี้และจะไม่มีใครตามล่าเขาอีกต่อไป
พวกเขาจะตามหาตัวจอร์จ ดาวิสไม่ใช่ไทเลอร์ รีดจ์
ชื่อสุดท้ายหลุดออกจากริมฝีปากของฉัน มีสมาชิกหน่วยอีกสามคนที่สามารถหนีรอดไปได้ ตอนนี้หมดหน้าที่ของสมาชิกหน่วยสร้างสันติที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่สมิธยังคงให้เรายืนอยู่บนเวที ศพของผู้เสียชีวิตยังคงปล่อยวางไว้เช่นนั้น ฉันเหลือบมองเพื่อนในแถว...ทุกคนต่างร้องไห้และสติหลุดลอย การทำใจมองภาพเบื้องหน้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด การจากไปของเพื่อนสร้างความโศกเศร้าให้กับฉันคล้ายคนอื่น ๆ เพียงแต่ฉันยังเห็นแสงความหวังซึ่งมีชื่อว่าไทเลอร์
"เราทุกคนคงเห็น...การสูญเสียสมาชิกชั้นดีในวันนี้" สมิธก้าวขึ้นยืนบนแท่นโพเดียมกลางเวที เสียงแข็งกร้าวของเธอไม่ได้สอดแทรกซึ่งความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด
"เจ้าหน้าที่พิทักษ์สันติต่างบาดเจ็บและล้มตายเพื่อปกป้องพวกเราเอาไว้ การก่อจลาจลและการพยายามหลบหนีของหน่วยสร้างสันติในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องน่าผิดหวังอย่างยิ่ง รัฐบาลต่างฟูมฟักสมาชิกทุกคนอย่างดีเพื่ออนาคตในวันข้างหน้าของประเทศชาติ...การกระทำของหน่วยสร้างสันติในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ ทุกคนในหน่วยสร้างสันติที่ยังเหลือรอดล้วนมีความผิดโทษฐานสร้างความเดือดร้อนภายในผลึกเพชร"
มีเพียงความสงบนิ่งเท่านั้นที่รายล้อมอยู่รอบข้าง แม้กระทั่งเสียงสะอื้นของชาลิสยังเงียบไป ถ้อยคำของสมิธไม่จำเป็นต้องตีความหมายใด ๆ เธอกำลังจะสั่งลงโทษพวกเราที่ยังยืนหายใจอยู่ตรงนี้
"เพื่อเป็นการสั่งสอนและย้ำเตือนไม่ให้เกิดความคิดต่อต้านขึ้นมาอีก เบื้องบนมีคำสั่งให้ถอนรากถอนโคน ประหารชีวิตผู้กระทำความผิดทุกคน!"
สิ้นเสียงกร้าวของสมิธ ฉันถูกเจ้าหน้าที่พิทักษ์สันติเตะจากด้านหลังจนล้มหมอบลงกับพื้นเวที แรงเตะไม่ทำให้ฉันเจ็บปวดเท่าไรนัก ที่เป็นห่วงตอนนี้คือไลแลคมากกว่า...
"ทำไมละคะ ก็คุณบอกว่าถ้าฉันบอกแผนการครั้งนี้กับคุณ ทั้งหมดคุณจะส่งฉันไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ในเมืองหลวงไม่ใช่หรือคะ" เสียงกรีดร้องขอชีวิตดังขึ้นจากชาลิส เธอประจานความเห็นแก่ตัวของเธอเอง ขายชีวิตเพื่อนกว่าสามสิบคน...เพียงเพื่อความสุขสบายของตนเอง แต่ชาลิสไม่มีเวลาร่ำไห้นานมากนัก กระสุนปืนเจาะทะลุสมอง มันพรากเสียงร้องของเธอไปตลอดกาล
เสียงปืนดังถี่ขึ้นกว่าเดิม เด็กชายหญิงวัยสิบสามปีที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยก็ถูกกำจัดทิ้งตามระบบ สมิธเก็บฉันไว้เป็นคนท้าย ๆ ตอบแทนที่ฉันช่วยขานชื่อศพพวกนั้นให้เธอ ท่ามกลางโลกที่พร่าไปด้วยน้ำตาของฉัน ฉันยังเห็นน้องสาวพยายามฝ่าเจ้าหน้าที่พิทักษ์สันติเข้ามาหาฉัน ด้วยขนาดตัวที่เล็กว่าเด็กวัยเดียวกันของไลแลค ทำให้เธอเข้ามาใกล้จนเกือบจะถึงหน้าเวทีอยู่แล้ว เส้นผมสีน้ำตาลบลอนด์ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง สองมือเล็กตะเกียกตะกายไขว่คว้า ริมฝีปากตะโกนเรียกชื่อฉันไม่หยุด
"ไอริส! ไอริส!! ไม่นะไอริส!!"
ฉันยื่นมือไปหาน้องสาวอีกนิดเดียวจะถึงเธออยู่แล้ว...แต่เสียงปืนกลับดังขึ้นเสียก่อน
ท่ามหิมะสีขาวโปรยปรายลงมา ฉันเห็นเลือดของตัวเองสาดกระจายไปทั่ว ดวงตาสีม่วงของน้องสาวเบิกกว้าง เธอกรีดร้องเรียกชื่อฉันซ้ำ ๆ เจ้าหน้าที่พิทักษ์สันติคนหนึ่งยิงฉันที่หลัง มันไม่มากพอจะทำให้ฉันตายได้ในกระสุนนัดเดียวแต่ความเจ็บปวดนั้นช่างมากมายเหลือเกิน
ไลแลค...ไลแลคของฉัน
ฉันหวนนึกถึงบทเพลงที่แม่ร้องให้ฟังในวัยเด็ก พยายามเปิดปากเค้นเสียงร้องเพลงปลอบน้องสาวผู้มีน้ำตาอาบใบหน้า
หลับตาลงเถอะคนดี...ปล่อยให้คืนนี้ผ่านพ้นไป
เมื่อเธอตื่นมาพบกับเช้าวันใหม่...ขอให้วันนั้นเป็นวันที่สวยงาม...
กระสุนปืนยิงซ้ำขึ้นทันที