เเล้วพวกข้อมูลอื่นสามารถดูเสริมได้ไหม งบจดทะเบียน,สินทรัพย์รวม อื่นๆ
Last posted
Total of 1000 posts
เเล้วพวกข้อมูลอื่นสามารถดูเสริมได้ไหม งบจดทะเบียน,สินทรัพย์รวม อื่นๆ
เเล้วพอจะเเนะนำหน่อยได้ปะพี่โม่ง ว่าต้องดูยังไง ค่อนข้างงงเรื่องกำไร ทรัพย์สินรวม
หลักๆดูเเค่กำไรพอปะ หรือว่าดูอะไรบ้าง
>>159 +1 พวกขาดทุนหนักๆที่ทำเพื่อเลี่ยงภาษีก็มีเยอะ ที่เก่ากูทำขาดทุนหนักๆเพื่อไปขอคืนภาษีทุกปี ตอนกูเข้ากูไม่ได้ดูเข้าไปถึงเจอสรรพากรตรวจเรียกเอกสารนั่งคุ้ยกันหัวฟู โดนด่าหน้าชาทุกวัน สรรพากรเขารู้อ่ะว่าธุรกิจแบบไหนเมิงไม่ควรขาดทุน ที่ขาดทุนเพราะเมิงจงใจเลี่ยงภาษี คุ้ยเอกสารเสร็จก็โดนปรับอยู่ดี เคยขอคืนไปกี่ปี ปีละเท่าไหรมันปรับคืนหมด สุดท้ายที่เลี่ยงๆมาทั้งหมดคือเหนื่อยฟรี
ที่บอกได้ก็ไซส์บริษัทคร่าวๆมั้ง จำนวนคนทำงาน
ส่วนเรื่องงบคือสันดานพวกผบหระดับสูง บริษัทที่ตัวแดงอาจแปลได้ทั้ง -ผบหเลว/ขาดทุนจริงๆ
ซึ่งบริษัทที่ผบหเลวก็ไม่ได้หมายความว่าข้างในจะแย่อ่ะ คนข้างในเขาก็ทำงานตามปกติ ผลประกอบการมันคือคนที่มีอำนาจตัดสินใจคนท้ายๆ ซึ่งบริษัทนึงมีไม่กี่คนหรอก
ไปสัมมาละเขาถามว่าบริษัทจะได้อะไรจากคุณนี่ควรตอบยังไงอะพี่ๆโม่ง
ถามมางี้กูกาบริษัททิ้งได้เลย HR ตั้ง flag ไม่เอากูแล้วละ
เพื่อนโม่งทำไงดีวะ กุจองหอพักแถวที่ทำงานไปละแต่แม่งกุรู้สึกว่าแม่งแพงเกินไป
เค้าเอาไปแค่ค่าจอง1000นึงถ้ากุโทรไปแคนเซิลจะโดนไรเพิ่มปะวะ(โดยทั่วไปๆ)
>>168 ขนาดนั้นเลยหรอวะ กูก็เคยเจอคำถามนี้นะ ก็แค่ตอบไปประมาณว่า ผมเชื่อว่าผมมีสกิลเพียงพอ ความสามารถของผมผลิตผลงานให้บริษัทได้แน่นอนครับ แค่นั้น แล้วก็ไม่ได้รู้สึกเฟคอะไรนะ ก็กูมาทำงานแลกเงินอ่ะ สกิลทุกอย่างในรีซูเม่กูก็ทำได้หมดจริงๆ แต่คือสายเทคมันวัดง่ายด้วยแหละมั้ง แค่ทำเทสก็รู้แล้ว แต่เหมือนมันเป็นแพทเทิลคำถามสมัครงานเฉยๆ อ่ะ
สัดงานค้างปีที่แล้ว ตีกะงานปีนี้
>>175 กู>>166 เห็นด้วยบางส่วนนะ มันเป็นคำถามที่ถามไปก็รู้อ่ะว่าคนตอบจะตอแหลแต่ก็ต้องตอบว่ะ คือไปของานเขาอ่ะ ไม่ได้อยู่ในสถานะที่พอได้ยินคำถามนี้แล้วจะลุกขึ้นสะบัดบ็อบใส่
พวกนี้เป็นคำถามโง่ๆ แต่เตรียมเผื่อไว้ก็ดี มีโอกาสโดนกันเยอะเหมือนกัน
สำหรับกู กูเกลียดที่ถามถึงอนาคตอีก10ปี หรือเป้าหมายชีวิตมากกว่าอีก คือกูแค่อยากอยู่ในที่สิ่งแวดล้อมดีๆงานดีๆเพื่อนดีๆ แต่พอตอบแล้วแม่งดูเป็นคนกากๆไม่มีแรงจูงใจในชีวิต
>>175 นี่ไงมันวัดอีโก้ได้ ถ้าสมมติตอบมา(ถึงจะสุภาพ)ว่า "ผมไม่คิดว่าคำถามนี้จะบอกข้อเท็จจริงอะไรได้ครับ" เป็นกูเป็นคนสัมภาษณ์ก็อืมๆ พยักหน้า เข้าใจนะ แต่กาชื่อทิ้งเลย ความคิดมึงไม่ได้ผิดอะไร แต่การรับคนหัวแข็งมามันทำงานด้วยลำบากว่ะ
>>176 คำถามอนาคตนี่กูว่าน่าจะถามเผื่อคิดว่าจะอยู่กับบริษัทไปยาวๆ มั้ย บางคนมันแพลนว่าอยู่แค่ซักปีสองปีไปเรียนต่อก็มี บางคนแพลนจะเปิดบริษัทเอง จะกลับบ้านไปช่วยธุรกิจครอบครัวไรงี๊ ทางนี้ก็คงต้องคำนวณแล้วว่าน่าจะซักกี่ปี หรืออาจจะชอบคำตอบแบบไม่มีแพลนจะได้อยู่ยาวๆ ก็ไม่รู้นะ
โดนถามแบบนี้ กูจะตอบไปว่า อนาคตจะไปเป็นนักปิดการขายครับ
พวกถามคำถามมาแบบ canned นี่กูกาหัวหมด แม่งไม่เอากูก็กูไม่เอามัน
>>177 กูตอบแบบไม่มีแพลนเป็นพิเศษ แค่อยากอยู่ในที่สภาพแวดล้อมดีๆเพื่อนร่วมงานดีๆ แต่ตกหมดเลยว่ะ ไม่รู้ตกเพราะเจอคำถามนี้หรือคำถามอื่น
เพื่อนกูที่เป็น job hopper มันจะตอบแนวว่าอยากเป็น xxx manager อยากมีเงินเดือน xxxxx บาท จะเอาไปเลี้ยงแม่(พ่อแม่หย่ากัน) ส่วนมากก็ผ่านสัมมาได้
กูก็งงๆ ว่าตอบแบบไหนถึงจะดีกันแน่ การบอกเงินเดือน/ตำแหน่งคาดหวังในอนาคตนี่มันดีจริงหรอวะ
มีใครสายกราฟิกหรือโมชั่นมั่งปะ นี่พึ่งจบทำงานได้ประมาณ3เดือน ตอนสมัครเค้าบอกให้ทำโมชั่นได้นิดหน่อยใช้aeพื้นฐานไม่ยาก กราฟิกมี4คนไปๆมากูได้ทำโมชั่นคนเดียวทั้งคิดทั้งทำ ละอยากได้แบบยากๆทำก็ใช้เวลา งานอื่นไม่ทันโยนมาหากูอีก ถ่ายรูปวิดีโอก็ให้กูเป็นคนทำ พี่ๆคนอื่นตำแหน่งเดียวกันคือทำแค่หน้าที่ตัวเอง คุณสมบัติตอนรับสมัครก็แบบเดียวกัน กูได้ทำตั้งหลายอย่าง เบื่อมากๆเบื่อทุกวันอยากลาออกทุกวัน เงินเดือน15000 พี่เค้าแม่งเกือบ25000 ออกดีไหมอะ หรือจะทนๆทำ คิดว่าที่อื่นก็คงไม่ต่างกันTT
เออ เคยเห็นอยู่ กราฟิก คุณสมบัติ ทำกราฟิกและโมชั่นได้ อิบ้า แค่งานกราฟิกธรรมดาก็สเกลกว้างแค่ไหนละ ยังให้ทำโมชันได้อีก แต่เงินเดือนเท่าเดิม
สาย IT ก็เจอปัญหาคล้ายๆกันนะ แต่เลี่ยงได้ถ้าไปอยู่บริษัทใหญ่ๆที่ลงทุนด้านนี้จริงจังหรือบริษัทที่เป็นด้าน IT โดยเฉพาะ
เค้าจะพอรู้ว่างานบางเรื่องมันเฉพาะทาง จะเอาคนเดียวทำแม่งทุกอย่างไม่ได้ ไม่รู้สายกราฟิคทำแบบนี้เหมือนกันได้มั้ย
กุถามหน่อยวันที่ 11 กุยื่นมาลาออกไปแล้ว บริษัทกุเค้าตัดยอดวันที่25แล้วจ่ายสิ้นเดือน ตอนนี้ 15 ละ
เค้าจะยังคิดตังค์กุไหมวะหรือว่าเค้าคิดแค่ถึงตอน 11 กุกลัวว่าแม่งเป็นแบบที่กุยื่นวันไหนแล้วทำงานฟรีมายาวๆ
ตอนปี 4 เทอมสุดท้าย มหาลัยจัดอบรมเรื่องการสัมภาษณ์งาน พี่ที่มาบรรยายแนะนำอยู่เรื่องหนึ่งว่าตอนไปสัมภาษณ์ห้ามใส่ชุดนักศึกษาเพราะจะดูไม่มืออาชีพ แต่พอกูมาทำงานจริงๆทุกวันนี้กูก็เห็นเพื่อนร่วมงานผู้ชายรอบตัวกูใส่เสื้อเชิ้ตขาวกันเยอะเหมือนกัน คือเสื้อเชิร์ตขาว แบบเรียบๆ ดูผ่านๆเหมือนเสื้อนักศึกษา แต่ไม่ได้ใส่แบบนี้ทุกวันนะ บางวันก็ใส่เสื้อเชิร์ตสีสุภาพ แต่เสื้อเชิร์ตขาวนี่ยังมีเห็นบ่อย
>>185 หางานใหม่ได้แล้วค่อยออก ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกบ. เก็บสะสมพอร์ทเจ๋งๆ ไว้แล้วทางเลือกมึงจะกว้างขึ้น สายนี้วัดฝีมือกันง่ายจากพอร์ต ถ้างานดียังไงมึงก็มีทางไปต่อได้
>>189 ปกติเขาก็คำนวณตามวันที่ทำงานจริงกันนะ เกินไปกี่วันก็เอาเงินเดือนมาหารวันทำงานแล้วจ่ายไปตามนั้น แต่มึงจะทำจนวันที่ 25 ก็สะดวกดี
>>191 เห็นด้วยว่าเรียนจบแล้วก็ไม่ควรใส่ชุด นศ.แล้ว เว้นไว้ให้เด็กฝึกงานเวลามาออฟฟิศวันแรกก็พอ แต่เชิตขาวเฉยๆ มันก็ไม่ใช่ชุด นศ.อ่ะนะ
นัดกันไว้ว่าจะส่งงาน แล้วก็ขอชั่วโมงนึง ขอครึ่งชั่วโมง ขออีกชั่วโมง
อิช้างลากกกกกกกกก ธุระปะปังกูก็มีหน่าเว้ยยย จะไม่ส่งไม่เสร็จ อะไรก็บอกกูเถ้ออออออะะ เจ้านายกูก็โอ๋จัง อิเจ้าเนี้ย
เบื่อทั้งคู่ค้ากากหมา ทั้งเจ้านายจอมเลียกูจริงจริ๊๊๊๊งงง
โม่งพวกมึงจะด่ากูก็ได้นะ แต่กูอยากถามจริงจังหน่อย
มีงานอะไรที่แม่งไม่ต้องตื่นเช้ามั่งวะ!? เอาประมาณเข้างานซัก 10 โมงงี้
คือทุกวันนี้แม่งทรมานกับการตื่นเช้ามากเลย ต้องแหกขี้ตาตั้งแต่ตี 5 มาเตรียมตัว ออกจากบ้าน 6 โมงเพื่อนั่งรถไปให้ทันเข้างานก่อน 8 โมงเช้าเนี่ย
เดิมทีกูก็เป็นพวกหลับยากชิบหาย ทุกวันนี้นอนวันละไม่ถึง 6 ชั่วโมง จนต้องแอบไปนอนหลังข้าวเที่ยงทุกวันเลย
เคแต๊งมากเพื่อนโม่ง
ถ้ามันยังมีงานเข้าสายได้แบบนี้ กูจะได้ตัดสินใจลาออกได้ซะที ทำงาน บ.นี้มา 2 ปี เสียสุขภาพจิตชิบหาย
>>202 กูมาดับฝัน งานสาย tech อย่างพวกในเม้น >>198 >>200 เนี่ยถ้าไม่มีความสามารถเฉพาะทางและเก่งในระดับนึง เลือกไม่ได้หรอกนะ และงานอย่างของ >>197 >>199 >>201 เนี่ยคือเข้าสายและเลิกค่ำ ถ้าปัญหาของมึงคือนอนน้อย มึงอาจจะเสียเวลากับการเดินทางไปเยอะ แนวทางของ >>196 เหมาะกับมึงมากกว่า
ไม่ก็ไปหาหมอแก้ปัญหาเรื่องนอนซะ
มึง พวกแท่นขุดน้ำมันกลางทะเลนี่เค้ารับกราฟฟิกมั้ยวะ
พี่ที่บ.กุเล่าให้ฟังว่ามันมี กุอยากรู้ว่าจ้อจี้รึเปล่า แต่เสิร์จหาเองก็ไม่เห็นว่าเคยมีอ่ะ
กุเอง กราฟฟิกที่ทำโมชั่นด้วย และกำลังจะโดนให้ทำUIเพิ่ม
บ.กูให้เข้างาน8-10 แต่กูเข้า11ตลอด มีพี่บางคนเข้าบ่ายเลยก็มี
ปล. กูdev
ขอถามหน่อย มีโม่งคนไหนทำกับบ.จีนบ้าง ล่าสุดโทรให้ไปให้สัมภาษณ์ ยังลังเลอยู่ เพราะพึ่งเปิดไม่ถึงปี มีแผนขยายบริษัทอีก งานที่จะไปเริ่มคือบุกเบิกใหม่หมดเลยเพราะไม่มีคนทำมาก่อน เพราะจากที่ฟังระบบไม่ค่อยซัพพอร์ตงานสายกูเลย จริงๆไม่ได้แคร์ว่าบ.ชาติไหน แต่คนรู้จักขู่มาเยอะ โอ๊ยลังเล
อยู่กทม ถ้าเงินเดือนประมาณ13k ไม่มีภาระเรื่องบ้าน รถ หนี้อะไร แค่จ่ายค่าน้ำไฟ เน็ต ให้เงินแม่สัก2พันคิดว่าไหวไหมวะ เรื่องค่ากินคิดว่าจะทำข้าวไปกินเองตอนกลางวัน
"มีใครรู้สึกเหมือนผมไหมว่า คลิปเสียงลับ มันเร็วขึ้น"
"เช้านี้ผมเปิดฟัง รู้สึกว่า คลิปเสียงลับมันเร็วกว่าเดิม"
https://youtu.be/N7gxXIQJLbI
>>208 เคยทำงานบริษัทเจ้าของคนจีน ถ้าบริษัทตั้งในไทยทำก็เหมือนที่อื่นนั่นล่ะ แต่แนะนำว่าทำน่ะทำได้แค่ครบปีให้หาที่ใหม่ได้เลย เพราะบริษัทคนจีนเงินเดือนขึ้นยาก บางที่ทำ 4-5 ปีมันก็จ่ายเท่าเดิม
>>209 เวลาทำงานแรกๆ เงินเดือนน้อยมันจะเดือนชนเดือนเอา ถ้าไม่ทำบัญชี อาจจะลองแยกส่วนคร่าวๆ ประมาณนี้ก่อน เวลาคิดอย่าลืมส่วนหักประกันสังคมด้วยนะ
1. ค่ารถ ค่าที่ให้ที่บ้าน
2. กันเป็นเงินเก็บแยกมาส่วนนึง (เอาไว้ซื้อ เสื้อผ้า มือถือ รองเท้า ฯลฯ)
3. ค่ากินต่อมื้อเอามาหารค่ากินแต่ละวัน
4. เงินเหลือก็หยอดแยกไว้อีกกอง ส่วนนี้เอาไว้โปะส่วนเสาร์อาทิตย์เวลาอยากกินอะไรดีๆ หน่อย
ปล. ทำงานถ้าเติบโตน้อยกว่า 15% ต่อปีพอได้ประสบการณ์ อย่าลืมหาที่ใหม่ด้วยล่ะ เพราะถ้าออกตัวช้าพออายุมากมันเหตุให้ทยอยเสียเงินมากกว่าเก่าโดยอัตโนมัติ
ปรึกษาที คิดอยากลาออกจากที่ทำงานที่แรกนี้ (กลางเดือนหน้าครบ 2 ปีครึ่ง) แต่ยังไม่ได้หาที่ใหม่ งานที่เป็น Proj. Eng อยากทราบความเห็นว่า
1. ออกก่อนได้ที่ใหม่ จะดีไหม? เพราะอยากมาพัฒนาทักษะต่าง ๆ ของตนก่อนเข้าทำงานที่ใหม่ ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยมีเวลา
2. หาที่ใหม่ให้ได้ก่อนแล้วค่อยออก? ที่ใหม่จะได้ไม่ค่อยกดเรื่องเงิน และที่เก่าจะไม่ค่อยถามเรื่องสาเหตุ พร้อมทางแก้ (รั้งหน่อย ๆ)
3. ถ้ารู้ว่าเราใกล้จะออก จะโดนอัดงานเพิ่มเลยไหม?
4. อยู่มา 2 ปี ถือว่านานไหมสำหรับที่แรก?
1-2. จริงๆไม่ค่อยแนะนำให้รีบออกก่อน ขึ้นอยู่กับว่ามึงอยากมีเวลาว่างเท่าไหร่ด้วย
เป็นไปได้ลองคุยกับที่ใหม่ดูดีกว่าว่าเค้ามีงานด่วนรึเปล่า ถ้าไม่ด่วนก็ขอร่นวันเริ่มงานออกไป
ถ้ารีบชิงลาออกก่อนที่ใหม่เค้าจะมองแปลกๆว่ามึงมีปัญหากับที่เก่ารึเปล่าถึงออก มีข้ออ้างกดเงินอย่างที่มึงว่า
ศก. ไม่ค่อยดีด้วย เกิดรีบออกก่อนแล้วหางานใหม่ไม่ได้ซักทีก็ซวยอีก
3. ปกติต้องลดงานมึงนะ เพราะต้อง transfer งานที่ทำค้างอยู่ให้คนอื่นทำต่อ
ถ้าอัดเพิ่มคือเจอหัวหน้าประเภทงี่เง่าอยากแก้แค้นหรือไม่รู้จักคิด อันนี้คือซวย
อาจจะยกเว้นว่างานที่มึงทำมันเป็นอะไรที่เป็น skill พิเศษจริงๆ คนอื่นทำแทนไม่ได้
เค้าก็อาจจะยัดเพิ่มเอาให้คุ้มก่อนมึงไป เพราะไม่รู้จะมีคนแทนได้เมื่อไหร่
4. อันนี้น่าจะแล้วแต่สายงานกับมุมมองคน แต่สำหรับกูกูว่าก็นานพอควร จะออกก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร
แล้วแต่อายุ โปรไฟล์ ความเรื่องมากของตัวเองด้วยแหละ
ช่วงอายุ 23-28 กูออกก่อนได้งานใหม่ตลอด เพราะมั่นใจในโพรไฟล์และความสามารถของตัวเอง
ไม่มีภาระ อยากพัก แต่สุดท้ายก็ดันได้งานใหม่เร็วตลอด กลายเป็นว่าไม่ได้พักสมใจ
แต่ตอนนี้อายุ 29+ บอกเลยว่าไม่เปรี้ยวแบบนั้นแล้ว เพราะอายุเยอะงานเริ่มหายาก
ตัวเราเองก็เริ่มเรื่องมากมากขึ้นด้วย ข้อจำกัดในชีวิตเริ่มเยอะ ประกอบกับมีภาระผ่อนบ้านผ่อนรถ
อายุเยอะเปลี่ยนงานยากจริง ปสก. ต้องตรงสาย ไม่ตรงก็ต้องเริ่มใหม่ บางที่ไม่เอาเลย อายุมาขอเริ่มใหม่เนี่ย
ช่วงนี้งงานมันซึมๆ เพราะคนรอหลังตรุษจีนปะวะ ดูเงียบๆหวะ
ระหว่างปัจจุบัน บ.ใหญ่ มั่นคงสวัสดิการดี อยู่ได้เรื่อยๆ กับ
บ.ใหม่ที่มาซื้อตัว เล็กกว่าที่ปัจจุบัน(แต่ก็เปิดมากว่ายี่สิบปีแล้ว) ออฟเฟอร์เงินเดือนสูงกว่า สวัสดิการไม่น่าดีเท่าที่เดิม
เพื่อนโม่งว่าเลือกแบบไหน
รู้สึกเครียดกับตัวเอง ไม่รู้ตัดสินใจถูกรึเปล่า อาทิตย์ก่อนได้รับ job offer มาแต่ปฏิเสธไปเพราะหนึ่งคิดว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งที่อยากทำ ถ้าทำก็คงอยู่ไม่นาน รู้สึกว่าเป็นงานที่ไม่ค่อยมีโอกาสเติบโตทางอาชีพอ่ะ กับสอง รอผลสัมจากอีกที่อยู่ ซึ่งก็ดูริบหรี่เหลือเกิน ต้องกลายเป็นคนว่างงานต่ออีกแล้วสิกู
เพื่อนโม่งกุถามหน่อยดิว่ะ พวกมึงรู้สึกไงว่ะเมื่อส่งอีเมลไปแล้วเขาไม่ตอบกลับมาสักทีว่ะ Reminder ไปหลายรอบ โทรก็หลายรอบ พอพวกรับโทรศัพท์ก็วีนใส่พวกมึงจะทำยังไงกับคนแบบนี้ว่ะ
กูเบื่อระบบงานพวกพูดดีๆแต่งานไม่ขยับว่ะ กูเป็นสายเงียบทำแต่งานหาว่ากูว่าง แต่พอเจอพวกพูดประจบทำวานได้เยอะผมทำได้ๆถึงเวลาส่งก็ไม่เสร็จลอยตัวเจ้านายก็ไม่ว่าไร นี่มันเหี้ยไรเนี้ย
มีใครทำงานกับพวกเอาท์ซอสมะ มันเป็นอย่างไง อายุ 35 อยากขยับไปทำ DEV บ้าง
แต่ก็นะสายงานนี้ 35 แล้วคงไม่น่ามีใครเอา แต่อยู่ที่เดิมก็ได้แค่ หมื่นนิด ๆ ไม่ขยับมานานแล้ว
ปล. งานเดิมเป็นไอทีซับพอร์ตโง่ ๆ คุมระบบในสำนักงานอย่างเดียว ก็ซ่อมคอม ซ่อมปริ้นเตอร์ไปเรื่อย
>>239 กุไม่แน่ใจนะ เพราะระหว่างทางกุก็หัดก็ศึกษาด้วยตัวเองมาตลอด ไม่ได้จบสายตรง แต่ก็ทำงานได้รับจ๊อบฟรีแลนซ์มานานพอสมควร ก่อนจะมาสมัครประจำแบบเปลี่ยนสายงานก็หวั่นๆ นี่แหละเพราะวุฒิไม่ตรง แต่เขาก็รับนะ หางานไม่นานด้วย คงเพราะพอร์ตที่มีแหละ เรื่องเขี่ยออกนี่ไม่รู้เพราะเพิ่งอยู่มาแค่สามเดือนเอง แต่เดือนก็มี บ.อื่นมาจีบอยู่เหมือนกันนะ(แต่มันไวไป๊ กุเพิ่งผ่านโปรยังไม่อยากออก) กูว่าถ้าพอร์ตดียังไงก็ยังหางานได้เรื่อยๆ สายนี้มันวัดฝีมือกันง่าย อายุไม่น่าใช่ประเด็น แต่ก็ต้องยอมรับว่าต้องพัฒนาตัวเองแข่งกับเด็กให้ทันอยู่ตลอดนะ
>>238 ยังไม่รู้เลยวะ หัดเขียน java กับ python อยู่ อยากขยับไปเป็น dev เพราะโดนงาน แบบ
กูเรียกงานอะไรดี งานผลแอปเปิ้ลแล้วกัน เทียบแบบนี้เพราะโดนสั่งแบบเฮ้ยมึงเรียนคอมมา(จบแค่ปวส บ้านไม่ส่งเรียนต่อ)
มึงทำเว็บนู่น โปรแกรมนี้ให้หน่อย กูจะไปนำเสนอเขา ตามประสาแบบของเจ้านายประเภทจะเอาอะนะ แล้วกุต้องไปหาต้นกล้ามาปลูก หาความรู้
จนกว่าจะทำงานพวกนี้ให้สำเร็จได้ ลองก็อปโค้ดจาก สแตกโอเวอร์โฟว Github มารันบ้าง แล้วมามั่ว ๆ เป็นงานขายผ้าเอาหน้ารอดได้
ไปวัน ๆ ตังสักแดงก็ไม่ได้(นอกจากเงินเดือน) ค่าหนังสือเขียนโปรแกรมที่ซื้อมาอ่านยังไม่ให้เลย เลยคิดว่าจะลองไปสมัครเป็น Dev ดู
ถ้าพอมีความรู้ แต่นั้นแหละ ความรู้พวกนี้มีเปล่ากูยังสงสัยตัวเองเลย อายุปูนนี้แล้วด้วย
กูเป็น dev อยู่แต่เรียนมาตรงสาย เรื่องอายุกับจบตรงสายมีผลกับเค้าจะรับไม่รับมั้ย กูว่ามันขึ้นอยู่กับทัศนคติของนายจ้าง / HR แต่ละบริษัทด้วยน่ะ
เคยเจอทั้งไม่ซีเรียสอะไรเลย ทำงานได้ คุยรู้เรื่อง มีความรับผิดชอบ ก็โอเคแล้ว
พวกบ้าสถาบันจัดๆที่อย่าว่าแต่ไม่ตรงสาย ไม่ใช่ ม. ดังๆก็ไม่เอาแล้ว
พวกอยากรับแต่เด็กเพราะคิดว่าจะได้สั่งได้ (แต่เสือกไม่ดูว่าทำงานได้มั้ย)
ส่วนเรื่องอายุมากมีเรื่องควรระวังคือบางที่เค้าเห็นมีอายุจะมีความคาดหวังสูงกว่าเด็กๆ ถึงประสบการณ์ทำงานสายนี้จะไม่เยอะก็ตาม
ถ้ามึงเข้าไปแล้วทำได้ไม่ดีเท่าที่เค้าหวังก็อาจจะมีประเด็นได้
dev ถ้ามึงมีพอร์ทเข้าท่าๆ หน่อยไม่กาก ถ้าเป็นบริษัทสาย software หรือพวกทำสื่อโฆษณา เค้าไม่สนกันหรอกว่าจะตรงสาย อายุยังไง ตราบใดที่มึงคุ้มค่าที่จะจ้างแล้วปิดงานตรงเวลาได้ มันก็จบแค่นั้น
มันเป็นอะไรไม่คุ้มค่าถ้ารับสายตรง พวกนิวบี้ไม่มีประสบการณ์ อายุน้อย มาทำงานแล้วปิดงานไม่ได้ เพราะมันไม่ได้กำไร นอกจากจะรับมาทำงานรูทีน แต่งานรูทีนถ้าทำบนคอม แยกส่วนมาทำ automation ก็ประหยัดคนไปได้มากมายอยู่แล้ว ก็ไม่รู้จะรับมาเยอะทำไมเหมือนกัน
กูเข้าใจความสำคัญของการมีซีเนียร์ก็วันนี้แหละวะ
กูเป็นนิวบี้ที่ต้องมาเริ่มงานเองทั้งหมด ไม่คนให้คำปรึกษา ไม่มีใครสอนงาน แต่งานก็ดันมีแรงกดดันสูง จนทำงานมาเป็นปียังไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้วระบบที่ดีของสายมันต้องทำไรบ้าง รู้ไรบ้าง รู้สึกเหมือนทุกวันนี้แม่งก็แค่เอาตัวรอดไปวันๆอ่ะ
เศร้า จะให้เก่งกว่านี้คงยาก อย่างน้อยถ้ามีใครสอนงานหรือบอกว่าต้องทำไรบ้างก็ดี กูก็ไม่ได้จบตรงสายด้วย
ช่วยกูด้วย ระหว่าง
- บ.เล็ก มีพนง.ไม่กี่คน แต่ระบบไม่ค่อยถูกใจกูเท่าไหร่ ได้ทำงานหลากหลาย แต่คนที่ทำงานด้วยโอเค
กับ
- บ.ใหญ่ พนง.หลายร้อยคนแหละ มีเทรนนิ่ง เปนระบบดี แต่สภาพภายในไม่รู้ว่ะ
ทั้งสองอันงานสายเดียวกัน เป็นพวกมึงเลือกอันไหนกันวะ
เหนื่อยว้อย เวลาวางแผนงานอะไรไปให้คนในทีมทำตาม แต่พวกแม่งเสือกทำงานไม่ละเอียด เด๋วทำอันนั้นเด๋วไม่ทำอันนี้ ทำได้ไม่ได้ก็ไม่แจ้ง ทำเสร็จปุ๊บไม่มีให้ดูก่อนเอาส่งขึ้นเป็นของจริงไปเลย พอออกมาผิดพลาดทีกูนี่โดนตลอด กลายเป็นกูไม่ละเอียดโง้นงี้ จะให้กูพูดโพล่งออกไปว่ากูทำแล้วแต่คนอื่นไม่รู้ทำไมไม่ทำตาม แม่งก็เสียอีก
แล้วงานกูแม่งก็เสือกเยอะเหี้ยๆ ไม่มีเวลาลงไปจี้ ก็หวังว่าแบบ เออ เสร็จไรมาก็เอามาเมคชัวร์กันก่อน ทำไม่ได้ก็บอก ยังไม่ทำก็พูดสิ มันควรอัปเดทกูบ้างมั้ย นี่กูไม่รู้เหี้ยไรเลย บอกอย่างทำอีกอย่างแล้วมาเจอเซอไพรซ์ตลอด จะให้พูดแก้ตัวยังไงวะ ถ้ากูพูดก็เหมือนโยนขี้ให้คนอื่นอีก แม่งก็จะทำงานลำบากอีก แต่ถ้าไม่พูดไรบ้าง กูก็งี้อ่ะ โดนมองว่าไม่เก่งทั้งๆที่แม่งไม่ใช่ความผิดกูซักอย่าง
ก็เข้าใจแหละว่ากูไม่ใช่หัวหน้าทีม แต่กูเป็นคนจัดการตารางไง กูเป็นคนแอดไซน์ว่าใครต้องทำไร มีรายละเอียดอะไร แล้วพอทำไม่ตรงกับที่กูแอดให้ แล้วผลมันออกมาไม่ดี กูสมควรถูกด่ามั้ยวะ หรือไอแบบผิดพลาดในจุดเล็กน้อยแต่เสือกผิดพลาดเพียบ คนทำยังไม่รู้เลยว่าผิด ขอทีนะ บางทีเช็ครายละเอียดงานหน่อยก็ดีนะ งานก็ไม่เอามาให้กูตรวจแล้วจะรู้กันมั้ยว่ามันผิดแผนยังไง เหนื่อยเว้ย ทำไมทุกอย่างแม่งกลายเป็นความผิดกูไปได้
พวกระดับสูงๆแม่งไม่ได้รู้หรอกว่าจริงๆแล้วกูให้ใครทำไรบ้าง เค้าก็มารับรู้จากผลลัพธ์กันอย่างเดียว คิดว่ากูเป็นคนวางงานห่าเหวนี่จนมันเหี้ย ทั้งๆที่ความจริงคนอื่นไม่ทำตามที่กูสั่ง นี่อยากตารางมาโชว์มาก อย่างน้อยถ้ารู้ก่อนจะได้จัดการหาคำพูดได้ นี่ไม่ เจอเซอไพร์แล้วกูจะไปต่อไงวะ
กุออกงานมาละแต่งานใหม่กุเริ่มมีนา แล้วที่บ้านบังคับกุให้ทำที่เก่าไปก่อนแต่ประเด็นคือ กุจะไปบอกเค้าจริงๆหรอวะว่าขออยู่ต่อเพราะงานมันเริ่มเดือนหน้า เหมือนกุขั้นเวลาไปเฉยๆอะ คือกุอยากกลับมาชาร์จแบตก่อนเพราะงานที่พึ่งออกมามันค่อนข้างเหี้ยอยู่ เหมือนเค้าไม่อยากให้กุพักเดือนนึงอะ เรื่องเงินเนี้ยกุไม่ซีอยู่ละเพราะกุมีเงินเก็บเอาไว้ใช้อยู่แล้วแถมอยู่บ้านอีกค่าใช้จ่ายมันน้อยอยู่ละ
ออกจากงานตอนนี้ 70% ไปไม่รอดหรอกนะครับ ดู gdp โลกด้วย
หาทางย้ายไปทำงานต่างประเทศ
พี่ๆห้องนี้ใช้เวลาเดินทางไปทำงานกันกี่นาที-ชม.ครับ
ตอนนี้ผมลังเลอยู่คือได้งานที่ใหม่เงิน22k ติดตรงเวลาเดินทางขับมอไซใช้เวลา45นาที
ส่วนที่เก่าได้18kใช้เวลาเดินทาง15นาที
ยื่นใบลาออกไปต้นเดือน หัวหน้าขอให้อยู่ทำจนวีคแรกเดือนหน้า แต่กูไม่อยากไปทำต่ออีกแล้วจริงๆ งานที่กูทำก็ออกแนวทำตามออเดอร์ให้จบเป็นรายวันไปงี้ เพราะงั้นไม่มีปัญหาเรื่องงานค้างรึอะไรอยู่แล้ว อยากรู้ว่าถ้าไม่ไปทำงานจนครบเวลาตามตกลงตอนเซ็นใบลาออกจะเป็นอะไรไหมวะ เขาจะถือว่ากูขาดงานละจากลาออกเปลี่ยนเป็นไล่ออกไรงี้ปะ
ทำงานได้อาทิตย์นึงละ ยังไม่ชิบกับงาน+พี่ๆในออฟฟิศสักที เฮ้อ
ชินสิวะ
>>260 สิบห้านาทีรถเมล์เก้าป้าย ถ้าวันไหนตื่นสายนั่งวินได้ 40 บาท เลือกมาอยู่ที่นี่เพราะใกล้ที่ทำงานเลยยอมเสียค่าเช่าแพงแลกกับเวลาเดินทาง แต่ก็ยังไม่วายใช้เวลาขากลับครึ่ง-หนึ่งขั่วโมงเพราะรถเมล์แม่งไม่มาซักที อย่างเซ็ง จะดาวน์มอไซค์ก็ดูจะไม่คุ้ม ใกล้นิดเดียว ละที่พักแพงอีกไม่อยากไปทบรายจ่ายมาก ได้แต่ยืนรอรถเมล์หน้าเมือกไป
กูครึ่งชม. mrt
>>260
ตื่นเช้ามากๆ ไม่มีอะไรทำก็เดินไปทำงานประมาณ 1.5 โล 0 บาท กรณีเดินไปต้องเผื่อเวลาซัก 45 นาที
สายหน่อยนั่งรถเมย์หรือเดินไปหน่อยเพื่อขึ้น BTS แต่รวมแล้ว 30 บาท ข้อดีซื้อของกินบนสถานีได้ ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที
สายมากนั่งวิน 50 บาท อันนี้ใช้เวลา 15 นาที
คิดว่าใช้เวลา 45 นาทีมอไซค์ ถือว่าไกลอยู่นะ แต่ถ้าที่เก่าเงินไม่ขึ้น ก็เอาเถอะ ยอมเหนื่อยหน่อยจะได้ก้าวหน้าไวๆ ครบปีแล้วค่อยว่ากันใหม่
>>262 การลาออกแจ้งปากเปล่า หรือจะส่งอีเมล์ ถือว่าสัญญาสมบูรณ์แล้ว หัวหน้าเซ็นต์ไม่เซ็นไม่มีผล ออกไปแล้วค่อยติดต่อบัญชีเรื่องยื่นภาษีทีหลัง หรือต่อประกันสังคม ก็ว่ากันไป
ขอให้อยู่ทำจนวีคแรกเดือนหน้า = ใจดีกับเค้าแต่มึงจะเป็นควายเอา รู้ทั้งรู้ ที่ใหม่ถ้าวันไม่ครบเดือน hr เขี้ยวๆ มันจะคิดเป็นรายวันให้
สมมุติเงินเดือน 2 หมื่น ถ้าทำงานไม่ครบเดือนหายไป 1 อาทิตย์ เงินที่เดือนของเดือนนั้นจะไม่ใช่ 15000 นะ จะเหลือหมื่นเดียว
คนที่สั่งงานด่วนตอนเย็นวันศุกร์(แถมเนื้อหาที่จะให้ทำจะส่งมาคืนนี้) แล้วบอกต้องส่งก่อนเที่ยงพรุ่งนี้ เขาจะรู้สึกอะไรบ้างมั้ยวะ ทั้งๆ ที่ บ.หยุดเสาร์ แน่นอนว่าต้องทำงานในวันหยุดมาจากที่บ้าน คือ ทำไมพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติว่ายังไงกูก็ต้องทำให้ได้วะ เชี่ยเอ้ยเสาร์อาทิตย์นี้กูสอบด้วย
>>271 เหมือนกูอะ มีเจ้านายประสาทแดกที่ชอบเร่งงานตลอดเวลา กำหนดการหนึ่งอาทิตย์เสร็จก็อยากเร่งให้สามวันเสร็จ เร่งไปก็ไม่ได้เอาไปทำห่าอะไรหรอก เอาไปดองไว้ให้อุ่นใจว่าลูกน้องมีงานส่ง วันนี้ก็สั่งงานตอนเช้าจะเอาบ่าย พอเที่ยงมายืนรอแล้ว กูจะไปกินข้าวก็ไม่ให้ไป บอกว่ายังไม่เสร็จก็ด่ากูว่าช้า ไม่ตั้งใจทำงานล่ะสิท่า จะให้ไอทีมาดูการใช้คอมกูว่ากูแอบเข้าเว็บอะไรบ้างระหว่างวันงาน ยืนด่ากูไปครึ่งชั่วโมงจนกูบอกว่ายังไม่ได้กินข้าว มันบอกไม่ต้องลงไปหรอกคนเยอะ สั่งแกรบมากินเอา ตอนอยู่ที่โต๊ะจะได้ทำงานให้ผมด้วย หัวควยจริงๆ ตอนแม่งมายืนทวงงานกูอยากเดินไปเขียนใบลาออกมาก แล้วบอกว่าถ้าคิดว่าช้าก็เชิญมึงทำเองไปเลยสัส ที่ยังทำอยู่เพราะแม่งใกล้บ้านกับยังหางานใหม่ไม่ได้นี่ล่ะ ถ้าหางานใหม่ได้กูแจ้งล่วงหน้าแค่สิบห้าวันแล้วกูจะไม่มาอีกเลย ห่าลาก
>>271 แล้วแต่วัฒนธรรมองค์กร แล้วแต่ mindset สำหรับบางองค์กร/บางคน คนแบบนี้นอกจากจะไม่รู้สึกผิด ยังรู้สึกว่าภูมิใจว่าตัวเองขยัน ทุ่มเท เป็นบุคลากรอันทรงคุณค่าขององค์กร ส่วนพวกไม่ทำงานถวายหัวแบบตัวเองคือเห่ย ไม่ทุ่มเท เหลาะแหละ รักสบาย .... มันเป็นเรื่องของ mindset น่ะ จะไม่บอกว่าใครถูกหรือผิด แต่ตัวกูชอบจะเอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่คนมี mindset ไม่ต่างกันมาก ไม่งั้นอยู่ไม่ได้ว่ะ อยู่ไปก็อึดอัดไม่มีความสุข สำหรับองค์กรกู นายกู จะมีกรณีบ้างนานๆ ที (ไม่เกินปีละ 2-3 ครั้ง) เวลามัน urgent จริงๆ อันนี้เข้าใจได้ นอกนั้นไม่เคยมายุ่งกับกูวันหยุดหรือหลังเลิกงานเลย บางทีแกคิดอะไรออกแกก็เรียกไปคุยเลยนะ แกกลัวลืม แต่คุยเสร็จแกก็บอกว่าอาทิตย์หน้าค่อยทำ พรุ่งนี้ค่อยทำ งานที่กูทำอยู่ตอนนี้เรียกได้ว่า work life balance ดีที่สุดในชีวิต วันหยุด เลิกงาน คือ shutdown เรื่องงาน 100%
>>271-272 อีกหนึ่งเหตุผลที่กูว่าสมควรมีพื้นที่ให้ออกมาประจานชื่อสถานที่ทำงานและmindsetของที่นั้นๆหว่ะ ในเมื่อแม่งกล้าเอาอำนาจมาเอารัดเอาเปรียบคนอื่นได้ คนทำงานก็สมควรประจานได้ ห่า ยิ่งถ้าแบบสายงานที่มองลูกค้าเป็นพระเจ้าและมองหัวหน้าเท่าเทียมอีกนี่คือเป็นสถานที่ทำงานเหี้ยๆอันน่าประจานสุดๆถึงแม่งส่วนมากจะบอกว่าไม่ได้ไม่ควรประจานเพราะมันคือเรื่องส่วนตัวระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างก็ตามทีเถอะ ทีผู้บริโภคกับผู้ผลิตสินค้า/บริการละมีพื้นที่ให้รีวิวได้ แต่กับแบบนี้มีละเสือกผิดผีซะงั้น
กูสังเกตว่าบางทีคนที่โดนหัวหน้าเอาเปรียบ อาจจะเพราะบุคลิคส่วนตัวด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นพวกพูดจาไม่ฉะฉาน ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ปฏิเสธคนไม่เป็น
บางคนคิดว่ายอมๆไปจะก้าวหน้าในการงาน แต่จากประสบการณ์กูไม่เห็นมันจะก้าวหน้าซักเท่าไหร่ ก็เห็นก็ก้าวไปพร้อมๆกับกู ส่วนใหญ่ทนไม่ไหวก็ออกไปก่อน ที่เป็นพวกไม่ยอมโดนใช้เป็นทาส
ตอนเข้ามาใหม่ๆ มันก็เคยจะทำกูเหมือนเพื่อนร่วมงานกู แต่เพียงแค่กูไม่ยอมเสียเปรียบ กูไม่ยอมให้มันขโมยผลงานกูไปอ้างระดับผู้บริหาร(กูหวงงาน ถ้าอันไหนกูทำกูจะขอพรีเซ็นต์กับนายเอง) แต่ก็ไม่ก้าวร้าวกับมันเกินไป (ไม่เคยทะเลาะกับหัวหน้า คุยเล่นกันได้ปกติ) ปรับตัวให้เข้ากับคน รู้จักเอาตัวรอด แค่นี้ก็มีความสุขในที่ทำงานได้แล้ว
>>276 เออว่ะ เพราะกูยอมสินะ แบบถึงจะนอยแต่กูก็ทำให้เขาอยู่ดี กูอาจจะเป็นฝ่ายสปอยล์เขาเองก็ได้ ครั้งอื่นกูว่างๆ กูก็เต็มใจทำให้แหละ แค่ว่าครั้งนี้กูมีธุระอื่นแต่ก็ต้องทำให้เลยกลายเป็นเรื่องขัดใจขึ้นมา เพราะกูนี่เอง
>>275 เหมือนจะเคยเห็นของฝรั่งนะลืมไปแล้วว่าเว็บไหน มีแบบสอบถามเรตเงินเดือนของแต่ละบริษัทละมีรีวิวด้วย ไม่รู้เชื่อถือได้แค่ไหนเหมือนกันนะเพราะแบบสอบถามมันไม่ได้ระบุตัวตนอ่ะ
>>276 ขอเสริมว่าที่ความเห็นนี้พูดมานั้น จะทำได้สำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับนายด้วย ถ้าเจอนายที่เหี้ยมากๆๆๆๆๆๆๆๆ มึงจะพบว่าไม่มีวิธีไหนจะเอาตัวรอดได้เลยนอกจากลาออก แต่ถ้าเจอนายปกติ อันนี้เห็นด้วยว่าอยู่ที่เราทำตัวเองละ เพราะงั้นคนฉลาดเค้าจะรู้ว่าควรอยู่ต่อหรือควรไป บางปัญหาแก้ได้ บางปัญหาปลงได้ แต่บางปัญหาควรถอยแล้วไปหาที่ใหม่ดีกว่า วิธีสังเกตคือถ้ามึงไปอยู่ที่ไหนชีวิตก็บัดซบ แสดงว่าไม่ใช่ละ ปัญหาอยู่ที่ตัวเองละ เหมือนบางคนอะ มีแฟนกี่คนเหี้ยทุกคน แสดงว่าปัญหาอยู่ที่การเลือกคนและการปฏิบัติตัวของตัวเองให้คนมาเอาเปรียบมึงละ แต่ถ้ามึงฉลาด มึงจะรู้วิธีดูคน/ดูบริษัทเบื้องต้น และพอเข้าไปทำงาน มึงจะรู้แล้วว่าที่นี่ควรอยู่ต่อหรือควรถอยออกมาให้ไวที่สุด
มีใครเคยเข้า บ. ใหม่แต่กลับมีหน้าที่ความรับผิดชอบสูงๆบ้างไหมวะ กูเพิ่งมาทำที่ใหม่ 3เดือน บางเรื่องแทนที่นายกูจะให้ manager ทำเสือกมาให้กูทำแทน เหตุผลหลักๆหน้าจะเป็นเพราะนายกูเป็นคนญี่ปุ่น และกูก็ได้ภาษาญี่ปุ่น สั่งงานกูคงง่ายกว่า ผลคืองานกูเยอะชิบหาย 80 % ของงานที่กูทำหลังๆนี่ไม่ใช่หน้าที่หลักตามตำแหน่งกูด้วย ล่าสุดกูอยู่หน้างาน ตปท แต่นายกูตอบเมล์ลูกค้าไปว่า รอให้กูกลับมาก่อนจะทำงานที่ถูก request ให้ กูนี่แบบ ไอ้เหี้ยเมเนเจอร์นั่งหัวโด่อยู่ไม่ไปใช้เขาวะจริงๆมันควรจะเป็นงานเขาด้วยซ้ำ
>>281 ไม่เสมอไปนะแกร บางที่ก็มีเมเนเจอร์เอาไว้เกร๋ๆ ทำไมไม่รู้จ้า งานก็ทำไม่เป็น ความเป็นผู้นำก็ไม่มี ตัดสินใจอะไรก็ไม่เฉียบ แต่ก็เห็นอยู่ดีมีสุขมีเงาหัวสบายดีเงินเดือนเยอะนะแกร คนที่จะตายเอาแบกเกินหน้าที่คือคนในทีมนี่แหละ นี่เอาจริงๆ นะยังคิดไม่ออกเลยว่าถ้าทีมไม่มีเมเนเจอร์คนไทยจะมีความลำบากเดือดร้อนอะไรบ้าง เพราะว่าปกติมีนายญี่ปุ่นเป็นผู้นำอยู่ คอยตัดสินใจ แก้ไขปัญหาให้ ประสานกับ HQ ให้ ส่วนเรื่องงานก็มีคนในทีมทำงานอยู่ ส่วนเมเนเจอร์นั้นนน ทำอะไรบ้างว้า นึกไม่ออกเลยจร้าาา
ใครลางานทั้งเดือนบ้าง กลัวโครน่าจัง
กูทำงานเหนื่อยอยู่คนเดียว มีแต่คนเห็นใจแต่ไม่มีใครช่วยไร คนในทีมก็ทิ้งงานปล่อยกูลุยคนเดียว
จะแบนกูหรือไง แต่ช่างเหอะ ถ้าวันนึงกูมีงานใหม่เรียก กูจะจำไว้ว่าไม่จำเป็นต้องสงสารใครเลย เพราะทุกคนทำเหมือนจะช่วยแต่ก็ทิ้งกู
มีใครเคยสัมภาษณ์งานครั้งเเรกเเล้วได้งานเลยไหม กูจะไปสัมภาษณ์วันพุธนี้ละตื่นเต้นจัง
>>270 กู 262 นะ คือกูไม่ใช่แค่ไม่อยากทำตอนต้นเดือนหน้าแต่กูอยากหยุดตั้งแต่ก่อนสิ้นเดือนนี้เลยอะ เลยสงสัยว่าหยุดงานก่อนสิ้นเดือนละจะมีปัญหาเรื่องเงินเดือนมั้ย แบบเขาจะไม่จ่ายเงินเดือนนี้เพราะผิดข้อตกลงรึเปล่างี้ ละถ้าจำไม่ผิดในสัญญาก็เหมือนมีบอกอยู่ว่าอาจจะโดนริบเงินประกันโรงงาน ซึ่งเงินที่เขาหักไปรวมๆละมันก็ไม่น้อยแต่กูก็ไม่ได้เสียดายขนาดนั้น แล้วก็กูยังไม่มีงานใหม่หรอก จะกลับบ้านไปพักใจตั้งสติก่อน พอดีอาทิตย์ก่อนกูไม่สบายละไปหาหมอ หมอสันนิษฐานว่าอาจเป็นไทรอยด์เป็นพิษ เลยอยากรีบกลับไปตรวจแถวบ้านดีกว่า อย่างน้อยก็ใกล้ครอบครัว อุ่นใจกว่าอยู่ลำพัง
ปกติไปสัมภาษณ์งานเเต่บ.ไม่ค่อยเเย้บถามเเนวเรื่องลึกๆ หรือสิ่งที่เรียนมา
เเบบนี้ส่วนใหญ่เเห้วใช่ไหมวะ ไปสัมมา2-3ที่ ถามเเต่เเนวเเบบครอบครัวทำอะไร บ้านอยู่ไหน ส่วนใหญ่ก็สัมประมาณเเค่ 30นาที-1ชั่วโมง (จบใหม่)
เเล้วผลก็ไม่เเจ้งด้วยนะ สงสัยหาที่สัมวนไป
มิตรแท้ในที่ทำงานนี่มีอยู่จริงไหมวะ
กูไม่เข้าใจที่ทีมเดียวกันเเข่งกันทำงาน คงเพราะกูทำงานคนเดียวมั้ง
พวกคนทำงานที่แม่งสื่อสารกับคนอื่นไม่รู้เรื่องนี่มันเป็นเหี้ยไรนักวะ แม่งพูดไม่รุ้เรื่องอ่ะ ปวดกบาล
>>300 เจอจนชินว่ะเจอตั้งกะ
- สั่งอะไรไม่รู้เรื่องชอบพูดเหมือนกูรู้เรื่องมาก่อนแล้ว
- ถามคำตอบคำ เจอแล้วหงุดหงิดสุด ไม่อธิบายงาน ถามก็ตอบแบบกั๊กๆ ตอบมาคำสองคำ กลัวกูทำงานเป็นมั้ง
- ลากออกทะเลแล้วเสือกไม่กลับเข้าฝั่งด้วยนะ คุยขอข้อมูลงานพี่ลากออกไปเรื่องเล่นแบตบลาๆๆ ไทป์นี้เสียเวลาคุย จาก 5 นาทีเป็น 30 นาที++
- ถามเรื่องงานแล้วไม่ได้คำตอบ ตอบแถไปเรื่องอื่นตลอดเว ถามว่างานได้เมื่อไหร่ พี่แกจะอธิบายยืดยาวถึงความยากลำบากในการทำงานของแก การติดต่องาน อุปสรรคในชีวิต หาเงินส่งลูกเรียน ฯลฯ แต่ไม่บอกว่าได้เมื่อไหร่ พอกูย้ำแกจะตอบว่าก็นี่ไงพี่อธิบายไปแล้วทำไมเราไม่เข้าใจ ??? อัลไลวะ
>>301 ไอ้พวกถามคำตอบคำแม่งน่ารำคาญสัสสส กูเคยเจอคนสอนงานแบบนี้ ตอนเรียนงานแม่งระแวงชิบหาย มันสอนงานจบบ้างไม่จบบ้างต้องรอให้คนจากแผนกอื่นมาด่ากูก่อนว่าทำไมทำไม่เสร็จถึงรู้ว่างานมันมีสเต็ปต่ออีก เวลาไปถามงานก็อมๆงำๆ บางทีมีคนเดินมาสั่งงานกูจะหันไปถามว่าทำยังไงแม่งเดินหนีไปเลย จังหวะพอดีมากกก หลายครั้งด้วยไม่ใช่ครั้งเดียว
พวกนี้กูว่าบางทีมันไม่ได้สื่อสารไม่รู้เรื่องอ่ะ แต่มันมีปัญหา/ปมอะไรกับกูแน่ๆ รำคาญสัส
ตำแหน่งกูมีทำอยู่คนเดียว
ไปสมัครงานใหม่ลาป่วยลากิจ หรือบอกเค้าตรงๆว่าไปสอบดีวะ กลัวไม่ติดละเค้ารู้ตัวว่ากูอยากออกอะ กลัวโดนข่มอีก
แต่ก็อยากให้เค้ากระตือรือร้นหาคนมาเพิ่มแทนคนที่ลาออกไปซักทีว่ะ กูจะตายห่านอยู่ละยังไม่สนใจกู แถมมาด่าอีกว่าทำงานไม่ได้เรื่อง ค๊วย
กลัวเค้าหาคนมาแทนไม่ทันใน1เดือน กว่าจะสอนเทรนด์งานไรอีก คงฝากพี่ๆที่เคยมาช่วยงานจำๆไปฝากคนใหม่ละกัน
แต่กลัวว่าเหลือกูคนเดียวละเค้าจะไม่ให้ออกว่ะ
แม่งไม่รีบหาคนมาช่วยกูซักที เห็นทำไหวก็ให้ทำอยู่นั่นแหละ ควยๆๆ
พวกมึงว่าการที่คนเราพัฒนาตัวเองได้แบบช้ามากๆมันเพราะอะไรวะ แบบผ่านมาเป็นปีก็พัฒนาขึ้นแต่ยังไม่อยู่ในระดับเพอเฟก โปรเฟสชั่นนอล มีเรื่องให้ติเต็มไปหมด
การที่ทำงานแบบมัลติ task มันมีผลต่อการพัฒนาตัวเองด้วยมั้ย แบบไม่ได้โฟกัส ทำมันทุกเรื่อง ต้องเรียนรู้ทุกเรื่อง ต่างศาสตร์ต่างสาย ไรแบบนี้ หรือว่าไอ้คนนั้นมันกากเอง
สถานการณ์ ไวรัส จะส่งผลต่อตลาดงานแค่ไหนวะ กูอยากเปลี่ยนงาน
คนบางคน แม่งเรียนรู้ช้า ไม่ก็แม่งทุ่มความพยายามผิดจุด ส่วน multitask นี่ แล้วแต่คน แต่ยิ่งเก่ง ปัญหาด้านนี้จะน้อย
Follow One Cause Until it Success (FOCUS)
>>307 กูเคยทำงานที่โคตร multitask ต้องเขียนบันทึกทุกวันว่าตอนนี้ตอนนั้นเวลานี้ต้องทำไร งานโคตรไม่เป็นระบบ ส่งผลต่อความเครียด อารมณ์ความรู้สึก สมาธิริ่มสั้น ความจำเริ่มแย่ น้ำหนักขึ้นเพราะเครียดแล้วกินหนัก กลับถึงห้องสลบไม่ได้ออกกำลัง ชีวิตพังลงเรื่อยๆ ประสิทธิภาพลดลงมากๆ ออกมาได้โคตรโล่ง
Multi task เหมาะกับคนไม่ต้องทำเองมั้ง แบบพวกหัวหน้าอะ ใช้ให้ลูกน้องไปทำงาน
ไม่ก็งานที่มีตารางแน่นอน
พวกทำงานยิบย่อยหลายเยอะในตำแหน่งเดียว เท่าที่กูเคยเจอมันชอบลืมยิบ ลืมย่อยในบางที ต่างกับพวกทำหน้าที่เดียวที่สำคัญๆที่แทบจะไม่พลาดเลย
กูหมายถึงพวกดูหลายอย่างในเวลาเดียวอย่าง แบบทำงานนึงอีกงานมาแทรกก็ต้อง handle ให้ได้ งานเก่าก็ต้องไม่ทิ้งด้วย ไม่ใช่แบบงาน 1 2 3 ต่อคิวไปเรื่อยๆ มาก่อนได้ก่อน มาหลังได้หลัง
>>307 กูเคยทำงานที่โคตร multitask ต้องเขียนบันทึกทุกวันว่าตอนนี้ตอนนั้นเวลานี้ต้องทำไร งานโคตรไม่เป็นระบบ ส่งผลต่อความเครียด อารมณ์ความรู้สึก สมาธิริ่มสั้น ความจำเริ่มแย่ น้ำหนักขึ้นเพราะเครียดแล้วกินหนัก กลับถึงห้องสลบไม่ได้ออกกำลัง ชีวิตพังลงเรื่อยๆ ประสิทธิภาพลดลงมากๆ ออกมาได้โคตรโล่ง
Multi task เหมาะกับคนไม่ต้องทำเองมั้ง แบบพวกหัวหน้าอะ ใช้ให้ลูกน้องไปทำงาน
ไม่ก็งานที่
ความสามารถทุกคนมันไม่ถึงอ่ะ พวกทำได้นี่สิทธิไปถึงเมเนเจอร์อยู่แล้ว
>>313 +1 แม่งเครียดหนัก กูเคยทำแบบเมิง นอกจาก multi tasking แล้วยังมี kpi ที่แม่งทำไม่ได้อีก คือวันเส้นตายของกู กูเพิ่งได้ใบงานเอง ยังไงก็ตก kpi อ่ะ พอไปถามแม่งบอกไม่เป็นไรพี่ไม่ซีเรียส ทำไม่ได้ก็ลงไปตามจริง
ทนอยู่สองปี เวลาไปทำงานก็แวะอ้วกบนบีทีเอสทุกวัน จนหลอนตัวเองทุกเช้า สุดท้ายก็ตัดใจลาออก
พี่ๆครับ เงินเดือนหมื่นนึง โอนมา9700นี่ปกติมัยครับ
วันนี้มันศุกร์ที่ 31 ศุกร์ที่ 13 ตรงไหนวะ เหมือนมุงเมากาว
สมัครงานไปหลาย ๆ ที่ก่อน แต่ภาษาอังกฤษยังไม่แข็งดีไหม? โทอิคก็หมดอายุอีก ยังไม่ไปสอบใหม่เลย
โดนภาษีปีละสี่หมื่น แงงงง
ฆ่าตัวตายไปเเล้ว
บริษัทไม่ได้บอกว่าผ่านโปร ไม่ได้ให้เซ็นเหี้ยไรเลย เซ็นแต่ตอนรับเข้าบอกทดลองงานสามเดือนแล้วจะมีสวัสดิการให้ นี่เกินสามเดือนละเงินเดือนออกหักเงินเท่ากันมาสองเดือน เหมือนจะเป็นประกันสังคม แต่เค้าไม่ได้ทำให้กูอะ ทำไงดีวะ คนเข้ามาพร้อมกันก็โดนเหมือนกัน
ผ่านโปรกุก็ไม่ได้เซ็น
เริ่มงานที่ใหม่ได้สองเดือน แต่กูต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้านทุกวันเลยว่ะ นั่งหน้าคอมจนตาล้าไปหมดแล้ว วันหยุดก็ไม่ได้ไปไหนต้องทำแต่งาน อาการออฟฟิศซินโดรมก็กลับมา ปวดหลัง ไหล่ ข้อมือ เงินมันดีมากนะ แต่เหมือนทำงานเพื่อเอาเงินมารักษาตัวยังไงไม่รู้สิ แต่ปริมาณงานคือกูต้องทำคนเดียวทุกอย่างแล้วไม่สามารถให้ใครในออฟฟิศช่วยได้ เพราะมันเป็นงานเฉพาะทางมาก หัวหน้าที่เขารับกูมาก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้ กูเคยแย็บๆถามว่าไม่รับคนเพิ่มเหรอ เขาก็ตอบว่ากูเป็นเหมือนตัวทดลองว่าแผนกนี้ควรเปิดรึเปล่า จะไปรอดมั้ย เลยไม่มีงบมาจ้างคนเพิ่มแล้ว
กูไม่ได้เกลียดงานนี้นะ แต่ให้ทำงานหนักแล้วทุกงานคือเร่ง พอทำไปแล้วก็จะมีงานมาแทรกๆๆๆตลอด งานที่กูรันคิวไว้ว่าจะทำอะไรก่อนหลังก็รวนหมด กูจัดตารางงานของตัวเองไว้หมดแล้วนะ แต่ก็จะมีงานนั่นนี่โน่นมาแทรกตลอด พอกูทำงานด่วนให้ ก็จะเจองานใหม่เร่งกว่าแบบขอภายในสองชั่วโมงนะ แต่งานเก่าก็จะเอา แล้วกูยังทำไม่เสร็จก็จะโดนด่า กูนี่ไม่รู้จะทำอะไรก่อนแล้ว งงไปหมด แถมยังต้องรบตบตีกับการเมืองภายในบริษัทอีก กูอยากลาออกนะ แต่งานที่ได้เงินขนาดนี้ก็ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ แถมเศรษฐกิจแบบนี้ไม่ควรตกงานอีก กลุ้มใจว่ะ
โม่งแต่ละคนมีวิธีหา Skill หาความถนัดของตัวเองยังไงบ้างอะ กูอยู่ออฟฟิตทำงานจับฉ่ายมาตลอด คิดจะหางานใหม่แต่ไม่รู้ว่าจะใส่ Skill อะไรลงไปในรีซูเม่ได้มั่งวะ กลัวเหมือนตอนจบใหม่ๆ ใส่ไปเยอะพอเขาถามแล้วคือไม่รู้จริง
อะไรวะ กุงง แล้วงานที่พวกมึงสมัครมันไม่ได้ใช้สกิลที่ต้องมีหรอ? น่ากลัวนะถ้ามึงไม่มีสกิลอะไรเลยแล้วใครจะมาทำงานแทนมึงเมื่อไหร่ก็ได้
อยากมีเพื่อนวัยทำงานที่แบบ ทำโปรเจ็คอะไรร่วมกันได้ว่ะ ไม่ต้องถึงกับทำธุรกิจร่วมกันหรือก่อตั้งสตาร์ทอัพก็ได้ แบบ แค่อยากมีทีมอ่ะ เหงา
กูสงสัยเรื่องงานราชการว่ะ คือ รู้เเค่ว่ามันต้องสอบภาค ก.ก่อนใช่ปะ ทีนี้กูสงสัยว่าเเล้วไอพวกข่าวที่เปิดตามหน่วยต่างๆนี่คือต้องไปสอบรอบหลังอีกทีเหรอเเล้วเเต่หน่วยงานไหนเปิด อันนี้กูเข้าใจถูกใช่ไหมเนี่ยว่าสอบภาคก.คือรอบเเรกสอบพร้อมกันทุกคน ผ่านเเล้วเก็บผลไว้ได้
กูลาออกในสิ้นเดือนหน้านี้ ใจนึงก็โล่ง เพราะมันกดดันจนไม่ไหวแล้ว ใจนึงก็กังวล กลัวไม่ได้งานดีดีอีก ดีว่าชีวิตไร้ภาระ บ้านไม่ต้องผ่อน มีมอไซค์ขับ ขอกำลังใจหน่อยครับชาวโม่งออฟฟิศ
พน.ในตางรางวันหยุดของบริษัทมันหยุดแต่เค้าพึ่งมาบอกกูว่าไม่ได้หยุดเพราะเอาไปใช้ในปีที่แล้ว (ไอ้ประกาศตัวเนี้ยมันพึ่งมาแปะหลังปีใหม่) แล้วก็ไม่มีใครมาบอกกูว่าพน.หยุดนะ
แล้วพรุ่งนี้กูมีนัดส่งของกับงานอื่นๆไปเรียบร้อยละ แบบนี้กูผิดไหมวะหรือกูตีมึนไปเลยว่าเพราะบริษัทไม่ได้แจ้ง ไม่มีใครบอกด้วยว่าเอาวันหยุดในปีที่แล้วมาใช้ในปีนี้
ถ้าว่างงานเกือบปีแล้วจะกลับไปหางานทำใหม่เมิงให้เหตุผลคนสัมภาษณ์ว่าไงกันอ่ะ จำได้ว่าก่อนนี้เคยมีคนมาถามอยู่
กูกะจะบอกว่าไปทำธุรกิจกับเพื่อนแล้วไม่รุ่งเลยแยกย้ายกลับมาทำออฟฟิศ แล้วก็ว่าจะหาที่เรียนภาษาด้วย เมิงว่าเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี อยากเจอเพื่อนใหม่ด้วย เอาวัยทำงาน 25-35 ไรงี้
อยากไปเรียนวิชาชีพของศูนย์ฯด้วย ใครเคยมีประสบการณ์บ้าง อันไหนน่าสนใจ อยากมีงานอดิเรก ตอนนี้นอนโง่ๆไถทวิตทั้งวัน
>>356 ขอโทษค่ะคุณครู
1 ถ้าว่างงานเกือบปีแล้วจะกลับไปหางานทำใหม่เมิงให้เหตุผลคนสัมภาษณ์ว่าไงกันอ่ะ?
(จำได้ว่าก่อนนี้เคยมีคนมาถามอยู่ กูกะจะบอกว่าไปทำธุรกิจกับเพื่อนแล้วไม่รุ่งเลยแยกย้ายกลับมาทำออฟฟิศ)
2 แล้วก็ว่าจะหาที่เรียนภาษาด้วย เมิงว่าเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี?
(อยากเจอเพื่อนใหม่ด้วย เอาวัยทำงาน 25-35 ไรงี้)
3 อยากไปเรียนวิชาชีพของศูนย์ฯด้วย ใครเคยมีประสบการณ์บ้าง? อันไหนน่าสนใจ?
(อยากมีงานอดิเรก ตอนนี้นอนโง่ๆไถทวิตทั้งวัน)
25แล้วยังซิงอยู่ ไปตีกระหรี่มันจะขำไหม อยากมีประสบการแต่ผมกระจอกหาสาวไม่ได้เลยครับ
กูตีหรี่ครั้งเเรกอายุ26 ไม่ต้องห่วง กูก็ไปเเบบเเบ๊วๆเนี่ยเเหละ ซิง
>>357 หาไรทำได้ก็ทำไป เเต่กูไม่เข้าใจว่าจะไปเรียนวิชาชีพของศูนย์ทำไมวะ สายที่มึงเรียนจบเรียนจบไรมา ถ้าอยากทำงานทำไมไม่รีบหางานต่อยอดจากสายที่เรียนจบมา ยังไงก็ได้เงินเยอะกว่าสายวิชาชีพที่เรียนนั่น เเต่ถ้าจะไปเอาประสบการณ์ สกิลอย่างเดียวก็อีกเรื่อง
กูถามหน่อย ถ้าโตแล้วอยากเปลี่ยนนิสัยยังทำได้มั้ย และมีวิธีฝึกยังไงบ้าง กูอยากเปลี่ยนนิสัยเวลาทำงานมากเลย ปัจจุบันกูเป็นคนพูดเร็ว คิดเร็ว ใจร้อน ปากไว คิดข้ามสเต็ป เช่น เวลาเจ้านายอธิบายงาน A B C กูจะคิดไปถึง M แล้วถามถึง Z ซึ่งนายกูไม่มีปัญหา เพราะ A-Z มันอยู่ในหัวเค้าอยู่แล้วดังนั้นเค้าเข้าใจ แต่คนในทีมจะตามไม่ทัน ทำให้คนอื่นในทีมกดดันตัวเองแล้วมันเสียบรรยากาศ
กูเลยอยากเป็นคนคิดช้าๆ พูดช้าๆ ใจเย็น พยายามบอกตัวเองบ่อยๆ นะ แต่บางทีพอเวลาประชุมจริงมัวแต่ concentrate กับเนื้อหางานตรงนั้นจนลืมเรื่องที่ต้องบอกตัวเองให้คิดช้าพูดช้า แล้วก็เผลอคิดเร็วพูดเร็วอีกเหมือนเดิม
=_= ลูกค้ากู เวลามาก็ยัดๆ กันมา รับแทบไม่ทัน เวลาไม่มีก็ไม่มีเลย นั่งตบยุง 555
ไม่มีไรกูบ่นเฉยๆ และแน่นอนว่าถ้ากูบ่นได้ วันนี้ถือเป็นอย่างหลัง
เมื่อวาน (วันชดเชยมาฆะ) ไม่ได้หยุด อยากป่วยการเมืองจัง
เป็นโม่ง introvert ที่ต้องทำงานเซลล์ ฝืนตัวเองชิบหาย ตอนแรกก็ดีใจที่ได้งานสักที แต่ทำไปแล้วไม่มีความสุขเลยว่ะ ควรทนทำต่อจนกว่าจะหางานใหม่ได้หรือลาออกมาเลยดีวะ นอกจากนี้ยังไม่โอกับเงินเดือนที่หลังผ่านโปรแล้วได้แต่ค่าคอม ถ้าไม่ผ่านไม่จ่ายเงินค่าเสียเวลาให้ด้สย ส่วนเวลาทำงานบางวันทำเป็นสิบชั่วโมง รู้สึกไม่คุ้มเลยว่ะ
รับมือกับนายใหม่ที่ โครต power harassment ไงดีวะ ทำอะไรไม่ถูกใจสักอย่าง
เหมือนกาหัวไว้แล้วว่ากูควรเกลียดใครกูควรรักใคร
ตอนนี้แม่งเขียนย้ายทั้งสำนักงาน แต่ตำแหน่งกูมันย้ายไปไหนไม่ได้ถ้าที่นั้นไม่ว่าง
ทำงานราชการสุขสบายมา 5 ปี สงสัยถึงเวลาแล้วมั่งกู
ถูกตำหนิว่าทำงานไม่มีกระบวนการ แต่ในใจรู้สึกแบบ ใช่หรอวะ ก็โจทย์แม่งไม่เคลียร์ เวลาก็ไม่มี งานก็เยอะ กูก็ต้องแบ่งเวลาทำอย่างอื่น จะทำอย่างที่เค้าอยากให้ทำก็ไม่ได้เต็มที่ ข้อจำกัดเยอะแยะไปหมด
แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองอีโก้จัดไปเองรึเปล่าที่ไม่คิดว่าตัวเองผิด หรือกูแม่งไม่ได้เรื่องเองรึเปล่า หรือระบบการทำงานมันไม่ตรงกันจริงๆ
ไม่รู้ว่าควรอยู่ที่นีาต่อไปรึ้ปล่า เหมือนไม่สำคัญ
การรู้ว่าเมียท้อง กะ ได้งานใหม่ที่หนักขึ้น30% อันไหนคิดหนักกว่ากัน
พัฒนาคุณภาพในการทำงาน สกิลในการทำงานกันยังไง
เหี้ยจังวะ ไอ้ที่จะทิ้งเมียท้องเนี่ย
กูเพิ่งเริ่มงานได้สองเดือน วันนี้ลองเข้าเว็บหางาน เห็นบริษัทกูรับสมัครตำแหน่งที่กูทำอยู่นี่ล่ะ หมายความว่าเขากำลังจะเขี่ยกูออกเหรอวะ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆ
มองในแง่ดีอาจจะรับคนเพิ่ม แต่กูว่ามึงมีคำตอบในใจแล้วละ คนส่วนใหญ่มักจะรู้ตัวนะว่าจะผ่านโปรไหม หัวหน้าชอบมึงไหม ทะเลาะกับใครรึเปล่า
>>385 หัวหน้ากูก็โอเคกับกูในระดับหนึ่งนะ แต่เขาก็ไม่ค่อยมีเวลามาดูแลกูว่ะ กูแค่เอางานไปเสนอเขาก็เออๆ รับทราบ จัดการไปตามนั้นได้เลย แต่ที่เหี้ยก็คือมันเป็นบ.เล็กๆ แล้วเจ้าของชอบลงมายุ่งด้วย ทีนี้ผลงานกูคงไม่ค่อยเข้าตาเขาเท่าไหร่ เพราะเขาเป็นพวกจะเอาตอนนี้ เดี๋ยวนี้ กูก็อธิบายไปนะว่ามันช้าเพราะอะไร(กูทำงานด้านดีไซน์) แกก็ไม่สน จะเอาอะ แล้วชอบมาด่ากูว่าทำงานช้ามาก ไม่ไหวเลย แถมเป็นพวกประเภทสั่งงานเย็นวันศุกร์จะเอาเช้าวันจันทร์ คือกะว่าไม่ให้กูไปไหนเลยเสาร์อาทิตย์ ให้ทำงานให้เขาอย่างเดียว แถมพอกูเอางานมาทำวันจันทร์แกก็ด่าด้วยว่าทำไมไม่ทำมาจากบ้าน วันหยุดก็ต้องทำงานตามงานกูตลอด ไลน์มาดึกดื่นค่ำมืดไม่เคยมีเกรงใจ แล้วบอกจะเอาด่วนๆๆๆ กูก็ต้องแหกตามาทำให้
แต่ให้กูออกก็ดี จะได้ไม่ต้องยืดเยื้อ กูก็ไม่อยากทำที่นี่แล้วเหมือนกัน แค่รู้สึกเฟลๆนิดหน่อยว่ากูทำงานมาทุกที่ก็ผ่านโปรหมด มีที่นี่ที่เดียวที่ไม่ผ่าน
>>386 มีเปิดรับตำแหน่งอื่นด้วยเปล่า บางทีเขาขายประกาศเป็นแพ็คเกจ สมมุติหมื่นบาทโพสได้ 3 ประกาศ hr เมิงมีดราฟประกาศรอบที่แล้วไว้คือตำแหน่ง a b c
ตำแหน่ง a ของเมิงอาจจะมีคนแล้ว รับจริงแค่ b c แต่เวลามันโพส มันก็โพสไปหมดเลยเพื่อให้ครบโคต้า 3 ตำแหน่งมีคนยื่นก็ดี ไม่มีก็ดี เอารีซูเม่มาดองไว้เผื่อๆได้ด้วย
อันนี้กูเคยโพสไปแล้วสถานการณ์คล้ายๆกัน เผื่อใครอ่านแล้วคุ้นๆ แต่รอบนี้กูเรียบเรียงเหี้ยมากเลย อย่างงนะ
กูมีคำถามว่ะ คือเกริ่นก่อน กูไปใช้ชีวิตเมืองนอกมาหลายปี เกือบ10ปีได้ ตามพ่อแม่ไปทำงาน เป็นเด็กเสิร์ฟบ้าง ล้างจานบ้าง ที่ร้านอาหารไทยในเมกา ตอนนี้เก็บเงินได้ก้อนนึง เลยกลับมาอยู่ไทยกันเหมือนเดิม กลับไทยมาได้4ปีละ ก่อนไปเมกา กูจบแค่ม.6 พอกลับมาไทยปุ๋บ กูเลยไปเรียนคณะบัญชีที่รามคำแหง จะจบเทอมนี้ละ กาขอจบไปแล้ว สอบอาทิตย์หน้า คิดว่าหน้าจะผ่านหมด แต่คำถามคือ ตอนนี้กูอายุ33แล้ว บริษัทเขาจะรับกูทำงานไหมวะ ประสบการณ์ทำงานบริษัทไม่มีเลย แต่พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง เดี๋ยวว่าจะไปสอบโทอิก ใช้ยืนสมัครงานด้วย จบเกรดน่าจะ2ปลายๆ
ใจลึกๆเลย กูอยากเข้า BIG4 อายุขนาดกู 33ปี ไม่เคยทำงาน จบเกรด2ปลายๆ จบราม แต่ภาษาอังกฤษคล่อง จะพอไหวไหมวะ
>>390 พูดตรงๆ แบบโลกไม่สวยนะ BIG4 กูว่ายากว่ะ ยกเว้นมึงจะดวงดีสุดๆ หรือเส้นใหญ่สุดๆ เพราะ BIG4 ส่วนมากแม่งก็บัญชีฬ/ธ ซึ่งเด็กๆ เค้าก็ได้ภาษาอังกฤษกันอยู่แล้ว การได้ภาษาของมึงจึงไม่ได้เป็นภาษีที่ดีกว่าอะไรเลย ถ้าหวังไปทำบัญชีบริษัทเล็กๆ ของต่างชาติอาจจะยังพอมีหวัง แต่อายุขนาดนี้ไม่เคยทำงานบริษัท ต้องทำใจยอมรับด้วยว่าเงินและตำแหน่งจะต่ำกว่าเด็กมากๆ แต่หางานทำได้มั้ยกูว่าหาได้ ถ้าไม่หวังสูง อันนี้ไม่ต้องห่วง เพราะทุกบริษัทมันต้องมีบัญชีอยู่แล้ว งานมึงหาไม่ยากหรอก
ถ้ามรทางสายกฏหมายแล้วมีบัตรทนายยังว่าไปอย่าง
ทำงานสายเดิมมาสิบปีแล้ว อยากเปลี่ยนไปทำสายอื่นบ้าง เงินเดือนตอนนี้ก็อยู่ในขั้นโอเคเลย แต่ลองหางานในสายที่สนใจ เอาแบบไม่มีประสบการณ์เลยก็สตาร์ทแบบเด็กจบใหม่ 15k แต่กูรับเงินเดือนเท่านั้นไม่ได้แล้วไง ภาระเยอะ ไหนจะผ่อนบ้านผ่อนรถส่งพ่อแม่ ถ้าได้ 15k นี่ทำไม่ไหวแน่นอน แต่ถ้ากูทำงานสายเดิมต่อไปกูนี่จะประสาทแดกเอานี่สิ ทำไงดีวะ
>>390 อายุมึงเยอะอะแล้วประสบการ์ณทำงานไม่มี พวก part time มันดีสำหรับเด็กจบใหม่เข้างานแรก แต่ถ้ามึงทำงานสักไป 3-4 ปี แล้วมันใช้ไม่ได้ละ ถ้าสัก 27-28 ยังพอถูไถได้อยู่ แต่พอเข้า 30 ต้นๆแล้วมันกูว่ายาก ยิ่งช่วงนี้งานหายากอีก แล้วตอนสัมภาษณ์มันเรียกคนมาวัดกันหลายคน มึงก็ต้องเอาชนะไอ้พวกเด็กจบใหม่อายุน้อยๆอีก เอาแค่ HR ยอมนัดมึงมาสัมภาษณ์ได้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว(งานในเน็ตตามกทม. นี่คนสมัครกันหลักร้อยเลยนะมึง)
-ลองดูสายงานอื่น เช่นพวกผู้ช่วยจัดการร้านอาหารในกรุงที่ต้องใช้ภาษา(มึงพอมี ปสก.)
-เส้นสาย หาเพื่อน/ผู้ใหญ่ฝากเข้างาน
-กลับไปอยู่เมกา
ถ้าจะไปสายบัญชีก็ระวังเรื่องจิตตกละกันมึงเดี๋ยวหมดไฟเอาง่ายๆ พยายามมองงานหลายๆสายเข้าไว้
>>396 อย่าเลยวะ เครียดเรื่องงานยังประสาทแดกน้อยกว่าไม่มีเงินใช้นะมึง
ความรู้สึกอยากลาออกกลับมาอีกแล้ว หลังจากทำงานอย่างมีความสุขมาเกือบ 5 ปี เคยคิดว่าที่นี่จะเป็นที่สุดท้ายยันเกษียณ จนอีนางนั่นเข้ามา อีกใจก็ลังเล สับสน กูไม่ควรยอมแพ้เพราะคนคนเดียวสินะ กูไม่ควรจะสนใจมัน กูควรจะเห็นมันเป็นแค่ขี้หมาที่ควรจะเลี่ยงไปให้ไกลๆ อย่าไปเหยียบให้เหม็นตีน แต่พอมันมาทำตอแหลคุยด้วย ถ้ากูไม่คุยตอบ กูก็ดูเป็นนางร้ายในสายตาคนอื่นอีก เกลียดความตอแหลของมันชิบหาย เวลาจะพึ่งอะไรกูก็มาทำเป็นตอแหล แต่เอามีดแทงข้างหลังกูตลอด ทำไงถึงจะตอแหลแบบมันได้ อยากแทงมันกลับบ้าง ไม่อยากช่วยมัน อยากจะต่างคนต่างอยู่ แต่ถ้าไม่ทำ กูก็โดนผู้ใหญ่มองเป็นนางร้ายอีก
โคตรหงุดหงิดเลยว่ะ กุไปสมัครงานแล้วสัมเรียบร้อยแล้วผ่านหมดละ รอวันเริ่มงานอย่างเดียว
แต่สรุปโดนเลื่อนวันเริ่มงานไปแบบไม่มีกำหนดเพราะมันมีเรื่องไวรัสมา
แต่คือมันมีล้อตคนที่เริ่มไปก่อนแล้วแล้วพวกกุอะ แล้วกุแจ้งลาออกบริษัทเก่ากุไปแล้ว แล้วต้องดึงไปลาออกอีกแม่งโคตรน่ารำคาญอะ
แม่งไม่โทรมาบอกตั้งแต่ต้นๆเดือนกุจะได้ไม่ต้องยื่นเสียเวลาไปเกือบ1เดือน
กูสายวิศวะก็เจอกับดักสายอาชีพเหมือนกัน เเต่คือกูเรียนจบเเล้วไปทำอย่างอื่นมาสามปีนะ พออยากจะกลับลำเข้าวิศวะไปลองทำดู บอกเลยว่าเเม่งหางานยากโคตร ไปสัมที่ไหนก็ถามว่าทำไมถึงย้ายบลาๆ เเต่สุดท้ายก็ได้งานนะ ยอมรับเงินเดือนเริ่มต้น เเต่หาเป็นปีอะสัส สายวิศวะนี่เเม่งส่วนใหญ่ถ้าไม่รับเด็กใหม่ไปเลยก็รับพวกมีประสบการณ์3-4ปีไปเลย พวกไปสายอื่นเเล้วอยากกลับมาทำบอกเลยหาโคตรยากสัส
กูแวะมาระบายเฉย ๆ กูร้องไปแล้วแต่อยากพูด ๆ ระบายทิ้งแล้วเริ่มใหม่
แม่กูเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวกูมาก บอกกูเป็นคนเก่งทำอะไรก็ได้ก็สำเร็จ ซึ่งมันก็ทำให้กูเหมือนจะมั่นใจในตัวเองอยู่ แต่ลึก ๆ กูรู้ตัวนะว่ากูไม่ได้มั่นใจขนาดนั้นกลัวการผิดพลาดผิดหวังชิบหาย
แล้วตอนนี้กูก็ชนความผิดหวังเข้าเต็มโครม กูไปสอบสมัครงานที่นึงแล้วมันไม่ผ่านทั้ง ๆ ที่กูก็ตั้งใจอ่านแล้วคิดว่าทำได้ แม่กูก็หวังกับที่นี้มากเอาไปพูดกับญาติว่าเหลือแค่รอเรียกตัวทั้ง ๆ ที่กูยังไม่สอบ แล้วเป็นไงล่ะ... กูไม่กล้าบอกแม่ว่ากูไม่ผ่าน กลัวเสียหน้ากับญาติก็เรื่องนึง แต่กูโคตรกลัวแม่เสียใจผิดหวังกับกู....
ส่วนตัวกูก็เหมือนยอมรับผลอยู่ลึก ๆ อยู่แล้ว เพราะคำพูดนึงที่ติดอยู่ในใจกูมาตลอด พี่ที่ฝึกงานเคยบอกกับกูว่า "กูก็แค่เป็นคนขยันไม่ได้หมายความว่าเป็นคนเก่ง" จากที่ตัวกูเคยเชื่อมั่นในตัวเองเพราะแรงสนับสนุนรอบข้าง กลายเป็นคนขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง พอผลมาแบบนี้เลยยอมรับได้ง่ายขึ้นมั้ง
แต่ที่กูร้องไห้เพราะผิดหวังตัวเองที่ทำให้แม่ผิดหวัง ไม่รู้จะบอกเขายังไงดีเลย เรื่องงานใจนึงกูก็ช่างมันแล้วก็แค่หาใหม่ แต่พอนึกถึงแม่บวกคำพูดของพี่ตามหลอนเป็นซาวน์เอฟเฟ็คประกอบ ก็พาลจะดิ่งเอา เฮ้อ....
>>411 ถ้าเขาจะต้องผิดหวังนั่นก็เพราะการคาดหวังของเขาเอง มึงเองก็ผิดหวังแต่มึงก็จัดการกับความรู้สึกตัวเองได้ เขาเองก็ต้องจัดการกับความผิดหวังของเขาเองได้เหมือนกัน เพราะงั้น บอกไปเหอะ ต่อให้มึงคิดว่าตัวเองเก่งหรือไม่เก่ง ก็ไม่ใช่จะต้องเอาความคาดหวังของใครมากดดันตัวเองนะ อย่าไปอินกับคำพูดคนอื่นมาก ดูแลจิตใจของตัวเองต้องมาเป็นที่หนึ่งนะ
ปลอบใจกูหน่อย ทำงานพลาดโดนหัวหน้าด่า เพื่อนร่วมงานหมายหัว ทีมปั่นปวน T_T
เห็นสถานการณ์การเมืองแล้วควรออกจากงานดีมั้ยอะ กลัวจะหางานทำไม่ได้ ไม่อยากทนแล้ว ตั้งใจไว้ว่าจะแจ้งออกสิ้นเดือนนี้ คือมันก็ไม่อยากทนแล้วอะ ออกหรือไม่ออกดีอะ
บอสเหี้ย งานเหี้ย ระบบเหี้ย เพื่อนร่วมงานเหี้ย ลูกค้าเหี้ย มีดีอย่างเดียวคือใกล้บ้าน
จะรับมือระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาวยังไงดี
พี่ๆมีใครเคยสัมภาษณ์งานกับagodaสายdevบ้างป่ะครับ ผมสัมอีก2วัน ผมกำลังจะจบเลยไม่มีประสบการณ์ไรเลย ความรู้ก็ลืมหมดละ แม่งสัม4ชม.ผมควรทำไงดีครับ
พรุ่งนี้มีสัมภาษณ์กับบ.ญี่ปุ่นว่ะ รู้สึกกลัวจนไม่อยากไปสัมภาษณ์เลย แต่ก็เป็นที่เดียวที่เรียกกูมาสัมหลังจากส่งเรซูเม่ไปเป็นสิบบ. อันนี้กูไม่ได้สมัครไปแต่เขาเปิดดูเว็บพวกฝากประวัติไว้ เอาไงดีวะ หรือควรลองกับบ.ญี่ปุ่น แต่กูก็ไม่ชอบความกดดันกับวิธีการทำงานสไตล์บ.ญี่ปุ่นซะด้วยสิ เข้าไปแล้วกูอาจจะต้องลาออกหรือไม่ก็ไม่ผ่านโปรแน่ๆ
เออ ตั้งแต่สมัยเรียนมาละ ตอนเรียนมหาลัยกูว่ากูเก่งในระดับนึงนะ แต่เวลาทำงานออกมาก็มักจะเป็นตัวรองๆอยู่เสมอ คืองานไม่ได้เคยได้ท๊อปอ่ะ มันจะต้องมีคนที่เก่งกว่า โดดเด่นกว่าเสมอ
ตอนไปฝึกงาน กูก็เคยโดนคอมเม้นแบบว่า กูก็ดีนะ แต่ถ้าเทียบกับ a หรือ b พวกนั้นก็เก่งกว่า ทำงานดีกว่านะ กูก็ยังไม่โดดเด่นจนเป็นตัวท๊อป
ตอนเป็นนักกีฬา ก็ได้อันดับรอง เป็นที่สองตลอด ไม่เคยได้เหรียญทองแบบคนอื่น
พอมาทำงานจริง คนอื่นก็โดดเด่นกว่า ต่อให้พยายามทำงานเท่าไหร่ก็ยังไม่โดดเด่นออกมา คือไม่ว่าในสถานการณ์ไหนก็ยังเป็นที่สองตลอด ขนาดผู้ชายที่เคยมาจีบ ก็มาจีบเพราะจีบเพื่อนกูไม่ติดเลย คิดดูดิ
กูก็สงสัยว่ากูทำไรผิดวะ หรือกูยังพยายามไม่มากพอ ในแง่ของการทำงานหลายครั้งกูทุ่มเทนะ แต่ก็ไม่เคยที่แบบคนอื่นจะออกมาพูดว่า กูโปรในด้านนี้จริงๆ ในขณะที่ทรุกคนก็มีจุดยืนในจุดที่ตัวเองถนัด แต่เหมือนกูไม่ถนัดอะไรซักอย่างอ่ะ ทำได้ทุกอย่างแต่ไม่โดดเด่นซักอย่าง ไม่รู้ว่าควรพัฒนาต่อในด้านไหน
มึงว่ากูควรทำไงให้มันไชน์ไบร์ทออกมาวะ หรือเพราะกูทำหลายอย่างเกินไป ไม่โฟกัส กูเชื่อว่าไม่มีใครเก่งแต่เกิดและคนเราพัฒนาได้ กูก็อยากพัฒนาตัวเองให้อยู่ในจุดที่โดดเด่น มีหลักของตัวเองอ่ะ หรือกูต้องหยุดทำอย่างอื่นไปเลยแล้วทำแค่อย่างเดียว หรือมันมีคนที่ไม่ว่าทำไงก็ไม่มีทางเป็นตัวท๊อปวะ
>>422 เอาจริงๆนะ มึงควรโทรไปบอกเค้าว่าขอแคนเซิลอะ คือมึงไม่พร้อมเลยซักนิด แล้วดูจากจำนวนชั่วโมงคือไปถึงเค้าเอาข้อสอบมาให้ทำก่อนแน่ๆ สอบเสร็จค่อยสัมต่อ ถ้าไปแบบแบล๊งค์ก็คือเสียเวลาเปล่าทั้งเค้าและมึง
>>420 ยื่นไปเป็นสิบไม่มีใครสน ให้พูดตรงๆก็คือมึงไม่มีความสามารถ(หรืออย่างน้อยคือโปรไฟล์)สูงมากพอที่จะเลือกได้อะว่ะ ยังไงลองไปสัมก่อน อย่าเพิ่งมองข้ามขั้นไปว่าเค้าจะเอาแน่ๆ ต่อให้เค้าเอาก็อย่าเพิ่งกังวลว่าระบบมันจะไม่ตรงใจ ถ้าไม่เคยอยู่ในองกรณ์นั้นเองหรือมีคนข้างในมาบอก แค่เห็นว่าเป็นบ.ยุ่นมันบอกอะไรไม่ได้หรอก
>>423 มึงยึดติดกับอันดับมากไปนะ ในการทำงานจริงถ้าไม่ใช่องกรณ์ขนาดใหญ่ที่ต้องมีการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่ง อันดับแทบไม่มีความหมาย มึงไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด แค่ดีมากพอที่เค้าจะเลือกจ้างงานมึงก็พอแล้ว เพราะในโลกที่กว้างใหญ่ขนาดนี้จะมีคนที่เก่งกว่าเสมอ คือมันจริงอยู่ว่า คนธรรมดาที่ขยันจะเก่งกว่าอัจฉริยะที่ขี้เกียจ แต่ในตำแหน่งบนสุดของโลกคืออัจฉริยะที่ขยันอะ คือจะเอาอะไรไปสู้อะวะ 555
ทำเท่าที่ทำได้และมีความสุขกับจุดที่ตัวเองยืนอยู่โดยไม่ต้องกดดันก็พอแล้ว
พรุ่งนี้วันจันทร์ สัปดาห์นี้ต้องทำวันเสาร์อีกสาด T_T
20k กทม มันอยู่ได้ประมาณไหนวะ ว่าจะเอามอไซไปขี่เองด้วย
สมัยเรียนแม่ให้กู9kรวมค่าหอ อยู่ได้ไงไม่รู้ งงเหมือนกัน
มันขึ้นอยู่กับภาระกับการใช้เงินว่ะ อย่างกูเคยเริ่ม15k เเต่กูไม่มีภาระนะ คือไม่ต้องส่งให้พ่อเเม่ เเต่ก็เริ่มจ่ายค่าน้ำค่าไฟเอง ก็มีบ้าน ค่าเดินทาง ~3000 ค่ากินวันละ~160ก็ ประมาณ5000 ยังไงก็เหลือๆเกือบสามพันหลังหักค่าน้ำค่าไฟ ถ้ามีของจิปาถะยังไงก็น่าจะหักไปอีกพวกของใช้ สำหรับกูถ้ามี20kคือ สบายละ เอาเงินไปเก็บได้เยอะ หรือจะซื้ออะไรบ้างก็ได้
เเต่ถ้ามีภาระนี่คือหนักเลย พวกต้องส่งพ่อเเม่ ส่งน้องไรงี้
เมื่อก่อนเงินเดือน 15,000 อยู่ กทม. แถว ๆอนุสาวรีย์ ยังอยู่ได้เลยว่ะ ค่าหอ 4500 ค่าน้ำไฟรวมกันไม่เกิน 600 เปิดแอร์แค่ 2-3 ชม. เดือนเปิด แค่2-3 ครั้ง ไปทำงาน น้ำกรอกเอาที่ทำงาน วันละขวดทุกวัน กินข้าวที่ทำงาน หรือแถวพักไม่เกิน 40 บาท มีค่าเหล้าอีก โชคดีไม่มีหนี ไม่ต้องส่งทางบ้าน มีโอที ทำเกือบทุกวัน ทำเกินเวลาด้วย ไม่ทำก็ไม่ได้งานไม่เสร็จ เยอะ ยาก มีมาเลย ๆ มีตังลงอ่าง 2 เดือนต่อครั้ง ไม่เกิน 2000 แต่ไม่ชองอยู่กทม.อยู่ดีว่ะ
พน.สัมagodaละ ควรทำไงครับถ้าแบบตอบคำถามไม่ได้
เพื่อนร่วมงานดูแต่หุ้นว่ะ เหี๊ยเหี้ย
แม่งพึ่งช้อนอะดิ มันร่วงมาเยอะอยู่
เห็นมันเปิดกราฟแล้วซื้อหลายตัวเลย ขอให้มันเจ๊งทีเท้อออ
คนไปญี่ปุ่นช่วงนี้กลับไทยเขาให้กักตัวปะวะ
ที่ทำงานกู ถ้าใครกลับจากญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ ภายในสัปดาห์นี้เขาให้ work at home 14 วันเลยว่ะ
ส่วนถ้าไปหรือกลับหลังจากนี้เขาให้ใช้วันลา ถ้าไม่พอก็หักเงินเดือน
สงสัยเพื่อนเรามันจะลาออกจากงานแล้ว แม่งดูแต่หุ้น
>>440 ที่ทำงานกูนี่สดๆเลย มาทำงานเช้าสายๆมีเมลล์เข้าจาก ผจก.เรื่องระเบียบว่าถ้ากลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงจะโดนกักให้ทำงานที่บ้าน (ที่จริงคือบังคับใช้ลาพักร้อน 14 วัน)
แล้วอีรุ่นน้องกูนี่พึ่งกลับมาจากญี่ปุ่นโดนพักทันที ตอนแรกกูก็สงสารมันนะนึกว่าจองไว้นานแล้ว
ที่ไหนได้มันพึ่งจองไปเพราะช่วงนี้ตั๋วถูก กูนี่เออสมควรโดนและ
สัมagoda ทำพาทโค้ดไม่ได้แต่ก็ผ่านว่ะ ได้ไงวะครับ
บริษัทกูไม่ประกาศเหี้ยไรเลยมึง แล้วมีคนไป/มาญี่ปุ่นเยอะมาก เพราะเป็นบ.ญี่ปุ่นอะมึง ยัง business trip กันเป็นปกติ
กูว่าดีไม่ดีบ.กูแม่งรับเชื้อกันไปมางอมแงมหมดแล้ว อยู่ในระยะฟักตัวรอแสดงออก................... (=_=")
ลำพังตัวกูอะไม่เป็นไรหรอก อายุยังน้อย แข็งแรงดี กลัวแต่จะเอามาติดพ่อแม่ตัวเองที่บ้านนี่แหละ เวรกรรม
อ่านในเน็ตบอกให้หลีกเลี่ยงอากาศทึบ เน้นอากาศถ่ายเท แต่แม่งเจอ pm2.5 เข้าไป จะเปิดหน้าต่างก็ไม่ได้อีก เวรกรรม
ตกลงจะตายด้วยไวรัสหรือจะตายด้วยฝุ่นดี เลือกเอาตามที่ชอบๆ กันนะมึง
บริษัทกูทำงานให้สถานที่ราชการแห่งนึง
แล้วมันมีคนในกรมคนนึงพึ่งกลับจากยุ่นมาวันนี้ ไม่กักตัวเอง แถมหน้ากากก็ไม่ใส่ กลัวแม่งชิพหาย
ปีนี้เงินเดือนขึ้นน้อยว่ะ
เงินเดือนเก่า 36k ได้เพิ่มมา 1k นิดๆ
โบนัสได้เดือนเดียวเองว่ะ
จะหางานใหม่ กูก็ไม่ค่อยกล้า เศรษฐกิจแบบนี้
เพื่อนกูย้ายไปที่อื่นก่อนแล้ว ก็มาบ่นว่าหัวหน้าที่ใหม่จะบีบให้ไม่ผ่านโปรแบบไม่ยุติธรรม (เหมือนเขามีงานด่วน หาคนมาช่วย เสร็จแล้วจะถีบหัวส่ง)
แย่จริงๆ
ซื้อหุ้นตอนนี้สิครับ ไม่กี่วันก็รวยละ
จบใหม่ได้offerมา~50k แต่กลัวเข้าไปละไม่เก่งพอละไม่ผ่านโปร ควรจะไปต่อไหมครับ
บริษัทกูยังอยู่ดีมีสุขตามปกติ ยอดขาดไม่ตก เงินเดือนขึ้นปกติ โบนัสเท่าทุกปี
พนักงานออกก็รับมาทดแทนไม่มีการลดคนหรืออัดงานเพิ่ม
แต่อ่านสถานการณ์ที่คนอื่นเจอก็ชักหวั่นๆ ไม่ค่อยกล้าใช้เงินมือเติบเหมือนเดิม
ไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากเกินไป หรือถ้าไม่คิดเลยจะเป็นการประมาทเกินไปกันแน่
เทส
จนถึงวันนี้บ.กูก็ยังไม่ประกาศอะไรเลย คนไปเที่ยวญี่ปุ่นเกาหลีกลับมาก็ทำงานตามปกติทั้งคนป่วยและไม่ป่วย ใครป่วยอย่างมากก็ลาครึ่งเช้าไปหาหมอ บ่ายมาทำงาน อันนี้คือกู panic เกินไปเองหรือบริษัทกูแม่งเฉยชาเกินไปวะ บ.อื่นเป็นไงกันบ้าง
ได้รับการเสนองาน project manager มาว่ะ เงินเดือนกระโดดขึ้นมา 3 เท่า แต่กูไม่เคยมีประสบการณ์ด้านบริหารมาก่อนกลัวทำไม่ได้ แล้ว project manager เขาต้องทำอะไรบ้างวะ เครียดชิบหาย แถมรุ่นพี่มาไซโคอย่างนั้นอย่างนี้กูยิ่งกดดันหนักเข้าไปใหญ่
>>460 พนักงานและ outsource ที่ไป ตปท. หลัง 1 กุมภาทั้งหมดโดนจดชื่อไป แต่เหมือนแค่จดไปเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร
มีกล้องตรวจอุณภูมิมาตั้งตรงทางเข้าแต่ก็ไม่มีใครมาคอยเฝ้าอยู่ดี
ไม่กี่วันก่อนมีคนที่ลูกเค้าเรียนโรงเรียนเดียวกับหลานของคนที่ติดเชื้อกลับมาจากฮอกไกโด ก็โดนไล่กลับไปทำงานที่บ้าน
แต่ยังไม่มีวี่แววจะปิดทั้งออฟฟิซ
เมื่อวานเพิ่งเอาคนมาเฝ้าทางเข้าตรวจอุณภูมิทุกคนที่จะเข้ามา ใครตรวจผ่านก็เอาสติ๊กเกอร์แปะ
แต่มีน้องคนนึงมันไม่รู้เรื่องแล้วขึ้นมาได้โดยไม่ได้ตรวจ มันบอกว่าตอนมันเข้ามาไม่เห็นมีใครเฝ้าทางเข้า
แปลว่าก็คงทำไปงั้นๆแหละ คนตรวจอาจจะเบื่อหนีไปนั่งอู้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เพื่อนๆ ตอนนี้มีทั้งagoda และ exxonmobil offerมาละอยากถามทุกๆคนหน่อยว่าจะเลือกบ.ไหนกัน backend developer ทั้งคู่เลย agodaให้เยอะกว่าexxon ~20k แต่สวัสดิการอาจจะไม่เท่า อันนี้คือกำละงจะจบในอีก3เดือนนะ ต้องให้คำตอบเขาพน.ละ รบกวนด้วย
ยุคนี้มันยุคแห่งการ disruption จริงๆ เนอะ ถ้าเป็น 10 ปึที่แล้วนี่ไม่ต้องถามเลย อย่างบริษัทที่กูอยู่ตอนนี้ก็ยังเป็นบริษัทในฝันของใครหลายคน ผลประกอบการดี โบนัสเยอะ สวัสดิการเทพ ดูมั่นคง แต่อีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ยากจะคาดเดา
เพื่อนโม่ง ผลประเมินดี-ดีมาก แต่เงินเดือนเพิ่ม9% นี่ถือว่าน้อยรึเปล่าน่ะ
กูได้ B+ ขึ้นมา 4.5% รู้สึกว่าเยอะเกินไปด้วยซ้ำ ไม่ใช่อะไรหรอก กูว่างานที่กูทำมันไม่มี value อะไรเลยว่ะ ตำแหน่งกู มีหรือไม่มีก็ได้ ถ้าบ.กูผลประกอบการแย่เมื่อไหร่ กูว่ากูโดนเอาออกคนแรกเลย แล้วกูก็จะไม่ทักท้วงหรือคัดค้านอะไรด้วย เพราะกูก็เห็นด้วยว่ามันควรจะเป็นเช่นนั้น -_-" ทุกวันนี้กูก็หน้าด้านอยู่ไปวันๆ เนี่ย
ทำงานเออยู่ กูก็สลับไปทำงานบี แล้วก็สลับไปทำงานซี เฮ้ย แต่งานเอมันยุ่งนะ กลับไปทำงานเอ เจอข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับงานดี เออ หาข้อมูลแป๊บ เฮ้ย มีงานอี ที่ต้องคุยกับที่ทำงานนี่หว่า พิมพ์ทักไปหน่อย ระหว่างรอตอบ ดูงานบีอีกหน่อย อืม มีงานอีที่ต้องรีเซิร์ชนี่หว่า หาแป้บ อ้าว งานอีพิมพ์ตอบกลับมาแล้ว คุยๆ เอ... งานถึงไหนแล้วหว่า เข้าบ๋อยแป๊บ เชี่ย มีนัด รพ นี่หว่า เดี๋ยวต้องออกไปแล้ว งานซีเดี๋ยวทำบนมือถือได้ เออ หาบิลบัตรเครดิตด้วย วันนี้ต้องไปจ่ายด้วย
เชี่ย รพ คนเยอะสัด คิวก็นาน เล่นเกมดีกว่า
เจอลูกพี่สาย forward mail เอะอะ fya ๆๆ ดีทงดีเทลไม่มีกูต้องไปคุยกะต้นเรื่องว่าเรื่องมันเป็นมายังไงจะเอาอะไรอีกที บางทีทำๆไปได้ไม่ตรงกับที่เค้าต้องการเพราะไปคุยกะลูกพี่กูใหม่แต่คุยปากเปล่าไงไม่มีเมลล์เลย fya มาให้กูไม่ได้ กูก็ก้มหน้าก้มตาทำใหม่ไป น่าหงุดหงิด
ระเบิดเวลาาาา อ๊าาาาาาา
เซ็งครับ เพื่อนที่ทำงานอวดพอร์ตหุ้นกันใหญ่ กำไร 20 30%
เรานี่เปิดพอร์ตมาแต่ไม่มีตังค์ซื้อสักตัว อิจฉาจริงๆ
ช่วงนี้เพื่อนร่วมงานทำงานไม่ค่อยเอฟเฟคทีพเลยครับ สงสัยติดหุ้นหรือมัวช้อนซื้อหุ้นอย่างเดียว
ตอนนี้ปิดเทอม กูเลยหางานพิเศษทำ กำลังเข้าช่วงฝึกงานตำแหน่งpart-timeหว่ะ ปัญหาใหญ่คือ ผีน้อยบุกห้างแถวบ้านกูจนร้านแม่งมีปิดไปสามสี่วัน ห้างต้องดำเนินการเปิด-ปิดแบบกระทันหัน ตอนนี้กูเจอหยุดงานไป7วันเลย ลูกค้ามาแดกน้อยมากๆ แต่มีโอกาสหน่อยคือ มีpizza hutกับร้านกาแฟ D'Oro มาเปิดรับคนเข้าทำงานแถวบ้านกู ใกล้บ้านกว่าเดิม กูควรเปลี่ยนงานไหมวะ?
>>484 ร้านปัจจุบันที่กูทำอยู่ให้ ชม.ละ 50 บาท
ข้อดี:
-ร้านติด รฟฟ. ถ้าเปิดเทอมยังทำงานควบอยู่เลิกเรียนละนั่งรถเมล์มาต่อ รฟฟ. มาแต่งตัวเข้าห้างทำงานได้เลย
-ระบบหน้าบ้านไม่ซับซ้อนมาก ระบบบริการจาก สนง.ใหญ่ไม่เคร่งครัดเท่าพวกร้านเชนmassๆที่อยู่ในไทยมานานแล้ว
-งานหน้าบ้านตอนทำไม่หนัก
-มีโรงอาหารลับให้ พนง.ห้าง+พวกทำงานในห้างร้านเข้าไปกิน ราคาถูกพอๆกับโรงอาหารโรงเรียน
ข้อเสีย:
-ทำงานร่วมกับต่างด้าว ซึ่งจะมีปัญหาตอนพูดคุย(แต่ไม่มากหรอก แค่มันอ่านไทยกันไม่ค่อยได้5555)
-เลิกงานช่วงวันลูกค้าแน่นๆจะดึกมากๆ ปาไปห้าทุ่มเที่ยงคืนได้
-งานปิดร้าน หนักกว่าตอนทำงานบริการลูกค้าหว่ะ
-พวกแกงค์เมเนเจอร์แม่งบ้าความเร็ว+ความเป๊ะ แต่เวลาที่มีมาให้แค่ชั่วโมงครึ่งในการปิดร้าน เทียบกับความกว้างร้านราวๆเกือบ100ตารางเมตร
-บางที กูปิดโซนนั้นคนเดียวทั้งๆที่กูฝึกได้แค่2-3ครั้ง พอกูทำช้า(แต่ไม่ได้ทำอะไรเสีย/พลาดนะ) เสือกโดนด่าเฉย งงชิบว่าต้องให้กูเร็วขนาดไหน ให้กูมองผ่าน หรือเน้นย้ำอะไร มีเคล็ดลับอะไรไหมเสือกไม่บอกให้หมดอีก
-บางวันนี่คนที่เป็นงานปิดโซนนั้นๆไม่มีให้กูถามเลยสักคนตอนกูไม่แม่น หลังบ้านแม่งก็เด็กใหม่เกือบหมดตอบอะไรไม่ได้อีก บ้าบอชิบ
-วัฒนธรรมร้านคือเลิกงานก่ะปิดร้านปุ๊บต้องพร้อมหน้ากันพูดจาลาไหว้ ค่อยกลับ ......... กูจะพยายามเข้าใจว่าห้างมันเข้มงวดในสัญญาเช่านะ ปิดเลทโดนปรับไรงี้มั้ง
pizza hutแถวบ้านที่กูพอจะรู้นะ
-รายได้ต่อวัน 320-368 บาท
-รายได้ต่อ ชม. 42-46
-ไม่มีตำแหน่งParttime
-เป็นร้านในเครือเดียวกับ ยัม เรสเตอรองก์
-ฝึก3เดือนค่อยได้ซื้อuniform
-ความกว้างของร้านคือ ตึกแถว2ห้อง ไม่มีชั้นบน
ที่กูกังวลคือ
1. ยกของหนักแบบหนักสัสๆ กลัวจะแบบกรรมกรห้องแอร์ในเซเว่นอ่ะ เพราะหุ่นกูขี้ก้างมาก ตอนสมัยทำkfcให้กูแบกไก่20ตัวใส่ลังแถมสมัยนั่นต้องสวมรองเท้าหนังคัชชูอีก ห้องเย็นเจอกับรองเท้าหนังไม่ลื่นก็เหี้ยละ
2.ร้านติดแถวบ้านกู แต่เลิกเรียนมาทำงานเนี่ย ไม่รอดแน่ๆ ทางผ่านรถติด รถเมล์ผ่านมีแค่สายเดียว รอนานระดับกลางๆค่อนนานมาก ปัญหาคือ มาทำแค่2-3เดือนมันน่าเกลียดรึเปล่านี่ดิ แล้วบอกว่าเรียนอยู่นี่ชิบหายไม่รับแน่นอน เพราะไม่มีตำปหน่งparttime
3. กูไม่รู้เลยว่าทำงานร้านpizza ถ้าทำที่ตำแหน่งหลังบ้าน มันจะไปเจออุปสรรคกับกูเองตรงไหน
4.ยัม เรสเตอรองก์ เป็น เครือ บ. ที่แม่งทุกการทำงานคือจับเวลาบอกไว้ตลอดแต่ไม่เคยมาดูว่าปัญหาหน้างานมันแก้ไขได้ในเวลาที่กำหนดไหม เอาง่ายๆคือ ตั้งกฏเกณฑ์สวนทางกับธรรมชาติการทำงานมาก
5. เห็นช่วงนี้ร้านในเครือบ.นี้แถวบ้านกูเริ่มไม่รับพวกเรียนอยู่มาทำงาน
บ.กู lay off คนแล้วหวะ เป็นเว็บขายทัวร์แห่งหนึ่ง เจอพิษ covid19 ไป แม่งเอ้ยน้ำตาจะไหล กูสงสารพวกบางคนที่พึ่งปฏิเสธบ.ที่offerมาไป(เมื่อช่วงปลายปี ก่อนcovidมา) กับบางคนที่พึ่งเข้ามา มีคนพึ่งทำได้อาทิตย์เดียวเองด้วย กระทันหันเหี้ยๆ
พี่โม่ง จะฝึกงานเสร็จแล้ว ต้องซื้อของขวัญเล็กๆให้ทุกคนในออฟฟิศไหม
>>490 เชิญมู้นี้ >>>/lifestyle/9049/
เอาจริงๆ กุเริ่มกลัวโควิดแล้วนะ ภาวนาให้ออฟฟิศออกนโยบาย work from home ซักที เชื้อมันใกล้ออฟฟิศขึ้นมาทุกทีละเนี่ย อยากหอบคอมไปทำงานที่บ้านนอกแล้ว(เพราะคอนโดที่เช่าก็เสือกอยู่ในเมืองเหมือนกัน)
ของกูแค่โดนสั่งว่าต้องหอบคอมกลับบ้านทุกวัน เผื่อประกาศปิดตึกกระทันหันจะได้ทำงานจากบ้านได้
หนักก็หนัก แถมยังต้องมาทำงานที่ออฟฟิซอยู่ดี ก็ให้ work from home ก่อนเค้าจะปิดตึกไม่ได้หรอวะ
คนในบริษัทกูคนนึงชอบตื่นตะหนก มีอะไรก็ลงไลน์กลุ่มใหญ่รัวๆๆๆๆ ไม่สนข่าวจริงข่าวปลอม ตอนนี้โดนเข้าห้องดำไปแล้ว hr รำคาญ
>>496 เป็นงั้นจริงเหรอวะ? เอาตามตรงนะนี่กูทำงานระดับต่ำกว่า ป.ตรีทั้งนั้น แต่ในไลน์กรุ๊ปทำงานนี่คือมีแต่เกี่ยวกับงานทั้งนั้น ถามเรื่องงาน คุยเรื่องงานอ่ะ ถ่ายภาพก็เรื่องงานไปอีก ถ้าเกี่ยวกับโควิดเค้าก็เอาที่เกี่ยวกับว่าจะทำงานยังไงให้กันตัวเองได้ระดับนึง ไม่มีใครแชร์ส้นตีนไรไร้สาระแบบสวัสดี7วัน7สีนะ
hr บริษัทกูอะไรไวมากเลยนะ ขนาดคนที่กลับจากญี่ปุ่นแล้วไม่ยอมกักตัวยังรู้ คือมาเชิญออกถึงห้องทำงาน แบบจะออกดีๆ หรือออกด้วยน้ำตางี้
>>500 ถถถถ บริษัทกูก็เป็น เด็กๆ นี่ใช้ภาษาถูกกันหมดเลยนะ ถ้าเป็นห้องแชตกันเองมันก็วิบัติกันเต็มที่แหละ
แต่พอเป็นห้องแชตทางการของแผนกที่เอาไว้คุยเรื่องงาน ทุกคนจะพยายามพิมพ์ให้ถูก กลัวผู้ใหญ่มองไม่ดี ไม่ชอบ
พอเจอ "พรุ่งนี้พี่มั่ยยุนะค่ะ" ของคุณพี่ผู้จัดการวัย 45 เข้าไป วงแตก ถถถถถถ
วันนี้ศุกร์ 13 อีกแล้วนี่หว่า
ในนี้ มีใครเคยสอบ cfa หรือ สอบได้ cfa บ้างไหมวะ กูว่าจะสอบ เลเวล1ปีหน้า จะขอปรึกษาหน่อย
พี่ๆโม่ง ปรึกษาเรื่องการเขียน cv หน่อย คือเข้าใจว่า cv ควรมีอย่างต่ำ 2 หน้า แต่ตอนนี้ผมพึ่งเคยทำงาน 2 ที่ จะเขียนให้ถึง 2 หน้าก็คงจะมีแต่น้ำเกินไป ถ้าส่ง cv ไป แต่มีแค่หน้าเดียวนี่จะโดนมองไม่ดีรึเปล่าน่ะ
ขอบคุณครับ
จะไม่ประกาศระดับสามจริงๆ หรอวะเนี่ย อยากจะเวิร์คฟรอมโฮมจะแย่แล้ว
กูว่าน่าจะปิดแค่กรุงเทพ เมืองธุรกิจอื่นปิดนี่คงย่อยยับ
>>512 ตอนนี้เฟส 2.99999999 มาตรฐานโดยประเทศเทยเองไม่แคร์เวิร์ลด์
อยาก work at home เหมือนกันว่ะ งานกู work at home ได้สบาย แต่บริษัทกูแม่งโคตรจะเขี้ยว กูว่ายาก
กูว่าดีไม่ดีต่อให้เจอคนติดเชื้อในบริษัท เผลอๆ จะให้เอาแอลกอฮอล์เช็ดโต๊ะแล้วทำงานต่อตามปกติ
แต่ก็รอฟังประกาศบริษัทอยู่ด้วยความหวังอันน้อยนิดอะนะ ;_; หวังว่าประธานมันจะกลัวตายกะเค้าบ้าง
ถ้าตอนนี้มันมีให้ leave without pay แบบสมัครใจ 1-2 เดือนหรือจนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย กูจะสมัครคนแรกเลยเว้ย
บริษัทกูรายได้ต่อวันหายไปเกิน 50% ละว่ะ
บริษัทกูมีนโยบายเตรียม wfh แบบแปลกๆ คือทุกทีมให้แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม
พยายามให้แต่ละกลุ่มมีคนให้ครบ role ถ้าทำได้ แล้วผลัดกัน wfh กับเข้าออฟฟิซกลุ่มละอาทิตย์
ปัญหาคือไวรัสมันติดอยู่กับสิ่งของได้นานไง พ่นยาเอาอยู่แค่ไหนก็ไม่รู้ แล้วตึกออฟฟิซอากาศวนอยู่ในตึกอีก
ผลัดกันเข้ามันก็มีโอกาศติดข้ามกลุ่มกันอยู่ดี
>>518 ก็ยังดีนะที่มี อย่างน้อยก็ได้ลดความแอดอัดใกล้ชิดได้ก็โอเคแล้วนะ อย่างตอนกูอ่านกระทู้ของคนไทยที่อยู่จีนตอนระบาดหนักก็เป็นแบบนั้นนะมึง เค้าเข้าออฟฟิศไป แต่ออฟฟิศคนน้อยมาก เข้าลิฟต์แบบหลวมๆ กินข้าวโต๊ะละคน ใช้ชีวิตแบบห่างๆ กัน
ไวรัสที่อยู่กับสิ่งของไม่น่ากลัวนะถ้ามึงหมั่นล้างมือก่อนหยิบของกินเข้าปาก ก่อนจับหน้าจับตา ส่วนเรื่องอากาศตัดไปเพราะ covid-19 ไม่ได้ติดแบบ airborne กูเห็นเคสที่ติดๆ กันนี่ส่วนมากคือกรณีไปเบียดกันแออัดทั้งนั้น กูว่าที่น่ากลัวสุดคือพวกยังต้องขึ้น bts/mrt ไปทำงาน เบียดกันอย่างกับอะไรดี ขนาดตอนปกติไม่มี covid-19 กูยังยี้เลย ตัวแม่งเบียดกันจนจะเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว บางคนก็โสโครกตัวเหม็นน้ำไม่อาบผมไม่สระ ยิ่งตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง หลอนสัส แต่ถึงกูจะขับรถไปทำงานก็ใช่ว่าจะรอด ลิฟต์ที่ทำงานกูก็เบียดไม่ต่างกัน
เพื่อนสมัยมัธยมโทรมาหา พอรู้ว่าเงินเดือนกูมากกว่ามันหลายเท่า(เงินเดือนมันน้อย)ก็เริ่มแสดงทรรศนะว่าเงินเท่าโน้นเท่านี้ไม่เรียกรวยหรอกนะ เงินเดือนหลายแสนยังไม่รวยเลย เหมือนพยายามจะลากกูไปอยู่ระดับเดียวกับมันอ่ะ กูรำคาญเลยถามว่าชีวิตนี้มึงจะได้รวยมั้ยเงินเดือนแค่นี้ความก้าวหน้าก็ไม่มี มันก็ไม่รู้สึกเว้ย แล้วสักพักก็บ่นคนโน้นคนนี้ให้ฟัง คนทัศนคติแย่มันเป็นแบบนี้นี่เอง วันๆพยายามหาข้อผิดพลาดคนรอบตัว ไม่พัฒนาตัวเอง แต่ในสมองคือรู้สึกว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น โดนด่าก็ไม่เจ็บเว้ย
เด็กใหม่ที่ทำงานพิมพ์ถามงานกู "report เปนงาย ม่างคับ พี่ตอนนี้ status" รู้สึกไม่อยากจะตอบมันขึ้นมาตงิดๆ มันก็ไม่ได้พิมพ์ไม่สุภาพอะไรนะ แต่วิธีเขียนวิธีเว้นวรรคชวนให้หงุดหงิด
ผ่านมาเกือบสองเดือน ที่ไอ้นายใหม่ power harassment มา กูจะโดนแจ้งทุจริตต่อหน้าที่แล้ววะ
ทั้งที่ทำตามสั่งตลอด คนเก่าสั่งไว้แบบนี้ มาถึงก็เล่นกูเหมือนสั่งไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่กูขัดคำสั่งไม่ทำตาม ทั้งที่มันพึ่งมา 2 เดือน
แล้วมันยังไม่สั่งอะไรกูด้วย
สงสัย กูคงได้เขียนย้ายด้วยแล้วมั่ง ไม่ตรงตำแหน่งช่างแม่ง ดีกว่าปวดประสาท ค่อยไปหางานใหม่เอา
เรื่องหี ๆ ควย ๆ ในที่ทำงานพวกมึงเยอะไหมว่ะ ประมาณว่าพนักงานได้กับหัวหน้า พนักงานได้กันเอง พนักงานได้กับแม่บ้าน คนขับรถ หรือเด็กฝึกงาน ซึ่งต่างคนก็มีครอบครัวมีลูกกันหมดแล้ว
เครียดว่ะ ทำงานไม่เคยถูกใจเจ้านายเลย บางทีเค้สบอกว่าดีนะ แต่พอมาวันนี้ก็บอกว่าดีไม่พอ กุก็งงแหละ เครียด
work from home นี่กูเห็นเค้าลางหายนะละ วันนี้เค้าให้ลอง work from home ครึ่งวันบ่าย ผลคือคุยงานกันไม่รู้เรื่องเลย
จริงๆก็เดาได้ไม่ยากนะ นั่งประชุมอยู่ด้วยกันปกติแม่งยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย 555
ไม่ไหวว่ะ มาทำงานที่ใหม่แล้วหัวหน้างานเป็นเพศที่สามแล้วนางโคตร ignorance เหี้ยๆ สอนงานสองสามวันแรกดีๆแล้ว
วันนี้ปล่อยจอยใส่กูละบอกว่าให้ทำเอง ไอ้ห่าแม่งคือกุยังไม่คล่องเลย
ประเด็นคือวันก่อนกุกำลังจะกลับบ้านละแต่มีงานด่วนเข้ามาก็ต้องนั่งทำกันแต่อีเนี้ยแม่งบอก "กลับละ ไม่เอาเปรียบบริษัท" แล้วก็ให้กุทำงานต่อคนเดียวซึ่งกุยังไม่ได้ศึกษา Product เหี้ยอะไรเลย เออก็ดีชอบที่บอกไม่เอาเปรียบ บริษัทแต่มึงเอาเปรียบกูไง กว่าจะทำเสร็จก็ล่อไปทุ่มสองทุ่ม เขียนใบแม่งก็ไม่เซ็นต์ให้กูอีก บอกผมไม่เซ็นต์ให้นะ มึงบ้าเปล่าเนี้ย
แล้ววันนี้เกิดปัญหาว่ากุทำเอกสารหายแล้วแม่งไปอบรมข้างนอกกุก็ถามลักษณะหน้าตาเป็นไงวิธีการทำไงสรุปคือ ไม่ตอบไลน์ ไม่รับโทรศัพท์ กุโทรไปตอนเที่ยงก็ไม่รับ พอกลับเข้าออฟฟิศมาก็เข้าใจว่าจะโดนด่าแต่แม่งไม่บอกให้แก้ไขกันยังไง
*เขียนใบโอที
กูว่าเพศก็มีส่วนนะ อย่างกูเป็นผู้หญิง และถามผู้หญิงอีกหลายๆ คน จะได้คำตอบว่าไม่อยากมีหัวหน้าเป็นผู้หญิง ถถถ มันเป็นเรื่องของสถิติล่ะมั้ง แต่หัวหน้าคนปัจจุบันกูก็เป็นผู้หญิงแต่ดีนะ แกคุมอารมณ์เก่งมาก นิ่งสัสๆ แต่ถ้าพูดจากประสบการณ์ตรงแบบไม่ไบแอส ส่วนมากผู้หญิงนี่แม่งอารมณ์มาก่อนเหตุผลเลย คุมอารมณ์ได้ค่อนข้างแย่ เอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปะปนกันมั่วไปหมด ผู้ชายที่อีโมๆ ก็มีแหละ แต่อย่างที่บอกกูว่ามันเป็นเรื่องของสัดส่วน สถิติ ความน่าจะเป็น
มีส่วนมาก ถ้ากะเทยแม่งจะเหวี่ยงกับทั้งหญิงและชายที่หน้าตาเหี้ย พูดดีเฉพาะกับหนุ่มหล่อๆ
แต่ถ้าเป็นคนระดับเดียวกันจะทำตัวอีกแบบเลย สันดานนน
จริงมึง ผญ เป็นหัวหน้าส่วนใหญ่จะปสด อย่างที่กูเจออยู่เนี่ย เบื่อโว้ยยย
พวกที่เหยียดเพศที่สุดก็อีพวก lgbtq นี่แหละ
รายได้บริษัทกูหายไป เหลือแค่ 1 ใน 3 แล้ว เย้ๆ
ตกงานแน่เลยกู
โควิดมา ธุรกิจตายหมด รอดแต่ขรก แต่ถ้ายืดเยื้อเป็นปี ภาษีก็คงหมดตาม
กู >>537
ทำงานกับ LGBT เนี้ยยิ่งมันแก่ๆเนี้ยยิ่งยากกุบอกเลย เหวียง+ขี้แซะ คือทำงานด้วยแล้วไม่สนุกเลย แล้วรู้สึกเลยว่าความมี Leadership สกิลของหัวหน้าหรือการ Take care ห่วยมาก กุทำได้แค่ทำใจดีสู้เสือจริงๆ เอาเถอะตอนนี้กลับมาร่อน Resume ละได้ที่อื่นเราก็ไปแล้วคราวหน้าจะดูที่ไม่ต้องดีลกับคนแบบนี้ ยิ่งมีแค่คนสองคนในแผนกอีกแม่งเลยมาลงที่กุเวลามีปัญหาอะไร สั่งงานหลงๆลืมๆ แล้วมาเหวี่ยงทำไมไม่ใส่ใจ มันงานของคนก่อนเปล่าวะมึงไม่ได้มาบรีพงานอะไรเพิ่มเลย
ไม่สงสัยจริงๆทำไมคนก่อนถึงออก เค้าไม่ใช่สู้หน้างานนะแต่มึงนั่นแหละตัวปัญหา น่าปล่อยทำงานคนเดียวไปงี้แหละสมน้ำหน้า
กูไม่ค่อยโฟกัสกับงานเลย เห้อ
ที่กุเคยคิดไว้ว่าอยากลาออกคงไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวแม่งก็คงไล่กุออกเองเพราะขาดทุน กุรอก็ได้
อยาก work from home เหลือเกิน งานกูทำจากที่บ้านได้สบาย มีแค่คอม เน็ต โทรศัพท์
เอาจริงๆ ทุกวันนี้ไปทำงานบางทีกูยังโทรหาคนที่อยู่ 2 โต๊ะถัดไปเลย ขี้เกียจเดิน
แต่ทำไม่ได้เพราะบริษัทยังไม่มีนโยบาย
ใครทำงานห้างกันบ้างวะ เป็นไงกันบ้าง
กูขายเสื้ออยู่ชล เสียวจะได้กลับมาเล่นโม่งที่บ้านยาวละ
ช่วงนี้ห้างก็เงียบ ขายได้ซักตัวน้ำตาแทบไหล จากที่เคยต่ำๆวันนึงก็ 7-8พัน
โดนบังคับให้หยุดงานแบบไม่รับเงินมีผลสิ้นเดือนนี้เป็นเวลาสามเดือนว่ะ บ.ขาดทุนอุ้มพนักงานต่อไม่ได้ละ hr เรียกกูให้เข้าไปรับทราบวันนี้เอง บางคนก็โดนเลย์ออฟ แต่ไอ้การหยุดไม่รับเงินก็เหมือนไล่ออกกลายๆป่ะวะ
คำถามคือกูจะเจรจาประนอมหนี้บัตรเครดิตกับธนาคารได้มั้ย หรือกูควรจะปล่อยไม่จ่ายให้ติดแบล็คลิสต์ติดเครดิตบูโรไป เพราะกูไม่มีปัญญาหาตังมาจ่ายได้แน่ๆอะ แค่สามเดือนต่อจากนี้จะเอาอะไรกินกูยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
>>558 ลองดู มึงใช้อันไหนอยู่
https://www.moneyguru.co.th/personal-loan/articles/มาตรการธนาคารช่วยลูกหนี้ช่วงโควิด-19/
เห็นความสะตอของเพื่อนร่วมงานแล้ว กูนี่ได้แต่อิหยังวะ วันก่อนมาด่าเขาให้กูฟัง วันนี้คุยหัวเราะร่วน
พอมาตอนนี้รู้สึกดีที่เป็น ขรก.จัง ช่วงนี้หยุดนอนเกาไข่ สิ้นเดือนตังเข้าบัญชี
เดือนนี้ทำงานแค่ 8 วัน สบายชิบหาย
แต่ก็สงสาร บ. กลัวจะอยู่ไม่ได้ เอาพนง.ออก ด้วยเหมือนกัน
ช่วงนี้ยังหางานได้อยู่ไหมวะ ร่อนไปที่ไหนก็ไม่เรียกเลย
ไม่มีประกันสังคม มีข่าวเค้าจะเยียวยาไหมวะ กูทำงานขายของห้างรายวัน
พรุ่งนี้ยังต้องเข้าออฟฟิซกันป่ะ หรือได้ work from home แล้ว
เว็นสัญญาเริ่มงานไปแล้วกับบ.จองโรงแรมชื่อดัง เริ่มงานมิ.ย. แต่ตอนนี้covidแม่งหนักขึ้นเรื่อยๆเลยว่ะ กุมีสิทธิ์โดนยกเลิกสัญญาไหมวะเสียวสัส
เด็กฝึกงานช่วงนี้ยังโดนให้เลิกฝึกงานเลย
เครียดว่ะ หางานไม่ได้ เรียนจบจะครบปีละ เมื่อก่อนไม่น่าเลือกมากเลย
เกลียดพวกที่แม่งไม่อยากจะสอนงานนี้แหละ เวลากุถามไปเพราะกุไม่ชัวร์ว่าต้องทำยังไงก็มาด่าทำไมไม่จำ เอ้า กุก็จำไม่ได้ไง ถึงถามถามแล้วก็ไม่ยอมตอบ แล้วงานมันจะเดินไหม
กูเกลียดการสั่งงานแล้วบอกว่าด่วน คือมึงไม่คิดมั่งหรอวะว่าเอกสารมันเยอะอ่ะ แม่งเป็นเหี้ยไรเวลาเยอะแยะไม่บอกล่วงหน้า ต้องมาขอตอนจวนตัว สัส
มีใครยื่นผ่อนผันบัตรเครดิตของธนคารกรุงเทพไปมั่ง
สัส น่ารำคาญ จะเอาเหี้ยไรนักหนา คนนึงจะเอาอีกอย่าง อีกคนจะเอาอีกอย่าง กูทำไม่ถูกแล้วโว้ยยยยยยยยยย อยากได้ที่ถูกใจมึงทำเองเลย อีแก่
ก็ได้แต่มาระบายในนี้ล่ะนะตัวกูก้มหน้าทำต่อไป เฮ้อออออออออออออออ
กูเพลียรุ่นพี่โยนงานมาก ชอบหายหัวเวลางาน โผล่มาตอนเอาหน้า มาโมเมว่าตัวเองเป็นคนทำทั้งหมด
อาทิตย์ก่อน พอนายสั่งงานมาก็แอบทักส่วนตัวมาใช้กูต่อเลยจ้า กูเลยรับปากไป ถ้างานเราเสร็จจะดูให้น้า
พอถึงเวลา อ้าว ทำไงดีอ่า ไม่ได้ลืมนะ แต่ยังเคลียร์งานตัวเองไม่เสร็จเลย
ห้ะ ต้องส่งเย็นนี้แล้วเหรอ สงสัยพี่ต้องเอาไปทำเองพลางๆก่อนเนอะ เดี๋ยวไม่ทัน
กะว่าจะทำอย่างงี้ไปซักสามสี่ครั้ง ถ้ามันไม่โดนเด้ง คงปรับปรุงตัวได้เนอะ
ทำไมบ.ผู้หญิงมันตอแหลจังวะ รำคานอีสัด
อยู่ๆก็โดนที่ทำงานเทว่ะ เศร้า
ค่ายสีแดง นึกว่าแค่งานส่งของหมูๆ แม่งเจอทั้งจดหมายมาเป็นหอบทุกวัน กว่าจะคัดแยกเสร็จ รถส้มแม่งออกส่งกันแต่เช้าแล้ว พวกกูยังยืนเสียบจดหมายอยู่เลย ไหนจะต้องพิมพ์เข้าระบบเองทุกชิ้น กลับมาต้องแท๊กงาน ส่งเงิน ทำสถิติ และงานอื่นๆที่ได้รับมอบยังกับพนักงานออฟฟิศ
สวัสดี เรามีเรื่องอยากปรึกษาถ้าผิดกระทู้ขอโทษด้วยนะ เป็นเรื่องงานนี่ละ
คือว่าตอนนี้เราเรียนจบบัญชีมาแล้วทำงานอยู่สำนักงานบัญชี ตอนทำงานเราตั้งใจทำมากเลยจนเวลาผ่านไปไวมากๆ แต่งานเรากลับคืบหน้าน้อยมากๆ หรือก็คือเราทำงานช้านั่นแหละทั้งๆที่เราตั้งใจทำมากๆ ไม่อู้ ไม่แอบเล่นมือถือ มาทำแต่เช้าก่อนเวลางาน และพยายามทำตอนพักเที่ยงให้เยอะที่สุดก่อนกินข้าว แล้วรีบกินเร็วๆมาทำงานต่อ แต่เทียบกับคนอื่นแล้วก็ยังช้าอยู่ดี สุดท้ายเจ้านายเรียกเราไปแจ้งว่าเราไม่ผ่านโปรนะ เราก็โอเคถามเขาว่าเราถึงสิ้นเดือนนี้แล้วออกใช่ไหมหรือออกวันนี้ เขาถามว่าแล้วแต่เราเลย เราบอกว่างั้นขอทำถึงสิ้นเดือน เพราะ เรายังอยากทำต่อ เรายังไม่อยากหางานใหม่ตอนนี้ เขาก็โอเคให้ทำต่อเลยยังไม่ต้องออกสิ้นเดือนนี้ แต่ว่าจะลดเงินเดือนเราจากระดับปริญญาตรีเป็นปวช.แทน เพราะ ปริมาณงานที่เราทำมันได้น้อยมากๆ แต่คือลดจากเดิมมา 1000 นึงแค่นั้น เจ้านายถามเราว่าโกรธหัวหน้าที่ไม่ให้ผ่านไหม เราก็ไม่โกรธเพราะเข้าใจ เขาก็โอเคไม่ว่าไร
แต่เรื่องของเรากับหัวหน้าจริงๆไม่ค่อยโอเคกันเท่าไร เพราะ เราเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่เจอปัญหาในงานเราถามเขาตลอดนะ ละก็พูดสุภาพตลอดแบบพูดคะค่ะไรงี้ แต่เหมือนคนอื่นจะไม่พูดกัน เราไม่กล้าพูดแบบนั้นเพราะกลัวมันดูลามปาม เพราะงั้นเลยน่าจะเหมือนทำให้มีระยะห่างกันระหว่างเรากับหัวหน้า หัวหน้าเองก็ดูไม่ถูกชะตาเราเท่าไร เหมือนจะรำคาญๆ พอถามอะไรไม่ค่อยอธิบายถ้าไม่จำเป็นแต่จะบอกให้เอาเอกสารมาแยกไว้เดี๋ยวเขาทำเอง เราก็โอเค อีกอย่างที่ทำเราน้อยใจมากๆคือเขาไว้ใจให้งานกับน้องที่มาทำงานก่อนเราไม่กี่อาทิตย์ที่จบปวช. เรามั่นใจเลยว่าความรู้บัญชีเราดีกว่าน้องแน่ๆ เพราะน้องยังไม่รู้เลยว่าธรรมชาติของบัญชีแต่ละหมวดมันควรอยู่ฝั่งไหน แต่น้องคุุยเก่ง ตลก เวลาทำอะไรพลาดทุกคนจะหัวเราะแล้วบอกวิธีอย่างเต็มใจเสมอ น่าอิจฉามากๆสำหรับเรา อย่างปิดภาษีซื้อขายรายเดือน หัวหน้าไม่เคยยอมให้เราทำเลย ทั้งๆที่เราทำได้ เรามั่นใจ มันโคตรง่ายและเบสิคมาก แต่เขากลับให้น้องคนนั้นทำทั้งที่น้องทำผิดและไม่เข้าใจ ในขณะที่ถ้าเราทำผิด(เรื่องอื่นนะไม่ใช่ปิดซื้อขายอันนั้นเราไม่เคยทำผิด)เขาจะเสียงเข้มกับเรา ดุเรา แบบรู้สึกเลยว่าเขาโกรธ หงุดหงิด แม้สุดท้ายแล้วเราจะไม่ได้ผิดเขาก็จะไม่พูดอะไรให้เรารู้สึกดีเลย(เขาบอกเอกสารอยู่ที่เราให้เราหาดีๆอย่าโทษเขา เราพยายามหาแล้วแต่เราจำได้ให้เขาไปแล้วสุดท้ายก็เจอที่เขาจริงๆ) เรารู้สึกถึงความสองมาตรฐานนี้มากๆ โดยเฉพาะมีครั้งนึงเรากับน้องปวช คีย์งานร่วมกัน น้องทำผิดมากระทบเดือนเราจนเราต้องตรวจหานาน เขากลับบ่นแค่เราทำนาน ส่วนของน้องแค่ให้ไปแก้ตามที่บอก ไม่ดุ ไม่โมโห ไม่หงุดหงิดเลย เราอิจฉาน้องมาก มากจริงๆ แต่เราไม่สามารถทำตัวตลหฃก เฟรนลี่แบบน้องได้ ตอนมาทำงานตั้งแต่วันแรกจนปัจจุบันเราทำได้แค่ยิ้มตลอด ใครให้ช่วยอะไรก็ช่วย หรือต่อให้ใครไม่ขอให้ช่วยถ้าเราช่วยได้ก็ช่วย จนล่าสุดหลังจากคุยกับเจ้านายเราพยายามพูดเยอะขึ้นจากเงียบๆ แต่กลับกลายเป็นว่าพอหัวหน้าได้ยินเราพูดเขาดูจะหงุดหงิดมากกว่าเดิม เราคงไม่ใช่สำหรับเขา เขาไม่ถูกชะตาเราจริงๆ นึกแล้วน้ำตาจะไหล เศร้ามากๆ ทำได้แค่อดทนจริงๆ
ที่เราอยากปรึกษาคือเราอยากถามว่าเราควรอดทนทำที่นี่ต่อไปนานแค่ไหนดี เราเหนื่อยใจมากกับปัญหานี้ที่ทำงานทั้งเรื่องที่เราทำช้าและหัวหน้าไม่ถูกชะตากับเรา เราอยากออกจากงานแต่ออกไปไม่รู้จะทำอะไรที่ได้หยุดเสาร์อาทิตย์และไม่ไกลบ้านมากนัก หมายถึงหลังข่าวโควิดซาลงไปนะยังไม่ออกตอนนี้
ลักษณะของเราคือเราเป็นคนทำอะไรช้า แบบที่เราไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมถึงช้า แต่เรามั่นใจว่าเราเป็นคนขยัน ตั้งใจ อดทนได้ ชอบทำอะไรให้มันเรียบร้อยๆ เราถนัดงานปราณีตแบบงานฝีมือมาก แต่มันน่าจะใช้หางานไม่ได้โดยเฉพาะที่เราอยากหยุดเสาร์อาทิตย์
แล้วเราควรแก้ไขอะไรไหม ถ้าออกจากงานนี้ไปควรทำอะไรดี
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะ
ใครอ่านจบ เราขอร้องช่วยตอบเราหน่อยนะ เรารู้สึกเหงาเคว้งคว้างมากเลย จะว่าไงดี เหมือนอยากได้รับความสนใจ ถ้าๆม่ติดเรื่องโควิดเราว่าเราอยากลองพบจิตแพทย์เครื่องบุคลิกของเราแล้วละ มันคงเป็นที่บุคลิกเราทำให้คนรูู้สึกรำคาญไม่ก็หงุดหงิด ตอนมัธยมกับมหาลัยเองเราก็รู้สึกว่าหลายๆคนบางครั้งก็รำคาญ บางคนเหมือนอึดอัด ไม่อยากยุ่งกับเรา เราเคยถามแล้วนะว่าเพราะอะไร ทุกคนก็หัวเราะบอกว่าเราคิดมากเอง เราเคยถามมาสองครั้งเป็นแบบนี้สองครั้งทั้งมัธยมและมหาลัย และเราคิดว่าที่ทำเองคงน่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน แบบว่ากลายเป็นทุกคนอาจจะอึดอัดขึ้นถ้าเราไปถาม เราเลยทำเฉยๆยิ้มๆเหมือนไม่รู้สึกอะไร ไม่ว่าหลายๆครั้งมันน่าน้อยใจมาก เราควรทำยังไงดี
>>593
เราไม่ค่อยเข้าใจที่เธอบอกว่า เรายังอยากทำต่อ เรายังไม่อยากหางานใหม่ตอนนี้, ควรอดทนทำที่นี่ต่อไปนานแค่ไหนดี, เราอยากออกจากงานแต่ออกไปไม่รู้จะทำอะไร คือ เจ้านายแจ้งว่าไม่ผ่านโปรแล้ว เธอจะทำอะไรต่อได้อีกเหรอ นอกจากออกน่ะ (อันนี้สงสัยจริงๆ) ถ้าเป็นเราคงออกไปตั้งแต่วันที่คุยกับเจ้านายจบแล้วแฮะ เพราะเท่าที่ฟังดูถ้ายังอยู่นี่คงบั่นทอนจิตใจอะ เขาได้บอกเหตุผลที่ให้ไม่ผ่านหรือเปล่า บางทีมันอาจจะมีเรื่องอื่น(แอบคิดว่าหัวหน้าคงมีส่วนร่วมในการประเมินพนักงานด้วย) ยังไงถ้าได้รู้มุมมองของผู้ใหญ่ว่าบกพร่องตรงไหนน่าจะเอามาปรับปรุงได้นะ
เรื่องทำงานช้า คงต้องลองมองหรือลองถามคนอื่นที่ทำงานคล้ายๆ กันว่า เขาทำยังไงถึงทำให้งานเสร็จไวๆ ลองดูงานที่เสร็จแล้วว่าที่ไว เพราะเขาลดขั้นตอนหรือมีบางอย่างที่มหาลัยสอน แต่ที่นี่ไม่เคร่งหรือเปล่า ไม่รู้จะว่าไงดี เหมือนเธอจะแบบเพอร์เฟคชั่นนิสหน่อยๆ แต่บางงานมันอาจจะไม่ได้เป๊ะขนาดนั้น ที่เขาต้องการคืองานพอใช้ แต่ต้องการความไวระดับนึง ไม่จำเป็นต้องปราณีตมาก
เรื่องหัวหน้าไม่ถูกชะตาด้วย ก็อยากให้ใจเย็นๆ หมายถึง มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่จะมีคนไม่ชอบเรา ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้เขา มันอาจจะดูเหมือนตอบปัดๆ แต่ถ้าเธอไปใส่ใจกับคนอย่างงี้เธอก็จะเครียด หาทางออกไม่ได้นั่นแหละ ถ้ามีความรู้สึกแบบ อยากให้เขาใจดีกับเราเหมือนที่ใจดีกับคนอื่นบ้าง ก็จะยิ่งร้อนรนนะ พยายามไม่ต้องเข้าไปยุ่ง แล้วก็อย่าทำอะไรให้โดนเล่นงานได้น่าจะดีกว่า (หวังว่าต่อไปจะเจอหัวหน้าที่ดีกว่านี้นะ)
ที่ทำงานเราก็มีทั้งคนทำงานช้า แล้วก็คนที่ไม่ถูกกับหัวหน้าที่ต้องเซ็นงานเหมือนกัน แต่เท่าที่ดูที่ทำงานเราที่เจอ เป็นประเภทไม่สนใจว่าใครจะว่าไงอะ เลยดูไม่ค่อยเครียด ยังไงก็ต้องทำใจว่าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่เวิร์คแล้ว ไปที่ใหม่จะทำยังไงต่อดีกว่า ไม่ใช่สายบัญชีเลยแนะนำไม่ได้แฮะว่าควรจะทำงานไหนต่อดี แต่เป็นกำลังใจให้ล่ะกัน
>>594 เราบอกกับเจ้านายว่าอยากทำต่อ เพราะ เรายังไม่อยากออกตอนนี้ ด้วยเรื่องโรค เศรษฐกิจ ถ้าออกต้องหางานยากแน่ๆ เจ้านายเขาบอกเราว่าปกติไม่ค่อยมีใครโดนยอมลดเงินเดือนแบบเรา ส่วนใหญ่คือออกเลย ถ้าเราไม่คิดมากอะไรจะทำต่อก็ได้ ก็คือลดให้ทำสเกลงานปวชแทน เราไม่โอเคหรอกเอาจริงๆ แต่เราไม่อยากให้มีปัญหาเลยบอกว่าโอเค แค่ได้ทำงานต่อก็ดีใจแล้ว เขาเลยยังให้ทำต่อบอกว่าจะช่วยรับมาฝึกไว้ก่อนสักครึ่งปีไม่ก็ปีนึงแล้วแต่พัฒนาการของเรา เป็นสัญญาลมนะไม่ได้เซ็นอะไร
ละก็หัวหน้ามีส่วนเรื่องประเมินงาน เขาเป็นคนประเมินเลยแหละว่าผ่านหรือไม่ผ่าน แต่เจ้านายเขาเรียกคุยแยกเรากับหัวหน้าเลยไม่รู้ว่าคุยอะไรกันบ้าง
ส่วนเรื่องที่ถามว่าควรทนต่อไปแค่ไหนดีคือเราลังเลว่าถ้าทนอยู่ไปสักหน่อยมันอาจจะเป็นการฝึกให้เราทำงานเก่งขึ้น อยู่กับคนอื่นได้ดีขึ้น เรื่องโรคกับเศรษฐกิจอีก แต่ด้วยจิตใจเราอยากออกมันตั้งแต่สิ้นเดือนนี้เลย ชั่งน้ำหนักแล้วถ้าออกมันคงเอาแต่ใจเกินไป เพิ่งมาคิดได้นี่ละ
ส่วนเรื่องที่ถามว่าออกแล้วควรทำงานอะไรดี เพราะ เราก็คิดว่าหรือเราอาจจะไม่เหมาะกับบัญชี ถ้างั้นใครมีงานที่หยุดเสาร์อาทิตย์อย่างอื่นนอกจากบัญชีแนะนำไหม
ขอบคุณมากๆนะที่ตอบเรา รู้สึกดีขึ้นเยอะมากๆเลย
กูโดนประเมินให้ไม่ผ่านโปรและให้ออกสิ้นเดือนนี้เหมือนกัน เขาบอกให้กูเคลียร์งานให้เสร็จก่อนออก แต่ก็ยังเอางานใหม่มาสุมให้กูเรื่อยๆจนกูประเมินแล้วว่าสิ้นเดือนนี้กูคงทำไม่ทัน และเขาก็ไม่ได้รับใครเพิ่มด้วย พอกูบอกไปตรงๆว่ามันไม่เสร็จหรอกถ้าพี่ยังจะเอางานมาให้เรื่อยๆอยู่แบบนี้ เขาก็ด่ากูเป็นเชิงว่าไม่มีความสามารถในการจัดการ มิน่าถึงไม่ผ่านโปร ทั้งด่าทั้งดูถูกสารพัด
กูควรทำไงดี อีกสองวันกูก็จะออกจากที่นี่แล้ว แต่ก็ไม่อยากทิ้งงานที่ทำไม่เสร็จว่ะเพราะคงไม่มีใครในออฟฟิศมาทำต่อจากกูได้แน่ๆ ตำแหน่งกูมันเป็นสเปเชี่ยลลิสต์ที่เพิ่งเปิดรับ มันก็จะเฉพาะทางหน่อยๆ หรือกูควรจะช่างแม่ง ทำเท่าที่จะทำได้ จากนั้นเป็นไงไม่ต้องสนแล้ว กูออกแล้วนี่ จริงๆโกรธนะที่โดนพูดแบบนั้น แต่ก็รู้สึกผิดว่ะที่ทำงานไม่สำเร็จ
ต่อหน่อย พอดีเมื่อกี้ร้อน
บ.เอางานมาเพิ่มให้คนที่มึงกำลังจะเลิกจ้างเขา ไม่เหี้ยไปหน่อยเหรอวะ ทำตัวเหี้ยๆกับลูกจ้างแบบนี้ มึงก็ไม่ต้องไปสนใจมันแล้ว
เครียดว่ะ รู้สึกว่าทำงานอยู่บนความกลัว ไม่เคยสบายใจเลย แบบส่งงานทีนึงก็กลัวว่าจะโดนด่า กลัวงานไม่ถูกใจ กลัวโดนผิดหวัง กลัวถูกหาว่าไม่เก่งพอเปลืองเงินเดือน
คือกุอยู่กับความรู้สึกแบบนี้มาหลายเดือนแล้วอ่ะ ส่งงานทีถ้าเค้าอ่านแต่ไม่ตอบนี่ก็จะคิดไปไกลเลย ทั้งๆที่เป็นวันเสาร์ อาทิตย์ก็สงบใจไม่ได้ ทำให้เวลาวันหยุดก้ไม่มีความสุข มีแต่กังวลจนหมดแรง ทำไงดี
>>596 เขารับมึงมาแค่ให้จัดการงานที่มึงทำอยู่แล้วถีบหัวส่งเปล่าวะ
ลองคิดดูดีๆ รับ specialist มาทำตำแหน่งที่ไม่เคยมี คือมันต้องเข้ามาปูพื้นฐานตำแหน่งนี้ใช่ไหมล่ะ แล้วอะไรคือไม่ผ่านโปร ยิ่งมีมึงอยู่คนเดียวในบริษัท เดี๋ยวนะ บริษัทจะเล่นตัวได้เรอะ
มึงเงินเดือนเท่าไหร่ล่ะ ที่ว่าไม่ผ่านโปร
ที่ทำงานกูเงียบสัดๆ ว่างจนจะนั่งตบยุงแล้ว แต่เจ้านายก็ยังให้มาทำงาน6วันเหมือนเดิมนะ กูคือมานั่งหายใจทิ้งมาก อึดอัดชิบหาย บางทีอยากถามเจ้านายว่ามันคุ้มค่าแอร์เหรอ ให้กูหยุดแบบไม่รับเงินเดือนก็ได้ กูอึดอัด
>>602 จริงๆเค้าก็ให้กำลังใจนะ แต่กูรู้สึกเหมือนเค้าก็ผิดหวัง เค้าเอือม เค้าไม่อยากจ้างกุแล้วอ่ะ เหมือนเค้าคาดหวังว่างานอะไรที่ให้กู มันจะต้องเพอเฟกให้มุมเค้า และถ้าไม่ดีพอเค้าก็จะบอกตรงๆเลยแหละว่ากูต้องพัฒนานะ กูต้องทำให้ดีกว่านี้ แล้วมันก็ทำให้กูกลัวมากขึ้นทุกวัน
ไม่รู้ดิ ช่วงแรกกูรู้สึกมันไม่กดดันเท่านี้อ่ะ ตอนนี้รู้สึกเหมือนเค้าไม่อยากจะหวังกับกุแล้ว ทั้งๆที่กูก็พยายามหนักมาก แต่พอมันต้องอยู่กับความกลัวทุกครั้งที่ต้องส่งงาน บางทีก็ทำให้กูอยากลาออกไปเลย เหมือนว่ากูรับไม่ได้ที่อาจจะกลายเป็นคนไร้ค่าของบริษัทอ่ะ เหมือนอยู่ๆก็รู้สึกแบบกูแม่งไม่เอาไหน กูคงไม่เติบโตไปกว่านี้ หมดไฟไปเลย
>>601 30k ก็ตามประสบการณ์กับค่าตำแหน่งนั่นล่ะ ก่อนหน้านั้นเขาจ้างแบบเอาท์ซอสท์ตลอด แล้วบริษัทพวกนั้นเงื่อนไขการแก้งานหรือการทวงงานมันลำบากไปสำหรับเขามั้ง แถมยังจ่ายแพงอีกต่างหาก เขาเลยมาจ้างอินเฮาส์ของตัวเองดีกว่า จะได้แก้งานได้ไม่จำกัด สั่งงานได้รวดเร็วเพราะเป็นคนใต้บังคับบัญชาโดยตรง ให้งานเช้า บ่ายจะเอาไรงี้ เรื่องนี้กูเจอบ่อยมาก ไลน์สั่งงานไว้ตอนดึกๆ ตอนเช้ามาทวงกูละ คือจะให้กูทำดึกๆเดี๋ยวนั้นเลยเหรอ พอกูบอกว่าไม่ทำงานที่บ้านเขาก็ไม่พอใจว่ะ กูเลยคิดว่านี่เป็นสาเหตุที่กูไม่ผ่านโปรป่ะวะ 55555555555
แต่ประสบการณ์ทำงานของกูที่ผ่านมาไม่เคยไม่ผ่านโปรนะ เพิ่งมีที่แรกนี่ล่ะที่กูไม่ผ่านโปร
>>595 เราว่า ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงิน ออกมาเลยตอนนี้ ถือว่าให้ช่วงกักตัวโควิดได้พักผ่อนก่อน ไม่ต้องไปทำที่เดิมแล้วเพราะที่นี่ไม่สามารถให้คำตอบอะไรที่จะทำให้เธอรู้สึกสบายใจหรือทำผลงานให้ดีขึ้นได้ ระหว่างนี้ก็หางานใหม่ไปด้วย งานบัญชีนี่แหละ เพราะฟังดูเธอก็น่าจะมั่นใจในความรู้ด้านบัญชีของตัวเองอยู่ เดาว่านี่น่าจะเป็นงานแรก ให้โอกาสตัวเองได้ไปลองงานที่ใหม่ก่อนตัดสินใจว่าตัวเองเหมาะหรือไม่เหมาะกับสายงาน มันพูดยากว่าปัญหาตอนนี้มันเกิดจากอะไรกันแน่ คิดว่าถ้าได้ไปเจอหัวหน้าที่ดีๆ แฟร์ๆ คุยกันตรงๆ ได้ก็อาจจะแก้ปัญหาทั้งงานและความมั่นใจเรื่องความสัมพันธ์ การเข้าสังคมของเธอได้ จากโม่งแนะนำอะไรได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ดูแลสุขภาพใจด้วยนะเป็นห่วง
>>606 สารภาพอีกอย่างคือเราแอบๆคิดว่ารัฐบาลอาจจะสั่งให้ทุกกิจการหยุดทำงานในเร็วๆนี้ เลยกลัวว่าถ้าเราออกมาก่อนเขาให้หยุดกิจการแล้วจะเสียดายอะ เพราะ ออกมาอยู่บ้านเฉยๆไม่ได้เงินกว่าจะหางานใหม่คงอีกสักพัก แต่ถ้ากิจการถูกสั่งให้หยุดทำงานเราก็ได้อยู่บ้านเฉยๆเหมือนกัน แต่อาจได้เงินจากพวกประกันสังคมกับที่ทำงาน เลยกะอยู่ดูไปก่อนอะ แบบว่าเห็นแก่เงินแหละ ._.
ตอนนี้เราคิดว่าถ้าหมดวิกฤตโควิดเมื่อไรเราจะขอออกแน่ๆ เผื่อที่อื่นเราอาจจะโชคดีเจอหัวหน้าที่ใจดีกว่านี้สักหน่อยอย่างที่เธอบอก ขอบคุณนะ คุยด้วยแล้วรู้สึกดีมากเลย ดีจริงๆที่นึกถึงบอร์ดนี้ เราหายเครียดขึ้นเยอะมาก สงสัยเพราะอัดอั้นมานาน 5555
ส่วนเรื่องความรู้บัญชีเรามันเบสิคมากๆ ต้องเรียนรู้ให้มันชินกว่านี้อะ เหมือนอยู่กึ่งกลางระหว่างคำว่ามีความรู้กับไม่มีความรู้ จะว่ามีก็มีแต่ก็มีไม่มากพอ เลยคิดๆอยู่ว่าหรือจะเปลี่ยนสายดีนะ แต่ก็อยากหยุดเสาร์อาทิตย์ มันจะเปลี่ยนเป็นอะไรได้อีก นึกไม่ออกเลยลองถามดู นอกจากบัญชีก็นึกออกแค่พวกเซลล์ที่เขารับกันเยอะแล้วหยุดเสาร์อาทิตย์เหมือนกัน เคยลองสมัครด้วยละ แต่เขาไม่รับเพราะเราดูไม่ค่อยเหมาะ แถวบ้านที่ทำงานมีไม่ค่อยเยอะด้วย น่าจะลงเอยที่บัญชีเหมือนเดิมแค่เปลี่ยนที่แทน แล้วก็เธอเดาถูกด้วย ที่เราทำที่นี่เป็นที่แรกเลยสำหรับสายบัญชี จริงๆไม่เชิงที่แรก แต่เราเคยฝึกงานก่อนจบมา ๒ เดือนกว่าๆ แต่งานที่ฝึกงานมันเป็นเหมือนงานฆ่าเวลาแบบเรียงเอกสาร ยกของ ถ่ายเอกสาร เลยไม่ค่อยได้อะไรเท่าไร เลยไม่รู้จะนับเป็นการทำงานดีไหม หลังจบเราก็ทำพวกร้านอาหารฆ่าเวลาอยู่ 6-8 เดือน สนุกมากเลยแต่หยุดวันเดียวเงินเดือนน้อย เลยลองหางานบัญชีแล้วได้ที่ปัจจุบันนี่ละ
>>605 บริษัทจ้างมึงมาทำงาน 7 ชั่วโมง ไม่ใช่ 24 ชั่วโมง
ในสาย software
ถ้ามึงกลัวว่าที่ส่งไปจะผิด
สิ่งที่ทำได้คือ test ซะ เขียน test ครอบไว้
อย่างน้อยก็ส่วนคำนวณ
ไม่มีใครไม่ผิด คนไม่ผิดคือคนที่ไม่ทำอะไรเลย หรือปัดความผิดให้พ้นตัว
แค่เรียนรู้จากความผิดพลาด
มึงเขียนอะไรได้บ้าง ส่ง resume มาให้กูดูมะ
พรุ่งนี้วันจันทร์อีกแล้ว ไปๆมาๆสำหรับกู work from home แม่งเหนื่อยกว่าทำงานเข้าออฟฟิซซะอีก
เพราะโดนตามงานตลอดเวลา ไม่เหมือนเข้าออฟฟิซที่ช่วงพักหรือเลิกงานทิ้งคอมไว้ออฟฟิซคือเป็นเวลาพักจริงๆ ไม่มีใครมากวน
มีใครหางานช่วงนี้ไหมวะเเล้วหาได้ไหม
>>610 กูก็ไม่ชอบ wfh ว่ะ เปิดแอร์ก็เปลืองไฟ ไม่เปิดก็ร้อน อยู่บ้านไม่มีสมาธิ เก้าอี้นั่งไม่สบาย เมื่อยหลังหนักกว่าเก่า แถมเส้นแบ่งของที่บ้านกับที่ทำงานหายไป กลายเป็นว่าดึกดื่นก็โทรตามงาน เช้าก็โทรจิกงาน สู้ไปออฟฟิศดีกว่า พักก็คือพัก ไม่ได้หลอมรวมทุกอย่างไว้แบบตอนทำงานที่บ้านขนาดนี้
ทำใจไว้ซะ เค้าว่าพอหมดวิกฤติโควิดแล้ว เทรน wfh จะมาเพราะบ.พอได้ลองให้พนักงาน wfh แล้วรู้เลยว่าประหยัดงบไปเยอะ มันคือการผลักภาระค่าใช้จ่ายส่วนนึงให้พนักงานไปแบกเอาเอง ทั้งค่าไฟ ค่าเช่าที่ ค่าเน็ต
ยิ่งอยู่หอค่าไฟอลังการงานสร้าง
>>616 ถ้า wfh แล้วมันได้ productivity เต็มประสิทธิภาพ กูยอมนะ เพราะกูประหยัดเวลาบนท้องถนนไปได้เยอะมาก สบายสัสๆ จากปกติกูต้องตื่น 05.30 เพื่อแหกตาฝ่ารถติดไปทำงาน ทุกวันนี้กูตื่น 07.30 อาบน้ำใส่ชุดอยู่บ้านหน้าไม่ต้องแต่ง 08.00 พร้อมทำงานละ รวมๆ กูมีเวลาชีวิตมากกว่าเดิม 4 ชั่วโมง (เช้า 2 ชม เย็น 2 ชม) ค่าไฟเพิ่มขึ้นนิดหน่อยไม่ใช่ปัญหา ประหยัดน้ำมันขับรถไปทำงาน ประหยัดค่าแต่งหน้าแต่งตัว เน็ตบ้านกูก็ติดอยู่แล้ว กูว่า wfh 4 วันแล้วเข้าไปประชุมเจอหน้าเจอตากันซักอาทิตย์ละวันพอ จะลดเงินเดือนกูนิดหน่อยกูยังยอมเลยเอ้า
แต่ตอนนี้ปัญหาของกูคือระบบมันไม่พร้อมมากๆ เข้าได้แค่บางส่วน อีกหลายส่วนเข้าไม่ได้ ไอ้ที่เข้าได้ก็ช้าอีก มันเลยติดขัดไปหมด
อีกอย่างกูว่าถ้า wfh กันมากขึ้น ลดการเดินทาง น่าจะช่วยลดโลกร้อนลดการใช้ทรัพยากรด้วย
เศร้า + เครียดชิบหายเลยหวะ ตัวกูเป็นพวกไม่รอบคอบ เวลาทำงานรีบๆ เลยมักพลาดโดนหัวหน้าดุบ่อยๆ
แต่แรกๆกูก็รับได้แหละคิดว่ากูคงเปลี่ยนซักวัน แต่แม่งไม่เปลี่ยนเลย ทำมา 2 เดือนละพอพยายามรอบคอบงานแม่งก็ออกมาช้า
เริ่มคิดว่าเหนื่อยละ เหี้ยเอ้ยวันนี้ทำงานอยู่บ้านไม่อู้ยังเสือกทำพลาดไปจุด เมือวานก็พลาด แม่งอะไรวะเนี่ย
เศร้าไม่ใช่เพราะถูกด่านะ แต่แม่งสมเพสตัวเอง ไอเหี้ย
กู >>596 วันนี้พี่หัวหน้ากูและเจ้าของบริษัทมารุมกดดันกูว่ากูต้องเคลียร์งานให้หมดก่อนออกให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะโดนหักเงินเดือนเพราะทำงานเสียหาย กูบกพร่องต่อหน้าที่การงานที่ทำให้งานไม่เสร็จ จะให้กูอยู่ออฟฟิศจนดึกเพื่อเคลียร์งาน(แต่ไม่จ่ายโอที) ไม่เสร็จห้ามกลับไรงี้ มันเป็นความรับผิดชอบของกูก็ต้องทำให้เสร็จให้ได้ กูเลยตอบยิ้มๆไปว่าเราเจอกันแค่นี้ดีกว่า อย่าให้ไปเจอกันอีกทีที่ศาลแรงงานเลย เขาเลยยอมถอยไป แต่ประสบการณ์สามเดือนที่ไม่ผ่านโปรคงไม่ต้องเขียนลงเรซูเม่ใช่ปะวะ แค่นี้ก็ไม่มีใครรู้ว่ากูเคยทำงานที่นี่น่ะ
เอาจริงๆกูก็ใจหายที่ต้องตกงานนะ แต่ก็โล่งใจด้วยเหมือนกัน แค่นี้ก็ไม่ต้องทนความปสด.ของเจ้านายแล้ว ทนอีกวันก็เป็นไทจากที่นี่แล้วว่ะ
>>626 มึงทำถูกแล้ว เยี่ยมมาก ขนาดไม่ได้โดนเองยังรู้สึกสะใจแทน
wfh นี่สวรรค์ของกุชัดๆ เลย ปกติกุชอบการทำงานเป็นฟรีแลนซ์อยู่แล้ว แต่กลับเข้ามาระบบงานประจำเพราะสภาพเศรษฐกิจ พอได้ wfh นี่เหมือนลิงโลดอ่ะ คอมกุ สภาพแวดล้อม อินเตอร์เน็ตกุพร้อมอยู่แล้ว แค่เสียค่าไฟเพิ่มแต่ลดค่าเดินทางไปได้เยอะ ยอมแลก ดีจริงๆ ว๊อยยย..
ผิดๆ สามเดือน
ตอนนี้กูเริ่มสนุกกับ wfh ละ ไอเท็มที่อยากได้ตอนนี้คือไฟเซลฟี่ว่ะ เวลาประชุมหน้าหมองไม่โอเคร ถถถ
เริ่มมีข่าวในวงบ.กูว่าจะมี unpaid 6 เดือน ก็ได้แต่คิดว่าเออยังดีกูยังมีเงินเก็บล่ะวะ
>>637 ก็ไม่ทำไง no work no pay เหมาะกับคนที่มีเงินเก็บ อยากพักผ่อนพอดี ชอบงานปัจจุบันไม่อยากหางานใหม่เลยไม่ลาออก แต่ต้องมั่นใจด้วยว่าบริษัทให้ leave without pay เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันไม่มีงานให้ทำจริงๆ ไม่ใช่ว่าสถานะทางการเงินง่อนแง่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แบบนี้ควรเผ่น
ถ้าบ.กูเสนอให้สมัครใจ leave without pay ซักเดือนแบบไม่หักประเมิน กูจะรีบเอาเลย แต่ 6 เดือนนี่นานไป๊ กูว่าบริษัทมันเตรียมเจ๊งเลยบีบให้ออกแบบไม่จ่ายชดเชยป่าววะ
>>638 มีส่วนที่บ.อยากบีบให้ออกน่ะแหละ เพราะ 6 เดือนก็นานชิบหายจริงๆ แถมโดนเฉพาะคนที่ไม่มีโปรเจ็คลงคือเก็บคนทำงานไว้บางส่วนด้วย
แต่ด้วยสภาพปัจจุบันหลังจบโควิดก็น่าจะซึมยาวๆไปเป็นปี นักวิเคราะห์บางท่านบอกเอาไว้ว่าปีหน้าเตรียมตัวเจอเกรทดีเปรสชั่น+วิกฤติจำนองบ้านแบบตอนซัพพรามอเมริกาแต่สเกลรอบนี้คือเกิดทั่วโลกได้เลย
คงหางานที่ได้เงินดีแบบปัจจุบันไม่ได้แน่ๆ ผมเลยคิดว่าอาจจะยอมรับข้อเสนอ unpaid 6 เดือนไปอ่ะนะ
พวกมึงว่าทำงานธนาคารมีสิทธิ์โดนleave without payหรือโดนบีบให้ออกไหมวะ เศรษฐกิจแบบนี้ กูแอบกังวล
พรก.ฉุกเฉินประกาศใช้ถึงสิ้นเดือน ไม่รู้เดือนหน้าจะเป็นไงต่อไป จะได้กลับไปทำงานตามปกติมั้ย
น่าจะหนักกว่าเดิม มีคน Super Spreader แค่คนเดียวก็แย่แล้วนี้ยังเจอคนที่ 2 ที่ผ่านด่านกักกันโรคระดับประเทศได้ด้วยการแดกยาพารา
ที่ไปตายบนรถไฟอะ ทั้งโบกี้ไม่เหลือ แถมไอ้ทั้งโบกี้นี้ย้ายไปนั่งโบกี้อีก กูตีไปว่าทั้งคันเลย
แต่ Ultimate Spreader ที่แท้จริงคือหน่วยงานราชการวะ ไม่ปิด ไม่เลิกรับคน แถมด่านระดับประเทศยังถูกหลอกได้ด้วยพาราเม็ดเดียว
แล้วไอ้เครื่องสแกนโง่ ๆ อันละ 4-500 แต่อัพราคาเป็นสามสี่พันจะเหลือเรอะ มันต้องมีหลุดบ้างละวะ
ทั้งหมดนี้ต้องโทษระบบคัดกรองของไทย
ทำงานราชการ บ่นโควิท บ่นความปลอดภัยตัวเอง คือก้าวร้าวผู้ใหญ่วะ 5555
ผู้ใหญ่ไม่ทำเหี้ยอะไร อยู่ที่ปลอดภัย พวกมึงอย่าบ่นนะคร้าบบบ
แดกยาลดไข้ผ่านด่านตรวจ ทริกนี้ใช้กันตั้งแต่อู่ฮั่นหนีเที่ยวแล้ว แถมยังนิยมในหมู่ผีน้อยกลับไทย
กูแปลกใจรถไฟมากกว่า ไอตัวโยนขนาดนั้น ให้ขึ้นได้ไง ทั้งที่เป็นอาการที่ต้องระวัง
จริง แดกยาลดไข้ให้ตรวจผ่านนี่ง่ายมาก เคสรถไฟนี่กูโกรธมากอ่ะ ทั้งมาจากต่างประเทศ ทั้งอาการชัดเจน ยังปล่อยมาได้ตั้งแต่สนามบินยันรถไฟ เหี้ยจริง สิ้นหวังสัสๆ กูอยู่บ้าน WFH อาทิตย์ที่สองยังประสาทจะแดก คนที่ต้องทำงานหน้าความเสี่ยงเค้าจะยิ่งขนาดไหน พวกจิตสำนึกต่ำตมในสังคมไทยแม่งเยอะจริง ใส่หน้ากากไว้ใต้คางบ้าง ห้อยไว้ที่หูบ้าง ป่วยก็พยายามปกปิด มีประวัติเสี่ยงก็ปกปิด เซ็งชิบหายที่ต้องเกิดมาร่วมโลกกับไอ้พวกต่ำตมทางจิตสำนึกพวกนี้
อายุ 26 ละยัง lost ไม่รู้จะทำงานสายไหนที่ใช่กะตัวเอง งานที่ผ่านมาคือฝืน ละตอนนี้กำลังว่างงานหาใหม่ด้วย ใครก็ได้แนะนำที
>>640 https://thaipublica.org/2020/03/kkp-research09/
ธนาคารมีสิทธิ์เละ ถ้าไม่ผ่อนปรนให้ลูกหนี้
กู >>626 หลังจากออกมานอนดมฝุ่นกับไวรัสได้สองวัน บ.เก่าก็โทรมาง้อให้กลับไปทำงานเพราะไม่มีใครสามารถทำงานต่อจากกูได้จริงๆ แต่พอวันนี้กูเข้ามาคุยเรื่องเงื่อนไข รายละเอียดว่าจะให้กูทำอะไรยังไงบ้าง พูดง่ายๆคือจะจ่ายเงินจ้างกูยังไง จะจ่ายเป็นเงินเดือนหรือเป็นจ็อบๆ แต่โดนบอกว่าจะไม่จ่ายเพราะกูไม่สามารถรับผิดชอบงานให้จบภายในระยะเวลาจ้างงานได้ และจะฟ้องกูด้วยว่ากูทำให้เกิดความเสียหายที่งานไม่เสร็จ ถ้ากูจะสู้คดีควรทำไงบ้าง ศาลแรงงานเขามีทนายให้มั้ย กูไม่มีตังจ้างทนายแพงๆอะ แต่จะให้กูทำฟรีนี่ฝันไปเหอะ
>>654 ปล่อยให้มันฟ้องไป หรือถ้าขี้เกียจไปต่อล้อต่อเถียงในศาลก็บอกมันว่าการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับลูกจ้างทำได้กรณีเดียวคือลูกจ้างผิดสัญญาจ้าง หรือระเบียบ เกี่ยวกับการลาออก
ถ้าเจ้านายเซ็นใบลาออกให้มึงเองแสดงว่ามึงไม่ได้ทำผิดระเบียบอะไร การอนุมัติให้ลาออก แม้จะยื่นผิดระเบียบนั้นจึงถือว่าใช้บังคับได้ชอบด้วยกฎหมาย
ปัญหาจะเกิดถ้าเจ้านายมึงยังไม่เซ็นเท่านั้นถึงจะอ้างว่ามึงขาดงานโดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายได้
กูว่ามึงก็คงไม่คิดจะทำงานกัเจ้านายมึงต่ออยู่แล้ว งั้นก็เรียกค่าทำงานให้หนักๆ
โปรแกรมเมอร์ช่วงทำอยู่บ้านนี่กูไม่เห็นแม่งจะสบายกว่าอยู่ออฟฟิตเลย
เหมือนงานจะเยอะขึ้นด้วยมั้งเนี่ยไอสัส แถมจะอู้แบบอยู่ออฟฟิตไม่ได้เพราะต้องส่งรีพอตว่าทำอะไรไปบ้างทุกวัน
>>654 กูถามนะ ยังไม่ผ่านโปร มันจ่ายอะไรให้มึงสักแดงรึยัง อยู่ๆจะมาบอกว่างานที่ทำแม่งไม่เรียบร้อยนี่ไม่ใช่นะ ไม่ผ่านโปรนี่คือเค้ามีจ่ายอะไรไหม ถ้าแม่งแบบไม่จ่ายท่าเดียวแถมยังตื๊อให้มึงมาทำงานอีก แบบนี้คือหน้าหีละ
https://moneyhub.in.th/article/fail-trial-period/
ปล่อยให้ฟ้องไปอีกเสียงแบบที่ >>655 บอกอ่ะ ดูซิว่ามันจะเอาอะไรมาฟ้องมึง ส่วนมากศาลแรงงานคุ้มครองคนทำงานมากกว่านายจ้าง สำรองเงินไว้หมื่นนึงซะเผื่อมีค่าจุบจิบเล็กน้อย
>>657 บ.จ่ายเงินเดือนของเดือนมีนา เป็นเงินเดือนงวดสุดท้าย แต่ไอ้ที่เรียกกูกลับมาทำใหม่คือจะไม่จ่ายไง เพราะอ้างว่ากูทำงานไม่เสร็จในระยะเวลาที่ตกลงไว้ในช่วงสามเดือนไม่ผ่านโปร ยังไงก็จะบังคับให้กูทำให้เสร็จให้ได้ท่าเดียว กูเห็นว่าคุยไม่รู้เรื่องก็เลยบอกไปว่าจะฟ้องร้องก็เอา แต่ถ้ากูชนะคดีกูฟ้องกลับนะ หาตังกินข้าวในช่วงตกงาน แล้วกูก็ออกจากบริษัทกลับบ้านเลย ไม่สนพวกแม่งด้วย เสียเวลานอนดูเน็ตฟลิกซ์จริงๆไอ้ห่า
>>658 คืองี้ กูแปะรายละเอียดให้ละ ต้องรู้ก่อนว่าอีตอนที่มึงออกมาอยู่บ้านสองวันเนี่ย มึงได้หนังสือเลิกจ้างงานติดไม้ติดมือมารึยัง หรือมึงออกมานี่คือเสมือนว่ามึงลาออกมาเอง ถ้าดุ่มๆมาลาออกเองเนี่ย อันนี้กูว่ามึงเสียเปรียบครึ่งนึงละนะ จากที่กูไปตามหาอ่านๆมาเกี่ยวกับการไม่ผ่านprobationเนี่ย มันเลยหัวหมอมาเรียกมึงไปทำงานอีกแบบไม่จ่ายตังค์หน้าด้านๆได้ไง ยังไงก็เถอะ มึงไม่ควรไป เพราะใครอยากจะไปทำงานให้ฟรีๆวะ ปญอ.
>>658 อนึ่งคือ มึงเล่ามายังไม่หมดนะ ถ้าเรื่องราวเป็นไปแบบที่ >>655 บอกคือ มีเจ้านายเซ็นอนุมัติให้มึงออกด้วย กูว่าอันนี้มึงคงไม่มีเกี่ยวดองกันกับที่นี่แล้วหล่ะ แต่ยังไงก็เถอะ ขอถามเลยว่าตั้งอยู่ส่วนไหนใน กทม. วะ? เขตไหน ซอยไหน มึงใบ้ๆมาหน่อยดิ เผื่อว่าจะระวังไม่ไปหางานละแวกนั้น ที่เคยเจอโม่งมาประจานก็สุขุมวิท 27ละย่านนึง
>>658 ถูกแล้ว ให้มันฟ้องไป ซึ่งตามความเข้าใจของกูคือมันจะฟ้องมึงข้อหาอะไรหรอ? มันฟ้องไม่ได้ ดีแต่ขู่ไปอย่างงั้น เรียกอดีตพนักงานมาทำงานให้ฟรีก็ไม่ได้ มึงลาออกก่อนผ่านโปร บ.ก็ไม่ต้องเสียค่าชอดเชยอยู่แล้วมันยังจะมาเรียกร้องอะไรอีก ปกติการลาออกเนี่ยตามกฎหมายแค่พูดปากเปล่าก็มีผลแล้วไม่ต้องรอให้นายเซ็น ไอ้ที่บอกล่วงหน้ารอให้นายอนุมัตินี่มันเป็นเรื่องของมารยาท แต่ไอ้ บ.ที่มันทำกับมึงแย่ๆ นี่ไม่ต้องมารยาทกับมันนักก็ได้
>>658 อย่างแรก มึงยังไม่ใช่พนักงานประจำ แจ้งแล้วก็ออกได้เลยไม่ต้องรอ 1 เดือน อย่างสอง ถ้าบริษัทมันแจ้งว่ามึงไม่ผ่านโปรแล้วมึงก็ไม่ใช่พนักงานของเขาแล้ว มันไม่มีสิทธิในการเรียกมึงกลับไปทำงาน
ถ้าเจอขู่ฟ้องก็ปล่อยให้ฟ้องไป ข้อหาก็ไม่พ้นละเลยหน้าที่จนทำให้บริษัทเสียหายหรอก แต่มึงว่าบริษัทจะเอาอะไรมาพิสูจน์ว่ามึงไม่ได้งานอะ แล้วถ้างานมัน overload อย่างที่มึงบอกจริงๆ เพราะบริษัทก็ต้องชีแจงให้ศาลฟังอีก มึงละเลยยังไง แล้วก่อให้เกิดความเสียหายยังไง
>>660 หนังสือเลิกจ้างอะไรไม่มีเลยว่ะ พ้นวันที่ 31 มีนากูก็ออกมาเลย ไม่ได้ถืออะไรติดไม้ติดมือมาทั้งสิ้น ถ้าเป็นแบบนี้ต้องทำไงวะ
>>661 กูเล่าหมดแล้ว คือกูไปทำงานที่บ.นี้เป็นเวลา 3 เดือน แล้วสิ้นเดือนกุมภาฝ่ายบุคคลก็เรียกกูไปคุยบอกว่ากูไม่ผ่านโปรนะ เจ้านายไม่พอใจในผลงาน และฝ่ายบุคคลเอาใบลาออกมาให้เซ็น กูก็โอเครับทราบ เซ็นๆใบลาออกไปเพราะกูเองก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ จากนั้นหัวหน้า(คนละคนกับเจ้านาย)กูก็มาถามว่ากูเหลืองานในมือมีอะไรบ้าง กูก็ทำลิสต์ว่ากูเหลืออะไร เขาก็บอกให้เคลียร์ให้จบก่อนออก กูก็ทยอยทำตามนั้น แต่มันก็จะมีเรื่องนั่นนี่เข้ามาแทรก เดี๋ยวก็โยนงานนั่นนี่ที่เป็นงานใหม่ให้กูจนงานเก่ากูก็ไม่เสร็จ พอกูบอกว่าพี่โยนงานมาให้แบบนี้งานเก่ากูจะไม่เสร็จเอานะ ก็ได้รับคำตอบให้กูเอากลับไปทำที่บ้านสิ ซึ่งกูไม่ทำงานที่บ้านไง ทำไมกูต้องทุ่มเวลาที่เหลืออยู่ให้กับบ.ที่ให้กูออกด้วยวะ เขาก็ไม่พอใจจนมารุมกดดันกูในวันสุดท้ายของการทำงาน แต่กูก็ยักไหล่ไม่แคร์ กูออกแล้วนี่ พ้นจากวันที่ 31 ไปกูก็ไม่ใช่พนักงานมึงแล้ว
ทีนี้วันที่ 2 เมษาหัวหน้าเขาโทรตามกูให้กลับมาทำงาน บอกไม่มีใครทำต่อได้ จะให้กลับมาช่วย กูคงโลกสวยเกินไปที่คิดว่าเขาจะจ่ายเงินจ้าง พอเข้าไปเจรจาว่าจะให้ทำไงต่อ ก็กลายเป็นกูต้องทำงานที่กูค้างอยู่ให้เสร็จให้ได้ ไม่งั้นจะฟ้อง และจะไม่จ่ายเงินจ้างกูใดๆทั้งสิ้น กูก็เออ มึงอยากฟ้องฟ้องเลย นี่ก็ปรึกษาทนายแล้วเหมือนกัน เขาบอกคล้ายๆพวกมึงนี่ล่ะ ท่าทางกูจะต้องเตรียมขึ้นศาลแรงงานแล้วมั้งแบบนี้
หัวหน้ากับเจ้านายนี่มันต่างกันยังไงวะ กูงง เจ้านายของมึงนี่หมายถึงเจ้าของบริษัทปะ?
แต่กูว่ามันขู่เฉยๆ แหละ เพื่อฟลุ๊กเจอเด็กโง่ขี้กลัวให้หลอกใช้ฟรี ถ้ามันฟ้องจริงนี่โง่ถึงโคตรโง่อะบอกเลยกูไม่เห็นหนทางที่มันจะชนะเลย ปกติกฏหมายแรงงานมันเข้าข้างลูกจ้างมากกว่าอยู่แล้ว กูเคยเจอเหี้ยสุดๆ แบบเหี้ยจนไม่รู้จะว่าไงยังเสือกชนะนายจ้างก็มี สงสารนายจ้างชิบ แต่ของมึงนี่ไม่เข้าข่ายเลย
ใครตอนนี้หางานใหม่แล้วได้บ้าง โคตรเก่งอะ
เออ กูกับน้องๆเพื่อนร่วมงานเจอเรื่องเหี้ยๆมาเหมือนๆกันละ นายจ้างจ่ายค่าจ้างวันนี้เว้ย(ทุกๆต้นเดือน) ทีนี้เนี่ย แม่งจ่ายไม่ครบจ้า เงินเดือนที่ควรได้เดือนนี้ พนง. หลายคนแม่งเงินหายไปเป็นพัน บางคนหายไปครึ่งนึง ทั้งๆที่โดนเรียกมาทำงานเยอะกว่ากูมากๆ แต่เงินเค้าได้ไม่เท่าไหร่เอง คือ เข้าใจนะว่าแกงค์พวกกูแบบพาร์ทไทม์อ่ะ แต่มาจ่ายไม่ครบแล้วนิ่งเฉยแบบนี้คือไม่โอเคหว่ะ
>>663 กูสนใจเคสนี้ว่ะ คือถ้านายจ้างมันพิสูจน์โดยการบอกว่าให้งาน >>664 ไป แล้ว >>664 ทำไม่เสร็จเลยทำให้เกิดความเสียหาย ทีนี้>>664 มัต้องพิสูจน์ยังไงวะว่าได้งานมาแบบ overload ทั้งๆที่แจ้งออกไปแล้ว
หรือถ้านายจ้างแม่งหัวหมอยัดคดีให้ >>664 ไปเลยว่าอยู่ๆก็ไม่มาทำงานโดยไม่ได้แจ้งออกจึงทำให้งานเสียหาย แบบนี้จะสู้ไง
เพราะอย่างว่า >>664 มันไม่ได้เอาเอกสารลาออกอะไรกลับมาเลย เรื่องแจ้งออกอีกฝ่ายก็แค่บอกว่าไม่จริงก็พิสูจน์ไม่ได้แล้วเพราะมันปากเปล่า ไหนจะเรื่องโยนงาน ถ้าทางนั้นบอกไม่ได้โยนงานให้ โม่งก็ไม่มีไพ่แล้วอ่ะ แต่ทางนู้นแม่งมีข้อมูลในการจ้างงานโม่งอะ
>>671 มีไลน์สั่งงานทั้งในเวลาและนอกเวลาทำงาน(ประมาณสามสี่ทุ่ม) พอจะเป็นหลักฐานได้มั้ยวะ มีบันทึกการทำงานประจำวันที่ต้องส่งรายงานทุกวันอีก ว่าวันนี้ได้งานอะไรมาและทำถึงไหน กูมีไฟล์ก็อปปี้เก็บไว้และลงในฐานข้อมูลกลางของบริษัทด้วย ส่วนเรื่องไม่ผ่านโปรทางฝ่ายบุคคลเอาเอกสารการประเมินผลให้กูอ่าน และมีจั่วหัวว่าให้ทำงานต่อถึงวันที่ 31 มีนา มีลายเซ็นเจ้านายและผจก.กำกับ ถ้าพวกแม่งจะทำลายเอกสารทิ้งกูก็ไม่รู้จะพูดไงละ
กำลังจะจบ เช็นสัญญางานit บ.จองโรงแรมชื่อดังไปละ เริ่มงาน มิ.ย. แต่โควิดแม่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆว่ะ กุมีสิทธิ์โดนเขายกเลิกสัญญาป่ะวะ กุควรหาที่ใหม่ไว้สำรองไหมเพื่อนๆ
เขาว่ากูงานดรอป อารมณ์กูก็ดิ่งไปเลย ฮืออออ
>>678 เข้าใจเลย ของกูคือตอนเข้ามาแรกๆกูแบบใช้แรงจากที่ว่างงานมาทำแบบโหดสัสมาก(ทำแค่เวลางานนะ) งานออกมาแบบเร็ว
แต่พอนานๆไปมันเหนื่อย งานหลังๆก็เลยช้าลง แต่เหมือนเจ้านายจะอยากให้กูบูทตลอดเวลาซึงมันทำไม่ได้ เดี๋ยวนี้กูบูททำได้แค่วันจันทร์เพราะพักเต็มที่
แต่วันอื่นๆงานจะช้า แม่งโดนว่าเรื่องงานช้าตลอด กูก็อยากบอกนะว่าหมดแรงแต่บอกไม่ได้ เหี้ยเอ้ยน่าทำแบบชิลๆ ตอนเข้ามาแรกๆ
SEO มันเรียนเองได้ใช่มั้ยอะ อยากทำเป็นช่วงว่างๆนี้ จะได้เอาสกิลไปสมัครงานได้
พึ่งย้ายมาใหม่ได้เดือนครึ่งยังไม่พ้นโปร แต่เหมือนจะโดนบีบออกหวะ
เพราะ งานน้อยลงมาก ลดลงครึ่งนึงเลยมั้ง คนเก่าๆ รับมือสบายๆ
บางทีก็เบื่อๆ ท้อๆ ยังไงไม่รู้ว่ะ ก็รู้ละนะว่าในสถานการณ์แบบนี้มีงานทำยังได้เงินเดือนเต็มก็บุญแค่ไหนแล้ว
กูกำลังจะเรียนจบในอีกไม่เกิน 1 เดือนนี้แหละ ตอนนี้ทำ part time อยู่ที่นึงมาได้เดือนกว่าๆ เป็น start up เล็กๆพนักงานไม่เกิน 10 คน แต่กูรู้สึกไม่ค่อยโอเคเลยว่ะ คนน้อยไม่มีคนสอนงาน ได้ทำในสิ่งที่ไม่ได้อยากทำเท่าไหร่ กูควรออกดีมั้ยวะ
พวกยาเสพติดที่กินเเล้วโหมงานได้มีจริงมั้ย อยากลองอะ
สิ่งที่ต้องบอกตัวเองตอนนี้คือ อย่าอายทำกิน
ก่อนหน้านี้ประมาณสองเดือนที่แล้ว กูลองหาสมัครงานแบบยังมีงานประจำทำอยู่ โดยอัพเงินจากที่ปัจจุบันประมาณ 30% แล้วก็ได้ไปสัมภาษณ์งาน บ.ที่น่าสนใจมา บ.นึง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เอากู ซึ่งตอนนั้นกูก็โอเคเพราะงานเดิมก็ยังมีทำอยู่ วาร์ปมาปัจจุบัน สถานการณ์โควิดทำให้กูรู้สึกไม่ค่อยโอเคกับ บ.เดิม แล้ว บ.ที่น่าสนใจนั้นเขาก็ลงประกาศรับสมัครงานอีกแล้ว ตำแหน่งเดิมกับที่กูเคยสมัคร -ปรึกษา- กูควรจะส่งใบสมัครไปอีกรอบดีมั้ย โดยเรียกค่าตัวเท่ากับที่ได้รับจากที่เดิมเลย แบบว่าลดค่าตัวแล้วขอโอกาสใหม่อีกที กูไม่อายนะที่จะไปสัมภาษณ์อีกรอบแล้วยอมรับว่าขอลดค่าตัวเองครับ แต่มันควรหรือเปล่าวะ ในเมื่อเขาเคยปฎิเสธกูมาแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะเรื่องเงินหรือเขาประเมินว่าสกิลกูไม่ถึงกันแน่
เป็น IT ราชการ ออกตอนนี้ยังหางานได้ไหมวะ ถามเผื่ออนาคต ด้วย
เหมือนไอ้พวกผู้บริหาร มันมีความคิดบรรเจิด ว่าจะเปลี่ยนตำแหน่งไอทีทุกคน ให้ไปทำอย่างอื่น เราจะได้พนักงานที่ทำไอทีได้ ควบสองตำแหน่ง
ไม่ต้องเสียตังเพิ่ม เย้ แล้วตำแหน่งที่แม่งจะเปลี่ยน คือแม่งต้องรู้กฏหมาย ทำมั่ว ๆ เสี่ยงติดคุกอีก ซึ่งกูไม่อยากทำ เลยคิดว่าถ้าโดนวันไหน
แล้วให้ใครช่วยไม่ได้ ก็คงออกวันนั้นละ ปวดหัวสัดตอนนี้
ตอนนี้ยังหางานได้อยู่ไหมวะ ช่วงโควิด
นายกูแม่งไปรับงานที่ตัวเองไม่มีความสามารถมากพอ เหตุผลที่ได้งานนี้ก็เพราะสนิทกับคนญี่ปุ่นที่เป็นผู้ว่าจ้าง และช่วงนี้มันมีโควิดคนญี่ปุ่นเลยบินเข้ามาทำงานในไทยไม่ได้ นายกูเลยได้งานไปแบบงงๆ
เริ่มงานวันแรกงานล่าช้าไปอย่างงดงามตามที่กูคาด เพราะนายกูไม่ถนัดงานประเภทนี้อยู๋แล้วแต่เสือกไปรับมา วันที่สอง งานคืบหน้าไปได้ดีเพราะผู้รับเหมา บ. อื่นเขาเข้ามาทำงานวันนี้งานเลยเสร็จไวมาก วันที่สามงานก็เสร็จไวเหมือนวันที่สอง วันที่สี่กับวันที่ห้า สาหัสสัดๆ เพราะนายกูเป็นหัวหน้าคุมงานแต่เสือกให้คำแนะนำคนงานไม่ได้ คุยโทรศัพท์อย่างต่ำวันละสองชั่วโมงเพื่อปรึกษากับคนญี่ปุ่น บอกให้คนงานหยุดทำงานก่อน ส่วนตัวเองไปคุยโทรศัพท์ คุยเป็น ชม. ก็ยังไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อดี พวกคนงานก็เซ็งเพราะเขาอยากทำงานให้เสร็จ และทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองแก้ปัญหาได้แต่เสือกถูกห้ามไม่ให้ทำ
(วันที่สองกับวันที่สามงานไปได้ดีเพราะฟังคำแนะนำของผู้รับเหมารายอื่น วันสี่กับวันที่ห้าเป็นควยไรไม่รู้อยากโชว์พาว?เลยออกคำสั่งเองทุกอย่าง แต่ด้วยความกากไม่รู้งาน งานก็เดินแบบเอื่อยเฉื่อย กูก็โมโหให้คำแนะนำไปก็เสือกไม่ฟัง)
สรุป กูเบื่อนายกูชิบหายเลยว่ะ เคยเถียงเรื่องปัญญาอ่อนที่สุดเลยคือตอนที่เติมน้ำมัน มันมีข้อความโฆษณาว่าถ้าเติม B20 ครบ ... บาท จะได้น้ำขวดใหญ่สองขวด แม่งไม่เข้าใจนึกว่ารถกำลังเติมน้ำมัน B20 อยู่ กูก็อธิบายไปดิครับ ว่านี่ครับมันมีข้อความว่ากำลังเติม E20 อยู่ และดูที่หัวจ่ายก็รู้แล้วว่ารถเติมน้ำมันอะไรอยู่ แม่งก็หงุดหงิดที่ตัวโชว์โง่ หาเหตุผลปัญญาอ่อนบอกว่า " ถ้ามีข้อความที่่มีคำว่า B20 คนอาจจะงงว่ากำลังเติมอะไรอยู่" กูก็บอกไปอีก ก็บอกแล้วว่ามันมีข้อความว่า "กำลังเติม E20 อยู่" (ผิดที่แม่งเป็นยุ่นเลยอ่านไทยไม่ออก) แม่งก็ปัญญาอ่อนอืก บอกกูว่าเอ๊ะรู้จักน้ำมัน B20 ด้วยเหรอ .... กูนี่แบบ กูเถียงกับควายอยู่ป่าววะ ถ้าไม่รู้เรื่องก็หุบปากและปล่อยให้ Staff คนไทยทำงานไปเหอะ งานเหนื่อยยังต้องมาเจอนายปัญญาอ่อนอีก
ท้อ...จัง...
แง เหนื่อยว่ะโม่งกุอยากจะร้องไห้
กุตั้งใจทำงาน พยายามพัฒนาตัวเอง แต่งานกูไม่เคยออกมาพอใจหัวหน้าเลย กุอยู่ในจุดที่เริ่มท้ออ่ะ เหมือนพยายามไปก็ไร้ความหมาย แล้วแม่งเสือกเศรษฐกิจไม่ดี คนกำลังตกงาน กูเองถ้ายังโดนประเมิณต่ำแบบนี้อยู่ซักวันต้องตกงานแน่ๆ แต่อีกใจก็คิดว่าเค้าคงไม่ไล่กุออก เค้าคงแค่ดองกุไว้
คือกุควรหางานใหม่ไปเลยดีมั้ยวะ ถ้าให้เลือกระหว่างโดนดองไม่เห็นค่า กับไปหางานใหม่พร้อมความเสี่ยงหลายอย่างในยุคนี้ กูควรเลือกอะไรดี หรือควรสู้ต่อไปในที่เดิมให้เค้าชอบงานกูให้ได้ดี มันดันทุรังมั้ย
>>706 ช่วงนี้ทนไปก่อน เศรษฐกิจเหี้ยมาก บริษัทเจ๊งยับ คนตกงานเป็นแสนตอนนี้ (เผลอ ๆ เกิน) มีงานทำได้เงินเดือนตอนนี้ทนไปก่อน อย่างน้อยอึดอัดใจยังทนได้ แต่ถ้าตกงานแล้วไม่มีเงินนี่นรกกว่านะ ค่าบ้าน ค่าข้าว ค่านู่นนี่ อดทนไว้ก่อน รอสถานการณ์ดีขึ้น ค่อยว่ากันใหม่
แต่ถ้าประเมินดูแล้วไม่ไหวจริง ๆ อยากออก ตอนนี้ก็ลองมองหางานใหม่ไว้เลย ยื่นพอร์ตยื่นเรซูเม่ไปเรื่อย ๆ มีอันไหนเรียกไปสัมก็ไป ได้ไม่ได้ก็ค่อยคิดว่าจะเอาไง
เป็นสงกรานต์ปีแรกที่ต้องมาทำงาน รู้สึกแปลกใหม่บอกไม่ถูก
อยากย้ายงานเหมือนกัน แต่สถานการณ์ตอนนี้กลัวไปที่ใหม่แล้ว เขาจะบีบไม่ให้ผ่านโปร
กูเริ่มงาน 1มีนา โดนบีบอยู่วะ เย็นนี้กะว่าจะไปบอกและว่าออก
เข้างานช่วงนี้น่ากลัว เหมือนเอาเวลาผ่านโปร 4-6 เดือนมาหลอกให้มึงทำงานให้ แล้วให้ตกโปร ไม่ต้องเสียค่าชดเชย แถมได้งานฟรีๆ
โดนให้ออกครั้งแรกในชีวิตเว้ยยยยย
ฟิวมันเป็นยังงี้นี่เองสัสสสสส
ลูก 2 เมีย 1 กูเอาไงดีเนี่ย
ยังดีมีกองทุนสำรอง+ประกันสังคม น่าจะยื้อไปได้ซักครึ่งปี หางานใหม่ไปแต่ทำใจแหละว่าคงได้เงินไม่ถึงครึ่งงานที่ทำอยู่
งานพวกมึงเป็นงานที่ง่ายขนาดใครเข้ามาก็ทำได้ภายในทันทีหมดเลยเหรอ งานกูเข้ามา 6 เดือนแรกนี่ไม่ต้องหวังงานอะไรจากเด็กมันเลย ถือว่าจ้างเด็กมันมาเรียนงานด้วยซ้ำ แถมกลัวมันลาออกจะตายห่า
ไม่รู้ปีนี้จะยังได้โบนัสหรือเปล่า ถ้าได้จะได้น้อยลงแค่ไหน หรือเลวร้ายสุดคือจะมีโอกาสโดนเลิกจ้างหรือเปล่า (ตอนนี้ที่บ.ยังไม่มีใครโดนและทุกคนได้เงินเดือนเต็มตามปกติ) จะ DCA หุ้นก็ลังเล ไม่แน่ใจว่าควรสำรองเงินสดให้ได้เยอะที่สุดหรือเปล่าในสถานการณ์แบบนี้ เงินมีนะ แต่แค่จะซื้อมือถือใหม่ยังไม่กล้าเล้ย - -* คนเดือดร้อนจนไม่มีเงินจะใช้ก็ส่วนนึง แต่คนที่ไม่ได้รับผลกระทบก็กลัว ไม่กล้าใช้เงินไปด้วย
ตอนนี้กูเป็น outsource อยู่ มีคนเสนอให้ย้ายหัว แต่ต้องซื้อคอมใหม่มาใช้ทำงานของตัวเอง
กูเริ่มงานได้เดือน 7 คิดส่วนต่างเงินแล้วกว่าจะถอนทุนค่าคอมคืนก็ต้นปีหน้า ตอนแรกก็กะว่าโอเค
ตอนนี้ก็เริ่มกลัวๆละ เดี๋ยวตกงานแล้วต้องมาผ่อนคอมที่ไม่ได้จะใช้อีกนี่โคตรซวย
>>720 กูไม่กล้าซื้อมือถือใหม่เหมือนกัน ตอนแรกรอลุ่นที่เล็งราคามันตกอีกหน่อย ตอนนี้ชักไม่กล้าละ
จริงๆแล้วถ้าส่งพอร์ตไปแล้วเค้าตอบกลับมาว่า ประสบการณ์ยังไม่พอ อยากได้ซีเนียร์ ไรแบบนี้ มันแปลว่างานมึงยังไม่เจ๋งพอป่ะวะเพื่อนโม่ง
คือกูแอบคิดว่าถ้าพอร์ตกูโครตเทพ ต่อให้อายุงานน้อยใครๆก็ต้องอยากได้อยู่แล้วป่ะ ที่เค้าไม่เอาเพราะงานไม่ได้มาตรฐานที่เค้าต้องการแต่ปฎิเสธกลับมาแบบนุ่มๆรึเปล่า
กุอายุงานเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ส่งไปที่ไหนถ้าไม่เงียบก็ตอบแบบนี้หมดเลย กูเลยคิดว่างานกูน่าจะไม่ดีพอป่าววะ
เปรี้ยวออกงานมาตอนกุมภา มีนาหางานไม่ได้ มีโรคระบาดอีก แถมบ้านกูตอนนี้ปิดแยกตำบล บริษัทปิดชั่วคราวบาน เรื่องออกมารับคนไม่ต้องถาม กูจะบ้าตายแล้วววววว
ถ้าไม่ผ่านโปรนี่ไม่ได้เงินหรอวะพี่โม่ง จากโม่งนักศึกษาปี3
เศรษฐกิจเเบบนี้มีงานทำน่าจะดีอยู่รึเปล่า หรือว่ากลัวเสียเวลา3-4เดือนที่ทำไป
ช่วงนี้มีคนติดต่อมาให้สมัครตำแหน่งที่ตัวเองสนใจหลายที่อยู่ แต่ว่ากลัวว่าในเศรษฐกิจแบบนี้จะหลอกเราไปทำงานแล้วให้ไม่ผ่านโปรเนี่ยแหละว่ะ คือกุก็อยากลงหลักปักฐานแล้วไง ถ้าต้องออกที่ปัจจุบันที่ทำมานานเพื่อไปโดนเตะออกจากที่ใหม่ที่ทำ 3-4 เดือน มันก็ไม่โอเคนะเว้ย
มันขะเป็นไปได้ป่ะวะแบบนี้ ในสายเทคโนโลยีอ่ะ กูควรลองไปสัมภาษณ์มั้ย
>>729 ควรลองนะ ยิ่งถ้าตำแหน่งที่สนใจอะ อย่างน้อยการสัมภาษณ์ก็เป็นการให้โอกาสตัวเองได้รู้จักกับบริษัทนั้นด้วย ถามคำถามที่อยากรู้ ดูความมั่นคงของ บ โอเคไม่โอเค ถ้าไม่ชอบก็ยังปฏิเสธได้ แต่ถ้าไม่สัมภาษณ์ก็คือปิดโอกาสให้ตัวเองไม่เจอที่ใหม่ๆที่อาจตอบโจทย์ตัวเองมากกว่า
>>729 เดี๋ยวๆๆ งานที่น่าจะทำแบบนั้นได้มันมีแค่งานไร้สกิลป่าววะ มึงอย่าอ่านโม่งแล้ววิตกจริตมากเกิน ถ้างานที่ต้องใช้สกิลและบริษัทไม่ได้เหลือขอสัสๆ มันไม่ทำอะไรประสาทแดกแบบนั้นหรอก พูดตรงๆ นะ บางทีกูอ่านโม่งกูก็แอบคิด พวกมึงต้องไปสมัครงานบริษัทที่มันง่อยเบอร์ไหนอ่ะถึงเจออะไรแบบนั้น ตอนสมัครได้ดูชื่อเสียงดูงบการเงินบริษัทมั้ย ดูความมั่นคงบ้างป่าว หรือบ.ห้องแถวสตาร์ทอัพง่อยๆ รับก็รีบเอาหมด
กูเห็นด้วยกับ >>730 ไปลองสัมภาษณ์ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ มันมีหลายเรื่องเลยที่จะต้องดู เช่น ความมั่นคงของบริษัท เนื้องาน attitude ของเจ้านาย รายได้ สวัสดิการ มึงอย่าเพิ่งปสดตั้งแต่ยังไม่ได้ไปสัมภาษณ์
ใครทำงานช่วงกลางคืนบ้าง ผลเป็นยังไง
รู่้สึกแต่ละประเทศจะเริ่มให้เปิดห้างร้านนะ รัฐบาลน่าจะทนแรงกดดันไม่ไหว
เลขคนติดโควิดเดี๋ยวค่อยไปเมคๆเอา
ถ้าไม่มี cluster ใหม่ super spreader ใหม่ ต้นเดือนพ.ค.หลายอย่างน่าจะกลับมาเปิดตามปกติ แต่ยังต้องใช้ชีวิตแบบระวังๆ กันอยู่ ใส่หน้ากาก แยกกินข้าว พยายามเว้นระยะห่าง
เเล้วหางานได้ไหมช่วงนี้
WFH จนติดนิสัยขี้เกียจไปแล้ว ไม่อยากตื่นเช้า แต่งหน้า แต่งตัว ทำผม ฝ่ารถติดไปทำงานเลย นี่ถ้าไม่ติดว่าบ้านจนคงไปลาออกละ ถถถ อยู่บ้านสบายเหลือเกิน แต่ชีวิตจริงของคนธรรมดาที่ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองก็ต้องอดทนทำงานกันต่อไป
มีบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวรับกูเข้าสัมภาษณ์งาน กูเคยส่งใบสมัครไปนานละแต่เค้าเพิ่งตอบกลับมา
ทีนี้กูงง ในเมื่อช่วงนี้โควิดมันแรงแล้วทำไมบริษัทท่องเที่ยวถึงยังเปิดรับสมัครคนวะ
บ กูแม่งให้กลับไปทำที่ออฟฟิตละหวะ มึงว่ากูควรเซฟงาน หรือเซฟชีวิตดีวะ
เออกุก็เห็นอะโกด้าประกาศรับสมัครงานตลอดเวลาจริงๆ นั่นแหละ
>>739 กูนึกว่าตัวกูมาพิมพ์ เออกูคิดแบบมึงเลย ตั้งแต่ WFH มาชีวิตดีมาก ไม่ต้องตื่นเช้าไปยืนเบียดบนรถไฟ ไม่ต้องแต่งตัวหน้าก็ไม่ต้องแต่ง บราก็ไม่ต้องใส่ให้อึดอัด มีเวลาทำข้าวเช้ากินด้วย ไม่ต้องเสียเวลานั่ง small talk กับเพื่อนร่วมงาน คอนคอลก็คุยแต่เนื้องานไม่เม้าท์ แต่ข้อเสียก็นั่นแหล่ะค่าไฟขึ้น + คอนคอลแม่งทั้งวัน กูไม่อยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศแล้วเนี่ย บอกตรง ๆ วัน ๆ หนึ่งไปทำงานออฟฟิศนี่เหนื่อยตั้งแต่เดินทางละ พักเที่ยงลงมากินข้าวคนเยอะชิบหาย ไม่มีสงบสุขเลยแม้แต่น้อย
>>757 พอมาแบบนี้แล้วกูกลับชอบมากกว่าแฮะ คือเราจัดสรรค์เวลาเองได้ ช่วงไหนงานไม่มีก็ไปทำอย่างอื่นได้ ถ้าอยู่ออฟฟิศคือใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์มากเพราะต้องทำให้เหมือนมีงานตลอดเวลา คืองานกูมันจะมี period ที่ต้องรอข้อมูลรอ feedback อ่ะ ตอนนั้นอ่ะจะว่าง อยู่บ้านกูก็เอาเวลารอไปทำอย่างอื่นที่มีสาระมากกว่าได้ บางวันงานไม่มามาทีตอนดึกงี้กูก็ยังโอเคนะ เพราะแบบตอนเช้าเราพักไปแล้วไง ถ้าอยู่ออฟฟิศคือก็นั่งโง่ทั้งวันพอจะเลิกงานงานค่อยมาอ่ะ ก็ต้องดูว่าหลังจากนี้มันจะมีคละ ๆ ระหว่างเข้าออฟฟิศกับ WFH มั้ย กูว่า WFH เพียว ๆ เลยหายากว่ะ
อยาก wfh จากบ้านนอก (จริงๆ คือทำงานแบบ remote สินะ) จะได้ไม่ต้องมาเช่าคอนโดอยู่ ตอนนี้ wfh แบบออกนอก กทม.ไม่ได้ นายบอกว่าเผื่อต้องมีเรียกให้เข้ามาประชุมด่วน แต่ wfh มาเดือนนึงแล้วยังไม่มีเหตุให้ต้องเข้าออฟฟิศเลย ค่าไฟเดือนนี้ก็แพงฉิบ แต่ถ้าแลกกับค่าเดินทางไปออฟฟิศก็ยอม สบายกว่ากันเยอะ นี่ถ้าเดือนหน้าต้องเข้าออฟฟิศแล้วนี่เศร้าเลย
งอแงด้วยคนดิ ไม่อยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศแล้ว ค่าไฟขึ้นเดือนละ 3000 กูก็ยอม ลดเงินเดือนกูอีกหน่อยก็ยังได้ ไม่ต้องแต่งหน้าแต่งตัว ไม่ต้องแหกตาตื่นแต่เช้าเพื่อเผื่อเวลาฝ่ารถติด ถ้าให้ WFH อาทิตย์ละ 4 วันแล้วเข้าออฟฟิศไปประชุมหรือเคลียร์เอกสารอาทิตย์ละวันจะสวรรค์มากๆๆๆ
มีใครในนี้ทำงานประจำไป+ขายออนไลน์ไปด้วยบ้าง ช่วงนี้กิจการขายออนไลน์เป็นไงบ้างอะ
ตำแหน่งกูทำกราฟฟิกในบริษัท แล้วทีนี้งานบางตัวแม่งยาก กูต้องการเวลาหลายวันในการทำเพราะกูทำอยู่คนเดียว คืออยากทำมันออกมาให้ดีอ่ะ
แต่ตัวบริษัทมันมีวัฒนธรรมที่แบบงานเร่ง รีบ ยิ่งเร็วยิ่งดี เค้าจะพยายามให้ทำงานแบบที่เร็วและคุณภาพดี ไม่ต้องลูกเล่น ไม่ต้องหวือหวา ขอเร็วเป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง ถ้าได้ทั้งเร็วทั้งมีลูกเล่นยิ่งดี แต่เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอางานทั้งเร็วทั้งคุณภาพสูงเพราะกูทำคนเดียว เพราะงั้นงานที่ออกไปเลยมีแต่งานเรียบๆที่ใครๆก็ทำได้ เอามาใส่พอร์ตไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะมันธรรมดาเกินไป
กูก็อึดอัดใจนิดหน่อยเพราะส่วนตัวอยากทำงานให้ดีแบบพวกมืออาชีพระดับโลกบ้าง อยากทำแบบนั้น อยากลองแบบนี้ แต่เวลามันไม่มีให้กู กูจบงานในวันสองวันไม่ได้อ่ะ แต่กูก็เข้าใจเจ้าของบริษัทเพราะบางกระแสถ้าไม่รีบตับมันจะไม่ทัน จะมามัวประณีตก็จะไม่ทัน เครียดว่ะแบบนี้ พอทำงานเกินสามวันก็เริ่มแบบเครียดละ โดนด่าแน่ บลาๆ
เอาไงดีวะ ควรลาออกมั้ย กูอยากทำงานให้ดีที่ทำแล้วตัวเองยังกลับมานั่งชื่นชมได้ ตอนนี้กูประณีตงานแบบนั่นไม่ได้เลย ไม่มีเวลา บางทีเพื่อทำให้ทันกูต้องทำงานยันสี่ทุ่ม เงินก็ไม่ได้ ก็รู้สึกว่าไม่ควรทำเสียเวลาชีวิตตัวเอง แต่ถ้าทำเสร็จไม่ทันก็เหมือนกูผิดอีก
>>764 กูอยู่ agency ครบวงจรนะ เห็นใจมึงอ่ะ บางทีเวลากูบรีฟก็สงสาร creative เหมือนกันเพราะงานมันรีบมากแล้ว budget มักจะมีจำกัด มันเลยต้องหาวิธีลดทอนขั้นตอนงานให้ได้งานออกมาไวที่สุดและถูกที่สุดอ่ะ ส่วนเรื่องลดต้นทุนจ้างเคยอยู่ที่นึงมาจ้าง 20K ทำ 5 ตำแหน่งพร้อมกัน เจ้าของก็ออกแนวคนจีนขี้งกอ่ะนะ ทุกวันนี้ออกมาแล้วสบายใจ
>>768 ก็เคยทำอินเฮาส์ รีบเหมือนกัน ยิ่งเวลากระแสอะไรมายิ่งต้องปั่น แปลว่าใดๆในโลกไม่มีที่ไหนให้เวลาปราณีตงานสินะ ที่เห็นงานเทพๆนั่นคือเพราะมีทีม รีบแค่ไหนก็ทัน
เพราะงั้นทางแก้ก็คือต้องหาที่ที่มีทีมใหญ่ๆจะได้ไม่ต้องมัลติทาส์กทำทุกส่วนคนเดียวทั้งหมด อย่างน้อยถ้ามีทีมก็น่าจะมีเวลาโฟกัสงานกับปราณีตงานได้ในระดับนึงมั้ง ใช่ป่ะ
มีเรื่องอยากบ่น
กูอายุ 25 ถูกที่ทำงานย้ายมาให้ประจำที่ออฟฟิศใหม่ จากเดิมที่อยู่แถวๆ อโศก ตอนนี้มาบางแค
กูมีปัญหาอยู่ว่า ปกติกูเช่าคอนโดอยู่ใกล้ที่ทำงานเดิม นั่งรถไฟฟ้าสถานีเดียวถึง แต่พอย้ายที่ทำงานมาบางแค ซึ่งไม่ไกลจากบ้านนักก็เลยมีตัวเลือก 2 ทาง 1.เช่าคอนโดใหม่อยู่แถวๆนั้น 2.ซื้อรถขับจากบ้านไปที่ทำงาน
ประเด็นคือ ถ้ากูซื้อรถ กูก็จะต้องกลับมาอยู่บ้าน และไม่สามารถพาสาวมาเย็ดได้อีก แต่ถ้าเช่าคอนโดก็ดูเหี้ยไป บ้านอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมาก เช่าไปก็เหมือนโยนเงินทิ้ง
เอาไงดีวะ
กูขอนอกเรื่อง ใครมี ลิ้งเชิญเข้าเว็บ kami47 กุขอที
>>771 มึงซื้อคอนโดใกล้ๆ บ้านนั่นแหละ แต่ถ้าติดรถไฟฟ้าก็จะดีไม่ต้องซื้อรถ กุเชียร์คอนโดมากกว่ารถนะ ไม่น่าเกลียดหรอกก็บอกที่บ้านไปว่าอยากมีทรัพย์สินของตัวเองบ้าง เรื่องพาสาวมาเย็ดแม่งกุไม่เห็นว่ามันผิดตรงไหนเลย เป็นกุกุก็อยากมีที่ของตัวเองอิสระยังไงก็ได้ เรื่องลำดับความสำคัญเนี่ยชีวิตใครชีวิตมันเว้ย กุว่าไอ้ความเห็นจักรยานนี่สิ้นคิดกว่าอีก ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรที่มึงว่ามาเลย
>>771 ถ้าปัญหามีแค่พาสาวมาเย็ดไม่ได้ให้เลือกอยู่บ้านแล้วเปิดโรงแรมเย็ดหรือไม่ก็ไปบ้านสาวแทน
แต่ถ้าปัญหาคืออยากมีพื้นที่ของตัวเองก็ซื้อคอนโด
ถ้าจะเช่าคอนโดที่อยู่ใกล้บ้านเพื่อหาสาวเย็ดกูว่าสิ้นคิดที่จะลงเงินเดือนละหลายพันกับแค่ประโยชน์นิดเดียว ถ้าคิดว่าได้อยู่ด้วยก็เลยเช่ากูก็ว่าสิ้นคิดอยู่ดีที่จะจ่ายเงินค่าที่พักอาศัยทั้งๆที่มีทางเลือกที่ไม่ต้องจ่าย
แต่ถ้ามีปัญหาอยู่กับคนที่บ้านไม่ได้ควรซื้อไปเลย เพราะไม่ว่าผ่านไปกี่ปีๆมึงก็คงไม่กลับบ้าน แล้วจะจ่ายค่าเช่าทำไม
สรุปคือไม่ซื้อก็อยู่บ้าน เรื่องเช่าคงไม่ต้องมั้ง เว้นแต่แนวโน้มงานมึงอาจถูกย้ายไปที่อื่นอีกอันนี้ค่อยเช่า
กูโดนออกเด็กที่แผนกถามกูว่ามีเลี้ยงส่งไม้ กูก็ซึ้งน้ำใจบอกเลี้ยงอะไรอ่ะ
มันสวนมา ไม่ๆหมายถึงพี่จะเลี้ยงอะไร...ไอ้เด็กเหี้ย
เดือนนี้ WFH ทั้งเดือน เทียบรายจ่ายแบบ month on month กับปีก่อน รายจ่ายลดลงไป 30k ก็อย่างว่าอะนะ ปกติเดือนเมษาคือเดือนแห่งการหยุดยาว กิน เที่ยว ช็อป ปีนี้กลายเป็นว่าต้องอยู่บ้านทุกวัน ออกไปแมคโครวีคละครั้งแค่นั้น เจ็บใจอย่างเดียวคือน้ำมันช่วงนี้ถูกชิบหาย แต่ทั้งเดือนกูยังไม่ได้เติมน้ำมันเล้ยแม่งยังเหลือเกินครึ่งถัง อย่าเพิ่งขึ้นซะก่อนนะเว้ย
wfh แม่งดีแบบแปลกๆแฮะ เงินเดือนลดก็จริง แต่เงินเก็บเพิ่มซะงั้น
ต่อ...
ขนาดเติมกาชารัวๆ ยังใช้เงินต่อเดือนน้อยกว่าปกติมาก ทั้งๆที่ปกติแทบไม่ได้เติมกาชาเลยแท้ๆ
เงินเดือน 800,000 เดือนนี้ได้ใช้ไป 500,000 เอง เฮ้อ เหลือตั้ง 300,000 จะเอาไปไว้ไหน
สรุปว่าต่อพรก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน แต่ไม่เลื่อนวันหยุด ไม่รู้บริษัทกูจะเอาไงต่อแฮะประกาศ WFH ถึงสิ้นเดือน จะต่อตามพรก.หรือว่าจะให้กลับไปทำงานที่ออฟฟิศเหมือนเดิม
>>783 ของกูได้เท่าเดิม แต่บอกเลยว่าถ้าสมมุติภาวะปกติมีให้สมัครใจ WFH สัปดาห์ละ 3 วันแล้วลดเงินเดือน กูเอาคนแรกเลย รายจ่ายลดไปเยอะ มีเวลานอนมากขึ้น คือแม่งดีไปหมด อีก 2 วันเข้าไปเคลียร์พวกงานเอกสารกับเข้าประชุม (ประชุมออนไลน์บางทีมันก็ไม่ค่อยได้ดั่งใจเท่าไหร่) กูว่านี่ควรเป็น new normal ได้แล้ว งานไหนจำเป็นต้องทำหน้างานก็ทำเหมือนเดิมไป แต่งานไหนที่ทำได้ควรทำมากๆ ลดรายจ่ายบริษัท ลดรายจ่ายพนักงาน ลดปัญหารถติดกทม. กูว่าดีโคตรๆ
ปกติกูเป็นพวกเสียเงินกับการออกไปโต๋เต๋กินข้าวกับกินเหล้านอกบ้านประจำ ช่วงนี้เลยประหยัดไปเยอะมาก
ค่าแอร์ทนร้อนเอาไม่ยอมเปิด (จริงๆคือไม่ได้ล้างแอร์มานานแล้วขี้เกียจเรียกเค้ามาล้างช่วงนี้ด้วย เลยไม่อยากเปิด)
ค่ากาชาก็ลดเพราะเล่นอยู่เกมเดียว แล้วมีของที่อยากได้เกือบหมดแล้ว ของใหม่ๆที่ออกมาช่วงหลังไม่ค่อยโดนใจ
เสียดายตรง store มันเพิ่มจะมาลดราคาของเพราะเงินบาทแข็งช่วงต้นเดือนนี่เอง
>>792 เออว่ะ ไม่ได้ล้างแอร์เลย แต่ก็เปิดแม่งทั้งวันเลย ค่าใช้จ่ายกูไม่ค่อยลดเท่าไหร่ว่ะ ไม่ได้เทียบกับปีที่แล้ว(ย้ายที่อยู่มามันเปลี่ยนหลายอย่าง)แต่เทียบกับเดือนที่แล้วก็คือพอๆ กันเลย ค่ารถกลายมาเป็นค่าไฟแทน กูต้องลดๆ การสั่งของกินมาละ พวกแกร๊ปแพนด้าทั้งหลาย ไปไปมามาแม่งมาเปลืองตรงนี้แหละ
กูเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน ค่าไฟขึ้น แต่เทียบกับคชจ.อย่างอื่นก็รายจ่ายลดไปเยอะอยู่ดี ปกติหลังเลิกงานกูชอบไปกินข้าวกับเพื่อน ส่วนส.อ.ก็ไปห้างกับครอบครัว สรุปออกบ้านแม่งเกือบทุกวัน ค่าน้ำมันรถปกติจ่ายอยู่ประมาณเดือนละ 5000-6000 เดือนนี้ทั้งเดือนยังไม่ได้เติมน้ำมันเลย ค่ากินหายไปเยอะมากๆๆ เพราะอดแดกปิ้งย่าง ซูชิ ซาชิมิ ฯลฯ ส่วนพวก delivery ไม่ค่อยได้สั่งอะ เพราะมันไม่อร่อยเหมือนตอนกินที่ร้านทำใหม่ๆ รสชาติดรอปไปเยอะ ช่วงนี้เลยทำกินเองไปก่อน
ทดลองงานครบ 3 เดือนเเล้ว...
นี่คือเดือนที่ 4
ไม่ได้บอกว่าจะรับเราเข้าทำงาน
เเต่ยังส่งงานมาให้ทำ
เราก็ไม่ได้ถาม
เงินเดือนเดือนนี้เข้าเเล้ว
เเละเงินเดือนยังเท่ากับช่วงทดลองงาน
เเต่เพิ่มมา ๑๕๐ บาท
อะไรวะนิ่?
เมื่อกี๊กำลังทำงานอยู่ ปิดเลย หมด'รมณ์มาก
เคยไปสัมภาษณ์งานที่หนึ่งเมื่อปีที่แล้ว เขารับด้วยนะแต่ต้องปฏิเสธไปเพราะได้ที่อื่นแล้วและที่นี่ตอบกลับมาช้าด้วย ปีนี้ตกงานเลยไปให้บ.จัดหางานช่วยหางานให้ และบ.หางานก็เขาก็เสนองานของบ.นี้มา เป็นบ.ที่กูเคยปฏิเสธไปเมื่อปีที่แล้วนั่นล่ะ คำถามคือบ.นี้เขาจะยังรับกูมั้ยวะ ไม่ใช่เห็นชื่อกูเลยเก็บเข้าแบล็คลิสต์ไม่รับเข้าทำงานไปแล้วนะ 555555555
อยากรู้ว่างานสาย marketing นี่ควรเรียกเงินเดือนประมาณเท่าไหร่ดีอะ แบบกำลังจะย้ายสายงาน
ตอนจบตรีจบสายเกษตรมา ไปอยู่ในฟาร์มในบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง 2 ปี ไม่ชอบ เลยต่อโทบริหาร ทีนี้อยากเปลี่ยนไปสาย marketing
ทีนี้มีเพื่อนที่เรียนโทด้วยกันชวนไปทำบริษัทมัน แบบมันกำลังหาคนพอดี (แต่คนละแผนกกับมันนะ มันเลยไม่รู้ฐานเงินเดือน ป.โท เหมือนกัน) ตำแหน่ง assistant marketing manager น่าจะแนวๆดู product ของแบรนด์ ที่จะเอามาทำตลาดในประเทศไทยอะ กูควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ดีวะ ที่เก่า 20k นิดๆ แต่อันนี้คือกูจะเปลี่ยนสายงาน ประสบการณ์จากที่เก่าไม่รู้เขาจะนับเปล่า
toeic ประมาณ 800+-
>>806 ตำแหน่งมันเป็นแค่หัวโขนอ่ะ เงินเดือนขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนของบริษัทนั้น ๆ ถ้าเพื่อนมึงบอกเรนจ์ให้ได้ (เรนจ์ตำแหน่งพวก asst manager อ่ะ) ก็จะช่วยให้การเรียกเงินเดือนเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น กูเคยทำ associate marketing ที่นึงมาสตาร์ทที่ 20K อันนี้โคตรจูเนียร์เลยนะ ตอนเป็นมิดได้อยู่ที่ 30K อันนี้น่าจะประมาณ 40-50K อ่ะ แต่ขึ้นอยู่กับบริษัทแล้วก็ประสบการณ์ของมึงด้วย ถ้าบริษัทข้ามชาติให้เยอะมาก แต่ถ้ามึงไม่มีประสบการณ์แต่จบตรงสายมาอาจจะโดยต่อรองเงินอยู่
แต่ให้แนะนำคือลองถามเรนจ์เงินเดือนจากเพื่อนมึงก่อน ไม่ต้องแผนกเดียวกันก็ได้แค่ให้พอรู้เรนจ์เงินคร่าว ๆ ที่บริษัทนี้จ่ายไหวก่อน
>>807 อันนี้กูว่าเยอะไปหน่อยเพราะกูไม่มีประสบการณ์ตรงสาย
>>808 แผนกเพื่อนกูมันมีแต่สาย tech เฉพาะทางไปเลย กูเลยไม่รู้จะเทียบยังไง manager น่าจะได้ซัก 80k แต่เทียบยากอีก เพราะที่กูจะเข้านี้มันเป็น marketing แล้วก็เหมือนเป็นแค่ assist กูว่ามันก็อาจจะไม่ได้เยอะเท่าสายเทคนิคด้วย แต่ก็ว่าจะลองขอซัก 40k ดู เผื่อต่อรองด้วย
>>806 เปลี่ยนสายงาน ปกติก็ได้ค่าประสบการณ์นิดหน่อยแต่ไม่ได้เต็มเท่าคนที่มาจากสายตรง ว่าแต่เปลี่ยนสายงานเป็น asst mgr ได้เลยเหรอวะเนี่ย กูเปลี่ยนสายงานตอน 28 กูต้องไปนับหนึ่งที่สตาฟใหม่เลย แต่เงินเดือนโอเคเพราะได้ค่า N1 กับ TOEIC เลยไม่ซีเรียสกับตำแหน่ง แค่เค้าให้โอกาสก็ขอบคุณมากแล้ว ตำแหน่งต่ำดีตรงไม่กดดันดีด้วย ส่วนเรื่องฐานเงินเดือนก็แบบที่อีกโม่งบอก สภาพบริษัทสำคัญกว่าชื่อตำแหน่งเยอะ สตาฟสายงานเดียวกันกูยังเจอมาแล้วตั้งแต่ 15k-70k (อาจจะมีคนได้มากกว่านี้ก็ได้ แต่เอาเท่าที่กูรู้ละกัน) บ.ที่มีกำลังจ่ายสูงอยากได้คนสเปคเทพเค้าก็เปย์ไม่อั้น บ.ที่กำลังจ่ายต่ำและไม่ได้ต้องการ requirement อะไรมากมาย เค้าก็จ่ายน้อย เอาแค่พอทำงานได้ ไม่ได้ต้องการคน outstanding
กูเข้าใจแล้วว่ามีหัวหน้าห่วยๆ นี่มันเป็นยังไง เมื่อก่อนกูคิดว่าอยากจะลาออกให้มันจบๆ ไป แต่ตอนนี้คิดว่าถ้าหัวหน้าโดนไล่ออกไปมันน่าจะจบเรื่องแถมช่วยชีวิตอีกหลายคนได้ง่ายกว่าเยอะ
ยอดประกันสังคม คือ
เราจ่าย150 ได้คืน 600
ส่วน บ.จ่ายแค่ 600 ใช่ปะ
กูทำงาน7วัน สงสารแฟนกูว่ะ จะได้แต่งไหมวะ กลัวเขาทิ้งกูจัง 30กว่าๆทั้งคู่แล้วด้วย เขาเป็นหมอ แต่กลายเป็นว่า กูงานยุ่งกว่าหมอ เชื่อกูไหมตอนนี้กูเพิ่งเลิกงาน(เอาเอกสารมาเคลียที่บ้าน) แล้ว8โมงเช้ามีประชุมอีก นอนละนะเพื่อนโม่ง ดีนะแดกทั้งโสม แดกทั้งถั่งเช่า โด๊ปสารพัดยา ไม่งั้นกูคงตายไปแล้ว
มีหนี้ก็สู้กันไปนะเพื่อน
กูถามพวกมึงหน่อย พวกมึงทนนาย ปสด เห็นตัวเองเป็นสูญกลางจักรวาลกันได้นานแค่ไหนกันวะ กูอยู่มาได้แค่ 6 เดือน อยู่ต่อไม่ไหวขอลาออกไปเรียบร้อยละ (ตำแหน่งกูมันใกล้ชิดกับนายมากเจอ ปสดทุกวันจนกูทนไม่ได้จริงๆว่ะ)
>>819 ใช่แล้ว
>>820 ทำงานเป็นผู้สอบบัญชี มี CPA แล้ว ทำที่บริษัท Big4 แห่งหนึ่ง กะว่า ซัก 37-38(ตอนนี้อายุ32 ทำงานหนักแบบนี้ มาตั้งแต่23แล้ว) ตั้งใจจะลาออกไปทำสายการเงินบริษัทอื่น แล้วจะรับจ๊อบเสริมเซ็นงบเองไปด้วย อีกประเด็นคือ อยากสอบ CFA ให้ผ่านอีก 2เลเวลก่อน ตอนนี้ได้แค่เลเวลแรกอยู่
ทุกวันนี้ ทนเพราะ เงินมันดีล้วนๆ แล้วบริษัทก็สวัสดิการดี ร่างกายก็ห่วงนะ ได้แต่บอกตัวเองว่า ทนอีกหน่อย พยายามกินของดีๆ ยาดีๆอยู่ตลอด
มาเเชร์ประสบการณ์เมางานกันเถอะ
งานเผากับงานคุณภาพ คุณจะเลือกอะไร
ส่งเร็วงานเผา ส่งช้างานคุณภาพ
งานตามมาตรฐาน ส่งทันตามเวลา
เป็นนายจ้าง เอาส่งทันตามกำหนดที่สั่ง
งานที่ได้ จะเผาหรือคุณภาพ ให้เป็นเรื่องของการประเมินเงินเดือน โบนัส และอาจรวมถึงการต่อสัญญา
ถ้าไม่มีกำหนดเวลาอะ
มึงเคยคิดกันไหมว่าความรู้ที่เรียนสมัยมหาลัยแทบไม่ได้เอามาใช้งานจริงได้เลย
ตกงานยื่นประกันสังคมไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว เดือนนี้เงินยังไม่เข้าเลยว่ะ โทรไปสอบถามที่ไหนได้บ้างวะ ไอ้สายด่วนกรมการจัดหางานหรือเบอร์โทรประกันสังคม กูโทรทีไรไม่เคยว่างเลย
กูเกลียด WFH ที่แม่งคิดว่ากูจะต้องพร้อมทำงานตลอดเวลาแม้จะเป็นวันหยุดว่ะ ล่าสุดตอนเย็นบอกว่าให้ทำงานไว้โพสลงเว็บวันวิสาขด้วย เหี้ยเอ๊ยยยยยย นี่วันหยุดนะโว้ยยยยย
จบมาแทบไม่ได้ใช้ความรู้สมัยมหาลัยเลย เหมือนงานมันใช้ common sense และสกิลการบริหารจัดการมากกว่าอ่ะ พวก hard skill ไปเรียนหน้างานเอา
ปกติเวลาสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ เตรียมตัวกันมั้ยอะ นี่พูดได้แต่ยังแกรมม่าร์ไม่เป๊ะ กลัวเตรียมไปแล้วจะไม่ธรรมชาติ
กูจะบ้าตาย ไม่ไหวแล้ว คือคนทำงานชุ่ยแบบชุ่นชิบหายขนาดนี้มันมีตัวตนอยู๋ในโลกได้ไงวะ หรือกูควรบอกให้มันไปเช็คสมองอ่ะ บอกอะไรไปไม่เคยฟังเลย ต้องให้กูยืนดูแม่งทำงานเหรอถึงจะได้อย่างที่สั่งอ่ะ รู้งี้แม่งกุน่าจะเอางานให้คนอื่นแต่ต้น แม่ง
เป็นเหี้ยไรนักหนาวะ
วางตัวยังไงดีวะ ถ้าเราแก่ กว่าผู้จัดการ และแก่กว่าคนในทีม ต้องเรียกผู้จัดการว่าอะไรวะ คือ กูกำลังจะได้เข้าไปทำงาน ในบริษัท big4 กูเปลี่ยนสายงาน จากวิศวะ เพราะกูเบื่องานนี้ เลยไปบัญชี ราม เพิ่งจบปีนี้ แล้วกูก็ อายุ 34 แล้ว เข้าไป คงเป็นแค่ จูเนียร์กับพวกเด็ก 22 23 แล้วผู้จัดการเหมือนจะเพิ่ง 28 เอง เด็กกว่ากู6 ปี กูควรเรียก หรือ วางตัวยังไงดีวะ ทั้งกับผู้จัดการ และ เด็กในทีม กูควรแทนตัวเองว่าอะไรดี แล้วเรียกเขาว่ายังไง อส เอ้ย กดดันกว่างานวิศวะที่กูเคยทำอีก
อยากทำงานสายภาษี big4 รับคนยากไหม
ลืมถามไป มึงเป็นผู้ชายสินะ สินะ
ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงต้องแทนตัวเองว่าพี่แหละ แม่งไม่มีทางเลือก
ออกจากงานประจำมานาน ปีที่ห้าแล้ว หลังจากทำมาสิบกว่าปี ออกมาเป็นฟรีแล้น
แต่กูฝันบ่อยๆว่ากลับไปทำงานที่บริษัทเดิม กลับไปออฟฟิศ มันมีอะไรติดในใจกูป่าววะ
พวกคุณใครมีเพื่อนร่วมงานที่มีอะไรกันกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นมั่งปะ งงมั้ย อย่างผมมีเพื่อนร่วมงานเป็นรุ่นพี่คนนึงที่มีอะไรกันกับรุ่นน้องอีกคนนึงแบบเนี้ย ตอนรู้เรื่องนี้มันมีความรู้สึกแปลกๆว่ะ ตอนนี้ยังwfhกันอยู่ คิดอยู่เนี่ยตอนเปิดออฟเวลามองหน้าทั้งคู่ความรู้สึกผมต่อทั้งคู่น่าจะไม่เหมือนเดิมรึเปล่าไม่รู้
มีเพื่อนโม่งคนไหนทำงานที่การีน่าบ้างมั้ย น่าสมัครงานมั้ยครับ
ตำแหน่ง อายุ และ เงินเดือนเท่าไหร่ กันบ้างวะเพื่อนโม่ง
อายุ 32 เงินเดือน 8000 ก่อนโควิด หลังโควิด 0 บาท ขอ 5000 ไม่ได้ ไม่เคยปลูกอะไรแต่เสือกเป็นเกษตรกร
ตอนนี้กำลังหาต้นไม้ดี ๆ กับเชือกเหนียวๆ สักอัน
ขอคำแนะนำหน่อย พึ่งทำงานที่แรก ตอนนี้เวิคฟอมโฮม ลาออกควรแจ้งยังไงอะ ไม่ได้เข้าออฟฟิตเลย
ตอนแรกจะออกตั้งแต่ก่อนโควิดระบาดหนักๆ แต่ทนทำไปก่อน ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้วอะ
พนักงานราชการไม่ได้สวัสดิการรักษาพยาบาลเหมือนคนที่บรรจุใช่มั้ย
ถ้ารู้จัก HR เป็นการส่วนตัว จะทำให้เรามีโอกาสถูก HR เลือกไหมวะ ตอนนี้กูวางแผนจีบ HR บริษัทนึงอยู่ เพื่อประโยชน์ของตัวกูในอนาคต แก่กว่ากูตั้ง 8 ปี
กูว่ามันเอาฮา มันจะจีบพี่เขาละพอดีไปรู้ว่าพี่เขาเป็น HR เลยมโนว่าจะมีโอกาสได้เข้าทำงาน บ.เขา เหมือนจีบแม่ค้าละได้กินหนมฟรีขำๆ
ทักไลน์มาที ใจกูก็หล่นไปอยู่ตาตุ่ม
พวกเจ้านายที่มีอายุ เวลาเห็นเด็กขอเงินเดือนเยอะ ๆ คิดยังไงกัน
ไม่ต้องมีอายุก็ได้ แค่แก่กว่าก็พอ
>>887 ถ้าโปรไฟล์สมราคาก็ไม่รู้สึกอะไร ก็คิดว่าเออ เด็กมันเก่ง แต่ถ้าเรียกเกินตัวก็คิดว่าเด็กมันก็ต้องเรียนรู้ต่อไป ไม่ใช่แค่เด็กหรอก ผู้ใหญ่บางคนก็ไม่รู้ราคาตลาดถ้าไม่ได้อยู่ในวงการ กูได้ญี่ปุ่น+อังกฤษ ปกติสมัครแต่บ.ญี่ปุ่นก็จะรู้ range เงินเดือนอยู่แล้วว่าระดับตัวเองจะได้ประมาณเท่าไหร่ มีหนนึงเคยไปลองสมัครบ.ไทยที่รับตำแหน่งญี่ปุ่น กูเรียกไปถือว่าค่อนข้างต่ำด้วยซ้ำ ปรากฏว่า HR มันขำกูว่ะ บอกว่าเรียกมาได้ไงขนาดนี้ กูก็ขำๆ กลับบอกแล้วแต่ละกัน รู้สึกผ่านไปชาติกว่าก็ยังประกาศรับสมัครอยู่ คิดว่าป่านนี้ HR คนนั้นคงพอรู้ราคาตลาดของตำแหน่งนี้แล้วล่ะนะถ้ามีคนไปสมัครเยอะๆ
ไม่น่าจะถูกมู้รบกวนขอถามนะ ถ้าค้างจ่ายบัตรเครดิตและโดนระงับบัตร มีคนโอนเงินมาให้ ยอดเงินนั้นจะเข้าบัตรมั้ย
>>891 โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ที่ผูกกับบัตรเครดิตนั้น? ตั้งให้ตัดเงินอัตโนมัติไว้? ปกติถ้าตั้งตัดเงินมันจะมีรอบตัดของมันอยู่นะ ไม่ใช่แบบมีเงินปุ๊บหักจ่ายบัตรเครดิตเลย แต่ถ้าค้างจ่ายนาน ธ.มีสิทธิฟ้องอายัดเงินมึงได้ แบบเงินเดือนเข้าปุ๊ปหักเลย แต่เดาว่ามึงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง
>>892 ขอบคุณนะ นี่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแบบนี้อะไม่เคยใช้บัตรเครดิต เป็นเรื่องของพ่อ พ่อลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5000 ไปแต่ใส่เลขบัญชีออมทรัพย์และบัญชีนั้นเพิ่งมาโดนระงับเพราะค้างชำระบัตรเครดิต แต่ล่าสุดพ่อไปปรับสมุดบัญชีมามียอดเข้า 10000 ทั้งนี้ไม่มีการแจ้งเตือนทางอีเมลหรือ sms ว่าโอนสำเร็จแล้ว สถานะในเว็บ เราไม่ทิ้งกันยังรอการทบทวนสิทธิ์ ยังไม่อนุญาตให้เปลี่ยนบัญชีธนาคาร เลยงงว่าบัญชีโดนระงับ เงินมันเข้าได้ด้วยหรอ
>>890 ถูกต้อง แต่ถึงจะแตกต่างกันยังไงมันก็มี range คร่าวๆ ของมันอยู่
ซึ่งจะได้ในช่วงไหนของ range ก็ขึ้นกับสภาพบริษัท / requirement ปลีกย่อย / ฯลฯ อีกทีอย่างที่มึงเข้าใจ
แต่ถ้าเรียกสูงกว่า range ของเลเวลตัวเองไปมากๆ ก็อาจจะโดนคนคิดว่าไปเอาความมั่นใจ(ผิดๆ)มาจากไหน
>>893 รู้แค่ว่าถ้าบัตรเครดิตกับบัญชีออมทรัพย์เป็นธนาคารเดียวกัน แล้วไม่จ่ายหนี้บัตรเครดิต ทางธนาคารมีสิทธิ์หักเงินจากบัญชีออมทรัพย์ได้เลย ตามกฎหมายว่าด้วยการหักลบกลบหนี้ ซึ่งมีระบุไว้แล้วในเอกสารสมัครบัตรเครดิตที่เซ็นไป แต่ผู้สมัครจะได้อ่านหรือไม่นั้นอีกเรื่อง
ขอปรึกษาหน่อยสิเพื่อนโม่ง กูกำลังคิดว่านิสัยกูไปไม่ได้กับงานที่อยากทำรึเปล่า คือกูอยากทำด้านมาร์เก็ตติ้ง แต่หลายๆครั้งเค้าบอกว่ากูไม่เหมาะเพราะกูดูขี้อาย พูดไม่เก่ง อันที่จริงคือกูเป็นตอนสัมภาษณ์เพราะกูแบบไม่ค่อยมั่นใจอ่ะ ประกอบกับเกร็งๆ+เครียดกลัวไม่ผ่าน กูควรทำไงดีวะ
>>899 งาน marketing มีหลายแบบ แต่ในความคิดกูไม่ว่างานอะไรก็ตาม คนที่ดูมีความมั่นใจ พูดจาฉะฉาน ไม่ขี้อาย ยังไงก็ได้เปรียบกว่า ความจริงการสัมภาษณ์งานกูว่ามันชิลล์กว่าเวลาต้องพรีเซนต์ใหญ่ๆ เยอะเลยนะ ถ้าแค่นี้ยังเกร็งน่าจะลำบาก น่าจะฝึกฝนให้ตัวเองมีความมั่นใจกว่านี้
พูดถึงเรื่องขี้อายพูดไม่เก่ง ในฐานะเด็กมหาลัยที่กำลังจะจบ ขอถามพี่ๆ โม่งว่าจะมีผลต่อการทำงานมากหรือเปล่าคะ
ตอนนี้เรียนวิศวะคอม รู้สึกว่าตัวเองไม่พร้อมสำหรับสังคมการทำงานจริงๆ พยายามพัฒนาตัวเองเรื่องการเข้ากับคนอื่นจริงจังมา 3 ปีแล้วก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย รู้สึกว่าตัวเองมีปัญหากับการเข้าสังคมและการทำงานเป็นทีมมากๆ
โดยส่วนตัวคิดว่านี่เป็นสกิลสำคัญที่เรายังขาดอยู่ตอนนี้ ผู้ใหญ่ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเราเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าพูดสิ่งที่ตัวเองคิด
มีวิธีแก้ปัญหาตรงนี้ไหมคะ พอจะมีแนวทางไหมว่าควรพัฒนาด้านนี้ยังไงบ้าง
>>905 ไม่ถึงขึ้นหางานไม่ได้หรือทำงานไม่ได้หรอกนะ ก็ทำได้แหละ แต่อาจมีข้อจำกัดทำให้เสียโอกาสในบางงานไป หรืออดไปได้ไกลเท่าที่ควรจะเป็น ทำงานเป็นทีมก็อาจจะโดนเอาเปรียบ เดี๋ยวมาทำงานจริงก็คงได้ค่อยๆ เรียนรู้ไปเอง ประสบการณ์จะทำให้เราเปลี่ยนไป ทำให้เราต้องปรับตัว เรียนรู้เพื่อ survive นี่นับจากวันที่จบใหม่จนถึงวันนี้รู้สึกตัวเองนิสัยเปลี่ยนไปเยอะ
>>899 กูทำงาน marketing แล้วกูขี้อาย ไม่ชอบคุยกับคน แต่เหมือนที่ >>903 บอก งาน marketing มีหลายแบบ แบบที่ไม่ค่อยต้องพูดจากับใครก็มีอย่าง social media marketing ซื้อ programmatic ads อันนี้ก็อาศัยความรู้เฉพาะทาง แต่ไม่ต้องจิ๊จ๊ะมาก
จับมือนะมึงกู self-esteem ต่ำเหมือนกัน พยายามจะเพิ่มตรงนี้อยู่เหมือนกัน มาพยายามไปด้วยกันนะ
>>906 >>908 ขอบคุณพวกมึงมากๆนะ รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง ฮึบๆ คือกูอ่ะสนใจแบบพวกเขียน content หรือลงโฆษณาอะไรพวกนี้แหละ จะว่าไป social media ก็น่าเข้าข่ายอยู่ ส่วน self esteem นี่กูไปคิดมาแล้วกูว่าจะลองไปหาหมอดูง่ะ
>>909 กู 899 นะ เพื่อนกูก็จบไม่ตรงสาย แต่ก็เข้าไปทำสายนี่ได้เพราะเคยมี ปสก ฝึกงาน กูเองก็มีบ้างที่เรียกไปสัม แต่ก็น้อยเพราะสุดท้ายมันก็มีคนที่ดีกว่ากูอยู่ดี แต่กูคิดว่าถ้าเค้าถามคำถามมึงเกี่ยวกับสิ่งที่มึงสมัคร แล้วมึงตอบได้ นั่นก็โอเคส่วนนึงแล้ว
งานที่ท้าทายมีโอกาสทำเร็จไหม
ส่วนใหญ่เห็นล้มเหลวตลอด คนทำหนี ปฏิเสธงานกันหมด ไม่มีใครอยากทำ
ตกงานเพราะโควิดว่ะเพื่อนโม่งกอดกุทีย์ ;___;
เงืนเดือน 1400 ค่าห้องรวมทุกอย่าง 6500 มีข้าวเช้า เกินตัวไปไหม?
คือจะแดกแต่ข่าวเช้าจริงเดะ ค่าห้องก็ล่อไปละ 40% ของเงินเดือน
ช่วงนี้ headhunter บน LinkedIn แอคทีฟกันใหญ่เลย ใครรองานอยู่อย่าเพิ่งหมดหวังนะ สู้ๆ กันหน่อย
เบื่อจังเลย ทำไงถึงจะหายเบื่อได้ งานประจำทำซ้ำซาก ตอนนี้กูหมดไฟมากๆ ทำไงดีวะขอคำแนะนำหน่อย
https://skift.com/2020/05/18/bookings-agoda-cuts-1500-workers-in-asia/
เริ่มงานเดือนหน้า จะรอดไหม
อยากลองทำงานรูทีนมั่งว่ะ กี่ชั่วโมงต่อวันเหรอ ปัญหาในงานมีอะไรบ้าง
กูเป็น outsource ทำงานให้บริษัทใหญ่แห่งนึง แล้วทีนี้ลูกค้าเค้าบอกกูว่าบริษัทกูหักค่าหัวคิวเยอะ
เค้าเลยเสนอว่าอยากเปลี่ยนหัวมั้ย แล้วเค้าก็หามาให้ที่นึง ซึ่งจะได้เงินเดือนเพิ่ม 5000 แต่ต้องซื้อคอมมาทำงานเอง
ซึ่งกูก็คิดว่ายอมซื้อใหม่ก็ได้ เพราะคอมบริษัทมันห่วยมาก ถือว่าเพื่อคุณภาพชีวิตเพราะของใช้ทำงานทุกวัน
เท่าที่ลองเอาชื่อบริษัทมา search ไม่เจอข้อมูลเลย เดาว่าน่าจะบริษัทเล็กๆ
แต่กูก็ไม่ติดอะไรนะตราบเท่าที่เค้าจ่ายเงินเดือน เพราะไม่ได้ทำงานด้วยกันโดยตรงอยู่แล้ว
กลายเป็นตอนนี้เริ่มรู้สึกกลัวๆแล้วว่าควรย้ายดีมั้ยวะ กลัวย้ายไปแล้วมีปัญหา ยิ่งช่วงนี้หางานใหม่ยากด้วย
ถ้า บ มั่นคงก็น่าย้ายนะ
ตอนนี้เจอปัญหาพี่ที่ทำงานออกไปแล้ว แต่ยังไม่ปล่อยมือจากงาน หน้าที่ของนางแต่เดิมคือเป็นฝ่ายติดต่อประสานงานกับ outsource ซึ่งตอนนางจะออกก็พากูเข้าไปแนะนำแหละว่ากูจะเป็นคนมาดูตรงจุดนี้ต่อ หัวหน้ารับรู้ทุกคนรับทราบ
แต่พอถึงช่วงที่จะนัดติดต่อส่งงานกัน นางชิงตัดหน้ากูเข้ามาถามคนในกลุ่มไลน์ กูนี่แบบ wtf ทำงี้เลยหรอวะ กูงี้เฟลมาก คือมึงไม่อยากทิ้งงานนี้ใช่มะ ถึงมาทำตัวเป็นไม้กันหมาแบบนี้
เจอแบบนี้หัวหน้าก็เริ่มมองว่ากูไร้ความสามารถ ไม่แอคทีฟ กูควรทำไงดีวะ
>>949 ขนาดกูอ่านที่มึงพิมพ์แค่นี้กูยังมองว่ามึงไร้ความสามารถและไม่แอคทีฟเลย ทั้งที่ปกติเวลาฟังใครเล่าอะไร คนที่เป็นฝ่ายเล่าจะดูดีที่สุด ถ้าถามว่าควรทำไงก็ควรเลิกคิดว่าใครจะปล่อยมือไม่ปล่อยมือ หน้าที่มึงมีอะไรให้รีบทำ วาง schedule แล้วรายงานให้เรียบร้อย จะได้ไม่มานั่งบ่นว่าใครตัดหน้า
ลองโพสหางานในกลุ่มเฟสบุ้คเจอพวก fingo ห่าเหวอะไรทักกันมาเกือบร้อยคน ที่เหลือก็มีแต่ขายตรงหาดาวไลน์ ทำไมมันเหี้ยยังงี้วะ555
มึง กูเป็นคนที่ห่วยมากในเรื่องงาน คือถ้ากูมาประสานงานหรือต้อง manage งานให้ใครกูเหลวเป้วมาก กูชอบรับผิดชอบงานของตัวเองพอ แบบยังไงดีล่ะ กูเป็นพวกอินโทรเวิร์ตแบบสุดๆ แล้วกูได้งานใหม่ที่กูเจอเด็กจบใหม่ที่ทำงานคล่องมากแบบเป็นที่พึ่งให้กับคนในทีมได้ และเจอคนที่อายุเท่ากันที่เหมือนเป็นรองหัวหน้าของทีม กูนี่แบบ ถถถถถถถ กูรู้นะว่างานที่กูทำอยู่ไม่ใช่แนวกู (กูเลือกเพราะสัญญาจ้างระยะสั้น เงินเยอะ บวกกับจะอดตายเพราะโควิด) แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้กูรู้สึกเฟลไง มันเพราะความไม่คล่องงาน ไม่มีปฏิสัมพันธ์ด้วยที่รวมๆแล้วทำให้กูไม่เป็นมืออาชีพเลย จบงานนี้ กูอยากไปทำงานที่กูชอบละแม้เงินจะน้อยกว่า กูไม่อยากรู้สึกเสียดายเวลาและเสียความมั่นใจแบบนี้แล้ว
>>947 จริงๆกูเดาเองว่าเพราะโควิดนี่แหละ ลูกค้าถึงยื่นข้อเสนอนี้ให้ เค้าน่าจะต้องจ่ายให้เจ้านี้น้อยลง
แต่กูได้เงินเพิ่มเพราะเค้าคิดส่วนต่างน้อยลงมากด้วย
แล้วกูก็ไม่ค่อยกล้าปฏิเสธลูกค้า เพราะกลัวว่าเค้าจะมองว่าค่าตัวกูแพงไปไม่คุ้มสำหรับช่วงต้องประหยัดเลยไม่จ้างต่อ
ถ้าย้ายไปแล้วมีปัญหาก็ซวยอีกเหมือนกัน ถึงลูกค้าเค้าจะดูเต็มใจช่วยกู แต่ด้วยระบบขององค์กรแล้วกลัวว่าปัญหาขึ้นมาจริงๆมันจะแก้ได้ช้าน่ะ
>>948 เรื่องความมั่นคงกูว่าอยู่กับลูกค้าล้วนๆเลยน่ะ บริษัทพวกนี้เค้าเป็นแค่คนกลาง
หัวหน้าพยายามยื่นข้อเสนอทุน บ เรียนโทให้ แต่กลัวทำงานไปเรียนไปไม่ไหว ใครเคยทำงานไปเรียนโทไปบ้าง
กูพึ่งโดนเลย์ออฟมา เพราะโควิท ไปต่อไม่ถูกเลยแม่งเอ๊ย
มีใครเคยไปทำงานไม่กี่วันละลาออกบ้าง
นี่เคยทำวันที่ 3 แล้วแจ้งขอออก (ได้กลับบ้านทันที) แต่มีที่นึงเข้ามาวีคเดียว แจ้งออกแล้วต้องรอ affective อีก 2 เดือน
แล้วอยากออกแต่ไม่ได้ออกมีมั้ย
หน่วยธุรกิจ มันคนละอย่างกับคำว่า ผู้ประกอบการ ในทางเศรษฐศาสตร์หรอครับ?
งงมากเลยครับ สับสนกับคำว่าหน่วยธุรกิจ ชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นหน่วยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ แต่กลับไม่ได้หมายถึงผู้ประกอบการ เพราะผู้ประกอบการจัดอยู่ในหน่วยครัวเรือนซะอย่างงั้น แล้วอย่างงี้หน่วยธุรกิจมันแตกต่างกับคำว่าผู้ประกอบการอย่างไรครับ
ส่วนมากบ.ญี่ปุ่นในไทยไม่อนุญาตให้ทำสีผมแรงๆ รึปะ? หรือว่าไม่ใช่แค่บ.ญี่ปุ่น
>>980 ใช่ปะ รู้สึกเหมือนกันว่าบ.ญี่ปุ่นจะแนวหัวดำสูทดำกันหมด พอดีไปอ่านในคู่มือกฎบริษัทดูแล้วไม่มีระบุเรื่องผมเอาไว้เลย แต่เรื่องเสื้อผ้ารองเท้ามีกฎนะ ซึ่งก็เรียกได้ว่ากฎค่อนข้างเคร่งมากๆ เท่าที่ดูพวกรุ่นพี่ในที่ทำงานก็ทำสีผมอ่อนสุดคือน้ำตาลสว่างแค่นั้น งั้นเราก็เอาประมาณนี้ละกัน เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
ทำไมห้องน้ำมันเป็นเซฟโซนของที่ทำงานจังวะ
กูมีปัญหามาก wfh แล้วโฟกัสไม่ได้ งานไม่เดินเลยวะ
ถ้างานที่อยากทำเรทรายได้ต่ำนี่ควรทำมั้ย มีแพชชัน ไม่อยากทำสายที่เรียนจบมาแล้ว
สภาพเริ่มย่ำแย่จนคิดว่าสุขภาพจิตสำคัญกว่าเงินแล้ว
เป็นมึงจะทำไงถ้าลูกค้าให้โจทย์มาแบบเน้นฟังก์ชั่นเป็นหลัก ความงามเป็นรอง มึงเลยออกแบบที่ฟังก์ชั่นเน้นๆแล้วค่อยใช้ความงามต่อ ทุกๆการจัดวางล้วนมีเหตุผล แต่ลูกค้าก็บอกมึงว่า นี่มันไม่ใช่ ไม่สวย แล้วก็เข้ามาจัดเองใหม่หมดเลยในแบบที่มึงเห็นแล้วมึงก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างแม่งมั่วไปหมดไม่เห็นแม่งจะตามฟังก์ชั่นตรงไหน แต่ลูกค้าบอกนี่แหละดี ซึ่งทั้งหมดที่กุเล่ามาคืองานประจำเลี่ยงไม่ได้และมึงจะต้องทำงานนี้อีกหลายปีแน่นอน
คำถามคือ ลาออกไปเลยดีมั้ยวะ
>>984 วันก่อนฟังสัมภาษณ์ เคน The Standard ที่ลาออกมารับเงินเดือนต่ำเพื่อทำงานที่ชอบ (จิ๊กโก๋การเงิน ep ไรซักอย่างในยูทูป) ประเด็นที่อยากฝากไว้ก็คือ ก่อนจะออกเก็บเงินสำรองฉุกเฉินเอาไว้ให้มาก ตั้งเวลาเลยว่าจะลองไปทำสิ่งที่ชอบนานแค่ไหนเพื่อพิสูจน์ว่ามันเหมาะกับเรามั้ย เก็บเงินฉุกเฉินไว้ใช้ชีวิตได้แบบไม่ลำบากซักปีนึง ก็ออกมาทำได้นะ (จริงๆ กูเคยบอกกับตัวเองไว้ว่าเก็บฉุกเฉินซัก 6 เดือน แต่สถานการณ์ตอนนี้มันคาดเดาอะไรไม่ได้ ซักปีนึงพอได้อุ่นใจ)
ทุกวันนี้กูเชื่อในเงินนะ กูไม่ได้อยากจะรวยมหาศาลเป็นเศรษฐีอะไร แต่เงินทำให้ชีวิตมีตัวเลือกขึ้นมากจริงๆ อย่างได้เลือกทำงานที่ชอบโดยไม่มีปัญหาการเงิน ครอบครัวไม่ขัดสนนี่แม่งก็มีความสุขแล้วนะ ทุกวันนี้ก็เลยศึกษาเรื่องการเงินใหญ่เลย เริ่มเชื่อแล้วว่าอิสรภาพทางการเงินเราสร้างได้จริงๆ (แต่ใช้เวลาหน่อยนะ)
มีคนถามในมู้ใหม่แล้ว ปิดมู้นี้ให้ละกัน
ปิดสิเมลอส
อยากเป็นนีทต่างโลก
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.