หัดไปเรื่อยๆก็ได้เองอ่ะ งานออฟฟิศ งานรูทีน พวกนี้ใช้ความอดทน ความเข้าใจงาน ประสบการณ์
ทำไป2-3ปี ยังไงเมิงก็เก่งกว่าคนฉลาดที่ไม่มีประสบการณ์/เพิ่งย้ายงานมา
Last posted
Total of 1000 posts
หัดไปเรื่อยๆก็ได้เองอ่ะ งานออฟฟิศ งานรูทีน พวกนี้ใช้ความอดทน ความเข้าใจงาน ประสบการณ์
ทำไป2-3ปี ยังไงเมิงก็เก่งกว่าคนฉลาดที่ไม่มีประสบการณ์/เพิ่งย้ายงานมา
มีคนโทรมานัดสัมภาษณ์งาน เอาชื่อบ.ไปgoogleดู ไม่มีข้อมูลไรเลย รู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ในพันทิปบอกบ.ขายตรง ไม่อยากไปสัมภาษณ์แล้วควรทำไงอะ ต้องโทรไปบอกไหม
>>496 ไม่ใช่อันนี้หรอ http://dnaagency.co.th/
>>497 ไม่งะ https://imgur.com/a/evBcHTj อันนี้น่าจะตรงกับที่เค้าบอกทางมามากกว่า
กูมาถามห้องนี้ไม่รู้ว่าถูกมั้ยนะ คือเรื่องของกูมีอยู่ว่า กูเป็นลูกจ้างชั่วคราวของมหาลัยแห่งหนึ่ง ทำงานมาได้ 1 ปี 3 เดือนแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรที่ทำงาน แล้วพี่ๆ ชอบบอกให้กูไปหาสอบที่อื่นที่เป็นพนักงานเงินรายได้ของมหาลัย แต่กูไม่ได้อยากไปขนาดนั้น กูไม่แน่ใจว่าเขาหวังดี อยากให้กูมีตำแหน่งงานมั่นคงขึ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม หรือที่เขาอยากให้กูไปสอบที่อื่นเพราะอยากให้กูไป ไม่ชอบกูรึเปล่า คือบางทีกูก็คิดมากอะ เลยอยากลองฟังความเห็นพวกมึง
>>500 >>501 ตามที่พวกมึงบอกมากูคงคิดมากไปเอง ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากหาความมั่นคงให้ตัวเองนะ แต่รู้สึกว่าที่เป็นอยู่มันคอมฟอร์ตโซนแล้วอะ กูชอบที่นี่ ชอบเพื่อนร่วมงาน เงินเดือนกูก็เท่ากับพนงเงินรายได้ของมหาลัยที่จะไปสอบนั่นแหละ ต่างกันแค่กูไม่มีสวัสดิการอะไร มีแค่ปกส โครงการที่กูทำอยู่ได้เงินดี คงเป็นที่กูกลัวการเปลี่ยนแปลงเองอะ แล้วพี่ๆเค้าก็คงหวังดีกับกูจริงๆ
จะบอกอะไรให้ รัฐเริ่มลดงบสำหรับลูกจ้างชั่วคราว ทั้งที่เป็นแรงงานหลักในการทำงานด้วยซ้ำ วันนี้ จับฉลากออก กันเป็นแถว
เงินรัฐ ไม่ได้มั่นคงขนาดทำงานชิว ๆ แล้ว กูอยู่ตำแหน่งที่ดีกว่านี้ กูยังรู้สึกเลยว่าสักวันต้องถึงคิวกู ต้องหาลู่ทางเสริมเหมือนกันวะ
ความมั่นคงยิ่งพึ่งพามันมากเวลามันทลายยิ่งเจ็บตัวมาก และสิ่งที่อันตรายที่สุดคือคอมฟอร์ตโซน เราไม่รู้ว่ามันจะหายไปเมื่อไหร่
เตรียมพร้อมเสมอ ทำงานให้เหมือนว่าพรุ่งนี้จะโดนไล่ออกได้ทุกเวลา
ช่วงนี้ทั้งรัฐทั้งเอกชนก็ไม่มีไรมั่นคงสินะ กุเส้าแพร้บ
เมิง กูคือ >>435
ไปเลยดีมั้ยวะ หรือลองเปิดใจคุยดี แต่คิดว่าถ้าคุยคงหักแน่ๆ
กูก็พยายามเซฟตัวเองตลอดนะ อันไหนเห็นแปลกๆก็ถามซ้ำ แต่ก็ยังผิดอยู่ดี ไฟล์ที่ให้มาผิด ทำจนเสร็จ(ก็บอกให้เช็คแล้วด้วย) ส่งให้แผนกอื่น/ลูกค้าแล้วแม่งค่อยมาบอกให้แก้ กูก็ไม่บ่นอะไร แก้ไปเรื่อยๆ บางทีก็เมลผิด ฟอร์มผิด
ตอนแรกกูว่าจะอยู่จนหมดสัญญาเพราะกูเข้ามาทางรีคู้ท กะว่าเซฟตัวเองดีๆพอเรียนงานครบ ทำงานคล่องก็ไม่มีปัญหาแล้ว แต่ตอนนี้กูระแวงทุกอย่างเลยว่ะ เลยเกิดความคิดอีกมุมว่ารีบๆออกจะได้ไม่กระทบหนักมาก ไม่รู้จะเจออะไรอีกด้วย
ในใจคือกูอยากคุยดูนะว่ากูรู้สึกไม่โอเค แต่ส่วนใหญ่มันเหมือนบังเอิญพลาดอ่ะแต่บังเอิญบ่อยมาก แล้วมันเป็นคนทำงานเนี้ยบ กูเลยงงว่าแม่งพลาดกันง่ายๆงี้เลยหรอวะ บางอันก็บอกว่าไม่เคยทำให้ลองเปิดของเก่าดู(แต่ไปดูชื่อคนทำไฟล์ก็มีมันทำอยู่คนเดียว) ช่วงที่ผ่านมากูหลอนจนไปนั่งไล่ดูไฟล์เก่าๆ บางอันแม่งก็ไม่เหมือนกับที่มันเอามาให้กู
จนตอนนี้กูระแวงมากจนรู้สึกว่ามันน่าจะไม่ชอบกู ไม่ก็ไม่อยากสอน หรือไม่ก็ปั่นให้กูทำพลาด (แต่ปกติก็คุยกันดี คุยดีกับทุกคน ย้อนแย้งทุกอย่าง) จนคิดว่าให้อยู่จนหมดสัญญาก็ไม่รู้จะเจออะไรอีก
บ้านอยู่แถวเมกะบางนา ได้งานที่ช่องนนทรี ไปทำงานวิธีไหนดี?
ป.ล.เรามีรถยนต์ แต่ที่ทำงานไม่มีที่จอดรถให้
ปรึกษาหน่อย กำลังหาเช่าคอนโด เพื่อนโม่งจะเลือกอะไรระหว่าง
1.คอนโดหมื่นนึง ใกล้หน่อยนั่งรถเมล์ 4 ป้ายถึงที่ทำงาน ค่าเดินทางประมาณห้าร้อยต่อเดือน
2.คอนโดแปดพัน ไกลหน่อยนั่งรถไฟฟ้า 13 สถานีไม่ต่ำกว่าครึ่งชม. ค่าเดินทางประมาณสองพันต่อเดือน
>>513 >>512 >>511 ขอบคุณมาก ใจกูก็เลือกที่แรกแต่เพื่อนบางคนก็เชียร์รถไฟฟ้ามากกว่ารถเมล์เลยมาลองแช็คหลายๆ ความเห็นดู
>>513 อพาร์ทเม้นท์มันคิดค่าไฟหน่วยละ 7 อ่ะ (คอนโดคิดตามจริงบิลการไฟฟ้าจะตกหน่วยละประมาณ 3 บาท)กุพวกใช้ไฟเปลืองด้วยแบบขี้ร้อน+ใช้คอมตลอด เดาว่าค่าไฟน่าจะประมาณสองพัน เทียบราคาแล้วคอนโดจะสะดวกสบายกว่าเครื่องไฟฟ้าครบพร้อม ในราคาประมาณหมื่นเงินเดือนกุโอเคอยู่
>>507 >>510 ใจอยากคุยนะ กูก็อึดอัดมาก แต่คิดแล้วไม่มีอะไรดีเลยว่ะ
ไปคุยกับหัวหน้า ถ้ามันรู้ก็กลายเป็นว่ากูเอาไปฟ้อง ต่อไปจะทำงานกันยังไง
คุยกับมันตรงๆ ถ้าไม่มันไม่ตั้งใจจริงๆหรือไม่ยอมรับสักอย่างก็กลายเป็นว่ากูปสดไปเอง
สำหรับตอนนี้กูคือต้องตั้งใจเรียนงานทั้งๆที่มันสอนผิดๆถูกๆบ้าง ไม่สอนบ้าง ให้พอคล่องไม่ต้องพึ่งมัน
อีกใจกูก็รู้สึกติดลบหลายๆเรื่องจนไม่อยากอยู่แล้วว่ะ ทั้งทนทั้งระแวง
เพื่อนโม่ง กูจะเก็บเงินเดือนละหมื่น ซื้อสลากออมสินดีสุดแล้วปะ
เพื่อนโม่ง กูปรึกษา คงไม่มีคนในคณะกูโผล่มาหรอกป้ะ ถ้ามาคือโป๊ะแตกอีสัส กูกำลังจะจบรัฐศาสตร์รามเกียรตินิยมอันดับ1แบบค่อนข้างชัวร์ แต่ทีนี้ก็ลังเลว่าควรหางานเลยดีหรือต่อตรีอีกใบที่จุฬา หรือต่อโทจุฬา/ตปท.ดี คือกูเรียนระบบพรีดีกรีที่ราม ปจบกูเลยอายุ18แต่ขกำลังจะจบรามแล้ว กูจบรามตอนกูอายุ19พอดีอะ(แบบได้ใบจบมาสมัครงานได้)ตอนนี้กูอยู่นิติจุฬา แต่ไม่ชอบและคิดจะซิ่วแน่ๆ ถ้าให้เรียนก็เรียนไม่ได้ ควรทำงานเลยดีไหม ด้วยวุฒิราม หรือทนเรียนซักคณะในจุฬา ซิ่วไป เรียนป.ตรีไปอีก4ปี(กูลังเลๆระหว่างอักษรกับจิตวิทยาอยู่) หรือทนนิติให้แม่งจบๆไป หรือต่อโทดี(แต่ต่อโทในประเทศเค้าก็ขั้นต่ำต้องมีประสบการณ์การทำงานปีนึงอะ)
>>520 เรื่องเรียนนอกก่อน กูเห็นเพื่อนกูพวกต่อนอกกลับมามีงานทำดีๆทั้งนั้น ถ้าบ้านส่งเสียได้ก็ไปซะเถอะ ลองทำงานอย่างน้อยสักปีก็ดีได้เปิดหูเปิดตา ชีวิตคนทำงานบ้าง
ส่วนเรื่องซิ่วนี่ตอนนี้รู้ตัวเองหรือยัง อยากทำงานอะไร นิติจบมาทำงานอะไรได้บาง และที่จะไปเรียนอักษรหรือจิตวิทยานี่ออกมาจะทำงานอะไร กูรู้พวกเด็กมหาลัยขี้เกียจคิดเรื่องพวกนี้ แต่ถ้ามึงคิดออกก่อนโอกาสมาเสียใจทีหลังก็น้อย
วุฒินิติมันหางานตรงสายยากนี่ เห็นเพื่อนที่เรียน เรียนจบก็ต้องไปฝึกงาน หางานตรงสายเลยไม่ได้ ต้องไปหานู่นนี่ทำฆ่าเวลา
แนะนำต่อโทว่ะ จะต่อนอกก็ไปเถอะ เมิงยังใช้ชีวิตมหาลัยไม่คุ้มเลย ไม่งั้นก็โทจุฬา
กูโม่ง 378 สรุปแล้วคือที่จะเอาออก5-7คนอ่ะ ทำไม่ได้เพราะหัวหน้ามันช่วยลูกน้อง ทั้งๆที่บางคนควรออกมาก บอกูเลยมีตัวเลือกอื่นคือลดสวัสดิการ ลดไปลดมาจนเงินเดือนกูเท่าเด็กจบใหม่ละอ่ะ เรียกว่ามาทำงานนี่แทบจะควักเนื้อเองแล้ว เริ่มลดเดือนหน้า แถมคาดว่าโบนัสน้อยกว่า1เดือน อาจได้0.5-0.75 มากสุดก็1 โชคดีเพื่อนทำอีกบริษัทนึงจะออกเลยมาชวน แต่อาจจะได้ประมาณธันวา-มกรา อยากถามว่าออกมาก่อนเลยแล้วรอสัมหรือทำงานไปจนกว่าจะถึงวันสัมดี ซึ่งถ้ายังทำอยู่สองเดือนนี้กูคงต้องยอมควักเนื้อเพื่อมาทำงานอ่ะ
>>521 เอาจริงป้ะ ยัง555555 คือในหัวไม่มีภาพตัวเองเรียนคณะอื่นนอกจากรัฐศาสตร์มาตั้งแต่มัธยม แต่เพราะจะจบรามแล้วนี่แหละ เลยรู้สึกว่าการเรียนปริญญาซ้ำวุฒิมันไม่เวิร์ก แต่พอจะไปคณะอื่นก็สนจิตวิทยากับอักษร เพราะคิดว่าอาจจจบมาทำhrได้ไรงี้ ถ้าเรียนอักษรกูคงเรียนเอาความชอบกูเลยอะ คงเรียนเอกปวศ นิติเอาจริงกูไม่น่าเรียนไหว แบบมันไม่ใช่แนวกูเลย แต่ถ้าจะให้ทนเรียนจนจบคงพอได้มั๊งไม่รู้ว่ะ
>>524 ยังไม่ได้ๆๆๆ กูเหลืออีกสองเทอมจบ คือเทอมนี้ที่กำลังสอบ กับเทอมหน้า แต่คิดว่าคงได้ชัวร์แล้วมั๊ง เพราะเหลือแต่วิชาง่ายๆ เอาจริงพรีดีกรีรัฐศาสตร์รามเรียนง่ายถ้าจับหลักถูก กูเลยรู้สึกว่ากูยังไม่พร้อมออกมาทำงานก็เพราะงี้ กูรู้สึกกูไม่ได้เหี้ยไรจากการเรียนที่รามเลย555555555 มหาลัยปิดกูแบบ นิติไม่ใช่ไทป์กูสุดๆเลยว่ะ แม่งเทอม1 ยัดกฎหมายมาให้กู6ตัว ละพื้นกฎหมายกูเหี้ยมาก จะสอบมิดเทอมละ กูยังแบลงค์อยู่เลย
ถ้าทำบริษัทเล็ก กลาง ที่ไปได้ไม่ค่อยสวยอาจจะเจอเซอไพรแบบนี้ละ ถ้าไม่อยากตกใจบ่อยๆ ก็พยายามเข้าบริษัทใหญ่ๆ
รู้สึกเคว้งๆ ตอนอายุ 27 ว่ะ กูจบจาม ทำงานบ.ใหญ่ โปรไฟล์ดี ตอนนี้มาเรียนโทที่ตปท. ที่บ้านมีกิจการร้านอาหารที่นี่ อยากให้รับช่วงต่อ แต่กูอยากทำงานตามที่กูเรียนมา กูไม่ได้มีใจบริการ กูทำร้านได้เพราะว่าแค่ต้องทำ แล้วจริงๆ กูไม่ได้ชอบร้านอาหารเลย กูชอบทำเครื่องดื่ม ชงค็อกเทล ชงชากาแฟ จริงๆ เคยเป็นพนง.สตบ.อยู่พักนึงด้วย ตอนนี้รู้สึกสับสนสัสๆ ไม่รู้จบแล้วจะกลับไทยหรืออยู่นี่ต่อดี กูไม่อยากทำร้านอาหาร อยากทำบาร์มากกว่า หรือควรเทคคอร์สเรียนบาร์เทนเดอร์สักคอร์สดีวะ สับสนไปหมด
ตปท นี่ที่ไหน ถ้า firstworld แล้วมีโอกาศได้เรส/ซิติเซน มึงอย่ากลับมาเลย
ทำงานทุกวัน เวลาเบื่อๆทำไรกันวะ นัดเพื่อนกินข้าว ดูหนัง ซื้อเสื้อผ้า ? เริ่มอยากหาแฟนซักคนให้ชีวิตวุ่นวายเล่นละ
ปกติกูชอบเข้าร้านตัดผม เพลินดี แต่ตัดจนไม่มีผมจะตัดละ
หรือกูจะเริ่มแต่งบ้านดีวะ
>>528 ไม่ลองดูซักหน่อยล่ะ ครอบครัวอุตส่าห์มีปูทางไว้ให้ เรียนงานไว้เปิดบาร์ของตัวเองงี๊ เผลอๆ ความรู้ที่มึงเรียนมาอาจจะเอามาอะแด๊บใช้ได้ด้วยนะ วันนี้กูเพิ่งฟังสัมภาษณ์เจ้าของ penguin eat shabu คนที่แรกเริ่มไม่ได้รักธุรกิจอาหารเลย เผื่อมึงจะสนใจ https://www.youtube.com/watch?v=H3ykIen4g9E
กูมีเรื่องคิดหน่อยว่ะ เกี่ยวกับอาชีพ ใครพอจะให้คำเเนะนำได้บ้างปะ กูไม่รู้ว่าในนี้มีกล้าเสี่ยงในความฝันของตัวเองไหม หรือส่วนใหญ่เป็นคนที่อยู่บนความจริงทำงานเพื่อเงิน เน้นความปลอดภัยไว้ก่อน
คืองี้กูเป็นวิศวะใช่ปะ เงินเดือนตอนนี้ก็จิ๊บๆเด็กจบใหม่ทำไปได้นิดหน่อย ทีนี้กูคิดไว้ละว่ากูไม่มีทางเป็นหัวหน้าได้เเน่ๆ หรือมากสุดก็เป็นที่ซีเนียร์ เพราะด้วยความที่กูไม่ค่อยชอบมันเท่าไรนักเเล้วก็รู้สึกเรียนไม่เก่งมาก เห็นเเววตัวเองตั้งเเต่สมัยเรียนละ
ทีนี้กูมีงานเสริมซึ่งเป็นอดิเรก ซึ่งเป็นงานที่กูคิดว่ากูทำได้ดี ตอนนี้กูได้ประมาณหมื่นนึงถึงสามหมื่นเลยล่ะ เเต่พอทำงานเเล้วเวลาน้อยก็ได้ประมาณหมื่นละกัน เพราะเวลาน้อย ปั้นฐานมาตั้งเเต่สมัยเรียน เเต่งานมันไม่ได้มาประจำเเบบนี้ซึ่งอนาคตก็ไม่รู้จะมีงานไหม กูเลยตั้งใจจะให้มันเป็นเเค่งานอดิเรก เเล้วจะก้มหน้าทำงานประจำควบคู่ไป
เเต่เเล้วเเม่งเหมือนมีโอกาสงานเข้ามาซึ่งมันตรงกับงานเสริมพอดี เเต่ความลังเลคือถ้ากูไปทางนั้น กูคิดว่ากูจะกลับลำมาทำงานวิศวะได้ลำบากว่ะ เพราะว่าอายุเริ่มจะเยอะเเล้ว (25-26นี่เยอะปะ เรียนจบช้า) สำหรับกูคิดว่าเริ่มเยอะละ ก็คือถ้าไปกูกลับมาวิศวะไม่ได้เเน่ๆละ ถ้าทำไปหลายปีน่ะนะ
ประเด็นคือกูมีเรื่องต้องคิดมากมายถ้าไปทำ ไม่รู้พูดเรื่องเงินเดือนดีไหม วิศวะส่วนใหญ่จบใหม่จะประมาณ17000-20000เฉลี่ยๆไม่รวมค่าอะไรอื่นๆ ถ้ามีกว. มีภาษาก็อาจจะได้เพิ่ม รวมๆถ้ามีก็ 25000ละกัน ทำงานจันทร์-เสาร์บ่าย กูมีรายได้งานเสริมประมาณหมื่นนึงขั้นต่ำ
ส่วนโอกาสงานที่ตรงกับงานอดิเรกกูน่าจะได้ประมาณ 30000 หยุดเสาร์อาทิตย์ น่าจะมีเวลารับงานเสริมเพิ่มก็คือน่าจะได้งานเสริมเพิ่ม 20000-30000 ต้องมาละจังหวะนี้ บวกกับฝีมือที่เก่งขึ้น มีเวลาขยายฐานเพิ่มมากขึ้นเเน่ๆ
ทีนี้สิ่งที่กูคิดคือ กูก็อยากไปทางนั้นอยู่เเล้ว เเต่กูกลัวเรื่องอนาคตว่ะ เพราะอย่างเเรกวิศวะมันทำไปเรื่อยๆพอถึงวัยกลางคนก็อาจจะตกงานได้เหมือนกันอยู่ดี เเต่เงินเดือนขึ้นทุกปี,มีโบนัสสวัสดิการอยู่เเล้ว ทำไป10ปียังไง เงินเดือนก็ 40000+เเน่ๆละชิวๆ ชีวิตมันก็จะเฉาๆหน่อย
ส่วนงานใหม่นี่ประเด็นคือไม่มีสวัสดิการ ไม่มีโบนัสไม่มีอะไรทั้งนั้น มีเเต่เงินเดือนเพียวๆ อาจจะทำไปเเล้วพอถึงวัยกลางคน เจ๊งขึ้นมา วันดีคืนดีงานกูอาจจะไม่มีงานเข้ามาเลย กลายเป็นว่าความชิบหายจะมาเยือนเอา เงินเดือนจะขึ้นหรือไม่ขึ้นอาจจะขึ้นกับผลประกอบการ
ตอนนี้ใจกูก็อยากจะลุยนะ เพราะเหมือนจะได้เสี่ยงลุยตามความฝัน ถ้ากูไปกูก็คงจะขยันเเบบพ่องตาย เก็บเงินให้ได้มากที่สุด
เก็บไว้สำรองในอนาคตให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะมีความเสี่ยง
>>529-530 >>533-534 ขอบคุณมากๆ สำหรับความเห็น ประเทศที่อยู่คือโลกที่ 1 แหละ จะขอพาสก็ขอได้ เพราะว่ากุได้ภาษาระดับสูงของที่นี่แล้ว ของ่ายกว่าเมียฝรั่งทั่วไป
คือจริงๆก็ช่วยงานร้านมาได้ปีกว่าแล้วแหละ คือกุทำได้ดี ดีจนที่บ้านวางใจ ให้กุเปิดร้านอยู่คนเดียว แล้วเขาไปเที่ยวไปพักร้อนกันได้ เพราะเหมือนกุทำได้ทุกอย่างหมุนได้ทุกตำแหน่ง บาร์เทนเดอร์ เด็กเสิร์ฟ เด็กล้างจาน คนทำความสะอาด ผู้ช่วยพ่อครัว คุมคิวร้าน บริหารจัดการ ยกเว้นตำแหน่งพ่อครัวที่ทำไม่ได้ แต่จริงๆ กุไม่ได้อยากทำเลย ทำไปแค่รู้สึกว่าต้องทำไปงั้น สภาพจิตใจปีนี้ดีกว่าปีก่อนหน่อย ปีก่อนซัฟเฟอร์ร้องไห้ทุกวัน
ตอนนี้ก็ยังแบบไม่รู้จะเอาไงดี คือใจไม่ชอบบริการเลย หงุดหงิด เหวี่ยงด้วย ความอดทนต่ำ บางทีต้องเดินไปหายใจลึกๆ ในครัว ถ้าในครัวทำให้อารมณ์เสียก็ต้องออกไปข้างนอก เคยบอกกับที่บ้านว่าถ้าอยากให้ทำจริงๆ จะขอประนีประนอมว่าไปทำร้านใหม่ ที่เป็นจานเดียว ขายถูกๆ รีบกินรีบไป แล้วกลางคืนทำบาร์น่าจะดีกว่า ไม่ต้องมาบริการแทบจะรำเสิร์ฟแขก ไม่สามารถยิ้มได้ในขณะที่สมองด่าแขกว่าพ่อมึงตายได้ แต่ทุกวันนี้ก็ตอแหลเก่งละ ข้างในครัวเหวี่ยงเด็ก ออกมายิ้มหวานให้ลูกค้าได้ เหอะๆ ไม่รู้ดิ ใจจริงคืออยากเรียนป.เอก อยากเป็นอาจารย์มหาลัย เสียดายความรู้ตัวเอง ถ้าจะทำร้านแต่แรกคงไม่เรียนฬ ไม่ไปทำงานที่ไทยเก็บปสก.เป็นปีๆ หรอก
>>535 ยากหน่อย กูช่วยมึงไม่ได้มาก แต่กูพูดในฐานะที่กูก็ออกมาตามความฝันนานแล้วคนนึงละกัน
พูดแบบมองความจริงคือ ต้องดูทุนมึงกะครอบครัวมึงว่ะ ถ้าบ้านมึงสบายแบบมึงไม่ต้องส่งเงินช่วยมากมายอะไร ตังมีตังเก็บ
ตามความอยาก/ความฝันของมึงก็ดี ดูๆ แล้ว เงินเดือนต่างกันไม่มากนักด้วย
แต่ถ้า พ่อแม่ป่วยหนัก ต้องส่งน้องเรียน อะไรแบบนี้ ก็อาจจะต้องเกาะไรที่ได้เยอะกว่ามั่นคงกว่าไว้
>>535 เดาว่างานอดิเรกคือทางศิลป์ เป็นกูกูไป แพชชั่นมันจะพามึงไปได้ไกล แล้วยิ่งถ้ามีการันตีเงินเดือนสามหมื่นกูนี่ยิ้มเลย กูเชื่อว่าถ้ามึงยังลับฝีมือตลอดยังไงก็ไม่อดตาย ไม่ว่าอาชีพไหนก็ทำนายอนาคตไม่ได้ ใครจะรู้อนาคตตำแหน่งวิศวะอาจจะหดตัวกลายเป็นหุ่นยนต์ทำแทนหมด กลายเป็นครีเอทีฟที่คนถามหาก็ได้ ถ้ามึงยังทำวิศวะอยู่มึงจะเลิกคิดเรื่องนี้ไม่ได้ สุดท้ายมึงก็ไปอยู่ดี แล้วตอนนั้นอาจจะไม่ได้มีงานประจำมารอแบบนี้ ตอนนี้โอกาสมาพอดีเป็นกูกูเอา
ถามหน่อย ทำมาได้ 3อาทิด พี่ที่ทำงานมาบอกว่า ถ้าพ้นโปรต้อง เซ็นสัญญาสองปี มันคือยังไงอะ ถ้าออกจะโดนลงโทษเหรอวะ
>>545 ถามเยอะๆเมิง ยิ่งสัญญานานกว่าปกติยิ่งต้องถาม แกล้งโง่ๆไปก็ได้
ทำไมนาน เพื่อนบอกของเพื่อน1ปี เงินเดือนขึ้นยังไงขึ้นตามปกติ1ปีครั้ง หรือ2 ปีครั้ง ครบสองปีแล้วมีโอกาสได้บรรจุไหม ถ้าไม่ได้บรรจุต้องต่อไปเรื่อยๆหรอ ต่อรอบหน้าก็ต่อ2ปีเหมือนเดิมรึเปล่า พนงสัญญาได้สวัสดิการเหมือนพนักงานประจำไหม
อันนี้กูมีเรื่องสงสัยว่ะ กูเป็นเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ เรียนจบช้าไป1ปี ว่างงาน1ปี เพิ่งไปลองสัมภาษณ์งานดู(สายวิศวะ)
ทีนี้พอสัมอะไรเสร็จ ก็ดูเขาจะรับนะ เเต่เเม่งให้เงินเดือนกู 15000 เว้ย
กูเลยต่อรองไปขอซัก 22000 เพราะถึงกูจะไม่มีประสบการณ์ เเต่กูมี toeic 900 มีภาษาญี่ปุ่น n3 ซึ่งต่อให้กูอยู่ในพวกเรทจบใหม่ ได้15000 ถ้าไปหาบ.ที่มีค่าอะไรพวกนี้ให้กูก็ได้ 20000 เเน่ๆละ
ปรากฎว่าคนสัมบอกกูไม่มีประสบการณ์ ว่างงานเป็นปี ทำอะไรไม่เป็นหรอก กูเลยบอกไม่ไหวครับ อยากได้22000 ฟันเลขไป
สรุปว่าก็ตกลงให้เว้ย เเล้วก็คุยเรื่องงานนิดหน่อย เดี๋ยวจะนัดวันเซ็นสัญญา กูเลย เอ้าอีเหี้ย เเล้วที่15000ที่ยิงมาตอนเเรกคืออะไร เหมือนลองเชิงยิงเผื่อต้องจ่ายถูกไปงั้น
ปกติมันเป็นเเบบนี้ปะวะการต่อรองเงินเดือน ฟังดูเหมือนเเค่นี้ก็เป็นการเอาเปรียบคนสัมเเล้วอะ หรือกูควรไปบ.อื่นก่อนดี ซึ่งเผลอๆกูได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำมั้งนะถ้าไปบ.ที่มีสวัสดิการตรงนี้ให้โดยตรง
หรือกูยังอ่อนต่อโลกไป การต่อรองเงินเดือนเเบบนี้มันเป็นเรื่องปกติ
ตอนนี้กูอายุใกล้ 30 ทำงานเป็นพนักงานสัญญาจ้าง เงินเดือนเยอะกว่าคนอายุเท่าๆกันในสายอาชีพเดียวกันพอตัว
แต่แลกด้วยการไม่มีสวัสดิการอะไรเลย ไม่มีบำเหน็จ ไม่มีแม้กระทั่งวันลาป่วย (ถ้าลาป่วยก็หักตัง) ไม่มีโบนัส
งานดูเหมือนไม่มั่นคง แต่กูคิดว่าเค้าไม่น่าปลดกูออกง่ายๆ เพราะเป็นคนที่รู้เยอะ อยู่มานานที่สุดในทีม
ซึ่งเป็นทีมที่ดูแล product ทำกำไรเยอะของบริษัทลูกค้าด้วย อย่างน้อยบริษัทต้นทางปลดกูออกก็มาขอเกาะตรงที่บริษัทลูกค้าได้
ตอนนี้ไม่รู้เอาไงกับชีวิตต่อดี เงินเดือนที่ตอนแรกเหมือนเยอะ ตอนนี้เริ่มไม่รู้สึกว่าเยอะ เพราะขึ้นให้น้อยมากจนน่าเกลียด
บริษัทลูกค้าเองสภาพแวดล้อมเวลาผ่านไปมันเริ่มดิ่งลงเหวไปเรื่อยๆ บริษัทก็ดูค่อนข้างขาลง แต่ไม่ถึงกับใกล้เจ๊ง
จะออกไปหางานใหม่ก็กลัว เพราะถึงที่นี่แย่ลงมันก็ยังถือว่าดีกว่าหลายๆที่อยู่มาก แถมใกล้บ้าน สภาพเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี
แต่ที่บ้านเค้ามองว่ามันไม่มั่นคง ควรไปหางานประจำทำ แต่สำหรับกูเคยลองงานประจำแล้วไม่ชอบความเรื่องเยอะหลายอย่าง
สวัสดิการกับโบนัสที่ให้ก็ไม่คุ้มส่วนต่างเงินเดือน แถมไม่ได้รู้สึกว่ามันจะมั่นคงอะไรมากมาย ก็เห็นคนโดนปลดกันเป็นว่าเล่นอยู่ดี
อยากลองไปต่างประเทศเลยเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี
ต่อรอง 4-50% แบบนี้ไม่ปกติว่ะ แต่ต้องดูว่าคนสัมที่ต่อรองด้วยเป็นใคร
ถ้าเป็น HR คือเค้าได้ range มาจากทางแผนกแล้วล่ะ แต่เล่นไปตามหน้าที่ โหดเกินไปนิด แต่เวลาทำงานจริงจะไม่มีผลอะไรกับการอัพเงินเดือนเท่าไร
แต่ถ้าคนนั้นเป็นหัวหน้าโดยตรงนี่อันตราย กดต่ำแบบนี้น่ากลัวจะไม่เห็นค่าทรัพยากรบุคคล ระหว่างทำก็ศึกษาเค้าไปละกัน ถ้าไม่โอเคทำซักปีก็เปลี่ยนงาน
กูเป็นพนักงานโรงงานอายุ 26 . หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ สมัยทำงานใหม่ๆก็มีจัดสาวๆ มีคนคุยด้วยตลอดไม่ค่อยขาดมือ แต่พออายุมากขึ้นเหมือนมันเริ่มน้อยลงเรื่อยๆแล้วว่ะ เป็นเพราะกูไม่มีรถป่าววะ ทุกวันนี้ไปผับ ไปร้านเหล้าประจำๆ ไม่เคยได้สาวติดมาเลย เมื่อก่อนหิ้วมาได้ตลอด ถ้าจะออกรถเลยกูก็มีปัญญาออกอยู่แล้ว แต่ไม่อยากได้ว่ะ ไม่อยากออกรถมาเพื่อติดแหงกบนถนนกับต้องหาที่จอดแถวบ้านว่ะ ทำไงดีวะ
>>551 กูเห็นด้วย พวกนี้มันภักดีองค์กรต่ออยู่นะ ขี้เหนียวเดือนละ7000 ให้องค์กรเนี่ย ระวังมาทวงบุญคุณตอนทำงานแล้วนะ
ว่าแต่มึงทำไมว่างๆไปปีนึงวะ จบเกรดไม่ดีเหรอ กูจบ วิดวะ ม.ดี แต่เกรดงั้นๆ หางานยากอยู่นะ ดีที่โทอิค800+ แต่ส่วนใหญ่ไม่ผ่านเพราะบุคลิกไม่ดีอะแหละ หลังค่อม พูดไม่คล่อง
>>554 ขี้เหนียวให้องค์กรนี่คือยังไงอะ หมายถึงกูต่อรองเยอะไปเหรอ กูก็กะว่าจะไปสัมที่อื่นด้วยเเหละ
คือถ้าได้ที่อื่นที่มันเป็นสวัสดิการให้มันก็โอเค ฐานต่ำไม่เป็นไร เเต่กูขอค่าภาษา ค่าใบกว. อะไรเพิ่มหน่อยเหอะ ไม่งั้นจะเสียตังค์ไปสอบทำไมก็ไม่รู้เกือบหมื่นกว่าจะผ่าน กูไม่เชิงว่างเป็นปีหรอก ช่วยธุรกิจที่บ้านไง เเล้วระหว่างนั้นก็เรียนภาษา สอบกว.ไปด้วยในตัว
คือมันเป็นหน้าที่มันละที่ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัท พวกเด็กใหม่ๆมักจะโดนแบบนี้ทั้งที่ บางคนสกิลดี ทำงานเก่งกว่าพวกโตๆที่เข้ามานั่งนานๆอีก
ตัวเองก็ต้องมั่นใจในตัวเองด้วยอย่าประเมินตัวเองต่ำไป หรือสูงไป ในแง่บริษัทเงิน 7 พัน สำหรับมันแต่เศษเงินแต่ของคนทำงานมันเยอะ
บ.กูเป็นบริษัทสตาร์ทอัปเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านข้อมูล แล้วเพื่อนกูมาชวนทำสตาร์ทอัปของตัวเองด้วยกันแล้วจะลงประกวด ยังไม่ได้คิดว่าจะทำเรื่องไร แต่คงไม่เกี่ยวกับเรื่องที่บ.กูทำ แต่ถ้ากูตั้งสตาร์ทอัปแบบนี้มันจะผิดต่อ บ.กูมั้ยวะ
คือก็อยากทำอะไรเป็นของตัวเองนะ แต่กลัวโดนไล่ออก
ถ้าไปสัมพาดแล้ว คนสัมให้เราถามคำถามเค้าอย่างเดียวนี่ ยังไงวะ ใครรู้บอกหน่อย
คือให้กูแนะนำตัว พอแนะนำเสร็จ บอกว่า คุณมีไรจะถามเราบ้าง เกี่ยวกะงาน กูถามคนเดียวยันจบสัมอะ งงมาก
เศร้าชิบ สัมภาษณ์งานบ.ใกล้บ้าน ตอนสัมเหมือนจะรับกูละ คุยนู่นนี่บ้านแค่นี้เองกลับดึกพี่แวะส่งได้ แต่เค้าให้รอสองอาทิตย์บอกติดออกบูทเดี๋ยวต้องเทรนงานอีก เดี๋ยวจะโทรมาเรียก จะสามอาทิตย์ละเงียบเลย เสียเวลากูชิบหาย
แบ่งงานกับคนในแผนก ก่อนหน้านี้เคยช่วยๆกันใครว่างก็ทำ พอแบ่งแล้วเหมือนทะเลาะกันเลยว่ะ แบ่งปุ้บเทปั้บไม่คุยกัน ตัวใครตัวมัน
บริษัทจะปิดตัวลงสิ้นเดือนนี้ล่ะว่ะ เจ้านายแจ้งว่าจะปิดตั้งแต่เดือนสิงหาละ เขาให้เวลาทุกคนหางานใหม่ บางคนก็ได้แล้ว บางคนก็ยังไม่ได้ และกูก็ยังไม่ได้งานใหม่เลย ตอนนี้กูเครียดชิบหาย ร่อนใบสมัครไปกี่ที่ก็ไม่มีการตอบรับจากหมายเลขที่คุณเรียกเลยซักที่ กูกลัวตกงานนานๆไม่มีเงินว่ะ ภาระก็เยอะ ถึงจะมีเงินเก็บแต่ก็ใช้ได้แค่ไม่กี่เดือนเอง ระหว่างยังไม่ได้งานกูควรไปสมัครเซเว่นก่อนดีมั้ยวะ หรือจะเอาเงินเก็บมาลงทุนขายของตามตลาดนัดดี แต่ก็ยังนึกไม่ออกจะขายอะไรว่ะ หรือไม่ต้องลงทุนอะไร เก็บไว้เป็นค่าเดินทางไปสัมภาษณ์งานกับจ่ายค่าน้ำค่าไฟรายเดือนก็พอ
ตอนนี้กูเฟลสัสๆ กูไม่เข้าใจว่า ทำไมเวลางานส่วนรวมมันพังอ่ะ แม่งเฟลกว่างานตัวเองพังวะ ทุกครั้งกุเลยงานส่วนรวมก่อน ประเด็นคือ แม่งเสือกทำให้กูไม่ได้ทำงานตัวเอง กลายเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ แล้วด้วยความที่กูไม่เก่งสักทางอ่ะ คือเป็นเป็ด ทำได้ทุกอย่าง ที่นี้แม่งซวย คือจับฉ่ายเหี้ยไร มาลงที่กุหมด ไม่ใช่งานของกุ ก็ต้องมาถามกู ไม่ใช่ความรับผิดชอบกู แต่ก็ต้องทำ แล้วกูไม่เข้าใจว่า ทำไมกูต้องมานั่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเช็ดขี้ให้คนอื่นด้วยหรอว่ะ ต้นเหตุของปัญหาก็เห็นๆกันอยู่ ทำไมกูต้องมานั่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าซ้ำๆซากๆ แล้วเวลาผิด กูต้องมารับกรรม บอกหน้าที่กูคือแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่คือมึงไม่โฟกัสที่ต้นเหตุเลย แค่กูต้องมานั่งแก้ปัญหาเดิมๆ เวลาแม่งก็หมดละ แล้วแม่งมีปัญหาใหม่ๆมาเรื่อยๆ ต้นเหตุมี เสือกไม่แก้ แล้วก็มาบอกกูไม่มีผลงาน ทั้งที่กูคือแสตนบายให้อ่ะ งานอะไรคนโทรมาถามกู ให้กูทำ แต่ไม่คิดจะลองเองก่อนเลย ที่กูเคยว่าง อาสาช่วยคนอื่น ตอนนี้แม่งกลายเป็น อะไรก็กู ทั้งๆที่แทนที่มึงจะมานั่งหาทางป้องกันตอนสาย มึงแค่พัฒนาให้มันดีกว่านี้อ่ะ อุดช่องโหว่หน้างานดิ่ว่ะ ทั้งเหนื่อยทั้งท้อไปหมด ทำอะไรไม่ถูกแล้ว
PS. อาจจะงงๆหน่อยนะ หลักๆกูแค่อยากระบาย
มึง กูเพิ่งสมัครงานแรกไป แล้วหัวหน้าเรียกกูไปคุย กูก็ถามรายละเอียดงานไป เขาบอกต้องหอมแก้มก่อนถึงจะบอก งี้อะ กูก็เริ่มรู้สึกไม่โอเคละ ละกูได้คุยกับคนที่จะลาออก เขาก็บอกพนักงานคนก่อนก็โดนกอด กูเลยตัดสินใจปฏิเสธงานไป กูเสียดายงานนะเพราะแม่งก็หายากเหลือเกิน เงินดีด้วย แต่กูกลัวเข้าไปละเจอแบบนั้นอะ กูยิ่งอ่อนๆอยู่ ถ้าโดนขึ้นมาก็ฟ้องใครไม่ได้เพราะตน.แม่งใหญ่สุดในนั้นละ
เงินเดือนต้องเท่าไหรถึงจะขับรถไปทำงานได้แบบไม่เดือดร้อนค่ารถวะ ของกูสามหมื่น ที่ทำงานอยากให้ขับรถไปแต่ไม่มีค่าน้ำมันให้ ไปกลับ70-80โล
งานแถวบ้านกูแบบนี้ทั้งนั้นเลย ขับกัน30-40โล ต้องมีรถเอง เห็นบางงานให้เงินเดือน2-3หมื่น แต่หาคนมีรถขับ ไปทำแล้วมันคุ้มหรอวะ
>>580 ลูบมือตั้งแต่วันเซ็นเลยเหรอ แม่งไม่เก็บอาการเลย ไปหาที่ใหม่ดีแล้วล่ะ
>>581 คนอื่นอาจเงินไม่เยอะ แต่บางคนคือไม่ได้คิดเรื่องรายจ่ายอะว่ะ อยากมีรถก็ซื้อ น้ำมันหมดก็เติม รถพังก็ซ่อม เงินไม่พอก็....กู้ ไม่ได้คิดเรื่องอนาคต
แต่ไม่ได้เหมานะ บางคนก็เงินเดือนเยอะจนไม่ต้องกังวนจริงแหล่ะ
ส่วนมึง ก็ลองคำนวณรายรับรายจ่าย เทียบกันดูว่ามันคุ้มมั้ย หรือจะทำที่อื่นที่ไม่ต้องมีรถแต่ได้เงินน้อยลงหน่อยดี
>>580 ถ้าแตะตัวตั้งแต่ยังไม่เข้างานนี่ไม่ไหววะ ไม่เก็บอาการเลย ถ้ามึงเข้าไปโดนหนักกว่านี้แน่
>>581 แล้วแต่คน คนร่วมงานกูเงินเดือนสามหมื่นกว่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ขับรถมาทำงานไกลได้ แต่อย่างอื่นต้องประหยัด
ซื้อรถมันมีแต่รายจ่ายก็จริงแต่มันเพิ่มคุณภาพชีวิต + เปิดโอกาสในชีวิตให้มึงด้วย ถ้ามึงไม่มีรถก็ต้องทำงานใกล้บ้าน หรือ ที่เดินทางสะดวก กลับกันคนมีรถมันจะทำงานที่ไหนก็ได้ที่ขับไหว งานบางอย่างก็ต้องมีรถเอง หรือ ขับรถได้ เพราะต้องออกไปนอกบริษัทบ้าง คนรู้จักอีกคนแก่จะ 40 แล้วยังไม่มีรถ ขับรถไม่เป็นเพราะบ้านมันอยู่แนว BTS ทำงานก็ BTS ไป ไปเที่ยวก็ตามแนว BTS
คือที่มึงยังไม่เห็นตรงนี้เพราะมึงอาจจะไปทำงานทุกวันนี้ไม่ได้ลำบากอะไรไง รถน่ะถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อ
กูทำงานอยู่กรุงเทพได้เงินเดือน 18000 รวมโอทีอื่นๆได้สองหมื่นนิดๆ
งานใหม่อยู่ที่ภูเก็ต ได้ 33000 เเต่อยู่เเถบหาด ไปทำดีไหมวะ อยากลองทำงานต่างจังหวัดดู เเต่กูได้กิตติศัพท์ว่าภูเก็ตเเม่งค่าครองชีพเเพงกว่ากทม
อยากเลิกงานปัจจุบันไปทำงานอื่น เพราะมันเจอแต่เด็กๆ นี่กูแปลกเกินป่ะวะ 555
กูอยากเจอสาวๆ บ้าง แต่คิดอีกที ไปทำที่อื่นก็ไม่แน่ว่าจะดี
>>589 จะว่าแปลกก็แปลก แต่กูก็เคยอยากลาออกและไม่อยากลาออกด้วยเหตุผลแปลกๆ เหมือนกัน
เช่น อยากลาออกเพราะไม่ชอบที่ห้องน้ำบริษัทไม่มีสายฉีดตูด หรือไม่อยากลาออกเพราะไม่อยากพูด speech ตอนลาออก ก็เลยอยู่ไปเรื่อยๆ แม่ง / ไม่อยากลาออกเพราะชอบอีเมลบริษัทมาก มันดูเท่ดี ไม่อยากเสียอีเมลนี้ไป
มีใครคิดมั่งวะ ว่า อีก 20 ปีเราก็เป็นไอ้แก่ไม่ทันโลกได้เหมือนกัน แม่งโลกไปเร็วสัดๆ
เสียวันหยุดไปอีก1วัน จะไปเยี่ยมย่าที่รพ.หน่อย แม่งเอ๊ย วันเดียวกุกลับไม่ทัน
เบื่อแล้วว่ะ ไม่อยากทำขรก.
บ. โดนปิดเพราะนายเหี้ยของกูแม่งเบิกทุกอย่างที่ขวางหน้า ค่ากินแพงๆ(กินบ่อยด้วย) เบิกจ๊ะ ค่าที่พักโครตแพง เบิกอีกแล้วค่ะ และเสือกมีสองที่ด้วยนะ บางวันเบื่อๆไปพักโรงแรมอีกซะงั้น ค่าตำแหน่งของแม่งก็แพงกว่าคนอื่นเขา สวัสดิการของคนๆนึงจ้างคนได้ทั้ง บ. (เป็นบ. เล็กๆ) พอทางญี่ปุ่นรู้เรื่องเข้า ก็สั่งปิด บ. ในไทยแม่งเลย เพราะทำทั้งชาติ บ. ในไทยก็ไม่มีกำไรหรอก ถถถถถถถถ
กูถามหน่อยดิไอ้การเบิกเงินทุกอย่างแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาเหรอวะ หรือนายเหี้ยของกูแม่งทำคนเดียว คือเท่าที่กูคิดค่าเครื่องบิน ค่าที่พักมันก็ควรจะเบิกได้นะ แต่มันควรจะให้อยู่ในงบป่ะ
>>596 ไม่ใช่เรื่องธรรมดา บ.กูใหญ่แค่ไหนก็ต้องเขียนขอล่วงหน้า ให้คนที่ใหญ่กว่า approve ก่อน และต้องอยู่ใน budget ถ้าใช้จริงแล้วมันเกิน ก็ต้องรีพอร์ตว่าทำไมมันถึงเกินงบ (อย่างตอนนี้ ญป มีไต้ฝุ้น บางคนกลับตามกำหนดไม่ได้ ต้องอยู่โรงแรมต่อ อันนี้ก็เข้าใจได้ถ้ามันจะเกินงบที่วางไว้) นายมึงเห่ย บ.เมิงก็เห่ย นอกจากระบบไม่รัดกุม เจอแค่นี้ยังเจ๊ง คราวหน้าก็ไปหางานที่ดีๆ มั่นคงทำดีกว่านะ เปิดดูงบการเงินบริษัทก่อนสมัครด้วย
>>597 นายกูเป็นประธานของทั้งในไทย และในญี่ปุ่นด้วย มันไม่มีคนที่ใหญ่กว่า คนที่ใหญ่กว่าคือผู้ถือหุ้นสูงสุดที่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงตัวประธานบริษัท ดังนั้นต่อให้บัญชีของญี่ปุ่นเห็นเขาก็พูดไม่ได้ ต่อให้เป็นระดับกรรมการ บ. มากสุดคงทำได้แค่แซวเล่นๆ และเท่าที่กูดูโหงวเห้งของนายเหี้ยกูเหมือนเขาตั้งใจจะมาใช้ชีวิตดี๊ดีในไทยอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะไม่เข้างาน ถ้าเข้างานก็มาสิบโมงออกบ่ายสองเป็นส่วนใหญ่ (ที่ญี่ปุ่นไม่น่าจะทำได้) และเนื่องจากเป็นประธานของทั้งสองประเทศเลยต้องบินไปบินมาเปลืองชิบหาย
>>598 คือกูเดาเอาน่ะว่าน่าจะโดนปลดเพราะเรื่องนี้ นายกูเขาโดนปลดไปแล้วแต่เนื่องจาก บ. ในญี่ปุ่นก็เป็น บ. เล็กๆเหมือนกันหาคนมาดูแลบ. ในไทยแทนไม่ได้ เพราะคนที่อยู่ใน บ. ในญี่ปุ่น ณ ปัจจุบันมันไม่มีใครอยากมาทำงานในไทย บวกกับไอเดียที่จะมาเปิดบริษัทในไทยเป็นไอเดียของนายกูคนเดียว (เหมือนจะไม่ได้ปรึกษากับพวกกรรมการด้วย) ผู้ถือหุ้นใหญ่เขาคงเกลียดนายกูมากเลยปลดแถมปิดเพื่อความสะใจว่ะ
มีใครโดนใบตักเตือนบ้างมั้ย แล้วถ้าโดน 2 ครั้งใน1 ปีคือเราต้องออกเลยใช่ปะ เรื่องเลท 5-10 นาทีก็โดนไล่ออกได้หรอ
>>586 มาดิ ขึ้นอยู่กับว่ามึงมาทำตำแหน่งอะไรด้วยนะจะได้แนะนำถูก หลักๆ ก็ค่าข้าวแกงเบสที่จานละ 50 บาท ควรมีรถมอเตอร์ไซค์ และที่พักมีหลายย่ายหลายเรท แต่เงินขึ้นเยอะขนาดนี้ก็น่ามาอยู่นะ ยิ่งถ้าสมมติมาทำโรงแรมที่ดีๆ หน่อยมีสวัสดิการอาหารกลางวัน ที่พักพนักงานนะ สบายเลย (ลองกระซิบมาก็ได้ว่าที่ไหนเผื่อกูรู้ว่าดีไม่ดี) ส่วนกูอยู่ภูเก็ตมา 5 ปีละย้ายมา กทม.อีกเพราะ บ.ใหญ่สู้ค่าตัว 555 เรื่องบรรยากาศ สภาพแวดล้อมยังไงภูเก็ตก็เหนือกว่าอยู่แล้วสำหรับกู
ทำงานมากกว่าปกติเป็นสองเท่า เครียด กดดัน เหนื่อย แต่เกษียณตัวเองได้ในสิบปี
กับทำงานตามปกติไปเรื่อยๆ สบายๆ อยากพักเมื่อไหร่ก็พัก แต่ต้องทำงานยันแก่ (30ปี+)
เป็นพวกมึง พวกมึงเลือกอะไรกัน
>>602 บางที่ทำงานหนักแต่เงินเดือนไม่ขึ้นก็มี และบางที่ทำงานชิวๆ เงินเดือนขึ้นพรวดๆ ก็มีเช่นกัน เดินทางสายกลาง แต่ถ้ามึงยังด้อยประสบการณ์แค่ 20 ต้นๆ แล้วไม่ได้เป็นโรคซึมเคร้า การไปทำงานแบบกดดันก็เป็นการปั่นประสบการณ์ที่ดีเหมือนกัน เพราะเวลามึงมีครอบครัว หรือ 40+ มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว
... แล้วสิ่งที่กูสงสัย คือ เกษียณตัวเอง ภายใน 10ปี? ปรกติแล้วเกษียณตัวเองแล้วทำอะไรเหรอ คือ เงินมึงไม่พอกับเงินเฟ้อแน่ๆ อย่างนึงล่ะ
ลงทุน? ถ้าบอกว่าไปลงทุนในหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ ถ้ามึงจ้องกราฟตลอดวัน กูว่าเครียส กดดันหนักกว่าตอนทำงานอีก เผลอๆ ไมเกรนแดก พร้อมหมดตัว เพราะเวลาดูกราฟ จ้องมากๆ จิตหลอน สุดท้ายยังไงไม่ก็กลับมาทำงานแบบเก่าเหมือนเดิม
>>604 พอรับได้อยู่นะ เพราะกูทำอยู่ เงินได้เรื่อยๆ ไม่เยอะ แต่ก็ไม่ได้สบายขนาดนั้น
ปัญหาน่าปวดหัวของคนเช่านี่เยอะเหมือนกัน ทั้งปัญหาจากคน ปัญหาจากอาคาร
การบำรุงรักษา ซ่อมแซม แล้วก็ต้องมาปวดหัวกะช่างซ่อมอีก
>>602 ดังนั้นเป็นกูไม่รีบเกษียณอ่ะ เพราะตอนนี้กูก็เหมือนเกษียณในมุมมองมึงละ
แต่ก็ยังเจอปัญหาโน่นนี่นั่นอยู่ดี
สมัยก็เป็นเด็กน้อยความรู้ยังด้อยเร่งศึกษา กูก็เคยจินตนาการว่าถ้ากูได้เงินเดือน 70k กูใช้เดือนละ 20k พอ ทีเหลือเก็บ อีห่า รวยชิบหาย
พอได้จริงถึงรู้ว่า อีห่า รายจ่ายมันตามมาจากไหนเยอะแยะวะ ตำแหน่งที่สูงก็ตามมาด้วยภาษีสังคง ทั้งความเป็นผู้ใหญ่ที่มีภาระอะไรมากมายให้ต้องรับผิดชอบมากขึ้น (นี่ขนาดโสดนะ รายจ่ายหลักคือตัวเอง พ่อแม่ สัตว์เลี้ยง บ้าน รถ ส่งประกัน ซื้อกองทุน) สรุปแม่งเก็บได้เดือนไม่กี่บาท ทำงานงกๆ ต่อไปยันตายจร้า หลังเกษียณถ้าสมองและสติยังไหวก็ตั้งใจว่าจะทำงานต่ออยู่นะ แต่เห็นเด็กสมัยนี้อยากรีบเกษียณกันจัง
จบใหม่งานแรก เงินเดือน 15000 หยุดเสาร์-อาทิตย์ โอเคปะวะ
โปรดักชั่นเฮ้าส์ จบนิเทศน์อะ
อ่านแล้วรู้สึกสิ้นหวังจังวะ เงินเดือนกูแถวๆ 50k แต่แลกกับสวัสดิการเฮงซวย โชคดีหลายอย่างทั้งได้งานใกล้บ้าน พ่อแม่ยังไม่แก่พอดูแลตัวเองได้
ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะมีเงินเหลือเฟือ อนาคตถ้าต้องหางานที่มั่นคงทำน่าจะขอเงินเยอะๆแบบนี้ไม่ได้แล้ว พ่อแม่แก่ตัวลงก็คงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกเรื่อยๆ
>>621 สวัสดิการเฮงซวยคือไม่มีอะไรเลยนอกจากประกันสังคม คอมที่บริษัทให้ใช้ก็ห่วยมากจนต้องไปซื้อของตัวเองมาทำงาน
ไม่มีวันลา ถ้าลางานก็โดนหักตังเป็นสัดส่วน จะลากิจลาป่วยลาพักร้อนก็โดนหมด แต่กูเป็นพนักงานสัญญาจ้างอ่ะนะ จริงๆมันก็คือลูกจ้างรายวันดีๆนี่เอง
กูไม่มีรถนะ เงินกูหลักๆก็หมดไปกับผ่อนคอนโด (จริงๆที่บอกว่างานใกล้บ้านจริงๆคือใกล้คอนโด ชอบติดบอกว่าใกล้บ้าน)
ค่าส่วนกลางทั้งบ้านทั้งคอนโด ค่าประกันพ่อแม่กับตัวเองอะไรพวกนี้กูจ่ายหมด (เป็นประกันออมทรัพย์) ค่า LTF ลดภาษี ภาษีสังคมไม่หนักมาก
>>623-624 ไม่แน่ใจว่าผิดมั้ย แต่ตอนเซ็นสัญญาเค้าก็เขียนในนั้นแล้วว่าเป็นแบบนี้นะ น่าจะโวยวายไม่ได้
มีที่อื่นที่ทำคล้ายๆกันจะเป็นแนวลูกจ้างรายวันเต็มตัวไปเลย คือจ่ายตามจำนวนวันจริงๆ แต่ของกูยังเป็นเงินเดือนอยู่
>>625 แต่ละบริษัทน่าจะกฏไม่เหมือนกัน ว่าแต่มึงได้เยอะจังวะ เยอะกว่าพนักงานประจำหลายๆที่เลยด้วยซ้ำ
ตกงานไม่ใช่เรื่องตลก บางคนเลยไม่ค่อยอยากงัดกะองค์กรมาก ยกเว้นมีดีจริงๆอะนะ
พี่โม่ง เข้าใจเลยว่าสัมสิบๆที่มันเป็นไง เงียบทุกที่ มันทำลายความมั่นใจเราหมดเลยอะ
โหมดระบาย : บรีฟอยากได้งานระดับนานาชาติ ให้เวลามา2อาทิตย์ อีสัตว์ คิดว่างานกราฟฟิกมันทำง่ายหรือไงอีเหี้ย
นิเทศศิลป์จบใหม่15000 ผ่านโปร16000 อีเวร เค้าบอกกูไม่มีประสบการณ์ มันจำเป็นต้องยอมไหมอะ
ที่เหี้ยสุดของกูนะ สัมเสร็จแล้ว หัวหน้าออฟฟิศไทยท่าทางโอเคแล้ว บอกจะติดต่อกับไป ขอไปแจ้งรีเจียนแนลออฟฟิศก่อน แล้วเงียบไปเลย
พอกูลองดูเวปหางาน แม่งโพสท์ตำแหน่งที่กูสัมไปขึ้นมาอีกรอบ แต่เงินเดือนลดลงไปเหลือสองในสาม
สงสัยแม่งโดนลดบัดเจท
กูได้บรรจุเป็นพนักงานประจำำ+ได้เงินเพิ่ม แน่ทำไมกูรู้สึกไม่ดีใจเท่าไหร่วะ แม่งกังวลบวกเครียดเพิ่มไปอีก
งานแรกของกูเคยสัมแล้วเค้าบอกให้รอสัมรอบ 2 แล้วก็เงียบหายไปยาวๆเลย น่าจะเดือนกว่าได้เลยมั้ง โทรมาอีกทีคือไม่ต้องสัมรอบ 2 แล้วรับเลย
มารู้ทีหลังว่าเค้ากำลังจะเลย์ออฟคนจากแผนกอื่น แล้ว HR อยากให้รับคนจากแผนกอื่นย้ายมาแทนที่จะรับคนเข้าใหม่
แต่หัวหน้าเค้าไม่ยอมเพราะ skill คนแผนกอื่นไม่ตรง เลยต้องไปงัดกับ HR กว่าจะเค้าจะยอมก็นานมาก
ทุกครั้งที่มีคนออกจากงาน ก็จะแจกจ่ายหน้าที่ให้คนที่อยู่มารับผิดชอบ กูเข้าใจว่าสังคมการทำงานมันมีการเกี่ยงงานแต่แบบนี้มันก็เหี้ยเกินไป แถมกูก็ปฏิเสธไม่ได้เพียงเเค่อายุน้อยกว่า ก็ก้มหน้าทำงานไปบ่นไป คิดเข้าข้างตัวเองว่าเออได้พัฒนา skill แต่หนักเข้าก็ท้อชิบหายว่ะ ไอ้ที่ทำๆมันไม่เกี่ยวกับกูว้อยยยยยยยยยยยยยยย
ถามโม่งหน่อย หัวหน้าประเภทที่บอกว่าชอบให้ลูกน้องคิดเอง ไปถามว่าเอาแบบนี้ดีมั้ยก็พูดแค่ว่าให้ไปคิดเอง
แต่พอทำออกมาไม่ตรงใจเค้าก็โวยวายจะให้แก้ทั้งที่ไม่มีเวลาเหลือ
วิธีที่เค้าบอกให้ทำมันใช้จริงไม่ได้พอบอกก็โวยวายอย่างเดียว ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น สนใจแต่ว่าต้องแก้ให้ตรงใจเค้า
นี่มันเป็นเรื่องปกติป่าววะ
Test!!
Test!!
ถามเพื่อนโม่งหน่อย คือหัวหน้ากูเป็นผญ.ที่อายุมากแต่ยังไม่มีผัว และแกชอบทำตัวเหมือนสาวแรกรุ่นเลยอิเวร วันแรกแกก็ให้กุไปกด subscribe แกใน youtube และ กูก็แบบเออออไป ไม่ได้สนใจ วันหนึ่งกูก็เลยลองๆ หาเฟซบุ๊คแก เห็นแกขายครีม แล้วพี่ในแผนกอีกคนก็ถูกใช้ให้ถ่ายรูปโปรโมทครีมแกลงเฟซบุ๊คด้วยว่ะ กูชักเสียวๆว่าแกจะมาใช้ให้กูทำแบบนี้อีกคน กูจะปฏิเสธยังไงดีวะ
ปล.ในแผนกแม่งมีกันอยู่ 2-3 คนเอง
>>650 กูไม่เห็นว่าพฤติกรรมนี้จะเกี่ยวอะไรกับอายุมากแต่ไม่มีผัวเลย กลับกันพี่ที่ออฟฟิศเก่ากูพี่ที่มีพฤติกรรมนี้คือเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวลูกสอง ต้องหาเงินทุกทิศทาง มึงอย่าไปรับรู้เรื่องส่วนตัวเขามาก ถ้าไม่อยากให้เขายุ่งเรื่องส่วนตัวมึงเหมือนกัน ก็จะปฏิเสธง่ายหน่อย บอกไปตรงๆ นั่นแหละว่าไม่สะดวก แต่ถ้ามึงเป็นแนวสนิทกันก็ลองเปิดใจดู ถึงอย่างนั้นถ้าไม่สะดวกก็ปฏิเสธได้อยู่ดี กับพี่คนนั้นก็กูสนิทพอสมควรแต่ก็บอกไปว่าไม่สะดวกจริงๆ มีเพื่อนหลายกลุ่ม(มีลูกค้าฟรีแลนซ์ด้วย) เขาก็โอเคไม่เซ้าซี้
>>652 เข้าใจเลยที่ทำงานกูก็มีงี้ แต่เขาแจกมาให้ลองใช้ จะซื้อไม่ซื้อก็ตามใจ
ถ้าของกินกูเป็นตัวตั้งตัวตีอุดหนุนเขาตลอดนะ อุดหนุนกันเอง แต่พอเป็นพวกคสอกูไม่ค่อยอินเท่าไหร ลองแล้วดีก็ว่าดี แต่ไม่ซื้อ
เพื่อนกูในเฟสมีคนนึงได้ของฟรีมารีวิวบ่อยมาก รีวิวให้คนกันเองแล้วก็แท็กชี้เป้า มันบอกสนุกดี หลังๆได้ของฟรีมาเยอะมาก ทั้งคสอ เสื้อผ้า ชุดว่ายน้ำ ถ้าเป็นพวกเสื้อผ้า ของกิน ที่ใช้ได้จริงมันก็ซื้อเขากลับบ้าง แต่ครีมมันเอามาทามือนะ 555
อีกครั้งแล้ว ที่สัมไป แล้วเค้าก็รับคนอื่น เห้อออ
ไม่รู้จะบ่นตรงไหนดี แต่มันเกี่ยวกับเรื่องงานเป็นหลักกูบ่นตรงนี้ละกัน
ตอนนี้กูรู้สึกเหนื่อยกับงานมาก รู้สึกวันๆหมดพลังงานไปกับปัญหาจุกจิกไม่เป็นเรื่องทั้งวันแทนที่จะได้ทำงานจริงๆ
ทุกวันนี้ตอนเช้าแทบไม่อยากลุกออกจากเตียงไปทำงานทั้งที่ออฟฟิซอยู่ใกล้คอนโดนิดเดียว
แถมใกล้ๆคอนโดแมีเสียงก่อสร้างดังแต่เช้าทุกวันยังทำให้กูยอมลุกออกจากเตียงแทบไม่ได้
วันนี้ไปกินข้าวกลางวันที่ห้างแห่งนึง ไปเจอซุ้มหางานต่างประเทศ ซึ่งกูก็กำลังหาลู่ทางไปทำงานนอกประเทศอยู่เลยลองไปดู
ไปคุยๆหลายบริษัทคือเป็นบริษัทต่างชาติมาเปิดสาขาในไทยให้ทำงานในไทยหมดเลย ตำแหน่งรับก็ไม่ค่อยมีตรงสายของตัวเอง
พ่อแม่ก็กดดันเรื่องอยากจะให้กูไปทำงานต่างประเทศชิบหาย คือรู้นะว่าหวังดี แต่เอาแต่บ่นแม่งทุกครั้งที่เจอหน้าจนกูประสาทจะแดก
รู้สึกเหนื่อยแบบอยากจะไปพักแบบ leave without pay ซักพักนึง แต่รู้ว่าทำไปนี่พ่อแม่ตามรังควาญจนกูไม่ได้พักสบายๆแน่
แถมถ้าหยุดทำงานแล้วกูกลัวจะกลายเป็นว่าไม่อยากกลับไปทำงานอีกเลย คงได้นอนผลาญเงินเก็บไปวันๆจนหมด
กูเบื่อสังคมการทำงานบริษัทกูมากอยู่กันแบบครอบครัวเหอะ เวลาพลาดแม่งหาตัวแล้วด่าจมดิน ด่าไม่ไว้หน้าพอตัวเองพลาดทำหงุมหงุมยิ้มๆงุ้งงิ้งส้นตีนเถอะ
บอกกันดีๆเตือนกันดีๆแนะนำวิธีแก้ไขก็ได้ป่ะวะมีปมด้อยหรืออะไรยังไงกูเกลียดมากๆๆๆ
แปะ
https://uncthailand.com/th-canada-aipp/
>>659 จามจุรีสแควร์นี่อยู่ตรงไหนของแถวสยามวะ บ้านนอกแบบกูไม่เคยเดิน
>>658 ครอบครัวแบบครอบครัวซินเดอเรลล่าไง เมิงเป็นนางซิน
เวลาไปสัมภาษณ์งานเจอคำนี้กูยี้ทุกที ครอบครัวแล้วไง ต้องไปลุ้นอีกทีเหอะว่าจะได้เป็นพี่เลี้ยงหรือนางซิน ยิ่งบริษัทไหนชูคำว่าครอบครัวกูฟันธงได้เลยต้องมีลูกรักลูกชังแน่ๆ พ่อแม่ยังรักลูกไม่เท่ากันเลย นับอะไรกับครอบครัวปลอมๆ
>>663 กูยี้คำนี้เหมือนกัน บริษัทไหนบอกว่าทำงานแบบครอบครัว มึงบายไว้ก่อนเลยดีกว่า เพราะความหมายคือ ไม่มี JD ชัดเจน อยากสั่งให้ทำเหี้ยอะไรก็สั่ง ไลน์ตามงานวันหยุดไม่มีความเกรงใจ ชอบซื้อของเล็กน้อยมาฝากแต่คิดว่านั่นคือบุญคุณท่วมหัว เคยหลงไปทำอยู่ช่วงนึง บรัยส์ กลับมาทำบริษัทใหญ่โตทุกอย่างเป็นระบบระเบียบชัดเจนดีกว่าเยอะ ครอบครัวกูมีแล้วที่บ้านไม่ต้องการเพิ่ม
มีใครเมพกว่ากุไหมวะสัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์กูเข้าไปนั่งโง่ในออฟฟิตโดยที่ไม่ได้ทำเหี้ยไรเลยเนื่องจากไม่มีงานเข้ามา กว่าจะมีก็โน่นวันจันอ่ะ
ขอมายี้กับคำว่าระบบครอบครัวเหมือนกัน สั่งวานรัวๆพอทำไม่ทันเริ่มดราม่าเรื่องบุญคุณ
กูก็เกลียดระบบครอบครัว ของกูแม่งยืดหยุ่นเกิน เข้างานเที่ยงวันกลับสี่โมงเย็น อยกหยุดวันไหนก็หยุด มาก็ไม่ทำงาน ไอ้ห่าเป็นกันทุกคนยกเว้นกู งานแม่งก็ไม่เดินสิวะ เย็ดแม่งเอ๊ย
>>669 รอสั่งซื้อ
พวกตำแหน่งงอกใหม่อ่ะ ไม่ใช่มาแทนคนเก่าลาออก บางทีแม่งสั่งซื้อของไม่ทัน เพื่อนกูเคยเจอแบบไม่มีโต๊ะต้องเอาเก้าอี้มานั่งข้างๆคนสอนอาทิตย์นึง ดีที่มันมาพร้อมกันโต๊ะคอมเก้าอี้ งานมันก็ไม่เยอะ คนซื้อก็ไม่รีบ หาคนได้ก็เอามาแปะไว้ก่อน
จริงๆก็อยากออก แม่งนั่งโง่ทุกวัน
อันนี้ไม่เจอแบบทำงานกันแบบครอบครัวนะ แต่เจอ "ทำงานกันแบบพี่น้อง"แทนหว่ะ ของ บ.ให้บริการเน็ตความเร็วสูงสีแดงๆ จะต่างกับการทำงานแบบครอบครัวแค่ไหนวะ?
ทำงานระบบพี่น้องกาสะลองซ้องปีป
พวกมึงๆ ใครเคยได้งานผ่านระบบรีครู้ทแล้วแบบงานที่ได้มันไม่แฮปปี้มั้งวะ
ทำไงกันต่อเนี้ย ปรึกษารีครู้ทเหรอ
>>676 เขาโทรมาติดตามเมิงมั้ย ตอนของกูเขาโทรมาหาทุกอาทิตย์ โอเคมั้ย อยู่ได้มั้ย เพราะถ้าเมิงไม่ไหวออกก่อนที่เขาตกลงกับบริษัทไว้เขาก็อดได้ค่าคอม เมิงลองคุยกับเขาดูว่าทำยังไงได้บ้าง
รีคู้ทบางที่เมิงอยู่ไม่ครบสี่เดือนมันแบล็คลิสเมิงด้วยนะ ลองคุยดูก่อนเผื่อลาออกแล้วให้มันหางานใหม่ให้
โดนเลย์ออฟวันนี้ว่ะ เข้าไปถึงออฟฟิศหัวหน้าเรียกคุยแป๊บนึงแล้วบอกวันจันทร์หน้าไม่ต้องมาแล้วนะ ทีแรกกูถามว่ากูทำอะไรผิด หัวหน้าบอกว่าเปล่า แต่องค์กรมีนโยบายลดคน แผนกก็ต้องยุบไปรวมกับแผนกอื่นประหยัดค่าใช้จ่าย เขาก็บอกว่าเขาจ่ายชดเชยตามกฎหมายแรงงานแน่นอนไม่ต้องกลัว แต่กูนี่ตกงานกระทันหันเลยเคว้งสัสๆ จิตตกชิบหาย กูทำงานที่นี่มาห้าหกปีแล้วก็รู้สึกผูกพันอะนะ แต่มีคำสั่งมาแล้วก็ได้แต่ยอมรับไปตามนั้นว่ะ เศรษฐกิจแม่งแย่ขนาดนี้กูจะหางานใหม่ได้ตอนไหนวะนั่น
>>680 คือบ.กูมันก็ส่งสัญญาณแย่มาซักพักแล้วล่ะ สามสี่เดือนที่แล้วก็บอกว่าไม่มีโอทีอีกต่อไป มีคนลาออกก็ไม่รับคนเพิ่มแต่ให้คนที่อยู่รับงาน กลายเป็นงานหนักทุกคน ทีแรกกูก็คิดว่าตัวเองคงไม่โดนหรอกมั้ง กูอยู่มาตั้งแต่จูเนียร์ตอนนี้เป็นซีเนียร์ กลายเป็นตัวเปิดคนแรกของแผนกที่โดนเลย์ออฟเลยสัส 5555555555
>>681 บ.กูยังไม่มีสัญญาณแย่นะ งานยังเยอะ ออเดอร์ยังเข้ารัวๆ ทั้งในประเทศและส่งออก แต่กูน่ะเสียวทุกวันเพราะกูรู้สึกว่าตำแหน่งกูนี่ไม่มีก็ได้ อีกอย่างเงินเดือนก็สูงเกินงานที่ทำไปมาก อยากพยายามหาทางเพิ่มคุณค่าให้ตัวเองแต่ก็ไม่รู้จะทำไง ขอไปช่วยงานคนอื่นก็ไม่ได้ ที่นี่เค้าไม่ก้าวก่ายงานกันและกัน JD ชัดเจน แต่งานกูนี่...แม่งไม่มีจริงๆ ก็ไม่เป็นไรเล้ย ถ้ากูลาออกเค้าคงยุบแผนกไปเลยอะกูว่า
>>682 ดีแล้วที่ยังมีงานทำ กู >>681 ตอนนี้เคว้งมาก ปกติวันนี้กูต้องตื่นมาแต่งตัวไปทำงานแล้ว แต่เจอคำสั่งสายฟ้าฟาดเข้าไปเมื่อวานได้แต่นอนโง่ๆไถมือถือเล่นอยู่บนเตียงเนี่ย แอร์ก็ไม่กล้าเปิด กลัวเปลืองไฟ ต้องวางแผนค่าใช้จ่ายอีกหกเดือน นี่ยังคิดอยู่เลยถ้าไม่ได้งานในเดือนสองเดือนนี่จะทำไงดีวะ คอนโดก็ต้องผ่อน อะไรๆก็ต้องจ่าย ตกงานแม่งมืดแปดด้านไปหมดเลย
>>684 งานเสริมกูก็พอมีนิดนึงคือรับจ๊อบเขียนแบบ autocad จากรุ่นพี่ที่รู้จักกันน่ะ แต่ได้เงินไม่เยอะหรอก แล้วงานไม่ได้มีบ่อยๆด้วย จะออกแนวถ้าเขาทำไม่ทันจริงๆเขาถึงจะมาจ้างให้กูช่วยทำมากกว่า กูก็พยายามหางานตามเว็บฟรีแลนซ์ด้วยแล้วนะ แต่เห็นฟรีแลนซ์สมัยนี้กดค่าตัวกันจนกูท้อเลย
ถ้าไม่โดนเลิกจ้างเมื่อต้นปีกูคงไม่รู้จักเริ่มเก็บเงิน เป้าหมายตอนนี้เก็บให้ได้เท่าเงินเดือน6เดือน เผื่อตกงานในอนาคต แถมแม่ก็มาชวนเล่นแชร์เก็บเงินอีก ดอกเบี้ยสูงกว่าฝากประจำเยอะ ก็กล้าๆกลัวๆแต่ก็ลองดู เห็นเล่นไม่ล่มมาหลายรอบละ
(?) ตอนนี้กูยังไม่มีภาระหรือหนี้อะไร แต่ในอนาคตกูมีโอกาสจะกลายเป็นพวก30-35แล้วไม่มีเงินเก็บป่าววะ
นึกไม่ออกว่าจะมีภาระอะไรเพิ่มขึ้นมารึเปล่า
>>686 สัดสะเทือนใจไอ้ตรง 30-35 นี่แหละ เออกุเพิ่งเริ่มเก็บเนี่ย / แชร์แต่ก่อนกูก็ไม่กล้าเหมือนกันมันเสี่ยงจัด แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนก็ลองเล่นอยู่วงนึงที่น้องมันการันตี มันเล่นวงนี้ตลอดเจ้ามือไม่เคยเบี้ยวก็อ่ะลองดู อยู่ท้ายๆ ดอกเบี้ยสูงจริง ได้เงินแล้ว ตอนช่วงเปลี่ยนงานพอดี เปลี่ยนแบบย้ายจังหวัดอ่ะค่าใช้จ่ายเยอะอยู่ พอได้เอาเงินมาใช้เป็นค่าประกันคอนโดล่วงหน้าสามเดือนพอดี หมดตูดเหมือนเดิม นี่ถ้าที่ใหม่ไม่ผ่านโปรกูฉิบหายเลยเนี่ย แค่สัญญาเช่าคอนโดก็ปีนึงแล้ว
30-35 ไม่มีเงิร แต่มีทรัพย์สินกันปะวะ
30-35 ที่กูเห็นผู้บริหาร/พนง.บริษัทตำแหน่งใหญ่ๆคนนึงทำนะ
1.เอาไปละเลงกับสลาก ธกส. กับ สลากออมสินแบบไม่เกรงกลัวหีแตดไรทั้งนั้น
2.เงินที่มีหาประกันที่มันมีครบอายุกรมธรรม์แล้วได้เงินคืน ถ้าเจียดเวลามาอ่านสัญญาให้ละเอียดได้ควรทำ พวกประกันที่อย่างน้อยๆทำไปไม่ได้จ่ายเบี้ยทิ้งไปเปล่าๆนี่แหละ
3.ซื้อพันธบัตรรัฐบาล
ประมาณนี้ที่ดูๆละแม่งเซฟสุด ไม่รู้เค้าเอาเงินไปต่อเงินด้วยวิธีไหนอีก
กูอยากลาออก แต่ติดโปรเจ็คงานทุกทีจนปลีกตัวไม่ได้ ทำไงดีวะ คือกูเคยเกริ่นกับเจ้านายแล้วนะว่ากูจะออก แต่เขาก็ป้อนงานให้กูตลอด คือกูรู้แหละว่าเขาให้เงินเดือนก็ต้องให้กูทำงาน แต่กูทำงานออแกไนซ์ไง โปรเจคแต่ละอันก็ลากเป็นเดือนๆ แล้วนิสัยกูคือไม่ชอบทิ้งงานกลางคัน ตอนนี้กูตีกับตัวเองหนักมาก ทนสภาพการทำงานกับสวัสดิการแย่ๆ ของบริษัทไม่ไหวแล้ว แต่งานก็ค้ำคอกูอยู่ ทำไงดีวะ
>>695 กูตะบอกให้แจ้งลาออกเป็นวันสิ้นโปรเจคเลย บอกเจ้านายไว้ว่าหมดอันนี้จะออก แล้วกะวันออกคร่าวๆในใบลาออกว่าน่าจะเสร็จโปรเจควันไหน ถ้าเสร็จก่อนวันออกก็นั่งโง่ๆทำงานรอเวลา ไม่ก็ไปเป็นตัวแถมในโปรเจคอื่นต่อ ถ้าเสร็จไม่ทันวันออกก็เทไปเลย ถือว่าบอกแล้ว เขาไม่ควรให้เมิงเป็นตัวหลักในโปรเจคแล้ว
เมิงมีคนเรียนโทจบแล้วไปเรียนตรีอีกใบมั้ยวะ เรียนแบบขำๆไว้ไปหาเพื่อน หาไรทำวันเสาร์อาทิตย์ไรงี้ ใจอยากเรียนภาษาแต่เหมือนร่วมงานไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าตอนเรียนโท แม่งชอบบอกให้หยุดมาทำโอ แต่ตอนเรียนโทไม่โดนเลย
>>697 ก็น่าจะมีนะ แบบเปลี่ยนสายงานก็มี กุไม่เคยต่อโทอะนะแต่ตอนนี้เรียนตรีอีกใบอยู่ ม.เปิด ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยได้ ยังไม่ทันจบดันได้งานสายที่เปลี่ยนซะแล้วว่ะ จนงงตัวเองเหมือนกันว่ากุจะเอาวุฒิสายงานที่เปลี่ยนไปทำอะไรวะเนี่ย แต่จะหยุดเรียนตอนนี้ก็เสียดายหนึ่งปีที่เรียนไปแล้ว
อยากเปลี่ยนสายงานมีงานไรวุฒิป.ตรี ทำได้มั่งวะ ที่ไม่ใช่เซลล์
>>689 เอาจริงๆเงินเดือนกูทำมาหกปีได้สามหมื่นเอง กูทำตั้งแต่เงินเดือนหมื่นห้าแล้วขยับไปเรื่อยๆ ออกกูได้ค่าชดเชยสามเดือน กูลองคำนวนดูอยู่ได้ประมาณหกเดือนว่ะ แต่เป็นหกเดือนที่ต้องประหยัดสัสๆห้ามใช้จ่ายเกินจำเป็นใดๆทั้งสิ้น ตอนนี้กูก็อัพพอร์ตงาน เรซูเม่ ส่งไปตามที่ต่างๆดู แต่ยังไม่มีใครเรียกเลยว่ะ รู้สึกท้อยังไงไม่รู้สิ
>>703 กูเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่ อาชีพนี้วุฒิไม่ค่อยสำคัญก็จริง
แต่ไม่มีประสบการณ์ทำงานด้านนี้เลยจะหางานยาก หรืออย่างน้อยๆก็ต้องเรียนจบด้านนี้ / ด้านอื่นที่ใกล้เคียงและรู้พื้นฐานมาก่อน เช่น วิศวะไฟฟ้า
บริษัทที่ยอมเทรนคนจากศูนย์แบบไม่รู้อะไรเลยแทบจะไม่มี
แค่รับเด็กจบใหม่เดี๋ยวนี้ยังหายากแล้ว แถมโดนกดเงินด้วย เดี๋ยวนี้เป็นแนวรับคนที่เป็นอยู่แล้วซะมาก
ขนาดกูเขียนโปรแกรมภาษาเดียวกับเค้าใช้ได้คล่อง แค่ไม่เคยใช้ framework/tool ที่เค้าใช้กันยังโดนปัดมาตั้งหลายที่
พอได้งานจริงๆต้องมาเรียน framework ที่หลายๆที่ไม่รับเพราะกูไม่เคยใช้ ดูแป๊ปเดียวก็ใช้เป็นแล้ว ไม่รู้จะใจแคบกันอะไรขนาดนั้น
หรือจริงๆเค้าไม่ชอบกูเรื่องอื่น แต่ไม่อยากพูดตรงๆ เลยอ้างว่าไม่รับเพราะไม่มีประสบการณ์การใช้ framework ก็ไม่รู้นะ 555
เชี่ยเอ๊ย ที่บ้านเอาพ่อครัวมา ประสบการณ์ทำงานตปท.ไม่มี แต่เห็นคะแนนสอบของดุสิตสูงเลยลองให้โอกาสดู อยู่ได้สัปดาห์นึงละ ทำห่าอะไรไม่ได้เลย แค่เสียบไก่สะเต๊ะ ห่อปอเปี๊ยะที่เป็นเบสิคของงานครัวแม่งยังทิ้งของแล้วทิ้งของอีก ทิ้งปอเปี๊ยะไป 2-300 ตัวแล้วสัส กุ้งชุบแป้งทอดก็ทำได้ส้นตีนมาก เพราะมักง่าย ดูภาพรวมงานไม่ได้เลย อันไหนไหม้ อันไหนไม่สวยมึงดูไม่ออกได้ไงวะ มึงเป็นพ่อครัวขึ้น demi chef รร.ไม่ใช่เหรอ กุนี่จบนิเทศมาช่วยงานที่บ้านทำไมยังดูออก แม่งดีแต่พูดไปวันๆ กุปวดหัวชิบหาย อยากส่งกลับไทยให้รู้แล้วรู้รอด แม่งซื้อใบประกาศมาป่ะวะ
>>699 กูเรียนวิทยาการคอมเพิ่มว่ะ แต่ที่ได้งาน(Front-end)นี่เพราะกูศึกษาเอาเองมาหลายปีแล้ว รับจ๊อบฟรีแลนซ์มาพอสมควร ยิ่งนานไปยิ่งรู้สึกว่าชอบทางนี้มากกว่าก็เลยไปเรียนเพิ่ม ที่ได้งานทั้งๆ ที่จบไม่ตรงสายกูคิดว่าเป็นเพราะพอร์ท+ทำเทสได้น่ะแหละ ทำฟร้อนท์เอนมันเห็นภาพง่ายอ่ะว่าเนี้ยบไม่เนี๊ยบ โค๊ดสะอาดมั้ยอะไรแบบนั้น
นั่งโง่ๆมาสองวันแล้วไอ้เหี้ยไม่มีงานทำ
จ้างกูมาทำไมมมมมม
ทำไมเพื่อนกูบอกว่าสายโปรแกรมเมอร์เงินเยอะอ่ะ เห็นบอกขาดตลาด กูก็ไม่ตรงสายจะเปลี่ยนเหมือนกันตอนนี้หัดกับพวกคอร์สฟรีอยู่นี่ต้องไปลงเรียนปริญญามั้ยวะ
>>709 มันน่าจะขาดนะ เพราะคนจบมาบางคนก็ทำไม่ได้อ่ะ เท่าที่เข้าใจ ถึงจะชื่อโปรแกรมเมอร์ แต่มันก็แตกแขนงไปอีกหลายสายงาน เหมือนเคยเห็นในทวิต เขาบอกว่าคนจบสายนี้มาก็ใช่ว่าจะเขียนเป็นทุกคน แต่ถ้าทำได้มันก็น่าจะดีแหละ เงินน่าจะเยอะ แต่ถ้าเขียนผิดทีก็น่าจะงานงอกเหมือนกัน
อยากลาออกจากงาน แต่แค่คิดถึงเงินที่ต้องใช้ในแต่ละวันก็น้ำตาไหลถึงตีน
เขียนโปรแกรม แม่งสอนกันยากหวะ ต้องหัดเอง บ.ไอทีเมกาแม่งเลย mkt cap เยอะสัดๆ กูจบไฟฟ้า ก็ฝึกอยู่ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ
เจอเพื่อนร่วมงานที่อายุมากกว่า แต่ทำงานไม่ได้เรื่องเลย แถมสอนอะไรก็เถียง ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองผิดตรงไหน แต่เขามีอาการเส้นเลือดในสมองแตกมาก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าเพราะแบบนี้รึเปล่า เขาถึงได้เป็นแบบนี้
ลองสมัครงานกับบริษัทรีครูทไป เขาติดต่อกลับมาว่ามีบริษัท สมมติชื่อบ.A ละกัน สนใจโปรไฟล์ และบ.A จะติดต่อมาเรื่องวันเวลานัดสัมภาษณ์อีกทีหนึ่งทีหลัง แต่ผ่านมาสองอาทิตย์ บ.A ยังไม่โทรมาเลยว่ะ คือถ้ากูไปสัมภาษณ์แล้วไม่ผ่านก็เงียบหายไปก็เข้าใจได้นะ แต่มาบอกให้กูรอว่าจะติดต่อนัดสัมภาษณ์แล้วก็ไม่โทรมา อันนี้คือบ.A เขาไม่เอากูแล้วหรือมันเป็นขั้นตอนภายในองค์กรที่ทำงานช้าวะ อันนี้ยังไง กูไม่เคยสมัครงานผ่านรีครูท กูควรโทรไปถามกับรีครูทป่ะว่าตกลงบ.A นี่จะเอายังไงกับกูกันแน่ คนตกงานรอสัมภาษณ์นานๆนี่มันก็หดหู่นะ เหมือนมีความหวังไปวันๆอะ
รู้สึกยังไม่อยากมีแฟน เพราะเห็นเพื่อน พี่ แต่ละคนมีแฟนแล้วก็ไม่อยากเปลี่ยนงาน ยอมทำงานเงินเดือนน้อยเพราะตั้งรกรากกับแฟนที่นั่นแล้ว
กูยังไม่พอใจในงาน ยังมีเป้าหมายอยู่ เหมือนดินที่ยังแห้งแล้ง เมล็ดพันธุ์ก็ยังไม่อยากงอก
กุเจเพื่อร่วมงานปสดว่ะเพื่อนโม่ง จากอารมณ์ดีๆ กุปสดรับวันศุกร์เลย
>>727 อืม ก็ดีนะ โฟกัสทีละอย่าง
ส่วนกูมีแฟนแล้ว ตอนแรกก็ว่าจะตั้งรกรากแล้วแหละ แต่พองานมันไม่ดี หลายๆ อย่างไม่เป็นใจ กูก็เปลี่ยนงานไปทำที่ที่ดีกว่าอยู่ดี อยู่ห่างแฟนซักระยะได้เพราะเชื่อใจกันมากพอ(แต่เจอกันทุกเดือนอยู่ดีนะ) แต่กูก็ไม่เถียงหรอก เพราะคนที่ไม่กล้าเปลี่ยนแบบที่มึงว่าก็มีอยู่เยอะจริงๆ
เพื่อนโม่งช่วยกูด้วยยยย กูควรทำไงดีวะ
กูทำงานกงสีที่บ้าน ปกติได้เดือนละสองหมื่น แต่อยู่ๆ แม่งจะตัดกูเหลือหมื่นเดียวโดยไม่คุยกันซักคำซะงั้น
จะออกไปหางานทำเองแม่งก็ไม่ได้อีก เพราะกูติดเรียนวันเสาร์ - อาทิตย์ คงไม่มีที่ไหนรับจนกว่าจะจบ (อีก 1 ปี) orz
หมื่นเดียวยุคนี้มันพอแดกที่ไหนล่ะ โธ่
>>732 ส-อนี่คือเรียนปอตรีหรอถึงหางานไม่ได้ ถ้าปอโทเรียนเสาร์อาทิตย์ จ-ศ เมิงหางานทำได้นะ
หมื่นเดียวพอแดกสิวะ อยู่บ้านค่าข้าวค่าหอไม่ต้องเสีย ทำงานที่บ้านไม่ต้องเสียค่าเดินทาง(ถ้าให้เมิงไปข้างนอกก็ขอค่าน้ำมันแยกเอา) ภาระไม่มี ลูกเมียไม่มี อาทิตย์นึงออกไปเรียนแค่สองวัน เดือนนึง8วัน จะจ่ายอะไรเยอะ กลับไปปรับมายเซ็ตใหม่ไป
กูพึ่งเข้ามาทำงานใหม่ได้เป็นผู้ช่วยงานพี่ที่แผนกนึงงานต้องใล้ฝีมือหน่อยๆแหละ ทีนี้กูไม่มั่นใจเรื่องงานตัวเองแล้วกูเรียกพี่เขามาดูงานพร้อมบอกพี่เขาว่าถ้ามีตีงไหนไม่โอเคคอมเพลนเลยนะ มันน่าเกลียดมั้ยกูดูเป็นเด็กไปป่าวอ่ะ
อยากแก้เผ็ดคนร่วมงาน ที่ทำงานแบบไม่ให้ความร่วมมือ เอาแต่ได้ ไม่ให้กูแตะงานเยอะเพราะกลัวกูแย่งส่วนแบ่ง สุดท้ายตัวเองเหนื่อยทำไม่ไหว
แล้วมาพูดว่ากูสบาย หน้าหีเอ๊ย ไม่ทุเรศหรืออายสันดานตัวเองบ้างหรอ มาพูดว่าตัวเองดีอะ
ทำงานได้หลายอย่างเลยโดนโหลดงานรัวๆคือมึงงงง กุคนนะสาดด
ถามคนทำงานกราฟฟิกดีไซน์หน่อย เวลาเขาสั่งงานมาเราควรขอบรีฟจากเขาด้วยไหมว่าอยากได้รูปแนวไหน ทำแบบไหน หรือเราควรออกแบบเอาเองว่ามันน่าจะเป็นแบบไหนแล้วทำส่งไปเลย
คือกูเจอบ่อยๆ เวลาสั่งงานแล้วไม่ค่อยบรีฟกู แล้วพอกูทำส่งไปแล้วเขาไม่ชอบกูก็ต้องกลับมาแก้หรือโละใหม่ คือเอาจริงกูเหนื่อยนะที่ต้องมานั่งคิดใหม่ทำใหม่แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นกราฟฟิกดีไซน์ที่ดีหรือเก่งมันต้องจบงานเองเป็นโดยไม่ต้องมีใครบรีฟหรือเปล่า หรือจริงๆ ควรขอบรีฟอย่างละเอียดทุกครั้งไปเลย แต่แบบนั้นจะเหมือนหุ่นยนต์ไปไหม เพราะชื่อตำแหน่งกราฟฟิก"ดีไซน์" มันก็ต้องดีไซน์อะ ไม่ใช่รอรับคำสั่งอย่างเดียว
ปล. เงินเดือนกราฟฟิกดีไซน์นี่มันจะไปได้ไกลแค่ไหนวะ สมมติว่ากูพอทำโมชั่นได้ด้วย ตอนนี้อายุ23 ทำงานมาปีนึงละ เงินเดือน21k
ไหงพวกมึงได้งาน จ-ศ กันหมดวะ อิจฉาว่ะกูนี่โดนวันเสาร์ตลอดทุกงาน
กูสายกฎหมาย/บัญชี
บ.แรก ที่ทำงานก็ บ. เกี่ยวกับอสังหาฯ มีงานวันเสาร์
บ.สอง เป็น บ. ผลิตกาวก็ยังต้องทำวันเสาร์
ปัจจุบันทำงานกับมหาลัยฯ กูก็ยังต้องทำงานวันเสาร์
มาตั้งคำถามด้วยว่า บ. พวกมึงที่ทำงาน5วัน นี่ขนาดของ บ. เป็นไงวะ? ทำไมให้ทำงานแค่5วันทั้งๆที่สมัยนี้คือขูดรีดแรงงานยิ่งกว่าอะไร ไม่เจอ996 ไม่เจอแบบนโยบายคาโรชิเหี้ยๆนำเข้าจากบ.แบล๊กลิสต์ในยุ่นบ้างเลยเหรอวะ?
แบงค์ Head office / เพื่อนกูที่อยู่ บ.หลักทรัพย์
ไม่เคยมีเสาร์เลย
แต่เงินเดือนมันก็คิดเรตที่ให้มึงทำงาน 5 วันนะ
>>754 เป็นบริษัทที่มีทั่วโลก แต่ขนาดบ.ที่ไทยก็ไม่ได้ถือว่าใหญ่โตอะไรมากมายนะ
sales amount ที่ไทยไม่ถึงปีละหมื่นล้าน เลยมักจะโดน HQ เมินเพราะเทียบกับ region อื่นแล้วกะจิดริ๊ดชิบหาย
ทำงาน จ-ศ และก็ไม่เคยต้องเอางานกลับมาทำที่บ้าน ไม่เคยตามงานนอกเวลางาน
เงินเดือน อืม ไม่รู้ดิว่ามากหรือน้อยแต่รู้ว่าพอใจ
ระบบงานแบบรักษาคนเก่า เอาเปรียบคนใหม่นี่แม่งเหี้ยสัส น่าเบื่อ
เรื่องทำงาน 6 วัน ถ้าไม่นับพวกโรงงานผลิตในนิคมต่างๆ พวกนี้เห็นมักจะทำเสาร์เป็นปกติ หรืองานในห้าง
กูชอบเจอในบริษัทที่เจ้าของกิจการเป็นคนไทย
กูโม่งงานน้อย พวกเมิงมีวิธีอะไรให้เหมือนมีงานทำเยอะๆบ้างวะ
ทุกวันนี้คือเอางานอนาคตมาทำล่วงหน้า ซึ่งก็น้อยมาก ทำซ้ำๆวนๆ เช็คแล้วเช็คอีก
เท่าที่สังเกตพวกสายไอทีส่วนใหญ่จะห้าวันหมดนะ
กุบริษัทไอทีแต่เห็นพวกแผนกบัญชีต้องทำหกวันเหมือนกัน
เพิ่งผ่านสัมภาษณ์งานแรกในชีวิตเมื่อต้นเดือน ไฟแรงมาก เลยบอกเขาว่าพร้อมทำงานเลย แต่บอกเขาล่วงหน้าเลยว่ามีวันที่ติดธุระอยู่ก่อนแล้วกลางๆเดือน 2 วัน เขาบอกว่างั้นลาได้ แต่ก่อนเริ่มงาน เขาให้ไปเอาเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการก่อน แต่เสือกตรงกับวันหยุดพิเศษสุดยอดอาเซียน ทำให้ต้องรอมันเปิดทำการ ถึงจะขอเอกสารได้ แล้วค่อยไปทำงานวันแรกได้
ไปๆมาๆ กง่าจะได้เริ่มงานวันแรก ทำไปได้ไม่ถึง 7 วันเดี๋ยวก็ต้องลาไปทำธุระที่บอกไว้แล้วอะ มันจะส่งผลอะไรมั้ยอะ เขาจะมองกูแย่เปล่า
>>750 พูดยากว่ะ ส่วนหนึ่งมึงก็ต้องถามคร่าวๆ ส่วนหนึ่งก็ต้องรีเสิร์จเอาเองด้วย อย่างสมมติผลิตภัณฑ์เขาคืออะไร มีแบรนด์ดิ้งหรือภาพลักษณ์แบบไหนอยู่หรือเปล่า แล้วในธุรกิจเดียวกันเจ้าอื่นเขาทำแบบไหน ลูกค้ามีแบบที่เขาชอบอยู่แล้วหรือเปล่าไรงี๊ ลูกค้าบางคนก็มีมาตรฐานของตัวเองอยู่แล้ว บางคนก็ละเมอๆ แอ๊บแตกต้องเห็นภาพก่อนถึงจะรู้ความต้องการตัวเอง คือมันก็ต้องให้ความร่วมมือกันทั้งคู่ด้วยแหละ แต่ไม่ว่าจะยังไงมึงทำตัวให้ชินกับการแก้งานกลับไปกลับมาได้เลย ยังไงก็เจอ ทำในสิ่งที่เทสมีงว่าดีนั่นแหละ ส่วนนึงแม่งก็ขึ้นอยู่กับวิธีการพรีเซนท์ด้วยว่ะ การที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อในดีไซน์ของมึง มันหลายปัจจัยจริงๆ พูดยาก
ของกูหมื่นสอง- -ทำอะราวเดอะเวิลในออฟฟิศ
รู้สึกหดหู่ชิบพออ่านของพวกมึงเนี่ย
พี่โม่ง เรียนจบมหาลัยออกมา ทำงานแล้วเป็นไงบ้าง มีการวางแผนทำไรบ้าง ถือว่าประสบความสำเร็จในการเรียนมหาลัยไหมในแบบของตัวเอง แล้วพี่โม่งเรียนจบจากสาขาไรมา อยากรู้ว่าไม่ว่าจบจากคณะอะไรก็ตามควรรู้อะไรไหมอะ (ถามกว้างๆนิดนึง)
ลุ้นว่าตัวปัญหากับกูใครจะออกก่อนกัน
เบื่อชิบหายสร้างแต่ปัญหา ลำพังงานตั้งใจทำก็ยังมีerrorหลุดมาบ้างอยู่ละ มือไม่พายเอาเท้าราน้ำชิบหาย
>>753 กูบ.แรกเลิก6โมง ทำงานเสาร์ ได้ยินว่ามันจะเพิ่มกะวันอาทิตย์เลยรีบออก มาอีกที่บอกมีงานเสาร์อาทิตย์บ้าง สรุปหลังๆถี่ขึ้นจนแทบทั้งเดือน จะเลิกก็ต้องรอเจ้านายกลับ ละมึงไม่มีลูกผัวกลับซะ5-6โมง อห สุดท้ายร่างกายไม่ไหว ออก
งานตอนนี้ทำ7วันเลย อส แต่กุเลิกไว เหนื่อยน้อยลงซะงั้น เป็นที่แรกที่กูมีเวลามาจ็อกกิ้งออกกำลังกาย เพราะมีเวลาและมีแรงเหลือจากทำงาน
ตอนนี้กุคุกสัสตื่นเช้าทุกวัน ถ้าเสาอาทิตย์ไหนว่างกุไปรับงานเสริมด้วยถ้ามี
ขยันแบบนี้กุน่าไปเข้ากะในโรงงานชิบหาย คงได้บ้านได้รถไปละ
>>773 จบ IT มาทำงานโปรแกรมเมอร์ จบได้เกียรตินิยมอันดับ 1 มา แต่รู้สึกเสียดายที่เกรดดันไม่สูงพอจะได้ทุน เพราะค่าเทอมแพงด้วย
ตอนจบรู้สึกว่าเรื่องเรียนตัวเองก็โอเคนะ แต่จบมาซักพักไม่ค่อยโอเค ทำงานบริษัทฝรั่งเลยไม่ได้บวกเงินค่าเกียรตินิยม
จริงๆกูเองก็ไม่ได้คิดว่าของแบบนี้ควรเอามาตัดสินการทำงานของคนหรอก แต่ถ้าได้ตังเพิ่มมันก็ดีกว่าไม่ได้
พอไม่ได้ประโยชน์อะไรจากมันแล้วเรียนจบมาเริ่มห่างหายจากเพื่อน แฟนก็ไม่มี กลายเป็นมองย้อนกลับไปแล้วเสียดาย
อยากใช้เวลาร่วมกับเพื่อนหรือทำกิจกรรมมากกว่านี้ รู้สึกว่าตั้งใจเรียนไปแม่งก็แค่นั้นจริงๆ ความรู้ตอนเรียนก็ไม่ค่อยได้ใช้ทำงานหรอก
ตอนนี้อายุจะ 30 แล้วเป็นไปได้อยากลองหางานต่างประเทศ เผื่อไปตั้งรกรากที่ประเทศอื่นเลย แต่ไม่รู้จะสำเร็จมั้ยนะ
แต่ก่อนเคยคิดจะเรียนต่อโทเมืองนอกเพราะพ่อแม่อยาก แต่ตัวเองไม่ได้อยาก สุดท้ายก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่อยจนเค้าปลงไปเอง
>>778 เดี๋ยวๆโม่ง มึงจบเกียรตินิยมอันดับ1นี่ส่วนมากGPA เค้า3.5อัพตามเกณฑ์นะ(จบ ม.ไหนวะ ถ้าบอกได้บอกหน่อยนะ) ทุนส้นตีนไรทำไมถึงคัดอะไรเข้มข้นขนาดนั้น แค่มึงได้ใบเกียรตินิยมมานี่มึงต่อ ป.เอก ยังทำได้เลยนะ ทุน ป.โท บางแห่งขอแค่จบพ่วงเกียรตินิยมนี่ถือว่ายากแล้วเลย อันนี้กูขอถามหน่อย จบสายITมาแล้วไปทำงานด้านไหนในวงการITวะ? แล้ว บ. ต่างชาติที่มึงไปทำนี่ตอนมึงจบใหม่ๆเค้าrequireประสบการณ์ทำงานในใบสมัครไหม? หรือว่ามึงเอาโปรเจคสมัยเรียนไปโชว์วัดดวงดูป่ะวะ?
>>779 ชักเลือนๆแล้ว เกรดกูอยู่แถวๆ 3.5-3.6 ทุนน่าจะต้อง 3.75 ขึ้นมั้ง จริงๆตอนกูอยู่ปี 3 เค้าลดเกณฑ์ลงมา แต่ปีนั้นกูดันเกรดไม่ดีเลยอดได้อยู่ดี
จริงๆคณะก็ถามนะว่ากูอยากเรียนต่อเมืองนอกมั้ย เค้ามีทุนให้คนไปเรียนกลับมาเป็นอาจารย์ แต่รุ่นกูไม่มีใครรับซักคนเดียว
คนที่รับทุนคณะต้องเรียนต่อถึงเอก และต้องไปหาที่เรียนให้ได้ก่อน
ซึ่งรุ่นกูไม่มีใครอยากเป็นอาจารย์กัน กว่าจะใช้ทุนหมดก็แก่เกินแล้วเลยไม่เอา กูเองถึงเกรดจะดีแต่ก็ไม่ใช่คนชอบเรียนหนังสือด้วย
จบมาก็ทำงานโปรแกรมเมอร์ Java ซึ่งบริษัทที่รับเค้ามีนโยบายรับเด็กจบใหม่อยู่แล้ว
แถมโดนกดเงินอีกตะหาก ได้น้อยกว่าเพื่อน 2-3k แต่ต้องยอมๆไปเพราะที่อื่นไม่รับ
บริษัทต่างชาติที่ว่ามันไม่ได้อินเตอร์จ๋าอะไรหรอก บริษัทต่างชาติที่มีสาขาในไทยค่อนข้างใหญ่ หัวหน้า HR เพื่อนร่วมงานที่ไทยก็คนไทยหมด
นานๆทีต้องคุยงานกับฝรั่งที่สำนักงานใหญ่บ้างเฉยๆ
โรงงานญี่ปุ่น นี่รอประกาศผลสัมภาษณ์นานเปล่าอะ ปกติเค้าต้องประชุมกันก่อนใช่ปะ พี่ๆโม่ง
>>781 เพื่อนมัธยมกูเทหมดแบบไม่เชิงตั้งใจ พอเปลี่ยนเมลล์แล้วไม่ค่อยได้กลับไปใช้ MSN เมลล์เก่าก็ขาดหายกันไปเอง
พอถึงตอนนี้จะโผล่หัวกลับไปก็ยังไงๆอยู่ สนิทกับเพื่อนมัธยมไม่เท่าเพื่อนมหาลัยด้วยแหละ
ตอนมหาลัยเพื่อนเยอะกว่าเพราะทำกิจกรรม กับพอเรียนเก่งคนก็จะเข้าหาเยอะเพราะอยากมาเกาะ
ตอนนี้เพื่อนมหาลัยก็ยังคุยกันบ้างนะ แต่หลายคนที่เคยสนิทๆกันมันก็ค่อยๆหายกันไป
ส่วนมากรู้สึกว่าเป็นความสัมพันธ์ที่เราต้องเป็นฝ่ายเข้าหาคนอื่นก่อนตลอด รออยู่เฉยๆให้คนอื่นมานัดเจอหรือคุยก่อนนี่ไม่มี
แต่ก็พยายามไม่คิดมาก คิดซะว่าอยากคุยกับเพื่อนก็ต้องยอมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ใครคุยด้วยแล้วทำท่าเหมือนไม่อยากคุยกูก็ช่างแม่งไป
หลายคนที่เคยให้กูช่วยตอนเรียนแล้วจบมายังเป็นเพื่อนกันต่อก็มี บางคนที่กูคุยแล้วแล้วเมินกูก็มี
สุดท้ายเพื่อนจริงเพื่อนปลอมก็ดูกันตอนหมดประโยชน์นี่แหละ
>>782 ช่วงนี้ก็หมดไฟแหละ ปัญหาหลายเรื่องทั้งเรื่องพ่อแม่ สุขภาพ ระบบงาน เพื่อนร่วมงาน
จริงๆเปลี่ยนงานมาครั้งนึงแล้ว เงินเดือนเยอะขึ้นมาก แลกกับสวัสดิการ อะไรๆที่ใหม่ก็ดีสำหรับตอนนั้น
แต่เวลาผ่านไปอะไรๆก็เปลี่ยนตาม ตอนนี้คงถึงเวลาหาที่ใหม่แล้วแหละ
เฮ้ออออออ ไม่รู้ว่าหัวหน้ากูต้องการอะไรจากกูว่ะ
กูบังเอิญทำงานพลาดไปวันก่อน ยอมรับผิดแล้วแก้ไขแล้ว หัวหน้ากูยังโกรธอยู่เลย เรื่องมันจบไปแล้วยังมาพูดแซะอีกแบบนี้เขาต้องการอะไรจากกูวะ
เหนื่อย เบื่อ เซ็งกับสังคมที่ทำงานว่ะ แบ่งพรรคพวกนินทาลับหลัง กูเป็นพวกไม่ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านอยู่แล้วต้องมาเจอสังคมแบบนี้อีก
>>768 มึงป๊ะเนี่ย พอดีไปอ่านเจอแล้วนึกถึงขึ้นมา
https://medium.com/inspiring-home/มาตรฐาน-6ca917c67e83
ควรต้องรู้สึกยังไงดีที่เข้าเว็บหางานแล้วเห็นบ.ที่ทำงานอยู่ลงรับสมัครตำแหน่งที่ทำอยู่สดๆร้อนๆเมื่อไม่กี่ชม.ก่อน...
ชิงลาออกแม่งเลยดีมั้ยวะ? ใจไม่อยากอยู่แล้วด้วยแหละ เฮ้อ ออกฉลองก่อนรับปริญญาแม่งอีเหี้ย
>>790 ใจเย็นเมิง ที่เก่ากูก็มีแบบนี้ ปกติคือจะมีรับบ่อยๆคือตำแหน่ง a, b สมมุติว่ากูทำอยู่ a
วันนึงบริษัทกูประกาศรับตำแหน่ง a กูก็ตกใจนึกว่าคนในทีมจะลาออก เลยไปแอบถามhr สรุปคือเขาจะรับคนตำแหน่ง b แต่แพ็คเก็จเวปมันให้จ่ายxxxxบาทลงได้สองตำแหน่ง เขาเลยลงประกาศทั้งสองตำแหน่งเลย เอามาเก็บไว้เล่นๆ
กับอีกกรณีคือดีลแพ็คเก็จxเดือน รีโพสออโต้ให้อาทิตย์ละ1ครั้ง เท่าที่อ่านคือเมิงเพิ่งเข้ามา แพ็คเกจที่เขาซื้อไว้อาจจะยังไม่หมดแล้วระบบมันรีโพสให้ใหม่
บางทีhrมันก็ขี้เกียจ ปล่อยๆโพสไปงั้นแหละ ไม่ต้องสนหรอก ถ้าหัวหน้ายังทำดีกับเมิงอยู่ก็ทำไปเถอะ
>>790 ไม่ต้องรู้สึกอะไรก็ได้...
ในส่วนของแผนกกู กูนี่แหละเป็นคนยื่นเรื่องให้ HR เวลาต้องการคน ซึ่งบางทีกูไม่ได้ยื่นเรื่อง รับคนครบแล้ว ปิดจ๊อบแล้ว กูยังเจอประกาศรับสมัครงานคนในแผนกตัวเองแบบอัปเดตสดๆ ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เหมือนว่า HR มันมี KPI ของเค้าน่ะที่ต้องเก็บ resume มาดองไว้ทั้งที่ไม่ได้มีแพลนจะรับคนจริงๆ อันนี้กูไม่เกี่ยวแล้วนะ ถ้าจะด่าอะไรก็อย่ามาด่ากูละกัลล์
>>791-792 ขอบคุณมากโม่งๆ จริงๆก็มีประเด็นอยู่แหละ เพราะงั้นถ้ามีอะไรมากกว่านั้นก็ไม่แปลกใจ แต่ถ้าไม่มีก็ดี พอดีช่วงนี้กูเฟลๆเลยมองได้แต่แง่ร้าย 5555 ตั้งใจกะจะกัดฟันทนอยู่อีก6เดือนให้ครบปีค่อยออกแต่ไปๆมาๆก็รู้สึกไม่อยากทนแม่งละ เบื่อ คิดถึงแมวที่บ้านชิบหาย T_T
กูเกลียดคนแบบนี้มากกูไหว้ทุกครั้งที่มาทำงานแล้วแกไม่รับไหว้หลังจากนั้นกูก็ไม่เคยไหว้แกอีกเลย ทีนี้แกก็เอากูไปนินนทาว่าไร้มารยาทไม่มีสัมมาคารวะกูเกลียดเหี้ยๆ
ขับแกร๊บดีปะวะ
เห็นคนบอกรายได้แม่งสูงจัดๆ จนบางทีกูก็คิดว่าแม่งขับยังไงของมันให้ได้ขนาดนั้น
ฟู้ดแพนด้าเหมือนกัน
ตอนนี้กูเป็น outsource อยู่แล้วอยากเปลี่ยนบริษัทหัวตัวเอง แต่ทำงานกับลูกค้าเจ้าเดิม
คุยกับหัวหน้าเค้าบอกมีบริษัทรับฝากอยู่ คิดค่าหัวคิว 15% ซึ่งกูว่าไม่แพงเลย น่าจะได้เงินเดือนเพิ่มราวๆ 30-40%
แต่ปัญหาคือกูจะได้เงินเดือนตอนหลังลูกค้าจ่ายเงินให้บริษัท ซึ่งกว่าจะครบรอบวางบิลแล้วจ่ายตังคือกูจะได้เงินช้าไป 3 เดือน
คิดหนักเลยว่ะ 3 เดือนนี่คือโคตรนาน ระหว่างนี้จะเอาเงินที่ไหนใช้
ถึงจะมีเงินเก็บเหลือบ้างแต่ปลายปีต้องจ่ายค่าส่วนกลาง ค่าประกัน ค่า LTF แถมต้องซื้อคอมใหม่อีกเพราะเค้าไม่มีให้
>>803 เค้าไม่มีนโยบายรับตำแหน่งที่กูทำเป็นพนักงานประจำน่ะ
ถึงรับจริงก็ไม่น่าทำเพราะพนักงานประจำได้เงินน้อย งานหนัก แถมโดนลากไปยุ่งกับวังวนการเมืองภายในอีก
ส่วนสัญญาจริงๆกูดันหาไม่เจอว่าไปหมกไว้ไหน ไม่แน่ใจว่าเค้าห้ามขอเปลี่ยนหัวด้วยรึเปล่า แต่ถึงห้ามจริงเวลาเอามาฟ้องมันไม่น่าฟ้องได้นะ
>>805 ไม่ใช่ข้อตกลงหรอก แต่เป็นนโยบายของเค้าเลยน่ะว่า role นี้จะไม่รับพนักงานประจำ ใช้วิธีจ้าง outsource เท่านั้น
แต่ก่อนเค้าจ้างเป้นโปรเจคแล้วจบเป็นงานๆไป หลังๆถึงเปลี่ยนมาเป็นทีมที่ดูแล product เป็นตัวๆไป แต่ก็ยังใช้วิธีจ้าง outsource แบบเก่าอยู่
สัญญานี่กูพลาดจริงๆ คิดว่าเก็บไว้ดีแล้วที่นึง มาคุ้ยดูดันไม่เจอซะงั้น
ส่วนเรื่องเป็นประจำดีกว่านี่กูไม่รู้เหมือนกันว่ายังไง เพราะสายอาชีพกูแนวโน้มจ้าง outsource เยอะขึ้นเรื่อยๆ
และเป็นอาชีพที่เปลี่ยนงานบ่อยกันอยู่แล้ว โอกาสโดนปลดก็เยอะ
ถ้าทำประจำเก็บอายุงานเยอะๆเพราะหวังพวกบำเหน็จนี่ไม่รู้จะคุ้มมั้ย
ถ้าจะทำประจำจริงๆอาจจะหาบริษัทที่ทำธุรกิจ outsource แต่รับพนักงานประจำแทน
โม่ง คิดยังไงกับการไปลองหาทักษะใหม่ๆที่โรงเรียนฝึกอาชีพแถวๆบ้านกันไหมวะ? เช่น เรียนทำขนมอบ เรียนเสริมสวย เรียนตัดผม เรียนซ่อมคอมบลาๆ เห็นว่าบางคนนี่ไปเรียนจากพวกนี้มาแล้วก็ลองมาหาเงินเป็นอาชีพเสริมไรงี้
>>811 เห็นแถวบ้านกูก็มี ราคาไม่แพง หลายๆอย่างน่าสนใจมาก บางอย่างที่กูไม่เป็น ไม่รู้จะหาเรียนจากไหน แม่งมาเจอใน รร. แบบนี้หว่ะ เช่น วางแผนไฟฟ้าอาคาร , ซ่อมทีวี , ซ่อมคอม เน็ตเวิร์ค , แต่งหน้า ทำเล็บ เสริมสวย ซึ่งแบบถ้ามีเวลากูก็โอเคนะ มีภาคค่ำไรงี้ด้วย ลองค้นๆผ่านพันทิพกูกลัวเรื่องครูสอนห่วยหว่ะ
>>812 ปล.กูไม่เคยเรียนหรอกนะ สนใจแต่ไม่มีเวลา ย้ายที่อยู่อีกคราวนี้ไกลแล้ว น้องกูไปเรียนทำขนมอบมา แล้วแม่กุลงทุนเครื่องอบให้มันทำเค้กขายได้เลย (แต่ตอนนี้เลิกทำไปแล้ว มันเบื่อ) ส่วนรุ่นน้องอีกคนไปเรียนตัดเย็บเสื้อผ้า จริงๆ คือออกแบบเสื้อผ้าวาดแพทเทินอะไรแบบนี้เลย เห็นว่าจะทำเสื้อผ้าขายเองนะ ตอนนี้ไม่รู้เป็นไงบ้างแล้วไม่ได้คุยกันนาน
-เป็นโปรแกรมเมอร์บริษัทนึง
-บริษัทอยู่ไกลจากบ้านเกินไป ขี้เกียจ
-เสนอทางเลือกให้บอสว่าควรใช้ remote จากที่บ้านมาที่ทำงานเพื่อประหยัดเวลา
-ใช้ข้ออ้างและทำใบข้อมูลต่างๆมาซัพพอทข้อเสนอ
-กลายเป็นว่าบอสให้พนักงานส่วนใหญ่ remote จากที่บ้านแทนได้ยกเว้นเลาเพราะเลาต้องดูแลระบบตรงนี้แทน
-งานหนัก2เท่าเวลามากชึ้น
-ฆวย
กูขอมาระบายหน่อย ทำงานบ.นึง บ.ต่างชาติใหญ่มากๆแบบที่มึงเห็นในทีวี แต่ระบบงานในแผนกกูพังมากๆ หัวหน้าคือความหี รวมถึงลูกๆนางด้วย ให้ทำงานเผา เร่งงาน เสาร์อาทิตย์มีงาน จู่ๆจะให้ทำงานวันหยุดก็โทรมา ทักมา พูดจาไม่ดี โยนขี้เก่ง เป็นท้อมาก
นอกจากเงินที่ดี(กว่าคนในสายอาชีพเดียวกัน) กับความชิลเรื่องเวลา ก็คืออย่างอื่นไม่มีอะไรดีละ หัวจวยมาก ไม่เคยพยามแมเนจให้โพรเสสดีขึ้น ดีแต่สั่งงาน งานก็เน้นปริมาณไม่เน้นคุณภาพ ห่วยชิบหาย
นิสัยส่วนตัวพวกนางๆก็เสียงดัง มีตัวเหม็น ชอบเอาของกินคนอื่นไปแดก ชอบด่า ชอบเบลอ ตัวเองผิดได้คนอื่นผิดไม่ได้ เรื่องมาก เทสสะเดิดมาก
โกรธจนอยากถอนขนจมูกแม่งเรียงตัว
กูมีเรื่องอยากจะถามว่ะ อาจจะเขียนวกวนไม่รู้เรื่องก็ขออภัยด้วย คือตอนนี้กูว่างงานและก็หย่อนเรซูเม่ไปตามบ.ต่างๆ รวมไปถึงให้พวกรีครูทหางานช่วยด้วย แล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีบ.นึงติดต่อมาให้กูไปสัมภาษณ์ บอกว่าเห็นเรซูเม่กูในเว็บหางาน กูก็ตกลงวันเวลาไปเรียบร้อย แล้วบ่ายวันเดียวกัน บ.รีครูทที่กูให้ช่วยหางานก็โทรมาหา บอกว่ามีบ.สนใจโปรไฟล์อยากให้ไปสัมภาษณ์ พอบอกชื่อบ.มา มันคือบ.ที่เรียกกูไปสัมภาษณ์ตอนเช้านั่นล่ะ กูเลยงงนิดๆว่าถ้าให้รีครูทสมัครงานแทนกูไป แล้วเขาจะมาเรียกกูซ้ำซ้อนกับรีครูททำไมวะ คืออันนี้เขาแจ้งมาเลยว่าเห็นเรซูเม่อัพเดทจากเว็บหางานไม่ได้บอกว่ารีครูทแนะนำมา หรือคนคัดเลือกโปรไฟล์จากทางเว็บหางาน กับคนเลือกโปรไฟล์จากรีครูทมันเป็นคนละคนกัน
ทีนี้กูมีคำถามว่าถ้ากูไปสัมภาษณ์กับบ.นั่นโดยตรงไม่ผ่านรีครูท เขาจะคิดว่ากูหักหลังรึเปล่า แล้วบ.รีครูทจะขี้นแบล็คลิสต์กูมั้ย ถ้าเกิดว่าวันนึงกูตกงานอีกหน เขาจะยังให้บริการกูอยู่ป่ะวะ กังวลตรงนี้ล่ะ
เริ่มทำงานแล้วสองวัน มีเลขพนักงานแล้ว ได้ลงเวลาเข้าออกงานแล้ววันนึง แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเซ็นสัญญาเลย เพื่อนโต๊ะข้างๆเข้ามาก่อนประมาณเดือนนึง มันได้เซ็นตั้งแต่วันแรก เรามีแววจะโดนเขี่ยทิ้งปะวะ
>>829 นี่ >>825 เอง คือนี่เป็นงานแรกอะ เลยไม่รู้ว่าปกติเขายังไงกัน ก่อนหน้านี้บริษัทบอกให้ไปขอเอกสารจากหน่วยงานราชการก่อนเริ่มงาน แต่ติดวันหยุดราชการสี่วันยาวเลย เลยโทรไปถามว่าจะให้เริ่มงานก่อนแล้วค่อยไปขอเอกสารทีหลังมั้ย เขาก็บอกว่ามีเอกสารก่อนแล้วค่อยเข้ามาทำ เราก็นึกว่าเอกสารมันสำคัญมาก ไม่มีไม่ได้ (เป็นเอกสารยืนยันว่าเราไม่มีประวัติอาชญากรรมอะ) ตอนนี้มีเอกสารแล้ว แต่เข้าไปนั่งทำงานแล้วไม่มีใครเดินมาทวงเอกสารตัวนั้นเลย สัญญาก็ยังไม่ได้เซ็น กลัวไปหมดละ แง
>>830 ถาม HR เลย เอาให้เคลียร์ กูก็เซ็นก่อนเริ่มงานนะ สัญญาก็ระบุชัดเจนว่าระยะทดลองงาน 90 วัน ไม่ได้มีเอกสารอาชญากรรมอะไรด้วย แต่มีให้เซ็นรับรองว่าไม่เคยโดนคดีอาชญากรรม ถ้าจับได้ทีหลังคือให้ออกได้เลย จริงๆ รายละเอียดคงขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท ที่แน่ๆ มึงมีสิทธิ์ถาม HR ได้
การรับงานช่วงนี้คือน้อยลงจริงไหมวะ
ถ้าทำโรงงานก็น้อยลงจริงนะ เห็นนิคมช่วงนี้ในข่าวปิดกันเป็นแถวเลย
ถามเพื่อนที่อยู่นิคมมันก็บอกเดี๋ยวนี้บางที่ก็ไม่มีเปิดโอ
กูสาย engineering จากเมื่อก่อนเวลาบิดงานบ.จะเหมาค่าแรงมาเลย เดี๋ยวนี้บ.ให้โอนเนอร์จ่ายค่าแรงให้แทน โอนเนอร์ไม่จ่ายก็โล๊ะคนออกจากโปรเจ็คแทนซึ่งแม่งไม่เวิร์คเลยเพราะงานไม่เสร็จ พวกแม่งเล่นแง่กันอยู่นั่นแหละ
>>830 มึงต้องเป็นฝ่ายตามจี้อะ HR ที่กูเจอส่วนมากแม่งเหี้ย ทำงานเช้าชามเย็นชาม ถ้าเราถามมันว่าจะเอาอะไรจากเราด่วนมั้ย มันจะตอบด่วนหมดแหละ คือแม่งเอามาไว้ก่อน ใช้ไม่ใช้อีกเรื่อง แต่ทีตัวเองจะทำอะไรให้พนักงาน ช้าชิบหาย ไม่ทวงคือไม่ได้ บางทีทวงแล้วทวงอีกแม่งก็ยังไม่ได้ (ขอโทษเอชอาร์ดีๆ ด้วย คนดีๆ ก็มี อย่างบ.กูก็มีดีอยู่คนเดียว งานเลยโหลดสุด เพราะพนักงานทุกคนรู้ว่าไปติดต่อกับคนนี้จะได้เรื่อง กับคนอื่นน่ะเหรอ ส่งเมลก็แล้ว โทรก็แล้ว พอถึงดิวหายจ้อย แม่งก็ดีแต่อ้างว่าลืมๆๆๆ เป็นเอชอาร์หรือเป็นอัลไซเมอร์วะ ดวก)
ใครเคยทำ exit interview ไหม ถ้ากูมีเขียนเหตุผลเพิ่มไปว่าออกเพราะเกลียดคนทำแผนกเดียวกัน จะมีผลไรไหมวะ คือมันโยนงานเก่ง อีกคนโดนเด้งไปล่ะ เหลืออีก3ตัวที่โยนงานกันเก่งมาก แล้วก็ดีแต่ปาก เซ็งชิบหาย แค่ยังต้องทำงานอีกเดือนกูก็เครียดจนไมเกรนแดก
คำว่าปรับตัว ฟังแล้วเจ็บ แต่แม่งจริงหวะ SME ตาย บ.ใหญ่ๆ จ้างงานหลักแสนคนแต่ กินรวบตลาดทั้งประเทศ
>>838 ปกติกูจะเขียนแบบเซฟๆ ตลอดนะเพราะบางทีโลกนี้มันก็กลมกว่าที่คิด วันหลังอาจโคจรมาเจอกัน และกูไม่เคยเชื่อว่าเอชอาร์บริษัทตัวเองจะมีจรรยาบรรณ ทันทีที่มันอ่านจบ มันต้องรีบแจ้นเอาไปเม้าให้เจ้าตัวฟังแน่นอน ทีเรื่องแบบนี้ล่ะไวเชียว ถ้าเรื่องงานทำได้แบบนี้ซักครึ่งก็คงจะดีเนาะ *กลอกตาเป็นเลขแปดวนไป*
เพื่อนโม่งกูเครียดว่ะ
กูเรียนทางด้านศิลปะมา แล้วเงินเดือนแม่งน้อยชิบหาย ไม่ได้เป็นที่ต้องการทางการตลาดขนาดนั้น บวกกับกุเองก็ไม่ได้เก่งเวิร์ระดับตัวท๊อปฮอลลิวูด เงินก็เลยได้แค่นี้ งานนอกที่ทำส่วนใหญ่ก็มีแต่งานฟรี คนนั้นขอให้ช่วย คนนี้ขอให้ช่วย งานได้ตังนานๆมีที
แล้วกูเองเลยอยากเก่งขึ้นในสายอื่นเพราะตังมันเยอะกว่า เลยไปหัดเรียนภาษา เรียนโปรแกรมมิ่ง แต่สายงานพวกนี้มันยากและต้องใช้เวลา ซึ่งมันทำให้กูเกิดความไม่มั่นใจขึ้นมาว่าไอ้ที่กูเสียเวลาทำอยู่เนี่ย อาจจะไม่ได้ให้ดอกให้ผลอย่างที่ต้องการ เพราะกูก็ 30 แล้วอ่ะ แต่อีกใจก็คิดว่า ถ้าไม่ลองทำจะรู้ได้ไงว่าตัวเองจะเก่งรึเปล่า จะสำเร็จมั้ย แต่กูก็ไม่ได้อยากแขวนชีวิตไว้กับการทดลองเท่าไหร่ คือกูอยากให้ความพยายามในวันนี้มันสร้างincome ได้จริงๆ ไม่ใช่แค่เรียนเพื่อรู้เฉยๆอ่ะ คิดงี้ก็เครียดว่ะ ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันถูกรึเปล่า บ้านก็ยังต้องเช่าอยู่เลย
>>845 ไอ้ที่มึงลองๆ ไปแล้วมึงชอบป๊ะล่ะ สามารถอยู่กับมันนานๆ ได้ป่าว กูว่าเรื่องพวกนี้น่าจะมาก่อนนะถึงจะทำเงินจากมันได้อย่างยั่งยืน กูก็เป็นพวกทำแม่งทุกอย่างลองนู่นทีนี่ทีเหมือนกัน กูก็มีช่วงนอยด์เหมือนกันในความจับฉ่ายนี้ สุดท้ายสิ่งที่กูคิดคือ รายได้ไม่จำเป็นต้องมาจากทางเดียว แล้วแต่ว่าในแต่ละช่วงชีวิตมึงให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน โอเคโฟกัสมันจะทำให้มึงไปได้ลึกกว่า แต่การกระจายไปทั่วกูว่ามันก็ไม่ได้ผิดอะไรและกูสบายใจแบบนี้ (แนะนำหนังสือ How to be everything อาจทำให้มึงสบายใจขึ้นว่ามึงไม่ได้ทำอะไรผิด)
>>845 ที่แน่ๆ ต่อให้มึงเรียนจบทางอาร์ตมา ก็ไม่ได้มีข้อจำกัดว่ามึงต้องอยู่กับสิ่งนั้น มึงยังเรียนรู้ไปได้เรื่อยๆ ถ้ามึงชอบมันมากพอถึงจุดนึงมึงจะหารายได้จากมันได้จริงๆ งานฟรีก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว กูก็ทำงานวิดีโอฟรีๆ เพื่อเรียนรู้ ฝึกมือให้ตัวเองมั่นใจพอจะรับงานได้ กูทำโปสเตอร์วันเกิด บอค.ให้เพื่อนฟรี จนมีเพื่อนของเพื่อนมาจ้าง เพิ่มคนมาจ้างอีก กูก็คิดราคาเพื่อนกันถูกๆ แต่ไงรู้มั้ย เพื่อนก็กลับมาจ้างกูอีกเรื่อยๆ นี่ก็ปีที่สองแล้วมันก็กลับมาจ้าง มันอาจเป็นเงินไม่มากแต่กูก็รู้สึกดีจัง นอกเหนือจากรายได้มึงสามารถหาความสุขกับมันได้นะ อย่ามองว่าทำอะไรผิดไป /ในขณะเดียวกันกูก็รับงานทำเว็บด้วย พิมพ์บิลกูก็รับ นี่อยากหัดเขียนบทความแล้วด้วยเนี่ยพิมพ์เยอะชิบ
กูเเม่งกลับกันเลยว่ะ กูเรียนจบสายวิศวะมา เเต่อยากไปทำงานด้านอาร์ตศิลปะ 555 เเต่เเม่งยังหาเงินได้ไม่พอ เลยย้ายสายไม่ได้ กำลังพยายามอยู่
>>846 คาดหวังซักเดือนละ 30-50k กูก็พอใจแล้ว คือกูอยากซื้อบ้านแล้วด้วยฐานเงินเดือนตอนนี้กูไม่สามารถได้วงเงินกู้เยอะได้เลย แล้วแถมถึงกู้ได้ กูก็ต้องอดมื้อกินมื้อเพื่อผ่อนบ้าน ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นจริงๆ คืกูอยากมีความสุข ไม่อยากกังวลว่าเดือนนี้จะมีเงินพอเก็บมั้ย อยากเดินทาง อยากมีอิสระทางการเงินมากกว่านี้ จะได้จัดการอะไรได้ง่ายขึ้น เรียนเองสำหรับตอนนี้ก็รู้เรื่องแหละ แต่มันก็ยังแค่เบสิกๆไง จะให้เก่งแบบรับงานได้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นรึเปล่าด้วย
>>847 >>848 >>849 เท่าที่เรียนๆอยู่ตอนนี้กูค่อนข้างชอบมันแหละ ถ้าสโคปงานไรชัดเจนกูว่ากูอยู่กับมันได้ แต่ที่กังวลคือ กลัวว่าพอเริ่มอายุมากขึ้น การที่กูมาเริ่มเรียนตอนนี้มันจะคุ้มค่ามั้ย สุดท้ายแล้วที่ลงทุนไปในวันนี้สามารถนำไปสร้างรายได้ให้ตัวเองได้จริงรึเปล่า หรือสุดท้ายมันจะกลายเป็นแค่รู้ไว้เฉยๆแต่ก็ไม่ได้ไปทำงานสายนี้อยู่ดีอ่ะ
กูอัพเรซูเม่ไว้ที่เว็บนึง เห็นประกาศของบ.นึงว่าเงินเดือนอยู่ในเรท 30-40 k กูก็เรียกไปในเรทนี้ล่ะ ตามประสบการณ์และอัพจากที่เก่าอีกนิดหน่อยแต่ไม่ต่ำกว่า 30 แน่นอน HR ก็โทรมานัดสัมภาษณ์ คุยไปคุยมาบอกให้กูได้แค่ 28 ซึ่งกูไม่เข้าใจว่าลงประกาศในเว็บทำไมว่า 30-40 วะ แถมถ้ารับราคาที่กูเรียกไปในเรซูเม่ไม่ได้จะนัดมาสัมภาษณ์ทำไม หรือจะเอาแค่ KPI ให้มีคนมาสัมภาษณ์เยอะๆพอ กูจะรับเงื่อนไขได้หรือไม่ได้ก็ช่างหัวมึง แบบนี้เหรอ
กูอยากบอกว่า ทำสิ่งที่ตัวเองเก่งนั่นเเหละดีที่สุด
ทีนี้ถ้าถามว่าจะค้นพบได้ยังไง อันนี้เเม่งก็ต้องใช้เวลานานละ กูทำงานวิศวะนี่ไม่ได้ชอบหรอก ทำได้ไม่ค่อยดีด้วย พอทำได้ไม่ดี ผลงานไม่เข้าตา หัวหน้าไม่เลีย ก็ขึ้นเงินเดือนน้อย ทำมาหลายปีเงินเดือนยังไม่ถึง30k ในขณะที่เพื่อน 35k 40k กันหมดละ หรือบางคนกลายเป็นหัวหน้าด้วยซ้ำ
พอกูมาทำงานศิลป์ ตอนเเรกก็ทำเป็นงานอดิเรก ฝึกๆไป2ปี เริ่มมีลูกค้าประจำ ได้เงิน 10k-20k เริ่มขึ้นเรื่อยๆ อัพไวมาก ลูกค้าเพิ่มเรื่อยๆ เคยได้งานใหญ่ราคาเกือบเเสน เป็นโปรเจคเกมส์ ดีไซน์ตัวละคร ทำCG บลาๆ
กูก็เสียดายที่เพิ่งมารู้ว่าตัวเองเก่งอะไร เพิ่งรู้ว่าตัวเองไปรอดทางด้านศิลป์เเล้วมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ ตอนนี้กูก็ทำงานงกๆไปก่อนว่ะ หยุดเสาร์อาทิตเอาเวลามาทำงานวาด ไว้อนาคตกูดังกว่านี้ ได้เงินดูเเล้วซัก20k 30k (อีกไม่นาน) กูจะออกงานประจำมาทำงานวาดเต็มตัวละ
จากประสบการณ์กูเลยพูดได้เเค่ว่าถ้าเก่งด้านไหน เงินมันจะเข้ามาหาเองว่ะ ประสบการณ์ตรงจริงๆ ปกติพวกสายวาดเขาจะฝึกกันตั้งเเต่เด็กใช่ปะ กูเพิ่งมาฝึกตอนประมาณใกล้เรียนจบนี่เอง เเล้วก็ฝึกวาดๆมาด้วยระหว่างทำงาน ผ่านไป2-3ปีก็เริ่มวาดคนเป็นละ ใช้เวลาน้อยมาก งานเข้ามาเรื่อยๆ มีฐานเเฟน ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะได้จับงานสายนี้
>>851 แนะนำคร่าวๆจากประสบการณ์ส่วนตัวและที่ฟังมาจากพี่ในออฟฟิซนะ
- เงินเดือนที่เล็งไว้อาชีพโปรแกรมเมอร์น่าจะถึงแหละ ถ้าได้ที่ๆไม่กดเงินจนน่าเกลียด
- ถ้าจะเริ่มทำงานควรเริ่มจากบริษัทที่ใหญ่ๆที่ทำงานกันแบบมี process แบบแผนกันประมาณนึงก่อน
เป็นการเรียนรู้ว่าการเขียนโปรแกรมเพื่อเป็นงานจริงๆเค้าทำอะไรยังไงกันบ้าง เพราะมันไม่ได้มีแค่เขียนโค้ดอย่างเดียว
- โปรแกรมเมอร์ที่ดีควรเขียนได้ทุกภาษาก็จริง แต่ถ้าเชี่ยวชาญภาษาและเทคโนโลยีที่นิยมใช้ในองค์กรใหญ่ๆจะดีกว่า
เพราะบริษัทใหญ่ๆแนวโน้มจ่ายเยอะกว่า หน้าที่ความรับผิดชอบชัดเจนกว่า ไม่จับฉ่ายเท่า ไม่ลูกทุ่งเท่า (ย้ำว่าแนวโน้มนะ)
- ถ้าโฟกัสกับเงินเป็นหลัก การเป็นพนักงานสัญญาจ้างจะได้เงินเยอะกว่าประจำพอตัว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความมั่นคงและสวัสดิการ
- ภาษาอังกฤษสำคัญมาก เวลาทำงานจริงแล้วติดปัญหาถ้าไม่ใช่เรื่องอะไรที่มันเฉพาะเจาะจงของงานนั้นๆ
เป็นปัญหา technical ควรจะ search หาวิธีแก้ปัญหาบนเน็ตเองได้
- บริษัทเดี๋ยวนี้อยากได้สำเร็จรูปคือรับเข้ามาทำงานได้เลยซะเยอะ ไม่อยากลงทุนกับการเทรนคน
บางที่คือต่อให้ถนัดภาษาที่เค้าใช้ แต่ไม่เคยใช้ tool / framework สำคัญๆที่เค้าใช้กันก็ไม่รับแล้ว ทั้งที่ของพวกนี้เรียนเองแป๊ปเดียวก็ใช้เป็น
ถ้าเจอแบบนี้เยอะๆก็อย่าไปคิดมาก ลองดูๆว่ามี tool / framework อะไรที่เค้าฮิตๆกันแล้วไปศึกษาดูคร่าวๆเผื่อเจออีกจะได้มีอะไรไปตอบเค้า
- ต่อจากข้อบนคือด้วยความที่มึงศึกษาเองแล้วยังใหม่ ลองพยายามหาที่ๆดูให้โอกาสคน ยอมลงทุนกับการเทรนคนดู ถ้าเป็นไปได้
ที่ๆเข้าไปแล้วต้องเอาตัวรอดเอง ไม่ค่อยให้โอกาสคน มันอาจจะกดดันเกินไป รอให้เริ่มชินกับงานก่อนซักพักค่อยไปถ้าอยากจะลอง
กูทำงานในแผนกตัวเองเสร็จกูเลยว่างอยากพักเพราะกูเป็นคนทำงานไวถ้าทำก็เต็มที่ไม่กินไม่นอนกันไปข้าง
ทีนี้อีแผนกข้างๆก็แบบมาเจ๊าะแจ๊ะขอให้ช่วยงานซึ่งเป็นคนละด้านกับที่กูทำำ พอกูปฎิเสธก็เหน็บแนมบอกกูขี้เกียจบ้าง ไม่มีน้ำใจบ้าง แบบนี้ก็ได้หรอวะ
>>859 ประสบปัญหาตรงข้ามกัน กูเป็นล่าม ว่างงง ว่างงงเหี้ยยยเหี้ยยยย คือถ้าญี่ปุ่นกับไทยไม่มีอะไรจะคุยกัน กูก็ว่างงงง
ไปขอช่วยงานในแผนก ก็ไม่มีใครกล้าให้ช่วยอะไร เพราะเค้าถือว่าเป็นลูกน้องนายใหญ่ ที่นี่เคร่งเรื่อง JD มาก
อ่านญี่ปุ่นจนไม่รู้จะอ่านยังไงแล้ว อ่านจนเบื่อ จะนั่งเล่นเน็ตเล่นเกมส์แม่งก็ดูเหี้ยเกิน ยังไงก็ญี่ปุ่นอะ วัฒนธรรมเป็นไงก็รู้
ยิ่งวีคไหนนายไม่อยู่ ไปตปท.นะ โอ๊ยย นรกสัสๆ เหมือนไปนั่งเป็นสากกะเบือ 8.00-17.00 ท่ามกลางผู้คนที่ทำงานกันงกๆ
ตกงานอยู่เลยไปช่วยงานเพื่อนที่เปิดโฮสเทลเล็กๆ ได้คุยกับผู้คนมากหน้าหลายตาจากหลายๆประเทศ รู้สึกเปิดโลกดีว่ะ บางคนก็เป็นนักวิจัยมาเก็บตัวอย่างวิจัยเลยเช่าอยู่เป็นเดือนๆ บางคนเพิ่งตกงานเลยอยากมาพักผ่อน บางคนเก็บเงินตามความฝันเที่ยวรอบโลก บางคนอายุเยอะกว่ากูอีกแต่ดูมีแพชชั่นการใช้ชีวิตแบบล้นปรี่มาก กูทำแล้วรู้สึกสนุกจนไม่อยากกลับไปทำงานประจำตอกบัตรเข้าออฟฟิศเลย แต่จะให้ทำกับเพื่อนกูตลอดไปมันก็เป็นไปไม่ได้ว่ะเพราะเงินที่กูได้มันน้อยยเหลือเกิน ไม่พอยาไส้ แต่มันพอมีเงินเก็บและกูก็ทำฆ่าเวลารองานใหม่จะได้ไม่ว่างเกินไป ;w; แต่ถ้ากูมีที่ดินหรือทำเลดีๆที่เดินทางสะดวกกูก็อยากเปิดโฮสเทลอยู่นะ
ขอถามไรหน่อยว่ะ พวกมึงหางานกันนานเเค่ไหนวะ
พวกคะแนนcutepนี่มีผลเวลาสมัครงานมั้ยอ่ะ พี่ๆได้เท่าไรกัน
พยายามแล้วที่จะหลีกเลี่ยงการเมืองในบริษัท สุดท้ายกูหนีไม่พ้น เออมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกูเพราะตำแหน่งงานมันต้องประสานงานทุกฝ่าย เป็นเด็กใหม่และกูก็อายุน้อยเขาก็เลยยังไม่อะไร แต่คิดว่าอยู่ไปนานๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะบรรยากาศแบ่งฝ่ายชัดเจนมาก กดดันคนที่ไม่ใช่พวกออกไปจนหมด บรรยากาศแย่ไม่เท่าไร ยังเรื่องโอกาสโตก็มีผลมาจากการเมืองและตำแหน่งกูก็น่าจะตันไม่ก็น่าจะต้องอยู่หลายปี นี่ก็พยายามมองหาที่ใหม่แล้วว่ะ ก็ไม่คิดว่าที่ใหม่จะต้องดีเลิศอะไร ขอแค่สามารถทำงานโดยแยกเรืองส่วนตัวและงานออกจากกันก็พอเว้ยย
>>869 กูกำลังจะมาปรึกษาเรื่องนี้พอดี ในฐานะที่มึงเป็นเด็กใหม่และอายุน้อย มึงว่ากูควรจะแนะนำเด็กๆ แบบมึงเรื่องการเมืองในบริษัทยังไง ให้น้องไม่เสียขวัญตกใจกลัวดีวะ บ.กูเนี่ย ใหญ่โตมั่นคง เงินเดือนก็ดี สวัสดิการก็ดี career path ก็มี งานก็สนุก challenge แต่เหี้ยอยู่เรื่องเดียวคือการเมืองแรงสัสๆ ถ้าทำใจให้ ignore เรื่องนี้ไปได้ ก็ถือว่าเป็นบริษัทที่ดีพอสมควร กูเลยอยากให้น้องๆ เด็กจบใหม่อยู่ได้น่ะ อย่างรุ่นกลางแบบพวกกู (เจน Y) ไม่เล่นการเมือง รักกันดีทุกทีมทุกแผนก ก็จะพยายามเทคแคร์น้องๆ แต่พวกกูก็ไม่ถึงขั้นไปสามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรการเมืองของพวกเจน X ได้หรอก ตอนนี้กูติดปัญหาคือกูไม่รู้จะแนะนำน้องยังไงดี จะพูดโต้งๆ ว่า "อย่าไปสนิทกับพี่คนนั้นแผนกนั้นมาก เพราะนายเราไม่ชอบขี้หน้าพี่คนนั้น น้องจะซวยไปด้วย" ก็แบบ...พูดไม่ลง เหี้ยเกิ๊น 555 มันก็เหี้ยจริงๆ นั่นแหละ ไร้เหตุผลชะมัด แต่ทำไงได้ ผู้ใหญ่ที่นี่แม่งเป็นแบบนี้ กูเสียดายน้องนิสัยดีเก่งๆ หลายคน ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ โดนไม่ผ่านโปรเพราะเรื่องงี่เง่านี่ ย้ำอีกครั้งว่ามันเหี้ย และอาจจะฟังดูไม่น่าอยู่ แต่สำหรับกูถ้า exclude เรื่องนี้ออกไปอย่างอื่นมันก็ดีจริงๆ นะที่นี่ สังคมรุ่นพี่รุ่นน้องคือดีเลยอ่ะ อยากสอนให้น้องทำใจให้ ignore แม่งซะ อย่าไปอิน อย่าไปคิดมาก ในขณะเดียวกันก็อยู่ให้เป็น แต่ก็ไม่ต้องไปเป็นส่วนหนึ่งของการเมือง เรื่องงานมันสอนง่าย สอนได้ตรงๆ แต่เรื่องนี้ไม่รู้จะพูดยังไงดี...
>>870 ต่อๆๆ เท่าที่สังเกต น้องจบใหม่บางคนจะมีเซนส์ อยู่ๆ ไปมันก็ดูออกของมันเอง ไอ้พวกนี้เอาตัวรอดได้ไม่ห่วง แต่อีกพวกนี่คือใสมาก ใสกิ๊ง ใสชิบหาย ชีวิตเติบโตมาในสังคมที่ดี ไม่เคยรู้จักการแบ่งพรรคแบ่งพวก มันเลยดูไม่ออก เอาตัวรอดจากเรื่องนี้ไม่ได้ กูอะโคตรสงสารและอยากช่วยเด็กกลุ่มนี้เลย เพราะตอนเด็กกูก็เป็นกลุ่มนี้มาก่อน 5555 กว่าจะเติบโตเอาตัวรอดมาได้แม่งก็เจ็บมาเยอะ แต่พอผ่านมาได้ พอปล่อยวางทำใจให้เลิกอินได้ ก็พบว่ามันเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วของชีวิตการทำงาน เอาเวลาไปโฟกัสอย่างอื่นให้ชีวิตดีกว่าเยอะ
มีใครเป็นฟรีแลนซ์กราฟิก หรือพวกรับวาดรูปไรงี้ปะ หาลูกค้ากันยังไงอะ เหนื่อยเหลือเกินกับเงินเดือนหมื่นห้า
ใครคิดว่าโปรแกรมเมอร์ขาดแคลน กูว่าไม่ใช่ยกตัวอย่างเช่น สายเว็ป
เด็กจบเยอะแต่ บ.ต่างๆ อยากได้ที่มีประสบการณ์ x ปี ขึ้นไปและชอบคนที่ทำ Framework ที่บ.ใช้อยู่ได้
เอาตรงๆ Framework แม่งฝึกใช้อาทิตย์นึงก็ได้ละแต่ บ ขึ้เกียจเทรน ทั้งๆที่แม่งไม่ต้องเทรนด้วยซ้ำ
สรุป โปรแกรมเมอร์ไทยไม่ได้ขาดแครน หมอยังขาดมากกว่า เด็กจบใหม่ส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนสายเพราะแม่งไม่มี บ ไหนอยากได้เด็ก
ฉะนั้นไอที่ บ IT ส่วนใหญ่ประโคมข่าวว่า โปรแกรมเมอร์ไม่ตกงานนี้กูขอเถียงเลย ที่ บ แม่งแย่งตัวกันมีแต่คนที่ประสบการณ์หลาย
ปรึกษาหน่อยสิพี่โม่ง เราอายุ23 คือเรียนจบวิศวะมา ทีนี้อยากเข้าพวกราชการไม่ก็รัฐวิสาหกิจ จริงๆก็ไม่ค่อยชอบวิศวะเท่าไร
คำถามคือถ้าราชการเนี่ยมันถ้าไม่สอบเข้าสายวิศวะ(ไม่รู้มีไหม) มันจะมีข้อดีข้อเสียปะ เช่นถ้าตรงสายที่เรียนก็อาจจะโอกาสเข้าง่าย ฐานเงินเดือน หรืออื่นๆ มันมีไหม หรือไม่เกี่ยว ถ้าราชการนี่จะสายไหนก็สอบเข้าได้
>>877 ที่ขาดแคลนคือขาดพวกจบมาแล้วมีฝีมืออ่ะ แล้วก็อยู่ที่ความเอาใจใส่+งบของบ.ด้วย อย่างตอนกูจบมาใหม่ๆโง่ๆเขียนโค้ดยังไม่ค่อยจะรอด บ.ยังจับกูไปเทรนจนทำงานได้เลย เพราะว่าบ.ใหญ่เลยมีงบเทรนเด็กใหม่ กูก็เคยถามหัวหน้าว่าทำไมรับกูเข้ามาเขาก็บอกว่า mindset กูเข้ากับที่ทำงานได้ เว้นแต่บางบ.ซีเนียร์ลาออกก็ต้องหาคนมีประสบการณ์มาถมตำแหน่งอ่ะน่ะ เพราะเดี๋ยวนี้พวกซีเนียร์ที่เก่งชอบโดนบ.อื่นๆเอาเงินฟาดมาดึงตัวกันบ่อยๆ สรุปคือถ้าเก่ง+มีผลงานมาก่อนยังไงก็เนื้อหอมอ่ะ
>>877 กูสาย backend ก็โดนเหมือนกันเรื่อง framework เนี่ย กว่าจะหางานใหม่ได้แทบตาย
เพราะบริษัทแรกที่ทำงานแม่งเป็นบริษัทใหญ่แล้วไม่ใช้ framework อะไรเลย พยายามจะเขียนอะไรเองให้หมดทุกอย่าง
ของพวกนี้จริงๆต่อให้งานรีบมันอ่านนิดเดียวก็ใช้เป็นแล้ว แค่เสี้ยวเดียวเทียบกับการเรียนรู้ระบบงาน
ไม่รู้จะใจแคบอะไรกันขนาดนั้น แต่คิดอีกทีไม่ต้องไปทำที่ๆหัวหน้าเป็นแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน
Programmer บริษัทไหนสัมภาษณ์เข้ายาก ๆ บ้าง
เรื่องที่ตลาดต้องการโปรแกรมเมอร์เก่งๆเนี่ยกูเข้าใจนะ
แต่ถ้ามึงจะเอางบไปเทแต่คนเก่งๆโดยไม่สนพวก junior เลยเนี่ย
สุดท้ายมึงก็ต้องไปจ่ายราคาแพงๆให้พวกเทพๆ มากกว่าเดิม
เพราะคนเทพๆ มันก็ได้พัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆเรียกเงินได้เรื่อยๆ
แต่ไอพวก junior แม่งก็ต้องไปนั้งหา บ ที่เปิดรับแทน ซึงหายากสัสหมา
แล้วก็วนลูปไปแบบนี้เรื่อยๆ
>>884 ทำไมจูเนียร์ถึงจะศึกษาเฟรมเวิร์คด้วยตัวเองไม่ได้วะ ไม่รู้นะกูว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องความขวนขวายส่วนบุคคลด้วย ถึงจะยังไม่เชี่ยวชาญแต่อย่างน้อยแสดงออกหน่อยเถอะว่ามึงมีใจจะเรียนรู้ พร้อมจะปรับตัวเข้าหาบริษัทบ้าง กูไม่เชื่อว่าจูเนียร์ทุกคนจะโดนปฏิเสธนะ
>>885 ไม่ผิด บางเว็ปมันจะมีเมมเบอร์แบบ exclusive ที่ขายให้เจ้าเดียว แต่ถ้าลงขายปกติมันเป็นสิทธิ์ของมึงที่จะลงขายที่ไหนกี่เว็บก็ได้ คนที่เขาทำแบบหาเลี้ยงชีพส่วนใหญ่ก็ลงกันหลายเว็บ
>>886 ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ junior ศึกษาเองไม่ได้นะ บริษัทสนใจแต่จะจ้างพวกเป็นอยู่แล้วอย่างเดียวมากกว่า
กูทำงานมา 3-4 ปี มั่นใจว่าเชี่ยวภาษาที่ใช้มากพอตัว เปลี่ยนมาแนว outsource ดู
ไปสัมภาษณ์ตามไซต์ลูกค้าเจอถามแค่ว่าเคยใช้ XXX framework มั้ย
บอกไม่เคยใช้เพราะที่ทำงานเก่าเค้าเป็นแนวไม่ใช้ framework กัน แต่ให้กูไปอ่านเองได้ แม่งไม่มีรับซักที่เลย
ถามกับ HR เค้าก็บอกไม่รับ เพราะใช้ framework ที่เค้าใช้ไม่เป็นจบ
ไม่รู้ว่าเพราะเป็น outsource ด้วยรึเปล่านะถึงเจอแต่แบบนี้ กว่าจะได้งานสัมลูกค้าตั้ง 10 กว่าที่
ช่วงนี้รู้สึกตัวเองไร้ประโยชน์ และโง่ยังไงก็ไม่รู้
คือเป็นเด็กใหม่ แล้วอยู่ในตำแหน่งที่ต้องประสานงานกับฝ่ายอื่น ปัญหาคือ เวลามีคำถาม บางครั้งเราตอบไม่ได้ ต้องคอยถามรุ่นพี่ มันไม่ใช่งานที่ศึกษาเองได้ เพราะมีการเปลี่ยนนโยบายตลอดเวลา ไม่มีกะเกณฑ์อะไรเลย
บางทีตามหลักต้องทำแบบนี้เลยบอกเขาไป แต่นายบอกหยวนให้เขาหน่อย พอเขาติดต่อนาย เขาทำงานสะดวกขึ้นลดขั้นตอนลง (แต่ก็ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ต้องคอยมาแก้ให้) เลยรู้สึกเหมือนเขาจะไม่ค่อยชอบเรา แบบ น้ำเสียง คำพูด คือฟังแล้วเก็บมาเครียดทุกที
เวลาเขาโทรมาแล้วตอบไม่ได้ พอบอกจะประสานถามนายให้ก็หงุดหงิด ไม่ต้องแล้ว จะโทรเอง (มีเสียงเหมือนสบถก่อนวางสาย ประมาณนั้น เป็นประจำ) เอ้าา ก็เราไม่ได้มีอำนาจตัดสินขนาดนั้นนะเว้ย จะให้ตอบให้จบๆไปได้ไง ข้างบนก็ไม่ได้มีแนวทางชัดเจนขนาดนั้น ทุกวันนี้เครียดมาก เหมือนมานั่งบื้อๆให้เขาด่าเล่น มานั่งคิดนอนคิดแม่มทุกวัน ทำยังไงให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้บ้าง
คือไม่ได้บอกว่าให้ บ ไปเทรนเด็กเพื่อใช้ framework เว้ย แต่แค่อย่ามองว่า framework คือส่วนที่เรียนรู้นานและยาก
เพราะการเรียนรู้ framework มันไม่ได้ยากขนาดนั้นแค่มันมีเยอะ และถามว่าทำไมเด็กไม่เรียนรู้ framework ถ้ามันง่ายขนาดนั้น
ก็เพราะ framework แม่งมีให้เลือกใช้เยอะไงกูเปลี่ยนมา 4-5 ตัวละยังไม่คิดว่าจะมีตัวไหนที่กะจะใช้ไปตลอดเลย
ฝึกใช้ framework จริงแม่งไม่ได้นานหลอก บางคนแม่งใช้ไม่เป็นแต่บอก HR ไปว่าใช้เป็นและก็กลับบ้านไปเทรน 3-4 วันก็ได้ละ
>>891 HR ป่าวเนี่ย ก็คงต้องปล่อยเสียงนกเสียงกาไป คนที่เขาแฟร์ๆ เขาก็เข้าใจแหละว่ามันเป็นที่ระบบ ที่ทำงานเก่ากูก็มีปัญหากับระบบเหมือนกัน แต่กูก็ถามหาได้แต่กับ HR ใช่ม๊า ถึงกูจะหัวเสียไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เกลียด HR หรอกนะ พอเข้าใจสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ แต่กูก็ไม่รู้จะหาทางออกทางไหนถ้าไม่ใช่ HR สุดท้ายกูก็เจอทางออกละ ออกจากงานน่ะ
พี่โม่ง ไปฝึกงานแล้วว่างมาก ไปของานขอช่วยงาน พี่ๆบอกว่าถ้ามีงานให้ทำจะเรียกเอง จะไปถามซอกแซกก็กลัวรำคาญเพราะงานยุ่งๆกันหมด
>>897 ลองขอทำงานพวกเก็บของเข้าแฟ้ม จับคู่เอกสาร ย่อยกระดาษ ก็อบปี้ อะไรพวกนี้ดู ไปส่องดูว่าอันไหนง่ายๆไม่ต้องสอนเยอะ
>>896 กอดคอ กูไม่ใช่hr แต่กูเข้าใจเมิง ของกูเป็นงานประสานงานระหว่างแผนก
ของกูแม่งคนสอนงานสอนเขี่ยๆ สอน 1 2 3 กูก็ทำแค่นั้น สรุปแม่งมี 1.5,2.5, 4 ,5 ,6 แต่ไม่สอนกู พอกูส่งต่อให้แผนกอื่นก็โดนด่า กูเลยบอกเขาว่าไม่รู้ ให้สอนแม่งเลย
บางทีแม่งคนนอกแผนกมาถามข้อมูล กูเห็นคนในแผนกไม่ตอบก็ไปถามเจ้าของเรื่องแล้วตอบให้ แม่งมาไล่บี้ต่อกับกูเฉยทั้งๆที่เป็นเรื่องสมัยก่อนกูเข้า ส่วนคนที่ทำ(คนที่สอนงานกูนี่แหละ)แม่งก็ทำเบลอว่ากูทำ มาถามกูต่อ ไม่รู้เบลอจริงหรือเนียน
ก็ได้ข้อคิดนะเมิง อันไหนไม่ได้ทำ/ไม่รู้ก็บอกเขาเลยไม่งั้นจะกลายเป็นความผิดเมิง อันไหนไม่ใช่เรื่องอย่าไปเสนอตัว ให้เขาเคลียร์กันเอง ไม่ต้องไปรับเรื่องแทน
ถ้าคิดว่าสิ่งแวดล้อมอื่นๆ(ทำเล เพื่อน เงิน)ดีแล้วก็ทำไปเถอะ ตัวเนื้องานเมิงกัดฟันทำไปสักปีก็จะรู้วิธีเอาตัวรอดได้เอง กว่าจะถึงวันนั้นก็โดนด่าจนชินพอดี คิดน้อยๆเมิง อย่าเอามาใส่ใจมาก
ไม่รู้ถูกห้องเปล่าแต่ไม่ไหวแล้วสัส
บ. อยู่แถวสมุทรสาครเป็นโรงงานเจีกแล้วกุทำงานในออฟฟิศเป็น Sale Co (อ่านว่า GB ) กุงงมากในบริษัทกุทำงานไม่เป็นระบบแบบเหี้ยๆ แผนกกุคือแผนกรับตีนจากทุกฝ่ายแล้วตัวหัวหน้าแม่งคือเซลล์ตปท. แต่มีคนเดียวแต่งานแม่งเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆ แต่ไม่เคยคิดจะจ้างเซลล์หรือพนักงานในแผนกเพิ่มมี งานมี 10-12 งาน แต่รับไว้คนเดียวและไม่คิดจะแบ่งให้ใครอีกเพราะมันไม่มีเซลล์อีกคนไงล่ะ แล้วพอจวนตัวก็มาเร่งแบบต้องการเลย แถมรู้ทุกอย่างแต่ไม่บอกอะไรเลยทั้งๆที่มันเป็นงานเร่ง พอทำผิดก็มาด่าเสียเวลากันทั้งคู่
เพื่อนโม่งปรึกษาหน่อยดิวะ กุสงสัยเรื่องทดลองงานอะ
คือตอนนี้กุทำงานอยู่ บนึง ทดลองงาน 90 วัน แล้วที่นี้สงสัยเรื่องการยื่นขอลาออกอะ คือช่วงทดลองงานเนี่ยมันจะหมดช่วงหลังปีใหม่พอดีเลย
แล้ว บกุหยุดปีใหม่นานมากกก (28-5มค) พอเปิดปีใหม่มาปุ้ป เหลือเวลาอีกประมาณสองสามวันจะครบ 90วัน
คำถาม กุควรบอกเขาตอนไหนวะ ว่าจะออกอะ คือกะจะไม่ต่อโปรแหล่ว
>>900 กะจะอยู่ให้หมดปีใหม่หรือเปล่า ปกติถ้าจะลาออกก็ไม่ต้องรอให้ผ่านโปรก็ได้นี่นา สมมติอยากออกเลยไม่ต้องกะว่าจะถึงปีใหม่มั้ยก็บอกได้เลยนะ เผลอๆ ได้ออกสิ้นเดือนนี้เลย แต่ถ้าอยากออกปีใหม่พอดีก็ค่อยรอบอกเดือนหน้าก็ได้ ถ้าจะไม่ไปต่อแล้วก็ไม่ต้องรอกำหนดผ่านโปรหรอก ว่าแต่ เพิ่งเริ่มงานแค่เดือนเดียวรู้แล้วหรอวะว่าไม่โอเคกับที่นี่ ทำไมรีบตัดสินใจจัง
>>901 รู้ละๆ คือมันใช้ไม่ถูกกับ JD อะ JD ตอนรับเขียนอย่าง รับจริงทำอีกอย่างที่มันไม่เกี่ยวกับ JD เลย
ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ชอบในเนื้อหางานมาก พอไม่ใช่สิ่งที่เขียนใน JD ก็ทำไม่เป็น นึกภาพออกปะ
คนสอนงานไม่มี มีเอกสารมาให้ดู บอกอะ ทำตามๆไปตามเนี้ย สงสัยอะไรก้ไม่ต้องถามน่ะ พี่ก็ทำไม่เป็น ศึกษาเอาจากงานเก่าละกัน
>>902 แง เหมือนกูเลยย งานแบบเดียวกันเปลี่ยนลูกค้าแม่งเปลี่ยนโปรแกรม ตอนสอนสอนกูโปรแกรมเดียว พอทำเสร็จแม่งเพิ่งบอกว่าต้องทำในอีกโปรแกรม พอขอตัวอย่างงานแม่ง บอกให้ไปดูตยในเซิฟกลาง พอบอกว่าหาไม่เจอแม่งจิ้จ้ะหงุดหงิด สรุปแม่งไม่ได้วางไว้บนเซิฟ
พวกสอนงานเขี่ยๆนี่เหมือนไม่อยากได้คน อยากออกๆไปเลยให้แม่งทำงานเองจะได้สำนึกบ้าง
แอบเย็ดเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศ แล้วหัวหน้ารู้ ทำไงดี
แม่งเมื่อไม่นานนี้กูไปสัมงานที่นึงแล้วหน้าแหกเพราะเรียกเงินเดือนสูงไป(ผ่านรอบแรกแล้ว พอไปเซ็นต์สัญญาคุยเรื่องเงินเดือนแม่งเงียบไปทั้งห้อง hrมองกูแบบหน้าแหยๆ หัวหน้าแม่งกระแทกมือถือกับโต๊ะแล้วมองกูเซ็งๆ) สรุปวันนี้มีรีคู้ทอีกเจ้ามาชวนไปสัม แม่งให้เงินเดือนต่ำกว่าของกูหมื่นนึง อีดอกกก
รีคู้ทแม่งบอกกูด้วยว่าเดี๋ยวคุยให้ อย่าคุยเรื่องเงินนะไว้คุยรอบสอง ลบเงินเดือนในรีซูมเม่ออกด้วย อีสัสหมา มิน่าแม่งมองกูหยามมาก กูคุยกับรีคู้ทไว้สี่หมื่น แต่บริษัทเข้าใจว่ากูยื่นที่สามหมื่นแล้ววันเซ็นต์สัญญามาขอขึ้นเป็นสี่หมื่นอ่ะ ทั้งๆที่กูยื่นที่สี่หมื่นแต่แรกเลย
เจ็บใจ กลายเป็นคนหน้าเลือดเฉยเลย อีเหี้ย
กูเคยโดน บ.ยักษ์ๆเรียกสัม แล้วไม่ได้ตลอด
ตอนนี้ บ.รถตัวTเรียกสัม เป็นกำลังใจให้กูด้วย
โปรแกรมเมอร์ไม่มีวุต ป.ตรี สายเว็ป
ไม่เคยทำงานจริงแต่มีความรู้พอสมควร
เรียกเงินเท่าไหร่ถึงจะเหมาะ
กูบอกไปว่า15000-20000
>>907 น่าจะหลอกให้กูไปต่อรองเอาเองหน้างาน ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็เรื่องกูไรงี้
กูรู้จากรีคู้ทอรกเจ้าว่างานแม่งรับคนเรต2-30000 ของกูคือขอไว้ที่35000 ตอนคุยกับรีคู้ทกูเห็นบริษัทไม่มีสวัสดิการไรเลย(ไม่มีโบนัส/ประกันกลุ่ม/กองทุนรวม)เลยเรียกไป40000 แม่งงงเลยตอนเขายื่นสัญญามาแล้วถามว่าเอา30000แค่พอหรอ เพราะเขาก็ดูจะงงว่ากูลดเงินเดือน/สวัสดิการตัวเองทำไม
เหี้ยตรงที่แม่งบอกกูว่าไม่ต้องคุยเรื่องเงินเดือนนี่แหละ บอกจะคุยให้ อีสัส ใครโดนรีคู้ทพูดงี้เมิงระวังไว้เลย
นี่คิดว่ามันน่าจะส่งกูไปขำๆเป็นตัวเลือกหลอกให้เหมือนมีหลายๆตัวเลือก แต่เสือกสัมผ่าน เลยมาหน้าแหกตอนก่อนเซ็นต์สัญญา
มีโม่งกราฟิคดีซิงเนอร์มั้ยวะ เป็นไงกันมั่งวะ
>>870 หนูโม่งน้องใหม่ค่า 555 ท่ดๆ โม่ง 869 เองนะ ขอบคุณพี่มึงมาก แต่น่าจะหนีไม่ทันเเล้วล่าสุดพี่ทีทำงานก็โดนใบเตือน โอโห เล่นกันไม่แยกแยะเลย รอดวันนี้ วันหน้าก็รอดยาก โชคดีไม่ค่อยยึดติดอะไรที่ที่มาก แต่ขำจริงนะประโยคที่ว่าแกอย่าไปคุยกับคนนั้นมาก คนนั้นนายไม่รัก เชื่อเเล้วมีจริงๆแต่ก็ต้องสนิทกันพอสมควรถึงจะกล้าพูด คงไม่มี how to หรอกมีแต่ประสบการณ์ชีวิจ เล่นจริงเจ็บจริงไม่ใช่แสตนอิน ชีวิตมนุษย์เงินเดือน อาเมน
มีโม่ง sale support ไหมวะ สงสัยว่า ไอคำว่าซัพพอตเนี่ยมันทำอะไรบ้าง
เพื่อนโม่ง กูอยากปรึกษาเรื่องการพัฒนาตัวเองในการทำงานว่ะ อาจจะแอบมีเรื่องปัญหาสุขภาพทางจิตเบาๆแต่กูไม่รู้ว่าจะพูดกับใครจริงๆ
วันนี้เพื่อนร่วมงานคนนึงได้รับการเลื่อนขั้นและได้คำชมว่าเป็นคนเก่ง ทำงานเก่ง ฉลาดคุ้มค่าเงินเดือน
กูดีใจกับเพื่อนมากๆนะ แต่อีกใจก็รู้สึกอิจฉา รู้สึกร้อนใจว่าทำยังไงถึงจะเก่งแบบเพื่อนกูได้ กูอายุมากกว่ามัน มันเรียนจบสายตรงมาเลยแต่กูจบไม่ตรงสายอาศัยศึกษาเอาเอง ถ้าประสบการณ์การทำงานกูมีมากกว่าแต่ประสบการณ์ในสายงานนี้ก็มีพอๆกันเพราะเริ่มงานพร้อมกัน
มันเป็นคนฉลาด เข้าใจอะไรง่าย รอบคอบ มองการณ์ไกลเหมือนมันเข้าใจในสิ่งที่มันทำ กูเองก็พยายามศึกษา แต่ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้กูไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้เท่ามัน เหมือนกูไม่เข้าใจเลยเห็นภาพรวมไม่ชัดเจน สุดท้ายกูก็ตามมันไม่ทัน
กูกลับมาวิเคราะห์ตัวเองนะ ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ขัดขวางการพัฒนาตัวเองในสายงานนนี้ของกู แต่ก็คิดไม่ออกเลยว่ะว่าทำไมกูถึงทำอย่างมันไม่ได้ ทำไมถึงมองเห็นแบบที่มันมองไม่ได้ หรือเพราะความไม่เด็ดขาด ไม่มั่นใจในตัวเองรึเปล่า กูเองก็ไม่รู้ แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่กูกับมันแตกต่างกันตรงความแน่ ในขณะที่มันกล้าชนตรงๆ รักษาสิทธิ์ตัวเอง แต่กูกลับพยายามไกล่เกลี่ย ประนีประนอม กูไม่รู้ว่านี่จะเป็นตัวขวางกูให้เป็นอย่างมันไม่ได้รึเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ใครสามารถให้คำปรึกษากูได้มั่งวะ รู้นะว่ามันยากที่จะวิเคราะห์กูเพราะเราไม่รู้จักกันแต่กูไม่สามารถเล่าอะไรแบบนี้ให้ใครฟังได้ว่ะ กูไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่ากูขี้แพ้ อิจฉาเพื่อน ไม่อยากถูกมองแบบนี้ ช่วยทีนะเพื่อนโม่ง
>>921 เลิกเปรียบเทียบแล้วตั้งเป้าหมายของตัวเอง โฟกัสที่เป้าหมายของตัวเองพอ สมมติ ฉันจะทำยอดให้มากกว่าสถิติตัวเองเมื่อปีที่แล้ว ถ้าประนีประนอมแล้วถึงจุดหมายได้ ต่อให้ไม่ไวเท่ากล้าชน ก็ไม่ได้หมายความว่าการประนีประนอมมันผิด ทางใครทางมัน ถ้าเป้าหมายของตัวเองชัดเพื่อนก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย กูรู้มันยากที่จะเลิกเปรียบเทียบ แต่มึงต้องมองเห็นเป้าหมายของตัวเอง ไม่ใช่ของเพื่อน
บ.ธรรมดาๆ มีปัญหาเด็กใหม่ออกง่ายจริงปะวะ ใครเป็น HR ตอบหน่อย
เป็นทุกที่แหละ ของกูบริษัทใหญ่ชื่อดัง ออฟฟิศมีคนเป็นร้อย ล็อตกูเข้าพร้อมกัน5คน กูเพื่อน3คน มีแพลนออกกันหมด
ยิ่งบริษัทใหญ่ยิ่งปัญหาเยอะ รีคู้ทไหนเจาะบริษัทพวกนี้ ได้ไม่ปวดหัวตายก็รวยตาย
>>925
ถ้าให้กูเดานะ มันหลากเหตุผลอยู่พอตัว ถ้าให้แยกประเภท บ.ใหญ่ๆในไทยที่กูเคยเจอคนมาบ่นๆลงทุกที่นะ
-บ.ใหญ่ๆทำธุรกิจผูกขาดแนวเดียวกับ กฟผ. , กฟน. มึงคิดดูนะว่า บ. แนวนี้การเมืองจะออกแนวไหน
-บ.แนวเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งใครๆก็อยากไปทำงานด้วยเพราะกำไรดี ทุนใหญ่ไม่ง้อใคร อันนี้การเมืองแม่งก็ไม่ต่างกับไอ้ธุรกิจเชิงผูกขาดทั้งหลายแหล่
-บ.เจ๊ก อันนี้คือขี้งก ขี้เหนียว สารพัดแห่งความปลิง
-บ. ยืนบนไหล่รัฐ เกาะรัฐแดกจนไม่อยากหารายได้จากธุรกิจหลักๆ
กุว่า บใหญ่บเล็กก็ปัญหาเดียวกันนะ
บอเล็กเจอความไม่เป็นระบบ ก็เซ็งออกอีก ซึ่งไอตรงนี้บอใหญ่ๆไม่มี ทุกอย่างเป็นระบบหมดแล้ว
>>926 กูเคยบ่นไว้ >>903 เพื่อนก็โดนเหมือนกัน คิดว่าน่าจะเป็นวัฒนธรรมองค์กรว่ะ สอนๆกันมาแบบนี้
เรื่องหลายระบบเพื่อนกูบอกน่าจะพ่วงมาจากเรื่องเส้น ใครเส้นระบบเข้ามาก็ได้ส่วนแบ่ง เวลาขายก็ไล่เดินคุยกับหัวหน้าแต่ละแผนก ใครเห็นด้วยก็เอามาลองใช้ บางโปรแกรมเอามาแล้วคนใช้น้อยก็ลอยแพไม่พัฒนาต่อ คนที่รับมาใช้ก็ซวยไป
>>926 กูก็เคยออกจากบ.ใหญ่เพราะมันน่าเบื่อ ไม่ท้าทาย เหมือนเดินตามระบบที่เค้าสร้างเอาไว้แล้ว แม้ปากจะบอกให้ไคเซ็นๆ แต่ระบบกลับเอื้อให้ทำได้จริงยากชิบหาย สุดท้ายก็จะเบื่อจนไม่อยากทำอะไร ทำแบบเดิมๆ ไปเอง
มาทำบ.เล็กท้าทาย ได้ใช้ความสามารถเต็มที่ แต่ไร้ระบบระเบียบ ใช้งานมั่ว ไม่มั่นคง
ตอนนี้มาลงตัวที่บ.ขนาดเล็กในเครือบ.แม่ขนาดใหญ่ยักษ์ มั่นคงเพราะมีบ.แม่ มีระบบมีโนว์ฮาวมาประมาณหนึ่งเพราะได้มาจากบ.แม่ แต่ก็ยังมีอิสระมากมายเป็นช่องว่างให้เราได้แสดงฝีมือ ทำนู่นทำนี่ สร้างและพัฒนา
ฮือออ กูรู้สึกเฟลชิบหาย เป็นหัวหน้าเขามาหลายปีแล้ว แต่กูมีจุดอ่อนใหญ่สุดเลยคือเวลาต้องออกไปพรีเซ้นท์งานว่ะ
กูเป็นคนจำอะไรไม่ค่อยเก่ง แถมเวลาพูดยังติดๆ ขัดๆ ยิ่งตอนขึ้นไปพรีเซ้นท์แล้วนะ กูพูดเร็วจนหายใจไม่ทันเลย คือคุยปกติอะได้นะ แต่ถ้าต้องมายืนพูดต่อหน้าคนจำนวนมากนี่ไม่ไหวอะ orz
อยากหางานใหม่ ช่วงนี้เขาทำกันยังไงอะ เอารีซูเม่ไปโยนเว้บพวก จ้อบดีบีกันเหมือนสมัยก่อนปะ
linkedin ถ้าไม่ได้อยู่ระดับเมเนเจอร์/เซลล์/ไอทีไรงี้กูว่าไม่ต้องไปเสียเวลาหรอก ไอ้เหี้ยทำเมลล์ทำพาสเวิดกูหลุดด้วย
ไม่รู้กูแปลกป่าวนะ กูเป็นโปรแกรมเมอร์ก็ไม่ใช่คน low tech อะไร
แต่ไม่ชอบไอเดียของ LinkedIn เลยว่ะ รู้สึกว่าคนเราต้องมี social network เพิ่มอีกหนึ่งอันที่แต่งโปรไฟล์เพื่อใช้หางานเนี่ยนะ
ทุกวันนี้ยังไม่ยอมใช้ แต่ถ้ากระแสโลกไปทางนั้นเต็มเหนี่ยวก็คงเลี่ยงไม่ได้ล่ะนะ
>>936 กูว่ามันก็โอเคนะ แต่ก็เข้าไปเฉพาะเวลาที่จะหางานนั่นแหละ ส่วนนึงโพรไฟล์ในนั้นมันก็ทำให้ลูกค้ากล้าจ้างงานกูแบบฟรีแลนซ์ด้วย ละมันทำให้กุอยากทำเครือข่ายแบบ LinkedIn แต่เป็นสาย hobby/craft ว่ะ เป็นเน็ตเวิร์คที่เชื่อมคนด้วยสกิล สมมติกุมีความสามารถวาดรูป อยากหาคนที่จะเอารูปกุไปทำเป็นกู๊ดส์ หรือสมมติคนนึงทำงานปักอยากจะติดต่อขอเอาตัวละครของอาร์ติสคนนี้ไปปักเป็นที่รองแก้วอะไรแบบนี้ สนับสนุนการ collab กัน เก็นโพรไฟล์ว่าศิลปินคนนี้เคย X ใคร สร้างอะไรมาบ้าง ฝันๆ ไป ถ้าทำจริงกูว่ามีแต่คนมาฝากร้านขายของตั่งต่างแน่
กูเบื่องานระบบครอบครัวมากอีสัส กูทำงานของกูเสร็จแล้วก็ให้กูไปช่วยแผนกนู้นแผนกนี้ใช้งานมั่วสัสๆ
เซ็งหัวหน้างาน ตัวเองชี้ๆสั่งๆแล้วก็ไป งานคนอื่นเร่งเอายิกๆ พอมีเรื่องต้องเซ็นต้องจ่าย แม่งไม่ยอมทำซะที ยึกยืออยู่นั่น ต้องให้กูคอยตามคอยทวง คุยก็คุยให้ ดีลให้ ไลน์ก็ไม่ค่อยอ่าน เมล์ก็ไม่ดู มึงจะเอายังไงอ่ะ
กูจะสาปส่งพวกแม่งที่ขอบอ้างเป็นผลงานตัวเองยังไงดีวะ มาเร่งกูให้ทำงานให้พอถึงเวลาอ้างเป็นงานตัวเองนายก็เชื่อ อีสัสเกลียดมาก
พวกมนุษย์เงินเดือนยุคนี้ต้องให้ที่บ้านเดือนละเท่าไหร่บ้างเหรอ ตอนนี้เราต้องให้ที่บ้านแบบสร้างอนาคตยากเลย
ตอนนี้ให้ที่บ้านเดือนละสองหมื่นบาท อายุเกือบ 32
>>944 อายุพอกัน เราอยู่กับพ่อแม่ ให้เป็นเงินสดแค่เดือนละ 5000 (โอกาสพิเศษต่างหาก) แต่ออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน พาไปเที่ยวตปท ทุกกิจกรรม ทุกการใช้จ่าย ทุกอย่างที่พ่อแม่ซื้อ เราเป็นคนจ่ายทั้งหมด ซึ่งพ่อแม่ไม่ขับรถ เวลาออกบ้านก็ไปกับเราเราก็จ่ายให้หมด (คิดว่าพ่อกับแม่น่าจะมีโอกาสใช้เงินแค่ตอนปั่นจักรยานไปเซเว่นแถวบ้าน) รวมๆ ที่หมดไปกับที่บ้านก็เดือนละ 25k ใช้ส่วนตัวอีกเดือนละ 15-20k เหลือนิดหน่อยก็เอาไปลงกองทุนกับประกันหมด ไม่งั้นภาษีบาน เงินเก็บแทบไม่มี นอนกองอยู่ใน LTF RMF กับประกัน เคยเครียดกับอนาคตตอนแก่เหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้ปลงๆ ละ ถึงตอนนั้นเป็นยังไงก็ค่อยปรับตัวไปตามสถานการณ์ ดีหน่อยไม่คิดจะมีครอบครัว แต่ถ้าคนคิดจะมีครอบครัวจำเป็นต้องสร้างอนาคตคงยากแบบเธอว่านั่นแหละ
ความจริงจะเปย์น้อยกว่านี้มันก็ได้แหละนะ แต่เราก็อยากให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดี อยากกินอะไรได้กิน ได้ใส่รองเท้าดีต่อสุขภาพ ได้นอนที่นอนสบายไม่ปวดหลัง ได้ไปเที่ยวตปท.หลังจากเหนื่อยทำงานส่งเสียเลี้ยงดูเรามาทั้งชีวิต ฯลฯ คชจ.เลยค่อนข้างสูงหน่อย เอาไว้ตกงานหรือเกิดมีเหตุให้เงินเดือนน้อยกว่านี้ ก็คงปรับตัวไปตามสถานการณ์ แต่ตราบใดที่ยังพอมีรายได้ ยังสามารถให้คุณภาพชีวิตที่ดีกับเขาได้ ก็อยากจะให้ว่ะ จะอยู่ด้วยกันไปถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขาก็แสนดีไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราด้วย มีแต่บอกให้เราทำเพื่อตัวเองบ้าง ไม่ต้องให้เขามาก
ว่าแล้วปลายปีก็เครียดกับเรื่องลดหย่อนภาษีนี่แหละ บ.ประกาศโบนัสแล้ว เท่าที่ลองคำนวณเองคร่าวๆ น่าจะต้องหาอะไรซื้อเพิ่มอีก 80k เพื่อลดฐานภาษีลงมาให้เหลือที่ฐาน 10 -_-" ปวดกบาลชะมัด แต่จะจ่าย 15% แม่งก็ปวดจัยย์
โม่งกุปรึกษาหน่อยกุเพิ่งเริ่มมาเป็นซาลารี่แมนแล้วกุไม่ค่อยได้ศึกษาเรื่องการออมเงินหรือการเก็บเงินแบบจริงๆจังๆเลย
เงินเก็บเนี้ยที่กุคิดไว้คือแบ่งไว้สองส่วน
1. เงินเย็น เข้าบัญชีธนาคารไว้อันนึง
2. เงินลงกองทุน
แล้วทีนี้เงินลงกองทุนเนี้ยกุไม่รู้จะเลือกแบบไหนดี เอาจริงๆแอบกลัวเสี่ยงๆตรงเงินมันจะจมในช่วงแรกๆใช่ปะวะ ถ้าได้เงินปันผลเร็วก็ว่าไปอย่างแต่มันมีเคสขาดทุนอยู่ใช่ไหม
ปกติโม่งเก็บเงินได้กันกี่ % อ่ะ ของกูปลายปีจะเหมือนเหลือเงินเยอะนะ แต่พอเจอค่าประกัน ส่วนกลางคอนโด LTF ฯลฯ ก็หมด
แบบเหลือเงินในบัญชีติดไปปีหน้าไม่กี่พัน หรือบางทีหนักๆก็ติดลบเลย ต้องไปยืมหรือขอเลื่อนเวลาจ่ายหนี้บางหนี้ไปชั่วคราว
เงินเก็บอยู่ในรูป LTF, provident fund ที่ค้างมาจากบริษัทเก่าซะมาก ซึ่งถ้าฉุกเฉินมันก็ไม่ใช่รูปแบบที่สะดวกกับการถอนมาใช้เท่าไหร่
ขอระบายหน่อยนะ...
อีสัส สั่งงานกูซะหยั่งกะกูมีสิบมือ จะเอาเหี้ยไรนักหนา แล้วรีบได้ทุกงาน กูทำให้ไม่ทันนะโว้ย อีกคนนั่งว่างอยู่ทำไมไม่ให้มันทำวะ แค่งานหลักกูก็จะตายแล้ว หัวหน้าหัวควย ปากแพล่มจะออกทำไมมึงไม่ไปซะทีวะ
เฮ้อ
ทำไม บ ใหญ่ๆ ขั้นตอนการจ้างงานกว่าจะรู้ผลนานมาก ของกูเกือบ สองเดือน ตั้งแต่สัมยันเซ็นสัญญา
บ่นมั่ง ถึงกูจะไม่ได้ทำงานประจำแบบพวกมึงก็เหอะ 555
ว่าไงดีวะ กูเปิดร้านอ่ะ รายได้น้อยฉิบ แต่ว่างานสบายสัด กูก็เลยคิดไม่ตก ว่าอย่างกูควรจะไปทำงานที่เงินมันดีกว่านี้ไหม
แต่คิดอีกที อุปกรณ์ของร้านกู มันก็ลงทุนไปพอสมควรเหมือนกัน ถึงจะขายต่อได้ก็เถอะ
เป็นทางเลือกที่ยากสำหรับกู จะทำงานสบายๆ เงินน้อยต่อไป หรือ ร่อนใบสมัครเผื่อเปลี่ยนงานดี
กูจะติดอยู่ในโซนของตัวเองรึเปล่า แล้วยิ่งปล่อยนานไป ความรู้ความสามารถ ที่จะเอาไปสมัครงาน บ. กูก็จะลดลงเรื่อยๆ ด้วยป่ะวะ
กูควรลาออกแล้วหางานใหม่ หรือทนๆทำไปจนกว่าได้งานใหม่ค่อยออกดีวะ คิดวนไปวนมาก็อย่างหลังแหละ แต่ลาไปสัมยากชิบ ถามซักไซ้เหลือเกิน
>>958 ทางออกอาจไม่ใช่งานประจำ แต่เป็นการเอาเวลาไปหารายได้เพิ่มทางอื่น ไม่รู้ว่ามึงมีสกิลอะไรบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ช่องทางหาเงินก็เยอะแล้วนะ บางคนวาดรูปขาย ถ่ายรูปขาย ถักผ้า ทำเพลง พิมพ์งาน แปล เขียนคอนเท้นท์ ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง รับจ๊อบแบบฟรีแลนซ์ไม่ก็รีโมทอ่ะ อะไรก็ได้ที่มึงสามารถทำในร้านตัวเองระหว่างรอลูกค้าได้
>>955 ของกู 15 เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกูประมาทและใช้เงินมากเกินรึเปล่า แค่คิดว่าอะไรเอาไปลดได้ก็ลดๆไปเถอะ ยังไม่รีบใช้เงิน
แต่หลังหักค่าอะไรใหญ่ๆประจำปีแล้ว การจะเก็บเงินสดให้ได้ถึงเงินเดือน x 6 นี่มองไม่ออกเลยจริงๆว่าจะทำยังไงไหว
งดของฟุ่มเฟือยทุกอย่างเลยชีวิตก็จะเหี่ยวเฉามาก หรือต่อให้เก็บได้กูว่าเดี๋ยวได้ไปหมดกับอะไรซักอย่างเช่นไปเที่ยว ตปท. แหงๆ
เบื่อสังคมที่ทำงานว่ะอีเหี้ยเอ๊ย ทำงานระบบมั่วซั่วฉิบหายยังกับเด็กจบใหม่ทั้งๆ ที่อายุจะ 30 อยู่แล้ว แถมยังปากดีลับหลังคนอื่นเหมือนทุกคนนอกจากตัวเองโง่ไปหมด
ไม่ติดว่าเงินดีกับเศรษฐกิจเหี้ยแบบนี้กูออกไปแบบไม่ลังเลแล้ว
เครียดเรื่องหางานโว้ย ย่อนเรซูเม่ไปเป็นสิบๆที่ตั้งแต่พ.ยมละมีเรียกสัมที่เดียวแถมไม่ได้ด้วย ปีหน้ากุจะได้งานไหมเนี่ยยย
คนที่ต้องให้เงินพ่อแม่เหมือนเสียเงิน 2 เด้ง คือแทนที่จะได้เอาเงินไปลดหย่อนภาษีต้องมาเสียภาษีมากขึ้น
ถือว่าเป็นภาษีชีวิต ดีกว่าไปจ่ายภาษีสังคมซองงานแต่งนะเมิง จ่ายให้เขาไปเยกัน ออกลูกออกหลานมาเย้ยอีก เมื่อไหรจะแต่งงานมีลูก รอใส่ซองอยู่น้า
ท้อครับเพื่อนโม่ง สัมกี่ที่ๆก็ไม่ผ่าน ตังก็จะหมดเหลือใช้ถึงสิ้นเดือน รอบตัวก็ไซโคหนักว่าปีหน้าศก.ยิ่งแย่ งานยิ่งหายากไปอีก /ปาดน้ำตา
มีใครเคยโดน layoff บ้างมั้ย ตอนนี้กูไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับอะไรแบบนี้เลย
แต่ก็มีแต่คนไซโคว่าเศรษฐกิจแย่ เดี๋ยวจะโดนง่ายๆ แต่กูก็รู้สึกว่าตั้งแต่กูเริ่มทำงานมาสิบปีก็พูดกันว่าเศรษฐกิจแย่มาตลอดเป็นเรื่องปกติ
ตัวกูในตอนนี้ก็เรียกว่ามั่นคงได้ไม่เต็มปาก เป็นพนักงานสัญญาจ้าง ถ้าโดน layoff คือจะไม่ได้เงินชดเชยอะไรเลย
แต่อยู่ในแผนกทำกำไรของบริษัทลูกค้า แถมเป็นคนที่อยู่มานาน ตำแหน่งก็ไม่สูงมาก ไม่น่าจะใช่เป้าแรกๆที่จะโดน
อันนี้กูประมาทไปรึเปล่าวะ
>>974 ไม่เคยโดน เป็นพนักงานประจำ ผลงานอยู่ในเกณฑ์ outstanding มาตลอด กิจการบริษัทก็เติบโตดี ยังไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมั่นคงเลยซักครั้ง มีแผนสำรองตลอดแหละว่าถ้าตกงานกะทันหันจะทำไง มีเงินเก็บอยู่ได้อีกนาน แต่ข้อเสียคือเพราะมัวแต่คิดว่าตัวเองไม่มั่นคงเลยไม่กล้าทำอะไรใหญ่โต เช่น ไม่กล้าซื้อบ้าน/คอนโด ตอนซื้อรถนี่ก็ซื้อเงินสด
ไปสัมงานวันแรกก็โดนคนในแผนกเล่นซะเละ กูควรจะเอาหรือปฎิเสธไปดีวะเพื่อนโม่ง ก็รู้แหละว่ามันต้องเจอพวกปากไม่ดีบ้าง แต่นี่คือล่อแม่งทั้งแผนกอะ กูเส้า =___=
>>980 สำหรับกู
#1 เยอะมากๆ แต่ในทางเทคนิคของที่ทำมันสามารถรื้อทำใหม่ได้เนียนๆ
นั่นคือถ้าผู้ใหญ่สูงๆเลยไม่พอใจกับทีมกู เคสเลวร้ายสุดคือมีสิทธิปลิวทั้งทีม แล้วจ้างคนอื่นมาทำของคล้ายๆกันมาเสียบให้ลูกค้าใช้แทนเนียนๆได้
ไม่กระทบลูกค้าหรือกระทบน้อย (ขึ้นอยู่กับฝีมือคนที่มาทำใหม่ด้วย)
#2 คิดว่าคุ้มนะ แต่ไม่รู้หัวหน้าจะคิดเหมือนกูมั้ย
งาน Sale Co นี้ถ้าเจอเซลล์ดีแม่งดีเลย เจอเซลล์เหี้ยนี้ส้นตรีนชิบหาย
กุเจอเซลล์เหี้ยไง วันๆไม่ทำอะไรจริงๆ เดินแดกกาแฟ นั่งกินขนมในห้อง เมลล์ลูกค้ามาไม่ตอบเองให้กุตอบ
เอกสารไม่เคยทำเองซักอย่าง พอจะเบิกเงินใช้เองก็ไม่ทำให้กุนั่งทำแล้วพอมันทำเองแม่งข้อมูลก็ไม่ครบโดนบัญชีด่าอีกทำไม่ข้อมูลไม่ครบ เวลามีคนมา Audit แล้วไม่ผ่านนู้นนี่ก็มาโทษกุก่อนคนแรกเลย ทั้งๆที่เป็นโปรเจคตัวเอง
พี่โม่ง ปกติแล้วคนที่ไม่ผ่านโปรนี่มีจากสาเหตุอะไรได้บ้าง เกิดขึ้นง่ายมั้ยอะ พอดีได้งานที่แรกแล้วชอบมากๆ แต่กังวลเรื่องโปรอะไรนี่มากเลย ;_;
มีใครเคยทำงานเรือสำราญไหม ถ้าไม่มีประสบการณ์จะเป็นได้ป้ะวะ
>>990 โห หรือจริงๆ พี่ที่เคยไปนั่นไปเพราะจะไปมั่วแขกแบบนี้วะ 5555
กู 989 นะ มาเพิ่มเติมที่พี่เขาเล่าให้ฟัง พี่คนนี้เขาเป็นผู้ชายนะ ก่อนไปก็ทำงานบริษัทเดียวกันนี่แหละ ขับรถตู้รับส่งแขก รร. ทำเอกสารบ้าง ไปอยู่บนเรือก็จะเป็นงานบริกรทั่วไปอ่ะ เสิรฟ์อาหาร ยกของ งานบริการทั่วๆ ไป ใช้ภาษาอังกฤษ กุก็ไม่ได้ถามอะไรละเอียด จำไม่ค่อยได้แล้ว รู้แค่ว่าเงินดี
ใกล้ครบพันแล้ว พวกมึงว่าจะต่อเป็น ศุกร์สิบสาม หรือจะข้ามไปเป็นศุกร์สิบสี่เพื่อเลี่ยงอาถรรพ์ดี?
เพื่อนโม่งกุทำไงดีวะ ตอนนี้กุกำลังโดนย้ายไปทำอีกตำแหน่งนึงแต่ถ้าทำปุ๊ปงานกุจะโดนโหมงานมารัวๆจนไม่มีเวลาจะไปทำอะไรเลย กุมีแปลนว้่าจะออกจากบริษัทนี้อยู่แล้วแต่ยังหาที่ใหม่ไม่ได้ คือกุจะไปปฎิเสธการย้ายก็ไม่ได้ถ้าปฎฺเสธแม่งก็ไล่กุอยู่ดี ถ้าอยู่ต่อกุก็อยู่กับที่ไปไหนไม่ได้ ทำไงดีวะ
ตะกี้กุโพสต์ผิดห้อง
1000
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.