ขอสำปอยยามลมวสันต์แบบจัดเต็มที คันหัวใจ
Last posted
Total of 1000 posts
ขอสำปอยยามลมวสันต์แบบจัดเต็มที คันหัวใจ
ตอนล่าสุดยามดอกวสันต์ พี่สาวนางเอกขี้เหยียดจังล่ะคุณพี่ แม่เลี้ยงเป็นลูกพ่อค้าเลยไม่อยากผูกมิตรด้วย บอกไม่อยากให้มาแทนที่แม่เลี้ยงคนเก่า แต่พ่อยูแต่งชีมาไง ถ้าแม่เลี้ยงเทิร์นดาร์กชั้นจะเชียร์!
>>520 เพราะนางเอกเป็นผู้หญิงแบบโบราณไง mind set คือโบราณ พ่อควรมีลูกชาย เมียเอกเป็นใหญ่ กูอ่านดำนำไปนิดนึง นางเอกเห็นว่าเมียใหม่คือคนที่จะอยู่กับพ่อไปตลอดชีวิต อยากให้พ่อมีชีวิตครอบครัวที่มีความสงบสุข มีลูกชายดูแลยามแก่เฒ่า ซึ่งตอนนี้พ่อแต่งเมียใหม่มาแล้วก็ควรทำดีด้วย เขาจะได้ดูแลพ่อต่อไป นางเอกเป็นคนดีจริงๆนะเรื่องนี้ เป็นนุ่มนิ่มเจ้าน้ำตา แต่เป็นเด็กดีจริงๆ ใครอยู่ด้วยก็รัก แม่เลี้ยงก็ชอบนางนะ ดีกับนางด้วย แล้วในอนาคตพระเอกกับนางเอกได้ลงเอยกันแม่เลี้ยงก็มีส่วนช่วยกล่อมพ่อนางเอกให้
>>522 เรียกว่าช่วยดีมะวะ เอาเป็นว่ากำจัด แต่ไม่ได้ฆ่าอะไรแบบนั้น คือนางเอาไปคุยกับพี่สาวแล้วพี่สาวจัดการให้ คือ พ่อยังไม่ได้รับเป็นอนุอะ ให้เรียกตัวสาวใช้กลับมาเมืองที่นางเอกอยู่หรือให้แต่งงานออกไป (ให้กลับมาบ้านเดิมแม่นางเอกเหมือนพวกคนรับใช้เดิมขอแม่ทั้งหลาย สาวใช้นี้คือเป็นสาวใช้ติดตัวแม่นางเอกไง พ่อแม่ตายนางก็ตามไปดูแลพ่อจนพ่อแต่งงานใหม่ ชอบปีนเกลียวเมียใหม่ มีอะไรก็ยกเอาแม่นางเอกมาอ้าง ไม่แปลกปะวะที่เมียใหม่จะเกลียด)
>>523 ต้องเข้าใจนางเอกก่อนนะ คือนางเป็นสาวน้อยนุ่มนิ่ม จิตใจดีงาม นางตายอนาถแต่นางกลับมาเกิดใหม่นางไม่ได้จะแก้แค้นนะ เป้าหมายของนางคือต้องการให้คนที่รักนาง คนที่มีบุญคุณมีความสุข ดังนั้นจะไม่มีการวางแผนทำลายล้างกัน แต่จะเป็นแนวๆส่งเสริมช่วยเหลือ อะไรที่ทำให้คนที่รักนางมีความสุขนางจะทำ เช่น มามาข้างกายนางเอกลูกป่วย นางก็ส่งหมอไปด้วยอย่างตอนต้นๆ สาวใช้ของแม่จะทำให้ครอบครัวใหม่ของพ่อไม่มีสุขก็หาครอบครัวให้แต่งออกไป ทำสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ไม่เคยทำ เช่น จัดโต๊ะกินข้าวให้ผู้ใหญ่ ชงชา ปักผ้าทำข้าวของเสื้อผ้าให้พ่อ ให้พี่ ให้แม่เลี้ยง คือใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้น
กูเจอสรุปเรื่องย่อที่มีคนรีวิวไว้ อ่านอันนี้ก่อนค่อยไปดำน้ำจีนถึงค่อยจับความได้ ไม่งั้นไม่รู้เรื่องเลย
กูลากภาษาอังกฤษทั้งดุ้นมาแปะได้มั้ยวะ
https://minaninablog.wordpress.com/2018/12/20/金陵春-jin-ling-chun/
ใครต้องการเรื่องย่อจบเรื่องตามไปอ่านเองละกัน
วัฒนธรรมจีนตามระบอบศักดินาสมัยก่อน ยกย่องคนเป็นบัณทิต ควรอ่านเขียนพากเพียรสอบเคอจวี่เป็นขุนนางกัน ยิ่งพวกมีการศึกษาตระกูลเก่าแก่ เค้าจัดว่าพ่อค้าเป็นชนชั้นที่ต่ำกว่า พ่อค้าพอเก่งพอรวยก็ต้องพยายามเข้าหาขุนนางให้ช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก
พ่อนางเอกแต่งมาสองครั้งเมียตายหมด ตระกูลอื่นๆ ดีๆ จะเหลือลูกสาวมาแต่งด้วย ได้เมียใหม่ก็เพราะบ้านเมียใหม่เห็นที่พ่อนางเอกเป็นขุนนาง ได้เกี่ยวดองกับขุนนางพ่อค้าชอบ พวกพ่อค้ารวยๆ ก็พยายามอัพสกิลให้ลูกหลานสอบบัณฑิตเล่าเรียนเป็นขุนนางให้ได้ จะโทษต้องโทษที่ระบอบ เค้าจัดชนชั้นไว้อย่างนี้
งานจือๆ ก็เขียนแบบนี่แหละ เขียนเล่าชีวิต
อีกอย่างคือที่จีน สมัยก่อนแบ่งงาน ผู้ชายดูนอกบ้าน ผู้หญิงดูในบ้าน จัดการงานเรือน ทรัพย์สิน สมบัติ คนใช้ พอเมียเอกตาย ต้องแต่งใหม่ น้อยมากที่จะเลื่อนอนุขึ้นมาเป็นเมียเอก (มันผิดแบบแผน) ต้องหาคนมาดูแล ลูกเต้าบ้านเรือนทรัพย์สิน อีกอย่างพ่อนางเอกยังไม่มีทายาทสืบสกุลเลย ยังไงก็ต้องพยายามแต่งใหม่อยู่แล้ว ที่จีนไม่มีทายาทถือว่าอกตัญญู (อกตัญญูมีสามประการ ไม่มีทายาทถือว่าหนักที่สุด)
พี่สาวนางเอกตัวนางเอก มาอยู่บ้านตระกูลเฉิงก็เพราะเมียใหม่พ่ออ่านเขียนได้น้อย เติบโตมาในตระกูลคหบดีพ่อค้า
บ้านสี่ก็อยากให้หลานสาวได้มีค.รู้ สมเป็นกุลสตรีที่เพียบอีกแย่างวางคู่หมั้นไว้ให้แล้วด้วยก็ต้องพยายามปลูกฝังให้ไปเป็นนายหญิงตอนแต่งออก อยู่ตระกูลเฉิงดูมีเกรดกว่าไปอยู่กับพ่อตัวเอง ที่ยังเป็นขุนนาวท้องถิ่นด้วย
พวกนางเอกกับพี่และแม่ใหม่ไม่สนิทกัน มีกำแพงในขั้นแรกก็ไม่แปลกหรอกที่จะไม่ได้นับถือ ไม่ได้สนิทผูกพัน ไม่เคยเจอไม่เคยอยู่ด้วยกัน ไม่รู้นิสัยใจคอ
ถ้าให้สปอยล์คือ
แม่ใหม่ไม่ดาร์ก คนใช้ที่จะชิงตำแหน่งอนุเนี่ยดาร์กกว่าที่คิด
พยายามอัพตัวเป็นอนุพ่อนางเอก ใช้ความเคยเป็นคนสนิทสนมดูแลแม่นางเอกในการเข้าหาพ่อ ทำให้เมียใหม่วางตัวลำบากด้วย เพราะพ่อนางเอกรักแม่นางเอกมาก อีกอย่างคือสาวใช้คนนี้เป็นกุญแจนึงที่สาวไปจนทำให้นางเอกรู้ว่าเฉิงลู่ประสงค์ร้ายกับตัวเองเพราะอะไร รวมถึงรู้สาเหตุทำไม แม่นางเอกถึงตาย
เรื่องยังอีกยาวไกลลลลล
ใครรอฉากสวีทพระนาง รอโน้นเค้าเริ่มใกล้ชิดกันตอนทริปไปผู่ถัวซานเด้อออ อิอิ
>>533 เริ่มเรื่องพระเอก 25 นางเอกตายตอนราวๆเกือบสามสิบมั้งกลับมาตอนตัวเองอายุ 12
ชาติใหม่แต่งงานไวอยู่อายุสัก 15-16เองแหละ แต่ในเรื่องก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะยินดีนะ พ่อนางเอกเหมือนจะขอพระเอกไว้ว่าอย่าเพิ่งเข้าหอไวให้แต่งไปก่อนหรือไงนี่แหละ ตอนนางเอกท้องลูกคนแรกพี่สาวนางเอกโกรธพระเอกมากเลย แม่พระเอกดีใจมากที่มีหลานแต่ก็สงสารนางเอกที่มีลูกไวไป
== ไหนบอกไม่เลี้ยงต้อย กูนึกว่าจะแต่งงานตอนนางเอก 18-20ก็ยังดี
ล่าสุดอ่าน Villain's Younger Sisters
ฉันทะลุมิติมาเป็นน้องสาวในตัวร้ายในนิยาย
>>546 มึงกูเข้าใจว่านั่นเรื่องปกติของเขา แต่พระนางเพิ่งรู้จักกันสองสามปี ทั้งๆที่บรรยายว่าพระเอกเคยไปแสวงหาความเป็นเซียน ไม่เที่ยวหอนางโลม ฝ่ายนางเอกกูเข้าใจน้องว่าตกหลุมนักพระเอกไม่ยาก แต่ก็อยากใ้ยืดเวลาไปกว่านี้หน่อย นางเอกสักสิบแปด เถอะ บ่นไปงั้นแหละ อ่านที่เขาสรุปแล้วก็ทั้งเรื่องลากยาวเพราะ เห้อ เวอวัง
ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไง เจอนิยายแนวสลับตัวลูกสาวเยอะมาก เท่าที่อ่านตอนนี้ชอบ I Just Want to Freeload on Your Luck ที่สุด แนวสมัยใหม่วัยเรียน นางเอกเป็นมะเร็งตายตอนอายุ 23 พอตายแล้วถึงรู้ว่าจริงๆตัวเองเป็นตัวประกอบในนิยายแนว Autumn in My heart จ้าวหมิงซี ลูกสาวตัวจริงนักธุรกิจที่ถูกสลับตัวกับนางเอกของเรื่อง
ตามเนื้อเรื่องในนิยาย จ้าวหย่วนเป็นเด็กสาวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เป็นที่รักของครอบครัวและคนรอบข้าง จู่ๆวันนึงก็พบว่าตัวเองไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริง แต่ก็ฟันฝ่าอุปสรรค์ได้แสดงความสามารถในด้านการเรียนและทักษะต่างๆจนทุกคนยอมรับ ได้ครองใจพระเอกที่เป็นพี่ชายคนโต จ้าวจ้านฮุ่ย ที่เติบโตมาด้วยกัน ส่วนลูกสาวตัวจริงจ้าวหมิงซีนั้นจิตใจเลยเต็มไปด้วยความอิจฉา คอยสร้างปัญหากับนางเอก เป็นตัวละครที่มีเพื่อขับเน้นให้นางเอกนิยายส่องประกาย จากนั้นก็ตายไปอย่างด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจไม่มีใครรัก
ชาติที่แล้ว หมิงซี ถูกสลับตัวกับทารกกำพร้า ต่อมาถูกคุณยายชาวบ้านรับไปเลี้ยงดูที่บ้านนอกจนถึง อายุ 15 คุณยายตาย พ่อแม่ตัวจริงถึงตามเจอรับกลับเข้าบ้าน ตอนนั้นจ้าวย่วนเป็นเหมือนไข่มุกในอุ้งมือของคนในบ้านไปแล้ว ทุกคนกลัวจ้าวย่วนจะคิดมากเสียใจเรื่องไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริง เลยยิ่งเอาใจใส่จ้าวย่วนมากขึ้น ดังนั้นทั้งที่หมิงซีพยายามอย่างมากเพื่อจะได้เป็นรับการยอมรับ กลับรับผลตอบรับอย่างเฉยชา จนหมิงซีรู้สึกเหมือนตัวเอกคือคนแปลกหน้า ส่วนเกินที่มาแทรกความสัมพันธ์ในครอบครัวที่สงบสุขของพวกเขามาตลอด มีความรักทุ่มเทแค่ไหนอีกฝ่ายก็มองไม่เห็นค่า หลังตาย system ไขข้อกระจ่างว่ามันเป็นเพราะชีวิตคือสตอรี่ที่มีจ้าวย่วนเป็นนางเอก ส่วนหมิงซีเป็นตัวประกอบ เพราะงั้นถึงแม้เป็นลูกสาวตัวจริง แต่ชีวิตต้องเป็นหินรองเท้าให้นางเอกเค้างี้แหละ ทางแก้คือต้องไปคลุกคลีกับพวกคนดวงดีในนิยายทำแต้มสะสมให้หลุดเคราะห์กรรม
ชาตินี้ได้กลับมาหมิงซีเลยตัดขาดจากที่บ้าน มองหาออร่าคนดวงดี ไม่ขอเป็นตัวประกอบที่ขับให้นางเอกเด่นอีก
นิยายสนุกดี พระเอกคือคุณชายตระกูลใหญ่ ที่ทำตัวเป็นขาใหญ่ในโรงเรียน ไม่มีใครกล้าหือกับฮี เพราะถ้าทะเลาะด้วยจะเจอทีมทนายครอบครัวฮีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
ชอบคาร์พระเอกนางเอก พระเอกก็รักนางเอกแล้วก็ตลก ส่วนนางเอกเป็นประเภทไม่อ่อย ไม่ให้ความหวังใคร ตรงไปตรงมา ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเอง ชอบมาก
แล้วนางเอกใกล้ชิดพระเอกคือทำเรื่องดีๆใส่ แต่ไม่เคยกะว่าพระเอกต้องมาทำดีด้วย หรือคิดใช้พระเอกเลย เพราะนางแค่อยากได้ออร่าเพื่อหลุดจากสภาพตัวประกอบเฉยๆ
>>551 นางเอกเก่าเป็นไง คือบางทีเรื่องแบบนี้กูก็ไม่อยากให้ไปยุ่งกับนาง คิดว่าเหมือนนางถูกแกง อยากให้น่งเอกมันก็มีชีวิตดีๆ เพราะนางก็ไม่ได้ผิดอะไร บางทีแนวนี้คือเขียนซะเวอร์นางเอกเก่าบัดซบไปเลย ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะคนอื่นด้วย แต่ทำเหมือนว่านางเอกเก่าผิดแค่คนเดียว ซวยคนเดียว
นางเอกเก่าในเรื่องคือจริงๆนิสัยไม่ดี บัดซบจริง ให้เพื่อนไปแกล้งหมิงซี พอความแตกก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สุดท้ายทุกคนก็รู้นิสัยนาง ไม่มีใครคบ พระเอกนิยายที่เป็นพี่ชาย สนใจดูแลแต่นางเอกเก่า เพราะสงสาร หมิงซียี้บอกอ้างว่าดูแลเพราะสงสารจริงๆมีใจกันก็บอกเหอะ ตอนนั้นพี่ชายยังไม่ได้คิดอะไรกับนางเอกเก่าเลยชะงัก แล้วก็ระวังตัว ไม่ให้นางเอกเก่ามาใกล้ชิดอีก
ส่วนนางเอกเก่า รู้มานานแล้วว่าแม่นมที่เลี้ยงมาคือแม่แท้ๆ ตัวเองถูกสลับมา แต่ไม่คิดจะออกไปจากตระกูล คิดแต่จะเบียดหมิงซีออก
แนวๆ นี้ยังไงตัวร้ายมันก็คงต้องเป็นนางเอกเก่าอะเนอะ แต่กูจะไม่โอเคกับเรื่องที่ว่าชาติก่อนมึงก็ร้ายไง แล้วทำไมได้โอกาสล่ะ ก็ยังงงๆ ตรรกะตรงนี้
กับอีกแนวที่กูไม่ชอบเลย ก็แบบเข้าไปแล้วไปแย่งนางเอกเล่นบทเขา แล้วสอยผู้มาน่ะ
ธวล ลดลมวสันต์เหลือวันละตอน งั้นรออ่านฟรีบ้าง
เพิ่งเข้าไปเห็นเขาตอบเม้น เขาบอกว่าตอนที่ลงสองอะมันโปรโมชั่น ต่อไปก็คือลงทีละตอน เซ็งว่ะ รอฟรีเอาแล้วกัน
กูโกรธคนว่าน้องเสียทีเกิดสองชาติ เขาไม่ได้อ่านต้นๆ เรื่องเปล่าวะ เห็นบรรยายเยอะเลยข้ามๆ งี้ปะ เลยไม่รู้พฤติกรรม นิสัยนางเอกชาติก่อน ถเาจะอ่านแล้วแซะไปเรื่อยนี่ก็อยากให้เธอหยุดแล้วไปอ่านเรื่องอื่นที่นางเอกย้อนกลับมาแล้วก็เอาแต่เเค้นๆ ตามจองผลาญเขา ไม่ต่างจากเป็นตัวร้าย
>>565 มันต้องรอดผ่าน50-60กว่าตอนไปก่อนว่ะ ช่วงแรกๆกุก็อิหยังวะกับน้องหลายรอบอยู่(อย่างตอนจุดไฟไปกะจุกอยู่ตรงนั้นกันทำไมหว่าโคตรเสี่ยง) หลังๆ ถึงค่อยตกหลุมความน้องของน้องงงงงคือเหมือนจะคิดเป็นแบบแผนมากขึ้น เหมือนน้องพยายามยามเปลี่ยนแปลงตัวเองพบปะกับคนมากขึ้นสังเกตมากขึ้นคิดมากขึ้น แต่ในความที่โตขึ้นมันก็มีเรื่องที่น้องทำไม่ได้หลายๆอย่างอยู่ทำให้กุอดเอ็นดูน้องเวลาน้องไปขอความช่วยเหลือจากพระเอกว่ะ
Scheme of the Official Descendant/ 嫡谋
สนุกมากว่ะ
เพิ่งมาอ่านมุกพราง แม่งติดว่ะ เหมือนจะย้อนอดีตทั้งพระ นาง ตัวร้าย เจ๋งดี
>>572 นี่อ่านถึงเล่ม 4 แล้วก็ข้ามไปอ่านเล่มจบเลย กลัวรำนางเอกตามที่โม่งบอก แต่ว่าก็ไม่เท่าไรนะ คือมันพอเข้าใจเหตุผลได้น่ะ มันเป็นปมใหญ่ในใจนาง ขอติดสปอยหน่อยละกัน
.
.
.
.
.
คิดว่าหมายถึงเรื่องที่นางเอกหาทางช่วยพระเอกที่โดนจับ (ปลอมๆ) แล้ววิ่งไปต่อรองกับสามีเก่าชาติก่อนให้ปล่อยพระเอก แล้วสามีเก่าเอาปมที่ว่าเจ้าเป็นเมียข้า กี่ชาติก็ต้องเป็นเมียข้า ถ้าพระเอกรู้ เขารับไม่ได้หรอก ทิ้งเจ้าไปแน่ๆ มาเล่น
(ถึงตอนนี้พระเอกนางเอกสามีเก่าต่างรู้ว่าย้อนอดีตกันหมดละ) พอดีกว่าก่อนหน้านั้นนางเอกเคยฝันร้ายถึงเรื่องนี้ด้วยก็เลยหลอนๆ กลัวถูกทิ้ง ดังนั้นก็เลยทุ่มสุดตัวเพราะคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับพระเอก
.
.
.
.
.
หรือมีประเด็นอื่นอีกวะ อยากหาสปอยช่วงครึ่งหลังของเรื่องอ่านอ่ะ มีป่ะ
>>574 เล่มจบนี่ไม่ชอบที่เหมือนตัดจบช่วงท้ายอ่ะ แบบฝ่าฟันกันมา 9 เล่ม แต่พอพระนางจะได้แต่งงาน แม่งเหมือนเล่ารวบจบใน 2-3 หน้า แบบได้แต่งแล้วจ้า แต่ยังเข้าหอไม่ได้นะ ต้องรอนางเอก 16 ก่อน ย่อหน้าถัดมานางเอกครบ 16 แล้วจ้า ได้เวลาเข้าหอแล้วจ้า ฟีลลิ่งเนี่ย แบบพี่ช่วยบรรยายอะไรหน่อยได้มั้ย หรือว่านักเขียนคิดว่าสองคนนี้หวานกันเกือบทั้งเรื่องแล้ว ช่วงแต่งงานเข้าหอก็เลยไม่จำเป็น?
พออ่านเล่มจบก็รู้สึกอิ่มแล้วอ่ะ ตอนจบเล่ม 4 ก็ไม่ได้จบค้างคาอะไร ก็เลยคิดอยู่ว่าจะอ่านเล่ม 5-8 ดีมั้ย นี่ยังไม่ได้ซื้อเลย
มีใครอ่านหทัยภูษาแล้วยี้บ้างเปล่าวะ อะไรจะมาคลั่งเด็กหกขวบกันขนาดนั้น แล้วนางเอกเกิดใหม่ นิสัยเปลี่ยนสามร้อยแปดสิบองศา แถมหกขวบมือจะแกร่งจนปักผ้าได้เลิศขนาดนั้นเลยเหริอิหนู!
หทัยภูษา ตอนแรกกูปิ๊งมาก ที่พระเอกนางเอกเจอกันชาติก่อน นางเอกคือบ่ได้เลย ชาติใหม่คือไม่ไหวว่ะ กลับมาซูที่แท้ทรู
ยามดอกวสันต์เริ่มมาวันละ2ตอนละ ค่อยยังชั่ว
เรื่องจริงมั้ย https://youtu.be/fe4WeWuyyhI
อยากได้รีวิวท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ นางเอกกร่างบวกซูเปล่าวะ กูดูแนวๆ รสนิยมเจ้าของค่าย เหมือนจะชอบแนวนี้
แนะนำ Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy
เรื่องน่ารักดี รักในเรียนกุ๊กกิ๊ก ไม่รู้มีแปลไทยที่ไหนป่าว ถ้าไม่มีไว้ว่างไปจะมาเล่าสปอย
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (1)
(กุเพิ่งเคยเล่าสปอยครั้งแรก จะพยายามเล่าให้รู้เรื่องนะ 555555)
.
.
.
.
.
"ฉีหยิง" เป็นเด็กกำพร้าในภัยสงคราม กระทั่งตอนอายุ 14 นางถูกจับตัวมาที่รังโจรบนภูเขา ในตอนที่คิดจะฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเอง กองทัพของท่านแม่ทัพจี้ได้บุกเข้ามาฆ่าพวกโจรสิ้น เมื่อแม่ทัพจี้ทราบว่านางไม่มีที่ไปจึงรับตัวนางมาอยู่ในจวน ฉีหยิงกลายเป็นนางสนมหนึ่งเดียวในจวนแม่ทัพจี้
ในปีที่5ของการมาอยู่ในจวน ฉีหยิงสวมเสื้อคลุมสีแดงรอการกลับมาของท่านแม่ทัพหลังสำเร็จศึกเช่นทุกครา ทว่ากลับเป็นโลงศพของแม่ทัพที่ถูกหามเข้ามา แม่ทัพจี้ผู้ยิ่งใหญ่ผู้รักและเสียสละชีพเพื่อบ้านเมืองมาโดยตลอดเสียชีวิตในสงครามทั้งยังหนุ่ม หลังพิธีศพสิ้นสุด ฉีหยิงใช้ผ้าแพรผูกคอตายในวันถัดมา
รู้สึกตัวอีกที นางพบว่าตัวเองมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงที่มีชื่อเดียวกับตัวเอง
"ฉีหยิง" เป็นนักเรียนหญิงชั้น ม.5 พ่อเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด เมื่อ 6 เดือนก่อน แก็งค้ายาลักพาตัวเธอและแม่ ในระหว่างปฏิบัติการชิงตัวประกัน แก็งค้ายาตัดสินใจจุดชนวนระเบิดตัวเอง ส่งผลให้ทั้งพ่อและแม่ของเธอเสียชีวิต หลังเหตุการณ์นั้นพ่อของเธอได้รับเชิดชูเกียรติเป็นวีรบุรุษ ส่วนฉีหยิงซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวได้รับผลกระทบทางจิตใจมาก ทำให้ทั้งเป็นใบ้และหูหนวก ด้วย PTSD เธอย้ายมาอาศัยอยู่กับครอบครัวของลุงที่อีกเมือง และด้วยโรคซึมเศร้า วันหนึ่งฉีหยิงก็ตัดสินใจกินยานอนหลับหมายจะฆ่าตัวตาย ในตอนนั้นเองที่สนมฉีหยิงตื่นขึ้นมาในร่างของเธอแทน
ครอบครัวของลุงที่ฉีหยิงมาอาศัย มีสมาชิก 3 คน คือลุงอี้ ป้า และลูกชายที่อายุน้อยกว่าเธอ 1 ปี ชื่อ "อี้จ้าว" ครอบครัวลุงอี้รักและดูแลฉีหยิงเป็นอย่างดี
แม้จะทั้งหูหนวกเละเป็นใบ้ แต่จิตแพทย์ก็แนะนำลุงว่าเป็นแค่ชั่วคราว ขอให้ฉีหยิงเรียนในโรงเรียนปกติแบบเด็กทั่วไปจะส่งผลดีกลับจิตใจมากกว่า เธอและอี้จ้าวจึงย้ายมาโรงเรียนไฮ่เฉิง ลุงอี้กำชับหนักหนากับอี้จ้าวว่าให้ดูแลพี่สาวให้ดี อย่าให้ใครมารังแก ที่ม.5ห้อง2 อาจารย์ได้กำชับคนในห้องแล้วว่าฉีหยิงเป็นนักเรียนพิเศษ ให้ดูแลเธอเป็นอย่างดี ยิ่งเพื่อนๆเห็นว่าฉีหยิงทั้งหน้าตาดีทัดเทียมดาวโรงเรียน บุคลิกน่ารักอ่อนโยน ทุกคนในห้อง2 ยิ่งต้อนรับฉีหยิงกันใหญ่
ขณะที่อี้จ้าวอยู่ชั้นม.4 อี้จ้าวเป็นเด็กดื้อวัยก้าวร้าว ที่โรงเรียนเก่าตอนม.ต้นก็ชอบไปต่อยตีกะเด็กในโรงเรียน มาถึงโรงเรียนไฮ่เฉิงวันแรกก็ห้าวเป้งพูดจาดูหมิ่นบอสใหญ่ประจำโรงเรียนจนเรื่องไปพูดถึงหูบอส
หลังเลิกเรียน ตอนที่อี้จ้าวจะพาฉีหยิงกลับบ้าน ลูกสมุนก็มาเรียกตัวอี้จ้าว อี้จ้าวให้ฉีหยิงรออยู่กับเพื่อนก่อน ส่วนตัวเองตามลูกสมุนไปหลังโรงเรียน เมื่อเจอบอสใหญ่ อี้จ้าวยังกร่างไม่เลิก ตอนที่ทั้งสองฝ่ายจะต่อยกัน กลุ่มอริจากต่างโรงเรียนดันโผล่มา อี้จ้าวกับแก็งของบอสเลยต้องอัดมันก่อน ขณะนั้นเองมีไม้หน้าสามกำลังจะฟาดเข้ามาในมุมอับสายตาของบอสใหญ่ จู่ๆฉีหยิงก็กระโดดพรวดเข้ามากอดหลังบอส รับไม้หน้าสามแทน
ฉีหยิงเป็นห่วงอี้จ้าวจึงตามมา ท่ามกลางหมู่คนที่กำลังชกต่อยกัน ในสายตาของเธอมองเห็นคนคนเดียว คือนักเรียนชายที่ทุกคนในโรงเรียนเรียกว่าเป็น"บอส/ลูกพี่" เพียงปราดเดียวเธอก็รู้สึกได้ทันทีว่านี่คือ "แม่ทัพจี้" ของเธอ
"จี้ร่าง" อยู่ม.5ห้อง9 นอกจากหน้าตาดี ตระกูลร่ำรวยแล้ว เขายังขึ้นชื่อในความหัวร้อนและการตีต่อยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เคยชกต่อยจนอีกฝ่ายต้องหามเข้าICU เขาได้รับการขนานนามเป็นบอสใหญ่ประจำโรงเรียนมาตั้งแต่ม.4 เป็นที่หวั่นเกรงของนักเรียน คณาจารย์และผอ. กระทั่งเด็กโรงเรียนอื่น
ตระกูลจี้เป็นตระกูลคนใหญ่คนโตในสายทหารและตำรวจ ด้วยเหตุการณ์ในอดีต จี้ร่างจึงหนีออกจากบ้านมาอยู่เพียงลำพังและตัดขาดตัวเองจากครอบครัว กลายเป็นเด็กเกเรหัวรุนแรง ไม่ยอมเรียนหนังสือ และก็ด้วยเหตุการณ์นั้นที่ทำให้เขาชิงชังทหารและตำรวจ เมื่อได้ยินว่าลูกสาวของวีรบุรุษที่สละชีพเพื่อชาติย้ายมาเรียน เขาถึงกับแค่นเสียงดูแคลนพูดกับเพื่อน(สมุน)ในห้อง9ว่า
"ไอ้การสละชีพมันวิเศษวิโสนักเหรอ?"
.
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (2)
(ขอบอกก่อนว่าตอนแรกๆกุอ่านข้ามไปเยอะ เพราะจริงๆไม่ค่อยชอบอ่านแนวตัวเอกเป็นฝ่ายตามตื้อก่อน น่าจะข้ามหลายช็อต เช่นอยู่ๆหลังจากนี้นางร้ายหายไปไหนก็ไม่รู้ ขี้เกียจย้อนอ่าน แต่นางไม่ได้สำคัญนักก็ช่างมันเถอะ 5555
อ้อ อีกอย่างคือกุก็อ่านจีนอ่านพินอินไม่ออก ชื่อตัวละครอาจจะไม่ถูกต้อง เอาแค่ขนาดแปลอังกฤษมี 3 เจ้า ชื่อลูกชายของลุงยังมีทั้ง อี้จ้าว/อี้อวี้/อี้จัว ไม่รู้ไหนถูกแต่ติดเรียกอี้จ้าวไปแล้วอะนะ🤦♀️)
.
.
.
.
.
หลังการพบกันครั้งแรกในวงชกต่อย ฉีหยิงก็พยายามไล่ตามจี้ร่าง(แบบสำรวมๆ: มองตาม, ยิ้มให้, มานั่งกินข้าวกลางวันด้วย ฯลฯ) จี้ร่างทั้งชักสีหน้าโหดทั้งข่มขู่ แต่ฉีหยิงก็ยังคงมองจี้ร่างดวงตาใสกระจ่างและยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนอย่างไม่เกรงกลัว เหล่าสมุนเริ่มเรียกฉีหยิงว่าเป็นนางฟ้าน้อยของบอส ส่วนอี้จ้าวได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ถูกบอสใหญ่เรียกตัวไปแล้วกลับมาได้อย่างครบ32 กลายเป็นที่นับถือและคร้ามเกรงในชั้นม.4
ฉีหยิงเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่กลัวเขา พอจี้ร่างเริ่มคุ้นเคยกับฉีหยิง เขาเริ่มมีท่าทีอ่อนลง และพยายามรักษาภาพพจน์ดีๆต่อหน้าฉีหยิง มีหลายครั้งที่ฉีหยิงดันบังเอิญมาเจอตอนจี้ร่างข่มขู่นักเรียน กระทืบคน หรือตอนโดดเรียน จี้ร่างจะแบบ "ฉิบหายละ" เขากลัวฉีหยิงจะผิดหวังหรือหวาดกลัวตัวเอง แต่ฉีหยิงก็ยังยิ้มให้ แม้คนอื่นจะกลัวหัวหด แต่ฉีหยิงยังคงมองผ่านฟิลเตอร์หนาว่าท่านแม่ทัพกำลังปราบคนชั่วอย่างอดีตชาติต่างหาก
ศุกร์หลังเลิกเรียนวันหนึ่ง อี้จ้าวพาฉีหยิงมาร้านชานมแถวโรงเรียน ฝากกระเป๋านักเรียนไว้ แล้วขอตัวหนีไปเล่นบิลเลียด ปล่อยฉีหยิงนั่งแกร่วอยู่คนเดียว เพื่อนของนางร้ายที่ชอบจี้ร่างมาพบเข้าและพยายามขโมยกระเป๋านักเรียน หมายจะลากฉีหยิงไปหานางร้ายที่KTV ระหว่างทางดันเจอะเข้ากับจี้ร่างเสียก่อน เพื่อนนางร้ายพยายามแถว่าแค่มาช่วยฉีหยิงยกกระเป๋าให้ กลัวเพื่อนลำบาก จี้ร่างที่ยังถือคติไม่ต่อยผู้หญิง เลยสั่งว่าถ้าอยากช่วยเพื่อนขนาดนั้น "งั้นก็เอาการบ้านของเพื่อนมาช่วยทำด้วยซิ" แถมกำชับอีกว่าห้ามทำผิดเด็ดขาด เพื่อนนางร้ายเลยต้องนั่งทำการบ้านของอี้จ้าวทั้งน้ำตา จี้ร่างพาฉีหยิงไปนั่งกินพุดดิ้งสตอเบอรี่ระหว่างรอเพื่อนนางร้ายทำการบ้าน หลังจากนั้นก็ขับมอไซค์พาฉีหยิงมาส่งบ้าน ฉีหยิงไม่เล่าอะไร อี้จ้าวรู้แค่ว่ามีคนมาชิงกระเป๋าไปแล้วฉีหยิงชิงคืนมาได้ อี้จ้าวเปิดการบ้านแล้วงงว่าการบ้านมันเสร็จด้วยตัวเองได้ยังไง?? คนที่ชิงกระเป๋าไปแอบมาช่วยทำให้งั้นเหรอ? ช่างใฝ่รู้ใฝ่เรียน เป็นคนดีจังเลย! เสาร์อาทิตย์นี้อี้จ้าวเลยตัวปลิวไม่มีการบ้านต้องทำ เปิดมาวันจันทร์ที่โรงเรียนเล่าลือกันว่าบอสใหญ่เปลี่ยนวิธีการทรมานคน ด้วยการสั่งให้นั่งทำการบ้าน! แค่ทำไม่พอ ต้องตอบถูกต้องทั้งหมดด้วย! โหดร้ายค่อดๆ! ต่อยกุดีกว่า 😭 อาจารย์หัวหน้าระดับได้ยินข่าวลือถึงกับออกไมค์พูดชื่นชมบนเวที ว่าจี้ร่างช่างมีจิตวิญญาณที่ดีในการกระตุ้นการศึกษาของเพื่อนนักเรียน! จี้ร่างที่ปกติไม่เคยไยดีในข่าวลือของตัวเองงงเป็นไก่ตาแตก
มีข่าวลือเงียบๆมานานแล้วว่ามีความเป็นไปได้ว่าด้วยความสัมพันธ์ของตระกูล จี้ร่างคงได้ลงเอยกับนางร้าย เพื่อนร่วมโต๊ะของฉีหยิง "อวี้หลีหลี่" ก็แชตคุยเรื่องนี้ ว่าฉีหยิงคิดยังไง ยังไม่ทันได้ตอบ อาจารย์ก็เข้าห้องเรียนมา ฉีหยิงคิดกับตัวเองในใจ ว่าหากเป็นคนที่ท่านแม่ทัพไม่ชอบ ต่อให้ฮ่องเต้มีรับสั่ง แม่ทัพก็ปฏิเสธอยู่ดีอย่างที่เคยเกิดขึ้น ว่าแล้วฉีหยิงก็นึกสงสัย นางรักท่านแม่ทัพ แต่ท่านแม่ทัพคิดอย่างไรกับนาง? นางไม่เคยรู้ แม่ทัพจี้ช่วยเหลือนางออกมาจากรังโจร เกรงว่าที่รับนางเข้าจวนคงจะด้วยความเมตตาเท่านั้นกระมัง เกรงว่าที่ได้พบกันในชาตินี้ บางทีนางอาจจะเป็นแค่ตัวน่ารำคาญของแม่ทัพก็ได้ ฉีหยิงนึกแล้วก็หดหู่ใจ
พอถึงพักเที่ยง อวี้หลีหลี่ดันทำตัวเปิ่นๆต่อหน้าอาจารย์ที่เธอแอบชอบ เลยร้องไห้ใหญ่ ฉีหยิงเลยออกมาซื้อทิชชู่ แล้วดันเห็นนางร้ายกำลังร้องไห้ต่อหน้าจี้ร่าง เธอเห็นท่าไม่ดีเลยไม่อยู่ต่อดีกว่า ประจวบที่จี้ร่างเห็นฉีหยิงพอดี เขารีบตะโกนเรียก "ฉีหยิง!" แต่ฉีหยิงหูหนวกและวิ่งรี่หายลับไปแล้ว นางร้ายเห็นแล้วฉุนเฉียวตะแบงใส่จี้ร่าง "ชอบยัยพิการนั่นนักเหรอ!? พิการแบบนั้นลุงจี้กับตระกูลจี้ไม่ยอมรับหรอก!" จี้ร่างที่เกลียดคนมาเรียกฉีหยิงว่าพิการอยู่แล้ว ได้ยินแบบนั้นยิ่งฟิวส์ขาดตอบอย่างเย้ยหยัน "จี้เว่ยหยานมันเป็นใคร? ตระกูลจี้แล้วยังไง?" นางร้ายหน้าถอดสีว่าพลาดไปล้ำเส้นที่ไม่ควรเข้าแล้ว แตะเส้นนี้ไปการคาดหวังจะให้จี้ร่างชอบตัวเองกลับไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
.
.
.
.
.
น่ารักกุ๊กกิ๊กดีอ่ะ ชอบบ
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (3)
.
.
.
.
หลังเลิกเรียน จี้ร่างให้สมุนไปดักสกัดอี้จ้าว แล้วตัวเองมาที่หน้าม.5ห้อง2 (โน้ต: ปกติหลังเลิกเรียนอี้จ้าวจะเดินมารับฉีหยิงที่ห้องเพื่อขึ้นรถบัสกลับบ้านด้วยกัน) เขาละล้าละลังว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? มาเพื่อถามว่าตอนนั้นฉีหยิงวิ่งหนีทำไม? มาบอกว่าเข้าใจผิดนะ? มาบอกว่าเขากับนางร้ายไม่ได้เป็นอะไรกัน? เพื่อ?? ทำไมเขาต้องมาอธิบายเรื่องไม่เป็นเรื่องกับคนหูหนวกด้วย? ตอนที่กะจะถอยทัพกลับ ฉีหยิงก็เปิดประตูมาพอดี จี้ร่างชะงัก ฉีหยิงเห็นจี้ร่างแล้วดีใจ แต่กลับมีท่าทีลังเลที่จะวิ่งเข้าหาจี้ร่าง จี้ร่างฉุนกึกสั่งฉีหยิงให้ตามมา แต่ฉีหยิงฟังไม่ออก อ่านจากสีหน้าแล้วคิดว่าจี้ร่างคงรำคาญตัวเอง รีบหันหลังจะหนีออกไป จี้ร่างหน้าเสียรีบหยุดฉีหยิง ทำใจเย็นลง แล้วชวนฉีหยิงไปกินพุดดิ้งสตอเบอรี่ที่ฉีหยิงชอบกิน
มาถึงที่ร้าน ฉีหยิงดันนึกอยากลองชิมพุดดิ้งส้มบ้างเลยสะกิดบอกจี้ร่าง จี้ร่างอารมณ์เสีย "อย่าชอบอะไรครึ่งๆกลางๆเซ่!" ว่าแล้วก็สั่งพุดดิ้งสตอเบอรี่ให้ฉีหยิง พอฉีหยิงกินเสร็จกะสั่งรสส้มต่อ จี้ร่างก็ข่มขู่พนง.ว่าห้ามขาย! บอกไปว่าทั้งร้านเหลือแต่รสสตอเบอรี่! 🤣 จี้ร่างยังไม่รู้จะคุยยังไงดี สุดท้ายเลยบอกว่าชวนมาทำการบ้านด้วยกัน ฉีหยิงดีใจมาก เพราะยังไม่เคยมีใครชวนตัวเองทำการบ้านด้วยมาก่อนเลย เธอรีบเปิดการบ้านมานั่งทำ ส่วนจี้ร่างเปิดกระเป๋าตัวเอง เจอแต่บุหรี่, ไฟแช็ก, ป๋องโค้ก กะหนังสือเลขของชาติไหนก็ไม่รู้ จนใจหยิบเลขมาเปิด เจอ sin, cos, tan, f(x) นี่เลขหรืออังกฤษวะ???
จี้ร่างไม่มีปากกาเลยขอยืมจากฉีหยิง เป็นปากกาสีชมพูลายปลาวาฬสุดหวานแหว๋ว จี้ร่างทำทีขีดๆเขียนๆเหมือนตั้งใจทำการบ้าน แต่จริงๆแล้วกำลังวาดรูปเด็กผู้หญิงกับสตอเบอรี่ นั่งกันอยู่สักพัก อี้จ้าวก็ทักแชตตามหาฉีหยิง จี้ร่างเลยต้องปล่อยฉีหยิงไปอย่างเซ็งๆ ส่วนปากกาที่ยืมมาก็ทำเนียนไม่ได้คืน ปากกาแท่งนี้จะเป็นปากกาเพียงแท่งเดียวที่จี้ร่างใช้ไปตลอดการเรียนม.ปลาย
ที่โรงเรียนมีการตั้งชั่วโมงปรึกษาสุขภาพจิต ให้แต่ละห้องส่งคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตมาปรึกษากับนักจิตวิทยาที่ห้องพยาบาล ม.5ห้อง9 อาจารย์ตัดสินใจส่งจี้ร่างมา จี้ร่างมาถึงห้องพยาบาล คุยกับนักจิตวิทยาแบบถามคำตอบคำ ไม่ยอมให้ความร่วมมือ แล้วก็หนีไปนอนที่เตียง ตื่นมาอีกทีจี้ร่างมองเห็นฉีหยิงกำลังตอบคำถามของนักจิตวิทยาผ่านการเขียน เห็นรอยยิ้มหวานของฉีหยิง จี้ร่างคิดในใจ 'แค่ยิ้มนี้ก็เยียวยาโลกเฮงซวยนี้ได้ทั้งใบแล้ว ใครจะไปต้องการจิตแพทย์' พอฉีหยิงออกจากห้องไปสักพัก จี้ร่างก็ออกจากห้อง ปรายตามองเห็นกระดาษตอบคำถามของฉีหยิง
คำถาม: เธอภูมิใจในพ่อของเธอมั้ย?
อันที่จริงตั้งแต่สนมฉีหยิงมาอยู่ในร่างของเด็กสาว ทุกครั้งที่นึกถึงพ่อแม่ของเด็กสาว ร่างกายจะมีปฏิกิริยาต่อต้าน แม้สนมฉีหยิงจะไม่เคยปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่ของเด็กสาว แต่ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเธอ เมื่อเห็นคำถามนี้ แม้จะรู้สึกปวดใจและต่อต้าน แต่ในหัวของเธอนึกถึงแม่ทัพจี้ที่สละชีพเพื่อบ้านเมือง
ฉีหยิงตอบ: ค่ะ เขาคือวีรบุรุษ
จี้ร่างที่เห็นคำตอบนี้ รู้สึกอึดอัดใจมาก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฉีหยิงที่ต้องกลายเป็นแบบทุกวันนี้ยังนึกภูมิใจในตัวพ่อ ไม่เข้าใจว่าการเสียสละนั้นมันน่าภูมิใจตรงไหน เขาคิดมาตลอดว่าฉีหยิงอาจคิดเห็นแบบเดียวกัน คิดว่าเธอซึ่งเป็นเหยื่อในแนวคิดเห็นแก่ตัวแบบนั้นของพวกผู้ใหญ่จะรู้สึกเหมือนเขาเสียอีก
หลังจากวันนั้นฉีหยิงพบว่าจี้ร่างพยายามหลบหน้าตน ฉีหยิงเศร้าใจคิดว่าคงโดนท่านแม่ทัพเกลียดขี้หน้าเข้าแล้วจริงๆ
.
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (4)
.
.
.
.
หลังเลิกเรียนลูกสมุนมาบอกว่าวันนี้มีนัดต่อยกะแก็งอริต่างโรงเรียน แต่จี้ร่างรมณ์บ่จอย บอก "ไม่อยากต่อยแล้ว ช่างแม่ง" ขับมอไซค์กลับบ้านไปซะเฉยๆ วันถัดมาโรงเรียนต่างๆในละแวกเดียวกันเล่าลือกันว่าบอสใหญ่แห่งไฮ่เฉิง เรียกแก็งเด็กเกเรมาท้าต่อย แต่เจ้าตัวดันไม่โผล่มา แก็งเด็กหัวหลากสีมือถือไม้ตะบองเฝ้ารอจี้ร่างจนตะวันตกดิน ที่โผล่มาดันเป็นตำรวจที่พลเมืองดีแจ้งมา โดนตำรวจจับไปทั้งก๊ก! ยืมมือคนอื่นฆ่า บอสใหญ่แห่งไฮ่เฉิงโคตรอำมหิต!
ผ่านมาหลายวัน จี้ร่างที่เป็นฝ่ายหลบหน้าเขาก่อน พบว่าฉีหยิงไม่ได้มาแวะเวียนหาเขาหลายวันแล้ว ตอนเขามาตอแยก็ไม่ชอบใจ ตอนเขาหายไปกลับไม่ชอบใจยิ่งกว่า
ลูกสมุนมาเล่าให้จี้ร่างว่าในเว่ยป๋อของโรงเรียนมีโพสต์เฟ้นหาดาวโรงเรียนประจำปีการศึกษาใหม่ ในโพลมีชื่อกับรูปภาพของฉีหยิงด้วย จี้ร่างเปิดดูก็เห็นรูปแคนดิดของฉีหยิง (โน้ต: เพราะ PTSD ของฉีหยิง ที่ห้อง2เลยมีการซีลห้องปิดทึบ ทำให้นักเรียนส่วนใหญ่โดยเฉพาะต่างชั้นเรียนไม่เคยเห็นฉีหยิงมาก่อน) จี้ร่างบอกกับสมุนว่าให้เปิดแอคเค้าท์ใหม่มาเยอะๆ ลูกสมุนตกปากรับคำทันที กะว่าจะเทคะแนนโหวตให้นางฟ้าน้อยของบอส! แต่สิ่งที่จี้ร่างสั่งคือ "ทำยังไงก็ได้ ให้รูปฉีหยิงหลุดออกจากโพลภายในวันพรุ่งนี้!" เหล่าสมุนจึงทุ่มเวลาทั้งคืนเทโหวตให้คนอื่นจนฉีหยิงหลุดโผ ทว่าตื่นเช้ามาชื่อฉีหยิงดันพุ่งกลับมาอยู่อันดับหนึ่งซะงั้น!?
ไม่มีใครรู้เลยว่าอี้จ้าวเองก็ทุ่มเทสร้างแอคเค้าท์ใหม่มาเพื่อโหวตฉีหยิง คนที่จะเป็นดาวโรงเรียนได้ ต้องเป็นพี่สาวของเขาเท่านั้น! ดีใจได้ไม่นาน อี้จ้าวกลับพบว่าโพสต์โหวตนั้นที่ตัวเองทุ่มเทให้คะแนนฉีหยิงมาทั้งคืนจนไม่ได้หลับได้นอนดันถูกลบไปซะเฉยๆ!!?? ไหงงั้นวะ!!? คนที่จะรู้สาเหตุได้คงเป็นเจ้าของโพสต์โหวตเพียงคนเดียว ใครจะไปนึกว่าบอสใหญ่จะมาถึงโรงเรียนก็ลากเขาขึ้นไปห้อยตัวบนราวกั้นชั้นดาดฟ้า ข่มขู่เขาให้ลบโพสต์ทิ้ง! เรื่องการโหวตดาวโรงเรียนจึงจบลงด้วยประการฉะนี้ กระนั้นก็ยังมีคนที่ติดตามผลก่อนโดนลบ และเรียกฉีหยิงว่าเป็นดาวโรงเรียนอยู่
หลังจบคลาส อยู่ๆสมุนอีกคนก็คาบข่าวที่ได้ยินมาตะโกนบอกในห้อง9 "เขาว่า นักเรียนพิเศษ ฉีหยิงจะย้ายโรงเรียน!"
จี้ร่างได้ยินดังนัันก็รีบพุ่งไปที่ห้อง2 กระชากฉีหยิงมามุมเงียบๆข้างนอกห้อง ฉีหยิงทั้งเจ็บข้อมือทั้งโมโห เขาหลบหน้าเธอก่อนแท้ๆยังมาทำโกรธใส่อีก จี้ร่างบอก "ฉันผิดไปแล้ว เคนะ?" แต่ฉีหยิงไม่ได้ยิน หันหน้าไปอีกทาง จี้ร่างเลยหยิบลูกอมสตอเบอร์รี่มาให้ (โน้ต: คือก่อนหน้านั้น จี้ร่างเคยหงุดหงิดไรสักอย่าง ฉีหยิงเลยมอบลูกอมสตอเบอร์รี่สุดโปรดของตัวเองให้ หลังจากนั้นจี้ร่างก็ตระเวนหาซื้อลูกอมแบบเดียวกันมากินเองวันละเม็ด) ฉีหยิงเห็นลูกอมแล้วดีใจ จี้ร่างพูดต่อช้าๆให้ฉีหยิงอ่านปากทัน "ไม่ย้ายโรงเรียนได้มั้ย?" ฉีหยิงงงว่าตัวเองเพิ่งจะย้ายมาไฮ่เฉิง แล้วจะย้ายไปไหนอีก? แต่ก็พยักหน้ารับ จี้ร่างรู้สึกอย่างกับเป็นนักโทษที่ได้รับอภัยโทษ เขายิ้มร่า ลูบหัวฉีหยิง แล้ววิ่งกลับห้องไปอย่างอารมณ์ดี
พอหมดคลาสเรียนถัดมา สมุนคนเดิมออกมาแก้ข่าว "ลูกพี่ ฉันฟังผิด ฉีหยิงไม่ได้ย้ายโรงเรียน แต่ย้ายเป็นหัวหน้าห้องในวิชาประวัติศาสตร์แทนหัวหน้าคนเดิมที่จะย้ายโรงเรียน!" จี้ร่างได้ยินแล้วเปลี่ยนสีหน้า นึกย้อนการกระทำของตัวเองเมื่อตะกี้ เลยเรียกตัวสมุนคนนั้นมาอัด
หลังเลิกเรียนสมุนคนเดิมมาพร้อมกับอีกข่าวใหญ่ จี้ร่างจ้องเขม็งอย่างอาฆาต สมุนรีบเล่าว่า พอฉีหยิงที่เป็นหัวหน้าห้องในวิชาประวัติศาสตร์ตามเก็บการบ้านของคนในห้อง ปรากฏว่ามีคนไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ยอมทำและส่งการบ้าน จนฉีหยิงร้องไห้ นักเรียนในห้อง9ฟังจบก็รู้สึกในห้องหนาววูบ จี้ร่างออกปากถามเสียงเรียบว่า "ไอ้หมอนั่นอยู่ที่ไหน?" จากนั้นก็บุกประชิดตัวแล้วสั่งให้หมอนั่นทำการบ้านประวัติศาสตร์ ทั้งข่มขู่ว่าถ้าต่อไปไม่ยอมส่งการบ้านวิชาประวัติศาสตร์อีกล่ะก็ เขาจะอัดจนนิ้วใช้การไม่ได้ไปเลย วันถัดมาข่าวลือเรื่องบอสใหญ่ทรมานนักเรียนด้วยการสั่งทำการบ้านก็กลับมาดังอีกครั้ง...
.
.
.
.
.
ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงไม่เอามาแปล...
น่าร้ากกกกกกก
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (5)
.
.
.
.
ที่โรงเรียนจะมีสอบทุกเดือน ในที่สุดการสอบเดือนแรก(ของฉีหยิง)ก็มาถึง สอบงวดก่อนจี้ร่างส่งกระดาษเปล่า เลยเป็นลำดับโหล่ของชั้น (นักเรียนทั้งหมดในชั้นราวๆ 600+ คน) ที่นั่งสอบเป็นการเรียงตามลำดับ ฉีหยิงที่เพิ่งย้ายมาเลยนั่งสอบข้างหลังจี้ร่าง
พอถึงวันที่ผลสอบออก จี้ร่างเลื่อนขึ้นมา 3 ลำดับจากท้าย เพราะฉีหยิงนั่งสอบใกล้ๆ จะส่งกระดาษเปล่าอีกก็กลัวเสียหน้า จี้ร่างเลยตอบดิ่ง c ในปรนัย ส่วนข้อสอบเรียงความ เจ้าตัวเขียนเสียยืดยาว แต่ดันผิดโจทย์ คะแนนได้มาด้วยความเมตตาของอาจารย์ล้วนๆ 🤣 จี้ร่างไล่หาชื่อฉีหยิงจากหน้าท้ายสุด คิดว่าลำดับคงไม่ห่างกันมาก ปรากฏว่าฉีหยิงได้ที่ 27 ของชั้น! จี้ร่างหวั่นใจ สงสัยว่าฉีหยิงเห็นลำดับของเขายัง แทบอยากจะทึ้งประกาศออกมาทำลายทิ้งเสียเหลือเกิน
หลังจากนั้นเหล่าสมุนค้นพบว่า จี้ร่างอ่านหนังสือเรียน! พยายามตั้งใจเรียนหนังสือ!? ไม่มีใครกล้าถามอะไร ทางจี้ร่างก็เพิ่งค้นพบว่าตัวเองสายตาสั้นมองกระดานไม่เห็น พอเลิกเรียนเลยไปร้านแว่น ซื้อเสร็จก็บังเอิญเจอลูกค้าร้านแว่นอีกคน
"อู๋รุ่ย" เด็กเนิร์ดม.5ห้อง1 สอบได้อันดับ 1 ของทั้งชั้นเรียน จี้ร่างสาวเท้าไปทาบทาม เปิดคำถามแรก "อยากมีรายได้เสริมมั้ย?" อู๋รุ่ยตัวสั่นรีบบอก "น...นักเรียนจี้ ผ...ผมไม่ทำอะไรผิดกฎหมายนะ! พ...พวกยาเสพติดผมไม่ยุ่งด้วยหรอกนะ!" จี้ร่างนึกคันมืออยากจะกระทืบอีกฝ่าย นึกสงสัยว่าข่าวลือของตัวเองนี่มันเกินเลยไปถึงไหนต่อไหนแล้ววะเนี่ย?
สรุปก็คือจี้ร่างจ้างอู๋รุ่ยมาสอนพิเศษให้ตัวเอง อู๋รุ่ยให้จี้ร่างทดสอบความรู้นิดหน่อย อู๋รุ่ยแทบต้องปาดเหงื่อ เพราะบอสใหญ่ไม่มีพื้นฐานมัธยมเลย โชคดีที่อู๋รุ่ยเป็นเด็กเนิร์ดที่ดี เลยช่วยให้คำแนะนำต่างๆและวางแผนการสอนให้ หลังตกลงกันแล้วก่อนจากกัน อู๋รุ่ยถามจี้ร่างว่าทำไมถึงนึกอยากตั้งใจเรียนขึ้นมา? จี้ร่างตอบ "แค่อยากรู้ว่าไอ้เชี่ยพวกนี้มันเพื่ออะไรกัน"
จี้ร่างมองปากกาปลาวาฬสีชมพูในมือ แล้วตอบอีกอย่างในใจ: แค่อยากให้ชื่อของเขาอยู่ใกล้ชื่อของฉีหยิงมากกว่านี้
ที่โรงเรียนมีระบบการเรียนที่ขอสรุปง่ายๆว่ามันมีวิชาเสริมแล้วกัน นักเรียนจะเลือกวิชาเสริมได้ 3 ตัวจาก 9 ตัว ลงเรียนตามความสมัครใจ ไม่เกี่ยงว่าอยู่ห้องไหน จี้ร่างแอบสืบจากหลีหลี่ได้ว่า ฉีหยิงลงเรียนวิชาประวัติศาสตร์, ภูมิศาสตร์ และเคมี จี้ร่างได้ยินชื่อวิชาแล้วริมฝีปากกระตุก แต่ก็เลือกที่จะลงเรียนตาม พอฉีหยิงเห็นจี้ร่างมาเรียนด้วยกัน เธอทั้งประหลาดใจและดีใจ
พอจี้ร่างเริ่มตั้งใจเรียนทั้งติวทั้งเข้าชั้นเรียนวิชาเสริม เหล่าลูกสมุนในห้อง9 ต่างหงอยเหงาว่าบอสเปลี่ยนไป มาวอแวใส่จี้ร่าง จี้ร่างรำคาญเลยบอกงั้นก็มาเรียนด้วยกันเลย! ตกเย็นบอสใหญ่และเหล่าลูกสมุน(โดนบังคับ)มาติวกับอู๋รุ่ย แต่ครั้นจะไปนั่งในร้านคาเฟ่ก็ดูไม่เหมาะ เลยเลือกไปKFCแทน ไปถึงKFC เด็กๆเห็นแล้วร้องไห้จ้า สรุปทั้งคณะเลยไปนั่งติวกันในห้องKTVแบบส่วนตัวในคลับหรู ติดต่อกันเสาร์อาทิตย์ จนพวกลูกสมุนแทบกระอักเลือด
เปิดมาวันจันทร์ ที่โรงเรียนมีนักเรียนแลกเปลี่ยนจากโรงเรียนในเมืองหยานเฉิงมาเรียนด้วย 1 สัปดาห์ เมืองหยานเฉิงคือเมืองเดิมที่ฉีหยิงเคยอยู่มาก่อน พอได้ยินชื่อเมือง ฉีหยิงก็รู้สึกร่างกายมีปฏิกิริยาต่อต้านขึ้นมาจนหลีหลี่สังเกตได้ พอดีกับที่ห้อง 2 เป็นห้องที่นักเรียนแลกเปลี่ยนคนนี้มาเรียน
"ฟูหนานซุ่น" เป็นนักเรียนชายหน้าตาดี เป็นเด็กเก่งลำดับที่ 1 ของโรงเรียนมัธยมหยานเฉิง ซ้ำยังเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะเดิมของฉีหยิงอีกต่างหาก เมื่อเขาเห็นฉีหยิงก็ดีใจ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเธอหูหนวกและเป็นใบ้ เขาและเพื่อนๆที่หยานเฉิงไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉีหยิง ในวันศุกร์ตอนนั้นพวกเขายังชวนว่าจะไปร้านหนังสือด้วยกันอยู่เลย พอเปิดมาวันจันทร์อาจารย์กลับบอกว่าเธอลาออก และพวกเขาติดต่อเธอไม่ได้อีก
หลังเลิกเรียนฉีหยิงเลยตัดสินใจทำตามสัญญาของเด็กสาวเจ้าของร่างด้วยการพาฟูหนานซุ่นไปร้านหนังสือ ตอนอยู่หน้าประตูโรงเรียนฟูหนานซุ่นรู้สึกว่าโดนคนจ้องเขม็งใส่ คนคนนั้นก็คือจี้ร่างนั่นเอง ความประทับใจแรกของฟูหนานซุ่นที่มีต่อจี้ร่างคือ: นักเรียนเลว
ตอนเลิกเรียนจี้ร่างอยากจะชวนฉีหยิงกินพุดดิ้งสตอเบอร์รี่ที่ร้านเดิม แต่พอมาถึงห้อง2 กลับเห็นฉีหยิงยิ้มแย้มให้นักเรียนแลกเปลี่ยน เขาได้ยินคนอื่นบอกว่านักเรียนแลกเปลี่ยนทั้งหน้าตาดี ทั้งสุภาพ แถมยังเป็นลำดับ 1 ของชั้นเรียน จี้ร่างมองกระเป๋านักเรียนของตัวเอง เต็มไปด้วยแบบฝึกหัดขั้นพื้นฐานแล้วรู้สึกกำลังโดนเย้ยหยัน มองฉีหยิงเดินไปกับนักเรียนแลกเปลี่ยนที่หน้าประตูโรงเรียน เขารู้สึกว่างเปล่า ไม่มีที่ไป ในตอนนั้นเองมีรถหรูมาจอดข้างๆ คนในรถเรียกให้จี้ร่างขึ้นมา เขาคือ "จี้เว่ยหยาง" พ่อของจี้ร่างเอง
.
.
.
.
ตลกกกกกก อยากมีรายได้เสริมมั้ย 555555555
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (6)
.
.
.
.
การพบกันของพ่อลูกตระกูลจี้ สรุปเอาสั้นๆว่าเป็นไปได้ไม่ดีเลย จี้เว่ยหยางที่ได้ข่าวว่าจี้ร่างมีพฤติกรรมดีขึ้นและตั้งใจเรียน เลยมาเจรจาด้วย แต่จี้ร่างจงเกลียดจงชังพ่อมาก แดกดันว่าเห็นเขาทำตัวดีขึ้นเลยนึกว่าเขาเปลี่ยนความคิดแล้วงั้นสิ? คิดว่าเขาจะยกโทษให้? ฝันไปซะเถอะ บอกเลยว่าชาตินี้เขาจะไม่มียกโทษให้พ่อเด็ดขาด ก่อนจะลงจากรถไป
ตัดกลับมาที่ฉีหยิงในร้านหนังสือ ฉีหยิงเลือกซื้อ "หนังสือสรุปความรู้พื้นฐานระดับมัธยมปลาย" ฟูหนานซุ่นทักด้วยความแปลกใจว่าอย่างฉีหยิงไม่น่าจำเป็นต้องใช้เลย ฉีหยิงเพียงตอบว่าเลือกให้คนอื่น
วันถัดมาฉีหยิงพยายามไปที่ห้อง9หลังเลิกคลาสทุกวิชา แต่ไม่เจอจี้ร่าง จนถึงพักเที่ยงเลยไปถามลูกสมุน สมุนคิดในใจว่าถ้าลูกพี่ยังทำตัวแบบนี้ สักวันต้องเสียนางฟ้าน้อยไปแหงๆ เลยตอบตามตรงว่าจี้ร่างเล่นบาสอยู่ จี้ร่างเล่นบาสอยู่คนเดียว พอเห็นฉีหยิง เขาทำสีหน้าเย็นชา ฉีหยิงยื่นหนังสือสรุปฯที่ซื้อมาให้ จี้ร่างหัวเสีย "ให้ไอ้นี่กับฉัน มันหมายความว่ายังไง?" หมายความว่าเขาเหมาะกับความรู้พื้นฐานเท่านั้น ไม่ได้ดีเด่เท่าไอ้อันดับที่1นั่น? ฉีหยิงไม่ได้ยินคำถามของจี้ร่าง ยังพยักเพยิดหนังสือให้ จี้ร่างอยากจะทุบหนังสือทิ้งแต่ก็ทำไม่ลง จำใจรับมา ฉีหยิงยิ้มแป้น รีบเปิดหนังสือและชี้ข้อความแรก
ข้อความในหนังสือ: ไปมหาวิทยาลัยกันเถอะ
จี้ร่างไม่เคยวางแผนชีวิต ไม่มีความฝัน ไร้อนาคต มีแค่ฉีหยิงที่มอบเป้าหมายสั้นๆให้เขา เขาเพียงแค่อยากตั้งใจเรียนเพื่อให้ชื่อของตัวเองเข้าใกล้ชื่อเธอมากขึ้น ก็แค่นั้น เขาไม่มองการณ์ไกลมากไปกว่านั้นเลย พอเห็นข้อความที่ฉีหยิงชี้ เขารู้สึกว่าฉีหยิงเป็นคนมีแผนการอนาคตจริงจัง และในแผนการนั้น มีเขาอยู่ คนที่ใส่ใจเขามากขนาดนี้เพิ่งจะมีฉีหยิงเป็นคนแรก
หลังเลิกเรียนจี้ร่างมารับฉีหยิงไปกินพุดดิ้ง แต่ฟูหนานซุ่นดันตามมาด้วย ฟูหนานซุ่นมองจี้ร่างว่าเป็นนักเรียนเลวกลัวว่าจะทำอะไรไม่ดีกับฉีหยิง อ้างว่า เธอไม่เข้าใจเลขสองข้อนี้นี่นา เดี๋ยวฉันช่วยสอนให้ สุดท้ายทั้งสามคนเลยมานั่งในร้านคาเฟ่ด้วยกัน ฟูหนานซุ่นนั่งสอนฉีหยิง จี้ร่างมองแล้วอิจฉาเลยหยิบหนังสือสรุปที่ฉีหยิงซื้อให้มานั่งอ่าน ฟูหนานซุ่นถึงเพิ่งรู้ว่าหนังสือที่ฉีหยิงซื้อมาเมื่อวานก็เพื่อจี้ร่างนี่เอง พอสอนเสร็จ ปล่อยให้ฉีหยิงทำแบบฝึกหัด ฟูหนานซุ่นก็หันมาบอกจี้ร่าง "ให้ฉันช่วยสอนได้นะ" จี้ร่างโมโหอยากจะอัดคน ลำดับที่1แล้วมันยังไงวะ? กร่างนักเหรอ? คิดว่าเก่งที่สุดในโลกรึไง? ว่าแล้วก็หยิบมือถือส่งข้อความระบายกับอู๋รุ่ยว่า "ไอ้ลำดับที่1ของหยานเฉิงดูถูกฉัน!" อู๋รุ่ยที่จริงๆขึ้นรถบัสกลับบ้านแล้วรีบตะบึงมาทันที มาถึงจ้องฟูหนานซุ่นเขม็ง อู๋รุ่ยกล่าวเสียงเย็นชา "สหาย ได้ยินมาว่าเรียนเก่งนักนี่ มาเจอกันสักหน่อยมา" จี้ร่างงง ตูไม่ได้เรียกเอ็งอัดกับเขานะเว้ย!
พอดีที่ฉีหยิงมีโจทย์ที่ไม่เข้าใจ ฟูหนานซุ่นเลยช่วยสอน อู๋รุ่ยรีบแทรกว่าที่ฟูหนานสอนมันซับซ้อนเกินไป เสนอวิธีการที่ง่ายกว่า ฟูหนานซุ่นพูดชมว่าง่ายกว่าจริงด้วย อู๋รุ่ยก็ชื่นชมฟูหนานซุ่นว่าวิธีการของเขายังไม่เคยเรียนมาก่อนเลย จี้ร่างงงต่อ ทำไมพวกเอ็งมาชมกันเองวะ??
ลงท้ายทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ถึงฟูหนานซุ่นจะไม่เข้าใจว่าทำไมฉีหยิงถึงชอบจี้ร่าง แต่กับฉีหยิงที่สูญเสียพ่อแม่ไป การที่เธอเจอคนที่ทำให้เธอยิ้มแย้มแบบนั้นได้ เขาก็ยินดีกับเธอด้วย
วันหนึ่งจี้ร่างกับลูกน้องเจออี้จ้าวกำลังโดนหาเรื่องเลยเข้าไปขัด พอถามว่าเกิดอะไรขึ้น อี้จ้าวก็บอกว่าอีกฝ่ายหาว่าเขาไปแย่งแฟนลูกพี่มัน อี้จ้าวโมโห "ถ้าจะหาแฟน ฉันก็อยากได้คนที่หน้าตาทัดเทียมพี่สาวฉันนะเหวย ฉันมีพี่สาวที่เห็นหน้าทั้งวันทั้งคืน มาตรฐานฉันสูงว้อย ไอ้แฟนลูกพี่มันหน้าตาดียังได้ไม่ถึงครึ่งของพี่เลย ฉันไม่เอาด้วยหรอก!" จี้ร่างยืนคิดสักพักนึงแล้วก็บอก "เออ จริง" 🤣 สุดท้ายอีกฝ่ายกลัวจี้ร่างเลยเผ่นหนีไป อี้จ้าวโดนจี้ร่างเทศนาเรื่องท้าตีท้าต่อยไปยกนึง
และแล้วการสอบเดือนถัดมาก็มาถึง ฉีหยิงไม่ได้นั่งข้างหลังเขาแล้ว แต่จี้ร่างตั้งใจทำข้อสอบมาก ทำเสร็จก็ยังเครียด ไม่รู้ว่าผลออกมาจะเป็นยังไง อู๋รุ่ยปลอบจี้ร่างว่า "เลื่อนขึ้นมาแค่1ลำดับ ก็ยังนับเป็นการพัฒนานะ!" จี้ร่างตอบ "ถ้าฉันเลื่อนขึ้นแค่1ลำดับ แกโดนฆ่าแน่" อู๋รุ่ยน้ำตานอง การสอนบอสใหญ่ ช่างเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
จนถึงวันที่ผลสอบออก วันนี้ฉีหยิงรู้สึกไม่ค่อยดี หูที่หนวกมาหลายเดือนเริ่มปวดๆ จนตอนที่ไปดูป้ายประกาศลำดับกับหลีหลี่ ฉีหยิงพบว่าเธอได้ยินเสียงแล้ว! เธอได้ยินเสียงใสของหลีหลี่พูด "หยิงหยิง เธอได้ลำดับที่ 14 แน่ะ!"
.
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (7)
.
.
.
.
นอกจากเสียงหลีหลี่แล้ว ฉีหยิงยังได้ยินเสียงนักเรียนคนอื่นซุบซิบกันอีกว่า จี้ร่างได้ลำดับที่ 323! เป็นไปได้ยังไง? จากที่โหล่จะมาโผล่ที่กลางได้ยังไง? ข้อสอบหลุด? โกงแหงๆ!
ฉีหยิงได้ยินแล้วโมโหเลยเดินไปกระทืบเท้าเรียงคน เป็นความวุ่นวายย่อมๆที่หน้าป้ายประกาศ สุดท้ายเรื่องไปจบที่ห้องพักครู แต่เพราะฉีหยิงทำตัวดีมาตลอด อาจารย์เลยไม่เชื่อสักเท่าไหร่ และปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป หลีหลี่พูดว่า "หยิงหยิงดุจริงๆ!"
ฉีหยิงเห็นด้วย สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากได้ยินเสียง คือการสู้คน จี้ร่างกับอี้จ้าวต้องภูมิใจในสิ่งนี้!
ด้วยลำดับที่ก้าวกระโดด ทำให้มีคนจำนวนมากไม่อยากจะเชื่อว่าจี้ร่างทำได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะพวกอาจารย์ มีแค่อ.หลิวที่เป็นอ.ที่ปรึกษาห้อง9ที่เชื่อในตัวจี้ร่าง อู๋รุ่ยซึ่งได้ลำดับที่1แบบคงที่เดินผ่านห้องพักครูพอดี เขาได้ยินแล้วไม่ชอบใจ เปิดประตูแล้วกล่าวว่า "จี้ร่างพยายามหนักมากในการเปลี่ยนตัวเอง แล้วก็จริงจังมากๆในตอนติวกัน! ในฐานะอาจารย์ พวกคุณไม่ควรตั้งคำถามกับปัจจุบันเพียงเพราะอดีตของเขาเลย! เขาเป็นนักเรียนที่ดีนะครับ!" ทั้งห้องพักครูเงียบสงัด อ.หลิวน้ำตารื้น การสอนเด็กดื้อให้กลับตัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หลังจากนั้นเขาก็เรียกจี้ร่างมาคุย ไถ่ถามว่าจี้ร่างมีแผนอย่างไรต่อบ้าง จี้ร่างเงียบอยู่นานก่อนตอบว่าเขาอยากเข้ามหาลัย อ.หลิวดีใจมากพร้อมสนับสนุนเต็มที่
พอจี้ร่างออกมาจากห้องพักครู สมุนคนนึงคาบข่าวมาบอกเรื่องฉีหยิงสู้คน จี้ร่างได้ยินแล้วทำหน้าเย็นชาออกปากให้ไปหาคนที่ฉีหยิงมีเรื่องด้วยมา แล้วตัวเองเดินไปหาฉีหยิงที่ห้อง2 เห็นฉีหยิงไม่ได้รับบาดเจ็บก็โล่งอก
ถึงวิชาพละ ฉีหยิงเห็นจี้ร่างกำลังเล่นบาส นักเรียนหญิงหลายคนคอยเชียร์ หลายคนอยากจะยื่นส่งน้ำส่งผ้าเช็ดตัวให้จี้ร่างแต่ไม่กล้า ฉีหยิงไปซื้อโค้กมาและเดินดุ่มๆไปหาจี้ร่างที่สนาม เหล่านักเรียนหญิงรู้ว่าจี้ร่างไม่ชอบของหวาน เลยเฝ้ารอฉากฉีหยิงโดนปฏิเสธแบบขายขี้หน้า แต่นอกจากจี้ร่างจะรับโค้กมาดื่มแล้วยังโน้มตัวลงมาคุยกับฉีหยิงอย่างใกล้ชิดอีกต่างหาก
จี้ร่างยังไม่รู้ว่าฉีหยิงได้ยินเสียงแล้วพูดเรื่อยเปื่อย "ฉันหล่อมากมั้ยล่ะตอนเล่นบาส?" ฉีหยิงคิด 'ใช่ หล่อมาก' จี้ร่างโน้มตัวใกล้ฉีหยิงมากจนได้กลิ่นหอมหวานจากร่างกายของเธอ เห็นฉีหยิงมองตัวเองด้วยดวงตาใสกระจ่าง เขามองริมฝีปากสีกุหลาบของฉีหยิงแล้วขยับลูกกระเดือก เขาพูดต่อด้วยเสียงแหบลง "เชื่อมั้ย ว่าถ้าต่อไปเธอมองฉันแบบนี้อีกล่ะก็ ฉันจูบเธอแน่"
ฉีหยิงได้ยินแล้วหน้าขึ้นสี รีบผลักจี้ร่างออก จี้ร่างขำ นึกว่าฉีหยิงผลักเพราะกลิ่นเหงื่อตัวเอง ขยี้หัวฉีหยิงแล้วพูดส่งท้ายว่า "คราวหน้าฉันจะหล่อกว่านี้ให้ดู ไปล่ะ" ว่าแล้วจี้ร่างก็ออกจากสนามไป
วันต่อมาลูกสมุนไปตามตัวคนที่ฉีหยิงมีเรื่องด้วยจนเจอ พอสอบปากคำ จี้ร่างคิดบางอย่างขึ้นมาได้เขารีบวิ่งไปหาฉีหยิง เห็นฉีหยิงกำลังดูดนมสตอเบอร์รี่ เลยเอ่ยปากถาม "อร่อยมั้ย?" ฉีหยิงพยักหน้าแบบลืมตัว จี้ร่างหน้าหงิกทันทีที่รู้ว่าฉีหยิงได้ยินเสียงมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เขานึกย้อนไปเมื่อวานว่าเขาพูดอะไรกับฉีหยิงบ้าง...
— ฉันหล่อมากมั้ยล่ะตอนเล่นบาส?
— เชื่อมั้ย ว่าถ้าเธอมองฉันแบบนั้นอีกล่ะก็ ฉันจูบเธอแน่
— คราวหน้าฉันจะหล่อกว่านี้ให้ดู
...เขาไม่อยากมีชีวิตต่อแล้ว
จี้ร่างทำหน้าด้านขอค่าชดเชย ฉีหยิงไม่มีอะไรจะให้ เลยส่งกล่องนมสตรอเบอร์รี่ในมือแล้วก็เผ่นไป จี้ร่างถือกล่องนมมาถึงห้อง9 ที่หลอดยังมีรอยฟันกัดอยู่เลย จี้ร่างโหวกเหวกในใจว่า นี่มันหมายความว่ายังไง? หล่อนรู้มั้ยว่านี่มันคือจูบทางอ้อม!? หรือยัยนั่นจงใจ!?? บ้าเอ๊ย! จะดูดก็ไม่กล้า จะทิ้งก็ไม่เอา สมุนที่เพิ่งเข้าห้องมาเห็นเลยออกปากขอกินจนโดนจี้ร่างฟาดด้วยหนังสือภาษาอังกฤษ
จี้ร่างรวบรวมความคิด สรุปเมื่อวานที่ฉีหยิงมีเรื่องกับคนอื่นก็เพื่อเขา เธอเหยียบเท้าคนอื่นที่พูดจาให้ร้ายเขา เพื่อปกป้องเขา นี่สินะความรู้สึกของการได้รับการปกป้อง? จี้ร่างทั้งประทับใจทั้งภูมิใจเหลือเกิน
.
.
.
.
>>618 นอกจากโปรอ่านฟรีของ #ราชินีพลิกสวรรค์ แล้ว เก๋อยังขนความสนุกแบบจุใจมาให้นายท่านด้วยอีกหนึ่งโปรเจ้าค่า
พบกับการเพิ่มตอน+1 แบบจุกๆ เป็นวันละ 2 ตอน ตลอด 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 16 - 29 เมษายน 2564 นี้! 🥳💖
.
🌟 #แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
🌟 #ยามดอกวสันต์ผลิบาน
🌟 #ลืมรักเลือนใจ
🌟 #เดิมพันเสน่หา
🌟 #เผยตัวตนลับจับหัวใจเธอ
.
#หอหมื่นอักษร #inkstone #นิยายจีน #นิยายออนไลน์
ไม่ได้ตามเพจ เห็นมาอัพสองตอนอีก ดีใจเก้อเหมือนกัน
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (ุ8)
.
.
.
.
มาถึงช่วงกีฬาสี ฉีหยิงไม่ได้ลงแข่งอะไร ส่วนจี้ร่างลงวิ่งแข่ง50เมตร จี้ร่างไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์ เห็นฉีหยิงโบกธงเชียร์อยู่ริมสนาม ก็ดีใจนึกว่าฉีหยิงเชียร์ตัวเอง พอลงสนามไปใกล้ๆถึงเห็นข้อความบนธง "สู้เขา ห้อง2" ... ฉีหยิงที่ไม่รู้ว่าจี้ร่างลงแข่ง พอเห็นสายตาจี้ร่างก็รีบเอาธงซ่อนข้างหลัง จี้ร่างน้อยใจ วิ่งแบบไม่สนหน้าใคร สุดท้ายได้ที่1 แข่งเสร็จฉีหยิงถึงทำธงเชียร์มาให้ แต่สักพักจี้ร่างก็เห็นธงเชียร์ของอี้จ้าว ของหลีหลี่ จี้ร่างถึงกับเซ็ง
ฉีหยิงชวนจี้ร่างไปดูอี้จ้าวแข่งกระโดดสูง อี้จ้าวทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ โดนคู่แข่งตัวเต็งพูดจาทำเสียสมาธิ จี้ร่างเลยโยนขวดน้ำใส่ตัวเต็ง บอกให้หุบปาก ไม่รู้เพราะโดนจี้ร่างว่ารึเปล่า สุดท้าย ผลลัพธ์ของตัวเต็งเลยออกมาไม่ดี อี้จ้าวได้ชัยชนะมาครอง อี้จ้าวรีบมาเฮกับฉีหยิง แล้วขอบคุณจี้ร่างแบบไม่เต็มใจนัก จี้ร่างบอก "ในฐานะครอบครัว ก็เป็นเรื่องปกติที่ฉันต้องทำอยู่แล้ว" อี้จ้าวงง ใครเป็นครอบครัวกับเอ็ง!? จี้ร่างกล่าวเพิ่ม "เราครอบครัวคนจีนด้วยกันทั้งนั้น"
ในการแข่งกีฬา หลีหลี่ได้รับบาดเจ็บ ฉีหยิงเลยไปส่งหลีหลี่ที่บ้าน ขากลับจี้ร่างพาซิ่งมอไซค์กลับบ้าน ฉีหยิงซึ่งเห็นจี้ร่างสีหน้าเซ็งๆตอนรับรางวัล เลยแอบไปนั่งทำเกียรติบัตรทำมือมาให้จี้ร่าง
ในเกียรติบัตรระบุ: เพื่อเป็นเกียรติคุณในผลงานที่โดดเด่นและชัยชนะในการแข่งกีฬาฤดูใบไม้ร่วงของจี้ร่าง ด้วยเกียรติบัตรนี้ เขาสามารถใช้ขอพรจากฉีหยิงได้หนึ่งประการ –ลงชื่อ ฉีหยิง
จี้ร่างดีใจ แต่ยังไม่ได้ขออะไรจากฉีหยิง
พอเข้าสู่ฤดูหนาว ช่วงบ่ายของโรงเรียนจะเป็นชั่วโมงเรียนรู้ด้วยตัวเอง ที่ห้อง9 สมุนขอจี้ร่างว่าวันนี้ขอดูหนัง ไม่เรียนสักวันนึงนะ เรานักเรียนต้องรู้จักผ่อนคลายบ้าง พอเห็นจี้ร่างจะปฏิเสธ สมุนเลยบอกว่า "ลูกพี่เคยนั่งดูหนังกับนางฟ้าน้อยแล้วยัง? ชวนเธอมาดูด้วยกันซิ!" จี้ร่างติดกับ ส่งข้อความชวนฉีหยิงทันที แถมยังส่งข้อความเรียกอู๋รุ่ยมาอีกคน อู๋รุ่ยได้ยินว่าดูหนังก็ตาลุกวาว ร่วมแจมทันที
ผอ.ได้ยินนักเรียนลือว่าห้อง9ใช้ชั่วโมงเรียนรู้ด้วยตัวเองมานั่งดูหนังผีกัน ก็โมโห รีบตะบึงมาถึงห้องกะเทศนาเต็มที่ พอเปิดประตูไปพบอู๋รุ่ยกำลังยืนสอนฟิสิกส์ที่โพเดี่ยมหน้าชั้น นักเรียนคนอื่นก็มีท่าทีตั้งใจฟังมาก ผอ.ถามอู๋รุ่ยว่าทำอะไรกันอยู่ อู๋รุ่ยตอบสีหน้าจริงจัง "ผมกำลังติวพวกเขาอยู่ครับ การเพิ่มเกรดเฉลี่ยและเพิ่มอัตราการสอบเข้ามหาลัยนับเป็นความรับผิดชอบเร่งด่วนของพวกเรานักเรียนไฮ่เฉิงเลยนะครับ" ผอ.เถียงไม่ออก พูดแนะสองสามอย่างแล้วก็กลับไป ทุกคนในห้องถอนหายใจโล่งอก แล้วขำกันลั่น อู๋รุ่ยถึงกับทรุดลงหน้าโพเดี่ยม "กลัวแทบตาย กลัวแทบตาย..."
ตอนดูหนังผี จี้ร่างเซ็งที่ฉีหยิงไม่หวาดกลัวเลยสักนิด ฉีหยิงยื่นลูกอมในมือให้จี้ร่าง จี้ร่างแซวขำๆ "ป้อนฉันซิ" แต่ฉีหยิงดันป้อนจริง พอจะป้อนเม็ดที่สองต่อ จี้ร่างรีบปฏิเสธยกใหญ่ คนในห้อง9มองแล้วคิดในใจ ไอ้หนุ่มไร้เดียงสานี่มันเป็นใคร? บอสใหญ่ตัวร้ายผู้น่าคร้ามเกรงประจำโรงเรียนหายไปไหนแล้ว?? ผิดอิมเมจแล้วลูกพี่!!
เพราะฤดูหนาว พอเลิกเรียนตอนเย็นฟ้าก็มืดแล้ว จี้ร่างออกมาจากตึกพร้อมพวกสมุนกับฉีหยิง พวกสมุนเห็นหิมะแรกของปีก็รีบวิ่งไปเล่นหิมะกัน จี้ร่างขำ หันมามองฉีหยิง เห็นนัยน์ตาใสรื้นน้ำตาของฉีหยิง
วันหิมะแรกของปี นั่นเป็นวันที่ฉีหยิงได้พบกับแม่ทัพจี้ครั้งแรก
เปลวเพลิงลุกโหมกลางหิมะแรกโปรย ดาบยาวฝ่าสายลมหนาวเสียดแทงร่างโจรป่าถือมีดที่จับร่างนางไว้ นางประสานนัยน์ตาสีดำเมี่ยมท่ามกลางทัศนียภาพสีขาวพิศุทธิ์
หลังจากนั้นมา ท่านแม่ทัพจะมอบของขวัญให้นาง ทุกหิมะแรกของปี
ปีแรก เป็นต้นอ่อนของต้นอคาเซียปลูกไว้ใกล้ริมหน้าต่างของนาง
ปีที่สอง เป็นปิ่นหยกที่สลักชื่อนางไว้ อักษรที่สลักเป็นลายมือเดียวกับท่านแม่ทัพ
ปีที่สาม ท่านแม่ทัพต้องออกรบ ท่านมอบลูกม้าให้นาง ท่านว่าให้ลูกม้าคอยอยู่เคียงข้างนางแทน
ปีที่สี่ เป็นจี้หยกเงื่อนมงคล นางและท่านแม่ทัพพกไว้คนละครึ่งส่วน นางผูกด้วยด้ายแดง ห้อยไว้ที่อกข้างซ้าย
ปีที่ห้า... นางอยู่ไม่ถึงปีที่ห้า
นี่เป็นอีกหิมะแรกที่นางได้พบกับท่านแม่ทัพอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะจดจำอดีตและสัญญาที่ว่าจะมอบของขวัญให้นางทุกปีไม่ได้ แต่นางยังคงดีใจ ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายเลย
ขอแค่เขายังมีชีวิตอยู่
จี้ร่างเห็นนัยน์ตาของฉีหยิงแล้วใจเต้นผิดจังหวะ กล่าว "ฉันเตือนแล้วใช่มั้ย ว่าถ้ามองฉันแบบนั้นอีกจะเป็นยังไง?" เขาสืบเท้าเข้าใกล้ แล้วก้มลงประทับริมฝีปากฉีหยิงเบาๆ ฉีหยิงตกใจแต่ไม่ได้โกรธหรือผลักเขา จี้ร่างจูบเขาเสร็จตื่นตระหนก รีบหันหลังหนี เดินไปได้สองก้าวก็หันมาอีกที ตีสีหน้าเย็นชาบอกว่า "อย่าบอกใครนะ!" ฉีหยิงยิ้มหวานพร้อมพยักหน้า
.
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (9)
.
.
.
.
จูบเขาแล้วจี้ร่างสู้หน้าเขาไม่ติด พยายามหลบหน้าฉีหยิงอีกแล้ว ฉีหยิงโมโห พอเห็นจี้ร่างยืนคุยกับสมุนอยู่เลยเข้ากระทืบเท้าใส่แล้วเดินหนี จี้ร่างรู้สึกซับซ้อนในใจไม่รู้จะทำยังไงดี สุดท้ายเลยปรึกษากับสมุนฉู่คนสนิท
จี้ร่าง: แกว่าฉันชั่วช้าอย่างคนอื่นเรียกกันมั้ย?
สมุนฉู่: ???
จี้ร่าง: ฉันจูบเธอโดยไม่ได้พูดอะไร
สมุนฉู่ที่แอบเห็นเหตุการณ์ไกลๆ: กะแล้วเชียว!
จี้ร่าง: จากนั้นฉันก็หลบหน้าเธอ
สมุนฉู่: สามานย์! โคตรชั่วเลย!!
จี้ร่างกัดฟันกรอด ถามว่าเขาควรทำยังไง สมุนฉู่บอกว่าก็สารภาพรักเธอเลยสิ จี้ร่างปฏิเสธทันควันว่า ไม่ได้ เขาจะมีความรักไม่ได้ สมุนฉู่สงสัยว่าทำไม
จี้ร่าง: แกจำได้มั้ยว่าคุณสมบัติของเด็กไม่ดีเป็นยังไง?
สมุนฉู่: จำได้! สูบบุหรี่, ต่อยตี, โดดเรียน, ได้อันดับท้ายๆ และมีรักในวัยเรียน!
จี้ร่าง: ใช่ และฉันทำมาหมดแล้ว ยกเว้นมีความรัก เพราะงั้นฉันจะมีไม่ได้!
สมุนฉู่งง ไรวะ? ถ้ามีความรัก=เด็กไม่ดี? ลูกพี่ทั้งต่อยตีทั้งสูบบุหรี่และโดดเรียน นี่ยังคิดว่าตัวเองเป็นเด็กดีอยู่อีกเหรอ??? แต่จริงๆที่จี้ร่างคิดคือจะให้ฉีหยิงแปดเปื้อนเป็นเด็กไม่ดีไปด้วยไม่ได้
จนแล้วจนรอด จี้ร่างก็เอาพุดดิ้งสตอเบอรี่มาง้อตอนกลางวัน ยันตอนเย็นฉีหยิงก็งอนไม่เลิก ท้ายที่สุดจี้ร่างเลยหยิบเอาเกียรติบัตรทำมือที่ฉีหยิงให้ตอนกีฬาสีออกมา "ฉันขอใช้สิทธิขอพร ฉันขอให้หยิงหยิงไม่โกรธฉันแล้ว" ฉีหยิงแปลกใจ ไม่คิดว่าเขาจะขออะไรแบบนี้ แต่ก็ตกลง อันที่จริงเธอหายโกรธตั้งแต่ได้พุดดิ้งแล้วหรอก ฉีหยิงพิมพ์ข้อความถาม: แล้วทำไมถึงหลบหน้าฉัน?
จี้ร่างอ่านแล้วไม่รู้จะตอบยังไงดี เพราะพออยู่ใกล้เธอแล้วเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เขาอยากปกป้องเธอ ใครก็แตะต้องเธอไม่ได้ รวมถึงตัวเขาเองด้วย จี้ร่างคิดอยู่นานก่อนตอบแค่ว่า "เพราะฉันหน้าบาง จูบแล้ว ฉันมองหน้าเธอไม่ติด"
ฉีหยิงประหลาดใจ พิมพ์ต่อ: ฉันสัญญาแล้วว่าไม่บอกใคร ถือซะว่าไม่เคยเกิดขึ้น
จี้ร่างเกรี้ยวกราด "ไม่! เธอต้องจำเซ่!"
ฉีหยิงคิด คนคนนี้ช่างใสซื่อเหลือเกิน
หลังจากนั้นจี้ร่างก็พาฉีหยิงขึ้นรถบัสไปส่งบ้าน ก่อนจากกันก็บอกว่า ถ้าสอบไฟนอลนี้เขาสอบผ่าน ขอเกียรติบัตรอีกนะ ฉีหยิงตกลง
มาถึงสอบไฟนอล งวดนี้ขอสรุปเลยว่าฉีหยิงได้อันดับที่9 ส่วนจี้ร่างได้อันดับ 280 จี้ร่างดีใจ อันดับของพวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้น พอเลิกคลาสก็รีบไปหาฉีหยิง ขอเกียรติบัตร ฉีหยิงชะงักก่อนขอตัวไปหยิบที่ห้อง เธอกลับมาพร้อมเกียรติบัตรให้ จี้ร่างรีบเปิดดู... ข้อความทุกอย่างเหมือนเดิม แค่แก้จากแข่งกีฬาฤดูใบไม้ร่วง เป็นสอบปลายภาค "นี่มันรีไซเคิลนี่!!"
ฉีหยิงมัวแต่อ่านหนังสือสอบ เลยไม่ได้ทำให้ จี้ร่างก็ช่างใจร้อน เธอเลยได้แต่แก้ข้อความในเกียรติบัตรใบเก่าให้ 😂 จี้ร่างไม่พอใจดันฉีหยิงชิดผนัง แล้วถามขอค่าชดเชย เสียงกริ่งดังพอดี ฉีหยิงกระอักกระอ่วนใจก่อนจะหอมแก้มจี้ร่างแล้วเผ่นเข้าห้อง2 จี้ร่างนิ่งค้าง สบถหนึ่งคำ ก่อนเดินกลับห้อง9 ยิ้มหน้าบานแบบไม่รู้ตัว
.
.
.
.
มันเป็นน่ารักแท้ อิป้าใจเต้น
โอ๊ย รักเลย น่ารักมากกกก
พระเอกเอ๊ยยย นายไก่อ่อนนี่หว่า
น่ารักมาก มาต่ออีกนะ อยากรู้ว่านิยายยาวไปถึงเข้ามหาลัยเลยไหม ชอบอ่านอะไรแบบนี้ว่ะ
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (10)
.
.
.
.
เพราะการตั้งใจเรียน(แบบบังคับ) ทำให้งวดนี้ผลการเรียนของห้อง9ออกมาดีขึ้นเยอะ อ.หลิวดีใจ ชมเชยจี้ร่างเสร็จก็อยากติดต่อผู้ปกครอง แต่เบอร์ผปค.ที่จี้ร่างแจ้งไว้ โทรไปก็ไม่เคยมีใครรับสาย จนอ.หลิวไปขอเบอร์ผปค.จี้ร่างจากผอ.แล้วได้เบอร์พ่อมา อ.หลิวคุยกับจี้เว่ยหยานบอกว่าจี้ร่างพฤติกรรมและคะแนนดีขึ้นยังไง จี้เว่ยหยานรับฟังและขอบคุณอ.หลิว สุดท้ายอ.หลิวถามถึงเบอร์ที่ไม่มีใครรับสายนั้น จี้เว่ยหยานเงียบไปนานก่อนตอบ "นั่นเบอร์ของแม่เขา ...เธอเสียไปหลายปีแล้ว"
ทุกคนทยอยกลับบ้านต้อนรับปิดเทอม รถเฟอร์รารี่สีแดงคันนึงก็ขับเข้ามา คนขับคือ "จี้เฉียน" ประธานสาวแสนสวย เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของจี้ร่าง จี้เฉียนเจออี้จ้าวก็ทักทายและชวนอี้จ้าวว่ามาที่บ้านตอนปีใหม่ได้นะ ปู่คงยินดี อี้จ้าวงงว่ายินดีทำไม (โน้ต: กุเล่าข้ามไปเยอะ แต่เจ๊แกเคยโผล่มาหลายครั้งแล้ว และคุ้นเคยกับอี้จ้าว อนึ่งคืออย่างที่บอกว่าแรกๆกุอ่านข้าม ไม่รู้ว่ายังไง แต่เจ๊แกเข้าใจผิดว่าจี้ร่างคบกับอี้จ้าว 😂) จากนั้นจี้เฉียนไปหาจี้ร่าง มาคุยสารทุกข์สุขดิบ แล้วชวนให้จี้ร่างกลับบ้านช่วงปีใหม่ จี้ร่างปฏิเสธไร้เยื่อใย "ทำไมฉันต้องไปบ้านของคนอื่นด้วย?" จี้เฉียนโกรธ "บ้านคนอื่นที่ไหนกัน!? นั่นบ้านของเธอนะ!" จี้ร่างไม่สนใจเดินจากไป
ปิดเทอมฤดูหนาวมาเยือน อี้จ้าวไปเที่ยวเล่นแทบทุกวันจนโดนแม่ตำหนิ "หัดเอาอย่างพี่สาวบ้างสิ! ดูซิพี่เขาไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดทุกวัน แล้วดูแกสิ!" อี้จ้าวกลอกตา อยากจะพูดใจแทบขาด ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด? พี่เขาไปเดทหรอก!!! ฉีหยิงนัดเจอจี้ร่างที่ห้องสมุดทุกวัน แถมยังจ่ายค่าปิดปากให้อี้จ้าวด้วย ถ้าจ่ายไม่มากพอ เขาไม่ตกลงด้วยหรอก!
จี้ร่างทำการบ้านปิดเทอมกับฉีหยิงจนเสร็จ เดินออกมาจากห้องสมุด รถหรูก็มาจอดเทียบ จี้เว่ยหยานพยายามคุยบอกให้จี้ร่างกลับบ้านตอนปีใหม่ จี้ร่างเดือดดาล สายตาเย็นชา กล่าวแดกดัน "กลับบ้าน? ฉันยังมีบ้านอยู่อีกเหรอ? ไม่ใช่ว่าบ้านของฉันถูกคุณทำลายไปหมดแล้วเหรอ?!!" ฉีหยิงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร แต่เธอลูบหัวปลอบจี้ร่าง สายตาของเธอบอกให้เขาใจเย็นลง จี้ร่างมองฉีหยิงที่ส่งยิ้มให้ เขาพูดเบาๆ "ฉันไม่โมโหแล้ว เราไปกันเถอะ" แล้วเดินจากจี้เว่ยหยานไป
คืนวันสิ้นปี ฉีหยิงฉลองกับครอบครัวลุงอี้ พร้อมกับคุยแชต เธอคุยกับจี้ร่าง จี้ร่างบอกว่าเขาฉลองอยู่กับเพื่อนๆ ของกินเพียบเลย แต่ฉีหยิงรู้สึกได้ว่าเขาโกหก เธอเลยบอกลุงอี้ว่าเธอมีนัดไปเค้าท์ดาวน์ที่สวนสนุกกับเพื่อน แล้วรีบไปที่บ้านของจี้ร่างซึ่งอยู่ชานเมือง จี้ร่างกินมาม่าฉลองปีใหม่อยู่คนเดียวจริงๆ พอได้ยินเสียงออด ก็เดินมาเปิดประตู พอดีกับที่เวลาเคาท์ดาวน์ถึงเลข 0 เสียงพลุดังลั่น แสงสีจากดอกไม้ไฟกระพริบวาบที่หน้าต่างบานใหญ่ข้างหลังเขา ฉีหยิงหอบแฮ่กมือถือของพะรุงพะรัง เธอหัวเราะ และพูดไม่มีเสียง "สวัสดีปีใหม่"
จี้ร่างรู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน ดึงฉีหยิงเข้ามากอดแน่น ไม่รู้ว่ากอดนานแค่ไหนจนดอกไม้ไฟหยุดแล้ว จี้ร่างถึงได้สติ พบว่าเป็นฉีหยิงจริงๆ ก่อนให้เธอเข้ามาในห้อง แล้วทั้งคู่ก็จัดแจงของกิน ของประดับปีใหม่ที่ฉีหยิงเอามา จี้ร่างรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอย่างเขาไม่เคยได้รับมาก่อน กินเสร็จฉีหยิงอยากเล่นไฟเย็น แต่จี้ร่างเลิกบุหรี่ไปนานแล้วเลยไม่มีไฟแช็ค ทั้งคู่เลยไปหาซื้อ เจอรถแท็กซี่ แท็กซี่บอกร้านรวงแถวนี้ปิดหมดแล้ว ไปสวนสนุกแทนมั้ย ที่นั่นเปิดทั้งคืนปีใหม่เลยนะ จี้ร่างจะปฏิเสธ แต่ฉีหยิงอยากไปเลยตกลง
มาถึงสวนสนุก ฉีหยิงตื่นเต้นยินดี จี้ร่างมองแล้วใจบางตาม ฉีหยิงไม่รู้เลยว่าการปรากฏตัวของเธอมีความหมายกับเขามากแค่ไหน และนั่นก็ไม่ได้สำคัญเลยว่าเธอจะรู้หรือไม่ เพราะทุกความอ่อนโยนและความรักทั้งหมดที่เขามีเหลืออยู่ในโลกนี้ เขามอบให้เธอทั้งหมดแล้ว
ทั้งคู่เที่ยวสวนสนุกยันตี4 ฉีหยิงเริ่มตาปรือ แต่พอเห็นร้านขายถังหูลู่ก็ตาลุกวาวจนจี้ร่างหัวเราะแล้วไปซื้อมาให้ เขาถาม "เธอชอบถังหูลู่เหรอ?" ฉีหยิงนิ่งไปเล็กน้อย เธอนึกถึงอดีต
แม่ทัพจี้พานางมาเทศกาลโคมไฟ เป็นครัังแรกที่ฉีหยิงได้เห็นผู้คนเยอะมากมายขนาดนี้ นางทั้งกลัวทั้งตื่นตา ทุกสิ่งรอบตัวดูน่าอัศจรรย์ไปทั้งหมด นางเดินจับชายแขนเสื้อท่านแม่ทัพมาจนถึงรถเข็นขายถังหูลู่ นางไม่เคยกินมาก่อน และมองด้วยตาเป็นประกาย ท่านแม่ทัพหัวเราะก่อนซื้อถังหูลู่ให้นาง และถาม "เจ้าชอบถังหูลู่เหรอ?"
ชอบ นางชอบท่านและถังหูลู่
ผ่านมานานปี เขาปรากฏตัวและกล่าวถามคำถามเดียวกัน เธอพยักหน้า ถังหูลู่ยังหวานล้ำเหมือนอย่างเคย
.
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (11)
.
.
.
.
วันปีใหม่ ครอบครัวลุงอี้ไปเยี่ยมญาติฝั่งป้า ฉีหยิงนัดจี้ร่างที่ห้องสมุด ฉีหยิงไปก่อนและเจอพ่อจี้ร่าง จี้เว่ยหยานชวนฉีหยิงขึ้นรถและคุยด้วย เขาเพิ่งรู้ว่าฉีหยิงพูดไม่ได้ สักพักมีสายโทรหาบอกว่า คุณนายหมดสติอีกแล้ว จี้เว่ยหยานเลยพาฉีหยิงไปที่บ้านพร้อมกัน มาถึงบ้านจี้เว่ยหยานให้ฉีหยิงรอในห้องจี้ร่าง ที่ห้องสะอาดสะอ้านแต่บอกได้เลยว่าไม่มีคนใช้การมานาน ฉีหยิงมองเหรียญและถ้วยรางวัลแชมป์นักแม่นปืนยุวชนระดับชาติ เห็นรูปจี้ร่างวัยเด็กที่มีรอยยิ้มแจ่มใส สักพักจี้ร่างทักมา ฉีหยิงเลยบอกเรื่องที่เธอเจอพ่อเขา จี้ร่างเงียบไปนาน ก่อนบอกว่าเขาจะไปรับ
จี้เว่ยหยานเสร็จธุระ เดินมาหาฉีหยิง พร้อมคุยกับพยาบาลว่าให้ดูแลคุณนายดีๆ ทันใดนั้นจี้ร่างก็ถีบประตูเข้ามา สายตาเกรี้ยวกราดเย็นชา เขารีบดึงฉีหยิงออกไป จี้เว่ยหยานพยายามชวนให้กินข้าวที่บ้านด้วยกัน จี้ร่างตอบ "กินข้าวที่นี่ ฉันคงสำรอกซะก่อน" เขาเหลือบมองพยาบาล "ยัยนั่นใกล้ตายแล้วล่ะสิ?" มองสายอาฆาตแค้นอย่างกับอสรพิษ ในตอนนั้นจี้เว่ยหยานรู้สึกอย่างกับไม่เคยรู้จักลูกชายมาก่อน จี้เว่ยหยานโมโหจนตบหน้าจี้ร่าง แล้วตะคอก "ดูสารรูปของแกตอนนี้ซิ!" ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ ฉีหยิงก็ก้าวมาขวางระหว่างพ่อลูก เธอกางมือออกทั้งสองข้าง ตัวสั่นเกร็ง มองจี้เว่ยหยานด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธ
จี้ร่างนึกถึงเมื่อหลายปีก่อน สถานที่เดิม ภาพเหตุการณ์เดิมๆ ตอนนั้นจี้เว่ยหยานตบหน้าเขาต่อหน้าสมาชิกตระกูลจี้ แต่ไม่มีใครเข้าข้างเขา เขาเพียงมองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา หันหลัง ออกจากบ้าน และไม่เคยกลับมาอีกเลย ตอนนี้เขาถูกตบหน้าอีกครั้งในสถานที่ที่เขารังเกียจและสะอิดสะเอียน เด็กสาวก้าวขึ้นมาข้างหน้า ปกป้องเขา เขาไม่โกรธและหมดหวังอย่างคราวก่อน จี้ร่างจับข้อมือฉีหยิง พูดเบาๆ "หยิงหยิง เราไปกันเถอะ" ระหว่างเดินกลับฉีหยิงร้องไห้สะอึกสะอื้น จี้ร่างคอยปลอบ
ทั้งคู่กินข้าวเสร็จ จี้ร่างก็ชวนไปดูหนังกะว่าจะดูหนังตลกขำขันเปลี่ยนบรรยากาศ ปรากฏฉีหยิงเลือกดูหนังผี จี้ร่างนึกสงสัยว่าค่ายหนังคิดอะไรถึงปล่อยหนังผีมาตอนปีใหม่ พอถึงเวลาเข้าโรง ทั้งโรงโคตรโล่ง มีคนดูอยู่คนเดียว จี้ร่างคิดในใจว่าหมอนี่ช่างเป็นนักรบผู้กล้าหาญ พอเดินไปใกล้ๆถึงเห็นว่าเป็น อู๋รุ่ย
อู๋รุ่ยก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาดูหนังผีตอนปีใหม่กะเขาด้วย พอเห็นเป็นคนคุ้นเคยก็ทักทายอย่างอารมณ์ดี สรุปคืออู๋รุ่ยเป็นแฟนหนังสยองขวัญ พอหนังเริ่มอู๋รุ่ยกับฉีหยิงเพลิดเพลินกับหนังมาก ส่วนบอสใหญ่มือสั่นจนโค้กในมือแทบหก บอกกับตัวเองว่าตูไม่กลัวสักนิด แค่ไม่ทันตั้งตัวหรอก! หนังจบ อู๋รุ่ยบอกลา จี้ร่างพาฉีหยิงขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน ระหว่างทางก็คอยถามฉีหยิงว่า กลัวมั้ย? คืนนี้จะฝันร้ายรึเปล่า? ถามจนฉีหยิงสัมผัสบางอย่างได้จนกลั้นขำ แล้วย้อนถามจี้ร่างกลับว่า กลัวมั้ย? จะฝันร้ายมั้ย? จี้ร่างตอบสีหน้าหมอง "ฉันไม่ใช่เด็กๆนะ กลัวเกลออะไรกัน" ฉีหยิงขำ แล้วถอดข้อมือหยกให้เป็นเครื่องราง จี้ร่างรู้สึกสบายใจขึ้น
วันหยุดฤดูหนาวใกล้สิ้นสุด ช่วงโค้งสุดท้ายอี้จ้าวจะทำการบ้าน แต่เห็นแววว่าทำไม่เสร็จแหง ขอร้องให้ฉีหยิงช่วย ฉีหยิงเลยต้องยกเลิกนัดจี้ร่างที่ห้องสมุดไป จี้ร่างอารมณ์เสีย ถึงกับจดชื่ออี้จ้าวใส่ในรายชื่อคนที่ต้องจัดการในเทอมหน้า
เปิดเทอมใหม่ อ.บอกว่าถึงตาม.5ห้อง2ส่งตัวแทนมานำเต้นออกกำลังกายตอนเช้า หนึ่งในนั้นคือฉีหยิง พอฉีหยิงออกมานำเต้นครั้งแรกก็ดังระเบิด เป็นครั้งแรกที่นร.ชั้นอื่นได้เห็นฉีหยิง เสียงผิวปากดังให้ควั่ก หลังจากนั้นก็มีคนส่งจดหมายรักมาไม่ขาดสาย จี้ร่างมาถึงห้อง2เห็นฉีหยิงโดนรุ่นพี่กลุ่มนึงรังควานเลยไล่ตะเพิดไป พร้อมพูดกับฉีหยิงอย่างเกรี้ยวกราด "รักในวัยเรียนน่ะห้ามนะ! ได้ยินมั้ย!?" ฉีหยิงพยักหน้ารับ ส่วนนักเรียนคนอื่นได้ยินแล้วอกสั่นขวัญแขวน หลังจากคลาสนั้นก็มีเสียงเล่าลือว่าบอสใหญ่ห้ามนักเรียนคบกัน ก่อนหน้านั้นก็บังคับทำการบ้าน แล้วบังคับเรียน ตอนนี้ห้ามกระทั่งมีรักวัยเรียน เชี่ย นี่บอสใหญ่หรือผอ.???
ตอนเลิกเรียน จี้ร่างมารับฉีหยิง ถามหยั่งเชิงว่าวันนี้ได้รับจดหมายรักกี่ฉบับ ฉีหยิงคิดสักพักก็ตอบว่า3ฉบับ แล้วหยิบจดหมายฉบับนึงยื่นให้จี้ร่าง จี้ร่างหงุดหงิดเบาๆ "ทำไม? จะให้ฉันช่วยคัดเลือกให้รึไง?" ฉีหยิงพิมพ์ตอบว่านี่เป็นจดหมายของเธอเขียน เธอได้ยินหลีหลี่บอกว่า ทุกคนจะเขียนจดหมายรักให้คนที่พวกเขาชอบ เธอเลยเขียนให้จี้ร่าง ใช่ว่าจะไม่มีคนเคยให้จม.รักจี้ร่าง แต่เขาไม่เคยรับจม.ของใครมาก่อน จี้ร่างมือสั่นเทิ้มรับจม.ของฉีหยิงมาเปิด ในจม.มีเพียงหนึ่งประโยคสั้นๆ
ข้อความในจม.: จันทราแต่งแต้มนภา ท่านแต่งเติมชีวิตข้า
จี้ร่างบรรจงพับจม.เก็บใส่กระเป๋า นัยน์ตาเปี่ยมด้วยความเปรมปรีดิ์ แต่ทำตีสีหน้าเคร่งขรึม ตอบว่า จะรับไว้พิจารณาแล้วกัน 🤣
.
.
.
.
ขอเป็นfcน้องอู๋รุ่ย ตบมุกกันโบ๊ะบ๊ะมากเรื่องนี้
น่ารัก
ลองเสนอทางไป่เหอไปนะ เพราะชอบ ท่านอัครเสนาบดีแสนสุภาพ ทำเล่มออกมาดี งานแปลที่นี่ก็โอเคด้วย อย่างช่วงเวลาแสนหวานดีมาก! รอลุ้น
น่ารักวุ้ย รออ่านสปอยล์ต่อนะ
อยากอ่านๆ ขอสัก สนพ. เราจะเปย์ น่ารักมาก
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (ุ12)
.
.
.
.
"ฟางซู่" เด็กเก่งอันดับ1ของชั้นม.6 เป็นหนึ่งในคนที่มาจีบฉีหยิง เขาชวนเธอให้มาเชียร์เขาแข่งบาส ฉีหยิงมาจริง แต่เธอมาเชียร์จี้ร่างที่เป็นทีมฝ่ายตรงข้าม ฟางซู่ไม่ชอบใจ จี้ร่างก็พอจะได้ยินมาว่ารุ่นพี่คนนี้ทำตัวยุ่มย่ามกับฉีหยิง พอตอนแข่ง ทั้งคู่แข่งกันเอาเป็นเอาตายมาก สุดท้ายทีมจี้ร่างชนะ ถึงตอนจับมือหลังแข่งเสร็จ ฟางซู่บีบมือจี้ร่างแน่นแล้วกระซิบ "แกคิดว่าคนอย่างแกมีค่าพอสำหรับเธองั้นเหรอ? พ่อของเธอเป็นตำรวจสละชีพเพื่อส่วนรวมนี่นา? เธอภูมิใจในตัวพ่อมาก แล้วแกล่ะ? แกเกลียดตำรวจทหาร ถ้าเธอรู้เรื่องนี้ ทายสิว่าเธอจะคิดยังไง?" พูดจบ จี้ร่างเลือดขึ้นหน้าต่อยฟางซู่ต่อหน้าทุกคนรวมถึงอาจารย์ ฟางซู่ยิ้มเยาะอย่างพึงพอใจ
ฉีหยิงออกมารอจี้ร่างอยู่นอกอาคาร ไม่รู้ว่าในสนามเกิดอะไรขึ้น เป็นฟางซู่ที่แก้มฟกช้ำเดินออกมาก่อน เขาถามว่ารอจี้ร่างเหรอ แล้วพูดเชิงว่า ไอ้ขี้ขลาดนั่นโดนยั่วโมโหหน่อยเดียวก็เผ่นแน่บไปแล้ว ไม่กล้ามาสู้เธอ ขี้ขลาดจริงๆ ฉีหยิงได้ยินแล้วเดือด กระแทกตัวใส่ฟางซู่แล้วรีบวิ่งไปที่สนาม เธอตามหาจี้ร่างจนถึงห้องอาบน้ำ เปิดประตูไป เห็นจี้ร่างทรุดตัวก้มหัวชิดเข่าอยู่กับพื้นมุมห้องน้ำแคบๆ ฝักบัวเปิดทิ้งไว้ เขาดูโดดเดี่ยวราวกับถูกทอดทิ้งโดยคนทั้งโลก ฉีหยิงรีบเข้าไปสวมกอด จี้ร่างเงยหน้ามาเห็นฉีหยิงตัวเปียกก็รีบหันไปปิดฝักบัว ฉีหยิงออกไปหยิบผ้าเช็ดตัว พอกลับมา จี้ร่างบีบข้อมือของเธอแน่นแล้วถาม "เธอจะทิ้งฉันไปมั้ย? เธอจะเกลียดฉันรึเปล่า? ... พวกเขาเกลียดฉัน พวกเขาบอกว่าคนคนนั้นทำถูกต้องแล้ว พวกเขาบอกว่าฉันมันโง่ ไม่เข้าใจถึงเกียรติยศและการเสียสละของเขา ทุกคนต่างเชิดชูในความเสียสละของเขา เธอเองก็คิดว่าฉันคิดผิดรึเปล่า?" นัยน์ตาของจี้ร่างทั้งเย็นชาและสิ้นหวัง ฉีหยิงมองเขาด้วยตาจริงจัง จากนั้นก้มลงจูบลงบนเปลือกตาเขา จูบนั้นนุ่มนวลราวกับเธอมอบทั้งความรักและอ่อนโยนทั้งหมดให้เขา จี้ร่างได้ยินเสียงสั่นเครือแผ่วเบา "ฉันไม่ทอดทิ้งเธอ"
เสียงนั้นเบาจนคล้ายกับหูแว่ว จี้ร่างนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง "หยิงหยิง เมื่อตะกี้เธอพูดงั้นเหรอ?" ฉีหยิงก็เพิ่งรู้สึกตัว เธอนึกเพียงอยากปลอบโยนเขาให้หายเศร้า อยากบอกว่าเธออยู่เคียงข้างเขา ความปรารถนานั้นได้ทะลุกำแพงอุปสรรคทางจิตวิทยาที่เธอติดมานาน ความคลุ้มคลั่งสิ้นหวังของจี้ร่างหายลับไปกลายเป็นความยินดี เขาบอกให้เธอพูดอีกครั้ง จากนั้นได้ยินเสียงกระซิบ "ฉันไม่ไปไหน ฉันจะอยู่ข้างเธอ" จี้ร่างหัวเราะดีใจ รับผ้าเช็ดตัวมาเช็ดเสื้อผ้าให้ฉีหยิง คุยกันสักพักก็เอาเสื้อผ้าของตัวเองในล็อกเกอร์มาให้ฉีหยิงเปลี่ยน แต่รองเท้าของเขาใหญ่ไป จี้ร่างเลยให้ฉีหยิงขี่คอ เดินออกมาเจอหลีหลี่ พอหลีหลี่รู้ว่าฉีหยิงพูดได้แล้วก็ดีใจ บอกว่าคราวหน้าถ้าฟางซู่มายุ่มย่ามอีกก็ไล่เฉดหัวมันไปเลย จี้ร่างบอกอย่าสอนฉีหยิงพูดจาหยาบคายน่ะ
เรียกรถกลับบ้าน พอมาถึงหน้าหมู่บ้าน ฉีหยิงจะลา แต่จี้ร่างฉุดเธอชิดต้นไม้ใกล้ๆ แล้วถาม "ที่พูดวันนี้ พูดจริงนะ?" ฉีหยิงกอดคอจี้ร่างหลวมๆตอบอย่างจริงจัง "ฉันจะอยู่ข้างเธอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ตราบที่เธอไม่ไล่ฉัน ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป" จี้ร่างหักห้ามใจไม่ให้จูบฉีหยิง แต่ยังไม่ปล่อย บอกให้เธอเรียกเขา ตลอดมาฉีหยิงเรียกเขาว่า 'ท่านแม่ทัพ' ในใจมาตลอด แต่เห็นทีคงไม่เหมาะ เธอเลยเรียก "เกอ(พี่ชาย)" จี้ร่างรู้สึกเหมือนโดนอะไรบาดหัวใจ (โน้ต: ถึงจะเรียนชั้นเดียวกัน แต่จี้ร่างโตกว่าฉีหยิง1ปี)
ฉีหยิงมาถึงบ้านทั้งตัวยังชื้นๆในชุดจี้ร่าง ลุงอี้กับป้ารีบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉีหยิงตอบว่าเธอพลาดตกลงสระน้ำ ทั้งบ้านเงียบไปครู่หนึ่ง ลุงอี้แทบร้องไห้ด้วยความยินดี ตอนวันหยุดฤดูหนาว เขาพาฉีหยิงไปตรวจอาการตามหมอนัด ตอนนั้นหมอแอบพูดกับเขาว่าบางทีฉีหยิงคงกลับมาพูดไม่ได้อีก เขาสิ้นหวังมาก เขายังแอบหาดูว่ามีงานอะไรบ้างที่ไม่จำเป็นต้องใช้การพูด วางแผนอนาคตให้เธอหลังเรียนจบ แต่ตอนนี้หลานสาวของเขากลับมาพูดได้แล้ว ขณะที่ลุงกับป้าดีใจกันนั้น มีเพียงอี้จ้าวที่สงสัยว่าที่โรงเรียนไม่มีสระว่ายน้ำใกล้ๆสนามบาสนี่หว่า?
เปิดมาวันจันทร์ ทุกคนยินดีที่ฉีหยิงพูดได้แล้ว จี้ร่างโดนทัณฑ์บนจากการอัดฟางซู่ แต่เจ้าตัวไม่แคร์ สักพักฟางซู่เดินเข้ามาพูดจายั่วยุว่า พวกเขา(น่าจะหมายถึงตระกูล)อยากให้จี้ร่างมาขอโทษต่อหน้า แต่เห็นว่าแต่ก่อนแม่ของจี้ร่างมีสัมพันธ์ที่ดีกับแม่เขาหรอก ฟางซู่เลยอุตส่าห์ช่วยไกล่เกลี่ยไม่เอาความ จี้ร่างเดือดขึ้นมาทันทีเตรียมจะเอาเรื่อง ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็วิ่งเข้ามาโผกอดจี้ร่างจากข้างหลัง ฉีหยิงพูด "อย่าสู้นะ" จี้ร่างใจสงบลง ฉีหยิงชวนกลับห้องเรียน ฟางซู่เข้ามาขัด แล้วพูดเหยียดว่าทำไมเธอยังปกป้องคนอย่างมัน ฉีหยิงเหลือบมอง พูดด้วยน้ำเสียงโกรธ "ยังไงฉันก็ชอบเขา ยังไงฉันก็ไม่ชอบคุณ!"
.
.
.
.
ใครไปเสนอสนพ. แล้วเขาว่าไงมั่งบอกกุด้วยนะ ;w;
ถ้ามีสนพ.สนใจ กุยังเล่าสปอยยันจบได้ป่ะวะ?
มาต่อสั้นๆ
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (ุ13)
.
.
.
.
อู๋รุ่ยที่ได้ข่าวจี้ร่างโดนทัณฑ์บนรีบวิ่งมาตำหนิว่าทำไมยังไปชกต่อยอีก มาให้คำแนะนำและปรึกษาว่าจี้ร่างควรเรียนอะไรยังไงบ้างในเทอมนี้ จากนั้นก็ถามว่า สัปดาห์หน้ามีสอบแล้ว จี้ร่างคิดอยากได้ที่เท่าไหร่? จี้ร่างนึกถึงสายตาดูแคลนของฟางซู่เลยตอบว่า "อันดับที่1" อู๋รุ่ยอึ้ง ก้าวถอยหลังไปสองก้าวในระยะที่ไม่โดนเตะแน่ๆ ขยับแว่นแล้วบอกว่า "นักเรียนจี้ ไม่ได้จะดูกถูกหรอกนะ ...แต่คิดจะโค่นผมน่ะ ออกจะยากไปสักหน่อย"
สอบงวดนี้จี้ร่างขอเกียรติบัตรอีก แต่ฉีหยิงบอกอยากให้อย่างอื่น ผลออกมาจี้ร่างได้ที่ 172 ส่วนฉีหยิงได้ที่ 7 จี้ร่างมองอันดับแล้วคิดว่าเป็นวาสนาจริงๆ เรามีเลข7เหมือนกันเลย 🤣 พอมาขอรางวัล ฉีหยิงให้ต้นซานจา ระหว่างรอรถบัสจี้ร่างแอบเสิร์ชหาความหมายของดอกซานจา: ถนอมความรักเพียงหนึ่งเดียว พอรถบัสมา ฉีหยิงจะขึ้นรถ จี้ร่างคว้ามือเธอมาแนบอกซ้าย กอดแน่นหนึ่งที ก่อนหัวเราะแล้วบอกว่าพอซานจาออกเมล็ดเมื่อไหร่ เขาจะทำลูกอมให้
งวดนี้ที่โรงเรียนมีพาเที่ยวที่ภูเขาเหอสีซึ่งอยู่ชานเมือง ฉีหยิงกับหลีหลี่กะจะปิกนิกกัน แต่จี้ร่างมาหา หลีหลี่เลยรีบไปหาเพื่อนคนอื่นให้ทั้งคู่เดทกัน ฉีหยิงอยากขึ้นไปวัดเหอสีที่อยู่บนยอดเขาเพื่อขอพร จี้ร่างตกลง วัดอยู่สูงมาก นักเรียนส่วนมากเลยไม่ได้ขึ้นมา จี้ร่างกับฉีหยิงเดินไต่เขาถึงวัด ฉีหยิงจุดธูปนึกขอบคุณพุทธคุณที่นำพาให้เธอได้พบท่านแม่ทัพอีกครั้ง และขอให้เขาแข็งแรงปลอดภัย
พอออกมาจากวัด มีหลวงจีนรูปหนึ่งกวาดพื้นอยู่ จี้ร่างพยายามหลบ แต่ไม้กวาดก็ยังกวาดตามมาทางเขา จี้ร่างหงุดหงิดถามหลวงจีนว่าต้องการอะไร หลวงจีนยังคงกวาดพื้นพลางตอบด้วยรอยยิ้ม "แม่ทัพน้อย อย่ามุ่งร้ายไปเลย" จี้ร่างคิดหลวงจีนรูปนี้ป่วยประสาท พยายามดึงฉีหยิงออกห่าง ฉีหยิงนิ่งงันแล้วถามเสียงค่อยว่าเมื่อกี้ท่านเรียกเขาว่าอะไรนะ? หลวงจีนเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้ "ชาติก่อนแม่ทัพน้อยตายแต่ยังหนุ่ม เขาคร่าชีวิตผู้คนไปมาก ในชาตินี้ เขาเปี่ยมไปด้วยความมุ่งร้าย สีกาควรดูแลเขาไว้" ฉีหยิงตาแดงกล่าวขอบคุณ แต่จี้ร่างไม่เชื่ออะไรพวกนี้ หาว่างมงาย ระหว่างทางลงจากเขา ฉีหยิงดูซึมๆไป เธอเศร้าว่าท่านแม่ทัพสังหารผู้คนเพื่อบ้านเมือง แต่นั่นกลับเป็นกรรมมาถึงชาตินี้ จากนั้นก็กอดจี้ร่างบอกว่าต่อไปอย่าไปต่อยตีอีกนะ จี้ร่างนึกโทษหลวงจีนที่พูดว่า 'ตายแต่ยังหนุ่ม' จนทำฉีหยิงกลัว ก่อนตอบว่า "สัญญา ฉันสัญญาทุกอย่างที่เธอบอก"
ขากลับโรงเรียน จี้ร่างหลับบนรถบัสแล้วฝัน
เขาฝันว่าตัวเองเป็นแม่ทัพนั่งบนหลังม้า สั่งพลทหารให้ยิงธนู ห่าธนูเพลิงพุ่งใส่หมู่บ้านโจรภูเขาอย่างกับฝนดาวตก เขาควบบังเหียนม้าแล้วออกคำสั่งฆ่า กองทหารบุกเข้าไปในหมู่บ้าน เลือดสาดกระเซ็นทุกที่ที่เขาผ่าน พอรู้ตัวอีกทีหิมะก็เริ่มโปรยปราย ท่ามกลางหิมะสีขาว เขาเห็นเด็กสาวขดตัวอยู่ใต้หิมะ นางดูซอมซ่อและตื่นตระหนก แต่นัยน์ตาคู่นั้นดูใสกระจ่าง อ่อนโยนและน่าเวทนา คล้ายกับลูกกวางที่เขาเคยเจอระหว่างออกล่าสัตว์ โจรภูเขาจับผมของนางไว้ มีดหันเข้าคอนาง เขาหยิบดาบยาวขึ้นมาและขว้างออกไป ดาบเสียดแทงร่างโจรเสียบติดผนัง เลือดสีแดงกระเซ็นใส่ใบหน้าขาวผ่อง นางหวาดกลัว แต่ไม่กรีดร้อง เพียงทรุดตัวลงและจ้องมองเงียบๆ เขาคิดว่านางดูดีทีเดียว เขาขี่ม้าเข้าไปใกล้ ในใจนึกอยากพูดว่า 'พวกโจรถูกสังหารเหี้ยนแล้ว อย่ากลัวไป เจ้าลงเขาได้อย่างปลอดภัยแล้ว' แต่ไม่รู้ทำไมปากดันพูดว่า "เจ้ามีที่ไปหรือไม่?" นางส่ายหน้า เขาจึงยื่นมือให้ นางลังเลครู่หนึ่ง ค่อยๆลุกขึ้นและเดินมาหาเขา เขาเอี้ยวตัวคว้าเอวนางขึ้นมาบนหลังม้า นางร้องเสียงหลงเบาๆ เขาแทบหลุดเสียงหัวเราะ เขาถอดผ้าคลุมออกมาคลุมตัวนางและถามชื่อนาง "ฉีหยิง... ท่านแม่ทัพ ข้ามีนามว่าฉีหยิง"
จี้ร่างตื่น และนึกโทษหลวงจีนอีกครั้งที่ทำให้เขาฝันเพ้อเจ้อ
.
.
.
ลุ้นเอาใจช่วย นอ. แบบนี้สิที่สายรุกแต่น่ารัก รุกด้วยการทำดี รุกด้วยการเอาใจใส่ ไม่ใช่รุกแบบออดอ้อนตีเนียนเอาเนื้อตัวไปคลอเคลียแบบ นอ. นิยายอีกเรื่องที่คนเค้าด่ากัน
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (ุ14)
.
.
.
.
ขึ้นเดือนใหม่ พรุ่งนี้คือวันครบรอบการจากไปของพ่อแม่ของเจ้าของร่าง ลุงอี้จะพาฉีหยิงกลับไปที่หยานเฉิงเพื่อไหว้หลุมศพ ฉีหยิงมาลาจี้ร่าง ตอนฉีหยิงจะขึ้นรถบัสกลับบ้าน จี้ร่างรู้สึกถึงบางอย่างและดึงฉีหยิงไว้ จี้ร่างกระซิบถาม "มีอะไรที่อยากบอกฉันมั้ย?" ฉีหยิงยิ้มให้บอกว่าเธอต้องไปจริงๆ แล้วหันกลับขึ้นรถ ทว่าจี้ร่างหยุดเธอไว้อีกครั้ง เขาเรียกให้เธอหันหน้ามา ฉีหยิงก้มศีรษะลงไม่ขยับเขยื้อน รถบัสขับออกไปแล้ว จี้ร่างเดินมายืนข้างหน้าและจับใบหน้าเธอให้เงยขึ้น ฉีหยิงตาแดงก่ำน้ำตาคลอ จี้ร่างเห็นแล้วปวดใจ เขาหยิบมือถือขึ้นมาจองไฟล์ทบินไปหยานเฉิงพรุ่งนี้ เขาจับนิ้วของเธอขึ้นมาและจูบปลอบเบาๆ "อย่าเศร้าไป ฉันจะไปกับเธอเอง" จี้ร่างสัญญากับฉีหยิงว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเธอ แบบไม่ให้ลุงอี้จับได้
เช้ามาจี้ร่างขึ้นเครื่องไปถึงหยานเฉิง รอจนเห็นฉีหยิงกับลุงอี้ เขาทำเนียนเป็นคนแปลกหน้า เดินข้างฉีหยิง ถึงตอนลุงอี้กับฉีหยิงขึ้นแท็กซี่ จี้ร่างก็ส่งข้อความ: ฉันอยู่นี่ ไม่ต้องกลัวนะ ฉีหยิงรู้สึกอบอุ่นใจ ตอนแท็กซี่มาถึงที่สุสาน ฟ้าก็ครึ้มฟ้าครึ้มฝน แต่ละก้าวที่เข้าไปใกล้หลุมศพ ฉีหยิงมีแต่รู้สึกหายใจลำบากมากขึ้นราวกับมีหนามมาทิ่มแทงใจ เธอรู้สึกเจ็บปวดจนตัวสั่น แทบอยากจะร้องไห้ แต่เธอพยายามกลั้นความรู้สึกเหล่านั้นไว้ เธอไม่อยากให้ลุงอี้เป็นกังวลอีก
ที่หลุมศพเต็มไปด้วยช่อดอกไม้ ฉีหยิงวางช่อดอกเบญจมาศและก้มลงขมาที่หน้าหลุมศพ ร่างของเธอสั่นเทิ้ม มีเสียงสะอื้นดังเบาๆ เธอช่างโดดเดี่ยวและน่าสงสาร จี้ร่างที่มองอยู่ห่างๆแทบอยากจะดึงเธอมากอดปลอบประโลม หลังจากนั้นครู่ใหญ่ ฝนเริ่มโปรย ลุงอี้ชวนฉีหยิงกลับที่พัก ระหว่างเดินออกจากสุสาน ลุงอี้เห็นวัยรุ่นชายคนหนึ่งเดินสวนมา จี้ร่างกับฉีหยิงแอบสบตากัน จี้ร่างเดินไปถึงหน้าหลุมศพ วางช่อดอกเดซี่ และพูดแนะนำตัว "คุณอา คุณน้า ผมเป็น...เพื่อนร่วมชั้นของฉีหยิง ... ผมจะดูแลเธอเป็นอย่างดี ในชีวิตนี้จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทุกข์ทรมานอีก" เขาคำนับสามทีและเดินออกจากสุสานไป
ลุงอี้พาฉีหยิงพักที่โรงแรม หลังอาบน้ำเสร็จ ฉีหยิงทรุดตัวลงในห้องและสะอึกสะอื้น เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเศร้ามากขนาดนี้ ทั้งที่ตัวเองเป็น'คนนอก' สะอื้นอยู่นาน เธอได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อเปิดไปก็เจอจี้ร่างสีหน้าเป็นกังวลอยู่หน้าห้อง จี้ร่างติดต่อฉีหยิงหลายครั้ง แต่เธอไม่รับสาย เขาจึงรีบมาหาที่ห้อง ฉีหยิงเห็นหน้าจี้ร่างก็ทนไม่ไหวอีก เธอโผเข้ากอดจี้ร่างแล้วร้องไห้โฮ
จี้ร่างปิดประตูห้อง กอดฉีหยิงแน่น ใช้มือเช็ดน้ำตา แล้วจูบเปลือกตาเธอเบาๆ ถามว่าเป็นอะไรไป ฉีหยิงตอบว่าเธอเจ็บหัวใจ เธอถามจี้ร่างว่า ที่เธอเป็นแบบนี้ไม่ดีเลยใช่มั้ย? จี้ร่างปลอบ "ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ดีทั้งนั้นแหละ" ฉีหยิงตัวสั่นเครือในอ้อมกอดบอกว่า เธอไม่ดีเลย เธอไม่ใช่เด็กดีเลย "ฉันไม่เคยภูมิใจในตัวเขาเลย" จริงๆแล้วเธอไม่เคยภูมิใจในตัวพ่อเลยสักนิดเดียว เธอเพียง...เธอเพียงแต่อยากให้เขามีชีวิตอยู่ เธอโกหกทุกคน เธอโกหกตัวเอง
จี้ร่างเพิ่งจะรับรู้ว่าฉีหยิงไม่ได้มองบวกอย่างที่แสดงออก เธอไม่ได้ภูมิใจในตัวพ่อ เธอเองก็เหมือนกับเขา เขากังวลมาตลอดว่าถ้าเธอได้รับรู้เรื่องราวของตัวเอง เธอจะหนีจากเขาไป เหมือนที่ฟางซู่เคยปั่นประสาท แต่ตอนนี้เขาไม่ดีใจเรื่องนั้นเลย เขาเพียงอยากสละทุกอย่าง อะไรก็แล้วแต่ที่จะหยุดน้ำตาเธอได้ ฉีหยิงร้องไห้อยู่นานจนฝนเริ่มซา จี้ร่างชวนฉีหยิงไปหาอะไรกิน ฉีหยิงที่หยุดร้องไห้แล้วก็พาจี้ร่างเดินชมเมืองที่เธอเคยอยู่
กินเสร็จ หลังส่งฉีหยิงแล้ว จี้ร่างกลับมาที่ห้องพัก คืนนั้นเขานอนไม่หลับ นึกถึงภาพของฉีหยิงที่ร้องไห้หนักหน่วง เขาตัดสินใจโทรหาอี้จ้าว อี้จ้าวด่าว่าโทรมาทำไมดึกดื่น จี้ร่างถามถึงอาการของฉีหยิงว่ามีอะไรผิดแปลกบ้างรึเปล่า อี้จ้าวบอก "ผิดปกติที่พี่ชอบแกนั่นแหละ!" จี้ร่างไม่สนใจ ถามจนได้รู้ว่าฉีหยิงเคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน จี้ร่างใจหาย
ถึงตอนเช้าลุงอี้กับฉีหยิงไปที่บ้านเดิมของเธอ จากนั้นก็ขึ้นเครื่องกลับไฮ่เฉิง จี้ร่างตัดสินใจอยู่เดินเล่นตามเส้นทางที่ฉีหยิงพาเดินเมื่อวาน เขาแอบเข้าไปในโรงเรียนที่ฉีหยิงเคยเรียน เดินเล่นไปมาก็เจอยามทัก แต่ฟูหนานซุ่นก็เข้ามาเห็นพอดี เขาโกหกยามว่าจี้ร่างเป็นนักเรียนใหม่เลยไม่มีเครื่องแบบ และชวนจี้ร่างไปหาอะไรดื่ม ทั้งสองคุยกันเรื่องฉีหยิงในอดีต ฟูหนานซุ่นบอกว่าพอได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉีหยิง และเห็นเธอยังยิ้มได้อยู่ เขารู้สึกขอบคุณจี้ร่างจริงๆ จี้ร่างยักไหล่บอก ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพราะเธอไม่เกี่ยวอะไรกับแก 😂 จากนั้นฟูหนานซุ่นจะเลี้ยงมื้อเย็น แต่จี้ร่างปฏิเสธ บอกว่า เขาไม่อยากเห็นภาพตัวเองกินข้าวกับฟูหนานซุ่นตอนที่คิดถึงเมืองเกิดของฉีหยิง ฟูหนานซุ่นนึกสบถ สายไปไหมที่จะเรียกยามกลับมา 🤣
.
.
.
เรื่องนี้ดีง่าาาาาาาาา
สนพ.clover ก็ดีนะ ทำคุณทนายปั๊มเงินดีมาก หรือจะลองเสนอแจ่ม ปกติเสนอยังไง บอกเขาไปว่าขอเสนอเหรอ
ที่ไหนก็ได้ ยกเว้นจงหยวน แต่จงหยวนคงไม่ทำนิยายน่ารักๆ แบบนี้อะเนอะ555
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (ุ15)
.
.
.
.
จี้ร่างกลับมาถึงโรงเรียน ขณะนั่งทำการบ้านของช่วงที่หยุดเรียนไป อี้จ้าวก็มาทัก อี้จ้าวแปลกใจที่เห็นบอสใหญ่นักเรียนเกเรทำการบ้าน จี้ร่างรู้สึกอี้จ้าวนั้นเกินเยียวยา แต่ในเมื่ออี้จ้าวเป็นน้องชายของฉีหยิง เขาก็ต้องช่วยจูนกลับมา จี้ร่างถามทีละคำถาม "แกคิดว่าเรียนเก่งเนี่ยดีมั้ย?" "แล้วเก่งต่อยตีล่ะ?" อี้จ้าวเห็นด้วยทั้งสองคำถาม จี้ร่างถามต่อ "งั้นถ้าทั้งเรียนเก่งและต่อยตีเก่งล่ะ? ไม่ใช่สุดยอดไปเลยเหรอ?" อี้จ้าวดวงตาเห็นธรรมจนลืมแล้วว่ามาหาจี้ร่างเรื่องอะไร (โน้ต: น้องจะมาถามว่าจี้ร่างตามฉีหยิงไปหยานเฉิงเหรอ) หลังจากเรื่องนี้อี้จ้าวก็พยายามเรียนหนังสือ จนลุงอี้มาคุยกับฉีหยิงว่าหัวอี้จ้าวไปโขกกับอะไรมารึเปล่า แล้วบอกอีกทีว่า ช่างเถอะ ปล่อยให้โดนโขกไป เป็นแบบนี้ดีแล้ว 🤣
ตกเย็นจี้ร่างมีนัดกับคนรู้จัก "เฉินเฟิ่งจื่อ" เป็นคนที่พยายามจีบจี้เฉียนมานาน และเป็นจิตแพทย์ที่เคยพยายามรักษาจี้ร่าง แต่จี้ร่างไม่ให้ความร่วมมือ แถมตอนนั้นยังทำชุดน้ำชาราคาแพงสุดโปรดของเขาแตกอีกต่างหาก วันนี้จี้ร่างนัดเขาเพื่อมาปรึกษาเรื่องฉีหยิง เฉินเฟิ่งจื่อฟังเรื่องของเด็กสาวแล้วก็วิเคราะห์ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะจิตใจดีขึ้นภายในครึ่งปีหลังพยายามฆ่าตัวตาย แต่เขาบอกไม่ได้มาก ถ้าไม่ได้คุยกับเธอต่อหน้า ซึ่งจี้ร่างปฏิเสธ เขากลัวที่จะบอกว่าเธอยังป่วยอยู่ เฉินเฟิ่งจื่อเลยแนะนำว่าให้เธอลองเลี้ยงพวกหมาแมวเพื่อฟื้นฟูจิตใจ
สรุปจี้ร่างไปซื้อแฮมสเตอร์มาให้ฉีหยิง อ้างว่านี่เป็นลูกชายเขา แต่ตอนนี้เขาต้องอ่านหนังสือไม่มีเวลาดูแลมัน เลยมาฝากกับฉีหยิง ฉีหยิงถามชื่อ จี้ร่างนึกไรไม่ออกเลยบอกว่าชื่อ "จี้เสี่ยวร่าง" 😂 วันต่อมาฉีหยิงชวนหลีหลี่ไปซื้อพวกเครื่องใช้ใหม่ให้จี้เสี่ยวร่าง แต่หลีหลี่กลัวหนู ฉีหยิงเลยไปกลับจี้ร่าง จี้ร่างแอบอิจฉาจี้เสี่ยวร่างเบาๆ ซื้อของเสร็จก็เจอจี้เฉียน ในตอนนี้จี้เฉียนถึงรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดเองไปว่าจี้ร่างคบอี้จ้าว ที่แท้จี้ร่างแค่พยายามซื้อใจน้องเขยอยู่ต่างหาก จี้เฉียนขับรถพาฉีหยิงไปส่งบ้าน จากนั้นก็ชวนจี้ร่างกินข้าวกัน ระหว่างนั้นก็บ่นระบายเรื่องงานตัวเอง ขอสรุปเอาเลยแล้วกันว่า จี้เฉียนเป็นโอตาคุ นางใช้ฐานะประธานบริษัทลงทุนสร้างเกมที่มีผัว2Dของนางเป็นตัวเอก แต่หุ้นส่วนไม่เห็นชอบบอกว่าขาดทุนแหงๆ นางเลยหนีออกมาจากบริษัท จี้ร่างถามว่า ไอ้ไป๋ๆสักอย่างนั่นน่ะเหรอ จี้เฉียนโมโห มาเรียกไป๋อะไร ต้องเรียกว่าพี่เขยซิ! จี้ร่างคิดสงสารเฉินเฟิ่งจื่อที่แพ้ตัวละคร2D
4 พฤษภาเดือนหน้าที่โรงเรียนจะมีจัดงาน ห้อง2เลยตกลงว่าจะแสดงละครเวที หลีหลี่เป็นผู้กำกับเวที ฉีหยิงเป็นฝ่ายเสียงเพราะเล่นกู่ฉินได้ เมื่อชาติก่อนตอนอยู่จวนแม่ทัพ ท่านแม่ทัพต้องออกรบเป็นปีๆ ท่านกลัวนางเหงา เลยเชิญอาจารย์ให้มาสอนนางเล่นกู่ฉิน ส่วนห้อง9 รู้สึกจะเป็นแฟชั่นโชว์จากของรีไซเคิล จี้ร่างไม่ได้เข้าร่วม เขามาหาฉีหยิงและขอให้ฉีหยิงช่วยสอนการบ้าน ติวกันกระหนุงกระหนิง สรุปอู๋รุ่ยตกงาน ตอนจี้ร่างไปอธิบาย อู๋รุ่ยบอก "ไม่ต้องอธิบายหรอก ผมเข้าใจ ผมมันก็แค่ผู้รับเคราะห์ในความรักของคุณ" จี้ร่างคิดในใจ ไอ้ที่หนึ่งนี่ล่าสุดไปดูหนังน้ำเน่าอะไรมา?
ระหว่างจี้ร่างกับฉีหยิงทำการบ้านกันที่คาเฟ่ เฉินเฟิ่งจื่อบังเอิญมาเจอพอดี แล้วชวนคุยนั่นนี่สักครึ่งชั่วโมง ฉีหยิงก็ขอตัวเข้าห้องน้ำ จี้ร่างกับเฉินเฟิ่งจื่อคุยกัน เฉินเฟิ่งจื่อทายว่านี่คงเป็นสาวน้อยที่เขาเคยเล่าสินะ แล้วก็บอกว่าจากที่เขาสังเกต เขาบอกไม่ได้เลยว่าเธอเคยเป็นคนที่ได้รับบาดแผนทางจิตใจอย่างรุนแรง หรือกระทั่งเคยแสดงพฤติกรรมฆ่าตัวตายมาก่อน "เป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคือเธอหายดีแล้ว หรือไม่ อาการของเธอรุนแรงกว่าที่เราคิด" จี้ร่างนึกถึงฉีหยิงที่ร้องไห้หนักหน่วงตอนนั้นแล้วปฏิเสธข้อแรกไป แต่กับข้อที่สอง เขาลังเล เฉินเฟิ่งจื่อพูดต่อ "ในกรณีที่รุนแรงมาก อาจก่อเกิดปัญหาทางจิตอย่างอื่นตามมา เช่น ความทรงจำสับสน, บุคลิกแยก หรือกระทั่งความจำเสื่อม" จี้ร่างถามว่าเขาควรทำยังไง เฉินเฟิ่งจื่อหัวเราะและบอกว่า อย่างแรกถ้าเขาอยากช่วยคนอื่น รักษาตัวเองเสียก่อน
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (ุ16)
โน้ต: กูพิมพ์ตอนง่วงๆ อาจจะเล่าแบบมึนๆไปบ้างนะ 5555
.
.
.
.
ฉีหยิงถามอาจารย์ว่าถ้าอยากจะลบโทษทัณฑ์บนต้องทำยังไง? อาจารย์บอกว่าให้ร่วมกิจกรรมต่างๆ ฉีหยิงเลยชวนจี้ร่างไปบ้านพักคนชรา ระหว่างรอจี้ร่างที่หน้าบ้านพักคนชรา มีคนพยายามจีบฉีหยิง หมอนี่ชื่อ "เฟิงเสี่ยว" แต่ฉีหยิงไม่สนใจ จนจี้ร่างมาถึง เฟิงเสี่ยวที่ตระกูลมีฐานะพอจะรู้จักจี้ร่างมาก่อนก็ถอนตัวไปอย่างเจ็บใจ ไอ้หมอนี่ยังไม่มีบทบาทอะไรนักในตอนนี้
ฉีหยิงกับจี้ร่างช่วยกันทำกิจกรรม ผอ.ที่บ้านพักคนชราถึงกับชมเชยทั้งสอง หลายวันถัดมาบนหนังสือพิมพ์โรงเรียนปรากฏภาพจี้ร่างทำกิจกรรมที่บ้านพักคนชรา กลายเป็นข่าวครึกโครมในโรงเรียน อ.หลิวที่เป็นที่ปรึกษาห้อง9 เลยเอาเรื่องนี้ไปขอลบโทษทัณฑ์บน ทางอาจารย์ที่แผนกนั้นสงสัยว่าเป็นรูปจริงเหรอ ถึงกับโทรถามที่บ้านพักคนชราจนได้รับคำยืนยัน
นอกจากบ้านพักคนชรา ฉีหยิงยังไปขอจี้ร่างให้ลงทีมบาสเกตบอลโรงเรียนที่กำลังขาดคน จี้ร่างที่ไม่เคยปฏิเสธฉีหยิงก็ตอบตกลง
ข้ามมาวันแสดงละครเวทีเลยแล้วกัน ฉีหยิงที่เป็นฝ่ายเสียงต้องแต่งชุดจีนโบราณเล่นกู่ฉิน ปรากฏว่าชุดที่เช่ามาโดนหมึกหกใส่ ห้อง2วุ่นวายกันใหญ่ ครู่ใหญ่หลีหลี่ก็มาพร้อมชุดสีแดงสวยงาม เธอแอบแชตกับจี้ร่าง จี้ร่างเลยตามจี้เฉียนให้หาชุดมา ชุดที่จี้เฉียนให้มานี้เป็นชุด Limited Edition จากแบรนด์หรู พอฉีหยิงใส่ขึ้นเวที ทุกคนต่างตื่นตาในความงาม จี้ร่างหงุดหงิดว่าใส่ชุดนี้แล้วสวยเกินไป รู้งี้หาชุดผ้าลินินดาษๆมาดีกว่า แสดงจบ หลีหลี่ไปหาภาพจากกล้องวงจรปิดมาได้ว่าเป็นนางอิจฉาในห้อง2นั่นแหละที่ทำหมึกเปื้อนชุด แต่บทนางไม่สำคัญไรก็ข้ามๆไปแล้วกัน
หลังงานโรงเรียน หลีหลี่คุยกับฉีหยิงว่าเธอเพิ่งค้นพบเป้าหมายในชีวิต เธออยากเป็นผู้กำกับ แล้ววางแผนว่าจะเข้าเรียนในคณะที่เกี่ยวข้อง จบมาเธอจะชวนฉีหยิงมาเป็นนางเอก เป็นดาวค้ำฟ้า คุยกันอยู่จี้ร่างเข้ามาขัดว่าใครจะเป็นดาวนะ หลีหลี่ถึงกับร้องลั่นแล้วรีบไปหลบหลังฉีหยิง จี้ร่างถามฉีหยิงว่าอยากเป็นอะไร ในใจแอบกลัวฉีหยิงจะบอกว่าอยากเป็นดารา ฉีหยิงบอกว่า "ฉันอยากเป็นหมอ เพราะการเป็นหมอรักษาผู้คนได้มาก" ชาติก่อนแม่ทัพคร่าชีวิตไปมากเพื่อปกป้องคนของเขาและบ้านเมือง กลายเป็นกรรมมาถึงชาตินี้ ถ้าการเป็นหมอรักษาผู้คนจำนวนช่วยลดกรรมของเขาไปได้แม้เพียงนิด เธอก็ยินดี
ผลสอบเดือนพฤษภา จี้ร่างได้ที่ 127 ทางด้านอี้จ้าวหลังดวงตาเห็นธรรม ผลสอบงวดนี้อันดับเลื่อนขึ้นมา 50 อันดับ ลุงอี้ดีใจ แต่ลึกๆแล้วก็แอบเศร้า ลุงคิดว่าลูกคงโดนสลับร่างเข้าแล้วจริงๆ 😂
จี้ร่างมีซ้อมบาสกับทีมโรงเรียน ฉีหยิงทำข้าวกล่องมาให้ คนอื่นในทีมก่นด่าในใจ บอสใหญ่ไม่ให้คนอื่นมีรักวัยเรียน แล้วตัวเองดันมาสวีทกันแบบนี้มันหมายความว่ายังไงวะ! อ.พละก็ยังทัก จี้ร่างตอบหน้าตายว่าแค่กินกับเพื่อนร่วมชั้นเอง ไม่ได้รึไง?
จริงๆฉีหยิงแทบไม่เคยทำอาหารมาก่อน เมื่อชาติที่แล้ว ที่จวนแม่ทัพมีคนครัวคอยทำอาหารให้ ท่านแม่ทัพถามนางว่าชอบกินอะไร แต่กับนางที่ใช้ชีวิตในภัยสงคราม เคยแต่กินเพื่ออยู่ ไม่เคยคิดว่าชอบหรือไม่ ท่านแม่ทัพจึงสั่งคนครัวให้เสิร์ฟอาหารไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน หลังจากนั้นท่านแม่ทัพจึงถามอีกครั้งว่านางชอบอะไร นางคิดแล้วตอบว่าชอบทุกอย่าง ท่านบีบหน้านางพลางยิ้มและบอกว่า "ทำไมเจ้าถึงเลี้ยงง่ายแบบนี้นะ" เมื่อมาถึงร่างนี้เธอมักช่วยป้าล้างผัก และจดจำวิธีการทำอาหารจากป้า ถึงทำออกมารสชาติจะแค่พอไปวัดไปวา แต่อย่างน้อยก็สดสะอาดกว่าซื้อกิน
จี้ร่างเป็นนักกีฬาบาสลงแข่งกับโรงเรียนต่างๆ และกลายเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ มีคนคอยมาให้น้ำให้ผ้าเช็ดตัว มาชวนคุย แต่ก็โดนจี้ร่างไล่ตะเพิดไปหมด จนหลายคนสงสัยว่าจี้ร่างเบี่ยงเบนรึเปล่า ในการแข่งรอบสุดท้ายก่อนสอบไฟนอล หลายคนยังจับตามองจี้ร่าง พอออกมาจากสนามบาส เห็นเด็กสาวคนหนึ่งยืนรอจี้ร่างอยู่ ทุกคนคิดว่าช่างกล้า ช่างไม่กลัวตาย ไม่เห็นเหรอว่าวันนี้จี้ร่างอารมณ์ไม่ดี สรุปทุกคนเห็นจี้ร่างเดินไปหาเด็กสาว คุกเข่าลงแล้วผูกเชือกรองเท้าให้ ก่อนลุกขึ้นมาส่งยิ้มสดใสให้เด็กสาว ทุกคนต่างอึ้ง ไหนใครว่าจี้ร่างเบี่ยงเบน? ไอ้พวกหมาโสดขี้อิจฉา! ฉีหยิงเห็นคนซุบซิบกันก็บอกว่าคนมองกันใหญ่ จี้ร่างไม่แคร์ ฉีหยิงดีใจ หลีหลี่มาบอกแบบกังวลว่ามีหลายคนมาชอบพอจี้ร่าง ซึ่งฉีหยิงไม่ห่วงสักนิด เมื่อชาติก่อนเอง ก็มีผู้คนมากมาย กระทั่งองค์หญิงคนโปรดของฮ่องเต้ ที่อยากเป็นภริยาของท่านแม่ทัพ แต่ท่านแม่ทัพล้วนปฏิเสธไปทั้งหมด
ถึงการสอบไฟนอลของปีการศึกษา จี้ร่างได้อันดับที่ 99 อ.หลิวปลาบปลื้มดีใจ บอกทุกคนในห้อง9 ว่าให้ดูจี้ร่างเป็นตัวอย่าง ทุกคนใบ้กิน ใครจะไปคิดว่าอยู่มาวันหนึ่งถูกบอกให้เอาอย่างนักเรียนเลว นี่มันโคตรมหัศจรรย์ 😂
.
.
.
.
อยากอ่านเรื่องราวในชาติก่อนด้วยเลย ต้องน่ารักแน่ๆ
ทำยังไงถึงจะมีแปลไทย กูต้องบนมััย555
โอ้ยย น่ารัก ขอบคุณโม่งสปอยล์มาก ชอบพี่สาวโอตาคุกับผัว2D ของนาง ถ้านางออกมาอีกขอสปอยล์ถึงเยอะๆหน่อยน้า
ขอบคุณโม่งสปอยมาก เรื่องนี้น่ารักจริง ดีงาม
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (17)
(เข้าโหมดดราม่ากันสักหน่อย)
.
.
.
.
หลังการสอบสุดท้ายของปีการศึกษา มีนัดประชุมผู้ปกครอง ที่ผ่านมาจี้ร่างไม่เคยเรียกใครมา และคราวนี้ก็ด้วย ทว่าอ.หลิวดันโทรเรียกจี้เว่ยหยานมาโดยที่เขาไม่รู้ ทันทีที่จี้ร่างเห็นพ่อตัวเองก็ฉุนกึกขึ้นมา
จี้เว่ยหยานขออ.หลิวให้เขาคุยกับจี้ร่างตามลำพัง เขาบอกว่าได้ยินว่าเกรดของจี้ร่างดีขึ้น เขาดีใจจริงๆ ทั้งเขาและแม่ค่อยโล่งใจ แต่ประโยคสุดท้ายนี้เป็นข้อต้องห้ามสำหรับพวกเขา จี้ร่างตะคอกใส่ทันที "คุณไม่มีคุณสมบัติจะมาพูดถึงแม่ของฉัน!" จี้เว่ยหยานยังพยายามไกล่เกลี่ยว่า โอเคเขาไม่มีคุณสมบัติ แต่ถึงยังไงพวกเราทั้งหมดต่างก็อยากเห็นลูกเติบโตด้วยดี จี้ร่างแค่นเสียงหัวเราะแล้วบอกว่า "ใครบ้างที่อยากให้ฉันมีชีวิตที่ดี? ทั้งหมดมันก็เพื่อตระกูลจี้ เพื่อชื่อเสียงทางทหารของพวกคุณที่ฉันทำมันพังยับเยินไปแล้วไม่ใช่รึไง?" ยิ่งพวกเขาเป็นห่วงเรื่องชื่อเสียงมากเท่าไหร่ จี้ร่างก็ยิ่งอยากจะทำให้มันพังทลายมากเท่านั้น ยิ่งพวกเขาคาดหวังให้เขาเติบโตเป็นแบบที่พวกเขาหวังไว้เท่าไร จี้ร่างจะยิ่งทำให้มันตรงกันข้าม "ไม่ว่าฉันจะเป็นยังไงในอนาคต มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณและตระกูลจี้ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก"
จี้เว่ยหยานที่เกลี้ยกล่อมจี้ร่างไม่ได้ เดินออกมาจากห้องและเจอฉีหยิงที่หน้าห้อง เขาชวนฉีหยิงไปกินไอศกรีม "หนูสงสัยเรื่องของอาร่างไม่ใช่เหรอ? ลุงจะเล่าให้ฟัง" ฉีหยิงปฏิเสธ เธอบอกว่า จี้ร่างจะเล่าให้เธอฟังเองถ้าเขาต้องการ ฉีหยิงเดินเข้าไปในห้อง9 เธอเห็นจี้ร่างนั่งฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะเรียนหลังห้อง ดูโดดเดี่ยว เธอส่งลูกอมสตอเบอร์รี่ให้ จี้ร่างถามว่าเธอแอบฟังเหรอ ฉีหยิงบอกได้ยินนิดหน่อย จี้ร่างบอกต่อว่าเขารู้สึกไม่ดีเลย ฉีหยิงเลยพูดประโยคเดียวกับที่จี้ร่างเคยบอกเธอ "อย่าเศร้าไป ฉันจะอยู่กับเธอเอง" จี้ร่างยิ้ม และบอกว่าเขาจะเล่าความลับของเขาให้ฟัง
"ในอดีต มีเด็กชายคนหนึ่งที่มีครอบครัวอันอบอุ่น พ่อของเขาเป็นตำรวจติดอาวุธ ส่วนแม่เป็นศิลปินวาดภาพ เด็กชายโตขึ้นอยากเป็นตำรวจมาแต่เด็ก เขาได้รางวัลแชมป์ยุวชนนักแม่นปืนมากมาย โตขึ้นเขาอยากเก่งหมือนพ่อของเขา ... แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน แม่ของเขาถูกลักพาตัว พ่อของเด็กชายรุดหน้าไปช่วยเหลือ เมื่อเขาไปถึงที่นั่น เขาพบว่ามีหญิงตั้งครรภ์อีกคนที่ถูกลักพาตัวเช่นกัน สถานการณ์ฉุกเฉินมาก คนร้ายจะยิงตัวประกันแล้ว เขาสามารถเลือกช่วยเหลือได้เพียงคนคนเดียว และเขาเลือกที่จะช่วยหญิงท้อง ไม่ใช่แม่ของเด็กชาย..."
สุดท้ายเด็กชายเศร้ามาก เขารับไม่ได้ แต่คนอื่นเหล่านั้นกลับบอกว่าสิ่งที่พ่อของเขาทำนั้นถูกต้องแล้ว มันเป็นความเสียสละอันชอบธรรมและความรับผิดชอบในฐานะตำรวจทหาร แต่เด็กชายไม่เข้าใจ ทำไมพวกเขาถึงกล้าสละชีวิตแม่ของเขาเพื่อสิ่งที่เรียกว่าเกียรติยศของตัวเองกัน? คำพูดของปู่ที่พูดกับเด็กชายสำหรับเหตุการณ์ในครั้งนั้นคือ "อันดับแรก เขาเป็นทหาร! อันดับสองคือเขาเป็นพ่อของแก! การเป็นสามีของภรรยาเป็นอันดับสุดท้าย! ทหารควรทำในสิ่งที่ทหารควรทำ! นั่นคือภารกิจของเขา!" เด็กชายไม่เข้าใจเลยสักนิด
ท้ายที่สุดหญิงท้องคนนั้นรอดชีวิต แต่เด็กในครรภ์ก็แท้ง เด็กชายเกลียดพวกเขา เกลียดสิ่งที่พวกเขาพร่ำบอกว่าเสียสละ เขาโยนถ้วยและเหรียญรางวัลทิ้ง ล้มเลิกความฝันที่อยากเป็นตำรวจ ผ่านมาสามปีเขาใช้ชีวิตกับพวกเขาทั้งความเกลียดชังแบบนั้น แต่แล้ววันหนึ่งผู้หญิงที่พ่อของเด็กชายช่วยเหลือเข้ามาอยู่ในบ้านของเขา จี้เว่ยหยานช่วยชีวิตหล่อน และแต่งงานกับหล่อน
เล่ามาถึงตรงนี้ นักเรียนคนอื่นเริ่มทยอยเข้ามาในห้อง จี้ร่างเลยให้ฉีหยิงกลับห้องตัวเอง ก่อนกลับเธอบอกว่า "ไม่ต้องเสียใจไปนะ เป็นพวกเขาที่ไม่ดี" จี้ร่างบอกเขาไม่เศร้าแล้ว นับแต่ที่เขาได้เจอเธอ โลกที่คับแคบของเขาก็กว้างขึ้นทันตา ฉีหยิงออกมาจากห้อง และเจอจี้เว่ยหยานอีกครั้งที่โถงทางเดิน จี้เว่ยหยานขอเวลา 10 นาที ฉีหยิงตกลง พวกเขาเดินไปหาที่นั่ง ฉีหยิงเปิดปากถาม "คุณรู้สึกผิดรึเปล่าที่ไม่ช่วยแม่ของเขา แต่กลับช่วยคนอื่น?" จี้เว่ยหยานบอกว่าเวลานั้นเขาไม่มีเวลารู้สึกผิดหรอก แล้วเริ่มเล่าเรื่องฝั่งตัวเอง
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (18)
.
.
.
.
ตอนที่จี้เว่ยหยานรับภารกิจช่วยตัวประกันครั้งนั้น สถานการณ์เลวร้ายมาก เขาเลือกช่วยได้เพียงแค่คนเดียว หากเขาเลือกช่วยภรรยาตัวเอง โอกาสรอดต่ำมากและอาจทำให้ตัวประกันตายทั้งคู่ เขาจึงตัดสินใจแบบนั้น หลังจากนั้นเขาและปู่พยายามกล่อมจี้ร่าง พวกเขากระทั่งเปิดคลิปกล้องวงจรปิดให้เห็นสถานการณ์ในตอนนั้น แล้ววิเคราะห์เป็นฉากๆ แต่ลูกชายหัวดื้อไม่รับฟังใดๆ คิดแต่ว่าเขาทอดทิ้งแม่ตัวเอง นอกจากนั้นกระแสจากสื่อ, คำพูดจากเพื่อนฝูงและเครือญาติที่บิดเบือนความตั้งใจในการตัดสินใจให้กลายเป็นความเสียสละ ความไม่เห็นแก่ตัว ทำให้มันแย่ขึ้นไปอีก ลูกชายที่ได้ยินถึงกับขังตัวเองในห้อง และเพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้น จี้เว่ยหยานจึงลาออกจากการเป็นตำรวจ
ตระกูลจี้มีชื่อเสียงในสายกองทัพ ปู่จี้ภาคภูมิใจในเรื่องนี้มาก ปู่จี้มีลูกชายแค่2คน คนโตไปทำธุรกิจแล้ว ปู่เลยเคี่ยวเข็ญกับจี้เว่ยหยานมาก เมื่อจี้เว่ยหยานลาออก ปู่โกรธมากถึงกับอัดเขาต่อหน้าจี้ร่าง เรียกเขาว่าเป็นไอ้ขี้ขลาดที่ละทิ้งความรับผิดชอบในฐานะทหารเพื่อผู้หญิง หลังจากเรื่องนี้ปู่จี้จึงตั้งความหวังไว้ที่จี้ร่าง แต่จี้ร่างจงเกลียดจงชังพวกเขาและสิ่งที่เรียกว่าความรับผิดชอบในฐานะทหารแล้ว จี้เว่ยหยานก็พยายามเข้าหาลูกชายแต่ไม่เคยสำเร็จ เขาหันมาทำธุรกิจตามพี่ชาย เขาแบ่งหุ้น 49% ในนามของจี้ร่าง หวังว่าอย่างน้อยเงินนี้ก็อาจช่วยชำระบาปของเขาไปได้
สามปีผ่านไป เขาได้พบกับ "ซูหรง" หญิงท้องที่เขาเคยช่วยชีวิตอีกครั้ง หลังแท้งในเหตุการณ์นั้น สามีของเธอก็เสียไป ตอนที่จี้เว่ยหยานพบเธอ เธอกำลังท้องได้2เดือนและกำลังถูกแฟนหนุ่มคนใหม่ทำร้ายร่างกาย จี้เว่ยหยานเข้าไปช่วยเหลือและพาเธอส่งรพ.
ซูหรงกำพร้าพ่อแม่แต่เกิด เธอซาบซึ้งในบุญคุณของจี้เว่ยหยานที่ช่วยชีวิตเธอมาหลายครั้ง เมื่อรู้ว่าเขามีปัญหากับลูกชายจากเหตุการณ์ตอนนั้น เธอจึงอาสาไปปรับความเข้าใจกับจี้ร่าง หวังให้เด็กชายเกิดความเห็นใจ เธอไม่รู้เลยว่าการปรากฏตัวของเธอไปจี้ใจดำของจี้ร่างเข้าอย่างจัง จี้ร่างจึงพูดบางอย่างที่สะเทือนใจซูหรงจนเธอก้าวบันไดพลาด เธอเห็นจี้ร่างพยายามยื่นมือช่วยเหลือ แต่น่าเสียดายที่เธอคว้ามือเขาไว้ไม่ทัน
ซูหรงตกบันไดแรงมาก จนนอกจากทำให้เธอแท้งครั้งที่สองแล้ว เธอยังหมดสติต้องเข้าICU ในตอนนั้นไม่มีพยานในที่เกิดเหตุ และกลับจี้ร่างที่กลายเป็นคนก้าวร้าว ทำให้ทุกคนคิดว่าเขาจงใจผลักเธอตกบันได จี้ร่างไม่แก้ตัว แต่กลับพูดจาสาปแช่งว่านังนั่นเป็นคนทำให้แม่ของเขาตาย ก็ชีวิตแลกชีวิต จี้เว่ยหยานได้ยินแล้วโมโหมากจนตบหน้าจี้ร่างต่อหน้าทุกคน ปู่จี้ก็ขับไล่เขาว่า "ตระกูลจี้ไม่ต้องการหลานที่เป็นฆาตกร!"
เมื่อซูหรงได้สติและอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทุกอย่างก็สายไปแล้ว นับแต่วันนั้นจี้ร่างไม่เคยกลับมาอีกเลย หลังจากตกบันได ซูหรงแทบไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ หมอบอกว่าเธอเหลือเวลาอีกไม่มาก จี้เว่ยหยานจึงรับดูแลเธอมาตลอดสองปี
หลังเล่าเรื่องทั้งหมดจบ ทั้งสองเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่ฉีหยิงจะเปิดปากถาม "แล้ว? เขาสมควรแล้วอย่างนั้นเหรอ?" จี้เว่ยหยานไม่เข้าใจถามของเธอ
"เขาสมควรแล้วที่ต้องเสียแม่ของตัวเอง ถูกตราหน้าว่าโง่งม ตอนถูกตั้งคำถามว่าเป็นฆาตกร เขายังต้องแบกรับคำประณามจากคุณว่าเป็นเด็กมีปัญหา? ... ทำไมคุณถึงใช้อุดมคติของผู้ใหญ่มาตัดสินเด็กกัน?"
เขายังเด็กอยู่ เขาจะเอาตัวรอดได้อย่างไร? ฉีหยิงสะเทือนใจ
"คุณรู้สึกหมดหนทางและจำใจทำ ทว่าตั้งแต่ต้น เขาผิดอะไร? ... ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด แต่เขากลับต้องแบกรับผลของการกระทำเหล่านั้นทั้งหมด"
จี้เว่ยหยานแข็งทื่อ เขากระทั่งไม่สามารถเอ่ยปากได้
"เป็นพวกคุณที่โยนอุดมคติของตัวเองใส่หัวเขา เมื่อเขาไม่ทำตาม คุณก็เรียกเขาว่าหัวกบฏ คุณไม่คิดว่านั่นมันเห็นแก่ตัวเลยเหรอ?" ฉีหยิงลุกขึ้นยืน เธอหันหลังให้เขาอยูู่นานก่อนพึมพำ "นั่นไม่ยุติธรรมเลย" จากนั้นจึงเดินเข้าอาคารเรียน จี้เว่ยหยานค่อยๆก้มลงใช้มือปิดหน้าของตัวเอง
.
.
.
.
อ่ะโห อิพ่อ
นางเอกดีมาก เป็นพี่จี้ก็ไม่ให้อภัยหรอกอิพ่อแบบนี้
อิพ่อบัดซบ คิดได้ไงวะ เลือกช่วยหญิงอื่น ปล่อยเมียตาย รู้สึกผิดมากจนต้องลาออกจากราชการแต่สุดท้ายแต่งหญิงที่ช่วยจนทำให้ต้องปล่อยเมียตายคนนั้นเข้าบ้านมาเป็นเมียใหม่หน้าตาเฉย
โอ๊ยยย กุเป็นลูกเมิงกุก็ไม่ให้อภัยตลอดชีวิต
อิผู้หญิงก็ตอแหล แค่อธิบายก็ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้ามาเป็นเมียเขามั้ยวะ แถมยังท้องอ่อนๆ อีกจะให้ลูกเขาคิดยังไง แม่ตายเพราะอีนี่ แล้วพ่อก็เอามันมาทำเมีย แบบนี้ไม่ใช่ว่าตอนนั้นพ่อกับอีนี่มีอะไรกันแล้วมันท้องกับพ่อเหรอ พ่อเลยเลือกช่วยอีนี่ ไม่ช่วยแม่อะ
ไปตายซะทั้งคู่แหละ
อินโว้ยยยยยยยย
ไม่อยากให้ตอนจบพ่อแฮปปี้ว่ะ มึงจงสำนึกผิดกับน้องจี้กูไปจนวันตายเลยเหอะ น้องหยิงหยิงดีมากลูก ทำดีสุด เอาให้อิพ่อกระอักเลือดตายไปเลย
อินมาก แล้วซูหรงตอนนี้ตายยัง ทำพ่อลูกแตกคอแล้วยังกล้าลอยหน้าแต่งเป็นเมียพ่ออีกเหรอ อิผี
จริง ต้องรับผิดชอบถึงขนาดต้องแต่งเป็นเมียเลยหรอ ข้ออ้างรึป่าว
เอาจริงกุว่าซูหรงไม่ผิดอะไรเลยนะ ผิดแค่ผิดที่ผิดทาง ดันโดนจับเป็นตัวประกัน ดันเจอแฟนใหม่ทำร้ายร่างกาย แค่อยากช่วยผู้มีพระคุณ แต่คิดตื้นเขินไปนิดว่าจะคุยกับเด็กได้
ทางด้านตัวพ่อ อันนี้ไม่แน่ใจว่ากุอ่านข้ามไปรึเปล่า แต่ตอนพ่อเล่าเรื่องไม่ได้บอกว่าไปแต่งงาน จดทะเบียนกะนางนะ แค่รับดูแล เพราะนางกำพร้าและใกล้ตายแล้วเลยช่วย แต่ก็แหละจากมุมมองคนนอก ก็เหมือนรับมาเป็นเมีย แม้แต่พยาบาลก็เรียกนางว่าเป็นคุณนายเลย
ยังไม่ได้พิมพ์บทต่อไป น่าจะว่างพิมพ์พรุ่งนี้ ไม่ก็เป็นวันพฤหัสเลยนะ
ตอนต้นที่อยากไปช่วยคุยกับเด็กอาจจะแค่ติดตื้น
แต่ที่ยอมให้ผู้ชายที่รู้จักผิวเผิน’รับไปดูแล’นี่ไม่ตื้นแล้วว่ะ ไม่มีปากจะปฏิเสธเหรอ ยอมไปอยู่บ้านเค้าได้ไง เป็นฝ่ายเสนอหน้ามาทริกเกอร์ความรู้สึกของจี้ร่าง ตัวเองเดินเองตกบันไดเอง ตื่นมาก็รู้ว่าจี้ร่างถูกเข้าใจผิดเพราะตัว ทำให้ให้พ่อลูกเค้าทะเลาะกัน แล้วยังไม่สำนึกว่าตัวตนของตัวเองสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวเขา ย้ายเข้าไปบ้านเขาอีก คือไม่เรียกหน้าด้านก็ไม่รู้จะเรียกอะไรละ
>>688 ใช่มะ แล้วที่แรกบอกอยากช่วยผู้มีพระคุณให้เค้าปรับความเข้าใจกับลูก แต่พอรู้ทั้งรู้ว่าลูกเค้าไม่ขอบขี้หน้าอย่างหนัก ยังยอมจะไปอยู่บ้าน’ผู้มีพระคุณ’ แถมอยู่มาตั้ง2ปีไม่ไปไหน ไม่รู้จริงเหรอว่าลูกชายของผู้มีพระคุณเค้าเกลียดขี้หน้า สาเหตุที่ไม่กลับอย่างนึงก็เพราะตัวเองไปอยู่บ้านเค้านี้แหละ
กูว่าถ้านางมุ่งมั่นให้พ่อลูกได้ปรับความเข้าใจกันจริงนางต้องถอยออกมาตั้งแต่ฟื้นที่โรงบาลแล้ว ตัวเองก็ตกบันได้เอง อาศัยอะไรคิดว่าครอบครัวผู้มีพระคุณต้องรับภาระดูแลอีก ไม่อายเหรอ
เพราะงั้น กุมองว่าที่ตอนแรกเสนอไปคุยกับเด็กก็เพราะหาเหตุสานสัมพันธ์ต่อ สร้างความรู้สึกดีๆให้กับพ่อเด็ก แล้วพอนางสามารถเข้าไปอยู่บ้านเค้าได้ มิชชั่นแอคคอมพลิช ไอ้ที่ว่าอยากให้พ่อลูกคืนดีกันเลยลืมๆไป นั่งๆนอนๆมีคนดูแลเอาใจใส่สองปีคงเพลิน ลืมคิดถึงเด็กที่ต้องไปใช้ชีวิตคนเดียวอยู่ข้างนอกเพราะตัวเองมาอยู่บ้านเค้า
นางซูนี่จะผิดไม่ผิด กูก็เกลียดนาง เกลียดพ่อด้วย อก ที่ไม่ได้แปลว่าโอ้โห
คือกุก็ไม่อยากให้ตัดสิน เพราะสปอยล์อะนะ กุเล่าข้ามหลายฉากกะรายละเอียดปลีกย่อยเยอะ
อีกอย่างพ่อกะนางมีบทบาทถึงแค่นี้แหละ หลังจากนี้ก็ไม่มีบทสำคัญในเรื่องแล้ว ╮(╯_╰)╭
ขอบคุณโม่งสปอยล์นะ
ไม่ต้องไปคืนดีหรอกพ่อแบบนี้
พล็อตซ้ำๆ วนๆ อ่านจนเบื่อไปหมดแล้ว ไม่คิดจะหาอะไรแหวกๆ แบบพี่จี้มาแปลกันบ้างเลยหรือ
ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ
โดย蓝华月 (หลันฮวาเยว่)
ชีวิตแรกของ “ซูซิงเกอ” จบลงในห้องทดลองที่เธอรัก..
เมื่อตื่นมาอีกครั้ง ซูซิงเกอจึงได้ชีวิตใหม่ในร่างของ “หลินเมิ้งหยา”คุณหนูสมองพิการ
ที่มีผู้ปองร้ายเป็นแม่เลี้ยงและน้องสาวของตนเอง!
.
มิหนำซ้ำนางกำลังจะถูกส่งตัวไปแต่งงานกับ “หลงเทียนอวี้” ท่านอ๋องแสนเย็นชา
ที่ต้องแต่งงานทางการเมืองกับนาง โดยที่เขาก็ไม่ได้เต็มใจ
.
ช่างเป็นการเกิดใหม่ ที่แสนวิเศษจริงๆ! เอาล่ะ! จะปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ไม่ได้
นางหาใช่คนที่จะปล่อยให้ชะตาชีวิตเป็นไปตามลิขิตอย่างหลินเมิ้งหยาเสียเมื่อไหร่
เพราะนางคือ..วายร้ายจอมแก้แค้นซูซิงเกอ
.
นางจะใช้ความรู้สารพัดพิษที่มี จัดการพวกมันเอง
เริ่มจากยัยน้องสาวตัวดีก่อนละกัน!
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (18.5)
ไม่ว่างเลยว่ะ ขอมาเล่าแทรกสั้นๆเรื่องอี้จ้าวแล้วกัน พอดีตอนที่กำลังพิมพ์นี้กุไม่มีเน็ต เล่าตามที่จำได้นะ
.
.
.
.
ถึงอี้จ้าวจะดูแบบบาง แต่แท้จริงแล้วเป็นเด็กเกเร มีเรื่องชกต่อยไม่เว้นวัน อีกทั้งอี้จ้าวเป็นพวกคะนองปาก เวลาชกต่อยอี้จ้าวชอบเรียกแทนตัวเองเป็นผู้อาวุโส และเรียกอีกฝ่ายเป็นหลาน เช่น "หลานๆ มาให้ก๋งสั่งสอนซิ!" กวนประสาทชนิดที่อีกฝ่ายต้องเดือดดาล มาถึงไฮ่เฉิงวันแรกก็ไปมีเรื่องกับบอสใหญ่ของโรงเรียน แต่อี้จ้าวกลับรอดมาได้แบบครบ 32 ทำเอาเป็นที่นับถือและคร้ามเกรงของนักเรียนม.4นัก
มีอยู่วันหนึ่ง หลังเลิกเรียน ตอนที่อี้จ้างเดินอยู่ในเมืองที่ผู้คนพลุกพล่าน ก็มีเสียงเรียกดังขึ้น "เฮ้ เธอน่ะ! ... คนที่ใส่อาดิดาสสีแดงคนนั้นน่ะ" อี้จ้าวเพิ่งรู้ตัวว่าคนคนนั้นเรียกตัวเองหันกลับมา เขาเห็นรถเฟอร์รารี่สีแดงจอดข้างทาง คนขับเป็นสาวสวยคนหนึ่ง เขาไม่รู้จักเธอ "ฉันฝากเธอส่งไอ้นี่ให้จี้ร่างที"
หญิงคนนั้นก็คือ "จี้เฉียน" นั่นเอง อย่างที่เคยบอกว่ากุอ่านข้ามช่วงแรก เลยไม่รู้ว่านางโผล่มายังไงและในตอนนี้นางก็คิดว่าจี้ร่างกับอี้จ้าวคบกันไปแล้ว สิ่งที่นางฝากอี้จ้าวไปส่งให้จี้ร่างคือซองจดหมายซึ่งภายในเป็นรูปจี้ร่างตอนเด็กกับแม่ของเขา เธอฝากส่งเพื่อให้จี้ร่างติดต่อเธอกลับ เพื่อบอกว่าอาการของปู่ไม่ดีแล้ว หลังจี้ร่างได้รับรูปภาพ เขาหยุดเรียนไปเป็นสัปดาห์ ในเรื่องไม่ได้บอกว่าหยุดไปไหน แต่ฉีหยิงได้กลิ่นรพ.จากตัวจี้ร่าง
แม่ของอี้จ้าวแซ่อู๋ ขอเรียก "ป้าอู๋" แล้วกัน มีวันหนึ่งไม่รู้ว่ายังไงเพราะกุอ่านข้ามอีกแล้ว แต่จับความได้ว่าป้าอู๋โดนหลอกทำประกัน อี้จ้าวโมโหบอกแม่ตัวเองให้รีบไปขอยกเลิกเลย ป้าอู๋ไปจริง แต่ดันกลับพร้อมประกันเพิ่มอีก 2 ตัว อี้จ้าวคิดในใจว่าคนขายประกันแม่งโคตรอัจฉริยะ อี้จ้าวช้ำชอกใจเรื่องนี้มาก พอเห็นสมุนของจี้ร่างเข้ามาดักทาง(เป็นช่วงที่เคยเล่าไปในพาร์ท3) อี้จ้าวบอกว่า "เข้ามาเลยเด้! ฉันไม่กลัวหรอก ฉันมีประกันเว้ย!" ทุกคนงงว่าเป็นอะไรวะ 🤣
ตอนที่อี้จ้าวได้พบจี้เฉียนอีกครั้ง เป็นตอนที่เขากับลุงอี้พาฉีหยิงที่ตอนนั้นยังหูหนวกและใบ้ไปพบหมอที่รพ.ตามนัด อี้จ้าวเห็นเตียงคนไข้รีบเข็นผ่านไปพร้อมกลุ่มคน หนึ่งในนั้นคือจี้เฉียน ในเรื่องจะไม่ได้อธิบายละเอียดนักว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จับความได้เหมือนจะเป็นหุ้นส่วนหรือใครสักคนที่เกิดหมดสติหรือได้รับบาดเจ็บมา แล้วจี้เฉียนถูกญาติๆของทางนั้นหาว่าเป็นตัวการ กระทั่งมาขวางทางหน้ารถตอนที่จี้เฉียนจะขับออกจากรพ.เพื่อทวงความยุติธรรมให้ญาติตน อี้จ้าวซึ่งไม่รู้เรื่องราวใดแต่แอบเห็นอยู่ไกลๆ เขาบอกลุงอี้กับฉีหยิงว่าตัวเองมีนัดกับเพื่อน ให้ทั้งคู่กลับบ้านไปก่อน แต่จริงๆแล้วเขาไปช่วยจี้เฉียน อันที่จริงอี้จ้าวไม่ชอบจุ้นเรื่องชาวบ้าน แต่เมื่อเห็นคนที่พอจะเห็นหน้าค่าตากันมามีปัญหา เขาก็อยากช่วยเหลือ อีกอย่างจี้ร่างก็ช่วยเหลือพี่สาวเขามาหลายครั้งแล้ว ตอนที่จี้เฉียนถูกทางนั้นผลักจนเกือบล้ม อี้จ้าวก็เข้าไปรับ พอทางนั้นถามว่าเขาเป็นใคร อี้จ้าวบอก "พ่อเอ็งไงล่ะ!" แล้วเปิดฉากชกต่อยทันที
สุดท้ายเรื่องไปจบลงที่โรงพัก ตอนที่ตำรวจถามชื่ออี้จ้าวและถามว่าทำไมถึงไปชกต่อยเพื่อลงบันทึกประจำวัน อี้จ้าวกล่าวแนะนำตัวด้วยสีหน้าจริงจัง "คุณลุงตำรวจครับ ตัวผมมีชื่อว่าอี้จ้าว ผู้แม้นจมปลักในหล่ม แต่ไม่แปดเปื้อน ผู้แม้นดุร้าย แต่มิได้ต่ำทราม ด้วยเหตุนั้นเพื่อนๆจึงเรียกผมว่า อี้ไป๋เหลียน พวกเขาว่าบุคลิกของผมนั้นมีคุณธรรมดั่งดอกบัว เป็นเด็กดีที่ไม่เคยสู้คน" คนอื่นที่โดนอี้จ้าวอัดน่วมถึงกับใบ้กิน แล้วเถียงคอเป็นเอ็นกับตร.ว่าไอ้เด็กเวรนี่มันอัดผม จนสุดท้ายตร.ไปหาภาพจากกล้องวงจรปิดมา แล้วถามอี้จ้าวว่าไหนใครไม่ทำร้ายใครนะ? เนี่ยนะ "ไป๋เหลียน(ดอกบัวขาว)" ของเธอ??
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (18.6)
อี้จ้าวต่อ
.
.
.
.
จี้เฉียนกลั้นขำแทบตาย เธอถามว่าทำไมถึงเข้ามาช่วย สุดท้ายก็ตอบเองเออเองว่า อ้อ เพราะว่าฉันเป็นพี่ของจี้ร่างสินะ เข้าใจล่ะๆ อี้จ้าวรู้สึกทะแม่งๆกับคำพูดของจี้เฉียน แต่ไม่ได้โต้แย้งใดๆ
พอจี้ร่างเริ่มตั้งใจเรียน ไม่ต่อยตีแบบแต่ก่อน เด็กช่างกลจากโรงเรียนอื่นก็เริ่มเข้ามารังแก มาเรียกค่าคุ้มครองจากเด็กไฮ่เฉิง หลายคนอยากฟ้องจี้ร่าง แต่เห็นพักหลังจี้ร่างไม่ออกโรง เลยคุยกันว่าจะไปฟ้องลูกพี่อี้ ผู้สืบทอดบัลลังก์คนใหม่ของลูกพี่จี้ ทรราชคนใหม่แห่งไฮ่เฉิง ฉีหยิงที่ตอนนั้นยังพูดไม่ได้แอบได้ยินเรื่องนี้ก็คิดในใจ เมื่อเช้าบอสใหม่คนที่ว่าเพิ่งจะถูกแม่ฟาดเพราะดื้อไม่ยอมใส่เสื้อคลุมเอง น้องชายของเธอยิ่งใหญ่ปานนั้นเลยเหรอ??? เธอกังวลและร้องขอให้จี้ร่างช่วยดูแลอี้จ้าวที
ตอนนั้นอี้จ้าวกำลังโดนอีกฝ่ายเหยียดว่าเนี่ยเหรอลูกพี่ บอบบางแบบนี้เนี่ยนะจะมาต่อสู้ ทำการบ้านเสร็จแล้วยัง? อี้จ้าวพูดกลับ "หลานเอ๊ย อย่าพูดมาก มาให้ก๋งดูสิว่าพวกเอ็งจะทนได้สักเท่าไหร่กัน" ฝ่ายตรงข้ามบอกไอ้หมอนี่แม่งบ้า อี้จ้าวตอบกลับ "ก๋งมีหน้าที่ต้องสั่งสอนไอ้พวกหลานไม่รักดี เป็นเรื่องชอบธรรมแล้ว ไม่บ้าสักนิด" อีกฝ่ายโมโหหยิบอาวุธขึ้นมาจะตีกันอยู่แล้ว จี้ร่างก็เข้าไปห้ามทัพ เขารู้ว่าฉีหยิงไม่อยากเห็นอี้จ้าวเจ็บตัว เลยพูดจาข่มขู่อีกฝ่าย จนนอกจากจะได้เงินที่ทางนั้นเรียกเก็บค่าคุ้มครองคืนแล้ว ยังได้เพิ่มมาอีก 10 เท่า ทางนั้นบอกนี่มันปล้นกันชัดๆ! จี้ร่างบอกก็ใช่ไง หรืออยากติดคุกล่ะ? ตอนโอนเงินกันผ่าน WeChat จี้ร่างยังบอกให้ทางนั้นพิมพ์ระบุด้วยว่าเป็นเงินบริจาคให้โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง ทีนี้ต่อให้ทางนั้นไปโพทะนาว่าถูกกรรโชกทรัพย์ก็ไม่มีหลักฐาน เพื่อมีระบุอยู่ชัดๆว่านี่มันเงินเพื่อการกุศล บอสใหญ่แห่งไฮ่เฉิงโคตรร้ายกาจ!
ถึงตอนที่จี้เฉียนขับรถมาโรงเรียน(ช่วงที่เคยเล่าไปในพาร์ท10) ก่อนที่จี้เฉียนจะไปคุยชวนจี้ร่างกลับบ้าน เธอเจออี้จ้าวที่ทางเข้าอาคาร จี้เฉียนชวนคุยสัพเพเหระ จนไปถึงเรื่องได้ยินมาว่าผลการเรียนของจี้ร่างดีขึ้น ได้ที่ 280 ของชั้นแหน่ะ อี้จ้าวฟังแล้วหงุดหงิดเบาๆ บอกว่าตัวเองได้ที่ XXX เลยนะ! (จำตัวเลขไม่ได้ แต่สูงกว่าจี้ร่าง) จี้เฉียนก็พูดชมเชยว่า ช่วยๆกันตั้งใจเรียน ดีแล้วๆ ทั้งชักชวนให้อี้จ้าวมาที่บ้านตอนปีใหม่กับจี้ร่าง ปู่คงยินดี อี้จ้าวยังคงไม่เข้าใจความหมายของเธอ
เทอมถัดมาหลังอี้จ้าวได้รับการเบิกเนตรจากจี้ร่าง ผลการเรียนของเขาก็ดีขึ้นถนัดตา แถมยังได้ค่าขนมเพิ่มขึ้นด้วย ช่วงวันหยุดก่อนที่จะมีงานโรงเรียน อี้จ้าวแต่งตัวสวมหน้ากาก เดินเข้าไปห้องนอนของฉีหยิง ให้เธอทายว่าเขาแต่งตัวเป็นใคร ฉีหยิงที่ไม่ยุ่งกับสื่อบันเทิงใดก็ตอบว่า "ปิศาจจิ้งจอก?" อี้จ้าวรู้สึกเสียหน้า รีบวิ่งกลับห้องไปเอาตุ๊กตาแมวอ้วนมาเกาะไหล่ตัวเอง แล้วกลับไปถามฉีหยิงอีกครั้ง "ปิศาจแมว?" อี้จ้าวช้ำชอกใจจนเลิกคุยกับฉีหยิง ออกมาจากบ้าน มีเด็กน้อยที่เดินจูงมือส่งเสียงคุยกับแม่อย่างดีใจ "นั่นนัตสึเมะนี่นา!" อี้จ้าวถึงรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาว่ามีคนทายถูกแล้ว! คอสเพลย์เหมือนขนาดนี้พี่สาวเขาไม่รู้จักได้ยังไง! (โน้ต: อี้จ้าวแต่งเป็น นัตสึเมะ ตัวเอกจากการ์ตูนเรื่อง Natsume Yuujinchou)
อี้จ้าวเดินทางไปงานการ์ตูนที่จัดในเมือง ขณะกำลังเพลิดเพลินกับการถูกถ่ายรูป ก็มีเสียงดังขึ้นห่างๆ "นั่นนัตสึเมะ เรย์โกะนี่!" อี้จ้าวถึงกับตาลุกวาว ไม่คิดว่าจะมีคนแต่งคอสเพลย์เรื่องเดียวกับเขาด้วย! หลายคนเรียกให้เขาไปถ่ายรูปกับย่า (โน้ต: เรย์โกะ เป็นย่าผู้ล่วงลับของนัตสึเมะ) พอไปถึงวงที่กำลังถ่ายรูปกันอยู่ เขาก็พบกับคุณย่าเรย์โกะ เป็นสาวสวยที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตา ... เธอคือจี้เฉียนนั่นเอง จี้เฉียนแอบหนีออกมาจากบริษัทอีกแล้ว เธอพบว่าใกล้ๆกันมีจัดงานการ์ตูน ก็เลยแปลงโฉมคอสเพลย์มาร่วมงาน ใครจะคิดว่าจะมาเจอกับอี้จ้าวที่แต่งคอสการ์ตูนเรื่องเดียวกันด้วย ตากล้องกะขามุงก็เรียกย่า-หลานๆ ทั้งสองถ่ายรูปคู่กัน อี้จ้าวทำทีไม่รู้จักจี้เฉียน แต่มีหรือที่จี้เฉียนจะปล่อยไป เธอทักทายและพูดคุยเรียกแทนตัวเองเป็นย่า เรียกอี้จ้าวเป็นหลาน จนเด็กหนุ่มหงุดหงิดไม่พูดด้วย เธอจึงเลิกล้อเลียน
สุดท้ายตอนขากลับเธอขับรถพาอี้จ้าวไปส่งบ้าน ระหว่างนั้นเองก็มีสายเข้าหาจี้เฉียน เป็นเฉินเฟิ่งจื่อที่โทรบอกว่าเขาจะกลับนิวยอร์กแล้ว ขอโอกาสไปกินข้าวกับเขาที อ้อนวอนจนสุดท้ายจี้เฉียนตกลง พอรถมาถึงหน้าหมู่บ้าน อี้จ้าวที่เงียบมานานก็ถามว่า "นั่นแฟนเหรอ?" จี้เฉียนบอก เรื่องของผู้ใหญ่น่ะหนุ่มน้อย อี้จ้าวลงจากรถไปเงียบๆ พอถึงบ้าน เขาวัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนักตัวเอง แล้วพึมพำ "ฉันไม่เด็กสักหน่อย"
.
.
.
น้องง น่ารักจังเลยเรื่องนี้
อ๊ากกกก น้องน่าร้ากกกก
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (19)
พักเรื่องอี้จ้าว แล้วกลับมาที่พี่จี้กับน้องหยิงหยิงกันต่อ
.
.
.
.
หลังสอบไฟนอล การเรียนเสริมก็เข้มข้นกว่าก่อน ในวันเกิดปีที่ 17 ของฉีหยิง วันนั้นจี้ร่างแข่งบาสรอบชิงแชมป์พอดี ฉีหยิงไม่ได้ไปดู ตกบ่ายฉีหยิงได้รับข้อความจากจี้ร่าง "รอให้ฉันได้ที่หนึ่งก่อนนะ แล้วจะเอาของขวัญวันเกิดไปให้" จากนั้นฉีหยิงก็ได้อีกข้อความจากอี้จ้าวซึ่งไปดูการแข่งบาสของโรงเรียน "พี่อยากให้ฉันไลฟ์มั้ย ถ้าพี่แบ่งเงินค่าขนมสัปดาห์ให้ ฉันจะไลฟ์ให้ดู" ฉีหยิงปิดมือถือเลยแล้วหันไปตั้งใจเรียนต่อ 🤣 หลังเลิกคลาสเธอเปิดมือถือ ได้รับอีกข้อความจากจี้ร่าง "ฉันได้ที่หนึ่ง มีรางวัลให้มั้ย?" ฉีหยิงพิมพ์ถามว่าอยากได้อะไร จี้ร่างกำลังพิมพ์ "อยากได้เธอ" แล้วรู้สึกกระดากขึ้นมา ลบทิ้งทันควัน
หลังเลิกเรียน จี้ร่างนัดฉีหยิงใกล้ๆบ้านเธอ เขาขับมอไซค์ไปรับเค้กไอศกรีมที่สั่งทำไว้ แล้วรีบบึ่งมาหา ปักเทียนลงบนเค้ก แล้วบอกให้ฉีหยิงขอพรได้ 3 ข้อ แล้วเขาจะทำให้พรเป็นจริง ฉีหยิงถามว่าขออะไรก็ได้เหรอ จี้ร่างรับคำ ฉีหยิงก้มลงมองเทียนเล่มแรกและขอพร
"พรข้อแรก ฉันขอให้จี้ร่างสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัย และมีอายุยืน"
"พรข้อที่สอง ฉันขอให้จี้ร่างมีความสุข ปราศจากภยันตราย"
"พรข้อที่สาม" ฉีหยิงหลับตา เงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดเสียงเบา "ฉันอยากแต่งงานกับจี้ร่าง"
จี้ร่างใจสั่น มองฉีหยิงที่เปิดตาขึ้นมองเขาด้วยความเขินอาย หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาเอื้อมมือจับศีรษะของฉีหยิงแล้วบอกว่า "ได้เลย พรสามข้อนี้ พอโตขึ้น ฉันจะช่วยทำให้พวกมันกลายเป็นจริง"
เมื่อโรงเรียนได้แชมป์บาสเก็ตบอล คณาจารย์ต่างก็ชื่นมื่น อ.หลิวลุยขอลบโทษทัณฑ์บนของจี้ร่างให้เกลี้ยงเกลาก่อนการสอบเข้ามหาลัย จี้ร่างเลิกสนใจบาส กลับมาให้ความสนใจที่การเรียน เหล่าลูกน้องลูกสมุนเห็นจี้ร่างกลายเป็นตัวเต็งในชั้นเรียน รู้สึกออกจะรับไม่ได้นิดหน่อย แต่ก็สัญญากับอ.หลิวว่านอกจากจะไม่ไปพันแข้งพันขาจี้ร่าง พวกเขายังจะช่วยสนับสนุนผลักดันให้จี้ร่างเข้ามหาวิทยาลัยซิงหัวให้ได้เลย! การเรียนเสริมสิ้นสุด ก็เข้าสู่ช่วงวันหยุดฤดูร้อน เหล่าสมุนบรรจงเก็บการบ้านลงกระเป๋า สัญญาว่าจะทำการบ้านให้เสร็จก่อนโรงเรียนเปิด
ฤดูร้อนมาเยือน ก็ถึงคราววันเกิดปีที่ 18 ของจี้ร่าง สมุนฉู่ถามจี้ร่างว่ามีแผนการอย่างไร? ที่ผ่านมาจี้ร่างไม่เคยสนใจวันเกิดของตัวเอง ปีที่แล้วมีดาวโรงเรียนคนก่อนจัดงานวันเกิดให้เขาที่วิลล่าหรูริมชายหาด เพื่อนนักเรียนร่วมงานกันเพียบ แต่สุดท้ายเจ้าของงานวันเกิดดันไม่โผล่มา แต่ปีนี้แตกต่างออกไป จี้ร่างคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสาวน้อยของเขาจะเตรียมของขวัญอะไรให้กับเขา
จี้ร่างรออยู่นานวันจนเข้าใกล้วันเกิดของตัวเองแล้ว ฉีหยิงก็ไม่มีท่าทีใดๆ นี่เธอรู้รึเปล่าน่ะว่าพรุ่งนี้จะวันเกิดของเขาแล้วนะ??? นี่เขาลืมบอกไปเหรอ??? อะไรกันน่ะ ทีวันเกิดของเธอ ฉันยังไม่ต้องรอให้บอกก็รู้ได้เลยนะ?? จี้ร่างรอแล้วรอเล่ากระทั่งนาฬิกาแตะเข้าเที่ยงคืน มือถือดัง จี้ร่างดีใจรีบหยิบมือถือขึ้นมา เห็นปลายสายเป็นสมุนฉู่ จี้ร่างกดตัดสายทันที หลังจากนั้นก็ไม่มีสายเข้ามาอีกเลย... จี้ร่างหมดความอดทน โทรไปหาฉีหยิงแทน ได้ยินเสียงงัวเงียของฉีหยิง จี้ร่างกดตัดสายไม่คุยด้วย เขาโมโหมากถึงขนาดเก็บไปฝันก็ยังคิดว่า "ไม่ยกโทษให้เด็ดขาด!"
หลับไปได้ไม่นานก็รุ่งเช้า มีเสียงออดบ้านดัง จี้ร่างยังโมโหว่าใครมาก่อกวนแต่หัววัน เดี๋ยวอัดแม่ง! เปิดประตูมาเจอฉีหยิงยืนรออยู่ ความโมโหของจี้ร่างหายวับไปทันใด ฉีหยิงยิ้ม เธอยื่นขวดโหลให้แล้วว่า "สุขสันต์วันเกิด!" ภายในขวดโหลเป็นดาวกระดาษ จี้เห็นแล้วหัวเราะและถามว่าพับเองงั้นเหรอ? ฉีหยิงบอก "ทั้งหมด 999 ดวง" (โน้ต: 999 เป็นคำแสลงในภาษาจีน หมายถึง รักนิรันดร์)
ฉีหยิงบอกให้จี้ร่างล้างหน้าแต่งตัวแล้วไปฉลองวันเกิดของเขากัน จี้ร่างดีใจในใจถึงทายว่าคงเป็นพวกสวนสนุกหรือดูหนังสินะ นี่สาวน้อยของเขาก็มีวางแผนการเดทไว้เงียบๆนี่นา พวกเรายังไม่เคยมีเดทแบบทางการกันมาก่อนเลย ยิ้มกริ่มดีใจได้ไม่นาน จี้ร่างพบว่าเส้นทางดูคุ้นๆ สรุปฉีหยิงพาจี้ร่างมาคอนโดของหลีหลี่ ขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของตึก มีป้าย "พิธีฉลองวันเกิดอายุ 18 ปีของจี้ร่าง" ที่นั่นมีหลีหลี่, อี้จ้าว, อู๋รุ่ย และเหล่าสมุนคนสนิทของจี้ร่างต้อนรับ สมุนฉู่ออกตัวทักทาย แล้วถามว่าเมื่อคืนตัดสายเขาทำไม? แล้วบอกต่อว่า เออ ช่างเถอะ ดูสิพวกเราจัดงานวันเกิดให้ลูกพี่ ลูกพี่ดีใจมั้ย?
จี้ร่างหัวเสีย ดีใจกะผีสิ เอาเดทในฝันของฉันคืนมานะ! 🤣
.
.
.
.
สงสารน้องจี้ ฝันสลาย5555
ขอบคุณโม่งสปอยจ้า
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (20)
.
.
.
.
งานวันเกิดมาพร้อมกับบาร์บีคิวบนดาดฟ้า หลีหลี่หั่นเนื้อแล้วหันมาบ่นอู๋รุ่ยว่าจุดเตาถ่านเป็นชาติแล้ว ป่านนี้เธอยังไม่เห็นประกายไฟเลย อู๋รุ่ยขยับแว่นอย่างเคอะเขิน บอกว่าเขากำลังวิเคราะห์องค์ประกอบของถ่านนี้อยู่ว่าต้องจุดแบบไหนถึงจะง่ายดายที่สุดหรอก จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องหันมาติวทุกคนว่า จำได้ว่าสัญลักษณ์ทางเคมีของคาร์บอนคืออะไร? มีสูตรในการคำนวณอะไรยังไง? ฯลฯ จากนั้นก็สาธยายความรู้เกี่ยวกับธาตุคาร์บอนที่น่าจะออกสอบ พูดจนเจ้าของวันเกิดทนไม่ไหวลุกขึ้นมาจุดเตาแทน
มาถึงพิธีเค้กวันเกิด สมุนฉู่บอกให้ทุกคนร้องเพลงวันเกิด จี้ร่างคิดว่าน่าอับอายเลยปฏิเสธ แต่ฉีหยิงบอกว่าเธออยากร้องให้ จี้ร่างเลยบอกก็ได้ๆ ร้องเพลงจบ จี้ร่างหลับตาลงแล้วอธิษฐานในใจ: ขอให้ฉันใช้ชีวิตร่วมกับหยิงหยิงโดยสวัสดิภาพตราบนานเท่านาน
เทียนเป่าแล้ว สมุนฉู่รีบขยับ วันเกิดลูกพี่ทั้งทีไหนเลยจะข้ามการโปะเค้กไปได้? แต่โดนจี้ร่างทักก่อนว่า "ถ้าแกกล้าเอาครีมมาป้ายหน้าฉัน แกตายแน่" พูดไม่ทันขาดคำ มือหนึ่งก็เอาครีมมาโปะกับแก้ม จี้ร่างหันไป เป็นฉีหยิงนั่นเอง จี้ร่างตีสีหน้าเรียบ แบมือขอจานเค้กจากสมุนฉู่ จากนั้นก็วิ่งไล่ฉีหยิงจะโปะเค้กคืน วิ่งกันมาถึงมุมสวน ฉีหยิงบอกเธอผิดไปแล้ว ขอโทษ จี้ร่างรับคำ แต่ยังไม่วายเอาเค้กแปะบนแก้มเธอ ฉีหยิงฉุน จี้ร่างบอก "แล้วยังไงล่ะ? กัดฉันเลยสิ" ฉีหยิงหันมากัดนิ้วของจี้ร่างที่ยังจิ้มแก้มเธออยู่ แล้วพบว่าครีมอร่อยดี เผลอดูดนิ้วแบบไม่รู้ตัว จี้ร่างรู้สึกอย่างกับมีไฟฟ้าแล่นผ่านวาบ ชักนิ้วตัวเองออกทันที แล้วกัดฟันถาม "เธอรู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว?" ฉีหยิงตอบว่ารู้ จี้ร่างขยับเข้าประชิดแล้วพูดต่อ "แล้วฉันเป็นผู้ใหญ่ที่การควบคุมตัวเองต่ำด้วย เธอควรจะระวังตัวจากฉันไว้" ฉีหยิงเพิ่งรู้ตัว เธอหน้าแดงรีบผลักจี้ร่างออกห่างบอกว่าเธอรู้แล้วๆ จี้ร่างแทบคลั่ง โดนจุดไฟแล้วถูกปล่อยเคว้ง จี้ร่างก้มศีรษะลงหอมแก้มที่เปื้อนครีมของฉีหยิง
ฉลองกันจนถึง 11โมง ทุกคนก็เก็บข้าวของ จี้ร่างงง อะไร? เขากะเล่นเต็มที่ทั้งวัน นี่ยังไม่ทันเที่ยงวันก็เลิกแล้วเหรอ?? ตอนคนอื่นร่ำลากันกลับบ้าน จี้ร่างใจหวิว หันมาจะถามฉีหยิง ฉีหยิงบอกไปกิจกรรมที่สองกันเถอะ ฉีหยิงพาจี้ร่างมาที่สวนสัตว์กันสองคน จี้ร่างงงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องมายืนดูฝูงลิงแย่งถั่วกันในวันเกิดของตัวเองด้วยวะ? แต่ฉีหยิงสนุกมาก เดินกันอยู่ 2 ชั่วโมง ออกมาจากสวนสัตว์ ฉีหยิงก็บอกว่าไปกิจกรรมที่สามกันต่อเลย! เธอพาจี้ร่างไปดูหนัง ฉีหยิงซื้อตั๋วหนังตลกมา จี้ร่างถามทำไมไม่ดูหนังผีล่ะ เธอชอบนี่ ฉีหยิงบอกจี้ร่างกลัวนี่น่า จี้ร่างตีเสียงเข้มบอกเขาไม่กลัวสักหน่อย! ฉีหยิงเลยบอกว่างั้นเดี๋ยวไปซื้อตั๋วใหม่แปป จี้ร่างรีบบอกซื้อตั๋วหนังตลกมาแล้วก็ดูไปเถอะ อย่าซื้อเพิ่มให้เปลืองตังค์เลย 🤣 ดูหนังจบจี้ร่างถาม "มีกิจกรรมที่สี่อีกรึเปล่า?" ฉีหยิงก็ควักตั๋วเข้าสวนสนุกขึ้นมา จี้ร่างถึงได้รู้ว่าฉีหยิงไม่ได้เมินวันเกิดของเขา แต่เตรียมการจัดตารางเวลาแต่เช้ายันเย็นมาเป็นอย่างดีเชียว
เล่นเครื่องเล่นกันเพลิดเพลิน จนมาถึงซุ้มยิงปืน ฉีหยิงบอกอยากได้ของรางวัลในนั้น จี้ร่างไม่ได้ยิงปืนมานาน แต่ฝีมือไม่ได้ตกไปเลย เขาขอกระสุนนัดเดียวจากเถ้าแก่แล้วสอยรางวัลลงมาได้ เถ้าแก่คิดในใจว่าคงแค่ฟลุ๊กน่ะ ฉีหยิงยังอยากได้ไม่เลิกบอกเอาอันนั้นด้วยเอาตัวนี้ด้วย ยิงจนเถ้าแก่ขอร้องให้พอเถอะนะ เสร็จจากซุ้มยิงปืน ฉีหยิงบอกอยากเล่นอันนี้ต่อ จี้ร่างคิดในใจว่าสาวน้อยของเขาอยากเล่นอะไร เขาก็เล่นด้วยทั้งนั้นแหละ พอหันหน้าไปถึงเจอว่าเป็นบ้านผีสิง... ฉีหยิงเห็นสีหน้าจี้ร่างเลยบอกว่าไม่เอาก็ได้นะถ้าเธอกลัว จี้ร่างเลยทำใจดีสู้เสือบอก "เธอคิดว่าคนอย่างฉันจะขี้กลัวงั้นเหรอ? ไปกันเลย!" ภายในบ้านผีสิง จี้ร่างสีหน้าเรียบ ยิ่งเขากลัวมากเท่าไหร่ สีหน้าก็ยิ่งเย็นชามากเท่านั้น จนเหล่า "ผี" ไม่กล้าเข้าใกล้เลยหันไปหลอกฉีหยิงแทน ฉีหยิงนอกจากจะไม่กลัวแล้วยังโบกมือทักทายอีกต่างหาก เหล่าผีเศร้าเต็มประดา
จากนั้นทั้งคู่ต่อด้วยชิงช้าสวรรค์ ในตู้ชิงช้า ฉีหยิงถามว่าวันนี้พอใจมั้ย จี้ร่างยอมรับ พอชิงช้าเคลื่อนมาถึงจุดสูงสุด ฉีหยิงบอกต่อว่าจากนี้ไปเธออยู่กับเขาทุกวันเกิดของเขาเลย จี้ร่างรู้สึกใจบาง ในใจคิดว่าอดีตที่ผ่านมาตัวเองเป็นเหมือนกับฝันร้าย จนกระทั่งพระเจ้าได้ส่งนางฟ้าน้อยมาให้เขาในวันเกิดปีที่ 18 เป็นเธอที่เข้ามาให้ความอบอุ่นและแสงสว่าง ปัดเป่าฝันร้ายของเขาไป
.
.
.
.
กีวี่ส่งข้อความลิสต์นิยายแก้แค้นมาโฆษณา เราเลยส่งเรื่องพี่จี้กลับไป555555 เบื่อแนงแก้แค้นสุดไรสุดจริงๆ บางเรื่องก็แค้นเวอร์จนไม่แน่ใจนี่นางเอกหรือนางมาร
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (21)
.
.
.
.
ขึ้นปีการศึกษาใหม่ ปีสุดท้ายก่อนการเข้ามหาลัยแล้ว จี้ร่างบอกคนในห้อง9ว่า "ปลายเดือนนี้ ฉันหวังว่าคะแนนสอบของพวกแกจะดีขึ้นนะ ส่วนใครที่ดีขึ้นน้อยที่สุด... แกเจอฉันแน่" โดนข่มขู่ขนาดนี้ไม่ตื่นตัวอย่างไรไหว วันนั้นเป็นวันครู อ.หลิวเห็นเด็กห้องอื่นให้ของขวัญอ.ตัวเอง แต่ตัวเองไม่ได้อะไรก็แอบถอนหายใจนิดหน่อย แต่เห็นเหล่าห้อง9ตั้งใจเรียนกันก็ดีใจ นึกว่าทุกคนตื่นตัวกันเพราะคำพูดปลุกใจตอนเช้า
ขณะที่ทุกคนกำลังตั้งใจเรียนกัน อี้จ้าวพบว่ามีเด็กใหม่ม.4ทำตัวจองหองจะตั้งตัวเองเป็นบอสใหญ่ของโรงเรียน เหล่าสมุนของจี้ร่างสุมหัวคุยกันว่าจะไปสั่งสอนเด็กน้อยกันและกะจะไม่บอกจี้ร่าง ตอนนี้จี้ร่างเป็นลูกรักของอ.หลิว ถ้าพวกเขาไปลากจี้ร่างมาร่วมวง ต้องโดนอ.หลิวฆ่าแหงๆ พักเที่ยงเหล่าสมุนคนอื่นไปที่นัดหมายกันก่อน สมุนลั่วไปจัดหาอุปกรณ์ต่อสู้ แล้วดันบังเอิญเจอะเข้ากับจี้ร่างกับฉีหยิง จี้ร่างเห็นสีหน้าของสมุนลั่วแล้วรู้สึกบางอย่างไม่ถูกต้อง เขารีบเรียกสมุนลั่วให้หยุดแล้วเค้นถามจนรู้ว่าคนอื่นจะไปมีเรื่องกัน จี้ร่างบอกฉีหยิงว่าเขาแค่จะไปดู ไม่ได้ไปต่อสู้ ฉีหยิงเลยขอตามไปด้วย จี้ร่างบอกให้สมุนลั่วนำทาง
สมุนฉู่กับคนอื่นเผชิญหน้ากับกลุ่มเด็กม.4 ทั้งสองฝ่ายกำลังโต้เถียงชิงบัลลังก์กัน จี้ร่างได้ยินแล้วคิดในใจว่าไอ้ตำแหน่งบอสนี่มันต้องจริงจังขนาดนัันเลยเหรอ? สมุนลั่วรีบแบกกระเป๋าไปแนวหน้า สมุนฉู่หันมาถามว่าเอาของมาแล้วสินะ สมุนลั่วบอก "เอามาแล้ว ไม่ใช่แค่ของนะ ฉันเอาลูกพี่จี้มาด้วย..." 😂 สมุนฉู่หันไปเห็นจี้ร่างเดินมากับฉีหยิงตีสีหน้าเรียบ เขาถามว่าลูกพี่มาทำไม นี่พวกเรากำลังจะสู้กันนะ! จี้ร่างไม่แคร์ถาม "จะสู้กันก่อนทำการบ้านวิชาอังกฤษเสร็จงั้นเหรอ?" ทุกคนใบ้กิน น้องม.4เห็นจี้ร่างพาสาวมาด้วยก็ไม่ชอบใจว่าหยามกันชัดๆ จี้ร่างบอก "เปล่า ฉันแค่พาสาวน้อยมาด้วยเพื่อให้เธอได้เห็นวิธีการเลี่ยงความรุนแรงต่างหาก" แล้วหันไปบอกฉีหยิงว่าเขาขอยืดเส้นยืดสายหน่อยนะ สมุนฉู่นึกว่าฉีหยิงจะห้าม ฉีหยิงดันบอก "เร็วๆนะ ฉันไม่อยากเข้าคาบบ่ายสาย"
จี้ร่างสืบเท้าไปข้างหน้าบอก "ใครอยากโดนก่อนก็รีบเข้ามาเลย" หัวหน้าแก็งค์ม.4 โมโหคว้าไม้รุดหน้าออกมา สุดท้ายโดยจี้ร่างอัดสองสามทีก็ถึงกับทรุด อี้จ้าวที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ คิดในใจว่าภาพตรงหน้าช่างคุ้นๆ นี่มันเหมือนกับเมื่อครั้งที่เขายังละอ่อนและเซ่อซ่าไปท้าบอสใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ? จี้ร่างต่อยเสร็จถามเด็กม.4ว่าอยากเป็นจ้าวโรงเรียนเหรอ? แล้วบอกต่อว่า อยากเป็นก็เป็นดิ อี้จ้าวพูดโพล่งขึ้นมาทันทีว่า ไม่ได้! ฉันต่อคิวอยู่ว้อย! จี้ร่างรู้สึกว่าน้องเขยตัวเองสิ้นหวังชะมัด เขาไม่อยากเสวนากับเด็กม.4 ม.5 รู้สึกเหมือนไอคิวตัวเองจะต่ำลง เลยบอกว่างั้นก็ไปออกหัวออกก้อยตกลงกันเอาเอง จี้ร่างเดินกลับไปหาฉีหยิง ก่อนที่ทั้งสองจะเดินจากไป ฉีหยิงบอกอี้จ้าว "อย่าสู้นะ พี่บอกลุงแน่" อี้จ้าวช้ำใจ ทำไมกุโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
จี้ร่างที่ทำตัวเงียบมานาน ออกตัวมาครั้งนี้ เหล่าเด็กใหม่ชั้นม.4ถึงรับรู้ว่าที่โรงเรียนมีคนครองอยู่ นอกจากจะกลายเป็นที่นับถือแล้ว ยังมีกลุ่มเด็กสาวที่กลายเป็นแฟนคลับของจี้ร่างด้วย หลังจากนั้นไม่กี่วัน จี้ร่างพบว่าทุกเช้า บนโต๊ะเรียนของตัวเองจะมีเค้กทำมือปริศนาตั้งไว้ จี้ร่างไม่ชอบของหวานเลยปาทิ้ง สมุนฉู่ก็ขอเก็บขึ้นมากินแล้วชมเชยว่าเค้กนี้อร่อยกว่าร้านขึ้นชื่อของเมืองอีก ถ้าได้มาอีกเขาขอนะ เช้าวันถัดมาจี้ร่างได้รับเค้กอีก คราวนี้เขาเอาไปให้ฉีหยิง ฉีหยิงกินแล้วชอบมาก จี้ร่างบอกงั้นเดี๋ยวเขาจะเอามาให้ทุกวันเลย
ผลสอบท้ายเดือนกำลังจะออก บรรยากาศในห้อง9มาคุสุดๆ อ.หลิวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบอกว่า ทุกคนทำได้ดีมากเลย ห้องเรามีคนติด 100 อันดับแรกถึงสิบคน เกรดเฉลี่ยของห้องก็ดีขึ้นมาสองจุด เห็นนร.ในห้องไม่ดีใจอย่างคิด อ.หลิวไม่คิดไรมาก พูดชมเชยอีกสองสามอย่างแล้วออกจากห้องไป ในห้องเริ่มคุยกันใหญ่ว่าใครกันที่จะผลคืบหน้าต่ำสุด ผลสอบทางการออกมาช้าชะมัด! อ.หลิวเดินกลับมาถึงห้องพักครู อ.หลายคนพูดยินดีกับเขาที่ผลสอบของห้อง9เป็นไปได้สวย อ.หลิวยิ้มเฉ่งเดินมาถึงโต๊ะทำงาน เห็นซองจดหมายติดโบว์ เปิดซองออกมาข้างในเป็นใบทรานสคริปต์ของห้อง9 กับกระดาษมีข้อความ:
ขอบคุณครับ นี่คือของขวัญวันครูแบบสายๆของพวกเรา พวกเราจะตั้งใจเรียนให้สมกับความคาดหวังของครู –ด้วยความเคารพ นักเรียนม.6 ห้อง9
อ.หลิวถึงกับน้ำตาซึม
.
.
.
ซาบซึ้งคนสปอย อยากให้มีแปลจริงๆ
ขอบคุณโม่งสปอยล์มากเลย
ขอแทรกนิดนึง
กำลังอ่าน Scheme of the Official Descendant สนุกมาก แนะนำเลย
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (22)
.
.
.
.
ที่จริงพอขึ้นม.6 โรงเรียนจะยกเลิกวิชาพละไป แต่อ.หลิวที่ปลื้มใจตัดสินใจลงวิชาพละให้ห้อง9 พอถึงคาบพละ เด็กห้อง9รีบวิ่งลงสนามอย่างกับแร้งลง ตอนจี้ร่างเล่นบาสก็มีบรรดาเด็กสาวมานั่งเชียร์ เล่นเสร็จจี้ร่างเดินเข้าอาคาร ทันใดนั้นมีเด็กหญิงคนหนึ่งถูกเพื่อนดันให้เข้าไปหาจี้ร่าง เธอเป็นดาวชั้นม.4ซึ่งเป็นคนคอยทำเค้กให้จี้ร่างตลอดเดือนที่ผ่านมานั่นเอง เธอออกไปแสดงตัวอย่างเหนียมอาย จี้ร่างได้ยินว่าเธอเป็นคนทำเค้กก็ควักมือถือออกมา เพื่อนๆของเด็กหญิงส่งเสียงวี้ดว้ายเบาๆ จี้ร่างบอกว่าเดี๋ยวเขาโอนเงินค่าเค้กให้ เด็กหญิงปฏิเสธ จี้ร่างพูดต่อว่าเขาจะโอนมัดจำล่วงหน้าครึ่งปีด้วย แต่เปลี่ยนที่อยู่นะ ให้เอาไปส่งที่ม.6ห้อง2แทน เด็กหญิงวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา นับแต่วันนั้นก็ไม่มีเค้กมาส่งอีกเลย ฉีหยิงมาถึงห้องจี้ร่างถามหาเค้กประจำวัน จี้ร่างอดไม่ได้ที่จะคิดว่าถ้าเด็กคนนั้นไม่ขายเค้ก งั้นไปขอซื้อสูตรแทนจะได้มั้ยนะ? 🤣
สุดท้ายจี้ร่างแอบไปซื้อหนังสือทำขนมมา สมุนฉู่กลายเป็นหนูลองยาให้จี้ร่างโดยไม่รู้ตัว จี้ร่างเอาเค้กมาจากไหนไม่รู้ให้เขากินทุกวัน บางวันดีบางวันแย่ บางวันทำเอาปวดท้อง ท้องเสียไปสองวัน จี้ร่างคอยถามว่าเค้กวันนี้เป็นยังไง อร่อยกว่าที่เคยเก็บมาจากถังมั้ย อันที่จริงสมุนฉู่ลืมไปแล้วว่าเค้กอันนั้นรสชาติเป็นยังไง แต่จี้ร่างถามทุกวี่ทุกวัน จนวันหนึ่งเขาเลยบอกว่า "อร่อยกว่า!" หลังจากนั้นสมุนฉู่ก็ไม่ได้รับเค้กอีกเลย... พอจี้ร่างมั่นใจในฝีมือตัวเองแล้วก็ทำไปให้ฉีหยิง เขาถามว่าเค้กเจ้านี้เป็นยังไง ฉีหยิงบอกเจ้าเดิมอร่อยกว่านะ จี้ร่างแอบเฟล ฉีหยิงถามต่อว่าทำไมไม่ซื้อเจ้าเดิมล่ะ จี้ร่างตีสีหน้าเรียบบอกร้านเจ๊ง เจ้าของร้านเฮงซวยหนีตามน้องสะใภ้ไปแล้ว 😂 จี้ร่างที่แอบงอนเอื้อมมือมา บอกว่าถ้าเค้กไม่อร่อยก็ปาทิ้งไปเถอะ ฉีหยิงที่คล้ายจะนึกบางอย่างได้ก็บอกว่า "ร้านนี้ก็อร่อย เจ้าของร้านน่าจะเป็นคนดี ไม่หนีตามใคร นับแต่นี้ไปฉันจะกินจากเจ้านี้เจ้าเดียวเลย"
ข้ามมาฤดูหนาว เข้าใกล้วันคริสต์มาส เด็กสาวจะถักผ้าพันคอให้คนที่ตัวเองชอบกัน พอถึงวันคริสต์มาส จี้ร่างเลยออกจากบ้านแบบไร้ผ้าพันคอทั้งที่อากาศหนาวมาก กะรอของจากฉีหยิง รอแล้วรอเล่า จนหิมะแรกโปรย เห็นนร.คนอื่นๆได้ผ้าพันคอกันแล้ว แต่ของตัวเองยังไม่มาสักที พักเที่ยงจี้ร่างเลยบุกไปถามว่าไหนล่ะผ้าพันคอของฉัน! ฉีหยิงบอกเธอไม่ได้ถักให้ จี้ร่างที่พอเดาๆไว้แล้วรู้สึกทั้งปวดใจทั้งโกรธ จากนั้นก็เห็นฉีหยิงหยิบเอาบางอย่างออกมาจากเสื้อคลุม บอกว่าเธอปักถุงหอมให้
ชาติก่อนฉีหยิงเรียนปักผ้ามาจากแม่นมในจวนแม่ทัพ สิ่งแรกที่นางปักคือถุงหอม ซึ่งผลงานออกมาดูไม่เอาเรื่องเลย แต่ตอนที่นางมอบให้ท่านแม่ทัพ ท่านไม่ว่าอะไรและผูกมันไว้ที่เอวของตัวเองอย่างเปิดเผย หลังจากนั้นตอนที่ท่านแม่ทัพไปปฏิบัติหน้าที่ ท่านทำมันหายไป นางสัญญาว่าจะปักให้อีกครั้ง ตั้งใจว่าคราวนี้จะออกมาดูดีกว่าเก่า ทว่าท่านแม่ทัพจากไปก่อนที่นางจะทำสำเร็จ
จี้ร่างรับถุงหอมมางงๆ แต่ก็คุ้นๆว่าในสมัยโบราณ ถุงหอมมีความหมายถึงความรักที่ยั่งยืน จี้ร่างถามว่าเธอปักเองเหรอ ฉีหยิงบอกมันไม่สวยเท่าไหร่ อย่าไม่ชอบเลยนะ จี้ร่างบอก "ไม่ได้ไม่ชอบเลย!" คนอื่นเขาถักผ้าพันคอ แต่เธอปักถุงหอมให้ สาวน้อยของเขาช่างแตกต่างและน่ารักสุดๆ!
หลังเลิกเรียน จี้ร่างพาฉีหยิงเดินมาที่มอไซค์ตัวเอง เอาถุงหอมผูกติดไว้กับมอไซค์ แล้วหยิบถุงใบหนึ่งออกมาให้ฉีหยิง ฉีหยิงดีใจ ถึงจะรู้ว่าเป็นของขวัญวันคริสต์มาส แต่ประจวบว่าวันนี้เป็นวันหิมะแรกของปีเหมือนชาติก่อนเลย เธอเปิดดูพบว่าภายในเป็นเสื้อคลุมสีแดง แทบจะเหมือนกับเสื้อคลุมสีแดงที่เธอเคยสวมรอต้อนรับการกลับมาของท่านแม่ทัพ แต่สุดท้ายท่านแม่ทัพก็ไม่ทันได้เห็น ฉีหยิงตาแดงถามว่าทำไมถึงให้เสื้อนี้กับเธอ จี้ร่างบอก "ไม่รู้สิ แต่พอเห็นเสื้อนี้แล้ว ฉันคิดว่ามันควรเป็นของเธอ"
ข้ามมาวันตรุษจีน ฉีหยิงชวนจี้ร่างไปฉลองที่บ้าน เธอเตี๊ยมกับอี้จ้าวว่าให้บอกลุงกับป้าว่า จี้ร่างเป็นเพื่อนในทีมบาส จี้ร่างทำตัวสงบเสงี่ยม เป็นเด็กดีต่อหน้าลุงป้าจนอี้จ้าวนึกหมั่นไส้ อยากจะคืนเงินค่าปิดปากแล้วแฉซะเหลือเกิน กินข้าวมื้อเย็นกันเสร็จ ฉีหยิง, จี้ร่างและอี้จ้าวจะไปที่วัดเพื่อฟังระฆังข้ามปี อี้จ้าวออกมาได้ก็ปลีกตัวไปหาเพื่อน ฉีหยิงสวมเสื้อคลุมที่จี้ร่างซื้อให้ ฉีหยิงใส่สีแดงขึ้นสุดๆ จี้ร่างบอกให้ฉีหยิงหลับตาแล้วจูบบนเปลือกตาเบาๆ ปากบอกว่ามีฝุ่นติดน่ะ เขาเลยเช็ดออกให้ ถึงตอนเค้าท์ดาวน์ที่วัดคนเยอะมาก จี้ร่างกับฉีหยิงหามุมสงบๆยืน จี้ร่างกอดฉีหยิงจากข้างหลัง พอเค้าท์ดาวน์ถึงศูนย์ เสียงระฆังลั่น ฉีหยิงหันมาสวัสดีปีใหม่ จี้ร่างก้มลงเข้าใกล้หูเธอแล้วกระซิบ "สาวน้อย โตไวๆล่ะ" ขากลับจี้ร่างไปส่ง ฉีหยิงบอกพรุ่งนี้ไปดูแพนด้ากันนะ จี้ร่างตกลง
.
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (23)
.
.
.
.
ตี4ของวันถัดมา จี้ร่างได้รับสายจากจี้เฉียน จี้เฉียนเสียงสั่นบอกว่าปู่จะไปแล้ว จี้ร่างรีบมารพ. เห็นสมาชิกตระกูลจี้ เขาไม่สนใจ จี้เฉียนบอกปู่ยังมีเรื่องคาใจยื้อชีวิตตัวเองไว้อยู่ จี้ร่างรีบเข้าไปในห้อง ปู่จี้ซึ่งเคยภาคภูมิใจในร่างกายทหารของตน บัดนี้มีแต่หนังหุ้มกระดูก สายตาฝ้าฟางพยายามมองหลานชายที่เดินเข้ามา ปู่จี้ยกมือสั่นๆขึ้นมาจับมือกับจี้ร่างเหมือนครั้งที่หลานชายยังเด็ก ในวาระสุดท้ายของชีวิต เขาเพิ่งจะตระหนักได้ถึงความผิดพลาดของตัวเองซึ่งไม่มีโอกาสปรับตัวอีกแล้ว เสียงแหบแห้งพูด "อาร่าง... ปู่ผิดไปแล้ว..." จากนั้นปู่จี้ก็สิ้นลม จี้ร่างเดินออกมาจากห้อง จากอาคารแล้วนั่งลงบนเก้าอี้สาธารณะ ใช้มือปิดหน้าตัวเอง เขารู้สึกแย่ เขานึกถึงช่วงเวลาสมัยเด็กของตัวเองกับปู่ ตอนเด็กเขาสนิทกับปู่มาก ปู่ซื้อปืนของเล่นให้ ปู่จี้บอกว่าเขามีปืนนี้แล้ว เขาคือทหารน้อย เขาต้องปกป้องครอบครัวและประเทศนะ หลังจากเหตุการณ์ในตอนนั้น ปืนนั้นถูกเขาทำลายเองกับมือ ครู่หนึ่งฉีหยิงโทรมา จี้ร่างรับสายถามว่าทำไมโทรมาแต่เช้า ฉีหยิงบอกเธอฝันร้าย จี้ร่างบอกไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องวางสาย เขาจะอยู่กับเธอเอง จนได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอจากปลายสาย เขาไม่รู้สึกแย่แล้ว
ผ่านมาสองชั่วโมง จี้ร่างอยู่ที่งานศพ ได้ยินเสียงฉีหยิงตื่นบอกอรุณสวัสดิ์ จี้ร่างบอกว่าวันนี้เขาไปดูแพนด้าด้วยไม่ได้แล้วนะ ฉีหยิงไม่ได้ถามอะไรมากก่อนวางสายไป ครู่หนึ่งทนายเดินมาหาจี้ร่างบอกว่าปู่ยกมรดกทั้งหมดให้เขา จี้ร่างไม่แม้แต่มอง เขาบอกทนายว่าให้บริจาคในนามของปู่ไปทั้งหมด เฉินเฟิ่งจื่อที่ไม่รู้กลับจากนิวยอร์กมาตอนไหนคุยกับจี้เฉียนว่าเธอเป็นหลานปู่จริงเปล่าเนี่ย ทำไมไม่ได้สักแดง จี้เฉียนรับแขกอยู่ไม่สนใจ บอกให้เฉินเฟิ่งจื่อเอามื้อเช้าไปให้จี้ร่างที เฉินเฟิ่งจื่อเข้าไปคุยกับจี้ร่าง จี้ร่างไม่ยอมกิน เขาเลยส่งข้อความหาจี้เฉียนว่าภารกิจล้มเหลว หาวิธีการอื่นเถอะนะ จี้ร่างยังจมในภวังค์ รู้สึกตัวอีกทีเขามองไปรอบๆแล้วเห็นฉีหยิงใส่ชุดดำกำลังเดินเข้ามาหาพร้อมยิ้มให้น้อยๆ จี้ร่างถามว่ามาได้ยังไง ฉีหยิงบอกจี้เฉียนส่งข้อความไปบอกว่าจี้ร่างไม่ยอมกินข้าว แล้วบอกว่าให้เธอเคารพศพก่อน แล้วเรากินข้าวด้วยกันนะ จี้ร่างตกลง
ฉีหยิงต้องไปต่างเมืองกับลุงป้าเพื่อเยี่ยมญาติ ฉีหยิงร่ำลาบอกจี้ร่างอย่าลืมกินข้าว แล้วก็อย่าลืมทำการบ้านนะ หรือไม่เธอจะยอมให้ลอกการบ้านก็ได้ จี้ร่างเลยพูดขำๆว่าทำไมไม่ช่วยเขาเขียนการบ้านไปเลยล่ะ จี้ร่างอยู่ร่วมงานศพปู่อยู่ห้าวันจนงานศพก็เสร็จสิ้น เขากลับมาถึงบ้านเพิ่งจะล้มตัวนอน เสียงออดก็ดัง เปิดออกมาเจอฉีหญิง, หลีหลี่และสมุนฉู่ยืนอยู่ พวกเขามาเพื่อช่วยจี้ร่างทำการบ้าน
เปิดโรงเรียนมา เหลือเวลาอีกแค่ 100 วันก่อนการสอนเข้ามหาลัย นักเรียนบางคนก็ได้โควต้าไปแล้ว อย่างเช่น อู๋รุ่ยที่ได้รับการแนะนำไปมหาลัยBที่เขาต้องการพอดี อู๋รุ่ยพาทุกคนไปฉลอง สมุนฉู่บอกว่าดีจัง ติดมหาลัยแล้วงี้ก็ไม่ต้องมาโรงเรียนแล้วซิ อู๋รุ่ยบอกยังไงเขาก็มา เขาจะอยู่จนจบคลาส การเรียนรู้ไม่มีสิ้นสุดหรอกนะ จากนั้นก็เปิดกระป๋องเบียร์บอกว่าเขาจะไปรอทุกคนที่มหาลัยBนะ! ทุกคนหมั่นไส้
เวลาล่วงเลยขอเล่าข้ามมาถึงการสอบไฟนอล ในที่สุดจี้ร่างก็ได้นั่งสอบห้องเดียวกับฉีหยิงอย่างที่ตั้งใจ ที่น่าตกใจคือสมุนฉู่ก็ได้สอบห้องเดียวกันด้วย สมุนฉู่แทบร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจบอก นี่เป็นเพราะแสงจากบอสที่โอบอุ้มเขาแท้ๆ คราวนี้แหละเขาจะไปหาอู๋รุ่ยที่มหาลัยBบ้าง! จี้ร่างกับฉีหยิงนั่งแถวเดียวกัน ฉีหยิงอยู่หน้าสุด ส่วนจี้ร่างอยู่ท้ายสุด เขาคิดว่าเธอเป็นเหมือนดาวนำโชคของเขา เธอคอยให้แสงนำทางและความหวัง
เมื่อระฆังดังสิ้นสุดการสอบวันสุดท้าย สมุนฉู่ก็วิ่งมาโผกอดจี้ร่างบอกขอบคุณสำหรับสามปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่คอยดูแลพวกเขา ขอบคุณที่ลากพวกเขากลับเข้าลู่เข้าทาง จี้ร่างกัดฟันบอกอย่าร้องไห้นะเว้ย ฉันฆ่าทิ้งแน่ จากนั้นก็เดินไปหาฉีหยิง เขาจับมือเธอแล้วชวนออกจากห้องสอบ เมื่อจบการศึกษาแล้ว ความรักของเขาก็ผลิบานได้แล้ว
ลุงอี้เป็นกังวล ตลอดสองวันของการสอบลุงไปจุดธูปที่วัด ขอให้การสอบของหลานสาวเป็นไปด้วยดี พอการสอบสิ้นสุด ลุงอี้มารับฉีหยิง เขาเห็นจี้ร่างเดินมาด้วยก็ทักทาย จี้ร่างไม่หลบซ่อนแล้ว เขาลูบหัวฉีหยิงบอกว่าเจอกันพรุ่งนี้นะ ฉีหยิงหน้าแดง ลุงอี้ตะลึง พอขึ้นรถลุงอี้ถามความสัมพันธ์ทั้งคู่ ฉีหยิงบอกเธอชอบเขา ลุงอี้หวงหลานสาวคิดโทษอี้จ้าวที่ทำให้ทั้งสองรู้จักกัน(ตอนตรุษจีน เขาเตี๊ยมกันว่าจี้ร่างเป็นเพื่อนอี้จ้าว)
สอบเสร็จจี้ร่างอารมณ์ดี เปิดแชตลากสมุนทุกคนเข้ากรุ๊ป บอกว่า "ฉันอยากสารภาพรัก ช่วยคิดวิธีสารภาพรักแบบเด็ดๆไม่เหมือนใครมาซิ" ทุกคนในกรุ๊ปแดกจุด เรียนจบแล้วยังต้องทนเหม็นความรักอยู่อีก!
.
.
.
.
ทางนี้ก็แดรกจุด......
ขนาดนี้แล้วยังต้องสารภาพอีกหราบอส5555
ทำไมมันน่ารักมุ้งมิ๊งอย่างงี้
แก้มแตกแล้วๆๆๆๆๆ บอสพี่จี้ขา ถ้าสารภาพไม่โรมานซ์ จะให้กระโดดตบสิบทีนะ
รอมาตั้งสามปี
ณ จุดๆ นี้คืออยากเปิดให้โลกรู้แล้วสินะ แบบอั้นมานาน
รอชมแผนของแต่ละคน จะโบ๊ะบ๊ะขนาดไหน 5555
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (24)
ดราม่าโค้งสุดท้าย (╯︵╰,)
.
.
.
.
ห้อง2นัดกันไปฉลองจบการศึกษาที่ KTV แห่งหนึ่ง ห้อง9เองก็นัดฉลองที่อีกร้านบนถนนเส้นเดียวกัน ฉีหยิงกับจี้ร่างแชทคุยกันว่าเป็นยังไงกันมั่ง เธอดื่มไปนิดหน่อยจนมึนๆ เธอบอกหลีหลี่ว่าไปเข้าห้องน้ำ ทำธุระเสร็จกำลังจะกลับห้อง ใครบางคนก็เข้ามาทางด้านหลัง ใช้มือปิดปากของเธอไว้ และพยายามลากเธอเข้าไปอีกห้อง
คนคนนั้นคือ "เฟิ่งเสี่ยว" คนที่เคยพยายามจีบฉีหยิงที่หน้าบ้านพักคนชรา เฟิ่งเสี่ยวจำฉีหยิงได้ เขาจำได้ว่าเธอเย็นชากันเขา แล้วไปยิ้มให้ผู้ชายอีกคนอย่างไร วันนี้เฟิ่งเสี่ยวกับแก็งค์เพื่อนแอบมาพี้ยาที่ร้านนี้พอดี เฟิ่งเสี่ยวกำลังเมายาเต็มที่ เขาไม่ลังเลเลยที่จะฉุดเธอเข้าห้องส่วนตัวที่พวกเพื่อนเขาจองไว้ ในห้องเป็นห้องเก็บเสียง เสียงเพลงก็เปิดดังลั่น เฟิ่งเสี่ยวบอกเพื่อนๆว่าไม่ต้องสนใจเขา เล่นยากับหญิงคนอื่นไปเถอะ เขามีสาวของเขาแล้ว ฉีหยิงพยายามดิ้นรน ทั้งเตะ ทั้งกัด เขาโมโหและตบหน้าเธอ กระชากผมของเธอแล้วฟาดเข้ากับโต๊ะสามทีจนเด็กสาวแน่นิ่งไป
เฟิ่งเสี่ยวกำลังจะถอดกางเกงของตัวเองออก ประตูห้องก็เปิดออก เป็นบ๋อยที่เข้ามาถามว่าสั่งเมนูนี้รึเปล่า ทุกคนที่กำลังเสพยารีบซ่อนของแล้วด่าให้บ๋อยออกไป บ๋อยยังพยายามถามว่าสั่งเมนูนี้มั้ย จนมีคนพุ่งเข้าไปหมายจะลากบ๋อยออกไปจากห้อง แต่ดันโดนบ๋อยจับไว้แน่น พวกเขารับรู้ว่าบ๋อยคนนี้ไม่ธรรมดา ในเวลาเดียวกันที่ทางเดินเริ่มเกิดกลุ่มควัน ที่ร้านเกิดไฟฟ้าลัดวงจรจนไฟไหม้ ลูกค้าหนีกันโกลาหล พวกเฟิ่งเสี่ยวเลยพยายามหนีด้วย เฟิ่งเสี่ยวพอดีเห็นบ๋อยเข้าไปช่วยฉีหยิง เขาเห็นท่าไม่ดี บอกเพื่อนๆว่าไอ้หมอนี่เห็นพวกเราเล่นยาแล้ว ปล่อยมันกับยัยนี่ไว้ไม่ได้ แล้วคว้าเอาของใกล้มือในห้องรุมฟาดบ๋อยจนเขาล้มไป ก่อนที่พวกเฟิ่งเสี่ยวจะรีบหนีออกจากอาคาร
ฉีหยิงที่หน้าอาบเลือด เธอรู้สึกว่ามีคนจับเธอไว้เลยพยายามดิ้นหนี บ๋อยคนที่ว่าปลอบหลังเธอแล้วบอกว่า "ไม่ต้องกลัวนะ สาวน้อย ลุงเป็นตำรวจ ลุงจะช่วยหนูเอง"
จี้ร่างซึ่งอยู่อีกร้านบนถนนเส้นเดียวกันได้ยินว่าร้านที่ฉีหยิงไปเกิดเพลิงไหม้ เขารู้สึกอย่างกับสายฟ้าฟาดและรีบดิ่งไปที่ร้าน เขาเห็นนักเรียนห้อง2ยืนออกันอยู่นอกร้าน ก็เข้าไปถามหาฉีหยิง หลีหลี่ตื่นตระหนกบอกว่าฉีหยิงไปเข้าห้องน้ำ แล้วไม่กลับมาอีกเลย จี้ร่างรีบวิ่งไปทางอาคารที่ไฟไหม้แบบไม่ลังเล พนง.ดับเพลิงพยายามหยุดเขาไว้ พนง.ดับเพลิงสองคนลากตัวจี้ร่างที่คลุ้มคลั่งไปฝากไว้กับตำรวจ พวกเขาบอกว่า พวกเขาจะไปช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ข้างใน ให้มีความหวังเข้าไว้ จี้ร่างมองกองเพลิงที่ลุกโหมทั่วทั้งอาคาร เขารู้ว่าโอกาสรอดนั้นน้อยมาก จี้ร่างสิ้นหวัง
รถตำรวจกลุ่มหนึ่งขับเข้ามา พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมทีมของ "ฮั่นหยาง" ลุงตำรวจที่ช่วยฉีหยิง พวกเขาเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติดที่วันนี้มีภารกิจในการจับกุมคนค้ายาแบบคาหนังคาเขา ฮั่นหยางเป็นสายไปดูลาดเลา พอเขาเห็นเด็กสาวตกอยู่ในอันตราย เขารีบวอแจ้งเพื่อนร่วมทีมแล้วเข้าไปช่วยทันทีโดยไม่รีรอ เคราะห์ดีที่ตำรวจกลุ่มนี้ดักจับกุมแก็งเฟิ่งเสี่ยวไว้ได้ เฟิ่งเสี่ยวพยายามโหวกเหวกว่าจับพวกเขาทำไม ตำรวจด่าว่า ฉุดผู้หญิงและพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ ทนายความก็ช่วยอะไรพวกเอ็งไม่ได้แล้ว! จี้ร่างได้ยินก็หันไปมองทางนั้น เฟิ่งเสี่ยวเห็นหน้าจี้ร่างก็นึกออกว่าเป็นแฟนของฉีหยิง เขายิ้มเยาะบอกว่า "ที่แท้ก็คุณชายจี้ แฟนของแกรสชาติเด็ดไม่เบา น่าเสียดายที่ตอนนี้คงโดนไฟคลอกตายไปแล้ว" จี้ร่างเดือดพล่าน ฝ่าวงตำรวจที่ไม่ได้ตั้งตัวเข้าไปบีบคอเฟิ่งเสี่ยวจนอีกฝ่ายหน้าดำหน้าแดง ตำรวจหลายนายพยายามดึงตัวจี้ร่างออกมา เด็กหนุ่มคลุ้มคลั่งไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ในหัวเขามีความคิดเดียวว่าต้องฆ่าไอ้หมอนี่ ตำรวจจับตัวจี้ร่างแทบไม่อยู่ มีคนบอกให้เรียกหมอขอยาระงับประสาทที พอดีกับที่มีเสียงดังมาจากวิทยุสื่อสารว่าเจอตำรวจที่ติดในอาคารแล้ว
ที่ทางเข้าออกฮั่นหยางประคองฉีหยิงออกมาจากอาคารอย่างทุลักทุเล จนท.นายอื่นรีบเข้าไปช่วยเหลือ ฉีหยิงยังหลับตาอาการร่อแร่ แต่เธอคล้ายจะได้ยินเสียงโหวกเหวก เธอฝืนลืมตาขึ้น เธอบอกตำรวจว่าเธออยากไปทางนั้น สติสัมปชัญญะของเธอพร่าเลือน แต่เธอรู้ว่าจี้ร่างกำลังสิ้นหวัง เธอต้องไปหาเขา ตำรวจประคองฉีหยิงไปหาจี้ร่างที่ยังคลุ้มคลั่ง เธอลูบหัวของเขาแล้วบอกว่าไม่เป็นไรแล้วนะ อย่าเศร้าไปเลย จี้ร่างหันมาเห็นสภาพโชกเลือดของฉีหยิงก็หลั่งน้ำตา เขาอยากกอดเธอแต่ก็กลัวว่าจะกระเทือนร่างกาย จี้ร่างถามว่าเจ็บรึเปล่า ฉีหยิงบอกว่าไม่เลย ไม่ต้องร้องไห้นะ จากนั้นหมอพยาบาลก็หามเปลมารับ ร่างกายของฉีหยิงรับไม่ไหวแล้ว เธอหมดสติลงต่อหน้าจี้ร่าง
ฉีหยิงถูกนำส่งห้องICU อาการโคม่า แม้แต่หมอก็บอกไม่ได้ว่าเธอจะฟื้นเมื่อไหร่
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (25)
.
.
.
.
ฮั่นหยางหลังฟื้นตัวจากการบาดเจ็บแล้ว เขาไปเยี่ยมฉีหยิงหลายครั้ง และทุกครั้งก็เห็นเด็กหนุ่มใต้ตาดำคล้ำ หนวดไม่โกนนั่งเฝ้าอยู่นอกวอร์ดทั้งวันทั้งคืน จนเขาอดไม่ได้ที่จะคุยกับจี้ร่างให้ไปกินข้าว อาบน้ำอาบท่าบ้าง จี้ร่างอยู่ในสภาพแทบไร้วิญญาณ ตอนนี้เขามีเพียงความโล่งใจที่เห็นชีพจรของฉีหยิงขยับอยู่ บ่งบอกว่าเธอยังมีชีวิต สำหรับเขา ถ้าเธอฟื้น เขายินดีจะมอบให้ทุกอย่าง หรือถ้าเธอไม่ฟื้น ก็ไม่เป็นไร เขาจะอยู่เฝ้าเธอแบบนี้ไปตลอดชีวิต
ตอนที่ฮั่นหยางเข้ามาคุยด้วย จี้ร่างก็หันไปพูดขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตฉีหยิงไว้ ฮั่นหยางยิ้มแล้วลูบหัวเด็กหนุ่มบอกว่า "นี่เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว พวกเรามีหน้าที่ต้องจับพวกคนชั่วในสังคม เพื่อให้พวกเธอได้เติบโตในสังคมที่ปลอดภัยและงดงาม" จี้ร่างมองฮั่นหยางแล้วนึกถึงภาพหน้าหลุมศพของพ่อฉีหยิง คนที่ผู้คนเรียกว่าเป็นวีรบุรุษผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่เขาเคยไปเคารพ ฮั่นหยางบอกย้ำให้จี้ร่างกลับบ้านไปพักผ่อน ไปแต่งตัวดีๆ พอเธอฟื้นขึ้นมาจะได้เจอหน้าเขาตอนหล่อๆ
จี้ร่างคิดแล้วยอมทำตาม เขากลับบ้านไปอาบน้ำโกนหนวด แต่ข้าวเขากินไม่ลง นอนก็นอนไม่หลับ เขากังวลว่าเธออาจฟื้นตอนที่เขาไม่อยู่ด้วย จี้ร่างรีบแต่งตัวและจะออกจากบ้านอีกครั้ง แต่มือเจ้ากรรมดันพลาดปัดขวดโหลดาวกระดาษที่ฉีหยิงให้ตอนวันเกิด ขวดโหลตกแตกบาดมือเขาจนเลือดออก จี้ร่างสบถเบาๆ ไม่สนใจบาดแผล แต่รวบรวมดาวกระดาษที่กระจายบนพื้นอย่างทะนุถนอม จี้ร่างพบว่าดาวกระดาษบางดวงคลี่ออก และพบว่าดาวกระดาษแต่ละดวงภายในมีข้อความลายมือฉีหยิง:
— จี้ร่างที่สอยดาวดวงนี้ เขาอยากกินเค้กช็อกโกแลต
— จี้ร่างที่สอยดาวดวงนี้ เขาจะอยากนอนหลับอุตุ
— จี้ร่างที่สอยดาวดวงนี้ เขาอยากดื่มนมอุ่นๆ
— จี้ร่างที่สอยดาวดวงนี้ เขามีรอยยิ้ม
— จี้ร่างที่สอยดาวดวงนี้ เขาอยากจูบเปลือกตาของหยิงหยิง
— จี้ร่างที่สอยดาวดวงนี้ เขาอยากให้ลูกอมสตอเบอร์รี่กับหยิงหยิง
จี้ร่างอ่านข้อความแต่ละข้อความไปทั้งมือสั่นก็น้ำตาคลอ เขาเชื่อฟังเธอ ไปทำแปล เปลี่ยนชุด แล้วล้มตัวนอน ร่างกายเขาอ่อนล้ามาก พอหลับได้ตื่นมาอีกทีก็ตอนเย็น จี้ร่างกลับไปรพ. ลุงอี้ที่เฝ้าฉีหยิงอยู่ก็ถามว่ากลับมาแล้วเหรอ ทำไมไม่พักอีกหน่อยล่ะ จากนั้นก็บอกว่าเขาจะไปซื้อมื้อเย็นมาให้ เอาอะไรดี? จี้ร่างบอก "เค้กช็อกโกแลต" ลุงอี้งงๆแต่ไม่ได้ถามอะไร พอลุงออกไป จี้ร่างจูบเปลือกตาฉีหยิงเบาๆ แล้วหยิบลูกอมสตอเบอร์รี่ออกมาวางบนฝ่ามือเธอ "หยิงหยิง ฉันให้ลูกอมสตอเบอร์รี่นะ"
หลังจากนั้นจี้ร่างคอยเปิดดาวกระดาษวันละดวงๆ แต่ฉีหยิงยังไม่มีวี่แววจะฟื้น เวลาผ่านมากระทั่งคะแนนสอบเข้ามหาลัยประกาศ ผลของทุกคนเป็นไปด้วยดี คะแนนของจี้ร่างต่ำกว่าฉีหยิงนิดหน่อย แต่ก็ยังเลือกมหาลัยดังได้ หลีหลี่คะแนนพอจะเข้าคณะกำกับละครอย่างที่ฝัน สมุนฉู่ก็มากพอที่จะเข้ามหาลัยรองๆ เป็นเวลาที่ควรเฉลิมฉลอง เป็นเวลาที่เขาควรได้สารภาพรักเธอแบบแบบเด็ดๆแล้ว แต่ไม่มีใครมีอารมณ์ทำแบบนั้น จี้ร่างถึงกับหอบข้าวของตัวเองมานอนเฝ้าฉีหยิงในห้องที่รพ. เพื่อนๆห้อง2คอยส่งการ์ดส่งผลไม้มาเยี่ยมจนของเต็มห้อง
พริบตาเดียวก็ถึงช่วงลงเลือกมหาลัย สมุนฉู่แบกคอมมาที่รพ.ถามจี้ร่างว่าจะลงมหาลัยไหน เขาจะช่วยลงให้ จี้ร่างไม่แม้แต่มอง บอกว่าเขาไม่ลง "ที่ฉันพยายามอย่างหนัก ไม่เคยเพื่อสอบเข้ามหาลัย" แต่เพื่อเธอ เขาไม่ได้อยากเข้ามหาลัย เขาแค่อยากเข้ามหาลัยกับเธอ
.
.
.
.
"เขาเชื่อฟังเธอ ไป*ทำแปล* เปลี่ยนชุด"
ต้องเป็น "เขาเชื่อฟังเธอ ไปเปลี่ยนชุด" นะ
เพิ่งมาอ่านอีกที อะไรคือไปทำแปลวะ สงสัยนิ้วจิ้มไปโดนคำแนะนำทึ่มันเด้งมา 55555
อุแงง ไม่ใช่แค่พี่จี้ที่จะไปบีบคอมัน แม่ยกแถวนี้ขอไปด้วย อิเลวว ทำน้องได้ไง
ขอบคุณเพื่อนโม่งนะ ใกล้จะจบแล้วใช่มั้ย
น้ำตาซึมเลย 😭😭😭😭😭😭
มาต่อเร็วๆ นะ
แงงงงงงงงงงง
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (26)
.
.
.
.
ฉีหยิงซึ่งยังหลับอยู่ฝันเห็นวัยเด็กของเจ้าของร่าง ตอนที่เด็กหญิงยังมีพ่อแม่ เด็กหญิงค่อยๆเติบโตในครอบครัวที่อบอุ่น จนกระทั่งเหตุการณ์ในตอนนั้นอุบัติขึ้น ฉีหยิงมองเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ใจเธอร้าวราน แต่ทำอะไรไม่ได้ ฉีหยิงรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เด็กหญิงที่เคยยิ้มแย้มสดใส กลายเป็นแทบไร้วิญญาณ เธอกินยานอนหลับหมายจะปลิดชีวิตตน แม้ฉีหยิงจะรู้ว่านี่คือความฝัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพยายามห้ามเด็กหญิง
ในตอนนั้นเองที่โลกความฝันกลายเป็นดำมืดและเงียบสนิท ฉีหยิงได้ยินเสียงสะอื้น เธอไปตามเสียง เห็นเด็กหญิงก้มหน้าร้องไห้ ฉีหญิงลงไปนั่งข้างๆ เด็กหญิงถามว่าเธอเป็นใคร? ฉีหยิงบอกว่า "ฉันคือฉีหยิง" เด็กหญิงบอกว่า "ฉันก็ฉีหยิงเหมือนกัน" ฉีหยิงถามเด็กหญิงว่าร้องไห้ทำไม เด็กหญิงบอกว่า "ฉันสูญเสียพ่อและแม่ ในโลกนี้ฉันไม่หลงเหลืออะไรแล้ว ฉันกลัว ... ฉันไม่อยากออกไปแล้ว ที่นั่นไม่มีอะไรเลย ฉันกลัวเหลือเกิน ... เธอเองก็คือฉีหยิง เธอออกไปข้างนอกแทนฉันได้มั้ย?"
ฉีหยิงรับปากเด็กสาว เธอลุกขึ้นและเดินจากไป ฉีหยิงไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน หรือนานแค่ไหนแล้วที่เธอเดินจากมา เธอเริ่มคิดถึงอดีต ทั้งชาติก่อนและชาตินี้ เธอนึกถึงหลีหลี่ เพื่อนร่วมชั้น คุณลุงตำรวจ และเด็กหนุ่มที่มองว่าเธอเป็นทั้งชีวิตของเขา ตราบที่เธอนึกถึงเขา เธอไม่หวาดกลัวใดๆ
ฉีหยิงเดินในความมืดไม่รู้ว่านานแค่ไหน ก่อนที่เธอได้พบเด็กหญิงอีกครั้ง เด็กหญิงถามว่าเธอกลับมาทำไม? ฉีหยิงบอกว่า "หยิงหยิง เราออกไปด้วยกันนะ" เด็กหญิงปฏิเสธบอกว่าเธอกลัว ฉีหยิงบอก "ไม่ต้องกลัวนะ มีคนปกป้องพวกเรา" เด็กหญิงถามว่าใคร? ฉีหยิงตอบ "เขาชื่อจี้ร่าง เขาเป็นคนที่ดีที่สุดในโลก เราออกไปพบเขาด้วยกันนะ ... เขารักเธอเหมือนที่พ่อแม่ของเธอรัก เขาจะให้ลูกอมสตอเบอร์รี่กับเธอทุกวัน เขายังแอบเรียนทำเค้กให้เธอด้วย เขาฉลาดและสัญญาว่าจะสอบเข้ามหาลัยด้วยกันกับเธอ แล้วเขาก็ทำได้จริงๆ เขาแข็งแกร่งมาก เขาจะกีดกันทุกคนที่อยากทำร้ายเธอออกไป เขามอบความรักของเขาทั้งหมดให้เธอ ดังนั้นไม่ต้องกลัวนะ"
เขารักเธอด้วยชีวิต ฉีหยิงรู้ว่าเขาจะใช้ชีวิตด้วยดีตราบที่เธอมีชีวิต ดังนั้นเธอต้องรีบฟื้น อย่าทำให้เขาต้องเป็นกังวล ฉีหยิงกอดเด็กหญิง ก่อนจะจูงมือเธอเดินออกไปด้วยกัน
ฉีหยิงจำได้แล้วว่าเธอเป็นทั้งฉีหยิงที่ฆ่าตัวตายตอนสูญเสียท่านแม่ทัพ และฉีหยิงที่ฆ่าตัวตายเพราะสูญเสียพ่อแม่ ทั้งสองชีวิตเธอเลือกใช้วิธีการใจเสาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้าย ด้วยการถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงในสถานการณ์ที่คล้ายกัน ทำให้เธอระลึกชาติ เธอซึ่งรับความจริงทั้งสองอย่างไม่ได้ พยายามหนีความจริง เธอเลือกที่จะปิดกั้นตัวเอง และผลักดันตัวตนในชาติก่อนออกมาเผชิญหน้าแทน สะกดจิตตัวเองว่านี่ไม่ใช่ร่างของเธอ และตราบที่ไม่ใช่ร่างของเธอเอง มันก็ไม่กระทบกระเทือนจิตใจเธอ แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้จบลงแล้ว เธอได้พบกับคนที่รักเธออีกครั้ง
ฉีหยิงรู้สึกตัวขึ้นมา เธอเห็นลูกอมสตอเบอร์รี่มากมายที่ข้างหมอน ในห้องเต็มไปด้วยดอกไม้ผลไม้ บนโต๊ะเกลื่อนไปด้วยการ์ด ที่ประตูเธอเห็นแผ่นหลังของเด็กหนุ่ม
ที่นอกห้อง สมุนฉู่กอดคอมบอกจี้ร่างว่าเหลือเวลาลงมหาลัยอีกแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นนะ จี้ร่างบอกว่าเขาพูดไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่รึไงว่าให้กลับไป สมุนฉู่คอตก ค่อยๆปิดคอม จี้ร่างกำลังจะหันกลับเข้าห้อง เขาพลันรู้สึกว่าชายเสื้อด้านหลังถูกกระตุก มีเสียงหวานถามเขาว่า "เธอจะลงเรียนคณะไหน?"
จี้ร่างหันกลับไปเห็นฉีหยิงยืนอยู่ เขาเอื้อมมือจะจับแก้มของเด็กสาวแล้วรีบชักมือกลับ กลัวว่าจะเป็นเพียงภาพลวงตาที่หายไปทันทีที่เขาสัมผัส จี้ร่างเกือบจะร้องไห้ แต่กลั้นไว้ พูดว่า "เธอฟื้นแล้ว" ฉีหยิงยิ้มให้บอกว่าเรานัดกันไว้ว่าเราจะไปมหาลัยด้วยกัน "ฉันไม่ผิดคำพูด" จี้ร่างโน้มตัวกอดฉีหยิงเบาๆบอกว่าสาวน้อยของเขารักษาสัญญาจริงๆ สมุนฉู่ร้องด้วยความตื่นเต้น ทั้งสะอื้นและรีบตะโกนขัดจังหวะทั้งคู่บอกว่า "เร็วเข้า! รีบลงเลือกคณะ! ค่อยไปกอดกันหลังจากกรอกข้อมูลกันแล้ว!" 😂
ฉีหยิงลงคณะแพทย์ มหาลัยB ส่วนจี้ร่างนิ่งไปเล็กน้อยตอนกดตัวเลือก เขานึกถึงตอนเด็กๆ ที่แม่เขาถามว่าโตขึ้นเขาอยากเป็นอะไร จี้ร่างตอนเด็กตอบว่า "ตำรวจ!" แม่เขาถามว่าทำไมล่ะ เด็กชายจี้ร่างตอบ "ผมอยากจับพวกคนชั่วให้หมดเลย!" แม่เขาบอกว่า "แหม อาร่างยอดจริงๆเลย แม่ภูมิใจในตัวลูกนะ"
ครั้งหนึ่งเขาละทิ้งความฝันไปด้วยมือของตัวเอง แต่ตอนนี้เขาหยิบมันกลับขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อเธอ
.
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (26)
.
.
.
.
ฉีหยิงฟื้นแล้ว เพื่อนๆก็มาเยี่ยมมายินดีที่รพ.แต่อยู่ได้ไม่นานก็โดนจี้ร่างไล่ตะเพิดไปหมด จี้ร่างบอกว่าฉีหยิงเพิ่งฟื้นต้องพักผ่อนเยอะๆ ฮั่นหยางก็มาเยี่ยมฉีหยิง ลุงอี้คุยกับฮั่นหยางว่าเขาสงสารหลานสาวตัวเอง เคราะห์ซ้ำกรรมซัด โชคดีที่ได้ฮั่นหยางช่วยชีวิตไว้ เขาว่าทั้งคู่มีวาสนาต่อกันแน่ๆ ลุงอี้เกลี่ยกล่อมขอให้ฮั่นหยางรับฉีหยิงเป็นลูกบุญธรรมจนฮั่นหยางตกลง
ฉีหยิงได้ออกจากรพ.ในวันเกิดพอดี คืนก่อนจะออกจากรพ. จี้ร่างซึ่งนอนค้างที่ห้อง แอบจูบเปลือกตาฉีหยิงตอนเธอหลับแล้วบอก "สุขสันต์วันเกิดนะ สาวน้อย"
เช้ามาลุงอี้มารับฉีหยิง ฉีหยิงเดินนำหน้า จี้ร่างกับลุงอี้ยกสัมภาระเดินตามอยู่ข้างหลัง พอออกมาจากห้องก็มีเด็กชายที่อยู่ห้องข้างๆมอบดอกกุหลาบให้ "พี่หยิงหยิง สุขสันต์วันเกิดนะฮะ" พอเธอเดินผ่านวอร์ดพยาบาล พยาบาลที่ดูแลเธอก็บอกสุขสันต์วันเกิดและให้ของขวัญเธอ ระหว่างทางเดินจนถึงลิฟท์ฉีหยิงได้ของขวัญมา 7-8 ชิ้นแล้ว ลุงอี้บอกฉีหยิงของเรานี่ป๊อปจริงๆ เดินออกมาจากตึกรพ. ที่ป้ายโฆษณา LED ขนาดใหญ่ของตึกฝั่งตรงข้ามก็มีข้อความ "สุขสันต์วันเกิด" กับรูปลูกอมสตอเบอร์รี่สีชมพู ฉีหยิงคิดว่าคงแค่บังเอิญ พอทุกคนขึ้นรถ รถขับผ่านป้ายรถเมล์ ที่ป้ายโฆษณาก็มีข้อความ "สุขสันต์วันเกิด" เหมือนกัน ตลอดทางเกือบจะทุกที่ที่รถขับผ่านมีข้อความ "สุขสันต์วันเกิด" แบบเดียวกัน จนฉีหยิงอดไม่ได้ ถามจี้ร่างว่านี่พวกเขาอวยพรวันเกิดเธอเหรอ จี้ร่างยิ้มให้บอกว่า "เพิ่งจะรู้ตัวเหรอ?" รถขับมาถึงหมู่บ้านที่ทางเข้าเต็มไปด้วยลูกโป่งหลากสีขนาบสองข้างทางพร้อมป้าย "สุขสันต์วันเกิด" ฉีหยิงลงมาจากรถทั้งตาแดง เธอโผกอดจี้ร่างถามว่าทั้งหมดนี่ให้ฉันเหรอ? จี้ร่างกอดเธอกลับ ก้มลงจูบลงบนเส้นผม "โตขึ้นแล้วนะ สาวน้อย"
พอเข้าไปในบ้าน ภายในตกแต่งไปด้วยลูกโป่งและริบบิ้นสีชมพู อี้จ้าวที่เป็นคนตกแต่งเองกับมือโดนแม่ตัวเองเหยียดรสนิยมของเขาอย่างรุนแรงบอกว่าจัดซะอย่างกะงานแต่ง พอฉีหยิงมาถึงอี้จ้าวก็รีบถามเลยว่าชอบการตกแต่งของเขามั้ย? ฉีหยิงลังเลก่อนจะบอกว่าก็พอจะชอบอยู่นะ ส่วนจี้ร่างบอก "ไม่เลวเลย จัดได้สวยมาก" อี้จ้าวดีใจมาก ในที่สุดมีคนเข้าใจในรสนิยมความงามของเขาสักที!
ฉลองในครอบครัว(+จี้ร่างและฮั่นหยาง)กันเสร็จ พวกผู้ใหญ่ก็แยกย้ายไปทำงาน จี้ร่างพาฉีหยิงขึ้นรถ บอกว่าไปฉลองวันเกิดเธอกันต่อ จี้ร่างพาฉีหยิงมาบ้านพักริมทะเล มันเป็นทรัพย์สินของแม่ที่ตอนนี้เปลี่ยนมือมาเป็นของเขาแล้ว ที่ผ่านมาเขาไม่เคยอยากมาที่นี่ทำให้คิดถึงอดีต แต่เร็วๆมานี้เขาจ้างคนมาทำความสะอาดและปลูกดอกไม้ จี้ร่างจัดงานวันเกิดฉีหยิง ในงานมีเพื่อนๆ หลีหลี่ เหล่าสมุนของเขา กระทั่งฟูหนานซุ่น
งานจัดจนตะวันตกดิน ฉีหยิงขึ้นมาบนดาดฟ้าชมทะเล ตอนที่เธอถ่ายรูปอยู่ จี้ร่างก็เข้ามากอดเธอจากข้างหลัง จี้ร่างหอมแก้มฉีหยิง แล้วบอกว่า "หยิงหยิง... ที่จริงฉันอยากสารภาพรักเธอแบบเด็ดๆไม่เหมือนใคร ...แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าตราบที่เธออยู่ข้างฉัน แค่นั้นก็พอแล้ว" จากนั้นเขาปล่อยฉีหยิง จับเธอหันหน้ามาทางเขาแล้วลูบหน้าลูบตา "คบกับฉันนะ" ฉีหยิงตาเบิกกว้าง ก่อนจะยิ้มแล้วจับเสื้อของจี้ร่าง ดึงเขาลงมาจูบเบาๆ ฉีหยิงบอก "ตกลง" จี้ร่างหัวเราะบอกว่าแค่นี้จะพอได้ยังไง แล้วจับฉีหยิงจูบอีกทีจนฉีหยิงแทบเข่าอ่อน จี้ร่างกอดเธอแน่น แล้วกระซิบว่า "ฉันรักเธอ"
หลังวันเกิดฉีหยิง จี้ร่างยุ่งกับพวกเอกสารและข้อควรปฏิบัติในการเข้าเรียนวิทยาลัยตำรวจ ทั้งการตรวจสุขภาพ การทดสอบกายภาพ ฯลฯ ที่โรงเรียนพอทุกคนได้ยินว่าจี้ร่างติดวิทยาลัยตำรวจก็รู้สึกว่าช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์ 😂
ถึงเดือนสิงหา จี้ร่างต้องเข้ารายงานตัวก่อน ฉีหยิงก็ไปส่งเขาที่สนามบิน ร่ำลากันหวานแหววกว่าครึ่งชม.จนพนง.สนามบินเอือม ช่วงเดือนแรก วิทยาลัยตำรวจเข้มงวดมากชนิดที่กักตัวและตัดการสื่อสารของนักเรียนใหม่ จี้ร่างแอบส่งข้อความฝากฝังอู๋รุ่ยให้ช่วยดูแลฉีหยิง
เปิดเรียนผ่านไปครึ่งเดือน ฉีหยิงเป็นที่นิยมของหนุ่มๆในคณะมาก ถึงกับบอกว่าใครดีใครได้ แต่ต้องเป็นของคนในคณะเท่านั้น ห้ามปล่อยให้คนนอกเด็ดขาด! มีคนเข้าหาฉีหยิงผ่านทางรูมเมทของเธอ ก่อนจะพบว่าฉีหยิงมีแฟนแล้ว แถมยังเป็นคนของวิทยาลัยตำรวจด้วย ทุกคนอกหัก ดาวคณะนอกจะไม่ใช่ของพวกเขาแล้ว ยังไม่ใช่กระทั่งของมหาลัยอีก! หลายคนสาปแช่ง หลายคนบอกว่าเป็นตำรวจก็คงฝึกจนตัวดำๆป่าเถื่อน อยู่ต่างมหาลัยกันไม่นานก็คงเลิกกัน
อู๋รุ่ยก็คอยแวะเวียนมาหา จนมีคนลือในบอร์ดว่าไอ้หน้าจืดเนี่ยนะแฟนตำรวจของฉีหยิง? พอมีคนบอกว่าไม่ใช่ ก็มีข่าวลือว่าฉีหยิงเป็นพวกเหยียบเรือสองแคม บอกว่าตาต่ำ ฯลฯ รูมเมทฉีหยิงมีอยู่ 3 คน ทุกคนโมโหมาก หนึ่งในนั้นกำลังพิมพ์ข้อความด่า พอจะกดโพสต์ ปรากฏว่ากระทู้โดนรูมเมทอีกคนที่เก่งแฮคระเบิดกระทู้ทิ้งไปแล้ว 🤣
.
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (27)
.
.
.
.
ถึงจะมีเสียงเล่าลือมากมายแต่ฉีหยิงก็ไม่แคร์ แค่การบ้านต่างๆก็เยอะจะแย่แล้ว จะเอาเวลาไหนไปสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องกัน จนกระทั่งตอนเย็นของวันสิ้นเดือน มีสายเข้ามาจากจี้ร่าง ฉีหยิงรีบรับสาย จี้ร่างถามว่าคิดถึงเขามั้ย ฉีหยิงบอกคิดถึงสิ คิดถึงทุกวันเลย ที่จริงจี้ร่างแทบไม่ต้องถาม เพราะมือถือของเขามีข้อความที่ฉีหยิงส่งมาเป็นร้อยข้อความ เขายังไม่ได้เปิดอ่าน แต่รีบโทรหาเธอทันทีที่เขาได้รับมือถือคืน จี้ร่างบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะไปหานะ
วันถัดมาจี้ร่างรีบมาหาฉีหยิง เขารออยู่หน้าห้องเรียน พอเลิกคลาส ฉีหยิงที่ปกติไม่รีบเร่งอะไร วันนี้รีบกวาดของลงกระเป๋าแล้วออกจากห้อง จนรูมเมททั้งสามคนสงสัยแล้ววิ่งตามออกไป ที่โถงทางเดิน นักศึกษาหลายคนทยอยออกจากห้อง เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและเย็นชายืนอยู่ หลายคนสงสัยว่าเขาเป็นใครกันนะ จนกระทั่งเห็นดาวคณะแพทย์วิ่งออกมาจากห้องเรียนแล้วโผกอดชายหนุ่ม ชายหนุ่มที่ก่อนหน้านี้ดูเย็นชาอย่างกะก้อนน้ำแข็ง กลายเป็นยิ้มร่าสดใส ก่อนจะกอดหญิงสาวแน่นแล้วจูบลงบนหน้าผาก นักศึกษาคนอื่นถึงค้าง รูมเมทของฉีหยิงก็คุยกันว่า ผู้หญิงที่โดดกอดหนุ่มหล่อตรงนั้นคือหยิงหยิงขี้อายของพวกเราจริงๆเหรอ?
ท่ามกลางสายตาผู้คนจี้ร่างอุ้มฉีหยิงขึ้นแล้วจูบ จนนักศึกษาคนอื่นชอกช้ำใจ ฉีหยิงบอกปล่อยเธอลงได้แล้ว จี้ร่างบอกเธอยังไม่จูบเขากลับเลย ฉีหยิงหน้าแดงบอกไม่ใช่ที่นี่ จี้ร่างยิ้มพึงพอใจแล้วปล่อยฉีหยิงลง ฉีหยิงแนะนำรูมเมทของเธอให้จี้ร่าง จี้ร่างชวนทุกคนไปกินข้าวด้วยกัน ระหว่างกินข้าวจี้ร่างโทรศัพท์หาใครสักคน ไม่นานก็มีชายในชุดสูทขับรถมาพร้อมกับของขวัญแบรนด์เนมสามชุด จี้ร่างมอบให้รูมเมทของฉีหยิงบอกขอบคุณที่ช่วยดูแลเธอ แล้วหวังว่าจะเข้ากันได้ดีต่อไปในอนาคตด้วยนะ รูมเมทฉีหยิงทั้งตาลุกวาว ทั้งอิจฉา พอกินข้าวกันเสร็จทั้งสามก็กลับหอไปก่อน ปล่อยให้คู่รักอยู่ด้วยกัน กระทั่งบอกว่าคืนนี้ไม่กลับก็ไม่เป็นไรนะ พวกเธอจะช่วยปกปิดไว้ให้ แต่ถึงทางฉีหยิงจะปกปิดได้ แต่หอนักเรียนตำรวจของจี้ร่างคงไม่ได้ ที่นั่นเข้มงวดมาก มีการตรวจอยู่ทุกคืน
ฉีหยิงพาจี้ร่างเดินทัวร์ในมหาลัย จี้ร่างแทบไม่ได้ฟัง ในหัวคำนวณว่าถ้าตอนนี้เขาพาฉีหยิงไปจูบกันที่โรงแรมสักครึ่งชั่วโมงแล้วรีบกลับหอก็น่าจะทันอยู่นะ ฉีหยิงเห็นจี้ร่างใจลอยเลยถามว่าคิดอะไรอยู่ จี้ร่างโพล่งว่า "ฉันอยากจูบเธอ" ฉีหยิงชะงักพวกเขาอยู่กลางทางและมีนักศึกษาคนอื่นเดินไปเดินมาและติวหนังสือกัน ฉีหยิงบอกไม่เอา คนเยอะ จี้ร่างเห็นฉีหยิงหน้าแดงก็อดไม่ไหว ก้มลงจูบแก้มซ้าย แก้มขวา หน้าผาก และปลายจมูก จากนั้นก็พูดหยอกว่า "เธอกลายเป็นคนหน้าบางตั้งแต่เมื่อไหร่?" ฉีหยิงโมโหบอกว่าแถวนี้มีเพื่อนร่วมคณะเธออยู่ด้วย! เธอเอาหัวซุกอกจี้ร่าง จี้ร่างเลยหยอกต่อว่างั้นเราเข้าไปทักทายพวกเขากัน ฉีหยิงโมโหเลยกัดเนื้อจี้ร่าง แล้วรู้สึกว่าร่างของชายหนุ่มนิ่งค้างไป เธอได้ยินเสียงจี้ร่างกัดฟันพูด "นี่เธอกัดอะไร!" 🙈 ฉีหยิงเพิ่งรู้ตัวก็รีบผลักตัวจี้ร่างออกแล้ววิ่งหนี จี้ร่างไล่ตามไปแล้วจับฉีหยิงกดติดกำแพง ฉีหยิงบอกเธอไม่ได้ตั้งใจนะ จี้ร่างก็ "อ้อเหรอ" แล้วจูบฉีหยิงต่อ จูบกันตรงทางเดินครู่หนึ่งก็มีเสียงฝีเท้าคนอื่นกำลังเดินเข้ามา ฉีหยิงอายมาก ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินมาถึง จี้ร่างก็ดึงฉีหยิงเข้าห้องว่างใกล้ๆกัน ฉีหยิงโมโหบอกว่าต่อไปอย่าจูบในที่สาธารณะอีกนะ จี้ร่างคิดในใจ การจะจูบแฟนตัวเองทำไมมีเงื่อนไขเยอะจังนะ แต่ก็ตกลง
สุดท้ายจี้ร่างไปส่งฉีหยิงที่หอ เขาบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะพาเธอไปพระราชวังต้องห้ามกับกำแพงเมืองจีนที่เธออยากไป ก่อนจากกันจี้ร่างทำตามสัญญาที่จะไม่จูบในที่สาธารณะ เขาลูบหัวฉีหยิง ฉีหยิงบอกให้เขาก้มลง เธอจูบเบาๆแล้วรีบวิ่งเข้าหอไป รูมเมททักว่าทำไมรีบกลับจัง ฉีหยิงก็บอกว่าหอของจี้ร่างเข้มงวดมาก รูมเมทคนนึงบอกว่ามีกระแสข่าวลือในออนไลน์บอกว่าจี้ร่างเคยเป็นอันธพาล ในกระทู้บอกเล่าเรื่องนั้นนี้ที่เขาเคยวิวาทในอดีต ฉีหยิงบอกแค่ว่าก่อนหน้านี้เขาหัวดื้อ แต่ตอนหลังเขาทำตัวดีขึ้นมาก รูมเมทแซวว่าหลังจากที่เขาพบเธอ?
ในบอร์ดมีกระทู้ตั้งใหม่ ภายในมีรูปแอบถ่ายของฉีหยิงและจี้ร่างตอนที่เขามาส่งเธอที่หน้าหอ กระทู้เดือด บางเม้นท์บอกนี่มันกิ่งทองใบหยกจริงๆ หลายเม้นท์บอกไหนใครบอกว่าฉีหยิงตาต่ำนะ ออกมาให้กระทืบซิ! มีเม้นท์นึงบอกว่าเขาเห็นแฟนฉีหยิงให้กระเป๋าแบรนด์เนมรูมเมทเธอด้วย ฉันไม่อิจฉาที่ได้แฟนดีแบบนั้นหรอก ฉันแค่อยากเป็นรูมเมทของฉีหยิงด้วยก็พอแล้ว! จากนั้นก็มีเม้นท์ +1 เพียบ 🤣 รูมเมทฉีหยิงไปตอบเม้นบอกว่า เลิกฝันกลางวันได้เลย ตราบที่ฉันยังเรียนไม่จบ ฉันจะไม่ออกจากห้อง 207 แน่ๆย่ะ! รูมเมทนักแฮคบอกเม้นท์ของเธอ ทำให้หอพักของเราดู IQ ต่ำลงนะ จากนั้นก็ลบกระทู้ทิ้ง 😂
.
.
.
+1 อยากเป็นรูมเมทด้วยค่ะ555
ทำไมเรื่องมันน่ารักขนานนี้
รูมเมทน่าร้ากก
>>747 นี่ต้องกลับไปอ่านที่เพื่อนโม่งสปอยล์เลย จริงๆ ลังเลแต่ใจเทไปละเพราะกูไม่ชอบพระเอกเต้ มีอนุเพราะเชื่อแม่ แถมความหลัวชั่วชาติก่อน trigger สัสส สายซัพพอร์ตนางเอกไม่ปลื้มแรงส์ ขนาดจบ HE กูยังแค้นใจพระเอก กูถามเพิ่ม พล็อตนอกจากการเมือง ชีวิตแม่ลูกดีไหมอ่ะ กลัวอ่านกดดันไป หม่นหมองไป
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (28)
.
.
.
.
พอวันหยุด จี้ร่างพาฉีหยิงไปที่พระราชวังต้องห้าม คนเยอะมากต้องต่อคิวยาวเหยียดกว่าสองชม.จนฉีหยิงเป็นลมแดด สุดท้ายจี้ร่างเลยตัดสินใจพาฉีหยิงออกมา ฉีหยิงถามว่าไปไหน? จี้ร่างบอกพาเธอกลับไปพักผ่อน ฉีหยิงแอบละอายใจเล็กๆเพราะเธอนึกว่าจี้ร่างจะพาไปโรงแรม สุดท้ายจี้ร่างพาฉีหยิงมาที่บ้านหลังหนึ่ง บอกว่านี่เป็นบ้านที่เขาเคยอยู่กว่า 6 ปีตอนปู่จี้ยังประจำการ พอปู่เสีย จี้ร่างบอกทนายให้บริจาคมรดกทั้งหมดไป คงเหลือไว้แค่บ้านหลังนี้ จี้ร่างไม่ได้มีความประทับใจอะไรที่นี่นัก แต่ตอนที่มาตรวจสภาพบ้าน เขาคิดว่าฉีหยิงน่าจะชอบสวนของที่นี่ เขาเลยทำความสะอาดและตกแต่งสวน รอต้อนรับฉีหยิง
ตกเย็นจี้ร่างพาเดินเล่นร้านรวงใกล้ๆ ฉีหยิงแวะซื้อถังหูลู่กิน ติดใจกินเอาๆแทบไม่อยากออกจากร้าน จี้ร่างมองแล้วก็กังวลว่าฉีหยิงถูกล่อลวงง่ายเหลือเกิน ถ้ามีคนไม่ดีมาล่อลวงจะทำยังไงเนี่ย? จากนั้นจี้ร่างพาฉีหยิงไปกินเป็ดย่าง เขาคอยหั่นคอยป้อน จนฉีหยิงเขินกระซิบว่าเธอกินเองได้ เธอไม่ใช่เด็กนะ จี้ร่างบอกไม่มีผู้ใหญ่คนไหนกินถังหูลู่ทีเยอะๆหรอก จากนั้นก็คิดในใจว่าเขาอาจจะต้องพาเธอไปหาหมอฟันบ้างแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้ฟันผุไปกี่ซี่ 🤣
หลังมื้อเย็น ทั้งสองก็ไปดูหนัง จี้ร่างให้ฉีหยิงไปซื้อตั๋ว ส่วนตัวเองไปซื้อน้ำกับป๊อปคอร์น ซื้อเสร็จก็มีผู้หญิงมาทัก จี้ร่างจำอีกฝ่ายไม่ได้ อีกฝ่ายเลยบอกว่าเธอคือ "เจิ้งหลิง" เป็นเพื่อนร่วมชั่นของเขาที่วิทยาลัยตำรวจไง จำไม่ได้เหรอ จี้ร่างยังคงบอกว่าเขาจำเธอไม่ได้ เจิ้งหลิงเลยเปลี่ยนเรื่องถามว่าเขามาดูหนังเหมือนกันเหรอ? บังเอิญจัง เรามาดูด้วยกันนะ จี้ร่างขมวดคิ้วบอกเขามีนัดอยู่แล้ว เจิ้งหลิงนึกว่าคงเป็นเพื่อนที่วิทยาลัยตำรวจด้วยกัน เธอเลยตีสนิทบอกว่าเพื่อนๆด้วยกันทั้งนั้นมาดูด้วยสิ เนี่ยฉันซื้อขนมนั่นนี่มาด้วยนะ พูดยังไม่ทันขาดคำก็เห็นสาวสวยเดินมาหาจี้ร่าง เธอชะงักและถามว่านี่เป็นนักเรียนของวิทยาลัยเรารึเปล่านะ ฉีหยิงปฏิเสธและแนะนำตัว เจิ้งหลิงแนะนำตัวบอกเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของจี้ร่าง แล้วถามว่ามาดูหนังด้วยกันเหรอ ฉีหยิงยิ้มบอกว่าใช่ แล้วยื่นตั๋วหนังให้จี้ร่างดู อย่างที่คิด เป็นหนังผีอีกแล้ว จี้ร่างเห็นตั๋วแล้วก็ปลอบใจตัวเองว่าไม่กลัวๆ 😂 จากนั้นก็จับมือฉีหยิงพาเข้าโรง
เจิ้งหลิงยังช็อกกับภาพตรงหน้า ใครจะไปคิดว่าหนุ่มป๊อปผู้ไม่แยแสผู้หญิงคนไหนเลยแท้จริงจะมีแฟนแล้ว จากนั้นเธอก็รีบเปิดแชทคุยกับคนในกรุ๊ปบอกว่าเธอเจอแฟนของจี้ร่าง หลายคนบอกว่าเคยได้ยินว่าแฟนจี้ร่างอยู่มหาลัยB และสงสัยว่าทำไมจี้ร่างไม่เคยโชว์รูปเลย ถึงขั้นทายว่าหน้าตาแฟนจี้ร่างคงเป็นพวกคงแก่เรียน ใส่แว่นหนาๆ จนเจ้าตัวไม่กล้าโชว์ มีคนถามเจิ้งหลิงว่าแฟนเขาหน้าตาเป็นยังไง? เจิ้งหลิงซึ่งเป็นหนึ่งในสาวสวยในหมู่นักเรียนใหม่ไม่อยากเสียหน้าเลยพิมพ์ตอบแค่ว่า "ก็โอเค..." คนในกรุ๊ปตีความกันว่าหน้าตาดาดๆ ไม่ได้ถามเพิ่มเติม บ้างก็ลือไปเองว่าแฟนจี้ร่างหน้าตาขี้เหร่
ผ่านมาครึ่งเดือน จี้ร่างยังคงมีการฝึกที่เข้มงวดจนทั้งสองไม่ได้เจอกันเลย ฉีหยิงซึ่งวันนี้ว่างพอดี ตัดสินใจไปเซอร์ไพรส์จี้ร่างที่วิทยาลัย เธอมาถึงตอนห้าโมงครึ่ง รอจี้ร่างที่หน้าหอพักชาย ภาพที่เธอมายืนรอหน้าหอเป็นที่ดึงดูดความสนใจของเหล่าเด็กหนุ่มที่ผ่านไปมาและในหอพักมาก ถึงขนาดที่มีข่าวแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วว่ามีนางฟ้ามายืนอยู่หน้าหอพักชาย! บางคนบอกพวกเขาตกหลุมรักเข้าแล้ว บางคนถามว่าใครกันที่มาปล่อยให้สาวน้อยต้องยืนรอแบบนี้! ฉีหยิงรออยู่ครึ่งชั่วโมง เธอก็เห็นจี้ร่างเดินมากลุ่มนักเรียนด้วยกัน เธอรีบวิ่งเข้าไปแล้วโผซุกหน้าอกจี้ร่าง จี้ร่างถูกกอดไม่ทันตั้งตัว ก็ชะงักไปหน่อย แต่เขาได้กลิ่นที่คุ้นเคยของสาวน้อย เงียบอยู่นานเขาก็เรียก "หยิงหยิง" ฉีหยิงเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วถามว่า "ไม่ดีใจที่เห็นฉันเหรอ?" จี้ร่างใจละลาย เขาจูบหน้าผากแล้วบอกว่าดีใจสิ แล้วก็บอกว่าตอนนี้เขาตัวสกปรก ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ ฉีหยิงโอเค ก่อนแยกไปจี้ร่างก็ก้มลงจูบเปลือกตาฉีหยิงอีกที เหล่าหนุ่มขามุงบอกฉันเพิ่งจะตกหลุมรักไปแล้วก็อกหักทันที! ไม่นานก็มีข่าวอัพเดทแพร่สะพัดว่านางฟ้าคนที่ว่าคือแฟนของจี้ร่าง บางคนในกรุ๊ปยังไม่เชื่อบอกว่า "มีคนที่เคยเจอแฟนของจี้ร่างมาก่อนบอกไว้นี่ว่าแฟนจี้ร่างหน้าตาขี้เหร่" จากนั้นก็มีคนสมทบ "ใช่ รู้สึกว่าจะเป็นเจิ้งหลิงนะที่บอกน่ะ"
ทางด้านจี้ร่างหลังเปลี่ยนชุดแล้ว มาถึงก็กอดและจูบฉีหยิงแล้วถามว่ามีอะไรจะพูดมั้ย? ฉีหยิงเขินบอกว่า "ฉันคิดถึงเธอ" จี้ร่างหัวเราะลั่น ความอ่อนล้าจากการฝึกหายเป็นปลิดทิ้ง เขาบอกว่าคราวก่อนฉีหยิงพาทัวร์มหาลัยB แล้ว คราวนี้เขาจะพาเธอทัวร์วิทยาลัยของเขาบ้าง
.
.
.
หวานจริงวุ้ย
มีที่ไหนเมตตาเอาไปแปลบ้าง ดีๆๆๆ
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (29)
.
.
.
.
จี้ร่างพาทัวร์วิทยาลัย สวีทกันตลอดทาง ใครผ่านมาก็ตกใจที่เห็นจี้ร่างที่ปกติเป็นคนเกรี้ยวกราดสายตาเย็นชามีท่าทีแบบนี้ได้ด้วย เพื่อนของเจิ้งหลิงก็เรียกเจิ้งหลิงมาถามว่าไหนว่าแฟนจี้ร่างขี้เหร่ไง หรือว่านี่คือแฟนใหม่?? เจิ้งหลิงจนใจบอกว่าฉันแค่บอกว่าโอเค พวกเธอลือกันเองหรอก!
จี้ร่างพาฉีหยิงมากินข้าวกับรูมเมททั้ง3ของตัวเอง รูมเมทเรียกจี้ร่างเป็นลูกพี่ ทุกคนก็เรียกฉีหยิงเป็นพี่สะใภ้ๆ ยกยอปอปั้นกันใหญ่ กินข้าวกันเสร็จรูมเมทก็บอกว่าดึกป่านนี้หอของพี่สะใภ้คงจะปิดไปแล้ว ลูกพี่ควรอยู่กับพี่สะใภ้นะ ส่วนตอนตรวจเตียงพวกเขาจะช่วยปกปิดให้! จี้ร่างเห็นด้วยหันมาถามฉีหยิงว่าไปพักที่โรงแรมหรือบ้านสวนดี? ฉีหยิงเลือกที่บ้าน
ที่บ้าน ฉีหยิงจี้ร่างผลัดกันอาบน้ำ ฉีหยิงแชตกับเพื่อนอยู่บนเตียงเพลินๆ จี้ร่างก็มุดผ้าห่มมานอนข้างๆ ฉีหยิงชะงักถามว่านอนตรงนี้เหรอ?? จี้ร่างบอกช่วยไม่ได้ ห้องอื่นไม่ได้ใช้มากว่า 10 ปี มีแต่ห้องนี้แหละที่ทำความสะอาดแล้ว ฉีหยิงเงียบไปนานก่อนบอกแค่ "งั้นเหรอ" ถึงแม้จะเคยนอนกับท่านแม่ทัพมาก่อน แต่ในชาตินี้เธออยู่ในร่องในรอยมากว่า 10 ปี ก็ไม่ค่อยจะคุ้นชินเลย เธอวางมือถือแล้วหันมาจ้องจี้ร่าง จี้ร่างทำทีเป็นเล่นมือถือ แต่จริงๆใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักนิด พอรู้สึกว่าฉีหยิงจ้องก็หันไปจูบฉีหยิงแล้วดุว่า "นอนก็ไม่ยอมนอน จ้องอยู่นั่นแหละ คิดจะยั่วฉันรึไง!?" ฉีหยิงบอกเปล่านะ จี้ร่างไม่ฟังหาว่าฉีหยิงจงใจชัดๆ แล้วจูบฉีหยิงต่อ นัวเนียพัลวัน จนสุดท้ายกัดเนื้อสาวน้อย ฉีหยิงไม่ทันตั้งตัวก็บอกว่าเธอเจ็บ จี้ร่างตาแดงก่ำ ทำใจสงบอยู่นาน สุดท้ายผุดออกจากเตียงแล้วไปหยิบฟูกอีกชุดในตู้เสื้อผ้ามากาง กัดฟันบอกว่าเขาจะนอนที่พื้น!
ดับไฟนอน ฉีหยิงยังคอยแอบมองจี้ร่างแล้วหัวเราะในใจ มองแล้วมองเล่าจนได้ยินเสียงจี้ร่างถามว่าเธอเคยกินนมยี่ห้อนี้มั้ย? ฉีหยิงจับต้นชนปลายไม่ถูกตอบว่าเคยกิน จี้ร่างเลยถามต่อว่าจำสโลแกนของมันได้มั้ย? ฉีหยิงเงียบกริบ จี้ร่างลืมตา หันหน้ามามองฉีหยิงแบบดุดัน "ถ้าฉันเห็นอีก ฉันจะกินอีก!" ฉีหยิงรีบถดตัวกลับ จี้ร่างนึกขำในใจ หลับตาได้สักพัก เขาได้ยินเสียงฉีหยิงบอกว่า "แต่ฉันเตรียมใจไว้แล้วนะ" จี้ร่างฉุนบอก "เตรียมใจบ้าบออะไร! เงียบซะ! นอน!" ฉีหยิงยังไม่เลิก กระตุกฟูกถามว่าไม่จริงๆเหรอ? จี้ร่างแทบอยากตาย ทำใจสงบแล้วกัดฟันบอกว่า ไม่ ทำตัวดีๆ อย่าทรมานเขาได้มั้ย? จี้ร่างคิดว่าฉีหยิงยังเด็กไป เขากลัวทำเธอผวา แล้วรอให้เธอโตขึ้นกว่านี้ก่อน แต่ตอนนี้ก็มีความคิดอีกอย่างว่า คิดผิดฉิบเป้ง 😂
เช้ามาเป็นวันเสาร์ จี้ร่างจองตั๋วเข้าพระราชวังต้องห้ามล่วงหน้าไว้แล้ว ทั้งคู่เดินกันในพระราชวังต้องห้าม ฉีหยิงเห็นสีหน้าของจี้ร่างที่ไม่อินสักนิดเลยพูดว่า "บางทีเธออาจจะเคยอยู่ในวังมาก่อนก็ได้นะ ดูสิ ไม่คุ้นบ้างเลยเหรอ?" จี้ร่างเลิกคิ้วแล้วพยักหน้าบอกว่า "บางทีชาติก่อนฉันคงเป็นทรราชที่ไม่สนใคร คอยประคบประหงมเธอคนเดียว" ฉีหยิงหัวเราะลั่นบอกว่าไม่ใช่ทรราชหรอก จี้ร่างเลยถามว่างั้นอะไรล่ะ? "เธอเป็นท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่" จี้ร่างก็ถามต่อว่าถ้าเขาเป็นแม่ทัพแล้วฉีหยิงล่ะ? ฉีหยิงไม่ตอบ จี้ร่างบอกว่า "เธอคงจะเป็นองค์หญิงน้อย ที่พอเสร็จศึก ฉันจะกลับมาแต่งงานด้วย" ฉีหยิงพลันหมดอารมณ์ไม่อยากเดินต่อแล้ว จี้ร่างไม่รู้ว่าทำไม
หลังจากวันนั้น อีกฤดูหนาวก็เข้ามา จี้ร่างพาฉีหยิงไปกินข้าว กินเสร็จก็ให้ของขวัญฉีหยิง เป็นกำไลหยก ฉีหยิงถามว่าทำไมให้ของขวัญเธอ จี้ร่างถามว่าต้องมีเหตุผลในการให้ของขวัญด้วยเหรอ? ฉีหยิงก้มหน้าลงพึมพำเบาๆว่า "วันนี้หิมะแรกโปรยพอดี" เธอตื้นตันมากเข้าไปหอมแก้มจี้ร่าง จี้ร่างหันหน้ามาคุยว่าทำไมประทับใจอะไรง่ายขนาดนี้ ไหนจูบอีกข้างด้วยสิ ฉีหยิงก็จัดให้
สัปดาห์ต่อมาทั้งคู่กลับเมืองไฮ่เฉิง ตอนจี้ร่างมารับฉีหยิงที่หอ เขาบอกว่าจี้เฉียนกำลังจะหมั้น ฉีหยิงถามว่ากับใคร? "จะใครซะอีกล่ะ? ไอ้โรคจิตนั่นไง" เฉินเฟิ่งจื่อนั่นเอง เฉินเฟิ่งจื่อตามจีบจี้เฉียนมากว่าสิบปี ในที่สุดจี้เฉียนก็พยักหน้าตกลง
ลุงอี้มารับทั้งคู่ที่สนามบิน เขาขับไปส่งจี้ร่างก่อน กลับมาถึงบ้าน อี้จ้าวทักทายอย่างยินดีแปปนึงจากนั้นก็กลับห้องตัวเองไป ป้าอู๋บ่นให้ฟังว่าหมู่นี้อี้จ้าวดูหงอยๆ ข้าวก็กินนิดเดียว เป็นเด็กม.6แล้วคงทรมานน่าดู ฉีหยิงเลยเข้าไปคุยด้วยถามอี้จ้าวว่าเป็นอะไร อี้จ้าวบอกว่า "อกหัก" ฉีหยิงกลั้นขำ นึกในใจว่าอย่างอี้จ้าวก็มีอะไรแบบนี้ด้วย อี้จ้าวโมโห บอกพี่ยังจะมาหัวเราะอีก! เห็นใจกันหน่อยได้มั้ย! ฉีหยิงเลยบอกว่าอย่าเศร้าไปเลย เนี่ยอีกสองวันจะมีงานสังสรรค์ ไปด้วยกันสิ อี้จ้าวถามว่างานอะไร? ฉีหยิงบอก "งานหมั้นของพี่จี้เฉียน" อี้จ้าวเงียบกริบ ก่อนจะไล่ตะเพิดฉีหยิงออกจากห้อง บอกว่า "พี่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุยกับฉันอีก!"
.
.
.
ขอบคุณมาก รอตอนต่อไป
แต้งกิ้วโม่งสปอยล์ 555 ยื่นใบสมัครอันดับ1 ให้น้องอี้
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (30)
.
.
.
.
ที่งานหมั้น จี้ร่างกับฉีหยิงเจอจี้เว่ยหยานอีกครั้ง ฉีหยิงแอบกังวลว่าจี้ร่างจะอารมณ์ไม่ดี แต่จี้ร่างไม่มีท่าทีเกรี้ยวกราดอย่างแต่ก่อน เขาก้าวออกมาจากความขุ่นแค้นในอดีตได้แล้ว ชีวิตของเขามองไปสู่แสงสว่างข้างหน้าร่วมกับสาวน้อย จากนี้ไปเขาไม่จำเป็นต้องหันกลับไปข้างหลังอีก จี้ร่างแค่เหลือบมองจี้เว่ยหยานแล้วพยักหน้าให้ จากนั้นก็จูงมือฉีหยิงไปโต๊ะบุฟเฟ่ต์ ฉีหยิงรู้สึกว่าโดนคนในงานจับจ้องเลยไม่อยากกิน จี้ร่างเลยหยิบเค้กมากินแล้วบอกว่า "นี่อร่อยกว่าเค้กร้านที่เจ้าของร้านหนีตามน้องสะใภ้ไปอีกนะ" ฉีหยิงตาลุกวาว กระซิบว่างั้นแบ่งให้ฉันกินหน่อยนะ จี้ร่างปฏิเสธบอกว่าเขาหิว แล้วก็ยัดเค้กทั้งชิ้นเข้าปาก ฉีหยิงเศร้า
งานหมั้นจัดถึงแค่ช่วงบ่าย พอออกมาจี้ร่างก็พาฉีหยิงกลับไปโรงเรียน เขาจับมือฉีหยิงไปตรงนั้นตรงนี้ทักทายอาจารย์ เพื่ออวดทุกคนว่า "เราคบกันล่ะ" สมัยเรียนอยู่ไม่มีโอกาสแสดงออกมาก่อน คราวนี้ล่ะได้เวลาอวดแล้ว 😂
พอถึงเดือนเมษา หลีหลี่ที่ติดคณะเกี่ยวกะกำกับละครที่ต่างเมืองก็บินมาเมืองBเพื่อชมคอนเสิร์ตของนักร้องที่ปลื้ม (โน้ต: กุเล่าข้ามเรื่องหลีหลี่ไปเยอะ หลีหลี่ตอนม.ปลายแอบชอบอ.พละ แต่พอเรียนจบ ฉีหยิงแอบเห็นว่าอ.คนนั้นมีแฟนแล้ว เลยมาปลอบ หลีหลี่บอกว่าเธอรู้อยู่แล้วหรอก แล้วก็ไม่ได้เศร้าเลย เพราะจากนี้ไปเธอจะเป็นติ่ง!) หลีหลี่อยากชวนฉีหยิงมาติ่งด้วยกันเลยชวนฉีหยิงไปชมคอนฯด้วย จี้ร่างไปส่งทั้งคู่แล้วยืนรออยู่ข้างนอก จนคอนฯเลิก จี้ร่างถามว่าเป็นยังไง ฉีหยิงบอกพอไม่มีจี้ร่างแล้วไม่สนุกเลย หลีหลี่เซ็ง แผนลากเพื่อนเป็นติ่งไม่สำเร็จ แต่ก็คิดในใจว่าเพราะฟิลเตอร์ของฉีหยิงหนาเกินไปหรอก 😂 สุดท้ายหลีหลี่บินกลับ ก่อนกลับก็นัดไว้ว่าวันหยุดฤดูร้อนนี้กลับเมืองไฮ่เฉิงไปฉลองอายุ 19 ปีด้วยกันนะ
หลังจากนั้นฉีหยิงง่วนกับการเรียน จี้ร่างเองก็เห็นจะยุ่งๆกับบางอย่าง ตอนวันหยุดเขาอยู่กับเธอได้แค่ครึ่งวันก็รีบปลีกตัวไปบอกว่ามีบางอย่างต้องทำ เป็นอย่างนี้ไปจนกระทั่งหมดเทอม ตอนที่สอบวิชาสุดท้ายเสร็จ รูมเมทของฉีหยิงถึงกับถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับแฟนเธอ ไปสอดส่องหน่อยมั้ย? ฉีหยิงเชื่อใจจี้ร่างบอกว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่จำเป็นต้องไปตามสอดส่องหรอก
สามวันหลังการสอบ วันหยุดฤดูร้อนก็มาถึง ฉีหยิงยังอยู่ที่หอ ตกดึกเธอโทรหาจี้ร่าง แต่ไม่มีใครรับสาย เลยส่งข้อความหารูมเมทของจี้ร่างถามว่า "ยังฝึกกันอยู่เหรอ?" รูมเมทจี้ร่างตอบกลับทันทีว่า พวกเขาฝึกเสร็จกันตั้งแต่วันก่อนแล้ว ลูกพี่ก็ลากกระเป๋าตัวเองออกไปตั้งแต่เช้า ฉีหยิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วโทรหาจี้ร่างอีกสองที ไม่มีใครรับสาย เธอใจแป้ว ปิดไฟจะเข้านอน มือถือก็ดังพอดี จี้ร่างโทรมาบอกว่าโทษที เขาลืมมือถือไว้ที่บ้าน ฉีหยิงถามว่าจะกลับไฮ่เฉิงกันเมื่อไหร่ จี้ร่างเงียบไปนานก่อนบอกว่าเขายังมีเรื่องต้องทำอยู่ ให้เธออยู่ที่หอก่อนสองสามวันได้มั้ย พอธุระเสร็จเขาจะไปรับ ฉีหยิงเลยบอกว่าเธอไปด้วยได้มั้ย จี้ร่างก็บอกว่าเป็นเด็กดีน่ะ รอฉันนะ ฉีหยิงไม่ฝืนตอบตกลง
วันก่อนถึงวันเกิดของฉีหยิง หลีหลี่โทรมาถามว่าทำไมเธอยังไม่กลับไฮ่เฉิงอีก? สุดท้ายก็บอกแบบเศร้าๆว่างี้ฉันคงต้องเอาเค้กวันเกิดไปคืนแล้ว รูมเมทนักแฮคเองก็ยังอยู่ที่หอเป็นเพื่อนฉีหยิง เธอถามฉีหยิงว่าแฟนของเธอมัวแต่ทำอะไร ให้รอซะนาน ฉีหยิงยิ้มๆบอกว่า "คงจะเป็นเซอร์ไพรส์วันเกิดของฉันน่ะ"
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (31)
.
.
.
.
ตกบ่ายจี้ร่างก็โทรมาบอกว่าเขามารับแล้วนะ ฉีหยิงลารูมเมทแล้วลากกระเป๋าไปหาจี้ร่าง พอเจอหน้าก็โผทั้งกอดทั้งจูบ จี้ร่างจูงมือฉีหยิงไปที่ลานจอดรถ ฉีหยิงแปลกใจถามจี้ร่างว่าซื้อรถมาเหรอ จี้ร่างบอกว่าเขายังทำใบขับขี่มาด้วย จากนั้นทั้งสองก็ขึ้นรถ ขับไปได้สักพักฉีหยิงพบว่านี่ไม่ใช่ทางกลับไฮ่เฉิงนี่นา จี้ร่างก็ตอบว่าเราจะไปซื้อของที่ห้างฯกันต่างหาก จี้ร่างพาฉีหยิงมาที่ห้างฯเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์ เขาบอกว่าเขาเพิ่งรีโนเวทบ้านใหม่ แล้วบอกให้ฉีหยิงเลือกเฟอร์นิเจอร์ตามใจชอบเลย ฉีหยิงตาเบิกโพล่ง ในใจคิดว่าที่แท้เขาก็ยุ่งกับเรื่องนี้เอง แต่ว่าไอ้การซื้อเฟอร์นิเจอร์ด้วยกันนี่มันเป็นอะไรที่คู่รักที่กำลังจะแต่งงานทำกันนี่นา... ฉีหยิงหน้าแดงทั้งมีความสุขทั้งเขิน แล้วเลือกเฟอร์นิเจอร์ไปจนตกเย็น
พอถึง 5 ทุ่ม ฉีหยิงสะลึมสะลือในรถถามจี้ร่างว่ากลับไฮ่เฉิงเลยรึเปล่า? จี้ร่างบอกว่าไว้พรุ่งนี้นะ ง่วงแล้วเหรอ? หลับไปก่อนก็ได้นะ รถขับมาถึงที่บ้าน จี้ร่างก็ลงมาอุ้มฉีหยิง ฉีหยิงบอกเธอเดินเองได้ จี้ร่างบอกให้เขาอุ้มเถอะ ลงจากรถมา ฉีหยิงได้กลิ่นหอมของดอกไม้ จี้ร่างเดินมาถึงที่ประตูรั้ว เขาบอกว่ากุญแจอยู่ที่กระเป๋าซ้าย ช่วยหยิบเปิดหน่อย ฉีหยิงไขกุญแจ พอประตูเปิดออกก็พบว่าในลานบ้านเต็มไปด้วยโคมไฟส่องสว่างไปทั่ว สนามหญ้าที่เคยเต็มไปด้วยวัชพืชก็เต็มไปด้วยดอกไม้ มีดอกกุหลาบพันเลื้อยที่รั้ว ประตูหน้าต่างได้รับการซ่อมแซม ห้องต่างๆก็ได้รับการปรับปรุงและตกแต่ง
ในบ้านเล็กๆหลังนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด จนดูทั้งสง่างามและสงบสุข ไม่ต่างจากจวนของท่านแม่ทัพในอดีตที่เธอเคยอยู่ จี้ร่างถามว่าชอบมั้ย ฉีหยิงเกือบจะร้องไห้ส่งเสียง "อื้อ" เบาๆ จี้ร่างหัวเราะแล้วบอกว่าเที่ยงคืนแล้วนะ เขาอุ้มฉีหยิงเข้าไปในห้องที่พวกเขาเคยนอน แล้วกระซิบให้ฉีหยิงหลับตา เธอได้ยินเสียงประตูห้องงับลง จี้ร่างบอกว่าลืมตาได้แล้ว พอเปิดตามาเธอเห็นภายในห้องเต็มไปด้วยหิ่งห้อย จี้ร่างกอดเธอจากด้านหลัง แล้วบอกว่า "สาวน้อย สุขสันต์วันเกิด" เขาปล่อยเธอแล้วจับมือของเธอขึ้นมา ลูบที่นิ้วนาง ฉีหยิงใจเต้นแรง จี้ร่างยิ้มแล้วเสกแหวนขึ้นมาอย่างกับใช้เวทมนตร์ "เธอรู้รึเปล่าว่าฉันจะทำอะไรต่อ?" ฉีหยิงไม่ตอบ จี้ร่างคุกเข่าลง สวมแหวนเพชรใส่นิ้วนางของฉีหยิง เขาบอกว่า "ฉันมาที่นี่เพื่อทำให้พรวันเกิดของเธอสมปรารถนา"
ตอนวันเกิดปีที่17 ฉีหยิงขอพรว่าโตขึ้นเธออยากแต่งงานกับเขา ฉีหยิงมองจี้ร่างทั้งน้ำตานอง จี้ร่างกอดแล้วจูบเปลือกตาพูดว่าจะร้องทำไมเล่า เธอต้องหัวเราะที่ฉันขอแต่งงานสิ ฉีหยิงปาดน้ำตา จี้ร่างพูดต่อ "ตอนเธออายุ18 ฉันสารภาพรักเธอ ตอน19 ฉันขอแต่งงาน พอ20แล้ว เราแต่งงานกันนะ?"
มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยบอกเธอมาก่อน ตั้งแต่ที่เขาแรกพบเธอ ใจเขาไหว สาวน้อยที่ปุบปับโผล่เข้ามารับไม้หน้าสามแทนเขา นั่นทำให้ใจของเขาที่เคยเงียบเชียบคล้ายจะเต้นขึ้นมาจริงๆเป็นครั้งแรก แต่เขาในตอนนั้นต่อต้านโลกมากเกินไป เขาเต็มไปด้วยหนามแหลม ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เธอ เป็นเธอที่เห็นจะไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ค่อยๆทำลายกำแพงของเขาทีละนิด ไม่ใช่เธอที่คอยตามเขาต้อยๆ แต่ตลอดมาเป็นเขาต่างหากที่คอยไล่ตามเธอ ครั้งหนึ่งเขาแค้นเคืองพระเจ้าที่ทำชีวิตของเขาเป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วพระเจ้าปฏิบัติต่อเขาด้วยความเมตตาเหลือเกิน ด้วยการให้เขามีหญิงสาวที่ดีที่สุดในโลก เด็กสาวที่ทิ้งตัวเองในอ้อมกอดของเขา และมอบความรักและความหวังทั้งหมดให้เขา
ฉีหยิงรับคำขอแต่งงานขอจี้ร่างบอก "ตกลง"
(จบ! 🎆🎆🎆)
.
.
.
.
ขอบคุณเพื่อนโม่งมากค่า น่ารักอยอุ่นละมุนหัวใจ นานๆอ่านอะไรแบบนี้ก็ดีนะ 🎉🎉🎉
น่าร้ากกกกกกกกก
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (ตอนพิเศษ 1)
ตอนพิเศษมี 10กว่าตอนไม่ต่อกัน แต่กูจะเล่ารวบๆไปเลยนะ
.
.
.
.
พอเดือนสิงหา คืนก่อนวันเกิดปีที่ 20 ของจี้ร่าง จี้ร่างออกไปวิ่งตอนกลางคืน พอกลับบ้านเขาพบว่าไฟในครัวเปิด ฉีหยิงใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังทำหมี่ซั่ว จี้ร่างถามว่าทำไมลุงอี้ถึงปล่อยให้ออกมาได้? ฉีหยิงเขิน เธอบอกลุงว่าไปค้างคืนกับหลีหลี่ จี้ร่างเลิกคิ้วถามว่าหมายความว่าคืนนี้เธอจะค้างกับฉัน? ฉีหยิงเหลือบมองแล้วไล่จี้ร่างให้ไปอาบน้ำ
พอเที่ยงคืน ฉีหยิงยกหมี่ซั่วมาฉลองวันเกิด จี้ร่างไม่ยอมกิน บอกไหนของขวัญ? ของขวัญฉันอยู่ไหน? พยายามเอื้อมมือล้วงกระเป๋าเสื้อก็ไม่มี ฉีหยิงพูดเสียงกระซิบ "ฉันเอง" จี้ร่างชะงักถามว่าอะไรนะ? ฉีหยิงพูดซ้ำว่า "ของขวัญคือฉันเอง" ได้ยินดังนั้นจี้ร่างก็อุ้มฉีหยิงขึ้นชั้นบนทันที ฉีหยิงพยายามบอกว่าเดี๋ยวก่อนซิ กินหมี่ก่อน ก็ไม่เป็นผล จี้ร่างวางฉีหยิงบนเตียงบอกว่า "รอไม่ได้แล้ว" 🙈🙉🙊
...
ข้ามมาตอนฉีหยิงอายุ 20 จี้ร่างมาสู่ขอ ป้าอู๋ตื่นเต้นสุดๆถามว่าจะจัดงานแต่งตอนไหน จี้ร่างบอกว่าคงจะจัดทันทีหลังเขาเรียนจบ ป้าอู๋บอกเยี่ยมไปเลย บ้านเราไม่มีเรื่องน่ายินดีมานานแล้ว ลุงอี้โมโหป้าบอกว่าทำไมจะไม่มี? ลูกชายฉันสอบติดมหาลัยJเชียวนะ!
ลุงอี้หวงหลานแต่สู้ป้าไม่ได้ ได้แต่มองจี้ร่างพาหลานสาวตัวเองออกไปพร้อมทะเบียนบ้าน แล้วนึกบางอย่างได้ เขาหันมาถามป้าว่าเจ้าเด็กนั่นอายุเท่าไหร่นะ? ป้าอู๋ชะงักแล้วบอกว่าน่าจะ 22 นี่?? ลุงอี้พลันรู้สึกเบิกบาน
ทางด้านจี้ร่างกับฉีหยิงมาถึงสนง.เขต ยื่นขอจดทะเบียนสมรส จนท.มองเอกสารแล้วบอกว่า "พ่อหนุ่ม เธออายุ 21 ปี ยังอายุไม่ถึง อายุตามกฎหมายในการจดทะเบียนของฝ่ายชายคือต้องอายุเกิน 22 ปี" จี้ร่างช็อก ฉีหยิงก็ไม่รู้มาก่อนบอกขอโทษจนท. เดินออกมาจากสนง.เขต จี้ร่างโมโหบอกว่า "ฉันไม่สน ฉันจะแต่งวันนี้!" ฉีหยิงก็บอกว่า "แต่กฏหมายไม่อนุญาตนี่" จี้ร่างยังงอแง สุดท้ายฉีหยิงเลยพาไปที่วัดบนเขาไฮ่เฉิงที่พวกเขาเคยเจอหลวงจีน ฉีหยิงจุดธูปบอกให้ฟ้าดินเป็นพยาน ว่าพวกเขาทั้งสองแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้ว ออกมาจากวัดฉีหยิงถามว่ามีความสุขแล้วยัง จี้ร่างยิ้มกว้างบอกมีความสุข
ไม่ได้สำคัญเลยว่าพวกเขาไม่มีทะเบียนสมรส โลกใบนี้เป็นพยานให้พวกเขาแล้ว
ถึงจะคิดอย่างงั้นแต่ทะเบียนสมรสก็ยังจำเป็น ปีต่อมาจี้ร่างพาฉีหยิงมาสนง.เขตแล้วบอกกับจนท.อย่างเกรี้ยวกราด "จดทะเบียน!" จนท.แดกจุดว่าจะจดก็จดสิ ทำไมต้องทำน้ำเสียงอย่างกะจะมาปล้นด้วยวะ 😂
...
จี้ร่างเรียนจบด้วยเกรดสูง เป็นดาวเด่น แต่สุดท้ายถูกส่งไปฝึกทำงานจับฉ่ายเพราะความหัวร้อนของเจ้าตัว จี้ร่างเซ็ง เขาขอให้ฉีหยิงย้ายมาอยู่ด้วยกัน ฉีหยิงเรียนหมอเลยยังต้องเรียนต่ออีกสองปี เธอยุ่งกับการเรียนมาก จี้ร่างดูแลทำงานบ้านให้หมด จนฉีหยิงทนไม่ไหว ลิสต์รายการงานบ้านมาแล้วบอกให้แบ่งหน้าที่กันทำ อย่ามาแย่งหน้าที่ฉันนะ
...
พอฉีหยิงเรียนจบ เธอก็มาฝึกงานที่รพ.แห่งหนึ่ง ทุกคนชอบฉีหยิงกันมาก ผอ.ถึงกับถามเธอว่ามีแฟนแล้วยัง? ฉีหยิงบอกไม่มี ผอ.เริ่มขายหลานตัวเอง ฉีหยิงบอก "ผอ.คะ ฉันแต่งงานแล้วค่ะ" ผอ.งง ถามว่าไหนว่าไม่มีแฟนไง? ฉีหยิงตอบ "ไม่มีแฟน แต่มีสามีแล้วค่ะ" ตกเย็นเพื่อนร่วมงานมาคุยกับผอ.ว่าเป็นยังไงบ้างขายหลานตัวเองได้มั้ย เนี่ยมีหมอโสดรอจีบหยิงหยิงกันเพียบ ผอ.เซ็งเป็ดบอกหยิงหยิงแต่งงานแล้วว้อย! นับแต่วันนั้นก็เป็นที่รับรู้ไปทั่วรพ.ว่าฉีหยิงแต่งงานแล้ว
วันหนึ่งจนท.ราชทัณฑ์คุมตัวนักโทษที่ได้รับบาดเจ็บมาส่งแผนกของฉีหยิง ปรากฏว่านักโทษสะเดาะกุญแจมือแล้วหยิบมีดผ่าตัดจับหมอคนหนึ่งเป็นตัวประกัน สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานมาก ตำรวจที่แจ้งไปยังมาไม่ถึง ทุกคนต้องทำตามคำสั่งของนักโทษมายืนออที่มุมหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งกระโดดเข้ามาทางหน้าต่างข้างหลังนักโทษ ร่างนั้นเตะแล้วจับนักโทษกดลงกับพื้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบลื่น สุดท้ายนักโทษก็ถูกจับกุม
ร่างนั้นคือตำรวจหนุ่มรูปหล่อที่มีออร่าของความเย็นชาและดุร้าย พอนักโทษกุมตัวออกไปแล้ว เขาจะเปิดก็อกน้ำจะล้างแผล ฉีหยิงก็โผล่มาบอกว่าอย่าโดนน้ำนะ แล้ววิ่งไปหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาล หัวหน้าแพทย์เข้ามาขอบคุณตร.หนุ่มยกใหญ่ ฉีหยิงจัดแจงปฐมพยาบาลให้พลางถาม "เจ็บรึเปล่า?" แล้วพวกหมอก็เห็นคุณตร.ยิ้มหวานผิดภาพพจน์บอกว่าไม่เจ็บแล้ว พอทำแผลเสร็จตร.หนุ่มเดินไปได้สองสามก้าวก็หันกลับมาบอกฉีหยิงว่า "คืนนี้ฉันคงทำล่วงเวลา นอนก่อนเลยนะ ไม่ต้องคอย" พอตร.เดินหายลับไปแล้ว ผอ.ถึงเอ่ยปากถาม "หยิงหยิง...นั่น...เขา...?" ฉีหยิงตอบเขินๆว่านั่นสามีเธอเอง
ทางด้านจี้ร่างออกมาขึ้นรถ เพื่อนตร.พอรู้ว่าฉีหยิงทำงานที่นี่ก็เลยบอกว่ามิน่าล่ะ จี้ร่างถึงรีบออกมาทันทีที่ได้รับแจ้งโดยไม่รอคนในทีมเลย แล้วบอกว่าเดี๋ยวหัวหน้าต้องเอาเรื่องแน่ๆตอนกลับไป จี้ร่างโดนทำโทษจนชินแล้วไม่แคร์
.
.
.
ตลกกก ไปขู่เจ้าหน้าที่เค้าอีก 55555
เอ็นดูอาจี้ ช็อคเลยอายุไม่ถึง 22 จดทะเบียนไม่ได้
ถ้าเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียนคนเดิมนะ คงฮาแตก มาจดทะเบียนหรือมาปล้น
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (ตอนพิเศษ 2)
.
.
.
.
หลังการทำงานจับฉ่าย จี้ร่างได้บรรจุเข้าหน่วยอาชญากรรม หัวหน้าอ่านประวัติของจี้ร่างเห็นว่าแต่งงานแล้วก็แปลกใจเบาๆ พอรู้ว่าแต่งงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ หัวหน้าถึงกับบอกว่ามีแวว เพราะตำรวจคนอื่นๆพอทำงานกันแล้วก็ไม่มีเวลาเรื่องส่วนตัวกันหรอก หลายคนเข้าวัยทองกันแล้วยังไม่มีเมียกันเลย เจ้าหนุ่มนี่มาถึงก็แซงหน้าคนอื่นไปแล้ว
จริงๆจี้ร่างก็เป็นที่เพ่งเล็งในหน่วยอยู่แล้วเพราะตอนเรียนเขาเป็นดาวเด่น ยิ่งพอรู้ว่าแต่งงานแล้วก็มียิ่งถูกให้ความสนใจ พอจี้ร่างมารายงานตัววันแรกที่หน่วย ทุกคนเห็นหน้าเขาแล้วก็ขมขื่นทั้งเกลียดทั้งอิจฉา ไอ้หมอนี่หน้าตาดีนี่เองถึงได้แต่งงานไว
จี้ร่างช่วงแรกก็ยังต้องปรับตัวในการทำงาน สุดท้ายก็เป็นที่ยอมรับของทุกคนในหน่วย พอสิ้นปีพวกเขาก็ฉลองกัน จี้ร่างดื่มไปได้สองแก้วก็เมา เพื่อนร่วมหน่วยจี้ร่างรับสายฉีหยิงบอกว่าจี้ร่างเมา ให้น้องสะใภ้มารับแล้วกัน ทุกคนดีใจในที่สุดก็จะได้เห็นหน้าเมียของจี้ร่างสักที ฉีหยิงขับรถมารับจี้ร่าง ทักทายทุกคนแล้วเธอก็เดินไปหาจี้ร่างที่นอนอยู่ในสุดของห้อง ฉีหยิงถามว่าเขาลุกไหวมั้ย จี้ร่างเมามายเห็นฉีหยิงก็บอกว่าเขาลุกไม่ไหว เธอลงมานอนกับฉันสิ คนอื่นในห้องหูผึ่ง ฉีหยิงอับอายกระซิบบอกให้เขาลุกขึ้นมา จี้ร่างยังไม่มีสติบอกว่า "จูบฉันสิแล้วฉันจะลุกทันที" ทุกคนในห้องถึงกับซี้ด ใครจะไปคิดว่าจี้ร่างคนเย็นชาจะมีด้านที่หน้าด้านแบบนี้ด้วย 🤣 ฉีหยิงก้มจุ๊บเบาๆ จี้ร่างก็ยอมลุกขึ้น ฉีหยิงขอตัวทุกคนกลับบ้าน
วันถัดมาจี้ร่างยังแฮ็งก์ เขาจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ มาถึงที่ทำงานก็โดนทุกคนในหน่วยรวมถึงหัวหน้าล้อเลียนกันใหญ่ จี้ร่างละอายใจสุดๆ
...
ข้ามมาตอนจี้ร่างขึ้นเป็นหัวหน้าบ้าง ลูกน้องใต้บังคับบัญชาหวาดกลัวจี้ร่างสุดๆ เรียกกันลับหลังว่าเป็นจอมมาร มีวันหนึ่งพวกลูกน้องทำหน้าที่ผิดพลาดเลยโดนจี้ร่างเรียกตัวไปด่าในห้องรายคน ฉีหยิงบังเอิญมาหาพอดี ลูกน้องปลาบปลื้มดีใจว่าพี่สะใภ้มาช่วยเหลือพวกเขาแล้ว จี้ร่างกำลังโมโหว่าลูกน้องที่โดนเรียกตัวไม่เข้ามาสักทีเลยเปิดประตูออกมาโหวกเหวกว่า มันอยู่ที่ไหน ทำไมไม่เข้ามา! ก็เห็นฉีหยิงยืนอยู่ ความหัวร้อนโมโหหายวับทันใด พอฉีหยิงเข้าไปในห้องกับจี้ร่าง พวกลูกน้องก็คุยกันว่านี่หัวหน้ายกความอ่อนโยนและอดทนทั้งหมดให้พี่สะใภ้ไปแล้วรึเปล่านะ? ฉีหยิงเข้าไปถามจี้ร่างว่าทำไมต้องตะคอกลูกน้องขนาดนั้น จี้ร่างก็บอกว่าถ้าพวกมันไม่ทำพลาด ป่านนี้คงจับแก็งค์ลักพาตัวเด็กได้แล้ว ฉีหยิงก็ปลอบใจ
พอฉีหยิงจะกลับ ลูกน้องแอบบอกว่าเนี่ยหมู่นี้หัวหน้าเดือดบ่อยเหลือเกิน พี่สะใภ้ต้มน้ำแกงเพื่อดับร้อนให้หัวหน้าหน่อยนะครับ ฉีหยิงรับคำ ตกเย็นจี้ร่างได้น้ำแกงกิน ดื่มเสร็จก็กลับเข้าห้องนอนกัน จี้ร่างพูดว่านี่เธอไปฟังคำพูดเจ้าพวกนั้นที่ให้ต้มน้ำแกงดับร้อนเหรอ จี้ร่างบอกต่อว่า "แต่เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าจริงๆแล้วฉันดับร้อนได้ด้วยวิธีไหน?" 😏 สรุปคืนนั้นฉีหยิงยอมอุทิศตนเพื่อทุกคน เช้ามาพวกลูกน้องเห็นจี้ร่างอารมณ์ดี ไม่หงุดหงิดอย่างทุกทีแล้วก็ดีใจน้ำตาไหล ขอบคุณน้ำแกงของพี่สะใภ้!
.
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (ตอนพิเศษ 3)
.
.
.
.
มาถึงเรื่องลูก กูขอไม่เล่าเยอะ เพราะตามตรงคือผิดหวังเบาๆ มุขซ้ำๆเหมือนเรื่องอื่นอะ เอาเป็นว่ามีลูก 2 คน ชายคนหญิงคน ลูกชายชื่อ "จี้เสี่ยวฉี" เป็นเด็กแสบ ลูกสาวอายุอ่อนกว่า 4 ปีชื่อ "จี้เสี่ยวหยิง" เป็นเด็กขี้แย
จริงๆจี้ร่างไม่อยากมีเพราะไม่อยากได้กขค.ในโลกของเราสอง แต่ฉีหยิงอยากเพราะชาติก่อนเธอไม่มี และคิดว่าเผื่อมีลูกแล้วจี้ร่างจะอ่อนโยนขึ้นบ้าง สุดท้ายจี้ร่างเลยยอม
ตอนท้องแรก จี้ร่างประคบประหงมฉีหยิงมาก ถึงขนาดขู่เด็กในท้องว่าถ้าทำแม่ป่วยละก็ ฉันฆ่าแกแน่ (...) ตอนวันคลอด จี้ร่างแทบนั่งไม่ติด พอพยาบาลอุ้มเด็กออกมาบอกเป็นผู้ชาย จี้ร่างเหลือบมองแล้วบอกว่า "น่าเกลียดชะมัด!" ทารกน้อยร้องไห้ จี้ร่างไม่สนดิ่งไปหาฉีหยิงทันทีแล้วถามใหญ่ว่าเป็นไงมั่ง เจ็บมั้ย ฯลฯ ฉีหยิงบอกไม่เลย ไหนขอฉันดูลูกหน่อยสิ จี้ร่างบอก "ดูมันทำไม! ดูฉันนี่!" ทารกน้อยแหกปากลั่นกว่าเดิม หมอพยาบาลในห้องแดกจุดกันหมด
...
เพิ่งนึกได้ว่าไม่เคยเล่าเรื่องนี้ แต่จี้ร่างเล่นรูบิคเก่งมาก ตอนเรียนก็ชอบเอามาบิดเล่นแก้เซ็ง เสี่ยวฉีก็ได้พ่อมา ตอนสามขวบเด็กน้อยจะไปอวดแม่ว่าเขาแก้รูบิคได้ภายในสามนาที ดันเจอจี้ร่างหักหน้า แก้ได้ไม่ถึงหนึ่งนาที เด็กน้อยร้องไห้ดังลั่น หลังจากนั้นเขาพยายามเอาชนะจนได้ไปแข่งรูบิคเด็ก เป็นผู้เข้าแข่งขันที่เด็กสุดในเวที และชนะ พิธีกรสัมภาษณ์จี้ร่างว่าทำไมถึงสอนลูกเล่นรูบิคแต่เด็ก? จี้ร่างคิดในใจว่ามันจะได้มัวแต่แก้รูบิค ไม่มารบกวนโลกของเขากับฉีหยิงไง ส่วนปากก็บอกว่าเพื่อบ่มเพาะปัญญาให้ลูก
...
เสี่ยวหยิงเป็นเด็กขี้แย ใครอุ้มก็ร้องไห้ ให้แม่อุ้มคนเดียวเท่านั้น จนเสี่ยวฉีวัย 4 ขวบแอบคุยเป็นตุเป็นตะกับน้องสาวที่ยังแบเบาะว่า ถ้าน้องยังทำตัวแบบนี้ เดี๋ยวแม่จะป่วยเอา แล้วพอแม่ป่วย แม่ก็จะอุ้มน้องไม่ได้ ทีนี้ล่ะพ่อจะเป็นคนอุ้มน้องแทน จะเอาแบบนั้นเหรอ!? พอตกเย็นคนในบ้านพบว่าเสี่ยวหยิงไม่งอแงแล้ว จี้ร่างอุ้มลูกสาวบอกว่าวันนี้เป็นเด็กดีจัง เสี่ยวฉีบอกว่าเนี่ยฝีมือเขาล้วนๆเลยนะ จี้ร่างไม่เชื่อ เสี่ยวฉีโมโหเลยหันไปบอกน้อง "ร้องไห้เลย!" แล้วเสี่ยวหยิงก็แหกปากรับคำพี่ชาย ... จี้ร่างชักสงสัยจุดยืนของตัวเองในบ้าน
...
ตอนวันวาเลนไทน์ จี้ร่างอยากสวีทสองต่อสองกับฉีหยิง เลยให้อี้จ้าวมาดูหลาน อี้จ้าวมัวแต่เล่นมือถือ พอหันมาอีกที สองพี่น้องก็หายไปแล้ว เขาไล่ตามมาถึงนอกบ้าน เสี่ยวฉีบอกเขาอยากไปหาพ่อแม่ อี้จ้าวปฏิเสธว่าไม่ได้ เสี่ยวฉีเลยบอกว่าถ้างั้นเขากับเสี่ยวหยิงจะร้องไห้ดังลั่น บอกว่า "ช่วยด้วย! ผมถูกลักพาตัว! ดูสิว่าคนอื่นจะช่วยใคร!"
จี้ร่างที่กำลังเตรียมดินเนอร์ใต้แสงเทียนกับฉีหยิง ก็เห็นอี้จ้าวพาลูกๆมา อี้จ้าวบอก "พี่เขย อย่ามองผมแบบนั้นเลย ผมถูกบังคับ..."
.
.
.
.
นั่นสิ หลายเรื่องเลยที่เขียนให้พระเอกหวงเมียกับกระทั่งลูก ประหลาด
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (ตอนพิเศษ: อดีตชาติ 1)
.
.
.
.
จี้ร่างนานทีจะกลับจากศึกที่ชายแดนมายังเมืองหลวง คราวนี้จี้ร่างต้องอยู่ที่นี่กว่าครึ่งเดือน ว่ากันว่าฮ่องเต้ตั้งใจจะพระราชทานองค์หญิงสามให้จี้ร่าง ตอนนี้แค่รอฤกษ์ที่จะพระราชทานราชโองการอยู่
ตระกูลจี้เป็นแม่ทัพมาหลายชั่วคน และเป็นเอกเทศ ไม่เคยข้องเกี่ยวกับราชสำนัก จี้ร่างเติบโตมากับพ่อที่ชายแดนแต่ยังเด็กและร่วมออกรบตอนอายุ 15 ปี เมื่อพ่อของจี้ร่างตายในสงคราม จี้ร่างในวัย 18 ปีออกนำกองทหารสามพันนายจู่โจมค่ายของศัตรู ตัดหัวของแม่ทัพเพื่อแก้แค้นให้บิดา ผ่านมาเก้าปี พวกเขาไม่เคยพ่ายแพ้ แผ่นดินโดยรอบต่างย่อท้อ แม่ทัพจี้กลายเป็นดั่งเทพสงครามไม่รู้พ่ายในใจของผู้คน
บัดนี้จี้ร่างอายุได้ 27 ปีและยังไม่ได้แต่งงาน ตลอดมามีผู้คนมากมายที่มาเสนอตัว แต่จี้ร่างมักอ้างว่าเขาต้องประจำการที่ชายแดนและสภาพอากาศที่นั่นเลวร้ายนัก คราวนี้ก็เช่นกัน ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นฮ่องเต้ก็ตาม จี้ร่างอ้างว่าเขาได้รับรายงานถึงสถานการณ์ฉุกเฉินที่ชายแดน บอกว่าแผ่นดินยังไม่สงบสุข เขาไม่กล้าสร้างครอบครัว เขากระทั่งบอกให้ฮ่องเต้หาคู่ครองที่คู่ควรคนอื่นให้องค์หญิงสาม ฮ่องเต้ยิ้มเย็นถามว่า "เจ้าจะบอกว่าองค์หญิงสามไม่คู่ควรกับเจ้า?" จี้ร่างไม่เปลี่ยนสีหน้าบอกว่าเขาไม่กล้า หากแต่สนามรบนั้นโหดร้าย คมดาบไม่เลือกคน จนสุดท้ายฮ่องเต้ได้แต่ถอนหายใจยอมแพ้
จี้ร่างออกมาจากประตูวังหลวง ที่กำแพงวังมีดอกพลัมสีขาวกำลังเบ่งบานเป็นกระจุกสวยงาม จี้ร่างเด็ดเอาสองกิ่งกลับจวน มาถึงจวน พ่อบ้านจางทำงานที่จวนมาตั้งแต่รุ่นพ่อถามถึงราชโองการ พอรู้ว่าจี้ร่างปฏิเสธ พ่อบ้านจางเซ็งว่ากระทั่งกับฮ่องเต้ก็ยังกล้าปฏิเสธ จนเขาชักจะกังวลว่านี่แม่ทัพคงจะไม่ได้ชอบผู้ชายใช่มั้ย?? จี้ร่างไม่สนใจยื่นกิ่งพลัมสีขาวให้พ่อบ้านจาง บอกว่าฤดูใบไม้ผลิใกล้มาถึงแล้ว เขาอยากปลูกกิ่งนี้ไว้ในจวน
ความกังวลของพ่อบ้านจางอยู่ได้ไม่นาน พอปลายเดือนแม่ทัพจี้ก็นำกองทหารไปทำลายรังโจร ตอนกลับจวน แม่ทัพจี้พาเด็กสาวกลับมาด้วย แม่ทัพสั่งพ่อบ้านจางให้ไปทำความสะอาดบ้าน แล้วอุ้มเด็กสาวเข้าจวนด้วยตัวเอง พอพ่อบ้านจางรู้ที่มาที่ไป เขานึกถึงท่าทีของแม่ทัพที่มีต่อเด็กสาว เขาเห็นจี้ร่างมาแต่เด็กจนโต ไหนเลยจะไม่รู้ว่าจี้ร่างปฏิบัติกับเด็กสาวแตกต่างจากหญิงคนอื่นอย่างไร พ่อบ้านจางเริ่มคิดว่าคุณหนูบ้านอื่นจะคิดยังไงถ้ารู้เรื่องนี้ จากนั้นก็คิดต่อว่า "ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ผู้หญิง ดีกว่าเป็นผู้ชายล่ะวะ" 😂
พ่อบ้านรีบสั่งพวกคนรับใช้ให้หาเสื้อผ้า เครื่องประดับให้เด็กสาว หาพวกดอกไม้มาแต่งสวน เอาไอ้พวกดาบอาวุธของท่านแม่ทัพออกไปห่างๆ อย่าให้นายหญิงกลัว พวกคนรับใช้งงถาม "นายหญิง??" พ่อบ้านจางลูบหนวดบอกว่าใช่แล้ว จวนเรามีภรรยาของท่านแม่ทัพแล้ว
...
จี้ร่างวางเด็กสาวลงบนตั่งในห้อง นางดูตัวเล็กบอบบาง ใบหน้ายังเปื้อนด้วยเลือด นางขดตัวอยู่ในเสื้อคลุมของเขาเป็นลูกบอลไม่กล้าเงยหน้ามองเขา จี้ร่างพยายามคุยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเท่าที่จะเป็นไปได้ว่า หนาวมั้ย? หิวมั้ย? แต่เด็กสาวเอาแต่ส่ายหน้า พอคนรับใช้เตรียมน้ำร้อนมาให้แล้ว เขาเลยถามว่าต้องให้ข้าพาเจ้าไปอาบน้ำด้วยมั้ย? คราวนี้เด็กสาวไม่ได้ส่ายหน้า แต่เงยหน้าถามเขาเสียงเบาว่า "ท่านแม่ทัพอยากรับข้าไว้ที่จวนหรือ?" จี้ร่างยิ้ม "แล้วเจ้าอยากอยู่หรือไม่" เด็กสาวกัดริมฝีปาก ครู่หนึ่งก็พยักหน้าเบาๆ จี้ร่างเอื้อมมือรับเด็กสาวแล้วบอกว่า "งั้นก็อยู่"
เด็กสาวอาบน้ำแต่งตัวแล้ว จี้ร่างก็พามากินข้าว บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหาร นางไม่เคยเห็นของอร่อยมากมายขนาดนี้มาก่อน ตลอดหลายปีที่ผ่านมานางเป็นผู้ลี้ภัยสงครามที่เคี้ยวกระทั่งเปลือกไม้ในยามอดอยาก ฉีหยิงคิดว่า ท่านแม่ทัพไม่เพียงช่วยชีวิตนาง แต่ยังมอบเสื้อผ้าและอาหารให้ นางเหลือบมองท่านแม่ทัพด้วยความพึงใจและนั่งลงข้างๆเขาอย่างเชื่อฟัง
กินข้าวไปได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆจี้ร่างก็เรียกนาง "หยิงหยิง" ตะเกียบของฉีหยิงแทบร่วง นางคอแดงไปถึงหู จี้ร่างเลิกคิ้วว่าเขาเรียกแบบนี้ได้มั้ย? ฉีหยิงตอบเสียงเบาบอกได้ จี้ร่างยื่นขนมสักอย่างให้บอกว่าพ่อครัวทำขนมหวานพิเศษสำหรับเจ้าเลย ลองชิมดูซิ ฉีหยิงชิมของหวานแล้วยิ้มกว้างบอกอร่อย จี้ร่างก็ยิ้มด้วยบอกว่า "เจ้าอยากอยู่ที่นี่ ต่อไปก็นับว่าที่นี่คือบ้านของเจ้าแล้ว ไม่ต้องสำรวมหรอก
ยังกินกันอยู่ พ่อบ้านจางก็ถือตะเกียงเข้ามา พอเห็นเด็กสาวก็ทักทายอย่างร่าเริง "ข้าน้อยพบนายหญิง" ฉีหยิงกำลังขนมอยู่ได้ยินว่า "นายหญิง" ก็ถึงกับสำลัก จี้ร่างรีบหยิบน้ำให้แล้วลูบหลัง พ่อบ้านจางบอกว่าบ้านฝั่งตะวันตกทำความสะอาดเสร็จแล้ว ระหว่างทางพ่อบ้านจางถามถึงชีวิตของฉีหยิง พอรู้ว่านางเป็นเด็กกำพร้าก็ไม่ได้ถามต่อมาก เขาถามว่านางอายุเท่าไหร่แล้ว? ฉีหยิงตอบเสียงเบาว่า "หลังปีใหม่นี้ ข้าจะอายุ 15 แล้ว"
.
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (ตอนพิเศษ: อดีตชาติ 2)
เล่ายากจังว่ะ กูว่าจริงๆตอนพิเศษนี้ควรอ่านเอง เพื่ออรรถรสละมุนละไมที่พอกูเล่าจะตัดออกไปเกือบหมด 55555
.
.
.
.
จี้ร่างถามฉีหยิงว่าชอบห้องมั้ย ฉีหยิงยิ้มบอกว่าชอบ จี้ร่างยิ้มตามบอกว่า "วันนี้เจ้าหวาดกลัวนัก คงจะเหนื่อยแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ ถ้าต้องการอะไรก็บอกข้าในวันพรุ่งนี้" แล้วจะเดินจากไป ฉีหยิงรีบเรียก ลังเลอยู่นานก่อนจะถามเสียงค่อยว่าคืนนี้นางไม่ต้องรับใช้เขาเหรอ? ฉีหยิงหัวใจเต้นแรง หูก็แดงแจ๋ ไม่กล้ามองหน้าเขา จี้ร่างนิ่งมองนางอยู่นานแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ บอกว่า "เจ้ายังเด็กอยู่เลย"
เช้ามา ฉีหยิงก็ไปที่ห้องแม่ทัพเพื่อกินมื้อเช้าด้วยกัน แต่แม่ทัพไม่อยู่ ฉีหยิงเลยรอในห้อง ห้องแม่ทัพไม่มีที่ผิงไฟ ฉีหยิงเลยให้สาวรับใช้2คนที่พ่อบ้านจัดให้กลับห้องไปก่อน ส่วนนางนั่งรอท่านแม่ทัพจนมือไม้หนาว ที่ริมหน้าต่างมีกิ่งดอกบ๊วยสีขาวประดับอยู่ ฉีหยิงลุกไปดมดอกไม้ ทันใดนั้นก็มีเสียงถามว่า "เจ้าชอบดอกไม้นั่นหรือ?" ฉีหยิงสะดุ้งโหยง ถามแม่ทัพว่าไปไหนมา จี้ร่างบอกว่าเขาไปฝึก จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วลูบใบหน้านางถามว่า หนาวเหรอ? เย็นเฉียบเลย ฉีหยิงหน้าแดงแล้วส่ายหน้า จี้ร่างบอกว่า "ต่อไปตอนเช้าไม่ต้องมาที่นี่อีก" ฉีหยิงชะงัก จากหน้าแดงกลายเป็นหน้าซีด จี้ร่างพูดต่อโดยไม่ได้มองหน้าฉีหยิง "ข้าจะไปที่ปีกตะวันตกหลังจากฝึกเสร็จแล้วเอง ที่นี่ไม่มีที่ผิงไฟ เจ้าจะตัวแข็งเอา" พอหันกลับมาเห็นสายตาไม่สบายใจของเด็กสาว จี้ร่างงงนึกว่าตัวเองทำอะไรผิด แล้วหน่ายใจว่าเขาไม่รู้วิธีการเข้าหาเด็กหญิง ไม่รู้ต้องทำยังไงให้เข้ากับนางได้สักที จี้ร่างยื่นมือฉีหยิงชวนไปกินข้าวเช้ากัน
ระหว่างจับมือเดินด้วยกัน ฉีหยิงเอาแต่มองพื้นหิมะเดินตามหลังเขา จู่ๆจี้ร่างก็ถามว่า "เจ้าชอบหิมะหรือ?" จริงๆฉีหยิงไม่ชอบเลยเพราะมันหนาวเกินไป ในวันที่ไม่มีที่พักพิง นั่นหมายถึงหนาวตายได้เลย แต่นางคิดว่าพวกขุนนางคงจะชอบหิมะที่ดูสง่างามกันทั้งนั้น เลยตอบ "อือ" เบาๆ จี้ร่างหัวเราะ หลังจากนั้นครู่ใหญ่เขาก็บอกว่า "ข้าเคยไม่ชอบมาก่อน" ฉีหยิงอดไม่ได้ที่จะถามว่าแล้วทำไมตอนนี้เขาชอบล่ะ? จี้ร่างยิ้มให้ กุมมือน้อยๆของนางกระชับขึ้น และไม่ได้ตอบอะไร
พอกินมื้อเช้าเสร็จ จี้ร่างก็พาฉีหยิงออกไปเดินเล่นรอบๆจวนเพื่อให้นางคุ้นเคย ถึงจวนแม่ทัพจะไม่อาจเทียบจวนขุนนางชั้นสูง แต่ก็ใหญ่โตเอาการ ร่างกายของฉีหยิงเทียบไม่ได้เลยกับท่านแม่ทัพผู้แข็งแรง แถมไม่กี่วันก่อนหน้านางถูกทรมานที่รังโจร ร่างกายยังอ่อนแอนัก แต่นางก็ยังเดินโดยไม่ปริปาก จนเป็นจี้ร่างที่เพิ่งสังเกตเห็น เขาล่ะนึกอยากจะฆ่าตัวเองนัก ที่จริงจี้ร่างอยากจะพานางไปชมบ่อน้ำก็เปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว เขาย่อตัวลงอาสาให้นางขี่คอ เดินไปได้สักพักเขาพูด "หยิงหยิง ... ในอนาคตถ้าเจ้าเหนื่อยหรือไม่สบายใจ ก็บอกข้านะ อย่าฝืน" ฉีหยิงรับคำ จี้ร่างพูดต่อ "ข้าบอกแล้วว่า ถ้าเจ้าอยู่ ก็ถือเสียว่าที่นี่คือบ้านของเจ้าเอง"
พอจี้ร่างส่งฉีหยิงถึงห้อง เขาก็ปลีกตัวไปเข้าวังหลวง ทวารบาลถามว่าวันนี้ไม่มีเข้าเฝ้า หนาวขนาดนี้ ท่านแม่ทัพมาทำไม? แม่ทัพจี้บอกว่าเขามารายงานเรื่องการทลายรังโจร แต่พอเข้าวังไป จี้ร่างกลับเข้าไปในสวน เด็ดกิ่งดอกบ๊วยสองสามกิ่งก็เตรียมกลับ ปรากฏว่ามีขันทีเข้ามาขัดบอกว่า ฮ่องเต้ได้ยินว่าแม่ทัพจี้เข้าวังมาเลยเรียกเขาเข้าพบ
พอจี้ร่างเข้าเฝ้า ฮ่องเต้ก็ทักทันทีว่า "แม่ทัพจี้เห็นจะมีชีวิตชีวานัก เข้าวังมาทั้งอากาศหนาว เพียงเพื่อเด็ดดอกบ๊วย" จี้ร่างอ้างว่าดอกบ๊วยในวังนั้นศักดิ์สิทธิ์ด้วยพระบารมี หายากที่จะเห็นผลิดอกบานสะพรั่ง เขาเลยอยากเด็ดไปไว้ที่จวน ฮ่องเต้ไม่ใส่ใจบอกว่าได้ยินมาเขาพาผู้หญิงเข้าจวน? จี้ร่างมือกระตุกเบาๆแล้วบอกว่า "นางเป็นเด็กกำพร้าที่กระหม่อมช่วยมาจากพวกโจร นางไม่มีที่ไป กระหม่อมจึงพานางกลับมา" ฮ่องเต้เยื้อนยิ้มบอกว่าแม่ทัพจี้ช่างจิตใจเมตตา แต่เด็กกำพร้าจะคู่ควรกับแม่ทัพของแผ่นดินได้อย่างไร จี้ร่างเงยหน้าขึ้นมาบอกว่าแผ่นดินยังไม่สงบสุข ถึงเขาจะยังไม่แต่งงาน ฮ่องเต้ก็อย่าได้กังวลเลย ฮ่องเต้ไม่ยอมแพ้บอกว่าเนี่ยเขายังหนุ่มและมีกำลังวังชา ควรจะหาผู้หญิงไว้ข้างกาย บอกว่าเขาเพิ่งจะได้รับบรรณาการเป็นนางบำเรอมาจำนวนหนึ่ง ให้แม่ทัพจี้เลือกกลับจวน แต่จี้ร่างก็ยังปฏิเสธเสียงแข็ง จนสุดท้ายฮ่องเต้ยอมปล่อยตัวออกจากวัง
พอถึงจวน จี้ร่างเห็นฉีหยิงจากหน้าต่าง เขาเดินเลี่ยงจนมาถึงข้างหน้าต่างแล้วยื่นกิ่งดอกบ๊วยต่อหน้าฉีหยิง ฉีหยิงตาเป็นประกายพูดเสียงเบาว่า "ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว" เขายิ้มแล้วเดินเข้าไปใกล้ ยื่นดอกบ๊วยให้นางบอกว่า "เพิ่งเด็ดมาเลย เจ้าชอบหรือไม่?" ฉีหยิงรับดอกบ๊วยมาดมแล้วก็บอกว่าหอมดี จี้ร่างอดไม่ได้ที่จะลูบหัวนางแล้วบอกว่าเขาจะให้พ่อบ้านจางปลูกไว้ที่ลานฝั่งตะวันตก ฤดูหนาวคราวหน้าก็คงบาน
.
.
.
.
มีน้องคนเดียวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรสินะ......
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (ตอนพิเศษ: อดีตชาติ 3)
หายไปหลายวัน ท่ดทีๆ
.
.
.
.
ฉีหยิงอยากฉลองปีใหม่เล็กๆกับท่านแม่ทัพ แต่ว่าพอปีใหม่ใกล้จะมาถึง จี้ร่างดันได้รับรายงานถึงสถานการณ์ฉุกเฉินที่ชายแดน ฉีหยิงออกมาส่ง ร่ำลากันเสร็จ จี้ร่างหันเดินไปได้สองสามก้าวก็อดไม่ไหวหันกลับมากอด เอามือเชยคางแล้วจูบฉีหยิงเบาๆ ฉีหยิงอึ้ง จี้ร่างปล่อยเธอแล้วจูบบนหน้าผากเบาๆ บอกว่าให้รอเขากลับมานะ ฉีหยิงรับคำ
ตอนที่จี้ร่างกลับมาอีกทีก็เป็นฤดูหนาวปีถัดมา มันเป็นวันหิมะแรกโปรยของปี เขามารอฉีหยิงที่หน้าประตูห้อง พอเธอเปิดประตูออกมาเห็นเขาก็ยิ้มกว้าง จี้ร่างยิ้มตาม กางแขนออกแล้วพูดเสียงเบาว่า "มาสิ" ฉีหยิงวิ่งเข้าไปกอดเขาทันที จี้ร่างรวบตัวฉีหยิงในอ้อมแขน ตลอดปีที่ผ่านมาเขายุ่งกับกองทัพมาก ไม่เคยเขียนจดหมายถึงนางเลย แต่คงมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาคิดถึงนางมากขนาดไหน จี้ร่างมอบต้นอ่อนของต้นไม้ให้ฉีหยิงเป็นของขวัญ ฉีหยิงถามว่ามันคือพันธุ์อะไร? จี้ร่างบอกว่า "ต้นอัลบิเซีย... หยิงหยิง เจ้ารู้ความหมายของต้นอัลบิเซียหรือไม่?" ฉีหยิงส่ายหน้า จี้ร่างหัวเราะเบาๆ พูดชิดใบหูของนางเบาๆ "หยิงหยิง เจ้าโตแล้วนะ" 😏
หลังจากนั้นทั้งสองก็คารวะป้ายหลุมศพบรรพบุรุษ จัดพิธีแต่งงานแบบเรียบง่าย เสร็จพิธีก็เข้าห้องหอ จี้ร่างค่อยๆเปิดผ้าคลุมหน้าออก เขาบอกว่าฉีหยิงเหมาะกับชุดสีแดงจริงๆ
ทุกคนในเมืองหลวงรับรู้ว่าแม่ทัพจี้รับสนมเข้าจวน แล้วก็เดากันตำแหน่งภรรยายังว่างอีกไม่นานก็คงมีความเคลื่อนไหว แต่จนแล้วจนแล้วแม่ทัพจี้ดันเงียบเชียบ ฉีหยิงไม่รู้เลยว่ามีหลายคนพยายามเชื้อเชิญนางให้ร่วมหรือจัดงานเลี้ยงหมายจะตีสนิท แต่ทุกคำเชิญก็ถูกตีกลับด้วยตัวของจี้ร่างเอง เขาอ้างว่าฉีหยิงเป็นเด็กกำพร้าในหุบเขาคงจะร่วมงานอะไรพวกนี้ไม่ได้ แล้วบอกด้วยว่าเขาไม่รับคำเชิญพวกนี้อีกในอนาคต
ตอนที่ฉีหยิงกำลังปักถุงหอม นางถามสาวรับใช้ผลงานเป็นยังไงบ้าง น่าเกลียดมั้ย นางไม่รู้ว่าสาวรับใช้ทั้งสองหายไปตั้งแต่ตอนไหน แต่เป็นจี้ร่างที่ตอบแทนว่า "เป็นของปักให้ข้า ไม่น่าเกลียดเลย" ว่าแล้วจี้ร่างอาศัยตอนฉีหยิงยังอึ้งอยู่ คว้าถุงหอมมาจากมือนางแล้วผูกไว้กับเอวตัวเอง ฉีหยิงได้สติพยายามขอคืน บอกว่านางจะปักอันใหม่ที่ดูดีกว่านี้ให้ แต่จี้ร่างก็ไม่ยอมคืน ฉีหยิงเลยงอน จี้ร่างง้อบอกว่าจะพาไปงานเทศกาลโคมไฟนะ แต่เอาเข้าจริง จี้ร่างต้องเข้าวังกว่าสองวัน ตอนที่กลับจวนมาได้ งานโคมไฟก็หมดแล้ว ฉีหยิงโมโห จี้ร่างต้องมาง้อต่อบนเตียง
จี้ร่างอยู่เมืองหลวงได้ไม่นานก็ต้องกลับไปชายแดนอีกครั้ง ทั้งที่ใจอยากอยู่กับฉีหยิงต่อ กระทั่งอยากจะพานางไปด้วยกันด้วยซ้ำ แต่เขารู้ว่าสถานการณ์อันตรายเกินไป จี้ร่างจากไปคราวนี้ก็กว่าครึ่งปี
ตอนอยู่ที่นั่นเขาได้รับจดหมายจากฉีหยิงที่เพิ่งเรียนอ่านเขียน นางบอกว่าต้นอัลบิเซียที่ปลูกไว้ออกดอกแล้ว อยากให้เขาได้กลับไปชม จี้ร่างอ่านจม.แล้วก็นึกภาพของฉีหยิงที่นั่งชมดอกไม้ริมหน้าต่าง เขายิ้มจางๆก่อนที่จะทหารจะเข้ามารายงานถึงความเคลื่อนไหวของทหารอีกฝ่าย จี้ร่างเก็บจม.ลงในหีบ ภายในหีบยังมีบัวหิมะสีขาวที่เขาเด็ดมาด้วยตัวเอง ตั้งใจว่าจะเป็นของขวัญวันหิมะแรกของปีนี้ เขานึกในใจว่า "รอข้านะ"
ทว่าเขาไม่นึกเลยว่า เขาจะไม่มีวันได้กลับไปอีก
.
.
.
.
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy (ตอนพิเศษ: อดีตชาติ 4)
.
.
.
.
หลังเสร็จศึกแล้ว เหล่าทหารเคลื่อนพลมาถึงจุดหนึ่ง พวกเขากลับถูกลอบโจมตี มีหนอนบ่อนไส้ในกองทัพ ธนูราวกับห่าฝน แม้แต่เทพสงครามก็ไม่อาจต้าน เหล่าทหารร่วมรบล้มลง ความคิดหนึ่งเดียวในวาระสุดท้ายของจี้ร่างคือ "แล้วสาวน้อยของเขาจะเป็นอย่างไร?"
เขารู้สึกตัวอีกทีก็พบโลงศพของตัวเองอยู่ข้างๆ โลงศพกำลังเคลื่อนกลับเมืองหลวง จี้ร่างพยายามสัมผัสโลง แต่มันกลับทะลุผ่านมือของเขาไป เขาตายกลายเป็นวิญญาณแล้ว จี้ร่างคิดว่าคงเป็นเพราะความพะวงก่อนตาย เขาเป็นห่วงนาง อยากได้เห็นนางอีกครั้ง วิญญาณของเขาถึงยังอยู่ที่นี่
หลายวันต่อมาเมื่อโลงศพเคลื่อนมาถึงหน้าจวน ในที่สุดเขาก็ได้พบนาง ฉีหยิงใส่ชุดคลุมสีแดงท่ามกลางหิมะสีขาว เขารู้อยู่แล้วว่านางดูดีในชุดสีแดง นางดูงดงามเฝ้ารอเขาอยู่ที่หน้าจวน แต่กลับเพียงโลงศพของเขา ในตอนนั้นนัยน์ตาใสกระจ่างราวกับกระจกที่ตกแตกและล่วงหล่นสู่หุบเหวดำมืด จี้ร่างพยายามเรียก "หยิงหยิง" แต่นางไม่ได้ยินเสียงเขา ฉีหยิงทิ้งตัวเองกอดโลงศพแล้วร้องไห้จนหมดสติไป
กว่าวันคืนที่ผู้คนมากมายเข้ามาคารวะศพ ฉีหยิงนั่งคุกเข่าเฝ้าศพที่หน้าโถงทั้งวันทั้งคืน จนสุดท้ายเหลือนางเพียงคนเดียว จี้ร่างนั่งลงข้างๆฉีหยิง เขาอยากกอดนางแต่ทำไม่ได้ เขาก้มลงประทับจูบนางอย่างหมดหนทาง ฉีหยิงรู้สึกถึงสายลมแผ่วเบา นางเรียก "ท่านแม่ทัพ?" จี้ร่างพยายามยื่นมือลูบหัวนางบอกว่า "ข้าอยู่นี่ หยิงหยิง อย่าเสียใจไปเลยนะ?" แต่ฉีหยิงไม่ได้ยิน นางเพียงเหม่อลอยมองความมืดอยู่นาน ก่อนจะยิ้มอย่างหมดหวัง
ในเย็นวันถัดมา หลังการเฝ้าศพเสร็จสิ้น ฉีหยิงลุกขึ้นแบบโซเซเพราะนั่งคุกเข่ามานาน นางมองโลงศพของเขานิ่ง ผู้คนมากมายเข้าออกจวนเพื่อคารวะศพเขา แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นนาง จี้ร่างมองฉีหยิงที่ค่อยๆเดินออกไป ในใจเขากระวนกระวายบางอย่าง และติดตามนางไปด้วย จากนั้นก็เห็นฉีหยิงหยิบเอาผ้าแพรออกมา จี้ร่างรีบแผดเสียงลั่น "หยิงหยิง!" แต่นางไม่ได้ยินเสียงเขา จี้ร่างพยายามกอดฉีหยิงออกมา แต่ก็เปล่าประโยชน์ เขาได้แต่มองฉีหยิงจบชีวิตตัวเองต่อหน้าโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย
วิญญาณของเขาที่ไร้ความรู้สึก ตอนนี้เจ็บปวดคล้ายกับจะฉีกออกเป็นชิ้นๆ เขามองเห็นต้นอัลบีเซียที่ฉีหยิงบอกว่าออกดอกแล้ว งดงามจริงๆ ช่างเป็นดอกไม้ที่งดงาม งดงามเหมือนกับนาง วิญญาณจี้ร่างค่อยๆจางลง สำนึกคิดของเขาเริ่มเลือนลาง ในตอนนั้นเขาแหงนหน้ามองดวงอาทิตย์ เขาภาวนาว่า ถ้าพระเจ้าทรงเมตตากับสรรพชีวิตจริง โปรดเมตตาต่อข้า หากชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง ข้าขอใช้ความดีความชอบในชาตินี้แลกกับการได้ใช้ชีวิตร่วมกับนางอีกครั้ง ต่อให้ต้องตกลงนรกขุมไหน ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
(จบ)
หยิงหยิงรักท่านแม่ทัพมากจริงๆ
ถ้าอยากอ่านนางเอกซู เชิญป้ายหน้า ผ่านยามดอกวสันต์ผลิบานไปเลยจ้า
ยาทดอกวสันต์ฯ นี่น่าเบื่อไหม อ่าน ตย. แล้วเฉยๆมากๆ
คนที่อ่านแล้วไม่ชอบนางเอกว่ะ น่าเบื่อว่ะ โง่ว่ะ เป็นเรื่องอื่นย้อนกลับมาคงฉลาดกว่านี้ ทำไมไม่อ่านเรื่องอื่น
>>821
.
.
.
.
.
พี่สาวก็แต่งกับสามีคนเดิม ชีวิตแฮปปี้ขึ้นเยอะอ่านนานแล้วไม่แน่ใจว่าโดนแม่สามีข่มรึเปล่าแต่ชาตินี้แบคน้องดีไงพี่ไม่ต้องลำบาก ส่วนสามีเก่าน้องวางแผนส่งเด็กไปจ้างคนมาทำนายว่าซวยหนักต้องรีบแต่งงาน สามีเก่าเลยได้แต่งงานกับคู่หมั้น(คนที่เป็นอนุชาติก่อน) ก่อนที่ครอบครัวนางจะต้องโทษ
.
.
.
.
.
ยามดอกวสันต์กำลังสนุกเลยอ่ะ นางเอกคือกำลังจะเริ่มเดินหน้าแก้ไขเรื่องราวในชาติก่อนแล้ว แต่ดันปล่อยวันละตอนนนนน! อยากได้เป็นเล่มมมมโว้ยยยย แจ่มก็ได้ซื้อไปที
นางเอกน่ารักเนอะ ชอบที่กลับมาแล้วช่วยคนนู้นคนนี้ เป็นนางฟ้ามาก
เนอะๆ ชอบที่นางเอกไม่ได้กลับมาแล้วก็ซูเลยอ่ะ มันสนุกนะเว้ย เวลาเห็นนางเอกคิดไม่ทันพระเอก หรือเวลานางเอกเริ่มคิดซับซ้อนแล้วคนในบ้านปลื้มใจว่านางเอกเริ่มพึ่งพาตัวเองได้แล้ว ภูมิใจแทนราวกับเป็นแม่น้อง
>>829 อันนี้คือเข้าใจมากๆ ยิ่งเป็นคนเก็บตัวไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมันทำให้น้องมีความมั่นใจต่ำด้วย ไม่เคยเปิดหูเปิดตามองรอบด้าน ยิ่งมีเรื่องในอดีตที่ตัวเองโดนกระทำอีก ด้วยนิสัยของน้องมันยิ่งทำให้น้องจมอ่ะ สงสาร แต่ชาติใหม่น้องมองทุกอย่างอย่างมีสติอ่ะ ไม่มีพลังลบมาบั่นทอนตัวเอง ทุกอย่างมันยังไม่เกิดขึ้นยังแก้ไขทัน ค่อยๆทำมันไป
จริง ขอโยงไปอีกเรื่องด้วย นางเอกเคยไปบวชเป็นแม่ชี แล้วได้ย้อนกลับมา คนในกรุ๊ปในเฟสด่านางเอกโง่นู้นนี้ ด่าแรงมาก ตะเตือนใจคนชอบแบบนี้มาก แต่ดันชมนางเอกแบบเต้าหู้ อาร๊ายยย
เพื่อนโม่ง มีใครสปอย ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลยไว้บ้างไหม
มาแนะนำอีกเรื่องของคนแต่งท่านอาเก้า 难消帝王恩
ชีวิตชาติแรก : มีแม่ทัพมาขอนอ.แต่งงาน พี่สาวคนละแม่นอ.อิจฉาเลยขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาวแทน แม่ทัพรู้สึกโดนหลอกก็เลยเย็นชาใส่พี่สาวนอ. ต่อมานอ.ได้แต่งงานกับอ๋องผู้สำเร็จราชการที่โหดเหี้ยมแต่ดีกับนางเอกมากก พี่สาวนอ.ตายถึงได้รู้ว่าอยู่ในนิยาย นอ.เป็นนอ.ในนิยายแมรี่ซู พี่สาวเป็นตปก.
ชาติสอง: พี่สาวนอ.รู้ว่าตัวเองเป็นตปก. เลยอยากแย่งบทนางเอก มี"ระบบ"คอยช่วย วางยานอ.จนตายเพื่อให้เหลือตัวเองคนเดียวในตระกูล อ๋องจะได้มาสู่ขอ แต่พออ๋องรู้ว่านอ.ตายกลับฆ่าล้างตระกูลนอ.เหลือพ่อนอ.ไว้คนเดียว
ชาติสาม: นอ.ฝันถึงชีวิตในชาติสอง ก็พยายามแก้ไขทำลายแผนการของพี่สาว
เรื่องนี้เหมือนมาเสียดสีพวกนิยายตปก.แย่งชิงวาสนานอ.ในนิยายจนทำให้นอ.ในนิยายตกอับ พอ.เรื่องนี้หน้าสวยมาก ปลอมตัวเป็นผญ. สวยสู้กับนอ.ที่กิตติศัพท์ความงามลือทั้งแคว้น นอ.เลยพอ.ว่า ปีศาจจิ้งจอก
>>850 กูก็รักน้อง
ง่อยนะไม่ใช่โง่5555
แบบอยากอ่านนางเอกซุ่มซ่าม นางเอกกินเก่ง นางเอกพูดน้อย นางเอกขี้แย ไรงี้ ไม่ใช่ฉลาด สวย เลิศ คนตะลึงไปทั้งบางตลอด
เอาจริงๆ เดี๋ยวนี้นางเอกมาแพทเทิร์นเดียวกันหมด ถ้านึกไม่ออกก็พวกนางเอกเล่มเล็กแจ่มอะ แต่ก่่อนคือคาร์หลากหลายมากรวมถึงพระเอกด้วย หลายอาชีพดี
พูดถึงนักอ่าน เดี๋ยวนี้แยกง่อยกับโง่ไม่ออก ตัวละครไหน ไม่มีพาวเวอร์ด้วยเหตุผลหลายประการ อาจทำนั่นทำนี่ไม่ได้ เพราะเหตุนั้นนี้ แม่งเหมารวมเป็นโง่ไปหมด เห็นนักอ่านบ่น นักเขียนเดียวนี้กากลง นักอ่านก็พอกันจ้า กากพอกัน อ่านอะไรเอาสะใจ ตีความไม่แตก
กุออกนะชอบนางเอก แสนชังฯ เพียงแต่กุไม่ชอบนิยายเท่าไหร่
ฟังเพลงกันดีกว่าค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=I64YL2424eU
>>853 มึงใช้เรื่องนี้คัดเกรดนักอ่านได้เลย แถมยังเห็นไปถึงสัันดาน ทีตัวร้ายยังไม่ได้ทำอะไรนางเอกในชาติใหม่ นางเอกทำเขาก่อนแบบเอาให้ตาย สะใจชิหาย เรื่องนี้นางเอกแค่พยายามนี้ ไม่ได้ทำห่าอะไรเลย สงสารพระเอกกันเป็นบ้าเป็นหลัง เบะปาก อยากได้นางเอกกลับมาไม่แค้นแบบน้องในยามดอกวสันต์อีก ใครมีก็แนะนำได้นะ กุเบื่อนางเอกที่กลับชาติมาเป็นคนชั่ว แยกแยะไม่ออกว่าชาตินี้ชาติโน้น (เขาว่านางเอกแสนชังว่างี้กัน )
นางเอกแสนชังกับนางเอกอริร้ายกุว่าโอเคนะ แต่กุไม่ชอบนิยายทั้ง2เรื่องเลย ไม่สนุก
กูไปอ่านยามดอกวสันต์มาแล้ว รู้สึกน่าเบื่อว่ะ ไม่ได้น่าเบื่อที่นางเอกนุ่มนิ่มหรือไม่ได้ฟาดๆซูๆนะ แต่มันน่าเบื่อตรงตัวละครมันพล่ามเยอะๆยาวๆแล้วกูงงในความสัมพันธ์ของพวกมันนี่ล่ะ แถมอธิบายได้ชวนงงชิบหาย เดี๋ยวก็มีพ่อมีปู่มีอา คุณหนูจวนนั้นจวนนี้โผล่มาแล้วอธิบายแบบที่ยาวติดกันเป็นพรืด ชีวิตจริงใครจะพูดยาวเป็นพารากราฟขนาดนั้นวะ กูนึกว่ากูอ่านสุนทรพจน์อยู่ อ่านไปอ่านมากูจำตัวละครไม่ได้เลยนอกจากพี่สาว พี่เขย เฉิงสวี่ที่ข่มขืนนาง แล้วก็ไอ้เฉิงลี่ป่ะวะที่โดนนางเอกใช้กรรไกรแทง แต่พวกฮูหยินนั่นนี่จากบ้านนั้นบ้านนี้มีความสัมพันธ์ยังไง ใครเป็นศัตรูใคร ใครพึ่งพาใคร กูจำไม่ได้เลย ย่านางเอกกูยังจำสลับกับอีกคนด้วย สรุปคือดรอปไปละเพราะแม่งน่าเบื่อสุดๆ
>>861 ถ้าไม่ชอบเรื่องที่เขียนอธิบายรายละเอียดเยอะๆ ก็ข้ามจือจือไปเลย บางทีมันแทบจะเป็นบันทึกประจำวันอยู่แล้วอ่ะนะ
แต่ความยั้วเยี้ยของตัวละคร ไม่มีอะไรสู้หนี้รัก บัลลังค์แค้นได้ อันนั้นคือที่สุดของที่สุดละ พอผ่านมาได้ก็รู้สึกว่าเรื่องยามดอกวสันต์ฯ ยังไม่เท่าไร
>>865 กูอ่านแนวบันทึกประจำวันไรงี้ได้ สโลวไลฟ์เรื่อยเปื่อยไม่มีอะไรเลยก็ได้ แต่ที่กูงงคือตัวละครแม่งพล่ามกันยาวชิบหายเหมือนอ่านสุนทรพจน์ แล้วกูก็จำความสัมพันธ์ของหลายๆตัวละครไม่ได้ด้วย เดี๋ยวบ้านสาม บ้านสี่ บ้านใหญ่ แล้วในบ้านแม่งเสือกมีแยกย่อยอะไรออกไปอีก ขนาดอีเพื่อน(?)นางเอกที่ชื่อเฉิงเจีย กูยังจำไม่ได้เลยว่าทำไมนางเอกมันถึงวางท่าเหินห่าง เพราะเท่าที่อ่านดูนางก็ยังไม่ได้ทำอะไรไม่ดีให้นี่หว่า แค่เอาแต่ใจไปหน่อยตามประสาเด็กน้อยโดนสปอย แต่นางเอกนี่แสดงออกชัดว่ากูจะไม่ยุ่งกับมึง ไปไกลๆตีนกู ให้ย้อนกลับไปอ่านกูก็ขี้เกียจแล้วด้วย
แล้วที่กูตลกอีกจุดคือเวลาตัวละครมันพูดแม่งเหมือนการท่องบทมาก อย่างไอ้เฉิงสวี่กับเพื่อนมันคุยกันเรื่องรับราชการมั้ง แล้วไอ้นี่ก็พล่ามออกมาว่าลุงมัน(ใช่ป่ะวะ) ที่อยู่บ้านนี้ เป็นญาติกับคนนี้ แล้วมีความสัมพันธ์กันแบบนี้ สอบเข้าเป็นจอหงวนบลาๆๆๆ ได้เมื่อปี(ระบุเลข) ให้ไปขอความช่วยเหลือสิ เหมือนจะแนะนำตัวละครให้คนอ่านได้รู้จักนะ แต่มันไม่เป็นธรรมชาติว่ะ มันเหมือนยัดบทให้ตัวละครท่องออกมามากกว่าจะค่อยๆให้เราทำความรู้จัก กูว่าคนนี้เขียนงานได้ไม่มีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องเลย ตรงทื่อไปหมด หรือมันแปลแข็งเองวะเลยทำให้กูอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วใส่คำฝรั่งลงไปตั้งหลายจุดแบบแก๊งลักพาตัวเด็กงี้หรือทักทายกันว่าเฮ้ จีนโบราณมีคำว่าแก๊งแล้วเหรอ
พูดถึงคำฝรั่งกูละกลัวใจ หรือมันแปลจากเซอร์ eng ซะ ทื่อมะลื่อมากอะ งานจือจือมันละมุนกว่านี้
ทำไมเปลี่ยนตัว ว กูเป็น ซ อีโปรแกรมแก้คำผิด 😱
กูก็ดรอปเพราะอ่านลำดับญาติไม่รู้เรื่องนี่ล่ะ นางเอกแม่งเหมือนคนมีปัญหาทางสมองอาศัยอยู่ในบ้าน ไม่รู้จักใคร จำใครไม่ได้ก็เลยต้องมาฟังคนอื่นๆลำดับญาติให้ฟัง แล้ววิธีการพูดลำดับญาติมันตลกน่ะ เช่นลุงหนึ่งเป็นพี่ชายของท่านลุงเก้าที่แต่งงานไปเมื่อปี บลาๆๆๆ ลูกหลานเขาเป็นนั่นเป็นนี่ ข้อมูลยาวเป็นพรืดขนาดนี้กูตาลาย แม่งเหมือนมาท่องบทให้ฟังไม่มีความลื่นไหลแบบคนปกติสนทนากัน
แล้วการพูดบรรยายสถานที่ที่กำลังจะไปแม่งก็ตลก เพราะไม่มีความเชื่อมโยงอะไรกับเหตุการณ์ก่อนหน้าเลย บทสุดท้ายที่กูดรอปเท่าที่จำได้คือนางเอกจะไปอวยพรวันเกิดให้ฮูหยินใหญ่ของบ้านมั้ง ไปหาท่านย่าบลาๆในห้องโถง คุยกันสัพเพเหระอยู่ดีๆไปบรรยายถึงสถานที่ซะงั้น ตรงนี้มันทำให้กูสะดุดเพราะแม่งไม่ต่อเนื่องกัน มันควรมีการกระทำมาเป็นใบเบิกทางให้บรรยายถึงสถานที่ที่กำลังจะไป เช่นว่านางเอกกับพี่สาวลุกออกจากเก้าอี้เดินตามผู้ใหญ่ไปเรือนใหญ่เพราะได้เวลาแล้ว จากนั้นค่อยดึงเข้าบทบรรยายถึงสถานที่ พบเจออะไรก็ค่อยว่าไป แต่มายัดๆบรรยายลอยๆเหมือนตอนพูดเรื่องลำดับญาติ แถมชื่ออ่านยากสัส เดี๋ยวเลี้ยวขวาเจอห้องบลาๆที่มีสระบัวชื่ออ่านยากถัดไปอีกเป็นโรงครัวที่มีอาหารรสเลิศที่มีป้าแม่บ้านบลาๆอาศัยอยู่ มึงยัดทุกอย่างมาในพารากราฟเดียว ข้อมูลมันเยอะแล้วจำไม่หมด ทำไมไม่เขียนแบบค่อยๆให้รู้ไปพร้อมๆนางเอกก็ไม่รู้สิ แล้วที่บรรยายมาก็ไม่ได้ใช้งานอะไรด้วยนะ เหมือนอยากโชว์ความอลังของบ้านเฉยๆว่าบ้านแม่งใหญ่และสวยนะจ๊ะ
ท่านน้ากับนางเอกยามดอกวสันต์เขาปิ๊งกันยังวะ เผื่อมีแรงไปต่อ
ขอบคุณที่แปลให้อ่าน
ยามดอกวสันต์งงลำดับญาติจริงว่ะ เรื่องอื่นบ้านหลัก บ้านรอง บ้านสาม นี่คือรุ่นพ่อแม่ แต่เรื่องนี้มันรุ่นย่ารุ่นยาย งงไปหมด บ้านไหนสายไหน
>>880 เรื่องญาติเยอะๆตัวละครเยอะๆนี่ถ้าค่อยๆเขียนไปก็จำได้หมดนะ แต่อีเรื่องนี้แม่งยัดคำบรรยายมาพรวดๆยาวติดกันเป็นพรืด แถมไอ้ที่ยัดมานี่มีบทจริงๆไม่กี่ตัว นอกนั้นใส่มาทำไมก็ไม่รู้ให้คนอ่านงงเล่นว่าไอ้นี่มันใครวะ บรรยายแบบน้ำท่วมทุ่งมาก อะไรที่ไม่จำเป็นก็ใส่มาทำให้เนื้อเรื่องโคตรอืดอาด แถมมาเจอความเนิบนาบของนางเอกที่ชวนหงุดหงิดอีก เป็นเรื่องที่กูอ่านแล้วเบื่อพอๆกับเมืองจันทราดอกไม้ร่วงเลย ยืดยาดชวนหลับแบบนี้
เรื่องนี้จุดที่กูว่าแม่งประหลาดมากอีกจุดก็ตอนเฉิงสวี่ไล่ตามนางเอกไป แล้วอยู่ๆนางเอกแม่งไปเจอกลุ่มคนที่เหมือนนักพรตเฉย พวกนี้แม่งเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ๆก็ผุดขึ้นมาในสวนป่าหลังบ้าน ทั้งที่คนในบ้านเขาไปอวยพรวันเกิดฮูหยินใหญ่ แต่พวกนี้เสือกมาซ่องสุมคุยกันเรื่องในราชสำนักแบบวงในให้นางเอกฟังเฉย ทั้งที่นางเอกเป็นคนนอกไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ โยนตัวละครลงมาพรวดเดียวแบบห้าหกคน มีความสำคัญอะไรกับเรื่องก็ยังไม่รู้ งงแบบชิบหายแถมบรรยายเยิ่นเย้ออีกต่างหาก
รวมสปอย+บ่น+เม้าท์มอยตำหนักออนไลน์
บัลลังก์wญๅหvส์
https://fanboi.ch/webnovel/6404/191-1000/
https://fanboi.ch/webnovel/6404/664-1000/
ปรุvรสอลวนรัก
https://fanboi.ch/webnovel/6404/279-1000/
หนี้รักบัaลังก์llค้น
https://fanboi.ch/webnovel/6404/494-1000/
https://fanboi.ch/webnovel/6404/629-1000/
ยอดwธู
https://fanboi.ch/webnovel/6404/620-1000/
สๅวใช้ตัวดี
https://fanboi.ch/webnovel/6404/645-1000/
ดวงใจอสุsๅ
https://fanboi.ch/webnovel/6404/721-1000/
เล่ห์ร้ๅยโฉมสะคsๅญ
https://fanboi.ch/webnovel/6404/728-1000/
ทุ่vsวงnอv
https://fanboi.ch/webnovel/6404/731-1000/
ตำรับรักยอดชๅยๅ
https://fanboi.ch/webnovel/6404/737-1000/
The Dreamer in the Spring Boudoir เริ่มคุย 775 โม่งแปลมา 781
https://fanboi.ch/webnovel/6404/775-1000/
สวยsวยใสไร้รัก
https://fanboi.ch/webnovel/6404/838-1000/
สวยsวยใสไร้รัก ตอนพิเศษ
https://fanboi.ch/webnovel/11093/188-1000/
https://fanboi.ch/webnovel/11093/360-1000/
Rebirth / Rebirth of Abandon Woman
https://fanboi.ch/webnovel/11093/192-1000/
ชวนอ่าน The Grand Princess/长公主
https://fanboi.ch/webnovel/11093/196-1000/
Greeting Ninth Uncle คารวะท่านอาเก้า
https://fanboi.ch/webnovel/11093/239-1000/
ข้ากลายเป็นมารดาเลี้ยงของสามีเก่า
https://fanboi.ch/webnovel/11093/259-1000/
The Good Mother System ระบบแม่ที่ดีย์ยยยยย
https://fanboi.ch/webnovel/11093/379-1000/
The Struggles of Being A Mother of Villains
https://fanboi.ch/webnovel/11093/395-1000/
The Ceo’s Villainess Childhood Friend
https://fanboi.ch/webnovel/11093/446-1000/
The Cannon Fodder and Villain’s Happy Ending/穿成炮灰女配后和反派HE了
https://fanboi.ch/webnovel/11093/459-1000/
My whole family is villain
https://fanboi.ch/webnovel/11093/507-1000/
ยๅมดอกวสันต์
https://fanboi.ch/webnovel/11093/517-1000/
I Just Want to Freeload on Your Luck
https://fanboi.ch/webnovel/11093/249-1000/
Transmigrating To Become The Boss’s Little Fairy
https://fanboi.ch/webnovel/11093/590-1000/
อีกเรื่องของคนแต่งท่านอาเก้า 难消帝王恩
https://fanboi.ch/webnovel/11093/841-1000/
>>885 เปล่า กูอ่านแล้วงงๆว่าใครเป็นใครวะ มึงโยนตัวละครลงมาห้าคนในตอนเดียว แถมคุยกันยาวมากให้คนนอกฟัง กูไม่รู้หรอกว่านี่มันแก๊งค์พระเอก แล้วกูก็ดรอปไปเพราะตอนนี้ล่ะเพราะตัวละครมันเยอะจนกูนับญาติไม่ถูก อ่านต่อแล้วงงเลยเลิกอ่านดีกว่าไม่ใช่แนว ส่วนเรื่องป่าไผ่ของพระเอกนี่ จวนเฉิงมันต้องกว้างใหญ่ขนาดไหนวะ ถึงวิ่งทะลุไปบ้านคนอื่นได้แบบไม่รู้ตัวเลย ไม่มีรั้วหรืออะไรบอกอาณาเขตหน่อยเหรอ
กูเพิ่งรู้ว่าคนนี้คนเขียนเดียวกับพราวพร่าง น่าแปลกมากที่กูอ่านพราวพร่างรู้เรื่องและสนุกกว่าเรื่องนี้ นางเอกแม่งมา vibe เดียวกันเลย น้องฟู่ถึงนิสัยนุ่มนิ่มเจ้าน้ำตา แต่กูว่าไม่น่ารำคาญเท่าเสาจิ่นว่ะ คงเพราะน้องฟู่นางเข้มแข็งกว่ามั้ง
>>886 น้องฟู่นุ่มนิ่มเจ้าน้ำตาก็จริง แต่เป็นคนอ่อนนอกแข็งใน เด็ดขาดกว่าเสาจิ่นเยอะเลย เสาจิ่นคือคุณหนูในห้องหอ ผู้ที่ถูกทำร้ายจนมีปมในใจ เก็บตัว ไม่กล้าทำอะไร ความสนุกในการอ่านยามดอกวสันต์ฯคือค่อยๆ ลุ้นตามว่า เสาจิ่นจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองยังไง เหมือนเลี้ยงเด็กคนนึงแล้วก็ดูพัฒนาการเด็กไปเรื่อยๆ อ่ะ
ถ้ายามดอกวสันต์ฯมีบก หรือคนพิสูจน์อักษรดีๆ น่าจะสนุกกว่านี้ เพราะอ่านไปเราว่ามันมีนัยยะระหว่างบรรทัดที่หายไปเยอะอยู่ เสน่ห์ในงานของจือจือก็เลยดรอปไปด้วย เสียดายอยู่เหมือนกัน เรื่องที่ไปอยู่กับถาพัง รีวิวก็ว่าแปลไม่โอ เฮ้อ
>>889 ที่อยู่กับถาพัง แปลลำดับญาติงงกว่านี้อีก จิตนาการตามไม่ถูกเลย ไม่รู้ว่าเลือกใช้สรรพนามยังไงของมัน คนแปลก็แปลมาเยอะ บ.ก.มีก็น่าจะเหมือนไม่มี
เอาจริงๆ มึงอ่านงานจือจือ ต้องคิดตามหน่อย นิยายไม่ได้เขียนเอาสะใจ นางเอกแต่ละคนที่อ่านมา นิสัยแม่งสัมพันธ์กับการเลี้ยงดูหมดเลย พราวพร่างแม่เทรนด์มาดี กุลสตรีมีสติและสมอง อริร้ายนางเอกเจ้าหญิง หยิ่ง ทระนง เด็ดขาด เพราะอยู่ในวังที่ต้องเข้มแข็ง ที่ออกกับถาพัง ขาดแม่ โตมากับยายแบบบ้านๆ ไม่อ่อนโยน แต่เรียบง่าย (นิสัยยังออกไม่เยอะ) ยามวสันต์นี่มีปมเข้าไปจากชาติก่อนอีก ดีใจที่จือจือเขียนแบบนี้นะ ค่อยๆ พัฒนา คนดีคนร้าย จริงไม่จริงก็รู้ไปพร้อมน้อง
อ่าน Scheme of the Official Descendant สนุกดีนะ เรื่องย่อไม่มีอะไรแปลกใหม่
นางเอกย้อนเวลามาแก้ไขอดีตตัวเอง ชาติก่อนตัวเองถูกจับไปแต่งงาน แล้วก็ตาย พี่สาวโดนยกเลิกการหมั้นอย่างไร้เหตุผล ถูกจับแต่งกับคนโรคจิต สุดท้ายฆ่าสามีโดนลงโทษด้วยการถูกเนรเทศไปเป็นนางโลม ตระกูลล่มสลาย นางเอกย้อนกลับมาก็พยายามแก้ไขอดีต
คู่หลักเฉยๆ พระเอกนางเอกซูเว่อร์ แต่ถูกใจคาร์พี่สาวนางเอกมาก เฟียสสุด ซึนดาเระสุด ชอบคู่รองมากเลย
ชอบความสัมพันธ์ของพี่สาวน้องสาวที่คอยช่วยเหลือกันด้วย
ถ้าใครอยากอ่านแนวย้อนอดีต นางเอกซูๆ ตัวละครเสริมมีชีวิตของตัวเองไม่ได้เป็นตัวประกอบความเด่นพระเอกนาวเอกอย่างเดียว แนะนำเรื่องนี้เลย
อีตรงหนูซี มันน่าจะเป็นแบบ ซีเอ๋อร์ไรงี้ปะ ขัดใจจิ๊บ!
เฉียวซีจดจ่ออยู่กับการทำให้ชีวิตพี่ชายและน้องชายดีขึ้น แต่บนหนทางแห่งการทำให้ครอบครัวร่ำรวยขึ้นมานั้น นางถูกมารตนหนึ่งเข้ามาวุ่นวาย และคอยวนเวียนอยู่ข้างกายทั้งวัน ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป
“หนูซี ข้าไตดี ขาดี แถมเอวก็ดีนะ ข้ายังเก่งกาจมาก ทำงานวังก็ได้ ทำงานครัวก็เป็น มาเป็นภรรยาข้าดีกว่านะ” ชายผู้นั้นจ้องเฉียวซีอย่างเจ้าเล่ห์
“...”
“หนูซี ข้าเอวดีนะ”
“จะหยุดได้หรือยัง” ใบหน้าของเฉียวซีเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“ไม่หยุด”
ใครเอามารตนนี้ออกไปได้ นางจะให้รางวัลเป็นเงินหมื่นตำลึง
โม่งที่ชอบสปอยนิยายอะ เคยอ่านเรื่องนี้มั้ย the male lead's vallianess stepmother ถ้าเคยอ่าน สปอยหน่อยจ้าาา
เพื่อนโม่งง มีใครเคยอ่าน ผกาสองนาม ใน readawrite บ้างมั้ย สนุกมั้ย
ตำหนักไรต์รักนี่ถ้าไม่จบ ไม่อยากเสี่ยง บันทึกห้องหอกับหทัยภูษาคือ อิหยังวะ
มาแนะนำเรื่อง The Villain Big Boss Just Wants to Spoil Me เห็นคนมาแปลในเด็กดี เนื้อเรื่องน่ารัก ตลก ชอบยัยน้อนกับมนต์รักมาร์ชแมลโล่
โม่งช่วยสปอยล์ ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของบัณฑิต ให้หน่อย
นางเอกเดิมในเรื่องเทิร์นตัวร้ายหรือเปล่า แล้วนางเอกเดิมจะออกมาเมื่อไหร่ กุอ่านไปสองร้อยกว่าตอน ยังไม่รู้ผลสอบรอบแรกเลย เดินเรื่องช้ามากๆ
เรื่องทะลุมิติฯ จะมีเล่มมั้ยอ่ะ ตามอ่านเรื่องนี้อยู่แต่เห็นมีเป็นพันตอนแล้วยังไม่จบ จะจ่ายเป็นตอนก็หลายบาทอยู่เลยกะรอเล่มทีเดียว แล้วที่ดูเหมือนดำเนินเรื่องช้าเพราะตอนนึงแค่สั้นๆมั้ย อ่านไปนิดเดียวอ้าวจบตอน
เออ แต่ถ้าใครดำนำถึงตอนปัจจุบันแล้ว มาสปอยด์ก็ดี
ทะลุมิติพันกว่าตอน ตอนละ3บาทอ่านจนจบก็ 3พันเลย
เพื่อนๆ มีนิยายแนะนำบ้างไหม ล่าสุดกูอ่าน My Whole Family Are Villain กับ My Son is a Reborn Villain จบละ
กำลังจะไปต่อ My Son Might Be A Villain อีกนิดก็ใกล้จบละ
มีแนวนี้ ปามารัวๆเลย
ช่วงนี้กูสายมัมหมี เปงเอ็นดูไอ้ต้าววววเบบี๋
อ่าน My Son is a Reborn Villain แล้วเหมือนกันทชอบตอนอยู่ที่บ้านนอกมากก ตลกแก๊งเด็ก
กำลังจะอ่านเรื่องใหม่ Senior Green Tea turned into an abusive heroine...
เมื่อยัยชาเขียวกลับต้องกลายมาเป็นนางเอกสไตล์อีเย็น...
นางเอกนิยายแบบสุดรันทด โดนเอาไปแขวนไว้ที่กำแพงเมืองจะเอาเลือดกับหัวใจไปชุบชีวิตนางรองดอกบัวขาว...
พอนางเอกตายขึ้นมาจริงๆ พระเอกถึงรู้ว่าที่จริงตัวเองรักนางเอก
แต่นางเอกนิยายกลับไม่อยากแก้แค้น แค่... อยากให้ทุกคนรัก โดยเฉพาะพระเอก
กุฮาตรงที่แบบเปิดเรื่องมา
ชีกำลังสับรางผู้ชายอย่างเมามันส์ บอกระบบ ชั้นไม่ว่างย่ะ
+ และระบบก็แบบ เข้าใจแล้วว่าทำไมนางเอกนิยายถึงจะเลือกคนนี้...
กูว่าหลังๆ ทำคนเข้ามจผิดดอกบัวขาว ชาเขียวผิดไปเยอะแล้วนะ กลายเปฌนบัวขาวแอ๊บ ชาเขียวคนแรงๆ แต่ดีปะ
白莲花 ดอกบัวขาว (คำสแลงจีน) เปรียบกับผู้หญิงที่ทำตัวภายนอกดูซื่อใสบริสุทธิ์เหมือนดอกบัว แต่ที่จริงมีพฤติกรรมมัวหมอง คิดแต่เรื่องไม่ดีไม่งาม แรดเงียบ
คำนี้ใช้ตรงกับคำสแลงอีกคำหนึ่งของจีน คือ 绿茶婊 (lǜchábiǎo ลีว์ฉาเปี่ยว) Green Tea Bitch แปลตรงตัวว่า นังชาเขียว 绿茶 คือชาเขียว 婊 คือโสเภณี คนจีนเมื่อดื่มชาเขียวร้อน จะรู้สึกสบายคอ จึงเอาชาเขียวมาเปรียบเปรยกับโสเภณีสาวแรกรุ่น รวมถึงหญิงสาวที่ดูเรียบร้อย ใสซื่อ อ่อนต่อโลก แต่ทำตัวแรด
กูชอแปะไปทั้งโพสต์เลยนะ อยากเชียร์ สนพ.ใหม่
สำนักพิมพ์หยางกวง Yangguang Publishing
นิยายแปล เรื่อง ขอโทษนะ แฟนฉันไม่ได้บ้า
เย่จื่อเขียน บุบผาน้ำแข็งแปล
นวนิยายชื่อดังจากประเทศจีน ที่ได้รับการดัดแปลงเป็นซีรี่ส์ มีวางจำหน่ายแบบแปลไทยแล้ววันนี้
รายละเอียดหนังสือ :: มีทั้งหมด 2 เล่มจบ (วางขายแล้วทั้ง 2 เล่ม)
เล่ม 1 :: 332 หน้า (92,429 คำ)
เล่ม 2 :: 332 หน้า (95,179 คำ)
โดยถ้าซื้อแพ็ก 2 เล่ม จะมีโปรโมชั่นลดราคาจนถึงวันที่ 8 ก.ค. 64
คำโปรย ชาติที่แล้วเธอคือนางสนม ส่วนเขาคือฮ่องเต้ ชาตินี้เธอคือนักจิตวิทยา ส่วนเขาคือประธานบริษัทที่ 'แกล้ง' ว่ามีอาการป่วยทางจิต วันหนึ่งโชคชะตาก็ได้นำพาให้ทั้งสองคนกลับมาพบกันอีกครั้ง
หลัวไคฮวายมักฝันแบบเดิมซ้ำๆ ในฝันเธอคือนางสนมที่จบชีวิตลงตั้งแต่ยังเยาว์ เพื่อค้นหาที่มาของความฝัน หลัวไคฮวายจึงเข้าเรียนสาขาจิตวิทยา และในวันหนึ่งหลัวไคฮวายก็ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการคลินิคให้ไปรักษาจูซวนเหวิน ประธานของบริษัทอัญมณียักษ์ใหญ่ที่บ้านพักส่วนตัวของเขา ในที่แห่งนั้นเธอได้พบกับชายหนุ่มรูปงาม ที่แกล้งแสดงว่าตัวเองเป็นฮ่องเต้ด้วยเหตุผลบางประการ ที่น่าแปลกก็คือเธอไม่เคยพบกับจูซวนเหวินคนนี้ แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
เกิดอะไรขึ้นในชาติที่แล้วจนเธอกับเขาต้องพรากจากกัน และเมื่อได้กลับมาพบกันอีกครั้งในชาตินี้จะจดจำกันได้หรือไม่ แล้วยังต้องลงเอยแบบเดิมอีกไหม สามารถติดตามต่อได้ในเรื่อง
บัวขาวกลายเป็นแสลงของปัจจุบันอะ แต่พวกนิยายโบราณนี่ควรใช้ความหมายดั้งเดิมนะ
Heroine saves a Gentlemen ไหม น่าจะขำดี
(ยังไม่ได้อ่านนะ อ่านแค่บทนำ)
หาอะไรเบาๆอ่าน เจอ Fortune Teller Master (ยังไม่จบ)
กุชอบความซูไม่สุดนางเอกมาก
นางเอกเป็นเจ้าสำนักสายพยากรณ์เนี่ยแหละ ไม่ใช่แนวฝึกวิชาร่างแกร่งเทพอะไร แต่ฝีมือดูดวงเป็นอันดับหนึ่ง
ฝ่าด่านเคราะห์สายฟ้าไม่ผ่านเลยเดี้ยง
มาอยู่ในร่างเด็กสาวม.ต้น เรียนเก่งมาก สอบได้อันดับหนึ่งประเทศ แต่จนสุดๆเลยรับทุนโรงเรียนไฮโซ โดนรุมบูลลี่จนเกรดตกฮวบ เครียดจนไปโดดแม่น้ำ นางเอกมาเข้าร่างแทน
เข้าร่างมาปุ๊บ ชีตัดสินใจหาตังไปรับดูดวงที่สวนสาธารณะ ราคาตั้งพันหยวน ไม่มีใครกล้ามาดูหรอก แถมมีคนเรียกตำรวจมาจับด้วยนะ
ปรากฎว่าเคสแรกจ้า ชีทักตำรวจว่ามีเคราะห์สามครั้ง ครั้งแรกคือตอนเกิด ครั้งที่สองตอนอายุสิบแปด ส่วนครั้งที่สามนี่น่ะ ไปตรวจกระเพาะที่โรงพยาบาลหน่อยก็ดีนะคะ
ตำรวจนี่ก็เป็นเพิ่งจบมาจากโรงเรียนตำรวจเลยนะ อายุน้อย แถมไม่มีอาการอะไร แต่พอไปตรวจจริงๆ เจอมะเร็งกระเพาะอาหารขั้นที่หนึ่ง
เคสสองชีไปซื้อหนังสือพยากรณ์ที่ร้านหนังสือเลยก็ได้ว่าที่ เจเนอรัลเบ๊มาคนนึง เป็นคนคอยรันคิวดูดวงให้
เคสสามชีไปแก้ปัญหาใหญ่ให้อีกตระกูลนึง เป็นเคสที่แต่ก่อนอู้ฟู่อลังการมาก สุดท้ายดวงหด ขายบ้านขายรถ เกือบต้องขายโรงงานทิ้งแหละ
ปรากฎว่าโดนของจากเพื่อนสนิทมา โดนสูบดวงไปเหือดแห้ง อีกนิดนึงจะแย่แหละ
ไปๆมาๆ ได้ครูสอนพิเศษส่วนตัวมาจ้ะ
กูฮาตรงชีไปเรียนแล้วก็บ่นๆ
นี่มันวิชาบ้าบออะไร ต่อให้มีความจำเลิศขนาดไหนก็ยัดไปไม่หมดหรอกไม่กี่วัน
(ฟิสิกส์เคมีชีวะ).......
แต่ที่ฮาที่สุดคือวิชาภาษาอังกฤษ ที่ชีบ่นว่านี่มันตัวยึกยืออะไรก๊านนนนนนนนนนนน
พอสอบกลางภาค วิชาอื่นๆชีนั่งทำจริงจัง ได้คะแนนท็อป
แต่ภาษาอังกฤษ ชีเอากระดองเต่ามาโยนทำนาย ก่อนการัวๆ
ยิ่งตอนแบบทดสอบ listening นี่ชีโยนรัวๆ เปิดเทปยังไม่จบชีส่งข้อสอบแล้ว โดยเว้นข้อเขียนไว้หมด (35คะแนน) เต็ม 150 มั้ง ได้ 115 คะแนน
จนคาบต่อไปครูคุมสอบ(สอนภาษาอังกฤษ) บอกบนโต๊ะห้ามมีอย่างอื่นนอกจากปากกา
และก็แผลงฤทธิ์ ตั้งค่ายกลสะท้อนกลับ 'ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว'
ใครจะมารังแกชี โดนเล่นงานเรียบ
เช่นในห้องมีเด็กผู้ชายจะวางกับดัก เอาถังน้ำสกปรกกับผ้าขี้ริ้วไปวางบนขอบประตู พอนางเอกเปิดเข้ามาก็จะตกใส่
อันนี้ก็ปีนขึ้นไปวาง แต่โดนสะท้อนกลับ ถังน้ำหกก่อน แถมมีผ้าขี้ริ้วแปะบนไหล่
ไม่พอ ตอนจะลุกขึ้นก็เหยียบน้ำจนลื่น ไม่หงายหลังธรรมดา แต่แหกขา 180 กระแทกพื้นจ้ะ รออะไรล่ะ เข้าโรงบาลไปหนึ่ง
เข้าห้องมาก็มีแก๊งค์ผู้หญิงตั้งวงนินทา นินทาเสร็จคอแห้งจะจิบน้ำ บิดขวดน้ำอีท่าไหนไม่รู้ น้ำร้อนลวกกันรอบวง ไปโรงบาลอีกแก๊งค์
วันถัดมามีคนไม่เข็ด ผู้ชายโดนเหมือนกัน ขาแหก 180 องศาขนานพื้นจ้ะ เข้าไปอยู่กะ 1 กะ 2
จนครูใหญ่ปวดหัวว่าทำไมถึงเกิดเรื่องตลอด โรงเรียนช๊านเป็นอะไร ฮวงจุ้ยไม่ดีเหรอไง
ก็เกณฑ์เหล่าคุณครูมาระดม เชิญอาจารย์ฮวงจุ้ยมาดู
ที่ขำคือ ครอบครัวครูสอนภาษาอังกฤษเนี่ยแหละเป็นลูกค้ารายแรกๆ นางเอก ถ้าจำไม่ผิดเหมือนพี่ชายคุณครูกับภรรยาจะหย่ากัน แม่คุณครูเลยมาดูดวงว่าเนี่ยสะใภ้คนนี้ดีมากเลย ไม่อยากให้หย่า ต้องทำยังไง แต่นางเอกบอกว่าดูไม่ได้หรอก ต้องให้เจ้าตัวสองคนมาเอง
คุณป้าแถวนั้นเลยออกไอเดียให้หลอกว่าหกล้ม ให้ที่บ้านมารับ หนึ่งในนั้นคือคุณครูนั่นแหละ... (ซึ่งตอนนั้นนางเอกแบบลางไม่ดีๆๆๆ ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ)
แต่ปรากฎว่าคู่พี่ชายไม่หย่าหรอก ได้ลูกสาวฝาแฝดสองคนด้วย
ครูภาษาอังกฤษก็คันปากอยากเล่า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร กลัวคนไม่เชื่อ
วันงานมาถึง มากันสี่คนมั้ง หนึ่งในนั้นคือผู้ช่วยประจำตัวนางเอก...
ใช่แล้ว ไม่มีใครเจอปัญหาอะไรทั้งนั้น แถมมีคนนึงเผยไต๋ว่าหลงทิศด้วยนะ
เคสที่กุชอบมีสองอัน
1. ฉากคุณป้าคนนึงตามหาลูกชายคนโตที่หายไป
นางเอกก็แบบ เอ๊ ลูกคุณป้าไปทางใต้หรือเปล่า ถ้าไปบนภูเขานี่คุยกับคนตรงนั้นสักสองสามประโยคดูนะคะ อาจจะเจอเรื่องประหลาดใจก็ได้
ปรากฎว่าลููกชายไปทำงานที่ฮ่องกงจริงๆ และป้าก็โทรหาลูกชายทันที พอวางสาย
ฮีบ่นกับคนที่กำลังติดต่อธุรกิจอยู่ เนี่ย แม่ผมงมงายมากเลย บอกให้คุยกะคนบนเขาเยอะๆหน่อย และก็เล่าว่าตัวเองเป็นลูกคนที่สอง โน้นนี่นั่น....
อ้อ บ้านอยู่ที่โรงงาน.... ขอโทษนะครับที่บ่นเรื่องครอบครัวตัวเองเยอะไปหน่อย
ใช่แล้วจ้ะ โป๊ะเชะ คนที่กำลังคุยด้วยแหละ... ปรากฎว่าฮีเป็นเด็กที่โดนลักพาตัวมา และโดนคนฮ่องกงอุปการะไว้จ้ะ มีความทรงจำขาดๆหายๆ ว่าแรกเริ่มบ้านตัวเองน่ะอยู่ติดโรงงานสิ่งทอ... มีชื่อเล่นว่าต้าเป่า แถมเล่าได้เป็นฉากๆว่าพลัดหลงตอนที่วิ่งไปเก็บของเล่นที่ร่วง...
ลูกชายคนรองรีบกดโทรศัพท์หาแม่ตัวเอง รายงานผลความแม่นยำทันที แถมคนพี่ก็รีบจองตั๋วกลับพร้อมกันด้วย
กะอีกเคส...
นางเอกเตือนเพื่อนนักเรียนที่มานั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกันว่าอย่านั่งรถสีดำกลับนะ มันอันตราย
นักเรียนหญิงคนนี้เป็นลูกคุณหนูโดนประคบประหงม มีพ่อแม่รับส่งทุกวัน แต่วันนี้แม่โดนส่งไปเมืองนอกกระทันหัน
แถมพ่อติดกินเลี้ยงกับลูกค้า
นอกจากต้องกลับเองเป็นครั้งแรก เลิกเรียนมาฝนยังตกอีก แถมตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เรียกแท็กซี่ด้วยแอพก็ไม่มี รถส่วนตัวก็ไม่มา
สุดท้ายมีรถสีดำมาจอด
แน่นอนว่าคำเตือนปลิวไปกับสายฝนแล้ว.......
แต่กุชอบตรงนางเอกยังมีความเป็นมนุษย์นะ ยังตามไปช่วย เล่นงานคนขับรถเสียเละตุ้มเป๊ะ ทั้งรถทั้งคน
ตำรวจมาถึง เจอของในรถแต่ละอย่าง
ทั้งไม้เบสบอล เชือกปอ(อย่างหนา) กระสอบ ก้อนหิน ถุงยาง...............
ทำเอาพ่อน้องที่ตามมานอนไม่หลับไปหลายคืน................เป็นกุกุก็นอนไม่หลับนะ
อ้อ ชีเป็นสายกินด้วยนะ
พ่อของเพื่อนนักเรียน(น่าจะกลายเป็นเพื่อนสนิทนางเอก) หารือครูใหญ่ว่าจะให้ของขวัญนางเอกเป็นอะไรดี
ฮีเลยบอกว่า เนี่ยชีเป็นสายกิน กินข้าวที่โรงเรียนวันละตั้งสองร้อยหยวน เติมเงินในคูปองอาหารให้ชีสิ
พ่อเพื่อนใจป้ำมาก เติมให้แสนนึง ชีเอาบัตรไปรูดแล้ว พนักงานโรงอาหารตกใจมาก บอกหนูๆ เติมเงินผิดเหรอ ถ้าเผลอเอาค่าเทอมมาเติมบัตรอาหารให้ไปทำเรื่องที่ฝ่ายการเงินด่วนเลย
ชีหน้านิ่ง คุยกับเพื่อน เสร็จแล้วสั่งอาหารเพื่มอีก 2 จาน แบบชิลล์ๆ
เหตุผลคือการบำเพ็ญเพียรใช้พลังงานเยอะมาก มื้อนึงกินเป็ดคนเดียวได้ครึ่งตัว
กูไปอ่านมาแล้วสนุกมากเลย ไปดำตอนจบมาแล้วด้วย มีพระเอกนะ เจอกันตอนแรก ๆ นี่แหละ......
พี่งได้อ่านเรื่องลูกสาวชาวนาใน raw มา อยากรู้ว่าเรื่องนี้มี eng ไหมวะ หาไม่เจอเลย
ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต เรื่องนี้ใครดำแล้วบ้าง นางเอกเดิมเป็นไงอะ ร้าย?
เมียชาวนา กูเจอตรงนี้ในคำโปรย กูว่านางเอกเก่าคงไม่พ้นร้าย นิยายจีนนี่นางเอกเก่าร้ายทุกเรื่องอยู่แล้วมั้ง
เซี่ยยวี่หลัว Talk
"ที่ทำทุกอย่างนี้เพราะอยากมีชีวิตอยู่จนจบเรื่องหรอกนะ ไม่ได้คิดจะขโมยบทนางเอกเสียหน่อย" xoxo
มีเรื่องใหม่มาป้ายยาจ้ะ
Master Meow
นางเอกทะลุมิติไปอยู่อีกโลกนึง
เป็นโลกแห่งสัตว์ขนาดยักษ์ ไม่มีมนุษย์เลย
เข้ามาแล้วโดนจับไปขายเป็นสัตว์เลี้ยงให้แมวยักษ์ไฮโซตัวนึง
ฮีชอบเลี้ยงโน้นเลี้ยงนี่ แต่ทำตายตลอด
ดำ Grand Princess ที่เพื่อนโม่งแนะนำมาอยู่
เหนื่อยกับปมในใจคู่หลักมาก
แต่ก็เอาใจช่วยให้กลับมารักกันสักที
>>975 จริงมากกกก ถ้าไม่อยากแย่งก็ต้องไม่ไปใกล้ชิด รักษาระยะห่าง เท่าที่อ่านมาคือชีก็พยายามทำให้พระเอกรักแหละ ทำดีซะขนาดนี้ เกินเบอร์ไปมาก แถมคอยนอยเวลาพระเอกไม่เชื่อใจอะไรนี่อีก อยู่กับพระเอกก็เก้อกังกระอักกระอ่วน สงสัยทำไมไม่ขอหย่าแบบดีๆ สาบานเป็นพี่น้องอะไรกันไป พิรุจเยอะจัด
มีใครรีวิว มู่หนานจื่อของ จือจือ มั่งมั้ย กูเห็นเอามาแปลในฟิกชั่นล็อก กูเป็นแฟนจือจือ เห็นเรื่องนี้มีเป็นพันตอนเลย อ่านเท่าที่ลงตอนนี้ก็สนุกดีอยู่ กำลังคิดว่าคุ้มค่าเติมเหรียญมั้ย เป็นหลายพันเลย
เสียใจมากนิยายจือจือกลายเป็นนิยายเว็ปไม่มีเล่มหลายเรื่องเลย มีเล่มก็แปลบัดซบ
กูขอนอกเรื่องหน่อย จือจือทีีออกเล่มล่าสุดแปลบัดซบจริง อาจจจะอ่านลื่น รูปประโยคดีกว่า ยามดอกวสันต์ แต่อ่านแล้วคือเหี้ย งงสรรพนาม ไม่รู้ว่าอีบอกมันอ่านแล้วไม่งงบ้างเหรอ พวกลูกชิง ลูกอี๋ ลูกเหี้ยไรเยอะแยะ อีตังละครที่เป็นเด็กด้วยกัน ก็เรียกลูก...เลย ต้นฉบับมันใช้คำว่าไรกันแน่
จือจือ วางปูมหลังตัวละครแบบไหนนิสัยตัวละครก็ตามนั้นเลยไม่เป๋เลย องค์หญิงก็องค์หญิง คุณหนูก็คุณหนูแบบน้องฟู่ แบบเสาจิ่น กูรอดูเรื่องมู่หนานจื่อที่เป็นไทเฮาเนี่ยจะเป็นไง
แล้วงานจือจือตั้งชื่อไทยยากเหรอวะ สถานก็ทับศัพท์ ฟิคชั่นมึงยังทับศัพท์อีก
โม่งคุยกันถึงมู่หนานจื่อ กุเลยไปหาอ่านเรื่องย่อมาอ่าน กุว่าน่าเบื่อ จือจือคงไม่ใช่แนว กุอ่านพราวพร่างฯไม่รอดว่ะ
>>992 กูก็ว่างานจือจือน่าเบื่อทุกงาน รายละเอียดที่ไม่เห็นจำเป็นโผล่มาเต็มหน้ากระดาษจนมีแต่น้ำ ส่วนใจความที่จะสื่อมีนิดเดียว แถมบรรยายไม่สนุกไม่ชวนติดตาม อ่านไปงงไป ญาติคนนั้นโผล่มา ตัวละครนี้โผล่มาให้ได้ยินแต่ไม่มีบทนะ จะพูดถึงทำไมก็ไม่รู้ ใครว่ารายละเอียดดีกูเถียงเลย เพราะแม่งมีแต่น้ำจริงๆ เอาแค่ดอกวสันต์ที่ในนี้อวยๆกัน ทุกอย่างน่าเบื่อและน่ารำคาญหมด นางเอกเปิดมานิสัยก็น่ารำคาญแล้ว ขนาดคิดจะหาคนช่วยเหลือ นางเอกแม่งเสือกคิดลำดับญาติไปจนถึงบรรพบุรุษ คิดเผื่อแผ่ทั้งตระกูล ทั้งที่พวกแม่งคือตัวประกอบไม่มีบทสำคัญอะไรเลย จะเล่าเพื่อ?? ตัดๆน้ำทิ้งไปจะกระชับกว่านี้เยอะ
จือจือมันงานเล่าชีวืตวะ แล้วคนจีนแม่งต้องเล่าถึงโคตรจริง นับญาติไปหมด ตระกูลสะใภ้ที่มาดองอีก ซึ่งกูว่ามันก็เรียลตามเซ็ตติ้งยุคสมัยนะ
อริร้ายเป็นเรื่องที่สั้นสุดของจือจือแล้วป่ะ กูว่าให้นางเขียนยาวๆ เถอะ พอนางเขียนสั้นแล้วมันดูลนๆ อริร้ายเล่มจบรู้สึกรวบรัดไป
งานเล่มอื่นของนางที่ส้มไม่ดีลมา เพราะคู่แข่งเยอะด้วยปะ อาจจะต้องลงทุนสูงขึ้น
แล้วเรื่องที่มันเนิบมาก มันจะมีพวกที่ชอบไปเลย กะพวกที่ไม่ชอบเลยเพราะงง ขี้เกียจจำญาติบ้าง ชื่อเยอะจำไม่ได้บ้าง อย่างหมิงหลันยังแค่พอถูไถเลยกระแสขนาดมีซีรีย์ด้วย แนวเรื่องก็แนวชีวิตตัวเองคือๆ กัน
แต่กูว่าส้มสร้างกระแส จือจือ เยวี่ยเซี่ยเตี๋ยอิ๋ง(ที่หลังๆ กูไม่อ่านละ งานโคตรน่าเบื่อ เฟ้อมาก) จิ่วลู่ พอกระแสดัง สนพ. อาจจะแย่งชิงเยอะ ส้มดูไม่ทำออกมาอีกเลย ก็งงๆ ส้มเรื่องนี้เหมือนกัน ว่าสร้างกระแสมาแต่ดูไม่ค่อนเอางานอื่นของนักเขียนเดิมมาแปลอีก
ปล. แต่กูชอบงานจือจือ เหมือนอ่านชีวิตตัวละครนึงในเซ้ตติ้งนั้นจริงๆ เนิบบ้างลุ้นบ้าง เป็นกำลังใจให้บ้าง เศร้าด้วยบ้าง ไรงี้ และกูก็ชอบดอกวสันต์ 555
กูชอบจือจือเพราะชอบความญาติเยอะนี่แหละ ชอบระบบเครือญาติวุ่นวาย ทำอะไรลงไปทีนึงกับใครส่งผลกระทบทั้งหมด ทำไมต้องเลือกวงศ์ตระกูลของเมียขนาดนั้น ส่วนน้องฟู่กับเสาจิ่นคือชอบมาก
งานจือจือนี่กูว่าถ้าไม่ชอบไปเลยก็เกลียดไปเลยแหละ
ขอทดสอบลิ้งค์หน่อย
>>>/webnovel/11093/239-1000
ไปค่ะ เก็บของย้ายบ้าน
ตำหนักหอสมุดจีนออนไลน์ [ตำหนักที่ 3]
>>>/webnovel/13344
ย้ายแล้วจ้า
ตำหนักหอสมุดจีนออนไลน์ [ตำหนักที่ 3]
>>>/webnovel/13344
ไปเม้าท์ต่อที่นี่
ตำหนักหอสมุดจีนออนไลน์ [ตำหนักที่ 3]
>>>/webnovel/13344
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.