Fanboi Channel

โปรแกรมเมอร์ที่รัก [โปรแกรมที่ 2]

Last posted

Total of 1000 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:IJq7KcjB24

>>>/tech/333/ โปรแกรมเมอร์ที่รัก

2 Nameless Fanboi Posted ID:Uv7xRno4bY

ไอสัสไม่มีใครต่อเลย

3 Nameless Fanboi Posted ID:t3oscrc2Fm

เราเป็นโปรแกรมเมอร์เงินเดือนเกินแสน ใครอยากถามอะไรถามมาไกเ

4 Nameless Fanboi Posted ID:Q.C6kOCm9s

>>3 ขอตังหน่อยคับเพ่

5 Nameless Fanboi Posted ID:+iUQ0FApm9

>>3 ทำงานที่ไหน

6 Nameless Fanboi Posted ID:Z62//Bsy.r

>>5 ทำงานที่บริษัท Startup ของต่างชาติชื่อไม่ดัง ย่านสุขุมวิท

7 Nameless Fanboi Posted ID:Z62//Bsy.r

>>4 ไม่ให้

8 Nameless Fanboi Posted ID:7NflbP15Z+

>>3 รุกหรือรับ

9 Nameless Fanboi Posted ID:53CbYLmCC5

>>7 งกว่ะ

10 Nameless Fanboi Posted ID:sK/sYVp6ZY

>>8 รุก

11 Nameless Fanboi Posted ID:sK/sYVp6ZY

>>9 ไม่งกกับสาวสวย

12 Nameless Fanboi Posted ID:CIpoIL3PtL

https://youtu.be/4e3qSXt4X64

13 Nameless Fanboi Posted ID:FvcxGQ2qO0

>>6 ทำงานเอ็มควอเทียป่าว

14 Nameless Fanboi Posted ID:Xwx2VBLIQm

>>13 ไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียง

15 Nameless Fanboi Posted ID:+QnfqyH+lh

>>10 นัดยิ้มกันไหมครับ ออกค่าถุงกับเจลให้ค่าห้องหารครึ่ง

16 Nameless Fanboi Posted ID:.AIadRJvZg

>>15 รุกกับสาวสวยเท่านั้น

17 Nameless Fanboi Posted ID:NTgCyEE1YG

พวกมีง Outsource วันลากี่วันวะ กุ 6 วันต่อปี เยอะหรือน้อยวะ

18 Nameless Fanboi Posted ID:BBfCHzs0Oe

>>17 ของกูให้เดือนละ 1 วัน ไม่ลาให้เงินคืน ถ้าลาเกินโดนหักตัง
แต่ลา 1 วันนี่คือรวมหมดทุกอย่างจะลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อน ก็นับเป็นลาเหมือนกันหมด

19 Nameless Fanboi Posted ID:QXkJfYcSNC

>>18 ก็ดีนี่หว่า แต่หมายถึงว่าถ้าทำงานแค่ 5 เดือน ก็ลาได้แค่ 5 วันป่าววะ ใช้วันเกินเดือนทำงานไม่ได้ ?

20 Nameless Fanboi Posted ID:lujr75X2C7

>>19 เค้าคิดหัก/คืนเงินเป็นรายเดือนเลย ถ้าลาเกินก็โดนหักตังไปตาม เงินเดือน/จำนวนวันทำงานของเดือนนั้น
ดูเหมือนเยอะแต่กูว่าไม่เยอะ เพราะลาอะไรก็โดนนับเป็นลาหมด เหมือนกึ่งๆเป็นลูกจ้างรายวัน

21 Nameless Fanboi Posted ID:31Gs1sml25

https://fanboi.ch/game/8282/
ช่วยมาเป็นแรงบันดาลใจให้คนติดเกมกันแล้วมาฝึกเขียนโปรแกรมกันเถอะ

22 Nameless Fanboi Posted ID:6jB9rTd0ZV

เบื่ออารมณ์แบบฝ่าย technical กับ business ทะเลาะกันแล้วโปรแกรมเมอร์ต้องทำตัวเป็นนกสองหัวเพื่อความปลอดภัยของตัวเองว่ะ
แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ เดี๋ยวตกงาน

23 Nameless Fanboi Posted ID:e+6VmtQKo9

>>22 55555 ตามนั้น ของกูนี่ไม่กล้าทำเอกสารเลย เพราะ requirement พวก process เล็กๆ ย่อยๆ มีเปลีย่นทุกครั้งที่ประชุม ถ้ากุทำเอกสารนี่ตาย แก้โปรแกรมเสร็จมาแก้เอกสาร วนลูปไปเรื่อยๆ แต่ทำไงได้เป็น outsource ก็ต้องทำตามเค้าแหละ

24 Nameless Fanboi Posted ID:hBLAW2aEjn

ในไทยบริษัทไหนสัมภาษณ์งานยาก ๆ บ้างครับ อยากไปลองเจอดู

25 Nameless Fanboi Posted ID:NF6IRtehw/

คนทำงานประจำมา เคยเจอโปรแกรมเมอร์ที่เรียนเองกันบ้างปะวะ
กะทำโปรเจกต์เก็บพอร์ตเองไปสมัคร แต่จบไม่ตรงสายบริษัทเดี๋ยวนี้เขารับกันบ้างไหม

26 Nameless Fanboi Posted ID:7LUd7f1MSu

>>25 แล้วแต่ที่นะ บางที่ก็ซีเรียสเรื่องวุฒิ บางที่ก็ไม่เลยขอแค่ทำงานได้
ส่วนมากที่เจอจะเป็นพวกจบสาขาใกล้เคียงอย่างพวกวิศวะไฟฟ้า อิเล็กโทรนิค โทรคมนาคม

27 Nameless Fanboi Posted ID:UVBklvUVJm

>>24 ถ้าจบใหม่ อยากยากก็ไปสมัคร บ.ที่เขารับตามสีอะ ถ้าสีมึงไม่ตรงแล้วไปสมัครรับรองว่ายาก

28 Nameless Fanboi Posted ID:g8JquzAGw8

>>27 รับตามสีคือ?

29 Nameless Fanboi Posted ID:hw8/.m9zph

>>28 รู้ไหม ที่นี้หลังคาสีอะไร?

30 Nameless Fanboi Posted ID:MpyShcrjN+

>>29 สีแหบ

31 Nameless Fanboi Posted ID:WYMdlczbsy

คอมติดไวรัส .zobm ทำไงถึงกู้ไฟล์ได้คับ

32 Nameless Fanboi Posted ID:v8g3r819K8

https://leetcode.com/discuss/career/449135/how-to-effectively-use-leetcode-to-prepare-for-interviews

33 Nameless Fanboi Posted ID:yMjOI18vIu

อยากรู้ว่าอัตราการผ่านโปรของคนอื่น ๆ อยู่ที่กี่ % หรือ เราอยู่ที่ 50%

34 Nameless Fanboi Posted ID:2rOpB/f76y

>>33 ของกูผ่านโปรตลอดนะ แต่ไม่ได้เปลี่ยนงานบ่อย ทำงานมาประมาณ 7 ปี เพิ่งเปลี่ยนงานครั้งเดียว
แต่สัมภาษณ์ไม่ผ่านนี่เยอะ ที่ไหนที่ไม่โอเคกับกูก็คือตกตั้งแต่สัมภาษณ์แล้ว เค้าไม่รับเข้ามาแต่แรก

35 Nameless Fanboi Posted ID:yMjOI18vIu

>>34 โหสุดยอด ผ่านโปร 100%

36 Nameless Fanboi Posted ID:LUgXVRux5S

ถามโม่งโปรแกรมเมอร์หน่อย ตอนนี้กูมีคอมเครื่องเดียวที่ซื้อมาทั้งเล่นเกมและเขียนโปรแกรม ปัญหามีอยู่ว่า SSD ติดเครื่องที่มันน้อย ลงเกมก็แน่นแล้ว
พวก tools โปรแกรมเมอร์ก็กินที่เยอะมาก แต่ไม่มีงบซื้อ SSD เพิ่ม ซื้อ SSHD มาใส่เพิ่มแล้วลง tools ทำงานบนนั้นจะเวิร์คมั้ย

37 Nameless Fanboi Posted ID:CL7CweglDk

>>36 ทำงานโปรแกรมเมอร์ แต่ไม่มีตังค์ซื้อ ssd พูดมาได้ เฮงซวย

มันก็ไม่แพงนะ ssd เดี๋ยวนี้ เครื่องใส่ได้ กี่ slot 512 m.2 เดี๋ยวนี้ไม่กี่พันเอง

38 Nameless Fanboi Posted ID:OVQfN5ILGb

>>36 ถามทุกกระทู้เลยนะมึง เอาเป็นว่าเก็บเงินซื้อ ssd เถอะ เดี๋ยวนี้ถูกชิบหาย

39 Nameless Fanboi Posted ID:dzvWp2zh61

>>35 ผ่านโปร 100% แต่เปลี่ยนงานครั้งเดียว ก็คือมันเคยผ่านโปรแค่2หนนี่หว่า

40 Nameless Fanboi Posted ID:SnE+9P+iax

ผมคิดมาตลอดนะว่าจะเขียนโค้ดได้ดี ต้องเข้าใจ Literature และ
Writing communication in general ด้วย ว่า อย่างพื้นฐานสุดก็งานเขียนต่างๆ มันมีผลต่อความคิดของคนอ่านยังไง การแบ่ง Chapter หรือย่อหน้าแบบไหนมีผลยังไง แบบไหนเข้าใจง่ายยาก เวลาอธิบาย Academic ที่ซับซ้อนทำยังไง

ถ้าเข้าใจพวกนี้จะเห็นว่าพวกเทคนิคต่างๆ ในการสเกลโค้ด มันเป็นแค่เครื่องมือนำมาใช้ในการทำ Written communication ที่มีคุณภาพเฉยๆ ไม่ใช่ปลายทาง

อย่างเมื่อกี้เขียนเรื่อง Terminology ถ้าไปอ่านงานเขียนดีๆ เขาจะมีวิธี Introduce term พิเศษในงานเขียนของเขาโดยที่ไม่ Overwhelming คนอ่านเกินไป มันจะมี Sweet spot อยู่นะ

ลองคิดดูว่าถ้า Lord of the ring ซึ่งเป็นนิยายที่มี Technical term เฉพาะโคตรจะเยอะ ดีไม่ดีเยอะกว่า Codebase ที่เราทำหลายๆ ตัวอีก ถ้าโยน Term ทั้งหมดไปให้คนอ่านแล้วบอกว่าเข้าใจพวกนี้หมดก่อนนะค่อยเริ่มอ่านนิยายของผม

แต่ที่เราเข้าใจเพราะ LOTR เลือกใช้ Term ที่ Well-known ในหมู่นักอ่านนิยายแฟนตาซี ช่วยลดปริมาณความสับสน แล้วก็ผสมกับใช้จังหวะในการแนะนำแต่ละคำศัพท์อย่างเหมาะสม ไม่ใช่ทีเดียวจบ

อันนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ให้เห็นว่า Literature มันมีเทคนิคหลายอย่างที่เราใช้ได้

41 Nameless Fanboi Posted ID:SnE+9P+iax

>>39 เก่งแล้ว งาน 2 ที่แรกเราไม่ผ่านโปรทั้ง 2 งาน

42 Nameless Fanboi Posted ID:D.hDiw395E

ถามโม่งโปรแกรมเมอร์หน่อย ถ้าอยากลองเริ่มเขียนโค้ดมันมีที่ไหนเปิดสอนเป็นคอร์สบ้างมั้ยอ่ะ ราคาประมาณเท่าไหร่

แล้วพื้นฐานที่ควรมีคือไรบ้าง เลข? รึอะไรยังไง

43 Nameless Fanboi Posted ID:XlnKjrFrG/

>>42 เรื่องที่เรียนไม่มีแนะนำแฮะ พอดีกูเรียน ป. ตรี มาด้านนี้อยู่แล้ว ไม่ได้เรียนเองทั้งหมด

ความรู้ที่ควรมีก่อนกูว่าสำคัญสุดคือภาษาอังกฤษนะ และอีกอย่างก็รู้จักการใช้ google หาข้อมูลด้วยตัวเอง
เพราะต้องหาข้อมูลเองเยอะ และข้อมูลพวกนี้ส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษหมด

คอมใช้เลขเป็นพื้นฐานก็จริง แต่การเขียนโปรแกรมมันไม่เหมือนแก้โจทย์เลข แค่มีความเข้าใจ concept คร่าวๆ และประยุกต์เป็นก็พอ
มันเป็นการสั่งให้คอมทำสิ่งต่างๆให้ แล้วดูผลลัพธ์การทำงานที่ออกมาว่าถูกรึเปล่า ซึ่งในความรู้สึกกูมันต่างกันเยอะ

44 Nameless Fanboi Posted ID:gnQrcYIBbR

ลองใช้กลยุทธ์ ทรัมป์ ก็จะได้เห็น Dark Side ของคนมากขึ้น
ได้ข้อมูลมาเยอะแยะ ดีเลย จะได้เห็นว่าจริงๆแล้วเค้าคิดยังงัยกับเรา

คนที่เห็นประโยชน์เราตอนเราดีก็มีเต็มไปหมด
ตอนเราร้ายก็ด่าเราลับหลัง
ความโกหกตอแหลมันโผล่ออกมาชัดเจน

สิ่งที่อยากได้จาก Community คือความจริงใจเป็นอันดับแรก
มันเป็นวิธีการกรองคนที่ได้ผลดีอย่างที่ตั้งใจไว้

คนที่เขาทำงานด้านมืดนี่ รู้จักจริงๆหลายคน ธรรมมะธรรมโมมาก ดูแลผู้หญิงดีมาก ไม่งั้นผู้หญิงก็ไม่มาทำงานด้วยหรอก
เพราะสังคมบีบคั้นทำงานแล้วโดนกดขี่ เก็บเงินไม่ได้ โดนขูดรีดจากผู้มีอิทธิพล แต่ละคนก็มีทางเลือกต่างกัน ไม่ต้องรีบตัดสินก็ได้ถ้ายังไม่รู้จักกันดีพอ

คนที่ทำด้านสว่างก็ทำเรื่อง Dark ๆ เยอะ ก็เห็นมาเยอะแต่ทำไรไม่ได้ พอยกเรื่อง dark ที่ตัวเองเคยทำขึ้นให้เห็น ก็แสดงตัวเป็นคนดีขึ้นมารับไม่ได้ก็แปลกดี ตัวตนจริงๆตัวเองยังยอมรับไม่ได้เลย

ริเริ่มทำไรใหม่ๆก็ไม่มีคนเข้าใจอยู่ละ ไม่จำเป็นต้องอธิบายมาก เพราะไม่ได้อยากอธิบาย อยากทำให้สำเร็จมากกว่า ยังงัยก็ทำอยู่ละ

ก็ไม่อยากจะโอ้อวดว่าตัวเองทำมาไม่น้อยกว่าใคร เห็นปัญหามากมายที่มันไปต่อไม่ได้ด้วยวิธีการเดิม ก็พิสูจน์กันละกัน เอาตัวเองให้รอดก่อน

ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำมาในอดีตมันคือความดี มันก็เป็นอดีต ที่ไม่ได้มีใครสนใจ ป่วยมายังไม่มีใครเหลียวแหล ทุกอย่างมันก็เป็นแค่อดีต

ผมเจ็บแทนคนใน Community มาเยอะกว่าที่หลายคนรู้ ไม่แฉก็ดีแล้วครับ แต่ละคนแสบๆทั้งนั้น

ก็อยากจะ Filter ให้เหลือน้อยๆ เหลือแต่คนที่ลำบากไปด้วยกันลุยไปด้วย

Set to Zero ถ้าไม่ทิ้งบางอย่าง เราก็ยากจะก้าวผ่าน ใครจะดราม่าก็ดราม่าไปนะครับ มีไรทำเยอะ

เอาเวลาไปทำงานสร้าง Value ให้ Community ที่คุณคิดว่าดี ดีกว่าครับ

ทำไมฝั่ง business เขาชอบมาคุยกับผมมากกว่าคุยกับ Dev และ Community ก็ลองคิดเองว่ามันยังมีปัญหาอะไรอยู่ ทำไมอีกหลายๆที่เขาไม่อยากสนับสนุน

อย่ามาเสียเวลากะผม อีกไม่กี่ปีเราก็ตายจากกันละ แมนๆก็มาคุยกันได้ ไม่ต้องโพสต์หรือนินทาลับหลัง ขี้เกียจตามไปอ่าน

ดราม่า

45 Nameless Fanboi Posted ID:Rxh4gLZzGW

>>43 อิหยังวะ

46 Nameless Fanboi Posted ID:VE5z1kkKJH

https://www.youtube.com/watch?v=FMIZEfjYmtM
Programming with Boris 👍👍👍

47 Nameless Fanboi Posted ID:mJNRqvLoRf

เขียนโค้ดเป็นทำอาชีพอะไรได้มั่ง ตอนนี้กูกำลัง hello world

48 Nameless Fanboi Posted ID:sWF58z+2AZ

"มีใครรู้สึกเหมือนผมไหมว่า โดดดิด่ง มันเร็วขึ้น"
"เช้านี้ผมเปิดฟัง รู้สึกว่า เพลงมันเร็วกว่าเดิม"
https://www.youtube.com/watch?v=Ek8itihPQgE

49 Nameless Fanboi Posted ID:pZ8d9HXZLO

>>47 กูก็หัด Hello World ด้วย React อยู่ อยากอัพเงินเดือน

50 Nameless Fanboi Posted ID:ZOlhO89Cnn

กูอยากเริ่มเขียนโค้ด เเต่กูต้องเขียนลงในไหน ?

51 Nameless Fanboi Posted ID:wagRTXY2dj

>>50 โค๊ดสตาร์

52 Nameless Fanboi Posted ID:IM4yKLBvuT

>>51 กูนึกแล้วว่ามุกเหี้ยนี่ต้องมา

53 Nameless Fanboi Posted ID:b83y1bOfvG

>>50 หมายถึง IDE?

54 Nameless Fanboi Posted ID:J0dCuBN9Tr

>>50 notepad

55 Nameless Fanboi Posted ID:Y9wMlyaA5S

visual studio code

56 Nameless Fanboi Posted ID:I0YDlTmMud

>>50 >>55 อันนี้แหละ เขียนได้ทุกภาษา แต่กูชอบเวลาใช้พวก nodejs python เขียนสคริปต์ cli ต่างๆนาๆ autocomplete ไม่ค่อยเอ๋อ git ก็ใช้ง่าย มี ternimal ในตัว ใช้งาน json yaml ก็จัดรูปได้สวยดี อ่านง่าย
แต่ถ้าเขียนพวก .net แนะนำไป visual studio community ดีกว่า ค่อนข้างครบกว่า

57 Nameless Fanboi Posted ID:rQ7pyBL31A

อยากลาออกจังเลยน้า

58 Nameless Fanboi Posted ID:.oNDv84ylY

>>57 เหมือนกัน แต่ไม่กล้าว่ะ ช่วงนี้หางานยาก

59 Nameless Fanboi Posted ID:88iBR8MMds

>>58 กุไปสัมฯ มาสามที่ละ เงียบหมดเลย เหนื่อย ฟร้อนท์เอนด์ นี่กูต้องเป็น React ให้ได้ใช่มั้ยถึงจะหางานที่เงินมากกว่าเดิมได้

60 Nameless Fanboi Posted ID:7qGIpPyz34

เคยมีคนบอกอยากสัมภาษณ์ยากๆ น่าลองมาหางานช่วงนี้นะ น่าจะยากสมใจ

61 Nameless Fanboi Posted ID:aVEXamjY5z

Agoda backendเรียกสัมว่ะ แม่งยากป่ะวะ อัลกอกุอย่างกากเลยต้องซ่อมซัมเมอร์ ผลงานก็มีแต่ที่ทำตอนเรียน ทำไงดีวะเหลืออีก3วัน

62 Nameless Fanboi Posted ID:emN9KG3fmr

>>61 กูไม่เคยสัม Agoda นะ แต่ปกติงาน backend เค้าไม่เน้นเรื่องพวกนั้นนะ
เค้าดู tool ที่เคยใช้ ทัศนคติ อะไรพวกนี้มากกว่า

63 Nameless Fanboi Posted ID:aVEXamjY5z

>>62 กูกำลังจะจบอ่ะเลยไม่มีประสบการณ์เท่าไรเลย

64 Nameless Fanboi Posted ID:ncke3X4Huk

>>59 ใช่ ๆ ต้องเป็น React เราทำ React อยู่ ได้เงินเดือนเยอะมาก ๆ เลยล่ะ

65 Nameless Fanboi Posted ID:x39XSRe2s6

วันนี้ที่กะจะหัด React ของกูหมดไปกับการตามดูแคสเกมดบดล แม่งเอ๊ย กูทำตัวกูเองนี่แหละ

66 Nameless Fanboi Posted ID:xv3Fx47TjX

พน.สัมภาษณ์ ถ้าถามโค้ดละตอบไม่ได้ต้องทำไงดีวะ

67 Nameless Fanboi Posted ID:K.zQ9xsRVz

>>66 ตอบไปตามตรงว่าไม่รู้ จะไปศึกษาเพิ่มครับ

68 Nameless Fanboi Posted ID:K.zQ9xsRVz

>>66 ให้ดูดีขึ้นมาหน่อยก็ลองเดาเทียบเคียงกับสิ่งที่รู้ เช่น "ผมอาจจะเข้าใจผิด แต่มันคล้ายกับ... หรือเปล่าครับ เพราะถ้าเป็น ... ผมเคยนู่นนั่นนี่.." ให้เขารู้ว่าต่อให้มึงไม่รู้ก็ตั้งใจจะกลับไปศึกษาเพิ่มเติมจริงๆ

69 Nameless Fanboi Posted ID:u8Z+RAkhwQ

>>66 ตอนสัมไม่เคยเจอถามเป็น code จริงๆนะ แต่จะถามประมาณว่า ถ้าต้องการทำแบบนี้ 1 2 3 ควรทำยังไง
ก็บอกเขาไปปากเปล่าหรือใช้กระดานก็ได้ ออกแนวคอนเซ็ป มากกว่า เขาก็จะดูแค่ว่ามึงเข้าใจพวก oop มั๊ย หรือรู้จัก tool อะไรที่เอามาใช้ได้บ้าง ไม่ต้องถึงขนาดแม่น syntax อะไรมาก

ส่วนถ้า code จริงๆ เขาจะถามตอนสอบข้อเขียนมากกว่า

70 Nameless Fanboi Posted ID:r9Yu.i7ydQ

>>69 แบบเหี้ยสุดที่กูเจอ คือ สัมภาษณ์ผ่าน skype แล้วแม่งรีโหมดตรวจ ตั้งโจทย์สด หน้าจอเลย

71 Nameless Fanboi Posted ID:IFeZa37FgD

กุไปสัมagodaมาละ พาทโต้ดกุทำไม่ได้แต่ก็พยายามเขียนแต่แม่งก็ไม่เสร็จ พาทสัมกุพอได้อยู่ วันนี้เขาofferละว่ะได้ไงวะ เพื่อนกุทำโค้ดได้หมดไม่เห็นมีใครโทรมาเลย กุทำไม่ได้ไม่เสร็จด้วยเสือกได้เฉย ทำไมวะครับ

72 Nameless Fanboi Posted ID:/bkTk.PMit

>>71 เค้าดูรวม ๆ เปล่า

73 Nameless Fanboi Posted ID:eccncR9ci2

>>71 กระซิบได้มั้ยว่าเรียกเงินไปเท่าไหร่ กูคิดว่าถ้าเด็กจบใหม่ค่าตัวไม่แพงทัศคติไม่แย่เกินไปก็น่าจะเก็บมาสอนงานได้นะ เพื่อนมึงอาจตั้งค่าตัวแพง

74 Nameless Fanboi Posted ID:iwNvAqNRnm

>>73 เขาofferกุเองเลยอ่ะ ~ครึ่งแสน

75 Nameless Fanboi Posted ID:iwNvAqNRnm

>>74 กุยังไม่จบด้วยนะ ผลงานก็ง่อยๆ แต่ภาษากูได้อยู่

76 Nameless Fanboi Posted ID:u032EGF0zO

>>74 เช็ดโด้ มึงเมพแล้วล่ะ

77 Nameless Fanboi Posted ID:PulggjVmqS

>>76 ตอนนี้คือกลัวเข้าไปละunderperformละไม่ผ่านโปรว่ะ

78 Nameless Fanboi Posted ID:tD5CcSUwSe

>>77 ไม่ต้องรีบกลัวไปก่อน ต่อให้ไม่ผ่านโปรจริงๆ มึงจะสมัครงานใหม่ในฐานะเด็กจบใหม่โดยไม่ใส่ประวัติงานที่ไม่ผ่านโปรยังได้เลย เงินก็ดี ไม่มีไรต้องเสีย

79 Nameless Fanboi Posted ID:AeEcEWpAzW

ใครที่สนใจเรื่องการออกแบบโค้ด ผมอยากแนะนำให้อ่าน Essay อันนี้ตั้งแต่ปี 1991 ซึ่งผมว่า Classic มากและยังเป็นจริงถึงทุกวันนี้

คือคนเขียนเขาเป็นคนทำ Lisp ซึ่งสมัยนั้นต้องสู้กับภาษา C เพื่อสร้าง Traction แล้วเขาได้นำเสนอสิ่งหนึ่งที่เขาพบระหว่างการสร้าง Traction ให้ Lisp ซึ่งชื่อว่า Worse is better

ซึ่งถ้าสรุปสั้นๆ เขาเคลมว่า ระบบที่ดีไซน์อย่างไม่ถูกต้องมีความสามารถที่จะอยู่รอดและแพร่กระจายมากกว่าระบบที่ดีไซน์อย่างถูกต้อง

แต่ลองไปอ่านดูจะเข้าใจนิยามของคำว่า "ถูกต้อง" ของเขาและทำไมถึงเคลมแบบนี้

ลองเน้นหัวข้อ 2.1 ไม่ต้องมีพื้นฐาน Lisp หรือภาษาเก่าๆ ก็อ่านเข้าใจ

https://www.dreamsongs.com/WIB.html

ถ้าใครสนใจภาคต่อไป เจ้าตัวเขาเขียนบทความมาดีเบตกับตัวเอง โดยใช้นามปากกาอีกอันนึง เขียนลง Magazine อื่นๆ ช่วงปี 199x อีกประมาณ​ 2-3 บล็อก ก็จะตามได้ที่

https://www.dreamsongs.com/WorseIsBetter.html

ในฐานะคนสนใจเรื่องการออกแบบระบบและโค้ด ผมว่าเป็นงานชิ้นคลาสสิคที่กระตุ้นให้คิดได้มาก

80 Nameless Fanboi Posted ID:YA6NlwoNKm

อีกนิดนะถามหน่อย ตอนนี้มีทั้งagoda และ exxonmobil offerมาละอยากถามทุกๆคนหน่อยว่าจะเลือกบ.ไหนกัน backend devทั้งคู่เลย agodaให้เยอะกว่าexxon ~20k แต่สวัสดิการอาจจะไม่เท่า อันนี้คือของจบใหม่นะ รบกวนด้วย

81 Nameless Fanboi Posted ID:Uq2v5s8vZC

>>76

82 Nameless Fanboi Posted ID:2bhXUKAmHE

คอร์สนี้
https://www.udemy.com/course/freelance-web-design-from-design-to-development-to-making-money/
กับอันนี้
https://www.udemy.com/course/python-and-django-full-stack-web-developer-bootcamp/

มันต่างกันยังไงวะ?

83 Nameless Fanboi Posted ID:AaOk6jONdw

>>82 ต่างที่ Tools กับภาษาที่ใช้ ...เอาจริงๆ กูคิดว่ามันเหมือนกันตรงไหนมากกว่า มึงต้องการจะเรียนรู้อะไรกันแน่

84 Nameless Fanboi Posted ID:Az2skXCX8N

>>83 มันเหมือนตรงที่ทำงานกับเว็บ แต่งงตรงที่ว่าคอร์สแรกเจาะลึกด้านการออกแบบแล้วมันเจาะลึกแค่ไหน ส่วนfull stack อันนี้แอบสงสัยว่าได้ทั้งหน้าบ้านกับหลังบ้าน แต่มันจะเป็นการเรียนแบบกว้างๆมากกว่ารึเปล่าวะ? ถ้าเทียบกับคอร์สตัวแรกอ่ะ

85 Nameless Fanboi Posted ID:NozWrV9aG/

>>84 ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นทำเว็บเหมือนกัน แต่จริงๆ เว็บในความหมายของทั้งสองคอร์สต่างกัน กูยังไม่ได้ดูละเอียดนะ
คอร์สแรก เหมาะกับคนที่มาจากฝั่งดีไซน์ ทำเว็บเล็กๆ นำเสนอข้อมูลเป็นหลัก หน้าบ้านเป็นหลัก
คอร์สสอง ไปทางโปรแกรมมิ่ง ภาษาที่ใช้เขียนเว็บ ทำหลังบ้านด้วย แม่งกว้างจริงแหละ กูก็ไม่รู้เหมือนกันไม่ได้ใช้ Python
กูว่ามันขึ้นอยู่กับพื้นฐานที่มึงมี กับความต้องการ ทางที่จะไปด้วยอ่ะ เช่น จะเอาไปสมัครงาน? ทำฟรีแลนซ์? ต่อยอดธุรกิจที่ทำอยู่? งานอดิเรก?
เผลอๆ สิ่งที่มึงต้องการอาจมีคอร์สอื่นตอบโจทย์กว่า เช่น อาจจะเหมาะไปเรียน Wordpress มากกว่าก็ได้

86 Nameless Fanboi Posted ID:IvU4XIqCii

มันจะมีหนังสือสอนเขียนโปรแกรมภาษาจาวาอยู่ จำไม่ได้ว่า เป็นชุดสามเล่มหรือเล่มนึง แต่รวมๆกันน่าจะประมาณ พันหน้าได้มั้ง
ตอนนั้นกูเป็นเด็ก พยายามจะหาแต่ไม่มีปัญหามา ตอนกูเป็นถ้านับจากตอนนี้ยอนหลังไปประมาณ 7 ปีได้ แต่ตอนที่กูหาหนังสือเล่มนั้นมันค่อนข้างเก่าแล้ว แต่ก็ยังมีคนบอกว่ายังสามารถใช้ได้ดีอยู่ และเหมาะสำหรับทำการศึกษา เพื่อนโม่งที่อยู่ในวงการเขียนโปรแกรมมานานพอจะนึกออกไหม หนังสือน่าจะเป็นภาษาไทยมั้งไม่แน่ใจ
กูอยากหามันอีกครั้ง ถ้ามีรูปมาให้กูดู กูพอจะนึกออกนะ ถ้าเป็นสามเล่ม มันจะมีสี ขาว ม่วง เขียว มั้งนะ

87 Nameless Fanboi Posted ID:IvU4XIqCii

>>86 กูขอเพิ่มเติม สีพื้นหลังหนังสือเกือบทั้งหมดเลยจะเป็นสีขาว จะมีสีที่กูบอกแค่นิดๆหน่อยๆ แต่ก็เห็นชัด
กูจะหาเจอไหมเนี่ย

88 Nameless Fanboi Posted ID:KzhK.dTHef

>>86 ไม่รู้ชื่อหนังสือ แต่อยากมาแนะนำมึงว่าถ้าจะอ่านหนังสือสอนเขียนโปรแกรมอยากให้อ่านภาษาอังกฤษมากกว่า
อ่านตามเว็บเอาก็ได้ ไม่ต้องหนังสือเป็นเล่มๆหรอก
ปัญหาของการอ่านหนังสือที่แปลเป็นภาษาไทยคือคำศัพท์หลายๆคำพอแปลไทยแล้วมันกลายเป็นเข้าใจยากกว่าเดิม
เวลาเขียนโปรแกรมจริงๆต้องหาข้อมูลเพิ่มแทบตลอดเวลา แม้แต่กับเรื่องพื้นๆ แล้วของพวกนี้เป็นภาษาอังกฤษหมด โค้ดก็เป็นภาษาอังกฤษ
ถ้าไปชินกับคำศัพท์/คำอธิบายภาษาไทยแล้วเวลาต้องหาข้อมูลจะลำบาก
เพราะนึก keyword ที่ต้องเอามา search ไม่ออก หาข้อมูลเจอก็ต้องพยายามแปลกลับมาเป็นคำภาษาไทยที่เองชิน
สู้ทำตัวให้ชินกับศัพท์เทคนิค คำอธิบายภาษาอังกฤษ ไปแต่แรกจะดีกว่ามาก

89 Nameless Fanboi Posted ID:rUDElwTrwA

>>88 เออวะเข้าใจที่มึงบอกนะ ขอบคุณมึงมากนะเรื่องนี้ ตอนนั้นกูที่อยากจะเรียนเขียนโปรแกรมตอนนั้นยังเด็ก ขอใครเรียนก็ไม่มีใครเข้าใจ กูเลยหาหนังสือจะอ่านเอาเอง แต่จริงๆแล้วกูแบบอยากเห็นเหื้อหาข้างในไง ก็คือเอาง่ายๆกูอยากเห็นหนังสือที่กูหมายถึงนี้อีกครั้งนึง ถ้ากูจะกลับมาเริ่มเขียนโปรแกรมอีกครั้งกูคงจะเริ่มอะไรแบบใหม่ๆมากกว่าอยู่แล้ว กูแอบเสียดายนะ ตอนนั้นกูเขียนโปรแกรมออกมาเป็น .apk ตั้งหนึ่งตัว แต่เสือกไม่ทำต่อ จนตอนนี้ผ่านมา 7 ปีละ
แต่ก็ลำบากมากด้วยจนถึงตอนนี้เลยเพราะกูไม่มีคอม ไม่มีตัง เพราะตอนนั้นกูมีมือถือ android โง่ๆเครื่องนึงเอง แล้วเสือกไปพยายามหาวิธีเขียนโปรแกรมบนมือถือ ซึ่งแม่งก็มองจากมุมคนมีคอมใช้ คงไร้สาระ

90 Nameless Fanboi Posted ID:EB3CqIGoM7

ขอระบาย ย้ายงานมา บ. นึงมาพักใหญ่ พบว่าวิธีการเขียนโค้ดแม่งโคตรโบราณ เช่นใช้ c# แต่ไม่ค่อยจะใช้ lib มาตรฐานๆที่คนใช้กันใน nuget ล่อเขียนเองทั้งหทดทุกโมดูล แล้วการเขียนไม่พัฒนาไปไหนเลย 10-20 ปีที่แล้วเคยทำยังไง ก็ยังคงทำอยู่แต่แบบเดิมๆ
เสนอโซลูชั่นใหม่ๆให้ทำงานได้ง่ายขึ้นก็ไม่เอา ไม่อยากปรับเปลี่ยน
Devops นี่เหี้ยมากตั้งแต่กูเคยเจอเลย มีก็เหมือนไม่มี ทุกคนเขียนใครเขียนมัน git มีก็ไม่ค่อยใช้กัน ตามงานแต่ละที แทนที่จะ push จะ merge ขึ้น แม่งเล่นก็อปใส่แฟล็ชไดร์ฟมาให้ แถมบางฟีเจอร์ใช้งาน service ใช้งาน api เหมือนๆกันก็ไม่รวมใช้ตัวเดียวกันนะ ตั้งแยก ใช้ใครใช้มันไปอีก

ถ้าว่าเป็นโปรเจ็คเก่าๆที่มันปรับการโค้ดยากยังพอเข้าใจ แต่ขึ้นโปรเจ็คใหม่มา แม่งก็เหมือนๆเดิม วนเวียนไปแบบเดิม
อีกอย่างเวลาจะ deploy หัวหน้าก็บอกอยากได้อะไรใหม่ๆทันเทคโนโลยี อยากจะใช้ cloud ใช้ container สุดท้ายก็แป้กเพราะคนในทีมไม่ค่อยอยากเรียนรู้ (ทั้งๆที่มันก็มีเวลา) บอกกูให้สอนนั่นนี่ พอเรียกมาจะเทรนด์ให้พวก CI/CD การ auto deploy การเขียน unit test (เออ มันเขียน unittest กันไม่เป็น) พี่แกก็บอก ยาก ไม่เอาอะ เพิ่มงานเขาเปล่าๆ
สุดท้ายยังไง ก็เป็นกูกับน้องๆในทีมนี่แหละ รับหน้าที่ดูส่วนนี้ ต้องมานั่งเขียน unit test ให้ ดู environment ให้ทั้งหมด สำหรับ production อันไหนไม่ได้ พวกกูก็ต้องแก้ให้เขา ทั้งๆที่ไม่ได้เขียนเอง แล้วโค้ดแม่ง debug ยากสัดๆ 10 คนก็เขียนมา 10 แบบ

บางคนคงสงสัย แล้วทำไมกูไม่วางโครงของโปรเจ็ค แบ่งงานให้คนอื่นดีๆ คือหน้าที่กูไม่ได้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง มันบังคับใครไม่ได้ ได้แต่เสนอไอเดียเฉยๆ ซึ่งส่วนใหญ่เขาไม่เอากันแหละ

เปรียบเปรยอารมณ์จะคล้ายๆมึงอยากอัพเดตคอมให้ญาติผู้ใหญ่ เป็น window 10 แต่เขาไม่เอา จะใช้แต่ winXP แถมไม่พอ ดันเอา ไอ้ XP มาข่ม win10 ที่มึงจะลงให้เขากลับอีก

91 Nameless Fanboi Posted ID:QI8ZFNNUe7

>>90 win xp ยังดี เดี๋ยวเจอ 98 โผล่กลางดง 555+

ปัญหาคือ บ.มึงเหมือนไม่ได้ทำเกี่ยวกับด้าาน sw โดยตรงหรือเปล่า ถ้าแบบนั้นก็เรื่องปรกติที่เล่นกันลูกทุ่งแบบนั้น
พนักงานรากงอกเคยใช้วิธีไหนก็วิธีนั้น เพราะมันตอบสนองกับ project ระดับงานที่ไม่ใหญ่มากได้ คือจบ

วิธีที่ดีที่สุดคือ หาที่ใหม่ เจ็บแต่จบ แต่ถ้าเศรษฐกิจยังแย่ ไวรัสยังระบาดก็แล้วแต่

92 Nameless Fanboi Posted ID:gGEXxKlqnB

>>91 บอกไปกลัวโม่งแตก ลักษณะงาน ประมาณว่ารับเขียนซอร์ฟแวร์ซับพอร์ต business ให้ลูกค้า เช่นระบบจัดการ user จัดการ workflow ต่างๆ ในหน่วยงานของลูกค้า บางโปรเจ็คถึงขั้น 10k users concurrent ก็มี
กูยังงงมาก ว่าก่อนหน้านี้รอดกันมาได้ยังไง

แล้วที่แย่อย่างนึงคือมันทำงานแบบแบ่งทีมเป็นภาษาที่เขียน ทีมนึง .net ทีมนึง java อีกทีม nodejs อีกทีม python
แล้วแต่ละทีมมันก็จะไม่รู้ภาษาอื่นเลยนะเว้ย แบบสมมติงานที่ dev โดยใช้ java มีปัญหาต้องการคนช่วย จะขอยืมคนจากทีม .net ไม่ได้เลย อ้างว่าไม่เคยทำ เขียนไม่เป็น debug ไม่ได้
นี่ยังไม่นับ SA ที่รู้จักแค่ database ที่ใช้ mssql นะ
พวก noSQL พี่ไม่เอา ไม่สนใจ ไม่อยากทำกันเลย
แล้ว จะให้ dev พี่ก็ไม่ดีไซน์ให้ชัวร์ก่อน คือ dev ก็ทำไป SA ก็แก้ table ไป ข้อมูลที่ไว้ test ก็ไม่มีเตรียมให้ บอกให้ dev ยัดๆไปเลย พอจะขึ้นวง SIT ก็บ่นบอกว่า ข้อมูลที่ใช้ test ไม่สัมพันธ์กับ business

พอมีปัญหาก็โยนมาให้ทีมกูทำอย่างเดียว
ชื่อทีม R&D นะ หน้าที่รับผิดชอบจริงๆไม่ต้อง code หนักด้วย เน้นหาโซลูชั่นมาช่วยให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือทำ poc ให้ sales ไปคุยลูกค้า แต่เอาไปเอามา แม่งโยนมาให้ทำทุกอย่าง ทั้ง dev , deploy, MA แต่ไม่ค่อยมีสิทธิมีเสียงนะ เพราะไม่ใช่หน้าที่หลักใร JD ไง

สาเหตุคือต้องย้อนกลับไปที่กูบ่นแรกๆ คือคนทีมกูมันเขียนได้แทบทุกภาษา เขาเลยชอบโยนมาให้(ช่วย)ทำ

93 Nameless Fanboi Posted ID:s/WTcmvO2B

>>92 จัดการบริหารกันเละเทะแบบนี้ ถามนะว่าเงินเดือนเท่าไหร่วะ?

94 Nameless Fanboi Posted ID:gGEXxKlqnB

>>93 คนอื่นไม่รู้ แต่น่าจะเยอะกว่ากูหมดแหละ เพราะอยู่มานาน บางคน 10 กว่าปีก็มี
ส่วนกู 40k นี่ว่าหลังโควิดบรรเทา ปิดโปรเจ็คปัจจุบันได้ กูจะย้ายละ

95 Nameless Fanboi Posted ID:s/WTcmvO2B

>>94 เยสเข้ อายุเท่าไหร่วะโม่ง ถ้าอายุเยอะแล้ว รู้สึกเสี่ยงๆ หาที่ยึดเหนี่ยวรายได้ เงินเดือนขนาดนี้ไม่ถือว่าน่าเกลียดเลยนะ ยิ่งไม่มีภาระยิ่งสวรรค์เลย แต่แบบถ้ามึงคืออายุน้อยๆเตรียมรวยskillและเงินเดือนมากกว่านี้สมควรแก่การย้ายจริงๆอ่ะ

96 Nameless Fanboi Posted ID:gGEXxKlqnB

>>95 30 หมาดๆ คิดว่าคงเปลี่ยนงานได้อีก 2 รอบ
แต่คงไม่ใช่ช่วงนี้อะ ขืนย้ายไป เศรษฐกิจไม่ดี สถานการณ์แบบต้อง work from home แม่งจะเสี่ยงไม่ผ่านโปรมาก
บ.ปัจจุบันกูก็เพิ่งโดนพิษไวรัสไปเหมือนกัน เอางานไปขาย ทำ poc เรียบร้อย เตรียมปิดดีล เตรียมจะเซ็นต์สัญญา โดนบอกว่าขอเลื่อนไปก่อน เพราะ บ. เขาต้องหยุดงานเหมือนกัน
ไวรัสเนี่ย อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์มันก็กระทบเหมือนกันนะ เพราะลูกค้าเขารัดเข็มขัดเหมือนกันช่วงนี้ ไม่ค่อยอยากจะลงทุนพัฒนาระบบอะไรเท่าไหร่

97 Nameless Fanboi Posted ID:iIQOUzQIqy

กุเริ่มงานมิ.ย. บ.จองรร.ชื่อดังอ่ะนะ เซ็นสัญญาไปละแต่ดูทรงcovidแม่งแย่ลงเรื่อยๆเลยว่ะ กุมีสิทธิ์โดนเขาเทก่อนเริ่มงานป่ะวะ

98 Nameless Fanboi Posted ID:QX3a7Dzt2h

- test function ไม่มีปัญหา
- automation test ไม่มีปัญหา
- test มือไม่มีปัญหา
- test ในทีมไม่มีปัญหา
- ลูกค้า test ไม่มีปัญหา

-เอาขึ้น production จริง bug มาเลยจ้า wtf

99 Nameless Fanboi Posted ID:xTpD31Mj1L

>>97 มีสิทธิ์ อย่าเพิ่งรีบออกจากงานเก่าล่ะ

100 Nameless Fanboi Posted ID:tVlI1GcW8k

>>99 ในสัญญาบอกต้องแจ้งล่วงหน้า1เดือน ถ้าเขาเทก็คือเราฟ้องไรเขาไม่ได้ใช่ป่ะเพราะยังไม่ได้เริ่มงานเลย

101 Nameless Fanboi Posted ID:eN4Tjfq6cU

>>100 ถ้าเค้ายังไม่ให้เริ่มงาน = ยังไม่เริ่มสัญญา

102 Nameless Fanboi Posted ID:TT5To+E13W

พวกมึง outsource มีปัญหา covid ป่ะวะ กุเป็น outsource เหมือนเขาขอลดเงินว่ะ บอกช่วงนี้ลูกค้าก็แย่
เขาบอกบางที่ทำงานโรงงาน ต้อง hold งาน hold สัมภาษณ์ เลยเหรอวะ เพราะโรงงาน work from home ไม่ได้ อันนี้จริงป่าว
เขาขอลดไปซักระยะนึง พวกมึงเคยโดนกันไหม

103 Nameless Fanboi Posted ID:WHY8rK9Yv3

>>102 ของกูยังไม่มีปัญหา โชตดีว่าทำระบบขายของผ่าน web, app ด้วยน่ะนะ เลยเหมาะกันช่วงนี้พอดี น่าจะรอดไปได้อีกซักพัก
ถ้าไม่โดนเด้งยกแผงเพราะจะลด cost หรืออะไรจำพวกนั้นนะ

104 Nameless Fanboi Posted ID:lOEgI8kknU

>>97 มึงทำงานที่เดียวกับกุแหละมั้ง ที่บริษัทขาดทุนมา 2 อาทิตย์ละ รายได้ลดลงเรื่อยๆ กุว่ามีสิทธิ์โดนเทอยู่

105 Nameless Fanboi Posted ID:8dD.Z7eAeE

>>102 กุทำ finance นะ ช่วงนี้โดดปลดยาก โปรเจคเกี่ยวกับ covid นี่แหละเข้ามาเยอะ ทำแทบไม่ทัน

106 Nameless Fanboi Posted ID:OqxowD210V

ใครมี Api ตัวเเปลภาษาของ Instragram บ้าง อยากได้ มันเเปลรู้เรื่อง

107 Nameless Fanboi Posted ID:wEWbHr5r7t

กู >>103 ตอนนี้ทำท่าจะออกอาการละ คือลูกค้าเค้ายังอยากเก็บกูไว้อยู่นะ แต่เค้าบอกว่าค่าตัวกูมันแพงเกินไป
เค้าเลยอยากให้กูลองเปลี่ยนบริษัทไปอยู่ที่ๆหักค่าหัวคิวน้อยกว่านี้ ซึ่งเค้าก็พยายามหาให้กูอยู่ แต่ไม่รู้จะตกลงกันได้มั้ย

108 Nameless Fanboi Posted ID:T8y.K79KKY

กู >>102 ของกุลูกค้าต่อที่เดิมวะ แต่หัวขอลดกู หัวอ้างว่า(หรือหัวต้องการทำยอดเท่าเดิม ในช่วงไวรัสระบาด? อันนี้กุคิดเองเออเองนะ) ลูกค้าขอลดซึ่งกุก็ไม่รู้ว่าจริงมั้ยเพราะกูไม่ได้คุยเรื่องเงินกับลูกค้า ก็เลยให้เค้าลดไปหน่อยนึง(จริงจะลดเยอะกว่านี้มาก แต่กุไม่ยอม) ช่วงนี้ ขก หางานใหม่ด้วย work from home ยาวๆ ว่ะ อีกเดือนสองเดือน สถานการณ์ดีขึ้นค่อยว่ากัน สู้ๆ พวกมึง

109 Nameless Fanboi Posted ID:jNKh8BLf2c

กุขอรุ้เรทเงินเดือนพวกมึงหน่อย ทั้ง os และประจำ(โบนัสกี่เดือนด้วยก็ดี) ประสบการณ์กี่ปี + แนวงานที่ทำ(บริษัททำเกี่ยวกับอะไรด้วย จะดีมาก) กุอยากเปรียบเทียบวะ ขี้เกียจ ไปถามในกลุ่มเฟส เดี๋ยวมีดราม่า

110 Nameless Fanboi Posted ID:fgZRhBll/B

บ.กู พวกอายุ 35+ แม่งไม่ค่อยเอา code ขึ้น git กันว่ะ
บอกให้เอาขึ้นก็บ่ายเบี่ยง ขอเทสก่อน สุดท้าย ส่งเป็นไฟล์ zip มาทางไลน์

111 Nameless Fanboi Posted ID:8zntci8Uky

>>110 git ห่วย code รั่วได้ ต้องบูชา svn สิ

112 Nameless Fanboi Posted ID:NGuEXXH+1i

>>111 git มัน private ก็ได้มั้ย

113 Nameless Fanboi Posted ID:8zntci8Uky

>>112 private ก็ไม่ปลอดภัย เพราะมันมีโอกาศที่มีไอ้บ้าซักตัวเผลอไปตั้งเป็น publish บ.software ใหญ่ๆ ใน silicon valley เวลาทำ project ลับยังไม่กล้าให้ใช้กันเลย

114 Nameless Fanboi Posted ID:fgZRhBll/B

>>113 ตั้ง git server เองในบริษัท มันจะ public ได้ไงวะ

115 Nameless Fanboi Posted ID:UxXMYvEHd4

>>113 เดี๋ยวๆ นี่คงไม่ได้หมายถึง github นะ

116 Nameless Fanboi Posted ID:8zntci8Uky

>>115 ก็ไม่ใช่อะดิ

117 Nameless Fanboi Posted ID:8zntci8Uky

ฝั่งคน up มันย้ายสะดวก พวกมักง่ายแอบโยกใส่ github มีประจำ

118 Nameless Fanboi Posted ID:UxXMYvEHd4

>>116 เออ ถ้ามันตั้ง local แบบที่ >>114 บอกมันจะรั่วได้ยังไงหว่า เพราะมันเข้าจาก internet ไม่ได้ ต้อง commit จากที่ทำงาน หรือไม่ก็ต้องต่อ vpn
ถ้าจะรั่วคือต้องอัพลง internet เอง ซึ่งปัญหานี้ไม่ว่า git หรือ svn มันก็เกิดได้เหมือนกัน แล้วแบบนี้ svn มัน secure กว่ายังไง หว่า
แล้วพวกส่งโค้ดกันผ่าน line ผ่าน facebook มันซีเคียวกว่าหรอวะ
นี่กูสงสัยจริงๆนะ ขอความรู้ เพราะเหมือนมึงรู้เยอะ มีอ้าง silicon valley ด้วย
นี่กูไม่ได้กวนตีนนะ

119 Nameless Fanboi Posted ID:fgZRhBll/B

>>117 มันมีหรอวะคนที่ทำแบบนั้น ไม่โง่จริงๆ ก็บ้า(หรือมีเจตนาปล่อยความลับ บ.) คือมึงยุ่งยากกว่าเดิมนะ ต้อง clone repo มาจากของ server แล้วก็เอาไปขึ้น github ก่อน แล้วจะทำเพื่ออะไรวะ ? เพื่อสะดวกในการ commit กูว่าไม่น่าใช่ละ ในเมื่อ มึง clone ไปมันก็เป็น local repo ในเครื่องมึง มึงจะเอาโค้ดไปทำงานที่ไหน จะ commit แบบ local แล้ว ค่อยกลับไป push เข้า server ของ บ. ตอนหลังก็ได้

แต่ เอ. . . ไอ้อ้างเรื่องว่า "จะเอางานกลับไปที่บ้านพี่ต้องอัพลง github สิ เพราะพี่ขี้เกียจ vpn" เนี่ย เหมือนกูจะเพิ่งเถียงกับคนๆนึงในที่ทำงานไม่นานมานี้ซะด้วย ตอบคล้ายๆมึงเลย แม่งไม่เข้าใจแล้วก็อ้างเหตุผลปัญญาอ่อนๆ จริงๆ คือไม่อยากให้คน track ว่าวันนี้เขียนโค้ดไปเท่าไหร่

120 Nameless Fanboi Posted ID:8zntci8Uky

>>118 คำว่า local ของมึงหมายถึงตั้งภายในไม่เอาไปตั้งไว้ server ข้างนอกไม่ต่อเน็ตเลย อันนั้นปลอดภัย แต่มันติดปัญหาที่ git update patch บ่อยโคตรยังไงก็ต้องต่อเน็ตอยู่ดีใช่ป่ะ

121 Nameless Fanboi Posted ID:UxXMYvEHd4

>>120 server มันเป็น database ไว้คอยเก็บพวกการเปลี่ยนแปลงของ code เฉยๆ
ซึ่ง software git ที่มันต้อง patch บ่อยๆ มันอยู่ในเครื่องเรา แต่ถ้าถึงขนาดว่าต่อเน็ตอัพแพทซ์ไม่ได้ กูว่าเหตุผลนี้ค่อนข้างจะดูเว่อร์ไปหน่อยมั๊ย

122 Nameless Fanboi Posted ID:ySbQ7kuBhf

>>111 รั่วได้เหมือนกันหมดนั่นแหละ แุถม svn ยิ่งส่อโค้ดรั่วเลย เคยใช้มาก่อน

เพราะว่ามันทำแบบ offline ไม่ได้เหมือน git มันค่อนข้างจะยุ่งยากในการแชร์โค้ด
ที่ทำงานเมื่อก่อนของกูส่วนใหญ่จะใช้วิธีก็อปทั้งโปรเจ็กมาไว้ในเครื่องตัวเอง แล้วก็โค้ดกัน ตอนโปรดักชั่นก็มารวมโค้ดกันข้างนอกด้วยมือแล้วเข้าเอาขึ้นเซิร์ฟเป็นซับเวอร์ชั่น เพราะไม่อยากไปยุ่งกับโค้ดข้างบนมาก กลัวมันพัง จะก็อปไฟล์กันผ่านแฟรชไดร์ฟก็ไม่ได้ เครื่องในออฟฟิศเขาไม่ให้ก็อปข้อมูลออก ก็แชร์ผ่านพวกแชร์ไดร์ฟไป

ส่วนคนที่ต้องเอาโค้ดไปทำที่บ้าน ใช้โน็ตบุ้คตัวเองไม่อยู่ในโดเมนมันจะก็อปไฟล์ไม่ได้ บ. ไม่ได้ ก็อาศัยส่งเข้าอีเมล์ตัวเอง แล้วสมัยก่อนเมล์มันจำกัดขนาดไฟล์ ก็ต้องแตก rar หลายๆพาร์ท บางคนมักง่ายแบบกูก็อัพลงเว็ปฝากไฟล์ mediafire เลย

123 Nameless Fanboi Posted ID:ySbQ7kuBhf

โม่งบางคนแม่งเหมือนคนที่เคยใช้แต่โทรศัพท์แบบปุ่มกดอะ ชาวบ้านเขาเปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟนกันหมด แต่ตัวเองไม่อยากเปลี่ยน แล้วหาข้ออ้างว่าสมาร์ทโฟนไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ไปคิดเอาเองละกัน

124 Nameless Fanboi Posted ID:Jtm5EP22sq

สภาพแวดล้อมแต่บริษัทมันไม่เหมือนกัน เนื้อหางานก็เซนซิทีฟไม่เท่ากัน มึงจะเอามาแซะกันทำไม

125 Nameless Fanboi Posted ID:m80h7Q6fiL

>>124 จริงนะ ต่อให้อีกอันมันจะดีกว่าแค่ไหน แต่ user ไม่ยอมใช้ แม่งก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ก็กลายเป็นของไร้ค่าไป
แล้ว git แม่ง ถ้าเริ่มแรกๆมันก็จะงงๆ วุ่นวายกับชีวิตมากด้วย ต้องเรียนรู้นิดนึง เอาจริงๆ ที่ทำงานใหม่กูก็ไม่ได้ใช้ เพราะโปรเจ็คมันเล็กๆ ก็ส่งโค้ดกันทางไลน์นี่แหละ
แต่กูเห็นบางคนบอกข้อเสียเรื่อง security ของ git กูก็เพลียหมือนกัน ดูตอบคอมเม้นท์นี่คือไม่ได้มีความเข้าใจเลย แต่ก็พยายามมาดิสเครดิตในสิ่งที่ตัวเองไม่คุ้นเคย

126 Nameless Fanboi Posted ID:b/3dErlSM.

ไม่ใช่ git = ประหาร

127 Nameless Fanboi Posted ID:m80h7Q6fiL

ขอแชร์ของกูต่อ
คือก่อนขึ้นโปรเจ็คก็คุยกันว่าให้ทุกคนเอาโค้ดขึ้นกิต แต่มีคนประมาณเกือบครึ่งไม่ยอมเอาลง หัวหน้าก็พยายามจะตรวจโค้ดในกิต แต่มันไม่มีคนใช้ สุดท้ายก็ล่ม กลับไปใช้งานแฟลชไดฟ์เหมือนเดิม แล้วตอนนี้โดน wfh แม่ง wtf มาก รวมโค้ดแต่ละทีหืดขึ้นคอ ลากยาวมากลางคืนไลน์นี่เด้งจนกูไม่ได้นอน

128 Nameless Fanboi Posted ID:ySbQ7kuBhf

>>127 นี่โดนบังคับใช้เพราะต้อง wfh ใครไม่ใช้ก็ไม่ได้ เพราะหัวหน้าเข้ามาตรวจทุกวัน ตอนแรกไม่ชอบ แต่ใช้ไปใช้มาก็รู้สึกว่าชีวิตดี

129 Nameless Fanboi Posted ID:b/3dErlSM.

>>127 merge code กันไงวะ ก็ทำทีละไฟล์ไปหรอ

130 Nameless Fanboi Posted ID:Ti3iyOBvw2

ส่งไฟล์กันทาง flash drive นี่งานกลุ่มเล็กๆสมัยเรียนตรียังปวดหัวกันแทบตายเลย...

131 Nameless Fanboi Posted ID:ySbQ7kuBhf

>>129 >>130 ส่วนใหญ่ทำฟีเจอร์ละคน ก็รับผิดชอบโค้ดตัวเองไป มันก็ไม่ชนกับคนอื่น
แต่บางฟีเจอร์มี dev 2-3 คน เวลาจะรวมก็ส่งไฟล์กันผ่านไลน์ ใช้ software ช่วย merge เสร็จแล้วก็เอาไป deploy บน iis พอกูรวมเสร็จก็ commit ขึ้น git เพื่อให้หัวหน้าตรงจได้ แลดู flow มันงงๆมะ

132 Nameless Fanboi Posted ID:m80h7Q6fiL

>>129 ไลน์ไปให้คนรวม มันมีโปรแกรมไว้ดูว่า 2 โฟลเดอร์มีไฟล์ไหนต่างกันบ้าง แล้วก็เปิดดูด้วยตา

>>130 เท่าที่รู้บริษัทซอฟแวร์เล็กๆแม่งชอบทำแบบนึ้นะ ของกูล่ะหนึ่งที่

133 Nameless Fanboi Posted ID:T26XnNI1vQ

ที่บริษัทเดิมกูยังใช้ source safe อยู่เลย พวกมึงเคยใช้มั้ย เฉพาะโปรเจคเก่านะ มีเยอะด้วย แต่เป็นโปรเจคขายได้เรื่อยๆด้วย แม่งจะ maintain ทีนี่หอบขึ้น(ซึ่งแต่ละไซต์ก็ require ไม่เหมือนกันเลย) นุ้นนี่นั่นไม่รองรับบ้าง เสียเวลาชิบ

134 Nameless Fanboi Posted ID:DKaolEADAP

มีใครใช้ CPU AMD มั่งป่ะ กูเห็น AMD ออก Zen 2 สำหรับ notebook แล้วน่าจะได้ notebook ดีๆในราคาที่ถูกลงเยอะ
แต่เคยเห็นโม่งในห้อง PC บอกว่า AMD Driver CPU ห่วย กับมีเพื่อนบอกว่างานเขียนโปรแกรมมันสู้ Intel ไม่ได้
ถ้ากูจะใช้จริงนี่ควรระวังอะไรมั่ง

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.