Last posted
Total of 1000 posts
>> ระดับหนูเนย โปรแกรมเมอร์เซเลป เงินไม่ขาดมือหรอก
"ไอ้เรื่องงานบวช VS การสอบที่วัดสิงห์เนี่ย เราต้องเข้าใจมันอย่างคู่ขนานกับเคส คอนโด VS ระฆังวัด ที่เกิดขึ้นปีที่แล้ว (หรือก่อนนั้นวะ แต่เอาเหอะ)
คือเคสแรกคนเข้าข้างการสอบชัดเจน ส่วนเคสหลังคนเข้าข้างวัดชัดเจน
ซึ่งแบบนี้ฝรั่งแม่งเข้าใจไม่ได้ เพราะแม่งคือปัญหาเดียวกันคือการใช้เสียงดังในพื้นที่สาธารณะ คนผิดน่าจะเป็น "ฝ่ายที่ใช้เสียงดัง" ทั้งสองเคส แต่ของไทยมัน "แล้วแต่"
อย่างไรก็ดี แม้ว่าฝรั่งจะไม่เข้าใจ แต่เราคนไทยแม่งเก็ทได้ไม่ยาก เพราะเคสระฆังวัด คนใช้เสียงดังคือ "พระ" แต่เคสสอบคนใช้เสียงดังคือ "ชาวบ้านทั่วไป"
เข้าใจในบริบทสังคมไทยคือ คนแม่งไม่เท่ากัน การกระทำแบบเดียวกัน คนนึงทำอาจจะผิด อีกคนทำอาจไม่ผิดก็ได้
ผมว่ามันต้องมองแบบนี้ถึงจะเห็นปัญหาพื้นฐานของ "กรณีทำนองนี้" ซึ่งแม่งเกิดขึ้นตลอด
ในสังคมที่คนไม่เท่ากัน คำถามที่ต้องถามก่อนว่าคุณมีสิทธิ์ทำอะไรมั้ย? คือ คุณเป็นใคร?"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>34 ถ้าตัดเรื่องเลวๆ ประเภทเขาขอให้ลดเสียงแล้วกลับบุกเข้าไปทำร้ายร่างกาย ไปพังการสอบ ต้องยอมรับว่ามันมีมิติทางชนชั้นซ่อนอยู่จริงๆ
สมัยสิบกว่าปีก่อนในเว็บบอร์ดบางแห่ง มีคนบ่นว่าไม่อยากมีวัฒนธรรมร่วมกับแว้น - สก๊อย ถึงกับต้องปรับตัวหนี เช่น ตอนแรกๆ ฟังเพลง linkin park , clash , bodyslam , retrospect ใส่กางเกงยีนส์ลีวายส์ รองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ตส์ พอต่อมาเห็นพวกแว้นมานิยมบ้างต้องไปฟังเพลง ไปแต่งตัวแนวอื่นทันที เพราะไม่อยากถูกนับรวมว่าเป็นแว้นด้วย
ยุคนั้นประเด็นชนชั้นยังไม่ก่อดราม่ามากเท่าวันนี้ ยังไม่มี Facebook ที่ทำให้เกิดเพจที่ประดิษฐ์คำ "ตลาดล่าง" อันหมายถึงรสนิยม ค่านิยมการใช้ชีวิตของคนกลุ่มหนึ่ง เช่น ต้องเปิดเพลงดังๆ เวลามีเทศกาล ควบคู่ไปกับการเต้นแร้งเต้นกาแบบหลุดโลก รถยนต์แต่งเครื่องเสียงพร้อมเปิดเพลง Remix ฉิ่งฉาบทัวร์สามช่าโจ๊ะๆ หรือมอเตอร์ไซค์แต่งแบบถอดนั่นเอานี่ออกพร้อมบิด 1/4 ไมล์ ซึ่งแม้จะไม่ละเมิดขนบสังคม เช่น ไม่เปิดเสียงดังในเวลาดึกๆ , ไม่ได้ซิ่งบนถนนหลวง แต่ก็ถูกมองเป็นรสนิยมที่ไม่เข้าท่าอยู่ดี
ปลาลิง.ว่าแต่แฟชั่นแนว Mexican Gangster (เสื้อยืดขาว กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ มีรอยสักเต็ม) ในตะวันตกเขามองว่าตลาดล่างเหมือนแฟชั่นแนวแว้นไทยหรือเปล่า?
ฟ้อนต์ชลบุรีฮิตติดลมบนมากๆ อยากให้น้องๆ ออกแบบฟ้อนต์กาฬสินธุ์มาสู้บ้างอ่ะครับ ออกแบบให้เห็นแล้วรู้สึกอยากกินข้าวเหนียวไรทำนองเนร้
#ช่วงไอเดียครีเอด์ทีฟคอมม่อนกับพี่โจว
#จ่ามีคาถาแยกเงาพันร่าง
..
อันนี้เป็นสมมติฐานของผมเองนานแล้วว่า เพจจ่ามีแอดมินคอยลงข่าวหลายคน ไม่ใช่จ่าคนเดียว โดนเฉพาะการลงลิงค์ข่าว (ลงแบบได้ตังค์นะครับ ใครคิดว่าลงลิงค์ข่าวในเพจจ่าลงฟรี ๆ ไปคิดใหม่เด้อ เขาทำคอนแท็คเป็นเรื่องเป็นราวกันนาจา ถถถถ) ที่อาจจะให้แอดมินคนอื่นสวมรอยลงไปเลย เพราะเป็นโพสต์ง่าย ๆ แค่พาดหัวให้ดราม่า ๆ แบบจ่าก็พอ คนเข้ามาดราม่า ยอดคนดูในเว็บเพิ่ม จ่ารับเงินแบ่งลูกน้อง จบ.
.
ถามว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น หากยังจำกันได้เรื่องนี้เป็นตำนานเลย สมัยจ่าเปิดเพจแรก ๆ มี แอดมินสองคนคือจ่ากับหัวหน้ายาม (หรืออาจมากกว่านั้น เพราะตอนนั้นเฟสบุ๊คยังไม่เปิดให้เห็นข้อมูลส่วนนี้) ตอนนั้นจ่าแกประกาศเลยว่าเพจแกจะไม่รับเงินค่าโฆษณาเด็ดขาด เพราะแกต้องเป็นกลาง เวลาด่าจะได้ด่าได้เต็มที่ คนก็ปลื้มกันเป็นแถว จ่าแมร่งของจริง จ่าแมร่งคนจริง ถถถถ ดูตอนนี้เถอะรับเงิน ลงโฆษณายิ่งกว่าเพจที่ตัวเองเคยไปแซะเขาไว้ในอดีต
.
โดยเฉพาะเรื่องหนังนี่แหละ ที่แกเคยไปแซะเพจอวยฯ ว่ารับเงินมาโฆษณา และก็ยกยอตัวเองว่า จะไม่มีวันทำแบบนั้นเด็ดขาด สุดท้ายเผลอแป๊บเดียวแกไปรับเงินโฆษณาหนัง "อวสานโลกสวย" หาว่าไปดูมาแล้วหนังดีอย่างโน้นอย่างนี้ โพสต์อวยเวอร์วัง หลายโพสต์ติดกัน จนคนเอะใจ สุดท้ายคนจับได้ว่าแกไม่ได้ไปดูเลยด้วยซ้ำ คนที่ไปดูคือหัวหน้ายาม แต่ตอนโพสต์ก็บอกว่า จ่าไปดูมาอย่างโน้นอย่างนี้
.
คนก็ออกมาถล่มว่า ไหนว่าจะไม่รับเงินไงละ เมื่อจนมุมแกงัดไม้ตายออกมาเฉยเลยว่า อั๊วะม่ายล่ายรับเงินมา แต่เป็นหัวหน้ายามต่างหากล่าววว แกไม่ได้สักบาทเลย หัวหน้ายามเอาไปหมด อะไรประมาณนั้น คนก็รุมด่าหัวหน้ายาม เป็นตำนานเพื่อนรักหักหลังเพื่อนจนมาถึงทุกวันนี้ แล้วหัวหน้ายามก็ออกจากการเป็นแอดมินเพจดราม่า (อันนี้กูรู้มาจากวงใน)
.
หลังจากแยกวงกับเพื่อน ผมก็เริ่มสังเกตุว่า จ่ายังใช้มุกเดิมอยู่เลยเวลารีวิวหนัง โดยเฉพาะช่วงหลายปีมานี้จ่ารับงานรีวิวหนัง ทั้งจาก netflix และเมเจอร์ และเอาจริง ๆ นี่ไม่ใช่งานถนัดแกหรอก หนังบางเรื่องแกยังไม่ได้ดูเลยด้วยซ้ำ แต่ออกมารีวิวเป็นคุ้งเป็นแคว แถมสำนวนยังขัด ๆ กัน ยังกะมีคนเขียนให้ ล่าสุดที่โป๊ะแตกคือเรื่อง sex education นั่นแหละ ที่ตกลงดูหรือไม่ดูกันแน่ 555
.
โชคดีที่เดียวนี้เฟสบุ๊คเปิดเผยให้เราเห็นว่า เพจนี้มีคนดูแลกี่คน และอยู่ประเทศไหนบ้าง เช่น ถ้าพวกมึงไปดูเพจหมอแล๊บแพนด้า พวกมึงอาจร้องเย็ดแหม๋ เพจหมอแล๊บมีแอดมินถึง 63 คนเลยนะโว้ย ส่วนเพจจ่ามีแอดมินเพจอยู่ 5 คน
.
เวลาเราเสพเพจเราเห็นแค่ปลายสุดของภูเขาน้ำแข็งนะ ที่เราไม่เห็นอีกมาก เราไม่เห็นบริษัทเอเจนซี่ที่ทำงานเบื้องหลังเพจเหล่านี้ ที่ต้องวิ่งเต้นรับงานโฆษณามาให้บรรดาเพจเหล่านี้ เราไม่เห็นว่า เอเจนซี่แต่ละคนมีเพจที่ต้องดูแลกี่เพจ ต้องแบ่งงานกัน ต้องทำงานเป็นทีมในการปล่อยโฆษณาแต่ละตัว เพจไหนลงก่อน เพจไหนลงทีหลัง
บางทีที่พวกเราเห็นว่าเพจบางเพจไม่ถูกกัน เบื้องหลังคือเอเจนซี่คนเดียวกันไปอีก
.
เราไม่เห็นว่าเพจพวกนี้ต้องจำกัดตัวเองขนาดไหน ในการพูดหรือเขียนอะไรลงไป เพราะทุกอย่างคือเงินทั้งนั้น ลูกเพจยิ่งด่ากัน พวกเอเจนซี่ยิ่งชอบ การเข้าถึงเพจยิ่งดี เอาไปต่อยอดขอเพิ่มค่าจ้างได้อีกเยอะ ไอ้ประเภทพ่อจ๋าแม่จ๋าที่พวกมึงเห็นนะ รับเละนาจา
.
เราไม่เห็นเครือข่ายเบื้องหลัง เพจแต่ละเพจไม่ได้อยู่แบบโดด ๆ นะ มันมีเครือข่าย ทั้งเครือข่ายแบบเพื่อน หรืออื่น ๆ แต่สุดท้ายเครือข่ายพวกนี้มันคือเครือข่ายผลประโยชน์มหาศาลระดับร้อยล้านเลยนะครับ
.
เราไม่แปลกใจหรอกที่เวลาเพจในเครือข่ายเดียวทำผิด เพจอื่นๆ จะนิ่งเฉย ไม่มาด่ากัน แต่ถ้าคิดจะเล่นเพจอื่น พวกเขาก็พร้อมจับมือกันถล่มให้ราบคาบ บางที บางเพจเกลียดขี้หน้ากันจะตาย แต่ไม่ด่ากัน เพราะเอเจนซี่ขอ ลูกค้าขอ ก็ต้องเป็นไบ้ แบะ ๆ กันต่อไป
.
คือในมุมมองผม มันไม่ใช่เรื่องผิดหรอกครับที่เพจจะมีแอดมินหลายคน มันเป็นเรื่องการจัดการธุรกิจ และเราคงไปเรียกร้องอะไรจากพวกเขาไม่ได้หรอก แม้ในความเป็นจริง เขาควรจะบอกว่าแอดมินคนไหนเป็นคนโพสต์ ใครเป็นคนเขียนคอนเทนต์นั้น ไม่ใช่พออะไรไม่ดีก็โยนให้คนอื่นหมด
.
สิ่งที่น่ากลัวคือ เพื่อเพจต่าง ๆ เหล่านี้ถูกควบคุมจัดการด้วยเครือข่ายผลประโยชน์ ถ้าเป็นพวกกันก็ปกป้อง เฉยนิ่ง ถ้าเป็นพวกอื่นก็ด่าเต็มที่ตรวจสอบเต็มที่ เอาให้ตาย นี่ต่างหากที่น่ากลัว เพราะมันจะกลายเป็นเครือข่ายอำนาจสื่อใหม่ และส่งผลต่อข้อมูลที่เราจะได้รับ พอเราเห็นว่าโหเพจใหญ่ ๆ หมอแล๊บ จ่า หมอเจษ ลงข่าวพวกนี้หมดเลย พูดไปในทางเดียวกันหมดเลย มันก็สามารถสร้างผลกระทบได้ในวงกว้าง
.
คนที่พอรู้ก็สบายไป แต่คนไหนไม่รู้ก็เฮโลตามกันไป
.
missionUuid
🔴โลกหมุนไวเกินกว่าที่คุณคิด…ถ้าไม่รีบปรับตัว…เดือดร้อนหนักแน่ๆ
✔เมื่อก่อน โลกเปลี่ยนทุก 10 ปี……ขณะนี้ โลกเปลี่ยนทุก 1 ปี
✔~ ข้อมูล ความรู้ใหม่ๆ ทุกสาขาวิชาชีพเกิดใหม่ทุกสัปดาห์
✔~ แอปพลิเคชั่น ออกมาวันละหลายร้อยแอปพลิเคชั่น
✔~ ในช่วงชีวิต 20 ปีที่ผ่านมา…เราเห็นวิวัฒนาการมากมายในโลก
✔~ เด็กยุคใหม่…ไม่จบ ป.ตรี ขายของออนไลน์…สร้างรายได้หลักล้าน…ภายในไม่กี่เดือน
✔~ ป.โท จบมามีรายได้เดือนละเพียง 3 หมื่น
✔~ กรอบความรู้…ความคิดเก่าเมื่อ 20 ปีก่อน …แทบจะทำอะไรกับโลกยุคใหม่ไม่ได้เลย !!
✔~ ก๋วยเตี๋ยวเมื่อก่อน 10 บาท ทองคำ 400 บาท…ตอนนี้ก๋วยเตี๋ยว 40 บาท ทองคำ 20,000 บาท
✔~ เงินฝาก จากดอกร้อยละ 8 คนเลยขยันฝากเงินเก็บดอกกิน
แต่...ตอนนี้ฝากธนาคาร ได้ดอกเพียงร้อยละ 1
✔~ อาชีพมากมาย…หลายอาชีพตกงาน ……นับไม่ถ้วน
✔~ พนักงานแบงก์ ถูกแทนที่ด้วย internet banking…ธนาคารต่างๆทยอยปิดสาขา
✔~ พนักงานทางด่วน ถูกแทนที่ด้วย easy pass
✔~ รปภ.ถูกแทนที่ด้วย ระบบป้องกันภัย อัตโนมัติ
✔~ นักข่าว…
นักนิเทศน์
สื่อต่างๆ …
ถูกแทนที่ด้วย Facebook live, YouTube IG ฯลฯ
✔~ การสร้างตึก สร้างสิ่งของ ใช้ 3D printing …การออกแบบจะอยู่ในคอม ทั้งหมด
✔~ โลตัส และ พนักงานขายตามห้างฯ ให้พนักงานออก นับไม่ถ้วน
ตอนนี้เราจ่ายบัตรเครดิตได้เอง …กดที่คอมได้เองแล้ว
✔~ Toys Rus บริษัทของเล่นระดับโลก อยู่มานาน ที่อเมริกา …เป็นหนี้สิน แสนล้าน ปิดสาขา เกือบ 200 แห่งทั่วโลก
✔~ บริษัททิชชู่ Kleenex ที่นุ่มๆ …ให้พนักงานออก 5,000 ตำแหน่ง
✔~เฟสบุ๊ค ปรับ algorythm ทีเดียว…คนขายออนไลน์ สะเทือนทั้งโลก
✔~ บริษัทให้เช่า-ขับ แท็กซี่ เปิดมา 20-30 ปี วินมอไซค์……เจอ grab แอปเดียว สะเทือนวงการ
✔~ CP ปรับตัว disrupt ตัวเองก่อนที่คนอื่นจะมา disrupt …สร้างโรงเรียนปัญญาภิวัฒน์… จัดงบพัฒนาผู้นำ…
✔ฝึกคนให้เป็นผู้ประกอบการ มากกว่าลูกจ้างป้อนตลาด …อนาคตทรัพยากรมนุษย์ มีค่ามากกว่าที่ดิน
✔~ "อายุมากขึ้น 1 ปี สมองต้องลดลง 1 ปี ต้องคิดใหม่ตลอดเวลา"
✔~ เดี๋ยวนี้ สว. ทุกคนที่ตื่นตัว ……
ต้องถามหลานว่า มีอะไรใหม่ๆมาอัพเดทให้ปู่/ตา ฟังบ้าง
✔~ กระเพราไก่ไข่ดาว…สำเร็จรูป …จะถูกกว่าแม่ค้าขายข้างทาง…อีกทั้งได้มาตรฐานกว่า…รสชาติคงที่ …ไม่มีอารมณ์แม่ค้ามาเกี่ยว
✔~ บริษัทใหญ่ๆ เอาคนออก
โดยดูว่าเรา …
เป็น cost
หรือเป็น talent…
ถ้าเป็น cost …โดนโละทิ้ง…อย่างไม่ต้องสงสัย…
แต่ถ้าเป็นtalent ยังพอคุยกันได้
✔~ การพัฒนาตัวเองตลอดเวลา…
จึงเป็นสิ่งสำคัญ
✔~ เกษตรกร ปลูกยางพารา มา 5 ปี กรีดยาง อัดยางโลละ 40 บาท
ต่างชาติซื้อไป คืนเดียว เปลี่ยนเป็นถุงมือยาง… มาขายคนไทย คู่ละ 200 บาทยางรถยนต์เส้นละ 3,000 บาท
✔ ~หุ่นยนต์แพทย์ …ทำข้อสอบเก่งกว่าแพทย์ผู้ชำนาญการ…บันทึกเคสคนไข้กว่า 2 ล้านเคสใน ระบบตรวจโรคได้แม่นยำ…ไม่มีอารมณ์ขึ้นลงมาเกี่ยวข้อง…… รพ.เอกชน เริ่มเอา robot มาช่วยผ่าตัดแล้ว…
ได้ผลดีกว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
✔~ ชนชั้นกลาง และ ชั้นล่าง ต่อไปจะถูกแทนที่ด้วย หุ่นยนต์ และ คอมพิวเตอร์ทั้งหมด
~ ชนชั้นบน ก็มิใช่จะรอด…จะถูกแทนที่ด้วย AI
✔~ หุ่นยนต์รุ่นใหม่ ทั้งสวย หอม นุ่ม และหล่อสมาร์ท จะมาทำงาน 24 ชม ไม่มีเหนื่อย ไม่มีบ่น บริการเต็มที่
⭕~ AI เทรดหุ้น ประมวลผล เก่งกว่าคน ไม่มีอารมณ์ มาเกี่ยวข้องเช่นเดียวกัน
✔~ McKinsey บริษัท consult ระดับโลก คาดว่าในปี 2030 (อีกประมาณ 12 ปี) แรงงานคน…จะตกงานประมาณ 800 ล้านตำแหน่ง ทั่วโลก
✔~ ลูกหลานเรา และ ตัวเราเอง …
จะยืนอยู่ตรงไหน ?ถ้าเราไม่ปรับตัว ในโลกยุคนี้ !
✔~ เราจะมีอะไร…เป็นหลักประกัน ว่าชีวิตเราจะสบายไปตลอด …ไม่เกิดวิกฤติ……ปีนี้อาจจะยังสบายดีอยู่…
แต่ อีก 10 ปีข้างหน้า…
โอกาสแย่…
ความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก…
ย่อมเกิดขึ้นแน่นอน…
ถ้าไม่เริ่มปรับตัว…
เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอนาคตที่มีความไม่แน่นอน…แต่ มีความเปลี่ยนแปลงสูง และเร็วมาก…
ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย
วันนี้ (!)
คุณเตรียมความพร้อมรับมือ จัดการกับสถานการณ์ที่ว่านี้อย่างไร ?
เนื่องจากพรรคสนุ้กเกอร์ไทยเราเห็นว่าสังคมไทยเราการเข้าสู่สังคมสูงวัยเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องนำคนรุ่นใหม่เข้าสู่การเมือง (เป็นคนรุ่นใหม่เฉยๆ คุณภาพมีไม่มีไม่รู้ แต่วุฒิภาวะทางอารมณ์นี่เห็นมีปัญหากันมากๆ)
เราจึงจะเสนอ 'นโยบายเปิดเสรีนาโนคาสิโน' โดยให้ผู้สูงอายุ (เกิน 60 ปี) 4 คน สามารถรวมตัวกันเล่นการพนันได้โดยไม่ผิดกฎหมาย (ห้ามขาดห้ามเกิน 4 คน) ได้ในทุกสถานที่
ทั้งนี้ก่อนจะร่างนโยบายนี้จริงจัง อาจจะต้องลงไปดูงานที่ชุมชนเข้มแข็งอย่างชุมชนเตาปูนก่อนอ่ะครับ
>>27 ย้ายไปต่างประเทศแล้วดีเสมอไปหรือ? เอาสถิติมาให้ชมกันค่ะ
สัดส่วนประชากรไทยที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาที่มีสถานะยากจนในเกณฑ์ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจนในปี พ. ศ 2558 (ข้อมูลจาก Pew Research Centre)
คนไทยที่เกิดในสหรัฐอเมริกาและอยู่ในสถานะยากจน
16.2% ของประชากรไทยในสหรัฐอเมริกา
คนไทยที่เกิดนอกสหรัฐอเมริกาและอยู่ในสถานะยากจน
16.8% ของประชากรไทยในสหรัฐอเมริกา
สัดส่วนของประชากรไทยในประเทศไทยที่อยู่ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจนในปี พ. ศ 2559: 8.6%
profile ดูดี ดูรวย แต่เบี้ยวค่าที่ ยกบูทหนี เพื่อนๆเซลและออร์จำหน้าไว้นะคะ ใช้วิธีหลอกส่งสลิปปลอมเพื่อโกหกว่าจ่ายเงินแล้ว แล้วขนของหนีค่ะ
ในปัจจุบัน ผมยังคงเชื่อในเรื่องของวรรณะ และฐานะ .... แต่ไม่ใช่วรรณะของชนชั้นตามกำเนิด หรือฐานะตามสถานะการเงินหรือการศึกษา
"วรรณะ" เดียวที่มี ก็คือ วรรณะทางความคิด
"ฐานะ" เดียวที่มี ก็คือ ฐานะทางความคิด
แอสการ์ดไม่ใช่สถานที่ แต่คือผู้คน .... และสิ่งที่ define ผู้คนได้ดีที่สุด ก็คือความคิดของคนเหล่านั้นนั่นแหละ
>>46 ตัวเลข 8% นี่จากไหนวะ
http://www.worldometers.info/world-population/thailand-population/ Thailand Population (LIVE) 69,264,724
บัตรคนจน 11.4 M
11.4/69.2 = 16% เลยนะ
>>52 ตามนั้น
ถ้าจะให้ท้วงต่อ ที่ >>46 เอามาเทียบกัน ของเมกากับไทยมันใช้เกณท์ที่เอามาเทียบเคียงกันได้รึเปล่า สมมติของไทยเกณท์คือไม่พอกินในแต่ละวัน ของเมกาเกณท์คือพอกินแต่คุณภาพชีวิตต่ำ แบบนี้จะเอาตัวเลขมาเทียบกันดื้อๆได้เหรอ ถ้าจะเอามาเทียบมันต้องใช้ตัวเลขจากการวัดของเจ้าเดียวกันดิวะ ซึ่งมันก็คงมี(ซึ่งกูไม่อยากรู้ เลยไม่หา) แต่ทำไม >>46 ถึงใช้จากคนละแหล่งมาเทียบกันล่ะ
moreover ถ้าเหตุผลของ >>46 คือเพื่อแซะ >>27 ล่ะก็ คนแบบ >>27 ไม่ใช่คนที่จะอยู่ในเกณท์ยากจนอยู่แล้วอะนะ น่าจะถึงครึ่งบนด้วยซ้ำ แล้วเจตนาของ >>46 คืออะไรกันแน่
>>53 https://th.m.wikipedia.org/wiki/เส้นแบ่งความยากจน
มันใช้ตัวเลขคนละตัวกันอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ
กูว่าปัญหาหนักสุดที่ทำให้คน้านเราจนมันไม่ใช่เรื่องหารายได้ไม่เป็นนะแต่ปัญหาน่าจะอยู่ที่การใช้จ่ายอย่างสร้างสรรค์ไม่เป็นมากกว่า อันนี้ไม่ต้องไปดูคนจนหรอกแค่พวกชั้นกลางก็ใช้จ่ายเกินตัวไปกับเรื่องไร้สาระกันเยอะแล้ว
เคยเชื่อว่าการจะแก้ไขปัญหาใด ๆ การอยากให้สังคมเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจากตัวเรา
แต่วันเวลาผ่านไปก็ได้เรียนรู้ว่ามันไม่จริง
เกิดมาไม่เคยฝ่าไฟแดง แต่ทุกวันนี้คนก็ยังฝ่าไฟแดงเป็นว่าเล่น
ไม่ได้สนับสนุนร้านบนทางเท้านานแล้ว แต่ร้านบนทางเท้าก็ยังอยู่ได้ขายดิบขายดี
สุดท้ายถ้าขาดแรงผลักดันระดับมาโคร ปัญหาก็ไม่มีทางได้รับการแก้ไข ต่อให้เราทำดียังไงก็ไม่ช่วย
ประโยคว่าเริ่มต้นจากตัวเราจะจริงก็ต่อเมื่อปัญหานั้นมีผู้เกี่ยวข้องอยู่ไม่เยอะ เช่น ปัญหาในบริษัท แต่ถ้าเป็นปัญหาวงกว้างในระดับสังคม การที่คนทำดีเป็นคน ๆ ไปนั้นไม่ช่วยเลย
ที่ผ่านมาเคยมีส่วนแก้ปัญหาใหญ่ได้เรื่องนึงคือ การทำให้คนคิดว่าการใช้โปรแกรมแครกเป็นเรื่องผิด ซึ่งสุดท้ายก็เกิดจากความร่วมมือของ Thought Leader ซึ่งคุมสื่อดิจิตอลไว้ก็เลยทำให้เกิดขึ้นได้
พาวเวอร์ของคนมีอำนาจนั้นสำคัญกว่ามาก เป็นตัวกำหนดเลยว่าจะสำเร็จหรือพัง
แต่การเริ่มต้นจากตัวเราก็ควรทำอยู่ดี ไม่ใช่เพื่อเหตุผลอื่นใด แค่เราเป็นคนดีขึ้น ชีวิตสุขขึ้น นั่นก็ดีมากแล้ว
ผลการดีเบต
อพิสิด - เหล้าแม่โขงเก่าๆขวดกั๊ก
ทนาทอน - สก๊อตวิสกี้ เหล้านอกร้อนแรง
จาตุรน - บรั่นดีรสนุ่มละมุนลิ้น
มิ่งขวัญ - เบียร์ไทย สัมผัสได้ทุกชนชั้น
เสรีพิสุด - บุหรี่ ยาเส้น
อนุทิน - กัญชา
ไพบูน - กาว เมาเละเทะเลยนะมึงไอ่สัสสสส
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เฉพาะเดือนนี้ค่าใช้จ่าย 400,000+
ยิ่งจ่ายมากขึ้น ก็แปลว่า เราเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ละ
สินค้าที่ถูกมองเป็นหวยมากกว่าชาเขียว พอถึงวันที่ต้องมองเป็นชาเขียวกลับขายไม่ออก ตอนออกเป็นอิชิตันก็ดูเหมือนลอกยี่ห้อเก่าโออิชิ พอออกเย็นเย็นก็เลยโดนสวนกลับด้วยจับใจและด้วยราคาที่ถูกกว่า พอซื้อไบเล่ก็ทำรสชาติไม่อร่อยเหมือนสูตรเดิม พอทำเพจเฟซบุ๊คก็มีตันตัวปลอมหลอกเงินชาวบ้าน
เคยสงสัยว่าตอบจบของไซอิ๋วคืออะไร เพราะสารภาพตามตรงว่าไม่เคยอ่านจริงๆจังสักที เคยฟังแต่เค้าเล่ามากับดูละครช่อง 3 รู้แต่ว่าเป็นนิยายที่แต่งขึ้นโดยยืมท่านเสวียนจ้าง ที่ไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่อินเดีย แต่แต่งให้มีอภินิหารอ่านสนุก ก็เท่านั้น ....
วันนี้เลยนั่ง google ดู กลายเป็นนั่งอ่านไป 4-5 ชั่วโมง แล้วก็ไปเจอที่เค้าเฉลยว่า ทำไมไซอิ๋วคือนิยายที่ทรงอิทธิพลของจีน ไม่ใช่แค่มันแฟนตาซีเท่านั้น แต่ไซอิ๋วคือการกางพระไตรปิฎกออกมาแล้วเขียนใหม่ในมุมนิทาน
รู้แค่ว่าพระถังคือศรัทธา จะไปชมพูทวีป ต้องมีศรัทธาก่อน พกจิตไปด้วยซึ่งจิตคนเรา ประกอบด้วย โทสะ - หงอคง โกรธ , โลภะ - ตือโป๊ยก่าย โลภ , โมหะ - ซัวเจ๋ง ความไม่รู้
ก็แค่นั้น จน Google เจอที่เค้าอธิบายแต่ละบทแบบละเอียด ทึ่งเลยในความสามารถของคนแต่ง
หงอคงแปลงกายได้ เหาะเหิน เดินอากาศได้ ทำอะไรก็ได้ เพราะหงอคง คือจิตคนเรา ที่เป็นลิง ไม่อยู่นิ่ง คิดไปเรื่อย แค่คุมให้ตามลมหายใจยังยากเลย ดังนั้น ถ้าเราคุมหงอคงได้ .... การไปชมพูทวีปจะง่ายขึ้น ... เป็นต้น
และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราโกรธ - โทสะ เราจะเหมือนหงอคง แผลงฤทธิ์ พังพินาศ ราบเป็นหน้ากลอง
แต่หงอคงแพ้อะไร ? โดนขังไว้ที่อะไร ? ใช่แล้ว แพ้ฝ่ามือยูไล โดนขังไว้ที่เขา 5 นิ้ว
ฝ่ามือยูไล และเขา 5 นิ้ว แทน ขันธ์ 5
ต่อให้จิตแน่แค่ไหนสุดท้ายก็ไม่พ้นขันธ์ 5
ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
นอกจากนี้หงอคงยังมีกระบองวิเศษจัดการปีศาจได้ตลอด กระบองนั้นแทนปัญญา แต่ทว่า มีจิต กับปัญญา แค่นั้นมักเกิดปัญหา พระยูไลจึงประทานมงคล มารัดหัวไว้ ให้พระถังคอยดูแล มงคลนั้นก็แทน "สติ" ซึ่งมงคลเป็นรัดเกล้า 3 ห่วงคล้องกัน แทนไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา
ปีศาจแต่ละตัว แทนกิเลสที่เราต้องค่อยกำจัดออกไป
ตอนเจอกันครั้งแรกเห้งเจียบอกพระถังว่า
จะไปชมพูทวีปผมพา อาจารย์ตีลังกาไปได้ 7 ทีถึง
มามัวเสียเวลาเดินทำไมกัน ไม่เข้าใจ พระถังบอกว่าไม่ได้ต้องเดินไป
ปริศนาธรรมข้อนี้บอกว่า จิต+ปัญหา ฟังเค้าเล่า ฟังเค้าบอก คิดเอาเองก็บอกง่าย แปบเดียวก็ไปถึงนิพพานละ
เช่น เนี่ยคนเล่าให้ฟังอริยสัจ 4 ทางดับทุกข์ ฟังเข้าใจละ แต่จริงๆ แล้วไม่เข้าใจ ธรรมมะต้องลงมือปฎิบัติ เหมือนหงอคงบอกตีลังกาไป 7 ที มันไปไม่ถึง ต้องค่อยๆ เดินไป ศึกษาไป ปฎิบัติไป ถึงจะถึง
โป๊ยก่าย คือศีล 8 , ซัวเจ๊ง คือสมาธิ
ศรัทธา + ปัญญา + ศีล + สมาธิ จึงจะพ้นทุกข์
แต่บางครั้งปีศาจบางตัวก็เก่งเหลือเกิน
ต้องไปตามเจ้าแม่กวนอิมมาช่วย
เจ้าแม่กวนอิม คือ เมตตา
ปัญญา + เมตตา จะกลายเป็นสัมมาทิฏฐิ ธรรมชั้นสูงซึ่งปราบกิเลสได้เสมอ แต่เจ้าแม่กวนอิม มักให้เห้งเจียลองสู้จนหมดแรงก่อน ถึงมาช่วย เหมือนหากมีกิเลสควรให้ปัญญาลองขจัดดูก่อน เกินกำลังแล้วจึงให้เมตตาปล่อยวาง
ถ้าเกินกำลังเมตตา เจ้าแม่กวนอิมช่วยไม่ไหว
คนสุดท้ายที่มักมาช่วย คือ พระยูไล
พระยูไล แทน พระอริยสงฆ์ ท้ายที่สุดถ้าปฎิบัติไม่ไหวก็ถามผู้รู้เอา .... จบแน่นอน
ลำดับปีศาจแต่ละตัวในเรื่องก็เจ๋งมาก
เช่นเมื่อเริ่มเดินทาง ก็พบโจรทั้งหก ขัดขวางไม่ให้ไป
สุดท้ายเห้งเจียเลยเอากระบองตีจนตาย
โจรทั้งหกคือ อายตนะ 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และอารมณ์ ต้องเอา ปัญญา (ตะบอง) ฟาดให้ตายก่อนถึงเริ่มออกเดินทางได้
แล้วก็เจอปีศาจไปเรื่อยๆ อ่านยังไม่จบ ท่าทางอีกหลายวัน
อ้อ แต่แอบโกงมาละ เปิดดูตอนจบ
สรุป ศรัทธา + ปัญญา + ศีล + สมาธิ เดินทาง
กำจัดกิเลสไปจนถึงชมพูทวีป แล้วได้อะไร
ตอนจบพระถังและคณะ มาถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง
สายน้ำเชี่ยวกรากมาก ไม่รู้จะข้ามไปยังไง
จนเจอเรือไร้ท้องเรือจอดอยู่ พระถังกังวลมาก
เรือไม่มีท้องเรือจะพาข้ามฟากยังไง
แต่สุดท้ายก็ยอมใช้เรือข้ามไป
แม่น้ำเชี่ยวกรากแทนกองกิเลส
เรือนั้นแทน สุญญตา ความไม่ยึดมั่นถือมั่น
เมื่อข้ามมาแล้วก็ถึงชมพูทวีป
และได้คัมภีร์มา เป็นหนังสือเปล่าหนึ่งเล่ม
แทนธรรมมะ ซึ่งคือความว่างเปล่า ...นิพพาน
แต่สุดท้ายเห้งเจียขอให้มีอะไรกลับไปจีนหน่อย
เพราะคนธรรมดาคงไม่เข้าใจ
เลยได้คัมภีร์มาอีกเล่มนึง เต็มไปด้วยอักษร
บันทึกการเดินทาง เรียกว่า พระไตรปิฎก ... จบ
อ่านแล้วคารวะคนแต่งเลย .... โห เก่งจัง
ปล. เข้าใจว่ามีหนังสือแปลที่ละบททีละตัวละคร ชื่อ "เดินทางไกลไปกับไซอิ๋ว" ว่าแล้วต้องไปหามาอ่านก่อน
ถามว่าถ้าพุทธ มีไซอิ๋ว แล้วคริสต์ละมีไหม
ว่ากันว่าของศาสนาคริสต์ คือ นาเนียร์
ใช่แล้วที่ทำเป็นหนัง มี 7 เล่มแทนบาป 7 ประการ
My annual review was Monday. I was given a raise that was a single penny over inflation, and asked to sign a non-compete for a job that almost anybody can do.
I turned in my notice Monday.
My direct manager, who was a close friend was personally offended. She thinks I should have stayed around and worked twice as hard to prove to upper management I was "worth more."
"งงใจพวกปกป้องพรบ.ไซเบอร์มากเลย
ทุกวันนี้มึงยังด่าเรื่องตำรวจจับแพะ ยัดยา ทหารมาเฟียเบ่ง ข้าราชการข่ม
เนี่ย เอาแค่ตามปกติ มึงก็ไม่ได้เชื่อมั่นในตัวตนหรือดุลยพินิจเจ้าหน้าที่รัฐกันสักนิด สัมผัสกันได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วพรบ.ที่ออกมามันไปเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่รัฐ abuse ได้ ก็เสือกออกมาปกป้องกันรัวๆ
ควยจริงๆ นี่แดกข้าวเป็นอาหารกันจริงๆรึเปล่าวะ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การศึกษาของสแตนฟอร์ด
ผมเพิ่งรู้ว่า อธิการบดีคนใหม่ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดนั้น ไม่เคยเรียนหนังสือที่อเมริกามาก่อน (เดิมท่านเป็นชาวแคนาดา เรียนจบตรีที่แคนาดา และเอกที่อังกฤษ แล้วจึงค่อยย้ายมาสหรัฐฯ)
เมื่อวาน ที่มหาวิทยาลัยมีการจัดงานเสวนากับท่าน เกี่ยวกับประสบการณ์และวิสัยทัศน์เรื่องการศึกษา ผมฟังแล้วก็ได้กลับมาคิดทบทวนหลายอย่าง
มีคนถามท่านว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ท่านอยากได้ข้อคิดอะไรก่อนที่ท่านจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
ท่านตอบว่า อยากให้มีคนบอกท่านว่า #คนเราไม่จำเป็นต้องวางแผนชีวิตทั้งชีวิตในวันแรกที่เข้ามหาวิทยาลัย นอกจากไม่จำเป็นแล้ว ยังเป็นไปไม่ได้ด้วย เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า โอกาสใดจะเข้ามาเมื่อไร และตัวเราเองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
สแตนฟอร์ดดูเหมือนจะเป็นมหาวิทยาลัยที่ยืดหยุ่นที่สุด เด็ก ป.ตรีที่นี่เข้าเรียนวันแรกโดยยังไม่ต้องเลือกคณะ แต่ละคนค่อยๆ มาทดลองวิชาและเรียนรู้ว่าตัวเองชอบและสนใจอะไรในช่วงสองปีแรก จากนั้นจึงค่อยเลือกว่าฉันจะจบคณะไหน
ตัวท่านเองเรียนฟิสิกส์ตอน ป.ตรีที่แมคกิล ประเทศแคนาดา และได้ทุนไปเรียนตรีอีกใบที่ออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ซึ่งท่านเลือกเรียนปรัชญาและสรีรวิทยา จากนั้นจึงเรียนต่อ ป.เอก ด้านสรีรวิทยาที่ยูซีแอล แล้วจึงมาทำวิจัยด้านสมองที่สหรัฐฯ จนเป็นนักวิจัยด้านสมองที่มีชื่อเสียง เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ที่สแตนฟอร์ดอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วจึงย้ายไปบริหารบริษัทไบโอเทคขนาดใหญ่ ก่อนจะกลับมารับตำแหน่งอธิการบดี
นึกย้อนถึงวัยเด็ก ท่านบอกว่า ตัวท่านโชคดีสองเรื่อง หนึ่งคือ #ท่านได้รับการศึกษาที่กว้าง ไม่ใช่แคบอยู่เฉพาะศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง
วิชาที่กลับให้ประโยชน์มากที่สุดกับท่านคือ วิชาปรัชญา เพราะเป็นวิชาที่ค่อนข้างแตกต่างจากวิทยาศาสตร์ (ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญหลักของท่าน) เพราะในวิทยาศาสตร์ จะมีข้อมูลและข้อเท็จจริงชัดเจน แต่ปรัชญาเป็นเรื่องของการให้เหตุผลล้วนๆ ซึ่งช่วยฝึกวิธีคิดในเรื่องต่างๆของท่าน
สแตนฟอร์ดจึงให้ความสำคัญกับการศึกษาที่กว้าง, เมื่อวันก่อน เพื่อน ป.เอกของผมเพิ่งบอกว่า ไม่น่าจะมีมหาวิทยาลัยไหนอีกแล้วมั๊ง ที่การไปลงเรียนและทำวิจัยข้ามคณะง่ายเท่ากับที่สแตนฟอร์ด
ความโชคดีอีกเรื่องหนึ่งของท่าน คือสมัยที่ท่านเรียนมหาวิทยาลัย ท่านได้เจอ #ครูดีที่ช่วยแนะแนว แนะนำท่านว่า วิชาไหนน่าสนใจ ทุนการศึกษาไหนอาจเปลี่ยนชีวิตท่านได้ ฯลฯ
ท่านบอกว่า ในเรื่องนี้ นักเรียนของสแตนฟอร์ดจะต้องไม่ขึ้นกับโชคชะตาอย่างท่าน สแตนฟอร์ดจัดให้มีระบบครบวงจรที่จะแนะแนวและช่วยเหลือนักเรียน ตั้งแต่เรื่องการเลือกวิชา ทุนการศึกษา การเขียน การนำเสนองาน การหางาน การสร้างสรรค์ธุรกิจ ฯลฯ เด็กอยากทำอะไร อยากพัฒนาตนเองด้านไหน เรามีระบบพร้อมที่จะซัพพอร์ตเด็ก
มีคนถามท่านว่า เมื่อท่านเรียนจบ ทำไมท่านจึงเลือกมาทำวิจัยและทำงานในสหรัฐฯ? (ตอนนี้ท่านได้สัญชาติสหรัฐฯ แล้ว)
ตอนจบ ป.เอก ท่านได้ offer งานทั้งที่ลอนดอนและสหรัฐฯ แต่ท่านเลือกมาที่สหรัฐฯ ความคิดแรกก็แค่อยากทดลองของใหม่ๆ เพราะท่านไม่เคยอยู่ที่สหรัฐฯ มาก่อนเลย
แต่พอมาทำวิจัยและทำงานที่นี่ ท่านก็ติดใจ เพราะรู้สึกได้ถึง #พลังบวก พลังความเป็นไปได้ พลังความมั่นใจของคนที่นี่ และสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้คนใช้ศักยภาพของตนให้เต็มที่ ทุนวิจัยก็มีมาก และไม่ติดกฎระเบียบหยุมหยิม
ท่านบอกว่า ถ้าเป็นที่อื่น เวลาจะทำอะไรใหม่หรือบุกเบิกแนวทางใหม่สักอย่าง จะถูกตั้งคำถามมาก คุณทำอย่างนี้ได้ด้วยหรอ? นี่มันแหวกแนวเกินไป? แต่ถ้าเป็นวัฒนธรรมวิชาการของสหรัฐฯ กลับจะได้ยินว่า เฮ้ย น่าสนใจดี! ลองดูสิ! ถ้าล้มเหลวก็ไม่เป็นไร ก็เริ่มต้นและลองกันใหม่
เมื่อกลับไทยครั้งที่แล้ว ผมเจอน้องคนหนึ่งเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ไทยแห่งหนึ่งได้ พูดคุยกัน เหมือนว่าน้องเขาจะเห็นภาพชีวิตข้างหน้าทั้งชีวิตเรียบร้อยแล้ว ("มีอะไรต้องคิดอีกล่ะครับ สอบเข้าคณะนี้ ก็ประกอบอาชีพนี้") พอคุยเรื่องการเลือกวิชา น้องเขาก็ดูเลือกได้ค่อนข้างจำกัดมาก ในเรื่องทัศนคติ น้องเขาดูเหมือนจะเตรียมไปรับถ่ายทอด "ความรู้" แต่เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่เตรียมไปฝึก "วิธีคิด" "วิธีถาม" หรือเอาความรู้ที่ได้มาเป็นฐานคิดเปิดเส้นทางอะไรใหม่ๆ
คนมักรู้กันว่า ตัว ม.สแตนฟอร์ดมีเงินเยอะมากเหลือเกิน เพราะเศรษฐีฝรั่งชอบบริจาคเงินให้กับมหาวิทยาลัย แต่ผมว่าสิ่งที่ทำให้มหาวิทยาลัยยิ่งใหญ่ คือ ทัศนคติต่อการศึกษามากกว่า
สาระของ "การศึกษา" คืออะไรครับ? คือการจำกัดกรอบ หรือการเปิดกะลา?, คือการจำสิ่งที่ถูก หรือพร้อมลองผิดลองถูกเพื่อสร้างสรรค์?, คือการตั้งไมค์กับกระดานให้พร้อม หรือการสร้างสภาพแวดล้อมให้นิสิตมีโอกาสพร้อมที่จะพัฒนาตนเองเต็มที่ตามศักยภาพที่เขาจะเป็นได้?
จากภาพกรรมาธิการศูนย์ไซเบอร์ 5 คนที่แถลงข่าว ชาวเน็ตเอาภาพ 5 คนนี้มาล้ออย่างเมามันส์ ว่าลุคแบบนี้ ไม่น่ารู้เรื่องเน็ตหรือคอมหรอก ใช้เน็ตใช้คอมไม่เป็นหรอก ฯลฯ
ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ ฉันสรุปได้เลยว่า "การแต่งกายด้วยชุดไทย การไว้ทรงผมแบบไทย การมีหน้าแบบไทย การมีสีผิวแบบไทย และอายุที่เกิน 40" ทำให้ประชาชนไม่เชื่อว่าคนเหล่านี้จะมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์
เหมือนเป็นภาพลักษณ์ที่ฝังรากลึกในสมองคนไทยแล้วว่ะ ว่าความเป็นไทย หน้าตาแบบไทยๆ คือความโง่ ไม่ทันสมัย ล้าหลัง ไม่มีความรู้ ยิ่งบวกกับอายุที่เกิน 40 ยิ่งทำให้เชื่อไปกันใหญ่ว่าต้องไม่มีความรู้เรื่องคอมแน่ๆ
โดยที่ไม่มีใครคิดที่จะไปดูโปรไฟล์ของ 5 คนนี้เลย...
"เดียร์ไม่ได้ทำเพื่อประชาชน เดียร์ทำเพื่อช่วยคดีผัว "
มิตรสหายท่านหนึ่งในยูทูป
>>68 กูยังไม่ได้ตามข่าว ไม่รู้หรอกว่าไอ้ 5 คนที่ว่านี่โปรไฟล์เป็นไงหรือจบอะไรมา แต่เรื่องของ IT ไม่ใช่แค่มีโปรไฟล์ดีแล้วจบ เดี๋ยวนี้เรื่องในวงการนี้แม่งอัพเดตกันแทบจะวันต่อวัน เพราะงั้นคนที่เก่งในวงการนี้ คือคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับมันตลอด ติดตามอัพเดตข้อมูลใหม่ๆตลอด แน่นอนเสื้อผ้าทรงผมอายุหรือความเป็นไอ้ไทยมันไม่เกี่ยว แต่ถ้าจะยึดติดอยู่แต่โปรไฟล์อย่างเดียวก็ไม่แปลกที่จะโดนคนมองว่าโง่ล้าสมัยไร้ความรู้
พวกเกิน 40-50 แต่เก่งไอที
/มองบิลเกต
เมื่อ10กว่าปีก่อน ผมทำงานอยู่แถวสหรัตนคร อยุทธยามีรุ่นพี่คนหนึ่งเงินเดือน15,000บาทไม่รวมโอที มีโอที2ทุ่มทุกวันตกๆเดือนละ2หมื่นกว่า ผมเห็นแกซื้อมาม่า1ห่อข้าวเหนียว10บาท ตอนพักเที่ยงแกจะขยำมาม่าใส่เครื่องปรุง แล้วเอาข้าวเหนียวมาจิ้ม กินเสร็จแกก็เก็บมาม่าส่วนที่เหลือเก็บไว้ พอพักเบรค5โมงเย็น แกก็เอามาม่ากับข้าวที่เหลือมากินต่อ แกทำอย่างนี้ทุกวัน ผมก็อดสงสัยไม่ได้ จึงถามแกไปตรงๆ พี่ทำไมไม่กินอาหารดีๆ เงินเดือนก็สูง แล้วเงินพี่จะเอาไปไว้ใหน พี่เขาบอกเก็บไว้ ผมนี่น้ำตาไหลพราก แสดงว่าทางบ้านพี่เขาต้องยากจน พี่เขาถึงเก็บเงินส่งบ้าน และลูกเมีย ผมยอมรับพี่เขาจริงๆ ผมก็เลยถามต่อไปอีกว่า พี่จะเก็บเงินไว้ทำอะไร ทำไมไม่หาความสุขใส่ตัว แต่คำตอบพี่เขา ทำไห้ผมร้องไห้เป็นครั้งที่2 พี่เขาบอก เก็บเงินไว้ดูดม้า #ก็อบมา
มีอยู่ 2 ข้อที่เวลาเราไปเยี่ยมคนป่วยแล้วไม่ควรพูด
โดยเฉพาะคนที่ป่วยหนักหรือเป็นโรคระยะยาว
ตัวผมเองนั้นป่วยเป็นโรคร้ายแรงถึงชีวิต
ทั้งจากส่วนตัว และที่ได้พูดคุยกับผู้ป่วยท่านอื่นๆ
สรุปได้ว่ามีอยู่ 2 ข้อความที่คนป่วยได้ฟังแล้ว
จะแอบมองบนอยู่ในใจนะครับ
1. "เดี๋ยวก็หายแล้ว"
ข้อความนี้บั่นทอนความรู้สึกได้ดีมาก
รวมถึงสามารถทำให้คนป่วยที่อารมณ์ดีๆอยู่
รู้สึกเซ็งขึ้นมาได้ในบัดดล
2. "สู้ สู้"
คำนี้คือแบบว่า ...
ไม่บอกดีกว่าครับ เดี๋ยวโดนด่าแรง 555
แต่เอาเป็นว่าคำนี้ เอาไว้พูดให้กำลังใจ
กับคนที่กำลังวิ่งตามรถเมล์ให้ทันดีกว่าครับ
ไม่เหมาะเอามาพูดกับผู้ป่วย
บางคนอาจจะเถียงว่า
เคยถามคนป่วยคนอื่นแล้ว
เค้าบอกไม่เห็นจะเป็นไรเลย
ใช่ครับ เขาต้องตอบอย่างนั้นอยู่แล้ว
ตัวผมเองก็ตอบอย่างนั้นเช่นกัน
แต่ให้ลองสังเกตุสีหน้า
และอากัปกิริยาของเขาดูนะครับ
ว่าพูดไปแล้ว คนป่วยเค้าชะงัก
หยุดคิดอะไรนิดนึง
แล้วต่อด้วยยิ้มเจื่อนๆ
หรือพยักหน้าเออออตาม
แทนที่จะอารมณ์ดีสดใสขึ้นมาจริงหรือเปล่า
😅😅😅
อันนี้เป็นประสบการณ์จากคนป่วยหนักหลายๆคน
เล่าสู่คนที่ไม่เคยป่วยหนักๆให้ฟังกันนะครับ
>>80 แก้ลิ้งค์ https://www.pptvhd36.com/news/99240
แนวทางอุดมการณ์ของผมคือ Christian democracy ครับ
ผมเชื่อว่า ประชาธิปไตยกับสิทธิมนุษยชนสมัยใหม่มันเป็นผลผลิตของวัฒนธรรมคริสเตียนยุโรป
แนวคิดนี้มันผ่านการวิวัฒนาการควบคู่กับศาสนาคริสต์มาตลอดประวัติศาสตร์ยุโรป
ทั้งสองเป็นเหรียญเดียวกันแต่คนละด้าน
คุณคิดว่าจอร์ช วอร์ชิงตัน เอาอะไรมาอ้างสิทธิ์ประกาศอิสระภาพ?
วิลเลี่ยม เวอเบอร์ฟอร์ท เอาอะไรมาอ้างสิทธิ์ทาส?
มาร์ตินลูเธอร์ คิงส์ จูเนียร์ เอาอะไรมาอ้างสิทธิ์คนผิวสี?
ดังนั้น เมื่อคุณไปพยายามอธิบายให้คนไทยยอมรับว่า "คนเราเท่ากันหมด ไม่ว่าฐานะ หรือการศึกษาใด ทุกคนควรจะได้สิทธิ์เท่ากันหมด" กับ "มนุษย์เราไม่ว่าจะทำผิดขนาดไหนก็ไม่ควรถูกประหารอย่างทารุณ เพราะเขามีสิทธิมนุษยชน" แม่งยากชิบหายครับ ลองดูได้
แต่ถ้าคุณไปโบสถ์แล้วบอกว่า "พระเจ้าสร้างคนมาเท่ากัน พระคำภีร์บอกแบบนั้น" กับ "พระคริสต์บอกว่าอย่าได้ตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่จงยกโทษให้ศัตรู แล้วให้การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของพระเจ้า เราเกลียดความบาปแต่ปรารถนาจะช่วยให้คนบาปกลับใจ" คนก็จะตอบกลับว่า "อาเมน"
การพูดเรื่องความเชื่อคริสเตียนทุกวันนี้คือการพูดเรื่องสิทธิมนุษยชนโดยอ้างพระเจ้า
การพูดเรื่องสิทธิมนุษยชนทุกวันนี้ก็เป็นการพูดเรื่องคำสอนของคริสเตียนโดยไม่พูดถึงพระเจ้า นั่นแหละครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
กำลังรอดูว่า LN หะริดกับภาณุ (ในไวมาร์เยอรมัน) ของใครจะสนุกกว่ากัน
#ลาออกจากราชการ งานที่ใครๆก็บอกมั่นคง
ถ้าไปเจอผู้ใหญ่หลายๆคน ก็จะชื่นชมกับเราที่ได้เข้ารับราชการ ได้มีงานที่มั่นคง มีหน้ามีตา มีตำแหน่ง เลี้ยงดูครอบครัว เลี้ยงดูตัวเองได้ในชีวิตบั้นปลาย แต่เด็กๆยุคใหม่ คงมีคำถามในใจว่า “จริงหรอ?” เราจะอยู่ได้ยังไงกับเงินเดือนที่ไม่สมดุลกับภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ? ในโลกที่หมุนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ ทำให้เด็กรุ่นใหม่มีความคิดที่ไกลและเก่งมากขึ้นกว่าเดิม อย่างเช่น “ผู้กองเบนซ์”
“ผู้กองเบนซ์” (ร.ต.อ.สี่ทิศ อ่ำถนอม) คุณพ่อรับราชการทหาร ลาออกมาทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และปั๊มน้ำมันกับครอบครัว จนสุดท้ายธุรกิจมีปัญหา ทำให้เปลี่ยนชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่เคยอยู่สบาย ต้องเปลี่ยนโรงเรียนและพ่อแม่ก็ต้องแยกกันไปหารายได้ เด็กชายเบนซ์ มีความฝันเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่น คือ อยากใส่เครื่องแบบรับราชการ ได้งานที่มั่นคง จึงพยายามและตั้งใจ จนสุดท้ายก็คว้าความฝันมาได้ ต่อมาพ่อเสีย แม่ก็ไม่มีรายได้ น้องชายยังเรียนไม่จบ แถมยังเป็นหนี้ธนาคารอีกเกือบ 2 ล้าน ทำให้ต้องมองหาวิธีสร้างรายได้อยู่เสมอ แต่ก็ติดที่ว่า เป็นตำรวจ โดยเฉพาะ ตชด.ใต้ มันไม่มีเวลาว่างพอที่จะแอบไปทำธุรกิจได้เลย จึงกะล๊อกก๊อกแก๊กอยู่กับเบี้ยเลี้ยงลุ่มๆดอนๆ เงินเพิ่มค่าสู้รบ เงินเสี่ยงภัย นู่นนี่นั่นมาตลอด เรียกว่าแต่ละเดือนนี่ชักหน้าไม่ถึงหลัง นอกจากหนี้ในระบบแล้ว ยังมีหนี้นอกระบบอีกบานเบอะ จึงพยายามใฝ่หาความรู้และพัฒนาตนเอง จนกระทั่งมาพบกับโอกาสในการสร้างรายได้ด้วยสติ๊กเกอร์ไลน์ และมันก็ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล เขาสามารถสร้างรายได้จาก”หนึ่งหมื่นกลายเป็นหนึ่งล้านต่อเดือน” สุดท้ายก็ตัดสินใจลาออกจากราชการ เพื่อมาทำธุรกิจเต็มตัว
ปัจจุบันได้ผันตัวเองมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ Personal Branding, Facebook Live และ Facebook Marketing เป็นวิทยากรบรรยายให้ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงวิทยากรในสัมมนาทางธุรกิจต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น เวียดนาม และลาวด้วย
จริงๆ กูก็อยากทำได้เหมือนหลายคนใน Facebook ที่แม่งโพสต์แต่เรื่องดีๆ โพสต์ชมคนนั้นว่าดี คนนี้ว่าดี คนโน้นเก่ง คนนั้นน่าชื่นชม อุ้ย สถานที่นั้นดี อุ้ย สิ่งโน้นยอดไปเลย อุ้ย โครงการนี้ดีงามมาก
ไม่ว่าสังคมประเทศนี้จะมีเรื่องเหี้ยห่า ระยำ อับปรีย์ จัญไร ชั่วช้ามากมายแค่ไหน ก็จะไม่โพสต์ถึงเลย แบบว่า ไม่เอาเรื่องไม่ดีไม่งามเทาๆดำๆในสังคมมาบ่นด่าวิจารณ์ลงใน Facebook เด็ดขาด ฉันจะให้พื้นที่ของฉันเป็นสีขาว สีชมพู สีรุ้ง เท่านั้น
ซึ่งยังไงๆกูก็ทำแบบเค้าไม่ได้ อีเหี้ย! เค้าทำได้ไงวะ แล้วทำไมกูทำไม่ได้อย่างเขา
33
>>82
"ประชาธิปไตยกับสิทธิมนุษยชนสมัยใหม่มันเป็นผลผลิตของวัฒนธรรมคริสเตียนยุโรป"
ประชาธิปไตยเกิดในกรีซ ศาสนาของกรีซคือศาสนาหลายพระเจ้าหรือก็คือPaganที่คริสเตียนเกลียดยิ่งกว่าอะไร
สิทธิมนุษยชนเกิดจากยุคEnlightenmentที่นักคิดประกาศแนวคิดเรื่องNatural Lawsขึ้นมาเพื่อต่อต้านแนวคิดDivine Rights of King(แนวคิดที่ถูกหนุนด้วยคริสเตียน) จนกระทั่งสิทธิมนุษยชนมาเป็นตัวเป็นตนในหนังสือRights of Man (1791)โดยโทมัส เพนท์ ซึ่งเพนท์เป็นหนึ่งในFounding Fatherของอเมริกา เป็นคนที่ต่อต้านการใช้ศาสนาคู่กับรัฐ(ตรงนี้Founding Fatherทุกคนเห็นพ้องต้องกันหมด)
อนึ่ง God ในความหมายของFounding Fathersที่มีอยู่ในDeclaration of Independence(ที่เขียนส่วนใหญ่โดยโทมัส เจฟเฟอสัน จอร์จแค่ประกาศเฉยๆ) เป็นพระเจ้าแบบDeism ก็คือพระเจ้าแบบที่สร้างจักรวาลเสร็จแล้วก็ช่างหัวมัน ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งไม่ใช่พระเจ้าของคริสเตียนmainstream พระเจ้าของคริสเตียนเมนสตรีมคือพระเจ้าแบบOmni(รู้ทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่าง อยู่ทุกที่ และขี้เสือก)
อสอง คำว่า "In God We Trust" บนเงินอเมริกันมีในสมัยไอเซนฮาวเออร์ ทำแบบนั้นเพื่อที่สร้างความแตกต่างจากพวกคอมมูนิสต์(คอมมูนิสต์เป็นเอทีส) ไม่ได้มีมาตั้งแต่ต้น
William Wilberforce (ไม่ใช่'เวอเบอร์ฟอร์ท' กูงงตั้งนานว่าใคร) กับ MLK อ้างพระเจ้าจริง ไม่เถียง
แต่อย่างอื่นผิดหมด
พิมพ์มาซะยาว ใครรู้จักมิตรสหายขี้เบียวมั่วข้อมูลท่านนี้ช่วยแคปไปส่งหน่อย อยากดูว่าจะแถยังไง
-โม่งสหายท่านนึง
อ่านในเพจต่างๆหลายสิบเพจ มีหลายคนด่าว่า "ทำไมรัฐบาลต้องช่วยหนังไทย" "ทำไมคนทำหนังต้องเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ" คืออย่างงี้ ฉันจะอธิบายให้ฟังนะ
รัฐบาลประเทศพัฒนาแล้วทุกประเทศ เค้าช่วยสนับสนุนหนังประเทศเค้าเองทั้งนั้น ทั้งอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส อังกฤษ ฯลฯ ทั้งช่วยเหลือทุนสร้าง ช่วยโปรโมทประชาสัมพันธ์ ช่วยนำหนังออกขายทั้งในและต่างประเทศ ช่วยกวาดล้างการละเมิดลิขสิทธิ์ ช่วยหาโรงฉายหนังดีๆให้ ฯลฯ
เพราะรัฐบาลเขามองว่าภาพยนตร์คือ "สินค้าพาณิชย์ศิลป์" สามารถสร้างเม็ดเงินเป็นหมื่นล้านหมุนเวียนในประเทศได้
ในเมื่อรัฐบาลไทย กระทรวงพาณิชย์ไทย สนับสนุนงานพาณิชย์ศิลป์ เช่น งานจิตรกรรม งานประติกรรม งานแกะสลัก งานทอผ้า งานเครื่องทอง ฯลฯ ส่งออกขายทั่วโลก แล้วทำไมถึงไม่สนับสนุนหนังไทย ซึ่งเป็นงานพาณิชย์ศิลป์เหมือนกันล่ะ?
ทีนี้ เห็นมีหลายคนด่าว่า "หนังไทยห่วยทุกเรื่อง รัฐบาลไม่ควรช่วยเหลือ" "ทำหนังไทยห่วยเอง ทำไมต้องให้รัฐบาลช่วยวะ"
ต้องถามกลับว่า คนที่ด่าเนี่ย ดูหนังไทยครบทุกเรื่องหรือยัง รู้ไหมว่า มีหนังไทยเข้าฉายปีละ 50 - 70 เรื่อง หากนับตั้งแต่ปี 2550 - 2561 มีหนังไทยรวมกว่า 600 เรื่อง คุณดูหมดทั้ง 600 เรื่องแล้วเหรอ ถึงฟันธงว่าหนังไทยห่วยทุกเรื่อง
ฉันอยากจะบอกว่า ใน 600 เรื่องนี้ มีหนังไทยที่ได้คะแนนสูงถึง 3ดาว 4ดาว กว่าครึ่งนะ ถ้าเทียบอัตราส่วนหนังดีๆ เรามีมากพอๆกับหนังอเมริกา ทั้งๆที่เราใช้ทุนสร้างน้อยมาก ตามงบของประเทศยากจน
ถามกลับคนที่ด่าหนังไทยว่า ในบรรดาหนังดีๆกว่า 300 เรื่อง ในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา พวกคุณรู้จักหนังเหล่านี้ถึง 100 เรื่องไหม แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินชื่อหนังดีๆเหล่านี้
เพราะหนังไทยดีๆกว่า 300 เรื่อง "ไม่มีงบโปรโมทหนัง และไม่มีโรงฉายไง" คนไทยส่วนใหญ่ถึงไม่รู้จักและไม่เคยดูหนังเหล่านี้ แล้วด่าเหมารวมว่าหนังไทยห่วยทุกเรื่อง
นั่นแหละคือสิ่งที่คนทำหนังต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ คือ การนำหนังดีๆจากค่ายเล็กๆออกสู่สายตาคนทั้งในและต่างประเทศ ส่งออกไปทั่วโลก และส่งเสริมงบประมาณให้ค่ายหนังที่ผลิตหนังดีๆ ค่ายหนังที่กล้าสร้างหนังที่มีความหลากหลายด้านเนื้อหา
ขนาดเกษตรกรรายย่อยปลูกพืชแล้วเจ๊ง รัฐบาลยังเข้ามาช่วยเหลือ หาทุน หาช่องทางการตลาดให้ แล้วทำไมผู้หนังรายย่อย ที่สร้างหนังดีๆ รัฐถึงไม่ให้ความช่วยเหลือล่ะ
ข้อนี้สำคัญ ประเทศอื่นๆเค้าเอาภาพยนตร์ไปอยู่ในการดูแลของ "กระทรวงพาณิชย์" วงการหนังประเทศเขาจึงได้รับการช่วยเหลือด้านการค้าขายอย่างเต็มที่
แต่ปัญหาของไทยคือ ดันเอาภาพยนตร์ไทยไปอยู่ในการดูแลของ "กระทรวงวัฒนธรรม" ซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่ส่งเสริมด้านการค้าขาย ก็เลยไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกวิธี
จบ
คิดวิธีแก้ไขปัญหามุสลิมขึ้นมาได้
1. เราต้องตีความเรื่องสิทธิของนักบวชใหม่ ในศาสนาอิสลาม คนทุกคนคือนักบวช ไม่มีแบ่งเป็นพระ เป็นคุณพ่อเหมือนศาสนาพุทธ คริสต์ และในเมื่อนักบวชพุทธ คริสต์ ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง นักบวชอิสลามก็ไม่ควรมีสิทธิเลือกตั้งด้วย ดังนั้นมุสลิมจึงไม่ควรมีสิทธิเลือกตั้ง
2. นักบวชนั้นไม่สามารถเป็นข้าราชการได้ ดังนั้นตามเหตุผลในข้อ 1 มุสลิมจึงไม่สามารถเป็นข้าราชการได้ ต่อจากนั้นสมควรเพิ่มเติมข้อความในหมวดความผิดร้ายแรงของวินัยข้าราชการว่า "ห้ามกระทำการอันเอื้อไปสู่การเผยแผ่ศาสนาในเวลาราชการ" ดังนั้น หากข้าราชการมุสลิม (ที่เป็นอยู่ก่อนกฎหมายนี้ใช้บังคับ) ทำการละหมาดหรือกล่าวดุอาห์ในที่ทำงาน จะถือว่าผิดวินัยร้ายแรงและต้องถูกไล่ออกจากราชการโดยไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ
3. ทำการเก็บภาษีนักบวชในอัตราที่สูง และด้วยเหตุผลในข้อ 1 ทำให้มุสลิมทุกคนต้องเสียภาษีเพิ่มเติมจากภาษีเงินได้ที่เสียอยู่
4. เก็บภาษีศาสนกิจในสถานประกอบการเอกชน หมายความว่า หากหน่วยงานเอกชนใดเอาเรื่องศาสนามาเกี่ยวข้องกับที่ทำงาน เช่นว่าจัดงานบุญประจำปีบริษัท เอาพระมาเจิมประตู ก็ต้องจ่ายภาษีให้กับรัฐด้วย และในเมื่อมุสลิมถือเป็นนักบวชตามข้อ 1 หากบริษัทไหนรับมุสลิมเข้าทำงาน ก็จะต้องเสียภาษีเพิ่มเติมให้แก่รัฐ คูณด้วยจำนวนวันที่มุสลิมมาทำงานที่บริษัทในรอบปีภาษี
5. ห้ามนำนักบวชเข้ามาสอนหนังสือในโรงเรียนที่ได้รับการรับรองหลักสูตรจากรัฐ คือ สามารถสอนวิชาศาสนาได้ แต่ห้ามนำพระเข้ามาสอน ในกรณีของมุสลิมนั้นให้ยึดตามข้อ 1 คือมุสลิมทุกคนเป็นนักบวช เพราะฉะนั้นมุสลิมจึงไม่มีสิทธิเป็นครู ไม่ว่าจะเป็นวิชาใดก็ตาม นี่จะทำให้โรงเรียนสอนศาสนาต้องปิดไปโดยปริยาย
6. ทุกศาสนสถานต้องมีคณะกรรมการไม่น้อยกว่า 7 คนเพื่อดำเนินกิจการต่าง ๆ โดยคุณสมบัติของกรรมการนั้นคือต้องไม่เป็นนักบวช ด้วยเหตุผลข้อ 1 มุสลิมจึงไม่สามารถเป็นคณะกรรมการสุเหร่าได้ และสุเหร่าทุกแห่งจะต้องปิดตัวลงเนื่องจากขัดกับข้อกำหนดของกฎหมาย เว้นแต่จะให้คนต่างศาสนิกมาเป็นคณะกรรมการสุเหร่า
7. ห้ามนักบวชเข้าเรียนในสถาบันระดับอุดมศึกษาของรัฐและสถาบันระดับอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ
อันนี้คือมาตรการขั้นต้น สำหรับมาตรการขั้นกลางและขั้นสุดท้ายนั้นจะแจ้งให้ทราบต่อไป หากเห็นด้วยก็ฝากแชร์ไปให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้ทราบด้วยนะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>98 เขาเน้นให้พระเรียนวิชาทางโลก เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าจะบวชได้ตลอดชีวิตไหม ถ้าเบื่อๆ แล้ว อยู่ไม่ไหว สึกออกไปก็ยังมีวิชาติดตัวไปประกอบอาชีพได้ ก็เหมือนโรงเรียนทหารละ เดี๋ยวนี้นายร้อยเหล่าต่างๆ เขาปรับหลักสูตรอิงคณะวิศวะ - วิทยาของ ม.ปกติ หมดละ เพราะถ้าวันนึงรู้สึกว่าทหารไม่ใช่อาชีพที่ตัวเองชอบ จะได้ลาออกไปทำอย่างอื่นได้ ไม่ต้องทนอยู่แล้วก็เป็นนายพลแก่ๆ ให้เด็กมันด่าเล่นแบบตอนนี้
https://thaipublica.org/2019/02/econoarchaeology9/
ภาษาไทยค่ะ ยาวหน่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับเมืองโบราณศรีเทพด้วย
#savesithep เพิ่มเติมนะคะเรื่องการขุดเจาะน้ำมันที่ศรีเทพ สิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุดก็คือการที่การจัดฟังความเห็นและทำแผน EIA เกิดขึ้นระหว่างช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการเลือกตั้ง เป็นตัวอย่างที่ดีของกลุ่มบริษัททุนยักษ์ใหญ่อาศัยความวุ่นวายผ่านเรื่องออกมา อย่างมากก็มีเสียงค้านจากชุมชน หอการค้าภายใน ไม่ได้เป็นกระแสอะไรมากมายที่จะทำให้โดนกดดันให้ดูว่าโบราณสถานดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ใด ไม่พูดเรื่องสถานะของเขาคลังนอกในฐานะโบราณสถานนะคะ แต่เอาเรื่องนี้ก่อนเลย
1) หลุม STN-2 ใกล้หมู่บ้านแทบจะประชิด ถามว่าน้ำบาดาลเสียมั้ยคะที่จะขุดเนี่ย อำเภอศรีเทพมีประชากร 8,703 คน ตำบลศรีเทพซึ่งคือตำบลที่จะเสนอให้มีการขุดเจาะแม้ไม่มีข้อมูลสถิติถามว่าคนที่จะได้รับผลกระทบจากการที่ไปขุดน้ำมันหลังหมู่บ้านเค้าทำอย่างไร แรงสะเทือนไม่ได้มาแต่จากกิจกรรมการขุดเจาะแต่มีเรื่องการขนส่งด้วยบ้านของชาวบ้านจะไม่พังหรือ?
2) บริษัทมีความพยายามมาทาบๆเคียงๆที่อุทยานศรีเทพนานแล้วแม้กระทั่งเข้ารวมงานบูชาเจ้าพ่อศรีเทพ แต่อยู่ๆก็มาจัดฟังความเห็นตอนนี้ มีเหรอคะจะไม่รู้ว่ากรมศิลป์และชาวบ้านจะค้าน มีเหรอจะไม่รู้ว่าจะมีการยื่นแผนยูเนสโก้ แล้วอะไรทำให้เอกสารข้อมูลในการฟังความเห็นมีคำว่า "โบราณคดี" อยู่แค่สองจุด? เป็นเพราะบริษัทรู้ว่าการประเมิน EIA เรื่องมรดกทางวัฒนธรรมไม่ใช่เกณฑ์ใหญ่ยังไงถ้าเอาการประเมินแค่สิ่งแวดล้อมตามแผนทำกันมาก็ผ่านได้ตามแบบที่เคยทำมา แล้วที่สำคัญกรมศิลปากรไม่มีอำนาจเรื่องนี้
3) ต่อให้ต้องย้ายหลุมก็คุ้มเพราะถ้าไม่ผ่านบริษัทก็แค่เสนอย้ายที่ขยับออกมาจากเขาคลังนอก แล้วเมืองศรีเทพหล่ะ? บริเวณเมืองโบราณรอบๆเต็มไปด้วยบ่อน้ำโบราณและโบราณสถาน โบราณสถานย่อยเหล่านี้จะรอดหรือไหนจะบ้านชาวบ้านอีก ทัศนียภาพในการยื่นแผนยูเนสโก้ก็เสีย
4) เขาคลังนอกมีลักษณะในการเป็นพื้นที่ศาสนสถานด้วย เรื่องนี้ไม่อยากพูดมากแต่ถ้าให้เปรียบก็เหมือนไปขุดบ่อน้ำมันหน้าวัดพระศรีสรรเพชรญ์ดีๆนี่เอง เพราะนอกจากจะเป็นโบราณสถานแล้ว เขาคลังนอกยังเป็นสถานที่สักการะของชาวพุทธในพื้นที่ เป็นมาพันกว่าปีแล้วและยังคงเป็นต่อไป
เกมส์นี้จะให้เงียบไม่ได้ค่ะ เพราะข่าวไม่สนใจ นักการเมืองมัวแต่เถียงกัน อิทธิพลท้องถิ่นกับบริษัทก็จะทำอะไรแบบนี้ได้ อย่าให้ กผ อนุมัติแผนเด็ดขาดแล้วที่สำคัญ ต้องตีวงล้อม 5 กิโลรอบศรีเทพไปเลย เพราะในการประเมิน EIA ก็ใช้หลักระยะเดียวกันประเมินเขจผลกระทบ ต้องไม่ให้มาขุดเจาะในพื้นที่รอบโบราณสถานโดยเฉพาะให้เขตพื้นที่คาบเกี่ยวที่อาจจะส่งผลกระทบในวงกว้างได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
วันนี้นั่งฟังพ่อค้าร้านข้างทางที่มาตั้งร้านบนฟุตบาทจัลกลุ่มคุยกัน
เรื่องมีอยู่ว่า มีคนไปร้องเรียน (เราเปล่านะ) ว่าร้านข้างทางมาตั้งร้านล้ำหรือแม้กระทั่่งตั้งมันบนฟุตบาทเลย ทำให้ไม่มีทางเดิน และร้านพวกนี้มักจะเอาขยะไปวางกองกันไว้หน้าปากซอย แทนที่จะเก็บรอรถขยะผ่านมารับ
พ่อค้าร้านหนึ่ง: เค้าร้องเรียนอะไร ขายบนฟุตบาท?
พ่อค้าหัวร้อน: กูขายของกูบนฟุตบาทแบบนี้มาตั้งสามสิบปีแล้ว ไม่เคยมีปัญหา มันเป็นใครวะ
พ่อค้าร้านหนึ่ง: แต่ตั้งล้ำฟุตบาทมันก็ผิดกฎหมายจริง ๆ นะ
พ่อค้าหัวร้อน: ไอ้พวกคนรวยขับเบนซ์ท้ายซอยพวกนี้นี่แหละที่ร้องเรียน ชอบบีบแตรหาว่าขวางถนน.. เดี๋ยวก่อน กูจะไปออกรถเก่า ๆ ทำประกันชั้นหนึ่งแล้วมาขับรถชนมันแม่งเลย ตำรวจไม่จับอยู่แล้ว
.
.
.
.
คนแบบนี้นี่น่ารังเกียจ ตัวเองทำผิดกฎหมายมาสามสิบปี เอาเปรียบสังคมมาสามสิบปี ยังจะมีหน้ามาทำกร่างอีก ไม่ต้องไปโทษรัฐบาล โทษตำรวจ โทษคนอื่น ๆ หรอก ส่องกระจกดูตัวเองบ้างว่าตัวเองมีส่วนรั้งความเจริญของชาติมากแค่ไหน
สงครามชนชั้นเลย
ผมสังเกตมาซักพักหละว่าบริษัทของอีลอน ขึ้นชื่อเรื่องดูแลพนักงานไม่ดี กดดัน ดูถูก สารพัด เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
สตีฟจ๊อบ ก็อีกคนที่ดูแลไม่ดี แต่สตีฟจ๊อบพร้อมจะจ่ายเงินเสมอ
เทียบกับทรัมป์ ทรัมป์บอกพนักงานที่เป็นมะเร็งว่า ค่ารักษาทั้งหมด ที่เบิกไม่ได้ ให้เอามาตั้งบนโต๊ะผม ทั้งๆ ที่บริษัทกำลังขาดทุน
ผมว่าบริษัทขออีลอนด์ ควรจะโดนตรวจสอบเรื่องธรรมาภิบาล
ถือว่าตัดขาดกันอย่างเป็นทางการในความตอแหล เอาดีเข้าตัว ใครงงอะไรกูมีหลักฐานหมดอะ รู้แค่ไม่พูดแต่มีคนมาบอก ดูความตอแหลของคนมันสนุกกว่าเยอะ กูไม่เคยไม่ชอบใครโดยที่ไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว เรื่องนี้มันเกิดจากที่คน 3 คนเป็นเพื่อนกัน แล้วมีอีดอกตัวนึไปป่าวประกาศเอาดีเข้าตัว เอาเรื่องเสียๆหายๆของเพื่อนไปป่าวประกาศให้คนนอกรับรู้ ซึ้งตอนนี้กูไม่รู้แล้วว่ามีใครรู้เรื่องนี้เท่าไหร่บ้าง ซึ้งคำว่าเพื่อนสนิทมันไม่ควรทำสันดารแบบนี้ คนเราควรมีจิตสำนึกป่ะวะ
ขนาดตอนเคลียกันกูถามว่ากูเคยทำอะไรให้มึงไม่พอใจหรอ? มึงถึงเอากูไปนินทาแบบนี้แล้วเอาดีเข้าตัวแบบนี้ ซึ้งแม่งก็ตอบเหี้ยไรมาไม่รู้ ซึ้งอยู่กัน 5-6 คนยังฟังไม่รู้เรื่องเลย แล้วงงว่าเอาคนอื่นเข้ามายุ่งเรื่องนี้ทำไม ไปยุยงให้คนอื่นเค้าทะเลาะกัน มันควรเคลียให้จบแค่ 3 คนซึ้งคนอื่นบอกเคลียจบแล้ว แต่คำตอบที่กูได้กูยัวจำใจความไม่ได้เลย นี้คือคำว่าเคลียแล้วหรอวะ พอใีปัญหา บอกว่าตั้งแต่หนู 3 คนเข้ามามีปัญหาไม่หยึด ซึ้งมาเคลียจริงๆ มีคลี่คลายปัญหา มันมาจากใครอะ ใครเป็นครเริ่มนำคนอื่นเข้ามา
แล้วอันนี้คือเรื่องส่วนตัวกูกับอีดอกนั้น คือทำกับคนอื่นกูจะไม่ว่า แต่นี้มายุ่งกับคนของกู เช่น ตอนขับไปซื้อของ กอดเอว คันจมูก แต่มือยังว่าง แล้วมึงไม่เอามือเกาอะ มือเป็นง๊อยหรออีดอก//ตอนแจกไพ่ ชอบใส่เสื้อคอกว้าง ผัวกูก็เห็นหัวนมฟรีไปจ้า
//ไม่ใส่ซับใน และชอบโชว์หีให้คนอื่นดูไปทั่ว ซึ่งรุ่นพี่ผชจะเตือนก็กลัวน้องจะอาย แต่มารยาทผญอะ มึงไม่มีบ้างหรอ?
//เวลานอนกัน4คนเพราะตอนนั้นเมา ซึ่งกูนอนข้างพี่นน
แต่มันก็เอาปากกระซิบร้องเพลงข้างหูผัวกูู?
//แล้วตอนนั้นพี่นนดูไลสดอยุ่ แล้วอยู่ๆแม่งก็ยื่นหน้าไปใกล้ๆหน้าแฟนกูถามว่า พี่นนคะ แล้วหนูไม่สวยหรอ //พอเวลามาหอ มันเป็นเมน กูก็ให้เพื่อนยืมกางเกง อีนัสก็ให้ยืม พอยืมไปคนเราคสรซักคืนเว้ย ผ่านไป2อาทิตย์มั้ง เอาแบบที่เลาะคราบมาคืนอะ แล้วพวกกูต้อซัก? ซึ้งมันคือของ มึงคือผญซกมก ลองเสื้อผ้าแล้วกูต้องตามเก็บตลอด//แล้วล่าสุดตอนรุชน แต่ทุกคนไม่เป็นอะไร แนู่ๆก็พูดว่า ขอนอนบ้านพี่นนท์ได้ไหมคะ เพราะยังไม่อยากกลับบ้าน อ่อ ทำกับผัวเพื่อนงี้ก็ได้อ่อ เสียความรู้สึกสัสๆ เรื่องอื่นต้องใช้เวลา เรื่องนี้คงไม่มีใครยอม กูถือว่ากูใจเย็นมามากพอแล้วนะ ♦แล้วเรื่องนี้ขอเคลียแค่ 3 คน♦อีดอกนั้นจะไปขอวามสงสารกับใครก็ช่าง ใครจะช่วยมันก็เชิญ ซึ้งมึงทำกับกูขนาดนี้กูไม่ยอมจบง่ายๆแน่ นี้แค่โพสสันดานเบาๆ ยังมีอีกเยอะ รูปก็มีนะ แต่แค่นี้ก็สมเพชมากพอแล้ว
**ใครเพื่อนรักมันก็ฝากบอกด้วยนะคะ พอดีโดนบล็อคเฟสอะงง555555555555555555
ความพินาศวันนี้:
เพื่อนส่งลิงก์มาให้ กดดูตอนเมียอยู่ข้างๆ ปรากฏว่าเป็นคลิปลีน่าจังครางกระเส่าเป็นชื่อประยุทธ์ แน่นอนเปิดเสียงเต็มหลอด
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เรื่องที่ตลกร้ายมากคือคำว่า 'การุณยฆาต' มันดันเป็นคำที่มีความสวยงามและมีความกวีมากๆ
ประโยชน์อย่างเดียวของข้อความข้างต้นของนักเขียนเบียวก็คือทำให้โม่งแลกเปลี่ยนความรู้กันนี่แหละ บทความตัวต้นแม่งไม่มีสาระเหี้ยอะไรเลย อ่านไปจนถึงท่อนที่มันimpliesว่าจอร์จวอชิงตันเขียนคำอิสรภาพกูก็หยุดอ่านแล้ว แม่งคิดว่าคนเขียนกับคนประกาศคือคนเดียวกัน
กูว่ามันเพี้ยนหลักๆเพราะเรื่องศาสนาเนี่ยแหละ
ศาสนาคือตัวถ่วงความเจริญของมนุษย์
ในโลกยุคปัจจุบัน ศาสนานั้นไม่มีประโยชน์อันใดต่อมนุษยชาติเลย
พวกตลาดล่าง
มีคำถามเยอะนะ สำหรับ เอฮิเร ในร้านญี่ปุ่น คือกระเบนแบบไหน
อธิบายง่ายๆว่า ตระกูลปลากระดูกอ่อนวงศ์กระเบนฉลาม
มันเรียก エイเอย์ เกือบทั้งหมด มีบางตัวที่ใกล้ๆกันอย่าง โรนิน โรนัน เรียก ザメซาเมะ แบบฉลาม
ดังนั้น ไอ้ エイヒレ มาจากตัวไหน ก็บอกตรงๆว่า บอกไม่ได้ แต่ที่แน่ๆคือ ได้ตัวไหนมามันก็แปรรูป ดังนั้นจะเป็นตัวกระเบนนก トビエイโทบิเอย์ หรือ ตัวลายจุด マダラトビエイมาดาระโทบิเอย์ กูก็ไม่รู้
แล้วถ้าคิดว่า ญป มีจรรยาบรรณไม่แดกสัตว์อนุรักษ์เหรอ อยากจะขำให้ฟันหัก มันล่า วาฬ โลมา ปูมะพร้าว ทูน่า ฯลฯ โดยไม่สน CITES ไม่สนหีสนแตด มันจะสนกะแค่กระเบนเหรอวะ
ถ้าจะไม่กินก็ไม่ต้องเลือกนะครับ เลิกทั้งวงศ์
แต่ถ้าคิดแค่ว่าจะเลี่ยงมันได้ยังไง ผมก็ขำฉิบหายแล้ว ปลาแปรรูปทั้งประเทศแม่งก็พวกนี้ทั้งนั้น
แล้วไม่ต้องเถียงว่า คนจะกินเยอะขึ้นเพราะรายการนะ
กูพูดด้วยฐานะพ่อครัว แม่งไม่ได้อร่อย และทำไม่ได้ง่าย
ไม่ต้องกังวลแม่งหรอก เลิกเห่อแม่งก็หายไปเอง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เคสพ่อตาสวนทุเรียน นี่ควรได้รับการบรรจุลงตำรา Marketing และ Advertisement มากๆ ......
นี่มัน masterstroke ระดับโลกชัดๆ
แล้วมันอร่อยมั้ยอยากแดก
แดกๆ ไปเหอะ คิดไรมากมาย ปัญญาอ่อน
สมัย10ปีที่แล้ว ร้านข้าวแกงที่กูกินประจำ มาผัดกระเบนมาบ่อยๆ เนื้อมันเหมือนมีกระดูกอ่อนด้วย
I'm an entrepreneur, investor, and technology enthusiast.
I started my career at the age of 15 working in a factory.
12 hours a day, 6 days a week. Earned a cool $2/day.
I had no contacts or resources, but I was determined to improve my life. I realized education and the right training was the only way for me to achieve my goals.
Somehow I managed to acquire modest education.
From there I went on to become a technical leader and CTO in multiple startups.
All this happened because of education and training. So I am very passionate about learning and sharing knowledge.
I like startups, business ideas, and high-tech anything. I love to work on hard problems and get my hands dirty with cutting edge technologies.
I favor pragmatic solutions over complex ones.
I favor scrappiness over lavishness.
I favor fast execution over endless deliberation.
I favor serving the CUSTOMER over my own desires to build something cool.
I favor bending the rules (without breaking them) over abiding by them.
I believe in the resiliency and adaptability of the human race, and I know we can overcome any challenge if we work together.
Currently, I am the principal consultant, architect and CTO of a software consulting company TetraNoodle Technologies based in Vancouver, Canada.
We work with various startup founders and help them bootstrap their dreams and bring innovative products to market quickly and efficiently.
We also train engineers on cutting edge technologies.
#เตือนภัย เกมการ์ด Pokemon TCG
วันนี้แวะเซเว่นที่พุทธมณฑลสาย 4 กะจะเปิดซองซักหน่อย ปรากฎว่ากล่อง A มีคนเปิดไปแล้ว 6 ซอง ในกล่องเหลืออยู่ 54 ซอง
ขอบอกก่อนว่าเกมนี้จะมีการ์ดหลายระดับ ซึ่งระดับที่ขายต่อได้กำไรจะมี RR < SR < HR ในกล่อง 60 ซอง จะมีซองที่มีการ์ดมีราคาประมาณ 8-9 ซอง จะมีซองที่เป็น RR 6-7 ซอง และซองที่เป็น SR หรือ HR รวมกัน 2 ซอง ซึ่งการ์ด SR หรือ HR บางใบสามารถขายต่อได้ในหลักพันบาท (ถ้าใบพีคๆ ขายกัน 2500+) ส่วน RR ส่วนมากจะอยู่ที่ 50-300 บาท และการ์ด 1 ซอง ราคา 49 บาท
วันนี้เราก็เปิดไปเรื่อย กะว่าได้ RR SR ซักนิดก็พอใจ ปรากฎว่าเปิดไป 20 ซอง ไม่เจออะไรเลย ก็คิดว่าเราดวงไม่ดี อย่างมากก็เหมายกกล่องไป ยังไงก็น่าจะได้การ์ด SR ซักใบ แต่เปิดไปเรื่อยๆก็ไม่เจอเลย สรุปเราเจอแค่ RR 3 ใบ จาก 54 ซอง ตอนแรกก็คิดว่าถ้าคนที่เปิดก่อนเราดวงดีขนาดนั้นเราก็ยอมอ่ะ แต่ตอนก่อนกลับพนักงานเซเว่นมาบอกเราว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ชายคนนึงมากับแฟน แล้วก็เลือกซองไปเขย่าๆ ลูบๆ จากนั้นก็นำตาชั่งอันเล็กที่เตรียมมาวางบนเคาน์เตอร์แล้วชั่งซองการ์ด ทำอย่างนี้ทุกซอง แล้วยังถามพนักงานอีกว่าแถวนี้มีสาขาไหนอีกที่มีโปเกมอนขาย ซึ่งก่อนหน้านี้เราแวะเซเว่นสาขาอื่นก็มีคนซื้อไป 4-6 ซอง เกือบทุกเซเว่น แล้วยังย้ำพนักงานว่าถ้ามีกล่องมาใหม่แบบเต็มๆให้บอกเค้า เค้าจะมาซื้ออีก
สำหรับเรารู้สึกว่าเงิน 2,646 บาท ที่เสียไปในวันนี้คือค่าโง่ โง่ที่ไม่คิดว่าจะมีคนตุกติกกับซองการ์ดทั้งหมดในกล่อง โง่ที่เข้าใจว่ามันเป็นการเปิดซอง ลุ้นๆ หาการ์ด วัดดวงไป ดวงดีก็ได้ แต่มันไม่ใช่อ่ะ มันมีคนเอาช่องโหว่ของบริษัทที่ผลิตการ์ดมาแสวงหากำไรด้วยความเห็นแก่ตัวสุดๆ
ขอเตือนทุกคนที่จะไปหยิบซองการ์ดในเซเว่นหรือร้านขายการ์ดร้านอื่นๆให้ระวัง การ์ดที่เราต้องการอาจจะมีคนใช้วิธีสกปรกเอาไปหมดแล้วก็ได้ สำหรับตัวเราเองก็จะไม่ซื้อเป็นซองอีกต่อไป ถ้าซื้อต้องซื้อยกกล่องเต็มๆแบบยังไม่แกะเท่านั้น
ขอฝากถึงคนที่ทำแบบนี้ การหากำไรด้วยวิธีสกปรกจากคนที่ชอบเล่นเกมตาใสๆ ไม่รู้ว่ามีเรื่องแบบนี้ มันไม่ทำให้ในชีวิตนี้คุณรวยขึ้นมาหรอก เงินที่ได้จากคำสาปแช่งของคนอื่นมันร้อนและจะหมดไปอย่างไว จำเอาไว้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พี่โจวรับประกันเลยว่ามีคนมากมายที่อยากออกไปเรียกร้องความยุติธรรมให้พรรคไทยรักษาชาติ..ถ้าสามร้อยห้าร้อยตกถึงมือพวกเขาบ้างอ่ะครับ ..
น่าจะพอได้แล้วสำหรับการเมืองที่ใช้ความโกรธแค้นเป็นต้นทุน (ความแค้นหลังความสูญเสียจากการชุมนุมเพิ่มอุณหภูมิให้บ้านเมืองจนถึงจุดลุกไหม้เมื่อหลายปีก่อน) ต้นทุนนี้มันเริ่มจางหายไปตามวันเวลา
ถึงเวลาต้องควักปัจจัยอีกครั้งแล้ว อย่าดูถูกประชาชนว่าเขาจะบุกฮือเพราะอารมดราม่าอย่างเดียว บ้านเขาต้องเช่า ข้าวก็ต้องซื้อ ไหนจะค่าเทอมลูกอีก พี่โจวฝากไปถึงนักโทษชายหนีคดีท่านหนึ่งไว้ด้วยอ่ะครับ
#ช่วงกรุณาเติมเงินให้มวลชน
Fun fact: the minister of finance for france during the treaty of versaille was flamed by other world leaders as "perhaps the only jew that couldnt count"
พวกชาร์จให้กันด้วย wireless นี่ไร้สาระทุกรุ่น แค่กิมมิก หลอกคนอ่อนๆ
ถ้ารู้ว่า loss เท่าไหร่ ร้อนเท่าไหร่ อยากรู้ว่าจะใช้กันอยู่ไหม
แบรนด์พวกนี้ก็ถนัดแต่ทำกิมมิกพวกนี้ออกมา แล้วคนอ่อนๆก็นึกว่านวัตกรรม ด่าเจ้าที่ไม่ทำว่าไม่มีนวัตกรรมอีก ถถถ
ไปหงายแท่น qi ทั่วๆไปดู เข้ากี่วัตต์ ออกกี่วัตต์ เครื่องได้ไปจริงกี่วัตต์ ที่เหลือก็ loss/heat
ใช้โทรศัพท์เครื่องนึงไม่ได้ 30 นาที แถมแบต A ลดไป 30% เครื่อง B ได้แบตมา 10% คุ้ม? สะดวก? ตรงไหน?
อ้อ... อาจจะสะดวกในสายตาพวกข้างบนๆก็ได้นะ
ส่วนเรื่องฉุกเฉินนี่ออกทะเลไปไกล เอาเครื่องเพื่อนมาโทรเลยดีกว่าไหม ไม่ใช่ไปดูดคนอื่นผ่านวิธีนี้
ทำแบตเขาลดไปเกือบครึ่ง แล้วเราได้มาแค่ 10กว่า% เพื่ออออ..... logic ก็ไม่ได้ซับซ้อนนะ
พวกแชร์แบตที่ใช้สายอย่าง iPad-iPhone หรือใช้พวก powerbank ดีๆหน่อย loss ไม่เกิน 5-10%
ไม่ใช่ loss ทิ้งไปเกินครึ่งแบบพวกนี้จริงๆมีประเด็นอีกหลายอย่าง แต่เอาแค่นี้ก่อน เถียงกับคนที่ไม่เข้าใจ ทำไงเค้าก็ไม่เข้าใจ
สถานการณ์นี้คือสร้างสรรค์ที่สุดแล้ว? อันนี้คือโลกกว้างที่สุดแล้ว? มีใครส่งสถานการณ์ไหนมาแข่งอีกไหม?
พกสิ สายชาร์จน่ะ นน.10-20g เส้นละร้อย ติดกระเป๋าไว้ ในเมืองหาที่เสียบง่ายจะตาย
ถ้าไม่ได้อยู่ป่าเขา เจริญขนาดมีคาเฟ่ให้นั่งแบบข้างบน ค่าเฟ่ไหนไม่มีปลั๊ก? เสียบปล๊กสิ 5 นาทีพอ ได้มา 10% แน่ๆ
เพื่อนคุณไม่ต้องนั่งเสียเวลามานั่งมองหน้ากับคุณอีกตั้ง 20 นาที แถมแบตเพื่อนคุณจาก 40% เหลือ 10% กลายเป็นเศร้าพอกัน
ถ้าไม่พกสาย ก็ไม่ได้น่าห่วง เพราะตอนนี้ port ทั้งโลกมีแค่ 3 แบบหลักๆ เดินถามหาได้ทั่วไปตามคนเดินถนน ห้าง ร้าน ค่าเฟ่
ยามดึกก็หาป้อมรปภ.(อันนี้ของจริง เพราะ รปภ.ทุกคนต้องมีสายชาร์จ item สำคัญของเขาเลยล่ะ)
ถ้ามันฉุกเฉินจริง แค่ 5 นาที ใครจะไม่ให้ใช้ อ้อ ถ้าอยู่ป่าเขา การที่แบตอีกคนหายทิ้งไป 20% นี่หายนะกว่าอีกนะ
ตามที่คุณบอก โลกคุณอาจจะกว้างและสร้างสรรค์กว่าผม แต่เห็นได้ค่อนข้างชัด ว่าคุณคิดไม่เกิน 1-2 ชั้น
เพราะเขาเห็นคนแบบนี้เยอะแหละ ถึงทำกิมมิกพวกนี้ออกมา
A: ถึงแม้ผมไม่เห็นด้วยกับพรรคไทยรักษาชาติ ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคไทยรักษาชาติ ผมยังไม่เห็นด้วยกับคุณทักษิณ และไม่เห็นด้วยกับพลเอกประยุทธ์ด้วยอ่ะครับ
B: ครับ เดี๋ยวคนไข้กินยาเสร็จ สักบ่ายสองเราลองไปช๊อตไฟฟ้ากันนะครับ
A: ได้ครับ ได้ครับ
#อีกหนึ่งปลายทางของฮาร์ดคอร์การเมืองไทย
สัญลักษณ ์สามเหลี่ยม กลับหัว สีส้ม ของพรรคอนาคตใหม่ มีนัยยะแน่นอนครับ
จุดสูงสุด ของสามเหลี่ยม ถูกพลิกให้คว่ำลง แล้วให้ ฐานราก ของสามเหลี่ยมถูกชูให้อยู่ด้านบน ???
และถ้าจำไม่ผิด วันสวรรคตของในหลวง ร.๙ คือวันพฤหัสบดี ซึ่งมี สีส้ม ซะด้วยครับ ???
จากการนี้ผมจึงสันนิษฐานได้เลยว่า นายธนาธร กำลังคิดการใหญ่บางอย่าง ซึ่งซ่อนเร้นอยู่แน่นอนครับ
ภาษา(ไทย)วันละนิด วันนี้ขอนำเสนอ "ภาษาเป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนได้ตามยุคสมัย"
ไม่เห็นด้วยอย่างแรงกับการที่บอกว่าให้เลิกใช้ อาทิเช่น ถึงจะรู้ว่าไม่ถูกตามความหมายก็ตาม แต่ความหมายใครหละที่นิยาม ? ก็คนที่ใช้สื่อสารไง
ถ้าสุดท้ายทุกคนเห็นพ้องตรงไปในทางเดียวกัน ความหมายของคำนั้นก็เปลี่ยนไปได้ตามที่สังคมยอมรับ
อาทิเช่น ก็เช่นกัน เฝ้าดูคำนี้มานานว่าจะเปลี่ยนไปในทางไหน จนตอนนี้ต้องยอมรับกันได้แล้วว่า "อาทิเช่น" เป็นคำใหม่ที่ทำให้คำว่า "เช่น" ดูเป็นทางการขึ้น และควรเลิกยึดติดกับความหมายของคำว่าอาทิในอดีตได้แล้ว
ตอนสมัยสิบกว่าปีที่แล้วตอนเคยช่วยทำงานสื่อ คำว่า "นวัตกรรมใหม่" เป็นคำที่ผิดเช่นกัน เพราะเป็นการใช้คำซ้ำซ้อน นวัตกรรมแปลว่าของใหม่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีคำว่าใหม่เข้าไปเพิ่มอีก แต่สุดท้ายตอนนี้สื่อหลักทุกช่องก็ใช้คำนี้กันหมดแล้ว ไม่ถือว่าผิดอะไร
"เพราะภาษามันปรับเปลี่ยนได้" ครับ
ยกเว้นนะค่ะ อันนั้นเปลี่ยนไม่ได้ ... นะค่ะพ่องงงง
#วิศวกรสายภาษา
A: ผมทำงานด้านการเมืองอยู่
B: โอ่...คุณเป็นทีมนโยบายด้านรัฐสวัสดิการของพรรคการเมืองรึเปล่าอ่ะครับ คนรุ่นใหม่หน่วยก้านแบบคุณ
A: ป่าวครับ ป่าวครับ ผมเดินถือฝาเข่งตามพี่เปี๊ยกหาเสียงอ่ะครับ
#ปีปรัมมูย
ส่วนตัวก็ยังยืนยันว่านโยบายรัฐที่หาเสียงๆ กัน ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการออกฎหมายที่จะทำให้เราเดินหน้าได้ในระดับโลกจากการเปิดช่องทางใหม่ๆ ในระดับประเทศ แต่ทีมเดียวที่พอดูว่ามีทีมกฎหมายทำเรื่องนี้ก็ไม่มีทางมีเสียงเยอะมากพอในการทำอะไรอยู่ดี .. ส่วนตัวเลยยังชมว่าลุงตู่เนี่ยผลงานเยอะกว่าชาวบ้านเยอะแล้ว ...
เห็นกระทู้นี้ขึ้นกระทู้แนะนำใน pantip มาหลายวันแล้ว คือ กูก็เห็นด้วยกับลุงสปีลเบิร์กนะ ว่าหนังที่เข้าชิงออสก้าร์ควรเป็นหนังฉายโรงเป็นหลัก ไม่ใช่หนังฉายจอคอมจอมือถือ
อีดอก Netflix ทำตัวเป็นศรีธนนชัย เอาหนังฉายในเว็บตัวเองเป็นหลัก แล้วฉายโรงขำๆพอเป็นพิธี ไม่กี่โรง ไม่กี่รอบ ไม่กี่วัน เพื่อให้หนังชิงออสก้าร์ได้
คือเมืองนอก มันมีงานแจกรางวัลสำหรับหนังทีวีโดยเฉพาะ ทำไมมึงไม่ส่งไปประกวดงานนี้ล่ะ มึงกะเอาเครดิตออสก้าร์มาล่อคนสมัคร Netflix ใช่ป่ะล่ะ
แบบงี้พวกหนังที่ทำฉายทีวีตอนเดียวจบ ก็ชิงออสก้าร์ได้หมดน่ะสิ หรือจะเทียบกับของไทยก็ได้ เมื่อก่อนช่อง3 มีรายการ "หนังดังสุดสัปดาห์" ที่สร้างหนังเพื่อฉายทางทีวีช่อง3 โดยเฉพาะน่ะ แบบนี้หนังพวกนี้ก็เข้าชิงงานสุพรรณหงส์ได้น่ะสิ แค่เอาหนังทีวีไปขอฉายโรง house ขำๆวันละรอบ สัก 7 วัน ไม่ต้องมีคนดูเลยก็ได้ ก็ตรงกติกาแล้ว?
ที่เหี้ยกว่าคือ คอมเม้นในกระทู้ Pantip นี้ มีหลายคนแม่งตีโจทย์ที่สปีลเบิร์กพูดไม่แตก เถียงกลับว่า "หนังดี ไม่ว่าจะฉายทางไหน ก็ควรได้ชิงออสก้าร์"
ที่ซุปเปอร์เหี้ยกว่านั้นคือ ด่าสปีลเบิร์กว่า "อิจฉาที่หนังตัวเองไม่ได้ชิงออสก้าร์ล่ะสิ" โอ้โห ช่างกล้าพิมพ์ลงไปเนอะ ควายสัส
อยากได้ระบบแบบ Lazada ตอนนี้ต้องตั้งงบไว้ที่ 450 ล้านบาท ระยะเวลาพัฒนา 8 เดือน อันนี้ขอ BOI สนับสนุนได้ มองเป็น CAPEX
ส่วนค่าใช้จ่าย OPEX ตั้งไว้ที่ 252 ล้านบาท ในปีแรกครับ
คุณจะได้ระบบแบบนี้เป๊ะๆ
ส่วนทีมงานตำแหน่งอื่นๆ และต้นทุนอิ่นๆ กันงบเอาไว้เลยครับ แต่ถ้าตาม org chart ก็เดือนละ 20-24 ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งออฟฟิศครับ
ถามมาเยอะตอบตรงนี้ทีเดียวนะครับ
งบล้าน หรือ สิบล้าน ผมไม่รู้จะทำให้ยังไงนะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คนสูบกัญชาไม่ใช่คนที่จะไม่มีทางประสบความสำเร็จ และ คนที่ไม่สูบกัญชาใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป เพราะคนทั้งสองแบบยังไงก็คือ..คนเท่ากัญ
อย่าเอาการใช้กัญชามาตัดสินชี้นิ้วว่าเขาเป็นคนไม่ดี ไม่เอาการเอางาน เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ ว่ายังมีอาชีพอื่นอีกหลากหลายในสังคมที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ที่มีชื่อเสียง มีความสุขในการดำเนินชีวิตโดยใช้กัญชาจนเป็นเรื่องปกติ แค่เขาเหล่านั้นไม่ได้บอกคุณให้รู้..
อยากให้สังคมไทยเรายกระดับความคิด สติปัญญา และเปิดใจให้กว้างมากขึ้น #คนเท่ากัญ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>149 เบื่อติ่งกัญชาเอาจริงๆ กูสนับสนุนให้ถูกกฏหมายนะ แต่ติ่งกัญชาแม่งคิดว่ากัญชาคือเทพเจ้าจากสวรรค์ มีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย พอมีคนเอาประสบการณ์ส่วนตัวมาบอกว่าข้อเสียจากกัญชาเป็นยังไงติ่งกัญชาก็จะเข้ามาดิ้นว่าไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง เอาเปเปอร์มา
พอคนแปะเปเปอร์ที่ระบุโทษของกัญชาติ่งมันก็ดิ้นอีกว่าไม่ยอมรับ เพราะเปเปอร์อันนี้ต้องได้เงินจากบริษัทยายักษ์ใหญ่มาดิสเครดิตกัญชาแน่นอนนน
ล่าสุดลูกชายของชามีมา เบกัม หรือเจ้าสาว ISIS ที่คลอดขณะอยู่ในค่ายลี้ภัยของเคิร์ดนั้นได้ตายลงจากการเจ็บป่วยหลังจากเกิดมาเพียงไม่กี่วัน การตายนี้ทำให้องค์กรสิทธิมนุษยชนและหลายฝ่ายประณามเคิร์ดว่าดูแลไม่ดี และประณามอังกฤษที่ถอดสัญชาติของเบกัม ทำให้เด็กบริสุทธิ์ต้องตาย
เบกัมเป็นชาวอังกฤษที่อพยพมาสวามิภักดิ์ ISIS ตั้งแต่เป็นวัยรุ่น เธอเป็นกลุ่มหัวรุนแรงที่มายอมแพ้กับเคิร์ดเป็นพวกท้ายๆ เมื่อมันชัดเจนแล้วว่ารัฐ ISIS จะต้องล่มสลาย
แม้ยอมแพ้แล้วเธอก็ยังให้สัมภาษณ์บอกว่าการก่อการร้ายฆ่าคนบริสุทธิ์ของ ISIS นั้นยุติธรรมดี เพราะทัพพันธมิตรก็มาฆ่าคนบริสุทธิ์ฝั่ง ISIS เช่นกัน อย่างไรก็ตามตอนนี้เธออยากกลับอังกฤษไปอยู่กับลูก (เกิดกับนักรบ ISIS) อย่างสงบ
ในสงครามนี้แม้ทัพเคิร์ดจะรบชนะ แต่มีปัญหาต้องรับผิดชอบประชาชนฮาร์ดคอร์ของ ISIS จำนวนหลายหมื่นคนที่แตกหนีมาสวามิภักดิ์ ส่วนใหญ่เป็นเด็กกับผู้หญิง เคิร์ดเห็นพวกนี้ยอมแพ้แล้วก็ไม่อยากฆ่า ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเลี้ยงไว้ เพราะสิ้นเปลืองและมีอันตราย อย่างน้อยจึงพยายามผลักดันพวกที่มีพื้นเพเป็นต่างชาติให้กลับประเทศตน
อย่างไรก็ตามอังกฤษไม่ยอมรับเบกัมกลับเพราะรังเกียจว่าหัวรุนแรง จึงทำการถอนสัญชาติ สิ่งนี้ทำให้เบกัมเคว้งคว้างหาที่ไปมิได้ จนคลอดลูกในค่ายลี้ภัย และลูกป่วยตายเพราะเจ็บป่วยขาดยา ส่งตัวไปโรงพยาบาลไม่ทัน
องค์กรสิทธิมนุษยชนประณามว่าสภาพในค่ายลี้ภัยของเคิร์ดไม่ดี ทำให้เด็กบริสุทธิ์ต้องตาย เคิร์ดบอกว่า สาส เมื่อสี่ปีก่อนพวกตูยังเป็นชาวเขาชนกลุ่มน้อยวิ่งหนีปืน ISIS อยู่เลย ตอนนี้พวกตูรบแลกชีวิตพึ่งตั้งรัฐมาได้ไม่นาน อยู่ในภาวะสงคราม ยา อาหารมีน้อย ต้องเอาไปเลี้ยงคนของตัวเองก่อน นี่พวก ISIS มีมาหลายหมื่น (ตอนนี้ 5.5 หมื่น) และยังเพิ่มขึ้นทุกวัน จะจัดการประมาณความช่วยเหลือก็ลำบาก นานาชาติก็ไม่ค่อยช่วย
พวกตูเองก็ไม่ใช่ไม่มีความแค้นต่อ ISIS พวกมันเคยมาฆ่าล้างชาวยาซิดีที่เป็นเคิร์ดกลุ่มนึง จับผู้หญิงกับเด็กไปเป็นทาส ข่มขืนแม้กระทั่งเด็กสิบขวบ
นี่แค่ไม่ฆ่า แต่เลี้ยงไว้ พยายามหาที่ลงให้ก็บุญแค่ไหนแล้วโว้ย!
อย่างไรก็ตามเด็กนั้นไม่มีความผิด การตายของเขาเป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่ง
ถ้าคุณเป็นทัพเคิร์ด คุณจะตอบรับเรื่องนี้อย่างไร?
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เฟมินิสต์ไทย มีมาเป็นสิบปี ยังไม่ผลักยกเลิกกฏหมายสินสอด (ตาม กม ไทย ฝ่ายชายเสียเปรียบเต็มตีนเลยนะหลายคนไม่รู้) คือ เอาจริงๆองค์กรห่านี่ทั้งไทย ทั้งเทศ ณ ปัจจุบัน แมร่งเหมือนพรรค ปชป อะ กลายเป็นการเมืองด้านเพศ
เล่าเรื่องขำๆ
เฟติซเป็นเรื่องที่complex ส่วนตัวหลืบเป็นคนที่ชอบฝึกวาดหลายอย่าง โลลิ สาวน้อย สาววัยทีน สาวเจ๊ เเทรป ฟุตะ ซึ่งการชอบหลายๆอย่างมันก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน เเต่ทว่า ลูกค้าบางกลุ่มเขาไม่ได้รู้สึกเเบบนั้น บางคนคิดว่าพวกวาดโลลิก็เป็นพวกเปโด หรือ พวกวาดเเทรปก็เป็นพวกเกย์ หรือพวกวาดเฟอรี่ ก็เป็นพวกชอบabuseอะนิมอล
ซึ่งตอนเมื่อก่อนหลืบก็ชอบวาดฟุตะหลักเติมเห็ดโง่ๆเนี่ยเเหละ มีฐานเเฟนจากข้างนอกมาเยอะเลย เเต่พอหลังๆไอเราขี้เกียจวาดเห็ดบ้าง อยากวาดnormal กลุ่มนั้นก็หายไป ทีนี้มันก็มีกลุ่มฐานnormalเข้ามาเเทน พอเราวาดไปซักพัก เเล้วอยู่ๆอยากวาดเเทรปมั่ง กลุ่มฐานnormalก็ไม่ค่อยชอบ ก็วนหายไปอีก
หลืบก็ได้เรียนรู้หลายๆอย่าง คือ นักวาดเนี่ยส่วนใหญ่เเต่ละคนก็จะมีจุดขายของตัวเอง บางคนก็วาดโลลิล้วนๆไปเลย วาดเจ๊ล้วนๆไปเลย นานๆทีมาวาดอย่างอื่นบ้างอะไรเเบบนี้ เเบบนี้มันทำให้จดจำได้ง่ายมากกว่า เเต่หลืบไม่ใช่ประเภทนั้น วันๆคืนดีอยากมาวาด กันดั้ม เอวา เเทรป มาชินก้าเเสร็ด เจ๊ โลลิ etc. อารมณ์ไม่คงที่เอามากๆ พอมาย้อนดูมันก็ดูเป็นการยากว่าไอนี่ชอบวาดอะไร
จนหลืบก็เคยคิดว่าบางอย่างเราก็ต้องเน้นให้คนจำได้ ว่าเราชอบอะไร ชอบวาดอะไร หลืบก็เคยมีเเผนว่าเเยกaccountซะบ้างเหมือนกัน ใครใคร่เสพอันไหนก็ไปอันนั้น ปลาทองก็คิดจะทำสองอัน เเยกๆกันไปเลย เเต่ความเหนื่อยมันก็จะเพิ่มขึ้นx2 ประกอบกับเวลาที่น้อยนิด อยากทำนู่นนี่เต็มไปหมด
พออายุเริ่มมากก็เริ่มเข้าใจว่าเวลามันสำคัญเหมือนกัน เวลามีค่ามากจนเราสามารถเอาไปทำอะไรได้หลายอย่าง
ก็อยากบอกเพื่อนๆอย่ามัวนั่งกด granblue fantasy ตีกิลวอ หมุนกาชา เวลามีมากกว่าที่คุณคิด
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"จำลองอาบน้ำ 5 ขัน ส่วนธนาธรอาบน้ำไม่ใช้สบู่และแชมพู เรียกได้ว่าสูสีครับ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ส่วนประยุทธ์ประกาศเป็นโอตะโอตู่ แม่งไม่อาบน้ำแน่นอน"
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
💥คนมีรถยนต์ ไม่มีถือว่าพลาด!! - บอกเลยเหมือนได้รถใหม่
📮กล่องเพิ่มความแรงรุ่นใหม่ล่าสุด SUPER OBD2
📮เหยียบสนุก เบาเท้า เร่งแซงหายห่วง ประหยัดน้ำมัน สุดยอด
💈 ราคาสุดคุ้ม กล่อง Power Prog ราคา 590 บ.(จากปกติ 850บ.)
💥โปรแรง ซื้อ2(เลือกสีได้) ลดเหลือเพียง 990บ. (ด่วน ก่อนหมดโปร)
❤กล่องสีแดงสำหรับเครื่องดีเซล 💛กล่องสีเหลืองสำหรับเครื่องเบนซิน
-------------------------------------------------------------
✅รอบเครื่องมาเร็วขึ้น ออกตัวดีกว่าเดิม แซงมัน เหมือนซื้อรถใหม่
✅ประหยัดน้ำมันมากขึ้นกว่า 20%
✅ รถตั้งแต่ปี 2000 ขึ้นไป สามารถติดตั้งได้ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ
✅ใช้ได้ทั้ง รถเบนซิน และ ดีเซล และรถติดแก็ส NGV LPG
✅ไม่มีผลเสียกับเครื่องยนต์และระบบไฟ ประกันศูนย์ไม่ขาด
🚀 ไม่มีผลเสียต่อECU รถ เมื่อถอดออกคืนค่าเดิมทุกอย่าง
✅คันเร่งตอบเสนอดีขึ้น เหยียบเบาขึ้น ติดเท้า
✅ต่อเกียร์ไหลลื่น ขับขี่คล่องตัว ความเร็วต้นดี กลางเร่งขึ้น ปลายไหลลื่น
✅รถแต่งใช้ได้ รถบ้าน รถเดิมๆเห็นผลชัดเจน จนร้องว้าว!
✅ติดตั้งง่ายไม่ต้องเดินไฟ ใช้เวลาไม่เกิน1นาที ผู้หญิงก็ทำได้
🔰ของแท้ 💯 รับประกัน1ปี
_________________________________________
📮ฟรีค่าจัดส่ง+มีเก็บเงินปลายทาง
_________________________________________
🔥สนใจ พิมพ์ชื่อที่อยู่ เบอร์โทรจัดส่ง ใต้โพสได้เลย
ส่งจริงทุกวัน ได้รับของ 100%
British people complaining people stole their anthem even though it was originally French.
HON HON HON HON
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เฟมินิสต์ มีหลายประเภท บางครั้ง เฟมินิสต์ยังรำคาญกันเอง ยังไม่ถูกกันเอง ไม่ใช่แค่ ต่อต้านดาราอวยกระหรี่ ที่เห็นได้ชัด เฟมินิสต์บางพวกต่อต้านการแต่งตัว สั้น วาบหวิว โชว์เนื้อหนัง เพราะเป็น sex object ในขณะที่เฟมินิสต์บางพวก บอกว่า นี้ร่างกายกู ยุ่งไรด้วย ว ตราบใดที่มันยังถูกกาลเทศะ ก็ไม่ผิด ที่ต้องมาเรียบร้อยเป็นชี สิสนับสนุนแนวคิดผู้ชายเป็นใหญ่ เป็นเจ้าของร่างกายผู้หญิง ห้ามโชว์เนื้อหนัง พูดมาตั้งยาว สรุปว่า สิ่งใดเกี่ยวกับผู้หญิง สิ่งนั้นเข้าใจยาก ไม่ต้องพยายามเข้าใจหรอก ผู้หญิงด้วยกันยังไม่เข้าใจเลย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าสังคมโซเชียลของเราตอนนี้ช่าง ignorant กันเหลือเกิน ยิ่งพูดกลายเป็นเหมือนยิ่งยุ ทั้งเพจชื่อดังรวมถึงบรรดาลูกเพจด้วย ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าของสังคมไทย
แต่จะบอกอะไรให้อย่างนึง..
ถ้าเรามัวแต่ไปสนใจตัวเลขยอดreach หรือยอดไลค์..
เราเองนั้นแหละที่จะเป็นฝ่ายสูญเสียความรักไป..
โอเคว่าคุณอาจจะชนะบริษัทคู่แข่งของคุณทุกบริษัทจากการนับยอดไลค์..
แต่ว่าคุณเคยนับไหมว่ามีคนรักคุณกี่คนบ้าง..
สิ่งที่คุณไม่เคยชนะพวกเขาเลยคือความรัก❤️
คุณมีคือตัวเลขมากมายอยู่ในมือแต่คุณควรจะเรียนรู้วิธีที่ใช้มันอย่างถูกวิธี
การหากินบนความทุกข์ของคนอื่นแบบนี้มันไม่น่ารักเลย คุณจะโปรโมทจะไรตอนไหนกี่โมงก็ได้ แต่คุณจะโปรโมทเพื่อหวังกระแสให้ทุกคนมารุมทำร้ายคนๆนึงด้วยคำพูดตอนตี1 ไม่ได้ โอเคคุณอาจจะทำหน้าที่ของคุณอย่างเต็มที่แล้วเข้านอนอย่างสบายใจ แต่คนที่ตกเป็นเหยื่อ คุณรู้ไหมว่าเขาต้องนอนร้องไห้ เพราะต้องเห็นคนที่รักเขาเป็นทุกข์ใจจากการกระทำของคุณ
การเอาใจเขามาใส่ใจเรามันไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าคุณเรียนรู้ที่จะทำมันตั้งแต่แรกคงไม่มีคนเทคุณเยอะขนาดนี้ แต่ก็จะเป็นกำลังใจให้นะคะ เพราะเชื่อว่าการให้โอกาสเป็นสิ่งที่สำคัญในการอยู่ร่วมกันในสังคม💕 แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกคงจะต้องจริงจังมากขึ้น รวมถึงคนที่คอมเมนต์เข้าข่ายหมิ่นประมาทด้วยค่ะ
ต่อจากนี้คุณไข่จะขอต่อสู้เพื่อสิทธิความเป็นมนุษย์ของตัวเองบ้าง มันหลายครั้งแล้วและอดทนมานานมากๆ คุณไข่ไม่เคยทำร้ายใครก่อน😌🍃
Facebook เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้ระบอบประชาธิปไตยชิบหาย เพราะ Facebook มันจะเอาแต่เรื่องที่เราชอบ มาโผล่ที่หน้าเฟสของเราบ่อยๆ รวมทั้ง มันจะให้เราเห็นคนที่มีแนวคิดเดียวกับเรา บ่อยกว่าคนที่คิดตรงข้ามกับเรา
ดังนั้น คนชอบพรรคใด มันก็จะเอาแต่สิ่งที่คนโพสต์เรื่องดีๆของพรรคนี้ ขึ้นมาให้อ่านบ่อยๆ ส่วนเรื่องที่มีคนด่า จะไม่ค่อยขึ้นให้เห็น
กลับกัน คนเกลียดพรรคไหน มันก็จะเอาแต่เรื่องที่มีคนด่าพรรคนี้ ขึ้นมาให้อ่านบ่อยๆ ส่วนเรื่องที่มีคนชม จะไม่ค่อยขึ้นให้เห็น
มันกลายเป็นว่า Facebook ทำให้คนติดอยู่ในกะลาหนักกว่าเดิม รู้เรื่องรอบด้านน้อยกว่าเดิม "โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยขวนขวายหาข่าวสารเอง แต่รอให้ข่าวสารมาเสิร์ฟตรงหน้าเอง"
“สมัยก่อนเรายังไม่มีคอนเซปต์เรื่อง “องค์กรอิสระ” หน่วยงานที่รับหน้าที่จัดการเลือกตั้งก็คือ กระทรวงมหาดไทย
เป็นที่รู้กันดีในสมัยนั้นว่าตำแหน่ง รมต.มหาดไทย นั้นแย่งกันฝุ่นตลบ จัดเป็นกระทรวง “เกรดเอ” ที่พรรครัฐบาลใหญ่ที่สุดจะต้องถือครองไว้ เพราะมหาดไทยนั้นคุมทั้งตำรวจ นายอำเภอ ผู้ว่า ฯลฯ
ก็ไม่รู้ทำไม ในสมัยนั้นใครคุม มหาดไทย มักจะชนะเลือกตั้งได้บ่อยๆ หน่วยเลือกตั้งก็มีไฟดับบ้าง มียกหีบหนี (ห้ามผวน) บ้าง มีไข้โป้งบ้าง ฯลฯ
จากนั้นเราจึงมีคอนเซปต์ “องค์กรอิสระ”
ซึ่งจากชื่อก็บอกชัดอยู่แล้วว่าอิสระจากอำนาจรัฐบาลนั่นแหละ
แล้วเราก็เลยมีองค์กร กกต ถือกำเนิดขึ้น ได้งบประมาณของตัวเอง เป็น “อิสระ”
สมัยแรกๆ กกต นี่คือองค์กรที่มีเกียรติมาก (เมื่อเทียบกับมหาดไทย) อัพเกรดการเลือกตั้งของไทยให้โปร่งใส มีกฎกติกาชัดเจน หีบไม่หาย ไฟไม่ดับ
แต่แล้วเมื่อกาลเวลาผ่านไป ดูเหมือนการเลือกตั้งไทยจะเป็นขาลงเรื่อยๆ
สมัยก่อน จำได้ว่าแค่หันคูหาผิดทาง ก็ผิดแล้ว
มาวันนี้เอากล่องกระดาษมาใช้แทนคูหาได้สบายๆ ไม่มีอะไรผิด
อ้อ ... และแน่นอนว่าเลี้ยงโต๊ะจีนไม่ผิด
มาจนถึงตอนนี้ ก็ไม่แน่ใจละว่าเราเหมือนหรือต่างจากสมัยมหาดไทยแค่ไหน
องค์กร “อิสระ” นี่อิสระจริงไหม แล้วอิสระจากอะไรกันแน่
อิสระจากอำนาจรัฐบาล ตามนิยามเดิม
หรือจริงๆคือเป็น องค์กรอิสระจากประชาชน”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ท็อปฟอร์มสัสๆ
1. กกต ไปสอบสวน ทษช. กรณีช่วยพรรคอื่นหาเสียง
2. ตาไพบูลย์มาให้สัมภาษณ์แนวว่า ถ้า พปชร. ได้ 126 สส. แต่ไม่มีใครอยากร่วมรัฐบาล ถึงตั้ง รบ. ไม่ได้ ลุงก็เป็นนายกอำนาจเต็ม +ม44 ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะตั้งได้
3. ประวิตรบอก สว.ตั้งมา ต้องคุมได้
สันขวานอะ
"โอมากาเสะที่นี่คนอีสานทั้งร้าน เชฟใหญ่เป็นคนร้อยเอ็ด เชฟบอกว่า คนทำงานร้านอาหารญี่ปุ่นกว่า 90% น่าจะเป็นคนอีสาน
.
เชฟบอกว่า เชฟอาหารญี่ปุ่นที่เป็นคนไทยคนแรกเป็นคนอุบลฯ สมัยที่ฟูจิมีแค่ 5-6 ร้าน ด้วยเน็ตเวิร์คของคนอีสานเลยชวน ๆ ตาม ๆ กันมาทำร้านอาหารญี่ปุ่น
.
เป็นการย้ำเตือนว่า ถ้าจู่ๆ วันนึงคนอีสานหยุดทำงานขึ้นมา ชีวิตตามปกติของชาวกรุงเทพฯ ชะงักงัน อยู่ไม่ได้แน่นนอน @ 海味 Umi"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
จะพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้ายล่ะครับ
ผมยังยืนยันว่านี่เป็นเรื่องของสิทธิผู้บริโภคล้วนๆ ที่รัฐไม่ควรมาเสือก
- เบียร์นอนแอลมีขายในไทยตั้งนานแล้ว ทำไมถึงพึ่งมามีปัญหา กลายเป็นข่าว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ขายกันมาหลายปีไม่มีข่าวอะไร
- เพราะเสือกเป็น ไฮเนเก้น ที่เอาเข้ามา ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นจะไม่มีใครออกมาประสาทแดกเลย
- เพราะไฮเนเก้น เสือกเป็นแบรนด์ที่คนส่วนใหญ่ รู้จัก จำได้
- เลยมีพวกประสาทแดก บอกว่าการที่มึงเอาเบียร์นอนแอลมาขาย เพราะมึงอยากโฆษณาทางอ้อมถึงเบียร์ปกติ
- ซึ่งสามารถตอบได้ 2 อย่าง อย่างแรกคือ เพราะประเทศนี้เสือกมี พรบ ห้ามโฆษณา ซึ่งเป็น พรบ ส้นตีน กฏหมายควายๆ ว่ากันตามหลักทุนนิยมเสรี การทำธุรกิจก็ต้องมีโฆษณาสิวะ นี่มึงไปห้ามเขาโฆษณาไง เขาเลยต้องทำแบบนี้ สิงห์แม่งถึงทำโซดา ช้างเลยทำน้ำแร่ เพราะมันโฆษณาได้
- เพราะเราเสือกมีกฏหมายดัดจริต มันเลยทำให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามหลักการที่ควรจะเป็น
- อย่างที่สองคือ รัฐมีสิทธิ์มาเสือกอะไร จะมาคิดแทนทำไม ผู้บริโภคไม่ได้โง่ เขามีสิทธิ์ในการตัดสินใจซื้อแดก หรืออยากจะเรียกว่าอะไรก็ได้ ทำไมต้องมาห้ามกูคิด ห้ามกูตัดสินใจ
- นี่เป็นเรื่องของสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์เลย ตั้งแต่สิทธิในการตัดสินใจ สิทธิในการเลือกจะแดกอะไรก็ได้ สิทธิในการประมวลผล แดกแล้วจะชอบไม่ชอบ หรือจะเรียกเหี้ยอะไรก็ตาม
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“จากใจของเด็กนักเรียนที่เคยถูกครูเรียกว่า "ลูกไอ้ทักษิณ" ถึงความล้มเหลวของระบบการศึกษา
.
ตอนเรียน ม.ปลายเราเป็นเด็กคนนึงที่สนใจเรื่องของการเมือง เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวและควรมองข้าม ศึกษาข้อมูลต่างๆ วิเคราะห์ ด้วยเหตุและผล เพื่อนถามอะไรก็ตอบไปตามความคิดเห็น ตรงข้อมูลกับเพื่อนบ้าง ขัดแย้งกันบ้าง ตอนนั้นไม่เคยคิดว่าความคิดตัวเองนั้นถูกเสมอ เรายอมฟังสิ่งที่เพื่อนพยายามอธิบาย ช่วงปี 52-54 มีเหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้น กลุ่มผู้ชุมนุมในขณะนั้นล้มตาย เป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าที่สุด ยังจำได้ดีกับคำว่า "ผมเสียใจ แต่ไม่ขอโทษ"
.
สิ่งที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ ครูสังคมคนนึง ทำการสอนๆอยู่สักพัก อยู่ดีๆ ถามขึ้นมาว่า "ในห้องนี้ใครเป็นเสื้อแดงบ้าง" ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบเพื่อนๆในห้องหลายคนชี้มาที่ตัวเรา ครูสังคมเดินปรี่มาราวกับเราเปนภัยคุกคามของชาติ พร้อมกล่าวว่า "เธอเป็นไอ้พวกเผาบ้านเผาเมืองหรอ" เพื่อนๆในห้องพร้อมหัวเราะกันเปนเสียงเดียว ในใจทั้งโกรธและเสียใจ อยากจะไปให้พ้นๆจากตรงนี้ซะ เราโกรธจนหูอื้อไปพักนึง ได้ยินแต่เสียงครูที่พูดว่า ไอ้ทักษิณมันโกง มันล้มเจ้า คิดว่าไม่ไหวแล้วเลยถามกลับไปว่า โกงอะไรครับ คดีอะไร โกงยังไง
ราวกับปิดสวิทช์ เสียงหัวเราะเสียงดังต่างๆก็เบาลง คุณครูเงียบไปชั่วครู่และเรามองด้วยความสงสัยปนกวนตีน คุณครูตอบไม่ได้ ตอบได้แค่ว่า "มันโกงเยอะ มันโกงไปเป็นแสนล้านบาท เธอจะไปรู้อะไร" คืองงไปเลย ว่าคนแบบนี้หรอที่กำลังสอนเราอยู่ แล้วเพื่อนๆอีก มึงอยู่ ม5 กันแล้วนะเว้ย คือตอนนั้นแค่เห็นต่าง ก็กลายเป็นลูกทักษิณแล้ว กลายเป็นคนล้มเจ้าแล้ว ได้หรอ !?!!
.
ตลอดเทอมที่เรียนกับครูคนนี้ไม่เคยมีความสุขเลย ทุกครั้งที่ครูเรียกก็จะเรียกว่า "ลูกไอ้ทักษิณ" คือเราต้อง ชินหรอ แล้วทานโทษนะ ถามอะไรที่เป็นข้อเท็จจริงก็ตอบไม่ได้สักอย่าง ตอบกลับแต่ "ไอ้ทักษิณโกง ล้มเจ้า ขายชาติ ไม่มีแผ่นดินจะอยู่" สามประโยคนี้สอดแทรกอยู่ในทุกเนื้อหาของการสอน น่าแปลกใจที่วิชาสังคมมีเนื้อหามากมาย อย่าง เศรษฐศาสตร์ ศาสนา หน้าที่พลเมือง แต่ทุกเนื้อหาสาระคุณครูสามารถสอดแทรกทุกอย่างเกี่ยวกับคุณทักษิณได้อย่างแนบเนียน เพื่อนๆตอนนั้นก็เฮ หัวเราะคิกคัก ดีใจ ไม่รู้ตัวเองว่า ถูกกรอกหูด้วย Hate speech และสร้างตัวตนของเราให้กลายเปนเสมือนแกะดำในห้อง
.
ร่ายมาซะยืดยาวทั้งหมดนี้แค่อยากจะฝากถึงคุณครูรุ่นใหม่ เลิกเถอะกับการปลูกฝังแนวคิดของตนเองให้กับเด็กๆ อย่าทำสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเรา
.
ไม่เคยโกรธเพื่อนเลย ตอนนี้หลายๆคนคงรู้ตัวบ้างแล้วว่าตัวเองก็มีความคิดเป็นของตัวเอง คงรู้แล้วว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย
.
จนถึงตอนนี้
ทักษิณออกจากประเทศเราไปแล้วกว่า 13 ปี
แต่ความคิดปลุกผีทักษิณมาด่าให้คนเกลียดยังคงได้ผลเสมอ
หยุดเถอะวาทกรรม #ไม่เลือกเราเขามาแน่
เชื่อว่า First voter มีความคิดเป็นขิงตัวเอง
24 มีนานี้ ออกมาเถอะ ในโลกของประชาธิปไตย ทุกคนต่างก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน มาสร้างอนาคตไปด้วยกัน เพื่อตัวเองและคนรุ่นใหม่ในอนาคต
.
รัก และคิดถึงครูเสมอ
ลูกไอทักษิณ”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>166 เราดันปล่อยให้บางองค์กรมีอำนาจในการสื่อสารอยู่ฝ่ายเดียวไง ตอนนี้ทำงานครอบจักรวาลไปแล้ว รัฐก็ไม่กล้าแตะด้วยเพราะฐานมวลชนเยอะมาก
>>167 กูจะดีใจมากถ้าเงินทุกบาทที่เก็บจากภาษีเหล้า เอาไปพัฒนาระบบตรวจจับคนเมาขับรถ รวมถึงพฤติกรรมขับขี่อันตรายต่างๆ แต่ไม่ใช่เอาไปสร้างกระแสทำให้คนดื่มทุกคนเป็นคนเลวคนโง่
#มิตรสหายไม่แดกเหล้าแต่เห็นใจคนแดกท่านหนึ่ง
ชายผู้เลือกลุงตู่แบบฉัน
แม้จะมีคนบอกว่าโง่
แต่ฉันก็รู้ตัวเองดีว่า
ฉันนั้นยังไม่ค่อยฉลาดนัก
อีกด้วยอ่ะครับ . .
#อยากจะลงเรียนใหม่เพื่อเอาเกรดเฉลี่ยไปจีบเทอจัง
#ด้วนรักฟ้า
#IOก็มีหัวใจ
#ความเวิ่ลเว้อของคลประหยัดไอคิว
ประเทศไทยมันประเทศมารยาททางลัด
1. อำนาจจก็ต้องทางลัด แบบบังคับ จี้ๆๆๆ แล้วพอมันเสร็จเร็วถูกใจ คนไทยก็จะเหลิง ติดอำนาจลัดจนเคยตัว คิดว่าสบาย ไม่คิดถึงผลกระทบทางตรงและทางอ้อมในอนาคต
2. อยากได้อะไรก็ใช้ น้ำใจทางลัด ไม่ได้ดั่งใจก็ คนไทยรึเปล่า ข้าอาวุโสกว่านะ ฯลฯ อะไรแบบนี้ มันไม่ควรใช่ นี่ไม่ใช่มารยาทดี นี่คือมารยาทสถุลทรามถ่อย ที่เรียกว่า หน้าด้าน ในภาษาชาวบ้าน
3. ปกป้องทางลัด พอเขาวิจารณ์อะไรนิดหน่อยทำมาปกป้องชาติ ชี้หน้าคนวิจารณ์ว่าชังชาติบ้าง ไม่รักชาติบ้าง เห้ย คือถ้ามันเป็นอย่างข้อหนึ่งข้อสองมันเรียกว่าจิตสำนึกต่ำนะครับ แต่ปกป้องกันแบบเป็นบ้าเป็นหลัง กลับกันคนด่าคนอื่นว่าชังชาติเนี่ย ชอบระเบียบแบบฝรั่งมากๆ ชมไม่ขาดปาก แต่พอคนไทยที่คิดได้และวิจารณ์คนที่แม่งไม่ทำระเบียบสากลในไทย ก็ทะลึ่งไปด่าเขาว่าไม่รักชาติ ขาก ทุ้ย จะอ้วก อีดอก
4. ความดีทางลัด ใครมีบุญคุณมากกว่า ถูกทุกเรื่องทันทีแบบอัตโนมัติ นิรโทษกรรม set zero ให้เขาง่ายๆ เลย เช่นญาติผู้ใหญ่ ทำทุกอย่างถูกหมด ไม่งั้นบาป นรกกินกบาล บลาๆๆๆ นิทานลิงหลอกเจ้าว่ะ
5. ควบคุมทางลัด สอนมาทุกอย่างให้เป็นแบบเดียวกัน ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นตามแบบบลอคนู้นนั้นนี้นี่ดีมาก พอมีคนบอกว่านี่มันแค่อุปกรณ์รับคำสั่งไม่ใช่มนุษย์ ก็ไปชี้หน้าด่าว่าเขาไม่รักชาติอีก เลวทราม ต้องถูกกำจัด เจริญชิบหาย
6. เอาตัวรอดทางลัด ไม่คิดจะช่วยอะไร พอรู้ว่าตัวเองพลาดอะไรไปก็ทำเป็นลงรูปเค้ก รูปแฟน รูปกาแฟ กระท่อม บ้านลอฟท์ ดอกไม้ แหวนแต่งงาน ดินเนอร์สุดโรแมนทิค แล้วก็บอกว่า ไม่ยุ่งแล้วจ้า ทั้งที่แต่ก่อนยิ่งกว่าคลั่ง คลั่ง คลั่ง จนแบบ เห็นคนอื่นที่ไม่เหมือนตัวเป็นแค่ยุงแค่แมงเม่าที่เอายาฆ่าแมลงฉีดได้ทันที
จริงๆ มีเยอะกว่านี้แต่แค่นี้ก็โหดร้ายแล้ว มากพอที่จะถูกเสียบประจานได้จากผู้ใหญ่ คนรักชาติ คนที่แม่งเข้าตัวแล้วนั่นแหละ หรือน้อยที่สุดก็ไปเหน็บแนมในคอมเมนท์ที่อื่น ด่าในทวิทเทอร์ โพสท์แซะในหน้าวอลล์แล้วตั้งค่าการมองเห็นเฉพาะพวกตัวเองหรือพวกที่คิดว่าเข้ามาอ่านแล้วจะมุ่งหน้ามากระทืบเรา ถามว่ากลัวมั้ย กลัวบ้าง แต่มันก็พิสูจน์ว่า คนไทยแม่งจับต้องไม่ได้ ศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่าง ทุกสิ่งขึ้นกิ้ง ปรับเปลี่ยน วิจารณ์ ติติง ให้คำแนะนำเพื่อพัฒนา (จิต [ใต้] สำนึก) ไม่ได้เลย อยากอยู่แบบเดิม แยกไม่ออกว่าอะไรคือ classic อะไรคือ obsolete อะไรที่ต้อง preserve อะไรที่ควร taxidermy
เนี่ย
1. ตอนตั้งพรรค แกนนำทั้งหลายยังเป็นรัฐมนตรี ไม่ลาออกจากตำแหน่ง
2. ตอนจัดงานเปิดตัวยิ่งใหญ่ที่เมืองทอง เอาเงินมาจากไหน? เอาเวลาที่ไหนทำงาน? พรรคอื่นยังอยู่ใต้ประกาศ คสช. ห้ามทำกิจกรรม
3. ตอนตั้งพรรค ใช้วิธีดูด ส.ส. ที่เป็นเจ้าพ่อท้องถิ่น นักการเมืองหน้าเก่า มาจากพรรคอื่น คนที่เคยด่าเขาไว้ทั้งหลายเอามาเข้าพรรคหมด แรมโบ้อีสาน, ลูกบุญทรง, สมศักดิ์, สุริยะ, บ้านคุณปลื้ม ชลบุรี
4. จัดโต๊ะจีน โต๊ะละสามล้าน เก้าอี้ตัวละสามแสน มีนักการเมืองพรรคอื่นไปร่วมนั่งยิ้มแฉ่งเฉย มีชื่อโต๊ะเป็นหน่วยงานราชการ คิงพาวเวอร์จัดไป 6 โต๊ะ 18 ล้าน ทั้งที่กฎหมายเลือกตั้งห้ามรับเงินจากหน่วยงานรัฐ ห้ามรับเงินบริจาคจากคนเดียวเกิน 5 ล้าน กกต. สอบแล้วบอกไม่ผิด เพราะไม่ได้รับเงินต่างชาติ
5. ตั้งชื่อพรรคพ้องกับนโยบายรัฐ ช่วงท้ายอยู่ดีดีโครงการชื่อเหมือนพรรคไล่แจกเงิน ก่อนหน้านี้ห้าปีไม่เคยทำ
6. กำหนดวันเลือกตั้งจะเป็นวันไหนไม่มีใครรู้เพราะรอ คสช. บอก จริงๆยังไม่รู้เลยว่าจะได้เลือกตั้งกันหรือเปล่า แต่พอประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งอีก 2 ชั่วโมงมึงขึ้นป้ายหาเสียงได้เลย คือ มึงสั่งทำไว้เมื่อไร? แล้วมึงรู้ได้ยังไง?
7. ตอนระเบียบ กกต. เรื่องการหาเสียงยังไม่ออกมา แน่นอนว่าพรรคอื่นก็กลัวไม่กล้าขยับตัวเดี๋ยวถูกหาว่า ทำผิด พรรคนี้ไม่เป็นไรติดป้ายนำไปก่อนเพื่อน สักพัก กกต. ออกระเบียบมาจำกัดจำนวนป้าย แถมบอกป้ายที่ติดไปก่อนหน้านั้นไม่เอามานับด้วย ใครจะไปรู้?? ก็มึงรู้อยู่คนเดียว
8. เขียนกติกาเองบังคับพรรคอื่นต้องหาสมาชิกจำนวนมหาศาล ทุกคนลำบากกันหมด แล้วมีคนถ่ายคลิปว่า พรรคนี้บังคับสมัครสมาชิกพรรคพร้อมบัตรคนจน แน่นอนว่า เรื่องก็เงียบ
9. แกนนำลงสมัครไม่ได้สักคน อุตตม, กอปรศักดิ์, สนธิรัตน์, สมคิด เพราะรัฐธรรมนูญที่ตัวเองเขียนมาเองบอกว่าต้องลาออกภายใน 90 วันหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้จึงจะลงสมัครได้ ตัวเองไม่ลาออกไม่ได้ลงสมัครก็จริง แต่เป็นแกนนำชัดเจนขึ้นเวทีปราศรัยปาวๆ ไม่กะเป็น ส.ส. ก็ได้ รอขอเป็นรัฐมนตรี พูดง่ายๆว่า เลี่ยงกฎหมายที่ตัวเองเขียนมาเองเพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน แล้วยังจะพูดได้ว่าเป็นพรรคสุจริตไหม?
10. ทำเป็นแห่ขันมากเทียบเชิญพลเอกประยุทธ์ แล้วไอ้นี่ก็เล่นตัว ทำเป็นขอคิดก่อนรอจนวันสุดท้าย เล่นละครท่องบทมาแข็งๆ ว่าพรรคพลังประชารัฐไม่เกี่ยวอะไรกับคสช. ดูถูกว่า ประชาชนโง่ ไม่รู้หวังให้ใครหลงเชื่อ?
11. ผู้สมัครว่าที่นายกรัฐมนตรี ไม่ลาออกจากตำแหน่งปัจจุบัน ไม่ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า คสช. ถืออำนาจมาตรา 44 อยู่ระหว่างเลือกตั้งจะสั่งอะไรก็ได้ แล้วให้ผู้ตรวจการแผ่นดินที่ตั้งมาเองวินิจฉัยว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ
12. หนึ่งเดือนก่อนเลือกตั้ง เพจพรรคมีคนไลค์สองพันกว่า ทวิตเตอร์สามร้อย ชัดเจนแล้วว่าไม่แคร์ฐานเสียงคนเล่นอินเตอร์เน็ต หวังพึ่งฐานเสียงเจ้าพ่อที่ดูดมาก็พอ สองสัปดาห์สุดท้ายพยายามมาเล่นบ้าง โดนด่าก็สมน้ำหน้าไป
13. ตอนแรกยอมขึ้นเวทีดีเบตตีหน้าซื่อ พูดจาสวยหรูเหมือนไม่ได้ทำอะไรมาเลยก่อนหน้านี้ ลอยตัวออกจากปัญหาของ คสช. แล้วส่งไพบูลย์ออกหน้าไปบู๊แล้วตายแทน อุตตม นั่งยิ้มแฉ่งลอยตัว ตอนหลังเหตุผลสู้ใครเค้าไม่ได้ ไปที่ไหนก็ตกเป็นเป้าโจมตีเลยปฏิเสธเวทีดีเบตทั่วประเทศ อีกนัยยะหนึ่งคือ ไม่แคร์ที่จะชี้แจงเหตุผลอะไรต่อสาธารณะแล้ว ก็มันไม่มีเหตุผลอะไรจะไปชี้แจงนั่นแหละ
14. ตอนเข้ามาอยู่ในอำนาจนั่งด่านโยบายฝ่ายทักษิณ แต่เอาจริงก็รู้ว่า คนมันชอบ พอถึงเวลาประกาศนโยบายของตัวเองปรากฏว่า ลอกนโยบายที่เคยด่าของเค้ามาหมดเลย แถมเพิ่มไปหนักกว่าเขาอีกต่างหาก ไม่อายฟ้าดินว่า ตัวเองเคยพูดอะไรไว้
15. ลงสนามเลือกตั้งเองโดยที่เป็นคนเขียนกติกามาเผื่อให้ตัวเองได้เปรียบ ไม่พอ แต่งตั้งส.ว. 250 คนมาด้วยตัวเอง เลือกคนมาเป็น กกต. เป็นศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองค์กรอิสระทั้งหลายเอง แล้วยังกล้าพูดว่าจะพาประเทศไปข้างหน้าสู่ความปรองดอง ใครเค้าจะไปอยากปรองดองด้วย
พูดตรงๆ แค่พยายามเก็บข้อมูลแล้วเขียนด่ายังเหนื่อยเลยทำไม่ทัน ใครคิดอะไรได้ช่วยเติมหน่อย พยายามไล่เรียงข้อกฏหมายและข้อเท็จจริง จนเริ่มรู้สึกว่า ขี้เกียจจะพูดเหตุผลกับคนหน้าด้านที่จะเอาทุกอย่างให้ได้ ขอรวมๆ แล้วด่ามันแบบนี้แหละ
ตอน คสช. เข้าสู่อำนาจออกประกาศคำสั่งอะไรก็ได้ ยังเห็นว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของสายธารความขัดแย้งทางการเมือง ยังไม่รู้สึกเกลียดมันมากขนาดนี้ นี่เรามาถึงสนามเลือกตั้งที่มีผู้เล่นนิสัยแบบนี้อยู่เป็นตัวเลือกได้ยังไง?
แถมยังน่าแปลกใจที่ยังมีคนจะเลือกอีก...
>>172 มันคือ Mindset ของคนประเทศนี้ ทำกันทุกฝ่าย เพราะเราไม่เชื่อในเหตุผล เราเชื่อในอำนาจ
ไม่งั้นคงไม่เกิดปรากฏการณ์ 8-2-62 ซึ่งปฏิกิริยาคนที่เห็นด้วยนี่ไม่ได้ต่างจากอีกฝ่ายในเหตุการณ์ 22-5-57 เลย คือใข้อำนาจเหนือกว่าเกทับปิดปากอีกฝ่าย หรือถ้าใกล้ตัวหน่อยไม่การเมือง เวลามีเรื่อง คนบ้านเราก็ชอบไปหาผู้ใหญ่มาเคลียร์ อีกฝ่ายก็จะไปหาผู้ที่ใหญ่กว่ามาเกทับ ก็แบบนี้ละ
บทอธิษฐานสำหรับการเลือกตั้ง
พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพระองค์ทั้งหลายขอขอบพระคุณสำหรับสิทธิ์และความรับผิดชอบในการอยู่ในสังคมประชาธิปไตย
โปรดประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อที่จะทำหน้าที่ของตนในช่วงเวลาของการเลือกตั้ง
โปรดปกปักษ์เราจากบาปแห่งความสิ้นหวังและความเกลียดชัง โปรดป้องกันเราจากสิ่งลวงหลอกและภาพฝันอันเกินจริงทั้งหลาย
แต่โปรดเสริมกำลังของข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อสร้างการเมืองให้เป็นงานที่จะถวายเกียรติแด่พระองค์ด้วยการรับใช้สาธรณะประโยชน์ของทุกคน
ข้าพระองค์ทั้งหลายอธิษฐานในนามของพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา
อาเมน
.
.
.
บทอธิษฐานกลุ่ม
ผู้ประกอบพิธีกล่าว : พระผู้เป็นเจ้าของทุกห่วงเวลาและสถานที่ พระผู้เป็นเจ้าแห่งความสัตย์จริง ข้าพระองค์ทั้งหลาย มาร่วมกันทีนี่เพื่ออธิษฐานขอสติปัญญาในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
ให้เราขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าพร้อมกัน
สำหรับผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของผู้คนในแผ่นดิน
ที่ประชุมกล่าว : ขอบพระคุณพระเจ้า
.
.
ผู้ประกอบพิธีกล่าว : สำหรับทุกผู้ที่ทำงานเพื่อสันติภาพและความยุติธรรมบนผืนแผ่นดินนี้
ที่ประชุมกล่าว : ขอบพระคุณพระเจ้า
.
.
ผู้ประกอบพิธีกล่าว : สำหรับผู้นำผู้รับใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์
ที่ประชุมกล่าว : ขอบพระคุณพระเจ้า
.
.
ผู้ประกอบพิธีกล่าว : สำหรับประชาธิปไตยอันแข็งแกร่ง และเสรีภาพที่จะมีส่วนร่วมในงานสาธารณะ
ที่ประชุมกล่าว : ขอบพระคุณพระเจ้า
.
.
ผู้ประกอบพิธีกล่าว : สำหรับการตรวจสอบโดยสื่อมวลชน และการอภิปรายอย่างเปิดกว้าง
ที่ประชุมกล่าว : ขอบพระคุณพระเจ้า
.
.
ผู้ประกอบพิธีกล่าว : ให้เราอธิษฐานกับพระผู้เป็นเจ้าพร้อมกัน
พระผู้เป็นเจ้าโปรดอวยพระพรแด่ผู้ที่ทำงานในการจัดการเลือกตั้ง ให้พวกเขาทำงานได้อย่างยุติธรรม อยู่ในความซื่อสัตย์ และความจริง ข้าแต่พระเจ้าโปรดเมตตาเถิด
ที่ประชุมกล่าว : โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ทั้งหลาย
.
.
ผู้ประกอบพิธีกล่าว : โปรดเทสติปัญญาจากพระองค์ลงมา ให้กับผู้วางนโยบายทุกคน เพื่อคำสัญญาของพวกเขาจะได้รับใช้ในสิ่งที่ผู้คนต้องการ และแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ข้าแต่พระเจ้าโปรดเมตตาเถิด
ที่ประชุมกล่าว : โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ทั้งหลาย
.
.
ผู้ประกอบพิธีกล่าว : โปรดให้ความสัตย์ซื่อมั่นคงแก่ผู้นำพรรคการเมืองทั้งหลาย ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และผู้รณรงค์หาเสียง และรักษาพวกเขาไว้ให้ห่างจากการลวงหลอกและคอรัปชั่น ข้าแต่พระเจ้าโปรดเมตตาเถิด
ที่ประชุมกล่าว : โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ทั้งหลาย
.
.
ผู้ประกอบพิธีกล่าว : โปรดนำสื่อต่างๆ ให้เสนอข้อมูลอย่างถูกต้อง เพื่อที่เราจะ ฟัง พูด และตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล ข้าแต่พระเจ้าโปรดเมตตาเถิด
ที่ประชุมกล่าว : โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ทั้งหลาย
.
.
ผู้ประกอบพิธีกล่าว : พระผู้เป็นเจ้าของทุกห่วงเวลาและสถานที่ พระผู้เป็นเจ้าผู้อยู่เหนือความเข้าใจ ข้าพระองค์ทั้งหลายอธิษฐานขอสติปัญญาในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
โปรดประทานรัฐสภาที่จะทำงานเพื่อความต้องการของอาณาจักรของพระองค์
เพื่อสันติภาพ ความเมจตา ความจริง ความยุติธรรม จะปกคลุมอยู่ท่ามกลางพวกเรา และให้พระพรมีแด่ประชาชนไทยทุกคน
พระบิดาผู้ทรงเมตตา
ที่ประชุมกล่าว : โปรดรับคำวิงวอนเหล่านี้ โดยเห็นแก่พระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ พระผู้ไถ่ของข้าพระองค์ทั้งหลาย
อาเมน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
In heaven
Allah: My believers, what did sent you here?
40 spirits: Inshallah, gunmen shot us to death.
Allah: How cruel. What did you do before the firing?
40 spirits: We were praying in Christ Church.
Allah: GO TO THE HELL YOU BASTARDS!
ขอพระเจ้าคุ้มครองประเทศไทยด้วย
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ น่าเสียดายมากตายไปทั้งๆที่ยังไม่ได้ลิ้มรสความอร่อยของเบค่อน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เหนื่อยมั้ยเจ็ด กูถามจริง เพราะกูสงสารมึงเหลือเกิน อยากทำเพจให้ดัง แต่ไม่มีปัญญาทำเพจให้ดังเหมือนจ่าเหมือนเจี๊ยบ ไม่มีไอเดียดีๆทำคอนเทนต์ได้เหมือน Lowcoscosplay หรือ เรนทหารม้าโยโกฮาม่า เลยต้องมาทำคอนเทนต์ด่าผู้หญิง เกาะชายกระโปรงผู้หญิงไปวันๆ ทำเพจให้คนมาเกลียดมึงมากกว่าชอบมึง และ ไอ้พวกมาเย้วๆกับมึง วันที่มึงโดนลากเข้าคุก มันก็คงหายหัวกันหมด ไม่มีใครมาปกป้องมึงหรอก หึหึ
>>158 ขอเสริมว่ะ ว่าผู้หญิงโดยเฉพาะวัยรุ่นยุคนี้มีแนวคิดแบบนี้จริงๆเรื่องการแต่งกาย พอดีพึ่งอ่านผู้หญิงที่เขา Tweet เรื่องแบบนี้เลย
คือน่าจะอายุเริ่มเข้าวัยรุ่นมาโพสต์บ่นว่าไม่พอใจที่ทำไมตอนเด็กๆ แต่งตัวชุดแบบไม่ค่อยเรียบร้อยเวลาอยู่บ้าน
ประมาณพวกชุดกระโปรงยาว กระโปรงสั้น หรือพวกชุด คอ กว้างๆ หลวมๆ ก้มแล้วมองเห็นอก ไม่ก็พวกชุดแบบเสื้อกล้ามเด็ก ผ่าข้าง
ไม่ก็ชุดที่มันรัดๆตัวเห็นทรวดทรง อะไรประมาณนี้
แล้วพอมีญาติๆมาเยี่ยมบ้านโดยเฉพาะถ้าเป็นผู้ชายจะโดนไล่ให้ไปแต่งตัวให้มิดชิด เปลี่ยนไปใส่เสื้อยืดมิดชิด ใส่กางเกงยีนส์ Tweet เธอ
ก็จะบ่นประมาณว่า ทำไมต้องมาเลือกปฎิบัติกับเด็กผู้หญิงอย่างนี้ นี่ชีวิตเธอ เธอจะแต่งอะไรแบบไหนที่บ้านก็ได้เปล่า แล้วก็บ่น พ่อ กับ แม่
ตัวเองว่าเป็นการแสดงการกีดกันสิทธิผู้หญิง ตั้งแต่เด็ก พอมียกประเด็นเรื่อง พ่อ แม่ กังวลว่าจะโดนคุกคามหรือลวนลามทางเพศเพราะเหมือนแต่ง
ตัวยั่วยวนพวกญาติๆผู้ชาย และมันอันตรายเธอก็แสดงออกแนวว่า ไอ้ผู้ชายพวกนี้นะ น่ารังเกียจ มีความคิดทางเพศ กับเด็กๆแบบนี้
มันต้องให้ผู้ชายพวกนี้สิที่เป็นคนแก้ไขไม่ใช่มาบังคับที่ตัวเด็กผู้หญิงที่ถูกไล่ให้ไปแต่งตัวมิดชิดแทน
แล้ว Tweet คุณเธอ ก็มีสาวๆอายุพอๆกันมา Retweet มา Like มาเล่าประสบการณ์แนวๆเดียวกันเพียบเลยว่า เนี่ย ตอนเด็กๆ
ก็โดนบังคับแบบนี้ เหมือนกันแล้วก็ยอมๆทำตามไป แบบไม่รู้เหตุผล แล้วพอโตมา
แล้วรู้ว่าเป็นการป้องกันโดนลวนลามก็รู้สึกไม่พอใจเหมือนเจ้าของ Tweet เลย
กุอ่านแล้วก็รู้สึกว่ามันขัดกับความคิดในบ้านเราจริงๆว่ะ อันนี้เดาว่าน่าจะเป็นเด็กวัยรุ่นฝรั่งตะวันตกนะเพราะ Tweet ภาษาอังกฤษ
ก็ไม่รู้ว่าเด็กๆฝั่ง Asia โซนเราเขาก็จะมีแนวคิดแบบนี้เหมือนกันไหม
คิดว่าเป็นเรื่องปกติเหรอ ที่วันหวยออกทีไร "คนครึ่งประเทศ" ต้องมานั่งใจจดใจจ่อลุ้นเยี่ยวเหนียวว่าจะถูกหวยไหม ในเฟสก็พูดแต่เรื่องหวย หวย และหวย ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่เดียวที่จะช่วยให้ประชาชนลืมตาอ้าปาก ใช้ชีวิตรอดในประเทศนี้ได้ พวกเธออาจมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ฉันมองว่า มันคือความผิดปกติของประเทศนี้ ที่ถูกทำให้มองเป็นเรื่องปกติ
>>181 ประเด็นเรื่องการแต่งตัวนี่ดราม่ามากนะในบ้านเรา เดี๋ยวนี้มีการรณรงค์ ผญ จะแต่งตัวแบบไหนก็ไม่ สังคมไม่มีสิทธิ์เอาไปเป็นข้อเตือนให้ระวังจากพวกคุกคามทางเพศ ซึ่งอันนี้กูเข้าใจที่จะสื่อนะ กลัวว่าจะเหมือนซ้ำเติมเหยื่อ แต่อีกด้านหนึ่งกูว่าการแต่งตัวมันก็มีส่วนจริงๆ กรณีผู้ก่อเหตุเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คนรู้จัก คือแบบมึงจะไปหวังให้พวกหื่นมันเข้าใจคงไม่ได้อะ ด้านหนึ่งลดความเสี่ยงได้กูก็ว่าจำเป็นแล้ว
🔴#รวมสุดยอดข้อคิดจากหนังสือ
:: ขาย 100 คน ซื้อ 99 คน
🎯1.วิธีคิดเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของนักขาย
ขายในสิ่งที่ตนเองเชื่อว่าดีเเละมั่นใจในสินค้า
***#ในความเป็นจริงนั้น #ไม่มีสินค้าใดที่ปราศจากข้อบกพร่องเลย #หากเรายอมรับความจริงข้อนี้ได้ #หากเราสามารถมองเห็นคุณค่าอันเป็นจุดเด่น #ที่ไกลเกินกว่าข้อบกพร่องของสินค้าจากใจจริงได้เมื่อไหร่ #สินค้านั้นจะกลายเป็นสินค้ายอดนิยม
🎯2.ชีวิตเปรียบเสมือน "เสียงสะท้อนกลับ" ถ้าเราทำให้ผู้อื่นมีความสุข ผลลัพธิ์คือเราจะมีความสุข เเละถ้าเราปฏิบัติต่ออีกฝ่ายด้วยใจเเละความสุภาพ อีกฝ่ายก็จะปฏิบัติต่อเราเช่นเดียวกัน นี่เป็นเรื่องธรรมดา เเต่เป็นความจริงอันสากลเเละนิรันดร
🎯3.เป็นเรื่องยากที่จะเอ่ยคำว่า "ไม่" กับพนักงานขายที่ทำให้รู้สึกดี
🎯4.สิ่งสำคัญกว่าการรุกเป็น 100 เท่า คือ การ เตรียมพร้อม
🎯5.ทุกคนโหยหา "ความรู้สึกเป็นคนสำคัญ"
ไม่ว่าจะเรื่องไหน ก็ควรให้ความสนใจกับอีกฝ่าย ถามในเรื่องที่เขาภาคภูมิใจ เพราะมันเป็นการเเสดงถึงความใส่ใจต่อกันในฐานะมนุษย์
🎯6.เทคนิคจิตวิทยาที่ใช้ในงานขาย
"การทวนคำพูด" นอกจากจะเเสดงถึงความใส่ใจ สนใจรับฟัง ยังเเสดงถึงความเป็นพวกเดียวกัน เห็นด้วยกับความคิด เเละกระตุ้นให้อีกฝ่ายกล้าที่จะเปิดใจ เปิดเผยข้อมูลมากยิ่งขึ้น
🎯7. ถ้าอยากให้ลูกค้าสนใจสินค้า ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความจำเป็นของสินค้านั้นด้วยตัวเองก่อน
🎯8.นักขายที่ดีจะไม่อธิบายสินค้ายืดยาว
🎯9.ห้ามพูดว่าสนใจไหม เด็ดขาด! 😎
🎯10.ถ้ารู้เเก่นของจิตวิทยาเเล้ว ไม่เพียงเเค่จะทำให้เราเป็นมิตรกับอีกฝ่ายง่ายดายเท่านั้น เเต่ยังสามารถควบคุมอีกฝ่ายได้ดังใจนึกอีกด้วย
🎯11. หากความสัมพันธ์กับผู้อื่นราบรื่น เราจะรู้สึกพึงพอใจกับชีวิต
แสงกระสือ กระแสดีมาก แต่รายได้ 3 วัน แค่ 9 ล้านหน่อยๆ ซึ่งความจริงควรได้ 20 ล้านแล้วด้วยซ้ำ เพราะโรงหนังเทโรงเทรอบให้กัปตันมาเวลหมด
ทีนี้เห็นหรือยังล่ะ ว่าสิ่งที่คนทำหนังไทยต้องการให้รัฐช่วยเหลือคืออะไร ก็คือ ช่วยจัดการกับ "การผูกขาดธุรกิจโรงหนัง" ที่กุมอำนาจกันอยู่แค่สองเครือไง
แบบว่า หนังดีแค่ไหน ถ้ากูไม่อยากฉายให้ดู ประชาชนอย่างพวกมึงก็ไม่ต้องดู มีไรป่ะ หรือ หนังเรื่องไหนกูลงหุ้นส่วนสร้างด้วย ต่อให้หนังเหี้ยแค่ไหน กูก็จะให้โรงเยอะๆ บังคับประชาชนอย่างพวกมึงดู ฮ่า ฮ่า
ไม่ค่อยมีที่ไหนในโลกหรอก ที่ปล่อยให้โรงหนังกำหนดรอบฉายตามอำเภอใจแบบนี้ นอกจากประเทศด้อยพัฒนา
เลือกเพื่อไทยดีกว่า รักทักษิณ มีวันนี้ก็เพราะสมัยทักษิณ ทำมาหาแดกโง่ๆก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ
สมมุติขำๆนะ ถ้าผลเลือกตั้งออกมา ลุงตู่เสือกชนะจริงๆ คือชนะเพราะมีคนโหวตให้จริงๆนะ ไม่ได้โกง คิดว่าชาวเน็ตจะเชื่อผลการเลือกตั้งกันไหมวะ ว่าไม่ได้โกงจริงๆ
คือ ผลโหวตใน Facebook ในโลกเสมือนจริง ของ "ชาวเน็ต" เนี่ยจะไม่เอาลุงกัน
แต่ถ้าสมมุติว่า "ประชาชนในโลกจริง" ชาวบ้านทั่วไป ลุงๆป้าๆ ที่ไม่ได้เล่นเน็ตประจำ ซึ่งเป็นพลังเงียบจำนวนมหาศาล ดันเลือกลุงกัน ทำให้ลุงชนะขึ้นมา
ปัญหาคือ คิดว่าชาวเน็ตจะเชื่อผลโหวตนี้กันไหมวะ
>>188 ประเด็นคือมึงพิสูจน์ได้ไหมล่ะว่าพลังเงียบโหวตให้ลุงจริงๆ เพราะผลโพลมันก็ไม่ได้มีแค่ในโลกเสมือนแต่ก็มีพวกที่เขาไปทำสัมภาษณ์เป็นหลักฐานที่เป็นรูปธรรม (คลิป) ออกมาซึ่งก็ไม่ได้ไปในทางที่จะสนับสนุนประยุทธ์ต่อกัน
ถ้าประยุทธ์ชนะแล้วมึงพิสูจน์ไม่ได้แล้วจะมาสรุปเอาเองว่าเออที่มันแม่งชนะเนี่ย เพราะว่าพลังเงียบนะ พวกมึงยอมรับกันไปเถอะ อันนี้มันก็ไม่ใช่
ปี 59 โพลเมกา ฮิลลาลี่ชนะทรัมป์แทบทุกโพล เลือกตั้งจริงหักปากกาเซียนเป็นแถบๆ
สำนักข่าวต่างประเทศ รวมทั้งซีเอ็นเอ็น และบีบีซี รายงานผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2016 ที่ดำเนินไปด้วยความตื่นเต้นสุดระทึกว่า ในที่สุด ได้เกิดการพลิกล็อกมโหฬาร ชนิดหักปากกา ‘โพล’ แทบทุกสำนักที่สำรวจความนิยมของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี มาโดยตลอด เมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีจากรัฐนิวยอร์ก วัย 70 ปี ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง
นึกถึงนี่เลยว่ะ เดี๋ยวเจอสภาจริงที่สั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้จะอยากกลับไปเลี้ยงหลานแทบไม่ทัน
https://youtu.be/z3CMyB9C3ts
คนมันก็คงจะเชื่ออยู่หรอกว่ามึงไม่โกง ถ้ามึงไม่ได้ตั้ง กกต เอง เลือก สว มาเลือกตัวเอง ใช้ ม44 แบ่งเขตเลือกตั้งตามใจตัวเอง เลือกกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติที่จะชี้เป็นชี้ตายสภาที่มึงไม่ชนะได้ เอาเงินภาษีไปหาเสียงในโครงการที่มึงเอาไปตั้งเป็นชื่อพรรค
เรื่องแอดมินเพจลวนลามมาอีกเพจละครับ...
(เคสเมื่อเช้าเขาไปเคลียร์กันละนะ) คราวนี้ลองอ่านกันดู อืมม์... ทำไมต้องเป็นคนที่เคยเจออีกละเนี่ย... =..="
👉 อยากเตือนให้เป็นอุทาหรณ์ จากเหตุการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างแอดมินกับลูกเพจ ว่า อย่าไปไหนมาไหนกับแอดมินเพจ ถ้ายังไม่สนิท หรือเชื่อใจ
เรื่องมีอยู่ว่า หนูเป็นลูกเพจอยู่เพจนึง เป็นเพจตลก ก็ติดตามเพจกันปกติ ไปคอมเมนท์ตามประสาลูกเพจ แต่อยู่ๆแอดมินก็มาตอบคอมเมนท์ เราก็ดีใจแอดมินตอบเพจ โต้ตอบกันใต้คอมเมนท์ ซักพักนึง แอดมินคนดังกล่าวก็แอดเพื่อนมา เราตกใจมาก เพราะเห็นหน้าเฟสบุ๊คบอกเป็นแอดมินเพจ เราเลยลองกดรับเป็นเพื่อน
พอรับแอดมินเพจก็ทักมาทันที บอกว่าเราสวย ชอบเรา อยากเจอเรา พอดีมีงานออกบูท ด้วยความที่ชื่นชอบเพจนั่นมากเลยตอบตกลงว่าจะไปเจอที่งานออกบูทของเพจนั่น พอเจอเราก็คุยกันปกติ คุยกันสนุกสนาน พอจะกลับเขาก็อาสาพากลับบ้าน ไอเราก็หลวมตัวกลับไปกับเขา อาทิตย์ต่อมาแอดมินคนเดิมก็ชวนเราไปเที่ยวอีก คราวนี้ไปเที่ยวที่ไกลกว่าเดิม เป็นที่ที่เราไม่เคยไป เราก็ออกปากตกลง เพราะเชื่อใจ
ถึงเวลาก็ไปเดินเที่ยวตามปกติ คราวนี้เขาก็บอกจะไปส่งอีก เราก็ตกลงแต่วันนี้ เราเริ่มมีท่าทีแปลกๆ ขึ้นรถนั่งอยู่นาน แต่ไม่ยอมออกรถ เราก็สงสัยเลยถาม “ทำไมไม่ไปล่ะคะ” เขาบอก”ขอทำธุระแปบนึง” เราก็งงทำอะไร ทันใดนั่น แอดมินคนนั้นก็เริ่มมาหอมแก้ม กอด เราตกใจมาก ถามทำอะไร เขาตอบ “ก็คิดถึง ขอหอมหน่อยไม่ได้เหรอ” เราก็เงียบไปจนมาถึงบ้าน เราลงจากรถและไม่พูดอะไร
อาทิตย์ต่อมา เขาก็ชวนอีกบอกจะไม่ทำอะไรแล้ว เราเลยตกลงยอมไปด้วยอีกครั้ง เหตุการณ์เกิดขึ้นเหมือนเดิม แต่หนักกว่าเดิม คือเขาพยายามจะเอามือมาจับหน้าอก เราโวยวายบอก “ทำไมทำแบบนี้” เขาบอก “ก็คิดถึง พี่มีน้องคนเดียว พี่ก็อยากจะทำ น้องยอมพี่ไม่ใช่เหรอ” ได้ยินแบบนี้ เราทนไม่ไหว บอกให้รีบไปส่งที่บ้าน
ถึงบ้าน เขาก็พยายามจะโทรหา บอกขอโทษจะไม่ทำอีก หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้คุยกัน ผ่านไป2อาทิตย์ แอดมินคนนั้นกลับมา โทรมาหา บอก”มาเจอกันเถอะนะ จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนสำนึกผิด เราใจอ่อนและก็ยอมไปเจอกับเขา
ก็ไปเที่ยวปกติ แต่ขากลับ เขาบอกอยากไปนั่งพักซักที เราก็นึกว่าจะเป็นร้านกาแฟ หรือร้านอาหาร ขับรถมาได้ซักพักรู้ตัวอีกที ก็อยู่หน้าโรงแรม(พอดีตอนนั้นเหม่อเลยไม่ได้สนใจทาง) พอเห็นว่าเป็นโรงแรม เราพยายามจะหนี แต่หนีไม่พ้น เราถูกแอดมินคนนั้น ฉุดเราเข้าห้อง หลังจากนั้นก็พยายามจะข่มขืนเรา วิ่งหนีทั่วห้อง เขาจะถอดเสื้อ กางเกง เหลือแต่ยกทรง เขาล็อกแขน พยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด ความแรงผู้ชายผู้หญิงอย่างเราสู้ไม่ไหวอยู่แล้ว เขาพูดกับเราว่า”พี่ขอนะ” หลังจากนั้น เขาก็พยายามที่จะเอาไอนั่นมาใส่ เราดิ้นๆๆ จนหลุดออกมาได้ เราหนีเข้าห้องน้ำแล้วรีบใส่เสื้อผ้า และหาจังหวะ หนีออกมาได้ พอเห็นเราหนีออกมาเขาพยายามขับรถตาม พอดีปากซอยโรงแรมเป็นบั๊มน้ำมัน เลยหนีเขาไปหลบ รอโอกาศที่เขาขับรถออกไป แล้วก็กลับบ้าน เขาพยายามที่จะติดต่อ โทรหาและพูดประโยคเดิมๆว่า “พี่ขอโทษ ที่จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว พี่สัญญา” ครั้งนี้เราบอกว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเชื่อใจแล้ว จึงทำการบล็อกเขาออกทุกช่องทาง ไม่อยากจะเจอ จะคุยด้วยอีกต่อไป จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้รู้ว่า ไม่ควรไปไหนมาไหนกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกัน แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นแอดมินเพจจากเพจดังก็ตาม👈
พออ่านจบก็เข้าใจนะ ว่าเวลาแอดมินเพจทำอะไรแบบนี้มันมีทั้งเคส ไหวตัวทันและไหวตัวไม่ทัน หรือบางทียอมใจอ่อนเผลอใจให้ บางคนรอดไปได้ก็โอเค เขาก็หาคนใหม่คนที่โดนแล้วอึดอัดเจอที่ระบายไปเล่าได้ก็โอเค แต่หลาย ๆ เคสเกิดจากความไว้ใจจนพลาดไป สุดท้ายก็ทำอะไรกลับไม่ได้เพราะเข้าข่ายสมยอมจนต้องเก็บเรื่องเอาไว้...
ดังนั้นถ้าไม่อยากพลาด ก็ระวังไว้ละกันครับผม...
เราจะทำการโกงเลือกตั้งให้ดีที่สุด
เพื่อไม่ให้นักการเมืองกลับมาโกงได้อีก
เชื่อใจ กกต. ที่ คสช. สรรหามา เถอะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ที่คุณธนาธรระบุทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องที่ดีมาก และสมควรชื่นชม แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
เพราะนักการเมืองหลายคนเขาก็ทำ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบ blind trust หรือ private fund ต่างก็สามารถระบุเจตจำนงในสัญญาบริการได้ทั้งหมด
เราก็เคยบริหาร private fund ให้อดีตรัฐมนตรีบางท่าน ซึ่งปัจจุบันกำลังลงเลือกตั้งในยุคนี้ สัญญาจัดการ private fund ก็ไม่ต่างจากที่คุณธนาธรระบุ นอกจากนี้ ยังครอบคลุมไปถึงหุ้นบริษัทนอกตลาดอีกด้วย โดยที่ในระหว่างบริหาร private funds เหล่านี้ รัฐมนตรีและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องก็มิได้เข้ามาบงการหรือยุ่งเกี่ยวอะไรเลย
คุณธนาธรทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพียงแต่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะมีนักการเมืองและรัฐมนตรีหลายคนเขาทำกันอยู่แล้ว ถึงจะไม่ได้ทำในรูปแบบ blind trust แต่เนื้อหามิได้ต่างกันและบางท่านก็ทำเข้มงวดกว่า
.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แสงกระสือ หนังดี ลงทุน 40 ล้าน แต่คนไทยไม่ดู รายได้ 4 วัน จึงได้เงินแค่ 14 ล้าน
ส่วนหนังเหี้ยๆ ลงทุนแค่ 4 ล้าน เอาตลกคาเฟ่มาด่าพ่อล่อแม่ คนไทยแห่ดู รายได้ 4 วัน ทะลุ 40 ล้านกัน
แล้วคนไทยก็ชอบด่าคนทำหนังไทยว่า "ถ้าอยากให้หนังไทยได้เงินเยอะๆ ก็ทำหนังดีๆสิ" ก็นี่ไง ทำหนังดีๆให้แล้วนี่ไง แต่คนไทยก็ไม่ดู จริงมะ?
>>207 จากการค้นข้อมูลรมต.ของไทยที่เคยใช้วิธี Blind trust มีทั้งหมด 15 คน คือ
1. คุณสาวิตต์ โพธิวิหค รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยุคชวน
2. นายธานินทร์ นิมมานเหมินท์ รมต.คลัง ยุคชวน
3. นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร รมต.ช่วยพาณิชย์ ยุคชวน
4. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมต.มหาดไทย ยุคมาร์ค
5. นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยุคมาร์ค
6. น.พ.พฤติชัย ดำรงรัตน์ รมต.ช่วยคลัง ยุคมาร์ค
7. นายอลงกรณ์ พลบุตร รมต.ช่วยพาณิชย์ ยุคมาร์ค
8. คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมต.วิทยาศาสตร์ ยุคมาร์ค
9. นายกรณ์ จาติกวณิช รมต.คลัง ยุคมาร์ค
10. นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายก ยุคปู
11. นายประดิษฐ สินธวณรงค์ รมต.สาสุข ยุคปู
12. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายก ยุคปู
13. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมต.ช่วยพาณิชย์ ยุคลุงตู่
14. นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมต.พลังงาน ยุคลุงตู่
15. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายก ยุคลุงตู่
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แต่ทั่นธนาธรเป็นคนแรกนะ...
คนแรกที่ได้รับการบูชาหน้ามืดระดับติ่ง
ทุกสิ่งที่เกิดมาก่อนไม่นับเป็นประวัติศาตร์
ประวัติศาสตร์เริ่มที่ท่านธนาธร
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
>>208 รัฐมนตรีต้องโอนหุ้นที่เกินกำหนดให้นิติบุคคลอื่นไปดูแลแทนทุกคน
ไอที่ไล่มามันทำตาม กม. ให้กองไปดูแลเฉยๆ สิทธิ์ออกเสียงในหุ้นก็ยังมีอยู่
"มาตรา ๕ ในกรณีที่รัฐมนตรีประสงค์จะได้รับประโยชน์จากการเป็นหุ้นส่วนหรือผู้
ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทในส่วนที่เกินกว่าจํานวนที่กําหนดไว้ในมาตรา ๔ ให้รัฐมนตรี
ดําเนินการดังต่อไปนี้
(๑) แจ้งเป็นหนังสือให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีและ
(๒) โอนหุ้นส่วนหรือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นให้นิติบุคคลภายในเก้าสิบวัน
นับแต่วันที่ได้แจ้งให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ และเมื่อได้
ดําเนินการโอนหุ้นส่วนหรือหุ้นให้กับนิติบุคคลใดแล้ว ให้รัฐมนตรีแจ้งเป็นหนังสือให้ประธานกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้โอนหุ้นส่วนหรือหุ้นนั้น"
http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/�106/�106-20-2543-a0001.pdf
แต่ blind trust คือมึงจะทำอะไรกับทรัพย์สินตัวเองไม่ได้เลย กองทุนก็ไม่รู้ว่าบริหารทรัพย์สินใคร
ไอตี๋นี่ยังไม่รู้ว่าจะได้เข้าสภาไหมยังทำถึงขนาดนี้กูว่าควรชมให้มากๆ ด้วยซ้ำ ลดอคติลงหน่อยก็ดีนะ
https://www.prachachat.net/politics/news-303388
ข้างบนจั่วหัวว่าธนาธรทำเรื่องดีแล้ว ควรชื่นชม บรรทัดแรกเลย
แต่ติ่งส้มก็ยังเข้ามาแง่งๆ ขู่ฟอดๆ ประชดประชัด มีพูดถึงป้อมกะยุทธ์เหมือนจะimplyว่าเจ้าของโพสต์เป็นพวกเผ็ดกลาง
แบบนี้คนเขาเลยหมั่นไส้พรรคมึงไง ติ่งเอ๋ย เขาก็บอกอยู่ว่าเป็นเรื่องดี แต่แค่แย้งที่ป่าวประกาศว่าทำคนแรก
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=10217320969003461&id=1450051196
>>210
Private Fund แปลว่ากองทุนส่วนบุคคล ส่วน Blind Trust เป็นรูปแบบที่เฉพาะเจาะจงลงไปอีกของ Private Fund ค่ะ คือห้ามเจ้าของทรัพย์สินโทรสั่งการซื้อหรือขายหุ้น หรือจัดการใดๆ กับทรัพย์สินเด็ดขาด จนกว่าจะพ้นกำหนดเวลาในสัญญา
ถ้าเป็น Private Fund ธรรมดา เรายังมีอำนาจสมบูรณ์ ผู้จัดการกองทุนเป็นเหมือนผู้ช่วยเราเฉยๆ แต่ถ้าเป็น Blind Trust เรามอบอำนาจในการจัดการทรัพย์สินให้ผู้จัดการ Trust ไปด้วย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มีคนอธิบายไว้ละ
เท่าที่ดูรายละเอียดจากอันนี้ https://www.isranews.org/isranews/74785-report02_74785.html ก็ยังไม่ถึงขั้น Blind Trust นะ
แต่เงื่อนไขเขาไม่ได้เปิดเผย ใน 15 คนนี้อาจจะมีคนทำคล้ายๆกันก็ได้มั้ง
มีคนติงมาว่าผมไม่ใช่คนแรกที่ทำแบบนี้ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำไปไกลกว่าหลายท่าน เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ทางการเมือง ก็คือ 1.*Blind ทำให้สั่งไม่ได้ มองไม่เห็น* 2.จะไม่ลงทุนในหุ้นไทย 3.ไม่เอาคืนจนกว่าจะครบ 3 ปี หลังพ้นตำแหน่ง
ถ้าไม่จริงก็ขอขอดูรายละเอียดแต่ละท่านด้วย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พวกมึงไปคุยกันในมู้การเมืองสิโว้ย
ทหารยึดอำนาจไม่ใช่เพื่อเอาชนะทักษิณ ที่เค้ายึดเพราะเค้าต้องการหยุดคนโกงชาติ รักษาผลประโยชน์ชาติ คืนความสงบสู่บ้านเมือง ใครจะชนะเลือกตั้งก็ตาม ขอเพียงอย่าสร้างเงื่อนไขเลวๆเหมือนที่ผ่านมา ทหารเค้าก็ไม่ยึดอำนาจหรอก ถามว่าถ้าทหารไม่ยึดอำนาจ แล้วปล่อยให้คนไทยฆ่ากันเอง โดนนักการเมืองโกงบ้านเมืองไป แล้วบอกว่าปล่อยให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ลืมไปหรือเปล่าครับ บ้านเราปกครองด้วยระบอบอะไร? ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คนไทยน่าจะเรียนรู้ระบอบการปกครองของบ้านเมืองตัวเองก่อนไปเลือกตั้งนะครับ นักการเมืองอย่าสร้างเงื่อนไขให้ประเทศฉิบหายอีกก็แล้วกัน ต่อไปคงไม่ได้เลือกตั้งอีกแน่นอน นี่ก็ปล่อยให้มีการเลือกตั้งตามปกติ ถ้ามีโคตรโกงและพาคนไปสู่ความแตกแยกอีก ผมว่าต่อไปไม่ต้องมีการเลือกตั้งไปนานๆเลยครับดัดสันดานกันบ้าง
Media smear 101:
- Use angry photo
- Introduce person with pejorative i.e. “far right”
- Immediately follow with “critics say”
- Tie person to negative events
- Interview haters
- Quote crazy “followers”
- Never quote work directly
- Bury any reasoned responses at the end
PROFIT
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
5 ปีก็ยังน้อยนัก
สัก 10 ปีก็ยังไม่พอ
20 ปีไปเลยครับลุงตู่
ผมให้อยู่ต่อ..
>>220 มึงรู้มั้ยว่า Blind trust นี่ต้องแจ้งกลต.นะ และกลต.เคยพูดเรื่องนี้มานานแล้ว ถ้าจะเช็คก็เช็คได้ แต่เขาคงเอามาให้มึงดูหรอก
>>224 นิยาม Blind trust ใน MOU กับข่าวนี้และอิศราไม่ตรงกันน่ะ
กรณ์ยังบอกเลยว่า “Blind Trust” ยังไม่มีจริงในประเทศไทย เพราะยังไม่มีกฎหมายรองรับ
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10157168334459740&id=71254499739
แต่น่าเสียดายนะ ข้อ 1 กับ 4 จงใจดิสเครดิตเขาแถมตอนท้ายยังโยงไปแซะทักษิณอีก ไม่น่าเลย
ยิ่งมองไม่เห็น ยิ่งตรวจสอบไม่ได้
จากการแถลงข่าวเรื่อง ‘blind trust’ ของคุณธนาธร ทำให้มีสื่อบางรายได้ทักท้วง สรุปความได้ว่า การอ้างว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีการทำเช่นนี้ เป็นการอ้างไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เคยมีนักการเมืองอีกหลายท่าน รวมทั้งผมด้วย เคยทำเช่นนี้มาก่อนแล้ว..
ผมขอชี้แจงตามนี้ว่า
1. “Blind Trust” ยังไม่มีจริงในประเทศไทย เพราะยังไม่มีกฎหมายรองรับ เพราะฉะนั้นที่คุณธนาธรลงนามไปนั้น ไม่ใช่ blind trust และไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน
2. คุณธนาธรได้โอนทรัพย์สินให้สถาบันการเงินดูแล อันนี้หลายคนน่าจะเคยทำเหมือนกัน ผมก็เคยและวันนี้ก็ยังมีอยู่ โดยที่ผมก็ได้ลงนามสัญญาให้เขาบริหารโดยอิสระเช่นเดียวกัน
3. ผมเองเคยมี Trust อยู่ที่ต่างประเทศ และรายงานรายละเอียดทั้งหมดกับ ปปช. ตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องการรายงานบัญชีทรัพย์สิน
4. แต่หลายปีมาแล้วผมได้ตัดสินใจทำสวนทางกับที่คุณธนาธรพยายามที่จะทำ คือผมยกเลิก Trust ที่มีอยู่ เพราะผมคิดว่าความโปร่งใสสำคัญกว่า ผมคิดว่าประเด็นที่น่ากังวลที่สุดในสิ่งที่คุณธนาธรได้ประกาศวันนี้ ไม่ใช่ว่าท่านเป็นคนแรกหรือไม่ แต่ที่ท่านบอกว่าทรัพย์สินที่ท่านโอนไปนี้จะ ‘มองไม่เห็น’ เพราะเมื่อทุกคนบอดสนิทกับข้อเท็จจริงว่าท่านมีทรัพย์สินอะไรบ้าง การตรวจสอบเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนจะเกิดขึ้นไม่ได้
จริงๆแล้ววิธีที่ชัดเจนที่สุดที่จะปลดปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนคือการขายขาด (แต่อย่าขายให้ nominee กันอีกนะครับ)
แต่หากไม่ขาย ผมว่าที่ดีที่สุดคือเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะว่าเรามีทรัพย์สินอะไรบ้าง เพื่อให้มีการตรวจสอบได้ และที่ไม่ควรคือการโอนเข้าไปในที่ๆ ‘มองไม่เห็น’
.
.
.
.
ลิงค์เต็มของสำนักข่าวอิศรา https://www.isranews.org/isranews/74785-report01-74785.html
#เลือกตั้ง62 #ประชาธิปัตย์
#ทีมกรณ์ #แก้จนสร้างคนสร้างชาติ
ผลิตโดย นายกรณ์ จาติกวณิช
พรรคประชาธิปัตย์ 67 ถ.เศรษฐศิริ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
จำนวน 1 ชุด ตามวันเวลาที่ปรากฏที่ส่งมาในครั้งนี้
ไม่คิดจะเขียนเรื่องนี้อีกแล้วนะคะ แต่พอดีได้คำถามหลังไมค์มารัวๆ หลายอัน เลยคิดว่าตอบทีเดียวเป็นสาธารณะดีกว่า ก่อนจะมีมาอีก 55
ความเห็นต่อโพสของคุณกรณ์ (ดูได้ในเพจ KornChatikavanijDP) ต่อกรณี blind trust คุณธนาธร
1. ในฐานะนักการเงิน คุณกรณ์ย่อมเข้าใจดีว่า blind trust คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ทำงานแบบไหนในต่างประเทศ การนำคำว่า "มองไม่เห็น" มาเล่น บิดคำให้กลายเป็นเท่ากับหมายความว่า "ตรวจสอบไม่ได้" จึงไม่ถูกต้อง เพราะ blind ในคำว่า blind trust ไม่ใช่แปลว่าตรวจสอบไม่ได้ คำว่า "มองไม่เห็น" แปลตรงตัวว่า เจ้าของทรัพย์สินไม่มีสิทธิมองเห็นหรือบงการการจัดการทรัพย์สินใดๆ เท่านั้น
2. ไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับ blind trust ก็จริง แต่คุณธนาธรก็ได้แสดงความประสงค์ชัดเจนแล้วใน MOU ซึ่งเปิดเผยต่อสาธารณะว่า จะสร้างเงื่อนไขแบบ blind trust ขึ้นมาในสัญญาบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคล
3. blind trust ที่คุณธนาธรตั้งในครั้งนี้ เป็นการทำสัญญากับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนสัญชาติไทย อยู่ในรูปกองทุนส่วนบุคคล (private fund) ในเมืองไทย ซึ่งต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ทุกประการ ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ไม่ใช่ trust ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ (แบบที่คุณกรณ์โพสว่าเคยทำ) และในเมื่อคุณธนาธรยังคงเป็นเจ้าของทรัพย์สิน (กองทุนเพียงแต่รับมอบอำนาจในการจัดการมา) จึงยังต้องรายงานทรัพย์สินถ้าดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามกฎระเบียบของ ปปช. (เหมือนกับที่รัฐมนตรีคนก่อนๆ ที่โอนทรัพย์สินให้กองทุนส่วนบุคคลจัดการ มีหน้าที่ต้องทำเช่นเดียวกัน -- แต่ย้ำอีกทีว่า ไม่มีข้อมูลค่ะว่ากองทุนเหล่านั้นอันไหนเข้าข่าย blind trust บ้าง)
4. การรายงานทรัพย์สินใน trust นี้ ต่อ ก.ล.ต. และ ปปช. (ซึ่งเป็นหน้าที่ของ trustee หรือผู้ดูแล trust) จะต้องละเอียดแค่ไหน อย่างไร เป็นเรื่องที่เจ้าของโพสนี้ไม่แน่ใจ (เพราะกฎหมาย blind trust ตรงๆ ยังไม่มีนั่นแหละ) แต่ในหลักการ การจัดตั้งโครงสร้างแบบนี้ถือว่าเป็นการวางมาตรการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนแล้ว ดังนั้นถ้าจะต้องเปิดเผย อย่างมากก็ควรเปิดเผยทรัพย์สินเดิม (ณ ตอนที่สร้าง trust นั้นขึ้นมา เพราะถือว่ามีโอกาสเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนกับทรัพย์สินเดิม เพราะเจ้าของรู้ว่ามีอะไรบ้าง) และยอดรวมของมูลค่าทรัพย์สินใน trust ตามกำหนดการยื่นของ ปปช. เท่านั้น (เราอยากรู้รายละเอียดทรัพย์สินก็เพราะเจ้าของทรัพย์สินมีอำนาจจัดการ สุ่มเสี่ยงว่าจะเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ถ้าเขาโอนอำนาจการจัดการไปแล้ว เราก็ไม่ต้องรู้ละเอียดขนาดนั้นก็ได้)
5. ดังนั้นคำพูดของคุณกรณ์ที่ดูจะชี้นำว่า "มองไม่เห็น" = "ตรวจสอบไม่ได้" จึงไม่เป็นความจริง พูดไม่ครบ และทำให้คนเข้าใจผิดได้ค่ะ
เสริมอีกนิดว่า คุณธนาธรเป็นนักการเมืองคนแรกที่รู้จัก ที่ 1) ประกาศว่าจะจัดตั้ง blind trust ก่อนรู้ผลการเลือกตั้ง 2) เปิดเผย MOU ต่อสาธารณะ 3) ในสัญญาจะกำหนดข้อบังคับว่า trustee จะต้องไม่ซื้อหุ้นไทย และ 4) ไม่รับโอนทรัพย์สินคืนจนกว่าจะพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว 3 ปี -- ทั้งสี่ข้อนี้เป็นมาตรฐานสูงที่ไม่เคยเห็นนักการเมืองคนไหนทำมาก่อนค่ะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Being a SUCCESSFUL scientist requires yet a third set of skills, involving publishing and departmental politics.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
กรณ์เริ่มลบเม้นในโพสต์นี้แล้วว่ะ 5555
https://facebook.com/story.php?story_fbid=10157168334459740&id=71254499739
สุเทพนี้
เอาคนไปปิดธนาคารไม่ให้จ่ายเงินให้ชาวนา จนชาวนาผูกคอตาย
แล้วด่าว่าเป็นความผิดคนอื่นชาวนาถึงไม่ได้เงินหน้าตาเฉย เอาเรื่องชาวนาตายมาด่าคนอื่นได้หน้าตาเฉย
เดินเรี่ยไรเงิน อ้างว่าจะ"ช่วยคดี"ชาวนา เงินเข้าทนาย แต่พูดอ้างว่าเอาไปให้ชาวนาที่ฆ่าตัวตายหน้าตาเฉย จริงๆเงินม็อบมันไปไหนยังไม่รู้เลย
เห็นชีวิตคนที่ตายเพราะตัวเองเป็นอะไร เห็นคนที่นั่งฟังเชื่อมันจ่ายเงินให้มันเป็นอะไร
ปั่นคนจนสูญเสียรวมทั้งหมดไปเท่าไหร่ ผ่านไป 5 ปี สุดท้ายได้อะไรวะ?
ฟังเวทีพรรคอื่นพรรคนี้แล้วมาฟังสุเทพ แล้วรู้สึกว่ามันเหี้ยมาก พอคิดว่า 5 ปีก่อนมีพวกห่านี่พูดแล้วมีคนไปนั่งฟัง ก็รู้สึกดีขึ้นหน่อยว่าประเทศไทยมาไกล
รอดูตอนจบว่าจะจบยังไง
สรุปว่า blind trust ของ TJ คือนิยามขึ้นเองเพื่อโฆษณาเหมือนกับ retina display เงี้ยเหรอ?
เพื่อนๆ ที่ออกกตัวให้ TJ นี่เครือข่าย elite ใหม่ ทั้งนั้น
ฆ่าตัวตายแล้วตกนรกหรือไม่ จะได้ไปสวรรค์หรือเปล่า?
ในทางศาสนาคริสต์ จริงๆเรื่องนี้เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนมาก และไม่ค่อยอยากจะมีคนพูดกัน
เพราะมันยืนอยู่บนทางอันตรายสองแพร่ง ระหว่างลัทธิชวนคนไปฆ่าตัวตาย กับการทำร้ายคนอื่นซึ่งผิดเป้าหมายที่พระเจ้าอยากให้เราทำ
ดังนั้นในประเด็กนี้ เราต้องพูดถึงมันอย่างระมัดระวังมากๆ อยากให้อ่านจนจบและค่อยๆพิจารณาดู
เอาจริงๆ ในไบเบิลนั้น มีคนฆ่าตัวตายอยู่หลายคน ไม่มีใครในนั้นเลยที่ถูกประนามไว้ในไบเบิลว่าจะตกนรก
ยกตัวอย่างเช่นยูดาสที่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำกับพระเยซูจึงฆ่าตัวตาย
แซมสัน ถูกข้าศึกจับได้ และเอามาประจานในหมู่ศัตรู จึงอธิษฐานของกำลังเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อทำลายเสาของอาคารจะได้ตกตายไปพร้อมศัตรู
กษัตริย์ซาอูลที่ถูกตีเมืองแตกจึงฆ่าตัวตายก่อนจะตกเป็นชเลยของศัตรู
อาบีเมเลคนับรบที่ถูกทุ่มหินลงมาจากค่ายจนกะโหลกแตก จึงขอให้ลูกน้องฆ่าเขาเสีย
อาหิโธเฟลที่ปรึกษาของกษัตริย์ที่ให้คำแนะนำแล้วไม่มีใครทำตาม เลยเสียใจกลับบ้านเกิดฆ่าตัวตาย
เรารู้ว่าทั้งหมดนั้นไม่ใช่ตัวอย่างที่ดี แต่ผู้คนเหล่านั้นก็ฆ่าตัวตายด้วยเหตุของสถานการณ์ต่างๆ เราต่างรู้ว่าเรื่องเลวร้ายทั้งหมดบนโลกนี้ก็เป็นผลของบาปในตัวมนุษย์ ทั้งการต่อสู้กัน การตัดสินใจที่ผิดพลาดนำไปสู้ความเศร้า แต่พระเจ้าได้ประนามผู้ที่ตัดสินใจเช่นนั้นหรือไม่? หรือมองว่ามันเกิดจากความผิดพลาดไม่สมบูรณ์ในตัวมนุษย์เอง? และเราควรจะจัดการกับมันอย่างไร?
ในโบถส์ยุคต้น มีกลุ่มความเชื่อหนึ่งที่เชื่อว่าการฆ่าตัวตายถือเป็นมรณะสักขี มีพิธีกรรมอธิษฐาน และทรมาณตัวเอง จนถึงตาย (ไม่ต่างจากความคิดของพระญี่ปุ่นสายหนึ่งแนวนั่งสมาธิฝั่งตัวเองเท่าไหร่) - ต่อมาคณะความเชื่อนี้ถูกคริสจักรโรมันคาทอลิกประกาศให้เป็นพวกนอกรีด และถูกกวาดล้างจนล่มสลายไป
ไม่มีใครอยากให้ผู้อื่นตาย ความตายก่อนถึงโอกาสอันควร เป็นความเศร้า
เซนต์โทมัส อไควนัส ได้ใช้แนวคิดของเพลโต ซึ่งนำเข้ามาบอกได้ว่าฆ่าตัวเองก็เท่ากับฆ่าคนอื่น ซึ่งผิดหลักห้ามฆ่าคนของบัญญัติสิบประการที่โมเสทได้รับ สำหรับเซนต์โทมัส อไควนัสชีวิตทั้งหมดเป็นของพระเจ้า แม้ตัวเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปทำลายมัน
ด้วยสายบัญชาการอันทรงอำนาจของคริสตจักรโรมันคาทอลิก ทางวาติกันจึงสามารถประกาศได้ว่าการฆ่าตัวตายเป็นการกระทำร้ายแรง พวกเขาพยามใช้กฎหมายป้องกันการฆ่าตัวตายด้วย ผู้ที่ฆ่าตัวตายจะถูกบัพพาชนียกรรม คือตัดออกจากโบถส์ จะไม่ได้รับการฝังศพในสุสาน สร้างความอับอายเดือดร้อนให้ตระกูล และในความเชื่อของชาวยุโรปในสมัยนั้นคือจะไม่ได้ไปสู่สุขติ
แต่ความจริงแล้วเป็นอย่างไร? ตามหลักศาสนาแล้วคนที่ฆ่าตัวตายจะได้ไปสวรรค์หรือไม่?
ผมอ่านบทความของปาสเตอร์ฝ่ายโปรแตสแตนท์ของอเมริกันคนหนึ่ง แกตอบว่า "พูดจริงๆ ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนถาม ถ้าพ่อกับแม่ของคนที่พึ่งฆ่าตัวตายถาม ผมจะตอบว่า "ได้สิ พระคุณของพระคริสต์จะต้องอภัยให้เขาแน่นอน" แต่ถ้าคนที่ถามเป็นคนที่กำลังคิดจะฆ่าตัวตาย ผมจะตอบว่า "การฆ่าตัวตายเป็นบาปมหันต์ สิ่งที่รอเธออยู่นั้นเศร้ากว่าที่เป็นอยู่เสียอีก" เพราะผมรู้ว่าถ้าผมบอกว่า "ได้สิ" วันรุ่งขึ้นผมจะต้องจัดงานศพให้เขา"
(มีต่อ)
(ต่อจาก >>240 )
สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าคนที่ฆ่าตัวตายจะได้ไปสวรรค์มั้ย เราไม่รู้หรอก การตัดสินเป็นหน้าที่ของพระเจ้า ไม่ใช่ของเรา สิ่งสำคัญคือเราควรจะทำอย่างไรกับคนที่อยากจะฆ่าตัวตาย เรื่องนี้ต่างหากที่บอกไว้อย่างชัดเจนหลายต่อหลายครั้ง
ก่อนสมัยของพระคริสต์ ชาวอิสราเอลเคยทอดทิ้งพระเจ้าไป และใช้ชีวิตอย่างเหลวแหลก ในเวลานั้น ผู้เผยวัจนะ เอลียาห์ เป็นคนที่สุดท้ายที่ยังเชื่อพระเจ้าอยู่
แต่ภารงานที่เอลียาห์ได้รับนั้นหนักหนาเกินไป เขาเป็นมนุษย์ที่ต่อสู้กับรัฐทั้งรัฐด้วยตัวคนเดียว เอลียาห์ถูกนักบวชของบาอัลใส่ร้ายว่าเป็นผู้ที่ทำให้ฝนไม่ตกเพราะลบหลู่บาอัล เขาถูกตามล่าจากผู้คนทั้งประเทศ
วันหนึ่งเอลียาห์ตัดสินใจเข้ามอบตัวกับกษัตริย์ และท้าทายเหล่านักบวชของบาอัล ว่าถ้าบาอัลกินเครื่องบูชาได้จริง ให้ประหารเอลียาห์ได้เลย
เอลียาห์ชนะเดิมพัน หลังจากนั้นไม่นานฝนก็ตก เขาพิสูจน์ให้กษัตริย์เห็นว่าการลบหลู่บาอัลไม่ใช่สาเหตุของการที่ฝนไม่ตก และพิสูจน์ว่าบาอัลไม่มีได้มีฤทธิ์ คิดว่ากษัตริย์จะเชื่อเอลียาห์หรือไม่?
คำตอบคือ ไม่
เพราะราชีนีเป็นหัวหน้านักบวชของบาอัล เป็นคนทรง เมื่อราชีนีรู้เรื่องก็โกรธมาก และจะให้คนสังหารเอลียาห์เสีย
เอลียาห์รู้เรื่องก็กลัวมาก รีบหนีออกจากเมือง หัวซุกหัวซุน เข้าสู่ถิ่นกันดาล รอนแรมอยู่หลายวัน และทรุดลงที่ต้นซากในทะเลทรายต้นหนึ่ง
เอลียาห์รู้สึกว่าเขารับกับเรื่องนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทุกสิ่งที่ทำมาล้วนไม่มีค่า เขาอยากจะตาย และอธิษฐานกับพระเจ้าให้เขาตายเถิด เขาอธิษฐานอยู่อย่างนั้นจนหลับไป
พระเจ้าทำอย่างไรกับคำอธิษฐานของเอลียาห์?
พระองค์ทรงพิโรจ ส่งสายฟ้าฟาดตวาดว่า "การฆ่าตัวตายเป็นบาป เจ้าจะต้องตกนรก" หรือไม่?
หรือพระเจ้าบอกว่า "เจ้าไม่เข้าใจ ทุกสิ่งที่เกิดแก่เจ้าเป็นความประสงค์ของเรา จงยอมรับเสีย"?
ไม่เลย หลังจากที่เอลียาห์อธิษฐานเช่นนั้น ทูตสวรรค์ก็ปรากฎแก่เอลียาห์ พร้อมกับน้ำและขนมปัง
ทูตสวรรค์แตะตัวของเอลียาห์และบอกว่ากินเถิด
เอลียาห์ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะตื่นเต้น ตกใจ หรือแม้แต่กล่าวขอบคุณ เขานอนขนมปังอาหารกับน้ำนั้น และหลับไปอีก
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเอลียาห์ก็ยังพบทูตสวรรค์อยู่ พร้อมกับอาหารและน้ำ บทูตสวรรค์อกเอลียาห์ว่า "จงลุกขึ้นรับประทานอาหารเถิด เพราะการเดินทางนี้เกินกำลังของท่าน"
เอลียาห์ลุกขึ้นและกินอาหาร ด้วยกำลังจากอาหารนั้น เขาก็เดินทางสี่สิบวันสี่สิบคืนถึงภูเขาเฮโรป และพบถ้ำแห่งหนึ่งที่จะหลบภัยได้
เมื่อเอลียาห์อยู่ในสภาพนั้น พระเจ้าไม่ได้ แก้ปัญหาให้เอลียาห์ ไม่ได้ส่งทูตสวรรค์มาพาเขาบินไปยังเฮโรป ไม่ได้บอกว่าเจ้าจงทำ หนึ่ง สอง สาม สี่ นี่ ไม่ได้กล่าวตำหนิ
สิ่งที่พระองค์คำคือส่งทูตของพระองค์มา พร้อมอาหารและน้ำ แตะที่ตัวเขา อยู่กับเขา และบอกว่า “ข้ารู้ว่าการเดินทางนี้เกินกำลังของท่าน”
ทูตสวรรค์ไม่ได้สั่งสอนอะไรเลยสักคำ แต่สิ่งที่ทูตสวรรค์ทำ ทำให้เอลียาห์รู้ว่าพระเจ้าเป็นห่วงเขา พระเจ้ารักเขา และดูแลเขา ด้วยสิ่งนี้ทำให้เอลียาห์ลุกขึ้น และเดินต่อไปได้
เอลียาห์ยังต้องเดินในถิ่นกันดาลต่อไปถึง สี่สิบวันสี่สิบคืน เขาจึงพบกับสถานที่ที่เพียงพอที่จะหลบให้พ้นจากภัยอันตราย แต่อลียาห์ “มีกำลัง” พอที่จะทำได้ รวมถึงภารกิจของเขาหลังจากนี้ด้วย
แล้วถ้าอย่างนั้น เราควรจะทำอย่างไรกับคนที่อยากตาย และล้มลงเหมือนเอลียาห์
เราควรหรือไม่ที่จะทำแบบที่พระเจ้าให้ทูตสวรรค์ทำ
ตอนที่พระเยซู อยู่ในทะเลทราย มารปรากฎตัว และบอกกับพระองค์ว่า “เจ้าเป็นลูกพระเจ้าก็บอกให้พระเจ้าช่วยเจ้าสิ เสกหินนี้ให้เป็นขนมปังสิ” เราควรทำแบบนั้นมั้ย
สำหรับคนที่กำลังล้มลง เราเป็นมาร หรือเป็นทูตสวรรค์ที่พระเจ้าส่งมา
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เห็นคุณกรณ์บอกว่าคุณเคยทำมาก่อน ผมรบกวนถามให้แน่ใจว่า trust ที่คุณเคยทำ นั้น
1. คุณเห็นสามารถมองเห็นผลกำไรขาดทุนในระหว่างที่คุณฝากทรัพย์สินไว้กับกองทุนหรือไม่
2. คุณทราบหรือไม่ว่า trustee เป็นใคร ใครคือผู้บริหารทรัพย์สินของคุณ
3. คุณทราบหรือไม่ว่าผู้บริหารทรัพย์สินลงทุนในทรัพย์สินใดบ้าง
ผมคิดว่ามีสองประเด็นที่ เพราะเท่าที่ผมเข้าใจ ที่คุณธนาธรจะเอาทรัพย์สินเข้า blind trust ไม่สามารถทราบได้ว่าลงทุนอะไรบ้าง ไม่ทราบว่าใครบริหาร ไม่ทราบว่าผลประกอบการเป็นอย่างไร ยังไม่มีคนทำ ที่คุณกรณ์และคนอื่นๆทำน่าจะเป็นแค่ trust เฉยๆ เพราะฉะนั้นน่าจะต้องยอมรับกันก่อนว่า คุณธราธรเป็นคนแรกที่จะทำแบบนี้จริงๆ
สองคือ blind trust ดีหรือไม่ มองไม่เห็นจะตรวจสอบอย่างไร อันนี้ผมว่าเป็นอีกประเด็นนึงที่สามารถถกกันได้ จะมีทางออกอย่างไรให้โปร่งใส
แต่ขั้นแรกที่ผ่านการแชร์ออกไป ข่าวหลายๆกระแสพูดว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ คุณกรณ์กับอีก 15 คนก็เคยทำมาแล้ว
อันนี้จะดีมากถ้าคุณกรณ์เคลียร์ให้ชัดเจนครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
1. เห็นครับ 2. ทราบครับ 3. ทราบครับ แต่พอเป็น Trust ผมก็สั่งเขาไม่ได้ทั้งหมด และสุดท้ายที่ผมยกเลิก Trust ก็อย่างที่ชี้แจงในโพสต์ คือผมมองว่ามันเป็นการโอนความเป็นเจ้าของออกไปโดยที่ผู้ได้รับประโยชน์ยังเป็นผมอยู่ (beneficially) ซึ่งผมมองว่ามันไม่โปร่งใสเท่าให้ปรากฎเป็นชื่อผมโดยตรง ต้องรับผิดชอบโดยตรง
ส่วนหุ้นในไทยที่ถืออยู่ ผมขายหมดตอนรับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง เพื่อให้ไม่ต้องมีปัญหาใดๆเรื่อง conflict of interest
#มิตรสหายท่านสอง
ขอบคุณที่สละเวลามาตอบนะครับ
นั่นหมายความว่า สิ่งที่ข่าวเขียนว่าคุณกรณ์เองก็ใช้ blind trust มาก่อน คือเป็นข้อมูลที่ผิดพลาดใช้ไหมครับ
ส่วนเรื่องที่มุมมองว่าอันไหนโปร่งใสกว่ากันอันนี้ผมเห็นด้วยในส่วนนึงนะครับ ผมคิดว่าถ้าจะทำ blind trust จริงๆ ควรมีกฏหมายถึงการบริหารจัดการ blind trust และความโปร่งใส ใครมีสิทธ์ที่จะเห็นบ้าง ออกมาก่อน
ปล. ผมแนบข่าวมาให้ในนี้ด้วยครับ
https://www.isranews.org/isranews/74785-report02_74785.html
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ใช่ครับ ผมโพสต์ไว้แต่แรกว่าไม่เคยมีใครทำ blind trust ได้มาก่อนแต่แรก อยากให้มีกฎหมายรองรับเหมือนกันครับ แต่ในกรณีนักการเมืองต้องหมายความว่ามีการโอนอำนาจการจัดการ แต่ต่องไใ่หมายความว่าโอนแล้วมองไม่เห็นว่ามีอะไรบ้าง
#มิตรสหายท่านสอง
ผมท้วงติงในประเด็นที่คุณธนาธรบอกว่าทรัพย์สินทั้งหมดจะมองไม่เห็นครับ ซึ่งทำให้ตรวจสอบยาก ส่วนเรื่องการโอนหุ้นให้กองทุนดูแลถือเป็นเรื่องปกติ
#มิตรสหายท่านสอง
หัวข้อถูกแล้วครับ คือถ้ามองไม่เห็นก็จะตรวจสอบไม่ได้จริง
#มิตรสหายท่านสอง
จนป่านนี้กรณ์ยังไม่เข้าใจอีกเหรอที่มองไม่เห็นน่ะเจ้าตัว MOU ข้อ 2.3 ก็บอกอยู่ตรวจสอบได้ตามกฎหมายเหมือน Private fund ทั่วไป
Surreal เหี้ยๆ
#กูเอง
ถ้าคนกราดยิงในฮอลแลนด์เป็นคนขาวทั้งสื่อทั้งอิจ่าประโคมข่าวทั้งวันไปแล้ว
แต่นี่เป็นแขกตุรกีทำ เงียบกริบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โคตรน่าสมเพช
วิ่งนี่บาดเจ็บและเจ็บอยู่บ่อยๆนะ เหนื่อย ล้า อย่างไรก็ตาม สำหรับผมวิ่งแล้วเจ็บดีกว่า ไม่วิ่งและกินยามื้อละ 10 เม็ดเยอะมาก ส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วยกับการทำงานจนป่วย เป็นโรคยอดนิยม อย่าง เก๊าท์ ความดัน เบาหวาน หัวใจ เพราะผมเองก็เคย เป็นแบบนั้น ผมรู้สึกแปลกทุกครั้งที่เห็นคนทำงานหนัก กินยาเยอะไปแล้วเอามาโชว์บอกว่า ทุ่มเท อันนี้ผมว่าเยอะไป ... ออกกำลังกายกันครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Business Model ของธุรกิจสื่อที่จัดงานมอบรางวัลให้องค์กรต่างๆ คืออะไรเหรอครับ? คือได้กำไรยังไงจากการจัดงานมอบรางวัลพวกนี้ และคิด KPI กันยังไงครับ?
ไม่นับกรณีที่รางวัลซื้อได้นะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไม่แปลกหรอกครับ พี่ลองนึกภาพมีคนจัดงานมอบรางวัลบริษัทก่อสร้างดีเด่น แล้ว SCG เป็นสปอนเซอร์ดู
ต่อให้ SCG ไม่ได้รางวัลอะไรแต่ ชื่อกับ product ของ SCG ก็จะได้ brand awareness จากบริษัทก่อสร้างระดับชั้นนำทั้งหมดที่เชิญมาในงานหรือติดตามงานอยู่ด้วย งานแบบนี้เหมือน networking party ของกลุ่มที่คัดมาแล้วอ่ะครับ
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
เคยเจอเจ้านึงในสิงคโปร์
1. ทำโปรดักส์ SaaS ขึ้นมาตัวนึง
2. ทำองค์กรแจกรางวัลให้บริษัทในข้อ 1
3. ทำเว็บข่าวว่าองค์กร 2 แจกรางวัลให้บริษัท 1
1, 2, 3 มีกรรมการบริษัทคนเดียวกัน
จริงๆมี 4. ทำบล็อกรีวิวโปรดักส์ให้ 1 เป็น the best ด้วย
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
นึกถึงห้องซ้อมดนตรีที่สามย่าน ได้รับรางวัลห้องซ้อมดนตรีดีเด่นโดยวง Paradox
เจ้าของห้องซ้อมคือพี่ต้า Paradox
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
ข้อสังเกตเรื่องสวัสดิการจากมุมมองของผม บางองค์กรสวัสดิการดีจนคนไม่อยากไปไหน มีอีกด้านที่น่าสนใจจากมุมมองของผม
เมื่อสวัสดิการดีมากคนจะรู้สึกเสียดายไม่อยากออกเพราะรักสวัสดิการขององค์กร อย่างไรก็ตามความต้องการเรื่องรายได้มันต้องเพิ่มแบบก้าวกระโดด ซึ่งองค์กรใหญ่ทำแบบนั้นไม่ได้ ... ทำไงดี หนึ่งในทางออกคือ ไปทำอาชีพเสริมที่ไม่เกี่ยวกับงานหลักตัวเอง เช่นไปขายของ เพื่อเพิ่มรายได้ที่มันเพิ่มตามไม่ได้จากองค์กร ...ผล รายได้ดี และได้อยู่ในองค์กรที่สวัสดิการดี สบาย ไม่ต้องพัฒนาอะไรมากละ เราเรียกสิ่งนี้ว่า รักองค์กร ... บางคนยอมจำกัดความเก่งของตัวเองให้เท่ากรอบที่องค์กรกำหนด เพียงเพราะเราเสียดายสวัสดิการ .... ข้อสังเกตนี้ไม่ได้ถูกทั้งหมดเป็นแค่สิ่งที่ผมสังเกต
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เรียนคุณโต ผมเคยคิดข้ามชอทไปเลยว่า ใครก็ตามที่อยาก"อาสา"มาทำงานการเมือง(ไม่ใช่เล่นการเมือง และเป็นพรรคหัวหน้าตั้ง) ควรมีเพดานจำกัดความร่ำรวย สมมุติเอาที่ ๕๐๐ ล้าน ใครมีเกินจากนี้ถือว่าตกคุณสมบัติที่จะมาอาสาทำงานการเมือง ส่วนใครที่มีเกินจากนี้แต่รักชาติจนสุดใจขาดดิ้นลงไปชักดิ้นชักงอชนิดที่พลีชีพเพื่อชาติได้ ก็ให้เอาส่วนที่เกินนั้นยกให้หลวงไปผ่านกรวงการคลัง ยกให้ขาดนะครับไม่มีการคืนแม้แต่บาทเดียว (จะได้พิสูจน์ว่ารักชาติจริงยิ่งกว่าเงินในเซฟ)ใครไม่พร้อมก็อย่าเข้ามา คุณรวยก็เรื่องของคุณแต่การเมืองไม่ควรมีใครที่มีอิทธิพลเหนือกว่าใครจนไปบิดเบือนนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ควย
#กู
= ข้อสอบคณิตศาสตร์แบบไทยๆ .. สร้างชาติ หรือทำลายชาติ? =
เมื่อประมาณปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถิติการสอบ PAT1 (Professional Aptitude Test 1 : Mathematics) ของเด็กไทยเพื่อนำไปวิเคราะห์ให้เด็กๆนักเรียนแถวบ้านได้เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย หลังจากการนำข้อมูลที่ประกาศโดย สทศ. มาคำนวณเล็กๆน้อยๆ ภายใต้สมมติฐานที่ว่าการแจกแจงคะแนนของเด็กจำนวนมากนี้ มีการแจกแจงใกล้เคียงกับการแจกแจงแบบปกติ(Normal Distribution) ผมได้พบสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ คือ
"เด็กไทยที่ทำคะแนนสอบได้ต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง คือต่ำกว่า 150 จาก 300 คะแนน มีพื้นที่ใต้โค้งปกติมาตรฐานเป็น 0.999988" ... !!!!
(สถิติ PAT1 ปี 2560 : ค่าเฉลี่ยประชากรของคะแนนอยู่ที่ 42.82 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของประชากรมีค่า 25.34 คะแนน )
มันแปลว่าอะไรครับ มันแปลว่า เด็กไทยที่ทำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ PAT1 ได้เกิน 150 คะแนนนั้น คิดเป็นประมาณแค่ 0.0012% ของทั้งหมด ...
ซึ่งผลสถิตินี้แสดงความหมายสื่อออกไปได้ 2 ทาง คือ ครูสอนคณิตศาสตร์ในประเทศไทยทั้งหมดสอนได้ห่วยแตกมาก ... หรือ ข้อสอบที่ใช้ทดสอบนั้น มีความยากจนไม่สามารถวัดอะไรได้เลย
จากการที่ได้พูดคุยกับ อ.แดง (อ.ประสพ ธงธวัช) อดีตอาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีผู้เกษียณอายุราชการแล้ว และมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์ของฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ที่ใช้จริงๆในระดับวิศวกรรมศาสตร์ ท่านได้กล่าวถึงว่าคณิตศาสตร์แบบนี้ว่า เป็นคณิตศาสตร์ทำลายชาติ หรือที่ท่านชอบใช้คำเรียกสั้นๆ(แบบที่คนส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจท่าน) ว่าเป็น "ทริคแมท" (Trick Math) ซึ่งโดยส่วนตัวหลังจากได้พูดคุยกับท่านเป็นการส่วนตัวหลายครั้ง ยิ่งเห็นด้วยกับความคิดของท่าน
- "ทริคแมท" ของอ.แดงหมายถึงอะไร -
หมายถึง ข้อสอบคณิตศาสตร์ที่เอาเนื้อหาคณิตศาสตร์ต่างๆ มายำเพิ่มความยากโดยการวกไปวนมาแบบที่จะไม่มีทางเจอได้จริงในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน (แม้กระทั่งในฟิสิกส์ระดับสูงก็ตาม) เป็นเหมือนของเล่นสนุกๆของคนเก่งคณิตศาสตร์จะมานั่งแก้กัน คนที่เชี่ยวชาญ ที่ฝึกฝนมาอย่างดีหรือผ่านโจทย์มามากๆเท่านั้น ที่จะสามารถทำมันได้เพราะมองหรือจัดรูปออกด้วยประสบการณ์ที่เชี่ยวกรำ...
แล้วมันไม่ดีอย่างไร .... ผมได้ข้อสรุป(ในความเห็นของตนเอง)ว่ามันไม่ดีตรงที่ มันไม่ควรนำมาใช้ออกเป็นข้อสอบเพื่อวัดผลเด็กเข้ามหาวิทยาลัย เพราะข้อสอบประเภทนี้มีอำนาจการจำแนกต่ำ คือไม่สามารถจำแนกเด็กที่เก่งมาก เก่ง ปานกลาง ค่อนข้างอ่อน และอ่อนมาก ออกจากกันได้เลย ดูจากสถิติก็จะเห็นได้ชัดว่า สามารถจำแนกได้แค่ "มหาเทพ" กับ "คนปกติ" ออกจากกันเท่านั้น ... ผลที่ได้จึงทำให้เด็กไทยไม่สามารถใช้เพียงความรู้ที่เรียนในห้องเรียนเท่านั้นในการแก้ปัญหาและสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย เป็นการลดคุณค่าของบทบาทการเรียนในห้องเรียน แต่ไปเพิ่มมูลค่าให้กับการติวนอกห้องเรียนมากขึ้น หรือไม่ก็ท้อไปเลยเพราะรู้สึกว่าเรียนให้ตายแค่ไหนก็ทำไม่ได้อยู่ดี...
ผมเชื่อว่า การศึกษาคณิตศาสตร์ไทย จะช่วยสร้างชาติได้ก็ต่อเมื่อข้อสอบนั้นมีความยากในระดับที่พอเหมาะพอดี สามารถจำแนกเด็กออกจากกันได้ (เช่นข้อสอบ SAT ของต่างประเทศ คณิตศาสตร์ไม่ได้ซับซ้อน แต่เขาก็สร้างคนเก่งๆออกมาได้มากมาย) และนั่นจึงจะนำไปสู่ความเป็น คณิตศาสตร์สร้างชาติได้อย่างแท้จริงครับ
การใช้ทริคแมทในการทดสอบ เปรียบเหมือนให้คนเรียนขับรถปกติ แล้วไปสอบใบขับขี่โดยให้ไปขึ้นรถ F1 แข่งกันในสนามแข่งรถนั่นแหละครับ ... ถ้าเปรียบง่ายๆ
#คาดหวังว่าวันหนึ่งเด็กไทยจะเลิกกลัวเลข #เมื่อเราเลิกทำให้ทริคแมทเป็นสิ่งที่จำเป็น #เพราะมันไม่ได้จำเป็นต่อการดำรงชีวิตจริง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แนวคิดของคนเล่นหมากรุกบางคนกับแนวคิดผมเกี่ยวกับโชงิ
คนที่ 1 : เกิดที่ไทยแล้วจะไปเล่นหมากรุกของประเทศอื่นทำไม
คนที่ 2 : เห็นแค่ตัวหมากก็ปวดกบาลแล้ว ไปเล่นอย่างอื่นดีกว่า
คนที่ 3 : หาคนเล่นด้วยยาก ไม่รู้จะเล่นไปเพื่ออะไร
แอนเดรีย : ในบ้านเราคนเล่นกันน้อย งี้ก็เป็นโอกาสของเราน่ะสิ!!
เราเก่งเลข พูดตามตรงไม่เข้าใจหัวอกคนที่ทำยังไงก็เรียนเลขไม่รู้เรื่องเลย (เราเป็นประเภทที่คิดว่าถ้าตั้งใจจริงมันต้องเข้าใจซิ) //ไม่เคยเรียนพิเศษ เลขก็สี่ตลอดนะจ๊ะ ที่ร่วง ๆ จะเป็นพวกวิชาท่องจำทั้งหลายมากกว่า...
ความวกวนของโจทย์ที่ไม่เห็นในชีวิตจริง (เช่นพวกรถไฟถึงกี่โมงที่ความจริงไม่จำเป็นเลย) มันมีไว้เพื่อฝึก "การคิดเชิงตรรกะ" ไม่ได้มีไว้เพื่อ "ใช้ในชีวิตประจำวัน" หมายถึงมันฝึกให้เราคิดอย่างมีเหตุผลเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งถ้าใครทำตรงนี้ไม่เป็นจะไม่มีทางประสบความสำเร็จในวิชาเลขได้เลย
แต่ว่าตัวเลขค่าเฉลี่ยนี่มันหลอกตานะ มันจะมีคนประเภทที่สอบติดอย่างอื่นแล้วก็เลยเข้าไปขำ ๆ ส่งกระดาษเปล่าเล่น ๆ คอยฉุดมีนอยู่
ส่งเงินให้พี่ที่ไทย 10,000 บาท เงียบไป 2 วัน ...เงินไม่ถึง
วันนี้มีเมลล์จาก Paypal มาบอก
ตอนส่งเงิน ที่ช่อง Message คุณพิมพ์ว่า "10,000 baht naja"
naja คือใคร? อะไรยังไง? ไอดีคุณจะถูกระงับ เพราะเราคิดว่าคุณอาจจะถูกแฮ๊ก การ Transaction ครั้งนี้มันไม่ CLEAR!! ให้คุณส่งคำอธิบายมายัง Paypal ด้วยว่า
naja คืออะไร? อธิบาย และบอกจุดประสงค์ในการโอนครั้งนี้ ไม่งั๊นพี่โมโฮ่💢 พี่ไม่เข๊าจั้ย!? พี่ด๊อนโตะอันด้าสุแตนโดะ!!
🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹
/ยื่นเก้าอี้ให้
"นั่งลงก่อนสิพ่อหนุ่ม ทำตัวตามสบายนะ ผมจะเล่าให้พี่ฟัง ถึงเรื่องราวของ...naja"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เรียนที่ SIRNSTAR แล้วต้องพร้อมไปทำงานได้ทันทีครับ วันนี้เรียน Unit Testing ด้วย JUnit รวมถึงการทดสอบแบบ White Box และ Black Box Testing ทดสอบกับระบบจริงของ LeetCode ซึ่งกำลังนิยมใช้ในสหรัฐ เรียนที่นี่ไม่ต้องมีพื้นฐาน หรือ ประสบการณ์ทำงาน หรือ วุฒิการศึกษาอะไรทั้งสิ้นครับ มาแล้วจะได้เจอคนที่ยังไม่จบปริญญาตรี แต่ได้เงินเดือน 30,000 บาท หรือคนที่มีวุฒิมัธยมแต่เขียนโค้ดให้บริษัทที่ใหญ่ที่สุดของไทย มาดูตัวเป็นๆได้ตลอดเวลาครับ
เรียนที่ SIRNSTAR เรียนวันละเรื่อง ไม่สับสน เรียนตั้งแต่พื้นฐาน Java จนถึง Cloud สร้าง Database ทำ Web ใช้ Framework เหมือนกับธุรกิจจริงได้แก่ Spring MVC, Spring Boot, Hibernate และ Bootstrap มาเรียนซ้ำได้ฟรีจนกว่าจะได้งานประจำเงินเดือนสูง ไม่มีประสบการณ์เงินเดือน 30,000 บาท ถ้าสอบ TOEFL ได้เกิน 100 คะแนน เงินเดือนเริ่มต้นที่ 40,000 บาท
ดูคอร์สเรียนและค่าสมัครได้ที่นี่ครับ https://sirn star.work/register
ยิ่งเห็น "ลุง" ตอนนี้ ก็ยิ่งคิดถึง "Gap" ในตอนนั้น
.
Gap คือ (อดีต)แบรนด์เสื้อผ้าวัยรุ่นชื่อดังจากอเมริกัน ที่เริ่มต้นเมื่อปี 1969 หรือราว 50 ปีก่อน โดยปั้นแบรนด์ตัวเองไว้ว่าที่มาของชื่อนี้มาจากคำว่า "gap" ที่แปลว่าช่องว่าง,ความแตกต่าง เอาเท่ๆ หน่อยก็คือ ‘วัฒนธรรม gap’ ที่เป็นช่วงวัยระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ (วัยรุ่น) นั่นเอง
.
โดยโลโก้ของ Gap ที่ติดตาลูกค้าที่สุดก็คงจะเป็นโลโก้ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 1986 โดยเป็นคำว่า "GAP" แบบฟอนต์ขาวอักษรตัวใหญ่ทั้งหมดละม้ายคล้ายฟอนต์ชื่อ Spire ที่ออกแบบโดย Sol Hess มาตั้งแต่ปี 1937 วางบนกรอบเรียบๆ สีน้ำเงินแต่ติดตา
.
โลโก้ตัวนี้ใช้มาทั้งสิ้น 24 ปี ติดหูติดตาลูกค้าชาว Gap ไปหมดแล้ว แต่แล้ววันดีคืนดีในวันที่ 4 ตุลาคมปี 2010 ทาง Gap ก็อยากรีแบรนด์ดิ้งให้ตัวเองทันสมัยขึ้น จึงได้เปิดตัวโลโก้ใหม่โดยใช้ฟอนต์ Helvetica และลดขนาดกรอบน้ำเงินใหญ่เบิ้มให้เหลือแค่มุมขวาบนตัว p ตัวเล็ก แถมไล่เฉดโทนสีนิดๆ เพราะคิดว่าคงดูสวยดีเหมือนไอคอนแอพลิเคชัน
.
ผลคือความ "ฉิบหาย" อย่างแท้จริง...เพราะแบรนด์ใหญ่หลายแบรนด์ล้วนใช้ Helvetica ทำโลโก้มานานมากแล้ว ทั้งสายการบิน Lufthansa, Microsoft, Panasonic, Toyota, Jeep, Kawasaki, Scotch (และ 3M) ทั้งหมดนี้โลโก้เป็นฟอนต์ Helvetica เพราะ Helvetica เป็นฟอนต์ที่มีมาตั้งแต่ปี 1957 แบรนด์ช่วงยุค 60'-80' เลยใช้ฟอนต์นี้เยอะมาก เพราะอยากให้ดูทันสมัย (ในตอนนั้น)
.
โลโก้ใหม่ของ Gap ที่ดูพยายามจะทันสมัยจึงสร้างความบรรลัยภายในอาทิตย์เดียว เพราะกระแสลบหนักมากและเป็นการทิ้งตัวตนที่มีมายาวนานแบบพยายามฉีกเกินเหตุ ทำให้โลโก้ใหม่มีอายุสั้นมาก คือใช้ไปไม่ถึงสัปดาห์ Gap ก็ตัดสินใจกลับไปใช้โลโก้เดิม แล้วก็ใช้จนถึงปัจจุบันนี้ (แต่โลโก้ที่เราเห็นทุกวันนี้คือเวอร์ชั่น 2016 นะ เพราะจริงๆ มีการปรับระยะห่างระหว่าง Font จากตัวเก่านิดนึง)
.
ความฉิบหายของ 1 สัปดาห์นั้นถึงขั้นทำให้ Marka Hansen ผู้บริหาร Gap ภาคพื้นอเมริกาเหนือ ที่ดูแลการเปลี่ยนโลโก้ในครั้งนั้น ต้องลาออกจาก Gap เมื่อปี 2011 เลยทีเดียว (แต่เธอไปทำธุรกิจอื่นในเครือต่อ ไม่ได้ออกไปขายเต้าฮวยแต่อย่างใด และปัจจุบันเหมือนจะยังอยู่ในฐานะผู้บริหารฝ่ายอาวุโสด้วยวัย 65 ปี)
.
โดยที่ Gap ทำตอนนั้นคือทำลายจุดแข็งตัวเองเพราะอยากจะเอาใจวัยรุ่น โดยที่ไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้ววัยรุ่นยุคนั้น (2010) กับวัยรุ่นยุคโน้น (1969) นั้นแทบจะเหมือนคนละเผ่าพันธุ์กันเลยก็ว่าได้มั้ง เพราะงั้นอะไรที่ cool ในยุคนั้น อาจจะดูใกล้สูญพันธุ์ในยุคนี้เลยก็เป็นได้
.
แถมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะไม่กี่ปีต่อมา Gap ต้องปิดสโตร์ถึง 175 สาขาในภูมิภาคอเมริกาเหนือ เพราะไหนจะโดน Zara, H&M ถล่มยับแล้ว ยังโดนการขายแบบออนไลน์ซ้ำเติมอีก และเสื้อผ้าในร้านก็ไม่มีความ minimal ที่ถูกใจวัยรุ่นให้กดไลค์ในยุคนี้
.
แต่โชคยังดีที่ Gap มายืนในจุดที่ตัวเองยังยืนได้แข็งแรงและให้แบรนด์ลูกในเครืออย่าง Banana Republic หรือ Old Navy ทำตลาดตรงนี้แทน (แถมทำยอดขายถล่มทลายมาก เพราะ Old Navy ทำยอดขายได้เกือบเท่าตัวของ Gap ในปีที่ผ่านมา หรือรวมแล้วกว่า 1.18 พันล้าน$)
.
เรียกว่า Gap ปล่อยให้ลูกหลานทำงานทำการของตัวเองไป ส่วนตัวเองก็ไม่ไปฝืนเปลี่ยนลุคให้ดูเสร่อ ซึ่งคือสิ่งที่ถูกที่ควรของแบรนด์รุ่นลุงอย่าง Gap
.
พูดถึง "ลุง" ลุงแถวๆ นี้ก็เช่นกัน เพราะการรีแบรนด์ดิ้งของลุงช่วงท้ายวงจรชีวิต คือความพังระดับแบรนด์ดิ้งที่ดันเลือกทิ้งจุดแข็งตัวเองตลอด 4 ปี จากลุงดุๆ เข้มๆ ด่านักการเมืองโกงกิน
.
กลายมาเป็นลุงลุคใสๆ โอปป้าลุงใส่เชิ๊ตท่ามกลางไฟสตูฯ เหมือนนักการเมืองที่ลุงเคยด่า แล้วทำตอนไหนไม่ทำมาทำในช่วงท้ายของอายุขัย เหมือนยุงลายที่กินเลือดตลอดแล้วหันมากินน้ำต้มผักรักษ์โลก ทำให้นอกจากจะโคตรไม่ธรรมชาติและขัดกฏวิวัฒนาการแล้ว ยังทำให้แฟนลุงหลายคนถึงกับตาสว่างเลยว่าลุงแกเฟครึเปล่า?
.
แต่งานนี้โทษลุงทั้งหมดคงไม่ได้ ต้องโทษนักสื่อสารการตลาดของลุงที่ลุงเลือกใช้ในบั้นปลายก่อนการเลือกตั้งมากกว่า ว่าทำไมถึงเลือกทำอะไรแบบนี้ในช่วงเวลาแค่ไม่ถึงเดือน นี่โชคดีนะที่เป็นลุง ถ้าเป็นที่เกาหลีเหนือนะ ป่านนี้พวกแกได้เปลี่ยนจากฝ่าย PR ไปทำงานในเหมืองแร่แทนแล้วแน่นอน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>258 เจ้าของ quote มันพูดทำนองกดหัวคนที่ไม่เข้าใจคณิตด้วยหวะ อีกอย่างถ้าอ่านดีๆ แม่ง humble brag ชัดๆ จะอวดทำก๋วยเตี๋วอะไรว่าได้เกรดสี่ถ้าอยากแค่สื่อสารประเด็นที่ว่า
บอกตามตรงว่าประเทศไทยแม่งไม่ได้สอนให้เด็ก รวมทั้งตัวครูให้ ตระหนักถึงความแตกต่างในความสามารถในการเรียน และรูปแบบการเรียนของแต่ละคน มันถึงมี quote ที่มัน ignorant ขนาดนี้ออกมาได้
กูมีเพื่อนตปท เป็น dyslexic (อารมณ์ประมาณว่ามีความลำบากในการทำความเข้าใจภาษาเขียน) กูก็เลยเห็นว่าต่างประเทศเขามีการหันมามองอะไรแบบนี้แล้วยังเริ่มมีการเปลี่ยน mindset ของคนในสังคมให้เข้าใจมากขึ้น
ควย
# มิตรสหายท่านหนึ่ง
เป็นมาหลายอย่าง
สรุปสิ่งที่ได้ “ซึมซับ” และมองเห็นซ้ำๆมาหลายปี
.
1. "ความรู้มีวันหมดอายุ"
- หลายคนคิดว่าความรู้ที่ร่ำเรียนมาสามารถสะสมไปได้เรื่อยๆ ไม่มีวันหมดอายุ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ความรู้มีวันหมดอายุ!
.
- ยิ่งในยุคนี้ความรู้ในตำราอาจจะเก่าไปแล้วก็ได้ ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ตำราเทคนิคการค้าขายต่างๆ บอกให้ทำแบบนี้แต่พอมายุคนี้แล้ว เทคนิคเหล่านั้นอาจจะใช้ไม่ได้ผลแล้วก็ได้ อย่าเชื่อในสิ่งที่รู้มากนัก ขอให้ลองทำและเปิดรับความรู้ใหม่ๆบ้าง จะได้รู้ว่าความรู้อันไหนหมดอายุแล้ว
.
2. เอาจริงๆแล้วคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนว่า "คุณเก่งขนาดไหน"
เขาสนแค่ว่าคุณหาเงินได้เท่าไร และสกิลของคุณจะมีส่วนช่วยพวกเขา(บริษัท,ลูกค้า)เรื่องงานได้ยังไงได้บ้าง
.
- หลากคนชอบอวดว่าตัวเองทำโน่นนี้นั้นได้ หารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่มีใครสนใจเท่าไร ต้องพูดว่า เคยทำอันนี้มาแล้ว ทำอันนั้นมาแล้ว คุณจะน่าสนใจขึ้นเยอะ ไม่ใช่แค่พูดว่าทำได้ ต้องลงมือทำมาแล้ว
.
-เราอยู่ในโลกที่ทุกอย่างเชื่อมกันหมด วันนี้คุณเก่ง พรุ่งนี้ก็มีอีกคนที่เก่งกว่าคุณ เหนือกว่ายังมีฟ้า เก่งขนาดไหนก็ยังไม่คนเก่งกว่า
.
- จงเป็นคนที่นำความเก่งของตัวเองมาแปลงให้เป็นผลงานให้ได้ สุดท้ายแล้วเราต่างรู้ดี เราทำเพื่อเงินเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น อย่ามัวมานั่งยึดติดกับเรื่องฉันเก่ง แล้วใครเก่งกว่าเลย เอาเวลาไปนั่งโฟกัสเรื่องการหารายได้เพิ่มดีกว่า
3. "คนที่มีรายได้สูงหลายคนล้วนเป็นคนเก่ง แต่คนเก่งบางคนทุกก็ไม่ได้มีรายได้สู เพราะมีนิสัยบางอย่างในตัวมาขัดขวางหนทางที่จะเติบโต"
.
- คนรายได้สูงหลายคน ล้วนเป็นคนเก่ง อันนี้คุณอาจจะรู้แล้ว แต่สิ่งที่ผมรู้สึกได้คือ คุณที่เก่งบางคนมีสกิลดีมาก แต่รายได้ก็ไม่ได้เยอะตาม เพราะมีนิสัยที่แย่ อีโก้สูง หรืออะไรก็แล้วแต่ สิ่งพวกนี้ผมคิดว่ามันคือการขัดขวางความเก่งของตัวเค้าเองให้ไปไหนไม่ได้ไกลเท่าไร
.
- คนเก่งที่ไม่รวย เพราะมีทักษะที่ไม่เพียงพอ ในโลกของการทำเงินหรือการทำรายได้ให้ได้สูงๆ มันไม่ใช่แค่ว่าคุณเก่งแล้วคุณจะสำเร็จ
.
- อยากเป็นคนมีรายได้สูง มันต้องมีสกิลการเข้าหาคน ลูกล่อ ลูกชน การวางตัว ทัศนคติแนวคิด ความอดทน การใช้คน การบริหาร ฯลฯ ประเด็นก็คือ อย่ามองว่าคุณเก่งขนาดไหน ให้มองว่าในทางที่คุณกำลังเดินไป "คุณยังขาดอะไร" จะดีกว่า
.
4 "ตำแหน่ง บางครั้งก็เป็นกับดัก"
.
- ทำงานให้ดูผลตอบแทน และสิ่งที่ได้ ไม่ใช่ดูจากป้ายว่าคำนำหน้าชื่อของตัวเองเขียนไว้ว่าอะไร
.
- ตำแหน่งเป็นเพียงแค่ชื่อไม่ได้บ่งบอกว่ารายได้คุณจะเยอะตาม ลองดูให้ดีบริษัทเล็กๆ กับบริษัทใหญ่ๆ ชื่อตำแหน่งเดียวกัน แต่ผลตอบแทนจะต่างกันมาก อย่าไปยึดติดมาก มองว่าตัวเองได้อะไรบ้างจะดีกว่า
.
- ตำแหน่งถูกสร้างมาเพื่อแบ่งแยกการทำงาน และในบางครั้งมันก็เป็นส่วนช่วยให้คนเสียดายถ้าต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงย้ายไปอยู่บริษัทอื่นๆ
.
- คิดแบบเจ้าของธุรกิจต้องไม่สนเลยว่าตัวเองตำแหน่งอะไร ให้สนว่าจะพาร้านค้า หรือบริษัทให้รอดในปีนี้ยังไงดีกว่า
.
5. "ทำงานทั้งทีอย่ามองแค่เงิน ผลตอบแทนอาจจะมาได้หลายรูปแบบ " เงิน,ความรู้ , คอนเนคชั่น " ล้วนเป็นผลตอบแทนทั้งนั้น
.
6.ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือเจ้าของธุรกิจ ล้วนต้องศึกษา "การลงทุน" ทั้งนั้น
.
7. การออมเงินเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเจอสัญญาณในการลงทุนที่ดีและเป็นไปได้ ลองเสี่ยงดูบ้าง เพราะนั้นอาจจะทำให้คุณได้เงินออมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในระยะเวลาที่เร็วกว่า
.
8.ตอนเป็นมนุษย์เงินเดือน ต้องอยู่ในกรอบที่บริษัทวางไว้ แต่พอมาเป็นเจ้าของธุรกิจ นั้นหมายถึง คุณต้องเริ่มต้นสร้างกรอบเหล่านั้นในแบบของตัวเอง ไม่มีการทำงานไหนที่ไม่มีกรอบกำหนด แต่จะเล็กหรือใหญ่ ตึงหรือหย่อน ก็อีกเรื่องนึง
.
9. เหนื่อย คือคำที่ ทุกอาชีพ ทุกตำแหน่ง ทุกสถานะมี ทำใจให้คุ้นชินและดูไปที่ผลตอบแทน ว่าเราเหนื่อยด้วยผลตอบแทนเท่าไร
.
10. ความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง มนุษย์เรามักต้องการอะไรใหม่ๆเสมอมาเติมเต็ม ไม่ว่าจะหาเงินได้เท่าไร อยู่ในตำแหน่งไหน ถ้าคุณรู็ข้อนี้แล้วคุณจะรู้ได้ว่า มองหาความสุขระหว่างทางไปด้วยดีกว่า อย่ากำหนดแค่ต้องปลายทางเท่านั้นถึงจะมีความสุขได้
.
--------------
PM Shane.
御前圣
泰国只有两个方面可傲世中国:1.人妖,2.足球。
ประเทศไทยมีเพียงสองด้านเท่านั้นที่น่าภาคภูมิใจเหนือประเทศจีน: 1. กะเทย 2.ฟุตบอล。
#มิตรสหายบอลจีนท่านหนึ่ง หลังโดนไทยอัดไป 1-0
:มึงเก่งชิปหายที่ทำให้กูรักขนาดนี้
:มึงเก่งว่ะ ที่ทำให้กูไม่ยอมเจอคนใหม่
:มึงเก่งว่ะ ที่ทำให้กูนึกถึงแต่วันเก่าๆของเรา
:มึงเก่งว่ะ ที่ทำให้กูคิดถึงตลอด
:มึงเก่งนะ? ที่ทำให้กูยังจำมึงมาตลอด
:เธอเก่งนะ ที่ทำให้ผมแพ้ไม่ยอมตัดใจได้ ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่ผ่านมานะ ยังคงรักเสมอนะ :อ้วนรักนะ😭😭😭
ถ้าจะถอดถอน กกต ต้องล่า 20,000รายชื่อครับ
หลังได้ 20,000รายชื่อมาแล้ว สว จะเป็นคนพิจารณาว่าจะถอดถอนหรือไม่ ซึ่งคนที่เป็น สว ตอนนี้คือคนที่ป้อมหามาเองทั้งหมด พูดง่ายๆ คือ สว ก็เป็นแก๊งเดียวกับ กกต
อ้าวแบบนี้ก็ไม่แฟร์สิ อย่าเพิ่งใจร้อนครับ ถ้า สว เอนเอียงในการพิจารณา คุณสามารถร่วมลงนามถอดถอน สว ได้ ล่ารายชื่อเหมือนเดิม จากนั้นคนที่จะพิจารณาถอดถอน สว ว่าจะถอดถอนได้หรือไม่ ก็คือ ปปช.
ซึ่งตอนนี้ยังหานาฬิกาไม่เจอเลย
แต่ก็ไม่ต้องกังวลครับ ถ้าสุดท้ายแล้ว ปปช. เอนเอียงในการตัดสินเราก็สามารถร่วมลงนามถอดถอน ปปช ได้
โดย คสช. จะเป็นคนตัดสินเองว่า ปปช จะอยู่หรือไป ซึ่งหัวหน้า คสช ก็คือ.....................
การมีความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน เลือกพรรคไม่ตรงกัน สำหรับนวลไม่ได้สร้างความร้าวฉานในความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวนะ แต่เป็นความ ignorant ความแยกแยะไม่ได้ระหว่างทุจริตกับสุจริต อันนี้ไม่ต้องพูดถึงทุจริตแบบหาเสียงฟรีจากภาษีประชาชน ดูด ส.ส. ด้วยการข่มขู่ หรือการตั้งกติกามาให้ตัวเองไม่มีทางแพ้นะ เอาแค่อะไรง่ายๆที่มันไม่ต้องตีความ ไม่ต้องซับซ้อน อย่างการนับคะแนนเขตแล้วเกินจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียง การประกาศคะแนนจบแล้วอยู่ดีๆคู่แข่งก็คะแนนลด กลายเป็นตัวเองชนะเฉยเลย คือของแบบเนี้ยมันมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ พอผู้ใหญ่ในครอบครัวยังพยายามทู่ซี้แถไป แค่เพราะตัวเองเชียร์พรรคนั้น แม่งทำให้หมดความเคารพตัวคุณในฐานะมนุษย์ไปเลยนะ ซึ่งมันน่าเศร้ามาก เราอยากจะเคารพคุณจะตายห่า แต่คุณแสดงออกชัดเจนว่ายอมโยนความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ต่อคนอื่น ต่อสังคมทิ้งไปเลย แค่เพราะเชียร์นักการเมืองคนนึงเนี่ยนะ มันเศร้าที่เห็นคนรอบตัวเปิดเผยธาตุแท้ว่าจริงๆแล้วตัวเองมีจิตใจราคาถูกขนาดไหน ย้ำอีกทีนะว่าไม่ได้มีปัญหากับการเชียร์คนละพรรค คนเราอุดมการณ์ต่างกันได้ แต่รับไม่ได้กับการเฉลิมฉลองความสำเร็จในการทุจริต
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เอาล่ะ ผมเลิกกวนตีนและเขียนอะไรจริงจังสักครั้ง
หลังสงกรานต์ปี 59 หลังจากที่ผมโดนทหารถือ M16 มาหน้าบ้าน แล้วจับผมใส่รถ คลุมถุงดำเข้าค่ายทหาร
ผมโดนเอาไปนั่งอยู่บนโต๊ะตัวหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่สามชุด เวียนกันสอบสวน
เอารูปคนนั้นคนนี้มาให้ดู ถามว่ารู้จักมั้ย แล้วก็ถามอะไรที่แบบ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเทคนิคถามแรงๆเยอะๆ ก่อนให้กลัวหรือเปล่า
แต่จริงๆ เนื้อหาการถามผมคือ "อาวุธสงครามอยู่ที่ไหน กองกำลังที่มึงฝึกอยู่ที่ลาวมีเท่าไหร่"
"มึงส่งเงินให้นักศึกษายังไง ใครเป็นคนสั่งการ"
เอาภาพเพื่อนที่หน้าโหดๆในเฟสมาถามว่า "คนนี้ใคร มือปืนมึงหรือเปล่า" เอาแชทที่พวกผมนัดกันย่างหมูกระทะที่บ้านมาเปิดถามว่าเตรียมของนี้หมายถึงอะไร
เอาเฟรนด์ในเฟส ซึ่งจริงๆมันเป็นเพื่อนมัธยมของผม ที่แม่งไม่ได้คุยกันมาหลายปี ตอนนี้ไปเป็นโปรแกรมเมอร์ มาถามว่า "นี่แฮ็คเกอร์สังกัดพวกมึงใช่มั้ย"
แล้วก็มีรูปคนนู้นคนนี้เต็มไปหมด จากเฟรนด์ลิสม์ผม ภาพทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่เป็นเพื่อนในเฟรนด์ลิสม์ผม มาหมดทุกคน
บางคนผมพึ่งรู้ด้วยซ้ำว่ามันทำมาหากินอะไร เกี่ยวกับหน่วยราชการยังไง
แล้วแบบ ผมจบรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เพื่อนของเพื่อนผมในเฟรนด์ มันก็ต้องโยงไปถึงโรม จ่านิว พวกดาวดิน มีหน้าห้องกระทรวงนั้นนี้ จนถึงพวกลูกหลานนักการเมืองได้ปะวะ
ผมโมโหชิบหาย คือแต่ละคนเนี่ย เข้าใจมั้ยว่าแชทคืออะไร เฟรนด์ลิสต์คืออะไร ผมมีเฟรนด์ในเฟสนี้ ผมอาจจะไม่รู้จักมันก็ได้เว้ย แค่มันแอดมาผมกดรับ
แล้วที่ผมโกรธอีกอย่างคือแกหาว่าผมเป็นคอมมิวนิสต์ คือผมนี่โคตรจะทุนนิยม การหาว่าผมเป็นคอมมิวนิสต์นี่คือไม่เข้าใจอะไรเลย
บอกตามตรงว่า วันนั้นพี่แกพูดอะไรมา ผมคิดว่าล้อเล่น นึกว่าด่าไปเรื่อยเปื่อย คือนึกว่าเป็นเทคนิคแบบเอาหนักๆ ขู่ๆ ไว้ก่อน เผื่อผมมีข้อมูลแล้วหลุดที่เบากว่า
แต่สัส แม่งเชื่อจริง ฟ้องจริง
สิ่งที่อยากจะเล่าคือ มีเจ้าหน้าทีแก่ๆคนหนึ่ง ที่น่าจะรับบทโหดมา แกไม่ยอมบอกว่าอยู่หน่วยไหน แต่แกด่าผมชิบหาย จนผมโมโห
มันมีประโยคหนึ่งที่ผมจำได้ดีคือ "มึงคิดว่ากูโง่เหรอ คิดว่ากูเนี่ยแก่จะลงโลงแล้วใช่มั้ยล่ะ? อีกไม่นานกูก็จะตายแล้ว?"
ผมได้ยินแล้วหายโกรธเลย
เพราะตอนนั้นผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงทำแบบนั้น
เพราะพวกเขากลัว
ย้ำอีกทีว่า เพราะพวกเขากลัว
เพราะพวกเขามีชุดความดีแบบหนึ่ง ซึ่งพวกเขาใช้เวลาทั้งชีวิต 40-50 ปี ต่อสู้เพื่อสร้างมัน ต่อสู้เพื่อปกป้องมันมาตลอด
ผมนึกได้ว่า เออ คนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี่ เพื่อนเขาคงเคยไปแฝงตัวในหมู่คอมมิวนิสต์ แล้วโดนจับไปฆ่าจริงๆ
เคยเจอพวกคอมมิวนิสต์ขนอาวุธจากโซเวียต ส่งผ่านลาว มาแถวๆ ขอนแก่น กาฬสินธ์จริงๆ แล้วเขายังใช้ชีวิตอยู่ในชุดความคิดนั้น
แล้วจู่ๆโลกมันก็เปลี่ยนแบบกลับหัวกลับหาง
ชุดความดีทั้งหมดที่เขามีถูกบอกว่ามันผิด
เขาไม่มีทางออก ไม่รู้จะไปไหน
วิธีแก้ปัญหาของเขาคือ การทำแบบเดิมที่มันเคยเวิร์ค คือไปหาคอมมิวนิสต์มาสอบสวน
เขาพยายามเค้นเอาให้ได้ว่า ผมเนี่ยสั่งทำภาพการ์ตูนล้อรัฐบาล ผมเนี่ยมีเครือข่ายมากมาย "ถ้ามึงไม่สั่ง ถ้าไม่มีคนจ่ายเงิน แล้วภาพด่ารัฐบาลมันมาจากไหน"
คือแบบ... ผมอยากรู้มากว่า รัฐบาลทหารเนี่ย มันโดนเอเจนซี่หลอกเอาค่าทำภาพเชียร์รัฐบาลไปภาพละเท่าไหร่ งบเพจละล้านหรือเปล่า
จากนั้นผมพยายามนะ พยายามอธิบายว่า เนี่ยนะ พวกการ์ตูนต่างๆนี่ ใครมันก็ทำได้ แค่เขามีความคิด มีไอเดีย เขาก็ทำออกมาตามความคิดเขา คนชอบมันก็แชร์ไปเอง
เจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจจริงๆ คือไม่เข้าใจเลย
เขาเชื่อมากว่ามันต้องมีเสธสักคน ใครสอนมึง ทหารนอกราชการเหรอ หรือว่าพัลลพ หรือคนนั้น คนนี้ ซึ่งผมไม่รู้จักชื่อสักคน
เขาคิดว่ายังไงก็ต้องมีคนวางแผน มีคนเขียนบท มีคนวาด มีเครือข่ายกระจายคอนเทนท์ และทั้งหมดต้องใช้เงิน
การชุมนุมคัดค้านรัฐประหารหรือประชามติก็เช่นกัน เขาคิดว่าต้องมีโครงสร้างเช่นนั้น
ดังนั้นหน่วยความมั่นคงจึงเป็นเหมือนการมองหา ศูนย์กลางของมหาสมุทร ซึ่งมันไม่มีไง น้ำมันแค่ไหลมารวมกัน
แล้วแม่งพูดกันไม่รู้เรื่อง ผมพยายามอธิบายแบบนี้แหละ แม่งก็ตวาด บอกว่าผมพูดนอกเรื่อง มึงสารภาพมาว่ามึงจ่ายเงินยังไง
เอ้าสัส!
ผมสารภาพว่า หนึ่งวันในค่ายทหาร ผมเศร้ามากกว่ากลัว
คือเหมือนไปพยายามสอนคนแก่เล่นไอแพท
ทุกอย่างมันเกือบจะดี จนเจ้าหน้าที่บอกว่า "นี่ มึงสารภาพมาเถอะ นายกูโกรธแล้ว ถ้ามึงยังปากแข็งแบบนี้นะ นายกูบอกให้หาอะไรที่ยัดมึงได้ ให้ฟ้องเลย"
ผมนึกว่าขู่ไปงั้นล่ะ แม่งไม่มีหรอก
(มีต่อ)
(ต่อจาก >>277 )
สรุป แม่งฟ้องจริงๆ
เรื่องแบบ ฟ้องๆไปงั้น ให้ไปปฏิเสธเอาในชั้นศาลก็ฟ้องมา
แล้วมันเหี้ย ไอ้คำว่า ฟ้องๆไปก่อน ค่อยไปปฏิเสธในศาลเอา คือการสูญเสียทุกสิ่งที่เคยมี
เงินประกัน 7 แสน ธุรกิจเจ๊ง ความสัมพันธ์เพื่อนทั้งหมดพังทลาย ญาติตัดขาด
.
.
.
รู้มั้ยผลเป็นยังไง
ผมโกรธ
ผมปฏิญาณกับตัวเองว่า "ได้ ลุงกลัวใช่มั้ย ผมจะทำให้มันเป็นจริง"
"จากนี้ผมจะมีชีวิตอยู่เพื่อให้ ลูกหลานของลุงมีชีวิตที่ดีกว่าสมัยของลุง แล้วต่อว่าบอกว่า แม่งเอ้ย ทำไมคนรุ่นพ่อ รุ่นตาของกู ถึงทำอะไรเหี้ยๆแบบนั้น ทิ้วไว้ให้กูต้องมาเช็ดล้าง แม่งห่วยชิบหาย"
"ลุงจะไม่ได้ถูกสรรเสริญในประวัติศาสตร์ แต่ถูกก่นด่า ลูกหลานของลุงจะต้องอับอายที่มีบรรพบุรุษเช่นนี้"
"ผมจะแสดงให้เห็นว่า แนวทางที่ไม่ใช่ของลุงมันดีกว่า มันสว่างไสวกว่า มันมีอนาคตกว่า"
มีคนถามผมตอนออกมาว่า "ทำไมมึงไม่ฟ้องมันกลับ มึงไม่โกรธมันเหรอ"
คำตอบของผมคือ "กูโกรธ แต่กูไม่ได้โกรธใครคนใดคนหนึ่ง กูไม่ได้คิดจะแก้แค้นใครคนใดคนหนึ่ง"
วิธีการแก้แค้นที่ต้องทำคือ "ทำลายโลกเก่าๆให้มันพินาจไป และสร้างโลกใหม่ที่ดีกว่าขึ้นมา"
ตอนปีแรกๆ แทบทุกคืนผมนอนไม่หลับ คือโกรธ ตอนกลางคืนมันจะโกรธขึ้นมา แม่งไม่ยุติธรรม ทำได้คือมานั่งอธิษฐาน
บางโมเมนท์มันแบบ สัส อยากได้ระเบิดสักลูก ไประเบิดตายๆไปกับแม่ง
มันเป็นโมเมนท์ที่ God only knows จริงๆ only God can save your soul จริงๆ
สิ่งที่เราทำได้คือ เอาความโกรธนี้เปลี่ยนให้ไปในทิศทางที่ดี และสร้างสิ่งดีๆขึ้นเพื่อทำลายสิ่งเก่า
แล้วผมรู้ว่าเวลาอยู่ข้างเรา
ไม่มีใครต้านทานเวลาได้
คนรุ่นใหม่ๆต่างเก่งกว่าคนรุ่นผมทั้งนั้น
โลกมันจะไปทางนั้น มันเป็นศึกที่ยังไงก็ชนะ อยู่แค่ว่าช้าหรือเร็ว
ถ้าพรุ่งนี้ไม่ชนะก็ยังมีต่อ มะรืน ปีหน้า 10 ปีข้างหน้า 20 ปีข้างหน้า เรายังสู้ได้อีกหลายสิบปี
เอาดิ ก็มาดิ
แต่ลุงอ่ะ จะเหลือเวลาเท่าไหร่?
.
.
.
เชื่อมั้ย ว่าทุกวันนี้ก็ยังคิดอยู่ว่า ด้อมฟ้า futurista หรือกระแสพื้นที่ของเพื่อไทย อะไรนี่ มีคนวางแผนอยู่ มีคนจัดตั้ง จ่ายเงิน
เออ ก็แพ้ไปพร้อมกับยังคิดแบบนั้นอยู่ละกัน
.
.
.
ท้ายสุดนี้ผมขอตอบคำถามว่า "มึงคิดว่ากูโง่เหรอ คิดว่ากูเนี่ยแก่จะลงโลงแล้วใช่มั้ยล่ะ? อีกไม่นานกูก็จะตายแล้ว?"
ในวันที่ 24 มีนาคม นี้ ในคูหาเลือกตั้ง
ผมทนมาตลอด ทนมาเพื่อรอวันเลือกตั้งนี้
ผมหวังว่าลุงจะยังไม่ตาย รอดูทุกสิ่งของลุงมันพังทลายลงมากับตาเสียก่อน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>273 cringe เหี้ยๆ
ทำเป็นปากดีแต่ไม่ตรวจสอบเลยว่าไอ้ที่บ่นกันว่าโกงๆน่ะจริงๆเป็นยังไง เอาแต่เฮโลตามคนอื่นเค้า
ข้อมูลที่บอกว่าโกงๆนี่ก็เอามาจากเว็บที่ไปเช็คคะแนนกันเองไม่ใช่เว็บอฟช. คะแนนในเว็บเปลี่ยนขนาดนี้แต่ไม่เป็นสกู๊ปใหญ่ก็มีเหตุผลอย่างเดียวคือเว็บไม่อฟช.ที่ว่ามันโชว์คะแนนผิดเลยแก้เลขเอา เพลียใจคนไทยเหี้ยๆ ไอ้พวกที่หน้าโง่ที่มาเม้นต์ circlejerk กันนี่ยิ่งแสดงความโง่
น้องๆ ที่ไปเลือกพรรคพลังประชารัฐมาแบบพี่โจว เราต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าเราได้ทำความผิดบาปครั้งสำคัญในทางการเมืองไปแล้ว
สิ่งเดียวที่เราพอจะคงความเป็นมนุษย์ของเราไว้คือการอย่าไปจี้ไปปล้นไปโกงหรือทำร้ายคนในครอบครัวเช่นการเตะภรรยากันนะครับ แค่เลือกพลังประชารัฐเราก็ผิดบาปมากพอแล้ว
#ช่วงความเป็นคนที่พอจะเหลือของIOตัวเนร้
แล้วเห็นข่าวตอนเลือกตั้งล่วงหน้ามั้ยที่มีคนมาใช้เกิน 💯 จากกกต.ด้วย
ทำเป็น rant ว่าคนอื่นโง่อย่าโชว์โง่เองดิค้าบ
เว้นแต่ว่ามึงจะเป็น io ขยันทำงานดีนะครับ ดึกแล้วไปนอนได้แล้วสู้ๆ
Ioได้เงินเยอะปะ เห็นทำงานทั้งวันเลย
>>283-284
https://prachatai.com/journal/2019/03/81699
"24 มี.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. พบสิ่งผิดปกติในการรายงานผลการนับคะแนนที่ปรากฏในสื่อต่างๆ เช่น ไทยรัฐออนไลน์ วอยส์ออนไลน์ The Standard และ The Matter ฯลฯ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มาจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า ผลการเลือกตั้ง สุรินทร์ เขตเลือกตั้งที่ 3 มีผู้มาใช้สิทธิ์ 305,568 คน หรือ 184% ขณะที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีเพียง 156,968 คน โดยอันดับ 1 เป็น รื่น เงางาม, เบอร์ 1 ผู้สมัครจากพรรคเพื่อนไทย ได้คะแนนนำอย่างมาก คือ 220,802 คะแนนเสียง ทิ้งห่างอันดับ 2 ผกามาศ เจริญพันธ์, เบอร์ 7 จากพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ 26,828 คะแนน"
เข้าใจว่าขยันทำ ot เพราะจบรัฐบาลนี้ก็จะตกงานแล้วแต่รบกวนเช็คข่าวดีๆหน่อยนะครับ
ไร้ปัญญาจะเสวนาแบบคนปกติก็ตีตราคนอื่นเป็น io น่าสมเพชจริงๆ
>>286 ถ้ามึงมีสมอง คิด วิเคราะห์ แยกแยะเป็นมึงคงไม่เอาอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้มาแปะหรอก
ก่อนอื่นดูสุรินทร์นะ คะแนนจังหวัดอื่นที่นับพร้อมกันยังอยู่แค่สองหมื่นสามหมื่นทุกจังหวัด มีไอ้นี่แม่งโดดไปสองแสนอันเดียว ดูยังไงก็ error เกินมาหนึ่งหลัก พอตัดออกไปหลักนึงก็ได้ผลที่ถูกต้องตามที่รายงาน
กรณีสุโขทัยก็เหมือนกัน
ส่วนรูปล่างสุดมึงสังเกตุดีๆนะ ทำไมบัตรไม่เลือกใครเลยมันถึงมากสุดได้ขนาดนั่น เยอะกว่าบัตรดีบัตรเสียอีก ถ้าจะโกงจริงใส่บัตรไม่เลือกใครก็ไม่ได้คะแนนเหี้ยอะไร เอาไปใส่บัตรดียังดีกว่า ถ้ามึงตัดไอ้บัตรไม่เลือกที่ดูแล้วน่าจะ error นี่ออกไปเลยนะ บัตรดี+บัตรเสียที่เหลือรวมกันมันได้พอๆกับปริมาณคนมาใช้สิทธิ์เลย แสดงว่าไอ้บัตรไม่เลือกใครนี่น่าจะ error จริงๆ
คำตอบง่ายๆแต่เสือกไม่มีสมองคิด เอาแต่โวยวายโง่ๆว่าโกงอยู่นั่นแหละ ปญอ.สัส
สรุป i.o. มันย่อมาจากอะไรวะ information operations รึว่า imperial onslaught ?
เรียกคนอื่นเขา IO แต่ใครกันแน่วะที่เป็น IO อิอิ
ขยันชิบหาย ขยันกว่า IO ที่พวกมึงกล่าวหากันอีก
กกต.โกงจริงไม่จริงยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆตอนนี้ภาพลักษณ์เละเป็นศพหมาโดนสิบล้อทับละ แถมข่าวก็เริ่มแพร่ไปทั่วโลกด้วย ถ้าพวกแม่งยังทำลับๆล่อๆไม่เลิก ความเชื่อมั่นจากต่างชาติตกเดี๋ยวจะชิบหายกันมิใช่น้อยนะครับ
“A: เพื่อนไทย เพิ่ม "น" มาตัวเดียว ไม่ต้องปราศรัยใดใด ได้มานิ่มๆจากกาผิด 3 แสน
B: รอบหน้า ไปจดพรรค "อนาคตใหญ่" หรือ "ภูนิใจไทย/กูมิใจไทย" รอไว้ดีกว่า”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พี่โจว อาจานทงทองแดง และน้องภารดรง จะแถลงข่าวตั้งรัฐบาลสัมภเวสี คือเป็นรัฐบาลของคนลืมไปเลือกตั้ง ตีสามวันนี้นะครับ
ใครคือฝ่ายประชาธิปไตย ใครคือฝ่ายเผด็จการ เข้าใจกันมากแค่ไหน ใครอยู่เบื้องหลังที่แท้จริงของสองฝ่ายนี้? เค้าให้สู้กันเพื่ออะไร? น้อยคนนักที่จักเข้าใจมัน? มีแต่นักเลงคีย์บอร์ดที่กอดกระแสตามกัน ไม่รู้สถานการณ์ที่แท้ทรู ว่าแท้จริงแล้วเรากำลังสู่อยู่กับใคร? สู้อยู่กับอะไร?
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
หุ้นกูแดง
มิตรสหายท่านหนึ่ง
ทดลองวัคซีน ฉีดจริง ป่วยจริง เล่นใหญ่เพื่อวิทยาศาสตร์ เมื่อนักบินอวกาศกำลังทดสอบวัคซีนเพื่อการทดลองในสภาวะไร้น้ำหนัก
สำหรับการทดลองนี้ก็คือการตอบคำถามว่าวัคซีนจะมีผลในอวกาศเหมือนกับผลบนโลกไหม ก็เลยออกแบบการทดลองที่ให้นักบินอวกาศ 2 คนได้แก่คุณ Scott Kelly และคุณ Mark Kelly ซึ่งเป็นแฝดกัน คนนึงฉีดบนโลก คนนึงฉีดในอวกาศ ซึ่งผลของการทดลองก็คือ วัคซีนป้องกันไข้หวัดนั้นสามารถใช้ได้ดีบนอวกาศ จากผลการตรวจเลือดของ Scott และ Mark ไม่ทำให้เราเห็นว่าวัคซีนในอวกาศมีประสิทธิภาพลดลง
จริง ๆ แล้วการทดลองนี้ค่อนข้างเสี่ยงเล็กน้อย เพราะวัคซีนนั้นออกแบบมาเพื่อให้เราป่วยน้อย ๆ เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงาน ดังนั้น Scott Kelly จึงจะมีอากาศป่วยนิดนึง แต่ก็อยู่ในภาวะที่ไม่มากไปและสามารถทำงานได้
หลายคนอาจจะสงสัยว่าสร้างภาพหรือเปล่า ? อยู่บนอวกาศจะต้องฉีดวัคซีนทำไม ? แต่สาเหตุที่ต้องมีการฉีดวัคซีนในอวกาศก็เพราะว่า ต้องการให้นักบินอวกาศนั้น "ได้ป่วยบ้าง" เพราะสภาพแวดล้อมในสถานีอวกาศหรือในยานอวกาศนั้นสะอาดมาก ๆ ไม่เจอเชื้อโรคเลย อาจทำให้นักบินอวกาศอ่อนแอลง และภูมิคุ้มกันต่ำหากต้องเดินทางในยานอวกาศนาน ๆ
อ้างอิง - https://www.nasa.gov/content/flu-vaccine-in-space/
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ประเด็นคือมันไม่ใช่เรื่องคะแนน แพ้หรือชนะ แต่มันคือการโกงแบบหน้าด้านๆ โกงแบบเด็กโง่ๆ เหมือนมันเอามือปิดตาตัวเองนั่งขี้กลางถนน แล้วคิดว่าไม่อายเพราะคนมองไม่เห็นมัน ดูโง่บัดซบสิ้นดี
สลิ่มเอ๋ย หากมึงเป็นสลิ่มที่มีอุดมการณ์ในสิ่งที่มึงยึดถือยึดมั่นจริงในเรื่องต้านโกงต่อต้านทุจริตที่มึงประกาศตัวบลาๆ เรื่องโกงโง่ๆนี่ต่อให้มึงเป็นสลิ่มเลเวลต่ำจัณฑาลขนาดใหน กูเชื่อว่าเศษเสี้ยวพื้นฐานความเป็นมนุษย์ของมึงที่หลงเหลืออยู่ ก็คงไม่มีอะไรจะปฎิเสธในเรื่องเหี้ยๆพวกนี้ ว่ามันเลวร้ายยิ่งกว่าสิ่งที่พวกมึงพร่ำด่าอีกฝั่งมาตลอดซะอีก
มึงจะยกเหตุผลร้อยแปด ทำหลับหูหลับตาไม่รับรู้ความจริงแล้วหลอกตัวเองเหรอว่ะ น่าขยะแขยงพอๆคนที่พวกมึงชื่นชมว่าเป็นคนดีเลยว่ะ นิยามคนดีของพวกมึงนี่เหี้ยจริงๆ วิธีการแต่ละอย่างนี่ มองเห็นอนาคตประเทศเลยหว่ะ
อธิบายคนรอบตัวไปหลายรอบ เริ่มทำให้รู้ว่า คนที่ไม่พร้อมจะฟังก็ไม่พร้อมจะฟังจริง ๆ นะ
1.บัตรผีเป็นแสนเป็นล้านใบ ไม่มีอยู่จริง ทั้งหมดเกิดจากปัญหาในขั้นตอนรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการที่มีความผิดพลาด หรือบางสื่อเอาตัวเลขไปนำเสนอผิดจนลุกลามบานปลาย
ทำไมไม่มีอยู่จริง เพราะมันมีบันทึกไว้หมด แต่ละหน่วยได้บัตรกี่ใบ มีผู้ใช้สิทธิ์กี่คน เหลือบัตรเท่าไหร่ ทั้งหมดจะมีการรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรกลับมาที่ส่วนกลาง มีคนดูแลทุกขั้นตอน ตรวจสอบย้อนกลับได้ และเข้าใจว่าพรุ่งนี้ กกต จะเปิดคะแนนทั้งหมด แต่อาจรับรอง ส.ส.เพียงขั้นต่ำคือ 95% หรือ 333 เขต ภายในเวลาตามที่กฎหมายกำหนดได้ (กกต.บอกว่าวันที่ 9 พ.ค.) ส่วนเขตไหนมีปัญหา อาจจะบัตรไม่ตรงอะไรอย่างไร ซึ่งก็มี พรรคการเมืองเค้าทำเรื่องร้องแล้ว หลายเขตทำท่าว่าต้องนับคะแนนใหม่ก็มีความเป็นไปได้ แต่มันไม่ได้โผล่เป็นแสนเป็นล้านใบ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ป่านนี้เละกันไปหมดแล้ว
ตัวเลขที่ออกมาคลาดเคลื่อนจากการรายงานสดวันก่อน กกต. ชี้แจงแล้วก่อนหน้านี้ ไปหาข่าวย้อนหลังอ่านกันดู ซึ่งเค้าก็ยอมรับว่ามันคลาดเคลื่อนได้จริง แต่ของจริงมันไม่เป็นไรเพราะมันมีเอกสารยืนยันทั้งหมด
2.ส่วนที่ถามว่าทำไมรับรองหมด 100% ไม่ได้ (หมายถึง 350 เขตนะ ไม่ใช่คะแนน เพราะคะแนนกำลังจะเปิดหมดอยู่แล้ว กกต.เค้ารอเอกสารแต่ละพื้นที่ส่งมาถึง) เพราะมันมีเรื่องร้องเรียนไง หลายเขตอาจมีการทุจริต ซึ่งมีหลักฐาน มีคำร้อง กกต.ต้องกันเขตพวกนี้ไว้ก่อนเพื่อพิจารณาว่าอาจให้มีการนับใหม่ อาจให้มีการเลือกใหม่ และการพิจารณาเรื่องพวกนี้ต้องใช้เวลา ถ้ารับรองหมด 100% ทั้ง 350 เขตให้เข้าไปทำหน้าที่ก่อนแล้วโดนสอยตามหลัง เกิดมีคนโกงเข้าไปได้แล้วทำอะไรเสียหาย ลงมติอะไรไปแล้ว ถามว่าเปลี่ยนตอนหลังมันวุ่นวายหนักไหมกับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว
เรื่อง 95% นักการเมืองเองก็รู้ เพราะไม่ใช่เรื่องใหม่ ใช้มานานแล้ว ตั้งแต่ที่ กกต.มีอำนาจพิจารณาการทุจริตเลือกตั้ง แจกใบเหลือง ใบแดงนั่นแหละ ไม่ใช่ครั้งแรก
(เพิ่มเติมการให้สัมภาษณ์จากอดีต กกต. จะได้เข้าใจกัน)
"ตัวเลข 95% คือ รายงานผลอย่างไม่เป็นทางการ ที่มีระเบียบให้รายงานได้ไม่เกินร้อยละ 95
อีกตัวเลข 95% คือ การรับรองผล ส.ส. ซึ่ง กกต.ต้องรับรองผลให้ได้ร้อยละ 95 ของ ส.ส.ทั้งสภา ภายใน 60 วันหลังเลือกตั้ง เพื่อให้สามารถมีการประชุมสภานัดแรกได้
ส่วนการประกาศผลที่เป็นทางการ เป็นการที่ กกต.รับเอกสารผลการเลือกตั้งที่มาจากหน่วย จากเขต และจากจังหวัดตามลำดับ เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว จะประกาศผลเป็นทางการครบ 100% ซึ่งส่วนใหญ่จะทำเสร็จภายใน 3-4 วันทำการหลังจากวันเลือกตั้งครับ"
(เพิ่มเติม พอดีมีคนทัก) หลายคนเข้าใจผิด ว่าตั้งแต่เลือกตั้ง ไม่ได้เปิดเผยคะแนนดิบหน้าหน่วย จริง ๆ คือมีนะครับ ตามที่ ประธานฯให้สัมภาษณ์เมื่อวาน ไปอ่านกันเองนะ
"ส่วนที่มีการขอให้กกต.เปิดเผยผลคะแนนเป็นรายหน่วยเลือกตั้งนั้น ในความเป็นจริง ทุกหน่วยเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.เมื่อนับคะแนนเสร็จแล้ว ก็จะติดประกาศผลคะแนนไว้ที่หน้าหน่วย"
ดังนั้น ปัญหามันคือการรวบรวมคะแนนทั้งประเทศ + บางเขต บางหน่วยซึ่งมีปัญหา และบรรดาตัวแทนพรรคเค้าก็ทักท้วงกันแล้ว
ย้ำอีกรอบ 95% คือจำนวนเขตนะครับ ไม่ใช่จำนวนคะแนนในแต่ละหน่วย ตัวคะแนนดิบต้องรายงานทั้งหมดอยู่แล้ว แต่อย่างที่บอก อาจมีบางเขตนับใหม่ เลือกใหม่ เพราะฉะนั้นคะแนนรวมทั้งประเทศเปลี่ยนได้อีกครับ
(มีต่อ)
(ต่อจาก >>302 )
3.ทำไมคะแนนไม่ตรง คะแนนลด เก้าอี้หาย โกงกันตอนนับคะแนนใช่ไหม ใครพูดแบบนี้ ขอถามกลับไปว่าได้ศึกษาการคำนวณคะแนนแบบจัดสรรปันส่วนผสมที่ใช้รอบนี้ที่บอกว่าทุกคะแนนมีความหมายรึยัง
ระบบนี้จะคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ ต้องได้คะแนนบัตรดีทั้งประเทศมาก่อน ปัญหาคือคะแนนบัตรดีนิ่งรึยัง คำตอบคือยัง เพราะยังมีเรื่องร้องเรียนการทุจริตให้ต้องตรวจสอบ เกิดมีเลือกตั้งใหม่สักเขตสองเขต คะแนนรวมทั้งประเทศเปลี่ยน จำนวน ส.ส.พึงมีแต่ละพรรคก็เปลี่ยนไปด้วย ตัวเลขที่เอามาดู ๆ กันตอนนี้มาจากคะแนนที่รายงานมาก่อนหน้าซึ่งไม่ใช่คะแนนดิบทั้งหมด แล้วเอาไปคำนวณกันเอง ไม่ใช่จำนวนจาก กกต. ทางนั้นเค้าส่งมาแต่ชื่อ ส.ส.เขต ก่อนจะรายงานคะแนนดิบทั้งหมดตามมาพรุ่งนี้
แต่อย่างที่ไว้ข้างบน สุดท้าย กกต.จะอาจรับรองเพียง 333 เขตหรือมากกว่านี้ก็ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องร้องเรียน (ไม่ต่ำกว่า 95% ตามระเบียบอะไรก็ว่าไป) ดังนั้น เท่ากับว่าจำนวนรวมของแต่ละพรรคยังเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่อยู่ ๆ เก้าอี้หาย หลายพรรคเค้าก็รู้ เค้าเลยสงวนท่าที่บอกรอคะแนนทางการก่อน รอคะแนนทางการก่อน ถ้าขโมยเก้าอี้กันจริงพรรคการเมืองเค้าโวยหนักแล้ว
ไม่ได้บอกว่า กกต. ทำงานดี บริสุทธิ์ยุติธรรม เพราะอะไรไม่ได้เรื่องก็จัดไปหลายแล้วทั้งในรายการแล้วก็ผ่านทางเฟซ หลายกรณีก็มีปัญหาจริง ๆ แล้วก็มีการร้องเรียนแล้ว พรรคการเมืองเองนั่นแหละที่เป็นคนร้อง แต่หลายคนอาจจะไม่ได้เห็นข่าวก็แค่นั้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นการบ้านที่ กกต ต้องชี้แจงทุกข้อสงสัยก็ว่ากันไป
แค่อยากให้หลายคนเรียกสติกันบ้าง เราต้องถกเถียงกันบนพืันฐานของข้อมูลข้อเท็จจริง สักแต่วิจารณ์บนความรู้สึกอย่างเดียวมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
ตามนั้น เพลีย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ณ หน่วยเลือกตั้งในเขตทุรกันดารแห่งหนึ่งในประเทศไทย
เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยขานหมายเลขบัตร: เบอร์สิ
ผู้สังเกตการณ์จากพรรคการเมือง: (เห็นเลขบัตรเป็นเบอร์ 10) ขอค้านครับขานเลขใหม่ครับเป็นเบอร์สิบ
เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยขานหมายเลขบัตร: เบอร์สิ
ผู้สังเกตการณ์จากพรรคการเมือง: ขอค้านครับขานเลขใหม่ครับเป็นเบอร์สิบ
เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยขานหมายเลขบัตร: เบอร์สิ
ผู้สังเกตการณ์จากพรรคการเมือง: ขอค้านครับขานเลขใหม่ครับเป็นเบอร์สิบ
.
.
.
.
.
หน่วยนี้นับคะแนนเสร็จตีสาม... ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งหน่วยที่มีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งครั้งเนร้อ่ะครับ
หลายปีที่ผ่านมา....ผมได้เสียคนรักไปอย่างกระทันหันจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในคืนวันวาเลนไทน์....ซึ่งเราทั้งสองขับมอเตอร์ไซด์ซ้อนท้ายกันมาสองคนหลังจากมีความสุขเที่ยวและดูหนังด้วยกันทั้งวัน....ซึ่งผมเตรียมจะไปส่งเธอที่พักระหว่างทางแวะที่ร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้ามถนน....ผมอาสาข้ามไปซื้อของกินให้เธอโดยที่เธอรถอยุ่ที่รถมอเตอร์ไซด์...อยู่ๆมีรถเก๋งเสียหลักหักหลบมาเฉี่ยวชนเธอในขณะที่ยืนเฝ้ารอผมอยู่ท่ามกลางความตกใจของพนักงานร้านและคนในเหตุการณ์........เธอไปเสียชีวิตที่ รพ.ในเวลาต่อมาอีก 3 ชม. ในนาทีสุดท้ายขณะที่ผมกุมมือเธอเอาไว้.........ผมเสียใจมากๆ.เพราะผมรอเธอเรียนพยาบาลให้จบและผมเป็นข้าราชการทหาร...เพื่อรอแต่งงานกับเธอ.........ผมติดตามวงนี้มาตั้งแต่เพลง..โปรดเถิดรัก....ซึ่งมันเป็นชีวิตจริงของผมเลย....ขอบคุณเพลงดีๆที่มีให้รับฟังครับ
เหมือนวงการหนังสือโป๊เกย์ เมื่อก่อนขายดี เพราะไม่ค่อยมีคนแก้ผ้าให้ดูฟรี แต่เดี๋ยวนี้ใครๆก็โชว์ควยให้ดูฟรีใน twitter ได้หมด หนังสือโป๊เลยเจ๊งหมด
เมื่อถูกถามว่า คิดยังไงที่มีคนบอกว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่รู้เรื่องการเมือง ชอบนักการเมืองเพราะความหล่อ เนยตอบเร็วว่า
“เอาจริงๆ หนูไม่เคยมองว่าพ่อหน้าตาดีเลยนะ”
ครับ ดีใจแทนธนาธร...
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ถึงใครจะเป็นรัฐบาล ป้าก็คงตัดอ้อยเหมือนเดิมนั่นแหละ"
"ลุงก็ขายไก่ย่างแบบนี้แหละหนู ไม่รู้จะรวยเมื่อไหร่ ก็ใช้ชีวิตพอเพียงของเราไป"
"เราก็ทำงานที่เรารักไปนะพี่ คนทำงานศิลปะ พี่ก็รู้ว่ามันไม่เฟื่องฟูในประเทศนี้"
ฯลฯ
นี่คือสารพัดคำพูดสิ้นหวังที่เราได้ยินกันจนชินหู
มานั่งคิดดูดีๆ ประเทศแบบไหนกันที่ฝังรากความคิดว่า 'ต้องดิ้นรน' ไม่อย่างนั้นก็อยู่ไม่รอด
"ก็เพราะไม่พยายาม เลยไม่ประสบความสำเร็จ ดูคนอื่นสิ เขายังรวยกันได้"
แล้วใครไม่พยายาม? ใครไม่ทำมาหากิน? ทุกคนก็ดิ้นรนสุดแรงเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดกันทั้งนั้น แต่ท้ายที่สุด เมื่อคุณพยายามจะมีอยู่มีกิน อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่เมื่อคุณมีไม่ได้ เมื่อโครงสร้างประเทศไม่เอื้ออำนวย คุณก็ต้องอยู่อย่างพอเพียง
มีปัญญาหาได้แค่นั้น ก็กินแค่นั้น ทั้งๆ ที่คนเราควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้มาก
ทำไมการเกิดเป็นคนต้องยากลำบากขนาดนั้น มันทำไมเหรอ
แล้วเราจะมีรัฐบาลไปทำไม เราจะจ่ายเงินเพื่อให้คนมาบริหารจัดการทรัพยากรให้เราทำไม ถ้าเขาไม่มีปัญญาทำอะไรได้ นอกจากใช้อำนาจหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมประชาธิปไตยจึงสำคัญ ทำไมรัฐบาลที่ตรวจสอบได้จึงสำคัญ เพราะกลุ่มคนที่จะขึ้นมาบริหารประเทศจำเป็นต้องมีความสามารถ มีเป้าหมายการทำงานคือการพัฒนาประเทศ ทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ไม่ใช่มาเพื่อทำให้ตัวเองรวยขึ้น หรือกอดเก้าอี้ไว้จนหยดสุดท้าย เพื่อให้คมยืนกุมเป้า ผงกหัวรับคำสั่งคุณ
.
เราเติบโตมาในยุคที่ประเทศไทยมีปัญหาการเมืองตลอด ในช่วงที่เด็กคนหนึ่งควรจะผลิดอกอย่างงดงาม เห็นอนาคตที่ไกลสุดลูกหูลูกตา กลับต้องมาเผชิญความจริงที่ว่า เศรษฐกิจเราไม่ไปไหน เพราะเรายังติดอยู่กับปัญหาการเมือง
ถ้าเด็กคนหนึ่งอยากจะวาดรูป เขาก็ควรได้วาดรูป และยึดเป็นอาชีพได้ โดยไม่ต้องพะวงว่าเดือนหน้าจะมีเงินจ่ายค่าห้องมั้ย ถ้าแก่ตัวไปเราจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ตอนเกษียณ หรือเราควรจะเข้าสู่ระบบเพื่อเป็นข้าราขการดี ?
ประเทศแบบไหนกันที่ทำลายความฝันของคนได้ตั้งแต่ยังไม่เร่ิม เพราะโครงสร้างที่บีบให้คนต้องเดินสู่ทิศทางเดียวกัน
ไอ้คนที่ยังทำตามฝันอยู่ได้ ก็อยู่กันแบบเป็นกังวลทั้งนั้น ไม่มีใครอยู่อย่างสบายอกสบายใจหรอก ให้ตาย
.
ในวันที่ไทยกำลังจะเป็นประชาธิปไตย ก็ยังมีคนหลงยุคเอื้อมมือมาโอบกอดวันเวลาไว้ หวงแหนอำนาจไม่ดูฟ้าดูฝน
ต่อรองผลประโยชน์กัน ทั้งที่ประชาชนหลายคนกำลังจะตาย
ในวันที่โลกจะเดิน ในวันที่เด็กจะฝัน ในวันที่คนจะมีชีวิตที่ดีขึ้น พวกเขาควรพอได้แล้ว
รีวิว Fc แต่ละค่ายรอบนี้
1. Fc ลุงตู่นี่เรียบร้อยมาก เลือกแล้วก็จบ ใครจะว่ากกต. โกงจนคะแนนเสียงพปชร. หายไปทุกรอบจากที่นำเป็นที่หนึ่งก็ไม่ออกมาว่าอะไร ปล่อยให้เป็นไปตามกระกวนการ
2. Fc ประชาธิปไตย เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ ขุดมาแชร์กันทุกอย่างว่าโกง ไม่ฟังใครเลย สารพัดคลิปว่าเขตนั้นเขตนี้พปชรโกงจนชนะ (เอ่ไปอ้างเขตที่ชนะจริงได้มั้ย ไอ้ที่เอามาแชร์กันนี่เพื่อไทยทีังนั้น แต่รอบนี้ที่เพื่อไทยชนะ พปชร. นี่หายใจรดต้นคอหมดนะ เรียกว่าชนะกันเฉือนๆ เลย
3. Fc ประชาธิปัตย์ .... ผู้แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง
*หมายเหตุเป็นรีวิวจากทวีตเตอร์ทีแอลส่วนตัวของผู้รีวิไม่ใช่ผลรีวิวทั้งประเทศนะจ๊ะ
BRIEF: “การพยายามเป็นคนดีให้ทุกคนรัก อาจจบลงด้วยการไม่ได้รับความรัก จากใครสักคน” ข้อชวนคิดจากมุมจิตวิทยา
.
การถูกรักและตกเป็นที่รัก มักเป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่เสมอๆ แต่ก็มีอยู่หลายครั้งเหมือนกัน ที่เราอาจพบว่า การพยายามเป็นที่รักของคนทุกคนนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย มิหนำซ้ำ ยังอาจสร้างความเจ็บปวดให้อีกด้วย
.
ถ้าพูดกันถึงในบริบทที่ทำงาน มีงานทางจิตวิทยาหลายชิ้นที่พยายามชี้ให้เห็นว่า การเป็นคน ‘ไนซ์ๆ’ ให้กับทุกคนเนี่ยสร้างรอยแผลให้กับเราได้มากมายทีเดียว โดยเฉพาะกับการพร้อมรับภาระหน้าที่ และตอบรักตกลงในสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถจะทำได้
.
ในอีกมุมหนึ่ง การพยายามเป็นคนดีและเป็นที่รักให้กับทุกคน ยังเป็นเหมือนเงื่อนไขที่บีบให้ตัวเราต้องกดความรู้สึกด้านลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในลงไป และแน่นอนว่า เมื่อความรู้สึกด้านลบมันโดนทับถมรวมกันนานๆ และไม่ถูกระบายออกมา ภาวะจิตใจของตัวเราเองนี่แหละ ที่สุ่มเสี่ยงจะได้รับผลกระทบมากที่สุด
.
ขณะเดียวกัน มันยังเป็นแรงส่งให้เรามองความผิดพลาด หรือสิ่งบกพร่องต่างๆ ไม่ตรงตามที่มันควรจะเป็น พูดอีกนัยหนึ่งคือ เพราะไม่อยากเป็นคนไม่ดีในสายตาผู้อื่น เราจึงมักหลีกเลี่ยงการปะทะ และไม่ขัดแย้ง
.
กระทั่งคิดว่า ความผิดพลาดต่างๆ นั้นมันเกิดขึ้นเพราะตัวเราเองยังเข้าใจคนอื่นได้ไม่ดีพอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ มันอาจจะทำให้เราลืมมองปัญหาในมิติอื่นๆ ไปได้
.
Jessica Stillman นักเขียนของเว็บไซต์ Inc. อธิบายเพิ่มเติมถึงเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ โดยเธอใช้คำว่า ‘Office Superman’ ที่หมายถึงคนใจดีแบบสุดๆ และพยายาทำทุกอย่างเพื่อรักษาความดีของตัวเองไว้ ยังอาจเสี่ยงที่จะถูกมองในด้านลบจาก ‘ทุกคน’ ที่ร่วมงานอยู่ได้เหมือนกัน
.
Pat Barclay บอกว่า จริงอยู่ที่โดยส่วนใหญ่แล้ว เราจะชอบทำงานกับคนดีๆ แต่ถ้าเป็นในภาวะที่การแข่งขันสูงมากๆ แล้ว คนดีในลักษณะนี้แหละจะตกเป็นเป้าหมายแรกๆ ของความรู้สึกลบภายในที่ทำงาน
.
ส่วน Dolly Chugh นักจิตวิทยาด้านสังคม เคยเสนอสิ่งสำคัญเอาไว้ใน TED Talk ว่า จริงๆ แล้วการพยายามกอดรัด และรักษาอัตลักษณ์ หรือบุคลิกการเป็นคนดี (Good person personality) ไว้อย่างเหนียวแน่นเกินไป มันอาจทำให้เราไม่กล้าเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะกลัวว่าถ้าก้าวออกจากอัตลักษณ์นี้ เราก็อาจจะถูกเกลียด และมองว่าไม่ได้เป็นคนดีอีกต่อไป
.
รวมถึงไม่มีที่ว่างให้เรียนรู้จากความผิดพลาด ซึ่งเป็นหนทางจะช่วยให้เราพัฒนาตัวเองในอนาคตอีกด้วย
กษัตริย์บรูไนปกครองระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่เอาแต่ใจตัวเอง
เอาเงินประเทศมาใช้ส่วนตัวเยอะมาก มีรถสปอร์ทเป็นร้อยคัน. มีเมียเยอะแยะ กินขี้ปี้นอน
A: เอ๊ะทำไมคุณไม่ดัดจริตเหมือนพวกฝ่ายซ้ายลูกเศรษฐีที่โพสต์สเตตัสเฟสบุ๊คในร้านสตาร์บั้กส์ ว่าเบื่อเมืองไทยเหลือเกิน อยากหนีไปอยู่ประเทศนั้นประเทศนี้
B: โผมาถือเมือทายาม่าถือสาเดือเลออ่ะเค่อะ (ผมมาถึงเมืองไทยยังไม่ถึงสามเดือนเลยอ่ะครับ)
.
.
.
.
หมายเหตุ:
การเหยียดชนชาติในประเทศไทยนั้นมีประวัติมาอย่างยาวนาน และข้อเขียนชิ้นนี้พยายามกระตุ้นให้คนตระหนักรู้ถึงปัญหานี้ด้วยกลวิธีทางภาษา ที่จะพยายามสื่อถึงการอยู่ร่วมกันโดยการใช้บทสนทนาที่แม้จะมีความ 'แตกต่าง' แต่เราสามารถ 'อยู่ร่วมกัน' ได้
STOP Racism NOW
"ผม : ผมกล้าพูดเลยครับ ว่าธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจคือ "เฌอปรางแห่งการเมืองไทย" อย่างแท้จริง
มิตรฯ : ในแง่ของการได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วสินะครับ
ผม : ...ในด้านฝีมือการร้องเพลงน่ะ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
กฎหมายเป็นเพียงเกณฑ์สมมุติที่มนุษย์ตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยในสังคม แต่ไม่ใช่มาตรวัดศีลธรรม เพราะแต่ละรัฐก็มีกฎหมายเป็นของตัวเอง ถ้าใช้กฎหมายเป็นเกณฑ์กำหนดศีลธรรมความดีงาม บาทหลวงในเยอรมันก็ซื้อโสเภณีตามซ่องถูกกฎหมายได้โดยยังคงเป็นผู้เปี่ยมไปด้วยศีลธรรม
.
เมื่อกฎหมายไม่ใช่ศีลธรรม ความดี ความชั่ว แล้วผู้ปฏิเสธศาสนา(Irreligious) ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสินว่าการฆ่า การข่มขืน การมีเพศสัมพันธ์กับคนในครอบครัว การมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ การปล้น การฉ้อโกง ลักขโมย ฯลฯ เป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรม?
.
ไม่มีหรอก มันไม่ได้ผิดศีลธรรมสำหรับพวกไม่มีศาสนา แค่ผิดกฎหมายการอยู่ร่วมกันในสังคม เมื่อไหร่ที่อีกสังคมไม่มีกฎหมายนั้น ก็ย่อมไม่ผิดทั้งกฎหมาย ไม่ผิดทั้งศีลธรรม
.
ในขณะที่ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ฯลฯ มีศีลธรรมทางศาสนาอยู่ซึ่งเป็นสิ่งควบคุมความประพฤติจากภายใน หากคนในศาสนานั้นๆ ทำผิดศีลธรรมใด มันก็มีข้อตัดสินว่าเป็นคนชั่วในศาสนานั้น แต่สำหรับคนไม่มีศาสนานั้นไม่ใช่
_______
ปล. อย่าปล่อยให้คนไม่มีศาสนาติดเกาะกับหมาเด็ดขาด!
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ช่วงเดือนที่ผ่านมา มีคนพูดบ่อยแล้วถึง Inversion หรือ "ฝาล่องหน" ในชั้นบรรยากาศ ความเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่อากาศด้านบนร้อนกว่าอากาศด้านล่าง ลักษณะดังกล่าว เหมือนฝาที่มองไม่เห็น ปิดกั้นไม่ให้มลพิษกระจายหนีไปไหน
(คำว่า Inversion หมายถึง "ส่วนกลับ" ตามปรกติอากาศควรจะยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่อันนี้เป็น "ส่วนกลับ" ของสภาพปรกติ คือยิ่งสูงยิ่งร้อน)
Inversion จะเกิดบ่อยๆ ตอนเช้าตรู่ อย่างไรก็ดีพอถึงช่วงสาย พอแดดเช้าอุ่นพื้นดินให้ร้อนขึ้น Inversion ก็จะหายไป
ส่วน Valley Inversion ฝาแบบพิเศษ เกิดจากอากาศเย็นตามไหล่เขา ไหลลงมารวมกันในพื้นที่ราบสูง ผลักอากาศอุ่นขึ้นด้านบน เกิดเป็น Inversion แบบกึ่งถาวร ต่อให้เวลาผ่านไปช่วงสายๆ ฝาก็ยังไม่หายไปไหน และยิ่งส่งผลให้ปัญหามลพิษเลวร้ายมากขึ้น
ปัญหา Valley Inversion เกิดขึ้นแทบทุกปีทางตอนเหนือของประเทศไทย การเผามีส่วนไหม มี แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของปัญหา
ถ้ามองแบบนักวิทยาศาสตร์ นี่คือปัญหาที่น่าศึกษามากๆ (เพราะเกิดเป็นประจำทุกที เกิดบ่อยและแน่นอนกว่าสภาพมลพิษในกรุงเทพ) หวังว่าความตื่นตัวของผู้คน จะนำไปสู่การวิจัยอย่างจริงจังเพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์นี้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไม่ต้องโพสต์โชว์แนวคิดก้าวหน้าก๋ากั่นอัลไลให้มากความสำหรับตัวเนร้ ลงมือปฏิบัติการณ์กู้ชาติแบบชัดเจนเลยอ่ะครับ!
#เสพแล้วรักชาติ
https://www.thairath.co.th/content/1536595
เรามีคนจำนวนมาก ที่บอกได้ว่า ไม่เอาอะไร แบบไหนไม่ดี แต่ถามว่างั้นจะเอาอะไร มักจะบอกไม่ได้
ผมไม่ค่อยชอบวัฒนธรรมที่ผู้ใหญ่หรือผู้มีอำนาจคิดทุกอย่างมาแล้ว แล้วบอก “เอางี้นะ ไม่ชอบตรงไหนว่ามา” และผมมองว่าสิ่งนี้ทำให้คนจำนวนมาก ไม่เคยถูกฝึกให้ออกแบบสิ่งที่ใช่ให้กับตัวเอง
เอาแค่ออกแบบโค้ดก่อน ด่าโค้ดนี่ไม่ยากนะ ด่าได้หมดแหละ ตั้งแต่ชื่อตัวแปร ยกหลักอะไรมาด่า มันง่ายจริงๆ นะ
แต่คนที่ออกแบบจริงๆ เสนอว่า “มันต้องแบบนี้” ให้คนอื่นวิพากษ์วิจารณ์ ไปจนถึง implement เพื่อดูว่ามีปัญหาอะไร ดียังไง ไม่ดียังไง บนโลกจริง มีน้อยกว่ามาก ไม่ว่าจะด้วยความไม่รู้ หรือไม่กล้าแสดงออกก็ตามทีอ่ะนะ
แต่รู้มั้ย คนที่เก่งๆ ทุกคน คือคนที่เคยฟันธงมาแล้ว ผิดมาแล้ว พลาดมาแล้ว และเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นๆ มาแล้วทั้งนั้น
ไม่เคยเห็นใครเก่งเรื่องนี้ได้โดยไม่เคยฟันธง ไม่เคยตัดสินใจแล้ว commit กับมันไปจนเห็นว่ามันพลาดยังไง มันจึงเกิดเป็นประสบการณ์
คนออกแบบ ถ้าไม่กล้าตัดสินใจมากๆ เลยมักจะ “ตามตำรา” แบบสุดตัวไปเลย อย่างน้อยจะได้บอกว่าผมตามหลัก ผมไม่ผิด ซึ่งแบบนั้นก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรนะ ประสบการณ์สิบปีแต่ได้แค่ลอกตำรา ทำตามสูตร ไม่มีความเก๋า ไม่มีบาดแผล ไม่มีร่องรอยของ “ประสบการณ์” มันน่าเสียดายนะ
เรื่องโค้ดเป็นตัวอย่างที่เห็นชัดหน่อย แต่ผมก็เห็นลักษณะการไม่กล้าพูดว่าจะเอาอะไร จะเอาอย่างไร ได้ทั่วไปนะ ตั้งแต่เลือกร้านอาหาร (บอกได้ว่าไม่เอาร้านนั้นร้านนี้ แต่บอกไม่ได้ว่าจะกินอะไร) ออกแบบอาชีพการงาน career path ตัวเอง ออกแบบ business ตัวเอง ไปจนถึงการเมือง ไปจนถึงออกแบบไม่ได้ว่าอยากให้ประเทศไทยเดินไปแบบไหน แต่รู้แค่ว่าไม่เอาแบบนั้นไม่เอาแบบนี้
ผมอยากให้วัฒนธรรมเราสอนให้คนกล้าออกแบบเรื่องของตัวเอง โดยไม่ต้องกลัวผิดพลาด แล้วถ้าคนมันเริ่มมีบาดแผลจากการเลือกเรื่องของตัวเองผิดบ้างถูกบ้าง มันก็จะเก่งขึ้นในการออกแบบหรือเลือกตัดสินใจสิ่งที่มีผลกระทบกับคนอื่นด้วย
มันต้องเริ่มจากเปิดให้ทุกคนฝึกออกแบบก่อน วิจารณ์ก็ทำด้วยความเคารพ อย่างไม่ว่าใครจะออกแบบโค้ดยังไง ผมวิจารณ์แค่โค้ดเสมอ ไม่เคยล้ำไปถึงตัวตนให้เสียกำลังใจ โค้ดห่วยก็ว่าห่วย แต่ไม่พูดว่าคนห่วยนะ มันมีเส้นที่เหมือนจะบางในสายตาคนอื่น แต่ชัดมากในสายตาผม ที่กั้นระหว่างวิจารณ์งานกับวิจารณ์คน ผมอยากให้เราแยกตรงนี้ให้ออกนะ
ผมเชียร์ทุกคนที่พยายามออกแบบชีวิตตัวเองเสมอ ผมว่าความตั้งใจของมนุษย์ มันสวยงามจริงๆ นะ
เชื่ออย่างหนึ่งว่า คนที่จะหาเงินได้เยอะๆ มันต้องเริ่มจากรักเงินก่อนอ่ะ ไม่ใช่รักสบาย หรือรักผลข้างเคียงจากเงิน
ที่เห็นคนรักเงินมันสนุกกับการเล่นกับเงิน อ่านเรื่องการเงิน ลองลงทุน อยู่กับเลขในบัญชี ตื่นมานับเงินอย่างมีความสุขทุกวัน เคยเห็นอยู่นะ มันเป็นอะไรที่คนไม่ได้รักเงินจริงๆ ทำไม่ได้
ถ้ารักสบาย หาวิธีสบายตรงๆ ไปเลย ไม่ต้องหาเงิน ถามว่าทำอย่างไรถึงสบาย มีเท่าไหร่เรียกว่าสบาย แล้วหาเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องหาจน “ร่ำรวย”
ถ้ารักอำนาจบารมีจากเงิน สร้างบารมีเลย มีวิธีเยอะแยะที่ไม่ต้องใช้เงิน
ถ้ารักความมั่นคง ก็สร้างความมั่นคง ศึกษาการจัดการความเสี่ยง มีเงินมาก ร่ำรวย ไม่ได้แปลว่ามั่นคงนะ คนรวยแบบมีชนักปักหลังเข้าคุกวันนี้พรุ่งนี้ได้ ก็มีไม่น้อย
ถ้ารักอิสระ ยอมให้ตัวเองมีอิสระซะนะ อิสระต้องใช้เงินแน่ๆ แต่ระวัง การหาเงินบางแบบ ยิ่งหาเงิน ยิ่งผูกมัด ต้องให้น้ำหนักกับวิธีที่ยังมีอิสระได้อยู่ หาผิดวิธีกลายเป็นทาสเงิน จะยิ่งขาดอิสระนะ รักอิสระมากกว่าเงิน ก็ต้องให้น้ำหนักกับอิสระมากกว่าเงิน
ตอบตัวเองให้ได้ว่ารักอะไร แล้วไปตรงๆ เลย ไม่ต้องอ้อมหรอก ชอบอ้อมกันจัง แหม่
ไปซื้อของที่ซุปเปอร์แถวบ้าน คนต่อคิวรอบัตรคนจนยาวมาก
... ผมคิดในใจ นี่คือภาพที่เราอยากเห็นเหรอ มันไม่ใช่อ่ะ
ภาพผู้คนรอรับเงินแจก ต่อคิวยาว ซื้อของที่ร้านคนรวย
แทนที่... ยายคนนึง น้ำปลาหมด
จะไปอุดหนุนร้านแถวบ้านเล็กๆน้อยๆก็ยังดี
นี่เงินแจกมาปุ้บ ก็กลับเข้ากระเป๋าคนรวยทันที...
เงินไม่ได้เหมุนเวียนในท้องถิ่นเลย ไม่ใช่แค่ไม่หมุนเวียนนะ
ยังดูดกำลังซื้อ(ที่เหลือน้อย)ไปด้วย
สมมุติบัตรได้มา 300 ชาวบ้านเข้าซุปเปอร์ทีก็พกเงินสดมาด้วย แทนที่เงินส่วนนั้นจะกระจายไปตามร้านอื่นๆบ้าง
... ผมเห็นด้วยที่แจกเงินคนแก่ คนพิการ
แต่คนมีมือมีตีนจะแจกทำไมว่ะ สิ่งที่รัฐต้องทำคือสร้างงาน สร้างโอกาส สร้างแหล่งเงินทุน สนับสนุนให้คนทำงาน อาจจะช่วยบ้าง อุดหนุนบ้างอะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่ใช่แจกเงินโต้งๆ
บทความของเพื่อน Karn Hongmeesiengsri เมื่อปีแล้ว
ยังไม่ได้อ่านคอมเม้นอ่ะนะ แต่มันมากระตุ้นอะไรบางอย่างที่เคยคิดเอาไว้
เงินสำคัญขนาดไหน???
.
เราเรียนหนังสือกันมาเพื่ออะไร??
เพื่อให้ได้งานทำดีๆ จะได้ได้เงินเดือนเยอะๆ เข้าสู่บริษัทใหญ่ๆ มีการงานที่มั่นคง มีสวัสดิการที่ดี บลาๆๆ
.
เด็กที่ตั้งกระทู้อายุเท่าไหร่ ..... 14 ปี
ใช่เลย เขาอายุ 14 เท่านั้น ส่วนคนที่พูดคำว่า เงินไม่ใช่ทุกอย่าง คือคนที่โตแล้วทั้งนั้น
ทำไมเขาถึงมองต่างกัน???
.
เห็นชัดเจนว่า คืออายุ มากไปกว่านั้น คือ สิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิต
.
สมัยยังเรียนอยู่ เราคิดดอะไรกัน
เรียนให้จบแล้วได้งานดีๆทำกันใช่มั้ย
.
ผมก็เช่นกัน
ได้งานทำ ย้ายขึ้น เพิ่มเงินเดือน
ที่ไหนให้เงินดี ก็ไปดิวะ สัมภาษณ์หลายๆที่ เปรียบเทียบกัน เงินดีสุด ก็เลือกที่นั่น
เพราะอะไรหล่ะ ก็เพราะเงินทำให้เราอยากซื้ออะไรก็ซื้อได้ อยากได้อะไร อยากทำอะไร อยากเที่ยวไหน อยากเปิดประสบการณ์อะไรใหม่ๆ อยากสังสรรค์ อยากเฮฮาปาร์ตี้ อยากเรียนต่อ ก็เงินทั้งนั้นใช่มั้ยหล่ะ แน่นอน ณ จุดเริ่มต้นเงินคือทุกสิ่ง ถ้าไม่มีมัน ชีวิตก็คงทำไรไม่ได้ เงียบเหงา เพื่อนไปไหนกันเราก็ไปไม่ได้ กินไรกันเราก็ร่วมไม่ได้ เสียสังคม เสียเพื่อน เสียคนรัก ลามไปจนเสียสุขภาพจิต หม่นหมองเศร้า
......จะพูดว่าเงินไม่สำคัญหรอ เมินซ่ะเถอะ
.
นี่แหละครับ คือสิ่งที่คนเราทุกคนจะต้องเผชิญในจุดเริ่มต้นชีวิตวัยรุ่น
.
แล้วยังไงหล่ะ??? อะไรคือสิ่งที่ทำให้คนพูดกันได้ว่า "เงินมันไม่ใช่ทุกสิ่งหรอก"
???
.
เมื่อเราได้เจอโลกมากขึ้น สังคมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ถามว่าเงินยังสำคัญอยู่มั้ย แน่นอน มันสำคัญเสมอ
แต่!!!!
มันไม่เหมือนก่อนแล้ว
เพราะอะไร
เพราะสิ่งที่เราอยากได้ เราก็ซื้อมาแล้ว
การสังสรรค์ มันก็ลดลงตามวัย
ประสบการณืใหม่ๆก็เริ่มถึงจุดอิ่มตัว
ความต้องการใช้เงิน ลดลงไปตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไปพร้อมกับประสบการณ์การทำงานที่ทำให้เราได้เงินมากขึ้น
เงินมากขึ้น และ ความต้องการลดลง
เมื่อมาถึงจุดที่กราฟ 2 เส้นนี้ตัดกันมันจึงเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า "เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ" อีกต่อไป
.
เป้าหมายในชีวิตจะเปลี่ยนไป สิ่งที่มีค่ามากกว่าเงินจะกลายเป็น "เวลา" "ชื่อเสียง" และ "ความภาคภูมิใจในตนเอง"
.
(ซึ่งผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่า สำหรับผมเองนั้น กราฟ 2 เส้นได้ตัดกันแล้วหรือยัง??)
.
เพื่อนผมจำนวนหนึ่ง ได้ยอมทิ้งรายได้สูงระดับนึง เพื่อไปทำในสิ่งที่เขารัก เมื่อเขารัก เขาจะทำสิ่งนั้นได้ดี จนถึงดีมาก คำว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญอาจมาจากสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อได้ทำในสิ่งที่รักแล้วย่อมกลายเป็นว่าไม่ใช่การทำงาน สนุกกับสิ่งที่รักแล้วสุดท้าย เงินก็จะเข้ามาเอง
.
การทำงานกินเงินเดือนก็คงไม่ต่างกัน เริ่มแรก ทำเพื่อเงิน เมื่อถึงจุดๆนึงมันจะกลายเป็น เราภาคภูมิใจมั้ย ที่ได้ทำมัน
.
ปล.โพสไว้ให้ FB มันแจ้งเตือนความคิดในปีต่อๆไป
มันเตือนแล้ว
รู้หรือไม่ ค่าแรงโน้มถ่วงของไทยคือ 9.78 ไม่ใช่ 9.81 m/s2
แรงโน้มถ่วง ถ้าคำนวณแบบง่ายตามสูตรของนิวตั้น โลกของเราจะมีแรงโน้มถ่วงประมาณ 9.81 m/s2 แต่เพราะว่า โลกของเราไม่ได้กลมดิ๊ก และโลกของเรามีการหมุน แรงโน้มถ่วงของโลกจะดุลกับแรงเหวี่ยงหนีศูนย์จากการหมุนของโลก ยิ่งเข้าใกล้เส้นศูนย์สูตร แรงโน้มถ่วงจะยิ่งน้อย ยิ่งเข้าใกล้ขั้วโลก แรงโน้มถ่วงจะยิ่งเยอะ ตรงนี้เอง แรงโน้มถ่วงของไทย เชียงใหม่จะหนักกว่าสงขลา (จะแอบเล่นมุขคนเชียงใหม่หนักแผ่นดินละ แต่เดี๋ยวมาม่า ว่าแต่พิมพ์ออกาทำไมวะ ไอ้ตาลุงนี่)
นอกจากเรื่องแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ แรงโน้มถ่วงยังมีการแปรผันจากระยะ ความลาดสูง เพราะความสูงจะเกี่ยวเนื่องด้วยรัศมีความห่างออกจากจุดศูนย์กลางของโลก ช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง ก็มีผลต่อการวัดแรงโน้มถ่วง ไม่ว่า จะเป็นการดุลด้วยแรงโดยตรง หรือการกระจายของมวลในพื้นที่ซึ่งทำให้แรงโน้มถ่วงเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อย
สำหรับข้อมูลการตรวจวัดด้วยสถานีวัดแรงโน้มถ่วงของไทย จะมี error อยู่ในช่วง 1 ในแสน ความละเอียดตรงนี้ ถ้าใช้ในชีวิตประจำวันก็คงไม่มีผลอะไร แต่สำหรับแลบการสอบวัดเทียบอุปกรณ์ทางมาตรวิทยา ค่าความเบี่ยงเบนของแรงโน้มถ่วงก็จะมีผล เมื่อเราจะสอบเทียบอุปกรณ์ไปสอบเทียบอุปกรณ์อื่นๆต่อไป
อ้างอิง
http://www.nimt.or.th/main/?p=21307
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ก่อนเกิดเหตุโศกนาฏกรรมล้อมฆ่านักศึกษาในเดือนตุลาคม 2519 สื่อและชนชั้นนำของไทยก็ทยอยออกข่าวลืออย่างต่อเนื่องเพื่อ “ป้ายสี” จนสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นมานานนับเดือน จนเร่งเร้าไปถึงจุดที่กล่าวหากันผ่านสื่อเอาดื้อ ๆ เลยว่าพวกนักศึกษาซ่องสุมกำลังเพื่อที่จะก่อการ “ล้มเจ้า” ... การล้อมปราบที่ธรรมศาสตร์และตามมาด้วยการสังหารหมู่จึงเกิดขึ้นในที่สุด ... การที่พวกเขาลากนักศึกษาศพแล้วศพเล่าออกมาที่สนามหลวงเพื่อแขวนคอและเอาลิ่มตอกอกจึงเกิดขึ้นได้ด้วยการถูกปลุกปั่นให้คลั่ง
.
เวลาผ่านไปหลายปี พวกเขากลับข้างมาเชิดชูวีรกรรมนักศึกษาที่เรียกร้องประชาธิปไตย เรียกกลุ่มนักศึกษาและฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยว่า “วีรชนเดือนตุลา” เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นมีแต่ความเกลียดจนพร้อมจะเห็นพวกเขาตายไปซะให้หมด
.
วันนี้มีคนกำลังใช้ลูกไม้เดิมเพื่อจะลากสังคมไปสู่สถานการณ์เดิมเพื่อเอาชนะให้ได้?
.
เมื่อมีคนเริ่มเรียกฝ่ายตรงข้ามว่าซ้ายแล้วสร้างความเกลียดชัง
ผมก็อยากจะขอให้ทำความเข้าใจการเกิดขึ้นของฝ่ายขวา
แล้วจะรู้ชัดว่าทำไมถึงมีฝ่ายซ้ายเกิดขึ้นตามมา
“เมื่อไม่เกิดขวา ก็ไม่มีซ้าย”
คำที่ว่ายิ่งเอาไปอ้างยิ่งลดความศักดิ์สิทธิ์
ยิ่งเอาไปโหนยิ่งมีแต่ความเสื่อมนั้นเป็นความจริง
คันปากยิบๆครับทั่น เดี๊ยนขอเมาท์ อิอิ ที่ออฟฟิศกูครับ รับพนักงานใหม่มา จริงๆ ก็ไม่ใหม่ละ รับมาทำงานพิเศษอาทิตย์ละ 3 วัน ตั้งแต่ตุลาปีแล้ว
แล้ว 1 เมษาที่ผ่านมา ก็มีกำหนดรับเป็นพนักงานประจำ
ฮีเป็นผู้ชายน่าจะสัก 25 ได้ ย้ายไปมาเลย์ ไปเมกาตามพ่อแม่ เรียนจบม.ปลายที่มาเลย์ ที่เมกาก็เรียนมหาลัยแต่คิดไม่เหมาะกับตัวเอง เลยออกกลางคัน แล้วกลับมาเรียนวิทยาลัยต่อที่ญี่ปุ่นจนจบ
ตอนแรกกะว่าขยันขันแข็งแน่นอน เจ้านายใจชื้นละ ให้กูมาเป็นพี่เลี้ยง เลี้ยงไปเลี้ยงมา.. อ่าว เชี่ย ไอ้นี่มันไม่ใช่ธรรมดาละ!!
สอนก็ไม่จด ถึงจดก็ไม่จำ พอไม่จำก็มาถามอีก ถามแล้วถามอีก ถามจนกูเบื่อตอบ 55555555
ให้เขียนเมล์หาลูกค้า เมล์เดียวแม่งเขียนนานม๊ากก คิดคำให้สละสลวย 10 นาที จัดช่องไฟอีกครึ่งชั่วโมง 555555555
แต่กระนั้นก็อดทนกันไป สอนๆๆ ฮีไม่ค่อยรับเอาเข้าสมองเลย เป็นคนไม่อดทน ไม่พยายาม ไม่มีระเบียบ ไม่จำไม่ปรับปรุง อันไหนผิดก็ผิดที่เดิมอยู่ฮั่นแหละ โอ้ย กูเหนื่อยใจมาก กูเลยโยนขี้ไปให้เจ้านาย!! เอาฮีไปสอนทีค่ะ เดี๊ยนไม่ไหวแล้วค่า เบิ้ดคำสิเว่า 5555555
เจ้านายสอนได้ 2 อาทิตย์ ไม่รอดเช่นกัน โยนขี้ไปให้เจ๊หัวหน้าอีกคนนึงซะงั้น!! 5555555
เจ๊ก็ท่าจะไม่ไหว จ้ำจี้จ้ำไช สอนไม่จำ บางทีก็มีโมโห มีวีนบ้าง (แต่อย่าว่าเจ๊ กูโคตรเข้าใจความวีนนี้)
เจ๊สอนอยู่ 2 เดือน เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ฮีบอกเจ๊ ไม่ไหวละ ทำไมต้องเข้มงวด ต้องโมโห ต้องอะไรขนาดนี้ด้วย (เอ๊า!! ทำานนะไม่ได้เล่นขายของ ก็ต้องเข้มงวดสิวะ)
ฮีบอก ทนไม่ไหวแล้ว ขอเวลาหน่อยได้มั้ย ขอหยุดงานสัก 3 วัน เอ๊าาาาา!! มีงี้ด้วยเว้ยย เงิบกันทั้งออฟฟิศ 5555555
เจ้านายรู้เรื่องปั๊บ งงแตกจ้าา 555555 แต่ก็ยอมให้หยุดงานไปก่อน เอ็งไปพักผ่อน ไปคิดทบทวนอะไรคนเดียวไป วันจันทร์ (1 เมษา) ค่อยมาคุยกันใหม่ แล้วฮีก็หยุดไปเลยจ้าาา 5555555
แต่ดีนะฮียังกลับมา นึกว่าจะชิ่งซะละ
ไม่รู้จะเป็นยังไงต่อไป ต้องติดตามกันต่อปายยย ฮี่ๆๆ
มึงเอ้ย บอกเลย กูนี่เงิบมาก เคยได้ยินมาบ้างว่า เด็กญี่ปุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยสู้งาน ไม่อดทน ไม่พยายามเหมือนคนญี่ปุ่นสมัยก่อน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรไง แต่พอมาเจอแบบนี้นะมึงเอ๊ยยย!! กูบอกเลย กูโคตรเชื่อละ 5555555
นี่ขนาดบริษัทกูนุ่มนิ่มอ่อนด๋อยขนาดนี้ เอ็งยังทนไม่ได้ บริษัทอื่นเอ็งก็ไม่น่ารอดละมั้ยเฮ้ย 55555
ป.ล. แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนดีๆ ขยันขันแข็งไม่มีนะ แต่บังเอิญบริษัทกูดันเจอแบบนี้ว่ะ นี่เจ้านายเครียดมาก ว่าจะทำยังไงกับฮีดี ไม่เคยสงสารเจ้านายขนาดนี้ก่อน โถ่...
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
A "ตำแหน่งผบ.ทบ. เป็นตำแหน่งโปรดเกล้า ถอดถอนไม่ได้"
B "อ้าว แล้วทำไมตำแหน่งนายก รัฐมนตรี ถอดถอนได้?"
A "มันไม่เหมือนกัน"
B "ไม่เหมือนกันยังไง ก็เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเหมือนกัน"
A "เพราะเป็นตำแหน่งโปรดเกล้า ที่ต่างกัน"
B "ต่างกันยังไง ประธานสภาเสนอชื่อนายก ทูลเกล้า ในหลวงโปรดเกล้า รัฐมนตรีกลาโหมเสนอชื่อ ผบ.เหล่าทัพ นายกเซนต์ เสนอทูลเกล้า ในหลวงโปรดเกล้า ขั้นตอนเหมือนกัน แล้วต่างกันตรงไหน"
A "..มันต่างกัน"
B "อ้าวแล้วมันต่างกันยังไงล่ะเฮ้ย!"
A "พวกมึงมันล้มเจ้า!"
B (เออ สนทนากันยังไง ก็กลับมาลงท้ายที่คำเดิมจนได้)
ข้อคิดที่ได้จากการทำงานมาครบ 10 ปี
1. วิธีการขึ้นเงินเดือนที่เร็วที่สุดคือการย้ายงาน ไม่ใช่ขึ้นตำแหน่งในบริษัทเดิม
2. ครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด บริษัทไม่รักคุณเท่าครอบครัวของคุณหรอก
3. อย่าทำงานจนละเลยสุขภาพของตัวเอง
4. ไอ้คนที่พูดแต่เรื่องให้คุณเสียสละทุกอย่าง ถวายตัวกับงาน office คือบ้าน ต้องกลับดึก ฯลฯ , พูดเรื่อง company loyalty/spirit/team work ซ้ำไปซ้ำมา คือคนที่หลอกใช้คุณเพื่อความเจริญของเขาเอง
5. คนที่เจริญได้เพราะนำเสนอ+ทำ powerpoint+สรุปงานเก่ง แต่ทำงานไม่ได้เรื่องเหี้ยอะไรเลยมีอยู่จริง คุณเหนือกว่าพวกเค้าได้ด้วยการทำงานให้เก่งด้วย+present ตัวเองเก่งด้วย
6. ควรเก็บออมเงินตั้งแต่ปีแรกของการทำงาน เพราะปีแรกของการทำงานคุณจะสนุกกับการใช้เงินจนลืมเก็บตังค์
7. ผมเคยทำงานแบบถวายหัวชนิดทิ้งทุกอย่าง ทิ้งบ้านทิ้งครอบครัว ทิ้งเพื่อนฝูง เพื่องาน เพื่อลูกค้า เพื่อบริษัท สุดท้ายผมก็ได้เรียนรู้ว่าผลตอบแทนที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นเงิน ลมปาก เหล้า-เบียร์ฟรี ข้าวฟรี มันชดเชยสิ่งที่ผมเสียไปไม่ได้เลย
8. ตอนคุณไปคุยเรื่องขอลาออก ถ้าเค้า offer ตำแหน่งให้ถ้าคุณอยู่ต่อ นั่นเป็นเรื่องโกหก 100% คุณอยู่ต่อคุณก็ไม่ได้ขึ้นตำแหน่งหรอก
9. ความสามารถในการขวนขวายหาความรู้ด้วยตัวเองและกล้าที่จะลองผิดลองถูก จะช่วยให้คุณไปได้ไกลกว่าไอ้พวกงอมืองอเท้ารอคนอื่นมาสอน
10. เพื่อนร่วมงานมีทั้ง “เพื่อน” และ “คนรู้จัก” อย่าไปขาดหวังว่าทุกคนจะเป็นเพื่อนที่จริงใจกับคุณ
11. จงพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ นอกเหนือจากอะไรที่เกี่ยวกับงานที่คุณทำอยู่เสมอ หลายๆ อย่างที่คุณไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับงาน มันสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานได้
12. ภาษาอังกฤษสำคัญมาก
13. จงใช้วันลาพักร้อนให้เต็มที่ อย่าเกรงใจ มันเป็นสิทธิ์ของคุณ
14. ความอดทน ใจเย็น สำคัญมาก จงหัดทำหน้ายิ้มแต่ด่าไอ้เห้ในใจไว้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
บทสัมภาษณ์
นาย ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นพูดถึงพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นักข่าว:ポラユットはプッシー顔ですか。
(ท่านรู้จักพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช่ไหมคะ)
อาเบะ:はい、そうです。
(ใช่ครับ ผมรู้จัก)
นักข่าว:ポラユットが好きですか。
(ท่านชอบเค้าไหมคะ)
อาเบะ:いいえ、好きじゃない。たくさん嫌いです。
(ชอบครับ ชอบมากเลยด้วย ผมว่าเค้าเป็นคนเท่สุดๆเลย)
นักข่าว:ああ、ポラユットはナーヒーマグマグカ、イークアイ、いいそんてぃん。何ですか。
(ท่านคิดอย่างไรกับพลเอกประยุทธ์ คะ)
อาเบะ:だから、ポラユットはひゃまぐまぐ。ロアクタンな、まんごうごんこんうん。
(แน่นอน ผมชอบเค้า เค้าคือคนดี คือทหาร ที่เสียสละ ยอมเป็นตัวร้ายให้คนบางกลุ่มเกลียดชัง เพื่อให้บ้านเมืองที่เค้ารักสงบสุข)
นักข่าว:わあ、すごいね。アイナーヒー、ポラユットかな。あのう. . . . ポラユットはナーダンーかしらね。
(คำถามสุดท้ายนี้ ท่านคิดว่า ประเทศไทยพัฒนาด้านใดบ้างภายใต้การดูแลของพลเอกประยุทธ์ คะ)
อาเบะ:ええ、ポラユットはナーヒーマグマグれい。そして、じゃんらいもホアクオイもこんひああらいナーダンシブハアイ。王様まゆぇっど、くおいです。
(ตอบง่ายมากๆ ทั้งด้านการเกษตร คมนาคม สมัชชาอาเซียน เทคโนโลยี ภาษา ที่พัฒนาได้เพราะเค้าเป็นคนที่เก่ง ฉลาด และที่สำคัญที่สุด เค้าคือคนที่รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เหนือสิ่งอื่นใด)
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
รู้ยุ่นแค่งูๆปลาๆแต่เสือกอยากอวดฉลาดทำเป็นพิมพ์แซะ โชว์โง่แท้ๆเลยไอ้นี่
ถ้าด่าเป็นยุ่นจริงๆกูไม่ว่าหรอกว่าอวดฉลาด เสือกพิมพ์ออกมาเป็นคาราโอเกะแถมคำด่าโคตรปัญญาอ่อน
แดก muesli เป็นข้าวเช้าแล้วขี้คล่องดีหวะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
‼️ เตือนภัย ‼️ หลังจากที่ผมสังเกตุการณ์มาหลายเดือน นับตั้งแต่พรรคอนาคตไหม้ตั้งขึ้นมา ผมได้ไปศึกษาหาความจริงเกี่ยวกับพรรคนี้จนได้รู้ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังนายปิยบุตร นั่นก็คือพวกขบวนการล้มเจ้าที่อยู่ต่างแดน นำโดย นายสมศักดิ์ เจียม อดีตอาจารย์ มธ. ผู้ต้องหาคดี 112 ที่ได้รับผลกรรมนอนเป็นผักอยู่ฝรั่งเศษในตอนนี้ 👏👏
‼️ มีรูปภาพปรากฏมากมายที่ ปิยบุตรอยู่กับขบวนการล้มเจ้าเหล่านี้ นั่นก็เดาได้ไม่ยากแล้วว่าปิยบุตรต้องการจัดตั้งพรรคอนาคตไหม้ร่วมกับไอ้เจ๊กกบฏเพื่อต้องการล้างสมองเด็กรุ่นใหม่ ที่กำลังเห่อการเลือกตั้งครั้งแรกให้มาเป็นพรรคพวกเพื่อปลุกระดมเด็กไร้เดียงสาพวกนี้ ออกมาป่วนบ้านป่วนเมือง ทำตัวไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ตามด่าลุงตู่ ตามด่าทหารที่รักษาบ้านเมือง และมีแผนที่จะล้มล้างการปกครอง ❌❌
ไม่พอปวิน ผู้ต้องหา 112 ที่หลบหนีอยู่ญี่ปุ่นได้โพสว่าตนนั้นขณะหนี ธนาธรเอาเรือหางยาวมารับตรงท่าน้ำสี่พระยา แล้วออกเรือตอนตี 1 ฝนตกหนัก ระหว่างนั่งเรือออกอ่าวไทยตรงไปปอยเปต ในขณะปวินนั่งตากฝนร้องไห้ในเรือ แล้วไอ้ธนาธรก็กอดไปตลอดทาง (น่าจะกิ๊กกัน) เมื่อถึงปอยเปตแล้ว ธนาธรก็พาขี้นเรืออีกลำ หนีไปญี่ปุ่น กว่าจะถึงท่าเรือโกเบ ก็อีก 5 วันถัดมา ที่เล่ามานี่ก็เพราะต้องการอธิบายว่า ทำไมธนาธรจึงโดนข้อหาให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาคดีศาล ปวินโพสออกมาแบบนี้ ก็ชัดเจนแล้ว ว่าพรรคอนาคตไหม้ เกี่ยวข้องกับขบวนล้มเจ้า 👎👎
‼️ และผมยังได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า พรรคอนาคตไหม้และขบวนการล้มเจ้านั้นมีส่วนรู้เห็นในองกรค์ต่างชาติ illuminati ที่อยู่คอยบงการเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ บนโลก ซึ่งชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายคือคนรุ่นใหม่ ตามคลิปเสียงที่หลุดออกมาธนาธรกล่าวว่า "เด็กๆ เนี่ยคุยง่าย หลอกง่าย" ดังนั้นเราควรเตือนลูกหลานของเราไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการล้างสมองครั้งนี้ !!!
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พรรคอนาคตใหม่ มีความเกี่ยวข้องกับ นาซีเยอรมัน
หลายคนอ่านหัวข้อแล้วอาจจะสงสัย
องค์กรนาซีมันล่มสลายไปแล้วนะ พรรคอนาคตใหม่จะไปมีความเกี่ยวข้องได้ยังไงกัน?
จริงอยู่ ที่องค์กรนาซี ได้ล่มสลายลงไปแล้วตั้งแต่สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่2
แต่รู้หรือไม่ว่า...
หลังจากที่องค์กรนาซีล่มสลายไป ยังมีคนขององค์กรอยู่ส่วนหนึ่ง ที่ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ได้ร่วมมือกันจัดตั้งองค์กรลับๆขึ้น โดยใช้ชื่อว่า "องค์กรลับนาซี โอเดสซ่า" เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของท่านผู้นำอย่าง ฮิตเลอร์ และ มุสโสลินี ต่อไป
จนปัจจุบัน แม้จะผ่านมาหลายชั่วอายุคน แต่องค์กรนี้ก็ยังคงดำรงอยู่...
แล้วพรรคอนาคตใหม่ไปเกี่ยวข้องกับองค์กรนี้ได้อย่างไร?
แทบไม่ต้องสังเกตเลยว่า นายธนาธร กับ นายปิยบุตร แกนนำของพรรคอนาคตใหม่ มีเงาของ ฮิตเลอร์ และ มุสโสลินี หัวหน้าขององค์กรนาซี อยู่อย่างเห็นได้ชัด จนแทบจะเรียกว่ากลับชาติมาเกิดก็ได้เลยทีเดียว
เพราะทัศนวิสัยน์ของสี่คนนี้ช่างเหมือนกันเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นในด้าน อุดมการณ์ทางการเมือง แนวคิดเรื่องชาติ ศาสนา เรื่องชาติพันธุ์ จวบจนไปถึงเรื่องของการจาบจ้วงและล้มล้างสถาบันฯ อย่างที่ฮิตเลอร์และมุสโสลินี ได้เคยแสดงและกระทำออกมาให้เห็นอยู่ในประวัติศาสตร์
...แต่นั่นคงจะเป็นหลักฐานมัดตัวไม่ได้ ว่าพรรคอนาคตใหม่มีความเกี่ยวข้องจริง...
หลักฐานที่เราสืบหามาได้ก็คือ...
นายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีชื่ออยู่ในหุ้นบริษัท "Sputnix" บริษัทดาวเทียมขนาดใหญ่ของรัสเซีย และยังเป็นบริษัทที่เคยมีข่าวลือว่า เป็นบริษัทที่ปล่อยคลื่นสัญญาณควบคุมสมอง จากดาวเทียมของบริษัทตนเองที่อยู่นอกโลกลงมายังเมืองซีเรีย เพื่อทดลองการควบคุมสมองมนุษย์ด้วยการแผ่รังสีอีกด้วย
แล้วเกี่ยวข้องกับองค์กรนาซีอย่างไร?
องค์กรลับนาซี โอเดสซ่า นี่แหละ คือองค์กรที่ขึ้นชื่อ เรื่องการทดลองพลังจิตและการควบคุมจิตใจของมนุษย์และสัตว์ ที่สุด
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่2 ประเทศรัสเซีย คือหนึ่งในพันธมิตรใหญ่ของนาซีเยอรมัน คอยช่วยทั้งด้านการรบ กำลังพลทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ เสบียงอาหารและยารักษาโรค
ทำให้เราอดคิดไม่ได้เลยว่า การทดลองการแผ่รังสีเพื่อควบคุมสมองมนุษย์ของรัสเซียนั้น เกี่ยวข้องกับองค์กรนาซี อย่างแน่นอน
กลับมาที่พรรคอนาคตใหม่ ในกระแส "ฟ้ารักพ่อ" และ "กองทัพเด็กรุ่นใหม่" ที่ออกมาโจมตีคนที่กล่าวว่านายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่อย่างก้าวร้าวในโลกโซเชี่ยล
เราบอกได้เลยว่า กองทัพเด็กรุ่นใหม่ พวกนี้แหละ คือเหล่าคนที่ถูกควบคุมสมอง โดย คลื่นสัญญาณควบคุมสมอง หรือ คลื่นสัญญาณV2K ที่ยิงรังสีจากนอกโลกลงมายังโทรศัพท์มือถือของเหล่าเด็กรุ่นใหม่ ทำให้เมื่อเหล่าคนรุ่นใหม่ใช้งานโทรศัพท์มือถือ คลื่นสัญญาณV2Kจะทำงาน และทำการกรัดกร่อนจิตใจไปเรื่อยๆตลอดระยะเวลาที่ใช้งานโทรศัพท์มือถืแ และนอกจากนั้นในคลื่นสัญญาณV2K ยังมีการใส่ข้อมูลปลูกฝัง แนวคิดด้านต่างๆของพรรคอนาคตใหม่ลงไปอีกด้วย
ทำให้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย ที่เมื่อเหล่าเด็กรุ่นใหม่ออกมาโจมตีคนเห็นต่างทางโลกโซเชี่ยล ตรรกะความคิด จะเป็นไปแบบเดียวกันหมด
แนวคิดหนึ่งของพรรคอนาคตใหม่และองค์กรนาซี ที่น่ากลัวเป็นอย่างมากๆเลยก็คือ "แนวคิดด้านชาติพันธ์"
เคยสังเกตกันไหม คนรุ่นใหม่ที่ออกมาโจมตีคนเห็นต่าง จะมีแต่คนที่อาศัยอยู่ในภาคกลางทั้งสิ้น
นี่แหละ คือแนวคิดด้านชาติพันธ์ุ ที่ปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่เหยียดชาติพันธ์ุอื่นๆ ที่ไม่ใช่คนภาคกลาง ไม่ว่าจะเป็น ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคตะวันออกและภาคใต้ คนที่เป็นชาติพันธ์ุเหล่านี้ ต่างถูกเกลียดชังโดยคนรุ่นใหม่ที่ถูกล้างสมอง
ถ้าเรายังไม่หยุดเรื่องนี้ ผมไม่อยากจะคิดเลยครับ
ว่าถ้าหากวันหนึ่ง เด็กรุ่นใหม่ที่โดนล้างสมอง ลุกขึ้นมาหยิบปืน ไล่ยิง ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุทุกคนที่ไม่ใช่คนภาคกลาง มันจะน่ากลัวขนาดไหน
#ให้พรรคอนาคตใหม่เป็นรัฐบาลไม่ได้เด็ดขาด
#หยุดการทดลองการล้างสมอง #หยุดการทดลองการควบคุมจิตใจ
#SaveNewGene
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Fun fact: Jesus Christ's real name, if it were put into a more modern format, would be Joshua Josephson. Jesus was a Jojo.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สำหรับน้องๆรุ่นหลังที่ไม่ทันพรี่ๆ ขอแนะนำคีย์เวิร์ดให้ไปตามค้นต่อนะคับ
- พี่รู้พี่มันเลว
- เค้กริมสระ
- คิดถึงยอดหทัยใจจะขาด
แล้วน้องจะเข้าใจว่าทำไมพรี่ๆถึงกรอกตา บึนปาก มองบนมานานแบ้วววว
ยอมก้มหัวให้มาเฟียกันเองนี่ ตอนมาเฟียเป็นคนดีบ้านเมืองมันก็ยังพอไปได้ แต่ถ้ามาเฟียเป็นคนบ้าก็นับวันรอความฉิบหายมาเยือน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ดึกแล้ว เล่าเรื่อง SEX
สารภาพบาป เมื่อวันที่ 1 เมษาที่ผ่านมา มีเพื่อนชายแท้ ชวนไปเซ็กส์หมู่ โดยอีกฝ่ายเป็น ผู้หญิง กับผัวนางซึ่งเป็นไบ?
คือ ผู้หญิงเนี่ยอยากโดนเพื่อนกูที่เป็นชายแท้เอา แล้วก็อยากหาเกย์สักคน มาเอาผัวนางซึ่งเป็นไบ แบบว่า นางอยากดูผัวตัวเองโดนเอาอ่ะมึง
เพื่อนกูก็เลยชวนกูไง ซึ่งกูก็ตอบตกลง เพราะไม่เคยลอง อยากลอง แบบว่าช่วงนี้ดูหนังเกย์แนวไบบ่อยๆพอดี ฝ่ายผู้หญิงก็นัดวันเวลาสถานที่เสร็จสรรพ
ทีนี้ พอเวลาผ่านไป ใกล้ถึงเวลานัด กูนั่งรออยู่กับเพื่อนชายแท้อยู่ในร้านอาหาร กูก็เริ่มปอดไง คือกังวลใจมากว่าจะทำไม่สำเร็จ คือให้รุกผัวนางอ่ะไม่มีปัญหา แต่กลัวไม่แข็ง เพราะมีผู้หญิงอยู่ในห้องด้วย
แล้วยิ่งถ้าเกิดฝ่ายเมียเสือกเกิดอยากตีซี้กับเกย์ แบบพวกพนักงานร้าน Boot วัตสัน คือทำท่าแรดๆ เสียงแรดๆ พูดว่า "คุณพี่ขาาาา ตัวเองงงง" กูควยหดเลยนะ
นึกภาพออกไหม สมมุติกูเอาๆผัวนางอยู่ แล้วนางเสือกทักขึ้นมาว่า "ว้าย เข้าไปได้ยังไงอ่ะ ตัวเองงง เสียวไหมอ่าาา นี่นี่ ตัวเองชอบผัวเค้าไหม" อีเหี้ย กูกลับบ้านเลยนะ
ทีนี้ ยิ่งใกล้เวลานัด กูยิ่งกังวลขึ้นเรื่อยๆ ขนาดกูเตรียมไวอากร้ากับห่วงรัดควยมาด้วยแล้วนะ ก็ยังไม่หายกังวล
ยิ่งเพื่อนเอาภาพผู้หญิงคนนี้มาให้ดู โอ้ย สภาพนางตรงกับที่กูกลัวมาก คือ ดูเป็นผู้หญิงแรงๆ แรดๆ ช่างพูด จริงๆด้วย
ระหว่างรอ กูก็สองจิตสองใจ ใจหนึ่ง อยากบอกเพือนว่า แคนเซิลเหอะ แต่อีกใจก็อยากทดสอบตัวเอง ว่าสามารถทำแบบในหนังไบได้ไหม
ปรากฏว่า พอถึงเวลานัด อีผัวเมียคู่นี้เทจ้า! ไม่มาตามนัด! เงียบหายไปเลย ติดต่อไม่ได้
กลายเป็นว่า แทนที่กูจะเสียดาย หรือโกรธ กูกลับโล่งอกว่ะ ดีใจเหี้ยๆที่พวกนางเป็นฝ่ายเบี้ยวนัดเอง เพราะถ้ากูทำไม่สำเร็จ มันจะกลายเป็นจุดด่างพร้อยในจิตใจ เป็นปมในใจกูเลยนะ
ถ้าถามว่า ถ้ามีครั้งหน้าอีก กูจะไปไหม คงไม่เอาแล้วล่ะ ประสาทจะเสีย นอกเสียจาก คู่ผัวเมียจะรูปร่างหน้าตาบุคลิกเหมือนในหนังโป๊ที่ดูเป๊ะๆ ถึงจะลองไปดู ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะลุคแบบนั้น จริงป่ะ
+ก่อนปาหินใคร เราตอบคำถามพระเยซูหรือยัง+
ยน 8:3-11
บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนำหญิงคนหนึ่งเข้ามา หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางยืนตรงกลาง แล้วทูลถามพระองค์ว่า "อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร" เขาถามพระองค์เช่นนี้ เพื่อทดลองพระองค์ หวังจะหาเหตุปรักปรำพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดินa เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า "ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด" แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า "นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ" หญิงคนนั้นทูลตอบว่า "ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า" พระเยซูเจ้าตรัสว่า "เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก"
-----------------------------------------------
เหตุการณ์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลตอนนี้ เป็นตอนหนึ่งที่โด่งดังและรู้จักกันอย่างดีในหมู่ผู้ศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิ้ล พื้นหลังของเรืื่องนี้ คือบัญญัติของโมเสส ที่ระบุว่า ผู้ผิดประเวณีจะต้องโดนลงโทษโดยเอาหินทุ่ม
เราทราบจากเนื้อหาของพระคัมภีร์ว่า หญิงคนนี้ถูกจับแบบคาหนังคาเขาขณะกำลังผิดประเวณี
แต่น่าประหลาดอย่างยิ่งที่เรารู้ว่าการผิดประเวณีประกอบด้วยคน2คนร่วมกันทำ แต่กลับมีผู้หญิงเท่านั้นที่ถูกจับมาลงโทษในครั้งนี้ ผู้ชายที่ร่วมผิดกับเธอหายไปไหน
นี่คือการ 2 มาตรฐาน และเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน ที่น่าอัศจรรย์ใจเข้าไปอีกคือ แม้ทุกวันนี้ ผ่านมาถึง 2000 ปี ผู้คนในสังคมส่วนมาก ยังคงลงโทษผู้หญิงในเรื่องนี้หนักกว่าชาย
ทุกวันนี้ยังมียังการใช้คำด่าผู้หญิงที่ส่อเสียดทางเพศมากมาย เช่น กระหรี่ ดอกท-ง ร่าน แรด ฯลฯ ทั้งที่ปัจจุบัน เราทราบดีว่ามีโสเภณีชายมานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีใครเอาอาชีพโสเภณีไปด่าผู้ชาย สังคมยังยกย่องชายเจ้าชู้หรือมีแฟนหลายคนว่าเก่งกาจ แต่ยังคงคำด่าว่า ร่าน ไว้สำหรับผู้หญิงเท่านั้น
นี่คือความอยุติธรรม และความไม่เท่าเทียมของสังคมมนุษย์ ที่สามารถดำเนินผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานเป็นหลักพันปี
พรเยซูคริสต์ ได้ก้าวหน้าล้ำล่วงหน้าไปกว่า 2000 ปี ในยุคสมัยที่การลงโทษหญิงด้วยเรื่องทางเพศคือการผดุงไว้ซึ่งความดีงาม พระเยซุได้มอบความเท่าเทียมอันหนึ่งแก่สตรีคนนี้ ไม่ใช่ความเท่าเทียมในการทำบาปได้เท่ากัน แต่มอบความเท่าเทียมในการได้รับ โอกาส สิทธิ การให้อภัย และ การถูกปฏิบัติในฐานะมนุษย์ ที่เท่ากัน พระองค์ให้โอกาสเธอกลับมายืนและดำรงชีวิตในสังคมได้อีกครั้งในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
เหนือไปกว่านั้น พระองค์ได้ทิ้งคำถามที่สำคัญไว้กับสังคมที่ชอบตัดสินลงโทษผู้คน คือ "ใครไม่มีบาป" พระองค์ไม่ได้บอกว่าใครบาปน้อยกว่า กล่าวโทษคนอื่นได้ หรือถ้าไม่เคยทำบาปแบบเดียวกันให้กล่าวโทษได้ แต่พระองค์ถามว่า "ใครที่ไม่มีบาป เอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกได้เลย"
ดังนั้น เราอาจต้องถามตัวเองบ่อยๆว่า ก่อนที่เราจะปาหินใส่คนอื่นไปนั้น ในวันสุดท้ายของการพิพากษาชีวิต จะมีหินกี่ก้อนที่ลอยกลับมาหาเราบ้าง
จำได้ว่าหลายปีที่แล้วเคยอ่านตำราบริหารจีนเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นตำราบริหารที่เก่าแก่
มีบทหนึ่งเขาสอนว่า ให้บริหารโดยการตรากฎให้ทุกคนในทีมสามารถเข้าข่ายมีความผิดได้ มีชนักปักหลัง
หนังสือเล่มนั้น เขายกตัวอย่างว่า มีพนักงานคนหนึ่ง คุณจิน คุณจินเป็นพนักงานที่ทำงานดีซื่อตรงมาตลอด วันหนึ่งคุณจินต้องทำติดต่อดีลกับลูกค้าซึ่งเป็นกรณีที่หมิ่นเหม่กับการผิดกฎของบริษัทที่ตราไว้ในสัญญาจ้าง คุณเฉินที่เป็น เจ้านายก็บอกว่า ไม่เป็นไร ที่คุณทำนะไม่ผิดหรอก เพราะกฎนี้ถ้าคุณอ่านดีๆ ที่คุณทำมันไม่เข้าข่ายนะ คุณจินก็สบายใจ การรันดีลนั้นไปตามที่คุณเฉินว่า บริษัทก็ได้ประโยชน์จากดีลนี้
หลายปีถัดมา คุณจินลาออก ไปทำงานให้บริษัทอื่น ตอนหลังผ่านไปอีก 2 ปี บริษัทนั้นได้เปิดแผนกใหม่ เป็นคู่แข่งกับบริษัทเก่า คุณเฉินจึงเก็บเรื่องนี้ไว้ จึงได้ทำการส่งจดหมายไปหาคุณจิน ว่าดีลที่คุณเคยทำไว้ที่บริษัทเดิม มันผิดกฎสัญญา และถ้าคุณยังคิดจะช่วยเหลือบริษัทใหม่ในการสร้างแผนกที่เป็นคู่แข่งบริษัท ผมจะเอาเรื่อง
ผมว่าวิธีบริหารแบบนี้มันน่าเกลียด แล้วเราควรจะเลิกใช้กันได้แล้ว มันเป็นเทคนิคบริหารคนของผู้บริหารยุคก่อน ที่ผมขอกาทิ้งและไม่สืบต่อ ส่วนใครที่เจอก็ขอให้รู้เท่าทันมันไว้ละกัน เพราะอ่านข่าวบริหารบ้านเมืองทีไร ก็เห็นคนหลายคน เลือกใช้เทคนิคนี้เยอะเหลือเกิน เยอะเกินไป เยอะจนทุกคนขยับตัวอะไรไม่ได้
คุณลองเป็นคุณจิน หัวหน้าบอกว่าให้รันดีลให้บริษัท คุณไม่ผิดหรอก แต่ทำไปมีชนักปักหลัง ถามว่าถ้าคุณจินจริงใจกับบริษัทและมีความสามารถพอที่จะสร้างดีล เขาก็มีความผิดติดตัวไปทั้งชีวิต
แต่ถ้าเขาเสือสิงห์กระทิงแรดพอที่จะปักชนักใส่คุณเฉินคืนเพื่อให้ตัวเองรอด หรือเขาไร้ความสามารถที่จะย้ายบริษัทได้ เขาก็ไม่มีความผิดอะไรอยู่ได้เรื่อยๆ
การบริหารแบบนี้มันมีแต่จะขับไล่คนที่จริงใจและมีความสามารถ และเลี้ยงเสือสิงห์กระทิงแรดไว้ในองค์กร แล้วเราก็มานั่งงงว่าทำไมคนมีอำนาจถึงมีแต่พวกไร้ความสามารถไม่ก็พวกเก่งแต่ไม่ซื่อตรง... จริงๆ ก็ไม่น่างงเท่าไหร่
ขุมนรกสำหรับผู้ไม่เอาศาสนา
ผู้ได้รับศาสนาพุทธมาแต่กำเนิด แต่มาเลิกนับถือในภายหลัง จะต้องตกนรกในขุมที่เรียกว่า อศาสนมหากกทะโลกันตร์
เป็นขุมนรกที่วิญญาณที่ต้องโทษ จะมีร่างกายบิดเบี้ยว แขนขวาสลับแขนซ้าย บ้างแขนก็สลับที่กับขา ดวงตาสลับที่กับจมูก และจะมีนายนิรยบาล คอยถืออีดาบ มาสับแขนสับขาจนกว่าจะละเอียดหรือขาดใจตายไปก่อน เวียนอยู่แบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่าจะหมดกรรม
ผู้ได้รับศาสนาคริสต์มาแต่กำเนิด แต่มาเลิกนับถือในภายหลัง จะต้องตกนรกในขุมที่เรียกว่า ฟลัดเกทโฮลด์
เป็นขุมนรกที่ร้อนระอุ วิญญาณที่ได้รับโทษในขุมนรกนี้จะต้องเต้นระบำบนพื้นที่ปูด้วยถ่านร้อนไปตลอดชีวิต ถึงแม้จะเหนื่อยก็ต้องเต้นไปเรื่อยๆห้ามหยุดจนกว่าจะตาย หากมีผู้ใดที่กล้าหยุดเต้น ยมฑูตที่ดูแลจะเอาถ่านร้อนๆยัดใส่ปากวิญญาณตนนั้น จนตัวระเบิดตาย เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดกรรม
ผู้ได้รับศาสนาอิสลามมาแต่กำเนิด แต่มาเลิกนับถือในภายหลัง จะต้องตกนรกในขุมที่เรียกว่า หรุกห์ขญิณฮอฺ
เป็นขุมนรกที่วิญญาณที่ต้องโทษ จะตามืดบอด มองวิสัยทัศน์รอบๆไม่เห็น วิญญาณจะต้องเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไม่สามารถหยุดหรือเดินถอยหลังได้ หากมีวิญญาณตนใดเดินไปแล้วชนกับวิญญาณตนอื่น วิญญาณที่ชนกันนั้นจะมีอาการคันขยุกเจ็บเหมือนโดนมดคันไฟกัดไปทั่วร่างกาย แต่ไม่สามารถเกาได้ เป็นแบบนี้ไปตลอดกาล ไม่มีวันได้ผุดได้เกิด
และนี้คือบทลงโทษสำหรับวิญญาณที่ตอนมีชีวิต ประกาศตนเป็นพวกนอกรีต ไม่เอาลัทธิความเชื่อทางศาสนา
รู้แบบนี้แล้วจะเปลี่ยนใจกลับมาเป็นคนดีรึยัง?
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การเรียกคนที่เปลี่ยงข้างกระทันหันหรือกระทำการใดๆ ทำให้ฝ่ายเดียวกันต้องเจ็บช้ำน้ำใจนั้นว่า "งูเห่า" มันลดทอนความเป็นมนุษย์มากๆ อ่ะครับ
น่าเปลี่ยนจากงูเห่าเป็น "มนุษย์ที่มีหัวจิตหัวใจเอนไหวไปตามมูลค่าของเงิน" แทน
#ช่วงบัญญัติคำศัพท์กับพี่โจว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คิดว่าคนไทยอยากจะเป็นแบบพันท้ายนรสิงห์ หรือ ศรีธนญชัย มากกว่ากัน?
ลองพิจารณาถึงเรื่องเล่าซึ่งใช้ให้คำสอนบางอย่าง
ทุกประเทศย่อมมีเรื่องเล่าประเภทนี้ เป็นตำนานวีรบุรุษซึ่งใช้สอนใจ เรื่องเล่าพวกนี้ติดเป็นวาทกรรมซึ่งสร้างระบบความคิด การมองโลก การตัดสินใจ ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมต่างๆของคนในสังคมโดยไม่รู้ตัว
เรื่องเล่าสอนใจแบบพื้นฐานมีลักษณะเรียบง่ายคือ มีตัวอย่างที่ไม่ดี ทำบางอย่างที่ไม่ดี และได้ผลที่ไม่ดีตามมา ส่วนตัวอย่างที่ดี ทำเรื่องดี และได้ผลดีตามมา
แต่พันท้ายนรสิงห์ เป็นเรื่องเล่าที่ซับซ้อนกว่า คือไม่อยู่ในโครงสร้างง่ายๆ ที่ทำดีแล้วได้ดี
พันท้ายนรสิงห์เป็นเรื่องของคนคัดท้ายเรือพระที่นั่ง (ทำหน้าที่หักเลี้ยวเรือ) ปรากฎว่ากระแสน้ำเชี่ยวมาก พันท้ายนรสิงห์แก้ไขได้ แต่ตัวหัวเรือกระแทกกิ่งไม้จนหัก ตกลงน้ำ
โทษนี้คือต้องถูกประหารด้วยการตัดคอ
ในเรื่องกษัตริย์คือพระเจ้าเสือมีพระเมตตา รับสั่งยกโทษ
แต่พันท้ายนรสิงห์ยืนยันให้ลงโทษ เพราะกฎหมายจะต้องเป็นกฎหมาย พระเจ้าเสือจึงสั่งให้ทำรูปปั่นมาตัดคอแทน
แต่พันท้ายนรสิงห์ยังยืนยันให้ลงโทษอยู่ เขาไม่ยอมรับการเล่นลิ้นเพื่อให้ตัวเองรอด พระเจ้าเสือจึงจำใจลงโทษ
พันท้ายนรสิงห์จึงได้รับการยกย่องว่าสัตย์ซื่อจริงๆ
เรื่องเล่าที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงคือ ศรีธนญชัย
มีเรื่องที่ ศรีธนญชัย ทำผิดประจำ ตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งกษัตริย์เตรียมทัพไปรบ และสั่งให้ขุนนางทุกคน "มาก่อนไก่" (คือก่อนไก่ขัน)
ศรีธนญชัยไม่อยากไปรบ ก็เลยนอนยาว
พอกษัตริย์กลับมาถามว่า ศรีธนญชัยทำไมไม่มา ปรากฎว่าศรีธนญชัย ก็จูงไก่ตามมาเข้าเฝ้า แล้วบอกว่า "พระองค์สั่งให้มาก่อนไก่ ข้าก็มาตามรับสั่งแล้ว"
ตอนจบของศรีธนญชัย ในเรื่องราวเหล่านี้คือ กษัตริย์ทำอะไรไม่ได้บ้าง พอใจในปัญญาบ้าง ที่แน่ๆ ศรีธนญชัยก็รุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ (จนมีผู้ที่มีปัญญามากกว่ามาปราบในตอนจบ)
ลองคิดว่าถ้าเป็นเรา ทำหัวเรือหักเนี่ย จะยอมตาย หรือเล่นลิ้นเอาชีวิตรอด?
สังเกตว่า คนซื่อสัตย์ตาย คนตลบตะแลงได้ดี
น่าสงสัยว่าคนซื่อสัตย์คงยอมตายแบบพันท้ายนรสิงห์หมดแล้ว พวกข้าราชการในเรื่องพวกนี้จะเต็มไปด้วยคนแบบศรีธนญชัย หรือเปล่า?
.
.
.
คำถามคือ แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ? ก็กฎหมายระบุไว้แบบนั้น เราควรจะทำตามกฎหมายแบบพันท้ายนรสิงห์ไม่ใช่เหรอ?
ในวิธีคิดแบบไทย เราเจอปัญหาแบบนี้บ่อยมาก ที่พูดกันว่า "กฎหมายมันเป็นแบบนี้จะให้ทำยังไง เราต้องทำตามกฎหมาย"
ในเรื่องนี้ พันท้ายนรสิงห์ ทำตามกฎหมาย กษัตริย์ก็มีเมตตาแล้ว แต่ก็ทำตามกฎหมาย ไม่มีใครเลยที่ผิด แล้วโศกนาฏกรรมที่ทำให้เราเสียคนดีแบบนี้ไปคืออะไร?
คนไทยมักจะมองเห็นแต่ตัวบุคคล แต่ไม่คิดว่าตัวระบบผิด
ในเรื่องนี้กฎหมายที่บอกว่าคนพลาดถึงโทษประหารต่างหากที่ผิด
คนเก่ง คนดี ทำหัวเรือหัก ควรตายแล้วเหรอ? เป็นบทลงโทษที่รุนแรงเกินไปหรือไม่?
กฎหมายนี้มาจากไหน เป็นทำเนียมจารีตที่ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์หรือเปล่า?
เรื่องเล่านี้ถ้าไม่ใช่เรื่องเล่าของไทยอาจจะจบว่า
"พันท้ายนรสิงห์ถูกประหาร แต่กษัตริย์เสียใจจึงพิจารณาว่ากฎหมายนี้ไม่เป็นธรรม และสั่งให้ยกเลิกไป ผู้คนทั้งหลายจึงสร้างอะไรสักอย่างไว้ท้ายเรือเพื่อละลึกถึงพันท้ายนรสิงห์"
ในคราวหน้าถ้ามีคนผิดพลาดด้วยเหตุสุดวิสัย แต่ซื่อสัตย์ยอมรับผิดเช่นนี้อีก เขาอาจจะถูกโบยตามโทษ แล้วเลื่อนไปรับตำแหน่งที่สำคัญกว่าเพราะความซื่อสัตย์นี้ภายหลัง
แต่ พันท้ายนรสิงห์ จบว่า ทำศาลไว้บูชา และกฎหมายก็ยังอยู่เหมือนเดิม
กฎหมายที่เคร่งครัดอย่างไร้เหตุผล และไม่เป็นธรรม ทำให้ผู้คนกลายเป็นศรีธนญชัย กฎหมายประเภทนี้ประหารคนดี แต่ทำให้คนหัวหมอเข้านายเก่งเจริญก้าวหน้า
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
โลกนี้มีประชากร 7,500,000,000 คน
มีประชากรหญิง 3,800,000,000 คน
แต่ผมชอบเธอแค่คนเดียว
แล้วเธอคนนั้นก็ไม่ชอบผม
วันนี้กุไปเรียนวิชาเลือกของคณะจิตวิทยามา
เค้าวิเคราะห์ว่าการที่เราจะมาเป็นสาวฟุเนี่ย ส่วนมากมักมีความสัมพันธุ์ในวัยเด็กกับพ่อที่ไม่ค่อยดี
หรือเคยถูกอบิวส์โดยญาติผู้ใหญ่ที่เป็นเพศชายในวัยเด็ก
การจิ้นชายรักชายก็เหมือนมึงพยายามแก้แค้นผู้ชาย
หรือไม่ก็เกิดจากจิตใต้สำนึกที่ต้องการมีเพศสัมพันธุ์กับพ่อของตัวเอง
ลองเอาไปเขียนนิยายได้นะเพื่อนๆ
#สาวฟุท่านหนึ่ง
พระราชดำรัสของ สุลฎอน ฮัจยีอัซซานัล โบเกียฮ์ สุลฎอนแห่งบรูไนดารุสลาม ทรงตอบโต้ชาติตะวันตก เกี่ยวกับการใช้กฎหมายชารีอะห์ (กฎหมายอิสลาม) ของประเทศบรูไน ดารุสลาม
"ในประเทศของท่าน กล่าวกันว่ามีสิทธิเสรีภาพด้านแสดงความคิดเห็น เสรีภาพด้านสื่อ การนับถือศาสนาและอื่นๆ และนั่นคือสิ่งที่ปรากฏในกฎหมายรัฐธรรมนูญในประเทศของท่าน ถือเป็นระบบการเมืองการปกครอง อัตลักษณ์ประจำชาติและวิถีชีวิตของท่าน ในประเทศของข้าพเจ้า เราปฏิบัติใช้วัฒนธรรมมลายู อิสลาม และระบบกษัตริย์ เราจะใช้ชารีอะห์(กฎหมายอิสลาม) อิสลามได้ปรากฎในรัฐธรรมนูญของเรา คืออัตลักษณ์ประจำชาติของเรา คือสิทธิและวิถีชีวิตของเราเช่นกัน เราอาจพบจุดอ่อนในกฎหมายและระบบการปกครองของท่าน และท่านอาจพบจุดอ่อนของเราเช่นกัน แต่บรูไนคือประเทศของเรา ในประเทศของท่าน ได้มีกฎหมายคุ้มครองชาวเกย์และกฎหมายอื่นๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับโลกของท่านที่ท่านอาศัยอยู่ในขณะนี้ ดังนั้น เราก็มีสิทธิเช่นเดียวกับท่านที่จะปฏิบัติเพื่อแสดงความเป็นมุสลิมในโลกดุนยาและโลกอาคิเราะห์ที่เราเชื่อศรัทธา นี่คือประเทศมุสลิม ที่ต้องการปฏิบัติใช้กฎหมายอิสลาม ทำไมท่านไม่เคยวิตกกังวลลูกหลานของท่านที่ถูกกราดยิงตามโรงเรียนต่างๆไม่เว้นแต่ละวัน ทำไมท่านไม่เคยวิตกกังวลว่าคุกในประเทศของท่านอาจมีขนาดไม่เพียงพอกับจำนวนนักโทษ ทำไมท่านไม่เคยวิตกกังวลกับสถิติอาชญากรรมที่พุ่งพรวดทุกวัน ท่านไม่เคยวิตกกังวลสถิติของผู้ฆ่าตัวตายและอัตราการทำแท้งของสตรีบ้างใช่ไหม ท่านควรห่วงใยวิกฤติที่กำลังคุกคามประเทศของท่านมากกว่า เกือบทุกศาสนาปฏิเสธลัทธิ "รักร่วมเพศ" และปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่เลย พลันที่ท่านระแคะระคายว่าอิสลามและมุสลิมได้แสดงจุดยืนและใช้ความพยายามเพื่อปกปักษ์รักษาอิหม่านของพวกเขา ท่านรีบพิพากษา บอยคอตและตัดสินว่าเป็นความผิดพลาด เขลาเบาปัญญา และไร้จริยธรรม ข้าพเจ้าขอให้ท่านทบทวนในการแสดงความวิตกกังวลสิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้ การอนุญาตให้พลเมืองพกพาอาวุธร้ายแรงตามอำเภอใจ ไม่เป็นความผิดใช่ไหม การให้โอกาสแก่ทารกในครรภ์ลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัย เป็นความผิดใช่ไหม การใช้ชีวิตตามลัทธิเซ็กส์เสรีที่สุ่มเสี่ยงกับโรคเอดส์ที่ทำลายล้างความต่อเนื่องของอนุชนรุ่นหลัง เป็นความผิดพลาดใช่หรือไม่"
"ทำไมท่านจึงสนใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา ซึ่งเป็นประเทศมุสลิม ในขณะที่ท่านหลับหูหลับตาทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน กรณีของประเทศซีเรีย บอสเนีย ปาเลสไตน์ โรฮิงญาและที่อื่นๆ ผู้คนนับพันนับหมื่นได้ล้มตายจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในประเทศเหล่านี้ แต่พวกท่านไม่เคยสนใจใยดีใดๆเลย ทั้งๆที่ในประเทศบรูไน ยังไม่มีใครเสียชีวิตเนื่องจากการปฏิบัติจากการใช้กฎหมายชารีอะห์แม้เพียงคนเดียว แต่ท่านได้กระพือข่าวใหญ่โต ประชาชนชาวบรูไนที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากกฎหมายนี้ ต่างก็ยอมรับโดยดีด้วยซ้ำ ใช่ ! กฎหมายชารีอะห์ อาจดูรุนแรงน่ากลัว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะถูกปฏิบัติใช้อย่างง่ายๆ ตามอำเภอใจ มันจะต้องผ่านกระบวนการและขั้นตอนอย่างรอบคอบและรัดกุมอยู่แล้ว เราจึงยอมรับกฎหมายนี้โดยดี เราสบายใจ และบรูไนรวมเป็นหนึ่ง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไอ้โจ๊กรอด เพราะประยุทธ์ช่วยรับรอง ส่วนประวิตรก็ช่วยปกป้องเต็มที่ รับรองว่าเป็นคนของรัฐบาล ทำงานให้รัฐบาล มีความจงรักภักดี ไม่ใช่ขั้วอำนาจทักษิณ ไม่ใช่ตำรวจเสื้อแดง ส่วนความผิดคือข้อหาย้ายคนของต่อศักดิ์ สุขวิมล ซึ่งเป็นคนของข้างบน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ทำไมคุณจึงเห็นสื่อพรรคการเมืองหนึ่งตลอด?
เรื่องมีอยู่ว่า :
มีพรรคการเมืองหนึ่ง ตัวหัวหน้าพรรค จ้าง/ใช้ ให้บริษัทสื่อ ที่ตนเองถือ และ มีหุ้น กระทำการซื้อพื้นที่สื่อกระแสหลัก และสื่อออนไลน์ และ จ้างบริษัทเอเจนซี่ ซื้อโฆษณา ซื้อระบบส่งเนื้อหาของตนเอง (ที่ตนเองไปออกรายการโทรทัศน์) หนึ่ง มาออกคลิปในยูทูบว์ หรือ เป็นคลิปในระบบแนะนำเนื้อหา
คุณจะพบเนื้อหาของหัวหน้าพรรคการเมืองนี้บ่อยมาก
ทั้งๆ ที่คุณไม่ได้ค้นหา หรือไปกดไลค์อะไรเลย
และในกรณีคนที่กดค้นหาเรื่องราวของพรรคการเมืองนี้
คุณจะพบว่า นิวส์ฟีดของคุณ ยูทูบว์ที่คุณดู มันจะมีแต่เนื้อหาของพรรคการเมืองนั้นตลอด
นั่นเป็นเพราะ เขาใช้ระบบอัลกอริธึ่ม ในการกำหนดส่งออกเนื้อหไปยังผู้รับสารปลายทาง (targeting) ได้จากแพลทฟอร์มเฟซบุ๊คหรือยูทูบว์
ฉะนั้น รายการทีวีไหนก็ตาม ที่ให้สิทธิแก้ตัว โต้ตอบ กับพรรคการเมืองรายนี้มาก ก็อาจถูกสงสัยได้ว่า เป็นโปรดิวเซอร์ หรือ ผู้ดำเนินรายการ หรือ เป็นทีมงาน หรือเป็นเจ้าของช่องนั่นเองที่เลือกข้างและอยากให้หัวหน้าพรรคการเมืองที่ตนชื่นชอบนั้น มาออกรายการ
และเมื่อออกรายการเสร็จ ก็ตัดเอาคลิปรายการนั้น ไปเผยแพร่ซ้ำในยูทูบว์ และทำการ "บูสต์โพสต์/คลิปวิดีโอนั้นๆ" ไปส่งที่กลุ่มประชาชนผู้รับสารปลายทาง เช่น (เพศ วัย ภูมิลำเรา รายได้ หรือความคิดความเชื่อ รสนิยม ความสนใจ)
ที่น่ากลัวกว่า คือ แพลทฟอร์มพวกนี้ มีอำนาจในการกำหนด "สิ่งที่เราจะเห็น จะอ่าน จะรับรู้"
ฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า "กระบวนการปิดหู ปิดตา ให้ผู้ชมปลายทางรับรู้แต่ข้อมูลข่าวสารฝั่งเรา (ฝั่งพรรคการเมืองนั้น)" มันถูกกำหนดโดยเงินทุนที่บริษัทเอเจนซี่ รับจ้างมาจากบริษัทตัวแทนอีกที ให้มาทำการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์
สื่อเก่าว่าไม่เป็นกลาง สื่อใหม่ยิ่งใช้เงินซื้อลูกตายัดเนื้อหามาให้ถึงปลายนิ้วได้เลยทุกวัน
อันตรายมาก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ลาลูแบร์ จีนฮง และสตาร์ทอัพ
ด้วยอิทธิพลจากละครบุพเพสันนิวาส ผมจึงไปซื้อหนังสือ “จดหมายเหตุของลาลูแบร์” ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ มาหนึ่งเล่ม เป็นเล่มที่ใหญ่มาก (แปลโดย สันต์ ท.โกมลบุตร)
และเหมือนจะเป็นบุพเพสันนิวาส เมื่อผมลองเปิดหนังสือเล่มใหญ่ดู ผมก็เจอกับหน้าที่ 214 ซึ่งเป็นหน้าที่ทำให้ผมชะงักไปครู่ใหญ่
ในหน้านี้ ลาลูแบร์เขียนบรรยายเกี่ยวกับ “ฝีมือในการช่างของชาวสยาม” ในย่อหน้าแรก ไว้ดังนี้
“ในกรุงสยาม ไม่มีบริษัทหรือองค์กรรวมช่างฝีมือเป็นปึกแผ่น และวิชาช่างก็ไม่เจริญในหมู่ชาวสยาม มิใช่เนื่องจากสันดานเกียจคร้านของเขาเพียงอย่างเดียว หากเนื่องจากรัฐบาลที่ปกครองพวกเขาอยู่อีกด้วย โดยเหตุที่ทรัพย์สินของประชาชนนั้นไม่อยู่ในฐานะปลอดภัย นอกจากจะซ่อนเร้นปิดบังไว้อย่างมิดชิดเท่านั้น ทุกคนจึงมีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ วิชาช่างทุกสาขาจึงไม่สู้มีความจำเป็นกับพวกเขาเท่าไรนัก และช่างก็ไม่รู้มูลค่าของงานซึ่งเขาจะลงทุนลงแรงทำลงไป ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเหตุที่ชายฉกรรจ์ต้องไปทำงานหลวงปีละ 6 เดือน และไม่แน่นักว่าจะถูกเกณฑ์เพียงชั่ว 6 เดือนเท่านั้น จึงไม่มีใครหน้าไหนในประเทศนี้ กล้าแสดงตนว่าเป็นช่างผู้ชำนาญในวิชาใดวิชาหนึ่ง ด้วยเกรงว่าจะถูกใช้ให้ทำงานฉลองพระเดชพระคุณไปชั่วนาตาปี โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนแต่ประการใดเลย และโดยเหตุที่บรรดาเลกทั้งหลายถูกจ่ายให้ไปทำงานจิปาถะ ทุกคนจึงต้องขวนขวายฝึกปรือตนให้รู้จักทำงานเป็นอย่างโน้นนิดอย่างนี้หน่อยพอให้หลังพ้นหวายเท่านั้น แต่ก็ไม่มีใครอยากทำให้ดีเกินไป เพราะภาระจำยอมต้องกระทำตลอดไปนั้นแลคือบำเหน็จของการทำงานที่มีฝีมือ ชาวสยามจึงไม่รู้งานและไม่ประสงค์ที่จะรู้งานอย่างอื่น นอกจากงานอันตนถูกใช้ให้ทำจำเจอยู่เท่านั้น”
เมื่ออ่านท่อนนี้จบ ใบหน้าแรกที่ผมคิดถึงคือ จีนฮง ตัวละครที่ช่วยทำกระทะหมูกระทะ และเครื่องกรองน้ำให้แม่หญิงการะเกด
หลายครั้ง เราอาจจะลืมไปว่า การเกิดขึ้นและการเติบโตของช่างและธุรกิจสตาร์ทอัพทั้งหลาย ไม่ได้เกิดขึ้นจากความฝันหรือความขยันของคนผู้นั้นหรือกลุ่มนั้นแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องเกิดจากบริบทและโครงสร้างทางสังคมที่เอื้ออำนวยด้วย
ตามการวิเคราะห์ของลาลูแบร์ ในยุคอยุธยา ความไม่มั่นคงในชีวิต (และทรัพย์สิน) ของผู้คนทำให้ดีมานด์หรือความต้องการงานช่าง (รวมทั้งผลผลิต/บริการของช่าง) จึงมีไม่มากนัก แต่ยิ่งไปกว่านั้น ความไม่มั่นคงในชีวิตของตัวช่างเอง (จากการถูกบังคับเกณฑ์แรงงาน 6 ปี) ยังบั่นทอนความมุ่งมั่นในการพัฒนางานช่างอีกด้วย
แต่เนื่องจากจีนฮง ไม่ใช่ชาวไทย จีนฮงจึงไม่เป็น “ไพร่” และไม่จำเป็นต้องเกณฑ์แรงงาน (แต่ต้องจ่ายเป็นส่วยรายปีแทน) และนั่นก็เป็นโอกาสสำคัญของจีนฮงในการสตาร์ทอัพ รับงานอิสระ เพื่อสั่งสมทักษะฝีมือ สั่งสมประสบการณ์ สั่งสมความไว้วางใจของลูกค้า ซึ่งทั้งหมดนั่นจะมีผลต่อความเติบโตของกิจการของจีนฮง ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ
(มีต่อ)
(ต่อจาก >>359 )
ดังที่ลาลูแบร์กล่าวไว้ นโยบายและระบบของรัฐจึงมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของช่างฝีมือและผู้ประกอบการ
จะเห็นว่า เมื่อมีการยกเลิกระบบไพร่ในช่วงรัชกาลที่ 4 (และเก็บภาษีรายหัวแทน) พลังของไพร่จึงได้รับการปลดปล่อย และเกิดเป็นชาวนาอิสระจำนวนมาก ส่งผลต่อการขยายการส่งออกและการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดในช่วงรัชกาลที่ 5
จนมีคำกล่าวในยุคนั้นว่า “ไพร่ที่หิวโหยและหาเลี้ยงตน ขยันและทำงานได้ดีกว่าไพร่ที่ถูกบังคับเป็นอย่างมาก”
แน่นอนว่า ในยุคปัจจุบัน ระบบการเกณฑ์แรงงานได้ถูกยกเลิกไปแล้ว (ยกเว้นการเกณฑ์ทหาร) แต่แรงงาน (หรือไพร่ที่ไม่ต้องถูกเกณฑ์แรงงานอีกแล้ว) จะเป็นอิสระที่จะได้ประกอบกิจการของตนขึ้นมาได้จริงหรือไม่?
อืมม์ คำตอบนี่อาจยากสักหน่อย เพราะการบังคับก็ยังมีอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนรูปจากการบังคับแรงงานโดยตรง มาเป็นการบังคับผ่านกลไกทางเศรษฐกิจ นั่นหมายถึง แรงงาน (หรือไพร่) จะมีอิสระในการประกอบกิจการของตน ตราบใดที่มีผลประกอบการเพียงพอที่จะเลี้ยงชีพของตนได้
ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จึงพบว่า ความกังวลใจเรื่องค่าใช้จ่ายทางด้านการศึกษา (รวมถึงการชำระคืนเงินกู้ยืมทางการศึกษา) ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และค่าใช้จ่ายยามชรา เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับแรงงานในการก้าวเข้าสู่การเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพ
กล่าวคือ แรงงานที่กังวลใจในค่าใช้จ่ายเหล่านี้ก็อาจจำเป็นต้องเลือกขายแรงงานให้กับบริษัท ซึ่งแม้จะดีกว่าถูกเกณฑ์แรงงานโดยรัฐ แต่ก็อาจต้องแลกมาด้วยการไม่ได้เดินตามเส้นทางชีวิตที่ตนใฝ่ฝันไว้
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ประเทศที่มีระบบสวัสดิการด้านการศึกษา ด้านสุขภาพ และสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุดีกว่าสหรัฐอเมริกา เช่น เดนมาร์ก นอร์เวย์ จึงมีอัตราส่วนผู้ประกอบการรุ่นใหม่สูงกว่าในสหรัฐอเมริกาตามไปด้วย เพราะผู้ที่จะก้าวมาเป็นสตาร์ทอัพไม่ต้องกังวลใจกับความเสี่ยง (ทางเศรษฐกิจ) ในชีวิตของตนนั่นเอง
นอกจากนี้ ในกรณีของประเทศไทย โอกาสในการเข้าถึงตลาดที่จำกัด ทั้ง (ก) ในเชิงพื้นที่ทางกายภาพในการวางสินค้าและกระจายสินค้า ที่ถูกเจ้าของพื้นที่และเจ้าของกิจการในระบบการค้าปลีกสมัยใหม่ผูกขาดไว้ และคิดค่าใช้จ่ายในราคาแพง และ (ข) ในเชิงกฎหมาย เช่น การห้ามผู้ผลิตเบียร์รายเล็ก ก็ยังเป็นข้อจำกัดที่สำคัญสำหรับสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ด้วย
ดังนั้น การจะทำให้คนรุ่นใหม่เป็นสตาร์ทอัพ หรือการยกระดับประเทศไทยให้เป็นประเทศนวัตกรรมแบบ 4.0 จึงมิใช่การเรียกร้องให้คน “ขยันต้นคิด” เท่านั้น แต่ยังต้องมี “รัฐบาล” หรือระบบรัฐที่เอื้อต่อการเติบโตของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้วย
ในมุมมองของผม ระบบสวัสดิการและความเปิดกว้างของระบบเศรษฐกิจจึงเป็นกลไกสำคัญในการ “ปลดปล่อย” พลังของไพร่ (หรือแรงงาน) รุ่นใหม่ให้กลายเป็นเจ้าของกิจการตามฝีมือและความใฝ่ฝันของตน
ผมเชื่อว่า หากเราทำได้ เราจะพบว่า “ไพร่ (แรงงาน) ที่ได้ทำตามความใฝ่ฝันของตนนั้น มีพลังมากกว่าไพร่ที่หิวโหย และไพร่ที่ถูกบังคับมากมายนัก”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>359-360 เขียนดีตั้งนานมาตกม้าตายตอนพูดถึงรัตนโกสินทร์
หลังเปิดการค้าแล้วปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจรุ่งจริงๆ คือคนจีนทะลักเข้ามาค้าขาย สมัย ร.5 เคยมีฝรั่งมาสำรวจทำสำมโนในไทยพบว่าหมู่บ้านส่วนใหญ่ยังทำเกษตรแบบยังชีพด้วยซ้ำ อีกอย่างคือลาลูแบร์มันพูดถึงช่างแบบศิลปกรรม (ซึ่งจริงๆอยุธยาก็มีช่างหลวง ไม่งั้นจะสร้างวัดเต็มเมืองได้ไง - -*)แต่ดันเอาไปเทียบกับจีนฮงที่ทำธุรกิจ ซึ่งที่พูดมาก็ถูกที่ว่าจีนฮงมีภาษีดีกว่าคนไทยแต่จะยกลาลูแบร์มาทำไมวะ ? เปิดกฏหมายตราสามดวงดูก็รู้ว่าคนไทยต้องไปเป็นไพร่ คนจีนต้องเสียตัง - -*
ถ้ามีงานวิจัยรองรับแบบนี้ สาววายก็ถือว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชได้ครับ
เพราะบาดแผลทางจิตใจที่เกิดจากครอบครัวและสังคมก่อให้เกิดพยาธิสภาพในจิตใต้สำนึก
การจิ้นวายก็เป็นการระบายความอัดอั้นออกมานั่นเอง ถ้ามีงานวิจัยมากกว่านี้โดยเฉพาะในประเทศไทย
ในอนาคตอาจจะมีการทดลองนำยากลุ่ม ssri หรือ antipsychotic มาลองบำบัดสาววายดูก็ได้
เพราะสาวสายก็ค่อนข้างที่จะก่อปัญหาต่อสังคมมากพอสมควร รวมไปถึงปัญหาครอบครัวด้วย
การบำบัดรักษาไม่ว่าจะใช้ยา หรือ family consult จึงเป็นสิ่งสมควร
แต่ group therapy คงเป็นไปไม่ได้ จะยิ่งทำให้เคสอาการแย่ลงมากกว่า
#นักวิจัยท่านหนึ่ง
เมื่อโจโฉ สอน โจผี ....
โจโฉ : เจ้าจะปกครองบ้านเมืองแบบไหน ?
โจผี : เราควรจะส่งเสริมขุนนางที่ซื่อสัตย์ ส่งเสริมคนดีให้มีอำนาจ
โจโฉ : ผิดแล้ว... เราไม่ควรส่งเสริมขุนนางที่ซือสัตย์..
โจผี : อ้าว ...ทำไมล่ะ ?
โจโฉ : ขุนนางตงฉิน จะทำลายเรา ความชื่อสัตย์ จะทำให้ประชาชนรักเขา วันหนึ่งเขาจะเป็นอันตรายกับเรา
โจผี : อ้าวงั้นข้าควรทำอย่างไร ?
โจโฉ : เราต้องส่งเสริมขุนนาง " กังฉิน " ไม่ใช่ " ตงฉิน " ให้อำนาจ "กังฉิน" ดูแลบ้านเมือง
โจผี : เลี้ยงเขาให้ดี ..ให้เงินทองใช้ ?
โจโฉ : ผิดแล้ว..จงอย่าเลี้ยงให้มัน " อิ่ม " เสืออิ่มจะไม่กัด ..ให้เงินเดือนมันน้อยๆ กังฉินกินไม่พอมันก็จะเอาอำนาจที่เราให้มัน ไปหาประโยชน์กับประชาชน
เมื่อกังฉินใช้อำนาจเราหากิน มันก็จะปกป้องเรา..เราจะปลอดภัย
เท่านั้นยังไม่พอ กังฉินจะมีความผิด เป็นชนักติดหลัง
กังฉินคนไหนทรยศ เราก็ใช้ข้อหาที่มันฉ้อราษฎร์บังหลวงเล่นงานมัน
โจผี : แต่ทำอย่างนั้น ไปนานๆ ประชาชนที่เดือดร้อนมากขึ้นๆ จะไม่ลุกมาโค่นล้มเราหรือ ??
โจโฉ : อย่ากลัวไปเลย..การเลี้ยงกังฉิน มีวิธีการ
1 จงอย่าเลี้ยงให้อิ่ม และ
2 จงอย่าเลี้ยงให้มันสามัคคี..
โจผี : อย่าเลี้ยงให้สามัคคี ทำอย่างไร ?
โจโฉ : จงให้อำนาจแก่คนที่ไม่สมควรจะได้..
โจผี : ทำแบบนั้น จะได้อะไร ?
โจโฉ : ได้กังฉิน ไว้ปราบกังฉิน ..เมื่อกังฉินที่ปกครองเมืองใด ทำประชาชนเดือดร้อนมากๆ มีท่าทีจะก่อความวุ่นวายลุกลามมาถึงเรา เราก็ให้อำนาจสั่งการให้แก่กังฉินอีกเมือง มาโค่นมัน ...
เมื่อโค่นสำเร็จ...ประชาชนก็จะแซ่ซร้อง สรรเสริญเรา..รักเรา ด้วยแรงนิยม ที่ให้คนมาขับไล่กังฉินเก่านี้เอง
กับกังฉินใหม่นั้น จะช่วยเราปกครองอย่างสงบ เข้าที่เข้าทางต่อไปได้อีกหลายปี...
และเมื่อถึงเวลา..เราก็ทำแบบเดิมอีกไปเรื่อยๆ วิธีนี้เราก็จะอยู่ได้ตลอดไป
......เข้าใจหรือยัง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไฟไหม้เซนทรัลเวิร์ลในปีนี้หวังว่าจะเตือนสติคนไทยว่าครั้งหนึ่งเคยมีพวกเผาบ้านเผาเมืองทำไฟไหม้ห้างแบบนี้มาแล้ว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ห้างดัง...ดังทุกอย่างยกเว้นสัญญาณเตือนภัย...
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>365 เพราะไฟไม่ได้ไหม้ห้างไง
เหตุเพลิงไหม้ที่แยกราชประสงค์ เป็นห้องเก็บเอกสารที่ชั้น 8 ของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ติดศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ห้างมันจะไม่มีเสียงเตือน เพราะมันคนละที่กันแต่เขาต้องอพยพคนออกเพราะมันติดกันซึ่ง เค้ากลัวว่าไฟมันสามารถลุกลามไปได้ รวมไปถึงควันไฟ เราต้องแยกประเด็นให้ออกว่าเพราะเหตุใดห้างถึงไม่มีเสียงเตือนว่าไฟไหม้ห้าง เพราะห้างมันไม่ได้ไหม้ สัญญาณ จับความร้อนหรือควัน ถ้ามันเกิดไหม้ในห้าง มันถึงจะดังขึ้นอัตโนมัติในจุดที่เกิดเหตุ #แต่ถ้าเกิดจะบอกว่าทำไมห้างไม่กดอ๊อดเพื่อให้คนอพยพมันก็จะไม่ตรงกับประเด็น เพราะว่านักดับเพลิงหรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ต้องขึ้นมาจุดที่เกิดเหตุว่าเสียง ออดดังขึ้นตรงจุดไหน ไฟไหม้จุดไหนของห้าง ฉะนั้นมันจะเกิดเหตุการณ์สับสนได้ ว่าตกลงไฟมันจะไหม้ที่เซ็นทรัลเวิลด์หรือโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์เพราะ ออด alarm ดัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็อาจจะพุ่งเป้าหมายไปผิดว่าไฟไหม้ทั้งห้างเซ็นทรัลเวิลด์และโรงแรมเซ็นทาราก็ได้ทั้งสองอย่างฉะนั้นต้องเข้าใจประเด็นตรงนี้ว่าห้างไม่สามารถที่จะกดเสียงกริ้งได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พวกขยะเสื้อแดงพอไม่ได้รับแต่งตั้งก็เล่นใหญ่ไงสัส
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง.....
วันที่กลุ่มไลน์ครอบครัวของผมแชร์ข่าวธนาธร ว่าอยู่องค์กรเคแมน พายเรือข้ามทะเลไปจนได้รับตราตัวต่อพันปี ทำงานใต้เครือข่ายของยูริ มีจอร์จ โซรอสทำงานวิจัยให้กับนาซีที่ญี่ปุ่น รับเงินทักษิณที่สนับสนุนอิลลูมินาติ มีลุงโทคุดะเป็นฝ่ายวิทยาศาสตร์ที่วิจัยคลื่นล้างสมอง ทั้งหมดทั้งปวงเพื่อล้างสมองคนไทย.....
ผมว่าเราควรหยุดปั่นข่าวปลอมพวกนี้ซักทีนะ คือต้องยอมรับด้วยว่าบางคนเค้าอ่านแล้วแยกแยะไม่ออกว่าเรื่องจริงเรื่องปลอม จนเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงแล้วเริ่มส่งผลกระทบกับชีวิตจริงแล้วเหมือนกัน คนทำอาจจะสนุก สะใจที่ได้ดักสลิ่ม ดักใครก็แล้วแต่ แต่เลิกเหอะ เหนื่อยจะเคลียร์
คอมเม้นต์สุภาพนิดนึงนะครับ เพื่อรักษาบรรยากาศในการสนทนา
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
รังสิมันต์ โรม ยืนยันกับผมวันนี้ว่าธนาธรไม่เคยช่วยหนีคดี วันนั้นเขา&พวกไปโรงพักปทุมวันเพื่อแจ้งความว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายตอนประท้วงเผด็จการทหาร & ขากลับรถธนาธรผ่านเลยติดไป แถมบอกว่าตอนนั้นคิดว่าธนาธรขายประกันเพราะสับสนไทยซัมมิทกับไทยสมุทร
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เจ้าของโรงแรมที่ไฟไหม้ ควรรื้อศาลพระภูมิออกได้แล้วอะครับ ถวายของทุกวันดูแลยังไงให้ไฟไหม้อะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สายข่าว ทบ. แจ้งมา เมื่อวาน บก.ทบ. มีการจัดอบรม และแจกซิมการ์ด ทรูมูฟฯ สำหรับ ลงทะเบียน และสร้าง ไอดี อวตาร เพื่อใช้ในการต่อต้านทางการข่าว
โดยจะมีกลุ่มงาน กำหนดเป้าหมาย เป็นเพจ หรือบุคคล ที่ต้องการจะทำลายความน่าเชื่อถือ โดย คนที่ไปเม้นท์ แล้วจะต้อง แคปหน้าจอ และสส่งงานทางไลน์
สายข่าว กู ฝากมาว่า เอางานปัญญาอ่อน มาให้มันทำ เอาเวลา ไปชี้แจง และพัฒนาอย่างอื่นดีกว่าไหม แล้ว งบประมาณ ที่ใช้ เอามาจากไหน
เหี้ยจริง ๆ น้องมันด่าพวกมึงอ่ะ 5555
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ป้อม หนุ่มตี๋ ร่างบางที่เพิ่งสอบเข้าเตรียมทหารได้ ถูกซ่อมจากกลุ่มรุ่นพี่ แต่ได้ ตู่ หนุ่ม ตจว นิสัยเก้วกาด ปากเสีย คอยช่วยไว้ ทั้งสองสัญญาจะคอยปกป้องกันตลอดไป วันที่ต้องแยกเหล่า ตู่ให้นาฬิกาเก่าๆแทนใจไว้ บอกว่าได้ดีเมื่อไหร่ เราจะซื้อเรือนแพงๆให้เธอนะ
พอไหวไหม55 #นิยายวาย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เมื่อวันก่อนอัพข่าวเรื่องพ่อมีข่มขืนลูกสาวแท้ๆวัย 19 ปี แต่สุดท้ายศาลตัดสินว่าไม่มีความผิด
วันนี้เจอข่าวที่ลงรายละเอียดของสาเหตุการตัดสิน เลยเอามาแปลให้ฟังนะคะ
ฝ่ายสอบสวนบอกว่าลูกสาวถูกล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่อยู่ม.2 แต่คุณพ่อเป็นผู้รับผิดชอบค่าเล่าเรียน ลูกสาวจึงตกอยู่ในภาวะที่ขัดขืนไม่ได้
ทางทนายฝ่ายพ่อแก้ต่างว่าจริงๆ สามารถขัดขืนได้ แต่ลูกสาวยินยอม
เกี่ยวกับเรื่องของความยินยอมในการมีเพศสัมพันธ์นั้นศาลตัดสินว่าลูกสาวอยู่ในภาวะที่ถูกพรากความมุ่งมั่นในการขัดขืนไป และเห็นด้วยว่าลูกสาวไม่ได้ยินยอม
แต่เรื่องที่ลูกสาวอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจขัดขืนหรือปฏิเสธได้นั้น
ศาลชี้ว่าการที่ลูกสาวถูกใช้กำลังตอนปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ครั้งก่อนหน้านั้นไม่ใช่เป็นเพราะความรู้สึกหวาดกลัว และไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ากลัวการถูกใช้กำลังเลยไม่ขัดขืน
อีกทั้งลูกสาวได้เคยมีการปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงเคยหลบหนีโดยได้รับความร่วมมือจากน้องชายมาก่อน
จึงพูดได้ยากว่าต้องยอมคุณพ่อเพราะอยู่ในสถานะผู้ปกครองและผู้อยู่ใต้การปกครอง
ดังนั้นไม่สามารถฟันธงได้ว่าตัวลูกสาวอยู่ในสถาการณ์ที่ขัดขืนไม่ได้
ศาลจึงตัดสินให้คุณพ่อไม่มีความผิด
ประเด็นหนึ่งของเคสนี้คืออายุของลูก ในตอนที่คุณพ่อถูกฟ้อง ลูกสาว อายุ 19 ปี (บรรลุนิติภาวะแล้ว)
ถ้าเด็กอายุต่ำกว่า 18 ถือว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้ปกครอง หากโดนล่วงละเมิดทางเพศ แม้ไม่มีการใช้ความรุนแรงหรือขู่บังคับพ่อก็ผิด
ผู้เชี่ยวชาญเสริมอีกว่ากฏหมายของญี่ปุ่นหากเป็นเพียงการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ยินยอมจะยังไม่เข้าข่ายว่ามีความผิด
กรณีที่เอาผิดได้คือต้องเป็นเพศสัมพันธ์ที่มีการใช้กำลังบังคับหรืออีกฝ่ายตกอยู่ในภาวะที่ไม่อาจจะขัดขืนหรือต่อต้านได้
ที่มา https://headlines.yahoo.co.jp/videonews/ann?a=20190408-00000031-ann-soci
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ป้า: เรียนเป็นไงบ้างลูก เกรดดีไหม
เด็กมธ: เราไม่ควรส่งเสริมการให้ค่าเกรดในระบบการศึกษาอันเป็นตัวชี้วัดตามมายาคติจนเกินไป แท้จริงแล้วตัววัดผลของนักศึกษาหนึ่งๆ เป็นภาพลวงตาที่ทำให้เราออกห่างจากความจริงที่ว่า ภาพการณ์ระบบการศึกษาแท้จริิงแล้วเป็นเช่นไร
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
โรคมะเร็งเป็นโรคที่ต้องรักษาต่อเนื่องยาวนาน ค่ารักษาเป็นล้านๆ และเป็นแล้วก็อาจจะกลับมาเป็นซ้ำอีกได้เราจึงอยากให้คุณทราบเงื่อนไขก่อนทำประกัน เพราะ อลิอันซ์ อยุธยา เป็นบริษัทประกันชีวิตที่กล้าบอกเงื่อนไข
*เสียชีวิตจ่ายน้อย...แต่จัดเต็มเรื่องค่ารักษาวงเงินสูงสุด 9 ล้านบาท เรานำเงินมาทุ่มให้กับค่ารักษาพยาบาลตามจริง ไม่ว่าจะเป็น ค่าผ่าตัด ค่าคีโม ค่าฉายแสง (คุ้มครองแบบครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย / การรักษา / ติดตามผล สำหรับมะเร็งทุกระยะ)
*จำกัดค่าห้อง...แต่เราคุ้มครองมะเร็งทุกระยะ จัดเต็มค่ารักษา เพราะเราเชื่อว่า มะเร็ง ≠ ตาย (มะเร็งไม่เท่ากับตาย) เราจึงอยากให้คุณนำเงินส่วนใหญ่ไปใช้กับการรักษาพยาบาล และเราก็คุ้มครองมะเร็งทุกระยะตั้งแต่วันแรกที่ตรวจพบจนถึงวันสุดท้ายที่คุณรักษา
*ถ้าเคยเป็นมะเร็งมาก่อนทำ ประกันมะเร็งหายห่วง ไม่ได้ แต่ถ้ายังไม่เคยเป็นมะเร็งเราคุ้มครองต่อเนื่องจนถึงอายุ 85 และไม่ว่าจะกี่ครั้งหลังทำประกันเราก็คุ้มครองต่อเนื่องจนกว่าวงเงินจะหมด
รายละเอียดการรับประกันภัย
รับประกันภัยตั้งแต่อายุ 16 – 60 ปี ต่ออายุได้ถึงอายุ 84 ปี คุ้มครองถึงอายุ 85 ปี
ซื้อได้ 1 สัญญาต่อผู้เอาประกันภัยเท่านั้น
เกาหลีดูรวยเพราะมีแต่ทุนผูกขาด (แชโบล) คอยปั๊มตัวเลข gdp ปชช ก็ทํางานงกๆ หนักกว่าญี่ปุ่นอีก
"เอาจริงๆนี่เกลียดมนุษย์แฟนคลับมิ่งขวัญมากกว่าแฟนคลับพลังประชารัฐหรือประชาธิปัตย์อีก พวกคนโง่ที่คิดว่าตัวเองฉลาดนี่น่ารำคาญกว่าพวกคัลท์ๆไปเลยเยอะ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ปรากฏการณ์"ทุบชามโจ๊ก".ครั้งนี้ถึงกับทำให้ประวิตร"ลุกไม่ขึ้น"เลยทีเดียว..
การปิดบ้าน."งดการเช๊คกำลัง"...ผ่านการรดน้ำในช่วงสงกรานต์จึงมีนัยยะสำคัญยิ่งทางการเมือง
เมื่อฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางชามข้าวของ..คสช.จนแตกกระเจิง..
"ข้าวหม้อใหญ่"ถูกเก็บไว้ในบัญชีที่ธนาคารในสิงค์โปร์มากกว่า 70000 ล้านบาทไทย..ถูกค้นพบด้วย"ตำรวจสอบสวนกลาง"อันเป็นหน่วยที่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อ คสช.
...ประยุทธรีบกางปีกปกป้อง"ผู้ดูแลหม้อข้าว"ด้วยการใช้ม.44 เก็บเข้าไปหลบอยู่ในทำเนียบ
ก่อนที่จะถูก "ฟ้าดูดเข้าไปอยู่ในยานแม่"...
..."วัดพลังกันอย่างเปิดเผยระหว่างฟ้าและผู้กุมอำนาจ ม.44"
..
ไม่มีตำรวจใหญ่คนไหนกล้าแถลงผลการสอบสวนในกรณีนี้...มีเพียงเนติบริกรที่ออกมาคุ้มกันภัยในเบื้องต้นให้ว่า...
..."โจ๊กไม่ได้ถูกดำเนินคดีสักข้อหา"..
พร้อมได้ทำงานที่ใหม่ที่ไม่ใช่.สตม.อีกต่อไป
....แล้วโจ๊กก็จะเงียบหายไป....
.....แล้วทุกคนก็จะ....."ปิดปาก"....
...สัญญานงัดข้อถูกส่งออกมาจากการการันตีความ"ไม่โกง"จากขุนศึกใหญ่ผู้นั่งบนรถเข็น...
...แต่ประวิตร...ก็ยังคงหนาวๆร้อนๆ.
เมื่อกระเป๋าเงินถูกค้นพบว่ามีเงินเท่าไหร่...ต่อไปก็คงต้องตอบคำถามล่ะครับว่า...เอามาจากไหนตั้งกว่าสามพันล้านเหรียญสิงค์โปร์...
....เมื่อคำถามว่าเอามาจากไหน...???ยังไม่เคลีย...ก็จะต้องเจออีกคำถามที่หนักหน่วงคือ...จะเอาไปทำอะไร????
....หนักครับ!!!!!
..
..นายทุน..ผู้อาจจะเป็นเจ้าของเงินตัวจริงเริ่มกระโดดหนี...คงไม่คุ้มกับการลงทุนทางการเมืองกับคณะ คสช.ที่นับวันยิ่งสาละวันเตี้ยลง...
...พปชร.คนที่มีหน้าที่"ใช้เงิน"เพียงอย่างเดียว...ก็สร้างผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง..แถมยังมีแนวโน้มว่าคงจะ"ขอเพิ่ม"อีกในไม่ช้านี้แน่นอน...
...บรรดาว่าที่ ส.ว.ที่อยู่ในอุ้งมือประวิตรก็ลังเล...ตามทันเกม...
#เห้ย!!!#กรุมาทำอะไรตรงนี้วะ!!!???..
...เปลี่ยนใจเดินทางอีกสายแบบงูเห่าจะทันไหม???
...ร้อยทั้งร้อย....ต่างอ่านเกมขาด!!!!
..ประยุทธและประวิตรจะยังมั่นใจอยู่ไหมนะ...ว่า 250 ส.ว.ในมือ...มันจะไม่"ฉก"แขนตัวเอง???
...
...เมื่อ"งูเห่า"เหล่านั้นเลือกที่จะ
"ถูกหวยรางวัลใหญ่แค่ครั้งเดียวในชีวิต"
...
...
....กล้างัดมั้ย????...
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ภาพไว้อาลัยมหาวิหารนอเทรอดาม จากเพจดิสนี่ย์
ปล.แต่โดยส่วนตัวแล้ว ฉันก็คิดอยู่เสมอว่า ดิสนี่ย์พลาดที่เอานิยายเรื่องนี้มาทำเป็นอนิเมชั่น เพราะเนื้อหามันดาร์คเกินไป ฉันสัมผัสได้ถึงการแก้ไขบทซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้เป็นการ์ตูนที่เด็กดูได้ แต่ถึงยังไงมันก็ดาร์คเหี้ยๆอยู่ดี (เอาเป็นว่า หนังคนค่อมเวอร์ชั่นคนแสดงจริง แทบทุกเรื่องล้วนจัดอยู่ในหมวด "หนังเขย่าขวัญ" อ่ะมึง)
ตัวร้ายเป็นฝ่ายผู้นำศาสนา แต่ใช้ศาสนาเข่นฆ่าผู้คน ไม่เว้นแม้แต่เด็กและสตรี แค่ฉากเปิดเรื่องนี่ก็เหี้ย แล้ว มีหลายฉากที่พยายามเลี่ยงๆโดยการให้ตัวร้ายฆ่าคนไม่สำเร็จ แต่คนดูก็รู้ได้ว่า อีตานี่คงฆ่าสำเร็จมาหลายร้อยศพแล้ว แม้แต่อ้างศาสนาเพื่อเย็ดนางเอกอ่ะ
และในตอนท้าย ดิสนี่ย์ก็ไม่กล้าพอ ที่จะให้นางเอกรักกับคนค่อม เพราะยังยึดติดกับคติ "ความงามที่ภายนอก" ซึ่งเจ้าคนค่อมนี่ก็ดันแปลงร่างเป็นชายรูปงาม แบบเจ้าชายอสูรไม่ได้ ดิสนี่ย์จึงต้องสร้างตัวละครชายรูปหล่อมาอีกคน แล้วให้คนค่อมเสียสละให้นางเอกได้กับคนนี้ ก็เลยยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่า ดิสนี่ย์จะเอานิยายเรื่องนี้มาทำการ์ตูนทำไมวะ
สุดท้ายก็นั่นแหละ เป็นหนังการ์ตูนที่เหมือนอยู่นอกจักรวาลดิสนี่ย์ ดาร์คเสียจนเวลาดิสนี่ย์จัดอีเว้นรวมตัวการ์ตูนทีไร ก็จะเลี่ยงเอาตัวละครจากเรื่องนี้มาร่วมอีเว้นทุกที
ในขณะที่คนทั่วโลก คริสตชนทุกนิกาย ทั้งคาทอลิก ออร์โธด็อกซ์ โปรเตสแตนต์และอื่นๆ ต่างเศร้าเสียใจกับเหตุเพลิงไหม้ที่มหาวิหารนอเทรอดาม กรุงปารีสนั้น
นอกจากกลุ่มผู้ไม่นับถือศาสนาบางท่านแล้ว ผมทราบมาว่าขณะนี้ มีชาวออร์โธด็อกซ์หัวรุนแรง "บางคน" ในต่างประเทศ แห่กันแสดงความเห็นเชิง "ยินดี" ต่อเหตุการณ์ครั้งนี้
เพราะไฟได้ไหม้วิหารของนิกายคาทอลิก ที่พวกเขาถือว่าไม่ได้เป็นคริสเตียนแท้จริง นอกรีต บางคนบอกมันเป็นที่บูชาซาตาน (ทำนองว่าจะแคร์ทำไม) บางคนนอกจากไม่เสียใจแล้ว ยังบอกจะเผาทั้งเมืองเลยทีเดียว
โพสต์หรือคอมเมนต์ลักษณะนี้มีให้เห็นโดยทั่วไป ออร์โธด็อกซ์ดีๆหลายคนก็เข้าไปเตือน แต่คนเหล่านั้นก็ไม่สนใจ ยังคงสนุกปากกันต่อไป
ในฐานะที่ผมอยู่ศาสนจักรตะวันออก ถือว่าสะเทือนจิตใจผมเต็มๆ น่าเสียใจอย่างยิ่ง ที่มีผู้แสดงความเห็นอย่างนี้ ไฟไหม้มหาวิหารว่าเศร้าแล้ว พอมาเจออะไรแบบนี้ยิ่งเศร้าหนักกว่าเดิม
ได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า คนพวกนี้ไม่คิดบ้างหรือ ว่าสถานที่ที่พวกเขายินดีนักหนาตอนไฟไหม้ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากเพียงใด สำคัญต่อฝรั่งเศสแค่ไหน หากคุณไม่เห็นค่าชาวคาทอลิกแล้ว อย่างน้อยก็เห็นคุณค่าของมหาวิหารหลังนี้บ้างก็ดี
หรือแค่เป็นห่วงพระธาตุบางชิ้นที่ได้มาจากไบแซนไทน์ก็ดี อย่างพระธาตุมงกุฎหนามของพระเยซู ซึ่งถูกนำจากคอนสแตนติโนเปิล มาประดิษฐานที่วิหารช่วงคริสตศตวรรษที่ 13 ถ้าคุณยินดีที่วิหารถูกเผา นั่นแปลว่า สมมติไฟลุกลามทั่วทั้งวิหาร แสดงว่าคุณยินดีที่พระธาตุชิ้นดังกล่าว ต้องมอดไหม้ไปด้วยใช่หรือไม่?
ผมขอร่วมประณามชาวออร์โธด็อกซ์กลุ่มนี้ และคริสตชนทุกคนไม่ว่าจะนิกายไหน ที่ร่วมยินดีกับเหตุการณ์น่าสลดครั้งนี้ ด้วยเหตุผลแบบเดียวกัน ซึ่งหวังอย่างยิ่งว่าจะไม่มีกรณีเช่นว่าเกิดขึ้นในไทย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“มิตร:
มัวแต่กลัวปีศาจธนาธร ล่าสุดซีพีได้ไปต่อโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแล้วนะ ไม่ต้องประมงประมูลอะไรทั้งนั้น หลังสงกรานต์เขาจะคุยกันต่อ รฟท.บอกว่ายกข้อเสนอนอก TOR ออกแล้ว แต่เราไม่ค่อยวางใจ ลองอ่านเงื่อนไขนอกทีโออาร์ที่ซีพียื่นข้อเสนอดู
1.ขอขยายโครงการจากเดิม 50 ปี เป็น 99 ปี
2.ขอให้รัฐอุดหนุนเงินโครงการตั้งแต่ปีแรกที่เปิดดำเนินการ รวมไปถึงการการันตีผลตอบแทน IRR ร้อยละ 6.75 ต่อปี
3.รัฐบาลต้องจ่ายเงินอุดหนุนในปีที่ 1-6 จากเดิมที่ต้องจ่ายในวันที่เปิดดำเนินการ
4.สามารถลดสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ลงมาเหลือร้อยละ 5 ได้ในอนาคต เนื่องจากบริษัทอาจนำโครงการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
5.ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนปรนเพดานเงินกู้เครือ ซี.พี. เนื่องจากปัจจุบันติดเพดานเงินกู้ หรือ Single Lending Limit ตามเกณฑ์ของธปท. อยู่
6.ขอให้รัฐบาลค้ำประกัน รฟท. หากมีปัญหาในภายหลัง
7.ผ่อนชำระโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ 11 ปี ด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 3 จากเดิมต้องจ่ายทันที ถ้าหากรัฐบาลโอนโครงการให้
8.รัฐบาลต้องสนับสนุนจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่ระดับร้อยละ 4 ให้กับโครงการ
9. ขอชำระเงินค่าเช่าที่ดินมักกะสันและศรีราชา เมื่อวันที่ถึงจุดที่มีผลตอบแทน
10.ถ้าหากโครงการสนามบินอู่ตะเภาล่าช้า รัฐบาลต้องจ่ายค่าชดเชยความเสียหายด้วย
11.ห้าม รฟท. ทำธุรกิจหรือเดินรถแข่งขันกับเอกชน
ข้อ 12 ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
เนี่ย ดูความเห็นแก่ได้ของคนรวย แทบจะประเคนทุกอย่างให้อยู่แล้ว!
ส่วนคนจนก็หาอยู่หากินไป สู้รบกับทุนใหญ่ไป ไหนจะต้องคอยดูว่ารัฐบาลจะอุ้มจะเอื้อทุนนายทุนหรือเปล่า ไหนจะต้องตามหาเสียงที่เรากาเลือกผู้แทนมันหายไปไหน ตกลงทำงานหาเงินให้โจรแถมยังต้องมาสู้รบกับพวกโจรอีก #ประเทศกูมี”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คนที่สงสัยว่าจะเลือกตั้ง ทำฆวยอะไร ถ้าเลือกแล้วก็ล็อคให้ตัวเองได้เป็นอยู่ดี
___
คือพวกมึงต้องสำเหนียกหน่อยนะครับ ว่าเค้าไม่ได้จัดการเลือกตั้งมาเพราะพวกมึง
เขาเลือกตั้งเพราะ ถ้าเป็นนายกจากการเลือกตั้ง จะคุยกับต่างชาติได้ ทุกประเทศ
จะกู้เงิน จะดูดหำเมกา จะเข้าไปคุยกับผู้นำแถบ ยุโรป
มันก็ง่าย เพราะกูเป็นนายกที่มาจากการเลือกตั้งที่โครตสะอาด
-----
การที่พวกมึงคิดว่า เขาจัดการเลือกตั้งเพราะเห็นหัวประชาชน
มันเหมือนมึงคิดว่า
เบจิต้า มันช่วยโลกเพราะมันรักและอยากปกป้องมนุษย์โลก ปานจะแหกดากดมนั่นเเล
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
The last time Saturn stationed retrograde in the 21st degree (20°) of Capricorn was in 1666, the year of the Great Fire of London.
Saturn is now in the same degree and will station retrograde there on April 29th, 2019.
And, tragically, we have a fire at Notre Dame.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Hi. Actual astronomer here. Three things:
1) Saturn isn't in Capricorn now or on April 29, it's in Sagittarius.
2) The last time Saturn was station retrograde in Capricorn was 1992 (not 1666)
3) Astrology doesn't work. Stop trying to pollute this horrible tragedy with nonsense.
#มิตรสหายนักบินอวกาศท่านหนึ่ง
Daily reminder that the correct response to people accusing someone of being a racist or a nazi isn't:
"But is he really?"
it's actually:
"so what?"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
จากบทเรียนการผลักดันกัญชามาเป็นยารักษาโรค เราน่าจะผลักดันยาหมอแสงให้เป็นยาเสพติดก่อนแล้วก็ผลักดันให้กลับมาเป็นยารักษาโรคอีกทีก็น่าจะได้รับการยอมรับในสังคมอ่ะครับ
การแต่งเพลงอิงวรรณคดีแต่ไม่รู้เนื้อเรื่องนี่เป็นเทรนด์ฮิตของไทยสมัยใหม่หรือยังไงครับ
ช้ำคือเรา - แรพล่าสุดจาก The Rapper
youtube.com/watch?v=TWM5BLZdayo
(วันทองสองใจไปอยู่กับขุนช้างเพราะรวยอยากสบาย แต่ยังแอบมีใจให้ขุนแผน)
ตัวร้ายที่รักเธอ
youtube.com/watch?v=a8qMHBp7WQ4
(ทศกัณฑ์ยอมทำทุกอย่างให้สีดาสนใจ - ยอมผลาญโคตรเลยทีเดียว)
พระรามอกหัก
youtube.com/watch?v=q0ahRBQOpRM
(อันนี้บิดสุด บิดจนไม่เหลือเค้าโครง)
ที่ดูจะตรงกับเนื้อเรื่องสุดคงจะเป็น
I'M SORRY (สีดา)
youtube.com/watch?v=CQbO1bDRTPA
ที่อิงความรู้สึกผิดของพระรามหลังสีดาเข้าไปอยู่ในป่า
(ซึ่งเอาจริงๆ แม่งก็ไม่ได้รู้สึกผิดหรอก)
ดูท่าทางการแต่งเพลงไทยจะอิงกับบริบทสังคมในวรรณคดีเป็นส่วนมาก เพลงเหล่านี้ทำหน้าที่สะท้อนทัศนคติของตัวละครในบริบทสังคมและยุคสมัยในเรื่อง แต่ไม่ได้ตีความหรือชักนำ (เพลงไม่ได้มองวรรณคดีจากบริบทสังคมปัจจุบัน)
หรือที่จริงแล้วคนแต่งอาจจะรู้เนื้อเรื่องดี และแต่งในบริบทสังคมปัจจุบัน แต่ทัศคติเขายังอยู่ในยุคอยุธยา-รัตนโกสินทร์ต้น อันนี้ก็ไม่ทราบได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมามีกฎหมายประกาศในราชกิจจาจำนวนมาก
หนึ่งนั้นก็คือ #พระราชบัญญัติข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งให้อำนาจสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติล้วงข้อมูลส่วนบุคคลของเราได้
หลายคนอาจจะคิดว่าถ้าเราไม่ทำผิด ก็ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไร
ผมอยากแนะนำให้ไปลองหาหนังเก่าเรื่อง Enemy of the State (ชื่อไทยว่า “แผนทรชนล่าข้ามโลก”) มาดูนะครับ
จะเห็นเลยว่าการที่รัฐมีอำนาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพลเรือนมากเกินไป แล้วนำไปใช้ในทางที่ผิด ย่อมส่งผลเสียหายแบบคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
ข้อสังเกตก็คือ รัฐบาลชุดนี้มาจากการยึดอำนาจ การออกกฎหมายที่กระทบถึงสิทธิของประชาชนก็ควรจะออกเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
แต่กลายเป็นว่าช่วงใกล้เลือกตั้ง สนช. มีการผ่านกฎหมายหลายสิบฉบับ โดยที่ไม่รู้ว่าท่าน สนช. ทั้งหลายเคยอ่านเนื้อหา หรือเข้าใจกฎหมายเหล่านั้นหรือไม่
เทียบกับสมัยก่อน พรบ. พวกนี้ก็คือ ประกาศคณะปฏิวัติ นั่นเอง .. แต่คณะรัฐประหารในประเทศไทยมีความเก่งกาจ
ร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวให้มี สนช. ขึ้นมา ทำหน้าที่คล้ายสภาผู้แทนราษฎร แล้วเอากฎหมายที่รัฐบาลออกมาฟอกในสภา สนช. ที่ตัวเองเป็นคนเลือกเข้ามาทั้งหมด
สุดท้ายเวลาผ่านกฎหมายออกมา ก็เลยดูเนียนว่าเป็น พระราชบัญญัติ เหมือนกฎหมายที่ผ่านสภาทั้วไป
ทั้ง ๆ ที่สภาชุดนี้ไม่ได้มีความยึดโยงกับประชาชนแต่อย่างใด .. เราจะถือว่ากฎหมายพวกนี้ตัวแทนของประชาชนเป็นคนยกมือให้ผ่านออกมาได้อย่างไร
>>398 "ความจริงแล้วนางวันทอง ไม่ได้เป็นหญิงสองใจ"
เห็นการประชันเพลงรายการหนึ่ง ซึ่งเอาเนื้อหาจากในวรรณคดีมาเล่าเชิงตำหนิตัวนางวันทอง จากทั้งมุมของขุนช้างและขุนแผน โอเค เพลงทำได้ดีอยู่ฮะ
จะว่าไปอย่าว่าแต่เพลงนั้นเลย เพลงที่ผ่านๆ มาในไทย ก็ชอบเอาเรื่องของวันทองมาเป็นตัวอย่างผู้หญิงไม่ดี รักซ้อนสองใจอยู่บ่อยๆ แต่ความจริงมันเป็นงั้นจริงดิ?
คำตอบคือ "ไม่จริง" ถ้าว่ากันตามฉบับหอพระสมุดวชิรญาณนะ อย่าว่าแต่สองใจเลย เธอคือคนที่มีความรักมั่นคงน่าสรรเสริญไม่แพ้นางสีดาเลยมั้ง
ว่าแล้วก็ย้อนความไปสักนิด วันทองหรือชื่อเดิม พิมพิลาไลย เป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของพลายแก้ว (ต่อมาได้ยศเป็นขุนแผน) และขุนช้าง อยู่ที่สุพรรณบุรี
แต่ด้วยการลี้ภัยจากการโทษของพระพันวษา ทำให้พลายแก้วและแม่ต้องหนีไปอยู่บ้านเขาชนไก่ กาญจนบุรี กลับมาเจอกันอีกครั้งก็ตอนบวชเณร แล้วกลับมาศึกษาต่อที่สุพรรณ
เมื่อกลับมาพบกันอีกครั้งยามโตขึ้น และนางพิมผู้มีศรัทธาในพุทธศาสนา ตั้งใจจะทำบุญที่วัด และเห็นว่าเณรมาใหม่นี่เหมือนอาจรู้จักกันมาก่อน จึงตักบาตรให้เยอะผิดปกติ ทำให้เณรแก้วเกิดความสนใจบางอย่าง
"...ฝ่ายว่านางพิมมีศรัทธา
กล้วยขนมส้มซ่าใส่ถาดใหญ่
หยิบขันข้าวบาตรเดินนาดไป
ใส่แต่หัวโต่งลงมาพลัน
ครั้นว่ามาถึงเจ้าเณรแก้ว
แลแล้วเรรวนนึกหวนหัน
เจ้าเณรนี้ทีเหมือนรู้จักกัน
นางก็ตักจังหันทัพพีโต
หมูผัดปลาแห้งทั้งแกงไก่
ไข่พอกซีกใหญ่ใส่อักโข
ไส้กรอกปลาแห้งแตงโม
แกงโถหนึ่งใส่ให้พอแรง
เณรแก้วก้มหน้าไม่ทันรู้
เห็นของมากเงยดูก็ตาแข็ง
ปะหน้าสีกาพิมยิ้มตะแคง
สีกานี้มิแกล้งข้าฤๅไร..."
สนใจขนาดมองแล้วรู้สึกว่าสวยบาดตากันเลยทีเดียว
"...เณรใจบึกๆ นึกเป็นครู่
เหมือนเคยเล่นกับกูกูจำได้
ชื่อว่าสีกาพิมพิลาไลย
สาวขึ้นสวยกะไรเพียงบาดตา..."
แต่ถึงจุดนี้ นางพิมก็ยังไม่ได้เล่นด้วยแต่อย่างใด
ส่วนขุนช้างระหว่างที่พลายแก้วไม่อยู่ ก็มีเมียชื่อแก่นแก้ว แต่ตายไปด้วยโรคบิดตั้งแต่มีบทได้แป๊บเดียว ขุนช้างก็พยายามจีบนางพิม ด้วยการโชว์ความรวย แต่เหมือนอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยนัก อย่างตอนไปฟังเทศน์มหาชาติกัน ก็พยายามใส่แหวนอวดรวย หวังให้นางพิมปลื้ม
"...ครั้งนี้จะแต่งไปให้ยิ่งยวด
จะไปอวดนางพิมให้ยิ้มอยู่
นิ้วก้อยใส่รังแตนแหวนงู
นิ้วชี้เชิดชูนั้นแหวนเพชร
นิ้วนางแหวนประดับทับทิม
เอ๊ะทีนี้นางพิมปิ้มสำเร็จ
แหวนเครื่องของบิดายอดห้าเม็ด
ชาวสุพรรณมันเข็ดว่ามั่งมี..."
สรุปแล้วในเนื้อเรื่องหลังพบกันครั้งแรก นางพิมก็ไม่ได้แสดงออกว่าชอบทั้งความหล่อของเณรแก้ว และความรวยของขุนช้าง จนอยากได้มาครองคู่ขนาดนั้น
ต่อ
จนกระทั่งเมื่อเณรแก้วได้ขึ้นไปเทศน์... ก็เริ่มเปิดด้วยลูกเล่นตุกติกก่อนทันที...
"...นั่งต่ำมากว่าสงฆ์สำรวมกาย
ชม้ายเห็นเจ้าพิมผู้นิ่มหน้า
พิมน้อยพอชม้อยไปปะตา
อายหน้าก้มนิ่งอยู่ในที
เณรพลายจึงร่ายละลวยซ้ำ
ประจำจิตรประสมเนตรวิเศษศรี
กำลังมนตร์ดลพิมให้ยินดี
ไม่ขาดที่จะแลล่อไปต่อตา
พอสบพักตร์เณรพยักให้ทันใด
ด้วยน้ำใจผูกพันกระสันหา..."
ใช่ครับ... เณรแก้วร่าย CHARM เป่ามนต์เสน่ห์ให้นางพิมให้กระสันหาตัวเองก่อน!
ก็มีเรื่องราวปลีกย่อยพอสมควร ที่เดี๋ยวไปเล่าคราวหน้า แต่ก็นำพาให้ทั้งคู่ได้เสียกันก่อน แล้วมาแต่งงาน
จนกระทั่งไปพลายแก้วต้องไปรบ นางพิมเปลี่ยนชื่อเป็นวันทอง แล้วก็โดนขุนช้างหลอกว่าพลายแก้วตาย และขอนางพิมที่เป็นหม้ายมาแต่งงานกับตัวเอง
นางวันทองไม่ได้รักขุนช้าง ไม่ยอมแต่ง แม้อีกฝ่ายจะรวย พยายามเถียงแม่ ไม่ยอมแต่ง ถ้าแม่อยากได้ก็ไปแต่งเองดิ ก็โดนแม่จับมัดแล้วเฆี่ยนตีให้ไปแต่งงานให้ได้
"...นางวันทองแค้นคั่งประดังร้อง
กระทุ้งห้องสนั่นหวั่นไหว
ชังนํ้าหน้าอ้ายหัวล้านขี้คร้านไป
แม่จะใคร่ได้เขาก็เอาเอง
ตะแก่ฟังลูกยาว่าประชด
มันเหลืออดถกเขมรขึ้นเต้นเหยง
ดูอีพิมว่าได้ช่างไม่เกรง
แกฉวยไม้ป่ายเป้งลงหลายที
นางวันทองร้องแซ่พ่อแม่เอ๋ย
ข้าไม่เคยพบเห็นเช่นนี้นี่
เขาไม่รักอ้ายล้านมาพาลตี
คนไม่อายอายผีบ้างเถิดรา
ยังส่งเสียงเถียงคำไม่ตกฟาก
แกฉวยเชือกกระชากมาจากฝา
มัดมือยื้อโยงขึ้นหลังคา
เอาไม้มาตีกลมระดมไป
จะเข้าหอฤๅไม่ให้เร่งว่า
มิบอกมาแล้วแม่หาแก้ไม่
นางวันทองร้องดิ้นจะสิ้นใจ
พี่สายทองไปไหนไม่เข้ามา..."
ถึงแบบนั้น วันทองก็ไม่ยอมเสียตัวให้ขุนช้างเลย จนกระทั่งขุนแผนกลับมา พร้อมกับนางลาวทองเมียใหม่ เธอก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง แต่นางลาวทองดันยุให้ขุนแผนไม่เชื่อ จนวันทองจะไปตบลาวทอง แต่ขุนแผนก็มาปกป้องลาวทอง แถมด่าวันทองไปชุดใหญ่ แถมชักดาบจะมาตัดคอวันทอง ไม่ให้แตะลาวทองอีกต่างหาก
วันทองก็เข้าสู่สภาวะช็อก ไม่อยากแต่งกับขุนช้าง แต่ขุนแผนก็ไม่เอาตัวเองแล้ว ก็เกิดสภาวะซึ่มเศร้าจนจะฆ่าตัวตายเลยทีเดียว
ต่อ
"...แต่อายุเพียงนี้มีสองผัว
แสนชั่วแสนถ่อยทุกเส้นผม
มีแต่จะอับอายไม่วายตรม
ชีวิตสิ้นดินถมก็ชื่อฦๅ
ความเจ็บเท่าไรจะรู้หาย
ความอายเมื่อไรจะสิ้นชื่อ
ดังหมึกสักปักไว้ที่หลังมือ
ยังจะรื้อรักรูปไปไยมี
ตายเสียตายเถิดประเสริฐกว่า
คว้าได้เชือกลากมาจากที่
ยกมือกราบงามลงสามที
ชาตินี้น้องพลัดพ่อพลายแล้ว
กลัวอายจะตายไปคอยท่า
ชาติหน้าขอพบพ่อพลายแก้ว
อย่าให้อ้ายขุนช้างมาวี่แวว
ว่าแล้วแฝงม่านลุกขึ้นมา
เกาะเสาเท้าปีนขึ้นถึงขื่อ
สองมือผูกคอให้แน่นหนา..."
ยังดีที่สายทอง เมดพี่เลี้ยงของเธอมาช่วยเอาไว้ได้ และถูกแม่เธอมอบให้ขุนช้าง เธอโดนขุนช้างขืนใจ ในขณะที่กำลังพร่ำเพ้อหาพลายแก้ว และพยายามขัดขืน แต่ก็สู้ไม่ไหว
"...วางแม่ยายมาคว้าวันทอง
ฉุดเข้าในห้องอยู่งุ่นง่าน
กรักกรุกคุกเข่าเหมือนเต่าคลาน
กูจะขึ้นวิมานวันนี้แล้ว
วันทองร้องอึงอยู่ในห้อง
ขุนช้างข่มเหงน้องพ่อพลายแก้ว..."
หลังจากนั้นเธอก็ตกสู่สภาวะซึมเศร้า ข้าวปลาไม่กิน
"...อยู่แต่ในห้องได้สองวัน
โศกศัลย์พ่างเพียงจะเป็นบ้า
จำใจอยู่ด้วยขุนช้างมา
พอลับหลังโศกาถึงเจ้าพลาย
ไม่เป็นกินอยู่ทั้งปลาข้าว
ตื่นเช้าก็นอนไปจนสาย
ตรอมใจเพียงนางจะวางวาย
มือฟายน้ำตาอยู่ฟูมฟอง ฯ"
ถ้าเป็นสมัยนี้คงพาไปหาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาได้แล้ว แต่เสียดายสมัยนั้นไม่มี วันทองเลยต้องจำใจอยู่แบบนั้นไปนาน จนขุนแผนโดนขุนช้างใส่ความ และต้องพรากจากนางลาวทอง ก็เกิดสติระลึกถึงวันทองขึ้นมา และสำนึกที่ไม่ฟังนาง เลยไปลักพาตัวนางกลับมา หนีเข้าป่า
วันทองตอนนั้นก็เสียใจ ไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้หรอก แต่ก็เห็นใจความพยายามของขุนแผน เลยว่าจะร่วมหัวจมท้ายกับชายคนนี้แหละ
ต่อ
"...ร่ำพลางทางสะท้อนถอนใจใหญ่
ง่วงเหงาเศร้าใจอยู่กับที่
เอาความรักหักหวนอยู่รวนรี
ได้เสียทีทำกะไรไปตามเกิน
จะเคืองขุ่นขุนแผนก็ไม่ได้
เขารักใคร่จริงจังไม่ห่างเหิน
ไปจากกันนานช้าน่าจะเพลิน
หมางเมินลูกเมียเขาก็มี
สู้บากหน้ามาตามด้วยความรัก
ลอบลักเข้าป่าพากันหนี
ไม่กลัวความลามลุกคลุกคลี
เอาชีวีแลกน้องวันทองมา
จะทิ้งขว้างอย่างไรต้องไปด้วย
จะมอดม้วยก็ตามแต่วาสนา..."
สุดท้ายขุนแผนก็สู้คดีกับขุนช้างจนชนะความ สองผัวเมียกลับมาครองรักกัน เหมือนจะมีความสุข จนขุนแผนเกิดอยากได้นางลาวทองกลับมาเลยไปขอคืนจากพระพันวษา พระราชาเลยเคือง ได้คืบเอาศอก สั่งขังซะเลย
ระหว่างวันทองที่เริ่มท้องแก่ กลับไปเยี่ยมผัว ก็โดนขุนช้างใช้กลอุบาย ฉุดนางวันทองลงเรือไปหาขุนช้าง แล้วก็โดนขุนช้างข่มขืนอีก
นางคงมีชีวิตอยู่ด้วยความหวังอันริบหรี่ ว่าขุนแผนจะพ้นโทษออกมาช่วย พอคลอดพลายงามออกมา ขุนช้างเห็นเริ่มโตมาหน้าตาเหมือนขุนแผนวัยเด็ก ก็พยายามฆ่าพลายงาม แต่ก็รอดมาได้เพราะผีของขุนแผนช่วยไว้ จนวันทองตัดสินใจให้พลายงามหนีไปหาย่า ฝึกวิชาและเติบโตขึ้นมาเป็นคนเก่ง... อาจหวังลึกๆ ว่าถ้าผัวไม่พ้นโทษ ลูกคงกลับมาช่วยมั้ง
ปรากฏว่าพอพลายงามโต อาสาทำสงคราม เอาพ่อออกมาจากคุก รบชนะได้ดิบได้ดี สิ่งที่พลายงามทำก็คือมาช่วยแม่ แต่ดันมาสเต็ปเดียวกับพ่อ เข้าไปลักพาตัวแม่...
แต่วันทองไม่เต็มใจ อยากให้ลูกฟ้องร้องตามกฎหมาย คงเพราะเข็ดกับการโดนฉุดแล้ว
"...เจ้าเป็นถึงหัวหมื่นมหาดเล็ก
มิใช่เด็กดอกจงฟังคำแม่ว่า
จงเร่งกลับไปคิดกับบิดา
ฟ้องหากราบทูลพระทรงธรรม์
พระองค์คงจะโปรดประทานให้
จะปรากฏยศไกรเฉิดฉัน
อันจะมาลักพาไม่ว่ากัน
เช่นนั้นใจแม่มิเต็มใจ ฯ"
แต่พลายงามดันบ้า จะเอาแม่ไปให้ได้อย่างเดียว ขนาดที่ว่าให้ฆ่าเอาศพแม่กลับไปก็ยอม
"...จึงว่าอนิจจาลูกมารับ
แม่ยังกลับทัดทานเป็นหนักหนา
เหมือนไม่มีรักใคร่ในลูกยา
อุตส่าห์มารับแล้วยังมิไป
เสียแรงเป็นลูกผู้ชายไม่อายเพื่อน
จะพาแม่ไปเรือนให้จงได้
แม้นมิไปให้งามก็ตามใจ
จะบาปกรรมอย่างไรก็ตามที
จะตัดเอาศีรษะของแม่ไป
ทิ้งแต่ตัวไว้ให้อยู่นี่
แม่อย่าเจรจาให้ช้าที
จวนแจ้งแสงศรีจะรีบไป ฯ"
สุดท้ายวันทองก็โดนลูกฉุดกลับบ้านไป ทำเอาขุนช้างเคืองมาก ไปถวายฎีกาให้กับพระพันวษา ด้วยการว่ายน้ำปีนเรือพระที่นั่ง
"..จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดช
เสด็จคืนนิเวศน์พอจวบค่ำ
ฝีพายรายเล่มมาเต็มลำ
เรือประจำแหนแห่เซ็งแซ่มา
พอเรือพระที่นั่งประทับที่
ขุนช้างก็รี่ลงตีนท่า
ลอยคอชูหนังสือดื้อเข้ามา
ผุดโผล่โงหน้ายึดแคมเรือ..."
แน่นอนว่าพระพันวษาไม่พอใจและหงุดหงิดมาก ยิ่งมารู้ว่าฎีกาที่ว่าคือเรื่องแย่งผู้หญิงก็ยิ่งหงุดหงิด คงอยากจะให้มันจบๆ ไปสักที
พอพระพันวษาไต่สวนแล้วก็ด่าทั้งขุนช้าง ขุนแผน พลายงาม และให้วันทองตัดสินใจเองว่าจะไปกับใครแน่
วันทองเองก็เพิ่งขึ้นโรงขึ้นศาล พระราชามาถึงก็โวยวายใส่ทุกคน ตัวเองก็เกิดกลัวไม่กล้าตัดสินใจเองขึ้นมาทันที
ต่อ
"...จะว่ารักขุนช้างกะไรได้
ที่จริงใจมิได้รักแต่สักหนิด
รักพ่อลูกห่วงดังดวงชีวิต
แม้นทูลผิดจะพิโรธไม่โปรดปราน
อย่าเลยจะทูลเป็นกลางไว้
ตามพระทัยท้าวจะแยกให้แตกฉาน
คิดแล้วเท่านั้นมิทันนาน
นางก้มกรานแล้วก็ทูลไปฉับพลัน
ความรักขุนแผนก็แสนรัก
ด้วยร่วมยากมานักไม่เดียดฉันท์
สู้ลำบากบุกป่ามาด้วยกัน
สารพันอดออมถนอมใจ
ขุนช้างแต่อยู่ด้วยกันมา
คำหนักหาได้ว่าให้เคืองไม่
เงินทองกองไว้มิให้ใคร
ข้าไทใช้สอยเหมือนของตัว
จมื่นไวยเล่าก็เลือดที่ในอก
ก็หยิบยกรักเท่ากันกับผัว
ทูลพลางตัวนางระเริ่มรัว
ความกลัวพระอาญาเป็นพ้นไป ฯ"
แน่นอนว่าพระพันวษาเองก็หงุดหงิดที่โดนปีนเรือ แถมหงุดหงิดพฤติกรรมไม่กลัวกฎหมายของขุนช้างขุนแผนและพลายงามเต็มที่แล้ว ก็เลยด่าวันทองเป็นหญิงเลว รักผู้ชายทีละสอง และสั่งประหารไปซะงั้น
เรื่องของเธอในตอนมีชีวิต ก็จบลงด้วยประการนี้แหละ...
สรุปแล้ว เธอก็ไม่ได้เป็นหญิงสองใจรักสองคนแต่อย่างใดหรอกฮะ
เธอก็แค่สาวงามเคราะห์ร้ายที่ศรัทธาในศาสนา แต่โดนเณรหื่นลองวิชาเสน่ห์ทำให้หลง แล้วก็รักเขามาตลอด ทว่าถูกมาเฟียเมืองสุพรรณแบบขุนช้าง พยายามใช้สารพัดวิธีขืนใจเธอ จนชะตามาขาดเพราะคนตัดสินคดีอารมณ์เสีย ก็เท่านั้นเอง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Gordon: Could i get some ice in my water please.
Waiter: Alright
Waiter: Here you go.
Gordon: Is it frozen?
Waiter: Of cou--
Gordon: Bloody Hell
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เมื่อใดที่คุณท้อใจจากการขายงาน จงนึกถึงคนที่ขายไอเดียเลย์รสเมลอนบิงซูขนาดแฟมิลี่แพ็กผ่านมาจนถึงหน้าเชลฟ์"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เราว่าปัญหาฝุ่นนี่มันเอามาเล่าเรื่องความเหลื่อมล้ำได้ตั้งแต่สาเหตุและผล เล่าได้ตั้งแต่ต้นจนจบ คือเป็นอะไรที่ทำให้เห็นความเหลื่อมล้ำดีมาก
ตั้งแต่สาเหตุ คือไม่มีใครอยากนั่งเผาป่า เผาซังอ้อย ทำโรงงานที่ปล่อยสารพิษ หรือทำลายสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวหรือเปล่า
เขาต้องโดนผลัก โดนขูดรีด จากสังคมและระบบการกระจายรายได้อย่างสุดตัวแล้ว ถึงต้องทำให้เขาไปขูดรีดต่อจากสิ่งแวดล้อม ใครจะอยากเผาซังอ้อย ถ้าราคาอ้อยมันดี ๆ หรือมีอุปกรณ์ให้เขาฝังกลบ หรือมีเทคโนโลยีช่วยไม่ให้ต้องแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการที่มีราคาถูกที่สุด
นี่ไม่ใช่ความเหลื่อมล้ำในประเทศอย่างเดียวด้วย มีคนเล่าว่าการเผาป่าเกี่ยวข้องกับ global supply chain ซึ่งทำให้นี่เป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำในระดับโลก
ทางยุโรปที่เขาแคร์เรื่องโลกร้อนมากๆ เขาถึงได้มีแคมเปญ zero palm oil เพราะเขามองว่าการเผาป่าในพื้นที่ป่าแถบสุมาตรา ชวา ฯลฯ เป็นต้นเหตุหนึ่งของโลกร้อน แต่ของไทยนี่ก็ยังไม่มีการแจ้งสาเหตุอย่างเป็นทางการในระดับภูมิภาคเลยว่ามันเกิดอะไร คงไม่อยากให้มี zero xxxx แล้วมารบกวน wealth ของเขา
ความยากจน นี่เป็นต้นตอหนึ่งของปัญหาสิ่งแวดล้อม ตอนเรียน ป. โท อาจารย์คนหนึ่งเคยสอนเราว่า นี่คือ externalities เป็นต้นทุนที่ไม่เคยเอามานับ และมันไม่อาจแก้ไขได้โดยการออกกฎระเบียบมาห้ามไม่ให้เขาทำลายสิ่งแวดล้อม แต่มันต้องแก้ไขระบบการกระจายรายได้
แล้วผลมันก็ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่คนที่ได้รับผลกระทบมันก็เหมือนจะเท่ากันแต่ไม่เท่ากันใช่ไหม
การเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันตัวเองที่ไม่เท่ากัน ราคาเครื่องกรองฝุ่นที่แพงมาก และฉวยโอกาสทำให้แพงมากในช่วงฝุ่นเยอะๆ มีไม่เท่ากัน การเข้าถึงหน้ากากกรองฝุ่น ความรู้เรื่องปัญหาสุขภาพที่เกิดมาจากฝุ่น และในบั้นปลาย คนที่ต้องดูดซับปัญหานี้ก็คือคนที่เข้าถึงข้อมูลและการป้องกันตัวได้ต่ำกว่าคนอื่นเขา นี่ก็คือปัญหาความเหลื่อมล้ำ
ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ลุง: ขอกลไกที่มีงูออกมาหน่อย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"พ่อผมเป็นผู้อำนวยการหอดูดาวปารีส ค้นพบช่องว่างในวงแหวนดาวเสาร์ แล้วพ่อคุณล่ะ ทำอะไรให้ดาราศาสตร์บ้าง?"
ประโยคนี้ฌัก แคสซินี (Jacques Cassini) ไม่ได้กล่าว แต่เดาได้้ว่าถ้าเขามีเฟซบุ๊คเขาก็คงโพสต์แบบนี้
พ่อของฌักคือจิโอวานนี แคสซินี เป็นนักดาราศาสตร์ชาวอิตาลีที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง และเป็นผู้ที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ขอให้มาช่วยสร้างหอดูดาวปารีส และยังเป็นผู้อำนวยการหอดูดาวปารีสคนแรกอีกด้วย ซึ่งลูกชายและหลานชายของเขาก็สืบทอดตำแหน่งมาอีกถึง 4 รุ่น
นอกจากจะเกี่ยวข้องกับหอดูดาวปารีสแล้ว เขาก็คำนวณอัตราการหมุนรอบตัวเองของดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ค้นพบดวงจันทร์ 4 ดวงของดาวเสาร์ ค้นพบช่องว่างในวงแหวนดาวเสาร์ ซึ่งภายหลังตั้งชื่อตามแคสซินีว่าช่องว่างแคสซินี (Cassini Division) ค้นพบจุดแดงใหญ่บนดาวพฤหัสบดีร่วมกับโรเบิร์ต ฮุก
และยังมีผลงานอื่น ๆ อีกมากมายที่เล่าที่นี้คงไม่หมด
ส่วนลูกชายของเขาก็มีผลงานไม่น้อยหน้าพ่อ เขาวัดส่วนของเส้นเมอริเดียนจากดันเคิร์กในตอนเหนือของฝรั่งเศสไปยังเมืองแปร์ปีญ็องในภาคใต้ และเผยแพร่ตารางดาวบริวารของดาวเสาร์เป็นคนแรก
ตระกูลแคสซินีนี้ทำประโยชน์มากมายให้กับวงการดาราศาสตร์ทั่วโลก ไม่เฉพาะในฝรั่งเศสอย่างเดียว คงไม่ต้องถามกันแล้วว่าพ่อของฌักทำอะไรให้กับชาวโลกบ้าง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ดัชนีความทุกข์ยาก" (ดัชนีที่ไม่น่าเชื่อถือ)
การที่ไทยได้ขึ้นเป็นอันดับ 1 สำหรับประเทศที่มีความทุกข์ยากต่ำที่สุด (จากการจัดอันดับทั้งสิ้น 60 ประเทศ) จากการใช้ดัชนีความทุกข์ยาก (Misery Index) นี้ เป็นเรื่องที่เราไม่ควรต้องดีใจอะไร เนื่องจากดัชนีนี้เป็นการวัดที่บิดเบือนไปจากความถูกต้องที่ความทุกข์ยากควีพึงจะต้องมีไปมาก
ตัวชี้วัดแรกขดัชนีนี้ได้แก่ "อัตราเงินเฟ้อ" ที่ประเทศไทยถือได้ว่ามีเงินเฟ้อต่ำกว่าหลายๆ ประเทศ แต่ทั้งนี้เงินเฟ้อที่ต่ำนี้มาจากเป้าหมายการดำเนินการของธนาคารแห่งประเทศไทยโดยใช้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ (Inflation Targeting) เป็นสำคัญ ประเทศไทยเราเองใช้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อมาตั้งแต่หลังวิกฤตการทางเศรษฐกิจ "ต้มยำกุ้งในปี พ.ศ.2540" โดยมีวัตถุประสงค์ในการให้ความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมากกว่าที่จะให้เศรษฐกิจโตอย่างไร้เสถียรภาพ แต่ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป อาจจะส่งผลเสียต่อการสร้างภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง เพราะผู้ขายสินค้าอาจไม่สามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่าต้นทุนและอาจทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กๆ อาจต้องล้มหายตายจากได้ ซึ่งแน่นอนว่าในจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศต้องประสบกับปัญหาความเหลื่อมล้ำ และยากต่อการขยายตัวในระยะยาวได้
ตัวชี้วัดที่สองได้แก่ "อัตราการว่างงาน" ซึ่งประเทศไทยเองก็มีอัตราดังกล่าวที่ต่ำกว่าหลายประเทศเช่นกัน แต่ทั้งนี้ผมเองจะเน้นตอนที่สอนเรื่องนี้ในห้องเรียนเสมอว่า "อัตราการว่างงานในประเทศไทย เป็นตัวชี้วัดที่เชื่อถือไม่ได้" เนื่องจากดัชนีดังกล่าวจะคำนวณโดยใช้เพียง "จำนวนคนว่างงาน (และต้องการจะทำงาน หารด้วยจำนวนกำลังแรงงานของประเทศ" ด้วยตลาดแรงงานในบ้านเร่มีแรงงานส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรกรรม และเป็นแรงงานนอกระบบ (Informal Sector) เสียมากกว่าร้อยละ 60 ดังนั้นแรงงานเหล่านั้นจะไม่ได้ทำงานเต็มเวลา 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เหมือนแรงงานในระบบทั่วไป แรงงานเหล่านั้นจึงถือว่ามีงานทำ แต่ไม่ได้ทำงานเต็มศักยภาพอย่างเต็มที่ เช่นปีหนึ่งๆ อาจทำงานแค่ช่วงฤดูหว่านกับฤดูเก็บเกี่ยว ที่เหลือว่างงาน ดังนั้น แรงงานเหล่านั้นจึงถือว่ามีงานทำ เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้กระทบอะไรกับการทำงานของเขา ในกรณีของแรงงานในระบบเอง ต่อฝให้เศรษฐกิจไม่ดี นายจ้างก็จะไม่ไดัมีการไล่คนงานออกทันที ตรงกันข้าม เขาจะใช้วิธีการ "ลดชั่วโมงการทำงาน" แทน ดังนั้นถ้าจะวัดการว่างงานจริงในประเทศไทย จึงควรจะวัดที่ค่า Underemployment ถึงจะถูกต้อง โดย Underemployment จะวัดไปที่จำนวนชั่วโมงการทำงาน เช่นถ้าทำงานเต็มเวลา แรงงานควรทำงานประมาณ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่ถ้าโดยเฉลี่ย แรงงานทำงานเพียง 30-35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แปลว่าเศรษฐกิจเริ่มไม่ดี และตัวดัชนี Underemployment นี้ถึงจะวัดความทุกข์ยากได้ดีกว่าดัชนี Unemployment Rate
นอกจากนี้ ปัญหาการว่างงาน จริงๆ แล้ว ความทุกข์ยากในการทำงานเกิดจากตกงานเนื่องจากหางานทำไม่ได้ตามความต้องการ (Frictional Unemployment) ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าว รัฐบาลสมัยไหนๆ ก็ตามจึง "ไม่ควรนำดัชนีความทุกข์ยากที่ประกาศออกมานี้มาอ้างความสำเร็จของการบริหารงานของตน" เพราะด้วยโครงสร้างทางเศรษฐกิจแบบของประเทศไทยจะไม่เป็นที่น่าประหลาดใจอะไรถ้าเราจะมีอันดับสูงๆ กับตัวชี้วัดนี้
เห็นช่วงนี้มีคนมาทวงเครดิตกับเพจมิตฯบ่อย กูเลยขักสงสัยว่าพวกโพสในเฟสนี่มันมี copyright คุ้มครองมั้ยวะ แล้วถ้ามี กรณีเพจมิตนี่มันเข้าข่าย fair use มั้ย หรือว่านับเป็นการขโมย
ผมเองไม่ชอบมุก "มิตรสหายท่านหนึ่ง" มาแต่ไหนแต่ไร เพราะผมแสดงความเห็นตรงไปตรงมาใครอยากจะเข้ามาถกเถียงก็เข้ามาได้เพราะเป็นสาธารณะ
วันนี้ความเห็นของผมถูกลดคุณค่าโดยเหลือเพียงคำว่า มิตรสหายท่านหนึ่ง ซึ่งผมได้ขอให้เค้าลบโพสต์ไปแล้ว
ถ้ายังเคารพและให้เกียรติความคิดเห็นของคนอื่นไม่ได้ อย่ามาเรียกร้อง free speech
ป.ล.ปรกติใครก๊อปข้อเขียนของผมไป repost ผมไม่เคยว่า ไม่ให้เครดิตก็ไม่ว่าอะไร แต่ไม่ใช่เพจนี้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Reviewer สมัยนี้หากินกันด้วยการรับจ้างรีวิวก็ได้หรอคะ 11 ปีก่อนเรารีวิวร้านอาหาร ดังทีเดียว ยอดวิวประมาณสองแสน ร้านอาหารมาจ้างหลายร้าน เราไม่รับเลย ถ้าเรารับเงินมารีวิว แบบนี้จะเรียกตัวเองว่า “Reviewer” ได้หรอ มันต้องมี Biases อยู่แล้ว เรียกตัวเองว่า “คนรับจ้างโฆษณา”ดีกว่าป่าวคะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับการดูทีวีในตอนนี้
รายการทีวีที่เขียนกำกับว่า
" ผลิตก่อน วันที่ 1 เมษายน 2562"
ด้วยเหตุว่า พิธีกรไม่ได้ใส่เสื้อเหลือง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ที่แกรวยเพราะแกรู้จักใช้เงิน รู้จักประหยัด รู้จักพอเพียง แกเป็นคนโสดไม่มีลูกเมีย เงินเดือนที่ได้มาแกก็เอาไปฝากธนาคารกินดอกเบี้ยเอาไปลงทุนให้เงินมันงอกเงย สิ่งที่ไม่จำเป็นแกก็ไม่ซื้ออาศัยยืมเพื่อนใช้เอา เพราะทำแบบนี้ไงลุงป้อมแกถึงรวย เรื่องโกงตัดทิ้งไปได้เลย เพราะป๋าเปรมแกการันตีไว้แล้วว่ารัฐบาลลุงตู่ไม่มีโกง จบนะ!!
"ช่วง ลองวิเคราะห์ปรากฎการณ์: พอดีเห็นดราม่าเพจมิตรสหายท่านหนึ่งช่วงนี้ แล้วคิดเอาเองว่า มันมีประเด็นทางกฎหมายน่าสนใจมากๆ ในสองเรื่องด้วยกัน นี่ว่าจะเอาไปถามนศ.ในคลาสหนึ่งดูเล่นๆ แต่อยากเขียนสรุปไว้เองก่อนดังนี้ฮะ (ยาวจร้า)
ถ้าสมมติข้อเท็จจริงเป็นว่า ข้อความที่เขียนของใครสักคนหนึ่ง มีความเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล” อาทิเช่น เป็นความคิดเห็นดีๆ คมๆ แต่มันสามารถเผยแสดงให้เห็นถึงรสนิยมทางการเมือง หรือทางเพศของผู้เขียนได้ ในขณะที่ผู้เขียนเองก็เปิด public หรือสาธารณะเอาไว้ การที่เพจมิตรสหายท่านหนึ่งไปก๊อปมาโดยไม่ขออนุญาต เช่นนี้
1. ถือเป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลได้หรือไม่ ?
ที่ยกประเด็นนี้มา เพราะในดราม่านั้น มีคนใช้เหตุผลทำนองนี้เยอะมากว่า “ถ้าไม่อยากให้คนอื่นๆ มาอ่าน มาก๊อปเอาไปอ่านต่อ ก็จงอย่างตั้งเป็นสาธารณะตั้งแต่แรก” ...ซึ่ง เราอ่านแล้วตะหงิดๆ อยู่...การจะตอบเรื่องนี้ได้ ไม่ง่ายเลยนะฮะ เพราะก่อนอื่น เราต้องตั้งคำถามก่อนว่า “การเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวหรือข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเองในพื้นที่สาธารณะ = สละความคุ้มครองในข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือไม่?”
ประเด็นนี้ Alan Westin ศาสตราจารย์ด้านกม.ผู้คร่ำหวอดอยู่กับเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเคยแสดงทัศนะไว้ทำนองว่า “ความเป็นส่วนตัวจะยังคงได้รับความคุ้มครองอยู่ หากผู้เป็นเจ้าของข้อมูลยังสามารถควบคุมข้อมูลของเขาได้” ดังนั้น “คนที่ถูกกีดกันจากการควบคุมข้อมูลของตัวเอง ย่อมเท่ากับเขาได้สูญเสียความเป็นส่วนตัวไปแล้ว” ...ถ้าคิดบนหลักการนี้ จึงเท่ากับว่า ต่อให้เราโพสต์ข้อมูลส่วนตัวในหน้า fb เรา ทั้งยังเปิดสาธารณะ คนอื่นๆ เห็นได้ แต่ตราบใดถ้าเรายัง “ควบคุม” มันได้ เช่น แก้ได้ ลบทิ้งได้ ..ความเป็นส่วนตัวเรายังไม่โดนละเมิด แต่ถ้าเมื่อไหร่ มีคนก๊อปข้อความเราไป เผยแพร่ต่อ ในแพล็ตฟอร์มที่เราตามไปลบ หรือแก้ไขไม่ได้ ...เรากำลังสูญเสียความเป็นส่วนตัวในข้อมูลนั้นไป ...กล่าวรวบให้ง่ายอีกทีก็คือ การโพสต์อะไร แม้ในที่สาธารณะ ยิ่งถ้ามีความเป็นข้อมูลส่วนบุคคลซ่อนอยู่ด้วยแล้ว มันไม่ได้หมายความว่า “ผู้โพสต์จะไม่ได้รับ หรือสละความคุ้มครองในข้อมูลนั้นแล้ว” นั่นเอง เขายังคงต้องได้รับความคุ้มครองอยู่ ดังนั้นปกติ จะเอาไปต้องขออนญาตก่อน จะมาอ้างแบบที่อยู่ในดราม่านั้นว่า เปิดสาธารณะแล้ว เท่ากับ ใครจะเอามันไปทำอะไรต่อก็ได้ ไม่ได้
ที่ว่าไปนั้นคือ “หลักการ” คราวนี้ เพจมิตรสหาย ฯ ต่อเรื่องนี้มันมีความพิเศษของมันอยู่ เพราะ ข้อมูลส่วนบุคคล โดยสภาพมันจะถือว่าถูกละเมิดได้ หรือมันจะมีฟังชั่นของมันได้ หรือส่งผลใดๆ ต่อเจ้าของข้อมูลได้ ปกติคนอื่นๆ ต้องรับรู้ว่า มันคือ “ข้อมูลของใคร” ดังนั้น คำคมๆ ที่แสดงรสนิยมทางการเมืองโดยที่คนอ่านก็ไม่อาจรู้ว่า ใครกันวะ ที่มีรสนิยมทางการเมืองแบบนั้น จึงสูญเสียความเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล” ไปแล้วโดยปริยาย ดังนั้น ต่อให้ไปก๊อปมาโดยไม่ขอ แต่เอาชื่อเขาออกเสีย ใส่ว่า “มิตรสหายท่านหนึ่ง” ลงไปแทน จึงไม่น่าจะละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของใครได้เลย.. โดยมิพักต้องสนใจเลยด้วยซ้ำว่า เจ้าของที่แท้จริงสละความคุ้มครอง หรือหมดสิทธิควบคุมข้อมูลนั้นไปแล้วหรือเปล่า ...ประเด็นนี้ เห็นด้วยไหมฮะ?
ปล. เรื่องนี้ย่อมไม่เหมือนกรณี นักข่าวถือวิสาสะเอาความคิดเห็นของใครไปเป็นข่าว และไม่ปกปิดชื่อแส้ของเขาด้วย
(มีต่อ)
(ต่อจาก >>420 )
2. ถือเป็นการทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นปัญหาเรื่องการอาจละเมิดทส.ทางปัญญา ประเภทลิขสิทธิ์ ได้หรือไม่ ?
อันนี้ก็ไม่ง่าย ต้องพิจารณาแบบเคสบายเคส เช่นว่า ถ้ามันเป็นข้อความที่เป็นการวิเคราะห์เรื่องอะไรที่จำเป็นต้องใช้ความรู้ความสามารถ เรียกว่าคนทั่วไปทำไม่ได้ ต้องมีความ creative เฉพาะตัว แบบนี้ข้อความนั้นจะได้รับความคุ้มครองแบบลิขสิทธิ์ได้ การทำซ้ำเอาไป ปกติ ต้องขออนุญาตและทำตามเงื่อนไขที่เจ้าของกำหนด ถ้าไม่ขอ และ/หรือละเมิดเงื่อนไข ก็ผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ได้ แต่ประเด็นคือ เรื่องนี้มีข้อยกเว้นอยู่ เรียกว่าหลัก fair use หรือการใช้อย่างเป็นธรรม โดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของเลย ซึ่งมีตัวชี้วัด 4 ตัว คือ 1) ต้องไม่เอาไปใช้เชิงการค้า (ผู้เอาไปใช้นั้นได้รับผลประโยชน์บางอย่าง) 2) ต้องไม่เอาไปทั้งหมด หรือแม้เอาไปน้อย แต่เอาส่วนอันเป็นหัวใจของงานไปเลยก็จะกลายเป็น ไม่ fair ได้ 3) ความเป็นที่รู้จักของงานนั้น กล่าวคือ ถ้าเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายอยู่แล้ว ก็อาจนับว่ายัง fair อยู่ และ 4) ต้องไม่กระทบกับมูลค่าทางการตลาดของเจ้าของงาน ดังนั้น ถ้าเจ้าของเขาทำเพจที่มี content ดีๆ สร้างสรรค์ และกะขายโฆษณา แบบนี้ไปเอาเขามาใช้ ก็จะไม่ fair ...และถ้าสุดท้ายเอาไปเผยแพร่ต่อต้องมีการอ้างอิงที่มา หรือให้มีการรับรู้ความเป็นเจ้าของด้วย (ให้เครดิต)
ประเด็นนี้ของเพจมิตรสหาย ฯ ดูแล้วไม่ใช่เพื่อการค้าแน่ ๆ ล่ะ และเอาจากที่เจ้าของเปิด public สองข้อนี้ก็อาจนับได้ว่า fair use แต่ เพจมักเอาข้อความไปทั้งหมด และไม่แสดงการรับรู้ แต่นั่นก็เพราะด้วยนโยบายของเพจเอง ที่ต้องการให้คนสนใจ content ไม่ต้องสนใจว่าใครพูด ทั้งก็ไม่ได้พยายามทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าเป็นข้อความที่แอดมินของเพจมิตรสหายฯ คิดเอง...ประเด็นจึงน่าจะเหลือแค่ “กระทบมูลค่าทางการตลาด” ของเจ้าของเขาหรือเปล่า นะฮะ... ถ้าไปเอาจากเพจของคนทั่วๆ ไป ที่นานๆที เขาก็อาจแสดงความคิดเห็นดีๆ ต่อปัญหาบางอย่างบ้างไรบ้าง แบบนี้ โดยส่วนตัวเราว่าอาจจะยัง fair use อยู่นะฮะ ..คือหมายความว่าไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของก็ได้ แต่ถ้าไปเอาจากเพจที่เขาทำการตลาดของเขาเองด้วย อันนี้เสี่ยงมากว่าจะไม่ fair use
และจงระวัง ..เพราะถ้าเมื่อไหร่เพจมิตรสหายฯ โด่งดัง จนรับโฆษณาได้เอง จากการเอา content คนอื่นมาโดยไม่ขออนุญาตจากเขาก่อน ก็อาจโดนเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ได้อยู่ฮะ ขึ้นอยู่กับ ลักษณะของข้อความ และวัตถุประสงค์ของเจ้าของข้อความนั้นๆ ด้วย"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"รำคานว่ะอีควาย ถนนเป็นของมึงหรอ เวลาไปไหนมาไหนต้องให้คนอื่นหยุดทำกิจกรรมอะ อีสัส"
#มิตรสหายทวิตเตอร์ท่านหนึ่ง
ชอบแคแรคเตอร์ของเทอที่ไว้ผมหน้าม้า ลูกครึ่งๆ พูดน้อยๆ พอเผยอปากจะพูดก็เว่าลาว... "นั่นมันคืออิหยังคะ"
มันเป็นซูเปอร์แคแรคเตอร์เลยอ่ะครับ ^^
#oldtigervalleygirl
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
จะบ่นว่าหนาวจนต้องเปิด Heater ก็เกรงใจคนที่อยู่ไทย ...
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ดูละครกรงกรรม เห็นพระเอกเอากะหรี่ทำเมียแล้ว ก็อยากสารภาพบาป ว่าฉันก็เคยจีบกะหรี่ จะเอากะหรี่เป็นแฟนว่ะ
เหตุผลคือ พยายามจีบคนปกติๆมาแล้ว 1,578 คน แต่ไม่มีใครเอา เลยคิดว่าถ้าจีบคนที่สถานะดูแย่กว่า เค้าอาจไม่ปฏิเสธก็ได้
คือ ฉันมีความคิดว่า คนเป็นกะหรี่เนี่ย คงไม่มีใครอยากได้เป็นแฟนแน่ๆ ใครที่ไหนจะเอากะหรี่เป็นแฟนล่ะ ดังนั้น กะหรี่ก็น่าจะเหงา ว้าเหว่ อยากมีคนเห็นอกเห็นใจ
ถ้าฉันเสนอตัวไปจีบ โดยบอกว่า ฉันไม่รังเกียจที่เค้าเป็นกะหรี่ ฉันไม่อายที่จะมีแฟนเป็นกะหรี่ เค้าต้องประทับใจฉัน ยอมตอบตกลงแน่ๆ
และจากการลองจีบกะหรี่ไป 4 คน ผลคือ กูโดนกะหรี่ปฏิเสธว่ะ อีเหี้ย! ขนาดกะหรี่ยังไม่เอากูเลย! แม้แต่กะหรี่ยังรู้สึกว่าตัวเองสูงศักดิ์กว่ากู ควย!
"I support LGBTQ -- liberty, guns, Bible, Trump, BBQ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“มีกฎหมายแต่ไม่สนเจตนารมณ์ในการใช้กฎหมาย ก็เหมือนมีเรือ แต่ไม่มีเข็มทิศ สุดจะแล่นไปทางไหน เปะปะไร้ทิศทาง นี่คือหนึ่งในอาการป่วยของประเทศไทย ซึ่งมีอาการนิติศาสตร์นิยมล้นเกิน (hyper-legalism) สังเกตดูง่ายๆว่า จะทำอะไรก็อ้างกฎหมายเต็มไปหมด แต่ไม่เกิดความยุติธรรม ควาเมป็นธรรม ขึ้นมาเสียที
เรื่องห้ามนักการเมืองเป็นเจ้าของสื่อ เกิดขึ้นในการร่างรัฐธรรมนูญ 2550 โดยคณะกรรมาธิการฯอธิบายว่า เพื่อเพิ่มสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการจะเสพสื่อที่เป็นกลาง ปราศจากการครอบงำ ถ้าใครจำได้ คุณทักษิณถูกกล่าวหาเรื่องการครอบงำสื่อมาตลอด เช่นพยายามจะซื้อหนังสือพิมพ์ที่วิจารณ์รัฐบาลตนเอง เป็นต้น
ถามว่าสิบกว่าปีผ่านไป คุณภาพสื่อไทยพัฒนาขึ้นไหม ประชาชนคนไทยได้เสพสื่อที่มีคุณภาพ ซื่อตรง แม่นยำ ตรงไปตรงมา เป็นกลางมากขึ้นไหม คำตอบนี้ ดูหนังสือพิมพ์ทุกวันนี้ถ้าไม่หลอกตัวเองก็รู้แก่ใจกันดี ตั้งแต่แนวหน้า ทีนิวส์ ไทยโพสต์ ผู้จัดการ เนชั่น อิศรา เป็นอาทิ
มาตรานี้จึงไม่เคยถูกใช้สมดั่งเจตนารมณ์ เพราะเป้าหมายหลักหลบหนีเงื้อมมือกฎหมายไทยไปนานแล้ว ส่วนสื่อที่มีอิทธิพลทางการเมืองก็ไม่เข้าข่ายนี้เนื่องจากหลบเลี่ยงได้
มาตรานี้จึงถูกใช้ในกรณีประหลาด เช่น นิติบุคคลที่จดทะเบียนมีวัตถุประสงค์รวมถึงการทำสื่อ แต่ไม่ได้ทำจริง ก็ถูกตัดสิทธิ หรือเจ้าของสื่อที่ปิดกิจการไปแล้ว ก็ถูกแจ้งข้อกล่าวหา
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นการเลือกตั้งที่สะอาดที่สุดในโลก ใครส่อแววจะโกงแม้แต่นิดเดียวต้องลงโทษเอาให้หนัก ส่วนใครที่โกงอยู่แล้วชัดเจนก็แล้วไป เชิญตามสบาย”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พูดตรงๆจากหัวใจเลยค่ะ อาจจะดูเวอร์ แต่มันคือเรื่องจริง
".... ดูคลิปแล้วน้ำตาไหล" 😭😭😭
อาจจะเป็นเพราะเราเคยเป็นคนที่พวกคุณเรียกว่าสลิ่มมาก่อน
เราเคยออกไปเป่านกหวีด
เราคือคนนึงที่ทำให้เกิด รปห. ในปี 57
เราคือคนนึงที่ทำให้เกิด รบ.คสช.ที่สุดแสนจะสกปรก
เราคือคนนึงที่ทำให้ระบอบ ปชต. ต้องหยุดชะงัก
อดีต... เราอาจจะเคยเป็นสลิ่มที่ไม่เคยเปิดใจรับฟังความจริงของอีกด้านนึงเลย
แต่หลังจากที่เราได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น 2 ปี มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับคำว่า ปชต.อันทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ว่า... ปชต.ที่แท้จริง มันเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าได้อย่างสวยงามและมีอารยธรรมควบคู่กันไป
แต่สิ่งที่ฉุดรั้งประเทศให้ถอยหลัง คือ การกดคนให้ต่ำลงด้วยอำนาจที่ถูกยึดครองด้วยคนเพียงบางกลุ่ม
และต่อจากนี้ไป เราจะยืนเคียงข้าง ปชต. และ จะเป็นส่วนนึงที่จะทำให้ ปชต.ของเราแข็งแรงให้ได้
ขอเป็นกำลังใจให้คุณเอกและพรรค อคม. ให้ผ่านความยากลำบากและอำนาจเผด็จการไปให้ได้นะคะ 🧡🧡🧡🧡🧡🧡🧡🧡
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เท่าที่เห็นเนี่ยคนประเภทที่ขี้เยี่ยวไม่ออกก็อ้างปชต. ปชต. ไม่แข็งแรงนี่แหละคือคนที่ห่างไกลจากปชต. มากที่สุด แถมส่วนใหญ่พอได้ปชต. ที่ใกล้เคียงกับที่ตัวเองอยากได้ แล้วปัญหาที่อ้างว่า ปชต. ซ่อมได้แล้วมันดันซ่อมไม่ได้นี่ดันหาตัวยากจริง ๆ เหมือนแฟนบอลบางทีเวลาอวดว่าจะได้แชมป์แล้วไม่ได้ที่เหี้ยกว่าคือเวลานั่นแทนที่จะเก็บขี้ที่ตัวเองทำเอาไว้เสือกอยากย้ายประเทศทิ้งขี้ที่ตัวเองเลือกตั้งไว้อีกต่างหาก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คนเยอร:คนยุ่นนี่กินซูชิทุกวันป่ะ?
คนยุ่น:ไม่หรอก
คนเยอร:ไมวะ
คนยุ่น:งั้นถามกลับ คนเยอรมันกินไส้กรอกทุกวันป่ะ?
คนเยอร:อืม กินดิ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“เห็นข่าวธนาธร ปิยบุตร โดนถล่มโดยกระบวนการกฎหมาย
นี่บางทีก็ทำให้ต้องสังวรณ์ไว้บ้างว่ากม.นี่ร่างโดยคน ยิ่งถ้ากระบวนการการออกกฎหมายออกแบบมาให้ไม่ต้องฟังเสียงคนส่วนใหญ่ กฎหมายมันก็คือผลลัพธ์ของเสียงส่วนน้อย หรืออาจเป็นเพียงใบสั่งของใครคนหนึ่งได้ทันที
นี่ยังไม่ต้องคิดเรื่องว่าตามตัวบทของกม.ที่ว่านั่นก็ยังไม่เห็นจะมีความผิดอย่างไร
ที่ไพล่ไปมองเรื่องนี้ เพราะเมื่อวานเพิ่งได้ตามเรื่อง Mueller Report ที่ระอุในอเมริกา ที่เป็นรายงานผลการสืบสวนสอบสวนโดยอัยการพิเศษที่แต่งตั้งโดยอัยการสูงสุดว่าโดนัล ทรัมป์และพวกมีการขัดขวางกระบวนการยุติธรรมที่ถือเป็นความผิดอาญาหรือไม่
ไอ้รายงานนีีก็มีการอ้างถึงความเห็นของสำนักงานอัยการ ( the Office of Legal Counsel หรือเรียกเล่นๆว่า ลอเฟิร์มของประธานาธิบดี) ว่า "การชี้มูลความผิดต่อประธานาธิบดีที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่จะส่งผลร้ายต่อความสามารถของฝ่ายบริหารในการปฏิบัติหน้าที่ที่ตนได้รับอำนาจจากรัฐธรรมนูญอย่างไม่มีทางเลือก" และ "อาจละเมิดหลักการแบ่งแยกอำนาจตามรัฐธรรมนูญ" และทำให้อัยการพิเศษโรเบิร์ต มุลเลอร์เลือกที่จะไม่ชี้มูลความผิดทรัมป์ แต่เขาก็ระบุในรายงานว่าหากเขามั่นใจหลังจากการสอบสวนอย่างละเอียดว่าประธานาธิบดีไม่ได้กระทำความผิดอย่างชัดแจ้งเขาก็คงระบุโดยชัดเจนแล้ว แต่ด้วยข้อเท็จจริงและมาตรฐานทางกม.ที่เกี่ยวข้อง เขาและคณะไม่สามารถมีความเห็นเช่นนั้นได้
หลังจากมีการเปิดเผยรายงานสาธรณชนก็รุมถล่มแล้วกดดันคองเกรสให้ impeach ทรัมป์ เพราะเป็นองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร แต่ก็นั่นแหล่ะ การจะ impeach หรือไม่ คือกระบวนการทางการเมือง ประธานาธิบดีเลยไม่เคยมีการโดนตัดสินให้ออกจากตำแหน่งจากกระบวนการนี้เลย เพราะบรรดาสมาชิกคองเกรสต้องพิจารณาความผิดและผลทางการเมืองโดยละเอียด
การสร้างเกราะป้องกันบางประการให้ผู้แทนทางการเมืองนี่ก็เพื่อทำให้มั่นใจว่า ผู้แทนประชาชนจะไม่โดนขัดขวางโดยเทคนิคหรือข้อผิดพลาดแต่เพียงเล็กน้อย ยิ่งตำแหน่งใหญ่และมีความสำคัญทางการเมืองเท่าไหร่มาตรการป้องกันยิ่งต้องแข็งแรงมากขึ้น เพื่อสร้างยืนยันว่าเสียงของประชาชนจะได้รับความเคารพผ่านทางการแสดงออกโดยตัวแทนของเขา
การออกกฎหมายจึงต้องสร้างสมดุลในการการคานอำนาจกันระหว่างฝ่ายบริหาร ฝ่ายผู้ร่างกฎหมาย และฝ่ายยุติธรรม กระบวนการในการออกกฎจึงต้องจำเป็นอย่างยิ่งที่ให้ตัวแทนปวงชนมาโต้เถียงถกเถียง เพื่อสร้างแนวทางที่ยอมรับได้สูงสุดก่อนที่มันจะออกมาบังคับ
รัฐสภามันคือพื้นที่ที่เราต้องหวงแหนรักษา
ไม่ใช่หมดหวัง จงเกลียดจงชัง แล้งทิ้งมันไป
ไม่มีใครรู้ทุกอย่าง เห็นแสงสว่างในทุกเรื่อง ไม่มี
ไม่มีใครมีบุญญาธิการ หรือพลังศักดิ์สิทธิ์มากพอจนรู้คำตอบทุกสิ่งตั้งแต่ออกกฎห้ามทิ้งขยะ จนถึงออกคำสั่งเข้าสงคราม ไม่มี
มีแต่ระบบที่รวบรวมความคิดหลากหลายให้มากที่สุดและไม่พึงพิงหรือหวาดกลัวระหว่างกันที่จะทำให้ความคิดที่ดีที่สุดในช่วงเวลาเกิดขึ้นมาได้ และเป็นที่ยอมรับได้มากที่สุด
ทางที่น้อยกว่านี้จะนำพาสิ่งใดมาสู่สังคม ก็ได้แต่หวาดกลัวรอผลของมันเผยตัวมาให้เราเห็น”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“โทรหาลูกค้าชื่อ Charlieo ออกเสียง ไฮ ชาร์ลิโอ ลูกค้าบอก อ๋อ ผม เฉลียว ครับ”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เห็นฝรั่งโลกสวยชอบจินตนาการย้อนอดีตไปยกเลิกทาส
คือไม่ได้บอกว่าการค้าทาสมันดี แต่มันก็มีหนังแนวเปลี่ยนอดีตแล้วอนาคตแย่กว่าเดิมไม่เอาคิดเพิ่มบ้างว่ะ
แทนที่จะทำปัจจุบันให้ดี มัวแต่คิดเล็กคิดน้อยในอดีตที่แม่งจบไปแล้ว
ไอ้พวกคนทำก็ตายห่ากันไปหมดละ หรือจะต้องหาต้นตอเอาลูกหลานมาทำงานชดเชยบรรพบุรุษ
มารังแกต่ออีกนิด ถถถถ
ทั้งนี้ คุณจะไม่มีวันหาฎีกา 5873/2546 ที่อีกะทิก๊อปมาจากมานาเจอร์ เมดแตด ทีนิวส์ เจอแน่นอนครับ เพราะต้นทางมัน"ก๊อปเลขมาผิด"
ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าพวกอีกะทิโง่พอๆกับสลิ่มแก๊งตบดิ้นนั่นแหละ อย่าว่าแต่จะได้เข้าไปดูเนื้อความในฎีกาจริงๆเลย
ซึ่งเนื้อหาในฎีกาก็ไม่ได้มีการพลิกธงอะไรของคดีดอนเลย เพราะมันคือไม่ได้จดแจ้งในทะเบียนของบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง ไม่ใช่จดแจ้งแล้วแต่ศาลฟัง บอจ5 แทนแต่ประการใด
คือต้นทางมันเป็นการให้เหตผลโง่ๆที่ไม่มีความสัมพันธ์กันของเหตแหละผล คือยังไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่าปัญหาข้อกฎหมายจริงๆคืออะไร แต่เสือกใจร้อนรีบๆแชร์ตามกันของเครือข่ายทีนิวส์ มานาเจอร์ เม็ดแตด แชร์โดยไม่อ่านว่างั้น เค้าว่าพลิกก็พลิก เค้าว่าพลาดก็พลาด นี่แม่งโง่แชร์จากคนโง่ๆมาอีกทีไง ใจร้อนนะเลาาา ถถถถถ
#เซฟตุ๊ดสมองหมา
#โง่จนไม่รู้ประเด็น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“สำนักข่าวอิศรากำลังพาผู้อ่านเข้าป่าหรือเปล่า?”
เรื่องธนาธรกับหุ้นสื่อ ซึ่งวนไปวนมาไม่จบ โดยมีสำนักข่าวอิศราเป็นแหล่งข่าวสำคัญ ทำงาน investigative journalism อย่างมุ่งมั่น ยกประเด็นโน้นนี้อย่างน่าชื่นชม
แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ล่าสุด อาจจะกำลังพาผู้อ่านเข้าป่า
เรื่องนี้มีประเด็นถกเถียงกันว่า วันที่การโอนหุ้นมีผลตามกฎหมาย จะต้องถือตามแบบรายงาน บอจ.5 ที่บริษัทต่างๆ ยื่นต่อกระทรวงพาณิชย์ หรือไม่
มีอดีตผู้พิพากษาท่านหนึ่ง บอกว่าต้อง และสำนักข่าวอิศราก็เห็นตามนั้น ผมเองเป็นนักบัญชี ความรู้กฎหมายน้อย แต่รู้ว่า ไม่มีนักบัญชีที่ไหนที่ถือวันโอนตาม บอจ.5
ล่าสุด สำนักข่าวอิศราพบว่าบริษัทในกลุ่มซัมมิต มีการยื่น บอจ.5 หลายครั้งในปีหนึ่งๆ
แสดงว่ายื่น บอจ.5 เพื่อให้การโอนหุ้นมีผล หรือไม่? และถ้าบริษัทในกลุ่มซัมมิต ทำกันอย่างนี้ กรณีบริษัทสื่อ ก็ต้องถือตาม บอจ.5 ด้วยเช่นกัน ใช่หรือไม่?
เรื่องนี้เทคนิกมากหน่อย แต่ผมจำเป็นต้องอธิบายเพื่อมิให้ผู้อ่านเข้าป่า
สำนักข่าวพบว่า ในรอบปี 2555 บริษัท ไทยซัมมิท ระยอง โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด นำส่ง บอจ.5 ถึง 3 ครั้ง
ดังนั้น ถ้าหากมีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ เมื่อ 8 ม.ค.2562 , 14 ม.ค.2562 จริงๆ ไฉนบริษัทนี้จึงไม่ยื่น บอจ.5 เหมือนอย่างบริษัท ไทยซัมมิท ระยอง โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด
ผมคิดว่าสำนักข่าวอิศราก็ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของ บอจ.5 อยู่เช่นเดิม เช่นเดียวกับท่านอดีตผู้พิพากษา
บอจ.5 นั้น ยื่นต่อเมื่อมีเหตุการณ์***ที่จะต้องรายงานนายทะเบียน***ครับ
กรณีที่หนึ่ง การยื่นเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2555 นั้น เป็นการยื่นประกอบการ***ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2555 เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2555
กรณีที่สอง การยื่นเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2555 นั้น เป็นการยื่นประกอบการ***ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2555
ทั้งนี้ การประชุมผู้ถือหุ้นมี 2 ประเภท คือวิสามัญ และสามัญ
กรณีที่สาม การยื่นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2555 นั้น เป็นการยื่นประกอบการ***เพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 500 ล้านบาท เป็น 750 ล้านบาท
ดังนั้น การยื่น บอจ.5 ทั้งสามกรณี ไม่ใช่การแจ้งการโอนหุ้นให้นายทะเบียน เพื่อให้มีผลทางกฎหมายนะครับ
อย่างไรก็ดี สำหรับบางคน เรื่องนี้ได้เข้าไปในห้วงลึกแห่งอารมณ์ และได้ตั้งมั่นเป็นเป้าหมายหลักแห่งชีวิต จะต้องเอาผิดคุณธนาธรให้ได้
บุคคลเหล่านี้ก็จะไม่รับฟังคำอธิบายของผมดอกครับ
แต่สำหรับผู้อ่านทั่วไป ควรศึกษาข้อมูลทางเทคนิคไว้บ้าง ไม่งั้นเข้าป่าได้ง่ายๆ
ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าผมพยายามสื่อว่าเขาถูกหรือผิดนะครับ เพราะเป็นหน้าที่ของเขาที่จะชี้แจงเอง
แต่ผมเพียงพยายามสื่อว่า ผู้ที่ตั้งตัวเป็นลูกขุนนอกศาลนั้น บางคนเอาอารมณ์มาบังสติและสายตาไปเสียแล้ว
วันที่ 25 เมษายน 2562
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
https://www.isranews.org/isranews/75946-isranews-75946.html
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ขอคนมีสมอง
ให้ช่วยกันใช้สมอง
มีมากใช้มาก
มีน้อยก็ลาออกไป
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“จงอย่าลดขนาดความฝัน แต่จงเพิ่มขนาดความพยายาม”
คนกลัวเงิน 100,000 บาท ไม่กล้าแม้แต่จะจับ เชนต์เช็คทีก็มือสั่น บ่นทุกวันว่าจะเลิกทำบริษัทแล้ว ไม่ได้จบนอก ไม่ได้จบ ม ดัง อังกฤษห่วย ใจร้อน ชอบเที่ยวมากกว่าทำงาน ความจำสั้น นั่นคือตัวผมเองใน 5 ปีที่แล้ว
วันนี้ไม่ได้เป็นวันอะไรที่เป็นพิเศษ แต่ทุกครั้งที่เข้าเดือน พค. มันคือการครบรอบของบริษัท มันทำให้ผมนึกย้อนไปในวันเก่าๆ
ย่าผมสอนผมตามภาษาชาวบ้านต่างจังหวัด ด้วยคำง่ายๆจริงๆก็เป็นคำคมที่มีอยู่แล้วนี่แหละแต่ย่าจะบอกกับผมทุกวันสมัยมัธยม ด้วยคำว่า
“อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา” ตบท้ายด้วยคำว่า เก็บเงินไว้นะลูก เงินสมัยนี้มันหายาก
บ้านเราเป็นครอบครัวกงสีทำอาชีพซ่อมรถมอเตอร์ไซต์และซ่อมรถจักรยาน ทุกเช้า 6 โมงจะตื่นมาใส่บาตรพระ หน้าร้านเปิดขายทุกวันไม่มีวันปิดยกเว้นปีที่น้ำมันท่วม ย่าจะบอกทุกครั้งเราไม่เลือกลูกค้าเค้ามาเติมลมต้องเติมให้เค้าแม้จะได้เพียงล้อละ 1 บาท วันหน้าเค้าอาจจะกลับมาอีกมาเปลี่ยนอะไหล่อย่างอื่นได้ ลูกค้ายางรั่วมาต้องไปช่วยเค้าเข็นรถในระยะที่เรามองเห็นอย่ารอจนเค้าเข็นไปร้านอื่น ต้องรับมาร้านเรา
ผมได้เอาบางอย่างของย่ามาใช้ ถึงแม้มันต้องปรับบ้าง แต่ด้วยผมมีเป้าหมายเดียวกับที่บ้านนั่นคือทำเพื่อให้ครอบครัวเราสบาย
ถึงแม้จะไม่ได้ทำตามย่าบ้าง ไม่ยอมสอบหมอ ไม่ยอมสอบ กพ. ไม่สอบพื้นฐานวิศวะ และรีบมาเลือกเอาโควต้ามหาวิทยาลัยค่าเทอมที่ถูกๆเพราะรู้ว่าพ่อไม่ค่อยมีเงิน จะได้มีเวลาพิมพ์งานอาจารย์ 3 ให้พ่ออับเงินเพิ่ม
“ผมทำทุกอย่างคู่ควรกับขนาดความฝันของผมแล้ว”
#วันนี้เป็นวันที่รายได้ตั้งแต่เปิดบริษัทมา5ปีแตะ100Mอย่างเป็นทางการ
ขอบคุณลูกค้า ทีมงาน พี่ๆในวงการทุกคน ครับ
เอารูปทำงานตอนบริษัทยังไม่มีเงินซื้อ mac ตอนนั้นนั่งเขียน Java Spring, Bootstrap, jQuery ยาวๆไป
2009 ดิสนีย์ยื่นข้อเสนอ จำนวน 4.24 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อกิจการบริษัทที่ยื่นขอล้มละลายไปตั้งแต่ปี 1996
มีการไล่พนักงานออกไป 1 ใน 3 และมีคดีที่ถูกฟ้องค่าเสียหายอีกนับพันล้านดอลลาร์ติดตัว
ใครๆก็คิดว่าข้อเสนอนี้บ้าไปแล้ว เพราะดิสนีย์ซื้อด้วยราคาแสนแพง กว่า 10 เท่าของ EBITDA
ในขณะที่นักวิเคราะห์จาก Wall Street ประเมินว่าราคาที่เหมาะสม คือ ไม่เกิน 4 เท่า
แต่ดิสนีย์เป็นคนเดียวที่มองเห็นคุณค่ามหาศาลซ่อนอยู่
ขณะที่คนอื่น ไม่มีใครมองออก
การซื้อกิจการครั้งนั้น ได้กลายมาเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในประวัติศาสตร์ของดิสนีย์
กิจการที่ว่า คือ “Marvel”
จริงๆแล้วถึงจะพยายามหลีกเลี่ยงแค่ไหนก็ไม่สามารถหลบให้พ้นคลื่นควบคุมจิตใจเลยครับ สิ่งที่ผมกำลังประสบพบเจออยู่ทุกวันก็คล้ายๆคนอื่นๆที่โดนคลื่นแหละครับ มันจะเป็นประมาณนี้
1. เวลาเห็นผู้หญิงปล่อยผมทีไร ผมจะรู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลา อยากจะเอาอะไรไปคลุมผมเธอซะ ในเวลาเดียวกันรู้สึกผิดบาปกับใครก็ไม่รู้ ลำบากใจมากๆครับ
2. อีกข้อนึงคือเวลาเห็นเพศที่ 3 เนี่ย มันร้อนรุ่มสุดๆเลยครับ อยากจะเดินไปหาก้อนหินหรือก้อนอิฐอะไรใกล้ๆตัวมาปาเข้าที่หัวของคนพวกนั้น ใจผมมันสั่นไปหมดครับ ผมอดทนไว้ไม่ค่อยได้เลยจริงๆ
3. เริ่มรู้สึกหวิวๆกับเด็กวัยประถมครับ ประมาณ ป.3 นี่ยิ่งหนักเลย มีอารมณ์ทางเพศสูงมาก เวลามองไปที่เด็กวัยประมาณนี้แล้วเริ่มอยากจะไปแต่งงานด้วย คิดถึงคำพูดของใครก้องๆในหัวว่าอะไรอิซะห์ๆซักอย่างผมได้ยินไม่ชัด แต่มีอารมณ์ทางเพศรุนแรงมากจริงๆ
อันนี้คือที่จะได้คร่าวๆนะครับ จริงๆนี่มีเยอะกว่านี้ เช่นอยากจะไว้เคราบ้าง เห็นเนื้อหมูแล้วจะอ้วกบ้าง คือน่าจะเป็นผลข้างเคียงกับการได้รับคลื่นมากไป
เออลืมบอกครับว่าแถวบ้านผมมีเสาสัญญาณที่ปล่อยคลื่นออกมาผ่านเสียงเพลงครับ วันนึงประมาณ 5 ครั้ง 5 เวลา ทุกครั้งที่ได้ผมได้ยินเสียงนั้นผมใจสั่นตลอดเลยครับ แล้วอยู่ๆผมก็ก็ชอบพูด "อัลลอฮฺ อัคบัร" พึมพำคนเดียวบ่อยๆ
เราต้องหยุดเรื่องนี้กันได้แล้วครับ ก่อนที่อะไรๆจะสายเกินแก้
#stopmindcontrol #stopv2k
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อ่านสามก๊ก
ตอนอายุ 20 : เข้าใจสงครามชนะแพ้ ฮีโร่และตัวโกง
ตอนอายุ 30 : เข้าใจกลศึกการจัดทัพและการเมือง
ตอนอายุ 40 : เข้าใจเรื่องคนและประเภทของคน
อ่านครบสามรอบ คุยสนุก :)
หนังเรื่องนึง คนหนึ่งมอง มันก็ต่างกับอีกคนหนึ่ง
เด็กฟิล์มอาจเห็นองค์ประกอบภาพโปรดักชั่นชัดเจน
เด็กอักษรอาจวิเคราะห์ผ่านทฤษฎีวรรณกรรมได้ดี
เด็กรัฐศาสตร์ ปรัชญา อาจวิพากษ์หนังผ่านแนวคิดทฤษฎีการเมืองได้ล้ำลึก
เด็กวิศวะ เด็กวิทยา อาจดูหนังแฝงวิทยาศาสตร์แล้วเข้าใจอย่างชัดแจ้ง
แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหนังไม่มีองค์ประกอบภาพสีแสง
หรือปฏิเสธว่า content ที่เขียนโดยมนุษย์ไม่ใช่วรรณกรรม
หรือใครจะบอกว่าผลผลิตจากอุดมการณ์ผู้เขียนบท บริสุทธิ์ปราศจากนัยยะทางการเมือง
สุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงหนึ่งในแง่มุมที่ใช้มองภาพยนตร์
แต่การมองด้วยตาเปล่าๆ ไม่ผ่านแว่นวิชาการก็เป็นวิธีดูหนังแบบหนึ่งเช่นกัน
ดังนั้นแล้วหากคุณจะบอกว่าการดูด้วยแง่มุมหนึ่ง ด้อยกว่าอีกแง่มุม หรือบอกว่าเด็กอักษร รัฐศาสตร์ ปรัชญา บ้า ดูหนังแล้วจริงจังเกินไป อันนี้ก็เป็นความคิดเห็นของคุณ แต่สิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้ก็คือ ถ้าหนังเรื่องไหนอยากให้สปอนเซอร์เพจนี้ ก็สามารถติดต่อมาทาง inbox ได้เลยค้าบ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Jordi El Niño Polla กับ #PoliticalMessage ที่ซ่อนอยู่
จอร์ดี้ เป็นนักแสดงที่โดดเด่นอยู่เสมอ และมักได้รับบทเป็น ลูก ของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว (Single Mom) ซึ่งสะท้อนถึงยุคปัจจุบันที่ความสัมพันธ์เป็นเรื่องฉาบฉวย และเกิดครอบครัวที่ต้องเลี้ยงเดี่ยวจำนวนมาก กอปรกับเศรฐกิจที่เป็นตัวแปรสำคัญให้เกิดอัตราการหย่าร้างสูง และเลือกที่จะมีเพศสัมพันธ์เพื่อความบันเทิงผ่อนคลาย มากกว่าเพื่อสร้างครอบครัว และอันที่จริงแล้ว จอร์ดี้อาจเป็นผลที่ผิดพลาดของการมีเพศสัมพันธ์เพื่อความบันเทิงก็เป็นไปได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ถึงสภาพเศรษฐกิจจะแย่เพียงไร แต่ฉากที่นำมาใช้ มักจะตรงกันข้าม เป็นการแดกดันสภาพความเป็นจริงของสังคม และสะท้อนโลกทุนนิยมที่นิยมวัตถุหรูหราฟู่ฟ่า
ในแง่ของบทบาท ของ จอร์ดี้ และปมต่าง ๆ ยังเป็นการเขย่าลำดับขั้นทางสังคม ไม่ว่าจะ แนวคิดหญิงเป็นใหญ่-ชายเป็นใหญ่ ระบบคู่ครองเดี่ยว-หลายคู่ครอง
จอร์ดี้ ถูกเลี้ยงดูในระบบ หญิงเป็นใหญ่ โดยมีระบบอำนาจนิยมอยู่ ถึงอย่างไรก็ตาม ตัวบทก็นำพาให้จอร์ดี้พลิกไปสู่ชายเป็นใหญ่ และครองอำนาจ โค่นล้มระบบอำนาจเดิมลง แต่นั่นเป็นเพียงการโค่นล้มอำนาจเพื่อขจัดออก หรือเป็นการเปลี่ยนผ่านอำนาจเท่านั้นหรือไม่ ก็ยังมิอาจสรุปได้แน่ชัด (อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวมองว่าผู้กำกับสมาทาน “ชายเป็นใหญ่” ชัดเจนแบบไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมาก)
ในบางบทบาทที่จอร์ดี้ได้รับ ยังแสดงให้เห็นถึงระบบหลายคู่ครอง ซึ่งอาจเป็นความตั้งใจของผู้กำกับที่แสดงให้เห็นถึงอนาคตของสังคม ที่เพศสัมพันธ์เป็นเพียงแค่ความบันเทิง
อย่าคิดว่าผมกาวนะครับ เดี๋ยวนี้ใครดูอะไรก็ต้องวิเคราะห์ให้ดี แม้จะเป็น Adult Video เพราะนี่แหละเป็นสื่อชั้นดีที่จะมาทำลายโครงสร้างทางชนชั้นในสังคมได้ ใครที่ดูหนังโป๊ชักว่าวเกี่ยวเบ็ดก็บ้าแล้วครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ดูสารคดีโทรทัศน์ ชวนชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขอเลขท้าย กล้องถ่ายภาพชาวบ้านทำพิธีกรรมแปลกๆ ขูดแป้งหาเลขท้าย วักน้ำรถต้นไทร พิธีกรย้ำตลอดเวลาว่าสิ่งที่ทุกท่านกำลังชมอยู่นี้คือ "ความเชื่อ" ด้วยน้ำเสียงกึ่งใจกว้าง กึ่งขำขัน
เราไม่โทษพิธีกรนะ เพราะตามปรกติ เราก็ใช้คำว่า "ความเชื่อ" กับเรื่องแบบนี้จริงๆ แต่มันไม่ถูกต้องหรอก "ความเชื่อ" คือบางสิ่งที่อยู่นอกตัวเรา เราเลือกจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ ถ้าเราเลือกจะเชื่อ คนที่เขาไม่เชื่อแบบเรา ก็อาจมองเราว่างมงาย
สำหรับเรา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เลขท้ายไม่ใช่ "ความเชื่อ" แต่คือ "วัฒนธรรม" ต่างหาก
ถ้าบ้านคุณอยู่แถวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้บันดาลให้เพื่อนบ้านคุณรวย ช่วยให้พ่อค้าแม่ขายที่ไปเปิดแผงลอย มีกินมีใช้ได้จริง มันก็ไม่ใช่ความเชื่อแล้วล่ะ แต่เป็นวิถีชีวิต การทำมาหากิน คือ "วัฒนธรรม" ต่างหาก
อย่าไปเทิดให้คำว่า "วัฒนธรรม" สูงส่งกว่าการขูดต้นตะเคียน ขณะเดียวกัน ก็อย่าไปเข้าใจว่าทุกความเชื่อคือความงมงาย บางทีมันอาจเป็นวิถีชีวิตของคนแถบนั้น ที่สมเหตุสมผล หยิบจับต้องเป็นเงินเป็นทองได้จริงๆ
อาจจะจับต้องได้ยิ่งกว่าชนชั้นกลางอย่างเราๆ ท่านๆ ไปกราบไหว้ขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เซเลบในเมืองกรุงเสียอีก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ก่อนอื่นต้องบอก level of salhim ของผมก่อนน่าจะสัก 6/10 นะครับ อารมณ์เเบบไม่ชอบมาร์ค ด่ายิ่งลักษณ์ กระหรี่เเหละ เเต่เเบบ ใครจะมาด่ามาร์ค ก็ไม่ได้นะ 55555555555
เอาที่จุดเริ่มต้นก่อนนะครับ จริงๆผมสนใจการเมืองมาตลอด เพราะโตในสังคมที่เต็มไปด้วยนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งการเป็นคนใต้ สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากคือความดีของพรรคสีฟ้านะครับ
เหตุการณ์ที่ เสธ เเดง โดนยิง จากนั้นน่าจะเกิดเหตุการยิงสลายการชุมนุม ผ่านหน้าจอทีวี พร้อมกับมีกลุ่มคนอีกฝ่ายดีใจ ผมก็ได้เเต่นึกในใจ ไอ่เหี้ยมันใช่หรอวะ .....
จากนั้นช่วงเพื่อไทย ดัน พรบ. นิรโทษ อันนี้ต้องยอมรับว่าทุเรษจริงๆ ผมมองย้อนกลับไป ณ ตอนนี้ผมก็ยังคิดเหมือนเดิมนะ ว่ามันเเย่มากๆ ก็เกิดสลิ่มของเเท้ยี่ห้อกปปส เกิดขึ้น นำโดยท่านเทพเทือก ณ ตอนนั้นนี่ เป็นช่วงชีวิตที่ผมเริ่มอินกับการเมืองมากๆละ รู้สึก การปิด ถนน ดูถูกคนอีสาน เเม่งเท่หวะสัส พวกอีสานเเม่งโดนซื้อเสียงรัวๆๆๆ ทางครอบครัวผมก็มีเตือนๆ ห้ามๆบ้างนะ เเต่ไม่ฟัง ร่างกายต้องการปะทะ 555555
เมื่อพีคสุดก็ถึงจุดที่เริ่มตะหงิดๆ เริ่มจาก มาร์ค ด่า เเรด, กระหรี่ ร่างกายเหมือนจะ เฮโล ไปกับเขานะ เเต่จิตใต้สำนึกเเม่งมันใช่หรอวะ ด่าเขาแบบนี้ จุดที่คิดหนักๆคือ พวกคนดี เอาเด็กไร้เดียงสา ขึ้นเวที ผมว่าไม่ใช่ละ ก็เลยเพลาๆลง เเต่มันไม่มีอะไรมายึดเหนี่ยวจิตใจ ก็ยังเป็นเเบบเดิมเเหละ
เมื่อเริ่มสงสัย มันก็เริ่มตั้งคำถามมากมายนะ พอดีเริ่มมีการศึกษา หลายๆอย่างมันต้องวันได้ในเชิงปริมาณ ก็เลยตกผลึกได้ว่า เอาเข้าจริงพรรคสีฟ้าไม่มีไรที่จับต้องได้สักเท่าไรเลยนะ ทุกอย่างเเม่งโคตรขี้ตีนเลย ถ้าเทียบกับ 30 บาทรักษาทุกโรค เรียนฟรีหรอ พ่องตาย พ่อแม่ผม topup เพิ่มทุกเทอม
เเต่ก็ยังไม่เปลี่ยนเพราะนั้นเเหละ อคติ จนถึงเวลาที่โอเค คุณปู ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ถึงเวลานั้นผมแบบ ไอ่เหี้ยโอกาศพิสูจน์ มาเเล้วโว้ยยย ลุยเลยประชาธิปัตย์ ถึงเวลาพี่เเกบอกให้ vote no WTF จนลุงตู่มา ...
ด้วยความด้อยประสบการณ์ ลุงตู่มา ไอ่สรัดดดดดดด ฮีโร่มาเเล้ววววว ไทยเเลนด์ถึงเวลาผงาดดดดดดดดดดดดดด
สุดท้ายเเม่มหาข้อดีของลุงเเกไม่เจอจริงๆ 5 ปีที่ผ่านมา ปรองดอง? ดองพ่อมึงดิลุง 5555555
จนถึงลุงยอมจัดฉากเพื่อชุบตัวเองในการเลือกตั้ง จริงๆผมไม่สน พรรคอนาคตใหม่เลยนะ ไม่เเม้เเต่นิดเดียว จนการกลับชาติมาเกิดของบุรุษที่ชื่อว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ผมอุทาน ไอ่ซั๊ชชชชชชชช ใหนมึงบอกจะเลิกวะ ก็เลยบอกกับตัวเองว่าต้องลดเเล้วเรื่องอคติบ้าบออะไร จนเปิดใจ เเล้วเจอว่า เฮ้ย มันมีพรรคทางเลือกนี่หว่า ไอ่คนที่ชื่อธนาธรนี่ใครวะ ไล่ดูตั้งเเต่สัมภาษณ์ the standard ชอบวิสัยทรรศเรื่องการบริหารงานเเก
เเต่!!! ปิยบุตรล้มเจ้า เทรนนี้กำลังมา ก็เลยตามดูคลิปดูไร ไอ่สราด เข้าใจเจตนารมณ์ของจารย์เลย ยาวไปทีนี้ เเถมยังรู้จักชาวเเกงค์ของอาจารย์เเกเพิ่มด้วย 5555
คร่าวๆน่าจะประมาณนี้อะครับ
สรุปสั้นๆก็น่าจะเพราะ โตขึ้นการที่จะเชื่ออะไรมันควรมีเหตุผลมารองรับ ถามว่าวันนี้ผมเเม่งควายส้ม ถ้าโดนไอ่ตี๋ ธนาธรหลอก หรือปิยบูดด หลอกอีกรอบ ผมจะเสียใจไหม คงไม่เพราะผมมีเหตุผลมารองรับ นโยบายของอนาคตใหม่มันตรงใจผมที่สุด เขาอธิบายเเล้วผมเห็นภาพในอนาคตที่ดีที่สุด
เเต่คงเศร้า หากผมยังยึดติดอยู่กับลุงตู่ที่เเม่งไม่มีผลงานบ้าบออะไรที่จับต้องได้เลย
จบครับพี่น้อง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>455 อ่านแล้วมึงดูเป็นพวกหลงวาทะกรรมง่ายนะ ไม่แปลกๆ ว่ากันตามตรง ในรอบ 20 ปีของการเมืองไทย มาร์คนับว่ามีวาทะศิลป์สูงสุดแล้ว ของดีของพรรคนี้ละ แต่คำพูดพอมันหมดมนต์เสน่ห์แล้วพูดให้ตายก็ไม่มีคนเชื่อ กูจะรอดูว่าอคม.จะเป็นแบบนั้นมั้ย
ที่เมกากูนึกถึง AOC กะอีมุสลิม ตอนนี้แม้แต่พวกเดมยังเอือม
จริงจังนะ: อยากให้ประเทศเราพลิกโฉมเป็นผู้ผลิต-ส่งออกเซ็กส์ทอยไปทั่วโลก ให้ติดภาพไปเลยว่าเซ็กส์ทอยจากไทยแลนด์แม่งของโคตรพรีเมียม
เชื่อเหอะว่าเรามีทุกอย่างครบ ทั้งยางพาราเกรดเอ มันสมองคน เทคโนโลยี คุณภาพงานผลิต การตลาด แม่งพร้อมทุกอย่างเลย ติดอยู่แค่ศีลธรรมอันดีแต่กะหรี่เต็มเมือง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
URBOY TJ Right here
"...เลื่อนตำแหน่งครั้งหน้าคงได้พูดว่าทรงพระเจริญ"
สร้างโลกไว้สองใบค่ะ ใบละประเทศ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมไม่ได้สะท้อนออกมาในการกระทำหรือการแสดงออกที่ไม่เหมือนเดิมของคนเท่านั้น การไม่ทำอะไรบางอย่างก็บอกให้รู้ได้ด้วยว่าสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไป
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นี่เป็นข้อแตกต่างระหว่างสังคมตะวันตกที่เน้นความเป็นปัจเจกบุคคล กับ สังคมเอเชียที่รวมหมู่ (Collective) อยู่เหมือนกัน
คือเรื่องของ Code of Ethics (หลักจรรยาบรรณ) สังคมตะวันตกมักปรับใช้กับงานและองค์กร คือแตะเรื่องส่วนตัวน้อยหน่อย แต่ถ้ามีผลกับการดำเนินงานถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมากกว่า
ขณะที่สังคมเอเชีย พวก Code of Ethics จะกำกับหรือ Regulate กับตัวปัจเจกบุคคลนำหน้างานหรือองค์กรมาก่อน ทำนองว่า ครูที่ดีไม่ควรมีรอยสักให้เห็นนอกร่มผ้าเปิดเผย ผู้บริหารที่น่านับถือต้องไม่ประสบความล้มเหลวในชีวิตคู่ ถึงจะได้รับการยอมรับเข้าสู่ตำแหน่ง
ด้านกลับ คนตกขอบทางสังคม ก็ต้องพรีเซนต์ตัวเองว่าอยู่ในกรอบ Code of Ethics อยู่ในร่องในรอยถึงสมควรจะได้รับการช่วยเหลือส่งเสริม จริงๆ ก็มีกันทั่วโลกแหละเรื่องความรู้สึกว่าอยากช่วยคนที่สมควรช่วย โดยใช้การประเมินทางศีลธรรมประกอบการตัดสินใจ แต่สังคมตะวันตกที่เคารพความเป็นปัจเจกบุคคล จะหลวมกว่านี้
สังคมเอเชียเอา Code of Ethics กำกับตัวบุคคลอย่างนี้กันมาก ข้อดีน่ะมีแต่ขอละไว้เกรงจะนอกประเด็นยาว แต่ข้อเสียที่ตามมาคือ มันแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ในเมื่อมันต้องสร้างภาพลักษณ์ โกหก เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนส่งเสริม เล่นละครกันเก่ง ตัวอย่างที่เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ในประเทศนี้คืออะไรผมคงไม่ต้องบอก แต่มันเป็นอย่างนี้เยอะ ลาออกจากงานเพราะค่าแรงไม่พอกิน รู้สึกถูกเอาเปรียบ แต่ปากบอกขอกลับไปดูแลแม่ที่ป่วยจะได้ดูมีทางลงสวยๆ
ตะวันตกที่มีการตกผลึกขบคิดทางปรัชญาความคิดมาเนิ่นนานแล้ว ถึงได้เน้นให้คนพูดความจริง ไม่ใช่จริงแบบปากไม่มีหูรูดนะ แต่มันคือจะได้เห็นแก่นแท้ของสารัตถะของปัญหา ความจริงที่พูดออกมาจากปากถึงมันน่าเจ็บปวด อับอาย แต่มันทำให้ภาพของปัญหามันกระจ่างชัดกว่าพยายามทำให้ชีวิตอยู่ในโรงลิเก มหาลัย Harvard มีคำขวัญคำเดียวคือ Veritas เป็นคำละตินหมายถึง ความจริง (Truth) ขณะที่คำขวัญสถาบันศึกษาไทย ไม่พรีเซนต์ความยิ่งใหญ่ของสถาบันก็ยัดเยียดความคาดหวังพฤติกรรมและคุณลักษณะของนักเรียนนักศึกษาผ่านคำขวัญนั่นแหละ เก่งวิชา กีฬาดีฯลฯ ได้ตามความคาดหวังสักกี่คนกัน
ขอทานเพื่อกินเหล้าก็ให้รู้ว่าจะไปกินเหล้า ไม่สะดวกใจจะให้ก็ไม่ต้องให้ แต่ไป judge พิพากษาว่าเขาไม่สมควรได้รับการโอบอุ้มสนับสนุนใดๆ โดยสิ้นเชิง จนกว่าเขาจะพิสูจน์ตัวเองว่า purify หรือทำตัวเองให้บริสุทธิ์ผุดผ่องได้แม้กระทั่งโกหกก็ตาม ก็ไม่แปลกใจเลยที่ความคิดการเมืองจะเที่ยวใฝ่หานักการเมืองที่บริสุทธิ์เป็นเทวดาซึ่งไม่มีอยู่จริง เมื่อไหร่จะมองคนเป็นคนจริงๆ ที่มีดีๆ เลวๆ มีทั้งสตรอง ทั้งป่วยๆ มีทั้งเอาถ่านไม่เอาถ่าน ผสมปนเปกันไปในสังคมของคน ไม่ใช่ยูโทเปีย
ส่วนตัวมองว่าวัฒนธรรมสงวนท่าทีรักษาภาพลักษณ์ส่วนตัวแบบเอเชีย ลดทอนคุณค่าในการเข้าถึงสารัตถะ หรือแก่นปัญหาที่เป็น core ใจกลางสำคัญมากๆ มันเหมือนถ้าคุณจะทำความเข้าใจกับคนสักคนหรือปัญหาสักเรื่อง มันมีชั้นเคลือบกันหลายๆ ชั้นยิ่งกว่าช็อกโกแลตเฟอเรโร่รอชเชอร์ที่ฟันคุณต้องกัดให้เข้าไปถึงเม็ดถั่วแมคคาเดเมียที่อยู่ชั้นในสุด
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แม่เลี้ยงกับลูกสาวอายุเท่ากันเลย หมายถึงคลับฟรายเดย์
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
If people showed as much concern for the actual problems of the world as they do for Avengers spoilers, imagine where we'd be.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อีก12ปีโลกจะร้อนขึ้นอีก1.5องศา ยิ่งมีคนติดแอร์มากขึ้นโลกยิ่งร้อนขึ้น ยังไม่รวมเรื่องชั้นโอโซนที่เสียหายเพิ่มขึ้นทุกปี
If Light from Death Note tried to kill Polish people the series would be a comedy about him consistently failing to kill anyone.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สถิติน่าสนใจ
ญี่ปุ่นที่เราเห็นว่าฆ่าตัวตายเยอะๆ (18.8 ในแสนคน)
จริงๆ แล้วอัตราฆ่าตัวตายน้อยกว่าเกาหลี (26.9 ในแสนคน) มาก
และ ประเทศไทย ที่ดูคนยิ้มแย้มแจ่มใสแฮปปี้
ฆ่าตัวตายกัน (14.4 ในแสนคน) ไม่ห่างจากญี่ปุ่นมากนัก
ส่วนภูฏาน ที่ดูเป็นแดนสันติ ก็มีความเครียดฆ่าตัวตายในระดับพอประมาณ (11.4 ในแสนคน)
ส่วนประเทศที่ดูปากกัดตีนถีบแย่งชิงมีสงคราม อย่างเวเนซุเอล่า (3.7 ในแสนคน) ซีเรีย (1.9 ในแสนคน) อิรัก (3 ในแสนคน) ดันไม่ค่อยฆ่าตัวตายกัน สงสัยจะตายเพราะถูกฆ่าหรือเอาปืนไปฆ่าเขาเลยดีกว่า
ในขณะที่ประเทศซึ่งได้รับคำยกย่องว่าเป็นประเทศที่มีความสุข อย่างฟินแลนด์ (15.9 ในแสนคน) เอสโทเนีย (17.8 ในแสนคน) สวีเดน (14.8 ในแสนคน) กลับมีอัตราฆ่าตัวตายค่อนข้างสูงพอสมควร
เรื่องการฆ่าตัวตายเลยสรุปได้ยากว่ามีเหตุมาจากอะไรในระดับประเทศ เพราะประเทศรวยจนก็ฆ่าตัวตายกันได้ มีปืนไม่มีปืนก็ฆ่าตัวตายพอกัน ประเทศร้อนประเทศหนาวก็เฉลี่ยๆ กันไป
แต่ที่แน่ๆ พบว่า ประเทศหมู่เกาะที่เป็นชายทะเลมีหาดสวยใส ฆ่าตัวตายกันน้อยมาก เช่น มัลดีฟส์ (2.3 ในแสนคน) จาไมกา (2.2 ในแสนคน) บาฮามาส (1.7 ในแสนคน) แอนติกัวและบาร์บูดา (0.5 ในแสนคน)
ดังนั้นถ้ามีคนซึมเศร้าเหงาหงอย อยากฆ่าตัวตาย พาไปทะเลไปเกาะอาจจะช่วยได้มั้งนะ
http://worldpopulationreview.com/countries/suicide-rate-by-country/
บทสนทนากับผู้เลือกพรรคการเมืองสีฟ้าพรรคหนึ่ง:
ก: ทำไมถึงเลือกพรรคนี้
ข: ชอบตรงที่เขามีจุดยืนมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
ก: แต่นี่พรรคเขากำลังจะแตกเป็นสองฝ่ายนะ ฝ่ายนึงเอาอย่างนึง อีกฝ่ายเอาอีกอย่าง สรุปว่าจุดยืนคืออะไรกันแน่?
ข: พรรคการเมืองมันก็ต้องมีคนเห็นต่างกันเป็นธรรมดา นี่แหล่ะประชาธิปไตย
ก: อ่าว แต่นี่พูดไว้ว่าจะไม่ร่วม แต่สุดท้ายก็ร่วม แล้วจะเชื่อได้ไงว่าอุดมการณ์ของเราจะได้รับการถ่ายทอดจริงๆ
ข: พวกนั้นมันส่วนน้อย ไม่นับ
ก: แล้วคิดยังไงกับพรรคอมค
ข: พรรคคนโกง ไม่เลือก
ก: อ่าว เขายังไม่เคยเล่นการเมืองเลย แล้วรู้ได้ไงว่าโกง
ข: ก็เขาไม่ยอมออกมาด่าทักษิณ แสดงว่าโกง
เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขทั้งผมที่เป็นผู้เขียนบทความและผู้อ่าน ผมคิดว่าเราควรจะชี้แจงอะไรกันบางอย่างก่อน
ครั้งหนึ่งผมเคยไปคุยกับ บก. คนหนึ่ง เขาถามว่าในจำนวนนักเขียนที่ผมเคยเจอ คิดว่าใครนิสัยแย่ที่สุด
ตอนนั้นผมไม่ได้ตอบ แต่คำตอบจริงๆคือ "ผมเอง"
โลกนี้มีนักเขียนสองแบบ คือพวกเขียนไปเรื่อยๆทุกวัน กับพวกทำตามอารมณ์
ผมเป็นแบบทำตามอารมณ์ เป็นพวกระเบิดตูมเดียว
ถ้าหมดอารมณ์ ก็เลิก ไม่ทำแล้ว ผมมีบทความเขียนไปครึ่งๆ แล้วหมดอารมณ์ไม่ได้เผยแพร่อยู่หลายสิบ
มีสองสิ่งที่ผมเกลียดมาก
1. คือพวกที่บอกว่าให้ผมเขียนเรื่องนั้นเรื่องนี้ที
พวกที่ทำแบบนี้เหมือนคนที่ไปยืนบอกต้นมะม่วงเปรี้ยวว่าให้ออกผลหวานในเดือนพฤศจิกายน
มันเป็นไปไม่ได้
ผมพูดจริงๆ ถ้าคุณอยากก็เขียนเอง
2. พวกที่บอกผมว่าควรจะใช้คำไหน โดยเฉพาะการอ้างราชบัญฑิต
เวลาผมเลือกคำใด แสดงว่าผมเลือกคำนั้นแล้ว
ล่าสุดมีคนบอกให้ผมเขียนว่า
"เสียชีวิต 137 คน" แทน "เสียชีวิต 137 ศพ"
ผมเลือก 137 ศพ เพราะมันเห็นภาพซากนอนกันเกลื่อน มันสะเทือนขวัญ น่าหดหู่ มันได้กลิ่นเลือด แล้วผมชอบเสียง "เสีย", "สาม" กับ "ศพ" ที่คล้องกัน
แต่ เสียชีวิต 137 คน มันเหมือนกระดาษชำระแห้งๆ มันสาก ไม่มีความสะเทือนใจอะไรเลย
(แล้วผมจะเขียน ราชบัญฑิต เพราะคิดว่ามันกวนตีนดี เวลาคนชอบเอา ราชบัญฑิต มาอ้างผมว่าเขียนยังไงให้ถูก)
อารมณ์เสียที่เกิดขึ้นจากสองอย่างนี้ไม่ใช่ระดับธรรมดา แต่เป็นระดับเผาต้นฉบับทิ้งทั้งเรื่องได้
ผมไม่คิดว่าการเขียนเป็นงาน มันเป็นการเล่น ถ้ามันน่าขัดใจก็ไม่สนุกแล้ว ก็เลิกทำ เท่านั้นเอง
เวลาอารมณ์เสียที ผมเสียเวลาแทนที่จะเอาอารมณ์ไปทำอย่างอื่น
ดังนั้น ผมขอแจ้งเตือนแบบนี้ ใครทำสองอย่างนี้ผมจะบล็อก
คุณจะแสดงความเห็นยังไงก็ได้ แต่ใครมาบอกให้ผมเขียนนั่นเขียนนี่ หรือมาบอกว่าผมต้องใช้คำนั้นคำนี้ไม่งั้นมันจะผิด ผมจะบล็อก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมการวิจารณ์คนคนเดียว ถึงได้เสี่ยงตายขนาดนี้ ถ้าเป็นลุงข้างบ้านคุณอาจแค่โดนมองว่าเป็นพวกชอบนินทา ถ้าเป็นนายกคุณแค่โดนมองว่าเป็นพวกคลั่งการเมือง แต่พอเป็นลอร์ดวอร์เดอมอ ใช่ครับคุณจะถูกมองเป็นแฮรี่พอตเตอร์
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ธเนศเชื่อยังโอตะเจ๊กอยากเป็นยุ่นโง่ ไม่น่าเชื่อเกาหลีใต้ทดสอบ5gให้คนเยอรมันตักดินโชว์ข้ามโลก ธเนศรู้ยังคนเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จใช้ 5Gจริงเป็นประเทศแรกของโลก มิใช่จีนเตี้ยนะ You เยอรมันและยุโรปตกลงใช้ 5g เกาหลีใต้ โลกไปไกลขนาดนี้ไอ้แว่นโอตะเจ๊กอยากเป็นยุ่นยังมาตั้งคำถามโคตรโง่ที่หาได้ดาดเดื่อนในพันทิปหรือ Google บันเทิงเด็กพวกนี้จริงๆ
Marvel เหยียดคนอ้วนจริงเหรอ ?
*** บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง ***
.
.
.
.
.
.
.
.
ประเด็นเรื่องรูปร่างของธอร์ใน Avengers: Endgame ตอนนี้กำลังเป็นที่วิจารณ์ถกเถียงกันมากในสื่อต่างประเทศค่ะ ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่หัวเราะไปกับรูปร่างใหม่ของเทพเจ้าชาไข่มุก พุงตุ้ยนุ้ยของเขาทำให้หลายคนขบขัน แต่มีผู้ชมกลุ่มหนึ่งมองว่าการเล่นมุกตลกล้อเลียนเรื่องรูปร่างนี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มีการรณรงค์เรื่องยุติการกลั่นแกล้งมากขึ้น
แอดเห็นว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ดีที่เราควรเอามาวิเคราะห์กันจึงรวบรวมข้อมูลมาจากหลายสื่อ เช่น
Los Angeles Times , The Guardian , Buzzfeed , Nerdist และ Polygon นำมาแบ่งประเด็นเป็นจากฝ่ายที่รู้สึกว่า “ Marvel กำลังเหยียดคนอ้วน” กับฝ่ายที่ชื่นชม Marvel ที่แสดงปัญหาเรื่อง PTSD ผ่านตัวละครของธอร์ได้เป็นอย่างดี และขอสรุปสุดท้ายด้วยความเห็นจากตัวนักแสดง และผู้กำกับค่ะ
ขอเริ่มจาก #ฝ่ายแง่ลบ ก่อนนะคะ
“ในขณะทุกคนหัวเราะกับรูปร่างของ ธอร์ ฉันมองจอด้วยความรู้สึกใจสลาย”
คอมเมนต์ จากหลายๆ สื่อที่วิจารณ์เรื่องนี้ระบุไว้ว่าพวกเขารู้สึกเศร้าเสียใจ โกรธ และผิดหวังที่ท้ายที่สุดแล้วMarvel ไม่สามารถก้าวข้ามการใช้มุกตลกดาดๆ อย่างการล้อคนอ้วนไปได้ นักวิจารณ์ในฝั่งนี้ไม่ได้มีปัญหากับการที่ตัวละครธอร์ มีรูปร่างที่เปลี่ยนไป พวกเขาเข้าใจการนำเสนอเรื่องสภาพจิตใจของธอร์ผ่านร่างกาย ของ Marvel แต่ไม่ชอบการใช้มุกตลกดาดๆ อย่างให้ธอร์เอาพุงกะทิไปถูหัวร็อคเก็ต , ธอร์นอนอืดพุงเปิดหลับเป็นตาย และ คุณแม่ฟริกกา เตือนให้กินสลัดบ้าง มุกตลกที่ Marvel จงใสใส่เข้ามาเพื่อบรรเทาความตึงเครียดของหนังมันกลับส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้ชมบางกลุ่มอย่างคาดไม่ถึง พวกเขาคิดว่าในฐานะที่ Marvel สร้างภาพยนตร์ที่เป็นสื่อเข้าถึงผู้คนได้ง่าย ไม่ควรส่งเสริมการล้อเลียนเรื่องรูปร่างแบบนี้ออกมาให้เด็กๆ ได้ชมกัน เพราะทุกคนจะมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทุกคนทำกันได้ปกติ เหมือนอย่างที่คนส่วนใหญ่ชอบล้อเลียนคนอ้วน เพราะคิดว่าพวกเขาจะไม่โกรธไม่เสียใจ คนอ้วนต้องเป็นคนอารมณ์ดีเสมอ และ
ยอมรับฉายา หมู หมี ช้าง ฮิปโป ไปอย่างน่าชื่นตาบาน
(ต่อเม้นล่าง)
(ต่อจาก >>485 )
มาที่ #ฝ่ายแง่บวก กันบ้าง
นักวิจารณ์ฝั่งนี้มอง Marvel ในทางบวกพวกเขายกย่องว่านำเสนอเรื่องสภาวะ Post-Traumatic Stress Disorder สภาวะป่วยทางจิตใจเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างร้ายแรง ผ่านตัวละคร
ธอร์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งพี่แกเจอมาหมดตั้งแต่น้องตาย แม่ตาย พ่อตาย เพื่อนตาย และประชาชนแอสการ์ดตาย ใครไม่ชีวิตพังมันก็ออกจะเทพเกินไปหน่อย (แต่ธอร์ก็เทพนะ 555) มันเป็นไปได้ที่ผู้มีอาการนี้จะมีพฤติกรรมการทานอาหารที่เปลี่ยนไป อาจจะกินมากขึ้นหรือลดลงและมีสภาพหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ไม่ดูแลตัวเอง ซึ่ง Marvel กล้าเล่นกับความรู้สึกของคนดูที่ปกติแล้วจะคุ้นชินกับภาพลักษณ์หุ่นฟิตเปรี๊ยะ กล้ามซิกซ์แพคเป็นกระดานซักผ้าของ คริส เฮมสเวิร์ธ กลายมาเป็นชายอ้วนบวมเบียร์ หนวดเครารุงรัง ผมเผ้าสังกะตัง วันๆ เอาแต่เล่นเกมและด่าเกรียนอินเตอร์เน็ต สภาพของธอร์แสดงออกถึงเรื่องราวในใจเขาได้หมดทุกอย่าง เขายังไม่สามารถก้าวข้ามความผิดหวัง และโทษตัวเองที่ไม่สามารถฆ่าธานอสได้ตอนที่มีโอกาส ธอร์เสียทุกอย่างไปแล้วสิ่งสุดท้ายที่เขาเสียไปอีกก็คือตัวเอง
แต่อย่างไรก็ตามหนังก็ได้แสดงฉากที่เขาได้คุยกับท่านแม่เรื่องความผิดหวังในตัวเองที่ทำพลาดไป
ซึ่งท่านแม่ก็ได้คำแนะนำที่ล้ำค่าแก่เขาและทำให้เขา ได้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าคู่ควรสามารถถือค้อนมโยลเนียร์ได้อีกครั้ง และตลอดทั้งเรื่องธอร์ออกรบในรูปร่างอ้วนอวบ โดยไม่ได้เปลี่ยนร่างกลับไปหล่อเหมือนเดิม เพราะเขาคิดว่ารูปร่างไม่ได้มีผลอะไรกับเขาอีกต่อไป เราเลยได้เห็นฮีโร่หมีหุ่นอวบ ถือขวาดฟาดกับธานอสได้อย่างสมศักดิ์ศรี และนับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ได้มีฮีโร่ร่างท้วมในโลกภาพยนตร์
มาที่คำตอบของผู้กำกับ
ผู้กำกับแอนโทนี่ รุสโซ่ บอกว่า ประสบการณ์ทุกอย่างที่ตัวละครได้ประสบมาถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานสร้างตัวละครในภาคนี้ ธอร์เป็น Avengers ที่น่าจะเผชิญกับความสูญเสียมามากที่สุด เขามาอยู่ในจุดตกต่ำสุดในชีวิต
เส้นทางที่ต่อจากความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานจะเป็นอะไรไปได้อีก แต่ทางทีมงานเลือกให้เขาเดินบนเส้นทางที่แฝงไปด้วยมุกตลกขบขัน เพราะธอร์
“ทำเพื่อปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวดและอดทนต่อการดำรงอยู่ของเขา และเขาก็รักษาตัวเองไว้นานพอที่จะหาทางกลับมาได้ ผมคิดว่ามันเป็นหนทางเดียวสำหรับตัวละครตัวนี้โดยพิจารณาจากความยากลำบากในการเดินทางของเขาจนในขณะนั้น”
โอยอ่านแล้วจะร้องไห้อีกรอบ
ด้านความคิดเห็นของคริส เฮมส์เวิร์ธ
เจ้าตัวบอกว่าการได้เป็นธอร์อ้วนก็เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดเหมือนกัน มันเป็นเรื่องของการ “เติบโต” ของตัวละครที่เขาไม่คิดมาก่อน แต่ยังไงเขาก็ยืนยันว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
“ผมสนุกมากและรู้สึกซาบซึ้งมากที่มันเกิดขึ้นแบบนี้ เราจบมันได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ ”
สรุปสุดท้าย
แอดเห็นด้วยกับทาง Marvel ที่จะนำเสนอตัวละครออกมาให้รูปแบบนี้เพราะรู้สึกว่าเพิ่มมิติความเป็นมนุษย์ให้ตัวละครเทพอย่างธอร์ แม้ว่าเขาจะสูญเสียทุกอย่างถึงขั้น เสียรูปร่างอันสมบูรณ์แบบแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ได้มีคุณค่า ธอร์ได้เรียนรู้ที่จะก้าวเดินต่อไป แต่ฝ่ายที่เห็นต่างก็ไม่ผิดเช่นกันและถือว่าเป็นความคิดอีกด้านที่จะทำให้ทางผู้สร้างหนังนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป เพราะเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน
สิ่งหนึ่งแอดชอบมากจากเรื่องราวของธอร์ ใน Avengers: Endgame ซึ่งทางNerdist สรุปไว้ได้ดีมาก ก็คือเราได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่เราทำผิดพลาดไป แต่ความชอกช้ำเหล่านี้มันไม่ได้กำหนดตัวตนของเรา ไม่ได้กำหนดอนาคตของเรา ธอร์เป็นเหมือนตัวแทนความหวังสำหรับคนที่ต้องมีชีวิตอยู่กับความเจ็บปวดในอดีต
บาดแผลนี้ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น เช่นเดียวกับพวกเราทุกคนค่ะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ก่อนพรุ่งนี้ในวันทำงาน เราควรมีเรื่องภูมิใจเล็กๆไม่สิเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง ในสายงาน C Level ของผม
- เราไม่ได้รับงานโปรเจคต่อ เค้าต้องเอาคน 50-80 คนมาทำต่อเราเพื่อให้ productive เท่าเดิม แต่เราใช้แค่ 8-10 คน
- เค้ามาขอให้ไปบิตโปรเจคใหม่ ตอนนั้นเราบิตแพ้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แล้วเจ้าที่บิตได้ไป ทำไม่โอเคร แอฟเค้าใช้งานไม่ได้หลายจุดและเทคโนโลยีที่เลิกล้าสมัย (ซึ่งผมได้เคยบอกไว้กับบริษัทเค้าแล้ว ว่าราคานี้พี่ก็จะได้เทคโนโลยีนี้ ซึ่งผมไม่ได้รับทำ เพราะไม่เหมาะกับงาน)
- เราเสนอราคาและโซลูชั่นไป คิดว่าราคาสมเหตุสมผล เค้าหายไป 3 เดือนกลับมาหาเราคุยต่อ แต่เราคิวงานเต็มซ่ะแล้ว
- ปฏิเสธงานโปรเจคไปเกือบๆ 10 ล้านบาทแล้วใน Q1 นับเฉพาะที่บิตงานได้แล้ว เพราะว่าไม่บาล้านระหว่าง 3 อยู่ ทีมงาน(ทำได้สบายใจ) ลูกค้า(ได้ของดี,ให้ความสำคัญกับโปรเจค) และราคา(สมเหตุสมผล)
ผมนึกคำของบิลเกตได้ “ถ้าคิดราคาเขียนโค๊ดแบบนับจำนวนคนคูณชั่วโมง มันก็ไม่ต่างกับการคิดราคาการสร้างตึกด้วยการชั้งน้ำหนักของตึก”
อีกอันของผมคิดเอง
“ถ้า software ไม่ใช่จุดแข็ง ก็เป็นจุดอ่อน”
สุดท้าย
“บริษัทที่ยอมเสียเวลา เพื่อได้พัฒนา Software ราคาถูกเพียงอย่างเดียว บริษัทจะเสียทั้งสองอย่าง”
สมัยก่อนเป็นโอตะ คิดว่าเฮ้ย กฏห้ามมีแฟนของไอดอลจะมีทำไม เรื่องส่วนตัวเขารึปล่าววะ
แต่พอมาเป็นโอตะ เออ เราเองก็คงรับไม่ได้ หรือ แอนตี้ไปเลย ถ้าไอดอลที่เราจับมือตอนกลางวัน พอกลับบ้านไป กลางคืนไปอยู่กับแฟน
มันเป็นความรู้สึกแบบ เออ มันน่าสนับสนุนกว่าตรงที่ไอดอลไม่มีแฟนนี่แหละ
คือมาลองคิดดู ผมเคยชอบแก๊งนาดาว ชอบ เก้า ก็มีแฟน ชอบ ปันปัน ก็มีแฟน พอไปชอบ ฟรัง นรีกุล ก็ดันมีแฟน มันรู้สึกไม่อยากติดตามต่อแล้ว
หรือ เมื่อก่อนผมเคยชอบ แป้ง Zbing พอรู้ว่ามีแฟน มันก็ไม่ค่อยอยากดูและ ไปเห็นสวีทกันอีก คือ กูจะดูพวกมึงหวานแหววทำไม พอประกาศแต่งงานปุ๊บ ผมเลิกติดตามเลยไม่รู้จะตามทำไม คนมีผัว
พอมีแฟน ความรู้สึกอยากติดตาม อยากสนับสนุนก็หายไป
>>489 สรุปได้ว่า ที่ปากบอกเสมอว่าติดตามเพราะผลงาน เพราะอยากให้กำลังใจนี่คือข้ออ้างบังหน้า แต่ใจจริงตามเพราะลึกๆแอบหวังว่าอาจจะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของ รึไม่ก็ถ้าโอกาสนั้นเป็นศูนย์ ก็จะต้องไม่มีใครหน้าไหนได้ไป เทอกับเลาต้องเติบโตและขึ้นคานไปพร้อมๆกัน
ความคิดแบบนี้จะไม่เกิดถ้ามิตรฯท่านนี้ไม่เผลอมโนหลอกตัวเองว่า ฉันติดตามเธอ=เธอเป็นของฉัน=เธอต้องเป็นอย่างที่ฉันต้องการ
พวกกาจิโค่ยสินะ แต่เอาจริงวงก็สนองพวกกาจิโค่ยนั่นแหละและประชากรโอตะเกือบทั้งหมดก็กาจิโค่ย ที่เห็นตามความพยายามจริงหายาก
พวกมึงโดนแบนเลยมาบ่นกันในนี้สินะ555
แต่การตลาดแม่งดูดเงินดีจริงๆ พวกหัวเขียวถึงกับต้องขโมยเงินพ่อแม่มาเปย์เลย เศร้าหว่ะ
ความสุขนำพา ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ก็ยังรู้สึกดี
.
นิยามความสุขของแต่ละคนคงต่างกันไป บางคนคือการไปเที่ยว บางคนคือการเดินทาง บางคนคือการมีใครสักคน แต่สำหรับเรา ความสุขเกิดจาก "การได้พัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น" และได้สร้าง "ผลงาน" ที่สร้างอิมแพคต่อวงกว้างออกมา
.
มาอยู่นี่โชคดีมากที่ได้ทำสิ่งที่ว่ามานี้หมดเลย
.
ช่วงสองเดือนที่ผ่านมางานหนักมาก แต่ไม่ได้หนักในทางไม่ดี ตรงกันข้าม มันท้าทายและสนุกมาก ต้องทำอะไรที่แข่งกับเวลา ศาสตร์ที่ต้องทำก็เป็นงานด้าน Software Engineer ที่ครบเลย ไม่ว่าจะอัลกอเอย Math เอย Optimization เอย Hacking ก็มี ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ตลอดทางเยอะมาก
.
ได้ทำของสนุก ๆ ก็มีความสุขแล้ว แต่โชคดีชั้นสองคืองานที่ทำมีคนเอาไปใช้งานเยอะมาก ๆ อีกด้วย
.
ช่วงที่ผ่านมาเลยทำงานทุกวันตลอดเวลาจริง ๆ ไม่ใช่เพราะ Deadline อะไรทั้งสิ้น บริษัทก็ให้ทำแค่ 5 วัน แต่นี่อยากทำเอง ตื่นมาก็ทำ ๆ ๆ ๆ ๆ เพราะรู้สึกตื่นเต้นกับความรู้ที่ได้รับเพิ่ม แล้วก็ตื่นเต้นกับผลลัพธ์ที่ได้
.
อย่างวันก่อนนั่งใช้เวลาค่อนวันปรับอัลกอโค้ดจาก O(n^2) ให้เหลือ O(log n) จน Optimize โค้ดให้รันเร็วขึ้น 10 เท่าได้ (แปลว่า Cost ของ Server ก็ลดลง 10 เท่าด้วยเช่นกัน) เหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้รู้สึกว่าเราใช้เวลาไปอย่างมีค่า อยากทำอีก อยากทำเรื่อย ๆ บอกไม่ถูกว่าสุขขนาดไหน เอาเป็นว่าแฮปปี้มากละกัน 555
.
หรือสัปดาห์ก่อนตอน Facebook ประกาศว่าเปิดให้คนโพสต์ 3D Photo ผ่านคอมพ์ได้แล้วนะ นี่ก็ใช้เวลาคืนนั้นเขียน MVP แล้วเปิดให้คนใช้เช้าวันถัดไปเลย ตอนนี้คนเข้ามาใช้เยอะมาก ๆ รู้สึกแฮปปี้กับ Impact ที่สร้างสุด ๆ
.
ผลงานที่สร้างให้ลูกค้าใช้ก็รู้สึกอยากทำให้มันดีขึ้นตลอดเวลา อยากให้ลูกค้าเห็นการปรับปรุง เห็นประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและแฮปปี้กับมันยิ่ง ๆ ขึ้นไป แค่นึกถึงหน้าลูกค้าตอนได้เจอของดีที่ดีขึ้นแล้วทำให้ไม่อยากหยุดทำงานเลย
.
ความสำเร็จไม่มีวันหยุดราชการ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่ากันเลย หากยังเกลียดวันจันทร์อยู่อาจต้องหาสาเหตุกันละนะว่าทำไม หาคำตอบให้ตัวเองให้ได้ว่าความสุขคืออะไร ปรับตัวเข้าหามันให้ได้ ชีวิตคนเราสั้นเกินกว่าจะนั่งทำสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบไปวัน ๆ
.
อย่างที่คนเค้าว่ากันแหละ ถ้าได้ทำงานที่รัก ... คุณจะไม่ได้หยุดพักอีกเลย
.
เค้าว่ากันงี้เปล่านะ จำไม่ค่อยได้
เท่าที่สังเกต...คนที่เล่นหุ้นมาหลายๆปีแล้วไม่รวยสักที
- อยากรวย แต่อ่านหนังสือไม่ถึง 30 เล่ม ??
นักลงทุนที่ดี ต้องรู้จักธุรกิจ ต้องทำบัญชีเป็น ไม่มีอะไรง่าย
ถ้าจะซื้อหุ้นธุรกิจเดินเรือ คุณรู้จักเรือทุกประเภท
รู้จักน้ำมันBW380 รู้จักตู้ รู้จักTEU เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ
คิดดู เด็ก ป.ตรี อ่านหนังสือตั้ง 4 ปี เพื่อทำงานเงินเดือน 1.5 หมื่น
นักลงทุนที่ดีจะน้อยกว่านั้นได้ไง ผมคิดง่ายๆแบบนี้แหล่ะ
- ยึดถือกับสิ่งผิดๆ ดูกราฟ ดูเส้น พอผิด ก็บอกว่าตัวเองดูผิด แบบนี้ไม่ต่างกับแม่ค้าในตลาดทำนายฝันหลังหวยออก
- เปลี่ยนวิธิการไปเรื่อย ทั้งที่บางทีมาถูกทางแล้ว แบบนี้ทำให้การตัดสินใจไม่ดี ถึงจุดๆนึง ตัวเองก็ไม่รู้จะว่าควรอิงกับอะไร
- ซื้อตามคนเก่ง(?) อันนี้เหมือนจะง่าย แต่ไม่ยั่งยืน แถมบางทีคนอื่นก็เม่าพอๆกับตัวเองนั้นแหล่ะ
>>492 อ่อ จะบอกว่าเขาขายฝัน ขายความฝันที่จะได้รู้สึกว่าเป็นเจ้าชีวิตคนใช่ป่าว เพื่อกลุ่มเป้าหมายที่มีรสนิยมชอบแบบนี้ แล้วพอไอ้ภาพความฝันที่ว่ามันพังทลาย มันก็เลยฝันต่อไม่ได้ เลยเลิกตามเลิกสนับสนุน เปลี่ยนเป็นด่าและสาปแช่งเขาแทน จนกลายเป็นกฎเหล็กผูกมัดอย่างไม่เป็นทางการ หรือเรียกอีกอย่างว่าสัญญาใจอะไรนั่นน่ะ
ไม่ใช่ไรนะ คือสิ่งที่มึงและ >>489 อ้างมามันตีความได้แบบนี้อย่างเดียวอะ ถ้าไม่ใช่ไหนมึงลองแก้ต่างมาดิ๊ว่ามันมีสาเหตุอื่นไดอีกที่ทำให้มึงไม่พอใจที่คนที่มึงติดตามจะไปมีแฟนมีผัว
จนถึงวันนี้ เห็นการหมอบกราบ... ของชาติแล้ว ผมว่าเป็นเอกลักษณ์ ที่ยากจะมีใครทำได้อย่างอ่อนโยนเท่าไทยเรา และอย่างมีเอกลักษณ์ ที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้ ..บอกเลยว่า ภาคภูมิใจครับกับความเป็นไทย กับการหมอบกราบที่ทรงคุณค่าครับ
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสอนให้รู้ว่า ในบางตำราที่พวกฝรั่งได้กล่าวอ้างว่า พวกเขาเป็นชนที่มีอารยะเหนือกว่าเรานั้นไม่จริงเลย
เราเป็นประเทศที่มีอารยะ อยู่อันดับต้นๆของโลก ทั้งด้านการปกครอง ประเพณี วัฒนธรรม และการศึกษา แต่เราโชคร้ายที่มีบางพวกบางกลุ่ม คิดทำลายสิ่งเหล่านี้
พอทำงานวิศวะนานๆ เนี่ย มันจะสร้างนิสัยประจำอาชีพ ยิ่งวิศวกรมือดี ยิ่งมีนิสัยพวกนี้แรง ทำให้บางทีคนทั่วไปมองเราแปลกๆ ใครเป็นเด็กวิศวะ ลองถามตัวเองว่าคุณมีลักษณะแบบนี้ไหม
1. ติดนิสัย logic ทุกอย่างต้องมีเหตุผล ความเป็นมา เชื่อมโยงเป็น logic อธิบายได้ เจอสายศิลป์ทำอะไรไม่มี logic จะสติแตก พอดีแต่งงานกับสาวบัญชี เขาก็ logic พอควรเลยอยู่กันได้ (แต่สาวบัญชีนี่เจ้าแห่งการวางแผน ลงรายละเอียดเลยนะ จะบอกให้)
2. ทำอะไรชอบวางแผนและใช้ข้อมูลประกอบมากว่าคนทั่วไป เคยไปช่วยเขาถ่ายรูปหมา ก็ถามไป ว่าหมากี่ตัว กี่ชุด กี่ที่ สถานที่ทึบหรือ โล่ง กี่โมงดี แสงทิศไหน แล้วไปก่อน ไปเดินวนหาสถานที่ ดูมุมแสง น้องเขาตกใจว่าแปลกดี เขานึกว่าปกติก็เอากล้องมาถ่ายๆๆๆ เลย เห็นว่าเราทำอย่างนี้แปลกดี
3. ชอบลุยๆ เสี่ยงๆ เพราะเราเจอแก้ปัญหาหน้างานบ่อย เลยพบว่าวางแผนไปมากมาก ก็เท่านั้น เวลาทำจริงปัญหามาตลอด ความเก่ง คือ เตรียมการแก้ไว้ได้ทุกท่า มากกว่า วางแผนก็ใช้ระดับหนึ่ง
4. คิดเป็นระบบจัด เป็นขั้นเป็นตอนมาก บางคนบอกว่าพวกเรามี flow chart ในหัว ประเภท
if a then b if c then e for i=1 to n dothings อะไรประมาณนั้น ชอบชีวิตที่มีกรอบชัด พยายามหากฏมาใส่ อธิบายสิ่งต่างๆ ชัดๆ ทำให้ทำอะไร art art จะออกมาดีแต่แข็งๆ ต้องบอกว่า ใครจะให้สุดยอดต้อง break ลักษณะนี้ให้ได้ ถึงจะคิดนอกระบบได้ดี ต้องมั่วๆ นิดนิด
5. เชื่อยากยาก ตรวจสอบข้อมูลจากต้นตอ ต้องเช็คแล้วเช็คอีก ชอบค้น จะซื้ออะไรก็ค้นๆๆๆๆๆ เทียบๆๆๆๆ นั่งอ่าน รีวิวไปเรื่อย เลยกว่าจะซื้ออะไรที นาน
6. พอเชื่อแล้วจะปักใจ ใครว่าไงก็ไม่ถอย เถียงๆ ไปเรื่อย เลิกตรวจสอบเอาดื้อๆ เป็นแบบที่ขัดกับข้อก่อนหน้า แฮะ และจะดื้อมากมาก ถ้าใครมาแตะความเชื่อที่พิสูจน์ไปแล้ว (ของตัวเอง)
7. มีโลกส่วนตัวสูง มีมุมส่วนตัว ใครห้ามมายุ่ง บางทีจะหายไปในนั้นแล้วตัดโลกทั้งมวลออกไป ใครไม่เข้าใจจะงงๆ เช่น นั่งโปรแกรม ไป หัวเราะไปทั้งวัน ต้องเข้าใจและปล่อยไป
8. แต่ก็ชอบสมาคม รักเพื่อน รักพวก เจอกันทีคุยกันนานๆๆๆ ขัดกับข้อที่แล้ว
9. หมดเงินกับของเล่น Smart phone tablet เครื่องเสียง หูฟัง กล้อง เลนส์ จักรยานต์ รถปังคับ เครื่องบิน หุ่นยนต์ drone ต้องซื้อไว้รอบตัวไม่มีที่จะเก็บ แต่ก็อยากได้ไปเรื่อย ๆ งั้นๆ อะไรใหม่จะออกรู้หมด บ้าเสปคของจัด
10. หลายคนชอบเล่นอะไรยากๆ แปลกๆ ลึกๆ จนคนเขาสงสัยว่ามันสนุกเหรอ ทำไมทำอะไรง่ายๆ ขำๆไม่ได้เหรอ ผมมีรุ่นพี่รุ่นน้องที่ต่อลำโพงเอง เอาโปรแกรมมาออกแบบ เสียงเอง มีพวกบ้าถ่ายรูปที่อ่านตำราเป็นเล่มๆ ทฤษฏีเพียบ ฟังเพลง classic แล้วฟังมันทุกเม็ด รู้จักทุกวง ประวัติคนแต่ง อ่านกำลังภายใน รู้หมด สำนักไหน อาวุธอะไร รู้เป็นฉากๆ จำคำพูดได้ แต่พวกนี้มักจะเป็นนิสัยมือดี เป็นกัน
11. เวลาทำงานจะชอบอะไรง่ายๆ เวิร์ค ท่ามากไม่เอา บางทีก็มั่วๆ เขาถึงเรียกว่า know how ไม่สนใจหรอก know why เอาที่แก้ปัญหาได้ ถูกๆ เวิร์คๆ ก็พอ เป็นนิสัยขัดกับข้อก่อนหน้า น่ะ แปลกไหม
12. บางทีบูชา efficiency จัด เป็นไหมครับ ทำชาวบ้านที่ไม่เข้าใจโกรธไปหลายที เช่น กินข้าวเสร็จ ขณะจ่ายเงิน ขอออกไปซื้อของก่อน efficient ดี พยายามทำหลายอย่างพร้อมกัน งง งง ทีนี้ คนไม่เข้าใจอาจจะหาว่าเราขาดมารยาท แต่ที่จริงเราลืมไป เพราะทำอย่างนั้นมันไม่ efficient นี่นา
ใครคิดอะไรออกก็เติมๆ มานะครับ
ประวัติศาสตร์จะต้องจารึก
รัฐบาล สุดท้าย ในรัชกาลที่ 9
รัฐบาล แรก ในรัชกาลที่ 10
เป็นรัฐบาล เผด็จการทหารที่มาจากการยึดอำนาจและไม่ยอมวางมือหลังมีการเลือกตั้ง
ช่วงบ่น
Object oriented เริ่มมาจาก Alan Kay
"OOP to me means only messaging, local retention and protection and hiding of state-process, and extreme late-binding of all things. It can be done in Smalltalk and in LISP. There are possibly other systems in which this is possible, but I'm not aware of them."
คือประเด็นของเขา เขาอยากซ่อน State processing
คือระบบสมัยนั้นมันมี Spaghetti code เยอะ State มันพันกัน ก็เลยบอกว่า เราแยกเป็นส่วนๆ Subsystem แล้วคุยกันผ่าน Message ได้มั้ย มันจะได้การันตีได้ว่า State ตรงนี้ไม่โดนใครกระทบ (นอกจาก Interface ของส่วนนั้น)
ถ้าพูดให้เห็นภาพคือ จากโค้ดสปาเก็ตตี้ก้อนใหญ่ เราได้สปาเก็ตตี้ก้อนเล็กๆ หลายๆ ก้อน ที่การันตีว่า มันไม่พันข้ามกัน ทีนี้เวลาเราจะแก้ไขจะ Debug มันก็รู้แล้วว่ากระทบแค่ไหน ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มีโอกาสกระทบหมด
อันนี้คือ Essence คือ Priority อันแรก และมีผลทาง Practical ด้วย คือแก้โค้ดตรงนี้เราบอกได้ว่ามันกระทบแค่ไหน ไม่ใช่นั่งพารานอยด์ว่าจะโดนนั่นมั้ยโดนนี่มั้ย มันจำกัดจุดระวังได้ ไม่ใช่พันกันจนแค่จะแก้ Bug เล็กๆ ต้องมานั่ง QA ระบบทั้งเดือน อะไรเงี้ย
ทีนี้คือบางทีเคยไปเห็นโค้ดที่มี 2 Object ที่ Share state กันบน Global singleton โดยบอกว่าต้องแยกเป็น Object เล็กๆ ตาม Single responsibility principle แล้วแบบ แถมคุยกันแบบใช้ Design pattern อย่างหรู เราก็ได้แต่เอิ่ม.......
คือสุดท้ายคุณสร้าง Object ใหญ่กว่านี้หน่อยแต่ไม่ต้องประกาศ Global singleton แล้วมันลิมิตว่าแก้โค้ดแล้วจะกระทบแค่นี้จะดีกว่าเยอะเลยนะ ดันไปเชื่อว่าออบเจ๊กต์ต้องเล็กแล้วเอามันมามี Priority อยู่เหนือกว่า Practical implication โค้ดก็พันกันแก้ยากอ่ะครับ
คือผมว่า บางที OOP Industry มันมาไกลจนลืมแก่นบางอย่างและลืมไปว่าเราใช้มันแต่แรกเพราะอะไร
ปัญหาที่ทำให้คนคิด Coding pattern กับ Programming paradigm มีแค่นี้
"โค้ดพันกัน เพื่อนหาไม่เจอว่าโค้ดอยู่ไหน มี Bug ดูแถวไหนดี แล้วพอผ่านไปซักพักผมไม่รู้ว่าแก้ตรงนี้จะกระทบโดนเท่าที่มันควรกระทบมั้ย ทำไงดี"
ทั้งหมดมันมาตอบคำถามนี้แหละ ซึ่งใครตอบคำถามนี้ได้อย่างหมดจด ทีมคุณจะ Productive มากๆ จนมี Unfair advantage เลยแหละ
สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง รัสเซียขนส่งอาหารและยุทโธปกรณ์ทางรถไฟ โดยที่ต้องการส่งของให้ได้ปริมาณมากที่สุด ในขณะที่ศัตรูฝ่ายสหรัฐอเมริกา ต้องการที่จะทำให้รัสเซียส่งของทางรถไฟไม่ได้ โดยการระเบิดรางรถไฟให้ขาด โดยให้ระเบิดน้อยครั้งที่สุด
เพื่อน ๆ เชื่อไหมครับว่า อันนี้เป็นที่มาของปัญหาที่ดังมากทาง computer science คือ ปัญหา maximum flow (max flow min cut theorem)
ใครอยากเรียนอะไรแบบนี้ ติดต่อมาได้ครับ
ในพระราชพิธี มีการยิงสลุตด้วยปืนใหญ่โบราณ ก็ยังมีพวกไม่รู้แซะว่าปืนใหญ่เป็นอาวุธของพวกฝรั่ง
มึงเข้าใจผิด
ดินปืน และปืนใหญ่เป็นอาวุธที่ถูกค้นพบโดยชาวจีนในยุคราชวงศ์ซ่ง และหลังจากนั้น ดินปืนและปืนใหญ่ก็เริ่มแพร่หลายสู่ชาติอื่น ๆ
ช่วงยุคปลายคริสตศตวรรษที่ 15 - ต้นคริสตศตวรรษที่ 16 ชาติที่พัฒนาเทคโนโลยีนี้ไปไกลในเอเชียมี 2 ชนชาติก็คือเกาหลีและอยุธยา
ในสงครามรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น ปืนใหญ่นับเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยให้เกาหลีปกป้องเอกราชของตนเอาไว้ได้
ส่วนญี่ปุ่นหลังจากสงครามครั้งนั้น หลังจากที่จีนและเกาหลียุติการขายปืนใหญ่ให้ ญี่ปุ่นก็หันมานำเข้าปืนใหญ่จากอยุธยาแทน
______
เมื่อครั้งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชส่งคณะทูตไปฝรั่งเศส หนึ่งในเครื่องราชบรรณาการที่ถูกส่งไปยังมีปืนใหญ่คู่หนึ่ง
และช่างบังเอิญ ในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ปืนใหญ่ที่มาจากอยุธยา ดันถูกลากออกไปใช้ยิงถล่มประตูคุกบาสตีล
จุดเริ่มต้นของประชาธิปไตยสมัยใหม่ในฝรั่งเศส ที่จริงแล้ว เป็นไทยเรานี่แหละเป็นผู้ส่งออกนี่เอง
________
ประวัติศาสตร์ชนชาติไทยของเรา ในอดีตมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อย
ไม่ได้อ่อนด้อยแบบที่พวกร่านมโนประวัติศาสตร์กันเอาเองหรอกนะมึง
I’m selling popcorn for people reading the comments.
{\__/}
( • . •)
/ >🍿
▪Regular 🍿- $2.00
▪Large🍿- $4.00
▪Extra butter .50 cents.
{\__/}
( • ᴗ •)
🥤৵ \
▪Add a coke for only $1 🥤( the liquid kind ) 🤣
{\__/}
( ˘ᴗ˘)
🍕৵ \ ▪ Pizza - $2.00
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ผมอยากหาหุ้นส่วนมาทำสตาร์ทอัพกันครับ ไม่ได้ต้องการมาลงทุนเงิน อะไรนะครับ อยากได้คนเขียนโปรแกรม เป็นผมมีไอเดียและคิดว่ามีตลาด แต่เขียนโปรแกรมไม่เป็นครับ อยู่ กทม ครับ จะเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง หรือนักเรียนกำลังเรียนอยู่อะไรก็ได้ครับสนใจทักอินบ็อกมาคุยกันครับ ไม่มีการขอให้ลงเงินใดๆทั้งสิ้น มีแต่จะขอความรู้ที่คุณมีถือว่ามาฝึกฝีมืิและอาจเป็นรายได้ให้เราได้ครับ
คุณเขียน ผมเขียนโครงสร้างความต้องการและผมจะเป็นคนไปขายเองครับ พอมีกลุ่มลูกค้าอยู่ครับ
โปรเจคนอกเวลางานน่ะครับผมเข้าใจได้ว่าทุกคนต้องกินต้องใช้แต่ที่โพสต์ในลักษณะนี้อยากจะหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ก่อนครับ แล้วพอคุยภาษาเดียวกันแล้วค่อยคุยเรื่องอื่น ผมมีทั้งทางเลือกที่จะ หานายทุนมาทำ และทางเลือกที่เราจะทำเอง ครับ อยากได้คนที่ไม่ถามถึงเรื่องเงินก่อนเรื่องอื่นครับ หามีความสนใจ สามารถนัดกินกาแฟกันก่อนแล้วมาลองคุยรายละเอียดอื่นๆได้ครับ ผมก็มือใหม่ ครับ
"อยากทราบราคาประมาณ ของ โปรแกรม สมาชิกนี้"
"สองหมื่นครับ" ผมตอบ
"แพง จัง "
เป็น คำพูดของ ลูกค้าที่ คนเขียนโปรแกรมจะต้องเจอ
ใช่ครับราคาโปรแกรมสูง กว่าที่ลูกค้า ที่ไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์คิดเสมอ มีตั้งแต่ หลักร้อย จนกระทั่งถึง หลักสิบล้าน ร้อยล้าน มีครบหมด แล้วแต่คุณภาพความสามารถ ที่จะกระทำ แลกกับความสะดวกสบายในการ
ใช้งานหลายคนจะบอกว่า แพงไว้ก่อน บางคนคิดว่าโปรแกรมไม่มีราคาเสียด้วยซ้ำไป
คนเขียนโปรแกรมแค่ คีย์ คอมไม่กี่วันก็ได้เงินแล้ว
มันเป็นเรื่อง ที่คิดผิดมากๆ แล้วทำไมโปรแกรมถึงมีราคา สูง คุ้มหรือไม่ที่จะซื้อ
ยี่สิบปีก่อนผมทำงานห้างสรรพสินค้า ปัญหา อยู่ที่ Supermarket แผนกนี้จะรับสินค้า จาก บริษัทต่างๆ มากมายเกือบพันแห่ง มีรายการ สินค้า 2-3 หมื่นรายการ คิดเอานะครับเฉพาะ กาแฟ มีกี่ยี่ห้อ มีกี่รุ่น
สิ้นเดือน ผู้ขายก็จะมาวางบิล
สหพัฒฯ อย่างเดียว มี หกเจ็ดแผนก มี การวางบิลแยกแผนกกัน ว่าสินค้าเขาขายได้เท่าไรจ่ายเงินเท่านั้น
ทีนี้ เวลาขายสินค้า มันจะมีรายการขายต่อเดือนราว 5 แสนรายการต่อเดือน
คิดแค่แยก supplier แค่นี้ ให้ครบไม่ให้เงินตกหล่น ก็ จุกแล้ว ถ้าไม่ใช้คอมพิวเตอร์ใช้มือคนแยก ปิดงบสิ้นเดือน ต้อง รอไปอีก สิบห้าวันจะแยกเสร็จไหม ถูกต้องไหม
ใช้คน เท่าไร แต่เดิมเปิดห้างมีพนักงาน บัญชี 20 คน
ผมนั่งเขียนโปรแกรมด้วยค่าแรง เดือนละ 18000 บาท สิบเดือนเก็บงาน ตั้งแต่ Point of Sale จนกระทั่ง ออกรายงานครบ คิดเป็นค่าแรง 1.8 แสนบาท ถ้าตีเป็นราคาซอฟแวรืก็คือ 1.8 แสนบาท มองแล้วสูง สำหรับ
คนที่มองผ่านๆ แต่ ถูกมาก เพราะลดคนทำงานลงไปเหลือห้าคน พนักงาน อีก15 คน ไปทำงานแผนกอื่น คิดเฉลี่ย พนักงาน หัวละหมื่นบาท 15 คน ลดค่าใช้จ่ายไป 1.5 แสนบาท สองเดือนก็เกินคุ้มแล้ว
ทีนี้ มาคุยกันเรื่องจ้างทำระบบ คิดให้หยาบๆ ว่าทำไม มันถึงราคาสูง บางตัวผมเสนอราคาไป 1 แสนบาท
โปรแกรมบัญชีควบคุมการผลิต ลูกค้าอยู่ ระยอง เขียนโปรแกรมหนึ่งเดือนเสร็จ
คิดค่าแรงวันละ 2 พันบาท 30 วันก็ 60000 บาท
เคยมีนะครับ ลูกค้าเจ้าหนึ่งเปรยๆ กับผมว่า "ค่าแรงวันละห้าร้อยก็สูงแล้วนะ"
แบบนี้นะอาเฮียผมแนะนำให้เอาหัวหน้า รปภ มา เขียนโปรแกรมดีกว่า หัวหน้ารปภ บริษัทใหญ่ ๆ ค่าแรงวันละ 600 บาท ด้วยซ้ำ ช่างล้างแอร์บ้านผมล้างแอร์ตัวละ 300 บาท แค่ช่วงเช้า ล้างแอร์ สามตัว ได้ไปเก้า
ร้อยแล้ว
เอาช่างล้างแอร์มาเขียนโปรแกรมเอาไหม
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นตั้งแต่เสนอราคา ยัน ปิดการขายเก็บเช็ค ขับรถไประยอง สิบเที่ยว ๆ ละ 1500 บาท อย่าลืมนะครับค่าน้ำมัน กินไปพันบาทแล้ว สิบเที่ยว อีกหมื่นห้า รวมค่าแรง เป็น 7.5 หมื่นบาท
งานจบแล้ว ลูกค้ายังมี การโทรถาม ขอแก้นิดแก้หน่อย ต้อง ตามดูงานให้ลูกค้าอีก ร่วมสามเดือน บางที ลูกค้าเองทำงานผิดพลาด เราต้องแก้ไขข้อมูล ระหว่างการเริ่มรันระบบ บางที เงินเหลือสองหมื่นห้าก็หมด บาง
ครั้งการ เสนอราคา คนของบริษัทลูกค้าเองนี่แหละเล่นใต้โต๊ะ
แม้จะไม่ชอบก็ต้องกล้ำกลืน ขอเงิน ค่าปากถุง 10% เป็นอัน ต้องบวก อยู่ในค่าโปรแกรม เจ้านายนะไม่รู้หรอก แต่นี่คือต้นทุน
Know how บางอย่าง เขียนโปรแกรม 10 บรรทัด ค่าโปรแกรม ตรงนี้ปาเข้าไป สองหมื่นบาท เพราะเป็น knowhow เช่น ระบบต้องมีการต่อกับเครื่องชั่งน้ำหนัก บัตรสมารท์การ์ด เครื่องสแกนลายนิ้วมือ ฯลฯ
พวกนี้ คือ สิ่งที่ จำเป็น ต้อง ใช้มืออาชีพในการทำงาน
ค่าความเสี่ยงที่ ไม่มี ใครคิด ว่าจะเกิด
ทั้งหมดนี้คือ รายการค่าโปรแกรมที่เกิดขึ้น อย่าต่อราคาโปรแกรม เลยครับ ต้นทุน ค่าผลิต โปรแกรมมันสูงไม่น้อยนะ
ระบบต้องการดีเลิศ แต่ราคาจ่าย แบบสามล้อ ก็คงได้งานสามล้อแล้วกัน
นานมาแล้ว หลายปีดีดักมาก เคยมีแบรนด์ไทยอันนึง อยากให้ทำรีวิวส่วนผสม แต่ไม่โอเคที่จะให้เราบอกว่าส่วนผสมนี้มาจากซัพพลายเออร์ไหน เราก็ไม่ทำ แล้วก็คิดด้วยว่าถ้าคุณไมไ่ด้พัฒนาส่วนผสม แอคทีฟอะไรทุกอย่างขึ้นมาเอง ใช้เอง เป็นความลับของตัวเอง แต่ซื้อส่วนผสมจากซัพพลายเออร์มาทำสูตร คนที่ทำแลป คนที่ทำตรงนี้ อ่านส่วนผสมของเขาก็รู้แล้ว เผลอ ๆ ทำได้ดีกว่าคุณด้วย คือวงการนี้ถ้าไม่ได้คิดอะไรเอง ผลิตอะไรเอง จดสิทธิบัตรไว้รัดกุม เขาก็ทำตามกันได้ แต่จะขายได้ขายไม่ได้มันอยู่ที่การสร้างแบรนด์ สร้างความไว้ใจ สร้างความมั่นใจ สร้างความเชื่อมโยงทางจิตใจ มันอยู่ที่คนซือว่าเห็นแล้วรู้สึกยังไง ลองแล้วชอบไหม เท่านั้นแหล่ะ
คือกังวลอะไรไม่เข้าเรื่อง แบรนด์ที่เขาใหญ่กว่า ใหญ่ระดับขายทั้งโลก เราทำรีวิว เราขุดข้อมูลมาบอกหมดว่าส่วนผสมใช้ของใครหรือทำขึ้นมาเอง ไม่เห็นเขาจะมาอะไรกับเราเลย เพราะถามว่าคนมาอ่านแล้วเอาไปทำตามก็ไมไ่ด้แปลว่าจะทำได้เหมือนเป๊ะ หรือทำได้เหมือนเป๊ะก็ไม่ได้แปลว่าจะขายได้ เพราะทั้งสเกลการผลิต ต้นทุน ทรัพยากร มันมีไม่เท่ากัน สร้างแบรนด์มาได้ดีไม่เท่ากัน
ใจแคบกับเรื่องแค่นี้ จะทำแบรนด์ให้สำเร็จได้ยังไง
ในงาน Berkshire Hathaway Annual Meeting ปีนี้ มีคำถามจากผู้ถือหุ้นคำถามหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจ
เด็กอายุ 13 ขวบ ถาม Warren Buffett กับ Charlie Munger ว่า มีวิธีอะไรบ้างที่จะช่วยให้เด็กพัฒนาความสามารถในการอดทนรอคอยได้ (delayed gratification)
delayed gratification คือการที่เรารู้จักอดทนรอคอย ยับยั้งชั่งใจ ไม่ตักตวงความสุขตรงหน้า เพื่อรอรางวัลหรือความสุขในอนาคต
ตัวอย่างเช่น ไม่เล่นเกมส์ช่วงเตรียมสอบ ซึ่งเป็นความสุขเฉพาะหน้า แต่ใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือเพื่อจะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คณะที่ต้องการ ซึ่งจะทำให้ตัวเองได้ทำงานที่ตัวเองอยากทำในอนาคต
หรือการยับยั้งใจตัวเองไม่ซื้อมือถือรุ่นใหม่ แต่ออมเงินและลงทุนเพื่อที่ตัวเองจะได้มีเงินพอใช้ตอนแก่
หรือการห้ามใจไม่กินขนมหวาน เพื่อที่ตัวเราในอนาคตจะได้มีสุขภาพดี
Walter Mischel นักจิตวิทยาและอาจารย์ที่ Stanford University ในขณะนั้น ได้ทำการทดลอง Marshmallow Experiment ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 และต้นทศวรรษที่ 1970 กับเด็กกว่า 600 คน และติดตามชีวิตเด็กเหล่านี้ต่อไปอีกหลายปี
ในการทดลองนี้ ผู้ทดลองจะให้ขนมกับเด็กคนละหนึ่งชิ้น และบอกเด็กว่า ถ้าเด็กไม่กินขนม และรอจนผู้ทดลองกลับมาที่ห้อง (ประมาณ 15 นาที) เด็กจะได้ขนมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชิ้น
Walter Mischel พบว่า เด็กราวๆ หนึ่งในสามที่อดทนรอจนได้กิน marshmallow 2 ชิ้น เมื่อโตไป จะมีคะแนนสอบดีกว่า รูปร่างและสุขภาพดีกว่า ชีวิตด้านอื่นๆ ก็ดีกว่า
ในงานประชุม Munger ซึ่งมีลูก 8 คน ตอบเด็กไปว่า เขาคิดว่า เรื่อง delayed gratification ไม่สามารถสอนกันได้ ถ้าจะเป็นก็เป็นมาตั้งแต่เกิด
แต่ในหนังสือ The Marshmallow Test อาจารย์ Walter Mischel ให้แนวทางในการพัฒนาเด็กให้มีความสามารถในการอดทนรอคอยไว้ดังนี้ :
1. ช่วงท้องและช่วงเด็กอายุสองสามปีแรก อย่าให้เด็กเจอความเครียดสูงๆ และยาวนาน
ขั้นแรก พ่อแม่ต้องพยามยามลดระดับความเครียดของตัวเองก่อนเลย
2. เริ่มต้นตั้งแต่ขวบปีแรก พยายามสอนให้เด็กรู้จักหันเหความสนใจไปจากเรื่องน่าหงุดหงิด
3. สนับสนุนช่วยเหลือเด็ก แต่ก็ปล่อยให้เด็กตัดสินใจด้วยตัวเองด้วย
สอนลูกว่า เขามีทางเลือกที่เขาเลือกได้ และแต่ละทางเลือกจะมีผลที่ตามมา
สอนลูกว่า ทางเลือกที่ดีจะนำไปสู่ผลลัพธ์ดีๆ ทางเลือกที่แย่จะนำไปสู่ผลลัพธ์แย่ๆ
4. สอนเด็กให้พัฒนาทัศนคติเรื่อง การเรียนรู้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
แทนที่จะชมลูกว่าได้เกรดดีหรือฉลาด ให้ชมลูกว่า ลูกพยายามเต็มที่
5. อยากให้ลูกเป็นแบบไหน ทำตัวอย่างให้ลูกดู ทุกทัศนคติ การกระทำ ความรู้สึกของพ่อแม่จะส่งผลกับลูกอย่างมาก
6. ใช้นิทานหรือเรื่องเล่าสอนลูกให้เห็นผลลัพธ์ของพฤติกรรมดีๆและพฤติกรรมแย่ๆ
ใช้เรื่องเล่าสอนลูกเรื่องการตัดสินใจ การจัดการกับความโกรธ การจัดการกับอุปสรรค และอื่นๆ
(มีต่อ)
(ต่อจาก >>518)
กลยุทธ์ที่จะช่วยให้เราอดทนรอคอยมีหลายอย่าง เช่น
- การหันเหความสนใจไปจากตัวกระตุ้น ด้วยการคิดเรื่องอื่นหรือหาอะไรทำแทน
- การหลีกเลี่ยงไม่ให้เจอตัวกระตุ้น เช่น ไม่ซื้อขนมเก็บไว้ในบ้าน ไม่เดินผ่านหน้าร้านขนม
- การวางแผนล่วงหน้า เช่น พอถึง 5 โมงเย็นปุ๊ป จะออกไปวิ่งทันที
- การนึกภาพของผลเสียจากการตักตวงความสุขตรงหน้าให้ชัดๆ เช่น นึกถึงภาพตัวเองที่มีรูปร่างอ้วน เป็นเบาหวาน ความดัน ตอนอยากจะกินขนม
- การนึกภาพของผลดีจากรอคอยความสุขในอนาคตให้ชัดๆ เช่น การมีเงินพอใช้แบบไม่ต้องกังวลตอนแก่ การมีสุขภาพดีไปเที่ยวได้ตอนอายุมาก
กลับมาที่คำถาม หลายคนอาจจะคิดว่า Buffett น่าจะตอบว่า ให้ประหยัด เก็บเงินเยอะๆ ไปลงทุน จะได้รวย
แต่ไม่ใช่เลย Buffett พูดว่า "ความอดทนรอคอยเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่การรู้ว่า ตอนไหนควรใช้เงินก็สำคัญเช่นกัน"
เขาพูดต่อว่า "ผมไม่ได้คิดว่า การเก็บเงินคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกครอบครัวทุกสถานการณ์"
Buffett ยกตัวอย่างเสริมว่า การไม่พาครอบครัวไปเที่ยว Disney World สองวัน เพื่อเก็บเงินไว้ให้พอไปเที่ยวทั้งอาทิตย์ในอีก 30 ปีข้างหน้า อาจจะไม่ใช่สิ่งควรทำ การใช้เวลากับบางอย่างที่มีความหมายมันคุ้มค่าเงิน
เขาบอกว่า กิจกรรมที่ทำให้เรามีความสุขเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
Buffett อาจจะกลัวว่า เดี๋ยวคนจะใช้เงินกันใหญ่เลยคราวนี้ เขาเลยพูดต่อว่า ตัวเขาเองจะใช้เงิน 2-3 เซ็นต์ จากเงิน 1 ดอลลาห์ที่เขามี กับสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข
เขาพูดตบท้ายว่า ถ้าคุณไม่มีความสุขตอนมีเงิน $50000 หรือ $100000 คุณจะไม่ได้มีความสุขมากขึ้นตอนมีเงิน $50 ล้านหรอก
อย่ายึดติดกับการอดทนรอคอยมากจนเกินไป
คำตอบของ Buffett ตรงกับสิ่งที่อาจารย์ Walter Mischel เขียนไว้ในช่วงท้ายๆ ของหนังสือ :
ชีวิตที่มัวแต่รอคอยความรื่นรมย์หรือรางวัลไปเรื่อยๆ น่าเศร้าไม่ต่างไปจากชีวิตที่เน้นแต่การหาความรื่นรมย์ในปัจจุบัน
ความท้าทายก็คือ การรู้ว่า เมื่อไหร่เราควรเลือกที่จะรอ และเมื่อไหร่เราควรเลือกที่จะไม่รอ
แต่ก่อนที่เราจะเลือกรอหรือไม่รอได้นั้น เราต้องรอให้เป็นก่อน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นับว่าเป็นเรื่องปฏิวัติวงการ hacker และวิธีการป้องกันการถูกแฮกเลยทีเดียว เมื่อกองทัพอิสราเอล ตรวจพบว่าอาคารแห่งนึงในฉนวนกาซา เป็นฐานทัพนักรบไซเบอร์ ของกลุ่มฮะมาส (ฝั่งตรงข้าม) จึงสั่งการเอาเครื่องบินกองทัพอากาศ บินทิ้งระเบิดใส่แฮกเกอร์ซะเลย เพื่อป้องกันการถูกแฮก! 😂😂😂 ตำรา computer security ต้องจารึกเหตุการณ์นี้จริง ๆ เป็น การจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางกายภาพ ไม่ต้องซื้อ Firewall กันเลยทีเดียว
ทวิตเตอร์ของกองทัพอิสราเอลทิ้งท้ายไว้ว่า "HamasCyberHQ.exe has been removed." พี่ดุไปนะ น้องเริ่มไม่ไหว 😂
"การไม่ย่อท้อที่ไร้วิชั่น มันก็เป็นได้แค่ความดื้อรั้นที่ไร้อนาคต"
.
คงเคยเห็นภาพคนที่ขุดหาเพชรไปสักพักแล้วล้มเลิกทั้ง ๆ ที่อีกนิดเดียวก็เจอเพชรแล้ว เป็นภาพที่พยายามสื่อว่าเป็นเพราะเรา "ยอมแพ้" ก็เลยไม่ประสบความสำเร็จนั่นเอง
.
เป็นคำสอนที่ดูดีว่าอย่ายอมแพ้ แต่เอาเข้าจริง ชีวิตจริงกลับสอนอีกอย่างนึง ตรงกันข้ามเลยหละ
.
"ยอมแพ้ให้ถูกจุดก็เป็นกลยุทธ์นึงของการประสบความสำเร็จนะ"
.
เราถูกชักจูงจากเรื่องเล่านี้มาตลอดว่าด้านหน้าต้องมีเพชร ถ้าขุดไปเรื่อย ๆ ต้องได้เพชรแน่นอน ถ้ายอมแพ้ก็จบ ถ้าไม่ยอมแพ้ต้องสำเร็จแน่ ๆ
.
ทั้งที่จริงข้างหน้าอาจไม่มีเพชรอยู่เลยก็ได้นะ ... เรื่องก็พลิกกลายเป็นว่า "ใครล้มเลิกก่อนต่างหากที่จะเป็นผู้ชนะ" เพราะเค้าจะมีโอกาสไปเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ได้ก่อนคนอื่น
.
เรื่องราวจะเป็นยังไงทั้งหมดอยู่ที่เรื่องเดียวเลย ... "ข้างหน้ามีเพชรมั้ย" ถ้ามีก็ขุดต่อสิ ยอมแพ้ทำไม แต่ถ้าไม่มีก็เลิกสิ จะดื้อรั้นต่อไปทำไม
.
เรื่องเปลี่ยนไปละ ...
.
ประเด็นคือ "คุณจะรู้ได้ยังไงว่าข้างหน้ามีเพชรมั้ย"
.
รู้ได้สิ เพียงแต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ เพราะสิ่งสำคัญมากที่ต้องใช้ในโจทย์นี้คือสิ่งที่เรียกว่า ... "วิชั่น" สำคัญมาก เพียงแต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมี
.
การมองให้ออกว่าอนาคตกำลังจะไปทางไหน เรากำลังเดินไปถูกทางมั้ย ทั้งหมดเป็น Asset ที่สำคัญมากของการเดินทางสู่ความสำเร็จ เพราะไม่ว่าการเดินทางจะเป็นอย่างไร จะง่ายดายหรือพบเจออุปสรรคแค่ไหน แต่สุดท้าย "ปลายทาง" ต่างหากที่สำคัญ
.
การไม่ยอมแพ้เป็นเรื่องดี เพียงแต่ถ้าไม่มีวิชั่น การไม่ยอมแพ้ก็เป็นแค่การดื้อรั้นที่จะพาเราไปถึงทางตันในที่สุดอยู่ดี
.
หากชีวิตเจอเรื่องราวที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าไม่อยากไปต่อ ก็ลองหยุดพักสักนิดแล้วคิดดูอย่างละเอียดว่าที่เรากำลังทำอยู่นี้ มันเป็นหนทางพาเราไปสู่ปลายทางที่เราคิดว่าดีหรือเปล่า
.
ถ้าใช่ก็ปาดเหงื่อแล้วสู้ต่อ สักวันก็จะถึงปลายทางแน่นอน
.
แต่ถ้าไม่ใช่ ... เวลามีค่านะ กลับตัวยังทัน การเดินทางใหม่ ๆ ยังมีอีกมาก
.
และหนึ่งในนั้นจะเพชรก้อนที่เรียกว่า "ความสำเร็จ" กำลังนั่งรอคุณอยู่ที่ปลายทางนั่นแหละ =)
ไม่เข้าใจความคิดในสมองคนไทย ที่เอาเรื่องแย่ๆของประเทศไปพูดบนโต๊ะอาหารให้คนจีนที่มีโอกาสมาลงทุนในประเทศฟัง เพื่อไม่อยากให้เค้าเอาเงินมาลงทุน
ส่วนตัวแม้ว่าผมไม่ชอบการทำงานในหลายเรื่อง ในหลายรัฐบาลแต่ผมก็มองเป็นเรื่องๆ ไม่ได้ตำหนิว่าไม่ดีทั้งคณะไปเสียหมดทุกคน
และก็ไม่ชอบพฤติกรรมการแฉแบบนี้
การที่เงินก้อนนึงไหลจากต่างประเทศเข้ามา อันดับแรกเลยคือการจ้างงาน การเกิดเงินหมุนเวียน ส่งผลต่อประเทศโดยตรงแน่นอน อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องการถูกครอบงำตลาด มันเรียนรู้และลอกเรียนได้ เราก็ทำเองได้ แต่ต้องอาศัยเงินทุนจากต่างชาติมา educate ตลาดก่อน ดีกว่าเอาเงินรัฐมาลงแน่นอน
ไม่เข้าใจจริงๆ จะเอาเรื่องไม่ดีของประเทศตัวเองมาประจานทำไม ในเมื่อตอนที่นั่งอยู่ต่างประเทศก็ถือหนังสือเดินทางสัญชาติไทยแท้ๆ
ไม่อยากทำงานกับคนแบบนี้
เปิดใจช่างภาพ หลังเจอดราม่าหนัก นักเรียนแบกเลนส์ยักษ์ 4 แสน ไปถ่ายภาพ
ครูที่ปรึกษาเครือข่ายช่างภาพเยาวชนจิตอาสา ศิลปากร แจงดราม่า หลังนักเรียนถือเลนส์ราคาแพงไปถ่ายภาพ ชี้ทุกคนได้รับอนุญาต ภาพที่ถูกบันทึกจากนักเรียน ส่งมอบให้แก่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ยันไม่ได้อวดรวย...
จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เยาวชนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเครือข่ายช่างภาพเยาวชนจิตอาสา ศิลปากร ที่ได้ลงพื้นที่รอบบริเวณพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อร่วมบันทึกภาพเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ แต่มีชาวเน็ตบางรายกลับจับผิดว่า กล้องและเลนส์ของเยาวชนที่นำมาใช้ถ่ายภาพนั้น มีราคาแพงเกินไปหรือไม่
ล่าสุด ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสพูดคุยกับ คุณครูสุรกานต์ ดะห์ลัน ครูที่ปรึกษาเครือข่ายช่างภาพเยาวชนจิตอาสา ศิลปากร ได้รับทราบว่า น้องๆ เยาวชนในภาพเป็นนักเรียนจิตอาสาที่ได้ขอเข้าร่วมถ่ายภาพในโอกาสสำคัญนี้ ซึ่งภาพที่ถูกบันทึกจากน้องๆ จะถูกส่งมอบให้แก่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อใช้บันทึกประวัติศาสตร์ของชาติต่อไป
“ส่วนน้องที่ตกเป็นประเด็น วันนี้สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ทราบว่า น้องเครียดและเสียใจที่หลายคนไม่เข้าใจในเจตนาดีของน้อง แต่ก็ต้องขอบคุณความคิดเห็นของผู้คนในโซเชียลหลายๆ คนที่เข้าใจว่า สิ่งที่เราทำไม่ใช่การโอ้อวดอะไร ผมมองแบบนี้ครับว่า ในวันที่เราตายไปแล้ว ภาพเหล่านี้จะอยู่ในตู้จดหมายเหตุ ซึ่งจะต้องเป็นภาพที่มาจากกล้องและเลนส์ที่มีคุณภาพที่สามารถเก็บเนื้อหารายละเอียดได้อย่างครบถ้วน”
“มันไม่ได้ที่ว่าเราอวดรวย หรือไม่อวดรวย แต่มันอยู่ที่เราอยากจะเทิดทูนสถาบันอย่างสมพระเกียรติด้วยอุปกรณ์แบบนี้ ประกอบกับน้องมีต้นทุนชีวิตที่สูง ซึ่งเลนส์ราคา 4 แสนกว่าบาทที่เห็นในภาพนั้น น้องซื้อมาเอง และหลายคนต่างพูดว่า ด้วยที่มาที่ไปของน้อง ความจริงน้องไม่ต้องมาสมัครกับทีมเราก็ได้ แต่ด้วยอะไรต่างๆ ที่ลิขิตไว้ ทีมเราจึงได้น้องมาร่วมงาน และงานของน้องที่ออกมาก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ และถือว่าเป็นภาพไฮไลต์เลยก็ว่าได้ แต่ผมไม่อยากจะเอาไปเผยแพร่ให้ใคร นอกเสียจากจะส่งให้สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เพราะเรายึดระเบียบวิธีที่ภาครัฐได้กำหนดไว้”
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา น้องๆ ในเครือข่ายช่างภาพเยาวชนจิตอาสา ศิลปากร ได้ภ่ายภาพให้กับประชาชนมาอย่างมากมาย โดยไม่เลือกว่าประชาชนท่านนั้น จะเป็นใคร เขาจะยากจน ร่ำรวย หล่อสวยหรืออย่างไร สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่โจทย์ของการถ่ายภาพ แต่น้องๆ ถ่ายภาพ และล้างภาพ พร้อมกับจัดส่งไปที่บ้านของบุคคล (ผู้ที่อยู่ในภาพได้ให้ที่อยู่ไว้) ที่อยู่ในภาพด้วยซ้ำ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะประชาชนบางคนไม่มีแม้แต่โทรศัพท์มือถือ ไม่มีกล้องถ่ายรูป แต่น้องๆ ทุกคนก็พร้อมที่จะบันทึกวินาทีประวัติศาสตร์ เพื่อมอบให้กับคนที่อาจจะมีโอกาสน้อยกว่าบุคคลอื่น”
“หลายเดือนก่อนหน้านี้ มีผู้สมัครเข้ามาร่วมเครือข่ายช่างภาพเยาวชนจิตอาสา ศิลปากร เพื่อถ่ายภาพงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในหลวงรัชกาลที่ 10 เป็นจำนวนมาก แต่เราไม่สามารถให้ทุกคนมาได้ทั้งหมด จึงมีการใช้ข้อสอบข้อเขียนทั้งหมด 3 ฉบับ ซึ่งถือว่ายากและหินมากเลย ซึ่งเป็นคำถามเกี่ยวกับรายละเอียดในงานพระราชพิธี, มารยาทในการถ่ายภาพ และแผนผังริ้วขบวนตลอด 7 กิโลเมตร และน้องคนที่ตกเป็นประเด็น และน้องๆ ทุกคนที่ผ่านเข้ามา ล้วนทำข้อสอบได้ผ่านทั้งหมด” คุณครูสุรกานต์ กล่าว
อย่างไรก็ดี เครือข่ายช่างภาพเยาวชนจิตอาสา ศิลปากร ได้มีการดำเนินการถ่ายภาพโดยนักเรียนจิตอาสา มาตั้งแต่พระราชพิธีเฉลิมฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของในหลวงรัชกาลที่ 9 และลงพื้นที่ถ่ายภาพในเหตุการณ์สำคัญครั้งต่างๆ ของประเทศเรื่อยมา จนมาถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในหลวงรัชกาลที่ 10
ต่อมา มีบัตรอนุญาตให้สามารถเดินถ่ายภาพได้ในพื้นที่รอบนอกสนามหลวง โดยเรียกว่า เจ้าหน้าที่บันทึกเหตุการณ์ของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ โดยมีระเบียบวินัยกำหนดเคร่งครัดเป็นอย่างมาก
ขอบุคณภาพจาก FM91 Trafficpro, ช่างภาพเยาวชนจิตอาสา ศิลปากร.
ข่าว ไทยรัฐออนไลน์
ปชต. มัวเถียง มัวแย่งอำนาจห่าเหว โกงกันไปโกงกันมา ไม่ว่า รัฐบาลห่าเหว นรกไหนก็โกงทั้งนั้น ไม่มีใครทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง เข้ามาเพื่ออำนาจทั้งนั้น ชาติเหมือนสมบัติผลัดกันชม แบ่งกันกิน
ต่างจาก สมัยสมบูรณา ยุค ร5 สยามเจริญ ระดับเอเซีย มีสาธารณูปโภคครบ มี รถรางในพระนคร ชนิดยุ่นต้องมาศึกษาดูงานรถราง แม้จะมีข้อเสียคือยาวๆไป แต่การพัฒนาก็ไม่สะดุดติดขัด มีเอกภาพ ไม่มีแย่งกันไปมาอย่างหมาแบบยุค ปชต. ไม่พอใจรัฐประหาร นับ10ครั้ง ประเทศจึงไม่เดินหน้าสักที สรุป แม่งคณะราษฎร เพราะพวกมันนี่ละ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชาติไม่พัฒนา
ว่าแล้วอยากกลับไปสมบูรณาจริงๆ
ทรงพระเจริญ
ฝรั่งจุดพลุยิงบั้งไฟด้วยเหรอ
อะ ในฐานะที่เราก็ทำงานสายศิลปะ/ออกแบบมานาน แม้วันนี้จะไม่ใช่งานหลักของเราอีกต่อไปแล้ว แต่เห็นดราม่าเรื่องเด็กน้อยกล้อง(เลนส์)แพง งั้นก็ขอคุยเรื่องนี้ในมุมมองของคนทำงานบ้าง
จากที่อ่านความเห็นของหลายๆ คนมา ทั้งคนที่รู้จริง และที่แค่รู้สึกเอาเอง เราขอแบ่งเรื่องนี้เป็น 3 ประเด็นด้วยกัน
1. เครื่องมือแพงจำเป็นหรือไม่?
ก่อนไปถึงจำเป็นหรือไม่จำเป็น ขอนิยามเรื่อง "แพง" หรือ "ถูก" ให้ตรงกันก่อน เพราะเรื่องนี้มันมักจะอยู่บนพื้นฐานของความรู้สึก และฐานะทางการเงินของแต่ละคนเสมอ แต่จริงๆ แล้ว ในแง่การทำงาน อยากให้มองเรื่องความคุ้มทุนมากกว่า คุณใช้เครื่องมือราคา 2แสน เพื่อทำงานชิ้นละ 20 บาท ทำได้ไหม? ทำได้ครับ แต่นั่นหมายความว่าคุณต้องขายงานให้ได้ 1หมื่นชิ้นขึ้นไป ถึงจะเริ่มเข้าสู่จุดคุ้มทุนของเครื่องมือชิ้นนั้นๆ นี่คิดแบบหยาบๆ ไม่นับค่าเสื่อมราคา, ซ่อมบำรุง และต้นทุนแฝงนู่นนี่นั่น และต้องมาคิดต่ออีกว่า 1หมื่นชิ้นภายในเวลาเท่าไหร่ รอไหวไหม? กำไรเพียงพอต่อการดำรงค์ชีวิตไหม?
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดสรตะจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากมีข้อสรุปว่าราคาเครื่องมือทำให้เราได้กำไร หรือสร้างรายได้ให้เราน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับเครื่องมือที่ราคาต่ำกว่า เราจึงสามารถตัดสินใจได้ว่านั่น "แพง" หรือ "มีราคาสูง" ...โอเคนะ เนื้อหาของบทความนี้ อ้างอิงจากหลักคิดแบบนี้...
มาที่เรื่องจำเป็นหรือไม่จำเป็น
มันเป็นเรื่องที่ออกจะลืมกันไปแล้วว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เครื่องมือเครื่องไม้บางอย่างนั้นมีราคาแพง ไม่ใช่แค่แบรนด์ดัง แต่มันเป็นเหตุผลเรื่องคุณภาพของเครื่องมือนั้นๆ ที่มีความเที่ยงตรง ที่ช่วยให้งานออกมาดีขึ้น หรือ ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น ลดเวลาการทำงานลงด้วย ซึ่งต้นทุนในการสร้างเครื่องมือที่มีคุณภาพดี พิถีพิถัน ก็จะสูงตามไป
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อ้างอิงจากหลักคิดข้างต้น หากเครื่องมือนี้ทำให้คุณต้องแบกต้นทุนมากเกินไป ในขณะที่หากใช้ของที่มีคุณภาพต่ำลง และผลงานอยู่ในจุดที่ยอมรับได้ ก็นับว่านั่นเป็นเครื่องมือที่แพงโดยใช่เหตุ
สรุปว่าจำเป็นหรือไม่จำเป็น?
มันอยู่ที่การประเมินครับว่ามันเพียงพอต่อผลงานที่ออกมาหรือเปล่า? มันจำเป็นต่อเมื่อคุณประเมินแล้วว่ามันช่วยให้คุณจบงานเร็วขึ้น, งานมีคุณภาพดีขึ้น, สามารถเพิ่มมูลค่าให้ผลงานนั้นได้ นั่นก็จะไม่ใช่ของแพง และเป็นของที่จำเป็น แต่ละคนมีความจำเป็นไม่เหมือนกัน เราจึงไม่ควรไปคิดให้เขาว่าจำเป็นหรือไม่จำเป็น เพราะเราไม่รู้ต้นทุนหรือข้อมูลอื่นๆ ของเขา แต่ถ้าจะบอกว่า สำหรับเรามันไม่จำเป็น ก็โอเคเข้าใจได้ มันอาจจะแพงไปสำหรับคุณ
(มีต่อ)
(ต่อจาก >>533 )
2. ฝีมือคือทุกอย่างหรือไม่?
สำหรับผมแล้วต้องบอกว่า "เกือบ" ทุกอย่าง เรามักจะได้ยินคำพูดทำนองว่า "เป็นจอมยุทธ์ใช้ไม้ไผ่ก็ได้ผลเหมือนกระบี่" ...โอเค ก็ถูกครับ แต่สิ่งที่ต้องแลกมาจากการที่คุณจอมยุทธ์ต้องโชว์เหนือใช้แต่ไม้ไผ่คือ :-
- คุณจอมยุทธ์แม่งเสี่ยงกว่าเดิม เพราะไม้ไผ่จะรับกระบี่คนอื่นตรงๆ ไม่ได้ หักแน่นอน หลบกันเหนื่อยมากแน่ๆ คิดกันเยอะมาก
- คุณจอมยุทธ์จะฟันก็ต้องใช้แรงมากกว่าเดิม หรือแทคติกมากกว่าเดิม เพราะมันอาจไม่คมเท่ากระบี่
- อะบางคนอาจเถียงว่า ไม้ไผ่คมนะเว่ยพอๆ กับมีดโกนเลยถ้าเหลาดีๆ อย่างงั้นคุณจอมยุทธ์อาจต้องเปลี่ยนไม้ไผ่บ่อยมาก เพราะความคงทนไม่เท่ากระบี่เหล็ก ฟัน 3 ที อาจจะทื่อหมดแล้ว
ดังนั้นคุณจอมยุทธ์เก่งครับที่เอาตัวรอดด้วยไม้ไผ่ได้ แต่ถ้าก่อนประลองยุทธ์ คุณจอมยุทธ์มีเงินนอนอยู่ 300 ชั่งในถุงแพรอย่างดีล่ะ?
"กูก็ไปจ้างช่างตีสุดยอดกระบี่สิวะ!" -จอมยุทธ์กล่าว
สรุปว่า ฝีมือต้องดีถูกแล้วครับ แต่ถ้ามีเครื่องมือดีๆ ชีวิตคุณก็จะดีตามไปด้วยไม่ใช่เหรอ? แน่นอน เครื่องมือดีๆ ราคาก็ย่อมต้องสูง และผมจะไม่บอกว่าแพง ด้วยเหตุที่อ้างอิงนิยามข้างต้น
แต่กระนั้น จะดียิ่งกว่า หากเราจะกล่าวว่า "มืออาชีพ ย่อมเลือกเครื่องมือให้เหมาะกับงาน" นั่นหมายความว่าเขารู้ว่าทำอะไรแค่ไหน ต้องใช้อะไร จึงจะได้ผลงานออกมาตรงตามความต้องการ ประหยัดเวลา, แรงงาน นั่นนับว่าเป็นสุดยอดแห่งศิลปะในการทำงานแล้ว
3. เด็กน้อยควรใช้ของแพงหรือไม่?
จากที่กล่าวมาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าแทบจะไม่ต้องคุยหัวข้อนี้ก็ได้ หลายๆ ท่านน่าจะได้คำตอบในใจแล้วว่า ถูก แพง คืออะไร และเครื่องมือควรแพงหรือไม่ เพราะเราไม่รู้ว่าต้นทุนของน้องเป็นยังไง เราจึงไม่อาจตัดสินได้ว่าน้องควรหรือไม่ควรใช้เลนส์เทเลหลักแสน เพราะถ้าน้องบอกว่า ผมตั้งใจจะเป็นช่างภาพสายธรรมชาติ หรือช่างภาพกีฬา และเลนส์นี้จะอยู่กับผมไปจนทำงานยาวๆ เราก็จะหน้าหงายเพราะน้องเขามองไกลกว่าที่เรามานั่งด่าในเนตแล้ว หรือแม้แต่น้องแค่คิดว่าจะถ่ายงานพระราชพิธีให้ออกมาดีที่สุด แล้วค่อยจะเอาเลนส์ไปขายต่อ เราก็หมาแล้ว เพราะน้องเขาศรัทธาในสิ่งที่เขาทำ เราเป็นใครจึงไปด่าน้องว่าอะไรควรไม่ควร?
ส่วนในเรื่องที่อาจารย์แนะนำว่าอยากงานดีต้องใช้ของแพง โอเคถ้าอาจารย์แกพูดแค่นี้จริงๆ โดยไม่อธิบายเพิ่มเติม ก็ต้องบอกว่าแกอาจสร้างค่านิยมผิดๆ ให้น้อง แต่เราก็ไม่ทราบครับว่า แกได้คุยอะไรกับน้องมากกว่านี้หรือไม่ เพราะฉะนั้น อย่าได้ตัดสินใครจากข้อข่าวง่ายๆ จะดีกว่า
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เห็นดราม่าเยอรมันครั้งนี้ คนไทยชอบด่าว่าฝั่งโน้นไม่มีวัฒนธรรม
คือถ้าเรานับวัฒนธรรมของเราจากยุคสุโขทัยได้ เยอรมันก็ต้องนับของเค้าจากสมัย Germanic tribes ได้อะดิครับ
แล้วถ้านับจากตอนนั้นจริงๆ ของเค้าน่าจะยาวกว่าของเราอีก
หรือถ้านับแค่หลัง WW2 เพราะเปลี่ยนแปลงชุดใหญ่
ของเราก็ต้องเริ่มนับหลังยุคจอมพล ป. อ่ะครับ ไม่ได้ยาวกว่าเค้าเท่าไหร่เลย"
เรากำลังตีความกฎหมายตามตัวหนังสือมากจนเกินไป จนลืมบริบทและหลักการที่ร่างกฎหมายนั้นขึ้นมา และลืมสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป หรือเปล่าครับ?
ลองอ่านสองมาตราข้างล่างนะครับ
มาตรา ๙๘ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
[...]
(๓) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ
มาตรา ๑๘๔ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้อง
[...]
(๒) ไม่ [...] เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็น คู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว ท้ังน้ี ไม่ว่า โดยทางตรงหรือทางอ้อม
ดูจากกรณีด้านกฎหมายที่เป็นข่าวกันอยู่ มีคนถามว่าจะมีความเสี่ยงที่ผมจะโดนคนร้องในกรณีต่อไปนี้หรือไม่
1. ถ้าผมถือหุ้น Fox News ในสหรัฐ หรือ หุ้น facebook ผมจะโดนปรับหมดสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง เพราะถือหุ้นใน “สื่อมวลชนใดๆ” หรือเปล่า?
แต่ถ้าผมไม่ได้เป็นเจ้าของสื่อ แต่สร้าง content ได้รัวๆ และมี reach มากกว่าหนังสือพิมพ์จำนวนมากอีกผมกลับไม่ผิดอะไรเลย?
หรือถ้าผมไม่ได้ถือหุ้นสื่อแต่ภรรยาเป็นเจ้าของ และใช้สื่อด่ากราดฝ่ายตรงข้าม ผมก็ไม่ผิดอะไรเลย?
2. ถ้าผมถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวม ที่ไปถือหุ้นกลุ่มสื่อ หุ้นที่ดันไปจดทะเบียนจุดประสงค์บริษัททำสื่อ หรือหุ้น ปตท ที่มีสัมทปานกับรัฐ หรือหุ้นที่มีความเสี่ยงอื่นๆ โดยที่ผมไม่ได้สั่งให้ไปถือ ผมจะเสี่ยงหมดสิทธิ์เพราะการถือหุ้นทางอ้อมหรือเปล่า?
3. แล้วถ้าผมจะตัดใจเลิกถือหุ้นไทย แล้วไปซื้อกองทุนหุ้นโลก แต่กองนั้นดันถือหุ้นไทยอยู่ส่วนน้อยๆ และมีหุ้นสัมปทานอยู่ส่วนน้อยมากๆ แต่จะถือว่าผมถือหุ้นทางอ้อมอีกหรือเปล่า?
ขอความเห็นนักกฎหมายหน่อยครับ
#ปวดตับ
"นี่คือกูอยู่ร่วมประเทศ กับคนที่คิดว่าการล้อเลียน "วัฒนธรรมอันดีงาม" ของประเทศอื่นเป็นสิ่งผิด แล้วตอบโต้ด้วยท่าเคารพนาซีรัวๆ เรอะ"
>>536 ถ้าตีความตามตัวอักษรเลยนะ ประเด็นแม่งอยู่ที่ "กิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ" มันต้องนิยามคำนี้ก่อน ถ้าตามคอมมอนเซนส์ คำว่ากิจการสื่อ มันก็ต้องหมายถึงกิจการที่ประกอบกิจการสื่อสิวะ ทำไมหมายถึงกิจการที่จดทะเบียนโดยมีวัตถุประสงค์ทำสื่อไปได้ ศาลมันไต่สวนข้อเท็จจริงไม่เป็นเหรอ พวกกระทรวงพาณิชย์หรือสรรพากรเวลามันเขียนรายงานกูว่ามันก็ไม่ได้เขียนว่ากิจการxxxทำธุรกิจข้อ 1234ลากไปถึงข้อ30-40หรอก มันก็ต้องดูข้อเท้จจริงว่าตกลงจริงๆแล้วแม่งทำกิจการอะไร แม่งงงตรรกะศาลที่ตัดสินจริงๆนะ
>>536 ถ้าจะสาวถึงบ.ลูกแบบนี้กูว่า ส.ส. ที่ซื้อกองทุนรวมที่มีหุ้นสื่อต้องโดนด้วยละ
ศาลบ้านเรามันตีความโดยอ้างอิงความหมายของ กม.บ่อยๆนะ ไม่ตรงตามตัวอักษรเสมอไป เช่นตอนถนนลูกรังนั่นไงเด่นสุด
แต่กม.คราวนี้มันไม่ใช่ศาลนะ เป็นกกต. แต่ก็คือตีความเหมือนกันคือตีความคำว่าใดๆเป็นเหมารวม ทุกอย่างที่เขียนว่าสื่อ เลือกตีความนั่นแหละ ดังนั้นสูตรคำนวณที่นั่งตอนนี้ ผู้ตรวจการเขายัดให้ศาลรธน.ตีความได้แล้วก็หมายความว่าเราอาจได้เห็นการตัดสินแบบถนนลูกรังอีกครั้ง
เพื่อนผมเคยไปสมัครบริษัทปูนแห่งหนึ่ง ระหว่างสัมภาษณ์เค้าถามเลยว่า น้องรู้มั้ยว่าปูนมีสีอะไร เพื่อนผมตอบว่า สีเทาครับ เค้าตอบกลับมาว่า ไม่ใช่ สีชมพู 🙂
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พี่เป็นหัวหน้า คสช ตั้งตัวเองเป็นนายก ตั้งน้องเป็น ปลัดกระทรวง ตั้งหลานบรรจุทหารด้วยวิธีพิเศษ แล้วหลานคนดีก็เอาค่ายทหารจดจัดตั้ง บริษัท แล้วก็สัมปทานงานกับกองทัพนั้นละ
..
พอวันหนึ่งก็ตั้งน้องเป็น สนช และ ตั้งน้อง เป็น สว ด้วย
...
น้องเป็น สว เพื่อมาเลือกพี่กลับไปเป็นนายกอีกรอบ
...
ตกลงประเทศนี่ เป็นของ จันทร์โอชา ใช่หรือ ไม่
ความเลวของมึงถึงตาย มึงไม่คำนึงถึงปลอดภัย มึงไม่เคารพกฎหมาย เดี๋ยวมึงก็อ้างอีกมึงไม่ได้เป็นคนขับ เหมือนมึงโทษแม่ โทษเมีย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>549 พรบ.กู้เงินโดนตีตกเพราะดสียบบัตรแทนกันนะ ไม่ใช่ไม่จำเป็นเร่งด่วน ผ่านมา 5 ปีแล้วยังไม่เลิกโง่กันอีกเหรอ
ศาลพิจารณาพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวน ฟังข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติได้ว่า นายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ได้ใช้บัตรแสดงตนและออกเสียงลงคะแนนแทน ส.ส.รายอื่น ในการประชุมสภา เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2556 พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 และ 126 ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 2 เห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ”
>>553 ดูแถจังวะ มันจะ "ละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็น ส.ส. ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ภายใต้อาณัติ หรือการครอบงำใด" ได้ยังไงในเมื่อ สส. ตอนนั้นไม่แตกแถวอยู่ละ ถึงไม่เสียบแทนกันคะแนนโหวตก็ไม่เปลี่ยน อย่างมากก็ด่าว่ามักง่าย ถ้าจะเอาผิดก็ควรพิสูจน์ให้ได้ว่าที่โหวตไปขัดเจตนาของเจ้าของบัตร
ในข่าวก็บอกเองว่ามีเป็น 10 ปีไม่ใช่เรื่องใหม่ แล้วก่อนหน้านั้นไม่โดนไรเลยเหรอ ดูยังไงก็มีธงแล้วหาเรื่องตัดสินตามธงว่ะ
โลกยุคใหม่ ต้องการที่ดินน้อยมากแล้ว
ใครมีที่ดินเยอะๆ ควรปล่อยนะฮะ เพราะ
1. การมีที่ดิน ตจว. นอกจากที่อยู่คือภาระต้องจ้างคนอยู่
2. ภาษีที่ดิน
3. การค้าแบบตึกแถว มันจบแล้ว เพราะ e-commerce มาแทนแล้ว
4. โลกอีกหน่อยจะเป็น sharing economy มากขึ้น การถือครองสินทรัพย์เกินกำลังจะหายไป
5. ถือหุ้นปันผล หรือ REIT ได้ปันผลแน่นอนปีละ 4-5 % ดีกว่าถือที่ดิน ที่ปล่อยยาก
นี่สินะ การปฏิรูปที่พวกเขาพูดถึง
ถ้าทักษิณ เป็นนายกฯ แล้วติดยศให้เมียหลวงและเมียน้อย กินเงินเดือนฟรีๆ คุณคิดว่าจะเกิดไรขึ้น
"กูเปนสลิ่มอย่างที่มึงบอก แต่กูเปนสลิ่มที่ฟังความสองฝ่าย แกนนำพูดเองไม่ใช่หรอ น้ำมันคนละ 1 ลิตร ขวดคนละใบ กรุงเทพจะลุกเป็นไฟ เผาไปเถอะครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง ไม่ใช่หรอ ก่อนบอกว่าเปนทหารอะ ถ้าอยู่ดีๆ แกนนำไม่เคยพูด จะบอกว่าไม่ได้ทำ ทหารทำ จะน่าเชื่อถือกว่านี้นะ" พี่ที่เป็นสลิ่มท่านนึง
ว่าด้วยการ "สเกล AI"
.
ต้องยอมรับว่า AI นี่พลิกวงการโปรแกรมมิ่งจริง ๆ อะไรที่ทำไม่เคยได้ตอนนี้ทำได้สบาย ๆ เลย
.
แต่ในแง่ของ Architecture เบื้องหลังที่เป็น Neural Network การจะทำให้รันได้เร็วก็ต้องใช้ GPU คราวนี้ถ้าเกิดทำงานบน Server Side ก็ต้องเปิด Instance ที่มี GPU เอาไว้ ซึ่ง ... แพงสาสสสส (ถูกสุด $225 ต่อเดิอน)
.
ช่วงที่ผ่านมามี Deploy AI ขึ้นโปรดักส์ชันอยู่สามตัว ใช้ GPU หมด บิลแต่ละเดือนมานี่น้ำตานอง ไม่บอกว่าเท่าไหร่ แต่นองคือนองจริง ๆ
.
ปัญหาเรื่องแพงก็เรื่องนึง แต่ที่แย่สุดคือ "สเกลไม่ได้" เพราะถ้าจะสเกลก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก Concurrent ละ $225 คือมันไม่ Practical สุด ๆ ถ้าคนเข้ามาเยอะขึ้น 10 เท่านี่ไม่หมดตัวกันเลยหรอ
.
หลังจากรันมาหลายเดือน Demand เริ่มเยอะขึ้น แต่การสเกลมันมีข้อจำกัด เมื่อคืนเลยทนไม่ไหว ยอมเอาส่วนการคำนวณที่ต้องใช้ GPU ออกหมดและเลือกรันด้วย CPU ล้วน ๆ เอาแทน ตอนจะสเกลก็สเกล CPU เอา (ราคา Concurrent ละ $24 เท่านั้น)
ซึ่งผลจากการเปลี่ยน GPU เป็น CPU คือมันช้าลงแต่แค่ 0.5-3 เท่าตัวเท่านั้น ยอมรับได้กับราคาที่เซฟไป ตอนนี้จะขยายขึ้น 10 เท่าก็ไม่หวั่นละ พร้อม !
.
สุดท้าย AI คืออนาคตจริงแต่ต้องหาวิถี Optimize Cost ให้ได้ ไม่งั้นก็ทำธุรกิจยากอยู่ดี ที่ทำมาก็
.
- โยกไป CPU
.
- เอาไปรันด้วย ML Engine (ซึ่งก็แพงถ้าเทียบกับพวก CPU Based อย่าง App Engine หรือ Cloud Run)
.
- ทำ Model ให้เล็กจนรันบน Client Side ได้
.
ก็เป็น Key Takeaway นึงเผื่อใครจะทำ AI Based ก็คำนึงถึงค่า Server กันด้วยนะ !
พวกผู้พิพากษา "บางส่วน" ego จะสูงมากกว่าคนปกติเยอะ ขนาดจะให้ ปชช. เรียกสรรพนามนำหน้าว่า “ท่าน” ทุกครั้ง ทุกที่ เพราะมองว่าหน้าที่การงานที่อยู่สูง ตัดสินผิดถูก ให้ทุกคนได้ ควรได้รับการยกย่องมากกว่าคนปกติ
มิตรสหายท่านหนึ่ง
ผู้พิพากษาคือตัวแทนของพระราชาในการพิพากษาไพร่ ดังนั้นควรได้รับสิทธิเหนือเหล่าไพร่
มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
เรียนที่ ___ เดือนเดียว ต้องเก่งเหมือนคนทั่วไปที่เรียนมหาวิทยาลัย 4 ปีครับ ตอนนี้ครึ่งนึงของคนที่เรียนจบตรงสายมายังไม่รู้ว่า Binary Search กับ Binary Search Tree ต่างกันยังไง ที่ _____ เรียนละเอียดลึกซึ้ง ตั้งแต่ Tree, Binary Tree, Binary Search Tree การสร้าง Binary Tree การหาความสูง การนับจำนวนข้อมูล การใส่ข้อมูลให้ Balance การแสดงผลแบบ Inorder จะได้ผลลัพธ์เป็นยังไง? ใครไม่เข้าใจไม่ให้ไปสมัครงานที่ไหนครับ อายเขาเปล่าๆ เขียนทีละตัวอักษร #เทพยังต้องร้องขอชีวิต
ไม่ต้องมีพื้นฐานอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องมีประสบการณ์ทำงาน ไม่ต้องมีวุฒิปริญญา มาเรียนแล้วสามารถหางานประจำเงินเดือน 30,000 ได้ทันทีครับ ถ้ามีคะแนนสอบ TOEFL ตั้งแต่ 100 คะแนนขึ้นไป เงินเดือนเริ่มต้นที่ 40,000 ไม่มีเวลามาเรียนก็อ่านหนังสือเองได้ครับ ส่งใบสมัครมาได้ตลอดเวลา
ดูคอร์สเรียนได้ที่นี่ https://_________.work/register
Billie Eilish คือศิลปินที่วงการสร้างขึ้นมา(ดังผ่านคอนเนคชั่นพ่อแม่ที่อยู่ในวงการ)และindustry make sureว่าต้องทำลุคให้ดูเอดจี้ ดูอินดี้ใต้ดิน เพราะวัยรุ่นสมัยนี้ชอบคิดว่าตัวเองฟังเพลงอินดี้แล้วจะพิเศษกว่าคนอื่น
ถ้าคนแก่ๆแถวนี้คิดไม่ออก ก็นึกไปถึงไอ้คู่หูLMFAOนั่นล่ะ แบบเดียวกันเลย
-มิตรสหอย
"เชื่อว่าประเทศไทยในอนาคตสมัยรัฐบาลถัดจากรัฐบาลนี้ จะมีปัญหาใหญ่แน่นอน:
จะสอนเด็กเป็นคนดียังไง โดยไม่ใช้คำว่า "คนดี" เพราะตอนนี้คำนี้แทบจะกลายเป็นคำด่าไปแล้ว"
คนรู้จักให้เช่าตรงประตูน้ำ
ได้เดือนละ 3 ล้าน
ชีวิตไม่ทำอะไรเลย เที่ยวอย่างเดียว เล่น กิน นอนรัวๆ
มีแค่มาดูอะไรนิดๆหน่อยๆ
"เตือนคนอื่น ก็ไปว่าเค้าคลั่งฯ ไม่มีเหตุผล
และพวกที่โพสต์แบบนี้ ก็ยืนกันต่อไป lol แน่จริงก็ revolution หน่อยสิ" -มิตรสหายในพันทิป
วันนี้ไม่ได้ไลฟ์แต่จะระบายความรู้สึกนิดนึง ผมเริ่มต้นธุรกิจมาด้วยเงินเพียงเล็กน้อยและไม่คิดว่าจะมีวันนี้ วันที่หลายคนคิดว่าบังสุดยอดครับ บังเก่งมากครับ
คำพูดที่เป็นคำชม นั่นคือความภาคภูมิใจ แต่จงจำไว้เสมอว่าคำว่าสุดยอดนั่นคือยอดมันอ่อนมากพร้อมที่จะหักลงเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นคุณต้องสร้างยอดอ่อนให้กลายเป็นยอดที่แข็งแรง นั่นคือ
การใช้หลายๆองค์ประกอบ และเมื่อคุณเริ่มต้นธุรกิจไปสู่ระดับการมียอดขายที่สูงขึ้นถึงหลักล้านบาท มีการโพสต์ข้อความหรือรูปภาพที่แสดงถึงการขายดีมักจะมีกลุ่มบุคคลที่เกิดความ อะไรไม่รู้บางอย่างก็จะพูดคำว่าแท็กสรรพากร ระวังสรรพากรนะครับบัง ทำให้ผมเกิดความระแวงมาตลอด และเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ที่มีนักขายจำนวนมากในการสอนแนะนำต่างๆแต่เป็นคำสอนบางอย่างที่เราไม่เข้าใจนำสู่ความสงสัยและความกังวลใจ ความสุขเล็กๆที่เกิดขึ้นบางครั้งมันก็จะหายไปชั่ววูบ แต่แล้ววันหนึ่งครับผมได้ขับรถออกไปจากบ้านแล้วผมก็วนกลับมาเอาของ แล้วมีน้องที่ทำงานโทรมาบอกว่าบบังคะ มีเจ้าหน้าที่สรรพากรมา จอดรถแล้วเดินลงไป
ผมเดินลงจากรถด้วยหน้าตาที่ เใจหวิวหวิว เดียวรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่าง
แต่พยายามที่จะดึงย้อนกลับไปว่ามีคนเคยแนะนำผมว่าให้ใช้หลายบัญชีหลายธนาคารเพื่อที่จะไม่ให้เขารู้ถึงการมียอดเงินในบัญชีหรือยอดเข้าออกในบัญชีจำนวนมาก แต่โดยที่ผมกังวลใจตั้งแต่แรก ผมคิดภาษาคนไม่รู้เรื่อง ผมคิดว่าผมต้องใช้บัญชีเดียวดีกว่าเพราะผมอยากจะเสียภาษีถูกต้องแต่ไม่รู้จะเสียยังไงไม่รู้จะทำยังไงก็ศึกษาในโลกออนไลน์มาตลอด เริ่มมีกระแสที่น่ากลัวขึ้นแต่พอมาถึงวันนั้นวันที่เจ้าหน้าที่สรรพากร 2 คนมาเยี่ยมผมที่บ้านผมหันหน้าไปเห็นเขาก็ส่งยิ้มมาให้ก็รู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรโหดร้ายมากมาย เราก็แค่บอกเล่าถึงเรื่องความจริงที่มาที่ไปสุดท้ายพี่สองคนนั้นก็เลยแนะนำผมกลับมาบอกว่าวันนี้ทางเราจะมาแนะนำ การเสียภาษีที่ถูกต้อง
และผมไม่รู้มาก่อนว่าจังหวัดสตูลนั้นเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเราทำอาชีพค้าขายที่เป็นการขายสินค้า แบบบ้านๆที่เรียกว่าการขายปลาเค็มหรือปลาหมึกแห้ง พวกนี้จะเป็นสินค้าอยู่ในกลุ่ม เกษตรหรืออื่นๆ ซึ่งในจังหวัดสตูลซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในเศรษฐกิจพิเศษเสียพันละ 1 บาท ผมรู้สึกว่าโอ้โห มันไม่ได้น่ากลัวเลย และวิธีการเสียภาษี รายการรู้การลดหย่อนภาษี จะทำให้คุณ โล่งใจและสบายใจ ในที่สุดเราก็ได้เสียภาษีถูกต้อง และเราก็ยังทำธุรกิจได้ปกติ ไม่ได้มีผลกระทบอะไรแต่ความสบายใจคือทำถูกต้องตามกฎหมายช่วยเหลือประเทศชาตินั่นแหละคือที่สุดของธุรกิจ ขอบคุณเจ้าหน้าที่สรรพากรหลายท่านที่มาให้คำแนะนำ
พี่สรรพากรเขาก็ทำตามหน้าที่ ในการรับใช้แผ่นดิน
เราคือคนหนึ่งที่ประกอบอาชีพอยู่ในแผ่นดินไทย เมื่อได้ผลประโยชน์ กับตัวเราและผู้อื่นจากการทำธุรกิจส่วนหนึ่งเราต้องเสียสละให้กับประเทศชาติ แล้วคุณจะอยู่ในพื้นฐานของความถูกต้อง สุดท้ายนี้ การเสียภาษีถูกต้องจะปกป้องคุณ และคุณก็คือบุคคลที่ช่วยปกป้องประเทศ
เรียนไปเรียนมา ช่วง ม.ปลาย ประมาณปี 2538 เกิดกระแสปฏิรูปการเมือง รัฐบาลคุณบรรหารเริ่มพูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ในสื่อต่างๆ มีคำว่า ปฏิรูปการเมือง ตั้งกรรมการมาศึกษา แก้รัฐธรรมนูญ คำเหล่านั้นเข้ามาในหัว ผมเลยเริ่มสนใจนิติศาสตร์ขึ้นมา เวลาคนรู้กฎหมายอภิปรายนะ มันพูดเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน สงสัยต้องเรียนนิติศาสตร์หรือเปล่า แล้ว ส.ส. หลายคนจบนิติศาสตร์ นักการเมืองไอดอลของผมคือ คุณชวน หลีกภัย ฉายามีดโกนอาบน้ำผึ้ง พูดอภิปรายก็ต้องฟัง อีกคนก็คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เขาลง ส.ส. ครั้งแรกปี 2535 ป๊อบปูล่ามากในสังคมการเมืองไทย ผมเป็นแฟนคลับพรรคประชาธิปัตย์เลย
ตามทวีตอย่างเดียวระวังเมาหนักครับ
เกมส์ยาวของสหรัฐเเละจีนคือการปล่อย bond ให้ได้ราคาดีที่สุด
ถ้าเอาพันธบัตรปริมาณมหาศาลไปวาง offer ยังไงก็ไม่มีคนซื้อ เเค่ถ้าค่อยๆเอา Bond ไปขายตอน demand มันมาเอง มันก็ทยอยขายได้ราคาดี
เเล้วอะไรทำให้ Bond ขายได้ราคาดี ?
-- ตลาดหุ้นลงทำให้เงินเข้า Bond สังเกตจาก yield ที่ต่ำลง
-- ตัวเลขสหรัฐที่ออกมาดีเกิดการ buy dollar พันธบัตรขายได้ราคาดีอีก
เพราะฉะนั้นข่าวอะไรก็ตามที่ทำให้ bond price ขายได้ราคาดี เฮียเเกทวีตเพื่อเร่งโมเมนตัมราคาพันธบัตรทั้งนั้นเเหละ
กำไรสองต่อนะครับ ทั้งขายตัวเก่าได้ราคาดี หรือจะกู้ใหม่มันก็ได้ดอกเบี้ยราคาถูก
คิดถึง long term ไว้ก่อนจะเห็นเเรงจูงใจ
ทฤษฎี"ทองบิน"มาจาก dollar ที่ต้องอ่อนโคตรๆ เเล้วดอลล่าร์จะอ่อนได้ไงต้องมาจากเเรงจูงใจ policy maker
Trade war เลยเหมือนฉากหน้าที่สหรัฐเล่นเกมส์กระดาษ ส่วนจีนเล่นกับ real sector เพื่อสร้าง buffer ของเกมส์การค้าที่ไม่จบง่ายๆ
ทรัมป์ทวีตขึ้นภาษีพร้อมกับ timing ที่จีนลด RRR ช่วย smes ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
กระดาน future กับกระดาน business อะไรงัดกันเเล้วชนะก็เจอกันหน่อย !!
.
.
เเนะนำหนังสือสองเล่มครับ the art of strategy กับ the psychology of judgement and decision making เอามาอ่านเพลินๆริมทะเล
ใช้ได้ทั้งการเทรดเเละการทำธุรกิจ ช่วยให้เราเห็นภาพใหญ่ก่อนวางกลยุทธ์รับความผันผวนในภาพย่อย
Dance with Volatility.
อาทิตย์นี้สะบัดอีกเเล้ว
ถาม: ถ้าเราไม่มีวงศ์ตระกูลนี้ปกครอง เราจะอยู่กันมาได้อย่างไร?
ตอบ:ถึงไม่มีตระกูลนี้ เราก็จะอยู่มาได้โดยถูกตระกูลอื่นปกครองอยู่ดีไง
เห็นด้วยกับ Top Comment
โลกยุคใหม่ ต้องการที่ดินน้อยมากแล้ว
ใครมีที่ดินเยอะๆ ควรปล่อยนะฮะ เพราะ
1. การมีที่ดิน ตจว. นอกจากที่อยู่คือภาระต้องจ้างคนอยู่
2. ภาษีที่ดิน
3. การค้าแบบตึกแถว มันจบแล้ว เพราะ e-commerce มาแทนแล้ว
4. โลกอีกหน่อยจะเป็น sharing economy มากขึ้น การถือครองสินทรัพย์เกินกำลังจะหายไป
5. ถือหุ้นปันผล หรือ REIT ได้ปันผลแน่นอนปีละ 4-5 % ดีกว่าถือที่ดิน ที่ปล่อยยาก
"อนาคตใหม่ยื่นสภาว่าขอให้แต่งกายตามเพศสภาพได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและควรปฏิบัติได้
แต่แฟนคลับค่ายผู้จัดการคอมเม้นกันทำนองว่า
"ไม่ให้เกียรติสภา อยากทำอะไรก็ทำเหรอวะ"
"พวกเหี้ยนี่นึกอยากทำอะไรก็ทำ นี่ตัวแทนประชาชนเหรอ"
ผมไม่ได้ถนัดในประเด็นนี้นัก แต่คิดว่ามันมีเรื่องพื้นฐานที่ไม่ควรจะทำให้ต้องมาเถียงเรื่องนี้ พูดง่าย ๆ คือบางเรื่องควรใช้สมองคิดเองได้โดยไม่ต้องถกกันให้เหนื่อย
1. เขาไม่ได้อยากทำอะไรก็ทำ นี่เขาก็ขอสภาก่อน
2. การแต่งกายตามเพศวิถี คือ การที่เขาแต่งกายสะท้อนและสอดคล้องในสิ่งที่เขาไป ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่มนุษย์ในศตวรรษนี้เขาทำได้ ไม่ได้แปลว่าจะแต่งเป็นนางบดรูดเสา หรือแก้ผ้าเข้าสภาเสียเมื่อไหร่
3. ตัวแทนของประชาชนเหรอ? ก็ใช่สิครับ เขาได้รับการโหวตมา และพูดเรื่องความหลากหลายทางเพศ เขาไม่ได้บอกว่าจะกระทำนโยบายกดขี่ทางเพศ มันก็ถูกแล้วมั้ย? ฉะนั้น การเริ่มจากเรื่องง่าย ๆ ในสภาผู้แทนฯ เองจึงเป็นเรื่องที่สมควรกระทำอย่างยิ่งแล้ว
ผมไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้มันไม่ให้เกียรติสภาอย่างไร และดูไม่ใชตัวแทนของประชาชนอย่างไร"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ตอนเด็ก ๆ เคยคิดว่า รัฐมนตรีกระทรวงน่าจะมาจากคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ ..
โตขึ้นมาเพิ่งรู้ว่า เค้าไม่ได้สนใจความเชี่ยวชาญใด ๆ เลย เป็นผลประโยชน์ตัวเองและพรรคล้วน ๆ
แบบนี้ผมจบดีไซน์มาก็ไปเป็นรัฐมนตรีเกษตรได้ใช่มั้ย?
การแต่งกายตามเพศสภาพในหัวของสลิ่ม = แต่งเป็น Drag Queen , ลุ้ยมาดามมด
เอาตรงๆการใส่ "555555" ต่อท้ายคำหรือประโยคมันไม่ได้สื่อว่าเราจะ "หัวเราะ" โดยตรงเสมอไปอะนะ
ส่วนตัวมองว่าเลข 5 ในบริบทโลกดิจิตอล "ของไทย" เนี้ยมันคือ transliteration จาก onomatopoeia "ฮ่า" จากการ "หัวเราะ" อีกทีอะนะ ซึ่งนอกจากนั้นแล้วเนี้ย "555" ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้มันเรียกได้ว่าเป็น polite particle อย่างนึงเลยล่ะ
ด้วยความที่ภาษาพูดเรามีสิ่งที่เรียกว่า prosody (ฉันทลักษณ์: พวกวรรณยุกต์ เสียง ฯลฯ) มันจึงทำให้คู่สนทนาสามารถกำหนด register, mood, และ modality ของกันและกันได้ แต่เมื่อมันมาอยู่ในรูปแบบของตัวอักษร phonology เหล่านั้นมันก็หายไป
ซึ่งการหัวเราะ "555" เนี้ยจริงๆมันก็คือสิ่งที่เรียกว่า "hedge" เป็นสิ่งที่ไว้ทำให้ "ทุกอย่างดูซอฟลง" ในแง่ของภาษาศาสตร์ (เจาะจงคือ pragmatics) ซึ่งการใช้คำ hedge มันมีให้เห็นเยอะแยะนะ ในภาษาอังกฤษ
เช่น "little" ในเชิง adjective hedge (ex: There might be a little problem.) แปล: "มันอาจจะมีปัญหานิดหน่อยอะนะ" (แต่จริงๆมีปัญหาพอสมควร)
หรือ
"you know" ในเชิง phrasal hedge (ex: You know, I was there once.) แปล: "รู้มะว่ากูเคยไปที่นั่นมาครั้งนึง" (อยากบอกว่าเคยไปมา แต่ไม่อยากให้ดูโอ้อวด)
ปกติแล้ว การหัวเราะเองมันถือว่าเป็น expression ที่มักสื่อถึงปฏิสัมพันธ์เชิงบวกในบทสนทนา แสดงถึงความไม่จริงจังและความเป็นกันเอง การ "555" นั้นมันจะทำให้คำและประโยคที่ inflect ลงไป "ดูสุภาพ" ขึ้นและ conform กับ approbation maxim ของ Leech (politeness maxims) ไปด้วยส่วนนึง
กล่าวคือ "5555" ไม่ได้หมายความว่าเราพิมพ์ไปแล้วเราจะรู้สึก "ขำ" ต่อสิ่งๆนั้น แต่มันคือการรักษาระดับของบทสนทนาที่มาทดแทนการขาดหายไปของระดับเสียงและภาษากายที่ใช้กันในภาษาพูด
ลูกค้าอายุ 35 ต้องการหาน้องสเปค ขาว หมวย ตัวบางๆ อายุไม่เกิน 24 ฟิลลิ่งดี ไปเป็นเพื่อนเที่ยวที่จีนปลายเดือนนี้ 3 วัน 2 คืน budget 30,000 ไม่รวมค่าตั๋วและ VISA น้องๆ คนไหนสนใจ ส่งรูปพร้อม profile ที่ไลน์ไอดี *******
คนเก่ง (บางคน) แก้เรื่องยากได้แบบง่ายๆ
คนรวย (บางคน) เอาเรื่องง่ายมาพูดให้ยากแล้วขายของขายคอร์สแก้ปัญหาพวกนั้นได้
ข้าพเจ้า เล่นกับแมวได้
สส. อนาคตใหม่ยื่นขอแต่วตัวตามเพศสภาพ
อ่านคอมเมนท์เมเนเจอร์แล้วงง
บอกว่าเขาเลือกมาให้พัฒนาประเทศ ไม่ใช่มาไร้สาระเรื่องการแต่วกาย
อ้าว การที่คนแต่งกายตามเพศสภาพก็คือสิ่งที่ฐานเสียงเขาอยากได้ไง คนที่เลือก สส. LGBT มา ก็คือกลุ่ม LGBT ที่อยากใส่กระโปรง ใส่กางเกงตามเพศสภาพเขา
มันก็เป็นการพัฒนาประเทศตามรูปแบบที่เขาต้องการแล้วนี่?
ที่จริง ผมคิดว่าข้าราชการควรมีสิทธิ์เลือกใส่กระโปรงหรือกางเกงโดยไม่จำกัดเพศไปเลย
แบบผู้หญิงบางงาน ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะใส่กระโปรงทำไม ใส่กางเกงสะดวกกว่า
ที่สงสัยคือ พวก LGBT สลิ่มนี่อยู่กันยังไงกับสังคมแบบนี้
https://www.facebook.com/213184355543149/posts/1038583346336575
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>ติ่ง อคม. ด่าป้อม : ว๊ายๆ ไอ้อ้วน ไอ้ตือโป๊ยก่าย ไอ้หมู ไอ้เตี้ย ไอ้หน้าพิทบูล 555555555555555555555555555555555555
>หลิ่มด่าLGTVพรรคส้มว่าแต่งตัวดูทุเรศ
>ติ่ง อคม. : นี่มันปี2019แล้วนะยังจะเหยียดหน้าตาเพศสภาพกันอีกเหรอพวกดักดานไดโนเสาร์
ไม่ย้อนแย้ง ไม่ใช่ลิบรั่ล
คามิกับแฟน รักใครมากกว่ากัน ถามโง่ๆ ก็ต้องรักคามิมากกว่าสิ👍👍😁😁
แต่งตามเพศสภาพกูเฉยๆ นะถ้าแต่งตัวสุภาพ มหาลัยหลายๆ แห่งเดี๋ยวนี้ทอมใส่กางเกง กระเทยใส่กระโปรงไปเรียนได้ละ ที่กูกลัวคือพวกหลุดโลกนี่แหละ ซึ่งภาพลักษณ์ อนค. แม่งมาแนวนั้นด้วย
Crop top สุภาพไหมครับ
"มุมมองส่วนตัวเรา เรื่องรถ Stryker ที่เป็นกระแสตอนนี้ มันไม่ใช่ปัญหาเดิมๆ เรื่องลดสเปคหรือเงินทอนอย่างเดียวอ่ะ
คือมันเป็นการส่งซิกจากอเมริกาแบบโคตรชัดเจน ว่าสนับสนุนรัฐบาลทหารแน่ๆ งานนี้ประชาชนตัวใครตัวมัน หาช่องทางธรรมชาติเอาเองละกัน ถ้ามีอะไร CVBG อเมริกาคงไม่มาคุ้มกะลาหัวแล้ว"
กูว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ แต่งตัวตามเพศสภาพ แต่มันเป็นผลกระทบต่อจากตรงนั้นมากกว่าฟ่ะ
ไว้ดูทีละ step ดีกว่ามั้ง กูว่ามีคนรับได้เยอะนะเรื่องแต่งกายตามเพศสภาพ ขนาด กม. แต่งงานเพศเดียวกันยังไม่ค่อยมีคนค้านเลย แต่ถ้าลองจะขอเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อดิ นั่นละเป็นเรื่องแน่
>>611 เริ่มใช้กับ สส. และจะมีการใช้กับงานทั่วไปอย่างเป็นทางการเป็นเสตปถัดไป ไอ้ตอนเริ่มใช้กับ งานทั่วไป รวมถึง รร./มหาลัย นี่ล่ะที่จะมีปัญหาตามมา จุดมุ่งหมายมันก็ชัดว่าอยากให้ตรงนี้เป็นมาตรฐานใหม่โดยให้ คนกลุ่มนี้แต่งตัวตามเพศสภาพได้ เวลาทำงาน/เรียน ไม่จำกัดเฉพาะ สส. ถูกมะ? ตรงนี้ล่ะที่จะวุ่นกัน
>>612 แต่งงานเพศเดียวกันมันไม่ได้เดือดร้อนใครไงล่ะ โม่ง
อันดับแรกนะ กล้ายืนยันกันไหมว่าจะไม่ไปตีเนียนเข้าห้องน้ำหญิงกันน่ะ? พวกที่ทำตัวดีน่ะมีแต่พวกแอบเนียนมันก็เยอะนะ โม่ง เอาแค่ที่ มหาลัย แม่มยังเดินเข้าห้องน้ำหญิงให้สาวๆเขาเหวอกันรายวันเลย แอบถ่ายคลิปไปขายกันง่ายๆอ่ะ
ห้องน้ำนี่แก้ปัญหาไปเลยนะคือหาห้องน้ำเพศทางเลือกให้ซะก็จบ สัดส่วนlgbtกูว่าไม่น่าเยอะมากหรอกต่อสถานที่นึง กั้นห้องเล็กๆออกมาสักห้องก็ได้ เห็นในฝั่งยุโรปทำกันเยอะแยะ แต่ลืมไปว่ากะลาขนาดนี้แค่ระบบการเมืองกับเรื่องพื้นๆอย่างพวกบริหาราชการแผ่นดินยังทำให้เสถียรภาพไม่ได้ก็ดักดานอยู่แบบนี้ละเนาะ
เสียเวลาอธิบายกับพวกลิปร่านป่าวๆน่ามึง
เรียกร้องเอาแต่ได้
เดี๋ยวนีัหน่วยงานราชการ มหาลัยหลายแห่งอนุญาตให้แต่งตามเพศสภาพแล้วนะ ทำยังกะเป็นเรื่องใหม่ไปได้
"เพื่อนในเฟสขุดกระทู้โบราณมา เนื่องในโอกาสอวตารจะทำภาคสอง เลยเอามาเปิดประเด็นในเฟสส่วนตัวให้ตีกันเล่นๆ ซะเลย
ความเห็นเรา เราว่าเท่าที่เห็นในหนัง ขอถือว่ามีส่วนผิดทั้งสองฝ่ายอ่ะ เราเห็นว่าแร่ที่ไปขุดมีความจำเป็น (แต่ไม่ critical แบบไม่มีแล้วตาย)
ฝั่งมนุษย์มีส่วนผิดหน่อยตอนท้ายๆ ที่ใช้วิธีรุนแรงถล่มต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ แทนที่จะย้ายไปขุดที่อื่นแทน แร่นั่นน่าจะมีอีกเยอะ รอให้การเมืองในเผ่าเปลี่ยนแปลงหน่อยก็ได้
ฝั่งนาวิก็มีส่วนผิดที่นโยบาย xenophobic สุดๆ ถ้าจำไม่ผิดในหนังที่ถึงจุดที่ว่าเจอมนุษย์ให้ฆ่าได้ทันทีเลย ผิดที่สุดคือผู้กำกับ เขียนบทอีท่าไหน คนถึงไปเชียร์ฝั่งที่เค้าวางเป็นตัวร้ายได้ ทั้งๆ ที่เนื้อเรื่องขาวดำชิบหาย ขนาดพวก Zeon นี่ยังพอมีเหตุผลให้เชียร์ได้ (ถึงต้องรอภาคหลังๆ ออกก็เหอะ)"
>>622 อวตารมันหนังที่ยกพวกNative Americanไว้บนหิ้งพอๆกับโพคาฮอนตัส เขียนบทให้ก่อนที่คนขาวจะมาพวกนี้อยู่กันอย่างโคตรสงบสุขดิสนีย์ประสานมือกันร้องเพลงวิ่งกับสรรพสัตว์ผ่านทุ่งหญ้า
ในความเป็นจริง ก่อนที่คนขาวจะมาแม่งฆ่ากันเองเลือดสาดในระดับล้างเผ่าพันธ์ เผ่าเนทีฟบางเผ่าตีสนิทกับคนขาวก่อนเพื่อจะเอาปืนไปยิงเผ่าอื่นด้วยซ้ำ
เพราะจำลองชวนทักษิณให้มาเล่นการเมือง ทักษิณเลยได้เป็นนายก ต่อมาจึงซื้อทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ และต่อมาขายให้กับอาหรับซึ่งมีเงินลงทุนมากมาย ทำให้ซื้อนักเตะแพงๆเข้าทีมได้ เลยได้แชมป์พรีเมียร์ลีค คนที่ทำให้ลิเวอร์พูลไม่ได้แชมป์คือ จำลอง ศรีเมือง นั่นเอง #จำลองเหี้ยล้มลิเวอร์พูล
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
100% ของนร.ทุนรัฐบาลไทยทีพบที่สหรัฐฯและที่พาคู่สมรสมาด้วย พยายามมีลูกเพื่อให้ลูกได้สัญชาติอเมริกันก่อนกลับไปใช้ทุนที่ไทย บางคนเป็นหมอมาเพื่อเรียนเฉพาะทางไม่นานก็ตั้งใจมีลูกอย่างเร่งด่วน ก็เป็นสิทธิ บางคนกลับไปก็แสดงออกว่ารักชาติหน้าตาเฉย #รักชาติแต่ไม่รักสัญชาติ
ประวัติศาสตร์ไทย = ประวัติศาสตร์กษัตริย์
กกต. ส่งศาลรัฐธรรมนูญโดยใช้มาตรา ๑๐๑ (๖) มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๙๘ (๓)
http://image.bangkokbiznews.com/kt/media/image/fileupload/source/otiko/1557995299937.jpg
พอไปดูรัฐธรรมนูญแล้ว
มาตรา ๑๐๐ สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเริ่มตั้งแต่วันเลือกตั้ง
มาตรา ๑๐๑ สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อ
(๖) มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๙๘
หรือก็คือส่งเรื่องเอาผิด เพราะถือหุ้นสื่อตอนเป็น สส. แล้ว คือ 24 มีนาคม เป็นต้นไป
บอจ.5 ลงวันที่ 21 มีนาคม บอกว่าธนาธรไม่มีหุ้นที่ว่าแล้ว ว่ากันตามตัวบทกฎหมายไม่มีทางเอาเรื่องได้เลย
ความจริงเคสนี้ไม่น่าจะส่งได้ด้วยซ้ำ กลิ่นการเมืองฉุนแบบนี้อาจมีอภินิหารทางกฎหมายอีกก็ได้
#มิตรสหอยท่านหนึ่ง
"เป็นพระบรมราชวินิจฉัยนะ อย่ามาสงสัย อย่ามาแย้งเชียว"
มุมมองของผม ก็เหมือนเดิมครับ ถ้าช่องนั้น ไม่มีข่าว แล้วคนไม่ดู ยังไงคนก็ไปเลือกดู free content อย่าง youtube facebook dailymotion อยู่ดี แล้วนายทุนเหล่านั้น จะอยู่ได้เหรอครับ ถ้าไม่มีคนดู
คนทำข่าวอย่ามัวเถียงเรื่องทั้งเหล่านี้เลย ในเมื่อเราเป้นคนทำ content เราก็ไปเลือกทำ content ที่ดี ที่คนอยากดู ผ่านสื่ออื่นๆดีกว่าครับ ดีไม่ดี รวยกว่าตอนที่นั่งทำข่าวให้ช่องอีกต่างหาก
วันนี้มีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับนักธุรกิจหนุ่มชาวจีน วัย 30 ปี ชื่อเล่น "คุณเบียร์" มีธุรกิจที่ทำอยู่หลายอย่าง แต่ที่ทำอยู่หลักๆ ในตอนนี้คือ ทำล้ง และสวนทุเรียนอยู่ในประเทศไทย ยอดส่งทุเรียนจากไทยไปจีนเฉพาะที่คุณเบียร์ทำก็อยู่ในราวๆ ปีละ 80 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยคุณเบียร์จะนำมาขายออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มเถาเป่าอยู่ราวๆ 30% ที่เหลือจะขายส่งให้กับซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ นำไปจำหน่ายต่อ
ประเด็นที่อยากเล่าให้ฟังไม่ใช่เรื่องธุรกิจของคุณเบียร์ แต่อยากเล่าสิ่งที่คุณเบียร์ทำมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
ปี 2010 คุณเบียร์ซึ่งเป็นวัยรุ่นหนุ่มชาวจีน มีพ่อ-แม่ทำธุรกิจด้านอัญมณี แต่คุณเบียร์ไม่สนใจ เลือกที่จะบินไปเรียนวัฒนธรรมไทยอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ระหว่างนั้นแกมองเห็นช่องทางทำธุรกิจรับซื้อโทรศัพท์มือถือเก่าจากประเทศไทย ส่งกลับมาขายที่เสิ่นเจิ้น
ธุรกิจที่ว่านี้จะนำโทรศัพท์กลับมาแยกส่วน rebuild แปลงโฉมกลับมาเป็นโทรศัพท์ใหม่ แล้วส่งไปขายต่อเป็นโทรศัพท์แบรนด์เนมราคาถูกที่ดูไบ รวมทั้งในประเทศไทยด้วย
สำหรับที่ไทย ตามร้านที่ขายโทรศัพท์แบรนด์ราคาถูกกว่าปกติ (คนไทยบอกว่าเครื่องหิ้ว) ก็จะมีโทรศัพท์ rebuild พวกนี้ปะปนอยู่ มันไม่ใช่ของปลอม แต่มันคือการ rebuild ซึ่งผมฟังไปฟังมาคิดว่าเรียกว่า "ย้อมแมว" คงไม่ผิด
แกบอกว่าแม้จะได้กำไรจากธุรกิจนี้มาก แต่ยุคสมัยค่อยๆ เปลี่ยนไป การทำกำไรเปลี่ยนไป แกเลยหันมาจับธุรกิจออนไลน์ ซึ่งสิ่งที่แกทำ คือ นำเข้าพระเครื่องจากไทยมาขายบนเถาเป่า
คนจีนเชื่อในอำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่จะบันดาลโชคลาภ ธุรกิจนี้จึงไปได้ดี
ราวปี 2014 แกเริ่มสนใจการขายทุเรียนไทยบนเถาเป่า จึงติดต่อเพื่อนชาวไทยที่แกมีหลายคนให้ช่วยหาช่องทางให้แกได้เรียนรู้ธุรกิจนี้
สิ่งที่แกทำ และผมคิดว่าน่าสนใจ คือ แกเลือกที่จะมาเป็นกรรมกรแรงงานอยู่ในสวนทุเรียนที่จันทบุรี กินอยู่หลับนอนรวมอยู่กับแรงงานกัมพูชา อยู่ 1 เดือนเต็ม เพื่อศึกษาวิธีดูแลสวนทุเรียน
แล้วแกก็เริ่มส่งออกทุเรียนจากไทยมาขายที่จีน
จากคนพยายามส่งออก ก็ค่อยๆ ยกระดับมาเป็นเจ้าของล้ง และขณะนี้ก็ขยายธุรกิจมาเป็นคนเช่าสวนทุเรียน เพื่อดูแลทุเรียนเอง
ช้าก่อน ...
อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าคนจีนอย่างแกอยาก take over ธุรกิจทุเรียน (ส่วนคนอื่นๆ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง)
แกบอกว่าจริงๆ แล้วในใจลึกๆ แกไม่ได้อยากทำสวนทุเรียน หรือล้ง
แต่ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา แกถูกชาวสวนไทย ล้งไทย โกงมาหลายครั้งหลายครา ยังไม่นับรวมการควบคุมคุณภาพผลผลิตทุเรียนที่ชาวสวนไทย ล้งไทย ยังให้ความสำคัญไม่ดีพอสำหรับธุรกิจของแก
แกจึงต้องขยายธุรกิจเพื่อให้ครอบคลุมการควบคุมคุณภาพการผลิตทั้ง supply chain
นิทานเรื่องนี้บอกอะไรเรา ....
นิสัยพื้นฐานของคนจีนคือต่อสู้ แก้ปัญหา เอาชนะอุปสรรค และเพื่อทำสิ่งนี้ก็จะทำงานหนัก ในขณะที่คนไทยอาจจะรักสบายกว่านั้นมาก
ทัศนคติแตกต่างกัน
ในขณะที่คนไทยอาจรู้สึกว่าคนจีนเรื่องมาก แต่คนจีนกลับคิดว่าคนไทยไม่เอาจริงเอาจัง
เราอาจจะต้องสอนลูกหลานเราใหม่นะครับ
ทำบ้างดีไหม กระแสโคตรดี 555555555555
ถ่ายแบบคุณภาพงาน 4K + Anamorphic ไปเลย !
เค้าคงมีเหตุผลแหละครับที่ทำแบบนี้
อาจจะพึ่งเริ่มทำ งานยังน้อย ทีมงานเล็กๆ งานตามราคา หรืออะไรก็ว่าไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ผมคิดว่าพวกเค้าเก่งมากเลยนะครับ ที่ทำราคานี้ออกมาได้
ที่ผ่านๆมา เราค่อนข้างอดทนกับเรื่องพวกนี้มามาก
แทบไม่เคยพูดถึงอะไรพวกนี้เลย ผมทำแต่ขึ้นราคาหนีไปเรื่อยๆ พัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ
ผมพยายามทำตามพี่ๆรอบตัวที่แนะนำกันมาแล้วนะครับ
“สร้างคุณค่าให้งานตัวเอง ทำให้ผลงานของเรามีค่า
ทุ่มสุดตัวในทุกๆงาน ทำงานอย่างเต็มที่ ขยัน คอยพัฒนาตัวเอง ศึกษาหาความรู้เพิ่ม ทั้งฝีมือ และ อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้งานเราออกมาดี”
สุดท้ายแล้วผมก็มีงานครับ แต่งานก็น้อย และค่อยๆลดลงเรื่อยๆ ความจริงของโลกใบนี้กำลังบอกผมว่า “ราคา” เป็นตัวตัดสินใจหลัก และดึงดูดคนมากกว่า หรือว่างานของผมมันไม่สมราคาเหรอ ผมยังพยายามไม่พอเหรอ ผมคิดแบบนี้บ่อยมาก
แล้วถ้าเรากำลังหลังชนฝาหล่ะ ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีงานล่ะ
กำลังจะอดตายแล้ว ไรเงี้ย ถ้าเราทำบ้างมันจะผิดไหม
คงจบที่เรากำลังจะเจ๊งแถมโดนด่าเละ 55555555
และที่สำคัญยิ่งไปกว่า “ราคา” คือ “การเข้าถึง” ครับ
เราหาลูกค้าที่ชอบงานเราไม่เจอ ลูกค้าก็หางานของเราไม่เจอ เราคงผิดเรื่องนี้เอง เพราะเราทำการตลาดได้ห่วยแตกมากๆ
คือมันก็เจออะไรแบบนี้มาเยอะแล้วครับ เป็นกันทุกวงการ
ตั้งแต่เราเล่นดนตรีกลางคืน จนมาถ่ายรูป จนมาถ่าย vdo
จนมาทำ production จนมาทำค่ายเพลง
สรุปแล้วเราควรทำอย่างไรดีครับ ?
ทำใจ หรือ มันถึงเวลาทิ้งศักดิ์ศรีแล้วครับ ?
ผมควรทำแบบนี้บ้างดีไหม ?
พิมอะไรยาวๆ งงตัวเอง แอบย้อนแย้งอีก เห้ออออออออ
Kaykai Salaider
น่าจะเป็น youtuber คนแรก ที่เป็นบุคคล
ที่มีผู้ติดตาม เกิน 10 ล้าน และ รับ ปุ่ม diamond
กะเอาคร่าวๆ ดูจาก ยอดสมาชิก และยอดวิว น่าจะมีรายได้ร่วมล้านต่อเดือน ไม่นับรายได้จากการทำโฆษณาอีก
ไม่น่าแปลกใจนัก ทำไมเด็กๆ ถึงอยากเป็น youtuber
มีทีมงานไม่น่าเกิน 10 คน หรือ อาจเกินนิดหน่อย
มีคลิปออกมาสม่ำเสมอ ความสม่ำเสมอนี่ละสำคัญ
Youtuber ในไทย มีหลายหมื่นราย เผลอๆจะร่วมแสน ที่โดดเด่นแบบนี้ มีสักจำนวนหนึ่ง
ความแตกต่าง ตรงนี้ คือ อะไร? ต้องลองหาคำตอบกันดูเอง
วกกลับไปดูที่จำนวนคน ทำงาน ใช้คนไม่มากนัก แต่ได้งานที่สม่ำเสมอ สำหรับแฟนๆเขา
คนทำสื่อทั้งรุ่นใหม่รุ่นเก่า อาจต้องเรียนรู้จากเรื่องนี้
เมื่อวานตอนไปบรรยาย ยกตัวอย่างเรื่องนี้ขึ้นมา มีคน สักครึ่งห้อง ไม่รู้จัก ถ้าอยากปรับตัวไปกับโลกonline อาจต้องลองทำความรู้จักดู
ยังมี youtuber อีกหลายคน ที่มีงานสม่ำเสมอ และ น่าจับตา ทั้ง การสร้างสมาชิก และ รายได้
คนที่จะเข้า 10 ล้าน อีกคน น่าจะเป็น bie the ska
เลือกตั้งครั้งหน้ากูจะลาออกจากงานมาตั้งพรรคการเมือง
นักการเมืองเงินเดือนดีจะตาย หาเสียงให้ได้3หมื่น2พันคะแนนขึ้นไปก็ได้เป็นละ
ขนาดซีอุยยังมีคนเห็นค่า ในปี 2675 พี่โจวจะทำพินัยกรรมไว้ให้คนออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ผู้พันตึ๋งด้วยอ่ะครับ
#ช่วงฟอยและไฟพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน
😎😎โจร ..เวลาออกปล้นมันจะร่วมมือร่วมใจกันปล้น..😗😗.แต่เวลาปล้นเสร็จแล้วมาแบ่งสมบัติ..มันจะกัดกันเอง...😂😂😂
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
รีวิว PO321 sec. อ.ภูริ
ข้อเขียน;
เลือกทำ 2 ข้อ;
1. สงครามมหาเอเชียบูรพาส่งผลต่อการเมืองไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างไร
2. การเมืองในกองทัพส่งผลต่อเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 16 อย่างไร
3. จากที่เรียนวิชานี้มาท่านมีความรู้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างยกตัวอย่างแนวคิดและงานเขียนประกอบอย่างละเอียด
4. หากท่านเป็นสส.ที่จะผลักดันร่างกม.ห้ามการค้าสุราต้องทำอย่างไรบ้าง บอกตั้งแต่ต้นจนประกาศใช้ (edited by Petite)
5. จงอภิปรายรวบยอดงานเขียนต่อไปนี้เพียงหนึ่งชิ้นพร้อมเสนอข้อวิพากษ์
- ความคิดทางการเมืองของทหารไทย 2519-2535 ของ เฉลิมเกียรติ ผิวนวล
- สองนัคราประชาธิปไตย ของ อเนก เหล่าธรรมทัศน์
- ทบทวนภูมิทัศน์การเมืองไทย ของ อภิชาติ สถิตนิรามัย
รีวิวข้อกา;
30 ข้อ;
--- ดับอนาถ ---
ถามจริงเด็กปกครองเจองี้ 4 ปีเลยอ่อวะ
#สีสันชีวิตมหาลัย
#เคล็บลับกินยังไงให้กล้ามโคตรใหญ่‼️‼️
สาระ(เลว) บทที่ 108 ตอน "กามาสุดตราอีนนีอีน"
เคล็ดลับที่นักกล้ามหลายๆคนไม่รู้ เฮียก็ไม่รู้เช่นกัน
เคล็ดลับกล้ามสวย💪🏻 เฮียจะพิถีพิถันในการเลือกไก่มากๆ
ปกติเฮียจะเลือกใช้แต่ไก่ตัวเมีย🐔ที่โดนเลียจนเสียวตาย 😇
เท่านั้น‼️‼️ เพราะมันตายแบบมีความสุข
โปรตีนมันจะสูงมากๆ คิดว่า100กรัมโปรตีนน่าจะ 45 ได้เพื่อนๆลองไปหาเลือกซื้อดูนะครับ
#สาระมีอยู่จริงๆเพจนี้
REPOST REPOST REPOST REPOST REPOST
สารภาพ มีหมอคนนึงใน Facebook กู ที่กูคลั่งมาก ชอบมาก ชอบชิบหาย เสป็คโคตรๆ รูปร่างหน้าตาเหมือนหลุดมาจากโลกจินตนาการกูเลย คือ แค่เห็นภาพหน้าเฉยๆไม่ต้องภาพถอดเสื้อ กูก็แข็งแล้ว
อยากได้มากๆๆ ต่อให้แลกด้วยการบูชายัญชีวิตมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ 100 ล้านคน เพื่อให้ได้เป็นแฟน กูก็ยอม
เออ แค่นี้แหละ ไม่มีไร แค่อยากระบายเฉยๆ เพราะโอกาสที่กูจะได้คนนี้คือ 00000.000% เลเวลแม่งต่างกันเกินไป
ตอนนี้คอนโดในมือขายยากจริงๆ ครับ เพราะคอนโดล้นตลาด แต่เห็นโครงการผุดขึ้นใหม่ไม่ขาด แม้ธนาคารโลกจะเตือนว่า ระวังจะไม่มีคนซื้อ เพราะเศรษฐกิจทรุดทั่วโลก ฟองสบู่อสังหากำลังเต่ง แต่อาจไม่แตกง่ายๆ
ใครจะซื้อคอนโด เชื่อว่าเดี๋ยวมีราคาคอนโดถูกๆ ให้เลือกพร้อมโปรฯ แถมไม่อั้นแน่ๆ 5555
อิสลามเป็นศาสนาที่บังคับให้ผู้ชายมีภรรยาได้ “ไม่เกิน” สี่คน แม้ว่าเขาจะมีเงินทอง อำนาจบารมีมากแค่ไหนก็ตาม ซึ่งความสัมพันธ์ในเชิงทางเพศระหว่างชายหญิงนั้น อิสลามอนุญาตเฉพาะเมื่อทั้งคู่แต่งงานกันแล้วเท่านั้น นั่นหมายความว่าหากผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิง 2 คน เขาก็มีสิทธิ์สานสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามได้เพียง 2 คนที่แต่งงานด้วยเท่านั้น หากไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นโดยไม่ได้แต่งงาน เขาจะต้องรับโทษประหารชีวิตด้วยการปาหินให้ตายไป
.
น่าแปลกที่ชาวเสรีฟรีเซ็กซ์กลับมาวิจารณ์หลักการอิสลามที่ให้มีภรรยาได้ไม่เกิน 4 คน ทั้งที่พวกเขาปรารถนาความเป็นอิสระเสรีจากกฎข้อบังคับต่างๆ ดังนั้นความสัมพันธ์ทางเพศที่เกิดจากความต้องการที่ตรงกันไม่บังคับกัน จึงเป็นสิทธิส่วนบุคคลห้ามก้าวก่าย ใครอยากจะร่วมเพศกับผู้หญิงร้อยพันไม่ซ้ำหน้าก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ในประเทศลิเบอรัลบางประเทศจึงจัดให้มีโสเภณีถูกกฎหมายอย่างเปิดเผย ซึ่งโสเภณีเหล่านี้อาจจะมีสิบผัวชั่วข้ามคืนได้ไม่ยากเลยด้วยซ้ำ
.
พออิสลามวิจารณ์ความมั่วเซ็กซ์มากหน้าหลายตา ก็มาแย้งว่ามนุษย์มีเสรีภาพทางเพศ ศาสนาคร่ำครึไม่มีสิทธิ์มาบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ได้เฉพาะคนที่แต่งงานด้วยเท่านั้น แต่พอจะวิจารณ์อิสลามเรื่องการอนุญาตให้มีภรรยามากกว่า 1 คน ก็รีบกระโดดห่มจีวรแทบไม่ทันเพื่อจะบอกว่า "การมีภรรยามากกว่า 1 คนนั้นเป็นการมักมาก" ผมว่าท่านกลับไปใส่จีวรที่ยังอยู่ในสภาพหลุดลุ่ยให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า!
.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“ในทุกๆเช้าจะมีหญิงพรหมจรรย์ถูกตัดหัว”
เมื่อกษัตริย์ชาห์เรยาร์ดได้รู้ว่ามเหสีของเขานอกใจพระองค์มาตลอด พระองค์ได้สั่งให้ทหารบั่นหัวเธอออกทันที และจากเหตุการณ์นั้นทำให้พระองค์คิดว่าผู้หญิงทุกคนก็คงเลวทรามไม่ต่างกัน
พระองค์จึงได้ตัดสินใจว่าเขาจะแต่งงานกับหญิงพรหมจารีย์คนใหม่ในทุกๆวัน
.
กษัตริย์ชาห์เรยาร์ดจะสั่งให้บั่นคอเจ้าสาวของพระองค์ทุกคนเมื่อผ่านคืนแรกของการแต่งงานไป ทำให้ในทุกเช้าพระองค์จะกลับมาเป็นโสดเหมือนเดิม
ผู้เคราะห์ร้ายจากความบ้าคลั่งของกษัตริย์ชาห์เรยาร์ดเพิ่มขึ้นจาก 1 เป็น 2 จนในช่วงเวลานั้นมีศพเจ้าสาวไร้หัวมากถึง 1001 คน
.
เมื่อความกลัวกัดกินจิตใจของประชาชนจึงมีหญิงสาวคนหนึ่งยอมอาสาตัวเองมาแต่งงานกับกษัตริย์ชาห์เรยาร์ดเพื่อหยุดความบ้าคลั่งนี้ เธอคือ “ชาห์เรซาด” ลูกสาวของขุนนางผู้มีความฉลาดปราดเปรื่อง ว่ากันว่าเธอศึกษาตำราทุกเล่มที่เธอเจอทั้งวิทยาศาสตร์ ปรัญชา เรื่องเล่า
.
ในค่ำคืนแรกการวิวาห์อยู่ๆชาห์เรซาดก็เล่าเรื่องขึ้นมา กษัตริย์ชาห์เรยาร์ดแม้จะฉงนใจแต่ก็นอนฟังเงียบๆ แต่ยิ่งพระองค์ฟังมันยิ่งสนุก เรื่องเล่ามันทั้งตื่นเต้นทั้งเร้าใจราวกับว่ามันเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าของพระองค์จริงๆ แต่พอเรื่องราวก็เดินทางมาถึงมาถึงจุดไคลแมกซ์ ชาห์เรซาดดันหยุดเล่าไปเสียดื้อๆ กษัตริย์ชาห์เรยาร์ดที่โดนขัดฟิลล์ก็บอกให้ชาห์เรซาดเล่าต่อด่วนๆ แต่เธอตอบกลับมาว่า
“เราไม่เหลือเวลาเพียงพอจะเล่าให้จบได้ เพราะฟ้าใกล้จะสางแล้ว”
.
กษัตริย์ชาห์เรยาร์ดเลยให้เวลาเธอเพิ่มอีกหนึ่งวันเพื่อให้เล่าเรื่องให้จบ และในคืนที่สองหลังจากนิทานเรื่องแรกได้จบไปเธอก็เล่าเรื่องที่สองต่อขึ้นมาทันที แล้วเรื่องนี้มันก็สนุกกว่าเรื่องที่แล้วเสียอีก ระหว่างที่เล่าๆตอนสำคัญอยู่ชาห์เรซาดก็เงียบไปอีกครั้ง ทำให้กษัตริย์ชาห์เรยาร์ดต้องเพิ่มวันให้เธออีก 1 วัน
.
ทุกคืนชาห์เรซาดจะเล่าเรื่องใหม่ขึ้นมาทันทีหลังจบเรื่องก่อนหน้า และเรื่องเล่าเหล่านั้นมันก็ทั้ง สนุก ซึ้ง ตลก ตื่นเต้น คละอารมณ์กันไป จนถึงเรื่องที่ 1,000 ชาห์เรซาดไม่ได้เล่านิทานเรื่องใหม่ขึ้นมาเธอบอกว่า เธอไม่เหลือนิทานหรือเรื่องเล่าใดๆจะเล่าให้กษัตริย์ชาห์เรยาร์ดฟังอีกแล้ว และรุ่งสางที่กำลังมาถึงคงจะเป็นจุดจบของเธอ
แต่ว่าไม่เป็นเช่นนั้นเพราะกษัตริย์ชาห์เรยาร์ดได้ตกหลุมรักชาห์เรซาดไปเสียแล้วหลังจากผ่านเวลามา 1001 คืน
“We’re all just stories in the end. Just make it a good one” Doctor Who
.
ใครอยากฟังเรื่องที่ชาห์เรซาดเล่าไปหาอ่านต่อได้ในหนังสือ 1001 ราตรีได้นะครับ
อีคนที่อยากไปคลอดลูกที่เมกาสนใจไปคลอดที่ Alabama ไหมครับ
มึงง...เวลาจะจีบผู้หญิงวัยมหาลัย หรือวัยทำงานอะ ไม่ต้องถามเขาบ่อยๆหลอกว่า กินไรยัง ทำไร อยู่ไหน กับใคร ไปไหน กลับเมื่อไหร่ ...มึงงงถามเขาทุกวัน ประโยคซ้ำๆ ผู้หญิงเขาเบื่อ!!
รู้ไหมว่า ในการใช้ชีวิตแต่ละวันของเขา เขาต้องผ่านสมรภูมิการเรียน ผ่านการอดทนจากเพื่อนร่วมงานหัวร้อน ผ่านอะไรมากมายในแต่ละวัน พวกนางไม่มีอารมณ์มาตอบคำถามเด็กๆพวกนี้หลอก มากสุดก็แค่กดปุ่มปลดล๊อกดูว่าใครส่งข้อความหา แค่นางเห็นคำว่า "ทำไร" นางก็กดปิดหน้าจอเหมือนเดิมแล้ว...
มึงลองเปลี่ยนคำพูดเป็น วันนี้เหนื่อยไหม?....หรือไม่ก็ซื้อชาไข่มุกไปยื่นให้มันเลย สิ่งมีชีวิตพวกนี้มันแดกได้ตลอด24ชั่วโมงอยู่เเล้ว หรือไม่ก็พามันกินหมูจุ่มบ่อยๆ..ชาบูบ่อยๆ.....มึง ชวนมันแดกเยอะๆ ..พวกนี้ถ้ามันเครียดๆละมันได้ชามุกจากใครสักแก้ว หรือเครปสักชิ้น.....ยังไงมันก็ยิ้มได้ ละหลังจากนั้นมึงก็ช่วยนางแก้ปัญหาชีวิตอันรุงรังของนาง พวก....การบ้าน ..เคลียร์งาน ..ทำวิจัย..แก้ปัญหาชีวิต....หรือไม่ก็แค่ถาม....."มีอะไรให้เราช่วยไหม..บอกเราได้นะ" ....จบบบ ทำให้นางรู้สึกว่า เห้ย...มึงไม่ได้แค่มาจีบนาง แต่การที่นางมีมึงเข้ามาในชีวิต..แล้วมันทำให้ชีวิตนางดีขึ้น...แค่นั้นก็พอ อย่าทำให้นางรู้สึกว่า มีมึงเข้าไปในชีวิต แล้วชีวิตนางวุ่นวายขึ้น..หรือทำให้นางรู้สึกว่ามึงเป็นพ่อมากกว่าผัว.....
จริงๆนะ มึงไม่ต้องหล่อ หรือรวยล้นฟ้าอะไรเลย แค่ทำความเข้าใจกับชีวิตอันรุงรังของพวกนางก็พอ ต่อให้มึงหล่อ มึงรวย แต่มึงสาวเยอะ ชีวิตพวกนางก็จะมีแต่ห่วง ความกังวลใจ คบไปไม่มีความสุข ซึ่งพวกนางไม่ต้องการ ✌✌
พี่เราก็จมน้ำตายเพราะฝึกนี่แหละ เป็นตะคริวแทนที่จะลงไปช่วย กลับให้เค้าช่วยตัวเองจนไม่ไหวแล้วขาดอากาศหายใจ ถึงจะลงไปช่วยสุดท้ายก็ตายอยู่ดี😡
ปีนี้ Mark Zuckerberg จนลงนะเนี่ย
ทรัพย์สินเฮียเค้า เท่ากับทรัพย์สินของตระกูลเจียรวนนท์ + จิราธิวัฒน์ + อยู่วิทยา + สิริวัฒนภักดี รวมกันเท่านั้นเอง
Net worth:
Age 35: $71 billion
Age 34: $77 billion
Age 33: $65 billion
Age 32: $52 billion
Age 31: $35 billion
Age 30: $26 billion
Age 29: $13 billion
Age 28: $17 billion
Age 27: $14 billion
Age 26: $4 billion
Age 25: $900 million
ปัจจุบัน พี่มาร์ค ถือหุ้น Facebook ราวๆ 15% แต่มีสิทธิ์โหวตสูงกว่า 60%
แม้ไม่ได้เป็นเสียงส่วนใหญ่ แต่มีอำนาจเกินครึ่งของสภา เอ้ย บริษัท
ใครสงสัยว่าพี่แกทำได้ไง
เหตุผลที่ทำแบบนี้ได้ เพราะหุ้น Facebook ถูกแบ่งออกเป็น 3 แบบครับ คือ
1. Class A Shares -> 1 หุ้น 1 โหวต
2. Class B Shares -> 1 หุ้น มี extra vote = 10 โหวต
3. Class C Shares -> ไม่มีสิทธ์โหวต
พี่มาร์ค ถือหุ้น Class B เยอะสุด และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีข่าวว่าแกขายหุ้น
หุ้นส่วนที่ขายออกมาทำกำไรเอาเงินเข้ากระเป๋า จะเป็นหุ้น Class C ที่ไม่มีสิทธ์โหวตอะไร
ได้ทั้งเงิน และไม่เสียอำนาจ การควบคุมเสียงในบอร์ดบริหารด้วย
เป็นวิธีการเดียวกับที่ Google ใช้และพี่มาร์คแกก๊อปมาอีกที
หลายคนสงสัยว่า ในเมื่อมีสิทธิ์มีเสียงในการควบคุมบริษัทมากมายขนาดนี้ ทำไมไม่จ้าง CEO เก่งๆมาทำงานแทน
ตัวเองจะได้สบาย ไปทำอย่างอื่นได้ ในขณะที่ยังคงมีอำนาจสูงสุดได้อยู่
แต่เพราะในรัฐธรรมนูญบริษัทเขียนเอาไว้ว่า
วันใดก็ตามถ้าพี่มาร์คไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง CEO แล้ว
หุ้น Class B ที่พี่แกถืออยู่ จะถูกแปลงเป็น Class A ทันที
พี่มาร์ค เลยต้องเกาะเก้าอี้ CEO ไว้แน่นๆ เพราะอำนาจของหุ้น Class B ก็เปรียบเสมือนมี ม.44 อยู่ในมือ
ณ ตอนนี้ มีผู้ถือหุ้นจำนวนมาก อยากให้ Mark Zuckerberg ออกไปจากตำแหน่ง CEO ซะ เพราะนำพาประเทศ เอ้ย บริษัทไปผิดทิศทาง
ตัดสินใจผิดพลาดหลายครั้ง ทำให้บริษัทตกอยู่ในเสี่ยง
แต่ยังไม่เคยมีใครทำอะไรพี่มาร์คได้เลย และแกก็มีความ dictatorial leadership อยู่ในตัวค่อนข้างสูง จึงไม่ค่อยแคร์ซักเท่าไหร่
ตอนนี้มีกลุ่มผู้ถือหุ้นเปิดตัวแคมเปญ "Vote No" เพื่อโหวตให้ พี่มาร์คออกจากบอร์ด ในวันประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 30 พ.ค.ที่จะถึงนี้
แต่เชื่อว่าพี่มาร์ค น่าจะยังคงอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป
ส่วนพี่มาร์คบ้านเรา ลาออกไปเลี้ยงแมว และดูจะประสบความสำเร็จ เพราะยอดคนตามใน LINE เพิ่มขึ้นกว่า 6 เท่าแน่ะ
ครูพวกนี้ถ้าใครบอกว่ารัชกาลที่ 1 รัชกาลที่ 2 ชื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จะตบปากให้หมด อันนั้นเป็นชื่อที่เรียกตามชื่อพระพุทธรูปประจำรัชกาลที่ ร.3 หล่อไว้ภายหลัง
#ขิงมาต้องขิงกลับ
ตรงหัวข้อพระปรมาภิไธย อะคุณ
ประวัติศาสตร์ผู้ชนะเป็นคนเขียน เพราะผู้แพ้ตายห่าหมดแล้ว เลยไม่ได้เขียน
ไอพวกกาวๆนี่มาจากกลุ่มปวศในเฟสบุ๊คป่ะเนี่ย
I am infinitely more hyped for this episode od AoT than the finale of GoT.
เกลียดติ่งกัญชาควายๆชิบหาย หมอโพสต์ว่ารักษาไม่ได้จริง เอาเปเปอร์มาประกอบ ติ่งกัญชาเข้ามาพูดจาหยาบคาย ท้าต่อยท้าตี แล้วบอกว่าฝรั่งรักษาได้ แต่พอขอดูเปเปอร์ที่ว่า ติ่งกัญชาก็เอารูปฟอร์เวิร์ดเมล กับไล่ให้ไปกูเกิลเอง(ไม่รู้จักBurden of proof) แต่ละตัวอ่านภาษาอังกฤษออกรึเปล่ายังไม่แน่ใจ
กูอยากให้กัญชาถูกกฎหมายนะ แต่เห็นติ่งกัญชาแบบนี้แล้ว มึงไม่ได้กะรักษาโรคหรอก กะเสพและขาย ถุย
-มิตรสหายท่านนึงรีแอคกับโพสต์นี้
https://www.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/photos/a.281457299003997/620782311738159/?type=3&theater
Dr. กัปบอกว่าไม่มีใครต้องตายเพราะมะเร็งยกเว้นความสะเพร่า:
1. ขั้นตอนแรกคือการหยุดน้ำตาลทั้งหมดที่ไม่มีน้ำตาลในร่างกายของคุณเซลล์มะเร็งจะตายอย่างเป็นธรรมชาติ
2. ผสมผลไม้มะนาวทั้งหมดกับน้ำร้อนสักแก้วและดื่มมันประมาณ 3 เดือนก่อนกินและมะเร็งแพ้การวิจัยโดยวิทยาลัย maryland ของยาบอกว่ามันดีกว่าการรักษาด้วยคีโม
3. ขั้นตอนที่สามคือการดื่มน้ำมันมะพร้าวอินทรีย์ 3 ช้อนเช้าและกลางคืนและมะเร็งจะหายไปคุณสามารถเลือกหนึ่งในสองการรักษานี้หลังจากหลีกเลี่ยงน้ำตาล ความไม่รู้ไม่ใช่ข้ออ้าง; ฉันได้แชร์ข้อมูลนี้มานานกว่า 5 ปีบางทีตอนนี้เพิ่งมาถึงคุณแต่มันยังช้ากว่าไม่เคย ให้ทุกคนรอบตัวคุณรู้
" ดร. guruprasad reddy b v รัฐการแพทย์ของมหาวิทยาลัยมอสโกประเทศรัสเซีย
อ้อนวอนทุกคนที่ได้รับข้อมูลนี้เพื่อส่งต่อให้กับอีกสิบคนแน่นอนอย่างน้อยหนึ่งชีวิตจะได้รับการบันทึกไว้!
ฉันได้ทำส่วนของฉันแล้วหวังว่าคุณจะสามารถช่วยได้โดยการทำส่วนของคุณ ขอบคุณ!
1. การดื่มน้ำมะนาวสามารถป้องกันมะเร็งได้ แต่จำไว้ว่าอย่าเพิ่มน้ำตาล น้ำมะนาวร้อนมีประโยชน์กว่าน้ำมะนาวเย็นๆ
2. pare หั่นเท่า 5 ชิ้นแล้วแช่น้ำด้วยน้ำร้อนสักแก้ว 30 นาทีแล้วดื่มทุก
3. มันสำปะหลังสด / มันสำปะหลังแต่ต้องต้มด้วยเปิดหม้อ วิตามิน b17 อยู่ในมันสำปะหลังที่สามารถปิดเซลล์มะเร็งได้
✍ บ่อยครั้งมื้อเย็นสามารถเพิ่มความเป็นไปได้ของมะเร็งลำไส้ / มะเร็งกระเพาะอาหาร
✍ อย่าได้กินผลไม้หลังกินข้าว ผลไม้ต้องถูกกินก่อนกินข้าว
✍ อย่าดื่มชาในช่วงประจำเดือน
✍ ลดการดื่มนมถั่วเหลืองไม่ควรเพิ่มน้ำตาลหรือไข่ให้นมถั่วเหลือง
✍ ไม่กินมะเขือเทศกับท้องว่าง
✍ ดื่มน้ำเปล่าสักแก้วทุกเช้าก่อนอาหารเพื่อป้องกันนิ่ว
✍ งดอาหาร 3 ชั่วโมงก่อนนอน
✍ หลีกเลี่ยงสุราไม่มีประสิทธิภาพทางโภชนาการแต่สามารถทำให้เกิดโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้
✍ อย่ากินขนมปังในขณะที่มันร้อนจากเตาอบหรือเครื่องปิ้งขนมปัง
✍ ไม่ชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ใดๆที่อยู่ข้างๆคุณในขณะที่คุณหลับ
✍ ดื่มน้ำเปล่า 10 แก้วทุกวันสำหรับร่างกายที่ต้องการยังป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
✍ ดื่มน้ำเพิ่มระหว่างวันลดตอนกลางคืน
✍ อย่าดื่มกาแฟมากกว่า 2 แก้วต่อวันสามารถทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับและกระเพาะอาหารได้
✍ กินอาหารที่เลี่ยนเล็กน้อยหรือหลีกเลี่ยงมันเพราะใช้เวลา 5-7 ชั่วโมงในการสรุปทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย
✍ หลัง 5 โมงเย็นกินน้อย
✍ อาหารหกชนิดที่ทำให้คุณมีความสุข: กล้วย, ส้มบาหลี, ผักโขม, ฟักทอง, พีช
✍ นอนไม่ถึง 8 ชั่วโมงต่อวันส่งผลให้มีการทำงานที่เสื่อมสภาพของสมองของเรา พยายามพักผ่อนสักครึ่งชั่วโมงจะทำให้เรายังเด็ก
น้ำมะนาวที่ไม่มีน้ำตาลสามารถดูแลสุขภาพของคุณและทำให้คุณสดชื่นได้
📌 น้ำมะนาวร้อนฆ่าเซลล์มะเร็ง
✍ แช่มะนาว 3 ชิ้นๆละเท่าๆกัน กับน้ำร้อนทำให้มันเป็นเครื่องดื่มประจำวันเป็น anti-oxsidan
รสชาติขมในน้ำมะนาวร้อนเป็นสารที่ดีที่สุดในการฆ่าเซลล์มะเร็ง
น้ำมะนาวเย็นเท่านั้นประกอบด้วยวิตามินซีไม่มีการป้องกันมะเร็ง
น้ำมะนาวร้อนสามารถควบคุมการเติบโตของเนื้องอกมะเร็งได้
การทดสอบทางคลินิกได้พิสูจน์แล้วว่าน้ำมะนาวร้อนทำงานได้ดีเพื่อปิดเซลล์มะเร็ง
การรักษาสารสกัดมะนาวชนิดนี้จะทำลายเซลล์ที่ชั่วร้ายเท่านั้นแต่ไม่มีผลต่อเซลล์ที่ดี
ต่อไป... กรด citric และมะนาว polyphenol ในน้ำมะนาวช่วยลดความดันสูง • การป้องกันที่มีประสิทธิภาพต่อต้านเส้นเลือดลึกลิ่มการไหลเวียนเลือดและป้องกันการแข็งตัวของเลือด
ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหนโปรดหาเวลาอ่านสิ่งนี้แล้วบอกให้คนอื่นกระจายความรักให้กับคนอื่นๆ!
* ความสวยของการแบ่งปัน*
ขอบคุณ เครดิตจากผู้แบ่งปัน
สมัยก่อน ศก.ดีนะครับ มือถือตัวเกือบแสนยังขายกันได้...........
https://imgur.com/yIc1lZo
จากข่าว Huawei vs USA ทำให้รู้ว่าคนยังเข้าใจผิดเรื่อง Android, AOSP และ Google Services อยู่มาก
.
เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน จริง ๆ Google ไม่สามารถแบนการใช้ Android ได้เพราะ Android เป็นโปรเจค "Open Source" ในโครงการ Android Open Source Project (AOSP) ที่ใครจะเอาไปใช้ก็ได้ กูเกิลไม่มีสิทธิ์ในตัวนี้
.
แล้วกูเกิลมีสิทธิ์ในส่วนไหน ?
.
กูเกิลตระหนักตรงนี้มาตลอดว่าเค้าจะต้องทำอะไรที่ต่อยอดจากแอนดรอยด์ขึ้นมาเพื่อไม่ให้ตัวเวอร์ชัน Open Source มันเก่งเกินไปจนคนไม่สนใจกูเกิลแล้ว ไม่งั้นเค้าก็จะเสียประโยชน์ที่เค้าอยากได้จากโปรเจคแอนดรอยด์
.
กูเกิลก็เลยทำบริการเพิ่มขึ้นมาชื่อ Google Mobile Services เพื่อต่อเติมฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้แอนดรอยด์ทำอะไรได้มากขึ้น เช่นพวก Google Play Store เอย YouTube เอย Maps ฯลฯ ซึ่งส่วนนี้ไม่ได้อยู่ใน AOSP ไม่มีให้โหลดไปใช้
.
คราวนี้ถ้าใครจะใช้บริการเหล่านี้ก็ต้องจ่ายเงินค่า License ให้กูเกิลไป (เรียกว่า Certified by Google) ซึ่งกูเกิลมีสิทธิ์จะไม่ Certify ได้เช่นกัน ที่ผ่านมาก็มีแค่มือถือที่ไม่ผ่านคุณภาพที่ไม่สามารถซื้อ License ตรงนี้ได้
.
แต่ Huawei จะเป็นเคสแรกที่มือถือดีแต่ขอ License แล้วจะโดนปฏิเสธ (พูดว่าเคสแรกให้ดูเท่ ๆ ไปงั้นแหละ จริง ๆ ก็มีโดนกันเรื่อย ๆ)
.
ผลที่เกิดขึ้นคือ "Huawei จะยังใช้แอนดรอยด์ได้อยู่" แต่บริการต่าง ๆ ที่อยู่ในส่วนที่กูเกิลทำเพิ่มขึ้นมานั้นจะหายเกลี้ยงไปหมด
.
แต่ถามว่า AOSP มันกากมั้ย บอกได้เลยว่าไม่กาก มันก็แอนดรอยด์ที่เราใช้ ๆ กันนี่แหละ แต่ไม่มีบริการของกูเกิลมาด้วย แต่ปัญหาก็อยู่ตรงนี้ พอไม่มีบริการของกูเกิลติดมากับเครื่อง ... คนทั่วโลกก็คงไม่มีใครคิดจะซื้อ (สุดท้าย Google ก็ครองโลกอยู่ดี ตามแผนเลยเบรนด์)
.
ซึ่งแน่นอน Huawei มีแผนอยู่แล้วว่าถ้าโดนแบบนี้จะทำยังไง มีมูฟต่อไปของเค้าแน่ เพราะ Huawei บอกมานานละว่าทำ OS ของตัวเองอยู่ และความเห็นส่วนตัว ค่อนข้างมั่นใจว่ามันเป็น AOSP นี่แหละ และต่อยอด Ecosystem เอง
.
อย่างแรกคือแอป ฯ แอนดรอยด์ครึ่งนึงจะรันบน OS ใหม่นี้ได้ทันที (ที่บอกว่าครึ่งนึงเพราะมีอยู่อีกครึ่งนึงที่เขียนโปรแกรมโดยผูกกับบริการของกูเกิลอยู่)
.
หาก Huawei ปั้น Ecosystem ขึ้นมาได้ มูฟนี้ของเมกาก็จะแว้งกลับมาทำร้ายเมกาเอง
.
แต่ถ้าให้พูดตามตรง Ecosystem มันไม่ได้ปั้นกันง่าย ๆ คงยากที่จะมาสู้ Google Service ได้ (ในระดับ International นะ ส่วนในจีนก็ปล่อยเค้าไป)
.
อย่างไรก็ตาม ... ใครรู้จักทรัมป์ก็จะรู้ว่ามูฟแบบนี้เป็นมูฟของ Negotiation ก็ต้องดูว่าจีนจะเล่นด้วยมั้ย หรือเดินหน้าเต็มสูบแล้วไม่สนเมกาอีกต่อไป
.
เพราะเอาจริง ๆ ถ้าพูดถึงเทค ฯ ตอนนี้เมกาไม่ได้เป็นที่หนึ่งแล้วนะ
.
ตอนนี้คือจีน
.
แต่เรื่องเศรษฐกิจส่วนอื่นตะหากที่อาจสั่นคลอนไปด้วย จีนและเมกายังไม่สามารถบอกเลิกทางใครทางมันได้ ไม่งั้นพังทั้งคู่ รอดูกันไปว่าจะออกไม้ไหนต่อ
สิทธิพล พรรณวิไล รองนายกฯ Thailand Tech Startup Association
Avengers End Game - Black Widow ตายตอนไปเอา Soul Gem / Tony Stark (Iron Man) ตายตอนจบ
Detective Pikachu - Pikachu คือพ่อพระเอก / พ่อพระเอกไม่ตาย
John Wick 3 - ตอนจบ John Wick ไม่ตาย Winston แกล้งยิงเพื่อช่วย John Wick หลอกตุลาการ
-basic knowledge ไม่ดีครับ หลายๆครั้งทำอะไร สวน กฏ Thermodynamic ทั้งๆที่คนทำ จบวิศวะ(วิศวกรมีวิชาพื้นฐานเหมือนกัน thermo ก็เป็น 1 ในนั้นแบบไม่ลึกมาก)
-คนที่ประดิษฐอะไรๆก็ตามถ้ายังเจ็บมาไม่มากพอ ชอบมองจุดสำเร็จเป็นที่ตั้ง มากกว่ามองความเป็นไปได้ว่ามันแค่ไหน(อารมณ์ pscedoscience)
-ใจไม่ถึงพอจะเรียนรู้อะไรที่มันซับซ้อน ยาก ยาวนาน
ทั้งหมดนี่เลยทำให้ไทยมีสิ่งปรดิษฐ์ประหลาดๆ กับไม่มีอะไรที่เป็นนวัตกรรมให้ ว้าว จริงๆ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การสร้างภาพวัฒนธรรมการอ่าน ให้คนชอบอ่านหนังสือดูเป็นคนลุ่มลึกและพิเศษกว่าคนอื่นนั้น บางทีมันก็น่าจะผิดทาง อาจจะกลับกลายเป็นการสร้างกลุ่มคนหัวสูงที่น่าหมั่นไส้ขึ้นมาอีกกลุ่มมากกว่า
น่าจะสร้างภาพวัฒนธรรมการอ่านให้ดูเป้นเรื่องของคนธรรมดาหลากหลาย ให้ค่าคนอ่านพวกหนังสือไก่ชน ปาฏิหารย์ เทคโนโลยีชาวบ้าน ศาลาคนเศร้า เท่าๆ กับพวกอ่านเจ้าชายน้อย ชิ๊กเชค สไตล์เบ็ด โม๊ะราคะมิ๊ อัลไลพวกเนร้อ่ะครับ
ส่วนการสร้างภาพวัฒนธรรมการเด้ามือนั้น
#ช่วงเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปในสเตตัสเดียวกับพี่โจว
ภูมิใจไทยดูจะโฟกัสอยู่แต่เรื่องกัญชาอะ ดูแบบตั้งใจกับเรื่องนี้มากๆ จนเหมือนกับว่าใครคนหนึ่งมีสต็อกกัญชาอยู่ในมือจำนวนมหาศาลแล้วอะ เรียกได้ว่ามีอำนาจเมื่อไหร่ เปิดเสรีกัญชาทันที รวยทันที อะไรงี้ อาการเธอออกมากอะอนุทิน นาทีนี้เอากัญชาเป็นตัวตั้ง ประชาขนกับประชาธิปไตยเป็นตัวประกอบ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เงินกู้ = รายได้ กูก็เห็นแต่พวกยืมเงินแล้วไม่คืนนั่นแหละ
#มิตรสหายฯ
Tomboys are the ultimate straight mans choice. A regular girl has tits and pussy but comes loaded with gay shit such as make up, desire for shopping clothes and useless shit and watching boring shitty TV shows.
A gay dude is gay but he has a partner that shares his interests.
A tomboy has the best of both worlds, a female body but with enough /fit/ness to keep up with you, good interests and great personality.
“ต่อไปจะมีแต่คนชอบผมมากขึ้น เพราะตอนนี้คนเกลียดผมมากที่สุดแล้ว คงไม่ตกต่ำไปกว่านี้"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เห็นด้วยกับพี่ใหม่ค่ะ แม่นตามหลักวิชาการแม่นมากค่ะพี่
... เมื่อ Jack Ma เปิด Smart Supermarket
คุณป้าท่านนึง ณ เมืองหางโจว (ใกล้เซี่ยงไฮ้)
ตอบคำถามนักข่าวเรื่องนี้
แล้ว ... คุณป้าก็ดังขึ้นมาทันที ในชั่ว..ข้ามคืน
====
นักข่าว :
Jack Ma เปิด Smart Supermarket
แบบไร้คน คุณป้าคิดว่ายังไงครับ?
คุณป้า :
หา ... ? Super ไร้คน
แล้วทำไมไม่ปิดไปซะละ ... ไม่มีคน ?
นักข่าว :
คุณป้าครับ ความหมายคือ ไม่มีพนักงาน
คนเก็บเงินอะไรพวกนี้ หนะครับ
คุณป้า :
งั้นก็ต้องเรียก Supermarket ไร้พนักงานซิ เห้อ ... ! ... ไม่รู้พวกเธอเป็นนักข่าวกันได้ยังไง
ระดับความรู้ภาษาแบบนี้
นักข่าว :
ครับ ๆ ... แล้วคุณป้าคิดเห็นยังไงกับ
Supermarket ไร้พนักงาน ครับ ... ?
คุณป้า :
Supermarket ไม่ต้องจ้างพนักงาน
แล้ว ราคาสินค้าถูกลงหรือเปล่า ... ?
นักข่าว :
คือเรื่องนี้ ... เราไม่แน่ใจครับ
คุณป้า :
เอ้า ... พวกเธอเป็นนักข่าวได้ยังไง ..?
ปัญหาของประชาชน ไม่ไปใส่ใจ
วัน ๆ สนใจแต่ว่า Jack Ma
จะเล่นแร่แปรธาตุอะไร
เรื่องที่คนสนใจคืออะไร
คือมีของปลอมไหม ... ?
ราคาถูกลงหรือเปล่า ... ?
ส่วนเรื่อง Supermarket
จะมีพนักงาน หรือเปล่า
มันไม่ได้เกี่ยวกับฉันเลย ... !
นักข่าว :
คุณป้าไม่คิดว่าการเกิดขึ้นของ
Supermarket แบบไร้พนักงาน
จะเปลี่ยนแปลงวิธีการจับจ่ายสินค้า
แบบเดิมๆได้เหรอครับ ... ?
คุณป้า :
เปลี่ยนอะไรล่ะ ... ?
ซื้อของจ่ายตังค์อ่ะหรอ
ใช้ Alipay จ่าย ก็ใช้ตังค์ฉันจ่าย ไม่ใช่หรอ ... ?
นักข่าว :
ผมคิดว่าคุณป้าคงยังไม่ค่อยเข้าใจ
เทรนด์ที่เปลี่ยนไปของยุคสมัย
คุณป้า :
นี่ แค่ทำให้ Supermarket ไม่มีพนักงาน
ก็คือเทรนด์ที่พัฒนาแล้วหรอ ... ?
แค่เอาพนักงานระดับล่างออกก็เก่งแล้วเหรอ ?
ถ้าเก่งจริง ... ก็ทำ
Supermarket ที่ไม่มีเจ้าของสิ
หรือ ทำหน่วยงานรัฐ ที่ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐ
นักข่าว :
ไม่ทราบว่าคุณป้า
มีปัญหาอะไรกับ Jack Ma หรือเปล่าครับ ?
คุณป้า :
ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ Jack Ma
แต่ฉันคิดว่า ... นักข่าวไร้สาระอย่างพวกเธอ
ถามคำถามที่ไม่ตรงจุด
Jack Ma เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเรา
แต่มันไม่ควรจะเป็นแค่การเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่เราต้องการคือการเปลี่ยนแปลง
ที่มาพร้อมกับความสุข
ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
มันไม่ได้ทำให้เรามีความสุข
แต่ กลับเพิ่มความยุ่งยากมากมาย
สิ่งนี้ต่างหากที่นักข่าวอย่างพวกเธอ
ควรจะให้ความสนใจ
นักข่าว :
.... มึน ตึ้บ ...
=====
Credit : 金融头条
แปล : mangu86 (Boom Choksupat)
Credit fb : อาจารย์ สมเกียรติ โอสถสภา
ทำไมการที่ Huawei ถูก ARM แบนไม่ให้ใช้ได้ถึงเป็นเรื่องใหญ่
ใหญ่กว่าโดน Google BAN อีกหรอ???
ใช่ครับ ใหญ่กว่าชนิดเทียบไม่ได้เลย
ARM คือเจ้าของสิทธิบัตรออกแบบ CPU สำหรับ Smartphone ที่ใช้กันเยอะที่สุดในโลก ถ้าถามว่าของค่ายไหนบ้าง ก็มีตั้งแต่ Snapdragon ของ Qualcomm , Helios ของ Mediatek , ตระกูล A ของ Apple และ Kirin ของ Huawei
ถ้าถามว่าเยอะขนาดไหนก็คือ Android ทุกตัวบนโลกเป็น ARM
นอกจาก Android แล้ว Chrome OS , Firefox , Linux สารพัดยี่ห้อ , Taizen , webOS , Windows mobile ก็รันบน ARM หมด
แล้วมันลำบากตรงไหนที่ใช้งานไม่ได้
พูดง่ายๆก็คือ เครื่องรุ่นหน้าจะใช้ CPU ตระกูล ARM ไม่ได้เลย
แล้วถ้าใช้ CPU ตระกูล ARM ไม่ได้ ก็จะใช้ Compiler และ การประมวลผลของ ARM ไม่ได้ด้วย ส่งผลให้ App ทั้งหมดบนโลก และ , ระบบปฏิบัติการใดๆ รวมไปถึง เจ้า Hongmeng OS (ที่เพิ่งประกาศว่าจะนำมาใช้) ใช้งานไม่ได้เลย เพราะทุกอย่างเขียนด้วยคำสั่งของ ARM ทั้งหมด
ถ้าทำ CPU ใหม่ล่ะ
ก็ทำอ้างอิงกับ ARM ไม่ได้อยู่ดี ดังนั้น ถ้าใช้ ARM ไม่ได้ ก็จะใช้ลามไปจนถึง OS , Ecosystem และ Dev ทั้งโลกก็จะต้องศึกษาใหม่หรือ หาเครื่องมือใหม่ในการเขียนเพื่อ OS ของ Huawei ตัวนี้ตัวเดียว เรียกว่ายากซะยิ่งกว่าอะไร
จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมการโดนแบนให้ใช้ ARM ไม่ได้ เรื่องใหญ่กว่าโดน Google แบนมหาศาลมากๆ
อันนี้เป็นหมัดสวนที่แรงพอกับบอกว่าจะไม่ส่ง Rare Earth ให้นั่นแหละ
ถ้าโลกมันเป็นไปทางนั้นจริง
ทางสหรัฐก็ต้องเปิดโรงงานผลิต สร้างทุกอย่าง ขุดเหมืองกันใหม่ เพราะจะไปจ้างจีนก็คงยากแล้ว (เออว่ะ จริงอย่างที่ Trump มันว่า ที่จะทำให้มีการกลับมาสร้างโรงงานในสหรัฐ)
ฝั่งจีนก็ต้องสร้าง Ecosystem ใหม่หมด ในจีนเองไม่ยากเท่าไหร่ แต่จะไประดับ Global แทบไม่ได้เลย เป็นการสกัดจีนในการครองโลกได้อย่างรุนแรงมาก
งานนี้ ไม่รู้จะยังไง แต่เรียกได้ว่าพังทั้งคู่
ปล. ไปค้นข้อมูลมาเพิ่ม ความบรรลัยของ Huawei เพิ่มเติมคือ CPU ของ Router รุ่นใหม่ของ Huawei ก็เป็น ARM .. บรรลัยยันธุรกิจ Network ด้วยงานนี้
สกัดจีนได้อย่างน้อยสิบปี
>>685 หรอวะ กูว่าสองประเทศนี้เสียผลประโยชน์ไปมากและต่างฝ่ายต่างเป๋กันไปก็จริง แต่ไม่ได้ถึงขนาดจะล่มสลาย
เดี๋ยวต่างฝ่ายก็ตั้งตัวหรือหาทางออกใหม่ๆกันได้ โดนเฉพาะจีนที่สายป่านยาว
เทียบความต่างว่ารัสเซียด้อยสุดในสามมหาอำนาจโลก ก็แทบไม่ได้ทำให้สถานการณ์ของรัสเซียดีขึ้นเลย
ยังไม่นับว่าแป๊ปๆเค้าอาจจะกลับมาจับมือคืนดีกันอีกนะ ซึ่งกูว่าถึงจุดที่เค้ารู้สึกว่าได้ไม่คุ้มเสียเดี๋ยวก็กลับมาดีกันเอง
สังคมจีนมันยังเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จ ควบคุมคนชั้นกลางที่ขยายมากขึ้นเรื่อยๆได้แค่เพราะพรรคยังมีเงินคอยทำให้คนชั้นกลางอยู่สุขสบายได้อยู่ คนเลยไม่ค่อยบ่นกัน
ลองเงินพวกนี้หมด คนชั้นกลางจีนเริ่มอึดอัดดูดิ
แต่คิดแล้วก็น่าสนุกแปลกๆ ถ้าอยู่ดีๆตื่นมาแล้วข่าวคือจีนถูกยุบ แล้วมีประเทศใหม่เป็นสิบประเทศ(เสฉวน,ซินเจียง,ฮูนาน etc.) ผุดขึ้นมาแทนที่
เพราะนั่นคือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับโซเวียตชั่วข้ามคืน
>>688 ถ้ารัฐบาลจีนปัจจุบันล่ม ตั้งใหม่ขึ้นมาก็ทางตะวันออกก็คงอยู่กันเหมือนเดิม
แต่มีสิทธิเสียดินแดนที่เพิ่งได้มาทีหลังอย่างทิเบต หรือพวกที่วัฒนธรรมต่างชัดอย่างซินเจียง
แต่กูว่าพอรัฐบาลใหม่ตั้งตัวได้เริ่มอยู่ตัวเดี๋ยวมันก็ไปยึดคืนอยู่ดี
ถ้านานาชาติโวยวายมันก็เล่นมุกเดิมคือใครโวยวายจะไม่ค้าขายด้วยนะ แล้วเรื่องก็เงียบ
ถ้ารัฐจีนล่มได้นี่ความสนุกแบบอาหรับสปริงจะเกิดไหมวะ? หรือเจอแบบเมกา+UNเข้าแทรกแซงเอากองกำลังไปตั้งในตัวประเทศจีนสักส่วนเลย ถ้าทำได้กองทัพเมกามีงานทำหรอมๆเลยนะ ทรัพยากรมีให้สร้างประเด็นเยอะมาก หามณฑลที่มันดูห่างไกลๆ กฎหมายเข้าถึงยาก ด้อยพัฒนาสัสๆ แล้วไปตั้งกองทัพทำไม่ยาก
เรื่องความคิดเศรษฐกิจจีน ซ้ายไทยต้องศึกษามันเยอะหน่อย เพราะจีนเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้ มันพัฒนามาจากมาร์กซิส-เลนินนิสต์-เหมาอิสต์ ทั้งนั้นนะ
คนที่มองเผินๆจะฟันธงไปว่าทุกวันนี้จีนเป็นทุนนิยมไปแล้ว (สมัยก่อนผมก็มองอย่างนี้ นั่นเป็นเพราะว่าผมยังไม่ได้ลงไปดูรายละเอียดจริงๆของมัน ดูแต่ปรากฎการณ์ผิวเผินแล้วสรุปเลย ซึ่งทำให้เข้าใจผิดไปเยอะ)
--------------
ทฤษฎีเศรษฐกิจจีนสมัยใหม่ยืนอยู่บนสองขา, ขาหนึ่งอยู่กับ "สังคมนิยมแบบจีน" (เพราะมันไม่เหมือนใครในโลกไง) อีกขาหนึ่งอยู่กับระบบเศรษฐกิจโลก ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับระบบทุนนิยมโลกและทุนนิยมภายในของจีนเอง
เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปอ่านบทสรุปสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนย้อนหลังกลับไปซัก 30 ปี มันมีการถกเถียงเรื่องระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ในอนาคตของจีนเข้มข้นมาก แล้วมันก็อย่างที่เห็นทุกวันนี้
ระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมแบบจีนยุคใหม่ยังยืนยันทฤษฎีมาร์กซ์-เลนินนิสต์อยู่เหมือนเดิม แต่มีการตีความใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ใหม่ เป็นการปฎิวัติของจีนในยุคสมัยใหม่ที่เน้นเรื่องการเมือง+เศรษฐกิจชี้นำ
รัฐบาล พคจ ในระยะ 20 ปีหลังใช้นักเศรษฐศาสตร์ระดับครีมมาทำงานให้จำนวนหลายคน ที่น่าสนใจก็คือนักเศรษฐศาสตร์เหล่านี้เรียนจบมาจากสถาบันเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของโลกจากตะวันตกทั้งสิ้น พูดง่ายๆ คือเรียนรู้องค์ความรู้แบบตะวันตกมาลึกซึ้ง และเอากลับมาใช้ในจีน
แต่การเอากลับมาใช้ในจีน มันมีเงื่อนไขอยู่บนพื้นฐานบางอย่าง เช่น
- ต้องมีมิติความเป็นชาตินิยมจีน
- ต้องปรับเข้าหารูปแบบและเนื้อหาตามที่สมัชชาพรรคฯเห็นชอบ
- ต้องใช้ได้จริงผ่านการทดลองจริง
- ต้องทำให้ประชาชนเข้าถึง "ทุนนิยมโดยจำกัด" ผ่านกลไกเศรษฐศาสตร์ที่ถูกดัดแปลงแล้ว
- ใช้รูปแบบเศรษฐศาสตร์ตะวันตกสมัยใหม่เข้มข้นแต่เนื้อหาเป็นของจีนอย่างเข้มข้น
---------------
เรื่องพวกนี้ผมเพิ่งมาศึกษาเอาเองเมื่อซัก 1 ปี ที่ผ่านมา เลยทำให้รู้ว่าจู่ๆจีนไม่ได้แบบว่า บู้มมมม !! แล้วครองโลกเลยไง กว่าจะเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้มันเริ่มต้นเตรียมตัวกันมานานแล้ว และมีวิธีคิดที่น่าสนใจ
งานศึกษาที่ต้องหามาอ่านต้องเป็นงานศึกษาจากตัวนักเศรษฐศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ของจีนเอง งานแปลเป็นไทยพอหาได้ เราจะได้รู้มันสมองของจีนในโลกเศรษฐกิจจริงจังมากขึ้น
--------------
ยิ่งศึกษาเรื่องจีนไปเยอะขึ้นยิ่งทำให้รู้ว่าชนชั้นนำจารีตของไทยแลนด์นี่ขี้ตีนมากจริงๆ ความลุ่มลึกทางปัญญาแทบไม่มีเลย ไม่มีวิธีคิดแบบมหาอำนาจใดๆทั้งสิ้น
“สงครามสหรัฐ ฯ กับ Huawei, การพยายามก้าวเป็นผู้นำโลกด้านเทค และปัญหาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา”
.
ถึงแม้ส่วนตัวจะไม่ค่อยชอบทรัมป์ จะบอกว่าเกลียดเลยก็คงได้ แต่จะว่าไปเราก็ค่อนข้างเห็นด้วยหน่อย ๆ กับการตัดสินใจของสหรัฐ ฯ ที่แบน Huawei และยกเป็นปัญหาระดับชาติ
.
ในมุมของคนทั่วไปอาจจะรู้สึกว่าสหรัฐ ฯ กีดกันจีนทางการค้าและกลัวว่าจะโดนจีนแซง แต่ถ้ามามองในมุม “ความแฟร์” โดยละเอียดแล้วหละก็ ภาพหลาย ๆ อย่างในหัวอาจเปลี่ยนไปได้เลย
.
จริงอยู่ที่สหรัฐ ฯ กลัวจีนแซงด้านเทคโนโลยี เพราะจีนวางแผนจะแซงสหรัฐ ฯ จริง ๆ แต่ที่น่ากลัวคือ “Huawei ที่แบคด้วยรัฐบาลจีนกลับเลือกทำโดยไม่เลือกวิธีการ” และวิธีที่ Huawei ใช้มานานแล้วก็จะไปในทางจีนคือ “ละเมิดทรัพย์สินทางปัญหาและขโมยมาเลย”
.
ในมาตรฐานสากล “ทรัพย์สินทางปัญญา” ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะกว่าแต่ละคนจะคิดผลิตอะไรขึ้นมาได้ก็ล้วนต้องลงทุนมากมายมหาศาล สุดท้ายใครจะใช้งานที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญานั้น ก็ต้องจ่ายเงินค่า License ไป ถ้าไม่อยากใช้ก็หาทางพัฒนาของตัวเองขึ้นมา เลือกเอาว่าจะไปทางไหน
.
แต่พอเป็นจีน มาตรฐานกลับเป็นอีกแบบนึงคือ ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและเอามาใช้เลย ไม่จ่ายค่า License ด้วย จับได้ค่อยมาฟ้องทีหลังนะ
.
ช่วงที่ผ่านมาเราเห็น Huawei เติบโตและผู้คนชื่นชมว่าทำโน่นทำนี่ได้เยอะจังเก่งจัง แต่หารู้ไม่ว่าหลายอย่างนั้น “ถูกขโมยมาขาย”
.
กรณีแรก ๆ คงย้อนไปปี 2003 ที่ Huawei ไป “แฮค” Source Code ของ Cisco แล้วเอามาใส่ใน Router ของตัวเองขายตัดราคา นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ Huawei เริ่มโดนจับตามองจากสหรัฐ ฯ (เคสนี้ถือว่าวิธีการเลวร้ายมาก)
.
ปี 2007 หัวเว่ยจ่ายเงินให้พนักงาน Motorola เพื่อซื้อข้อมูลลับของบริษัทและเอามาทำเป็นโปรดักส์ของตัวเอง เกิดเป็นคดีใหญ่โตในปี 2010
.
ปี 2012 Huawei พยายามขโมยข้อมูลสำคัญของการผลิต Tappy หุ่นยนต์ทดสอบมือถือของ T-Mobile โดยละเมิดข้อห้ามมากมาย รวมถึงให้พนักงาน Huawei USA ที่ได้รับอนุญาตเข้าไปใช้งาน Tappy แอบถ่ายรูปส่งกลับไปจีนให้ Huawei China
.
ปี 2014 หัวเว่ยให้นักประดิษฐ์ชาวโปรตุเกสบินมานำเสนอ “กล้อง 360 แบบเสียบมือถือ” ที่กำลังอยู่ในระหว่างการจด Patent อยู่ให้กับทีมงาน ปรากฎหลังจากผ่าน Meeting ไปก็ไม่เคยได้รับการติดต่อกลับจาก Huawei อีกเลย จนกระทั่งปี 2017 หัวเว่ยก็เปิดตัวกล้อง Envizion 360 ที่เหมือนกับผลงานที่นักประดิษฐ์คนนี้นำไปเสนอทุกกระเบียดนิ้ว ยังคงเป็นคดีความอยู่ในตอนนี้
.
ต้นปีที่ผ่านมา Huawei โดนฟ้องจากเยอรมันคดีเอา MPEG ไปใช้โดยซึ่ง ๆ ทั้ง ๆ ที่มันมีค่า License ซึ่งก็จบลงด้วยดีด้วยการที่เดือนถัดไป Huawei ก็เข้าร่วม MPEG LA ยอมจ่ายค่า License เป็นที่เรียบร้อย
.
หากประเมินแล้ว สหรัฐ ฯ เสียหายถึงประมาณปีละ “$600B” ในส่วนที่จีนละเมิดไปและขายสินค้าโดยไม่ยอมจ่ายค่าลิขสิทธิ์ เงินเข้าจีนแบบสบาย ๆ ส่วนเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญากลับไม่ได้อะไร
.
ถ้ามองเรื่องการกีดกันแล้ว เคสที่กำลังดังอยู่ตอนนี้คนจะมองไปว่าสหรัฐ ฯ กีดกันเทคโนโลยีจีนไม่ให้ถูกใช้ในประเทศ แต่สิ่งหนึ่งที่คนกลับไม่ได้มองย้อนกลับไปคือ จริง ๆ จีนก็กีดกันไม่ให้เทคโนโลยีสหรัฐ ฯ อย่าง Google หรือ Facebook เข้าไปทำธุรกิจเช่นกัน
(ต่อเม้นล่าง)
(ต่อจาก >>693 )
มันก็ไม่แฟร์นะที่จีนจะออกมาทำธุรกิจข้างนอกได้(ด้วยการละเมิดคนอื่นด้วย) แต่ก็ไม่ให้คนอื่นไปทำธุรกิจในประเทศ แบนมาแบนกลับไม่โกง
.
ความจริงหลายบริษัททั่วโลกก็มีปัญหาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากันทั้งนั้นรวมถึง Apple, Google, Samsung เอง ก็มีคดีความ Patent War ให้เห็นมาโดยตลอด แต่วิธีการละเมิดก็ยังไม่น่าเกลียดเหมือนที่ Huawei ทำมา
.
เรื่องราวที่ผ่านมา วิธีการที่ Huawei ใช้ รวมถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ก่อตั้ง Huawei และผู้นำรัฐบาลจีน ทำให้ Huawei ถูกเพ่งเล็งโดยสหรัฐ ฯ มาโดยตลอด สหรัฐ ฯ รู้สึกไม่แฟร์ว่าเทคโนโลยีที่ประเทศตนทำขึ้นมา รวมถึงเทคโนโลยีที่ประเทศตนต้องจ่ายเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้น กลับถูกขโมยโดยประเทศจีนเพื่อเป็นทางลัดก้าวนำสหรัฐ ฯ
.
แต่ที่ผ่านมา Huawei ยังไม่ได้โดดเด่นอะไรขนาดทุกวันนี้ สหรัฐ ฯ ก็เลยปล่อยไว้ มีปัญหาค่อยทำเป็นคดีทีนึง แต่ล่าสุด Huawei กำลังเปลี่ยนจากผู้ขโมยเป็นผู้สร้างโดยมีพระเอกหลักคือ “5G” ที่ Huawei มีส่วนเป็นอย่างมากในการสร้างมาตรฐานเทคโนโลยีนี้ขึ้นมา ซึ่ง 5G ถือเป็นเรื่องใหญ่มากเพราะเป็น Infrastructure ระดับประเทศ หากใครถือครองตรงนี้ไปก็คือถือครองข้อมูลระดับประเทศได้เลย
.
และนี่เป็นเหตุผลที่ Huawei จึงถูกจับจ้องหนักขึ้น สหรัฐ ฯ พยายามเจรจาเพื่อ Settle ทุกอย่าง แต่ก็ไม่เป็นผล จนทำให้สหรัฐ ฯ ประกาศแบน Huawei ในที่สุด ซึ่งเอาจริง ๆ มันคือการประกาศสงครามการค้ากับจีนไม่ใช่ Huawei เพราะนาทีนี้ Huawei ค่อนข้าง Represent จีนเยอะมากและกำลังโตจนน่ากังวล (หมายเหตุ: หากนับมูลค่าที่ละเมิด US Patent เป็น % นี่จีนประเทศเดียวคือราว ๆ 50-80% เลย)
.
นาทีนี้การแบน Huawei โดยสหรัฐ ฯ และชาติต่าง ๆ จึงไม่ได้เป็นเรื่องตรงไปตรงมา ถือว่าค่อนข้างยุ่งเหยิงมาก ทั้งเรื่องการละเมิด การกลัวจีนแซง ความปลอดภัย ฯลฯ ไม่ใช่เรื่องเหตุและผลข้อสองข้อ แต่เป็นเรื่องที่ก่อมานานแล้วและเพิ่งจะระเบิดออกมาในช่วงนี้
.
การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเริ่มเป็นเกมที่ซับซ้อนขึ้นเมื่อตอนนี้ Huawei เริ่มถือครอง Patent มากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจากการกว้านซื้อบริษัทและการคิดค้นของใหม่ขึ้นมาเอง ล่าสุดก็เริ่มฟ้องคนอื่นเรื่องละเมิด Patent ตัวเองบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่มาก เพราะว่า Patent ส่วนใหญ่ของ Huawei ไม่ใช่ของใหม่ แต่เป็นการพัฒนาขึ้นจากอย่างอื่นมากกว่า ก็เลยยังไม่มีมูลค่ามาก แต่ก็น่าจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลา
.
การแบน Huawei นี้ถามว่ามีใครเจ็บบ้าง บอกเลยว่าเจ็บหมดทั้งเมกาและจีน หุ้นทั่วโลกคงร่วงระนาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ธุรกิจคงฝืดเคือง สินค้าคงแพงขึ้น
.
แต่อย่างไรก็ตาม หากมองในมุมสหรัฐ ฯ ก็คงต้องยอมว่า “มันคือสิ่งจำเป็น” และถึงแม้ดูจะทำให้หลายสิ่งดูแย่ลง แต่ในระยะยาวคนที่ได้ประโยชน์มากกว่าคือสหรัฐ ฯ เพราะที่ผ่านมาจีนเอาเปรียบสหรัฐ ฯ ไปมากแล้ว การตัดตอนนี้ไปอาจจะส่งผลลบชั่วคราว แต่ยาว ๆ จีนคือเจ็บกว่ามาก ถึงเทคโนโลยีหลายอย่างจีนจะนำสหรัฐ ฯ ไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเทคโนโลยีที่ต่อยอดจากของประเทศอื่นทั้งนั้น (ยกเว้น 5G) ก็โดนตัดให้โดดเดี่ยวนี่ก็เหมือนเสือไร้เขี้ยว น่าเกรงขามแต่ทำอะไรไม่ได้เลย
.
อย่างล่าสุดการตัด ARM ไม่ให้ทำธุรกิจกับจีนนี่เป็นไม้ที่เจ็บมากจริง ๆ หลาย ๆ อย่างลอกได้ แต่ CPU Architecture เป็นสิ่งที่ลอกไม่ได้เลยจริง ๆ นี่คือการตัดน้ำตัดไฟเลยก็ว่าได้ ตอนนี้จีนก็เหลือแต่ MIPS ซึ่งไม่มีทางสู้ ARM ได้
.
อาจจะเจ็บมากจนทำให้จีนกลับมาพิจารณาอะไรเพิ่มเติมก็เป็นได้
.
ไม่งั้นแผนการ “Made in China 2025” ที่จีนประกาศออกมาอาจจะไม่เป็นอย่างที่จีนฝันก็เป็นได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
จีนนี่มันจีนจริงๆ
แต่การละเมิดลิขสิทธ์ของจีนนี่มันอุกอาจมากจริงๆ ถ้าไม่ยอมเล่นตามกฏน่าเกลียดขนาดนี้ก็ควรโดนว่ะ
-- ความเละเทะของกระบวนการยุติธรรมในบาวาเรียมีต้นเหตุมาจากบรรดาผู้พิพากษาที่ฝักใฝ่แนวคิดอนุรักษนิยมและชาตินิยม ตั้งแต่หลังการปฏิวัติจนถึงปี 1922 ฝ่ายขวาก่อคดีฆาตกรรมมาแล้วทั้งหมด 354 คดี แต่ยังไม่มีใครถูกตัดสินประหารชีวิต มีเพียงหนึ่งรายที่ติดคุกตลอดชีวิต และอีก 326 รายได้รับการปล่อยตัว ในขณะที่ฝ่ายซ้ายก่อคดีฆาตกรรม 22 คดี สิบรายถูกตัดสินประหารชีวิต สามรายติดคุกตลอดชีวิต และสี่รายเท่านั้นที่ได้รับการปล่อยตัว
"ก่อนหน้านั้น ข้าพเจ้าเคยเชื่อมั่นอย่างใสซื่อในความยุติธรรม" เฮียร์ชแบร์กเขียน "บัดนี้ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าศาลตัดสินแบบสองมาตรฐานอย่างเปิดเผย ศาลจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับอาชญากรรมที่ฝ่ายชาตินิยมและฟาสซิสต์เป็นผู้ก่อ แต่จะไร้เมตตาถ้าฝ่ายปฏิวัติหรือกรรมาชนทำความผิดเพียงเล็กน้อย" --
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
A: ทำไมคุณไม่บ่นเบื่อประเทศไทย อยากย้ายไปอยู่ประเทศนู่นประเทศนี่แบบฝ่ายก้าวหน้าที่เกรี้ยวกราดแต่มีสไตล์และสตางค์เลยอ่ะครับ
B: ผมขาด้วนอ่ะครับ ไปแค่หมอชิตนี่ยังยากเลย
การปรับตัวของเผด็จการในยุคนี้ เขารู้ท่าทีโลกออนไลน์ว่า มาไว ไปไว ไม่แปลก ที่เขาจะไม่แคร์กระแสในโลกออนไลน์ เหมือนช่วงทำรัฐประหารใหม่ๆ ที่ควบคุมแน่หนากว่าช่วงนี้
ไม่แคร์ว่าทำแบบนี้แล้วคนจะด่า วิจารณ์กันสนั่นลั่นเฟซบุ๊ก ทำแฮชแท็กขึ้นที่ 1 ไม่รู้กี่เรื่อง ต่อกี่เรื่อง ต่อให้ข่าวออกกันโครมคราม ก็แล้วยังไงต่อ?
พักหลัง เราท่านๆ จึงวิจารณ์เผด็จการกันได้เต็มสูบ เต็มที่ และถ้าหากเขารู้สึกว่ากระแสมันแรงเกิน จนเขารู้สึกกลัวว่า จะลุกลามบานปลาย ก็จะใช้ "กฎหมาย" เป็นเครื่องมือในการลดกระแสนั้นๆ เพื่อให้มันแผ่ว บางที ก็อาจจะเล่นนอกลู่ เช่น มาถึงบ้าน ไปหาถึงที่ ประชิดถึงตัว ใกล้ชิดทุกคน
แล้วอย่าคิดว่าเรื่องพวกนี้สร้างความกลัวไม่ได้ คุณอาจจะไม่กลัว ส่วนผมไม่รู้จะกลัวทำไม แต่คนที่เขาไม่มีอะไร เขากลัว พอเรื่องพวกนี้มันไปถึงตัว หรือบางคนแค่ได้ยินเรื่องเล่าพวกนี้ ปากต่อปาก กลายเป็นคำเตือน ว่ารักตัวกลัวตาย ก็ลดดีกรีลงหน่อย อันนี้ต้องเข้าใจ ที่ผ่านเป็นแบบนี้จริงๆ
คำถามคือ มันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?
คำตอบก็คือ อยู่ที่ "ประชาชน" และ "ความกลัว หรือ ไม่กลัว" นั่นแหละ
"IPv9 เป็นแค่เรื่องโกหกวัน April Fool's Day ปี 1994"
.
เห็นคนแชร์ IPv9 มาหลายวัน ป่านนี้ก็ยังมีคนเชื่ออีก ตอนแรกว่าจะไม่เขียนละ แต่เพื่อไม่ให้เรื่องหลอกลวงมันกระจายไปมากกว่านี้ ก็ขอยืนยัน ณ ตรงนี้นะครับว่า "IPv9" เป็นเรื่อง "โกหก" ล้วน ๆ
.
แรกเริ่มตอนอินเทอร์เนตเกิดมา IPv4 ก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อระบุว่าเครื่องไหนเป็นเครื่องไหน เหมือนกับบ้านเลขที่ของคอมพ์เครื่องนั้น ๆ ตอนที่ต่อเนตนั่นเอง
.
แต่ด้วยการที่ IPv4 เป็นตัวเลขขนาด 32 บิต จึงสามารถสร้างเลขที่ไม่ซ้ำกันได้เพียง 4,294,967,296 ตัวเลขเท่านั้น
.
ฟังดูเหมือนเยอะ ตอนหลายสิบปีที่แล้วตอนที่คนคิด IPv4 ขึ้นมาก็นึกว่ามันเยอะขนาดนี้ มันต้องพอสิ แต่จะบอกว่าตอนนี้จำนวนอุปกรณ์ที่ต่อเนตตอนนี้ได้ทะลุเลขนั้นไปที่เรียบร้อยแล้วจย้าาาา
.
ดูถูกกันไปละนะคนในอดีต !
.
นี่คือแค่อุปกรณ์มือถือ คอมพิวเตอร์ อะไรพวกนี้นะ ถ้าตลาด IoT บูมนี่คือเพิ่มมาอีกกี่พันล้านอุปกรณ์ก็ไม่รู้
.
ปี 1995 ตัว IPv6 จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับจำนวนอุปกรณ์ได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลด้วยตัวเลขขนาด 128 บิตหรือ ... คูณเป็นตัวเลขแล้วพูดยาก เอาเป็นว่าเยอะกว่าจำนวนเม็ดทรายในโลก จับทรายทุกเม็ดมาต่อเนตเลขยังเหลือว่างั้น
.
และมันก็จบแค่นั้น จะว่าไปจนถึงตอนนี้คนส่วนใหญ่ก็ยังคงคุ้นชินกับ IPv4 อยู่ดี (พวกตัวเลข 8.8.8.8 อะไรพวกนี้) ส่วน IPv6 นี่น้อยคนมากที่จะรู้ รวมถึงคนใช้งานจริงก็ยังน้อยมาก
.
แล้วถามว่าใครเป็นองค์กรที่กำหนด Internet Protocol ที่เราใช้ ๆ กันอยู่ ?
.
องค์กรนั้นมีนามว่า Internet Engineer Task Force (IETF) ซึ่งที่เห็น IPv4, IPv6 ก็ล้วนมาจากการตกลงร่วมกันผ่านองค์กรนี้ทั้งสิ้น
.
แล้ว IPv9 มาตอนไหน ...
.
ก็อิ IETF นี่แหละ !
.
วันที่ 1 เมษายน 1994 (ก่อนปีที่ IPv6 จะถูกตั้งสเปค 1 ปี) IETF เกิดนึกสนุก ปล่อยเอกสาร RFC1606 ที่ดูเป็นทางการมากออกมา เอ่ยถึงเรื่อง "IPv9" เนื้อหาดูจริงจังมาก แต่ตบท้ายด้วยการบอกว่า
.
"Those who do not study history, are doomed to repeat it.
"
.
เมืองนอกเล่น April Fool กันได้แสบมากแต่ก็สร้างสรรค์ เผื่อใครอยากอ่านเล่น >>> https://tools.ietf.org/html/rfc1606
.
ซึ่งก็เป็นไปตามที่เค้าเขียน ... จากนั้นคนก็เอาไปสร้างเป็นเรื่องเป็นตุเป็นตะ ผ่านมา 25 ปี ก็ยังจะเชื่อกันอยู่อี๊กกกกก ล่าสุดก็เพิ่งมีคนไทยแชร์เป็นบทความยาวเหยียด
.
ซึ่งยืนยันตรงนี้อีกทีนะครับว่าไม่มีเรื่องจริงเลยแม้แต่นิดเดียว
.
ความจริง IPv9 ก็มี Patent File อยู่จริง ๆ ฉบับนึงด้วยนะ จดโดย Xie Jian-Ping เมื่อปี 2002 บอกว่า IPv6 มันแค่ 128 บิต ไม่พอหรอก เอาเป็น 256 บิตไปเลยสิ !
.
ผลสุดท้ายก็เป็นได้แค่ Patent ไม่มีการใช้งานจริงแต่อย่างใด ไม่มี Implementation ด้วย กลายเป็น Patent กึ่งโจ๊กที่จะเอาลงจาก Patent ก็ไม่ทันแล้ว
.
ก็จูนให้เข้าใจตรงกัน จะได้ไม่เก้อเนอะ ๆ =)
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
หากจะมีม๊อบทางการเมืองครั้งใหญ่อีก มวลชนม๊อบอาจจะต้องเจรจาต่อรองกับแกนนำ เรื่องการทำประกันชีวิต ประกันภัย ประกันการสูญเสียให้ผู้ร่วมม๊อบอย่างเป็นระบบ มีการเรียกร้องค่าจ้างมาม๊อบขั้นต่ำให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อด้วย
เรื่องการเรียกร้องผลประโยชน์เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในสังคมประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องน่าอายใดๆ อ่ะครับ
#ม๊อบที่สอดคล้องกับหลักการทุนนิยมประชาธิปไตยอย่างแท้จริม
วันนี้น้องโปรแกรมเมอร์จบใหม่เรียกเงินเดือน 17000-18000
ต้องบอกให้น้องใจเย็นค่ะ!!!! เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ
เดี๋ยวพี่เรียกให้เพิ่มเป็น 24-25Kนะคะ
น้องจะอยู่ในกทมไม่ไหวนะคะ ค่าเดินทางก็เท่าไหร่แล้ว
น้องคงกลัวเรียกแพงไม่ได้งาน
อันนี้เป็นตัวบ่งชี้เศรษฐกิจกับค่าใช้จ่ายที่คนไทยต้องแบกรับได้เลย สงสารอ่ะ หันไปเจอข่าวการเมืองละก็อ่อนใจ ทะเลาะกันไปมา ไม่ได้พัฒนาประเทศและการศึกษาเลย 😭😭
ตกบ่ายคุยกับน้อง iOS อีกคน ทำงานได้ 2 ปี เงินเดือนจะ 8หมื่นแล้ว แต่น้องพูดภาษาอังกฤษได้
😢โอกาสและต้นทุนคนเรานี่ไม่เท่ากันจริงๆ
ในฐานะที่ต้องพึ่งพาตัวเองในสังคมแบบนี้ และการแข่งขันสูงแบบนี้
พี่ได้แต่แนะนำให้น้องๆอย่าทิ้งการเรียนภาษาอังกฤษ ไม่มีเงินเรียนก็หาที่เรียนถูกๆที่แบ่งจ่ายได้ หรือจะเก็บเงินเรียน หรือจะเลือกฝึกจากแอปเดท 555 (อันนี้ล้อเล่นนะคะ แต่ทำจริงพี่ก็ไม่ว่า 🤣) คุยกับเพื่อนต่างชาติ ดูหนังฝรั่ง โหลดแอปสอนภาษาฟรี อะไรก็ได้ แค่พยายามนะคะ พยายามใช้ พยายามฝึก สู้ๆค่ะทุกคน 🤘🏻
อาจจะขัดใจนายจ้าง แต่ถ้าน้องอยู่ไม่ไหว วันนึงน้องก็ต้องไปหางานที่ใหม่ที่ให้มากกว่าอยู่ดี และบริษัทก็จะสูญเสียเวลาในการฝึกการเทรนไปเปล่าๆ ให้น้องในแบบที่บริษัทอยู่ได้ และน้องอยู่ได้น่าจะดีที่สุดค่ะ 😊
ไอแซค อสิมอฟ นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ผู้มีผลงานราวห้าร้อยเล่มตลอดชีวิตการเขียนของเขา เคยกล่าวว่า "คุณต้องส่งงานออกไปอย่างต่อเนื่อง คุณต้องไม่ให้ต้นฉบับกัดกินตัวเองจนตายคาลิ้นชัก คุณส่งงานออกไปแล้วออกไปอีก ขณะที่คุณทำงานชิ้นใหม่ ถ้าคุณมีความสามารถ คุณจะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณกัดไม่ปล่อยเท่านั้น"
อาการ 'กัดไม่ปล่อย' นี้ดูเหมือนเป็นสิ่งที่คนยุคใหม่ไม่ว่าในวงการไหนขาดแคลน
ในสมัยก่อนเมื่อคนจีนอพยพมาเมืองไทย การเดินทางแบบ 'เสื่อผืนหมอนใบ' เป็นภาพแสนสามัญ ความหยิบหย่งในยุคสมัยนี้มาพร้อมกับค่านิยมที่ว่า ชีวิตที่ดีคือชีวิตที่สบาย
ความคิดที่ว่า ชีวิตที่ดีคือชีวิตที่ทำงานหนัก เป็นความเชยอย่างยิ่ง มิพักเอ่ยถึงการทำงานจนถึงวันตาย ช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้
ใช่ มันน่ากลัว เพราะใคร ๆ ก็อยาก 'เออร์ลี รีไทร์' พร้อมเงินเต็มกระเป๋า
น่าแปลกที่ใคร ๆ มักบอกว่าจะ 'ใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ'
แปลกตรงที่เลือกทำสิ่งที่อยากทำในช่วงท้ายของชีวิต หลังจากทำงานหาเงินมาทั้งชีวิต
หากมีฝัน ทำไมต้องรอ?
เราทุกคนมีความฝัน ใหญ่บ้างเล็กบ้าง หลายคนมีความฝันสวยงาม แต่ไม่ลงแรง หลายคนท้อเพียงเมื่อสะดุดล้มก้าวแรก เมื่อได้ยินคำว่า "ฝันไปหรือเปล่า?" ก็ใจฝ่อ เก็บฝันนั้นไว้ในลิ้นชัก บางคนล็อคกุญแจไว้อย่างดี ซ้ำร้ายบางคนยังทำกุญแจนั้นหายไปอีก
ความล้มเหลวส่วนใหญ่เกิดจากการที่เราเป็นคนเก็บฝันในลิ้นชักนั้นเอง
ทุกครั้งที่เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ หลายคนเอ่ยประโยคยอดฮิต "นั่นเป็นสิ่งที่ฉันเคยคิดจะทำนี่นา..."
เส้นแบ่งระหว่างความสำเร็จกับความล้มเหลวเป็นเส้นบางนิดเดียว โลกนี้ไม่มีฝันโง่ ๆ มีแต่ฝันที่ทำหรือไม่ทำ
ตั้งแต่นาทีแรกที่เราออกจากท้องแม่ เราพานพบอุปสรรคนานาประการ หากเป็นความฝันก็สมควรลองดูสักตั้ง อย่างมากก็แค่ล้ม ไปไม่ถึงฝันยังดีกว่าไม่ได้ลองทำตามฝันแต่ล้มเหลว
หยิบฝันออกมาใหม่ ปัดฝุ่น เข้าเกียร์เดินหน้า เดินหน้าและกัดไม่ปล่อย
……………….
จากหนังสือ ความฝันโง่ๆ
วินทร์ เลียววาริณ
https://www.facebook.com/winlyovarin/
วันก่อนไปเที่ยวเชียงใหม่ แล้วเห็นลุงคนนึงนั่งกองอยู่กับพื้น เลยไปถามป้าคนหนึ่งว่าลุงแกเป็นอะไรคะ
ป้าแกตอบมาว่า "ลุงล้มเจ้า"
เรานี่โมโหมากๆเลยค่ะ
#ล้มล้างระบอบทักษิณค่ะ
Scenario ต่อไป การเมืองไทย ที่พวกตลกทั้งหลายอยากให้เป็น
- ชวนเป็นประธานสภา ประยุทธ์เป็นนายกปริ่มๆ ป้อมป็อกรีเทิร์น แต่รมต.เสดกิจเปลี่ยนหน้าไปให้ภจท.กับ ปชป.บ้าง
- ธนาธรโดนตัดสิทธิ์ ส.ส. พร้อมตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี+ คำระงับสมาชิกภาพ ส.ส. ชั่วคราวแค่แก้เก้อ เพราะเจ้าสำนักข่าวเก๊ชงหลักฐานสำนวนให้ศรีส่งกกต.ไป ศาลก็คงจะเชื่อทุกคำกล่าวหาตามสเต็ป สิบห้าวันยื่นเรื่องให้การเสร็จก็ตัดสินเลยไม่เกินเดือนเอ้า
- อนาคตใหม่เตรียมโดนยุบพรรค ไม่ว่าข้อหาไรก็หาได้อ่ะ ท่าทางจะเรื่องกู้เงินเป็นรายได้แบบตีความกฎหมายวิษณุไม่ใช่ทางบัญชี ไม่น่าจะเกิน 3 เดือนหรอก
- ส.ส. อนาคตใหม่กระเซ็นกระสาย ใครแข็งนักเดี๋ยวมีคดีตามมาเอง โดยเฉพาะอ.ปิยบุตร
- เพื่อไทยซึมๆ ไป เป็นฝ่ายค้านแบบสมัยเปรม แม้วเซ็งวางมือ หอบลูกหลานทรัพย์สินออกนอกประเทศหมด ช่างแม่งละ จะยึดที่เหลือก็ยึดไป ไปหาเอานอกประเทศรวยกว่า พรรคเพื่อไทยใครอยู่ก็อยู่ ใครย้ายก็ย้าย
- ถ้ามีม็อบมาอีกก็ใช้กฎหมายกดหัวไล่จับแกนนำรายตัว ถ้าม็อบเยอะไม่พอก็ไล่ยิงอีก
- รัฐบาลต่อไปจะกินกันสะบั้นหั่นแหลกยิ่งกว่าปัจจุบัน แบ่งเค้กกันสนุกสนาน แล้วจะเกิดสถานการณ์ปั่นสร้างให้นักการเมืองเป็นฝ่ายผิด คนโกงคือนักการเมืองที่เข้ามาดูด ถึงพวกเพื่อไทยอนาคตใหม่(ที่แตกไปอยู่กับเสรีบ้าง เพื่อไทยบ้าง) จะเป็นฝ่ายค้านก็จะทำให้ดูแย่ โหมให้ระบบรัฐสภา เลือกตั้ง เป็นสิ่งไม่ดี (แบบที่ทำๆ กันอยู่นี่แหละ)
- มีการส่งซิกให้ก่อม็อบประปราย สื่อประโคมข่าวเหมือนยุคชาติชาย
- และก็จะรัฐประหารอีก เย้ รัฐประหารรอบหน้ารีเทิร์นไปไกลกว่า 2475 แน่นอน แต่เป็นรัฐประหารกระชับอำนาจที่ คสช.ชุดปัจจุบันลอยตัวไปนอนแก่สบายๆ กินบำเหน็จบำนาญอยู่ในค่ายทหาร
กระบวนการทั้งหมดไม่น่าเกิน 3 ปี สั้นสุดคือ 6 เดือน
และเวลคัมทูนิวฟิลิปปินส์ อนาเธอร์เกาหลีเหนือได้เลย
...ทั้งนี้ เป็น scenario ที่ไม่มีปัจจัยภายนอกประเทศมาก่อกวน ถ้าเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหรือวิกฤตการเมืองโลกเข้ามาแทรกล่ะก็... ไอ้ระบอบที่คิดๆ กันไว้น่ะเอาไม่อยู่หรอกนะ
และเป็น scenario ที่จะเกิดถ้าคนไทยยังทนท้นทน แถมยังเกลียดนักการเมืองมากกว่าทหารและสานโกงๆ ทำลายความยุติธรรมกันต่อไป ซึ่งโอกาสก็ 50:50 ได้มั้ง
ตามนั้นแหล่ะ ถ้าจะโทษใครก็โทษพวกขั้วการเมืองเถอะที่ขยันถล่มเครดิตตัวเองในช่วงสิบปีที่ผ่านมาจนภาพติดลบกันทั้งก๊วน มัวแต่กัดกันเอง
ทำให้คนคิดว่าสายเขียวดีกว่าตัวเองได้นี่มึงไม่เหี้ยจริงมึงทำไม่ได้นะ คราวนี้คือบทเรียนราคาแพงสำหรับพวกแม่มเลย
ปากก็บอกอยากให้ทุกคนอยู่ใต้กฎหมาย
แต่พอธนาธรโดนคดีกลับบอกโดนแกล้ง
คดีที่คนอื่นก็โดนและยอมรับคำตัดสินแล้ว
อยากโปร่งใสแต่ไม่ยอมให้ตรวจสอบ งง
ศาลตัดสินเป็นคุณบอกศาลยุติธรรมมาก
ศาลตัดสินเป็นโทษบอกตุลาการภิวัฒน์
ประเทศไม่อยู่ด้วยกฎหมายจะให้อยู่ด้วยอะไร
เดินเข้าคูหาเดียวกันถ้ากาพรรคอื่นแกคือเผด็จการ
ผูกมัดจำกัดลิขสิทธิ์ประชาธิปไตยให้ตัวเองคนเดียว
ไม่ยอมพูดเลยว่ารัฐธรรมนูญผ่านประชามติมาแล้ว
ประเด็นให้ส.ว.ร่วมโหวตนายกก็ประชามติมาแล้ว
เสียงในโลกออนไลน์ไม่ใช่เสียงของคนโหวตจริงๆ
พอเห็นคนเห็นต่างก็ชี้หน้าด่าเค้าโง่เง่าเต่าล้านปี
นี่ตั้งแต่บอกว่าเราเลือกพลังประชารัฐนี่โดนด่ามาก
แกเง่าโง่ตุ่นเต่าโดนเค้าหลอกควรไปตายนั่นนี่ ฯลฯ
แต่นี่เฉย ๆ ไม่ได้สนใจ ใครพูดอะไรก็ได้อย่างนั้น
เรียกร้องให้ยอมรับส.ส.เพศทางเลือกต่าง ๆ
แต่ด่าส.ส.แก่ ด่าส.ส.นั่งรถเข็น ด่าส.ส.อ้วน
เวลาชอบมิ่งขวัญก็เรียกเค้าลุง เกลียดเรียกเจ๊
ไม่ต้องไปยุ่งทรงผมหมอพรทิพย์เค้าหรอกมั้ง
เค้าเข้าเฝ้าบ่อยกว่าคุณ เค้ารู้ดีอันไหนคือผ่าน
ถึงยังไงชุดที่ส.ส.เพศทางเลือกใส่ไปรายงานตัว
ที่รัฐสภาในวันนั้นก็ดูไม่เหมาะแก่กาลเทศะอยู่ดี
อยากให้บ้านเมืองสงบแต่ก็ปลุกระดมมวลชน
กาก็กาให้ ยังต้องให้มาช่วยเซฟธนาธรไม่พอ
ยังให้ใช้หนี้ให้พรรคเอาไปจ่ายดอกธนาธรอีกที
ยังจะให้ประชาชนออกมาเดินถนนเพื่อตัวเองอีก
สรุปที่บอกอยากทำการเมืองใหม่แท้จริงคืออะไร
คดีรมต.ดอนมีความแตกต่างใช้กฎหมายคนละตัว
ก็เอามาโยงแล้วบอว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม
เอาคดีถือหุ้นสื่อกับอีกคดีมาเหมารวมกันมั่วไปหมด
บอกอนุกรรมการยังสืบสวนไม่เสร็จนั่นมันคนละคดีพ่อ
แล้วสร้างภาพว่ากกต.กลั่นแกล้งทั้งที่มันเป็นไปตามกม.
อินเตอร์เน็ตมีความรู้มาก แต่คนไม่ชอบอ่าน แปลกดี
อ่านแต่ทวิตเตอร์ที่มีแต่ข่าวลวงแบบพ่อจอห์นชอบแชร์
ส่วนตัวเห็นด้วยกับนโยบายอนาคตใหม่หลายข้อ
โดยเฉพาะเรื่องความเท่าเทียมและความหลากหลาย
แต่เรื่องเศรษฐกิจกฎหมายอย่างอื่นนี่ไม่เห็นด้วยเลย
แล้วถ้าพรรคต้องการเป็นสถาบันการเมืองเพื่อคนรุ่นใหม่
พรรคควรเอาตัวเองออกจากภาพความเป็นธนาธรได้แล้ว
ไม่อย่างนั้นอนาคตใหม่ก็จะไม่ต่างอะไรจากไทยรักไทย
ขี้หมูขี้หมาประวิตรก็เข้ากระบวนการสอบสวนตามปกติ
ไม่เห็นเคยออกมาโจมตีคนอื่นโจมตีกระบวนการศาล
พูดกี่ครั้งก็ตรงกันทุกครั้ง ขณะที่นักการเมืองบางคน
หรือหลายคนจากพรรคเดียวกัน พูดไม่ตรงกันสักครั้ง
จริงๆ อยากให้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่นะ
ปิดสวิทช์ส.ว.งดออกเสียงให้หมดมีนายกไม่ได้ไป
แล้วค่อยเลือกตั้งใหม่ปลายปีแล้วได้รัฐบาลใหม่ปีหน้า
คาดว่าประชาธิปัตย์จะสูญพันธุ์มากกว่าเดิมไปอีกด้วย
ระหว่างนี้ลุงก็เป็นรัฐบาลมีอำนาจเต็มต่อไปเรื่อย ๆ :)
หากกำลังพลน้อยก็แบ่งแผ่นดินออกเป็นสาม : กลยุทธขงมาร์ค-เล่าชวน
ประชาธิปัตย์อาจจะไม่เก่งเท่าไหร่ในเกมเลือกตั้ง แต่เกมการเมืองสภานั้นยังคงเป็น Master
ในสภาพที่การเมืองแบ่งเป็นสองขั้ว ขัดแย้งกันระหว่าง ฝ่าย เพื่อไทย+อนาคตใหม่ Vs พปชร. และคะแนนของทั้งสองฝ่ายไม่ได้ข้อยุติ
ในสภาวะที่การเมืองแบ่งออกเป็นสองขั้ว แบบปริ่มน้ำ การจะทำอะไรต้องใช้เสียงครึ่งหนึ่ง ผู้ตัดสินชนะที่แท้จริงคือฝ่ายที่สาม ที่จะเลือกยกมือให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ที่จริงอภิสิทธิ์พยายามพูดถึงเรื่อง “ฝ่ายที่สาม” นี้ตั้งแต่แรก ซึ่งหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์เองก็ ทำเป็นไม่เข้าใจเรื่องนี้ (นอกจากไอติมที่พยายามพูด แต่คนก็ทำเป็นไม่เข้าใจ)
หลายคนเองก็มองเห็นถึงความเป็นไปได้ และพลังของฝ่ายกลาง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เข้าใจเพราะประวัติศาสตร์การเมืองไทยก่อนรัฐธรรมนูญ 40 แสดงให้เห็นพลังของขั้วที่สามมาแล้ว
แต่คนที่มาบอกว่า “เป็นไปไม่ได้” หรือ พยายามไม่อธิบายให้คนเข้าใจ เพราะไม่อยากให้ฝ่ายที่สามเกิด เนื่องจากถ้าฝ่ายที่สามเกิด ทั้งขั้ว พปชร. และ ขั้ว เพื่อไทย+อนาคตใหม่ ลำบาก จะไม่มีใครตั้งรัฐบาลที่เข้มแข็งได้อีกต่อไป
เพราะอะไร?
สมมุติว่าต่างฝ่ายต่างมี 200 - 200 และฝ่ายที่สามมี 100 / ในเกมส์ที่จะออกกฎหมายใดใดต้องมี 250 คิดแบบนี้น่าจะเห็นแล้วว่า 100 ชนะอย่างไร
สมมุติว่าคิดแบบผลประโยชน์ คิดถึงกำไร ไม่คิดถึงอุดมการณ์อะไรทั้งนั้น
จากนี้กลุ่ม 100 นี้จะเป็นผู้ถือกุญแจของการออกกฎหมายทุกอย่างที่แท้จริง
ไม่ว่าจะออกกฎหมายใดใดก็ตาม จะต้องให้ผลประโยชน์บางอย่างที่ 100 นี้ยอมรับได้ เอางบมา เอากฎหมายที่อยากได้มา เอาตำแหน่งที่อยากได้มา
คิดแบบเลวๆสมมุติว่าไม่มีอุดมการณ์อะไรทั้งนั้นคือ จะเรียกเก็บค่ายกมือผ่านกฎหมายได้ทุกฉบับ กฎหมายไหนที่ไม่พอใจ ก็ไม่ผ่านให้เลยก็ยังได้ ถ้าเอาหนักๆจะเก็บค่าคุ้มครองบอกว่า “ถ้าไม่จ่าย พวกเราเข้ากับฝ่ายค้านเปิด อภิปรายไม่ไว้วางใจ” เลยก็ได้
นี่คือสถานการณ์ ซึ่งฝ่ายที่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นรัฐบาลไม่อยากให้เกิดที่สุด
ถ้าคำนวนคิดกันแต่ตัวเลขผลประโยชน์ มูฟที่ ปชป. กำไรที่สุดคือ แตกพรรคเป็นสองฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งเข้าไปเอาตำแหน่งจากรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งเข้ากับฝ่ายค้าน เพื่อทำให้เสียงของรัฐบาลน้อยปริ่มน้ำที่สุด และทำให้ตัวเองมีข้ออ้างไปบอกประชาชนเวลาดีลไม่ลงตัวและจะแทงข้างหลังรัฐบาลมากที่สุด เพื่อให้ตัวเองมีอำนาจต่อรองมากที่สุด และเป็นผู้คุมทั้งสภา และคุมรัฐบาลที่แท้จริง
หากมองการเมืองเป็นกระดานหมากรุก และนับแต้มกันที่ผลประโยชน์ที่ได้อย่างเดียว ขงมาร์ค+เล่าชวน เป็นผู้ชนะทีแท้จริงของเกมนี้ ขอแค่พันธมิตร ปชป.+ภจท ไม่แตกกัน ก็ขี่รัฐบาล ขี่สภา กดดันเอาผลประโยชน์ไปได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่รัฐธรรมนูญยังเป็นเช่นนี้
ในเกมที่กฏิกาเหมือนตั้งมาให้ฝ่าย พปชร. ได้เปรียบ ยังคิดแผนแบบนี้ออกมาได้ อย่างน้อยก็ขอคารวะในแง่ว่า ปชป. นี่มันไม่เสียชื่อ ปชป. จริงๆ สมฉายาแมลงอึดทนฆ่าไม่ตายมากๆ
ปัญหามันอยู่ที่ คนของ ปชป. เอง พวกที่จงใจไม่เข้าใจเรื่องนี้ เพราะตัวเป็น ปชป. แต่ใจเป็นพรรคอื่นไปเสียแล้ว จะจัดสรรคกับพวกนี้ได้มั้ย พวกนี้จะมีพลังมาทำให้ฝ่ายที่สามล่มหรือเปล่า?
เคยพารุ่นน้องไปหาผู้มีอำนาจในสังคม แม้ผู้นั้นอายุจะไล่เลี่ยกันแต่รุ่นน้องเราดูเกร็งๆ จึงบอกรุ่นน้องไปว่าแม้เขาจะมีตำแหน่งแห่งหนสูงกว่าเราแต่ก็เป็นคนเหมือนกันกับเรา อย่าไปเกร็ง
แต่จงนอบน้อมสุภาพและให้เกียรติท่านเป็นพิเศษ เพราะแม้จะเป็นคนเหมือนกัน อายุไล่เลี่ยกัน แต่ท่านผู้นั้นก็มีอำนาจวาสนาที่จะให้คุณให้โทษเราได้
... เท่านี้แหล่ะครับรุ่นน้องหายเกร็งเลย แล้วหันมาสอพลอท่านผู้นั้นแข่งเราทันทีอ่ะครับ
#กระธัมป์ความอู๋ม๋งต๊ะอย่างแท้จริม
>>713 ใครตัวเริ่มกัดล่ะ สมัยก่อนไอ้แม้วมันเคยพูดไว้แล้ว "มัวแต่เล่นการเมืองเกินไประวังนักการเมืองไม่มีเวทีจะเล่น" มีไอ้เหี้ยตัวหนึ่งสวนไปว่าไม่มีเวทีเล่นไม่เป็นไรแต่มึงระวังไม่มีแผ่นดินอยู่ และแล้วตอนนี้เหี้ยตัวนั้นก็มาเป็นประธานสภาทั้งๆที่แพ้เลือกตั้งย่อยยับ
ไอ้พวกกระจอกส้มเน่า ควาย แดง
พ่อมึงโดนไล่ออกจากสภา แม่มึงก็ไม่ได้เป็น สส
ลุงตู่ของกูชนะแล้ว ไอ้พวกขี้ข้า ขยะสังคม
ลุงตู่ทรง่พระเจริญๆๆๆๆๆ ขอเป็นฝุ่นใต้ตีนลุงตู่ทุกชาติไป
เพื่อนๆเคยเจอแบบนี้บ่อยไหมฮะ คือ เวลาขอให้ใครช่วยถ่ายรูปเราให้ โดยใช้มือถือของเรา ปรากฏว่า อีกฝ่ายขอใช้มือถือหรือกล้องของตัวเองถ่าย ไม่ยอมใช้มือถือเรา งอแงๆจะใช้ของมันให้ได้? แม้เราจะบอกว่า เราต้องการรูปมาโพสต์ทันที ในวินาทีที่ถ่ายเสร็จ หรือโพสต์ภายในวันนั้น ไม่อยากรอให้ส่งรูปมาให้
พอยอมให้มันถ่ายด้วยมือถือหรือกล้องมัน มันก็ไม่ยอมส่งรูปมาให้เราสักที ทั้งๆที่จนผ่านมาหนึ่งวัน สองวัน สามวัน แม่งก็ไม่ยอมส่งรูปมา อ้างไม่ว่าง บางรายหงุดหงิดที่เราทวงรูปด้วยนะ
ทั้งๆมึงใช้มือถือของกูถ่ายแต่แรกก็จบแล้ว อีช้างเย็ด อีลูกกะหรี!
บอกเลยนะ ถ้ากูยื่นมือถือให้ใครถ่ายรูปกู นั่นแปลว่า มึงต้องใช้มือถือกู ต่อให้กล้องมึงเทพสุดๆ ราคาเป็นแสน เทคโนโลยีล้ำแค่ไหน มึงก็ต้องใช้มือถือกู ไม่งั้นกูจะแช่งแม่มึงทุกๆสิบนาที จนกว่ากูจะได้รูป
"เอาตรงๆผมไม่ค่อยอินเรื่องให้เกียรติคนตายนะ
...คุณให้เกียรติบินลาเดนป่ะ ให้เกียติซัดดัมป่ะ ให้เกียรติฮิตเลอป่ะ ถ้าเอาข่าวเร็วๆนี้ก็ให้เกียรติซีอุยป่ะ... ก็ไม่..
คนเราเขาถึงบอกว่าตายไปเอาเงินทองไปไม่ได้ เหลือแต่ดีเลวที่เคยทำไว้ให้คนจดจำ
ใครจะอโหสิกรรมหรือไม่มันก็สิทธิส่วนตัวของคนนั้น
ถ้าจะบอกว่าทุกคนควรอโหสิกรรมมันไม่ใช่อ่ะ
คนเราไม่มีทางทำดีกับทุกคนหรือเลวกับทุกคน
มีคนรักมีคนเกลียดมันก็ปกติ"
"จะมีมั้ยน้า คนที่ดีใจตอนที่บินลาเดนตายวันนั้น แล้วมากระแดะวันนี้
หรือหนักกว่านั้น คนที่ดีใจมือปืนป็อปคอร์นวันนั้น แล้วมากระแดะวันนี้..."
"ป๋าเห็นดาวเลยลูก"
“วันนี้รถติดมากแถวแจ้งวัฒนะ อยู่ๆก็มีตำรวจเดินมาเคาะกระจก
ผม: มีอะไรหรือครับคุณตำรวจ ทำไมรถติดอย่างนี้
ตำรวจ: ผู้ก่อการร้ายครับ ข้างหน้าโน้น มันจับคุณมงคลกิตติ์แล้วขอค่าไถ่ 6 ล้าน ถ้ามันไม่ได้ค่าไถ่ มันจะเอาน้ำมันราดคุณมงคลกิตติ์แล้วเผาทั้งเป็น ผมเดินไล่มาทีละคันถามว่าคุณจะช่วยบริจาคได้เท่าไหร่
ผม: แล้วคนอื่นๆเขาบริจาคกันคนละเท่าไหร่
ตำรวจ: โดยเฉลี่ยเขาให้กันคนละลิตรครับ”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
$ unzip; strip; touch; finger; grep; mount; fsck; more; yes; fsck; fsck; fsck; umount; sleep
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ลุงตู่กล่าวตอนหาเสียงไว้ว่า " ยอมตายเพื่อประเทศ มีใครพร้อมไปกับผมมั้ย "
นี่ไงมีคนไปกับลุงแล้วหนึ่ง
#มิตร
มีเรื่องดราม่าเรื่อง #พลเอกเปรม เสียเหรอครับ? เอาตรง ๆ ผมเพิ่งรู้
จะบอกว่าเด็กพวกนี้ไม่รู้จักหาข้อมูล ไม่รู้จักศึกษาว่าพลเอกเปรมเคยทำอะไรให้ประเทศไทยบ้างมันก็ใช่ แต่ก็เหมือนกรณี BNK กับเสื้อนาซีนี่แหละ ผมโทษเด็กสมัยนี้แค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งคือพวกคุณที่อายุมากกว่า
บทเรียนไทยแทบไม่มีการสอน ประวัติศาสตร์สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี ต้นรัตนโกสินทร์มีเป็นเล่ม ๆ แต่ประวัติศาสตร์ร่วมสมัยมีแต่หน่อยเดียว หน่อยเดียวจริง ๆ เพราะผมก็ผ่านมาเหมือนกัน
แล้วคุณจะคาดหวังเชิงดูถูกให้เด็กพวกนี้รู้ได้อย่างไรว่าพลเอกเปรมเคยทำอะไรมา? เพราะเด็กยังแทบไม่รู้เลยว่าลัทธิมาร์กกับการตีความของโซเวียตและจีนต่างกันยังไง Ping Pong Diplomacy คืออะไร สงครามสั่งสอนคืออะไร เขมรสามฝ่าย สี่ฝ่ายคืออะไร พรรคคอมมิวนิสต์คืออะไร แล้วคุณจะคาดหวังว่าให้เด็กเข้าใจที่มาที่ไปหรือความสำคัญของคำสั่ง 66/2523 ได้ยังไง
อย่าบอกว่าแค่ไม่กี่หน้าก็เยอะแล้ว ไม่เยอะครับ ผมยืนยันว่าไม่เยอะ ถ้าคิดว่าเยอะ Covalent electrons ของโบรอนมีกี่เม็ด? พิสูจน์ทฤษฏีบทพีกาทอรัสแบบเบื้องต้นให้หน่อย? ผันวรรณยุคสามแบบของภาษาไทยให้ฟังหน่อย? ลูกเสื้อ เนตรนารี กำเนิดขึ้นมาได้ยังไง? เพราะบทเรียนพวกนี้มันยาวพอ ๆ กัน
ถ้าทั้งหมดนี้คุณตอบไม่ได้โดยไม่ต้องไม่ไปเปิดหนังสือ ก็นั่นแหละ ฉันใดฉันนั้น เด็กที่ไหนมันจะไปจำหรือรู้ได้ละเอียดว่า 66/23 คืออะไร?
ยิ่งคุณไม่สอนประวัติศาสตร์ร่วมสมัยเพราะกลัวกระทบคนโน้นคนนี้บ้าง เพราะกลัวคนไม่ชอบคนโน้นคนนี้บ้าง เพราะกลัวเด็กไม่เชื่อฟังบ้าง ก็ไม่แปลกหรอกครับที่เด็กสมัยนี้จะไม่รู้เรื่องพลเอกเปรม เพราะสิ่งที่เขารู้สึกต่อพลเอกเปรมทุกวันนี้ คือข้อมูลจำนวนมากของบทบาททางการเมืองของพลเอกเปรมในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา (ที่ผมพูดได้ว่าถ้าเอาแค่เรื่องนี้ไม่ดูเรื่องอื่น ผมก็ไม่ชอบพลเอกเปรม)
ก็เพราะเขาผ่านมันมาด้วยตัวเอง และให้ผมรับรู้แต่เรื่องแบบนี้ทั้งวันมาสิบกว่าปี จะให้ผมมาซาบซึ้งหรือเข้าใจกับเรื่องแค่ไม่กี่หน้าที่เรียนตอนม.ต้นได้ยังไง
โทษเด็กแล้วอย่าลืมโทษตัวเองด้วยครับ คุณก็ผิดพอกัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ส.ส.เพื่อไทย : อย่าให้เกิดเหตุการณ์ลากเก้าอี้ประธาน เขวี้ยงปาแฟ้มกันอีกเลยครับ เราต้องปฏิรูปโครงสร้างสภา
ส.ส.ประชาธิปัตย์ : ท่านประธานคะ เขาพาดพิงดิฉันเรื่องลากเก้าอี้ค่ะ
ประธาน : เขาไม่ได้พูดชื่อนี่
ส.ส.ประชาธิปัตย์ : ก็วันนั้นมีดิฉันคนเดียวที่ลากเก้าอี้ !
ส.ส.เพื่อไทย : ผมก็เพึ่งรู้ว่าคุณรังสิมาเป็นคนลากเก้าอี้ก็วันนี้แหละครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“ความเป็นมนุษย์ในบรรดาลูกเพจอีจ่านี่ช่างน่าฉงน ตอนเช้าข่าวเปรมตายบอกให้ทุกคนมีกาละเทศะเคารพผู้ตาย ตอนบ่ายมีข่าวคนงานไทยผิดกฏหมายในเกาหลีป่วยจนเป็นเจ้าหญิงนิทราคนพวกนั้นสมน้ำหน้ากันรัวๆ ใจสูงหรือใจต่ำก็ลองพิจารณากันดู”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"พ.ร.บ. ไซเบอร์ประกาศใช้เมื่อวาน วันนี้เช้าทหาร+หน่วยความมั่นคงมาเยี่ยมถึงที่หอเลย เตรียมเป็นอาทิตย์เพื่อรอวันนี้สินะ ยอมใจมาก 555
(ช่วงนี้ขอยังไม่พูดถึงรายละเอียดนะครับ)
ไม่อยากให้โครโดนอะไรแบบนี้ อยากให้เคสเราเป็นเคสสุดท้าย ข้อมูลส่วนตัว privacy เราอยู่กับทหาร หลังจากนี้คงต้องระวังตัวเยอะขึ้น joyjoyjoy" มิตรสหายท่านนึงในเฟส
ลำดับ 1-4 และ 7 ส่วนใหญ่ของคนไทยและรัฐบาลไทย
กระทรวงการคลัง ธนาคารออมสิน กรุงไทย กระทรวงการคลังถือโดยอ้อมอีกทีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกันสังคม รัฐบาลไทยมีอำนาจบริหารหลักอยู่แล้ว
สรุปคือ ปตท.คือของคนไทยทุกคน
ใครอยากจะทวงคืน มีตังก็ไปช่วยซื้อคืนได้ครับหุ้นละ 40-50บาท ตลาดหุ้นเปิดทุกวัน ปกติ
หรือไม่มีตังอยากให้น้ำมันถูกก็ไปบอกรัฐบาลให้ลดกำไรลงหน่อย เพราะ ปีๆนึงได้ประมาณแสนล้าน
IPO หุ้นดังๆหลายๆตัว วันแรก หมดไวอยู่แล้ว ส่วน ปตท. ไม่กี่วันต่อมา ราคาร่วง คนรักชาติไปไหนหมด ทำไมถึงไม่ซื้อ
ปี60
มูลค่าปตท. =1256771.84ล้านบาท
ถือโดย คลัง=688937.19 ล้านบาท
จำนวนประชากรไทย=66188503คน
คนไทย 1 คน=10408.71บาท
เทียบเท่ากับคนไทย 1 คน ได้ส่วนแบ่งจาก ปตท.ปีละ 1105.61 บาท
ส่วนที่แปรรูปนั้น ต้นเหตุมาจาก รัฐบาลชวน เปิดเสรีการเงินจนเกิดวิกฤตแต่ก็ไม่ได้บังคับใครกู้ทำให้ประเทศต้องกู้เงินจาก IMF (ในแง่ดีคือผู้มีพระคุณ แง่ร้ายคือหาผลประโยชน์) เหมือนเราไปกู้ทำธุรกิจ ต้องมีแผนไปขอกู้ การดำเนินแปรรูปก็คือแผนส่วนหนึ่ง ดำเนินมาตั้งแต่รัฐบาลชวน ปี40-44 มาสำเร็จยุคทักษิณ ปี 44 ข้อดีของการแปรรูปตอนนั้นคือ ลดภาระการคลังของรัฐบาล ถ้ารัฐวิสาหกิจพวกนี้ขาดทุน เช่นการบินไทยตอนนี้
สติครับ สติ อย่าให้คนอื่นจูงจมูก
หาข้อมูลหลักฐานด้วยครับ เวลาเห็นใครใส่ร้ายใคร จะได้ไม่โง่ตกเป็นเหยื่อ ทำประเทศชาติล้าหลังถึงทุกวันนี้
คนเท่ากันคือการเมืองแบบใหม่อย่างที่พ่ออีฟ้าต้องการ พูดตลอดพูดจนปากแฉะ
แต่ที่อีฟ้าทำคือ ท่านพ่อธนาธร เราก็รู้พ่อต้องเหนื่อยขนาดไหนต้องลำบากกายใจไม่เคยสิ้น 🤦🏻♀️
พรรคที่โปรคนเท่ากันมันไม่ควรออกมาในลักษณะนี้ป่ะวะ
#มิตร
"คิดนานอยู่เหมือนกันว่าจะเขียนโพสต์นี้ดีไหม บวกกับมีหลายท่านสงสัยและถามเข้ามามาก จึงมาเขียนโพสต์นี้เพื่ออธิบายรายละเอียดและเก็บไว้เตือนความจำตัวเองในอนาคต
ผมถูกทางการเรียกคุยถึงหอเพื่อตักเตือนในเรื่องของการที่ผมโพสต์ข่าวๆนึงที่ผมแชร์มา และเรื่องที่ผมแก้ไขบทความ “เขาคนนั้น” ลงในวิกิพีเดีย ก่อนอื่นผมขออธิบายหลักของวิกิพีเดียก่อนนะครับ ทุกท่านน่าจะทราบดีว่าวิกิพีเดียนั้นใครๆก็แก้ไขได้ แต่ทุกการแก้ไขนั้นจะมีการเก็บ Log ไว้ ไม่ว่าใครที่แก้ไขหรือเขียนอะไรต่างๆในบทความของวิกิพีเดียจะมีบันทึกประวัติไว้ตั้งแต่เริ่มสร้างบทความเลย และสามารถย้อนการแก้ไขเดิมให้มาเป็นปัจจุบันได้ จุดที่เป็นปัญหาเลยคือในบทความนั้นมี Section ที่มีเนื้อหาเสี่ยงต่อความมั่นคงอยู่ ซึ่งส่วนนั้นมีในบทความได้สักพักแล้ว ในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมามีการลบส่วนนั้นออก และเพิ่มกลับเข้าไปใหม่หลายครั้งจากผู้ใช้งานคนอื่นหลายคน ซึ่งผมก็คือหนึ่งในนั้น ความโชคร้ายเกิดขึ้นที่ว่า ผมดันเป็นคนสุดท้ายที่แก้ไขบทความดังกล่าว ก่อนที่ผู้ดูแลระบบจะล็อกบทความนั้น ไม่ให้แก้ไขได้ วันต่อมามีอีเมลจากวิกิพีเดียส่งมาเนื่องจาก concern ว่าช่วงนี้ทางการไทยจับตาดูบทความเป็นพิเศษ จึงขอลบส่วนนั้นออกไปก่อน และค่อยมาว่ากันใหม่อีกที และจะลบประวัติการพูดคุยทั้งหมด หลังจากนั้นผมก็ไม่มีอะไร ก็แก้ไขบทความอื่นๆในวิกิตามปกติ จนกระทั่งเริ่มมี Scenario ประหลาดเกิดขึ้น คือมีเฟสอวตาร และเฟสทหารแอดเฟรนด์มาเกือบทุกวัน แต่ใครจะไปคาดคิดว่าต่อมา End game มันกำลังจะเกิดขึ้นกะผม
เมื่อวันที่ 28 พฤษภา ตอนเวลาประมาณ 7 โมงเช้า ขณะที่ผมนอนอยู่ มีแม่บ้านคนนึงเคาะประตูเรียกผมหลายรอบ เมื่อผมเปิดประตูออกไป แม่บ้านบอกว่า “มีเพื่อนมาหา” ผมก็งง ว่าเพื่อนคนไหนมาหา มาหาทำไมเวลานี้ จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและลงไปด้านล่างด้วยความสงสัยว่าใครมาหาวะ เมื่อลงไปปุ๊ปและเปิดประตูออกไป ภาพแรกที่เห็นเลยคือกลุ่มคนจำนวนนึงมายืนรอด้านนอก และเข้ามาแสดงตัวว่าเป็นผู้ที่กำลังตามหาผมอยู่ ผมถูกเรียกไปสอบสวนในห้องของส่วนกลาง ซึ่งมีคนล้อมไว้ไม่ให้ใครเห็น ในห้องมีเจ้าหน้าที่ประมาณ 4-5 คน นักจิตวิทยา 1 จิตแพทย์ 1 โดยมีเจ้าของหอ และคนดูแลหอบางคนเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ผมถูกถามด้วยเรื่องของโพสต์บนเฟสและบทความในวิกิ ว่าทำไมถึงทำ เริ่มทำตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นแอดมินเพจรึป่าว จากนั้นก็ถูกซักประวัติข้อมูลส่วนตัวจนหมดเปลือก และมีให้เปิดเผยข้อมูล Facebook และ Line (ทีแรกจนท.ขอดูโทรศัพท์ แต่ผมไม่ยอม จึงจบลงที่ผมเป็นคนเปิดให้ดูเอง โดยห้ามจนทแตะต้องโทรศัพท์ผม) บอกตรงๆเลยว่าแต่ละคำถามที่ถามมา เป็นคนคำถามที่ถามซ้ำและวนไปวนมามาก แทบจะสติแตกคาห้องได้เลย พอเขาได้ข้อมูลที่พอใจแล้ว จึงให้ผมลงนามข้อตกลงไว้ว่าจะไม่ทำอีก ซึ่งผมก็เซ็นแต่โดยดี และจบลงที่ตรงนั้นโดยไม่มีการดำเนินคดีใดๆเกิดขึ้น และผมคงจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว
สิ่งที่ผมกลัวที่สุดในตอนนี้เลยคือ จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ในอนาคต เพราะข้อมูล Privacy ต่างๆ ทั้งของผม ของครอบครัวอยู่กับทางการหมดแล้ว ผมกลัวว่าเรื่องพวกนี้จะกระทบกับครอบครัวผม กระทบกับเพื่อนรอบข้าง และการใช้ชีวิตของผมในอนาคต เป็นเรื่องที่ต้องระวังมากๆ เพราะเขาเอาจริงแล้ว อยากให้เคสนี้เป็นเคสสุดท้าย ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับใครเลยจริงๆ
ขออนุญาตไม่เปิดเป็น Public เนื่องด้วยเหตุผลบางประการ และถ้าจะแคปแล้วแชร์รบกวนเซ็นเซอร์ผมชื่อด้วยนะครับ"
ผมเหนื่อยเกินกว่าจะเขียนอะไรยาวๆ ผมจะเขียนรวดเดียว เขียนจบแล้วจะไปนอน ไม่รู้ว่าจะออกมายังไง
ในความเหนื่อยนี้ ผมคิดถึงเอลียาห์
ผมเคยเล่าถึง ผู้เผยวัจนะเอลียาห์ ไปบ้างแล้ว
เมื่อเราอ่านพระคำภีร์ทั้งเล่ม เราจะพบเรื่องมหัศจรรย์อย่างหนึ่งคือเรื่องราวในพระคำภีร์ถูกร้อยเรียงไว้เป็นลักษะแบบบันไดวน
เมื่อเราอ่านจะเหมือนเดินอยู่ในหอคอยอันมืดมิด ซึ่งมีเพียงแสงสว่างจากยอดบนสุด
เรื่องเล่าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ที่เหมือนกับบันไดวน เผชิญเรื่องเหมือนเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฉากของเอลียาห์ เกิดขึ้น 900 ปีก่อนคริสตกาล เอลียาห์เผชิญหน้ากับกษัตริย์ของอาณาจักรยูดา เพื่อประกาศว่าการปกครองของพระองค์นั้นเหลวแหลก พระองค์รับทำเนียมฆ่าเด็กบูชาบาอัล และประหารเหล่าผู้เผยวัจนะของพระเจ้าทั้งหมด
เอลียาห์ผู้เผยวัจนะคนสุดท้าย ท้าท้ายเหล่านักบวชของบาอัล และสำแดงปาฏิหาริย์เอาชนะได้
แต่กษัตริย์หาได้สนใจไม่ เพราะราชีนีของพระองค์เป็นหัวหน้านักบวชของบาอัล
เอลียาห์ได้แต่หลบหนีลี้ภัยหัวซุกหัวซุนในถิ่นกันดาร และร้องอ้อนวอนต่อพระเจ้าว่า ภารกิจนี้ช่างเหนือกำลังของเขา
เอลียาห์ตำหนิตัวเองที่ภารกิจของเขาล้มเหลว เขาอ้อนวอนต่อพระเจ้าว่าให้ทำลายชนชาติของเขาทิ้งเสียเถิด ช่วยให้เขาตายทีเถิด
แต่พระเจ้าไม่ได้อยู่ในลมพายุ ไม่ได้อยู่ในไฟ ไม่ได้อยู่ในแผ่นดินไหว แต่กลับกระซิบกับเอลิยาห์อย่างอ่อนโยน และบอกให้เอลิยาห์ แต่งตั้งเอลีชาต่อจากเขา
ภารกิจของเอลียาห์ สำเร็จในยุคของเอลีชา เอลียาห์ไม่ได้เห็นงานของตัวเองสำเร็จ
เช่นเดียวกับงานของโมเสทสำเร็จในสมัยของโยซูวา
และงานของยอห์นผู้ให้บัพติสมาสำเร็จในสมัยของพระเยซู
(เอลีชา = พระเจ้าทรงช่วย โยซูวา = เยซู = พระยาเวห์ทรงช่วย ชื่อของทั้งสามมีความหมายเดียวกัน)
เรื่องราวทั้งสามลูปเป็นโครงเรื่องเดียวกัน คือเป็นผู้เผยวัจนะคนสุดท้ายในยุคที่ไร้ผู้เผยวัจนะ เป็นผู้ยื่นต่อหน้าผู้ปกครองที่ชั่วร้าย เป็นผู้ที่ถูกเนรเทศยังถิ่นกันดาร เป็นผู้ที่ฟ้องผิดชนชาติของตน เป็นผู้เตรียมทางให้พระเจ้าทรงช่วย และไม่ได้อยู่เห็นภารกิจของตนสำเร็จ
(มีต่อ)
( ต่อจาก >>737 )
เมื่อมองจากพระคำภีร์ออกมายังประวัติศาสตร์ใกล้ๆ
ผมคิดถึงเรื่องของ จอห์น นิวตัน พ่อค้าทาสผู้กลับใจของอังกฤษในศตวรรษที่ 18
การเลิกทาสเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในสมัยนั้น พูดออกมาก็มีแต่คนด่าว่าบ้า
แต่จู่ๆคำเทศน์ของ จอห์น นิวตัน กลับไปจับใจ ส.ส. หนุ่มอย่าง วิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ส
วิลเบอร์ฟอร์ส เป็น ส.ส. ตั้งแต่อายุ 21 เพราะ วิลเลียม พิทเพื่อนซึ่งเป็นลูกอดีตนายกฯ พาไปดูเขาเถียงกันในสภา แล้วนึกคึกชวนไปสมัครเลือกตั้ง แล้วดันได้เป็น ส.ส.
(วิลเลียม พิท เพื่อนของวิลเบอร์ฟอร์ส ดันได้เป็นนายกฯในขณะอายุแค่ 24 ปี และพาประเทศผ่านยุคที่พึ่งแพ้สงครามประกาศเอกราชอเมริกา และเผชิญการปฏิวัติฝรั่งเศสมาได้ - ซักวันหนึ่งเราคงได้เล่าถึงเขา)
วิลเบอร์ฟอร์ส จริงจังมากกับการพยายามเลิกทาสโดยอาศัยรัฐสภา ขนาด วิลเลียม พิท ยังบอกว่า "เรื่องนี้คงช่วยไม่ได้"
แน่นอนกฎหมายของ วิลเบอร์ฟอร์ส ถูกสภาคว่ำ
แต่สิ่งที่วิลเบอร์ฟอร์สทำคือพยายามรณรงค์ต่อไป
เขาเขียนหนังสือ บทความ ส่งกระจายไปทั่ว
ซื้อเรือค้าทาสมาจัดแสดงให้คนเห็นความโหดร้าย
จัดตั้งคณะโบสถ์กลุ่มหัวปฏิรูปที่เห็นด้วยกับการเลิกทาส เพื่อเทศนา รณรงค์ และจัดกลุ่มใต้ดินช่วยเหลือทาสเพื่อหลบหนี
วิลเบอร์ฟอร์สส่งกฎหมายเข้าสภาทุกปี และถูกคว่ำทุกปี
จอห์น นิวตัน เสียชีวิตไปในช่วงนี้ เขาตายโดยที่เห็นเพียงแค่กฎหมายถูกคว่ำทุกปี
วิลเบอร์ฟอร์ส ยังคงทำต่อไป เขาทำแบบนี้อยู่ 24 ปี ทำอยู่ 24 ปี เพื่อกฎหมายฉบับเดียว ในที่สุดปี 1807 เขาก็ผ่านกฎหมาย "เลิกการค้าทาส" ได้สำเร็จ ยังไม่ใช่การเลิกทาส แต่ห้ามซื้อทาสใหม่ได้สำเร็จ
วิลเบอร์ฟอร์ส ยังคงรณรงค์ต่อไปเพื่อการเลิกทาส
จนกระทั่งปี 1833 เมื่อเขาอายุ 73 ปี เพียงหนึ่งเดือนก่อน วิลเบอร์ฟอร์ส เสียชีวิต ฝ่ายเลิกทาสก็ผ่านกฎหมายเลิกทาสก็ออกมาได้สำเร็จ
วิลเบอร์ฟอร์สใช้เวลาไป 50 ปี เพื่อกฎหมายฉบับนี้ ใช้เวลาทั้งชีวิตต่อสู้เพื่อเป้าหมายเดียว เพื่อสร้างสิ่งสิ่งเดียว จาก ส.ส. หนุ่ม สู่รัฐบุรุษอาวุโส
แต่ผู้สืบทอดของวิลเบอร์ฟอร์สยังคงอยู่ พวกเขารณรงค์ต่อในสหรัฐอเมริกา ตั้งกลุ่มลับพาทาสหนีไปแคนาดา จนกระทั่งปี 1865 สหรัฐอเมริกาก็เลิกทาสสำเร็จ
.
.
.
เราเรียนรู้อะไรจากเรื่องราวเหล่านี้?
เราเป็นดั่งเอลียาห์ในถิ่นกันดาร มองไม่เห็นเป้าหมาย มองไม่เห็นความหวัง ก่นด่าในความไร้น้ำยาของตัวเอง และสาปแช่งตนเอง และฟ้องผิดชนชาติของตัวเอง
อ่อนล้า ไร้กำลัง และอยากตายหายๆไป
เป้าหมายของเราอยู่ที่ไหนหนอ ความหวังของเราอยู่ที่ใดหนอ
องค์เจ้านายของข้าพระองค์ ขอทรงตรัสบอกว่าทรงอยู่ที่นี่ บอกว่านี่เป็นงานของพระองค์
เพราะการเดินทางนี้ ช่างยาวนาน และเหนือกำลังของเรา
เพราะหากนี่เป็นงานของพระองค์ เรารู้ว่าเพื่อนร่วมงานของเรา เจ้านายของเรา จะยังอยู่ และทำงานต่อไปเสมอ แม้ว่าเราจะเกษียณไปสักวันหนึ่ง งานนั้นจะยังเดินหน้าต่อไป และมันจะสำเร็จ
ดังนั้นเราจึงไม่ต้องกังวล เราจึงไม่กลัว เราจึงหวังใจ เราจึงเชื่อ และเดินไปข้างหน้าได้
ขอพระองค์ทรงเป็นแสงดาวที่นำทางเราในถิ่นกันดาร เหมือนที่พระองค์ทรงนำวิลเบอร์ฟอร์ส ได้ตลอด 50 ปี ตลอดชีวิตของเขา
ขอพระสิริของพระองค์ทรงฉายในงานของเรา ขอพระคุณของพระองค์สถิตอยู่ในสิทธิ์ของเรา ในเสรีภาพของเรา ในรัฐสภาของเรา ในกฎหมายของเรา
โปรดนำเราไปพระผู้เป็นเจ้า โปรดประคองเราไป เพราะการเดิินทางนี้เหนือกำลังของเรา
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"วันนี้ผมปั่นจักรยานไป-กลับที่ทำงานเป็นวันแรก โดยเช่าระบบจักรยานที่ปารีสเรียกว่า เวลิบ (Vélib' ย่อมาจาก Vélo Libre) ระบบรถเช่านี้จ่ายค่า subscription ทั้งเดือนเพียง 3 ยูโรกว่าๆ โดยจะใช้กี่ครั้งก็ได้ ถ้าหากในแต่ละครั้งที่ใช้เช่าไปไม่เกินสามสิบนาที (จากบ้านผมไปแล็บใช้เวลา 20-25 นาที) ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ถ้าเกินจะคิดครึ่งชั่วโมงละ 1 ยูโร ซึ่งสถานีมันก็มีอยู่ทั่วไปหมด ถ้าใกล้จะครบ 30 นาทีแล้วไม่อยากจ่ายเงินเพิ่มก็รีบเอาไปจอดที่สถานีแล้วถอยคันใหม่ออกมา นอกจากนี้มีแบบแพงขึ้นหน่อย คือจ่ายค่า subscription 8 ยูโรกว่าๆ มันจะเริ่มคิดเงินเพิ่มเมื่อใช้เกิน 1 ชั่วโมง ซึ่งผมเชื่อว่าสามารถขับข้ามปารีสได้สบายๆ คนที่อยากประหยัดสามารถเช่าจักรยานเวลิบเพื่อมาทำงานได้ไม่ยากเลย
เข้ามาสู่ส่วนที่เป็นสาระ คือผมก็เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง เพื่อนผมก็เล่นมุขว่าระวังคนดำ คือระวังคนดำมาขโมยจักรยานน่ะ ก็ตลกดี แต่ผมไม่ได้คิดอะไร วันนี้ปั่นจักรยานกลับบ้านตอนมืด เจอเลยครับ ไม่ใช่โดนขโมยจักรยานนะครับ แต่เจอคนดำปั่นจักรยานไม่มีไฟหน้า ไม่ใส่เสื้อสะท้อนแสง แล้วแม่งดำมะเมื่อมเลยครับ ที่เหี้ยคือพี่แกปั่นจักรยานสวนเลนในเลนจักรยานแบบแยกจากถนนซึ่งแคบๆ พอดีตัวและมีแนวกั้น ผมเข้าไปใกล้มากแล้วถึงเห็นเสื้อ โอ้โห เกือบชนกัน คนดำนี่มันดำจริงๆ และรถแท็กซี่ฝรั่งเศสแม่งก็ชอบขับในบัสเลนเหมือนเมืองไทยเลยครับ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
บอกแม่เรื่องเปิดปลาทอง วาดรูปโป๊ ได้เงินดีนะ ยิ่งพวกรสนิยม(เฟติช)แปลกๆยิ่งเงินดีเข้าไปใหญ่ แต่แลกกับการขายวิญญาณ
แม่บอก ได้เงินก็ดีแล้วนี่ แค่วิญญาณเอง แลกๆไปเถอะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
วันนี้จึงมีผู้ที่พูดถึงแอนนิมอลฟาร์มนี้กันเยอะ
ผมเดาว่าหลายคนคงจะไม่มีเวลาอ่าน สรุปให้ฟังเลยดีกว่าว่าเรื่องเกี่ยวกับอะไร
animal farm เป็นนิยายที่โดย จอร์จ ออร์เวลล์ นักเขียนชาวบริเตน ปรมจารย์ด้านงานเขียนแนวเสียดสีการเมือง
ผมสารภาพว่าเคยอ่านงานออร์เวลล์แค่สามเรื่องคือ แอนนิมอลฟาร์ม, 1984, กับ แด่คันตาโลเนีย
จอร์จ ออร์เวลล์ เกิดปี 1903 ที่อินเดีย (ซึ่งยังเป็นอาณานิคมของ UK) เคยทำงานที่พม่า (ของ UK) ก่อนจะย้ายไปอังกฤษ สมัยหนุ่มเคยประทับใจอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายจึงไปช่วยพวกฝ่ายซ้ายรบในสงครามกลางเมืองสเปน แต่ก็พบกับความไร้ประสิทธิภาพของฝ่ายซ้าย (ซึ่งเล่าประสบการณ์มาเป็นเรื่อง แด่คันตาโลเนีย) สุดท้ายก็ไปทำงานให้ BBC
ประสบการณ์ทำให้ออร์เวลล์ เห็นทั้งความไม่เป็นธรรมในอาณานิคม การแบ่งแยกชนชั้นในสังคมอังกฤษสมัยนั้น การเอาเปรียบของฝ่ายขวาและ ความไร้ประสิทธิภาพของฝ่ายซ้าย และความน่ารังเกียจของการโฆษณาชวนเชื่อ
แอนนิมอลฟาร์ม เป็นนิยายเสียดสีเผด็จการณ์ ซึ่งทำให้อ่านง่ายเหมือนนิทาน และสนุกด้วย
เรื่องคือฟาร์มแห่งหนึ่งซึ่งมีเจ้าของคือชาวไร่ขี้เมา ชาวไร่เอาแค่กดขี่ใช้แรงงานสัตว์ จนในที่สุดสัตว์ก็ทนไม่ไหวจนเกิดจลาจลขึ้น นำโดย หมูตัวหนึ่งชื่อ เทศมนตรีเฒ่า
ซึ่งชาวไร่คือซาร์นิโคลาส - เทศมนตรีเฒ่าคือเลนิน นั่นเอง
พวกสัตว์ช่วยกันอย่างแข็งขัน ในช่วงแรกทุกอย่างดูยิ่งใหญ่ สดใสไปหมด ในที่สุดสัตว์ก็เอาชนะ ไล่มนุษย์ออกไป และเริ่มปกครองไร่
พวกเขาเขียนกฎบนผนังฟาร์มเช่น "สัตว์ทุกตัวเท่าเทียมกัน" และเริ่มเขียนกฎขึ้นเพื่อไม่ให้สัตว์ทำตัวเหมือนมนุษย์ เช่นห้ามยืนสองขา ห้ามใส่เสื้อ ห้ามดื่มเหล้า (แต่จริงๆก็แทนจะไม่มีสัตว์ตัวไหนอ่านออก)
แต่แล้วเทศมนตรีเฒ่าก็ตาย
อำนาจตกเป็นของหมูนโปเลียน (สตาร์ลิน) หมูทหาร กับหมูสโนบอล (ตอร์ทสกี้) หมูฉลาด
พวกหมูเริ่มหว่านล้อมเหล่าสัตว์ว่าควรอยู่ใต้การปกครองของหมู เพราะหมูฉลาดว่าสัตว์อื่น หมูจึงควรมีหน้าที่ปกครอง ม้าที่ขยันแต่โง่ควรทำนา เป็นการแบ่งงานกันทำ เพื่อประโยชน์สูงสุดของฟาร์มและเหล่าสัตว์
นโปเลียนให้ลูกน้องชื่อ สวีเลอร์ไปโฆษณาชวนเชื่อหลอกสัตว์ เช่นบอกว่า "จะทำให้แต่ละสัปดาห์มี 5 วัน จะได้ทำงานน้อยลง เหลือแค่ทำสัปดาห์ละ 5 วัน"
สโนบอลพยายามแย่งอำนาจ แต่ก็ถูกนโปเลียนเขียทิ้ง ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จจนต้องหนีออกจากฟาร์ม
จากนั้นสวีเลอร์ก็อัดโฆษณาชวนเชื่อว่า สโนบอลติดต่อกับมนุษย์
นโปเลียนปกครองไร่เบ็ดเสร็จ ควบคุมการจัดการอาหาร และสั่งทำโครงการกังหันน้ำ ซึ่งตอนแรกเป็นแนวคิดของสโนบอล แต่แน่นอนว่าลูกน้องโฆษณาว่าเป็นวิสัยทัศน์ของท่านนโปเลียน
พวกสัตว์เริ่มรู้สึกว่าอาหารของตัวเองน้อยลงเรื่อยๆ แต่ลูกน้องของนโปเลียนก็บอกพวกสัตว์ว่าเป็นเพราะมนุษย์
เริ่มมีสัตว์สงสัยในตัวนโปเลียน แต่บ็อกเซอร์ ม้าผู้ซื่อสัตว์ ทำงานหนัก เป็นสัตว์ดี แต่โง่ ก็จะไปจัดการพวกผู้ต่อต้านนโปเลียน บ็อกเซอร์เชื่อว่าผู้ต่อต้านนโปเลียนคือสายของพวกมนุษย์
ในที่สุดนโปเลียนก็ติดต่อกับมนุษย์ เพื่อซื้อเหล้า แต่บ็อกเซอร์ (ตัวแทนของชนชั้นกรรมาชีพ) ไม่เคยสงสัยในตัวนโปเลียน
พวกหมูเริ่มยืนสองขา ใส่สูท พวกนี้เริ่มเอาผลผลิตในฟาร์มไปขายให้มนุษย์ และซื้อเหล้า ซื้ออาหารมากินกันเองในหมู่พวกหมู
ในที่สุด ฉากสุดท้ายของเรื่อง เป็นฉากที่พวกสัตว์มองเข้าไปในโรงนา เห็นหมูกำลังใส่สูทสังสรรค์กับมนุษย์โดยที่เหล่าสัตว์ไม่เกี่ยวข้องด้วย กฎที่กำแพงเหลืออยู่ข้อเดียวคือ "สัตว์ทุกตัวเท่าเทียมกัน แต่บางตัวเท่าเทียมว่าสัตว์ตัวอื่น" สุดท้ายแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าใครเป็นสัตว์ ใครเป็นมนุษย์
แอนนิมอลฟาร์มเป็นหนังสือที่ดี บาง อ่านง่าย เพราะเขียนเหมือนนิทาน ที่อังกฤษกำหนดให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของชั้นประถม
เรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับลุงตู่ จริงๆควรจะกำหนดไว้ในหลักสูตรประถมหรือ ม.ต้น ให้เด็กอ่านกันทุกคน
เนื่องจาก จอร์จ ออร์เวลล์ เสียชีวิตไปนาน ลิขสิทธิ์หลุดไปแล้ว จึงอ่านฉบับภาษาอังกฤษฟรีได้ที่นี่ครับ
https://ebooks.adelaide.edu.au/o/orwell/george/o79a/complete.html
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>742 สรุปแม่งเสียดสีคนมีอำนาจ (แทบ) ทุกคนละมั้ง
- ก่อนมีอำนาจ : ถูกกดขี่ หรือไม่ก็เห็นความไร้ประสิทธิภาพของผู้ปกครองเดิม ปลุกระดม เรามาเปลี่ยนผู้ปกครอง หรือวิธีการปกครองกันเถอะ
- พอมีอำนาจใหม่ๆ : มาเขียนกติกากันนะ ตั้งเป้าว่าเราจะไม่ทำตัวแย่ๆ กันเหมือนชนชั้นปกครองหรือผู้นำคนเก่านะ
- พอมีอำนาจนานๆ : เริ่มแอบทำให้ตัวเองสุขสบายกว่าคนอื่น และไม่พอใจที่มีใครคิดตั้งคำถาม มีการป้ายสีว่าเป็นคนไม่ดีต่างๆ นานา
สุดท้ายก็แยก (แทบ) ไม่ออกว่าระหว่างผู้ปกครองเก่ากับผู้ปกครองใหม่มันต่างกันตรงไหน
ต่อจาก >>736 "เขาคนนั้น = ? คำถาม จนท. รู้ที่อยู่ล่าสุดได้ยังไง หมายศาลอยู่ไหน เพราะคดีเกี่ยวกับเทคโนโลยี เป็นคดีอาญา ไม่ make sene ปอท. จะทำงานก็ต่อเมื่อมีคนแจ้งเบาะแส มันมีขั้นตอนของมันอยู่ over acting" #มิตรสหายท่านนึงที่เห็นโพสที่แท็คไว้ //คิดไงกันบ้างชาวโม่ง
"ท่านสุภาพบุรุษ เหล่าผู้นำกองทัพอันเกรียงไกร และบรรดาสหายนักรบคริสเตียนทั้งหลาย ในเวลานี้ เราจะได้เห็นโมงยามแห่งการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้มาประชุมกับพวกท่านใน ณ ที่นี้ เพื่อที่จะแจ้งถึงปณิธานที่ชัดแจ้งกับพวกท่านว่า การที่ท่านจะต้องสู้เพื่อต่อต้านศัตรูแห่งพระคริสต์เจ้าคือเกียรติยศ ด้วยการปกป้องแผ่นดินปิตุภูมิของท่านและเมืองที่โลกรู้จักแห่งนี้ จากพวกนอกรีตและปีศาจชาวเติร์กที่เข้าล้อมเมืองแห่งนี้มาถึงห้าสิบสองวันแล้ว นี่คือพันธะแห่งดวงวิญญาณอันสูงส่งของท่าน
"อย่าได้กลัวว่าเจ้ากำแพงนี้จะทลายลง เพราะการโจมตีของศัตรู ซึ่งด้วยกำลังของท่านนั้นอยู่ในการปกป้องโดยองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว และท่านจะต้องแสดงมันออกมาด้วยแขนที่เกร็งสั่นและดาบที่กวัดแกว่งเพื่อต่อต้านเหล่าศัตรู
"ข้าพเจ้ารู้ว่านี่ไม่ใช่การที่การชุมนุมที่ไร้ระเบียบวินัยอันใด ด้วยว่าพวกมันจะจู่โจมเข้าใส่ท่านด้วย เสียงกู่ร้องที่ดังกึกก้องและห่าลูกศรที่ไม่มีวันหมดสิ้น แต่มันจะมิอาจทำอะไรพวกท่านได้ เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าพวกท่านล้วนห่มเกราะอย่างดี พวกมันจะเข้าปะทะกับกำแพง เกราะทับทรวงของเรา และโล่ของเรา ดังนั้นจงอย่าคิดเอาอย่างชาวโรมันที่ปล่อยให้ทัพม้าต้องหวาดกลัวด้วยขนาดและเสียงของช้างสารของพวกคาร์เธจนั้น
"ในการรบ ท่านจะต้องยืนปักหลักมั่นและอย่าหวาดกลัว ไม่คิดที่จะย่นระย่อ แต่จงมีกำลังใจที่จะท้าทายยิ่งกว่ากำลังของเฮอร์คิวลิส เหล่าสัตว์อาจจะวิ่งหนีจากสัตว์ด้วยกัน แต่พวกท่านคือลูกผู้ชาย , ลูกผู้ชายใจแกร่ง , และท่านจะต้องประจันหน้ากับเสียงเห่าหอนของเจ้าพวกเดรัจฉานนี้ จงพุ่งแทงหอกและดาบใส่พวกมัน เพื่อพวกมันรู้ว่า มันมิได้ต่อสู้สิ่งที่เหมือนกับพวกมัน แต่กำลังสู้กับเจ้าแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลายต่างหาก
"พวกท่านได้รู้ว่านี่คือพวกนอกรีตที่ไร้คุณธรรมและไร้สัจจะที่ละเมิดต่อสันติอย่างไร้ยางอาย เขาละเมิดต่อคำสาบานและสัญญาที่เขาทำไว้กับเรา เขาปล้นสะดมชาวไร่ชาวนาของเราในหน้าเก็บเกี่ยว เขาได้สร้างป้อมปราการเหนือทะเลโปรปอนติส (หมายถึงทะเลน้อยมาร์มารา - ผู้แปล) เพื่อหวังกลืนกินชาวคริสต์ และเขาได้ล้อมกาลาต้าเอาไว้ภายใต้ข้อตกลงแห่งสันติ
"บัดนี้ เขาได้ข่มขู่ว่าจะยึดนครของคอนสแตนตินมหาราช แผ่นดินปิตุภูมิของพวกท่าน สถานที่ลี้ภัยแห่งชาวคริสตชน , ผู้พิทักษ์ชาวกรีกทั้งปวง , และด้วยการดูหมิ่นด้วยการหมายจะวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้าเป็นคอกม้า โอ้ ข้าแต่พระเป็นเจ้า พี่น้องของข้าพเจ้า ลูกชายของข้าพเจ้า เกียรติยศอันเป็นนิรันดร์ของเหล่าชาวคริสตชนอยู่ในมือของพวกท่านแล้ว
"พวกท่าน เหล่าบุรุษแห่งเจนัว บุรุษผู้กล้าและเลื่องลือจากชัยชนะนับครั้งไม่ถ้วนของท่าน ผู้ซึ่งปกป้องเมืองนี้ มารดาของท่าน มาจากวิกฤตกับพวกเติร์กหลายครั้ง จงแสดงความกล้าหาญและจิตวิญญาณที่เกรี้ยวกราดของท่านใส่พวกมัน ด้วยกำลังของลูกผู้ชายเถิด
"ท่าน บุรุษแห่งเวนิส เหล่าวีรบุรุษผู้หาญกล้าที่สุด ด้วยหลายครั้งที่ดาบของพวกท่านได้ทำให้พวกเติร์กหลั่้งเลือด และผู้ที่ทำให้เรือนับไม่ถ้วน และบรรดาดวงวิญญาณของพวกนอกรีตที่ถูกส่งไปยังห้วงอบายลึก ด้วยภายใต้การบัญชาของโลเร่ดาโน่ ผู้บัญชาการกองเรือผู้สามารถยิ่งของเรา ท่านคือผู้ปกป้องนครแห่งนี้ราวกับปกป้องตัวของท่านเอง เหล่าบุรุษผู้เป็นเลิศยิ่ง จงเตรียมยกชูวิญญาณของท่านเพื่อการสู้รบในครั้งนี้ด้วย
"ท่าน สหายร่วมรบของข้า จงฟังคำสั่งผู้นำของท่านเพื่อที่จะให้ได้รู้ว่านี่คือวันแห่งเกียรติยศและความรุ่งโรจน์ของท่านเอง และหากในวันนี้ท่านจะต้องหลั่งเลือด ท่านก็ได้ชนะตนเองเพื่อมงกุฎแห่งการทรมานและชื่อเสียงอันเป็นนิรันดร์แล้ว!"
นี่คือพระราชดำรัสของจักรพรรดิคอนสแตนตินอส พาไลโอโลกอส (Konstantinos Palaiolokos) หรือ "คอนสแตนตินที่ 11" (Constantine XI) ผู้ทรงเป็นจักรพรรดิโรมันองค์สุดท้ายที่อะลิซาเบธ ซาชารีอาโดว (Elizabeth Zachariadou)ผู้เขียนหนังสือ "พงศาวดารของเติร์กและเหล่าสุลต่าน" (Chronicle of the Turkish Sultans ) ได้รวบรวมและเรียบเรียงเอาไว้ว่าเป็นพระราโชวาทที่ทรงประกาศกับเหล่าทหารไบแซนไทน์ และเหล่าทหารอาสาชาวเจนัวและเวนิสในศึกปกป้องกรุงคอนสแตนติโนเปิลเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะแตกพ่ายด้วยน้ำมือของกองทัพเติร์กออตโตมานในวันนี้เมื่อปี ค.ศ.1453ครับ...
ที่มา - http://www.worldhistoria.com/speech-by-constantine-xi_topic124058.html
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เห็นมีคนเชียร์รัฐประหารโดยให้เหตุผลว่านักการเมืองเอาแต่ทะเลาะแย่งตำแหน่งกัน
ผมเห็นแล้วสงสัยเหลือเกินว่า ก็พวกคุณเองไม่ใช่เหรอ ที่เลือกนักการเมืองพวกที่ว่านั้น เข้าไป
“รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ดีไซน์มาให้พรรคอื่นเป็นรัฐบาล แต่ดีไซน์มาให้พวกเราเป็นรัฐบาลเท่านั้น”
วีระกร คำประกอบ ส.ส.พลังประชารัฐ จังหวัดนครสวรรค์ ที่ย้ายมาจากพรรคเพื่อไทย ผู้เสนอญัตติเลื่อนประชุมเลือกประธานสภา
“เมื่อก่อนต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยมีแต่ส.ส.คุณภาพต่ำเต็มไปหมด แต่ตอนนี้พวกนั้นมันย้ายไปอยู่พลังประชารัฐหมดแล้ว"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เรียกอีปู มาหลายปี ไม่เห็นมีใครมาปกป้อง
แค่มี. ส.ส.บ้านนอก เรียกอีช่อ. คนเดียวต่อม ปัญญาชน ผู้ดีมันแตก.
นี่คือการเลือกปฏิบัติ ของนักวิชาการก้าวหน้าหี
สันดาน พวกมึง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มันแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอะครับ การจัดสรรทรัพยากรมั่ว โกงไปกินกันหน้าด้านๆเลยนี่ล่ะ งบสาธารณสุขก็ไม่ใช่น้อยๆ หายไปไหนหมด
อย่างพวกบ้าทหารสุดโต่งก็จะบอกงบคนละส่วน ไอ้สัดคือบริหารกันแบบนี้ มันก็เห็นกันคาตาแล้วว่า เงินส่วนใหญ่ตุนอาวุธ เงินที่แบ่งไป(ตอนแรก) ให้ลงมาสวัสดิการประชาชน ด้านบนก็แดกกันเรียบ ดูงานผลาญงบเล่น เหลือเศษตังลงมา แล้วตูนก็มาวิ่งเรื่อยๆ คืออะไร ถามมุมกลับ คิดว่าเศรษฐกิจดีชิบหาย? ประชาชนรวยมากมั้ง เขาอาจจะบริจาคกันได้บ้าง แต่บ่อยๆเข้า แม้งก็คือการโยนภาระไปให้ประชาชนแบกรับแทน ไอ้สัด คือถ้าประชาชนเสียภาษีที่มันควรจะเป็นค่าใช้จ่ายพวกนี้แต่แรกแล้วมึงเอาไปแดกกัน แล้วประชาชนก็ต้องมาจ่ายเพิ่มเพื่อได้รับสวัสดิการที่มันควรจะได้รับตั้งแต่ภาษีจุดแรก แล้วจะจ่ายภาษีไปทำkuyไรวะครับ
อยากให้คุณปูว์มาเป็นนายกอีกจัง กูหลงรักคุณปูว์
A: ผมละเบื่อพวกฝ่ายก้าวหน้าที่แชร์เรื่อง animal farm ตอนนี้กันจังเลย พวกเขาอาจจะมองว่าพวกเขาลุ่มลึกกว่าประยุทธ์ แต่ท้ายสุดแล้วจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามพวกเขากำลังถูกชายคนนี้กำหนดประเด็นให้พวกเขากลายเป็นผู้ตามอยู่เสมอมา แล้วคุณล่ะครับคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง
B: ข้อยมักแต่นิทานก้อม
ทหารประเทศนี้ทำอะไรเป็นบ้างวะ นอกจากโกง
>>760 ทหารทั่วไปรับดับปฏิบัติงานก็ทำงานตามปกติแหละ ยามมีภัยพิบัติก็ยังเป็นกรรมกรรองมือรองตีนให้ชาวบ้านให้กำลังใจซ่อมสะพาน ซ่อมบ้าน จิปาถะ
ส่วนพวกตัวโต ๆ อันนี้ไม่รู้ทำอะไร ให้ทดสอบร่างกายก็คงไม่น่าผ่านกันด้วยซ้ำ เรื่องบัญชาการนี้ถ้าจู่ ๆ โลกเข้าสู่ภาระสงครามกูว่า RIP ได้เลยบ้านเรา
"คุณเคยถามผมสักคำไหมว่า ทำไมผมย้ายจากพรรคเพื่อไทยมาอยู่ตรงนี้ ถ้าอยู่พรรเพื่อไทย รัฐธรรมนูญอย่างนี้คุณจะให้พรรคเพื่อไทยไปตั้งรัฐบาลได้ไหม ผ่านกฎหมายอะไรได้ไหม ติดไหมเจอกฎหมายงบประมาณ พ.ร.บ.งบประมาณที่ต้องผ่านสภา เอาเงินมาใช้เพื่อบริหารประเทศชาติบ้านเมืองวุฒิเขาไม่โหวตให้แล้วคุณจะอยู่ได้อย่างไร คุณทำได้อย่างไร
รัฐธรรมนูญฉบับนี้นะ ประเทศชาติไม่มีทางนับ 1 ได้ มันไม่มีทางนับ 1 ได้ ทหารเขาอาจจะใช้มาตรา 44 ไปได้เรื่อยๆ ตราบใดที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่
เพราะฉะนั้นผมอยากจะบอกว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญเจ้าปัญหา รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ดีไซน์ไว้สำหรับพรรคอื่นเลยที่จะเป็นรัฐบาล ดีไซน์มาสำหรับให้พรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลเท่านั้นนี่ จึงจำเป็นที่จะต้องย้ายมาอยู่ตรงนี้เพื่อให้ประเทศชาติได้นับ 1 ได้"
ขำข่าวนี้ครับ "รัฐบาลเก็บรายได้ล้นคลัง" 55555
รายละเอียดด้านล่าง ขาดดุลงบประมาณไป 620,000 ล้านบาท กลับไม่พูดถึงเลย
ตอนจบบอกว่า รัฐบาลมีเงินคงคลังเท่ากับ 2.63 แสนล้านบาท แต่ลองดูตัวเลขครั้งหน้านั่นสิ แต่เงินจำนวนนี้ทั้งหมดมาจากการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 2.3 แสนล้านบาท อ่ะครับ
ผมว่า ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยนะครับ กู้มาจนเต็มคลัง นั่นเอง
ในอดีตกาลนานมาแล้ว กษัตริย์องค์หนึ่งนาม กอร์ดิอัส ทรงผูกเชือกขดหนึ่งเป็นเงื่อนปริศนา บรรจงผูกอย่างสลับซับซ้อนเพื่อมิให้ใครแก้มันได้ และก็ไม่มีใครในแผ่นดินที่สามารถแก้เงื่อนนี้ได้ มันเรียกว่า เงื่อนกอร์เดียน (Gordian Knot)
วันหนึ่งอเล็กซานเดอร์มหาราชเสด็จผ่านเมืองนั้น เมื่อได้ยินคำเล่าลือเรื่องเงื่อนที่แก้ไม่ได้ ก็ทรงสนพระทัยที่จะแก้เงื่อน หลังจากทอดพระเนตรเงื่อนกอร์เดียนได้ครู่หนึ่ง ก็ทรงชักดาบออกฟันฉับเดียวเข้า เงื่อนกอร์เดียนที่ไร้ผู้แก้ได้ก็สิ้นความเป็นเงื่อน ขาดเป็นท่อนๆ !
บางคนบอกว่าการแก้ปัญหาอย่างนี้ผิดกติกา เพราะโจทย์ไม่ได้ให้ใช้ดาบแก้ปัญหา แต่อเล็กซานเดอร์มหาราชมองทะลุกรอบ มองข้ามวิธีแก้ปัญหาแบบเดิมๆ ทรงเห็นว่านี่มิใช่เงื่อนธรรมดา แก้ด้วยวิธีการธรรมดาไม่ได้ จึงทรงใช้ ‘เครื่องมือใหม่’ แก้ปัญหานี้ ฉับเดียวจบ ง่าย รวบรัดชัดเจน ใครอยากบ่นว่าพระองค์ทรงแก้ปัญหาผิดกติกา ก็บ่นไป แต่หากไม่ทำ ปัญหาก็ยังคงอยู่
คนมีปัญญาไม่ได้มองว่าจะใช้มือหรือดาบหรือหอกหรือไม้จิ้มฟันแก้ปัญหา คนมีปัญญาแก้ปัญหาตรงจุดเลย!
ในทุกวงการ เราจะพบปัญหาที่กรอบคิดแบบเดิมและกติกาเดิมกลายเป็นเงื่อนผูกคอตัวเองอย่างนี้ตลอดเวลา
ในวงการที่เน้นการใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างวงการโฆษณา สิ่งแรกที่บรรดาครีเอทีฟทำคือฟันเงื่อนขาดเป็นท่อนๆ ทลายกล่องทุกใบทิ้ง มิเช่นนั้นมองไปทางไหน ก็จะได้ยินแต่ “นี่ก็ทำไม่ได้” “นั่นก็ทำไม่ได้” สำหรับคนทำงานครีเอทีฟ วลีต้องห้ามคือ “ทำไม่ได้” เพราะพวกเขาเชื่อว่าในโลกของความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ตัวอย่างงานสร้างสรรค์จำนวนไม่ถ้วนในโลกพิสูจน์ว่า จะสร้างสรรค์งานดี ต้องทำลายกรอบคิดเดิมก่อน อยากได้อะไรใหม่ ต้องกล้าแหกคอก
ผมจำได้ว่าตอนเริ่มเขียนหนังสือแนวทดลองโดยผสมงานเขียนเข้ากับ กราฟิก ดีไซน์ ก็ได้ยินเสียงบ่นว่า “ผิดกฎ” และ “ผิดขนบ” อยู่เสมอ นักเขียนและศิลปินจำนวนมากก็ผ่านเสียงบ่นว่า “ผิดกฎ” และ “ผิดขนบ” เดิม
ความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่เครื่องมือที่นักโฆษณาหรือนักเขียนผูกขาด ใครๆ ก็สามารถนำไปใช้ได้ แม้กระทั่งวงการเมือง
วิเคราะห์ดูดีๆ ตามเนื้อผ้า การเมืองบ้านเราในรอบสิบปีนี้เต็มไปด้วยกรอบคิดที่เราสร้างขึ้นมาครอบเราเอง ทำให้ติดอยู่ในกับดักของกรอบนั้น เช่น อย่างนี้คือประชาธิปไตย อย่างนั้นคือเผด็จการ อย่างนี้คืออนุรักษ์นิยม อย่างนั้นคือเสรีนิยม ถ้าเป็นอย่างนี้ก็เป็นอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าอยู่ค่ายนี้ก็อยู่ค่ายนั้นไม่ได้ ถ้าไม่มีการเลือกตั้งก็ไม่มีประชาธิปไตย ฯลฯ เพราะมองทุกอย่างตัดขาดกันเด็ดขาดแบบขาวกับดำ จนลืมไปว่าเป้าหมายของการเมืองคือสร้างความสุขให้ประชาชนและพัฒนาชาติ ไม่ใช่เดินตามกรอบอย่างเดียว
เพราะกรอบเปลี่ยนได้เสมอ และประวัติศาสตร์ก็มีหลักฐานยืนยันว่า กรอบเปลี่ยนเสมอ
อย่างที่เติ้งเสี่ยวผิงว่า ไม่ว่าแมวขาวหรือแมวดำ ถ้าจับหนูได้ก็คือแมวที่ดี
อาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก ยอดนักคิดนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์จึงกล่าวว่า “นักการเมืองควรอ่านนิยายวิทยาศาสตร์”
ความหมายของคลาร์กกว้างกว่านิยายวิทยาศาสตร์จริงๆ มันหมายถึงการรู้จักมองกว้างๆ มองไกลๆ ไม่จมอยู่แต่ในความคิดว่าทุกอย่างต้องทำตามทางที่เคยเดิน เพราะนั่นเป็นกับดักความคิดที่แย่ที่สุด
มองแบบนี้ก็อาจรู้ว่าเมื่อไรควรรักษาขนบเดิม และเมื่อไรควรทลายเงื่อนกอร์เดียนด้วยความคิดนอกกรอบ
และการเมืองไทยซับซ้อนเกินกว่าที่จะมองมุมเดียว และแก้ปัญหาด้วยวิธีเดิมเสมอ
อับราฮัม มาสโลว์ พูดไว้ในปี 1966 ว่า ถ้าเครื่องมือเดียวที่คุณมีคือค้อน คุณก็มองทุกอย่างเป็นตะปู
ปัญหาหนึ่งของการเมืองไทยก็คือ ทุกคนมีค้อนในมือ และเชื่อว่าตัวเองเป็นธอร์ผู้ถือค้อนวิเศษ แก้ปัญหาได้หมด
ผมทำงานในวงการสร้างสรรค์มากว่าสี่สิบปี มองโลกด้วย lateral thinking มาตลอดชีวิต มิฉะนั้นไม่มีทางที่จะสร้างงานหลากหลายได้ ผมเชื่อว่าถ้าไม่สามารถมองออกนอกกล่อง ก็ไม่มีทางมองโลกอย่างเข้าใจได้จริงๆ ดังนั้นใครที่ชอบสวมป้ายทางการเมืองให้ผม หรือบ่นว่า "ผิดหวังมากที่คุณวินทร์คิดอย่างนี้" มาถึงบรรทัดนี้ ก็อาจจะเข้าใจวิธีคิดของผมดีขึ้น
สรุปให้สามข้อคือ
1 เราเป็นคนสร้างกล่องขึ้นมาเองเสมอ
2 แมวที่ดีไม่ใช่แมวสีขาวหรือสีดำ มันเป็นแมวที่จับหนูได้
3 วิธีแก้เงื่อนกอร์เดียนมีมากกว่าหนึ่งวิธี
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“ที่จริงก็เหมาะสมกับคำว่า “อีช่อ” ถ้าให้เปรียบเทียบกัน ผมว่าคุณปารีณาสวยกว่าเยอะ ขนาดอายุ 40 กว่า มีลูกหนึ่ง ยังดูแลตัวเองดีขนาดนี้ ในขณะที่คุณพรรณิการ์อายุน้อยกว่าเยอะ ยังดูดีสู้ไม่ได้เลย อาจจะสดกว่า แต่คุณปารีณาสวยกว่าแน่นอน เอาจริงๆ นะ ผมอยากจะเห็นเขาตบกันในสภา แล้วผมจะไม่ห้ามด้วยนะ ถ้าเราไปห้ามทั้งสองฝ่ายอารมณ์ยังไม่สุดให้เขาตบกันให้เรียบร้อย ถ้าเหนื่อยเขาก็หยุดเอง สุดท้ายเขาอาจจะมารักกันก็ได้”
Daughter: "Daddy can we watch a movie?"
Gordon: " Sure which one sweetie?"
Daughter: "Frozen"
Gordon: "Oh f*** me!"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
People don't want sudden changes as sudden changes can hurt people.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
งานบวช งานแต่ง งานบุญ งานศพ งานวัด งานหมู่บ้าน งานตำบล ฯลฯ งานพวกนี้คือวิถีต่างจังหวัด-ชนบทชนิดหนึ่ง เป็นวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นชุมชนชาวบ้าน พบปะกัน ทำกับข้าวกับปลากินร่วมกัน ทำงานอะไรร่วมกัน มันจะดีหรือไม่ดีนั่นอีกเรื่อง แต่รูปธรรมก็คือความเป็นการเมืองมันอยู่ตรงนั้นด้วย
ชาวบ้านน่ะบางทีเขาก็ไม่ได้สนใจหรอกว่า สส จบอะไรมา รุ่นใหม่หรือรุ่นเก่า อุดมการณ์สูงส่งล้ำฟ้าขนาดไหน ถ้าไม่เคยโผล่ไปพบปะชาวบ้านตามวิถีแบบนี้เลย เขาก็จะมองว่าคุณไม่ใส่ใจเขานะ
ผมรู้ว่าวิธีคิดของอนาคตใหม่เรื่องหนึ่งคือการส่งเสริมวัฒนธรรมแบบใหม่ ส่งเสริมอะไรที่มันก้าวหน้า มันไม่ผิดหรอกที่คิดแบบนั้น ผมก็เห็นด้วยกับแนวทางแบบนั้น งานพื้นที่ของอนาคตใหม่ก็พยายามเน้นเรื่องพวกนี้มาก (จนเกินไปด้วยซ้ำ เท่าที่ผมเห็นน่ะ)
การแสดงออกให้สังคมเห็นด้วยกับ "วัฒนธรรมใหม่" นั้นไม่จำเป็นต้องไปด่าเขาว่าตลาดล่างอะไรอย่างนั้นหรอกครับ ไม่มีประโยชน์ แถมยังเสียหมา เสียคะแนนลามไปถึงพรรคอีก
อยากให้พรรคส่งเสริม "วัฒนธรรมความเป็นพรรค"ของคนทำงานในพรรคให้ดีๆกว่านี้หน่อย ทำงานแบบเสรีชนมันน่าปวดหัว
ผมก็อยากเห็นพัฒนาการที่ดีของพรรคครับ
98 89 เตมตีน อยู่ไปก้ไร้ค่า ตายไปยังไม่มีประโยชน์ วิ่ง9วิ่ง8 ไม่มาสักตัว ควยเถอะ
#มิตรสหาย
“ช่วงปี 1995 ที่ Pittsburgh ชายอายุ 45 ปี เดินเข้าธนาคารแห่งหนึ่งพร้อมแจกยิ้มให้กับกล้องวงจรปิดโดยรอบด้วยความมั่นใจ เรื่องแม่งจะไม่มีเหี้ยอะไรเลยถ้าสิ่งที่มันทำคือการเข้าไปโอน-ฝาก-ถอนเหมือนๆชาวบ้าน แต่เปล่าเลย......แม่งเข้ามาปล้นธนาคาร!
ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ชายคนเดิมก็เดินเข้าไปในธนาคารอีกแห่งหนึ่ง ยิ้มให้กับกล้องวงจรปิดเหมือนกับธนาคารแรก แล้วก็ปล้น....
ไม่นานภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดก็ถูกปล่อยออกมาตามข่าวทาง TV พบว่าชายคนนั้นชื่อว่า McArthur Wheeler ตำรวจทั้งหมดบุกถึงบ้านของ McArthur พบว่า ชายคนนั้นนอนเกาไข่ นับเงินอยู่ที่บ้านและแน่นอนว่า McArthur ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ตำรวจตัดสินใจโชว์ภาพจากวงจรปิด
McArthur หน้าซีดเผือดพร้อมตะโกนอย่างสุดเสียง
“อีเหี้ย แม่งเป็นไปไม่ได้ ก็กูใช้น้ำมะนาวแล้วนะ กูใช้น้ำมะนาวแล้วไง!”
หลังจากสอบปากคำก็พบว่า McArthur เชื่อว่าตัวเองล่องหนได้เพราะก่อนเข้าไปปล้น แม่งใช้น้ำมะนาวทาหน้าเรียบร้อยแล้ว โดยแนวความคิดดังกล่าวเกิดจากการค้นพบว่า ถ้าใช้น้ำมะนาวผสมกับน้ำเปล่าแล้วเขียนบนกระดาษจะทำให้ตัวอักษรล่องหน และตัวอักษรที่เขียนจะปรากฎอีกครั้งถ้าเราใช้ความร้อน......อาาาาาห์ ยูเรก้าสัสๆ และด้วยความฉลาดระดับไอคิวติดลบแต่ความมั่นใจทะลุปรอท อี McArthur ก็เลยจัดการเอานำ้มะนาวทาหน้าตัวเอง ยอมอดทนกับอาการแสบตาเดินเข้าธนาคารแล้วก็ปล้น ซึ่งประสบความสำเร็จที่ธนาคารแรก แม่งก็ได้ใจ กูต่อธนาคารที่ 2 เลยละกัน อีเหี้ย เสือกสำเร็จอีกจนกระทั้งแม่งโดนจับได้ระหว่างนอนเกาไข่ที่บ้าน
หลายปีต่อมานักจิตวิทยาชื่อ David Dunning ได้รับแรงบันดาลใจอย่างแรงกล้าจากความฉลาดหลักแหลมของ McArthur เลยเข้าไปติดต่อสัมภาษณ์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่าง
“ความโง่บัดซบ กับ ความมั่นใจ”
ซึ่งต่อมาก็กลายมาเป็นทฎษฎีที่เราอาจเคยๆผ่านตา ที่เรียกว่า Dunning-Kruger Effect ซึ่งทฤษฎีดังกล่าวสรุปได้ว่า
ยิ่งโง่เท่าไหร่ เราจะยิ่งประเมินความฉลาดของเราเกินกว่าความจริงเสมอ
และยิ่งเราฉลาดมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งประเมินความฉลาดของเราต่ำกว่าความเป็นจริงเสมอ
แปลกันง่ายให้ง่ายขึ้นอีกคือ คนที่โง่ จะเข้าใจว่าสิ่งที่เค้ารู้คือทั้งหมดของความรู้ในโลกนี้ แต่คนที่ฉลาดจะคิดว่าสิ่งที่เค้ารู้ยังไม่ได้จิ๋มมดในจักรวาลและยังมีอีกมากที่ต้องเรียนรู้
หรือถ้าจะให้เห็นภาพมากขึ้นก็คิดแบบนี้ว่า พวกคนโง่แบบจริงจัง แม่งจะโง่มากๆ มากซะจนตัวเค้าเองก็ไม่รู้ว่ากำลังโง่อยู่ ก็เลยมั่นใจในตัวเองฉิบหายว่ากูจีเนียสมาก มันถึงเอาน้ำมะนาวมาทาหน้าตัวเองได้ ....อีเหี้ย กูกราบ!
ถึงตรงนี้ ถ้าเราเห็นตรงกันว่า “ความโง่จะทำให้เกิดความมั่นใจในตัวเอง(อย่างผิดๆ)”
ก็จะเกิดความบัดซบของโลกเบี้ยวๆใบนี้ที่ว่า คนฉลาดๆก็เสือกสงสัยตลอดเวลาว่า ไอ้ที่กูรู้เนี่ยะ แม่งจริงเปล่าวะ มันถูกหรือยังวะ หรือมันไม่ใช่วะ เอ๊ะ...ยังไงนะ และถ้าเราเข้าใจในโลจิกทุกอย่างแล้ว เราจะเริ่มเข้าใจว่า
“ในการประชุมครั้งหน้า คนที่เสียงดังที่สุด มั่นใจตัวเองที่สุดในห้องประชุมอาจไม่ใช่คนที่ถูกที่สุดเสมอไป เพราะมันมีความเป็นไปได้เหมือนกันว่าแม่งอาจโง่ที่สุด จนไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตัวเองรู้คือความไม่รู้เหี้ยอะไรเลย”
May สติ be with you
#ส่วนหนึ่งจากหนังสือCreativeBlindness
#ไม่ต้องโยงเข้าการเมืองนะอีเหี้ยกูไม่ว่างติดคุก”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
บ่นส่งช้า กับ พนักงาน Kerry
พนักงานบอกขอบคุณมาก ช่วยพูดแบบนี้กับผู้จัดการให้หน่อย
เลยได้รู้ว่า...นับตั้งแต่ดราม่าพนักงานแกะกล่องลูกค้า
Kerry เลิกจ้างพนักงานรายวันไปเยอะมาก
และจากเดิมออกส่งทุกวัน เปลี่ยนเป็นออกส่ง 'เมื่อของเยอะพอ'
ช่วงนี้พนักงานมาส่งทีไร ก็บอกว่า
ของอ้ายยังมีที่โกดักอีกหลายชิ้นเด้อ
แต่ผู้จัดการยังไม่ให้เอามาส่งก่อนพะนะ
สรุป... Kerry กรุงเทพ-เกษตรวิสัย จากเดิม 1 วันถึง ตอนนี้เป็น 3-4 วัน
DHL เป็นเจ้าที่เร็วสุด 1 สุดถึง
Ninja Van 3-4 วันถึง แต่ว่าค่าส่งถูก 25 บาท
EMS 2 วันถึง แต่บุรุษไปรษณีย์เก่งเกินไป
ไม่ว่าเขียนที่อยู่อะไร เค้าก็จะส่งไปให้แต่ที่ร้าน! และไม่ยอมโทรหา
สรุปของสรุป.. Kerry เจอมรสุม และจะไม่ใช่ผู้ผูกขาดตลาดอีกแล้ว
อย่างเช่น Lazada ที่โดน Shopee ท้าทายอยู่ตอนนี้
ผมถึงไม่ซื้อหุ้นพวกนี้ ธุรกิจ Burn money สักวันก็เจอคนมา Burn แข่ง
ช่วงนี้มีการปลุกปั่นผ่านโซเชี่ยวบ่อยมาก
พวกเราต้องใช้สื่ออนไลน์อย่างระมัดระวัง
รบกวนเลือกช่องทางรับข่าวสารที่ถูกต้องด้วยค่ะ
- ผู้สื่อข่าว = กนก รัตน์วงศ์สกุล
- สื่ออาวุโส = ดร.เสรี วงศ์มณฑา
- ทีวีหนังสือพิมพ์ = เนชั่น, ไทยโพสต์, แนวหน้า
- สื่อสังคมออนไลน์ = ทีนิวส์, METTAD, ตบดิ้น
- วิเคราะห์การเมือง = กิตติทัช, เทอดศักดิ์ เจียมฯ, ปู จิตกร บุษบา
- วิเคราะห์เศรษฐกิจ = สมเกียรติ โอสถสภา
- วิเคราะห์เศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศ = ทนง แฟนคลับ
- วิเคราะห์การลงทุน = วรวรรณ ธาราภูมิ
- นักแสดงชายต้นแบบ = ออฟ พงษ์พัฒน์
- นักแสดงหญิงต้นแบบ = สินใจ เปล่งพานิช
- ตัวประกอบต้นแบบ = ท็อป ดาราณีนุช, เหมี่ยว ปวัณรัตน์
- นิยายที่ควรอ่าน = วินทร์ เลียววารินทร์
- การ์ตูนเสียดสีการเมือง = ชัย ราชวัตร
- หมอดู = วาริณ บัววิรัชเลิศ
ตกหล่นตรงไหนช่วยกันเติมด้วยนะคะ
ลูกหลานไทยจะได้โตไปแบบรู้ทันโลกค่ะ
ขอบคุณค่ะ
- ผมเลิกสนใจฟุตบอลแล้วครับ
- ใครจะเป็นแชมป์มึงก็ทำมาหาแดกอยู่ดี
รักที่สุดคือธนาธร
ห่วงที่สุดคือคนที่รักธนาธรจนเสียสติ
#มิตรฯ
“หมอ”……ที่แท้จริง 👨⚕️
ในวงราวน์คนไข้ แห่งหนึ่ง
เช้าวันหนึ่ง 7.30 ครูแพทย์สาวโสดวัยเกือบ 50 มาดูคนไข้ที่วอร์ดเด็ก
นักศึกษาแพทย์ปี 4,5,6 แพทย์ใช้ทุน แพทย์ประจำบ้าน_กรูกันเข้ามาหาอาจารย์แพทย์เพื่อรายงานเคส
นสพ.ปี 6…”เคสนี้เด็กชายไทย 4 ปี มาด้วยไข้ ไอ น้ำมูก 3 วัน หลังจากนั้น ถ่ายเหลว 5 ครั้งก้นแดงครับ…………บลาๆๆๆๆๆ
ครูแพทย์…;วินิจฉัยอะไร อ่ะปี 5 ตอบสิคะ
นสพ.ปี 5…” gastroenteritis ครับ” (ลำไส้อักเสบ) อาจารย์
ครูแพทย์…; ปี 4 ตอบสิ มีเชื้ออะไรบ้าง 3 เชื้อค่ะ
นสพ.ปี 4… ไวรัส rota, adenovirus และ norovirus ครับ
ครูแพทย์… ยิ้ม เก่งมากค่ะ ทุกคน
เด็กคนนี้มีปัญหาอะไรอีกค่ะ
???????
เอาละสิ ปี4-6 พี่แพทย์ใช้ทุน แพทย์ประจำบ้าน เงียบ ในใจ มีอะไรอีกหรอ น่าจะครบสิ
เงียบ
_
ครูแพทย์. ลองสังเกตเด็กดีๆสิ
สายตาทุกคู่ เหลือบมองไปที่เตียงเด็ก ดูเด็ก
และสังเกต
ในใจน้องๆหมอ ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่
เงียบบบบ
_
ครูแพทย์ กระตุ้น สังเกตดีๆๆสิ
ก็ยังเงียบ
_
_
_
ครูแพทย์… เห็นอะไรไหม
1) “เด็ก 4 ขวบ ทำไมตัวเล็ก จากสายตาคาดว่า จะหนักสัก 10 กก. คุณหมอได้ถามประวัติอาหารไหม นี่ก็คือปัญหานะ กินข้าวกี่มื้อ เนื้อสัตว์ผัก นมกินยี่ห้อไร กี่กล่องต่อวัน
2)เห็นขวดนมที่ตั้งอยู่หัวเตียงคนไข้ไหม
ปกติ ควรเลิกตอนอายุ 18 เดือนถึง 2 ปี ทำไมเด็กถึงยังไม่เลิก
เชื่อไหม ไป รร. ไม่ต้องกินขวด แต่กลับมาบ้านต้องกินขวด
นสพ อึ้ง
หันไปถามคนเฝ้าไข้
เป็นเช่นนั้นจริงๆตามครูแพทย์กล่าว
“แล้วคุณหมอเห็นฟันเด็กไหม”
นสพ. เงียบ ยังไม่ได้ดูครับ
ครูแพทย์ _พี่เห็นมีฟันผุที่ด้านบน เหี้ยนเลย ไม่เชื่อลองเปิดดู
เป็นจริงดั่งครูแพทย์ว่า
นสพ. อึ้ง นี่อาจารย์แค่ฟัง
และมองๆรอบเตียง เหมือนไม่ได้สนใจ
แต่ครูแพทย์เก็บรายละเอียดยิบ
โดยที่ยังไม่ได้จับคนไข้เลย
ยังๆยังไม่หมด ครูแพทย์ พูดต่อ
3) เห็นคนเลี้ยงไหม ที่นั่งข้างเตียงเด็ก
นสพ. ทุกคนย้ายสายตาไปดูคนเฝ้า
ภาพที่เห็น
เป็นคุณยายอายุเกือบ 70 ปีนั่งเฝ้าหลานวัย 4 ปี
ท่าทางอิดโรย
อาจารย์แพทย์_”น้องหมอได้ถามไหม พ่อแม่เด็ก ทำงานอะไร แล้วยายมาเฝ้าหลาน เดินทางมาไง นอนที่ไหน ใครส่งเงินให้ ใครทำกับข้าวให้ ใครไปส่ง รร.
สุดท้ายครูแพทย์กล่าว
“คนนี้น่าจะมีภาวะซีด ค่าเลือดน่าจะอยู่ที่ 25-28%
ไม่เชื่อลองเปิดผลเลือดดู”
ครูแพทย์ พูดออกมา โดยยังไม่เห็นผลเลือดเด็ก
ได้แต่ยืนและสังเกต
นสพ. ปี 6 เปิดผลเลือดถึงกับอึ้ง
ค่าความเข้มข้นเลือด =26%
นี่แหละครับ
การเรียนแพทย์คือ เรียนจากคนไข้ ฝึกประสบการณ์
หมอที่ดีไม่ใช่หมอที่ท่องตำราเก่งอย่างเดียว
หมอที่ดีคือหมอที่ดูคนไข้ สังเกต มองรอบข้างทุกอย่าง hollistic care
โรค กาย จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม แล้วเก็บประสบการณ์แต่ละเคส เพื่อพัฒนาการดูแลคนไข้ และใช้สอนน้องๆหมอ
วันนี้น้องๆหมอดูคนไข้รอบด้าน ละเอียดหรือยังครับ
ให้กำลังใจหมอใหม่ นักเรียนแพทย์ใหม่ทุกคน
เรียนแพทย์ไม่ยาก แต่ที่ยากคือ ความรับผิดชอบและใส่ใจคนไข้
หมอเรารักษา โรค แล้ว อย่าลืม รักษา คน ด้วย
ปล… คุณหมอฌอน ภาพจากซี่รีย์ละครชื่อดัง The good doctor
รื่องห้องน้ำกะเทยเนี่ย เป็นปัญหาโลกแตกจริงๆนะ คือ กะเทยแต่งหญิงแต่ยังมีควย พอจะเข้าห้องน้ำหญิง ผู้หญิงก็ไม่สะดวกใจ แต่ว่า...
1. พอกะเทยประท้วงว่า "พวกชั้นออกสาวแต่งหญิงแบบนี้ ชั้นไม่ลวนลามหรือแอบดูผู้หญิงหรอก" ก็ดันมีข่าวกะเทยแต่งหญิงมีนมแต่งงานกับผู้หญิงมีลูกด้วยกันออกมาจริงๆ สิ่งที่กะเทยประท้วงเลยถูกปัดตก เพราะมีกะเทยที่เย็ดผู้หญิงได้
2. พอจะออกกฏว่า คุณต้องแปลงเพศแล้ว ถึงเข้าห้องน้ำหญิงได้ กะเทยก็ประท้วงว่า ใจฉันเป็นหญิง ฉันแต่งหญิง สรีระร่างกายฉันก็เป็นหญิง พวกผู้ชายก็ไม่ให้พวกฉันเข้าห้องน้ำชาย และอาจลวนลามฉันได้
3. จะให้ทุกบริษัททุกห้างทุกอาคารทำห้องน้ำสำหรับกะเทยโดยเฉพาะ มันก็เป็นการทำให้เจ้าของสถานที่เสียเงินเพิ่ม เขาก็เดือดร้อน เขาเลยไม่อยากทำ
4. แต่พอเจ้าของสถานที่จะให้กะเทยใช้ห้องน้ำผู้พิการแก้ขัดไปก่อน กะเทยก็ประท้วงว่าฉันไม่ใช่คนพิการ นี่เป็นการเหยียดพวกฉัน
>>780 กูอ่านแล้วดันนึกถึง quote เก่าๆ ที่มีคนไข้ปวดขามา รพ. กลางดึก นักศึกษาแพทย์ตรวจดูแล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
ให้อาจารย์มาดูแกถามประโยคเดียวเลย "มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่" เลยได้ความว่าปวดขาเพราะเกร็งขาค้างท่าเดียวนาน
เลยให้ยาอะไรซักอย่างไปกิน แล้วก็กลับบ้านได้
พี่โจวได้เขียนบทซีรีย์กับเฮียหมานไว้เรื่องหนึ่ง ด้วยการตีความจิตร ภูมิศักดิ์ ใหม่ว่าแกเป็นปอบอ่ะครับ แล้วโดนกำนันผู้คงแก่วิชาปราบได้ จนกำนันผู้นั้นได้ไปปราบซอมบี้ต่อที่เมกา ผู้ผลิตซีรีย์เจ้าไหนสนใจ ก็จะสนใจนะครับ
ความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจและปปช. เทียบกันระหว่างสังคมปชต.และอำนาจนิยม:
ที่เบอร์ลินมีกลุ่มคนไทยรวมตัวกันขายอาหารในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ตอนแรกเริ่มเล็กๆ ตอนนี้โด่งดังออกทีวีมากมาย มีฝรั่งและคนเอเชียมาอุดหนุนทุกอาทิตย์ ทั้งหมดนี้ไม่ถูกฎหมาย แต่ดีมานด์สูง ป้าๆเลยยังขายของต่อไปได้
เมื่อวานนี้ตำรวจมากลุ่มเบ้อเริ่ม ปฏิกริยาของคนไทยและฝรั่งแถวนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
คนไทย (ทั้งแม่ค้าและลูกค้า): วิ่งหนี คือเห็นตำรวจแล้วนึกถึงเทศกิจ เลยหนีไว้ก่อน ทั้งที่ไม่รู้ว่าตำรวจมาทำไม
ฝรั่ง: นั่งดูชิวๆสักพัก จากนั้นโห่ไล่ตำรวจ จนตำรวจต้องถอย
ตำรวจ: ปรากฏว่าแค่จะมาแจกใบปลิวว่าด้วยการรักษาความสะอาดในพื้นที่ค้าขาย ไม่ได้มาจับใคร (เอิ่มม)
ความสัมพันธ์ระหว่างจนท.รัฐกับปปช.ในสังคมปชต.เป็นแบบล่างขึ้นบน ("เสียงโห่") ในทางกลับกันความสัมพันธ์เช่นนี้ในสังคมอำนาจนิยมเป็นแบบบนลงล่าง ("วิ่งหนี") ขนาดออกไปอยู่ที่อื่น สำนึกทางอำนาจแบบนี้ก็ติดตัวมาด้วยแบบแกะไม่ออก
>>785 อันนี้นึกถึงที่ NGO บางคนตั้งข้อสังเกตเหมือนกัน ว่าถ้าดูคำพูดที่คนระดับล่างบ้านเราใช้เรียกร้องสิทธิในการทำมาหากินกับรัฐ จะใช้คำประมาณ "วิงวอน" " อ้อนวอน" "ขอความเมตตา" คือมันไม่ใช่การเรียกร้องอย่างเต็มปาก ในขณะที่คนระดับล่างในสังคมตะวันตกจะพูดเต็มปากเต็มเสียงเลยว่า "ฉันมาเรียกร้องสิทธินะ" แสดงออกตรงๆ แรงๆ กันไปเลย
>>789 จริงๆ คนไทยก็ไม่ได้แคร์กฎหมายเท่าไรหรอก คำโบราณก็พูดอยู่ว่าการขึ้นโรงขึ้นศาลถือเป็นโชคร้าย ขนาดคนมีตังค์ยังยอมจ่ายเพื่อหวังว่าจะวิ่งคดีได้ คนจนก็รับสภาพไป มันไม่เหมือนฝรั่งที่ต้นทุนกระบวนการยุติธรรมถูกกว่า (หรือเปล่าวะ กูเห็นคนไปเมืองนอกบอกคนที่นั่นไม่ได้กลัวการขึ้นศาลหรือไปโรงพักมากเท่าในไทยนะ)
พวกบ้าการเมืองดูแล้วเหมือนฉลาดนะ แต่ที่จริงโง่บัดซบ
10ปีที่แล้วมึงเป็นยังไง วันนี้มึงก็ยังเป็นเหมือนเดิม
พวกมึงได้ดิบได้ดีเพราะการเมืองมั้ยเล่า ด่าไปแล้วไงเปลี่ยนอะไรได้มั้ย ก็ได้แค่ด่า อา วันนี้ได้ด่านักการเมือง ได้ด่าฝ่ายตรงข้ามกะกุแล้ว กูฟิน555 ปิดเครื่องนอน พรุ่งนี้ไปทำงาน 555 แล้วยังงี้มันถึงโง่ไงพวกบ้าการเมือง ไปสนใจทำเหี้ยอะไรการเมืองไม่มีประโยชน์ ไร้สาระชิบหายพวกมึงนี่
ในอดีตนานมาแล้ว อาร์คบิชอปธีโอดอร์แห่งแคนเทอร์เบอรี (700 AD) ทรงผูกขาดการเย็ดของฆราวาสผ่านคู่มือศีลอภัยบาป คู่มือนี้ชื่อว่า "คัมภีร์สารภาพบาปของธีโอดอร์ (Theodore's Penitential)"
คัมภีร์นี้สนับสนุนเฉพาะการเย็ดเพื่อมีลูกเท่านั้น การเย็ดเพราะเงี่ยนถือเป็นบาป การใช้ลิ้นใช้ปากก็บาป เย็ดท่าแปลกก็บาป ชักว่าวตกเบ็ดยังบาป แต่ที่น่าสนใจคือ กิจการซ่องรุ่งเรืองเฟื่องฟูในยุคกลางมาก แต่ศาสนจักรก็ไม่แคร์
ข้อนี้สัมพันธ์กับสิ่งที่ฟูโกต์ - นักปรัชญาและประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศส - เรียกว่า "Other Victorians" มันคือความเป็นวิคทอเรียนแบบอื่นที่ต่างจากวิคทอเรียนแบบเหนียมๆ อายๆ ที่เรารับรู้
แน่นอนว่าการบำราบความเงี่ยนนั้นยังคงเข้มข้นในสมัยวิคทอเรียน เรื่องเซ็กส์ถือเป็นเรื่องน่าละอาย การเย็ดต้องท่ามิชชันนารี เรื่องเพศถือเป็นเรื่องไม่ควรเอ่ยถึง
...
สังคมพยายามกดเรื่องเหล่านี้ไว้ให้มิดไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
...
ยกเว้นคลินิคจิตแพทย์ กับซ่องกะหรี่
....
สองที่นี้เป็นข้อยกเว้น โดยเฉพาะซ่อง ซ่องเป็นเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อำนาจสังคมไม่สามารถกล้ำกรายได้ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน
นั่นเป็นเพราะสังคมคริสต์มองว่าความเงี่ยนเป็นบาป แต่บาปนั้นอภัยได้ ดังที่เซนท์ทอมัส อไควนัสกล่าวไว้ว่า "หากกะหรี่ถูกสั่งห้าม สังคมคงล่มสลายเพราะความเงี่ยน"
นอกจากซ่องในฐานะสถาบันระบายบาปแล้ว พวกเขาเหลือลู่ทางให้กลับตัวจากความเงี่ยนโดยการตั้งคลินิคบำบัดความเงี่ยนในนามจิตแพทย์มาอีกสถาบันหนึ่ง กระนั้นความเงี่ยนก็ยังถูกมองเป็นเรื่องไม่ปกติอยู่ดี
แต่ในยุคสมัยปัจจุบันนี้ สังคมไม่ได้มีการบำราบเรื่องเพศ หรือหากมีก็น้อยมาก เงี่ยนนิดก็หาแฟน เงี่ยนมาหน่อยก็โหลดทินเดอร์(ไม่การันตี) เงี่ยนเร่งด่วนก็ไปตีกะหรี่ เงี่ยนชิวๆ ก็หา FWB
โดยเฉพาะสังคมเราที่ไม่ใช่สังคมคริสต์ เอากันเสียวแค่ไหนก็ไม่บาป ช่วยตัวเองก็ไม่บาป จะทำท่าไหนก็ไม่บาป เราไม่ได้มีวิธีแก้เงี่ยนเพียงวิธีเดียวเหมือนในสมัยยุคกลาง
ขี้เกียจเขียนยาว สรุปแล้วเอาเป็นว่ารัฐประหารเป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การแบ่งแยกโซนคนรวยกับคนจน ทั้งการแบ่งโดยตรงคือการแยกกันอยู่คนละที่ และการแบ่งโดยอ้อมเช่นชุมชนประเภท Gate Community พวกหมู่บ้านหรูๆ มีรั้วรอบขอบชิดปิดอาณาบริเวณจากชุมชนคนทั่วไปโดยรอบ หรือการทำสกายวอล์คให้เดินข้างบนไม่ต้องเดินบนทางเท้าปะปนกับคนทั่วไป ไม่ว่าโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ท้ายที่สุดมันจะแบ่งแยกคนออกจากนั้น มีแต่จะสร้างความไม่เข้าใจและขัดแย้งกันอย่างรุนแรงขึ้น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
โอกาสที่ประยุทธ์จะได้เป็นนายกรวมทั้งสิ้น 13 ปี (5+4+4)
5 ปีแรกจากรัฐประหาร
4 ปีจากการเลือกของ สส สว วันนี้
และอีก 4 ปีก็เพราะ 250 สว จะยังอยู่กับเราในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มีวาระ 5 ปี ขณะที่ สส-รัฐบาล มีวาระ4ปี เลิกสนใจการเมือง รอเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ได้ไม่พอ
“พวกที่บอกว่าใครจะเป็นนายกก็ไม่สำคัญเพราะสุดท้ายก็ต้องตื่นมาทำมาหากินเหมือนเดิม ให้ลองคิดภาพพ่อมึงไปโรงพยาบาลแล้วเจอหมอคนเดิมที่รักษามา 5 ปีละไม่หายสักที แต่พยาบาลบอกว่าไม่สำคัญหรอก ไม่ว่าใครจะเป็นหมอ ยังไงพ่อมึงก็ตายอยู่ดี”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้ามัวแต่คิดว่าเดี๋ยวก็ตายแล้ว โลกนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงกันพอดี
ข้อสำคัญข้อหนึ่งที่พึงระวังก็คือว่า เราไม่ควรเอาระบอบการปกครองและความอยุติธรรมไปผูกติดกับความเจริญเติบโตของประเทศ ดังว่า จงหันมาสนใจการเมือง ขับไล่เผด็จการ เพราะไม่อย่างงั้นประเทศจะไม่เจริญ ต่างชาติจะไม่มาลงทุน ราคายางจะตกต่ำ บีทีเอสจะราคาสูง ภาษีจะใช้ไปไม่ถูกที่ถูกทาง เป็นต้น
เพราะหากเราสร้างเงื่อนไขดังกล่าว แปลว่าถ้าหากประเทศเจริญได้ดี ต่อให้ต้องตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการและความอยุติธรรมก็ย่อมไม่เป็นไรเช่นนั้นหรือ...
ความร้ายกาจของเผด็จการและความอยุติธรรม คือการริดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชน บั่นทอนคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนด้วยการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียม และสิ่งที่ร้ายที่สุดคือ การทำให้ประชาชนสมาทานความเชื่อที่ว่าตนไม่มีคุณค่า ไม่มีความสามารถมากพอที่จะเทียมทัดผู้นำ ไม่ได้มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ต้องก้มหัวและรอรับคุณประโยชน์สุดแท้แล้วแต่ที่รัฐจะหยิบยื่นให้ ไม่มีสิทธิเรียกร้องอะไรจากรัฐเนื่องจากอำนาจแห่งการปกครองนั้นไม่ใช่ของตน
ประชาธิปไตยไม่ได้เป็นหลักประกันว่าประเทศจะเจริญหรือไม่ แต่ความสำคัญของประชาธิปไตยคือ การประกันสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพของประชาชน "ทุกคน" อย่าง "เท่าเทียม" เป็นหลักประกันว่าประชาชนทุกคนมีคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในตนเอง โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาสถาปนาแต่งตั้งคุณค่าเช่นว่า และที่สำคัญที่สุดคือรัฐอยู่ใต้ประชาชน ต้องรับฟังและตอบสนองต่อประชาชน "เพราะอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนทุกคน"
ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องมาจากเสียงประชาชน ไม่ใช่สูตรคำนวนอันพิศดารจาก กกต และเสียงโหวต สว ที่เลือกมาเอง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ บอกว่า ใครแพ้เลือกตั้งให้ยอมรับ
คือ มึงจะอวยประยุทธ์ กูก็พอทนฟัง มึงจะด่าธนาธร ด่าทักษิณ ด่าพรรคอื่น ฟังได้ทั้งนั้น
พอมึงบอกตัวเองชนะเลือกตั้งเนี่ย มันไม่หน้าด้านเกินไปหน่อยเหรอ ทนฟังไม่ได้อ่ะ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่ากว่าจะถึงวันนี้พวกมึงมากันได้ยังไง
น้ำท่วมก็มาด่านายก เขาเพิ่งเข้ามาไม่กี่วันเอง รัฐบาลที่แล้วทำควยอะไรไว้
#มิตรสหฯ
สูตรสำเร็จของหนังอินดี้เมืองไทย
1. ถ้าพระเอกยังเรียนอยู่ ต้องเรียนเกี่ยวกับศิลปะนะ จะเป็นดนตรี วาดภาพ ถ่ายภาพ ก็ว่าไป จะมาเรียนเทคนิคการแพทย์ บริหารธุรกิจ หรือ สายอาชีพนี่ไม่ได้เด็ดขาด
2. ถ้ามีงานประจำ ก็ต้องทำงานด้านศิลปะนะ เป็นนักร้อง นักวาดภาพ ครีเอทีฟ สถาปนิก ฯลฯ ก็ว่าไป จะมาเป็นนายธนาคาร ทนายความ หรือ พนักงานธุรการประจำศาล ไม่ได้เด็ดขาด
3. ถ้าจะทำธุรกิจส่วนตัว ก็ต้องเปิดร้านกาแฟ ที่เชียงใหม่เท่านั้นเลยนะ ยิ่งถนนนิมมานฯ ได้ยิ่งดี และต้องเป็นร้านแบบฮิปๆ ชิคๆ คูลๆ ด้วยล่ะ ประเภทผนังปูนเปลือย มีจักรยานญี่ปุ่นมือสองสีพาสเทลแขวนไว้ด้วย ถึงจะเข้าคอนเซ็ปต์ ประเภทซื้อแฟรนไชส์ชาไข่มุกนี่หยุดเลย มันไม่ใช่อ่ะ!!
4. ถ้ายังไม่ได้ทำงาน จะมัวมาตระเวนสัมภาษณ์งาน นั่งดูเว็บไซต์หางานไม่ได้นะ ต้องเกาะแม่ที่ขายข้าวแกง ปิ้งหม่าล่าขาย หรือ ขายของชำกินไปวันๆ ไปเรื่อยๆ ก่อน อ้างว่ายังอยากค้นหาตัวเอง เดินตามความฝัน ให้แม่มันด่าเช้าด่าเย็นที่ไม่ลงมาช่วยทำงานดีแต่แบมือขอตังค์อยู่อย่างนั้น
5. เวลาน้อยใจที่แม่ด่า จะหนีไปเตะบอล เข้าฟิตเนสหรือว่ายน้ำไม่ได้นะ มันผิดคอนเซ็ปต์ ต้องปิดประตูห้องนอนเสียงดัง แล้วดีดกีต้าร์ร้องเพลงในห้องนอนรกๆ มีหนังสือคอร์ดเพลงวางระเกะระกะ หรือไม่ก็ออกจากบ้านขับเวสป้าขึ้นดอยไปสงบสติอารมณ์ ย้ำว่าต้องเป็นเวสป้าเท่านั้นนะ สี่ประตูโฟร์วีลเอย รถ SUV เอย ห้ามขับเด็ดขาด
6. ส่วนนางเอกก็ต้องขาวๆ หมวยๆ ผอมๆ ตัวเล็กๆนะ จะมาอวบๆ นมเป็นนม สะโพกเป็นสะโพกนี่ไม่ได้เด็ดขาดเลย และถ้าจะให้ครบสูตรยิ่งขึ้น ชื่อเล่นก็ต้องมี 2 พยางค์ด้วย
7. พระนางจะตกหลุมรักกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น อย่างเช่น ถอดเสื้อกันหนาวให้ใส่ ก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าให้ หรือ อุ้มตอนหกล้มขาแพลง เท่านั้นนะ ประเภทหอบดอกไม้ช่อโต หรือตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ๆมาให้ หรือพาไปเที่ยวเสม็ด 7 วัน 7 คืนนี่ไม่ได้กินหรอก อันนั้นมันบทบาทของพระรองเขา
8. ส่วนคู่ของเพื่อนพระเอกนางเอก จะต้องมีคู่ใดคู่หนึ่งที่แอบรักเพื่อนสนิทที่กัดกันเป็นประจำทุกครั้งที่เห็นหน้า แล้วจะสารภาพรักกันตรงๆ ซึ่งๆหน้าไม่ได้นะ ต้องไปบเดินขึ้นเขา ลุยป่า ฝ่าคลื่นทะเล เพื่อไปตะโกนบอกฟ้าว่ากูรักมึงนะ ในขณะที่อีกฝ่ายจะมารู้ความจริงจากการแอบเห็นสมุดโน้ต รูปถ่าย หรือของขวัญแฮนด์เมดที่แอบเตรียมไว้แต่ไม่กล้าให้ทีหลังด้วยความบังเอิญ
9. เพลงประกอบภาพยนตร์นี่ห้ามแต่งขึ้นใหม่นะ เอาเพลงเก่าที่เคยโด่งดังเมื่อหลายปีก่อนนั่นแหละมาใช้ ต้องคัฟเวอร์โดยนางเอกของเรื่องเป็นคนร้องเท่านั้น ส่วนร้องแล้วเสียงมันจะดีหรือไม่ดีก็ช่างแม่มมัน
10. ถ้ามีพี่เต๋อ หรือ พี่เป้ เสลอ มาเล่น ความอินดี้ของเรื่องจะเพิ่มขึ้นอีก 30% ทันที
#หนังอินดี้ #ภาพยนตร์ไทย #สูตรสำเร็จ
#ขับรถมาเกือบหกสิบกิโลในวันหยุดเพื่อมารู้สึกเสียความรู้สึกกับคนไม่มืออาชีพคนหนึ่ง
.
วันนี้นัดสัมภาษณ์แคนดิเดตคนหนึ่ง ตำแหน่ง Content & Social Media ที่เลือกเชิญคนนี้มาสัมภาษณ์เพราะสำนวนการเขียนแนะนำตัวในอีเมลดูเร้าใจมากๆ คิดว่าเด็กคนนี้น่าจะมีของแน่ๆ
.
วันที่ 3/6/62 โทรไปนัดวันสัมภาษณ์ แจ้งนัดไปวันที่ 8/6/62 เวลา 14:00 ปลายสายแจ้งว่า #รบกวนอีเมลมายืนยันวันสัมภาษณ์ด้วยนะคะ เราวางสายปุ๊บ ส่งอีเมลเลย
.
ก่อนวันสัมภาษณ์หนึ่งวัน อีเมลไป Remind วันสัมภาษณ์ เงียบ! ไม่มีการตอบกลับใดๆ
.
วันนี้ไปถึงออฟฟิศก่อนสัมภาษณ์นิดหน่อย โทรไปสอบถามว่าถึงไหนแล้ว ติดต่อไม่ได้เลย (ประมาณ 5 สาย)
.
เลยไปคุ้ย Resume เจอไลน์ เลยทักไลน์ไปสอบถามว่า วันนี้ที่นัดสัมภาษณ์บ่ายสอง สรุปจะเข้ามาไหมครับ
.
ปลายทาง read ตั้งแต่ 13:57 แต่ตอบไลน์กลับมา 17:00 ว่า สวัสดีค่ะ ต้องขออภัยที่ตอบกลับช้านะคะ คงไม่สะดวกไปสัมภาษณ์ค่ะ!
.
ตอนนั้นเซงละ ก็เลยพิมพ์ตอบกลับเพื่อทวนเหตุการณ์ให้เค้าพิจารณาว่า
.
เห็นตอนแรกคุณคอนเฟิร์มทางโทรศัพท์ว่าจะมาสัมภาษณ์วันนี้ และบอกให้ผมส่งอีเมลเพื่อยืนยันวันนัดสัมภาษณ์หลังจากวางสายโทรศัพท์คุณตั้งแต่วันที่ 3/6/62
.
ผมส่งอีเมลไป remind คุณอีกครั้งในวันที่ 7/6/62 ช่วงบ่าย แต่ไม่มีการตอบกลับใดๆ
.
ในกรณีที่คุณไม่สะดวกมา หรือขอเลื่อนคุณควรแจ้งผมล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันนะครับ
.
เพราะวันนี้ผมมาแล้ว ผมขับรถจากรังสิตมา กทม เพื่อมาสัมภาษณ์คุณคนเดียว วันนี้ช่วงบ่ายผมโทรหาคุณ แต่ติดต่อคุณทางโทรศัพท์ไม่ได้ ผมเลยแอดไลน์มาถาม ถึงจะได้คำตอบว่าไม่สะดวกมา ซึ่งผมว่ามันไม่โอเคเลยครับ
.
ยังไงผมขอขอบคุณที่สนใจสมัครงานกับทางบริษัทของเรานะครับ
.
#แต่ที่พีคที่สุดมันอยู่ตรงนี้
.
เคนดิเดต ตอบกลับมาว่า
.
ขออภัยจริงๆค่ะ พอดีว่าติดภารกิจที่ ตจว เลยไม่ค่อยได้เช็คอีเมลเลยค่ะ ยังไงต้องขออภัยอีกครั้งค่ะ
.
#เดี๋ยววววววววววววววววว
แต่ใน cv หนูเขียนมาว่าหนูติดอินเตอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนมากๆ เข้าไปดู facebook หนูตั้งสเตตัสถี่มากเลยนะ แต่บอกว่า #ไม่สะดวกเช็คอีเมลเพราะอยู่ต่างจังหวัด
.
นี่ยังไม่นับเรื่องที่ส่งอีเมลหว่านนะ ส่ง bcc หาเรา แต่ดันส่ง cc บริษัทอื่น....
.
เคสนี้แค่อยากจะบอกว่า resume และการแนะนำตัวที่แสนดูดี การโพสต์บนโซเชียลแต่สิ่งดีๆ ตั้งสเตตัสหล่อๆ คูลๆ ไม่ได้การันตีว่าคนๆ นั้นจะเป็นมืออาชีพจริงๆ
.
ไม่น่าเชื่อว่าเด็กคนนี้ใกล้ตัวด้วย มี mutual friends หลายสิบคน
.
สุดท้ายๆ เลยตัดสินใจรับอีกคนนึง ที่อาจจะเก่งน้อยกว่า แต่น่าปั้นกว่าเยอะ เพราะนิสัยพื้นฐานผ่าน เคมีน่าจะเข้ากับทีมมากกว่า
.
ขอให้น้องโชคดีนะครับ :)
สมเจียมเลือกวันกลับได้เหมาะมาก
9 มิถุนายน 2489 วันเสียงปืนแตก
#มิตรสหาฯ
ขอให้เข้าใจตรงกันนะคะ
ในการเลือกตั้งครั้งนี้หรือครั้งไหนก็ตาม ข้าพเจ้าไม่มีพรรคใดเป็นพรรคในดวงใจ
แต่ข้าพเจ้าไม่ยอม vote noและขอร้องพี่ฝ้ายไม่ให้vote no โดยบอกลูกว่า ให้เลือกพรรคที่ลูกชอบอย่างอิสระ แต่มีข้อคิดว่า อย่าเลือกเล่นเพื่อความสะใจ อย่าเลือกพรรคที่อย่างไรก็ไม่สามารถเข้าสภาได้ เพราะคะแนนจะเสียเปล่า
พรรคที่ลูกชอบ ถึงแม่จะเห็นว่าชั่วแค่ไหน ถ้าลูกพอใจ เลือกไปเลย เพราะมั่นใจว่า ลูกคงมีเหตุผลที่จะเลือก
ข้าพเจ้าเลือกพรรคใด ก็อย่ามาถาม เพราะเป็นสิทธิ์ส่วนตัว แม่อาจจะเลือกพรรคที่แม่ด่าอยู่ทุกวันก็ได้
แต่อยากให้เพื่อนๆทราบว่า กาลครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเคยเป็นตุลาการศาลทหาร
กาลครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเคยถวายคำสัตย์ต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน เมื่อได้รับพระราชทานยศเป็นนายพล
กาลครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเคยกล่าวคำปฎิญาณต่อธงชัยเฉลิมพลเมื่อได้รับพระราชทานยศเป็นนายทหารครั้งแรก
คนอื่นอาจเห็นคำปฎิญาณเป็นเพียงลมปาก
หากข้าพเจ้าปฎิญาณด้วยหัวใจ
ข้าพเจ้าจึงขอซื่อสัตย์ต่อคำสาบานจนกว่าชีวิตจะหาไม่
สำหรับเหตุที่ข้าพเจ้าออกมาบ่นแรงๆทุกวันเรื่องคุณประยุทธ์ เรื่อง คสช. เรื่องทหารที่ลืมหน้าที่ เรื่องการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใส เรื่องการใส่ร้ายป้ายสี
เกลียดที่สุดคือการเอาวลี"ล้มเจ้า" เป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้าม
สำหรับคุณประยุทธ์ ข้าพเจ้าเคยรู้จักท่านมาตั้งแต่ท่านเป็น ผบ.พล.ร.2
เคยร่วมงานเกี่ยวกับการตรวจค้นทุ่นระเบิด
รองประธานวุฒิสภา พลเอกสิงห์ศึก สิงห์ไพร ท่านคงจำได้ว่าครั้งหนึ่ง เมื่อท่านเป็นรองผู้การ คุณประยุทธ์เป็นผู้บังคับการ ร.21 รอ. อาหารม้าของท่านเสียหายเพราะหลังคาคลังอาหารรั่ว และอีกครั้งที่ม้าของ ร.21 รอ.ถูกหมาบ้าเข้ามากัดถึงในคอก
เป็นข้าพเจ้า และลูกน้องที่ไปดูแลรักษาและแก้ปัญหาให้
ทุกครั้งที่ใครพูดถึงคุณประยุทธ์ ข้าพเจ้ายืนยันทุกครั้งว่าคุณประยุทธ์เป็นคนดี
แม้ในวันนี้ ข้าพเจ้ายังยืนยันว่า โดยเนื้อแท้คุณประยุทธ์เป็นคนดี ข้อเสียมีแค่อารมณ์เสียง่าย พูดจากระโชกโฮกฮาก ปากไว และลืมสถานะตัวเองว่าวันนี้ท่านไม่ใช่ ผบ.ทบ.
หากเป็นนายกรัฐมนตรี และตอนนี้ก็เป็นนักการเมืองเต็มตัว
หากแต่นักการเมือง และบริวารสอพลอ รอบๆตัวทำให้คุณทำอะไรผิดๆขึ้นทุกวัน
ข้าพเจ้ามั่นใจว่า คุณประยุทธ์ไม่ได้เข้าใจทุกอย่างที่บรรดาที่ปรึกษาแนะนำให้ทำ ให้สั่งการ
คนแนะนำลอยตัว คนสั่งโดนด่าเสียผู้เสียคน
ถ้ามีใครที่หวังดีกับคุณประยุทธ์จริง ลองแนะให้ท่านทบทวนเสียหน่อยว่า
รัฐธรรมนูญนี้ เนื้อหาส่วนใหญ่มันเละเทะอย่างเขาว่ากันจริงไหม
กฎหมายประกอบการเลือกตั้งหมกเม็ดการเอาเปรียบพรรคอื่นๆใช่ไหม
องค์กรอิสระทั้งหลายที่ท่านตั้งขึ้น ขาดคุณธรรม ไม่มีความยุติธรรมในใจเลยจริงไหม ทำอย่างไรก็ได้ เพื่อสนองความอยากของคนกลุ่มเดียว จริงไหม
คุณประยุทธ์รักพี่รักน้องจนคุณธรรมบกพร่องหรือเปล่า
ข้าพเจ้ามั่นใจอย่างสุจริตว่า ตัวคุณเองที่เคยเป็นนายทหารที่ดีมาตลอดชีวิตก็คงรู้สึกไม่สบายใจ ใช่ว่าจะมีความสุขเหมือนสมัยเป็นนายทหารเด็กๆ
หากท่านบังเอิญได้อ่านบทความนี้ อยากให้ท่านถามตัวเองว่า การได้เป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง โดยมีคนกลุ่มหนึ่งทั้งอุ้ม ทั้งผลัก ทั้งดันจนสำเร็จ
เขาทำเพื่อใครกันแน่
ที้ข้าพเจ้าเขียนมายาวมากนี้ อยากให้เพื่อนของข้าพเจ้า ซึ่งบางคนเป็นคนที่ข้าพเจ้ารักมาก บ่นน้อยใจที่ข้าพเจ้าอยู่คนละฝ่ายกับ "ทีมลุงตู่"
ข้าพเจ้าขอเรียนให้ทราบอย่างจริงใจว่า ถ้าไม่มีการทำทุกอย่าง อย่างสกปรกที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่ออ้างว่าต้องการให้คุณประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี
หากปล่อยให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต
อย่างไรข้าพเจ้าก็เลือกคุณประยุทธ
เพราะนิสัยคนไทยนั้น "รักพวกพ้อง"
แต่ข้าพเจ้านั้น ความถูกต้องจะมาก่อนความรักพวกพ้องเสมอ
เฟสแกยังนิ่งๆ อยู่นะบาโฟอะ
อีช่อ ล้มเจ้า !! อีช่อ ล้มเจ้า !! อีช่อ ล้มเจ้า !! อีช่อ ล้มเจ้า !! อีช่อ ล้มเจ้า !!
พรรคอนาคตใหม่ ล้มเจ้า !! พรรคอนาคตใหม่ ล้มเจ้า !! พรรคอนาคตใหม่ ล้มเจ้า !!
คนเลือกพรรคอนาคตใหม่ คือพวกล้มเจ้า !! คนเลือกพรรคอนาคตใหม่ คือพวกล้มเจ้า !!
เหตุการณ์น้ำท่วมหนักๆถี่ๆบอกอะไรเราครับ
ผมเขียนเรื่อง Sinking Bangkok ได้อาทิตย์กว่าๆ กรุงเทพก็เจอน้ำท่วมหนัก
จำเลยที่สังคมพูดถึง คือขยะ คือฝนหนัก คืออุโมงค์ระบายน้ำ
ซึ่งใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดครับ
ปัญหาหลักคือกรุงเทพกำลังจม
ใช่ครับ เรากำลังจม จมเหมือนจาการ์ตาจม และอินโดก็พึ่งประกาศย้ายเมืองหลวงแล้ว เพราะ “เอาไม่อยู่”
เหตุหลักๆ
1. ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น จาก climate change
2. ที่ผ่านมา เราโง่เขลามากที่ถมสร้างตึกสูงมากมาย บนพื้นดินที่เป็น “โคลน” น้ำหนักที่ถูกกดทับมากขึ้นทุกปี ทำให้ฐานเมืองแข็งๆด้านบนทีเสาเข็มเกาะอยู่ จมลงในโคลนด้านล่างมากขึ้นๆ
3. กรุงเทพมีพื้นที่สีเขียวน้อยมาก ทำให้น้ำฝนที่ตกลงมาเทลงทะเลซะหมด โดยถนน ลานปูน พื้นปั้มน้ำมันที่เป็นปูน ตึก ซีเมนต์มากมายนั้นทำให้ “ดิน” ด้านล่างที่ควรจะมีความชื้นเพื่อให้ยืดหยุ่นเกิดการแห้ง ทรุด และร่อน
จำเลยคือใครครับ?
บนความคิดที่ว่า “ไม่รู้ไม่ผิด” แต่ “ถ้ารู้แต่ไม่ทำ นั่นคือผิด”
ผังเมือง และที่ปรึกษาผู้ว่า กทม. ตลอด 10 ปีนี่แหละครับ ที่ปรับผังเมืองกรุงเทพตอนในในมีสีแดงเข้มมากขึ้นๆจนเมืองร้อน รถติด และทรุดหนัก เพราะปล่อยให้กลุ่มทุนอสังหาเข้ามาแทรกแซงการคัดค้าน แทนที่จะเป็นแผน “กระจายออก” และสร้างหลุมขนมครก แนวพื้นที่สีเขียวตามแบบที่ท่านอดีตผู้ว่าพิจิตต รัตตกุล ท่านเคยฝากไว้
อีก 15 ปีข้างหน้า น้ำท่วมหนักจะเป็นปัญหาถาวร และหากไม่ทำอะไรภายใน 50 ปี กรุงเทพจะเป็นส่วนหนึ่งของชายทะเลอ่าวไทยครับ
#SinkingBangkok
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไม่ต้องกระแดะบอกว่าเศรษฐกิจดีนะคะ ถ้ายังไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการอะไร
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ปั่นเรื่องคุณช่อมากๆ เด็กมันไม่เลิกชอบพรรคส้มหรอก เลิกชอบอีกอย่างแทน--
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เพื่อนโม่งคิดว่า พรรค อนค. จะมีโอกาสโดนยุบพรรค เพราะปิยบุตร กับ นังฉ้อ ล้มเจ้า บ้างมั้ย
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นอาวุธ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ประเทศอื่นที่มีเจ้า เค้ามีเรื่องแบบนี้มั้ย
ประเทศไทยมีการใช้ 112 เพื่อกำจัดศัตรูทางการเมือง
กูว่าเหมือนเจ้า ถูกดึงฟ้าลงต่ำ เพราะการตีความกฎหมายเหี้ยๆแบบนี้นี่แหละ
โดยเฉพาะศาลทหาร แบบมู้ล่าง นิติรัฐเหี้ยอะไร ไปหมดแล้ว
"เหมือนอยู่ในประเทศที่เค้าเป็น Stockholm Syndrome กันหมด แต่มึงไม่เป็น เค้าเลยว่ามึงป่วย"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไม่รู้ดิกุว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง มันไม่ใช่ยุคขันทีคุมฮ่องเต้วัยเยาว์
หรือโบสถ์ใหญ่กว่าบัลลังค์
เจ้าอยู่เบื้องหลังทุกอย่างนั่นล่ะ เหมือนที่ทักกี้อยู้เบื้องหลังทุกอย่างไง
ไม่มีเจ้าแล้วใครจะจ่ายเงินแจกไพ่
แกร๊!!! พี่ที่ Royalist มากๆ วันนี้นางบ่นกับชั้นเว่ย บอกว่า ที่เจ้าเสื่อมนี่ไม่ใช่เพราะใครหรอก เพราะพวกที่บอกว่ารักมากเทิดทูนมากนั่นแหละ
อื้อหือออออ ขนลุก ทุกทีพี่เค้าแบบเจ้านี่แตะไม่ได้เลยนะ
#มิตรฯ
เรียนรู้ จากความผิดพลาดของตัวเอง ที่มีต่อการใช้สื่อ
วันหนึ่ง แป้งเคยโพสเกี่ยวกับการเรียน Data Science ว่า แป้งอยากสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนป.โท มีการทดสอบ Pure Math (คนจบคณะวิทย์-วิศวะ จะเรียน Pure Math ไม่ได้หมายความว่าต้องเรียนสาขาคณิตศาสตร์เท่านั้น) ที่เป็นพื้นฐาน หรือมีคัดเลือกนักเรียนที่เคยเรียน Math มาก่อน ไม่อยากให้เน้นสอนการใช้เครื่องมือ เพราะสุดท้ายแล้วหากนักศึกษาเรียนจบออกไปทั้งๆ ที่มีพื้นฐานไม่เพียงพอ อาจจะเสี่ยงต่อการโดน Disrupt ได้
มีประโยคหนึ่ง ที่แป้งพิมเอาไว้ และคิดว่า หลายๆ คนตีความผิด คือ
"หากอยากเรียนจริงๆ โดยที่ไม่เคยเรียนวิชาเกี่ยวกับ Pure Math มาก่อน เช่น Logic, Calculus, Linear Algebra, Prop and Stat แป้งอยากแนะนำให้เรียนปริญญาตรีดีกว่า จะปูพื้นฐานได้มากกว่า หรือไม่ก็หา Class ที่สอน Pure Math ทางออนไลน์ดู อย่าพึ่งไปเน้นเรียนเขียนโปรแกรมเลยค่ะ"
ซึ่งก็ต้องบอกว่า การเรียนปริญญาตรีซ้ำ ในตปท. เป็นเรื่องปกติมาก แต่กลายเป็นว่า มีหลายคนเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นโจมตีแป้ง และกล่าวหาว่าแป้ง "เหยียดหยามคน"
ถามว่า แป้งพิมพ์บทความนั้นเพื่ออะไร? ก็เพื่อเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยมีความรับผิดชอบต่อหลักสูตร เพราะการลงทุนด้านการศึกษา มันเสียทั้งเงิน และเวลา หากเรียนจบออกไปแล้วพบว่าสิ่งที่เรียนไปนั้น มันไม่เป็นไปตามความคาดหวังของการทำงานจริง มันก็น่าเสียดาย
สิ่งที่แป้งทำ แป้งแค่คิดว่า จะเป็นการช่วยรักษาสิทธิ์ของผู้เรียน และรักษา Ecosystem ของการตลาดแรงงาน
แต่..... มันกลายเป็นว่า แป้งได้รับ Negative Feedback จำนวนมาก เพราะมีเพจต่างๆ เอาประโยคบางประโยคของแป้งไปขยี้ และมีการใส่คำบางคำเพื่อชี้นำในทางไม่ดี
ซึ่งหากวิเคราะห์ให้ตรงประเด็น เพจของแป้ง เป็นเพจ Personal Blog ที่ไม่มีเจตนาแผงใดๆ และไม่มีการ Keep Track จำนวน Follower ในขณะที่เพจอื่นๆ ที่วิจารณ์แป้งในทางเสียหาย เป็นเพจขายคอร์สออนไลน์ หรือขายคอร์สเรียน ก็อาจจะเป็นได้ว่า เจตนาของเพจไม่เหมือนกัน
วันนี้แป้งพิมเรื่องนี้ทำไม??
แป้งกำลังจะบอกว่า ผลกระทบที่แป้งได้รับ คือ
คนรอบข้างของแป้ง เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก รวมไปถึง บริษัทของแป้งด้วย มันทำให้แป้งไม่กล้าที่จะแนะนำการศึกษา หรือมีการกระทำใดๆ ที่เกี่ยวของกับการศึกษาอีกเลย
แป้งเคยนั่งคิดอยู่นาน ว่า เราทำอะไรผิด แล้ววันหนึ่ง มันก็ตกตะกอน วันที่แป้งเห็นพี่ตูนโดนด่า และเข้าใจโลกว่า ขนาดคนพิเศษพี่ตูนยังโดนด่า ยังโดนจิกกัด แล้วประสาอะไรกับคนธรรมดาแบบแป้ง
เมื่อปล่อยวางได้ ย้อนกลับมาดูที่ตัวเรา สิ่งที่เราสื่อสาร อาจจะผิดก็ได้ มันเลยทำให้คนตีความผิด ดังนั้น เราก็ต้องระวังคำพูด ระวังการกระทำของตัวเองด้วย เพราะโลกออนไลน์ มันน่ากลัวเหลือเกิน
เคยอ่านข่าวดารา แล้วก็พบว่า บางครั้ง สิ่งที่เราพูดออกไป อาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่มันไม่ถูกใจ ในขณะที่ดาราบางคนที่สามารถทำทุกอย่างให้ถูกใจได้ ก็จะเป็นที่นิยมมากกว่า
แป้งก็เลยมองว่า เราทำตัวกลางๆ ดีกว่า ทำในสิ่งที่เราเชื่อ หากไม่ถูกใจก็ต้องขออภัย แต่จะระวังให้มากขึ้น
ความเป็นจริง สิ่งที่ง่ายที่สุด คือ การไม่ทำอะไรเลย เพราะถ้าไม่มี "กิริยา" ก็จะไม่มี "กรรม"
แต่ถ้าแป้งไม่ทำอะไรเลย ไม่โพสอะไรเลย ไม่ให้แชร์ความรู้เลย แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร
ดังนั้น แป้งจึงเรียนรู้ที่จะมี "สติ" ให้มากขึ้น เรียนรู้ที่จะ "ระวัง" ให้มากขึ้น และเรียนรู้ที่จะ "ยอมรับ" ทั้งในส่วนที่ตัวเองผิด และโดนกระทำให้มากขึ้น
แป้งอยากจะขอโทษหลายๆ คน หากใครมองว่า แป้งไม่ใช่แบบอย่างที่ดี ส่วนตัวแป้งเองก็ไม่ได้อยากเป็นไอดอลหรือแบบอย่างให้ใครเลยจริงๆ
อีกส่วนหนึ่ง ก็อยากจะขอบคุณหลายๆ คนที่ติดตาม วัตถุประสงค์เดียวของแป้ง คือ การแชร์ประสบการณ์ และหากหลายๆ อย่างที่แป้งแชร์ มันมีประโยชน์ต่อใครสักคน แค่นั้นแป้งก็ดีใจแล้วจริงๆ ค่ะ
ปล. หากสังเกตดีๆ แป้งจะเน้นพิมพ์ตัวอักษรมากกว่า และก็ไม่ค่อยลงรูปตัวเอง เพราะแป้งอยากให้คนติดตามเรื่องราวมากกว่าที่จะติดตามภาพลักษณ์ภายนอกของแป้ง เพราะแป้งก็เป็นเพียงคนหนึ่งที่มีการทำถูก และทำผิด เป็นคนธรรมดาไม่ได้มีอะไรพิเศษเหนือกว่าใครเลยค่ะ
>>844 มีด้วยหรอวะตรีซ้ำหลายใบเป็นเรื่องปกติเนี่ย ถ้าโทหลายใบมันอีกเรื่องนะ เจ๋ไปอยู่ดาวไหนมาวะ กูอยู่แสกนดิเนเวีย เรียนฟรีตลอดชีพยังไม่มีใครบ้าจี้เรียนตรีซ้ำหลายใบเลย อีกอย่างโทมันมีไว้เรียนเอา professional skills โว้ย ไม่ทราบว่าเข้าใจอะไรผิดกะชีวิตอยู่รึเปล่า ถ้าจะเรียนเอาแบบรู้ pure math เข้าใจอัลกอกะสมการทั้งยวงเขาต่อเอก data science กันละโว้ย ที่เรียนโทนี้จุดประสงค์คือเอาสกิลไปประยุกต์ใช้หรือบริษัทให้มาเรียนทั้งนั้น
>>845 ตอแหลว่าอยู่แสกนฯรึเปล่ามึงอ่ะ หัดรู้ใส่กบาลด้วยนะว่ามหาลัยในยุโรปมันจะรับคนเอเชีย ป.ตรีคนนึงออกจะวุ่นวายกับการปรับเทียบวุฒิจากมหาลัยในเอเชียมาก เพราะค่าหน่วยกิตกับการจัดเกรดมันต่างกันต่างหากหล่ะ แถมสไตล์การเรียนก็คนละเรื่องเลย ไปทำงานไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหามันมาตอนต่อ ป.โท นี่แหละ ส่วนฟรีตลอดชีพในแสกนฯไม่มีให้กับกะเหรี่ยงแล้วโว้ย
>>846 มึงอ่านไทยออกใช่ไหม กูยังไม่ได้บอกตรงไหนเลยว่าฟรีตลอดชีพสำหรับต่างชาติ กูหมาถึงคนที่เป็น citizens ประเทศนั้นๆ แล้วอีกอย่างนะปรับเกรดไทยตอนป ตรีเป็น ECTS เพื่อไป apply แม่งโคตรง่าย เว้นแต่ว่ามหาลัยไทยมึงกากจัดจนไม่มีเอกสารทางการภาษาอังกฤษที่จะส่งไปให้ U ที่มึง apply ไปเทียบ ตอนกู apply ไปกูแค่เอาเอกสารทางการเกี่ยวกับเกรดแนบไปด้วยก็ไม่มีปัญหาห่าไรละ
>>846 ปรับไม่ได้ยากเลยนะ เรื่องเกรดอ่ะ อย่างของไทยจะมีพวก 4, 3.5, 3, 2.5, 2 ส่วนแถวสแกน บางประเทศ จะเป็น 5, 4, 3, 2 ก็ปรับไปตามก็แค่นั้น ถ้าเรื่องวิชาที่เรียน ถ้าวิชาไหนที่ขาดแล้วหลักสูตรตั้งเป็น Requirement ก็ส่งเอกสารพวก Syllabus ของ Course ที่เคยเรียนแล้วดูว่าใกล้เคียงไปแล้วให้ Prof ที่นู่น Approve ก็พอได้ ไทยเราเหมือนป ตรี มันเป็นที่ของเด็กรุ่นเดียวกัน ต่างหลายๆรุ่นนี่ก็แปลกประหลาดละ
ในแง่ประวัติศาสตร์จากปี 2475 มาจนถึงปี 2562 กินเวลาไปราวๆ 87 ปี
ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายคณะราษฎรกับฝ่ายนิยมเจ้าจาก 2475 ถึง 2500 กินเวลาราวๆ 25 ปี ระยะนี้ฝ่ายนิยมเจ้าถูกทำลาย ถูกลดอำนาจ ถูกลดทอนคุณค่าทางการเมืองแบบที่คนรุ่นนี้นึกไม่ออก
ปี 2500 กองทัพเริ่มใช้สถาบันฯเป็นเครื่องมือต่อต้านคอมมิวนิสต์โดยคำแนะนำจากสหรัฐฯ สถาบันกษัตริย์ฟื้นฟูอำนาจตัวเองนับตั้งแต่วันนั้น โดยความช่วยเหลือของกองทัพและซีไอเอ (เรื่องนี้อ่านจาก วพ ของ ณัฐพล ใจจริง ได้เลย)
14 ตุลาฯ สถาบันฯมีบทบาทในการสร้างความนิยมมากขึ้นในหมู่หนุ่มสาว
6 ตุลาฯ หนุ่มสาวถูกทำลายอย่างรุนแรงโดยส่วนหนึ่งเกิดจากการปลุกระดมของคนรักเจ้า
ยุครัฐบาลเปรม เปรมใช้สถาบันฯเป็นเครื่องมือดำรงอำนาจของตัวเองชัดเจน และสถาบันเองก็ยินดีในแนวทางนี้ ไม่ขัดข้องอะไร สุดท้ายเปรมก็ได้มาเป็นประธานองคมนตรีหลังจากหมดวาระรัฐบาล
พฤษภา 35 สถาบันมีบทบาทอย่างสูงในการเข้ายุติความขัดแย้งบนถนน ได้รับความนิยมจากชนชั้นกลางมากมาย
ทักษิณ กลายเป็นศัตรูสำคัญของสถาบันฯ เพราะไทยรักไทยได้รับความนิยมจากประชาชนแบบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน และมาจากการเลือกตั้ง ทำให้เบียดกับความนิยมของสถาบันฯ
หนังสือพระราชอำนาจของประมวลและปฎิกิริยาของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ ทำให้ตอกย้ำเรื่องบทบาทของสถาบันฯกษัตริย์ในทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชอำนาจของในหลวงรัชกาลที่ 9
จากนั้นการต่อสู้ทางการเมืองของฝ่ายขวาจารีตยึดโยงกับพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์มาโดยตลอดโดยมีชนชั้นกลาง กทม ฝ่ายอุดมการณ์จารีตเป็นหัวหอกสำคัญในแง่มวลชน และมีพรรคการเมือง กองทัพ ข้าราชการ กลไกรัฐ เป็นแนวร่วมทางการเมืองมาจนถึงปี 2562
------------
จะเห็นว่า 87 ปีที่ผ่านมาสถาบันกษัตริย์เจอคู่ขัดแย้งมาตลอด บางยุคก็ตกต่ำอย่างมาก มีช่วงฟื้นตัว มีช่วงสะสมอำนาจทางการเมือง เจอความขัดแย้ง และก็มาเจอคู่ขัดแย้งใหม่ในสถานการณ์ใหม่
ระยะเวลาตรงนี้กินความยาวประมาณ 1 ชั่วอายุคน แค่ชั่วอายุคนเราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงต่างๆของสถาบันกษัตริย์เยอะแยะมากมายให้ศึกษาค้นคว้า
การที่สถาบันฯอยู่มาถึงจุดนี้ได้นั่นเป็นเพราะการรู้จักปรับตัว มีความอดทน เข้าใจในสถานการณ์ของตนเอง ถอดบทเรียนการต่อสู้ทางการเมือง และหาทาง "ปกปักรักษาตนเอง" โดยใช้ปีกของรัฐและปัจจัยภายนอกเข้ามาช่วยเหลือได้
เราจะเรียนรู้อะไรจากการคลี่คลายตัวทางประวัติศาสตร์พวกนี้ได้บ้าง ?
>>850 ไม่มีทางที่ จัสติน กับ ปังปอนด์ จะทำให้สถาบันกลับมาเรืองอำนาจ อีกครั้งนะ
มองว่าภาพลักษณ์ของจัสติน ยังไงก็ไม่มีทาง Propaganda ผู้คนได้เลย ไม่มีทางจะ ซซ ทพจร ได้มากเหมือนเดิม
มันก็มองที่ตัวบุคคลอยู่ดีเปล่าวะ เพราะ 905 คนก็รักท่านมาก 903 นี่มองว่าคนก็ชอบท่านเยอะอยู่ แต่จัสตินนี่ ไม่แน่ๆ
“สำหรับใครที่ก่อนหน้านี้บ่นๆ #ร่างกายต้องการเเก๊สน้ำตา เเนะนำให้ซื้อตั๋วไปฮ่องกงก่อนเลยค่ะ ของไทยดูยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ อยู่กับสภาพสิ้นหวังต่อไป”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
จุดที่น่าสนใจคือ startup ที่ประสบความสำเร็จมากๆในพอร์ตของ VC ท่านนี้
.
มีจุดร่วมอย่างนึงคือ บ้านรวย!
.
ผมถามว่าทำไม? เค้าตอบว่า เพราะเด็กบ้านรวยที่เก่ง มี passion จะมีแต้มต่อ
.
ตรงที่สามารถล้มได้ แล้วยังมีตังเหลือ แล้วลุกมาทำอันใหม่ได้
Do people actually realise that Marco used Stock Pots for years in his home cooking? Knorr actually heard he liked using them, and suggested he officially endorsed them?
When Marco says he prefers to season his steak with a stock cube, over salt and pepper, he isn't lying.... he genuinely likes it that way..... (because it tastes delicious) he also likes using L&P sauce.... is that wrong as well? Should he be making his own from scratch?
C'mon guys, this is home cooking.... made to taste..... in other words... Marco thinks this tastes good (and his palette is probably a damn-site better than yours), so he is just showing you how to make stuff that tastes pretty good, and is simple enough to do at home.
Marco left the 'fine-dining' world, because of people like you (people looking down on stock cubes), that know less about cooking and flavour than Marco.... yet dictating to Marco, what kinds of dishes win awards, and are acceptable in a restaurant. Marco wasn't interested in that BS, sticking to rigid recipes that can't be deviated from.... he was more interested in trying different things and cooking food that he enjoys and food that has taste/flavour as the highest priority.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เนี่ยๆ เดี๋ยวนี้พวกโชว์โป๊ๆใน Twitter ในแอฟเกย์ เหลือแต่แบบเนี้ย
เมื่อก่อนมีพวกหล่อๆ หุ่นดีๆ กล้ามสวยๆโชว์เยอะมาก แต่เดี๋ยวนี้หายหมด เพราะพวกกะเทยชอบหลังไมค์ไปขอเย็ดกับเขา พอเขาปฏิเสธ แม่งก็แค้น เลยแกล้งรีพอร์ตให้ Twitter เค้าโดนปิด พอเขาเปิดใหม่ แม่งก็ตามไปรีพอร์ตต่อ จนเขาท้อ
แถมบางทีแม่งไปสืบด้วย ว่าคนนี้ทำงานอะไร บ้านอยู่ไหน แล้วแฉเขา ไปฟ้องบริษัทเขา ไปฟ้องพ่อแม่เขา จนเขาต้องเลิกเล่น Twitter เลิกเล่นแอฟเกย์ ไฟแค้นกะเทยแม่งน่ากลัวมาก
ก็เลยเหลือแต่พวกแบบในภาพนี้แหละ เพราะพวกนี้ไม่ค่อยมีกะเทยไปขอเย็ดด้วย เลยไม่เกิดการสร้างศัตรู แถมไม่กลัวโดนแฉ เพราะไม่มีอะไรต้องแฉ ชีวิตไม่มีอะไรจะเสีย ไม่แคร์โลกอยู่แล้ว
แต่ความซวยมันตกมาที่คนทั่วไป ที่เขาอยากดูคนหล่อๆหุ่นดีๆกล้ามเป็นมัดๆ แต่เขาต้องอดดู เพราะไม่เหลือให้เขาได้ดู
>>854 ฝรั่งช็อคใช้ก้อนซุปทำอาหาร ภาพตัดมาที่ลิงเหลืองอย่างเราๆ ใช้บ่อยจนบริษัทแม่งทำแบบผงมาขายให้โดยเฉพาะ
>>856 ผงชูรสไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์ไปมากกว่าเกลือว่ะ คนที่บอกว่าแพ้ผงชูรสนี้อุปาทานไปเองทั้งนั้น
กูเห็นพวกที่บอกว่าแพ้ผงๆ แดกมะเขือเทศ เห็ด องุ่น ชีสได้สบายไม่มีชาปากกันทุกคน ทั้งๆที่อาหารพวกนี้มีMSGอยู่แล้วตามธรรมชาติเป็นปริมาณสูง เดี๋ยวกูตบปากให้ชาแบบแมนวลเลย
ไหนๆก็ไหนๆละ อธิบายเลยละกันว่าการกลัวMSGมาจากไหน
มันมาจากอเมริกาในยุคสงครามเย็น ตอนนั้นในเมกามีXenophobiaกับคนจีนมากเพราะบรรยากาศการเมืองในตอนนั้นคือAnti-communism แล้วทีนี้พอฝรั่งไปกินร้านอาหารจีนแล้วเกิดอาหารวิงเวียน,ปวดหัว,ปากชา แทนที่จะหาสาเหตว่ามาจากไม่คุ้นเคยกับวัตถุดิบ รึเพราะมันไม่สด รึมาจากอาการเจ็บป่วยอื่น ดันคิดไปว่าเป็นเพราะไอ้เจ๊กใช้MSGชัวร์ จนความเชื่อเรื่องMSGว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายแพร่หลายในโลกตะวันตก จนสิบๆปีต่อมาก็ข้ามโลกมาที่เอเชียจนเอเชียนเชื่อตาม
ทีMSGละกลัว แต่พอเชฟยุ่นโอมาคาเซะรู้แกวว่าพวกควายนี่ขี้ตื่น เปลี่ยนวิธีเรียกว่ารสชาติอูมามิซะเลย แม่งเฮโลกันไปชาบูอูร่าทั้งๆที่มันก็รสเดียวกัน
มานี่ๆ ฉันจะเล่าให้ฟัง ว่าทำไมไทยแลนด์ถึงมีพิธีไหว้ครู
คืองี้ ย้อนไปเป็นร้อยปี สมัยก่อนเมืองไทยไม่มีโรงเรียน เวลาคนอยากได้ความรู้เรื่องอะไร ก็จะไปขอให้คนที่มีความรู้เรื่องนั้นๆช่วยสอน ซึ่งมันก็จะเป็นความรู้เฉพาะทาง เช่น สอนทอผ้า สอนฟันดาบ สอนรำ สอนปั้นหม้อ สอนวาดรูป
ทีนี้ คนที่สอนเนี่ย มันก็ไม่ได้มีอาชีพเป็นครูไง ดังนั้น เวลาคนมาขอให้สอนเนี่ย มันเลยกลายเป็นการไปรบกวนเขาไง "อีเหี้ย กูจะทำมาหาแดก เสือกมาให้กูเสียเวลาสอนมึง แถมพอมึงได้วิชาจากกูไป มึงก็ทำแข่งกับกูอีก" แถมบางราย ยังต้องไปกินอยู่หลับนอนที่บ้านคนสอนอีก เดือดร้อนเกะกะกันไปหมด
มันก็เลยต้องมีพิธีไหว้ครู เพื่อขอบคุณและขอขมาที่สาระแนไปสร้างความเดือดร้อนให้เขา ทั้งๆที่เขาอยู่ของเขาดีๆ
แต่ปัจจุบัน มันมีโรงเรียน มีอาชีพครูแล้ว คนมาเป็นครูเพื่อเอาเงินค่าเทอมจากนักเรียนมาเลี้ยงชีพ ไม่ได้สอนฟรี กลายเป็นครูมีชีวิตอยู่รอดได้เพราะเงินนักเรียน
ดังนั้น ปัจจุบันครูจึงไม่ใช่ผู้มีพระคุณล้นเหลือแบบเมื่อหลายร้อยปีก่อน แต่เป็นการ "พึ่งพาอาศัยกันและกัน" ครูต้องพึ่งเงินนักเรียน ส่วนนักเรียนก็ต้องพึ่งครู
ฉะนั้น ครูไม่ควรเบ่งกร่างใส่นักเรียน ทำตัวเป็นเทวดาสูงส่ง ให้เด็กมากราบตีน และนักเรียนก็ไม่ควรทำเหี้ยๆใส่ครู ควรอยู่ร่วมกันอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันจ้ะ จบ
เมื่อสื่อต่างประเทศวิจารณ์ลุง
- ถ้าเป็นสื่อจาก EU : ไอ้พวกล่าอาณานิคม กอบโกยทรัพยากรไปแล้วทิ้งปัญหาให้ชาติอื่น
- ถ้าเป็นสืิ่อจากอเมริกา : ไอ้พวกประชาธิปไตยจอมปลอม หาโอกาสไปปล้นทรัพยากรชาติอื่น
- ถ้าเป็นสื่อจากญี่ปุ่น : ไอ้ลิ่วล้อ ไอ้เบ๊อเมริกา เจ้านายทำยังไงลูกน้องก็พยักหน้าตาม
- ถ้่าเป็นสื่อจากตะวันออกกลาง : ไอ้ประเทศมุสลิมอย่างพวกเอ็งสิทธิมนุษยชนดีตายละถึงเที่ยวไปวิจารณ์ชาติอื่น
- ถ้าเป็นสื่อจากเมืองจีน : ไอ้ประเทศคอมมิวนิสต์ สิทธิมนุษยชนมึงแย่กว่ากูอีกแล้วยังมาสอดประเทศอื่น
- ถ้าเป็นสื่อจากอาเซียน : ไอ้พวกไร้มารยาททางการทูต รู้ไหมว่าอาเซียนเขาไม่ยุ่งเรื่องภายในกันและกันโว้ย
#มิตรสหายขนมหวานท่านหนึ่ง
ถ้ากล้าบอกว่าตัวเองชนะเลือกตั้ง คนไทยเลือกมา ก็ทำตัวให้มันดูเป็นผู้นำในระบอบประชาธิปไตยหน่อยดิ นี่แม่งยังทำตัวแบบเผด็จการอยู่เลย
ผมรำคาญมากเวลาได้ยินคนบอกว่าประชาธิปัตย์แกล้งทะเลาะกันเพื่อจัดฉาก คนแบบนี้ไม่รู้อย่างที่ไอติมกับผมรู้ ปชป.อาจไม่ดีหมด แต่เรื่องไม่เอาประยุทธ์เป็นเรื่องจริงและใช้เวลานานมากกว่าจะมีตอนจบแบบนี้ครับ
#มิตรสหายฯ
>>864 กูว่าจัดฉาก 70:30 แม่งทำแบบนี้มานานแล้ว นี่ไอ้อนุทินก็กำลังจัดฉากเหมือนกัน แกล้งด่าไอ้ณัฐพลพปชร เหมือนแบบผิดหวังไม่ได้กระทรวงที่ตกลงไว้ คนออกมาด่ามันก็ได้โอกาสโพสเล่นด้วยทำตลกจนคนนึกว่าเฟรนลี่ แก้ภาพลักตอแหลได้ ไม่กี่วันก็ออกข่าวอนุทินได้กระทรวงต่างๆครบตามตกลงกัน
"อยากประสบความสำเร็จหรอ ... ก็เกิดมารวยสิ !"
.
เป็น Study ที่สนุกดี เมื่อนักวิจัยจาก Georgetown ศึกษาคนที่ประสบความสำเร็จแล้วได้ข้อสังเกตมาว่า "คนที่เก่งมากแต่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนขาดโอกาส ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จสู้คนที่ไม่ได้เก่งอะไรแต่เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยได้"
.
พูดง่าย ๆ คนจะประสบความสำเร็จรึเปล่ามันถูกกำหนดตั้งแค่เกิดแล้ว
.
อย่างไรก็ตาม ก็จะมีคนที่เกิดมาขาดโอกาสแต่ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน แต่ต้องพึ่งอะไรหลายอย่างหน่อย หนึ่งในนั่นคือ "โชค" (ลอง Google หาเปเปอร์ชื่อ Talent vs Luck ดู อันนั้นก็สนุก)
.
ถึงบริบทนี้จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเมกา แต่ช่วงที่ผ่านมาเราก็แอบศึกษาอะไรแบบนี้มาเหมือนกัน แล้วก็พบเหมือนกันว่ามันเป็นกันทั้งโลก ... สุดท้ายคนที่ประสบความสำเร็จนี่ 90% คือ ไม่ครอบครัวรวยมาก่อนแล้วก็เกิดมาหน้าตาดีทั้งนั้น มีแค่ 10% ที่เกิดมายากจนไม่มีต้นทุนในชีวิตอะไรเลย แล้วค่อยไต่มาสู่ความยิ่งใหญ่ได้ (หนึ่งในนั้นคือ Jack Ma)
.
สวัสดีทุนนิยม
.
เลยเตือนไปหลาย ๆ คนที่กระตือรือร้นอยากประสบความสำเร็จตามคนโน้นคนนี้ว่า "ได้ศึกษาความต่างของพื้นฐานและต้นทุนชีวิตแล้วหรือยัง"
.
เค้าล้มสิบครั้งยังไม่เจ็บ เราล้มครั้งเดียวอาจจะได้ไปนอนข้างถนนเลยนะ
.
ที่น่ากลัวอีกอย่างก็คือมักมีบางคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตก็ให้คำแนะนำคนอื่นว่าต้องทำโน่นทำนี่โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนชีวิตของแต่ละคนอีก ถ้าเชื่อไปนี่อันตรายสุด ๆ
.
คำแนะนำเราหรอ ... ถ้าอยากประสบความสำเร็จใหญ่ ๆ ... ตั้งตัวให้ได้ก่อน Cash Flow ให้ Positive ก่อน เก็บเงินและใช้เงินให้เป็นก่อน แล้วอะไร ๆ จะตามมาเอง =)
.
"ถ้าอยากรวยก็ต้องรวยก่อนนะ"
.
ไปอ่านเล่นกันได้ที่ https://www.cnbc.com/2019/05/29/study-to-succeed-in-america-its-better-to-be-born-rich-than-smart.html
เหตุเกิดเมื่อวันที่7เดือนมิ.ย.62
ได้มีขโมยขึ้นบ้านตอนประมาณ5ทุ่ม ได้ขโมยทองคำรูปพรรณไปได้6กว่าบาท นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขโมย ได้โทรไปแจ้งความ ตอนเช้าวันเสาร์ที่8 มิ.ยน 62 ที่ สน.แห่งหนึ่ง ได้การตอบรับมาว่าวันเสาร์ทำงานแค่ครึ่งวัน แล้วก็เงียบไป จึงให้คนที่รู้จักประสานไปอีกครั้ง วันที่9 มิ.ย.ได้มีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและพิมพ์ลายนิ้วมือ ตอนบ่าย3โมงกว่าๆ
ผ่านไป1อาทิตย์
วันศุกร์ที่14ได้มีเจ้าหน้าที่โทรมาบอกว่าประมาณ2ทุ่ม ขโมยจะเอาทองมาคืนให้ตำรวจแต่จะคืนไม่ครบนะขาดไปบางส่วน พอ2ทุ่มตำรวจได้โทรมาหาบอกว่าได้ทองมาแล้วขาดอยู่ 2เส้นกับแหวน1วง
ตอนเช้าวันที่15มิ.ย. ได้เข้าไปเอาทองกับตำรวจ แม่พยายามถามว่าแล้วส่วนที่เหลือละจะตามได้ไหม ได้คำตอบกับมาว่า มันจะผิดจรรยาบรรณนะสิ่เพราะได้รับปากเขาไว้แล้วว่าเอาทองมาคืนจะไม่จับ??? #คืนไม่ครบ #จับไม่ได้เดี๋ยวจะผิดจรรยาบรรณ #จรรรยาบรรณของตำรวจกับโจร
ลักทรัพย์ในยามวิกาลเป็นคดีอาญา #โจรเอาทองมาคืนตำรวจ #ตำรวจไม่จับโจร #ขอความเป็นธรรม
อยากให้จับคนทำผิดมารับโทษเพราะที่บ้านหวาดกลัวระแวง กินไม่ได้นอนไม่หลับ กลัวโจรจะกลับมาอีก ครั้งนี้เป็นครั้งที่2ที่ขโมยขึ้นบ้าน ครั้งแรกมีเงิน5หมื่นบาท โจรขโมยไปแค่1หมื่น1พัน คิดว่าคนใกล้ตัวเลยไม่ได้ไปแจ้งความ #ขอบคุณตำรวจที่สามารถนำทองมาคืนให้ได้ #แต่ของยังไม่ครบ
#คนผิดยังไม่ได้รับโทษ
เมื่อ Facebook ออก crypto-currency วงการการเงินจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เราสามารโอนเงินไปให้เพื่อนที่ไหนก็ได้ในโลกใบเล็กแห่งนี้ ซื้อขายของ สินทรัพย์ดิจิทัลได้ทั้งหมด ไม่ต้องพึ่งธนาคารท้องถิ่นอีกต้องไป ปรับตัวตามกันให้ทันน่ะครับทุกธุรกิจ
ในการทำงานมีคำไม่กี่คำ ที่ผมนึกถึงตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร..
1 คำแรกที่โผล่มาในหัวเสมอคือ efficiency หรือประสิทธิภาพ จะทำอะไรก็ตามนึกถึงเสมอว่า เราทำอย่างมีประสิทธิภาพมั้ย..??
2 mutual benefit หรือผลประโยชน์ร่วม คำนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเราทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น องค์กรอื่นๆ คำที่ตามมาด้วย คือ win-win คือชนะทั้งคู่ หรือชนะด้วยกัน
ระวังอย่าไปเจอคนที่พูด win-win แต่หมายความว่า ฉันชนะ2ทีนะจ้ะ..
3 meet objective..หรือบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ ซึ่งต้องรู้ก่อนว่า จะทำเรื่องอะไรนั้น วัตถุประสงค์ มันคืออะไร เราจะไปถึงได้หรือไม่ และจะไปถึงอย่างไร..??
4 side effect ทำอะไรก็แล้วแต่ มันจะเกิดผลข้างเคียงตามมาเสมอ ต้องระวังให้ดีว่า ทำเรื่องที่อยากทำแล้ว จะเกิดเรื่องอะไรตามมา โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ดี ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น
5 long term benefit สิ่งที่จะทำนั้น ก่อให้เกิดผลประโยชน์ระยะยาวหรือไม่..?? บางเรื่องทำไป ดีระยะสั้น แต่สร้างผลลบในระยะยาว
6 resource เรามีเพียงพอที่จะทำหรือไม่..??
Resource หลักๆสำหรับผมคือ เงิน คน และวิธีการ หรือ process ที่จะทำ เรามีหรือเตรียมไว้แล้วหรือยัง..?? ถ้ายังไม่มีresource ที่เพียงพอในการทำเรื่องนั้น ทำไปก็มีโอกาสล้มเหลวสูงอยู่ดี ไม่ว่าเรื่องนั้นจะน่าทำเพียงใด
7 law and regulation ทำในสิ่งที่ถูกกฎหมายเท่านั้น ไม่เช่นนั้น ปัญหาตามมาอีกบาน..
เบาะๆเอาแค่นี้ก่อนครับ
คนที่ชอบบอกเห็นน้องเป็นลูกเป็นหลาน ห้ามโม่ย หึหึ
ถ้าน้องเป็นแฟนกับมึงเอามั้ย เอา
ถ้าน้องให้เอาเอามั้ย กูว่าไม่ ไม่เหลือ
มันเป็นเรื่องธรรมชาติเว้ย หึหึ
เข้ามหาลัยแล้วสิ่งที่ culture shock อย่างนึง คือเราก็คุกเข่าเวลาเข้าไปคุยกับอาจารย์ แต่ทุกคนคือให้เรานั่งเสมอกันตลอด 15 ปีในระบบการศึกษาไทย มันหล่อหลอมเรามาแบบนั้นจริงๆด้วย
ใครไม่รักพ่อก็ออกจากบ้านพ่อเราไป ออกไปแล้วตามพ่อกลับมาด้วย
#มิฯ
ที่ทหารชอบคิดว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง ท่อน้ำเลี้ยง บลาๆ ผมคิดว่าเพราะแม่งน่าจะเป็นกลยุทธ์ที่เค้าสอน/ใช้กันมาเอง จนคิดว่าคนอื่นก็ต้องแบบนี้เหมือนกันแน่ๆเลย
ทีนี้ก็มาคิดว่ามีใครอยู่เบื้องหลังทหารและทหารอยู่เบื้องหลังใครบ้าง ohhh shieeet
Mind set เหมือนหลุดมาจากยุคสงครามเย็น ทั้งๆที่เดี๋ยวนี้เคสโลนวูฟก็เยอะแยะ
"ขบวนการทำลายรากเหง้าของไทยเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติโลก (World Revolution) เพื่อทำไปสู่รัฐบาลโลก (One World Government)
จุดมุ่งหมายคือการล้มล้างระบอบกษัตริย์ วัฒนธรรมจารีตประเพณี ศาสนา ความเป็นชาติ ความเชื่อ หรืออุดมการณ์หลักของประเทศ
เมื่อทำลายโครงสร้างที่เป็นรากเหง้าของประเทศได้ ก็สามารถครอบงำยึดครองทรัพยากรของไทยได้โดยไม่ต้องใช้กำลัง หรือไม่ต้องทำสงคราม เนื่องจากมีคนไทยที่ขายชาติคอยให้ความร่วมมือ
วิธีการทำคือเสี้ยมให้คนไทยแตกแยก ให้ออกจากวิถีเดิม ให้ทำลายโครงสร้างเดิมของประเทศ และคอยดูแลระบบ หรือความเชื่อใหม่ที่ค่อยๆเอาเข้ามาใช้ในประเทศโดยฝีมือของหน่วยงานรัฐและเอกชน
พวกที่ทำลายประเทศโดยรู้ตัว ไม่รู้ตัว หลงผิด โลภ เงิน อิจฉา ริษยา อยากมีอำนาจ หรือเพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เป็นเพียงหมากของขบวนการปฏิวัติโลกที่มีศูนย์กลางในยุโรป
หลังจากทำหน้าที่ทำลายประเทศไทยได้แล้ว หมากจะได้เงินทอง ได้อำนาจ ได้การยอมรับในสังคมโลก ได้รับรางวัลนานาชาติ แต่หมากอาจจะถูกกำจัดไปเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อหมดประโยชน์ หรือต้องถูกเอาไปแลกกับประโยชน์
การปฏิวัติฝรั่งเศส (1789) ปฏิวัติรัสเซีย (1917) ปฏิวัติจีน (1911-1912) ปฏิวัติสยาม (1932) และการปฏิวัติในประเทศต่างๆตั้งแต่ปลายศตวรรตที่ 18เป็นต้นมาล้วนแล้วแต่มีต้นตอมาจากแหล่งเดียวกันของการปฏิวัติโลก
แกนนำนักปฏิวัติที่ล้มล้างประเทศตัวเองล้วนแล้วแต่เป็นเบี้ย หรือหมากของผู้คุม (controllers) ที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง
ทุกครั้งเมื่อมีการปฏิวัติ จะเกิดการปล้นทอง ปล้นทรัพย์สมบัติของชาติ ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่สับสน เกิดความชุลมุนวุ่นวายฝุ่นตลบ ไม่รู้อะไรเป็นอะไร
หลังจากทำงานเสร็จแล้ว พวกนักปฎิวัติจะถูกเก็บ บางคนที่ใช้งานได้ผู้คุม (controllers)ก็ให้อยู่ในอำนาจต่อ เพื่อดูแลการวางระบบโครงสร้างใหม่เพื่อให้ขบวนการปฏิวัติโลกสามารถครอบงำประเทศนั้นได้ ไม่ว่าจะเรื่องธนาคารกลาง การเปิดเสรีการค้า&การเงิน ระบบภาษี การรับเอาเงินตราของมหาอำนาจเป็นเงินสกุลหลักของโลก การสร้างสถาบันต่างๆขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับระบบของพวกผู้คุมที่เวางเอาไว้
บางคร้ังมันก็เป็นความจริงที่ว่า ปากกาคมกว่าอาวุธ
ในการทำลายรากเหง้าของไทย พวกนักปฏิวัติจะเอาแนวปรัชญามนุษยนิยมทางโลก (Secular Humanism)เข้ามา มนุษย์นิยมจะน้อมรับเหตุผลของมนุษย์ จริยธรรมและธรรมชาตินิยม เพื่อเป็นพื้นฐานของคุณธรรมและการปฏิบัติตน โดยจะปฏิเสธความเชื่อทางศาสนา อภินิหาร วิทยาศาสตร์เทียม และความเชื่อโชคลาง หรือแนวความคิดประเพณีเดิม
การที่จะวางหลักของมนุษยนิยมในสังคมไทยได้ก็ต้องทำลายระบบการศึกษาที่เน้นหน้าที่พลเมือง&ศีลธรรมเดิมทีครูไทยในอดีตและพระกับวัดมีบทบาทสูงในการหล่อหลอมจิตใจและความเชื่อของคนไทยให้รักษามรดกของชาติที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายพันปี
ในโครงสร้างเดิมของไทยเน้นความเป็นครอบครัวใหญ่ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำ มีระบบผู้ใหญ่กับเด็ก ไม่เน้นความเป็นปัจเจกชน (individualism) เน้นความเป็นส่วนรวม (collectivism)การงานต่างๆที่ทำสำเร็จต้องอาศัยสามัคคี คนไทยรักและเทอดทูนเจ้านายผู้ใหญ่ พระสงฆ์คุณเจ้า กษัตริย์มีหน้าปกครองดูแลประเทศและคอยทำนุบำรุงศาสนา คนไทยโดยทั่วไปมีความละอายใจต่อบาป มีจิตใจที่โอบอ้อมอารีย์ มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา แสวงหาทางหลุดพ้น ชอบทำบุญ เชื่อในนรกสวรรค์ การเวียนว่ายตายเกิด เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เชื่อว่าทำดีจะได้ไปอยู่ในสวรรค์ที่สูงขึ้น ทำชั่วจะตกนรก เชื่อในฝีสางเทวดา พระพรหม เชื่อในพลังจิต และอำนาจที่เหนือโลก
โครงสร้างความเชื่อที่สมบูรณ์แบบแบบนี้หาได้ยากยิ่งในสังคมอื่นๆในโลกที่คำสอนของพระพุทธเจ้าไปไม่ถึง ทำให้สังคมสุวรรณภูมิดั้งเดิมของไทยมีอารยะธรรมทางจิตใจที่สูงส่งที่สุดในโลก
(มีต่อ)
(ต่อจากเม้นบน)
ตั้งแต่ปี พศ2475 โครงสร้างดั้งเดิม (Old Structure) หรือความเชื่อหรือระบบเดิม (traditional beliefs & system)ค่อยๆถูกกลัดกร่อน ทำลายไปเรื่อยๆ ผ่านการลดบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้สถาบันศาสนา และสถาบันการศึกษาอ่อนแอลงเพื่อรับเอาหลักมนุษย์นิยมเข้ามาแทนโครงสร้างเดิมของประเทศ
จะเห็นได้ว่ามหาวิทยาลัยต่างๆของไทยมีคณะมนุษย์ศาสตร์ที่เดินมาแนวทางนี้
(ใครจบคณะมนุษย์ศาสตร์ยกมือขึ้น ผมจบคณะศิลปศาสตร์จากมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ก็ถือว่าเป็นคณะมนุษย์ศาสตร์เหมือนกัน)เพื่อขัดเกลานิสิตนักศึกษาไทยให้ออกจากโครงสร้างเดิมของประเทศเพื่อรับเอาแนวคิดมนุษย์นิยมที่อ้างว่าใช้หลักเหตุผลและวิทยาศาสตร์เพื่อปฏิเสธรากเหง้าของประเทศ
เพื่อให้หลักมนุษย์ศาสตร์ทางโลกมีความน่าเชื่อถือจึงมีการสร้างและยัดเยียดลัทธิต่างๆเข้ามาสวมข้างบน ไม่ว่าจะเป็นลัทธิสังคมนิยม ลัทธิคอมมิวนิสต์ และลัทธิประชาธิปไตยเพื่อที่จะล้มล้างระบอบกษัตริย์ของประเทศต่างๆทั่วโลก รวมท้ังระบอบธรรมราชาของสยามประเทศ
แต่จะควบคุมประเทศได้ต้องวางระบบการเงินและเศรษฐกิจหรือลัทธิทุนนิยมควบคู่ไปด้วยกับประชาธิปไตย และหลักมนุษย์นิยม เพื่อให้เงินกลายเป็นพระเจ้าองค์ใหม่ที่ทุกคนต้องดินรนแสวงหา
ดูเผินๆ มนุษยวิทยาทางโลกน่าเชื่อถือ เพราะว่าเน้นความเป็นอิสระของปัจเจกบุคคล และอิสระทางความคิดตามหลักเหตุผล ไม่เชื่อในการเวียนว่ายตายเกิดไม่เชื่อในนรกสวรรค์ เชื่อว่าเกิดมาแล้วมีชีวิตเดียว ให้แสวงหาความสุขใส่ตัวเต็มที่ กระตุ้นให้คนปลดแอกออกจากระบบเดิมทำให้กลายทางเลือกของอนาคตใหม่
มนุษย์วิทยาทางโลกก้าวขึ้นมาเพื่อทำลายโครงสร้างเดิมของยุโรปที่เบียดบังความคิดสร้างสรรค์ และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ภายใต้อิทธิพลหรือการปกครองโดยศาสนจักรของโรม และกษัตริย์ยุโรปที่กดขี่ประชาชนตามที่โรมบงการ การศึกษาของยุโรปมาจากประเพณีคริสต์ (Christian tradition)ค่อยๆถูกแทนที่ด้วยวิทยาการความรู้ใหม่ที่มาจากการเกิดใหม่ทางวิทยาการ (Renaissance)ที่มีต้นตอมาจากอิตาลี และขบวนการมนุษย์นิยมที่ตามมา
นิสิตนักศึกษาไทยที่ถูกล้างสมองจากหลักสูตร หรือแนวคิดปรัชญาของมนุษย์วิทยาทางโลกหลังจากเรียนจบออกมาเข้ามาอยู่ในสังคม หรือกลายเป็นครูบาอาจารย์ก็จะไม่รู้ หรือไม่เข้าใจโครงสร้างเดิมที่เป็นเสาหลักของประเทศ แถมบางคนดูหมิ่นศาสนา สถาบันเบื้องสูงหรือแนวคิดทางประเพณีเดิมว่าเป็นของที่ล้าสมัย
มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยจึงกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์นักมนุษย์นิยม นักประชาธิปไตย นักสังคมนิยมหัวเอียงซ้าย นักสิทธิมนุษยชน นักทุนนิยม นักบูชาเงินตรา
ยิ่งมีงานดี เงินดี ร่ำรวยขึ้นมา ซึ่งเป็นสภาพชั่วคราวที่ไม่ยั่งยืน ทำให้เกิดความมั่นใจอย่างผิดๆว่าแนวทางมนุษย์นิยมทั้งโลกเป็นวิถีที่แท้จริง โดยหารู้ไม่ว่ามนุษย์นิยมทางโลกมีการแต่เคลือบยาพิษเข้าไปในตำรา
มีน้อยคนนักที่เป็นนักอนุรักษ์นิยม (conservatism)ที่กลายเป็นคนส่วนน้อยไป
ต้องถือว่า คุณช่อที่กำลังมีข่าวอื้อฉาวในเวลานี้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของการวางระบบการศึกษาแบบมนุษย์นิยมทางโลกในระบบการศึกษาของไทยที่ถูกครอบงำจนเกือบเบ็ดเสร็จไปแล้ว
รากเหง้าของประเทศถูกทำลายไปมากพอแล้ว ได้เวลาหรือยังที่จะได้รับการเยียวยาฟื้นฟู เพื่อคนไทยจะกลับมาหน้าใสอีกครั้ง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ฝ่ายที่เชียร์ธนาธร เชียร์สุดารัตน์ เชียร์ชัชชาติ ควรเริ่มต้นจากการยอมรับความจริงว่า พวกเขาก็เป็นมนุษย์ที่ทำผิดพลาดได้ เหมือนพวกเรา แม้เป้าหมายในอุดมคติของพวกเขาจะแชร์ร่วมกับเรา แต่ไม่ได้แปลว่าระหว่างทางพวกเขาจะไม่ทำอะไรที่ผิดพลาดบ้างเลย
ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถและสมควรโดนตำหนิและโดนวิจารณ์อย่างมีเหตุมีผลจากพวกเราที่เลือกเชียร์เขาเท่าๆ กับการชื่นชม โดยการวิจารณ์จากเราไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเกลียดเขา เลิกเชียร์เขา เลิกชอบเขาแต่อย่างใด
ควรเลิกวัฒนธรรมแบบว่า คนนี้ฉันเชียร์ ฉันจะปิดหูปิดตา ไม่ยอมวิจารณ์ เดียวถูกมองว่าเป็นศัตรู เดียวภาพลักษณ์เขาไม่เพอร์เฟค หรือเดียวจะเป็นการเปิดทางให้ศัตรู เพราะการวิจารณ์ของเรามีเป้าหมายเพื่อให้พวกเขาดีขึ้น ไม่ใช่มุ่งทำลาย
[ข้อคิดเห็น] 兩岸政治下泰國華語教育之“中立立場”
ทางสายกลางของ "ภาษาจีน"ในไทย ท่ามกลาง "การเมือง" (จีน-ไต้หวัน) ?
----------------------------------------------
ในสังคมเรานั้น เรื่องที่ไม่ควรเป็นประเด็น ก็สามารถเป็นประเด็นได้ (เป็นเรื่องปกติที่เข้าใจได้ แต่บางครั้งก็เสียเวลากับเรื่องพวกนี้โดยไม่จำเป็นหรือไม่...)
สำหรับคนที่อยู่ในวงการการเรียนการสอนภาษาจีนคงทราบกันดีว่า การเรียนภาษาจีนมีหลายค่าย ถ้าพิจารณาจากประเภท "ตัวอักษร" ก็อาจแบ่งค่ายตัวย่อ (จีน) และค่ายตัวเต็ม (ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า)
หลายคนมักถามคำถามว่า เรียนแบบไหนดี
คำตอบผมชัดเจน : เรียนอะไรก็ได้ที่สบายใจ เรียนไปเถอะ
แต่ถ้าให้ดีก็เรียนรู้ให้ได้ทั้งสองอย่าง จะเป็นข้อได้เปรียบของผู้เรียน
ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ "เรียนแล้วต้องใช้งานได้จริง"
(ถ้าเรียนแล้ว ใช้งานไม่ได้จริง จะเรียนตัวย่อ หรือ เต็ม มันก็ไร้ประโยชน์ )
ประเด็นต่อมาที่เรามักได้ยินเสมอ คือ กิจกรรมการแข่งขันทักษะด้านภาษาจีน หากจัดโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน หรือสนับสนุนโดยไต้หวัน สถาบันการศึกษาบางแห่งจะไม่ส่งเข้าร่วมแข่งขัน โดยมีเหตุผลทางการเมือง หรือ อาจมีคำสั่งจากบางหน่วยงานสั่งการลงไป ฯลฯ
จากประเด็นข้างต้น ทำให้เราต้องตั้งคำถามหรือทบทวนประเด็นบางอย่าง ดังนี้
1. การแข่งขันทักษะภาษา เป็นกิจกรรมการพัฒนาทักษะของผู้เรียน การเข้าร่วมการแข่งขันซึ่งไม่ว่าจะจัดโดยหน่วยงานใด หรือค่ายใด ล้วนเกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนทั้งสิ้น เหตุใดเราจึงไม่สนับสนุน?
2. การแทรกแซงของจีนในระบบการศึกษาไทย เป็นเรื่องที่เป็นจริงในบางสถาบันฯ รวมถึง อิทธิพลของคนจีนในหน่วยงาน มีผลต่อการบริการจัดการของหน่วยงานไทยมากน้อยเพียงใด คำถาม คือ จุดยืนของเรา คืออะไร?
3. เหตุใด การศึกษาภาษาจีนต้องแบ่งแยก ? (โดยกลุ่มคนบางกลุ่ม) ความแตกต่างทางความคิด ทางความรู้ ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร
แต่ในทางตรงข้าม "ความแตกต่าง คือ การเรียนรู้" และ สิ่งที่สำคัญยิ่ง คือ "ความแตกต่างต้องไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้เราแตกแยก หรือ ส่งผลต่อการพัฒนาการศึกษาภาษาจีนของไทย"
[ บทสรุป ]
หากวันนี้ การศึกษาภาษาจีนในไทยยังมัวแต่แบ่งแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย อีกสิบปีข้างหน้า ก็คงอาจไม่ต่างอะไรกับวันนี้ และการศึกษาวันนี้ ก็ไม่ได้แตกต่างกับ สิบปีก่อน เช่นกัน... (ในเชิงคุณภาพ)
สิ่งที่น่าเศร้าใจอย่างหนึ่ง คือ วันนี้ การศึกษาภาษาจีนเรากลับถูกชี้นำและครอบนำโดย "การเมือง" มากเกินไปหรือไม่? และ บางครั้งเรากำลังตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง(ของจีน) โดยที่เราไม่รู้ตัว....
คำตอบ เรื่องนี้ คงอยู่ในใจของทุกคน จะตอบอย่างไร คงไม่มีถูกหรือผิด
แต่สิ่งที่สำคัญ คือ"เป้าหมาย" ของเราคืออะไร? และอะไร คือ "ทางสายกลาง" ของวงการนี้....
(จบ)
Olan linhanfa
18.6.2019
การโยงการเมืองทุกเรื่อง
ไม่ได้ทำให้คุณเป็นผู้ใหญ่
แต่มันทำให้คนรู้ว่าคุณคือเด็กน้อยที่ act เหมือนพยายามให้คนอื่นดูว่ากูเป็นผู้ใหญ่
#มิตรสหายคน1
พอโดนด่าแล้วตรงกับที่ตัวเองเป็น (ซึ่งดู ๆ แล้วแม่งก็น่าจะรู้ตัวอยู่)
ก็จะโหวกเหวกโวยวาย นู่นนี่นั่น
อ้างนู้นอ้างนี้อ้างนั่น
ทำเป็นโกรธแก้เกี้ยว
...
เด็กน้อยชัด ๆ เลยครับ
พวกคุณมันก็เหมือนตัวร้ายใน one piece ภาคเกาะเงือกอ่ะครับ
empty ไม่มีอะไรเลย
คุณเป็นแค่เด็กน้อยที่โดมาในยุคที่ผู้ใหญ่เกลียดกัน
ไม่ได้รู้อะไรเลย
ไม่เคยรู้อะไรเลย ว่างเปล่าสัด ๆ
แต่มาพูดนกแก้วนกขุนทองตามผู้ใหญ่ เกลียดคนนู้นคนนี้ตามผู้ใหญ่
ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเจอกับตัว
เค้าว่าไงก็ว่างั้น
พูดตาม ๆ เค้าไปเรื่อย ๆ
มันไม่เท่หรอกครับ
มันน่าสมเพช
#,b9ilskp8o9tduh กูไม่แก้ล่ะ
ดูคลิปเสวนาการเมืองต่างๆ เวลามีคนวิพากษ์ รธน'60 ซึ่งรวมถึง 250 ส.ว.มีอำนาจเลือกนายกฯ ก็จะมีคนท่องคาถาอยู่อย่างเดียวว่าก็ รธน'60 ผ่านการทำประชามติมาแล้ว ก็ถ้าคุณจะเอาแต่ผลการทำประชามติอย่างเดียว โดยไม่สนใจกระบวนการทำว่าถูกต้องตามหลักการหรือไม่ ปมความขัดแย้งทางการเมืองก็ไม่มีวันจบ
ฝ่ายที่เชียร์ลุงตูบ ควรเริ่มต้นจากการยอมรับความจริงว่า พวกเขาก็เป็นมนุษย์ที่ทำผิดพลาดได้ เหมือนพวกเรา แม้เป้าหมายในอุดมคติของพวกเขาจะแชร์ร่วมกับเรา แต่ไม่ได้แปลว่าระหว่างทางพวกเขาจะไม่ทำอะไรที่ผิดพลาดบ้างเลย
ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถและสมควรโดนตำหนิและโดนวิจารณ์อย่างมีเหตุมีผลจากพวกเราที่เลือกเชียร์เขาเท่าๆ กับการชื่นชม โดยการวิจารณ์จากเราไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเกลียดเขา เลิกเชียร์เขา เลิกชอบเขาแต่อย่างใด
ควรเลิกวัฒนธรรมแบบว่า คนนี้ฉันเชียร์ ฉันจะปิดหูปิดตา ไม่ยอมวิจารณ์ เดียวถูกมองว่าเป็นศัตรู เดียวภาพลักษณ์เขาไม่เพอร์เฟค หรือเดียวจะเป็นการเปิดทางให้ศัตรู เพราะการวิจารณ์ของเรามีเป้าหมายเพื่อให้พวกเขาดีขึ้น ไม่ใช่มุ่งทำลาย
ประชาธิปัตย์เปิดตัวคนรุ่นใหม่แล้ว ดีใจที่เห็นพรรคปรับตัว แต่คนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ดูไม่ติดดินเลยครับ สิ่งที่เป็นปัญหาของประชาธิปัตย์ยุคคุณอภิสิทธิ์คือพรรคไม่สามารถสร้างบุคลากรที่มี "เสน่ห์" กับมวลชนได้เลย เต็มที่ที่พรรคทำคือการหาลูกหลานคนรวยหรือคนนามสกุลใหญ่มาเข้าพรรคเรื่อยๆ ทั้งที่ผู้นำพรรคที่คนนับถือที่่สุดอย่างอดีตนายกชวนก็มีภาพ "ลูกชาวบ้าน" มากกว่า "ลูกผู้ดี" หรือทีมเศรษฐกิจพรรคยุคก่อนอย่าง "อาจารย์ไตรรงค์" ก็มีความเป็นชาวบ้านอยู่มากพอสมควร
ถ้าประชาธิปัตย์อยากฟื้นพรรค พรรคต้องทำมากกว่านี้ครับ วิธีปั้นพรรคแบบดึงคุณหญิงดึงลูกผู้ดีที่ไม่มีคะแนนเสียงนั้นพอได้แล้ว ไม่ใช่ว่าคนเหล่านี้ไม่ดี แต่พวกนี้ได้อย่างมากก็แค่อัพเกรดภาพพรรค ทว่าทำไม่ได้เรื่องทำให้พรรคชนะใจประชาชน ไม่เชื่อก็ดูผลงานคนคุมพรรคที่อีสานดู
BTW สำหรับท่านที่บอกว่าเป็นนักต่อสู้และรณรงค์เพื่อสิทธิสตรี ผมไม่คุ้นและนึกไม่ออกเลยครับว่าท่านเกี่ยวกับขบวนการเคลื่อนไหวเรื่องผู้หญิงในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพศวิถี, อัตลักษณ์, ประชากรศาสตร์, ประชาธิปไตย ฯลฯ ตรงไหน ผู้หญิงทุกคนมีสิทธิพูดเรื่องผู้หญิงแน่ๆ แต่การบอกว่าตัวเองเป็น "นักรณรงค์" หรือ "นักต่อสู้" ผมว่าต้องมีิอะไรเกี่ยวกับคนอื่นมากกว่า Self-proclaimtion นิดนึง
“สถานการณ์รถ Grab ในเชียงใหม่วันนี้ : มีเจ้าหน้าที่ขนส่งยืนคุมอยู่หัวมุมประตูทางเข้าสนามบินคอยตรวจจับรถแกร็บโดยเปิดดูจากแผนที่บอกตำแหน่งของแกร๊บ จะเน้นจับรถแกร็บที่เข้ามารับผู้โดยสาร มากกว่ารถที่มาส่งผู้โดยสาร
ทางแก้ของคนขับแกร็บตอนนี้คือจะจอดรถไว้ที่ปั๊มน้ำมันข้างนอก แล้วนัดให้ผู้โดยสารเดินออกมาหา (ซึ่งไกลมาก) หรือไม่ก็ยืนรอให้คนขับเดินเข้ามารับแล้วช่วยแบกกระเป๋าออกไปให้ แต่คนขับจะต้องฝากมือถือไว้ที่คนๆนึงที่จะนั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ตรงหน้าปั๊มน้ำมันเก่าหน้าสนามบิน (งงมั้ย 555 ต้องฝากมือถือไว้เพราะเจ้าหน้าที่ขนส่งจะคอยจับตาดูตำแหน่งอยู่ตลอด) พอเดินมาถึงจุดใต้ต้นไม้หน้าปั๊มเก่าแล้วก็ให้เรายืนรอ แล้วคนขับก็เดินไปเอารถจากปั๊มใหม่แล้วขับมารับ
//ก็เหงื่อแตกกันไปจ้า 💦
พวกแท็กซี่และรถแดงคอยไปกดดันให้เจ้าหน้าที่จับแกร็บให้ได้ เพราะที่ผ่านมาแท็กซี่และรถแดงสนามบินเงียบเหงามาก แทบไม่มีึคนเรียก
ค่าแท็กซี่จากสนามบินไปเซ็นเฟส ประมาณ 400 บาท ขณะที่นั่งแกร็บจะอยู่ที่ประมาณ 280
จบการรายงาน”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นี่คือข้อสอบปรัชญาที่เด็กฝรั่งเศสต้องเขียนอภิปรายในการสอบจบ.ปลายเมื่อวาน
สายศิลป์
- เราจะหลุดพ้นจากกาลเวลาได้หรือไม่
- ทำไมต้องอธิบายงานศิลปะ
สายวิทย์
- ความหลากหลายของวัฒนธรรมคืออุปสรรคต่อเอกภาพของเผ่าพันธุ์มนุษย์ใช่หรือไม่
- รู้จักหน้าที่ คือ ยอมละทิ้งเสรีภาพของตนใช่หรือไม่
เราจะกระชากค่าครองชีพนะค่าาาาาาา
#อดีตนายกท่านหนึ่ง
รายได้ของคนที่สอนคนอื่นให้เสียสละลดรากิเลส
รับเงินเดือนสว.113,560 บาท
รับเงินเดือนจากเป็นผู้นำเหล่าทัพ 120,030 บาท
รับเงินเดือนสมาชิกคสช 119,920 บาท
รับเบี้ยประชุมกรรมการยุทธศาสตร์ชาติครั้งละ 6,000 บาท
รายได้จากกรรมการบอร์ดรัฐวิสาหกิจ?
รายได้จากส่วนที่ส่วนสอบไม่ถึง?
ถ้าอภิสิทตั้งพรรคใหม่ คิดว่ากระแสจะเป็นไง
แอดเฉินต้องขออภัยที่หายหน้าหายตาไปนาน กลับมาคราวนี้จะขอนำเสนออะไรที่พิสดารหน่อย
แต่ก่อนอื่นต้องกราบขออภัยมิตรรักแฟนเพจทุกท่านที่วันนี้อาจจะต้องขออนุญาตใช้คำหยาบโลนตรงๆ
แต่ถือซะว่าเป็นการนำเสนอความรู้ทางวิชาการละกันนะครับ ไม่ใช่ว่ามาปล่อยมุกหยาบโลนเล่นๆ
เรื่องก็คือ เป็นที่รู้กันมานานแล้วว่า คำด่า หรือ คำหยาบคายหลายๆคำในภาษาไทยปัจจุบันมักจะรับมาจากภาษาบาลี-สันสกฤต ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ อัปรีย์ จัญไร อัปมงคล อุบาทว์ ฯลฯ รวมทั้งคำเรียกอวัยวะเพศด้วย คือ หี สำหรับเพศหญิง และ ควย สำหรับเพศชาย
โดยมักจะอธิบายกันว่า หี มาจากคำว่า หีนะ ที่แปลว่า “ต่ำ”
และ ควย มาจากคำว่า คุยหะ ที่แปลว่า “ลับ”
เช่นในบทความนี้ https://prachatai.com/journal/2013/05/46559
แต่ทว่าคำอธิบายนี้เป็นจริงหรือไม่?
ในความเป็นจริงแล้ว คำว่า หี และ ควย เป็นคำที่นักภาษาศาสตร์พบในภาษาตระกูลไททุกภาษา แม้แต่ในภาษาตระกูลไทในบริเวณจีนตอนใต้และเวียดนามตอนเหนือที่ไม่ได้รับอิทธิพลอินเดีย ไม่รู้ภาษาบาลี-สันสกฤตและบางกลุ่มเผลอๆก็ไม่รู้จักพุทธศาสนาด้วยซ้ำ
ยกตัวอย่างเช่น ในภาษาไทกาวบั่ง มีคำว่า /hiA1/ และ /wɤjA2/ เอาไว้เรียกอวัยวะเพศหญิงและชายตามลำดับ
หรือ ในภาษาไทซาปา มีคำว่า /hiA1/ และ /xwajA2/ เอาไว้เรียกอวัยวะเพศหญิงและชายตามลำดับ
เช่นกัน
แปลว่าสองคำนี้โดยแท้จริงแล้วเป็นคำไทแท้ๆที่สืบสร้างรูปภาษาดั้งเดิมได้คือ *hi:A และ *ɣwajA มีความหมายว่าอวัยวะเพศหญิงและส่วนองคชาตของอวัยวะเพศชายตามลำดับ
โดยคำว่า ควย มีพยัญชนะต้นตามการสืบสร้างเป็นเสียงเสียดแทรก(fricative)ที่เพดานอ่อน(velar) ตรงกับรูปอักษรไทยว่า ฅ
ดังนั้นถ้ามีรูปสะกดแบบโบราณก็น่าจะเป็น ฅวย เช่นเดียวกับที่พบในภาษาล้านนา
เมื่อพูดถึงคำศัพท์อวัยวะเพศในภาษาล้านนาแล้ว ก็พาลให้นึกถึงคำว่า ขะ-หลำ
ซึ่งตรงกับคำว่า หำ ในภาษาไทยและอีสาน โดยมาจากสืบสร้างรูปภาษาดั้งเดิมว่า *้hramA(< *tramA) ซึ่งหมายถึง ส่วนอัณฑะของอวัยวะเพศชาย ในภาษาอีสานที่เรียกเด็กว่าบักหำน้อยๆ ก็มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าเด็กผู้ชายย่อมมีขนาดอัณฑะที่เล็ก เป็นคำนามนัยแบบหนึ่ง
เรื่องก็มีเพียงเท่านี้ครับ
แอ๊ดเฉิน
________________________________________________
Edit: หลังจากเผยแพร่บทความนี้ไปมีผู้หลังไมค์มาว่าเนื้อหาคล้ายคลึงกับบทความนึง จึงจะขอแชร์ให้อ่านเพิ่มนะครับ เป็นการยืนยันว่าชุดความรู้นี้จริงๆก็มีมาสักพักแล้ว แต่สาธารณชนโดยทั่วไปน่าจะยังไม่ทราบ เนื่องจากแนวความคิดที่สวนกันมีอิทธิพลกว่า
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10154496032581954&id=719626953
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
A: ผมว่าคุณนี่นิ่งมากๆ ไม่เห่อไปตามกระแสพานไหว้ครู ที่ท้ายสุดแล้วพิธีการนี้มันก็อยู่ภายใต้กรอบอำนาจนิยมชนิดหนึ่ง -- เอ๊ะนี่คุณเรียนโฮมสกูล หรือโรงเรียนทางเลือกมากันแน่อ่ะครับ
B: ผมเรียนโรงเรียนปอเนาะมา ไม่มีทำพานไหว้ครูไรเหมือนกัน มีแต่หัดประกอบระเบิดแสวงเครื่องอย่างเดียวอ่ะครับ
A: วะวะว่ะหว่ายยยย
นักกฎหมายไม่ค่อยส่งเสียงประท้วง คสช มากนัก ยกเว้นนักกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เดือดร้อนมากหน่อยเพราะกฎหมายที่ใช้หากินหายไป
แต่ระบบ คสช เป็นอันตรายมากสำหรับวิชาชีพนิติศาสตร์ เพราะ คสช โจมตีความเป็นเหตุเป็นผลของระบบกฎหมายโดยตรง ซึ่งความเป็นเหตุเป็นผลนี้เองที่ทำให้คนเคารพกฎหมาย เพราะเชื่อว่ามีเหตุผลอยู่ในระบบจึงควรเชื่อ
คสช ทำให้กฎหมายกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุมีผล ใครจะพูดว่าอะไรก็ได้ จะตีความแบบไหนก็ได้ กลายเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ ไม่ใช่กฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันของสมาชิกในสังคม
เมื่อระบบ คสช ผ่านไป นักกฎหมายที่ยังไม่เสียสติจะอธิบายระบบกฎหมายที่หลงเหลืออยู่ว่าอย่างไร จะกอบกู้ความน่าเชื่อถือของวิชาชีพกลับมาได้อย่างไร จะบอกลูกศิษย์ตัวเองได้ไหมว่า ห้าปีที่ผ่านมา ตัวเองยืนอยู่ตรงไหนก็ระบอบประยุทธ์
ยังไม่สามารถทำใจได้กับสิ่งที่โฆษกหญิงแห่งพรรคอนาคตใหม่พูดเมื่อวาน เรื่องลืมเรื่องเก่า มาตัดสินกันที่ปัจจุบัน แถมบอกว่า นี่คือวิถีวิญญูชน ตอนนี้กลายมาเป็นคนจงรักภักดีไปแล้ว
1) สิ่งที่ช่อทำมันผิดไหม ถ้าไม่ผิด เราต้องยืนกราน เราเป็นคนรุ่นใหม่ตัวแทนอนาคตใหม่ เราต้องมีเกียรติภูมิ ถ้าเราคิดว่าไม่ผิด เราต้องอธิบายว่ามันไม่ผิดอย่างไร ไม่ใช่คุณถูกแรงกดดัน แล้วก็รับผิดในสิ่งที่ไม่ผิด เพราะการที่คุณทำอย่างนั้น มันยิ่งไปตอกย้ำมาตรฐานเดิมเรื่องเจ้า นั่นคือ ไม่ผิดแต่ต้องยอมรับผิด
2) การเปลี่ยนความคิดทางการเมือง เหมือนที่ช่อบอกว่าตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้วคิดได้แล้ว อันนี้ยิ่งทุเรศ พัฒนาการทางความคิดคน (ขอย้ำคำว่า "พัฒนาการ") มัน one way เท่านั้น คือ เปลี่ยนจากเผด็จการ/ราชานิยม ไปสู่ประชาธิปไตย ไม่มีกรดไหลย้อนคือจากประชาธิปไตยกลับไปเป็นราชานิยม ถ้าอย่างนั้น เราจะมานั่งด่าคนอย่างเนาวรัตน์ หงา กันทำไม สิ่งที่ช่อทำคือสิ่งที่หงาทำ เดินถอยหลังกลับไปสู่ราชาธิปไตย เมื่อวานผมถึงบอกว่า มีแต่คนพัฒนาไปสู่สภาพตาสว่าง นี่กลับถอยหลังไปสู่ความมืดบอด
3) สิ่งที่ช่อในฐานะนักการเมืองต้องทำเมื่อวานคืออธิบายต้นเหตุของปัญหา นั่นคือ การเอา 112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และเค้า ในฐานะนักการเมือง จะแก้ปัญหาอย่างไร นี่กลายเป็นว่า เออออห่อหมกไปแล้วว่า บอกว่าตัวเองผิดจริง ขอโทษขอโพย ขอโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่ผิด บอกตรงๆ sick มากๆ
4) หรือเราจะอยู่แบบนี้ พอโดน 112 ขู่ ก็ต้องบอกว่ารักเจ้า ไม่แตะ แล้วผ่านมันไป นี่มันเป็นการเมืองสมัยทักษิณ และมันพิสูจน์แล้วว่า ผลลัพธ์อย่างเดียวที่ตามมาก็คือ รอยัลลิสต์ยิ่งหึกเหิม และการใช้ 112 มีความชอบธรรมมากยิ่งขึ้น นี่คือความซวยของประเทศไทย
5) นี่ยังไม่นับสัญลักษณ์อื่นๆ ทางกายภาพของช่อ ตั้งแต่สีเสื้อผ้า หน้า ผม ไม่ได้มีอะไรบอกถึงความเป็น "อนาคตใหม่" เลย
...ส่วนใครที่อ่านมา 5 ข้อแล้วยังคิดว่าดิชั้นเป็นศัตรูของอนาคตใหม่และการต่อสู้ตามแนวทางประชาธิปไตย เชิญ.... ถ้าเราไม่เริ่มเปิดฟ้าด้วยมือของเราวันนี้ อย่าหวังว่ามันจะเกิดในอนาคต
ขบวนการทำลายรากเหง้าของไทยเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติโลก (World Revolution) เพื่อทำไปสู่รัฐบาลโลก (One World Government)
จุดมุ่งหมายคือการล้มล้างระบอบกษัตริย์ วัฒนธรรมจารีตประเพณี ศาสนา ความเป็นชาติ ความเชื่อ หรืออุดมการณ์หลักของประเทศ
เมื่อทำลายโครงสร้างที่เป็นรากเหง้าของประเทศได้ ก็สามารถครอบงำยึดครองทรัพยากรของไทยได้โดยไม่ต้องใช้กำลัง หรือไม่ต้องทำสงคราม เนื่องจากมีคนไทยที่ขายชาติคอยให้ความร่วมมือ
วิธีการทำคือเสี้ยมให้คนไทยแตกแยก ให้ออกจากวิถีเดิม ให้ทำลายโครงสร้างเดิมของประเทศ และคอยดูแลระบบ หรือความเชื่อใหม่ที่ค่อยๆเอาเข้ามาใช้ในประเทศโดยฝีมือของหน่วยงานรัฐและเอกชน
พวกที่ทำลายประเทศโดยรู้ตัว ไม่รู้ตัว หลงผิด โลภ เงิน อิจฉา ริษยา อยากมีอำนาจ หรือเพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เป็นเพียงหมากของขบวนการปฏิวัติโลกที่มีศูนย์กลางในยุโรป
หลังจากทำหน้าที่ทำลายประเทศไทยได้แล้ว หมากจะได้เงินทอง ได้อำนาจ ได้การยอมรับในสังคมโลก ได้รับรางวัลนานาชาติ แต่หมากอาจจะถูกกำจัดไปเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อหมดประโยชน์ หรือต้องถูกเอาไปแลกกับประโยชน์
การปฏิวัติฝรั่งเศส (1789) ปฏิวัติรัสเซีย (1917) ปฏิวัติจีน (1911-1912) ปฏิวัติสยาม (1932) และการปฏิวัติในประเทศต่างๆตั้งแต่ปลายศตวรรตที่ 18เป็นต้นมาล้วนแล้วแต่มีต้นตอมาจากแหล่งเดียวกันของการปฏิวัติโลก
>>>มีต่อ
>>898
แกนนำนักปฏิวัติที่ล้มล้างประเทศตัวเองล้วนแล้วแต่เป็นเบี้ย หรือหมากของผู้คุม (controllers) ที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง
ทุกครั้งเมื่อมีการปฏิวัติ จะเกิดการปล้นทอง ปล้นทรัพย์สมบัติของชาติ ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่สับสน เกิดความชุลมุนวุ่นวายฝุ่นตลบ ไม่รู้อะไรเป็นอะไร
หลังจากทำงานเสร็จแล้ว พวกนักปฎิวัติจะถูกเก็บ บางคนที่ใช้งานได้ผู้คุม (controllers)ก็ให้อยู่ในอำนาจต่อ เพื่อดูแลการวางระบบโครงสร้างใหม่เพื่อให้ขบวนการปฏิวัติโลกสามารถครอบงำประเทศนั้นได้ ไม่ว่าจะเรื่องธนาคารกลาง การเปิดเสรีการค้า&การเงิน ระบบภาษี การรับเอาเงินตราของมหาอำนาจเป็นเงินสกุลหลักของโลก การสร้างสถาบันต่างๆขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับระบบของพวกผู้คุมที่เวางเอาไว้
บางคร้ังมันก็เป็นความจริงที่ว่า ปากกาคมกว่าอาวุธ
ในการทำลายรากเหง้าของไทย พวกนักปฏิวัติจะเอาแนวปรัชญามนุษยนิยมทางโลก (Secular Humanism)เข้ามา มนุษย์นิยมจะน้อมรับเหตุผลของมนุษย์ จริยธรรมและธรรมชาตินิยม เพื่อเป็นพื้นฐานของคุณธรรมและการปฏิบัติตน โดยจะปฏิเสธความเชื่อทางศาสนา อภินิหาร วิทยาศาสตร์เทียม และความเชื่อโชคลาง หรือแนวความคิดประเพณีเดิม
การที่จะวางหลักของมนุษยนิยมในสังคมไทยได้ก็ต้องทำลายระบบการศึกษาที่เน้นหน้าที่พลเมือง&ศีลธรรมเดิมทีครูไทยในอดีตและพระกับวัดมีบทบาทสูงในการหล่อหลอมจิตใจและความเชื่อของคนไทยให้รักษามรดกของชาติที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายพันปี
ในโครงสร้างเดิมของไทยเน้นความเป็นครอบครัวใหญ่ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำ มีระบบผู้ใหญ่กับเด็ก ไม่เน้นความเป็นปัจเจกชน (individualism) เน้นความเป็นส่วนรวม (collectivism)การงานต่างๆที่ทำสำเร็จต้องอาศัยสามัคคี คนไทยรักและเทอดทูนเจ้านายผู้ใหญ่ พระสงฆ์คุณเจ้า กษัตริย์มีหน้าปกครองดูแลประเทศและคอยทำนุบำรุงศาสนา คนไทยโดยทั่วไปมีความละอายใจต่อบาป มีจิตใจที่โอบอ้อมอารีย์ มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา แสวงหาทางหลุดพ้น ชอบทำบุญ เชื่อในนรกสวรรค์ การเวียนว่ายตายเกิด เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เชื่อว่าทำดีจะได้ไปอยู่ในสวรรค์ที่สูงขึ้น ทำชั่วจะตกนรก เชื่อในฝีสางเทวดา พระพรหม เชื่อในพลังจิต และอำนาจที่เหนือโลก
โครงสร้างความเชื่อที่สมบูรณ์แบบแบบนี้หาได้ยากยิ่งในสังคมอื่นๆในโลกที่คำสอนของพระพุทธเจ้าไปไม่ถึง ทำให้สังคมสุวรรณภูมิดั้งเดิมของไทยมีอารยะธรรมทางจิตใจที่สูงส่งที่สุดในโลก
ตั้งแต่ปี พศ2475 โครงสร้างดั้งเดิม (Old Structure) หรือความเชื่อหรือระบบเดิม (traditional beliefs & system)ค่อยๆถูกกลัดกร่อน ทำลายไปเรื่อยๆ ผ่านการลดบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้สถาบันศาสนา และสถาบันการศึกษาอ่อนแอลงเพื่อรับเอาหลักมนุษย์นิยมเข้ามาแทนโครงสร้างเดิมของประเทศ
>>>900
จะเห็นได้ว่ามหาวิทยาลัยต่างๆของไทยมีคณะมนุษย์ศาสตร์ที่เดินมาแนวทางนี้
(ใครจบคณะมนุษย์ศาสตร์ยกมือขึ้น ผมจบคณะศิลปศาสตร์จากมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ก็ถือว่าเป็นคณะมนุษย์ศาสตร์เหมือนกัน)เพื่อขัดเกลานิสิตนักศึกษาไทยให้ออกจากโครงสร้างเดิมของประเทศเพื่อรับเอาแนวคิดมนุษย์นิยมที่อ้างว่าใช้หลักเหตุผลและวิทยาศาสตร์เพื่อปฏิเสธรากเหง้าของประเทศ
เพื่อให้หลักมนุษย์ศาสตร์ทางโลกมีความน่าเชื่อถือจึงมีการสร้างและยัดเยียดลัทธิต่างๆเข้ามาสวมข้างบน ไม่ว่าจะเป็นลัทธิสังคมนิยม ลัทธิคอมมิวนิสต์ และลัทธิประชาธิปไตยเพื่อที่จะล้มล้างระบอบกษัตริย์ของประเทศต่างๆทั่วโลก รวมท้ังระบอบธรรมราชาของสยามประเทศ
แต่จะควบคุมประเทศได้ต้องวางระบบการเงินและเศรษฐกิจหรือลัทธิทุนนิยมควบคู่ไปด้วยกับประชาธิปไตย และหลักมนุษย์นิยม เพื่อให้เงินกลายเป็นพระเจ้าองค์ใหม่ที่ทุกคนต้องดินรนแสวงหา
ดูเผินๆ มนุษยวิทยาทางโลกน่าเชื่อถือ เพราะว่าเน้นความเป็นอิสระของปัจเจกบุคคล และอิสระทางความคิดตามหลักเหตุผล ไม่เชื่อในการเวียนว่ายตายเกิดไม่เชื่อในนรกสวรรค์ เชื่อว่าเกิดมาแล้วมีชีวิตเดียว ให้แสวงหาความสุขใส่ตัวเต็มที่ กระตุ้นให้คนปลดแอกออกจากระบบเดิมทำให้กลายทางเลือกของอนาคตใหม่
มนุษย์วิทยาทางโลกก้าวขึ้นมาเพื่อทำลายโครงสร้างเดิมของยุโรปที่เบียดบังความคิดสร้างสรรค์ และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ภายใต้อิทธิพลหรือการปกครองโดยศาสนจักรของโรม และกษัตริย์ยุโรปที่กดขี่ประชาชนตามที่โรมบงการ การศึกษาของยุโรปมาจากประเพณีคริสต์ (Christian tradition)ค่อยๆถูกแทนที่ด้วยวิทยาการความรู้ใหม่ที่มาจากการเกิดใหม่ทางวิทยาการ (Renaissance)ที่มีต้นตอมาจากอิตาลี และขบวนการมนุษย์นิยมที่ตามมา
นิสิตนักศึกษาไทยที่ถูกล้างสมองจากหลักสูตร หรือแนวคิดปรัชญาของมนุษย์วิทยาทางโลกหลังจากเรียนจบออกมาเข้ามาอยู่ในสังคม หรือกลายเป็นครูบาอาจารย์ก็จะไม่รู้ หรือไม่เข้าใจโครงสร้างเดิมที่เป็นเสาหลักของประเทศ แถมบางคนดูหมิ่นศาสนา สถาบันเบื้องสูงหรือแนวคิดทางประเพณีเดิมว่าเป็นของที่ล้าสมัย
มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยจึงกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์นักมนุษย์นิยม นักประชาธิปไตย นักสังคมนิยมหัวเอียงซ้าย นักสิทธิมนุษยชน นักทุนนิยม นักบูชาเงินตรา
ยิ่งมีงานดี เงินดี ร่ำรวยขึ้นมา ซึ่งเป็นสภาพชั่วคราวที่ไม่ยั่งยืน ทำให้เกิดความมั่นใจอย่างผิดๆว่าแนวทางมนุษย์นิยมทั้งโลกเป็นวิถีที่แท้จริง โดยหารู้ไม่ว่ามนุษย์นิยมทางโลกมีการแต่เคลือบยาพิษเข้าไปในตำรา
มีน้อยคนนักที่เป็นนักอนุรักษ์นิยม (conservatism)ที่กลายเป็นคนส่วนน้อยไป
ต้องถือว่า คุณช่อที่กำลังมีข่าวอื้อฉาวในเวลานี้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของการวางระบบการศึกษาแบบมนุษย์นิยมทางโลกในระบบการศึกษาของไทยที่ถูกครอบงำจนเกือบเบ็ดเสร็จไปแล้ว
รากเหง้าของประเทศถูกทำลายไปมากพอแล้ว ได้เวลาหรือยังที่จะได้รับการเยียวยาฟื้นฟู เพื่อคนไทยจะกลับมาหน้าใสอีกครั้ง
#โม่งมิตรสหายทีนิวส์ท่านหนึ่ง
15/6/2019
ผมปวดหัวกับความเห็นของฝ่ายขวาชาวไทย อยากจะให้ใครสักคนบัญญัติคำใหม่ที่ไม่ใช่คอนเซอร์เวทีฟให้พวกเขา
ล่าสุด เจอโพสทำนองว่า
"ผมไม่รวยครับ ไม่มีเงินเรียน ไม่ได้จบสูง เป็นแค่(งานเลเบอร์) แต่รู้แล้วว่ามหาลัยไม่ได้สอนให้คนสันดานดีขึ้น"
คือแบบ ถ้าเป็นฝ่ายซ้ายพูด คำนี้ฟังขึ้นนะ
เพราะฝ่ายประชาธิปไตยเนี่ย เชื่อว่าคนเท่ากันหมดจริงมั้ย
โอเค คุณไม่รวย ไม่ได้เรียนหนังสือ มหาลัยไม่ได้สอนคนให้ดี ใช่คนเท่ากันไง ถ้าฝ่ายซ้ายพูดนี้ผมซื้อ
แต่ไอ้เหตุผลนี้ เมื่อเอามาสนับสนุนว่าการปกครองจากคนกลุ่มเล็กๆ ที่กว่าคนกลุ่มใหญ่ มันสมเหตุสมผลตรงไหน?
คือฟังแล้วแบบ "เออ... แล้วคนที่สนับสนุนอนาคตใหม่ สนับสนุนเพื่อไทย มันไม่มีคนที่ ไม่รวยครับ ไม่มีเงินเรียน ไม่ได้จบสูง เหรอ... มีนะ" แล้วทำไมเราต้องฟังคุณ แต่ไม่ฟังคนที่อยู่อีกฝ่ายด้วย เอ้อ เราก็ต้องฟังทั้งสองฝ่ายใช่มั้ย เพราะความเห็นทุกคนเท่ากันไง ฝ่ายที่มากกว่าเลยชนะ
แล้วอะไรจะบอกว่าความเห็นของคนส่วนน้อยดีกว่า?
คือถ้าแบบ "ผมจบนอกมาครับ ผมเป็นนักวิชาการ จะให้ชาวบ้านที่ไม่มีความรู้มาปกครองไม่ได้ ต้องเป็นทีมงานลุงตู๋ผู้เชี่ยวชาญครับ" มันถึงจะเป็นเหตุผลสนับสนุนการปกครองของคนกลุ่มเล็กๆได้ป่ะ
ไอ้ข้อสนับสนุนว่า "ผมจนกว่า ผมโดนสังคมเอาเปรียบ ผมเลยถูก" มันเป็นข้อสนับสนุนของฝ่ายซ้ายอ่ะ
คิดในมุมฝ่ายขวา บอกว่าเลย "เออ มึงกากไง แล้วไม่ขยันด้วย แทนที่จะตั้งใจเรียนเพื่อยกระดับฐานะ จะมาเรียกร้องอะไร ความจนนี้ก็ทำตัวเองอ่ะ อย่าบ่นมาก ไปทำงานดิ"
คือพวกนี้อยู่ในวงการสนทนาได้ เพราะพูดอยู่กับฝ่ายซ้าย ซึ่งยกย่อง เห็นใจคนจน คิดว่าโดนสังคมเอาเปรียบอ่ะ
คิดแบบขวาๆแล้ว คือไม่เข้าใจเลย ว่าความจนนี่มันเอามาอวดกันได้ยัง
แล้วคุณแม่งเป็นฝ่ายขวานะเว้ยยยย คุณแม่งจะบอกว่า "กูเป็นคนจนผู้ยิ่งใหญ่" ไปพร้อมๆกับบอกคนว่า "รัฐบาลไหนมาก็เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการทำงานของเราเอง" ไม่ได้
งงมั้ย ผมอธิบายเรื่องเดิมซ้ำอีกรอบ
ถ้าคุณเชื่อว่า รัฐบาลไหนก็เหมือนกัน ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการทำงานของคุณ
งั้นก็ต้องแสดงว่าที่คุณไม่มีการศึกษา จนกว่า อยู่ทุกวันนี้ คือคุณขี้เกียจไม่ขยันไง จริงมั้ยล่ะ
ถ้าคุณเชื่อว่า "ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการทำงานของคุณ" >> "การที่คุณไม่สำเร็จ = คุณขี้เกียจ"
แล้วเมื่อคิดแบบขวาๆ แล้วทำไมเราต้องฟังความเห็น ของคนไม่ประสบความสำเร็จ? ทำไมเราต้องฟังคนขี้เกียจ?
ถ้าคุณจะเถียงว่า "ไม่ใช้เว้ย ผมมีคุณค่าเท่ากับทุกคน แต่เป็นเพราะสังคมที่ผมเกิดมามันไม่ดี ผมเลือกที่เกิดไม่ได้" งั้นแสดงว่ารัฐบาลที่ดูแลสังคมก่อนที่คุณจะเกิดมา รัฐบาลที่ดูแลสังคมที่คุณโตมา มันก็ต้องมีผลดิ
.
.
.
ผมงงมาก ว่าพวกเขาจะเอายังไง
ถ้าคุณจน ไม่ได้จบสูง แล้วอยากแสดงความเห็น ต้องเข้าใจว่าคุณมีสิทธิ์นั้น เพราะแนวคิดแบบประชาธิปไตย ที่เชื่อว่าคนเท่ากัน เราจึงคิดว่าความเห็นของคุณมีค่าเท่ากับคนเรียนจบสูง หรือคนที่ประสบความสำเร็จ
แต่ถ้าอยากจะบอกว่า แนวคิดแบบประชาธิปไตยมันผิด
ผมบอกว่าเลยถ้าไม่มีแนวคิดประชาธิปไตย ถ้าไทยยังเป็นแบบ 40 ปีก่อน แค่คนจนไม่ได้เข้ามหาลัยเป็นเลเบอร์แบบนี้ เงยหน้าพูดโดยไม่กุมไข่ คนเขาจะด่าว่า "ไอ้ห่า มึงชาติต่ำแล้วยังไม่เจียมตัว เรียนยังไม่จบ ม.6 มึงจะรู้เรื่องอะไร กล้าไปเถียงอาจารย์เขาได้ยังไงวะ มึงไหว้อาจารย์เขา ชาติหน้าจะได้ฉลาดเหมือนอาจารย์บ้าง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ทุกสัปดาห์เจ้าของสถาบันจะจัดให้มีวันล้างบาป โดยให้นักเรียนแต่ละคนถือไม้เบสบอลรวมตัวกัน หากเด็กกลุ่มไหนทำความผิดหรือในกลุ่มไม่ชอบใคร ก็จะให้เด็กใช้ไม้รุมทุบตีเด็กรายนั้นเพื่อชำระบาป”
เห็นฝ่ายขวาชอบด่า "ไทยเฉย" บ่อยๆว่าไม่สนใจบ้านเมืองผมว่าคงตลกพิลึกถ้าอยู่ดีๆ "ไทยเฉย" หันมาสนใจการเมืองแล้วกลายเป็นเสื้อแดงหมด
>>906 ใครเริ่มใช้ไม่รู้ แต่คนใช้หลักๆ คือกปปส.
http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=ไทยเฉย
>>905 พวกที่ชอบด่าฝ่ายกลางนี่กุเห็นแต่ฝั่งซ้ายด่ากัน ฝั่งซ้ายเมกา/ยุโรปเวลามีใครบอกว่าเป็นCentristแม่งน้ำลายฟูมปากด่าว่าถ้าไม่ใช่พวกชั้น มึงคือฝั่งขวา ไม่เชื่อลองเอาคำว่า"Centrist"ไปกูเกิลดู แล้วจะเห็นการ์ตูนกากๆของฝั่งซ้ายที่เอาExtreme Caseที่แต่ขาวกับดำอย่างเรื่องนาซีรึเหยียดผิวมาล้อCentrist ทั้งๆที่Centristของจริงเป็นการดูความเห็นของทั้งสองฝ่ายมาประมวลแล้วเลือกเชื่อเฉพาะบางอย่าง แบบCentristอาจจะเชื่อเรื่องสิทธิ์การครอบครองปืน แต่ก็เชื่อเรื่องทำแท้งเสรีด้วย
ทีนี้เพราะพวกฝั่งซ้ายควายๆเห็นว่าถ้าไม่ได้เชื่อความเห็นฝั่งชั้นทั้งหมด งั้นพวกมึงก็คือนาซีปลอมตัวมา ไปตายให้หมด ทำให้Centristsจำนวนมากโดนผลักไปฝั่งขวา ส่วนนึงโหวตรีพับเพราะหมั่นไส้พวกซ้ายที่ด่าCentrists
ทีนี้ การเมืองไทยก็ดูไว้นะฮับ ถ้าอยากให้Centristsไปโหวตพรรคตรงข้าม ก็ด่าในนามฝั่งที่คุณชื่นชอบเยอะๆคะแนนจะไหลไปเอง รับรอง
อยากให้Centristsไทยเลือกลุง ก็ด่าCentristsในนามส้ม-แดงเยอะๆ
>>909 กูว่าไม่ใช่ล่ะ ของบ้านเรามันไม่มีที่ว่างให้ Centrist หรอก โดนผลักให้อยู่ข้างใดข้างนึงแหละถ้าเป็น Centrist จริง ๆ นะ ไม่งั้นมันก็ไม่มีคำว่า ไทยเฉย รึอะไรที่ไม่มีสีออกมาหรอก
ใกล้ตัวกูนี่เป็นตัวอย่างที่ดีเลย ฝ่ายซ้ายชัดเจนแล้วบอกกับกูเลย "ความเป็นกลางไม่มีจริง ต้องเลือกไม่ฝ่ายโน่นก็ฝ่ายนี้ไม่มีกลาง"
"เมื่อวานเจอตำรวจครับ
มานั่งคุยด้วยครับ
เขาถามว่า กลุ่มไอลอว์เป็นยังไงเหรอ พี่สนใจจัง เป็นคนรุ่นใหม่กันเหรอ?
ตอบว่า ไม่ใช่ครับ อายุสามสิบกว่าแล้วครับ
เขาบอกว่า พี่ติดตามทุกวันเลย ดูในยูทูปทุกวัน
ตอบว่า ไม่ใช่ครับ ไม่ได้ทำครับ (ยูทูปทำมาห้าปี มีประมาณสี่คลิป)
เขาถามว่า พวกเราเป็นใครกันเหรอ?
ตอบว่า เป็นเอ็นจีโอครับ เป็นพนักงานเต็มเวลา ทำงานมีเงินเดือนครับ
เขาถามว่า พี่สนใจ อยากสมัครสมาชิก ต้องทำยังไง?
ตอบว่า ไม่มีครับ เป็นพนักงานประจำครับ
เขาถามว่า พี่สนใจ อยากร่วมกิจกรรมด้วย ต้องสมัครที่ไหน?
ตอบว่า กดไลค์เฟซบุ๊กหรือยังครับ?
คิดในใจ ทำไมสายข่าวประเทศไทย โง่จังครับ?
ถ้าอยากแฝงตัวไป เพื่อหาข้อมูลกลุ่มคนที่เป็นภัยต่อสังคมจริงๆ อาจจะโดนยิงตายไปตั้งแต่คำถามแรกแล้วครับ"
เนี่ย เรื่องขายของบนทางเท้าก็เกี่ยวกับการเมือง เรื่องวินตีกันก็การเมือง เรื่องคนเดินตกท่อ เครนหล่นลงในโรงเรียน ก็เกี่ยวกับการเมือง ทำไมยังปฏิเสธว่าการเมืองไม่เกี่ยวกับเรานะ การเมืองมันไม่ใช่แค่คนสองกลุ่มตีกันในรัฐสภา มันคือตัวแทนปชช เอาเงินปชชไปใช้ เพื่อพัฒนาชีวิตปชช
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คนที่บอกว่าตัวเองเป็นกลางมีอยู่สองประเภท คือ "พวกไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองเลือกข้าง" กับ "พวกที่ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเลือกข้างไปแล้ว"
Centrist เปะๆไม่มีจริง แต่เอียงซ้ายเอียงขวาเล็กน้อยมีจริง
เคยคุยเรื่องนี้กับอาจารย์รัฐศาสตร์และเพื่อนที่เรียนนิติศาสตร์ เขาอธิบายว่า การที่ผู้รักประชาธิปไตย รักเสรีภาพ จะรังเกียจต่อต้าน และ โจมตีผู้สนับสนุนเผด็จการนั้นถูกต้องตามหลักการแล้ว เพราะว่า ถึงแม้จะเชิดชูเสรีภาพ แต่การสนับสนุน หรือ เมินเฉยไม่ทำอะไกกับผู้นิยมเผด็จการ คือการปล่อยให้แนวคิดแห่งการทำลายล้างเสรีภาพเติบโต เพราะฉะนั้นแล้ว ผู้เคารพในเสรีภาพจึงมีภาวะผูกมัดให้ทำลายเผด็จการและผู้สนับสนุนเผด็จการ
เพราะงั้นเวลาเจอใครเอาคำพูดทำนองว่า "เป็นเสรีชน นิยมประชรธิปไตยก็ต้องเคารพ และให้อิสระคนที่นิยมเผด็จการสิ หรือ การสนับสนุนเผด็จการเป็นสิทธิ" ให้เราเถียงไปได้เลยว่าไม่ใช่ เพราะการสนับสนุนเผด็จการคือการสนับสนุนการ "ทำลายสิทธิมนุษยชน"
ปล. เวลาเจอใครพูดแบบนี้อย่าไปด่าเขานะ อธิบายเขาดีๆ
#มิตรสหายทั่นหนึ่ง
กูเลือกลุงตามระบอบ ปชต. แล้ว สบายใจได้
#ช่วงบทสนทนาระหว่างความดาร์คกับความบักเสี่ยว
A: ทำไมคุณไม่แสดงความผิดหวังต่อตัว ส.ว. ซากีย์ พิทักษ์คุมพล เหมือนปัญญาชนหรือนักสิทธิมนุษยชนคนอื่นๆ บ้างอ่ะครับ
B: ผมคลุกคลีอยู่แต่กับเครือข่ายบังรอนอ่ะครับ
A: วะวะว่ะหว่ายยย
หมายเหตุ:
บทสนทนาระหว่างความดาร์คกับความบักเสี่ยวขอร่วมสนับสนุนการทำงานของ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ในการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด เพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนไทยไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดที่ถือว่าเป็นการทำลายอนาคตของชาติมา ณ ที่เนร้ อ่ะครับ /\
= Where we belong? 2ปีแล้วเรายังรักหรือเปล่า? จากอิมเมจถึงปั้นจั่น =
ไม่ใช่บทความวิจารณ์หนัง แต่เกี่ยวกับหนัง
ตอนนี้สังคมไทยมีหนังสองเรื่องที่อยู่ในโรงภาพยนตร์ ซึ่งกลายเป็นสงครามระหว่างกลุ่มผู้ที่มีความคิดทางการเมืองสองกลุ่มไปแล้ว คือ Where we belong? กับ รัก2ปียินดีคืนเงิน
เมื่อกี้ผมเห็นโพสในเฟส ฝ่ายหนึ่งบอกว่า "รักสถาบันต้องดู 2 ปี ล้มเจ้า ไม่รักลุงดู WWB"
อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่า "คนมีปัญญามาความคิดดู WWB ส ลิ่มนิยมกะลาดักดาน ดู 2 ปี"
กรณีนี้ทำไปสู่การถกเถียงกันมากมาย ว่าการแบนหนังทั้งเรื่องเพราะนักแสดงนำของ 2 ปี เพียงคนเดียว โพสเฟสแบบสนับสนุนคสช.และดูถูกคน นั้นสมควรหรือไม่
สงครามทางความคิดนี้ ทำให้ผมคิดถึงเรื่องราวเมื่อ 2 ปีก่อน คือกรณีอิมเมจ
ถ้าคุณลืมไปแล้ว ประมาณเดือน ก.ค. ปี 2560 หรือ 2 ปีที่แล้ว
อิมเมจเคยทวิตเตอร์ว่า "เอาจริงๆนะ แค่ทำให้รถเมล์รถตู้มาสม่ำเสมอทุกเส้นทางยังทำไม่ได้เลย จะเอาอะไรไปเจริญออ ตลก"
"เหนื่อยใจ ไม่อยากเรียกที่นี่ว่าบ้าน"
"ยินดีที่จะทำงานหนัก ยินดีที่จะจ่ายภาษีและค่าครองชีพในเรทที่แพงกว่านี้ ถ้าwelfareในชีวิตประจำวันจะดีกว่านี้"
"ไม่รู้จะเอาอะไรมาภูมิใจละจริงๆกับที่นี่ 555"
ผลคือ เละ - อิมเมจโดนถล่มในข้อหา ไม่รักชาติ
สิ่งที่น่าสนใจคือ ตอนนั้นอิมเมจเละมากๆ ใครมาปกป้องก็โดนเละ ยากมากที่จะมีคนอยากปกป้อง ถูกแบน ไม่มีงาน
ความคิดฝ่ายรักแผ่นดิน ประเทศนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์ได้เข้มข้นมาก
คำถามของอิมเมจคือ Where we belong? ประเทศแบบนี้มันเป็นสถานที่ของเราจริงๆเหรอ? เราเรียกที่นี่ว่าบ้านได้จริงๆมั้ย?
ปรากฎการณ์ที่น่าสนใจคือ 2 ปีต่อมา คือโลกกลับหัวกลับหาง
กระแสสังคมกลับข้างได้ดุเดือดมาก ปั่นจั่นเละ ใครปกป้องปั้นจั่นก็เละ
ที่ตลกคือ คนที่เคยด่าอิมเมจเมื่อ 2 ปีก่อนก็เกิดมีมนุษยธรรม คิดว่ามนุษย์เราไม่เคยตัดสินกันเพราะสิ่งที่โพสในโซเชียล ไม่ควรแบนงานกันเพราะทัศนคติความคิดทางการเมืองขึ้นมา
ผมคิดว่าถ้า อิมเมจโพสแบบวันนั้น ในวันนี้ตอนนี้ นอกจากไม่โดนด่าแล้ว ยังจะมีคนชอบด้วย
เกิดอะไรขึ้น?
คำถามของปั่นจั่นคือ เราเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนสิ่งที่รัก กันได้ใน 2 ปี จริงๆ ใช่หรือเปล่า?
2 ปีก่อนคุณอาจจะรักประเทศแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ ตอนนี้คุณอาจจะเกลียดก็ได้
2 ปีก่อนคุณอาจจะรักรัฐบาลนี้ ตอนนี้คุณอาจจะเกลียดแล้วก็ได้
2 ปีก่อนคุณอาจจะรักกฎหมายบางข้อ วัฒนธรรมบางอย่าง ตอนนี้คุณอาจจะเกลียดมันแล้ว
ถ้ามองโลกในแง่ดีคำถามต่อไปจากเรื่องนี้คือ
ถ้าคนเราเปลี่ยนกันได้ ทัศนคติของสังคมเปลี่ยนไปในเวลาเพียงแค่ 2 ปี แล้วเราจะเปลี่ยน สถานที่ที่เราไม่ belong ให้เป็นสถานที่ที่เรา belong ได้หรือเปล่า?
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พอยออฟวง พอยออฟวิว อัลไลนี่ไม่ได้รับประทานพี่โจวแน่นอน เพราะสำหรับพี่โจวนั้นหัวใจมันมอบให้คุณมัลลิการ์ไปคนเดวอ่ะครับ
จะเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เป็นฝ่ายซ้าย
ก็ติดหลักการ ติดคุณธรรม
แต่การต่อสู้ทุกวันนี้ ยิ่งใช้ไม้อ่อนก็ยิ่งโดนโจมตีกลับด้วยไม้แข็ง
ถือหลักการจึงเล่นแรงไม่ได้ ถึงขนาดโดนฝ่ายตรงข้ามตราหน้าว่าไร้น้ำยา
หลายครั้งฝ่ายตรงข้ามพลาดซักทีนึง ก็โดนขุดมาขยี้เสียเละเทะ ไม่ต่างอะไรกับที่ฝ่ายตรงข้ามทำ แต่ว่ามันเป็นยุทธวิธีที่เป็นการกระตุกหนวด slimได้เป็นระยะ เหมือนการรบแบบกองโจร
บางทีก็คิด การที่มีทั้งฝ่ายหลักการ ยึดคุณธรรม ทำงานบนกติกา กับฝ่ายฮาร์ดคอร์ ใช้ hate speech ใช้การล่าแม่มด ขุดอดีต แบบนี้
ควรจะยอมรับได้แล้วว่าฝ่ายต่อต้านเผด็จการ ไม่จำเป็นต้องมีแต่ฝ่ายที่ขาวสะอาด การที่มีฝ่ายที่เป็นกองกำลังด้านมืดบ้างนั้นจำเป็น
ถึงกระนั้นทั้งสองกลุ่ม ก็ไม่ควรต้องมาเกี่ยวข้องกัน ต่างคนต่างทำงานภายใต้แนวทางของฝ่ายตน เหมือนคนไม่รู้จักกัน และมีการประนาณมีด่ากันบ้างตามสมควร
ที่ว่ามานี่ไม่ใช่ว่าจะให้ลงถนนไปใช้กำลัง หรือยกทัพไปปิดทำเนียบ หรือไปฆ่าใคร แต่ยุทธวิธีแบบปัจจุบัน ที่มีเพจต่างๆแซะ แซว ขุด ก็ถือว่ามากใช้ได้แล้ว พวกนี้เป็นนักรบด้านมืด ที่ทำงานสกปรกไป โดยไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์แบบคนที่ทำงานตามหลักการ
ใครเห็นโพสท์นี้จะแคปไว้คอยดิสเครดิทผมทีหลังก็ได้ แล้วแต่เลย
แต่ถ้าวันใดคุณมีความคิดนึงแล่นเข้ามาในหัว "slimต้องรมแก๊ส" เราคือเพื่อนกัน
การสนับสนุนเผด็จการไม่ใช่ ‘การคิดต่าง’ การสนับสนุนนาซี ฟาสซิสต์ก็ไม่ใช่การ ‘คิดต่าง’ คำว่ายอมรับคนคิดต่างหมายถึง ‘คิดต่าง’ บนฐานของคนที่เชื่อในสิทธิมนุษยชน ปชต. ร่วมกัน ถ้าคุณสนับสนุนเผด็จการแปลว่าคุณไม่มีแนวคิดเรื่อง ‘คิดต่าง’ มาตั้งแต่ต้น แถมยังต้องการทำลายคนที่คิดไม่เหมือนคุณ
"ลองค้นเพจ Point of View ดูที่ Search Box พบคำอธิบายว่า "Writer • thinker • Storyteller"
ไอ้ชิบหาย แค่นี้กูก็ Red Flag แล้ว คนดีๆ ที่ไหนแม่งเรียกตัวเองเป็น Thinker"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ผมขอยืนยันว่า ในชั่วชีวิตเรา บางทีลูกเราด้วย จะต้องรบกันไปอีก และแย่งกันในระบอบเก่ากับระบอบใหม่นี้ เพราะเหตุเราจะต้องประสานกัน เราต้องการความสงบสุข เราต้องการสร้างชาติ เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ นั้น เราจึงไม่ได้ทำอะไรเลยกับพวกที่เห็นตรงกันข้าม ใครจะไปไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ เมื่อเปรียบกับในต่างประเทศ ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า เราทำมาผิดกันไกล เช่น ฝรั่งเศสปฏิวัติกัน เขาก็ฆ่ากันนับพัน ๆ คน จนถึงกับเอาใส่รถใส่เกวียนไปฆ่ากัน ส่วนเราเปลี่ยนกัน เปลี่ยนทั้งพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนทั้งอำนาจอะไรต่ออะไรด้วย เราก็ไม่ได้ทำอะไรกันเลย มิได้มีการเสียเลือดเนื้อกันเลย และผมว่า ในชีวิตเรา ในชีวิตลูกของเรา พวกรักระบอบเก่าแก้แค้นก็ไม่หมด เพราะว่าเราปล่อยไว้ อย่าว่าแต่การเปลี่ยนระบอบการปกครองและเปลี่ยนพระมหากษัตริย์เลย ขอให้มองดูใกล้ ๆ การเปลี่ยนแต่พระมหากษัตริย์ ตัวอย่าง สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เปลี่ยนจากพระเจ้าตากมาแล้ว ฝ่ายพระเจ้าตากเป็นอย่างไร ฝ่ายพระเจ้าตากต้องถูกประหารชีวิตหมด ถึงกระนั้นก็ดี ตอนหลังก็ยังปรากฏว่าจะมีการแย่งกันอีกเล็กน้อย นี่ตัวอย่างที่เราเป็นมาแล้ว ...แต่เราไม่ได้ทำอันตรายใครเกินเหตุ จึงทำให้พะวักพะวนอยู่ แต่ห่วงพวกรักระบอบเก่า ...พวกผมขอให้หมด ปิดฉากพยาบาทกัน แต่พวกตรงข้ามเขาไม่ยอม ก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร เขาแสดงทีท่าว่า ต่อให้ถึงลูกหลานเหลนของเราก็ต้องรบกันอยู่นั่นเอง ก็มีปัญหาขึ้นว่า ถ้าเช่นนั้นทำไมจึงไม่แก้เล่า ถ้ามีการแก้ ก็ต้องทำเด็ดขาดอย่างพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงปฏิบัติกับพวกเจ้าตาก ซึ่งได้ผลดีมาแล้ว แต่เราทำไม่ได้ จะไปล่มเรือฆ่ากันอย่างนั้นพ้นสมัย และกลัวบาปด้วย แต่ฆ่า ๑๘ คนเท่านี้ก็พออยู่แล้ว เป็นประวัติการณ์ที่เรายังไม่ลืมเหตุการณ์อันนี้ ถ้าเราจะให้หมดไปจริง ๆ ที่จะให้ระบอบใหม่นี้มั่นคงแล้วจะเป็นอย่างไร ดูอย่างฝรั่งเศสเมื่อครั้งพระเจ้าหลุยที่ ๑๖ นั้น เอาไปประหารกันทีเดียว อีกอย่างหนึ่ง เราจะปราบด้วยวิธีอื่นก็ได้ พวกที่อยู่ในระบอบเก่าไม่เปลี่ยนหัวมาเป็นระบอบใหม่ ก็ให้หนีไปเสียจากเมืองไทย สภาฯ นี้ก็อนุมัติให้รัฐบาลทำได้ ให้ออกกฎหมายว่าพวกนี้ให้ผมริบทรัพย์ แล้วเนรเทศไปให้หมด"
มึงเป็นนักศึกษาประวัติศาสตร์ยังไง ถึงเชื่อวาทะกรรมควายๆ ของพวกเผด็จการ ก็รู้อยู่นี่ว่าผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์ คณะราษ 2475 มันแพ้ยับ แต่ละคนก็ตกยากลำบาก ส่วนเผด็จการร่ำรวยสุขสำราญ มึงก็น่าจะเห็นภาพนะเว้ย เรื่องง่ายๆ แค่นี้อะ ถึงว่าละทำไมไม่ค่อยทำคลิปประวัติศาสตร์ไทย อย่างตุลาทมิฬ เพราะเป็นสลิ่ มเลียเผด็จการและชอบการกดขี่นี้เอง เหี้ยสุดก็คือดีใจที่เห็นคนคิดต่างโดนยิงตาย ลุงที่โดนยิงก็แค่ประชาชนคนหนึ่งไม่ใช่ผู้ร้ายหรือโจร มึงเลวระยำเกินไปแล้ว กูไม่คิดเลยว่ามึงจะมีความคิดต่ำตมได้ขนาดนี้
ไม่ได้ไปยืนดูครับ เพียงลงรถไฟฟ้าที่สถานีมาบุญครองแล้วนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ตำรวจจึงยัดข้อหาว่าเป็นแกนนำจัดการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการเลือกตั้งตามกำหนดครับ เหมือนเมื่อครั้งที่ไปรับของฝากจากเฮียปอที่อาคารจอดรถสวนสัตว์ดุสิตเมื่อวัน 30 ก.พ. 60 ตำรวจยัดข้อหาเป็นแกนนำจัดชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมฯ
ต่อไปนี้ผมจะเดินผ่านที่ชุมนุมใดไม่ได้เลยครับ เพราะคนระยำมันจะยัดข้อหาผมเป็นแกนนำจัดการชุมนุม
“ไปตามกรณี Point of View มาพักใหญ่ อ่านทั้งคนที่ขุด คนที่เคยเป็นเพื่อนขุดมาเล่า ถึงเพิ่งรู้ว่าเธอคือป้าแว่นในทวิตเตอร์เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งตอนนั้นเธอน่าจะโดนด่าจนหันไปทำชาแนลในยูทูปจนโด่งดังแทน
ต้องบอกก่อนว่าเรื่องแนวคิดทางการเมือง คนเราเปลี่ยนกันได้นะ ผมเป็นคนหนึ่งที่ผ่านทั้งช่วงเกลียดทักษิณ เป็นส ลิ่ม จนตาสว่างนิดๆ จนตาสว่างเต็มที่ แต่ก็ได้แต่เงียบๆ ในโลกความเป็นจริง ไม่ได้แตะการเมืองเวลาพูด ไม่ได้วิจารณ์ใคร หรือพูดง่ายๆ ก็เก่งแต่ในเฟซ ส่วนหนึ่งเพราะเราไม่ได้มีพาวเวอร์พอจะไปจูงใจคน และมีเพื่อน ญาติ และใครอีกหลายคนที่รู้จักในโลกความจริงที่คิดตรงข้ามคนละขั้วกับเรา เพราะรู้ว่าถ้าข้อมูลไม่แน่นจริงก็เถียงแล้วไม่ได้อะไรขึ้นมานอกจากทะเลาะกัน
กรณีของ Point of View ที่ผมรับไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่เรื่องทวีตว่าจะฟ้องเพื่อนเรื่อง ม.112 หรือสะใจกับการที่มือปืนป๊อปคอร์นยิงคนตาย กรณีแบบนี้การที่ผมมีคนรู้จักจำนวนไม่น้อยอยู่อีกฝั่ง ก็กล้าพูดได้ว่ามุมมองแบบนี้ในโลกของเขา เป็นคนละแบบกับโลกของเรา เขาเห็นในอีกมุม เช่น กรณีมือปืนปีอปคอร์น เขาไม่รู้หรอกว่าคนตายเป็นแค่ลุงแก่ๆ เข็นรถขายผลไม้ แต่ในข่าวที่เขาเสพ ชายคนที่ถูกยิงคืออันธพาลพวกของโกตี๋ที่จะมาทำร้ายผู้ชุมนุมใน กปปส.
ที่พูดนี่ไม่ได้ปกป้อง Point of View จากกรณีนี้แต่อย่างใด เพราะโพสเธอที่แสดงความสะใจกับกรณีแบบนี้ยังไงก็ไม่ควร
กรณีที่รับไม่ได้จริงๆ คือช่วงที่ บก.ลายจุด ต่อต้านการรัฐประหาร หนีกบดานไม่ยอมรายงานตัว แล้วเธอไปทวีตถามว่าช่วงที่หนีนั่นสนุกไหม ? ไหวไหม ? พอ คุณหนูหริ่ง หรือ บก.ลายจุด ทวีตตอบว่าก็พอไหว แล้วเธอก็บอกว่าโดนอายัดบัญชี ลูกไม่มีเงินเรียน ทำแบบนี้สนุกเหรอ ? โห อันนี้เข้าขั้นระราน
เท่าที่อ่านเพื่อนที่ขุดมายังยืนยันว่าเธอระรานคนอื่นในทวีตอีกหลายคนจนเป็นที่มาของป้าแว่นในตำนานทวิตเตอร์ช่วงหนึ่ง
ส่วนตัวผมยังไม่เห็นด้วยกับการขุดอดีตบางส่วนมาโจมตีกันทางการเมืองนะ ยิ่งเป็นคนรู้จักเป็นเพื่อนกันก็ลองหาทางคุยกันดีๆ ก่อน(เพราะจริงๆ นี่แหละที่ยากที่สุด ผมเองยังทำไม่ค่อยได้) เพราะคนเราเปลี่ยนกันได้เรื่อยๆ จนถึงวันหนึ่งมันอาจจะหยุดเปลี่ยนก็ว่ากันไป...แต่กับอดีตบางคนพอมันมีมากเยอะๆ เข้า เราจะไปห้ามคนที่เคยเป็นอริให้รับฟังคงยากแล้ว”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อีกหนึ่งตัวอย่างที่เกิดขึ้นเพราะความไร้ประชาธิปไตยและโครงสร้างทางสังคมที่ไม่เป็นธรรมอ่ะครับ ถ้าไทยมีประชาธิปไตยและเป็นรัฐสวัสดิการรับรองว่า https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/1037144
ตรีโกณมิติ ทนายด่างเอามาใช้คำนวณระยะห่างพื้นที่ในคดีกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง
จำได้มั้ย ที่ฉันเคยเล่าว่า ทุกครั้งที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น ฉันจะถ่ายเก็บฟุตเอาไว้เยอะมาก เพื่อเอามาตัดต่อเป็นหนัง ซึ่งตอนนั้นเป็นการถ่ายโดยที่ยังไม่มีพล็อตเรื่องในหัว
ทีนี้ พอกูคิดออกแล้วว่าจะทำเรื่องฮาๆเกี่ยวกับคนไทยไปรับจ้างถ่ายหนัง AV กับคนไทยไปเป็นดาราหนัง AV ที่ญี่ปุ่น โดยครั้งหน้าก็จะไปถ่ายเก็บฟุตมาเพิ่มอีก
อีดอก Netflix ก็เสือกทำซีรี่ส์เรื่องนี้ออกมาพอดี จบเลยจ้า ไปต่อไม่ถูกเลย ต้องยกเลิกพล็อตเก่า เพราะขืนยังทำต่อ คนก็จะหาว่าก็อปไอเดียจาก Netflix อีสัส เลยต้องล้มเลิกพล็อตเก่า ต้องเปลี่ยนพล็อตใหม่อีกแล้ว
"...โนบิตะ ในอีก 45 ปี ข้างหน้า..."
"........เด็กที่ไหนจะไปนึกออกกันครับ ว่าอีก 45 ปีข้างหน้า ตนเองจะเป็นยังไง มีแต่ผู้ใหญ่วัยใกล้ๆ 30 นั่นแหละครับ ถึงจะเริ่มนึกออก
อาจเพราะเหตุนี้ ผมจึงยิ่งนึกถึงโดเรมอน ตอนนี้มากขึ้น ยิ่งปีนี้ผมสอนวิชาโครงงานอิสระ โดยให้เด็กนักเรียนสวนอนันต์ ม.5/2 ห้องประจำชั้น ทำ”สมุดแห่งกาลเวลา” ที่พูดถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของตนเองด้วยแล้ว ผมยิ่งนึกถึงโดเรมอนตอนนี้ (ปัจจุบันผมย้ายกลับมาประจำที่สวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนเก่าสมัยผมเรียนมัธยม ได้หลายปีแล้วครับ)
แม้จะเป็นตอนที่ไม่ค่อยดัง แต่ตอนเด็กๆผมเคยอ่านตอนนี้อยู่ และสิ่งที่สัมผัสได้ตั้งแต่ตอนนั้นก็คือความรู้สึกเศร้าแปลกๆ และยิ่งเติบโตขึ้น ความรู้สึกแบบนี้ก็ยิ่งมีมากขึ้น
โดเรมอน ตอนนี้ เล่าถึงวันที่แสนเซ็งของโนบิตะ ในวัย 10 ขวบ ที่ทั้งถูกเพื่อนไล่ต่อย , พ่อแม่ก็ดุ อะไรก็ดูเซ็งๆไปหมด แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ก็พบว่าโดเรมอนพาชายวัยกลางคนมาด้วย และชายคนนี้ก็คือโนบิตะในอีก 45 ปีข้างหน้านั่นเอง (คือโนบิตะ ในวัย 55 ปี)
โดเรมอนบอกว่า เห็นเขาอยู่บ้านคนเดียวท่าทางเหงาๆ ก็เลยพากลับมาเยี่ยมโนบิตะในวัย 10 ขวบ แล้วก็ขอสลับร่างกันเพื่อสัมผัสชีวิตวัยเยาว์อีกครั้ง ซึ่งโนบิตะเด็กก็ยอม
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ก็คือ คนแก่ในร่างเด็กสมชื่อ เพราะโนบิตะวัยกลางคน ที่ได้กลับมาอยู่ในร่างเด็กอีกครั้งนั้น มองเห็นทุกๆอย่างสดใสไปหมด
- พอไปเจอชิซูกะ ก็พูดแต่ว่า ลูกเรามันโตแล้วนะ มันแต่งงานและไปฮันนีมูนแล้วนะ
- พอไปเจอไจแอนท์ กับ ซึเนโอะ มาไล่ต่อย ก็ไม่หนีไปไหน แถมยิ้มแย้มดีใจ เฝ้าบอกแต่ว่า ดีใจจัง พวกนายในตอนนี้ยังแข็งแรงดีอยู่เลย
- พอไปเจอคุณแม่เรียกไปดุ ก็ร้องไห้ดีใจ เฝ้าบอกแต่ว่า คุณแม่ยังสาวอยู่เลยในตอนนี้
- พอคุณพ่อกลับบ้านตอนเย็น ก็วิ่งไปต้อนรับอย่างดีใจสุดๆ ที่ได้เจอคุณพ่อในวัยที่ยังแข็งแรงอีกครั้ง
- ตอนกินข้าวเย็น ก็เอาแต่บอกทุกๆคนว่า "อาหารบ้านเราอร่อยที่สุดเลย" จนคุณแม่คุณพ่อยิ้มแย้มดีใจกันไปหมด
ฯลฯ
หลังจากสลับร่างกันจุใจแล้วก็คืนร่างกัน แต่ก่อนกลับไปสู่อนาคต โนบิตะวัยกลางคน ก็หันมาบอกกับโนบิตะเด็กว่า
"นับจากนี้ไปนายจะต้องล้มลุกคลุกคลานอีกหลายหน แต่ทุกครั้ง นายก็จะสามารถยืนหยัดขึ้นมาได้พร้อมความเข้มแข็ง แน่นอน"
ครับ อาจารย์ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ ก็คงเขียนโดเรมอนตอนนี้ ด้วยความรู้สึกของตนในยามชราเช่นกัน ถึงได้เข้าใจเหลือเกินว่า ถ้าได้ย้อนกลับไปยังวัย 10 ขวบอีกครั้ง โนบิตะวัยกลางคน คนนั้น จะดีใจมากขนาดไหน เมื่อได้เจอกับคนต่างๆ ที่อาจจะจากเขาไปแล้ว หรือร่างกายเสื่อมโทรมลงไปแล้ว ตามกาลเวลา
ผมกลับมานึกถึงโดเรมอนตอนนี้ แล้วหันไปดูรูปแม่ของผมตอนท่านยังสาวๆกว่านี้ ผมยังซึ้งตามไปด้วยเลยครับ นี่ถ้านึกถึงคุณตาคุณยายที่จากไปแล้ว ก็คงเศร้ากว่านี้อีก
เพราะคนรอบข้างเรา รวมทั้งตัวเรานั้น ล้วนเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ดังนั้น ทำชีวิตของเราและดูแลคนรอบข้างให้ดีที่สุดเถอะครับ เพราะในชีวิตจริงๆนั้น เราไม่มีไทม์แมชชีนแบบโดเรมอน ที่จะย้อนกลับไปดูอดีตได้ เรามีแต่เพียงความทรงจำของเราเท่านั้น ที่จะบอกกับตัวของเราได้ว่า เราภาคภูมิใจแล้วหรือยัง กับความดีงามที่เราได้ทำไว้ ในทุกๆช่วงเวลาของชีวิต........"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Dear LGBT,
If you don’t want to be treated differently for being gay, then stop acting like being gay somehow makes you special.
Your sexual orientation is neither an achievement nor a holiday.
You have not accomplished anything simply by being attracted to one sex or another.
"เวลาเราบอกว่าเราไม่ควรจะสะใจกับความชิบหายและความตายของฝ่ายตรงข้ามเนี่ย
ส่งที่ต้องตระหนักคือขนาดประชากรพวก "ประเทศเจริญแล้ว" แม่งก็ยังทำไม่ได้เลยนะครับในภาวะขัดแย้งทางการเมือง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไม่จริง! มาม่าเป็น Inferior Goods การเติบโตของ Demand จะสวนทางกับรายได้ของผู้บริโภคเสมอ การที่มาม่าเติบโตพรวด แสดงว่าคนไทย”จนลง”อย่างมีนัยสำคัญ
ช่วงนี้เจอคนส่งมาสมัครงานเยอะมาก เข้าใจว่าเป็นช่วง High Season (เงินเดือนขึ้น + ได้โบนัสแล้ว)
นั่งคุยกับ HR เมื่อสัปดาห์ก่อน พอนั่งรีวิว Candidate ไปเรื่อยๆ พบ pattern บางอย่างที่คล้ายกันมาก
ประสบการณ์ทำงานไม่เกิน 3 ปี
- พบว่าย้ายบริษัทกันบ่อยมาก ส่วนใหญ่ย้ายงานกันทุกปี
- สถิติสูงสุดทำงาน 3 ปี ย้ายงานมา 6 บริษัท
- จริงๆ เข้าใจว่าคนทำงานช่วงแรกหลังเรียนจบ ต้องการเรียนรู้อะไรหลายอย่าง แต่ย้ายงานทุกปี ส่วนใหญ่คือไม่เรียกมาคุยเลย
- เคยเจอน้องที่ทำงานแต่บริษัทดีๆ มาทั้งนั้นเลย แต่ย้ายงานบ่อยจน HR ทักว่า รับมาก็อยู่ไม่นานหรอกพี่ เดี๋ยวก็ไป
.
ประสบการณ์ 3-7 ปี
- พบว่าหลายคนอยากลองเปลี่ยนสายงาน คือทำอย่างเดิมมา 5 ปี มารอบนี้อยากลองทำอย่างอื่น ซึ่งพอเปลี่ยนงานแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้ port น้อยกว่าเด็กหลายคน จนน่าเสียดาย
- จริงๆ เปลี่ยนแนวทาง เพราะคิดว่าสายเดิมไม่รุ่งก็โอเค แต่อาจจะต้องพัฒนา port เพื่อสู้กับคนที่ทำงานสายนี้มานานกว่ามากๆ
- พบว่าหลายคนยึดติดกับรูปแบบการทำงานเดิม จะไม่ค่อยอยากเปลี่ยนวิธีทำงาน
.
ประสบการณ์ 7+ ปี
- เปลี่ยนยากมากกกก หลายคนบอกว่าพร้อมเปลี่ยนตัวเอง แต่เอาเข้าจริงก็ปรับยากจริงๆ
- ทักษะบางอย่างที่ทำงานมา 7 ปี ต้องทิ้งไปหมดเพื่อเริ่มใหม่ ทำให้หลายคนก็ไม่พร้อมที่จะเรียนรู้
- เจอคนที่น้ำเต็มแก้วเยอะพอควร
- เงินเดือนสูง แต่ความต้องการก็สูงมากตามไปด้วย มองหาความมั่นคงเป็นหลัก ไม่พร้อมอยู่บริษัทเล็ก
- ไม่ทำ resume เลยก็มี อาจจะเพราะอยู่มานานจนไม่พร้อมย้ายงานใหม่
.
resume
- พบกราฟพลังเป็น pattern ของ resume สมัยนี้ ซึ่งมันอธิบายยากอ่ะ เช่น photoshop 7/10, ai 8/10 แล้วเราก็ไม่รู้ว่า 7 หรือ 8 นี่คือแค่ไหนล่ะหว่า
- port งานวิดิโอมักไม่ใส่ link ให้ดูคลิป
- port งานเขียน มักไม่ใส่ link เช่นกัน
- ไฟล์ส่งมาใหญ่มากๆ บางอีเมล์ใหญ่ 30MB ส่วนไฟล์ port ให้ไปโหลด ใหญ่ 300-500MB (เคยเจอสูงสุด 3GB)
#ช่วงบ่นวันละนิด #อ่านเมล์ต่อไป
ทำไมผมห่วง การซ่อน Hidden Agenda มากกว่าการทำร้ายร่างกาย เพราะมันคือการสร้างสถานการณ์ที่สุดท้ายจะจบที่การหลอกคนมาลงถนน เพื่อตายแทนผู้มีอำนาจอีกครั้ง และใช่ครับ
ณ. วันนี้ผมเชื่อในแนวทางการต่อสู้กับอำนาจว่า "ไม่ต้องทำอะไร"
อย่างเคสจ่านิว ถ้าไม่ใช่ตัวเลขยอดเงินที่มี hidden agenda ชัดเจนก็ยังอยากช่วยนะรอบนี้ แต่ว่า พอทำ hidden agenda ชัดเจนแล้ว ...
ถึงยุคทมิฬมาร จะครองเมืองด้วยควันปืน
ขื่อแปจะพังครืน และกลิ่นเลือดจะคลุ้งคาว
แต่คนย่อมเป็นคน ในสายธารอันเหยียดยาว
คงคู่กับเดือนดาว ผงาดเด่นในดินแดน
- จิตร ภูมิศักดิ์
ปกตินิสัยผมชอบโอนเงินช่วยคนแทบทุกเคส
ของน้องนิวผมก็ทำนะครับ แต่ไม่ได้ทำยอด 247.5 (ตาม propaganda กระตุ้นชุดความคิดในสมอง การเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475) ผมเชื่อว่าแม่น้องเค้าก็ไม่ได้คิดแคมเปญนี้เอง
ผมช่วยเพราะผมเคยร่วมกิจกรรมกับน้องเค้าไปช่วยเหลือเด็กเร่ร่อน ที่มีครูวัลลภ (ครูหยุย) นำทีมทำกิจกรรมเมื่อนานมาแล้ว ผมชอบที่น้องเค้ามองเห็นค่าความเป็นคนของคนเท่าเทียมกัน
แต่เราเดินคนละเส้นทาง เพราะทุกวินาทีที่หายใจผมยังรักในหลวงอยู่
Where We Belong ไม่ได้รับประทานพี่โจวแน่นอน สำหรับพี่โจวต้องเรื่องนี้เท่านั้นอ่ะครับ ตอนนี้ติดต่อนายทุนข้ามชาติจะมาลงทุนสร้างภาค 2 ได้งบมา 30 ล้านโบลิวาร์ https://youtu.be/NuSSUpaQWZQ
จากที่เคยใช้สันติบาลลับๆล่อๆ ตามนักกิจกรรม คาดว่าวิกฤตครั้งนี้ ภาครัฐจะเสนอความคุ้มครองให้นักกิจกรรม คาดว่าอาจใช้ทหารเข้ามาประกบเลย ซึ่งก็จะกลายเป็นดาบสองคมไปอีกรูปแบบหนึ่ง
ภาคประชาชนอาจจะต้องมีโครงการ 'บอดี้การ์ดภาคประชาชน' ปฏิเสธความคุ้มครองจากฝ่ายรัฐ อาจต้องใช้คนกลางมาทำหน้าที่นี้แทน เท่าที่มองๆ ไว้หากเราระดมทุนกันได้มากพอ (อาจจะขอองค์กรสิทธิจากต่างประเทศด้วย) ต้องนำเข้ามืออาชีพอย่างพวกบริษัท Black Water มาคุ้มกันอ่ะครับ
>>942
"... You need to just stop
Like can you just not
Step on my gown
You need to calm down."
https://www.youtube.com/watch?v=GWtfOHBF1_w
การทำร้ายจ่านิว กับการถอนหมุดคณะราษฎร
นั้นเป็นสิ่งที่รัฐบาลคณะรัฐประหารไม่อาจจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้
แต่มีจุดเหมือนกันอย่างหนึ่งคือ
ทั้ง 2 เหตุการณ์นั้น รัฐบาลคณะรัฐประหารไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย
มีแต่เสียงด่า
LGTV : เราก็คนปกติเหมือนกับพวกคุณ! เลิกความคิดที่ว่าLGTVเป็นพวกลามกได้แล้ว!
Also LGTV : ไพรด์พาเรดครั้งนี้ เราจะใส่ชุดหนังเปิดช่องตูดควงดิลโด้เดินร่อนให้ทั่วถนนไปเล้ย แซ่บๆค่า
ไอ้บ้ากาม
- มิตรสหารท่านหนึ่ง
>>957 ก็พวก LGBT กับSJW เหยียดคนที่ไม่โอเคกับ LGBT ไง แบบ James Charles อ่ะมึง กระอักกระอ่วนชิบหายเลยนะ กรณี
Shawn Mendes จะปฏิเสธก็อะ เหยียดเพศ ถามว่าตัวเองทำตัวยังไงดีกว่า ถ้าไปทำกับผญ สุดท้ายมึงก็ด่าเค้าว่าหน้าไม่อาย ล่วงละเมิดทางเพศเหมือนกันนั่นแหละ หรือ ญ ทำกับ ชก็เช่นกัน เป้าหมายของกูคือพวก LGBT wannabe ที่ทำตัวแรงๆ นึกว่าตัวเองเฟียสนักหนามั้ง สุดท้ายเป็นแค่คนไม่มีมารยาท
LGBT กับ SJW คือตัวอย่างของพวกที่ฝืนธรรมชาติ
หลังจากที่ดิชั้นโพสต์เปิดโปงไปเมื่อวาน เรื่องมือที่อยู่เบื้องหลังการตีจ่านิวว่ามาจากราชวัลลภ เป็นเด็กของอภิรัชต์ จากนั้น ว ชิราลงกรณ์ฉุนเพราะเหมือนถูกดึงมาเกี่ยวข้องด้วย เลยมีการสั่งตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งอภิรัชต์อาจจะซวย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตำรวจต้องรีบหาแพะ ใครก็ได้ที่ไม่เกี่ยวกับทหาร เอาจริงๆ ประวิตรถูกกดดันมา เลยสั่งให้จักรทิพย์ออกหน้า คิดว่าต้องหาแพะแน่ๆ แล้วโบ้ยเป็นเรื่องส่วนตัว เอามาแค่เป็นคนสมอ้างแทนทหาร
เพิ่งรู้ว่าคนแถวบ้านล้มละลายเป็นอาชีพ แบบไปกู้แบงค์มา60ล้าน ซื้ออะไรไม่รู้มาใส่โกดังแล้วปล่อยล้มละลาย แบงค์ยึดที่ไปไม่ได้กี่ล้าน ตัวเองซุกเงินไป47ล้านแล้วก็ย้ายที่ไปทำใหม่ใช้ชื่อลูกชาย เปลี่ยนแบงค์กู้ เริ่มใหม่อีกรอบ
คนไทยกลุ่มหนึ่งแค่เก็บเงินไปเที่ยวพัทยาภูเก็ตได้ปีละครั้งก็ดีใจสุดๆแล้ว ขณะที่คนไทยอีกกลุ่มเอะอะไปเดินเล่นอังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา สวิส บ่อยๆเหมือนนั่งรถจากบางแคไปบางกะปิ แล้วคนกลุ่มนี้ก็มักบอกว่า "เราไม่รวยหรอก เราแค่พออยู่ได้ เอ้ะ ไปเที่ยวยุโรปนี่ต้องรวยเหรอ ชั้นว่าเป็นเรื่องปกติ ใครๆก็ทำนะ"
เห็นมั้ย ช่องว่างระหว่างชนชั้นของคนไทย
https://medium.com/@hanke_598/fujoshi-expression-of-desire-67b0fc01c050
นักศึกษา phd neuroscience เค้าวิจัยย้อนไปตั้งแต่สมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมอังกฤษ
พวกฟุนี่มันเกิดมาจากการถูกทำให้ผิดหวังโดยผู้ชายน่ะ เช่นหน้าตารูปลักษณ์แย่ทั้งชาติไม่มีทางเข้าถึง ผชดีๆ
หรือมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับพ่อตัวเอง มันเลยตอนหาทางปลดปล่อยความเก็บกดทางเพศด้วยจินตนาการ
ฟุจึงเกิดขึ้นมาจนเป็นปัญหาสังคมอย่างทุกวันนี้ไง แล้วมักจะมีรูปลักษณ์แย่ นิสัยแย่ สภาพจิตไม่ปกติ สังคมแบน
กาลิเลโอน่าจะเป็นเสรีชนคนแรกๆ ที่ถูกทรราชจับตัวไป "ละลายพฤติกรรม" แล้วก็ละลายสำเร็จเสียด้วย
เรามักจดจำเขาในฐานะยอดนักวิทยาศาสตร์ ที่ต่อสู้กับความงมงายของศาสนจักร แต่เบอร์โทล เบรคช์ท์ ยอดนักเขียนแห่งไวมาร์ มองกาลิเลโอจากอีกมุมหนึ่ง
ในบทละครของเขา กาลิเลโอ แม้จะเป็นยอดนักวิทยาศาสตร์ แต่ก็ยังเป็นคนธรรมดา เขาหวาดกลัวการถูกทรมาน กลัวความยากลำบากในคุก ฉากไคลแมกซ์ของละคร ลูกศิษย์ลูกหานั่งรอชายชรา หลังจากเขาถูกสังฆราชเรียกให้ไปรายงานตัว ทุกคนเชื่อว่าอาจารย์จะต้องไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง กาลิเลโอจะไม่มีวันกลับคำ ไม่มีวันปฏิเสธการค้นพบอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง
ชายชรากลับบ้านมาด้วยความอ่อนล้า และก่อนจะได้ทันเปิดปากพูดอะไร เสียงคนเดินสารตะโกนดังมาจากนอกเวที กาลิเลโอสารภาพแล้วว่าทุกสิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับดาวเคราะห์ ดวงอาทิตย์ โลก และกล้องโทรทรรศน์เป็นเพียงเรื่องโกหก
ลูกศิษย์ที่เชื่อมั่นในตัวชายชราที่สุด มองอีกฝ่ายอย่างผิดหวังแล้วรำพึงออกมา
"...อนาถแท้ แผ่นดินใดไร้วีรชน..."
กาลิเลโอไม่โต้ตอบอะไร กระซิบกลับมาเบาๆ
"...อนาถแท้ แผ่นดินใดหวังพึ่งวีรชน..."
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สังเกตมะ ขนาด Facebook ล่ม โพสต์รูปไม่ขึ้น แต่อีพวกคนหล่อๆ แม้มันจะโพสต์รูปแล้วไม่ขึ้น แต่ก็ยังมีคนเป็นร้อยกดไลค์ให้รูปที่มองไม่เห็น
สรุป คนหล่อเนี่ย โพสต์เหี้ยอะไรก็ได้ไลค์ ส่วนคนกดไลค์ให้ พวกมึงก็ปัญญาอ่อนกันเนอะ
พวกที่มาบ่นเรื่องไลค์ของชาวบ้านในโม่ง แม่งปัญญาอ่อนยิ่งกว่า
เจอคนกดไลค์ละ 1
แอเรียล = นางเงือก
นางเงือก = อยู่ใต้ทะเล
อยู่ใต้ทะเล = ดำน้ำ
ดังนั้นแอเรียลเป็นคนดำก็ถูกแล้วครับ
โวยวายอะไรกัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
[คอลัมน์กรุงเทพธุรกิจ] โลกที่แตกเป็นสองห่วงโซ่
ช่วงที่ผ่านมา หลายคนเข้ามาสอบถามความเห็นของผมเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทุกคนอยากรู้ว่า ตกลงใครจะชนะในสงครามกันแน่?
แต่วันนี้ผมอยากชวนเพื่อนๆ มองข้ามไปอีกช็อต โดยอยากชี้ให้ทุกคนเห็นว่า การค้าโลกจะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว และเราทุกคนต้องพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นยุคโลกาภิวัฒน์เต็มตัว นั่นก็คือ การค้าทั้งโลกเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะสองแกนสำคัญคือจีนและสหรัฐฯ ต่างเชื่อมโยงกันมาก ทุนจากสหรัฐฯ เข้ามาผลิตในจีน ส่งขายไปยังตลาดโลก
ในทางวิชาการ จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่าห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain) กล่าวคือ แต่ละประเทศผลิตของตามความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของตน สหรัฐฯ มีความได้เปรียบที่ทุน ส่วนจีนมีความได้เปรียบที่แรงงาน ประเทศอื่นๆ เองก็เข้าเป็นส่วนหนึ่งที่เชื่อมโยงกับสองประเทศนี้ (ตามความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของแต่ละประเทศ) และเกิดการค้าขายเชื่อมกันทั้งโลก
ตัวอย่างเช่น กว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อย่างหนึ่ง อาจได้ทุนมาจากประเทศหนึ่ง ได้ชิ้นส่วนหนึ่งมาจากอีกประเทศ ได้อีกชิ้นส่วนจากอีกประเทศ แล้วมาประกอบขึ้นที่อีกประเทศ เพื่อส่งไปขายยังอีกประเทศ นี่แหละครับคือห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมต่อกันทั้งโลก เป็นโลกใบเดียว ห่วงโซ่เดียว แต่ละภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างรู้ว่าห่วงโซ่นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร
เราค้าขายกันอย่างนี้มา 20 ปี จนสามารถผลิตของได้ด้วยต้นทุนที่ถูก มีประสิทธิภาพ แน่นอนว่าในเกมนี้ มีทั้งผู้ชนะ และผู้แพ้ แต่อย่างน้อย ทุกคนรู้ว่าตนรับผลิตอะไร ขายใคร ทุกคนรู้ว่าตนเป็นส่วนไหนในห่วงโซ่อุปทานของสินค้าต่างๆ
แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือ สงครามการค้าทำให้เกิดการเขย่าห่วงโซ่อุปทานโลกครั้งใหญ่ และโลกการค้าจะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป
เมื่อสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีจีน (และขู่จะขึ้นภาษีอีกหลายประเทศ) จึงทำให้ปั่นป่วนกันทั้งโลก ธุรกิจต่างๆ ต้องมานั่งวางแผนกันใหม่ว่าจะวางห่วงโซ่อุปทานการผลิตและการขายกันอย่างไร จึงจะหลีกเลี่ยงกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ได้
เราจึงเห็นธุรกิจในจีนเริ่มย้ายออกจากจีนมาหาแหล่งผลิตอื่น ส่วนธุรกิจที่ยังผลิตในจีนก็เริ่มสนใจจะบุกตลาดผู้บริโภคอื่น แทนที่จะส่งไปขายสหรัฐฯ
ผมได้แนะนำนักธุรกิจหลายท่านว่า สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ การตื่นตัวกับเส้นทางการค้าที่กำลังตายและที่กำลังก่อร่างใหม่ เราต้องเริ่มถามว่า ในธุรกิจหรือสินค้าของเรา เส้นทางการค้าและห่วงโซ่การผลิตกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เรากำลังเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตเดิมที่ส่วนอื่นๆ ในห่วงโซ่นั้นกำลังถูกเขย่าหรือไม่และถูกเขย่าอย่างไร สุดท้ายห่วงโซ่ที่กำลังเกิดใหม่จะกระทบหรือสร้างโอกาสใหม่ให้เราได้อย่างไร
เมื่อทรัมป์เจอกับสีจิ้นผิงครั้งล่าสุดในการประชุม G20 ที่โอซาก้า ข่าวออกมาเหมือนกับว่าสงครามการค้าระหว่างสองประเทศพักรบแล้ว ทั้งสองฝ่ายตกลงกลับมานั่งโต๊ะเจรจา คนที่ยังมองโลกในแง่เดิมเห็นว่า ต่อไปในอนาคตก็คงจะตกลงกันได้ หรือสุดท้ายถ้าทรัมป์แพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า สงครามการค้าก็คงยุติได้จริงๆ โลกก็จะได้กลับมาสงบสุขคาดเดาได้ดังเดิมเสียที
แต่ข้อเท็จจริงก็คือ โลกจะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมหรอกครับ เพราะเมื่อทรัมป์ทำสงครามการค้าแบบนี้ได้ จีนจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ผู้นำสหรัฐฯ คนอื่นจะไม่ทำเช่นกัน วันหนึ่งอาจจะกลับมาเล่นลูกบ้าแบบทรัมป์เมื่อไรใครจะรู้
เพราะฉะนั้นในมุมของจีน ยุทธศาสตร์ระยะยาวจึงต้องพยายามปรับห่วงโซ่อุปทานสินค้าของตนใหม่ให้แยกออกจากสหรัฐฯ โดยต้องกระจายความเสี่ยงด้วยการย้ายฐานการผลิตและหาตลาดใหม่เพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน ในมุมของสหรัฐฯ เอง ภัยคุกคามจากจีนก็ทำให้ยุทธศาสตร์ระยะยาวของสหรัฐฯ ต้องการแยกห่วงโซ่การผลิตสินค้าของตนออกจากจีนเช่นเดียวกัน เพราะสหรัฐฯ มองว่าการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนเชื่อมโยงกันมากอย่างในอดีต ทำให้สหรัฐฯ สูญเสียอำนาจการต่อรอง ดังนั้น สหรัฐฯ จึงต้องการบีบให้บริษัทสหรัฐฯ ย้ายฐานการผลิตออกจากจีน และเริ่มหาตลาดใหม่ที่ไม่ใช่จีน
ผลที่ออกมาก็คือ เรากำลังสิ้นสุดยุคโลกาภิวัฒน์ที่เศรษฐกิจโลกเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียว มาสู่ยุคที่ห่วงโซ่อุปทานโลกจะแตกเป็นสองห่วงโซ่ที่แยกจากกัน
ห่วงโซ่หนึ่งเป็นห่วงโซ่ที่เชื่อมกับจีน ซึ่งจีนน่าจะเน้นแกนของห่วงโซ่ที่ภูมิภาคเอเชียและในจีนเป็นหลัก ทั้งในเรื่องฐานการผลิตและฐานผู้บริโภค โดยสำหรับฐานผู้บริโภคนั้น อย่าลืมนะครับว่าในจีนกำลังมีคนยากจนที่กำลังขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางอีก 600 ล้านคน (2 เท่าของประชากรสหรัฐฯ) และในภูมิภาคอาเซียนเองก็มีคนยากจนที่กำลังขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางอีกอย่างน้อย 300 ล้านคน (พอๆ กับประชากรสหรัฐฯ)
ส่วนอีกห่วงโซ่หนึ่งจะเป็นห่วงโซ่ที่เชื่อมกับสหรัฐฯ ซึ่งด้านหนึ่งก็จะแยกตัวออกจากจีน แต่อีกด้านก็ต้องหันมาอาศัยฐานการผลิตใหม่ในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย และหาฐานผู้บริโภคใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยงออกจากจีน เป้าหมายสำคัญจึงน่าจะเป็นฐานการผลิตและตลาดในภูมิภาคอาเซียนเช่นเดียวกัน
เมื่อมองภาพกว้างเช่นนี้ การปรับห่วงโซ่การผลิตใหม่ของโลกทั้งสองห่วงโซ่ จึงเป็นโอกาสมหาศาลให้กับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน แต่ใครจะตักตวงประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใด อยู่ที่เข้าใจภาพห่วงโซ่อุปทานรายสินค้าและรายอุตสาหกรรมที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปได้ดีเพียงใดมากกว่า
ดังนั้น โจทย์สำคัญของแต่ละประเทศก็คือ ต้องมีการศึกษาข้อมูลการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของห่วงโซ่อุปทานของสินค้าต่างๆ ในยุคเขย่าโลกที่กำลังเป็นอยู่ และต้องวางกลยุทธ์เพื่อผลักให้ธุรกิจและสินค้าของประเทศตนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานทั้งสองห่วงโซ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นมาใหม่ครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ใน Twitter Nessa วาดผิวสว่างขึ้นมานิดหน่อยโดนรุมถล่มบอกเป็น White washing
แต่งือกน้อยผิวสีผมดำๆบอก Dream come true... 🧜🏽♀️🌊 รุมกดชื่นชอบกันเป็นแสน
OK คร่ะ 👌
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แต่ตอนปัจจุบันนี้คืออดีตสำหรับอนาคตของคุณนะครับ ทำตอนนี้ให้ดี เพื่ออนาคตเราจะได้ไม่อยากกลับมาแก้ไขเหมือนที่เราอยากกลับไปแก้ไขอดีตอีก สู้ๆครับ อดีตเรากลับไปแก้ไม่ได้แล้ว แต่ปัจจุบันเรายังแก้ไขได้อยู่นะครับ สู้ๆ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไอ้ เควนทิน เบ็ค (Mystertio) ที่ทำตัวเป็นคนดีตอนแรกๆ แม่งจริงๆแล้วเป็นตัวโกง อดีตลูกน้องโทนี่
ตอนมันตาย แม่งยังเฉลยออกทีวี อีกว่า สไปเดอร์แมน คือ Peter Parker โคตรเหี้ย
แถมนิค ฟิวรี่ ในเรื่อง ดันเป็น ทาลอส (สครัล ในเรื่องกัปตันมาร์เวล) ปลอมตัวมา ไม่ใช่นิคจริงๆ อึ้งสัสๆ โคตรเนียน
เพื่อนๆโม่งต้องไปดู Spiderman Far From Home ให้ได้นะครับ
#คนที่เป็นมะเร็งเสียชีวิตเพราะอะไร
ผลงานวิจัยฯ ของรัสเซีย อ้างว่าเหตุผลการเสียชีวิตมิได้เกิดจากมะเร็ง ยกเว้นความสะเพร่าของผู้ป่วย เมื่อผู้ป่วยทราบว่ามีเซลล์มะเร็ง ให้รีบปฏิบัติ
๑.ขั้นตอนแรกคือ การหยุดน้ำตาลทั้งหมด ถ้าไม่มีน้ำตาล ในร่างกายของคุณจำนวนมาก เซลล์มะเร็ง ก็จะตาย อย่างเป็นธรรมชาติ
๒. ผสมผลไม้ มะนาว ทั้งหมด กับน้ำร้อนสักแก้ว แล้วดื่มมัน ประมาณ ๓ เดือน เซลล์มะเร็งจะแพ้ การปฏิบัติดังกล่าวดีกว่าการรักษาด้วยคีโม
๓.ขั้นตอนที่ ๓ คือ การดื่มน้ำมันมะพร้าว อินทรีย์ ๓ ช้อนโต๊ะ เช้าและกลางคืน เซลล์มะเร็งจะค่อยๆ หายไป ท่านสามารถเลือก ๑ ใน ๒ วิธีนี้ หลังจากหลีกเลี่ยงน้ำตาล ที่ผ่านมา ความไม่รู้ ไม่ใช่ความผิด ข้อมูลนี้เผยแพร่มานานกว่า ๕ ปี ซึ่งปัจจุบันนี้ เพิ่งมาถึงคุณ แต่ที่สำคัญที่สุด มันยังช้ากว่าการที่คุณไม่เคยให้ข้อมูลนี้กับทุกคนรอบตัวคุณเพื่อได้รู้เห็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมอสโก รัสเซีย ผมเห็นว่ามีประโยชน์ จึงขอให้ทุกท่านที่ได้รับข้อมูลนี้ กรุณาส่งต่อบทความนี้ให้กับคน ที่ท่านรักอีก ๑ คน ผมเชื่อว่าแน่นอน! อย่างน้อย ๑ ชีวิต จะได้รับประโยชน์ และจะบันทึกไว้ ส่วน
ผมได้ทำในส่วนของผมแล้ว หวังว่าท่านจะสามารถช่วยเผยแพร่ โดยการทำส่วนของคุณ กล่าวคือ
๑. การดื่มน้ำมะนาว สามารถป้องกันมะเร็งได้ แต่จำไว้ว่า อย่าผสมน้ำตาล น้ำมะนาวร้อน มีประโยชน์กว่า น้ำมะนาวเย็นๆ
๒. หั่นเป็นแว่น ๕ ชิ้น แล้วแช่ด้วยน้ำร้อนสักแก้วทิ้งไว้ ๒๐- ๓๐ นาที แล้วค่อยดื่ม
๓.มันสำปะหลัง นำไปต้ม แต่ต้องต้มด้วย เปิดฝาหม้อวิตามิน B 17 อยู่ในมันสำปะหลัง ที่สามารถปิดเซลล์มะเร็งได้
บ่อยครั้ง การกินมื้อเย็นสามารถเพิ่มความเป็นไปได้ ของมะเร็งลำไส้ - มะเร็งกระเพาะอาหาร - ผู้หญิง
อย่าดื่มชาในช่วงมีรอบเดือน และ
การดื่มน้ำถั่วเหลือง นั้น ไม่ควรเพิ่มน้ำตาล หรือไข่ ในน้ำถั่วเหลือง ไม่กินมะเขือเทศ ตอนท้องว่าง ดื่มน้ำเปล่า ๑ แก้ว ทุกเช้า ก่อนอาหาร เพื่อป้องกันนิ่ว
ไม่กินอาหารในช่วง ๓ ชั่วโมง ก่อนนอน
หลีกเลี่ยงสุรา เพราะไม่มีประสิทธิภาพ ทางโภชนาการ แต่สามารถทำให้เกิดโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้ อย่ากินขนมปัง ในขณะที่ร้อนจาก เตาอบ หรือเครื่องปิ้งขนมปัง
ไม่ชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ใดๆ ที่อยู่ข้างๆ ตัวคุณ ในขณะที่คุณหลับ ดื่มน้ำเปล่าวันละ ๑๐ แก้ว ป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ ให้ดื่มน้ำต่อเนื่องระหว่างวัน ลดช่วงกลางคืน และ
อย่าดื่มกาแฟ มากกว่า ๒ แก้วต่อวัน เพราะมันสามารถทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ และมีปัญหาต่อกระเพาะอาหารได้
กินอาหารที่เลี่ยนได้เล็กน้อย หรือหลีกเลี่ยงมัน เพราะต้องใช้เวลา ๕-๗ ชั่วโมงในการย่อย ทั้งยังทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย
หลัง ๑๗.๐๐ น.กินอาหารให้น้อยลง ประการสำคัญอาหาร ๖ ชนิด ที่ทำให้คุณมีความสุข ได้แก่ กล้วย, ส้มบาหลี, ผักโขม, ฟักทอง, ลูกพีช อนึ่ง การนอนไม่ถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้มีการทำงานของสมองเสื่อมสภาพ พยายามนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะจะทำให้เราอ่อนกว่าวัย อย่าลืม น้ำมะนาวที่ไม่มีน้ำตาล สามารถดูแลสุขภาพของคุณและทำให้คุณรู้สึกสดชื่น
น้ำมะนาวร้อนฆ่าเซลล์มะเร็ง
แช่มะนาวชิ้นเท่าๆกัน ๕ ชิ้นกับน้ำร้อน ดื่มเป็นประจำทุกวัน anti-oxsidan
รสชาติขมในน้ำมะนาวร้อนเป็นสารที่ดีที่สุดในการฆ่าเซลล์มะเร็ง
น้ำมะนาวเย็นประกอบด้วยวิตามินซีเท่านั้น ซึ่งไม่ช่วยป้องกันมะเร็ง น้ำมะนาวร้อนสามารถควบคุมการเติบโตของเนื้องอกมะเร็งได้
การทดสอบทางคลินิก พิสูจน์แล้วว่า น้ำมะนาวร้อน ทำงานได้ดี เพื่อยับยั้งเซลล์มะเร็ง การรักษาด้วยน้ำมะนาวร้อน จะทำลายเซลล์ที่ชั่วร้าย เท่านั้น แต่ไม่มีผลกระทบต่อเซลล์ที่ดี กรด citric และมะนาว polyphenol ในน้ำมะนาว ช่วยลดความดันสูง และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด และป้องกันการแข็งตัวของเลือด ถึงแม้ คุณจะยุ่งแค่ไหน เมื่ออ่านข้อความนี้ของผมแล้ว ช่วยถ่ายทอดให้ผู้อื่นด้วยครับ❤
การแบ่งปัน ถือเป็นวิทยาทาน ด้วยความปรารถนาดี ผศ.ดร.ศ.สำเร็จผล
คนจีนไม่น่าจะเสียเวลาตามหายาอายุวัฒนะเลย
แวะไปญี่ปุ่นก็เหมารามูเนะมาสักลังก็รักษาได้ทุกโรคแล้ว
ชุดกาสะลอง สัญญะอันตราย คำเตือนจากอนาคตใหม่
.
หลายท่านได้รีเควสท์ให้ผู้เขียนได้ออกมาอธิบายเจาะประเด็นลึกและสัญญะทางการเมืองของ ส.ส. พรรคอนาคตใหม่หลาย ๆ คนผ่านเครื่องแต่งกายเข้าสภาเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา
.
ผู้เขียนได้นั่งอ่านและพิจารณาดูแล้วว่าไม่อาจที่จะละเลยสัญญะเหล่านี้ออกไปได้ เพียงแต่ไม่สามารถสื่อออกไปได้อย่างเต็มปาก ไม่ใช่เพราะไม่มั่นใจในสิ่งที่สื่อ แต่มันหมายถึงบางสิ่งบางอย่างที่ร้ายแรง เป็นแรงกระเพื่อมเงียบ เป็นคลื่นใต้น้ำ
.
ประการที่ 1 ชุดที่โฆษกพรรคนำมาแสดงในวันนั้นก็คือชุดกาสะลอง
กาสะลองเป็นชื่อดอกไม้ของชาวเหนือที่ชาวภาคกลางรู้จักกันในชื่อ ดอกปีบ หากพิจารณาให้ดีมันคือลวดลายของชุดที่ถูกสวมอยู่นั่นเอง
โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ยังได้โพสต์ข้อความผ่านทวีตเตอร์ ระบุว่า "เพราะความเป็นไทยไม่ได้มีแค่แบบเดียว #อนาคตใหม่ อยากทำให้สภาเป็นภาพสะท้อนความหลากหลายทั้งทางเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม เราจะพยายามแต่งกายด้วยชุดที่หลากหลาย นำผ้าจากแต่ละภูมิภาคเข้ามาสู่สภา และยังเป็นการส่งเสริมสินค้าท้องถิ่น"
.
จากสัญญะในประการที่ 1 จะเห็นได้ว่า ชุดกาสะลองนั้นหมายถึงชาวเหนือ เมื่อเอ่ยถึงชาวเหนือ เรานึกถึงชาวล้านนาเป็นอันดับแรก และเมื่อนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะหลีกเลี่ยง "ชาวเชียงใหม่" ได้พ้น
ไม่แน่การสื่อสัญญะนี้อาจหมายถึงการถูกบงการจากคนเชียงใหม่ ใครสักคน หรือฐานอำนาจจากเชียงใหม่ในการแข็งข้อกับกรุงเทพมหานคร เป็นนัยยะแฝงเหมือนที่ครั้งหนึ่งล้านนาเคยแข็งข้อกับราชธานี
.
ประการที่ 2 จากถ้อยคำ
"เพราะความเป็นไทยไม่ได้มีแค่แบบเดียว #อนาคตใหม่ อยากทำให้สภาเป็นภาพสะท้อนความหลากหลายทั้งทางเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม เราจะพยายามแต่งกายด้วยชุดที่หลากหลาย นำผ้าจากแต่ละภูมิภาคเข้ามาสู่สภา และยังเป็นการส่งเสริมสินค้าท้องถิ่น"
นั้นยังสามารถบอกได้อีกว่า เป็นการพยายามล้มล้างสิ่งที่จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม และ จอมพล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้สร้างเอาไว้ มรดกของชาวไทยทุกคน นั่นก็คือวัฒนธรรมสยามภิวัฒน์ เป็นการพยายามแบ่งแยกประเทศไทยออกเป็นเสี่ยงๆ จากที่สองจอมพลเคยรวบรวมเป็นปึกแผ่นไว้ในอดีต
ในอนาคตคนไทยจะพูดภาษาถิ่นกันมากขึ้น ใช้สินค้าจากท้องถิ่นมากขึ้น เป็นการลดทอนอำนาจเมืองหลวง ซึ่งก็รู้กันว่ามันหมายถึงการลดทอนอำนาจผู้ใด
.
ประการที่ 3 ชุดสัญญะที่เหยียบย่ำจิตใจคนไทยทั้งประเทศ
จากชุดที่สวมใส่อยู่ในวันนั้นเรารู้กับจากข้อมูลในประการที่ 1 ไปแล้วว่ามันเป็นชุดของชาวเหนือ
เมื่อพูดถึงชาวเหนือเราจึงนึกถึงเอกลักษณ์ในคำว่า "เจ้า"
การใส่ชุดชาวเหนือ หากให้สัมภาาณ์สื่ออาจได้เผยความในใจว่า
"เป็นชุดชาวเหนือเจ้า"
ย้ำ "ชาวเหนือเจ้า"
นั่นหมายถึงสิ่งใดเราทุกคนย่อมรู้เห็นตรงกัน
โดยเฉพาะเมื่อวันก่อนที่ไปทานอาหารที่ร้านหรูราคาหลักแสน
พวกเขาทาน "ข้าวเจ้า" กันทั้งหมด
นั่นหมายถึงการตีตนเสมอเจ้าใช่หรือไม่ผู้เขียนไม่กล้าเอ่ยถึง มันเป็นการเหยียบย่ำจิตใจคนไทยจนเกินไป
โดยเฉพาะเมื่อเหลือบไปเห็นขวดไวน์จากฝรั่งเศส ประเทศที่ตัดหัวกษัตริย์ของตัวเอง ผู้เขียนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่รู้ตัว
การถอดสัญญะทางการเมืองครั้งนี้ ผู้เขียนเจ็บปวดเหลือเกิน
//สะพานพุทธ
ครึ่งปี 2019 ได้เรียนรู้อะไรบ้าง จาก ประสบการณ์ผมเอง
- ถ้าเป็นผู้ประกอบการ ต่อให้รายได้เยอะแค่ไหน มันไม่ได้หมายความว่ามันมั่นคง รวย เพราะรายได้เยอะมันมาพร้อมความเสี่ยงเสมอ
- เงินมัน "อยู่กับ" ผู้ที่เหมาะสมเท่านั้น
- ทำธุรกิจ 1 อย่าง กับ ทำธุรกิจ 10 อย่างที่เกี่ยวข้องกัน ใช้สมองเท่าเดิมและน้อยกว่า (เข้าใจเลยคนที่มีธุรกิจเยอะ ยิ่งมีเวลาว่าง)
- ไม่มีอะไรดีกว่าการให้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเงิน เพราะสิ่งที่เราให้ เดี่ยวมันค่อยเปลี่ยนเป็นเงินในอนาคตเอง
- การให้ในสิ่งที่เราไม่หวังผลอะไรเลย จะทำให้เรามีความสุขมากที่สุด ในวันที่เราต้องการกำลังใจมากที่สุด เราจะนึกถึงมัน
- โรเบิร์ตบอก บ้านคือ หนี้สิน มันคือความจริง การเช่าก็เป็นตัวเลือกที่ดีในยุคนี้และเลือกถือเงินสด
- โลกมันเหวี่ยงคนที่ใช่เข้ามาในชีวิตเราเสมอ ขอเพียงเราบอกโลกนี้ และจะเหวี่ยงคนที่ไม่ใช่ ออกจากชีวิตเสมอ จากการบอกเช่นกัน
- โลกนี้มันโหดร้ายกับคนที่มองโลกในระยะสั้น และไม่คิดทำอะไรในระยะยาว
- ตอนเริ่มต้น ทุกคนมีทางเลือก คุณเลือกที่จะสบายจะปลอดภัย นั่นก็ไม่ผิด คุณเลือกที่จะอดทน มานะ มันก็ไม่ผิด เพราะคุณเลือกที่จะปิดและเปิดทางเลือกของคุณแล้วในอนาคต(CEO ศรีจันทร์)
- ชีวิตมันไม่ได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยาก เรียนรู้ในทุกวันนั่นคือวิธีที่ง่ายที่สุดแล้วในการใช้ชีวิต
- ผมเคยจินตนาการว่า CEO นั้นจะต้องยุ่งตลอดเวลา จริงๆ คือเมื่อถึงจุดหนึ่งเค้าสามารถว่างเพื่อที่จะคุยกับคนอื่นๆได้นะ (มันคืองานของเค้าเลยหละ)
- การทำหน้าที่ งานของเราปัจจุบัน และเรียนรู้สิ่งใหม่ ให้ดี มันคือการสร้างอัตราทดที่ดีที่สุดในการวิ่งสู่อิสรภาพทางการเงินที่ดีที่สุดแล้ว
- อ่านหนังสือเยอะๆตั้งแต่วันนี้ มันให้อะไรกับผมเยอะมาก
- อิสรภาพทางการเงิน มีอยู่จริง และผมเลือกที่จะพังมันด้วยมือผมไปเรียบร้อยแล้ว
New 7/7/2019
Pavin Chachavalpongpun อาจารย์คะมีเพื่อนสนิทที่ปารีสจะทำเรื่องเปิดเอกสารฝ่ายไทยขายที่ดินให้ฝรั่งเศสยุคทวิภพค่ะ น่าจะช่วงตุลาคมปีนี้ เป็นเอกสารที่ยันว่าไทยไม่ได้เสียดินแดนให้ฝรั่งเศส แต่พี่ไทยขายให้เลยจ้าาาา ถ้ามีโอกาสอยากเชิญอาจารย์ไปดูด้วยกัน. ทางนุ้นบอกว่ายังไม่มีคนไทยเคยได้ดูค่ะ อยากชวนอาจารย์ Somsak Jeamteerasakul จะได้มีผู้เชี่ยวชาญฝั่งไทยออกมาบอกความจริงให้คนไทยได้รู้ค่ะ
“เสนอให้ Disney ทำพระอภัญมณีเป็น Live Actionครับ แล้วทำให้เป็น PC Version ด้วย เมีย 5 คน 5 สัญชาติ
1. นางผี้เสื้อสมุทร ให้ Cast คนขาวผมทองครับ ถึงเวลาละครับที่คนขาวจะต้องได้บทเหี้ยๆ บ้าง
2. นางเงือก ให้ Cast คนดำครับ นางเงือกยุคนี้ต้องเป็นคนดำ หรือไม่ก็พวกลาติโน่
3. นางสุวรรณมาลี ให้ Cast คนจีนครับ ให้มีบุคคลิกแบบพวกเจ๊กบ้านรวย
4. นางวาลี ให้ Cast แขกอินเดี้ยนครับ ให้มีบุคลิกแบบพวกแขกขายของเก่งๆ ครับ
5. นางละเวง ให้ Cast คนขาวยุโรปตะวันออก เพราะผู้หญิงโซนนี้ แม่งน่ากลัวที่สุดในโลกละครับ
ส่วนพระอภัยมณี แม่งต้องพวกลูกครึ่งเล่นครับ พวกสัญชาติผสม ซึ่งคนที่ควรจะรับบทนี้ในโลกนี้แม่งไม่มีใครนอกจาก Keanu Reeves”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อยู่มาวันหนึ่งพี่เต้ประสบอุบัติเหตุจนความจำเสื่อม เขาตื่นขึ้นมาจำอะไรไม่ได้เลยแต่เห็นตัวเองในทีวีโดนรุมด่าจนทำให้เขารู้สึกผิด พี่เต้จึงตัดสินใจเก็บเรื่องที่ตัวเองความจำเสื่อมใว้เป็นความลับและไม่บอกใคร และใช้สถานะนักการเมืองของตัวเองพยายามทำให้ประเทศไทยน่าอยู่ขึ้น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การเล่นโป๊กเกอร์ช่วยให้ผมเข้าใจโลกมากขึ้น
- Bad Beat สอนเราให้เข้าใจว่า แม้คุณจะตัดสินใจเลือกทางที่ดีที่สุดแล้ว ทุกอย่างก็อาจไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวัง การบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ
- Bluff สอนให้เราเข้าใจว่า สิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามแสดงออก มักไม่ตรงกับสิ่งที่เค้าคิดจริงๆ
- Fold สอนให้เราเข้าใจว่า บางครั้ง การดื้อดึงฝืนทั้งที่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยอาจจะทำให้เสียหายหนักกว่าการยอมแพ้แล้วเริ่มใหม่ ตราบใดที่หน้าตักยังเหลือ เราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
- All-in สอนให้เราเข้าใจว่า การต่อสู้แบบทุบหม้อข้าวใส่ทั้งชีวิต บางครั้งก็ให้ผลคุ้มค่า แต่ต้องเลือกจังหวะทุ่มด้วยสมอง ไม่ใช่ด้วยอารมณ์
- ความอดทนให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าเสมอ การใช้อารมณ์มีแต่จะทำให้ทุกอย่างพังเร็วไปกว่าเดิม
- วางแผนการระยะยาว มองให้ไกลถึง River อย่าเอาแต่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพราะเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน คุณจะรับมือมันไม่ไหว คิดเผื่อ Plan B,C,D เอาไว้เสมอ
- การประเมินคู่ต่อสู้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าอยากได้ประสบการณ์ ขึ้นชั้นไปสู้กับคนเก่งๆ แน่นอนคุณต้องจ่ายค่าเทอมแพง เลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าผ่านไปได้ คุณจะทำเงินได้ในอีกระดับ
- แต่ถ้าอยากแค่ได้เงิน ลงสู้กับคนที่อ่อนกว่า แต่คุณจะทำเงินได้แค่ระดับนั้นแหละไม่ก้าวไปไหน และก็จะไม่ได้เก่งอะไรขึ้นมาเลย ต้องเลือกเอาว่าจะไปทางไหน เงิน หรือประสบการณ์ (เหมือนชีวิตการทำงานนั่นแหละ)
จงมีความสุข หากคุณเล่นได้ดี แม้ว่าผลจะออกมาไม่สวยดังหวัง
พยายามต่อไป ด้วยกฏ law of large number คุณจะชนะเกมส์ไม่ว่าจะบนโต๊ะโป๊กเกอร์หรือในชีวิตจริงในที่สุด
พักนี้เหมือนว่าจะมีความพยายามผลักประเด็น ทาทา ปั่นจั่น ไปเป็นเรื่องสิทธิ์ในการวิจารณ์การเมืองของดารา
ผมชวนคิดแบบนี้
อย่างแรกในเรื่องสิทธิ์
ลองคิดกลับกันว่าคนทั่วไปมีสิทธิ์วิจารณ์ดารากันขนาดไหน
แน่นอนเราวิจารณ์ได้ว่า "แสดงไม่ดี" "ร้องเพลงห่วย" "หนังบทไม่ได้เรื่อง" เพราะมันเป็นส่วนของงาน
ดาราอยากให้คนพูดถึงตัวเองว่า "ฉันจะไปดักตบอีXX" "อีตุ๊ด" "อีกระxรี่" หรือเปล่า?
ถ้าพวกคุณโดนแบบนี้ ก็คงรู้สึกว่า มันไม่ใช่การวิจารณ์ติชมแล้วเหมือนกันแหละ
อย่างที่สอง ในเรื่องความเป็นจริงทางธุรกิจ
สมมุติคุณเปิดร้านเหล้า มีนักศึกษามาเป็นลูกค้า แล้วมานั่งบ่นกันทุกวันว่า "อาจารย์แม่งแย่ว่ะให้ F กู"
คุณจะเดินไปพูดกับลูกค้าว่า "พี่ว่าไม่ใช่ความผิดอาจารย์หรอก เป็นเพราะน้องใช้ชิวิตแบบนี้ เอาแต่กินเหล้าทุกวันนี้แหละ น้องเลิกกินเหล้าแล้วไปอ่านหนังสือเถอะ" หรือเปล่า?
ผมว่านักศึกษาได้ยินคงบอกว่า "ครับพี่ ผมเชื่อพี่ จะไม่มีร้านพี่อีกแล้ว เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่า"
ลองคิดถึงร้านอาหารแถวบ้าน ระหว่างร้านที่พนักงานพูดจาดีบริการดี กับร้านที่พนักงานปากเสีย ด่าลูกค้า คิดว่าคนอยากจะไปที่ไหน
ใครจะไปยืนด่าลูกค้าตัวเองหน้าร้าน
ขนาดแท็กซี่นั่งคุยเรื่องการเมือง เรายังไม่ค่อยอยากขึ้นเลย
ตรงส่วนนี้แน่นอนว่า ถึงมันจะอยู่ในขอบเขตของการวิจารณ์ และทุกคนมีสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
แต่ความเป็นจริง สิทธิ์ในการควักเงินออกมาจากกระเป๋า เพื่อซื้อสินค้า และบริการของเราเป็นของลูกค้า
ถ้าคุณขายประกัน ลูกค้าให้เข้าบ้าน เดินเข้าไปแขวนนกหวีด มีรูปไปม็อบกู้ชาติ คุณจะบอกว่า "ประกันผมไม่ขายให้สลิ่ มหรอก" แล้วเดินออกจากบ้านป่ะ
ความเห็นส่วนตัว กับความเป็นโปรทางอาชีพเลยแยกจากกัน ต่อให้ประเทศเสรีจัดๆอย่างสหรัฐเอง ก็คงไม่อยากให้พนักงานที่ส่งผลต่อแบรนด์ทวีตอะไรที่จะมีผลทำให้เสียลูกค้าเท่าไหร่
ความยากของการเป็นดารามันอยู่ตรงนี้แหละ เพราะดาราเป็นอาชีพขายความนิยม ยกเว้นจะขายเฉพาะกลุ่มแฟนคลับที่โอเคกับเรื่องพวกนี้ หรือชินไปแล้วอย่างพี่เสก จะด่าใครก็ไม่มีใครว่า
ส่วนใหญ่ถ้ามีการห้ามแสดงความเห็นทางการเมือง ผมคิดว่าก็คงออกมาจากค่าย เพื่อปกป้องผลรายได้ของดาราเองนั่นแหละ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พยายามหาความเชื่อมโยงระหว่างว่าที่ รมต. แต่ละคน กับกระทรวงที่ได้...
- เคยด่าลูกน้องเป็นควาย มีกิตติศัพท์ว่าชอบดูถูกคน ได้เป็น รมว. แรงงาน
- เคยนำม๊อบบุก กสท. ตัดไฟ ตัดเน็ต ได้เป็น รมว. ดิจิทัล
- เคยถูกศาลต่างประเทศจำคุกข้อหาค้ายาเสพติด ได้เป็น รมช. เกษตร
- เคยพัวพันคดีแบงก์รัฐปล่อยกู้โดยมิชอบ ได้เป็น รมว. คลัง
- เคยประกาศ “รธน. 2560 ดีไซน์มาเพื่อเรา” ได้เป็น รมว. ยุติธรรม
....... 55555
พรรคสนุ้กเกอร์ไทยเราจะไม่มี ส.ส. ตลาดล่างแน่นอน เพราะเราจะเน้น ส.ส. ใต้ถุนสังคมเลยอ่ะครับ
นอกจากนี้พรรคสนุ้กเกอร์ไทยเราจะไม่เน้น ส.ส. ที่มีความหลากหลายทางเพศอัลไล แต่เราจะส่ง ส.ส. คนแรกที่ผ่าหัวเบ้นซ์เข้าสภาให้ได้อ่ะครับ ส่วนฝังมุขนี่เขาว่าจ่าประสิทธิ์ก็อาจจะมีเม็ดสองเม็ดตอนแกเป้น ส.ส. อ่ะครับ เขาว่ากันมา
#คนไทยต้องมีสิทธิในการโมดิฟายตนเอง
ในบรรดา "การเหยียด" ทั้งหมด ฉันว่าการเหยียดคนอื่นเรื่อง "ความแก่" เนี่ย เป็นการเหยียดที่ประหลาดที่สุด เพราะ..
เหยียดเรื่องรูปร่างหน้าตา คนเหยียดมันยังสามารถทำตัวเองให้รูปร่างหน้าตาดีกว่าคนที่ถูกเหยียดได้
เหยียดเรื่องฐานะ คนเหยียดมันยังสามารถทำตัวเองให้รวยกว่าคนที่ถูกเหยียดได้
เหยียดเรื่องความรู้ความสามารถ คนเหยียดมันยังสามารถทำตัวเองเก่งกว่าคนที่ถูกเหยียดได้
เหยียดเรื่องสีผิว คนเหยียดมันยังสามารถทำตัวเองให้ขาวกว่าคนที่ถูกเหยียดได้
แต่ไอ้การเหยียดเรื่อง "ความแก่" เนี่ย คนเหยียดมันสามารถที่จะทำให้ตัวเอง "ไม่มีวันแก่" เหมือนคนที่ถูกเหยียดได้เหรอวะ? ยังไงๆคนเหยียดมันก็ต้องแก่เหมือนคนที่ถูกเหยียด แล้วจะเหยียดเรื่องแก่ทำไมวะ
พวกคนที่เศร้าน้ำตาจะไหลกับเรื่องสาวท้องคลอดระหว่างติดคุก นี่ก็พวกเดียวกับที่บอกข่มขืน=ประหาร ด่าNGOเวลาพูดถึงสิทธิ์นักโทษนั่นล่ะครับ
ตลกดี
เออ จริงๆเรื่อง #ประชุมรัฐสภา นอกจากสส สว ที่ควรโฟกัสแล้ว สื่อบ้านเราเองแม่งก็โตตรน่าโฟกัสเหมือนกันว่ามึงตัดไฮไลท์อะไรมานำเสนอปชชวะ? อย่างรอบที่แล้ว เรางงว่าเถียงกันแค่เรื่องชุดเข้าสภาเหรอ? ในขณะที่ความเป็นจริงแม่งแค่ประมาณ 10% ของญัตติทั้งหมดอ่ะ คือดูแค่ข่าวที่นำเสนอไม่ได้จริงๆ
ในจักรวาลคู่ขนานแห่งหนึ่ง
มีลุงขับรถเมล์คนหนึ่งบอกว่าสามารถคำนวนหาเส้นทางที่สั้นที่สุดในการไปส่งผู้โดยสารบนรถจำนวน N คน ถึงหน้าประตูบ้านทุกคนได้ ไม่ว่าแต่ละคนจะอยู่ไหนก็ตาม ได้ใน Linear Complexity (O(cN)) .... คนขึ้นรถครบ ไม่นานก็คำนวนได้แล้วว่าเส้นทางที่สั้นที่สุด (ย้ำว่า "สั้นที่สุด" นะ คือ absolutely shortest ไม่ใช่ reasonably short หรือ acceptably short) คือทางไหน
นักวิชาการออกมาบอกว่า เป็นไปไม่ได้ ..... เพราะนั่นมันคือ TSP ซึ่งเป็น NP Problem (NP-Hard) ......
คนออกมาด่านักวิชาการ ว่านักวิชาการดูถูกลุง ว่านักวิชาการเป็นไดโนเสาร์ เอาแต่อคติมาบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ทั้งที่ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ พวกที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้นี่เต่าล้านปี อิจฉา อยู่แต่ในตำราที่ล้าสมัยเขียนมาตั้งแต่ปีไหนก็ไม่รู้ เดี๋ยวนี้โลกมันหมุนไปถึงไหนแล้ว แทนที่จะยอมรับและนำไปต่อยอดสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ นักวิชาการแบบนี้แหละเป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศ เชื่อสิอีกไม่นานประเทศอื่นก็จะเอาผลงานลุงไปสร้างประโยชน์ ฯลฯ .... ดูแล้วมันก็แค่ปัญหาที่น่าจะแก้ได้สิ common sense ออก ..... นี่แหละนักวิชาการอยู่แต่ในตำราไม่เคยทำงานจริง แต่ลุงทำงานขับรถเมล์มานานมีประสบการณ์เยอะแยะ ฯลฯ .... นี่แหละประเทศไม่เจริญเพราะคนไม่ช่วยกัน ฯลฯ
บางคนก็ลากไปถึงว่า สต๊อป จีฟ, กิล เบต, ซัค มาร์คเกอร์เบิร์ก ก็สร้างนวัตกรรมได้เยอะแยะมากมาย ไม่เห็นต้องจบมหาลัย แล้วทีนักวิชาการที่สอนในมหาลัยไม่เห็นสร้างได้เลย .... นี่ไงล่ะตัวอย่าง ... ไตล์สไอร์ ยังเคยเป็นแค่เสมียรเลย แต่เขามีจินตนาการ .... แล้วทำไมลุงจะทำไม่ได้
ในจักรวาลคู่ขนานแห่งหนึ่ง ... ที่โลกแบน
ย้อนกลับไปในเดือนที่แล้ว ทีม HR ของวงใน wongnai.com เว็บรีวิวอาหารชื่อดัง ติดต่อวิเคราะห์บอลจริงจังมาครับ
เขาบอกว่า ทุกๆเดือน ในวันศุกร์ที่ 2 และ 4 บริษัทจะมีกิจกรรมชื่อ WeShare คือการเชิญเอา คนมีชื่อเสียงจากวงการต่างๆ มาถ่ายทอดประสบการณ์ให้เด็กๆในองค์กรได้ฟัง
สำหรับผม แน่นอนว่าเป็นเกียรตินะครับ ที่เขาไว้ใจ และเชิญเรา แต่ผมไปนั่งไล่ดูประวัติเก่าๆ ว่า วงใน เชิญใครไปแล้วบ้าง ปรากฏว่า มีแต่บุคคลแบบโคตรดังทั้งนั้น เช่น วู้ดดี้ เกิดมาคุย , ต่อ ฟีโนมีน่า นักทำโฆษณาระดับโลก , เก้ง จิระ มะลิกุล ผู้กำกับตัวท็อป ฯลฯ
ผมเลยถามทีมงาน HR กลับไปว่า อย่างผม จะสร้างประโยชน์ให้กับทีม สตาฟฟ์ของวงในได้จริงๆหรอ ผมเป็นคนธรรมดามากๆเลยนะ เพจยังไม่ถึง 2 แสนไลค์เลยนะครับ
แต่เมื่อ HR ของเขายืนยันหนักแน่น ผมก็โอเค ตอบรับไปครับ
ปัญหาคือ ผมจะพูดอะไรนี่สิ ในเมื่อผมไม่ใช่เซเล็บที่จะมีเรื่องราวโลดโผนน่าสนใจอะไรขนาดนั้น
อย่างพี่เก้ง จิระ นี่เล่าจุดเริ่มต้นว่าทำไมคิดไอเดียสร้างหนัง แอม ไฟน์ แต้งกิ้ว ด้วยการไปดักฟังคนแอบคุยกันในร้านกาแฟ คือมีสตอรี่ มีความโลดโผน ซึ่งคือชีวิตผมไม่มีอะไรอย่างนั้นเลยอ๊ะ เรียบง่ายมากๆ
ผมเลยทำการบ้านอย่างหนักเลยครับ ไปค้นข้อมูลของวงในมาก่อน ว่าเป็นองค์กรอย่างไร และพูดเรื่องไหน จะมีประโยชน์กับเขามากที่สุด
จากนั้น ก็ลำดับ Sequence เรื่อง เหมือนเขียนวิเคราะห์บอลเลย ว่าจะพูดอะไร 1 2 3 แถมมีการซ้อมพูดในรถด้วยนะ ก่อนมาพูดจริง คือมีความตื่นเต้นอยู่บ้าง ขนาดไปแข่งวินนิ่งชิงแชมป์โลกที่ลอนดอน ยังไม่เตรียมพร้อมขนาดนี้เลยนะเนี่ยะ
ในห้องประชุม มีคนฟังประมาณ 60-70 คนครับ ผมก็ถ่ายทอดในสิ่งที่ผมรู้ทั้งหมด ทริกการเขียน และทริกการทำให้คอนเทนต์มียอดไลค์ที่ดี
ซึ่งหวังเพียงว่า จะเป็นประโยชน์กับเขาบ้างเล็กน้อยก็ยังดี
ตอนจบของการบรรยาย ผมทิ้งท้ายไป 2 เรื่องครับ
1) ผมบอกน้องๆของวงในว่า ช่วงอายุไม่ถึง 30 เนี่ยะ อย่าเพิ่งคิดมาก หากยังไม่เห็นแววว่าจะประสบความสำเร็จ
ผมเอาตัวเองเป็นเกณฑ์นะ ว่าตั้งแต่เรียนจบ จนถึง 30 เนี่ยะ ผมล่องลอยมาก
ออกสตาร์ตงานแรกได้เงินเดือน 8 พัน พออายุเกือบ 30 ได้เงินเดือนหมื่นกว่าบาท นึกไม่ออกเลยว่า จะเก็บเงินแต่งงาน หรือสร้างหลักฐานในชีวิตได้ยังไง
แต่พอ 30 ไปแล้ว เมื่อเราพร้อมทั้งวัยวุฒิ และประสบการณ์ โอกาสจะเข้ามาหาเราเร็วมาก ซึ่งถ้าเราเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว เราจะคว้าโอกาสไว้ในมือได้แน่ๆ
ดังนั้นช่วงการทำงาน 7-8 ปีแรก ถ้ายังมองไม่ออกว่าชีวิตจะยังไงต่อ ก็อย่าเพิ่งซีเรียสไป ชีวิตมันมีจังหวะของมันเสมอ
และ 2) การทำงานกับองค์กร เราสามารถสร้างสรรค์งานของตัวเองควบคู่ไปได้
ตลอดชีวิตแอดมิน ทำงานกับองค์กรมาตลอดครับ จากคิกออฟ สู่นิตยสาร Mars สู่สยามกีฬา และมา Workpoint ในปัจจุบัน
แน่นอน ผมก็ทำเพจไปด้วย ควบคู่ไปกับการ ทำงานประจำนี่แหละ
การทำงานกับองค์กร คือเป็นโอกาสดี ที่เราจะได้ร่วมงานกับคนเก่งครับ การได้ร่วมงานกับคนอื่น ส่งผลให้เรามีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เวลาเอามาประยุกต์กับงานตัวเอง
ดังนั้น ต่อให้วันนี้มีสังกัดอยู่ในองค์กร ก็ไม่ใช่ว่า เราจะสร้างอะไรของเราเองขึ้นมาไม่ได้ เพราะมันทำไปพร้อมๆกันได้เสมอ แค่จัดสรรเวลาให้ดี
สำหรับผมก่อนหน้านี้ เรารู้จัก วงในมาแล้วล่ะ เวลาจะดูรีวิวร้านอาหาร ก็ต้องใช้ App หรือ Web Wongnai ตลอด
แต่พอได้มาที่ออฟฟิศเขา รู้สึกได้ว่า เป็นศูนย์รวมของคนหนุ่มสาว ที่เต็มไปด้วยพลังจริงๆ
คุณยอด ซีอีโอของบริษัท (ใส่เสื้อลิเวอร์พูลในรูป) อายุ 36 ปีเองนะครับ สุดยอดเลย อายุมากกว่าแอดมิน 1 ปีเอง
คุณนิค มาร์เก็ตติ้งของบริษัท อายุ 34 ปี! (ถ้าเทียบกับมาร์เก็ตติ้งของหลายๆบริษัทอื่นนี่ต้อง 40 อัพ เน้นความเก๋า เน้นประสบการณ์ไว้ก่อน ก็ถือว่าเด็กนะ)
สตาฟฟ์ที่มาฟังบรรยาย ประเมินจากสายตาอายุส่วนใหญ่ไม่เกิน 27-28 กันหรอก
และ แต่ละคนเต็มไปด้วยแววตา ความมุ่งมั่นตั้งใจ ทุกคนฟัง คือฟังจริงๆ ไม่ว่อกแว่ก ไม่เล่นมือถือ
ยอดเยี่ยมมากๆเลยครับ แบบนี้คนพูดก็แฮปปี้นะ
สำหรับ Wongnai ตอนนี้ มีอายุครบ 9 ปี นอกจาก App และ เว็บหลักแล้ว อาณาจักรยังค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ใน Facebook มี Wongnai Beauty, Wongnai Travel, Wongnai Cooking และมี Wongnai Delivery สำหรับสั่งอาหาร
มีบริษัทลูกที่สร้างคอนเทนต์คุณภาพเชิงไอที อย่าง Blognone และ เชิงธุรกิจอย่าง Brand Inside
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ก้าวต่อไปของ Wongnai จะกระโดดไปไกลขนาดไหน
แต่แน่นอน ด้วยพลังของคนหนุ่มสาวในองค์กร ตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงสตาฟฟ์ แอดมินเชื่อว่า พวกเขาจะสำเร็จยิ่งขึ้นกว่านี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข เรียบร้อยจึงมิใช้การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมความดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้
ทหารได้รับเกียรติและเอกสิทธิ์เป็นผู้กุมอาวุธและกำลังรบของประเทศ เป็นที่เคารพเกรงขามในหมู่ชนทั่วไป ทหารจึงต้องปฏิบัติให้สมกับที่ตนได้รับ ความไว้วางใจ ไม่ควรไปทำหรือเกี่ยวข้องในกิจการที่มิใช่อยู่ในหน้าที่โดยเฉพาะของตน เช่น ไปเล่นการเมือง ดังนี้เป็นต้น การกระทำเช่นนั้นจะทำให้บุคคลเสื่อมความเชื่อถือในทหารโดยเข้าใจว่าเอา อิทธิพลไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว
ปิ ด ก ร ะ ทู้ ใ ห้
พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ป ร เ ม น ท ร ร า ม า ธิ บ ดี
ศ รี สิ น ท ร ม ห า ว ชิ ร า ล ง ก ร ณ
พ ร ะ ว ชิ ร เ ก ล้ า เ จ้ า อ ยู่ หั ว
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.