Last posted
Total of 1000 posts
>>829 นี่ >>825 เอง คือนี่เป็นงานแรกอะ เลยไม่รู้ว่าปกติเขายังไงกัน ก่อนหน้านี้บริษัทบอกให้ไปขอเอกสารจากหน่วยงานราชการก่อนเริ่มงาน แต่ติดวันหยุดราชการสี่วันยาวเลย เลยโทรไปถามว่าจะให้เริ่มงานก่อนแล้วค่อยไปขอเอกสารทีหลังมั้ย เขาก็บอกว่ามีเอกสารก่อนแล้วค่อยเข้ามาทำ เราก็นึกว่าเอกสารมันสำคัญมาก ไม่มีไม่ได้ (เป็นเอกสารยืนยันว่าเราไม่มีประวัติอาชญากรรมอะ) ตอนนี้มีเอกสารแล้ว แต่เข้าไปนั่งทำงานแล้วไม่มีใครเดินมาทวงเอกสารตัวนั้นเลย สัญญาก็ยังไม่ได้เซ็น กลัวไปหมดละ แง
>>830 ถาม HR เลย เอาให้เคลียร์ กูก็เซ็นก่อนเริ่มงานนะ สัญญาก็ระบุชัดเจนว่าระยะทดลองงาน 90 วัน ไม่ได้มีเอกสารอาชญากรรมอะไรด้วย แต่มีให้เซ็นรับรองว่าไม่เคยโดนคดีอาชญากรรม ถ้าจับได้ทีหลังคือให้ออกได้เลย จริงๆ รายละเอียดคงขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท ที่แน่ๆ มึงมีสิทธิ์ถาม HR ได้
การรับงานช่วงนี้คือน้อยลงจริงไหมวะ
ถ้าทำโรงงานก็น้อยลงจริงนะ เห็นนิคมช่วงนี้ในข่าวปิดกันเป็นแถวเลย
ถามเพื่อนที่อยู่นิคมมันก็บอกเดี๋ยวนี้บางที่ก็ไม่มีเปิดโอ
กูสาย engineering จากเมื่อก่อนเวลาบิดงานบ.จะเหมาค่าแรงมาเลย เดี๋ยวนี้บ.ให้โอนเนอร์จ่ายค่าแรงให้แทน โอนเนอร์ไม่จ่ายก็โล๊ะคนออกจากโปรเจ็คแทนซึ่งแม่งไม่เวิร์คเลยเพราะงานไม่เสร็จ พวกแม่งเล่นแง่กันอยู่นั่นแหละ
>>830 มึงต้องเป็นฝ่ายตามจี้อะ HR ที่กูเจอส่วนมากแม่งเหี้ย ทำงานเช้าชามเย็นชาม ถ้าเราถามมันว่าจะเอาอะไรจากเราด่วนมั้ย มันจะตอบด่วนหมดแหละ คือแม่งเอามาไว้ก่อน ใช้ไม่ใช้อีกเรื่อง แต่ทีตัวเองจะทำอะไรให้พนักงาน ช้าชิบหาย ไม่ทวงคือไม่ได้ บางทีทวงแล้วทวงอีกแม่งก็ยังไม่ได้ (ขอโทษเอชอาร์ดีๆ ด้วย คนดีๆ ก็มี อย่างบ.กูก็มีดีอยู่คนเดียว งานเลยโหลดสุด เพราะพนักงานทุกคนรู้ว่าไปติดต่อกับคนนี้จะได้เรื่อง กับคนอื่นน่ะเหรอ ส่งเมลก็แล้ว โทรก็แล้ว พอถึงดิวหายจ้อย แม่งก็ดีแต่อ้างว่าลืมๆๆๆ เป็นเอชอาร์หรือเป็นอัลไซเมอร์วะ ดวก)
ใครเคยทำ exit interview ไหม ถ้ากูมีเขียนเหตุผลเพิ่มไปว่าออกเพราะเกลียดคนทำแผนกเดียวกัน จะมีผลไรไหมวะ คือมันโยนงานเก่ง อีกคนโดนเด้งไปล่ะ เหลืออีก3ตัวที่โยนงานกันเก่งมาก แล้วก็ดีแต่ปาก เซ็งชิบหาย แค่ยังต้องทำงานอีกเดือนกูก็เครียดจนไมเกรนแดก
คำว่าปรับตัว ฟังแล้วเจ็บ แต่แม่งจริงหวะ SME ตาย บ.ใหญ่ๆ จ้างงานหลักแสนคนแต่ กินรวบตลาดทั้งประเทศ
>>838 ปกติกูจะเขียนแบบเซฟๆ ตลอดนะเพราะบางทีโลกนี้มันก็กลมกว่าที่คิด วันหลังอาจโคจรมาเจอกัน และกูไม่เคยเชื่อว่าเอชอาร์บริษัทตัวเองจะมีจรรยาบรรณ ทันทีที่มันอ่านจบ มันต้องรีบแจ้นเอาไปเม้าให้เจ้าตัวฟังแน่นอน ทีเรื่องแบบนี้ล่ะไวเชียว ถ้าเรื่องงานทำได้แบบนี้ซักครึ่งก็คงจะดีเนาะ *กลอกตาเป็นเลขแปดวนไป*
เพื่อนโม่งกูเครียดว่ะ
กูเรียนทางด้านศิลปะมา แล้วเงินเดือนแม่งน้อยชิบหาย ไม่ได้เป็นที่ต้องการทางการตลาดขนาดนั้น บวกกับกุเองก็ไม่ได้เก่งเวิร์ระดับตัวท๊อปฮอลลิวูด เงินก็เลยได้แค่นี้ งานนอกที่ทำส่วนใหญ่ก็มีแต่งานฟรี คนนั้นขอให้ช่วย คนนี้ขอให้ช่วย งานได้ตังนานๆมีที
แล้วกูเองเลยอยากเก่งขึ้นในสายอื่นเพราะตังมันเยอะกว่า เลยไปหัดเรียนภาษา เรียนโปรแกรมมิ่ง แต่สายงานพวกนี้มันยากและต้องใช้เวลา ซึ่งมันทำให้กูเกิดความไม่มั่นใจขึ้นมาว่าไอ้ที่กูเสียเวลาทำอยู่เนี่ย อาจจะไม่ได้ให้ดอกให้ผลอย่างที่ต้องการ เพราะกูก็ 30 แล้วอ่ะ แต่อีกใจก็คิดว่า ถ้าไม่ลองทำจะรู้ได้ไงว่าตัวเองจะเก่งรึเปล่า จะสำเร็จมั้ย แต่กูก็ไม่ได้อยากแขวนชีวิตไว้กับการทดลองเท่าไหร่ คือกูอยากให้ความพยายามในวันนี้มันสร้างincome ได้จริงๆ ไม่ใช่แค่เรียนเพื่อรู้เฉยๆอ่ะ คิดงี้ก็เครียดว่ะ ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันถูกรึเปล่า บ้านก็ยังต้องเช่าอยู่เลย
>>845 ไอ้ที่มึงลองๆ ไปแล้วมึงชอบป๊ะล่ะ สามารถอยู่กับมันนานๆ ได้ป่าว กูว่าเรื่องพวกนี้น่าจะมาก่อนนะถึงจะทำเงินจากมันได้อย่างยั่งยืน กูก็เป็นพวกทำแม่งทุกอย่างลองนู่นทีนี่ทีเหมือนกัน กูก็มีช่วงนอยด์เหมือนกันในความจับฉ่ายนี้ สุดท้ายสิ่งที่กูคิดคือ รายได้ไม่จำเป็นต้องมาจากทางเดียว แล้วแต่ว่าในแต่ละช่วงชีวิตมึงให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน โอเคโฟกัสมันจะทำให้มึงไปได้ลึกกว่า แต่การกระจายไปทั่วกูว่ามันก็ไม่ได้ผิดอะไรและกูสบายใจแบบนี้ (แนะนำหนังสือ How to be everything อาจทำให้มึงสบายใจขึ้นว่ามึงไม่ได้ทำอะไรผิด)
>>845 ที่แน่ๆ ต่อให้มึงเรียนจบทางอาร์ตมา ก็ไม่ได้มีข้อจำกัดว่ามึงต้องอยู่กับสิ่งนั้น มึงยังเรียนรู้ไปได้เรื่อยๆ ถ้ามึงชอบมันมากพอถึงจุดนึงมึงจะหารายได้จากมันได้จริงๆ งานฟรีก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว กูก็ทำงานวิดีโอฟรีๆ เพื่อเรียนรู้ ฝึกมือให้ตัวเองมั่นใจพอจะรับงานได้ กูทำโปสเตอร์วันเกิด บอค.ให้เพื่อนฟรี จนมีเพื่อนของเพื่อนมาจ้าง เพิ่มคนมาจ้างอีก กูก็คิดราคาเพื่อนกันถูกๆ แต่ไงรู้มั้ย เพื่อนก็กลับมาจ้างกูอีกเรื่อยๆ นี่ก็ปีที่สองแล้วมันก็กลับมาจ้าง มันอาจเป็นเงินไม่มากแต่กูก็รู้สึกดีจัง นอกเหนือจากรายได้มึงสามารถหาความสุขกับมันได้นะ อย่ามองว่าทำอะไรผิดไป /ในขณะเดียวกันกูก็รับงานทำเว็บด้วย พิมพ์บิลกูก็รับ นี่อยากหัดเขียนบทความแล้วด้วยเนี่ยพิมพ์เยอะชิบ
กูเเม่งกลับกันเลยว่ะ กูเรียนจบสายวิศวะมา เเต่อยากไปทำงานด้านอาร์ตศิลปะ 555 เเต่เเม่งยังหาเงินได้ไม่พอ เลยย้ายสายไม่ได้ กำลังพยายามอยู่
>>846 คาดหวังซักเดือนละ 30-50k กูก็พอใจแล้ว คือกูอยากซื้อบ้านแล้วด้วยฐานเงินเดือนตอนนี้กูไม่สามารถได้วงเงินกู้เยอะได้เลย แล้วแถมถึงกู้ได้ กูก็ต้องอดมื้อกินมื้อเพื่อผ่อนบ้าน ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นจริงๆ คืกูอยากมีความสุข ไม่อยากกังวลว่าเดือนนี้จะมีเงินพอเก็บมั้ย อยากเดินทาง อยากมีอิสระทางการเงินมากกว่านี้ จะได้จัดการอะไรได้ง่ายขึ้น เรียนเองสำหรับตอนนี้ก็รู้เรื่องแหละ แต่มันก็ยังแค่เบสิกๆไง จะให้เก่งแบบรับงานได้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นรึเปล่าด้วย
>>847 >>848 >>849 เท่าที่เรียนๆอยู่ตอนนี้กูค่อนข้างชอบมันแหละ ถ้าสโคปงานไรชัดเจนกูว่ากูอยู่กับมันได้ แต่ที่กังวลคือ กลัวว่าพอเริ่มอายุมากขึ้น การที่กูมาเริ่มเรียนตอนนี้มันจะคุ้มค่ามั้ย สุดท้ายแล้วที่ลงทุนไปในวันนี้สามารถนำไปสร้างรายได้ให้ตัวเองได้จริงรึเปล่า หรือสุดท้ายมันจะกลายเป็นแค่รู้ไว้เฉยๆแต่ก็ไม่ได้ไปทำงานสายนี้อยู่ดีอ่ะ
กูอัพเรซูเม่ไว้ที่เว็บนึง เห็นประกาศของบ.นึงว่าเงินเดือนอยู่ในเรท 30-40 k กูก็เรียกไปในเรทนี้ล่ะ ตามประสบการณ์และอัพจากที่เก่าอีกนิดหน่อยแต่ไม่ต่ำกว่า 30 แน่นอน HR ก็โทรมานัดสัมภาษณ์ คุยไปคุยมาบอกให้กูได้แค่ 28 ซึ่งกูไม่เข้าใจว่าลงประกาศในเว็บทำไมว่า 30-40 วะ แถมถ้ารับราคาที่กูเรียกไปในเรซูเม่ไม่ได้จะนัดมาสัมภาษณ์ทำไม หรือจะเอาแค่ KPI ให้มีคนมาสัมภาษณ์เยอะๆพอ กูจะรับเงื่อนไขได้หรือไม่ได้ก็ช่างหัวมึง แบบนี้เหรอ
กูอยากบอกว่า ทำสิ่งที่ตัวเองเก่งนั่นเเหละดีที่สุด
ทีนี้ถ้าถามว่าจะค้นพบได้ยังไง อันนี้เเม่งก็ต้องใช้เวลานานละ กูทำงานวิศวะนี่ไม่ได้ชอบหรอก ทำได้ไม่ค่อยดีด้วย พอทำได้ไม่ดี ผลงานไม่เข้าตา หัวหน้าไม่เลีย ก็ขึ้นเงินเดือนน้อย ทำมาหลายปีเงินเดือนยังไม่ถึง30k ในขณะที่เพื่อน 35k 40k กันหมดละ หรือบางคนกลายเป็นหัวหน้าด้วยซ้ำ
พอกูมาทำงานศิลป์ ตอนเเรกก็ทำเป็นงานอดิเรก ฝึกๆไป2ปี เริ่มมีลูกค้าประจำ ได้เงิน 10k-20k เริ่มขึ้นเรื่อยๆ อัพไวมาก ลูกค้าเพิ่มเรื่อยๆ เคยได้งานใหญ่ราคาเกือบเเสน เป็นโปรเจคเกมส์ ดีไซน์ตัวละคร ทำCG บลาๆ
กูก็เสียดายที่เพิ่งมารู้ว่าตัวเองเก่งอะไร เพิ่งรู้ว่าตัวเองไปรอดทางด้านศิลป์เเล้วมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ ตอนนี้กูก็ทำงานงกๆไปก่อนว่ะ หยุดเสาร์อาทิตเอาเวลามาทำงานวาด ไว้อนาคตกูดังกว่านี้ ได้เงินดูเเล้วซัก20k 30k (อีกไม่นาน) กูจะออกงานประจำมาทำงานวาดเต็มตัวละ
จากประสบการณ์กูเลยพูดได้เเค่ว่าถ้าเก่งด้านไหน เงินมันจะเข้ามาหาเองว่ะ ประสบการณ์ตรงจริงๆ ปกติพวกสายวาดเขาจะฝึกกันตั้งเเต่เด็กใช่ปะ กูเพิ่งมาฝึกตอนประมาณใกล้เรียนจบนี่เอง เเล้วก็ฝึกวาดๆมาด้วยระหว่างทำงาน ผ่านไป2-3ปีก็เริ่มวาดคนเป็นละ ใช้เวลาน้อยมาก งานเข้ามาเรื่อยๆ มีฐานเเฟน ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะได้จับงานสายนี้
>>851 แนะนำคร่าวๆจากประสบการณ์ส่วนตัวและที่ฟังมาจากพี่ในออฟฟิซนะ
- เงินเดือนที่เล็งไว้อาชีพโปรแกรมเมอร์น่าจะถึงแหละ ถ้าได้ที่ๆไม่กดเงินจนน่าเกลียด
- ถ้าจะเริ่มทำงานควรเริ่มจากบริษัทที่ใหญ่ๆที่ทำงานกันแบบมี process แบบแผนกันประมาณนึงก่อน
เป็นการเรียนรู้ว่าการเขียนโปรแกรมเพื่อเป็นงานจริงๆเค้าทำอะไรยังไงกันบ้าง เพราะมันไม่ได้มีแค่เขียนโค้ดอย่างเดียว
- โปรแกรมเมอร์ที่ดีควรเขียนได้ทุกภาษาก็จริง แต่ถ้าเชี่ยวชาญภาษาและเทคโนโลยีที่นิยมใช้ในองค์กรใหญ่ๆจะดีกว่า
เพราะบริษัทใหญ่ๆแนวโน้มจ่ายเยอะกว่า หน้าที่ความรับผิดชอบชัดเจนกว่า ไม่จับฉ่ายเท่า ไม่ลูกทุ่งเท่า (ย้ำว่าแนวโน้มนะ)
- ถ้าโฟกัสกับเงินเป็นหลัก การเป็นพนักงานสัญญาจ้างจะได้เงินเยอะกว่าประจำพอตัว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความมั่นคงและสวัสดิการ
- ภาษาอังกฤษสำคัญมาก เวลาทำงานจริงแล้วติดปัญหาถ้าไม่ใช่เรื่องอะไรที่มันเฉพาะเจาะจงของงานนั้นๆ
เป็นปัญหา technical ควรจะ search หาวิธีแก้ปัญหาบนเน็ตเองได้
- บริษัทเดี๋ยวนี้อยากได้สำเร็จรูปคือรับเข้ามาทำงานได้เลยซะเยอะ ไม่อยากลงทุนกับการเทรนคน
บางที่คือต่อให้ถนัดภาษาที่เค้าใช้ แต่ไม่เคยใช้ tool / framework สำคัญๆที่เค้าใช้กันก็ไม่รับแล้ว ทั้งที่ของพวกนี้เรียนเองแป๊ปเดียวก็ใช้เป็น
ถ้าเจอแบบนี้เยอะๆก็อย่าไปคิดมาก ลองดูๆว่ามี tool / framework อะไรที่เค้าฮิตๆกันแล้วไปศึกษาดูคร่าวๆเผื่อเจออีกจะได้มีอะไรไปตอบเค้า
- ต่อจากข้อบนคือด้วยความที่มึงศึกษาเองแล้วยังใหม่ ลองพยายามหาที่ๆดูให้โอกาสคน ยอมลงทุนกับการเทรนคนดู ถ้าเป็นไปได้
ที่ๆเข้าไปแล้วต้องเอาตัวรอดเอง ไม่ค่อยให้โอกาสคน มันอาจจะกดดันเกินไป รอให้เริ่มชินกับงานก่อนซักพักค่อยไปถ้าอยากจะลอง
กูทำงานในแผนกตัวเองเสร็จกูเลยว่างอยากพักเพราะกูเป็นคนทำงานไวถ้าทำก็เต็มที่ไม่กินไม่นอนกันไปข้าง
ทีนี้อีแผนกข้างๆก็แบบมาเจ๊าะแจ๊ะขอให้ช่วยงานซึ่งเป็นคนละด้านกับที่กูทำำ พอกูปฎิเสธก็เหน็บแนมบอกกูขี้เกียจบ้าง ไม่มีน้ำใจบ้าง แบบนี้ก็ได้หรอวะ
>>859 ประสบปัญหาตรงข้ามกัน กูเป็นล่าม ว่างงง ว่างงงเหี้ยยยเหี้ยยยย คือถ้าญี่ปุ่นกับไทยไม่มีอะไรจะคุยกัน กูก็ว่างงงง
ไปขอช่วยงานในแผนก ก็ไม่มีใครกล้าให้ช่วยอะไร เพราะเค้าถือว่าเป็นลูกน้องนายใหญ่ ที่นี่เคร่งเรื่อง JD มาก
อ่านญี่ปุ่นจนไม่รู้จะอ่านยังไงแล้ว อ่านจนเบื่อ จะนั่งเล่นเน็ตเล่นเกมส์แม่งก็ดูเหี้ยเกิน ยังไงก็ญี่ปุ่นอะ วัฒนธรรมเป็นไงก็รู้
ยิ่งวีคไหนนายไม่อยู่ ไปตปท.นะ โอ๊ยย นรกสัสๆ เหมือนไปนั่งเป็นสากกะเบือ 8.00-17.00 ท่ามกลางผู้คนที่ทำงานกันงกๆ
ตกงานอยู่เลยไปช่วยงานเพื่อนที่เปิดโฮสเทลเล็กๆ ได้คุยกับผู้คนมากหน้าหลายตาจากหลายๆประเทศ รู้สึกเปิดโลกดีว่ะ บางคนก็เป็นนักวิจัยมาเก็บตัวอย่างวิจัยเลยเช่าอยู่เป็นเดือนๆ บางคนเพิ่งตกงานเลยอยากมาพักผ่อน บางคนเก็บเงินตามความฝันเที่ยวรอบโลก บางคนอายุเยอะกว่ากูอีกแต่ดูมีแพชชั่นการใช้ชีวิตแบบล้นปรี่มาก กูทำแล้วรู้สึกสนุกจนไม่อยากกลับไปทำงานประจำตอกบัตรเข้าออฟฟิศเลย แต่จะให้ทำกับเพื่อนกูตลอดไปมันก็เป็นไปไม่ได้ว่ะเพราะเงินที่กูได้มันน้อยยเหลือเกิน ไม่พอยาไส้ แต่มันพอมีเงินเก็บและกูก็ทำฆ่าเวลารองานใหม่จะได้ไม่ว่างเกินไป ;w; แต่ถ้ากูมีที่ดินหรือทำเลดีๆที่เดินทางสะดวกกูก็อยากเปิดโฮสเทลอยู่นะ
ขอถามไรหน่อยว่ะ พวกมึงหางานกันนานเเค่ไหนวะ
พวกคะแนนcutepนี่มีผลเวลาสมัครงานมั้ยอ่ะ พี่ๆได้เท่าไรกัน
พยายามแล้วที่จะหลีกเลี่ยงการเมืองในบริษัท สุดท้ายกูหนีไม่พ้น เออมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกูเพราะตำแหน่งงานมันต้องประสานงานทุกฝ่าย เป็นเด็กใหม่และกูก็อายุน้อยเขาก็เลยยังไม่อะไร แต่คิดว่าอยู่ไปนานๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะบรรยากาศแบ่งฝ่ายชัดเจนมาก กดดันคนที่ไม่ใช่พวกออกไปจนหมด บรรยากาศแย่ไม่เท่าไร ยังเรื่องโอกาสโตก็มีผลมาจากการเมืองและตำแหน่งกูก็น่าจะตันไม่ก็น่าจะต้องอยู่หลายปี นี่ก็พยายามมองหาที่ใหม่แล้วว่ะ ก็ไม่คิดว่าที่ใหม่จะต้องดีเลิศอะไร ขอแค่สามารถทำงานโดยแยกเรืองส่วนตัวและงานออกจากกันก็พอเว้ยย
>>869 กูกำลังจะมาปรึกษาเรื่องนี้พอดี ในฐานะที่มึงเป็นเด็กใหม่และอายุน้อย มึงว่ากูควรจะแนะนำเด็กๆ แบบมึงเรื่องการเมืองในบริษัทยังไง ให้น้องไม่เสียขวัญตกใจกลัวดีวะ บ.กูเนี่ย ใหญ่โตมั่นคง เงินเดือนก็ดี สวัสดิการก็ดี career path ก็มี งานก็สนุก challenge แต่เหี้ยอยู่เรื่องเดียวคือการเมืองแรงสัสๆ ถ้าทำใจให้ ignore เรื่องนี้ไปได้ ก็ถือว่าเป็นบริษัทที่ดีพอสมควร กูเลยอยากให้น้องๆ เด็กจบใหม่อยู่ได้น่ะ อย่างรุ่นกลางแบบพวกกู (เจน Y) ไม่เล่นการเมือง รักกันดีทุกทีมทุกแผนก ก็จะพยายามเทคแคร์น้องๆ แต่พวกกูก็ไม่ถึงขั้นไปสามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรการเมืองของพวกเจน X ได้หรอก ตอนนี้กูติดปัญหาคือกูไม่รู้จะแนะนำน้องยังไงดี จะพูดโต้งๆ ว่า "อย่าไปสนิทกับพี่คนนั้นแผนกนั้นมาก เพราะนายเราไม่ชอบขี้หน้าพี่คนนั้น น้องจะซวยไปด้วย" ก็แบบ...พูดไม่ลง เหี้ยเกิ๊น 555 มันก็เหี้ยจริงๆ นั่นแหละ ไร้เหตุผลชะมัด แต่ทำไงได้ ผู้ใหญ่ที่นี่แม่งเป็นแบบนี้ กูเสียดายน้องนิสัยดีเก่งๆ หลายคน ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ โดนไม่ผ่านโปรเพราะเรื่องงี่เง่านี่ ย้ำอีกครั้งว่ามันเหี้ย และอาจจะฟังดูไม่น่าอยู่ แต่สำหรับกูถ้า exclude เรื่องนี้ออกไปอย่างอื่นมันก็ดีจริงๆ นะที่นี่ สังคมรุ่นพี่รุ่นน้องคือดีเลยอ่ะ อยากสอนให้น้องทำใจให้ ignore แม่งซะ อย่าไปอิน อย่าไปคิดมาก ในขณะเดียวกันก็อยู่ให้เป็น แต่ก็ไม่ต้องไปเป็นส่วนหนึ่งของการเมือง เรื่องงานมันสอนง่าย สอนได้ตรงๆ แต่เรื่องนี้ไม่รู้จะพูดยังไงดี...
>>870 ต่อๆๆ เท่าที่สังเกต น้องจบใหม่บางคนจะมีเซนส์ อยู่ๆ ไปมันก็ดูออกของมันเอง ไอ้พวกนี้เอาตัวรอดได้ไม่ห่วง แต่อีกพวกนี่คือใสมาก ใสกิ๊ง ใสชิบหาย ชีวิตเติบโตมาในสังคมที่ดี ไม่เคยรู้จักการแบ่งพรรคแบ่งพวก มันเลยดูไม่ออก เอาตัวรอดจากเรื่องนี้ไม่ได้ กูอะโคตรสงสารและอยากช่วยเด็กกลุ่มนี้เลย เพราะตอนเด็กกูก็เป็นกลุ่มนี้มาก่อน 5555 กว่าจะเติบโตเอาตัวรอดมาได้แม่งก็เจ็บมาเยอะ แต่พอผ่านมาได้ พอปล่อยวางทำใจให้เลิกอินได้ ก็พบว่ามันเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วของชีวิตการทำงาน เอาเวลาไปโฟกัสอย่างอื่นให้ชีวิตดีกว่าเยอะ
มีใครเป็นฟรีแลนซ์กราฟิก หรือพวกรับวาดรูปไรงี้ปะ หาลูกค้ากันยังไงอะ เหนื่อยเหลือเกินกับเงินเดือนหมื่นห้า
ใครคิดว่าโปรแกรมเมอร์ขาดแคลน กูว่าไม่ใช่ยกตัวอย่างเช่น สายเว็ป
เด็กจบเยอะแต่ บ.ต่างๆ อยากได้ที่มีประสบการณ์ x ปี ขึ้นไปและชอบคนที่ทำ Framework ที่บ.ใช้อยู่ได้
เอาตรงๆ Framework แม่งฝึกใช้อาทิตย์นึงก็ได้ละแต่ บ ขึ้เกียจเทรน ทั้งๆที่แม่งไม่ต้องเทรนด้วยซ้ำ
สรุป โปรแกรมเมอร์ไทยไม่ได้ขาดแครน หมอยังขาดมากกว่า เด็กจบใหม่ส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนสายเพราะแม่งไม่มี บ ไหนอยากได้เด็ก
ฉะนั้นไอที่ บ IT ส่วนใหญ่ประโคมข่าวว่า โปรแกรมเมอร์ไม่ตกงานนี้กูขอเถียงเลย ที่ บ แม่งแย่งตัวกันมีแต่คนที่ประสบการณ์หลาย
ปรึกษาหน่อยสิพี่โม่ง เราอายุ23 คือเรียนจบวิศวะมา ทีนี้อยากเข้าพวกราชการไม่ก็รัฐวิสาหกิจ จริงๆก็ไม่ค่อยชอบวิศวะเท่าไร
คำถามคือถ้าราชการเนี่ยมันถ้าไม่สอบเข้าสายวิศวะ(ไม่รู้มีไหม) มันจะมีข้อดีข้อเสียปะ เช่นถ้าตรงสายที่เรียนก็อาจจะโอกาสเข้าง่าย ฐานเงินเดือน หรืออื่นๆ มันมีไหม หรือไม่เกี่ยว ถ้าราชการนี่จะสายไหนก็สอบเข้าได้
>>877 ที่ขาดแคลนคือขาดพวกจบมาแล้วมีฝีมืออ่ะ แล้วก็อยู่ที่ความเอาใจใส่+งบของบ.ด้วย อย่างตอนกูจบมาใหม่ๆโง่ๆเขียนโค้ดยังไม่ค่อยจะรอด บ.ยังจับกูไปเทรนจนทำงานได้เลย เพราะว่าบ.ใหญ่เลยมีงบเทรนเด็กใหม่ กูก็เคยถามหัวหน้าว่าทำไมรับกูเข้ามาเขาก็บอกว่า mindset กูเข้ากับที่ทำงานได้ เว้นแต่บางบ.ซีเนียร์ลาออกก็ต้องหาคนมีประสบการณ์มาถมตำแหน่งอ่ะน่ะ เพราะเดี๋ยวนี้พวกซีเนียร์ที่เก่งชอบโดนบ.อื่นๆเอาเงินฟาดมาดึงตัวกันบ่อยๆ สรุปคือถ้าเก่ง+มีผลงานมาก่อนยังไงก็เนื้อหอมอ่ะ
>>877 กูสาย backend ก็โดนเหมือนกันเรื่อง framework เนี่ย กว่าจะหางานใหม่ได้แทบตาย
เพราะบริษัทแรกที่ทำงานแม่งเป็นบริษัทใหญ่แล้วไม่ใช้ framework อะไรเลย พยายามจะเขียนอะไรเองให้หมดทุกอย่าง
ของพวกนี้จริงๆต่อให้งานรีบมันอ่านนิดเดียวก็ใช้เป็นแล้ว แค่เสี้ยวเดียวเทียบกับการเรียนรู้ระบบงาน
ไม่รู้จะใจแคบอะไรกันขนาดนั้น แต่คิดอีกทีไม่ต้องไปทำที่ๆหัวหน้าเป็นแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน
Programmer บริษัทไหนสัมภาษณ์เข้ายาก ๆ บ้าง
เรื่องที่ตลาดต้องการโปรแกรมเมอร์เก่งๆเนี่ยกูเข้าใจนะ
แต่ถ้ามึงจะเอางบไปเทแต่คนเก่งๆโดยไม่สนพวก junior เลยเนี่ย
สุดท้ายมึงก็ต้องไปจ่ายราคาแพงๆให้พวกเทพๆ มากกว่าเดิม
เพราะคนเทพๆ มันก็ได้พัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆเรียกเงินได้เรื่อยๆ
แต่ไอพวก junior แม่งก็ต้องไปนั้งหา บ ที่เปิดรับแทน ซึงหายากสัสหมา
แล้วก็วนลูปไปแบบนี้เรื่อยๆ
>>884 ทำไมจูเนียร์ถึงจะศึกษาเฟรมเวิร์คด้วยตัวเองไม่ได้วะ ไม่รู้นะกูว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องความขวนขวายส่วนบุคคลด้วย ถึงจะยังไม่เชี่ยวชาญแต่อย่างน้อยแสดงออกหน่อยเถอะว่ามึงมีใจจะเรียนรู้ พร้อมจะปรับตัวเข้าหาบริษัทบ้าง กูไม่เชื่อว่าจูเนียร์ทุกคนจะโดนปฏิเสธนะ
>>885 ไม่ผิด บางเว็ปมันจะมีเมมเบอร์แบบ exclusive ที่ขายให้เจ้าเดียว แต่ถ้าลงขายปกติมันเป็นสิทธิ์ของมึงที่จะลงขายที่ไหนกี่เว็บก็ได้ คนที่เขาทำแบบหาเลี้ยงชีพส่วนใหญ่ก็ลงกันหลายเว็บ
>>886 ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ junior ศึกษาเองไม่ได้นะ บริษัทสนใจแต่จะจ้างพวกเป็นอยู่แล้วอย่างเดียวมากกว่า
กูทำงานมา 3-4 ปี มั่นใจว่าเชี่ยวภาษาที่ใช้มากพอตัว เปลี่ยนมาแนว outsource ดู
ไปสัมภาษณ์ตามไซต์ลูกค้าเจอถามแค่ว่าเคยใช้ XXX framework มั้ย
บอกไม่เคยใช้เพราะที่ทำงานเก่าเค้าเป็นแนวไม่ใช้ framework กัน แต่ให้กูไปอ่านเองได้ แม่งไม่มีรับซักที่เลย
ถามกับ HR เค้าก็บอกไม่รับ เพราะใช้ framework ที่เค้าใช้ไม่เป็นจบ
ไม่รู้ว่าเพราะเป็น outsource ด้วยรึเปล่านะถึงเจอแต่แบบนี้ กว่าจะได้งานสัมลูกค้าตั้ง 10 กว่าที่
ช่วงนี้รู้สึกตัวเองไร้ประโยชน์ และโง่ยังไงก็ไม่รู้
คือเป็นเด็กใหม่ แล้วอยู่ในตำแหน่งที่ต้องประสานงานกับฝ่ายอื่น ปัญหาคือ เวลามีคำถาม บางครั้งเราตอบไม่ได้ ต้องคอยถามรุ่นพี่ มันไม่ใช่งานที่ศึกษาเองได้ เพราะมีการเปลี่ยนนโยบายตลอดเวลา ไม่มีกะเกณฑ์อะไรเลย
บางทีตามหลักต้องทำแบบนี้เลยบอกเขาไป แต่นายบอกหยวนให้เขาหน่อย พอเขาติดต่อนาย เขาทำงานสะดวกขึ้นลดขั้นตอนลง (แต่ก็ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ต้องคอยมาแก้ให้) เลยรู้สึกเหมือนเขาจะไม่ค่อยชอบเรา แบบ น้ำเสียง คำพูด คือฟังแล้วเก็บมาเครียดทุกที
เวลาเขาโทรมาแล้วตอบไม่ได้ พอบอกจะประสานถามนายให้ก็หงุดหงิด ไม่ต้องแล้ว จะโทรเอง (มีเสียงเหมือนสบถก่อนวางสาย ประมาณนั้น เป็นประจำ) เอ้าา ก็เราไม่ได้มีอำนาจตัดสินขนาดนั้นนะเว้ย จะให้ตอบให้จบๆไปได้ไง ข้างบนก็ไม่ได้มีแนวทางชัดเจนขนาดนั้น ทุกวันนี้เครียดมาก เหมือนมานั่งบื้อๆให้เขาด่าเล่น มานั่งคิดนอนคิดแม่มทุกวัน ทำยังไงให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้บ้าง
คือไม่ได้บอกว่าให้ บ ไปเทรนเด็กเพื่อใช้ framework เว้ย แต่แค่อย่ามองว่า framework คือส่วนที่เรียนรู้นานและยาก
เพราะการเรียนรู้ framework มันไม่ได้ยากขนาดนั้นแค่มันมีเยอะ และถามว่าทำไมเด็กไม่เรียนรู้ framework ถ้ามันง่ายขนาดนั้น
ก็เพราะ framework แม่งมีให้เลือกใช้เยอะไงกูเปลี่ยนมา 4-5 ตัวละยังไม่คิดว่าจะมีตัวไหนที่กะจะใช้ไปตลอดเลย
ฝึกใช้ framework จริงแม่งไม่ได้นานหลอก บางคนแม่งใช้ไม่เป็นแต่บอก HR ไปว่าใช้เป็นและก็กลับบ้านไปเทรน 3-4 วันก็ได้ละ
>>891 HR ป่าวเนี่ย ก็คงต้องปล่อยเสียงนกเสียงกาไป คนที่เขาแฟร์ๆ เขาก็เข้าใจแหละว่ามันเป็นที่ระบบ ที่ทำงานเก่ากูก็มีปัญหากับระบบเหมือนกัน แต่กูก็ถามหาได้แต่กับ HR ใช่ม๊า ถึงกูจะหัวเสียไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เกลียด HR หรอกนะ พอเข้าใจสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ แต่กูก็ไม่รู้จะหาทางออกทางไหนถ้าไม่ใช่ HR สุดท้ายกูก็เจอทางออกละ ออกจากงานน่ะ
พี่โม่ง ไปฝึกงานแล้วว่างมาก ไปของานขอช่วยงาน พี่ๆบอกว่าถ้ามีงานให้ทำจะเรียกเอง จะไปถามซอกแซกก็กลัวรำคาญเพราะงานยุ่งๆกันหมด
>>897 ลองขอทำงานพวกเก็บของเข้าแฟ้ม จับคู่เอกสาร ย่อยกระดาษ ก็อบปี้ อะไรพวกนี้ดู ไปส่องดูว่าอันไหนง่ายๆไม่ต้องสอนเยอะ
>>896 กอดคอ กูไม่ใช่hr แต่กูเข้าใจเมิง ของกูเป็นงานประสานงานระหว่างแผนก
ของกูแม่งคนสอนงานสอนเขี่ยๆ สอน 1 2 3 กูก็ทำแค่นั้น สรุปแม่งมี 1.5,2.5, 4 ,5 ,6 แต่ไม่สอนกู พอกูส่งต่อให้แผนกอื่นก็โดนด่า กูเลยบอกเขาว่าไม่รู้ ให้สอนแม่งเลย
บางทีแม่งคนนอกแผนกมาถามข้อมูล กูเห็นคนในแผนกไม่ตอบก็ไปถามเจ้าของเรื่องแล้วตอบให้ แม่งมาไล่บี้ต่อกับกูเฉยทั้งๆที่เป็นเรื่องสมัยก่อนกูเข้า ส่วนคนที่ทำ(คนที่สอนงานกูนี่แหละ)แม่งก็ทำเบลอว่ากูทำ มาถามกูต่อ ไม่รู้เบลอจริงหรือเนียน
ก็ได้ข้อคิดนะเมิง อันไหนไม่ได้ทำ/ไม่รู้ก็บอกเขาเลยไม่งั้นจะกลายเป็นความผิดเมิง อันไหนไม่ใช่เรื่องอย่าไปเสนอตัว ให้เขาเคลียร์กันเอง ไม่ต้องไปรับเรื่องแทน
ถ้าคิดว่าสิ่งแวดล้อมอื่นๆ(ทำเล เพื่อน เงิน)ดีแล้วก็ทำไปเถอะ ตัวเนื้องานเมิงกัดฟันทำไปสักปีก็จะรู้วิธีเอาตัวรอดได้เอง กว่าจะถึงวันนั้นก็โดนด่าจนชินพอดี คิดน้อยๆเมิง อย่าเอามาใส่ใจมาก
ไม่รู้ถูกห้องเปล่าแต่ไม่ไหวแล้วสัส
บ. อยู่แถวสมุทรสาครเป็นโรงงานเจีกแล้วกุทำงานในออฟฟิศเป็น Sale Co (อ่านว่า GB ) กุงงมากในบริษัทกุทำงานไม่เป็นระบบแบบเหี้ยๆ แผนกกุคือแผนกรับตีนจากทุกฝ่ายแล้วตัวหัวหน้าแม่งคือเซลล์ตปท. แต่มีคนเดียวแต่งานแม่งเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆ แต่ไม่เคยคิดจะจ้างเซลล์หรือพนักงานในแผนกเพิ่มมี งานมี 10-12 งาน แต่รับไว้คนเดียวและไม่คิดจะแบ่งให้ใครอีกเพราะมันไม่มีเซลล์อีกคนไงล่ะ แล้วพอจวนตัวก็มาเร่งแบบต้องการเลย แถมรู้ทุกอย่างแต่ไม่บอกอะไรเลยทั้งๆที่มันเป็นงานเร่ง พอทำผิดก็มาด่าเสียเวลากันทั้งคู่
เพื่อนโม่งปรึกษาหน่อยดิวะ กุสงสัยเรื่องทดลองงานอะ
คือตอนนี้กุทำงานอยู่ บนึง ทดลองงาน 90 วัน แล้วที่นี้สงสัยเรื่องการยื่นขอลาออกอะ คือช่วงทดลองงานเนี่ยมันจะหมดช่วงหลังปีใหม่พอดีเลย
แล้ว บกุหยุดปีใหม่นานมากกก (28-5มค) พอเปิดปีใหม่มาปุ้ป เหลือเวลาอีกประมาณสองสามวันจะครบ 90วัน
คำถาม กุควรบอกเขาตอนไหนวะ ว่าจะออกอะ คือกะจะไม่ต่อโปรแหล่ว
>>900 กะจะอยู่ให้หมดปีใหม่หรือเปล่า ปกติถ้าจะลาออกก็ไม่ต้องรอให้ผ่านโปรก็ได้นี่นา สมมติอยากออกเลยไม่ต้องกะว่าจะถึงปีใหม่มั้ยก็บอกได้เลยนะ เผลอๆ ได้ออกสิ้นเดือนนี้เลย แต่ถ้าอยากออกปีใหม่พอดีก็ค่อยรอบอกเดือนหน้าก็ได้ ถ้าจะไม่ไปต่อแล้วก็ไม่ต้องรอกำหนดผ่านโปรหรอก ว่าแต่ เพิ่งเริ่มงานแค่เดือนเดียวรู้แล้วหรอวะว่าไม่โอเคกับที่นี่ ทำไมรีบตัดสินใจจัง
>>901 รู้ละๆ คือมันใช้ไม่ถูกกับ JD อะ JD ตอนรับเขียนอย่าง รับจริงทำอีกอย่างที่มันไม่เกี่ยวกับ JD เลย
ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ชอบในเนื้อหางานมาก พอไม่ใช่สิ่งที่เขียนใน JD ก็ทำไม่เป็น นึกภาพออกปะ
คนสอนงานไม่มี มีเอกสารมาให้ดู บอกอะ ทำตามๆไปตามเนี้ย สงสัยอะไรก้ไม่ต้องถามน่ะ พี่ก็ทำไม่เป็น ศึกษาเอาจากงานเก่าละกัน
>>902 แง เหมือนกูเลยย งานแบบเดียวกันเปลี่ยนลูกค้าแม่งเปลี่ยนโปรแกรม ตอนสอนสอนกูโปรแกรมเดียว พอทำเสร็จแม่งเพิ่งบอกว่าต้องทำในอีกโปรแกรม พอขอตัวอย่างงานแม่ง บอกให้ไปดูตยในเซิฟกลาง พอบอกว่าหาไม่เจอแม่งจิ้จ้ะหงุดหงิด สรุปแม่งไม่ได้วางไว้บนเซิฟ
พวกสอนงานเขี่ยๆนี่เหมือนไม่อยากได้คน อยากออกๆไปเลยให้แม่งทำงานเองจะได้สำนึกบ้าง
แอบเย็ดเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศ แล้วหัวหน้ารู้ ทำไงดี
แม่งเมื่อไม่นานนี้กูไปสัมงานที่นึงแล้วหน้าแหกเพราะเรียกเงินเดือนสูงไป(ผ่านรอบแรกแล้ว พอไปเซ็นต์สัญญาคุยเรื่องเงินเดือนแม่งเงียบไปทั้งห้อง hrมองกูแบบหน้าแหยๆ หัวหน้าแม่งกระแทกมือถือกับโต๊ะแล้วมองกูเซ็งๆ) สรุปวันนี้มีรีคู้ทอีกเจ้ามาชวนไปสัม แม่งให้เงินเดือนต่ำกว่าของกูหมื่นนึง อีดอกกก
รีคู้ทแม่งบอกกูด้วยว่าเดี๋ยวคุยให้ อย่าคุยเรื่องเงินนะไว้คุยรอบสอง ลบเงินเดือนในรีซูมเม่ออกด้วย อีสัสหมา มิน่าแม่งมองกูหยามมาก กูคุยกับรีคู้ทไว้สี่หมื่น แต่บริษัทเข้าใจว่ากูยื่นที่สามหมื่นแล้ววันเซ็นต์สัญญามาขอขึ้นเป็นสี่หมื่นอ่ะ ทั้งๆที่กูยื่นที่สี่หมื่นแต่แรกเลย
เจ็บใจ กลายเป็นคนหน้าเลือดเฉยเลย อีเหี้ย
กูเคยโดน บ.ยักษ์ๆเรียกสัม แล้วไม่ได้ตลอด
ตอนนี้ บ.รถตัวTเรียกสัม เป็นกำลังใจให้กูด้วย
โปรแกรมเมอร์ไม่มีวุต ป.ตรี สายเว็ป
ไม่เคยทำงานจริงแต่มีความรู้พอสมควร
เรียกเงินเท่าไหร่ถึงจะเหมาะ
กูบอกไปว่า15000-20000
>>907 น่าจะหลอกให้กูไปต่อรองเอาเองหน้างาน ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็เรื่องกูไรงี้
กูรู้จากรีคู้ทอรกเจ้าว่างานแม่งรับคนเรต2-30000 ของกูคือขอไว้ที่35000 ตอนคุยกับรีคู้ทกูเห็นบริษัทไม่มีสวัสดิการไรเลย(ไม่มีโบนัส/ประกันกลุ่ม/กองทุนรวม)เลยเรียกไป40000 แม่งงงเลยตอนเขายื่นสัญญามาแล้วถามว่าเอา30000แค่พอหรอ เพราะเขาก็ดูจะงงว่ากูลดเงินเดือน/สวัสดิการตัวเองทำไม
เหี้ยตรงที่แม่งบอกกูว่าไม่ต้องคุยเรื่องเงินเดือนนี่แหละ บอกจะคุยให้ อีสัส ใครโดนรีคู้ทพูดงี้เมิงระวังไว้เลย
นี่คิดว่ามันน่าจะส่งกูไปขำๆเป็นตัวเลือกหลอกให้เหมือนมีหลายๆตัวเลือก แต่เสือกสัมผ่าน เลยมาหน้าแหกตอนก่อนเซ็นต์สัญญา
มีโม่งกราฟิคดีซิงเนอร์มั้ยวะ เป็นไงกันมั่งวะ
>>870 หนูโม่งน้องใหม่ค่า 555 ท่ดๆ โม่ง 869 เองนะ ขอบคุณพี่มึงมาก แต่น่าจะหนีไม่ทันเเล้วล่าสุดพี่ทีทำงานก็โดนใบเตือน โอโห เล่นกันไม่แยกแยะเลย รอดวันนี้ วันหน้าก็รอดยาก โชคดีไม่ค่อยยึดติดอะไรที่ที่มาก แต่ขำจริงนะประโยคที่ว่าแกอย่าไปคุยกับคนนั้นมาก คนนั้นนายไม่รัก เชื่อเเล้วมีจริงๆแต่ก็ต้องสนิทกันพอสมควรถึงจะกล้าพูด คงไม่มี how to หรอกมีแต่ประสบการณ์ชีวิจ เล่นจริงเจ็บจริงไม่ใช่แสตนอิน ชีวิตมนุษย์เงินเดือน อาเมน
มีโม่ง sale support ไหมวะ สงสัยว่า ไอคำว่าซัพพอตเนี่ยมันทำอะไรบ้าง
เพื่อนโม่ง กูอยากปรึกษาเรื่องการพัฒนาตัวเองในการทำงานว่ะ อาจจะแอบมีเรื่องปัญหาสุขภาพทางจิตเบาๆแต่กูไม่รู้ว่าจะพูดกับใครจริงๆ
วันนี้เพื่อนร่วมงานคนนึงได้รับการเลื่อนขั้นและได้คำชมว่าเป็นคนเก่ง ทำงานเก่ง ฉลาดคุ้มค่าเงินเดือน
กูดีใจกับเพื่อนมากๆนะ แต่อีกใจก็รู้สึกอิจฉา รู้สึกร้อนใจว่าทำยังไงถึงจะเก่งแบบเพื่อนกูได้ กูอายุมากกว่ามัน มันเรียนจบสายตรงมาเลยแต่กูจบไม่ตรงสายอาศัยศึกษาเอาเอง ถ้าประสบการณ์การทำงานกูมีมากกว่าแต่ประสบการณ์ในสายงานนี้ก็มีพอๆกันเพราะเริ่มงานพร้อมกัน
มันเป็นคนฉลาด เข้าใจอะไรง่าย รอบคอบ มองการณ์ไกลเหมือนมันเข้าใจในสิ่งที่มันทำ กูเองก็พยายามศึกษา แต่ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้กูไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้เท่ามัน เหมือนกูไม่เข้าใจเลยเห็นภาพรวมไม่ชัดเจน สุดท้ายกูก็ตามมันไม่ทัน
กูกลับมาวิเคราะห์ตัวเองนะ ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ขัดขวางการพัฒนาตัวเองในสายงานนนี้ของกู แต่ก็คิดไม่ออกเลยว่ะว่าทำไมกูถึงทำอย่างมันไม่ได้ ทำไมถึงมองเห็นแบบที่มันมองไม่ได้ หรือเพราะความไม่เด็ดขาด ไม่มั่นใจในตัวเองรึเปล่า กูเองก็ไม่รู้ แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่กูกับมันแตกต่างกันตรงความแน่ ในขณะที่มันกล้าชนตรงๆ รักษาสิทธิ์ตัวเอง แต่กูกลับพยายามไกล่เกลี่ย ประนีประนอม กูไม่รู้ว่านี่จะเป็นตัวขวางกูให้เป็นอย่างมันไม่ได้รึเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ใครสามารถให้คำปรึกษากูได้มั่งวะ รู้นะว่ามันยากที่จะวิเคราะห์กูเพราะเราไม่รู้จักกันแต่กูไม่สามารถเล่าอะไรแบบนี้ให้ใครฟังได้ว่ะ กูไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่ากูขี้แพ้ อิจฉาเพื่อน ไม่อยากถูกมองแบบนี้ ช่วยทีนะเพื่อนโม่ง
>>921 เลิกเปรียบเทียบแล้วตั้งเป้าหมายของตัวเอง โฟกัสที่เป้าหมายของตัวเองพอ สมมติ ฉันจะทำยอดให้มากกว่าสถิติตัวเองเมื่อปีที่แล้ว ถ้าประนีประนอมแล้วถึงจุดหมายได้ ต่อให้ไม่ไวเท่ากล้าชน ก็ไม่ได้หมายความว่าการประนีประนอมมันผิด ทางใครทางมัน ถ้าเป้าหมายของตัวเองชัดเพื่อนก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย กูรู้มันยากที่จะเลิกเปรียบเทียบ แต่มึงต้องมองเห็นเป้าหมายของตัวเอง ไม่ใช่ของเพื่อน
บ.ธรรมดาๆ มีปัญหาเด็กใหม่ออกง่ายจริงปะวะ ใครเป็น HR ตอบหน่อย
เป็นทุกที่แหละ ของกูบริษัทใหญ่ชื่อดัง ออฟฟิศมีคนเป็นร้อย ล็อตกูเข้าพร้อมกัน5คน กูเพื่อน3คน มีแพลนออกกันหมด
ยิ่งบริษัทใหญ่ยิ่งปัญหาเยอะ รีคู้ทไหนเจาะบริษัทพวกนี้ ได้ไม่ปวดหัวตายก็รวยตาย
>>925
ถ้าให้กูเดานะ มันหลากเหตุผลอยู่พอตัว ถ้าให้แยกประเภท บ.ใหญ่ๆในไทยที่กูเคยเจอคนมาบ่นๆลงทุกที่นะ
-บ.ใหญ่ๆทำธุรกิจผูกขาดแนวเดียวกับ กฟผ. , กฟน. มึงคิดดูนะว่า บ. แนวนี้การเมืองจะออกแนวไหน
-บ.แนวเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งใครๆก็อยากไปทำงานด้วยเพราะกำไรดี ทุนใหญ่ไม่ง้อใคร อันนี้การเมืองแม่งก็ไม่ต่างกับไอ้ธุรกิจเชิงผูกขาดทั้งหลายแหล่
-บ.เจ๊ก อันนี้คือขี้งก ขี้เหนียว สารพัดแห่งความปลิง
-บ. ยืนบนไหล่รัฐ เกาะรัฐแดกจนไม่อยากหารายได้จากธุรกิจหลักๆ
กุว่า บใหญ่บเล็กก็ปัญหาเดียวกันนะ
บอเล็กเจอความไม่เป็นระบบ ก็เซ็งออกอีก ซึ่งไอตรงนี้บอใหญ่ๆไม่มี ทุกอย่างเป็นระบบหมดแล้ว
>>926 กูเคยบ่นไว้ >>903 เพื่อนก็โดนเหมือนกัน คิดว่าน่าจะเป็นวัฒนธรรมองค์กรว่ะ สอนๆกันมาแบบนี้
เรื่องหลายระบบเพื่อนกูบอกน่าจะพ่วงมาจากเรื่องเส้น ใครเส้นระบบเข้ามาก็ได้ส่วนแบ่ง เวลาขายก็ไล่เดินคุยกับหัวหน้าแต่ละแผนก ใครเห็นด้วยก็เอามาลองใช้ บางโปรแกรมเอามาแล้วคนใช้น้อยก็ลอยแพไม่พัฒนาต่อ คนที่รับมาใช้ก็ซวยไป
>>926 กูก็เคยออกจากบ.ใหญ่เพราะมันน่าเบื่อ ไม่ท้าทาย เหมือนเดินตามระบบที่เค้าสร้างเอาไว้แล้ว แม้ปากจะบอกให้ไคเซ็นๆ แต่ระบบกลับเอื้อให้ทำได้จริงยากชิบหาย สุดท้ายก็จะเบื่อจนไม่อยากทำอะไร ทำแบบเดิมๆ ไปเอง
มาทำบ.เล็กท้าทาย ได้ใช้ความสามารถเต็มที่ แต่ไร้ระบบระเบียบ ใช้งานมั่ว ไม่มั่นคง
ตอนนี้มาลงตัวที่บ.ขนาดเล็กในเครือบ.แม่ขนาดใหญ่ยักษ์ มั่นคงเพราะมีบ.แม่ มีระบบมีโนว์ฮาวมาประมาณหนึ่งเพราะได้มาจากบ.แม่ แต่ก็ยังมีอิสระมากมายเป็นช่องว่างให้เราได้แสดงฝีมือ ทำนู่นทำนี่ สร้างและพัฒนา
ฮือออ กูรู้สึกเฟลชิบหาย เป็นหัวหน้าเขามาหลายปีแล้ว แต่กูมีจุดอ่อนใหญ่สุดเลยคือเวลาต้องออกไปพรีเซ้นท์งานว่ะ
กูเป็นคนจำอะไรไม่ค่อยเก่ง แถมเวลาพูดยังติดๆ ขัดๆ ยิ่งตอนขึ้นไปพรีเซ้นท์แล้วนะ กูพูดเร็วจนหายใจไม่ทันเลย คือคุยปกติอะได้นะ แต่ถ้าต้องมายืนพูดต่อหน้าคนจำนวนมากนี่ไม่ไหวอะ orz
อยากหางานใหม่ ช่วงนี้เขาทำกันยังไงอะ เอารีซูเม่ไปโยนเว้บพวก จ้อบดีบีกันเหมือนสมัยก่อนปะ
linkedin ถ้าไม่ได้อยู่ระดับเมเนเจอร์/เซลล์/ไอทีไรงี้กูว่าไม่ต้องไปเสียเวลาหรอก ไอ้เหี้ยทำเมลล์ทำพาสเวิดกูหลุดด้วย
ไม่รู้กูแปลกป่าวนะ กูเป็นโปรแกรมเมอร์ก็ไม่ใช่คน low tech อะไร
แต่ไม่ชอบไอเดียของ LinkedIn เลยว่ะ รู้สึกว่าคนเราต้องมี social network เพิ่มอีกหนึ่งอันที่แต่งโปรไฟล์เพื่อใช้หางานเนี่ยนะ
ทุกวันนี้ยังไม่ยอมใช้ แต่ถ้ากระแสโลกไปทางนั้นเต็มเหนี่ยวก็คงเลี่ยงไม่ได้ล่ะนะ
>>936 กูว่ามันก็โอเคนะ แต่ก็เข้าไปเฉพาะเวลาที่จะหางานนั่นแหละ ส่วนนึงโพรไฟล์ในนั้นมันก็ทำให้ลูกค้ากล้าจ้างงานกูแบบฟรีแลนซ์ด้วย ละมันทำให้กุอยากทำเครือข่ายแบบ LinkedIn แต่เป็นสาย hobby/craft ว่ะ เป็นเน็ตเวิร์คที่เชื่อมคนด้วยสกิล สมมติกุมีความสามารถวาดรูป อยากหาคนที่จะเอารูปกุไปทำเป็นกู๊ดส์ หรือสมมติคนนึงทำงานปักอยากจะติดต่อขอเอาตัวละครของอาร์ติสคนนี้ไปปักเป็นที่รองแก้วอะไรแบบนี้ สนับสนุนการ collab กัน เก็นโพรไฟล์ว่าศิลปินคนนี้เคย X ใคร สร้างอะไรมาบ้าง ฝันๆ ไป ถ้าทำจริงกูว่ามีแต่คนมาฝากร้านขายของตั่งต่างแน่
กูเบื่องานระบบครอบครัวมากอีสัส กูทำงานของกูเสร็จแล้วก็ให้กูไปช่วยแผนกนู้นแผนกนี้ใช้งานมั่วสัสๆ
เซ็งหัวหน้างาน ตัวเองชี้ๆสั่งๆแล้วก็ไป งานคนอื่นเร่งเอายิกๆ พอมีเรื่องต้องเซ็นต้องจ่าย แม่งไม่ยอมทำซะที ยึกยืออยู่นั่น ต้องให้กูคอยตามคอยทวง คุยก็คุยให้ ดีลให้ ไลน์ก็ไม่ค่อยอ่าน เมล์ก็ไม่ดู มึงจะเอายังไงอ่ะ
กูจะสาปส่งพวกแม่งที่ขอบอ้างเป็นผลงานตัวเองยังไงดีวะ มาเร่งกูให้ทำงานให้พอถึงเวลาอ้างเป็นงานตัวเองนายก็เชื่อ อีสัสเกลียดมาก
พวกมนุษย์เงินเดือนยุคนี้ต้องให้ที่บ้านเดือนละเท่าไหร่บ้างเหรอ ตอนนี้เราต้องให้ที่บ้านแบบสร้างอนาคตยากเลย
ตอนนี้ให้ที่บ้านเดือนละสองหมื่นบาท อายุเกือบ 32
>>944 อายุพอกัน เราอยู่กับพ่อแม่ ให้เป็นเงินสดแค่เดือนละ 5000 (โอกาสพิเศษต่างหาก) แต่ออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน พาไปเที่ยวตปท ทุกกิจกรรม ทุกการใช้จ่าย ทุกอย่างที่พ่อแม่ซื้อ เราเป็นคนจ่ายทั้งหมด ซึ่งพ่อแม่ไม่ขับรถ เวลาออกบ้านก็ไปกับเราเราก็จ่ายให้หมด (คิดว่าพ่อกับแม่น่าจะมีโอกาสใช้เงินแค่ตอนปั่นจักรยานไปเซเว่นแถวบ้าน) รวมๆ ที่หมดไปกับที่บ้านก็เดือนละ 25k ใช้ส่วนตัวอีกเดือนละ 15-20k เหลือนิดหน่อยก็เอาไปลงกองทุนกับประกันหมด ไม่งั้นภาษีบาน เงินเก็บแทบไม่มี นอนกองอยู่ใน LTF RMF กับประกัน เคยเครียดกับอนาคตตอนแก่เหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้ปลงๆ ละ ถึงตอนนั้นเป็นยังไงก็ค่อยปรับตัวไปตามสถานการณ์ ดีหน่อยไม่คิดจะมีครอบครัว แต่ถ้าคนคิดจะมีครอบครัวจำเป็นต้องสร้างอนาคตคงยากแบบเธอว่านั่นแหละ
ความจริงจะเปย์น้อยกว่านี้มันก็ได้แหละนะ แต่เราก็อยากให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดี อยากกินอะไรได้กิน ได้ใส่รองเท้าดีต่อสุขภาพ ได้นอนที่นอนสบายไม่ปวดหลัง ได้ไปเที่ยวตปท.หลังจากเหนื่อยทำงานส่งเสียเลี้ยงดูเรามาทั้งชีวิต ฯลฯ คชจ.เลยค่อนข้างสูงหน่อย เอาไว้ตกงานหรือเกิดมีเหตุให้เงินเดือนน้อยกว่านี้ ก็คงปรับตัวไปตามสถานการณ์ แต่ตราบใดที่ยังพอมีรายได้ ยังสามารถให้คุณภาพชีวิตที่ดีกับเขาได้ ก็อยากจะให้ว่ะ จะอยู่ด้วยกันไปถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขาก็แสนดีไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราด้วย มีแต่บอกให้เราทำเพื่อตัวเองบ้าง ไม่ต้องให้เขามาก
ว่าแล้วปลายปีก็เครียดกับเรื่องลดหย่อนภาษีนี่แหละ บ.ประกาศโบนัสแล้ว เท่าที่ลองคำนวณเองคร่าวๆ น่าจะต้องหาอะไรซื้อเพิ่มอีก 80k เพื่อลดฐานภาษีลงมาให้เหลือที่ฐาน 10 -_-" ปวดกบาลชะมัด แต่จะจ่าย 15% แม่งก็ปวดจัยย์
โม่งกุปรึกษาหน่อยกุเพิ่งเริ่มมาเป็นซาลารี่แมนแล้วกุไม่ค่อยได้ศึกษาเรื่องการออมเงินหรือการเก็บเงินแบบจริงๆจังๆเลย
เงินเก็บเนี้ยที่กุคิดไว้คือแบ่งไว้สองส่วน
1. เงินเย็น เข้าบัญชีธนาคารไว้อันนึง
2. เงินลงกองทุน
แล้วทีนี้เงินลงกองทุนเนี้ยกุไม่รู้จะเลือกแบบไหนดี เอาจริงๆแอบกลัวเสี่ยงๆตรงเงินมันจะจมในช่วงแรกๆใช่ปะวะ ถ้าได้เงินปันผลเร็วก็ว่าไปอย่างแต่มันมีเคสขาดทุนอยู่ใช่ไหม
ปกติโม่งเก็บเงินได้กันกี่ % อ่ะ ของกูปลายปีจะเหมือนเหลือเงินเยอะนะ แต่พอเจอค่าประกัน ส่วนกลางคอนโด LTF ฯลฯ ก็หมด
แบบเหลือเงินในบัญชีติดไปปีหน้าไม่กี่พัน หรือบางทีหนักๆก็ติดลบเลย ต้องไปยืมหรือขอเลื่อนเวลาจ่ายหนี้บางหนี้ไปชั่วคราว
เงินเก็บอยู่ในรูป LTF, provident fund ที่ค้างมาจากบริษัทเก่าซะมาก ซึ่งถ้าฉุกเฉินมันก็ไม่ใช่รูปแบบที่สะดวกกับการถอนมาใช้เท่าไหร่
ขอระบายหน่อยนะ...
อีสัส สั่งงานกูซะหยั่งกะกูมีสิบมือ จะเอาเหี้ยไรนักหนา แล้วรีบได้ทุกงาน กูทำให้ไม่ทันนะโว้ย อีกคนนั่งว่างอยู่ทำไมไม่ให้มันทำวะ แค่งานหลักกูก็จะตายแล้ว หัวหน้าหัวควย ปากแพล่มจะออกทำไมมึงไม่ไปซะทีวะ
เฮ้อ
ทำไม บ ใหญ่ๆ ขั้นตอนการจ้างงานกว่าจะรู้ผลนานมาก ของกูเกือบ สองเดือน ตั้งแต่สัมยันเซ็นสัญญา
บ่นมั่ง ถึงกูจะไม่ได้ทำงานประจำแบบพวกมึงก็เหอะ 555
ว่าไงดีวะ กูเปิดร้านอ่ะ รายได้น้อยฉิบ แต่ว่างานสบายสัด กูก็เลยคิดไม่ตก ว่าอย่างกูควรจะไปทำงานที่เงินมันดีกว่านี้ไหม
แต่คิดอีกที อุปกรณ์ของร้านกู มันก็ลงทุนไปพอสมควรเหมือนกัน ถึงจะขายต่อได้ก็เถอะ
เป็นทางเลือกที่ยากสำหรับกู จะทำงานสบายๆ เงินน้อยต่อไป หรือ ร่อนใบสมัครเผื่อเปลี่ยนงานดี
กูจะติดอยู่ในโซนของตัวเองรึเปล่า แล้วยิ่งปล่อยนานไป ความรู้ความสามารถ ที่จะเอาไปสมัครงาน บ. กูก็จะลดลงเรื่อยๆ ด้วยป่ะวะ
กูควรลาออกแล้วหางานใหม่ หรือทนๆทำไปจนกว่าได้งานใหม่ค่อยออกดีวะ คิดวนไปวนมาก็อย่างหลังแหละ แต่ลาไปสัมยากชิบ ถามซักไซ้เหลือเกิน
>>958 ทางออกอาจไม่ใช่งานประจำ แต่เป็นการเอาเวลาไปหารายได้เพิ่มทางอื่น ไม่รู้ว่ามึงมีสกิลอะไรบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ช่องทางหาเงินก็เยอะแล้วนะ บางคนวาดรูปขาย ถ่ายรูปขาย ถักผ้า ทำเพลง พิมพ์งาน แปล เขียนคอนเท้นท์ ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง รับจ๊อบแบบฟรีแลนซ์ไม่ก็รีโมทอ่ะ อะไรก็ได้ที่มึงสามารถทำในร้านตัวเองระหว่างรอลูกค้าได้
>>955 ของกู 15 เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกูประมาทและใช้เงินมากเกินรึเปล่า แค่คิดว่าอะไรเอาไปลดได้ก็ลดๆไปเถอะ ยังไม่รีบใช้เงิน
แต่หลังหักค่าอะไรใหญ่ๆประจำปีแล้ว การจะเก็บเงินสดให้ได้ถึงเงินเดือน x 6 นี่มองไม่ออกเลยจริงๆว่าจะทำยังไงไหว
งดของฟุ่มเฟือยทุกอย่างเลยชีวิตก็จะเหี่ยวเฉามาก หรือต่อให้เก็บได้กูว่าเดี๋ยวได้ไปหมดกับอะไรซักอย่างเช่นไปเที่ยว ตปท. แหงๆ
เบื่อสังคมที่ทำงานว่ะอีเหี้ยเอ๊ย ทำงานระบบมั่วซั่วฉิบหายยังกับเด็กจบใหม่ทั้งๆ ที่อายุจะ 30 อยู่แล้ว แถมยังปากดีลับหลังคนอื่นเหมือนทุกคนนอกจากตัวเองโง่ไปหมด
ไม่ติดว่าเงินดีกับเศรษฐกิจเหี้ยแบบนี้กูออกไปแบบไม่ลังเลแล้ว
เครียดเรื่องหางานโว้ย ย่อนเรซูเม่ไปเป็นสิบๆที่ตั้งแต่พ.ยมละมีเรียกสัมที่เดียวแถมไม่ได้ด้วย ปีหน้ากุจะได้งานไหมเนี่ยยย
คนที่ต้องให้เงินพ่อแม่เหมือนเสียเงิน 2 เด้ง คือแทนที่จะได้เอาเงินไปลดหย่อนภาษีต้องมาเสียภาษีมากขึ้น
ถือว่าเป็นภาษีชีวิต ดีกว่าไปจ่ายภาษีสังคมซองงานแต่งนะเมิง จ่ายให้เขาไปเยกัน ออกลูกออกหลานมาเย้ยอีก เมื่อไหรจะแต่งงานมีลูก รอใส่ซองอยู่น้า
ท้อครับเพื่อนโม่ง สัมกี่ที่ๆก็ไม่ผ่าน ตังก็จะหมดเหลือใช้ถึงสิ้นเดือน รอบตัวก็ไซโคหนักว่าปีหน้าศก.ยิ่งแย่ งานยิ่งหายากไปอีก /ปาดน้ำตา
มีใครเคยโดน layoff บ้างมั้ย ตอนนี้กูไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับอะไรแบบนี้เลย
แต่ก็มีแต่คนไซโคว่าเศรษฐกิจแย่ เดี๋ยวจะโดนง่ายๆ แต่กูก็รู้สึกว่าตั้งแต่กูเริ่มทำงานมาสิบปีก็พูดกันว่าเศรษฐกิจแย่มาตลอดเป็นเรื่องปกติ
ตัวกูในตอนนี้ก็เรียกว่ามั่นคงได้ไม่เต็มปาก เป็นพนักงานสัญญาจ้าง ถ้าโดน layoff คือจะไม่ได้เงินชดเชยอะไรเลย
แต่อยู่ในแผนกทำกำไรของบริษัทลูกค้า แถมเป็นคนที่อยู่มานาน ตำแหน่งก็ไม่สูงมาก ไม่น่าจะใช่เป้าแรกๆที่จะโดน
อันนี้กูประมาทไปรึเปล่าวะ
>>974 ไม่เคยโดน เป็นพนักงานประจำ ผลงานอยู่ในเกณฑ์ outstanding มาตลอด กิจการบริษัทก็เติบโตดี ยังไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมั่นคงเลยซักครั้ง มีแผนสำรองตลอดแหละว่าถ้าตกงานกะทันหันจะทำไง มีเงินเก็บอยู่ได้อีกนาน แต่ข้อเสียคือเพราะมัวแต่คิดว่าตัวเองไม่มั่นคงเลยไม่กล้าทำอะไรใหญ่โต เช่น ไม่กล้าซื้อบ้าน/คอนโด ตอนซื้อรถนี่ก็ซื้อเงินสด
ไปสัมงานวันแรกก็โดนคนในแผนกเล่นซะเละ กูควรจะเอาหรือปฎิเสธไปดีวะเพื่อนโม่ง ก็รู้แหละว่ามันต้องเจอพวกปากไม่ดีบ้าง แต่นี่คือล่อแม่งทั้งแผนกอะ กูเส้า =___=
>>980 สำหรับกู
#1 เยอะมากๆ แต่ในทางเทคนิคของที่ทำมันสามารถรื้อทำใหม่ได้เนียนๆ
นั่นคือถ้าผู้ใหญ่สูงๆเลยไม่พอใจกับทีมกู เคสเลวร้ายสุดคือมีสิทธิปลิวทั้งทีม แล้วจ้างคนอื่นมาทำของคล้ายๆกันมาเสียบให้ลูกค้าใช้แทนเนียนๆได้
ไม่กระทบลูกค้าหรือกระทบน้อย (ขึ้นอยู่กับฝีมือคนที่มาทำใหม่ด้วย)
#2 คิดว่าคุ้มนะ แต่ไม่รู้หัวหน้าจะคิดเหมือนกูมั้ย
งาน Sale Co นี้ถ้าเจอเซลล์ดีแม่งดีเลย เจอเซลล์เหี้ยนี้ส้นตรีนชิบหาย
กุเจอเซลล์เหี้ยไง วันๆไม่ทำอะไรจริงๆ เดินแดกกาแฟ นั่งกินขนมในห้อง เมลล์ลูกค้ามาไม่ตอบเองให้กุตอบ
เอกสารไม่เคยทำเองซักอย่าง พอจะเบิกเงินใช้เองก็ไม่ทำให้กุนั่งทำแล้วพอมันทำเองแม่งข้อมูลก็ไม่ครบโดนบัญชีด่าอีกทำไม่ข้อมูลไม่ครบ เวลามีคนมา Audit แล้วไม่ผ่านนู้นนี่ก็มาโทษกุก่อนคนแรกเลย ทั้งๆที่เป็นโปรเจคตัวเอง
พี่โม่ง ปกติแล้วคนที่ไม่ผ่านโปรนี่มีจากสาเหตุอะไรได้บ้าง เกิดขึ้นง่ายมั้ยอะ พอดีได้งานที่แรกแล้วชอบมากๆ แต่กังวลเรื่องโปรอะไรนี่มากเลย ;_;
มีใครเคยทำงานเรือสำราญไหม ถ้าไม่มีประสบการณ์จะเป็นได้ป้ะวะ
>>990 โห หรือจริงๆ พี่ที่เคยไปนั่นไปเพราะจะไปมั่วแขกแบบนี้วะ 5555
กู 989 นะ มาเพิ่มเติมที่พี่เขาเล่าให้ฟัง พี่คนนี้เขาเป็นผู้ชายนะ ก่อนไปก็ทำงานบริษัทเดียวกันนี่แหละ ขับรถตู้รับส่งแขก รร. ทำเอกสารบ้าง ไปอยู่บนเรือก็จะเป็นงานบริกรทั่วไปอ่ะ เสิรฟ์อาหาร ยกของ งานบริการทั่วๆ ไป ใช้ภาษาอังกฤษ กุก็ไม่ได้ถามอะไรละเอียด จำไม่ค่อยได้แล้ว รู้แค่ว่าเงินดี
ใกล้ครบพันแล้ว พวกมึงว่าจะต่อเป็น ศุกร์สิบสาม หรือจะข้ามไปเป็นศุกร์สิบสี่เพื่อเลี่ยงอาถรรพ์ดี?
เพื่อนโม่งกุทำไงดีวะ ตอนนี้กุกำลังโดนย้ายไปทำอีกตำแหน่งนึงแต่ถ้าทำปุ๊ปงานกุจะโดนโหมงานมารัวๆจนไม่มีเวลาจะไปทำอะไรเลย กุมีแปลนว้่าจะออกจากบริษัทนี้อยู่แล้วแต่ยังหาที่ใหม่ไม่ได้ คือกุจะไปปฎิเสธการย้ายก็ไม่ได้ถ้าปฎฺเสธแม่งก็ไล่กุอยู่ดี ถ้าอยู่ต่อกุก็อยู่กับที่ไปไหนไม่ได้ ทำไงดีวะ
ตะกี้กุโพสต์ผิดห้อง
1000
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.