แรกนั้น Z สนใจเขาเพียงเพราะว่านานมากแล้วที่ไม่ได้พูดคุยกับใครสักคน เมื่อพระจันทร์โผล่พ้นกลีบเมฆทอแสงเงินยวงลงมาขับไล่ความดำมืดของป่าประดิษฐ์ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูรั้วที่ถูกโซ่เส้นใหญ่ล็อกไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีความลังเลเลยสักนิดขณะป่ายปีนเข้ามา Z เดาว่าเขาคงอยากพิสูจน์เรื่องลึกลับไร้สาระที่พวกแม่บ้านแต่งขึ้นไม่ให้เด็ก ๆ ของพวกหล่อนเตร็ดเตร่อยู่นอกบ้านหลังตะวันตกดิน
เด็กหญิงแอบอยู่เงียบ ๆ ในเงาต้นไม้ใหญ่ ยังไม่อยากรีบไล่ผู้บุกรุกออกไปเร็วนัก สนทนากันสักหน่อยก่อนทำให้เตลิดกลับบ้านคงไม่บกพร่องต่อหน้าที่เท่าไหร่หรอกกระมัง
“แต่จะออกไปคุยอะไรด้วยล่ะ” เด็กหญิงพึมพำ คิ้วขมวดมองร่างผอมแห้งเดินผ่านไปโดยไม่มีทีท่าจะรับรู้ถึงตัวตนของหล่อน “เชื่อเลยว่าเจ้านี่ตาบอดแหง”
มันก็มีบ้างเหมือนกันละนะคนแบบนี้
Z ถอนหายใจ ก่อนจะเริ่มตามไปอย่างเงียบเชียบภายใต้เงาดำของแมกไม้ ขณะที่ชายหนุ่มผู้นั้นเดินดุ่มอยู่กลางแสงจันทร์ เป็นธรรมดาว่าเราจะมองไม่เห็นในที่มืด และแสงจ้าแสบตาก็บดบังทัศนวิสัยเช่นกัน สองสถานที่ซึ่งถูกแบ่งด้วยเส้นขาวดำจึงรับรู้ถึงกันได้เพียงเลือนราง
จะมีก็แต่บางเวลาที่ความมืดกับความสว่างซ้อนเหลื่อมกันเช่นวันเกิดสุริยุปราคาและคืนวันเพ็ญเช่นนี้ จึงพอจะข้าม ‘ขอบเขต’ ไปมาหาสู่กันได้
กระนั้นก็ไม่บ่อยนักที่จะมีคน ‘หลง’ เข้ามาในป่าประดิษฐ์ในค่ำคืนอันเหมาะเจาะ
ช่วงเวลาที่เส้นเขตแดนเลือนราง มลพิษเสียงและอากาศจากภายนอกถูกกรองกั้นด้วยกำแพงต้นไม้แน่นหนา และมนุษย์ผู้บ้าบิ่น ไม่มีอะไรจะทำให้ Z พึงใจมากกว่านี้อีกแล้ว
“กำลังจะไปสะพานเหรอ” Z ส่งเสียงทัก ก้าวออกมาเงาต้นไม้ ความเงียบสงัดทำให้เสียงลมหายใจไม่สม่ำเสมอของชายหนุ่มดังชัด
“ใช่ ทางนี้ถูกไหม” ชายหนุ่มถามกลับเสียงแหบแห้ง
โอ ไม่ตกใจเลยแฮะ
Z นึกทึ่งระคนชื่นชม ดีเหมือนกัน หล่อนจะได้ไม่เสียเวลากล่อม
รอยยิ้มจุดขึ้นมุมปากก่อนเอ่ยต่อ “กิโลกว่า ๆ เลยนะ เดินไหวเหรอ”
“ไกลกว่านี้ก็เดินมาแล้ว”
Z สังเกตรูปร่างหน้าตาคนข้าง ๆ อย่างไม่เกรงใจ ใบหน้าไม่มีอะไรให้วิจารณ์ เว้นแต่นัยน์ตาโศกเศร้าที่หล่อนมองผิดไปนิดหน่อยตอนปีนรั้ว จะว่าใจกล้าหรือไร้หนทางกันแน่ล่ะทีนี้ เด็กหญิงไม่ใส่ใจความรู้สึกละเอียดอ่อนของคนที่อีกไม่นานก็จะหายไป จึงไม่ควานหาอะไรในสีหน้าแววตานั้นอีก ร่างกายอมโรคกับเสื้อผ้ามอซอมองไม่ออกว่าสีเดิมคืออะไรนั้นต่างหากที่น่าสนใจ กลิ่น รอยเปื้อน ริ้วรอยบนหน้า รอยเผาของแดด รอยด้าน แผลเป็น ต่าง ๆ นานาเหล่านี้หากเชี่ยวชาญมากพอก็สามารถทำนายอาชีพ ฐานะ หรือกิจวัตรของเขาคนนั้นได้
เท่านี้เองที่ Z ใคร่รู้ ถือเป็นการเก็บสถิติพิลึก ๆ ของหล่อนก็ว่าได้
“ที่นี่มีเจ้าของนะรู้ไหม”
“ของเธองั้นเหรอ”
“อือ ก็ประมาณนั้นละ” Z ยิ้มตาหยี ที่จริงแล้วหล่อนมีหน้าที่เพียงรักษาความสงบเรียบร้อยของป่าประดิษฐ์ซึ่งถูกเปลี่ยนรายชื่อผู้ถือครองบ่อยจนหล่อนคร้านจะจำว่าใครกันแน่เป็นเจ้าของอยู่ตอนนี้ ยาวนานเกินกว่าหนึ่งช่วงชีวิตมนุษย์ที่ใช้ชีวิตเวียนวนอยู่ในนี้ เฝ้ารอวันที่เส้นเขตแดนรางเลือนและใครสักคนหลงเข้ามาเป็นเพื่อนคุยแค่ชั่วยาม
แค่พอให้ไม่ลืมภาษาพูดของตัวเองไป
“มาจากชายฝั่งเหรอ” หล่อนได้กลิ่นน้ำมันเครื่องกับเกลือติดเสื้อผ้า
คำตอบนั้นคือสายตาไม่เป็นมิตรวาววับขึ้น เด็กหญิงหัวเราะคิก ถ้าไม่ทำหน้าตะลึงก็ต้องถูกเขม่นแบบนี้ล่ะ หล่อนชินแล้ว
ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่ชอบถูกอ่านความคิดสินะ ทั้งที่คิดได้เช่นนี้ แต่ Z ก็ยังล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของพวกเขาด้วยข้ออ้างที่ว่ารู้ไปก็เท่านั้น ท้ายสุดแล้วก็ไม่ได้มาเกี่ยวข้องอะไรกันอีกอยู่ดี
“ก็แค่เดาน่ะ ไม่นึกว่าจะถูก”
ชายหนุ่มจากเมืองชายฝั่งคงดูออกว่าหล่อนแกล้งหยอกจึงไม่คิดต่อความ ค่ำคืนไม่ยาวนานพอให้ถือสาเด็กประหลาด
“แถมท่าทางจะป่วยอยู่ด้วย เจ้าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลละสิ” หล่อนว่าต่อ กลิ่นยาติดผิวกายแน่นทีเดียว “นี่ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าหายป่วยหรือยัง แต่ถ้าจะไปสะพานมันดูไม่ฉลาดเอาเสียเลย”
“ทำไมถึงคิดว่าฉันจะไปสะพานล่ะ” ชายหนุ่มก้าวเท้ายาวขึ้น
“ก็เจ้าบอกข้าเองเมื่อกี้นี่” Z เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น “และคนที่เข้ามาในป่านี้น่ะ… อยากไปสะพานกันทั้งนั้น”
ถ้าไม่นับพวกเด็กเกเรที่ชอบเล่นเกมพิสูจน์ความกล้าน่ะนะ
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามีอะไรอยู่ที่นั่น” เด็กหญิงหรี่ตามองเสี้ยวหน้าซีดเซียวด้วยความเวทนา
“มีอีกโลก”
“แล้วโลกนั้นเป็นยังไงล่ะ”