ณ ปราสาทแห่งหนึ่งใต้พื้นโลก ที่ๆแสงของพระเจ้าไม่อาจส่องถึง
เอมิกาลืมตาขึ้นมาอยู่ในห้องมืด ตอนนี้เธอสะอาดเอี่ยมอยู่ในชุดจีบระบายหยั่งกับตุ๊กตา ตัวฟุ้งไปด้วยกลิ่นดอกไม้ที่ช่วยผ่อนคลายเหมือนกลิ่นกำยานรอบๆตัวเธอ
เอาจริงๆห้องนี้ก็ไม่ได้มืดนัก ออกจะสลัวๆเพราะแสงเทียนที่อยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ร่างอ่อนช้อยของคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ กำลังจรดปากกาขนนกลงบนม้วนกระดาษมากมาย เธองดงามราวภาพวาด
เอมิกาลุกขึ้นนั่งบนเตียง พยามมองรำรวจไปทั่วห้อง การเคลื่อนไหวเพียงนิดหน่อยไม่รอดพ้นจากสัมผัสของอีกคนที่อยู่ในห้อง
“ตื่นแล้วรึ” จอมมารกล่าว ในขณะที่เอมิกาสดุ้งสุดตัว
“ที่นี่ที่ไหน” เธอสับสนมึนงงใหนจะเรื่องฝันบ้าๆนั้นอีก
“ปราสาทสีดำแห่งมหานรกอันมืดมิด” จอมมารตอเสียงเรียบ สายตายังไม่ละจากกองกระดาษตรงหน้า คำตอบของจอมมารไม่ช่วยอะไรเอมิกาเลยสักนิด เธอจึงถามต่อ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน ชิ้นส่วนของประตูหมายถึงอะไร”
“...” สิ่งตอบกลับมาคือความเงียบ เธอถามจอมมารอีกสองสามคำถาม แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา เธอจึงหยุดถาม ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
นี่มันความซวยแบบไหนของเธอกัน เอมิกาคิดว่าจะไม่มีอะไรเศร้ากว่าการที่โอมต้องจากเธอไปอเมริกา แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุกับเขาหลังจากมาส่งเธอที่บ้าน แล้วก็มีชายบ้าๆพาเธอมาที่ไหนก็ไม่รู้
น้ำตาเม็ดใสหยดเผาะลงบนเตียง เธอคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ คิดถึงโอม เธอเริ่มสะอื้น หมดมาดหญิงแก่นแก้ว
เป็นครั้งแรกที่มือของจอมมารหยุด สายตาคมเหลือบมองเอมิกา
“น้ำตาไม่ช่วยแก้ไขอะไรหรอกนะ” จอมมารวางปากกา และหันตัวเข้าหาเอมิกา กล่าวเสียงนุ่มนวล “มานี่สิ เด็กน้อยผู้ซื่อสัตย์ของข้า”
เอมิกาทำตามคำสั่งของจอมมาร คลานลงจากเตียงแหวกผ่านผ้าคลุมหลายชั้น เธอซุกเข้าไปในอ้อมแขนของจอมมาร เธอไม่รู้สึกต่อต้านจอมมารเลยซักนิด
“เศร้าไปใย เอมิกาไม่ใช่ตัวตนจริงๆของเจ้าเสียหน่อย” มือจอมมารลูบปลอบแผ่วเบา “ตัวตนของเจ้าคือข้ารับใช้แสนซื่อสัตย์ ของจอมมารผู้ชั่วช้าต่างหาก”
อ้อมกอดจอมมารให้ความรู้สึกเหมือนพี่สาวใจดี แต่เอมไม่มีพี่สาว เธอเป็นลูกคนเดียว กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวจอมมารทำให้เธอผ่อนคลายลงมากจนง่วนหลับไปทั้งอย่างนั้น
สายตาจอมมารที่มีเอมิกาอยู่ในอ้อมกอด จ้องมองไปยังเปลวเทียนอย่างว่างปล่าว นัยน์ตานั้นปราศจากแสงสว่าง
“อีกไม่นานหรอกนะ เอโรเม่”
สวัสดีกูโม่งมือใหม่ มาหัดสกิลการเขียนกากๆ