Last posted
Total of 1000 posts
“เสนอให้ Disney ทำพระอภัญมณีเป็น Live Actionครับ แล้วทำให้เป็น PC Version ด้วย เมีย 5 คน 5 สัญชาติ
1. นางผี้เสื้อสมุทร ให้ Cast คนขาวผมทองครับ ถึงเวลาละครับที่คนขาวจะต้องได้บทเหี้ยๆ บ้าง
2. นางเงือก ให้ Cast คนดำครับ นางเงือกยุคนี้ต้องเป็นคนดำ หรือไม่ก็พวกลาติโน่
3. นางสุวรรณมาลี ให้ Cast คนจีนครับ ให้มีบุคคลิกแบบพวกเจ๊กบ้านรวย
4. นางวาลี ให้ Cast แขกอินเดี้ยนครับ ให้มีบุคลิกแบบพวกแขกขายของเก่งๆ ครับ
5. นางละเวง ให้ Cast คนขาวยุโรปตะวันออก เพราะผู้หญิงโซนนี้ แม่งน่ากลัวที่สุดในโลกละครับ
ส่วนพระอภัยมณี แม่งต้องพวกลูกครึ่งเล่นครับ พวกสัญชาติผสม ซึ่งคนที่ควรจะรับบทนี้ในโลกนี้แม่งไม่มีใครนอกจาก Keanu Reeves”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อยู่มาวันหนึ่งพี่เต้ประสบอุบัติเหตุจนความจำเสื่อม เขาตื่นขึ้นมาจำอะไรไม่ได้เลยแต่เห็นตัวเองในทีวีโดนรุมด่าจนทำให้เขารู้สึกผิด พี่เต้จึงตัดสินใจเก็บเรื่องที่ตัวเองความจำเสื่อมใว้เป็นความลับและไม่บอกใคร และใช้สถานะนักการเมืองของตัวเองพยายามทำให้ประเทศไทยน่าอยู่ขึ้น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การเล่นโป๊กเกอร์ช่วยให้ผมเข้าใจโลกมากขึ้น
- Bad Beat สอนเราให้เข้าใจว่า แม้คุณจะตัดสินใจเลือกทางที่ดีที่สุดแล้ว ทุกอย่างก็อาจไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวัง การบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ
- Bluff สอนให้เราเข้าใจว่า สิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามแสดงออก มักไม่ตรงกับสิ่งที่เค้าคิดจริงๆ
- Fold สอนให้เราเข้าใจว่า บางครั้ง การดื้อดึงฝืนทั้งที่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยอาจจะทำให้เสียหายหนักกว่าการยอมแพ้แล้วเริ่มใหม่ ตราบใดที่หน้าตักยังเหลือ เราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
- All-in สอนให้เราเข้าใจว่า การต่อสู้แบบทุบหม้อข้าวใส่ทั้งชีวิต บางครั้งก็ให้ผลคุ้มค่า แต่ต้องเลือกจังหวะทุ่มด้วยสมอง ไม่ใช่ด้วยอารมณ์
- ความอดทนให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าเสมอ การใช้อารมณ์มีแต่จะทำให้ทุกอย่างพังเร็วไปกว่าเดิม
- วางแผนการระยะยาว มองให้ไกลถึง River อย่าเอาแต่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพราะเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน คุณจะรับมือมันไม่ไหว คิดเผื่อ Plan B,C,D เอาไว้เสมอ
- การประเมินคู่ต่อสู้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าอยากได้ประสบการณ์ ขึ้นชั้นไปสู้กับคนเก่งๆ แน่นอนคุณต้องจ่ายค่าเทอมแพง เลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าผ่านไปได้ คุณจะทำเงินได้ในอีกระดับ
- แต่ถ้าอยากแค่ได้เงิน ลงสู้กับคนที่อ่อนกว่า แต่คุณจะทำเงินได้แค่ระดับนั้นแหละไม่ก้าวไปไหน และก็จะไม่ได้เก่งอะไรขึ้นมาเลย ต้องเลือกเอาว่าจะไปทางไหน เงิน หรือประสบการณ์ (เหมือนชีวิตการทำงานนั่นแหละ)
จงมีความสุข หากคุณเล่นได้ดี แม้ว่าผลจะออกมาไม่สวยดังหวัง
พยายามต่อไป ด้วยกฏ law of large number คุณจะชนะเกมส์ไม่ว่าจะบนโต๊ะโป๊กเกอร์หรือในชีวิตจริงในที่สุด
พักนี้เหมือนว่าจะมีความพยายามผลักประเด็น ทาทา ปั่นจั่น ไปเป็นเรื่องสิทธิ์ในการวิจารณ์การเมืองของดารา
ผมชวนคิดแบบนี้
อย่างแรกในเรื่องสิทธิ์
ลองคิดกลับกันว่าคนทั่วไปมีสิทธิ์วิจารณ์ดารากันขนาดไหน
แน่นอนเราวิจารณ์ได้ว่า "แสดงไม่ดี" "ร้องเพลงห่วย" "หนังบทไม่ได้เรื่อง" เพราะมันเป็นส่วนของงาน
ดาราอยากให้คนพูดถึงตัวเองว่า "ฉันจะไปดักตบอีXX" "อีตุ๊ด" "อีกระxรี่" หรือเปล่า?
ถ้าพวกคุณโดนแบบนี้ ก็คงรู้สึกว่า มันไม่ใช่การวิจารณ์ติชมแล้วเหมือนกันแหละ
อย่างที่สอง ในเรื่องความเป็นจริงทางธุรกิจ
สมมุติคุณเปิดร้านเหล้า มีนักศึกษามาเป็นลูกค้า แล้วมานั่งบ่นกันทุกวันว่า "อาจารย์แม่งแย่ว่ะให้ F กู"
คุณจะเดินไปพูดกับลูกค้าว่า "พี่ว่าไม่ใช่ความผิดอาจารย์หรอก เป็นเพราะน้องใช้ชิวิตแบบนี้ เอาแต่กินเหล้าทุกวันนี้แหละ น้องเลิกกินเหล้าแล้วไปอ่านหนังสือเถอะ" หรือเปล่า?
ผมว่านักศึกษาได้ยินคงบอกว่า "ครับพี่ ผมเชื่อพี่ จะไม่มีร้านพี่อีกแล้ว เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่า"
ลองคิดถึงร้านอาหารแถวบ้าน ระหว่างร้านที่พนักงานพูดจาดีบริการดี กับร้านที่พนักงานปากเสีย ด่าลูกค้า คิดว่าคนอยากจะไปที่ไหน
ใครจะไปยืนด่าลูกค้าตัวเองหน้าร้าน
ขนาดแท็กซี่นั่งคุยเรื่องการเมือง เรายังไม่ค่อยอยากขึ้นเลย
ตรงส่วนนี้แน่นอนว่า ถึงมันจะอยู่ในขอบเขตของการวิจารณ์ และทุกคนมีสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
แต่ความเป็นจริง สิทธิ์ในการควักเงินออกมาจากกระเป๋า เพื่อซื้อสินค้า และบริการของเราเป็นของลูกค้า
ถ้าคุณขายประกัน ลูกค้าให้เข้าบ้าน เดินเข้าไปแขวนนกหวีด มีรูปไปม็อบกู้ชาติ คุณจะบอกว่า "ประกันผมไม่ขายให้สลิ่ มหรอก" แล้วเดินออกจากบ้านป่ะ
ความเห็นส่วนตัว กับความเป็นโปรทางอาชีพเลยแยกจากกัน ต่อให้ประเทศเสรีจัดๆอย่างสหรัฐเอง ก็คงไม่อยากให้พนักงานที่ส่งผลต่อแบรนด์ทวีตอะไรที่จะมีผลทำให้เสียลูกค้าเท่าไหร่
ความยากของการเป็นดารามันอยู่ตรงนี้แหละ เพราะดาราเป็นอาชีพขายความนิยม ยกเว้นจะขายเฉพาะกลุ่มแฟนคลับที่โอเคกับเรื่องพวกนี้ หรือชินไปแล้วอย่างพี่เสก จะด่าใครก็ไม่มีใครว่า
ส่วนใหญ่ถ้ามีการห้ามแสดงความเห็นทางการเมือง ผมคิดว่าก็คงออกมาจากค่าย เพื่อปกป้องผลรายได้ของดาราเองนั่นแหละ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พยายามหาความเชื่อมโยงระหว่างว่าที่ รมต. แต่ละคน กับกระทรวงที่ได้...
- เคยด่าลูกน้องเป็นควาย มีกิตติศัพท์ว่าชอบดูถูกคน ได้เป็น รมว. แรงงาน
- เคยนำม๊อบบุก กสท. ตัดไฟ ตัดเน็ต ได้เป็น รมว. ดิจิทัล
- เคยถูกศาลต่างประเทศจำคุกข้อหาค้ายาเสพติด ได้เป็น รมช. เกษตร
- เคยพัวพันคดีแบงก์รัฐปล่อยกู้โดยมิชอบ ได้เป็น รมว. คลัง
- เคยประกาศ “รธน. 2560 ดีไซน์มาเพื่อเรา” ได้เป็น รมว. ยุติธรรม
....... 55555
พรรคสนุ้กเกอร์ไทยเราจะไม่มี ส.ส. ตลาดล่างแน่นอน เพราะเราจะเน้น ส.ส. ใต้ถุนสังคมเลยอ่ะครับ
นอกจากนี้พรรคสนุ้กเกอร์ไทยเราจะไม่เน้น ส.ส. ที่มีความหลากหลายทางเพศอัลไล แต่เราจะส่ง ส.ส. คนแรกที่ผ่าหัวเบ้นซ์เข้าสภาให้ได้อ่ะครับ ส่วนฝังมุขนี่เขาว่าจ่าประสิทธิ์ก็อาจจะมีเม็ดสองเม็ดตอนแกเป้น ส.ส. อ่ะครับ เขาว่ากันมา
#คนไทยต้องมีสิทธิในการโมดิฟายตนเอง
ในบรรดา "การเหยียด" ทั้งหมด ฉันว่าการเหยียดคนอื่นเรื่อง "ความแก่" เนี่ย เป็นการเหยียดที่ประหลาดที่สุด เพราะ..
เหยียดเรื่องรูปร่างหน้าตา คนเหยียดมันยังสามารถทำตัวเองให้รูปร่างหน้าตาดีกว่าคนที่ถูกเหยียดได้
เหยียดเรื่องฐานะ คนเหยียดมันยังสามารถทำตัวเองให้รวยกว่าคนที่ถูกเหยียดได้
เหยียดเรื่องความรู้ความสามารถ คนเหยียดมันยังสามารถทำตัวเองเก่งกว่าคนที่ถูกเหยียดได้
เหยียดเรื่องสีผิว คนเหยียดมันยังสามารถทำตัวเองให้ขาวกว่าคนที่ถูกเหยียดได้
แต่ไอ้การเหยียดเรื่อง "ความแก่" เนี่ย คนเหยียดมันสามารถที่จะทำให้ตัวเอง "ไม่มีวันแก่" เหมือนคนที่ถูกเหยียดได้เหรอวะ? ยังไงๆคนเหยียดมันก็ต้องแก่เหมือนคนที่ถูกเหยียด แล้วจะเหยียดเรื่องแก่ทำไมวะ
พวกคนที่เศร้าน้ำตาจะไหลกับเรื่องสาวท้องคลอดระหว่างติดคุก นี่ก็พวกเดียวกับที่บอกข่มขืน=ประหาร ด่าNGOเวลาพูดถึงสิทธิ์นักโทษนั่นล่ะครับ
ตลกดี
เออ จริงๆเรื่อง #ประชุมรัฐสภา นอกจากสส สว ที่ควรโฟกัสแล้ว สื่อบ้านเราเองแม่งก็โตตรน่าโฟกัสเหมือนกันว่ามึงตัดไฮไลท์อะไรมานำเสนอปชชวะ? อย่างรอบที่แล้ว เรางงว่าเถียงกันแค่เรื่องชุดเข้าสภาเหรอ? ในขณะที่ความเป็นจริงแม่งแค่ประมาณ 10% ของญัตติทั้งหมดอ่ะ คือดูแค่ข่าวที่นำเสนอไม่ได้จริงๆ
ในจักรวาลคู่ขนานแห่งหนึ่ง
มีลุงขับรถเมล์คนหนึ่งบอกว่าสามารถคำนวนหาเส้นทางที่สั้นที่สุดในการไปส่งผู้โดยสารบนรถจำนวน N คน ถึงหน้าประตูบ้านทุกคนได้ ไม่ว่าแต่ละคนจะอยู่ไหนก็ตาม ได้ใน Linear Complexity (O(cN)) .... คนขึ้นรถครบ ไม่นานก็คำนวนได้แล้วว่าเส้นทางที่สั้นที่สุด (ย้ำว่า "สั้นที่สุด" นะ คือ absolutely shortest ไม่ใช่ reasonably short หรือ acceptably short) คือทางไหน
นักวิชาการออกมาบอกว่า เป็นไปไม่ได้ ..... เพราะนั่นมันคือ TSP ซึ่งเป็น NP Problem (NP-Hard) ......
คนออกมาด่านักวิชาการ ว่านักวิชาการดูถูกลุง ว่านักวิชาการเป็นไดโนเสาร์ เอาแต่อคติมาบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ทั้งที่ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ พวกที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้นี่เต่าล้านปี อิจฉา อยู่แต่ในตำราที่ล้าสมัยเขียนมาตั้งแต่ปีไหนก็ไม่รู้ เดี๋ยวนี้โลกมันหมุนไปถึงไหนแล้ว แทนที่จะยอมรับและนำไปต่อยอดสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ นักวิชาการแบบนี้แหละเป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศ เชื่อสิอีกไม่นานประเทศอื่นก็จะเอาผลงานลุงไปสร้างประโยชน์ ฯลฯ .... ดูแล้วมันก็แค่ปัญหาที่น่าจะแก้ได้สิ common sense ออก ..... นี่แหละนักวิชาการอยู่แต่ในตำราไม่เคยทำงานจริง แต่ลุงทำงานขับรถเมล์มานานมีประสบการณ์เยอะแยะ ฯลฯ .... นี่แหละประเทศไม่เจริญเพราะคนไม่ช่วยกัน ฯลฯ
บางคนก็ลากไปถึงว่า สต๊อป จีฟ, กิล เบต, ซัค มาร์คเกอร์เบิร์ก ก็สร้างนวัตกรรมได้เยอะแยะมากมาย ไม่เห็นต้องจบมหาลัย แล้วทีนักวิชาการที่สอนในมหาลัยไม่เห็นสร้างได้เลย .... นี่ไงล่ะตัวอย่าง ... ไตล์สไอร์ ยังเคยเป็นแค่เสมียรเลย แต่เขามีจินตนาการ .... แล้วทำไมลุงจะทำไม่ได้
ในจักรวาลคู่ขนานแห่งหนึ่ง ... ที่โลกแบน
ย้อนกลับไปในเดือนที่แล้ว ทีม HR ของวงใน wongnai.com เว็บรีวิวอาหารชื่อดัง ติดต่อวิเคราะห์บอลจริงจังมาครับ
เขาบอกว่า ทุกๆเดือน ในวันศุกร์ที่ 2 และ 4 บริษัทจะมีกิจกรรมชื่อ WeShare คือการเชิญเอา คนมีชื่อเสียงจากวงการต่างๆ มาถ่ายทอดประสบการณ์ให้เด็กๆในองค์กรได้ฟัง
สำหรับผม แน่นอนว่าเป็นเกียรตินะครับ ที่เขาไว้ใจ และเชิญเรา แต่ผมไปนั่งไล่ดูประวัติเก่าๆ ว่า วงใน เชิญใครไปแล้วบ้าง ปรากฏว่า มีแต่บุคคลแบบโคตรดังทั้งนั้น เช่น วู้ดดี้ เกิดมาคุย , ต่อ ฟีโนมีน่า นักทำโฆษณาระดับโลก , เก้ง จิระ มะลิกุล ผู้กำกับตัวท็อป ฯลฯ
ผมเลยถามทีมงาน HR กลับไปว่า อย่างผม จะสร้างประโยชน์ให้กับทีม สตาฟฟ์ของวงในได้จริงๆหรอ ผมเป็นคนธรรมดามากๆเลยนะ เพจยังไม่ถึง 2 แสนไลค์เลยนะครับ
แต่เมื่อ HR ของเขายืนยันหนักแน่น ผมก็โอเค ตอบรับไปครับ
ปัญหาคือ ผมจะพูดอะไรนี่สิ ในเมื่อผมไม่ใช่เซเล็บที่จะมีเรื่องราวโลดโผนน่าสนใจอะไรขนาดนั้น
อย่างพี่เก้ง จิระ นี่เล่าจุดเริ่มต้นว่าทำไมคิดไอเดียสร้างหนัง แอม ไฟน์ แต้งกิ้ว ด้วยการไปดักฟังคนแอบคุยกันในร้านกาแฟ คือมีสตอรี่ มีความโลดโผน ซึ่งคือชีวิตผมไม่มีอะไรอย่างนั้นเลยอ๊ะ เรียบง่ายมากๆ
ผมเลยทำการบ้านอย่างหนักเลยครับ ไปค้นข้อมูลของวงในมาก่อน ว่าเป็นองค์กรอย่างไร และพูดเรื่องไหน จะมีประโยชน์กับเขามากที่สุด
จากนั้น ก็ลำดับ Sequence เรื่อง เหมือนเขียนวิเคราะห์บอลเลย ว่าจะพูดอะไร 1 2 3 แถมมีการซ้อมพูดในรถด้วยนะ ก่อนมาพูดจริง คือมีความตื่นเต้นอยู่บ้าง ขนาดไปแข่งวินนิ่งชิงแชมป์โลกที่ลอนดอน ยังไม่เตรียมพร้อมขนาดนี้เลยนะเนี่ยะ
ในห้องประชุม มีคนฟังประมาณ 60-70 คนครับ ผมก็ถ่ายทอดในสิ่งที่ผมรู้ทั้งหมด ทริกการเขียน และทริกการทำให้คอนเทนต์มียอดไลค์ที่ดี
ซึ่งหวังเพียงว่า จะเป็นประโยชน์กับเขาบ้างเล็กน้อยก็ยังดี
ตอนจบของการบรรยาย ผมทิ้งท้ายไป 2 เรื่องครับ
1) ผมบอกน้องๆของวงในว่า ช่วงอายุไม่ถึง 30 เนี่ยะ อย่าเพิ่งคิดมาก หากยังไม่เห็นแววว่าจะประสบความสำเร็จ
ผมเอาตัวเองเป็นเกณฑ์นะ ว่าตั้งแต่เรียนจบ จนถึง 30 เนี่ยะ ผมล่องลอยมาก
ออกสตาร์ตงานแรกได้เงินเดือน 8 พัน พออายุเกือบ 30 ได้เงินเดือนหมื่นกว่าบาท นึกไม่ออกเลยว่า จะเก็บเงินแต่งงาน หรือสร้างหลักฐานในชีวิตได้ยังไง
แต่พอ 30 ไปแล้ว เมื่อเราพร้อมทั้งวัยวุฒิ และประสบการณ์ โอกาสจะเข้ามาหาเราเร็วมาก ซึ่งถ้าเราเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว เราจะคว้าโอกาสไว้ในมือได้แน่ๆ
ดังนั้นช่วงการทำงาน 7-8 ปีแรก ถ้ายังมองไม่ออกว่าชีวิตจะยังไงต่อ ก็อย่าเพิ่งซีเรียสไป ชีวิตมันมีจังหวะของมันเสมอ
และ 2) การทำงานกับองค์กร เราสามารถสร้างสรรค์งานของตัวเองควบคู่ไปได้
ตลอดชีวิตแอดมิน ทำงานกับองค์กรมาตลอดครับ จากคิกออฟ สู่นิตยสาร Mars สู่สยามกีฬา และมา Workpoint ในปัจจุบัน
แน่นอน ผมก็ทำเพจไปด้วย ควบคู่ไปกับการ ทำงานประจำนี่แหละ
การทำงานกับองค์กร คือเป็นโอกาสดี ที่เราจะได้ร่วมงานกับคนเก่งครับ การได้ร่วมงานกับคนอื่น ส่งผลให้เรามีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เวลาเอามาประยุกต์กับงานตัวเอง
ดังนั้น ต่อให้วันนี้มีสังกัดอยู่ในองค์กร ก็ไม่ใช่ว่า เราจะสร้างอะไรของเราเองขึ้นมาไม่ได้ เพราะมันทำไปพร้อมๆกันได้เสมอ แค่จัดสรรเวลาให้ดี
สำหรับผมก่อนหน้านี้ เรารู้จัก วงในมาแล้วล่ะ เวลาจะดูรีวิวร้านอาหาร ก็ต้องใช้ App หรือ Web Wongnai ตลอด
แต่พอได้มาที่ออฟฟิศเขา รู้สึกได้ว่า เป็นศูนย์รวมของคนหนุ่มสาว ที่เต็มไปด้วยพลังจริงๆ
คุณยอด ซีอีโอของบริษัท (ใส่เสื้อลิเวอร์พูลในรูป) อายุ 36 ปีเองนะครับ สุดยอดเลย อายุมากกว่าแอดมิน 1 ปีเอง
คุณนิค มาร์เก็ตติ้งของบริษัท อายุ 34 ปี! (ถ้าเทียบกับมาร์เก็ตติ้งของหลายๆบริษัทอื่นนี่ต้อง 40 อัพ เน้นความเก๋า เน้นประสบการณ์ไว้ก่อน ก็ถือว่าเด็กนะ)
สตาฟฟ์ที่มาฟังบรรยาย ประเมินจากสายตาอายุส่วนใหญ่ไม่เกิน 27-28 กันหรอก
และ แต่ละคนเต็มไปด้วยแววตา ความมุ่งมั่นตั้งใจ ทุกคนฟัง คือฟังจริงๆ ไม่ว่อกแว่ก ไม่เล่นมือถือ
ยอดเยี่ยมมากๆเลยครับ แบบนี้คนพูดก็แฮปปี้นะ
สำหรับ Wongnai ตอนนี้ มีอายุครบ 9 ปี นอกจาก App และ เว็บหลักแล้ว อาณาจักรยังค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ใน Facebook มี Wongnai Beauty, Wongnai Travel, Wongnai Cooking และมี Wongnai Delivery สำหรับสั่งอาหาร
มีบริษัทลูกที่สร้างคอนเทนต์คุณภาพเชิงไอที อย่าง Blognone และ เชิงธุรกิจอย่าง Brand Inside
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ก้าวต่อไปของ Wongnai จะกระโดดไปไกลขนาดไหน
แต่แน่นอน ด้วยพลังของคนหนุ่มสาวในองค์กร ตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงสตาฟฟ์ แอดมินเชื่อว่า พวกเขาจะสำเร็จยิ่งขึ้นกว่านี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข เรียบร้อยจึงมิใช้การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมความดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้
ทหารได้รับเกียรติและเอกสิทธิ์เป็นผู้กุมอาวุธและกำลังรบของประเทศ เป็นที่เคารพเกรงขามในหมู่ชนทั่วไป ทหารจึงต้องปฏิบัติให้สมกับที่ตนได้รับ ความไว้วางใจ ไม่ควรไปทำหรือเกี่ยวข้องในกิจการที่มิใช่อยู่ในหน้าที่โดยเฉพาะของตน เช่น ไปเล่นการเมือง ดังนี้เป็นต้น การกระทำเช่นนั้นจะทำให้บุคคลเสื่อมความเชื่อถือในทหารโดยเข้าใจว่าเอา อิทธิพลไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว
ปิ ด ก ร ะ ทู้ ใ ห้
พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ป ร เ ม น ท ร ร า ม า ธิ บ ดี
ศ รี สิ น ท ร ม ห า ว ชิ ร า ล ง ก ร ณ
พ ร ะ ว ชิ ร เ ก ล้ า เ จ้ า อ ยู่ หั ว
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.