อ่านในเพจต่างๆหลายสิบเพจ มีหลายคนด่าว่า "ทำไมรัฐบาลต้องช่วยหนังไทย" "ทำไมคนทำหนังต้องเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ" คืออย่างงี้ ฉันจะอธิบายให้ฟังนะ
รัฐบาลประเทศพัฒนาแล้วทุกประเทศ เค้าช่วยสนับสนุนหนังประเทศเค้าเองทั้งนั้น ทั้งอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส อังกฤษ ฯลฯ ทั้งช่วยเหลือทุนสร้าง ช่วยโปรโมทประชาสัมพันธ์ ช่วยนำหนังออกขายทั้งในและต่างประเทศ ช่วยกวาดล้างการละเมิดลิขสิทธิ์ ช่วยหาโรงฉายหนังดีๆให้ ฯลฯ
เพราะรัฐบาลเขามองว่าภาพยนตร์คือ "สินค้าพาณิชย์ศิลป์" สามารถสร้างเม็ดเงินเป็นหมื่นล้านหมุนเวียนในประเทศได้
ในเมื่อรัฐบาลไทย กระทรวงพาณิชย์ไทย สนับสนุนงานพาณิชย์ศิลป์ เช่น งานจิตรกรรม งานประติกรรม งานแกะสลัก งานทอผ้า งานเครื่องทอง ฯลฯ ส่งออกขายทั่วโลก แล้วทำไมถึงไม่สนับสนุนหนังไทย ซึ่งเป็นงานพาณิชย์ศิลป์เหมือนกันล่ะ?
ทีนี้ เห็นมีหลายคนด่าว่า "หนังไทยห่วยทุกเรื่อง รัฐบาลไม่ควรช่วยเหลือ" "ทำหนังไทยห่วยเอง ทำไมต้องให้รัฐบาลช่วยวะ"
ต้องถามกลับว่า คนที่ด่าเนี่ย ดูหนังไทยครบทุกเรื่องหรือยัง รู้ไหมว่า มีหนังไทยเข้าฉายปีละ 50 - 70 เรื่อง หากนับตั้งแต่ปี 2550 - 2561 มีหนังไทยรวมกว่า 600 เรื่อง คุณดูหมดทั้ง 600 เรื่องแล้วเหรอ ถึงฟันธงว่าหนังไทยห่วยทุกเรื่อง
ฉันอยากจะบอกว่า ใน 600 เรื่องนี้ มีหนังไทยที่ได้คะแนนสูงถึง 3ดาว 4ดาว กว่าครึ่งนะ ถ้าเทียบอัตราส่วนหนังดีๆ เรามีมากพอๆกับหนังอเมริกา ทั้งๆที่เราใช้ทุนสร้างน้อยมาก ตามงบของประเทศยากจน
ถามกลับคนที่ด่าหนังไทยว่า ในบรรดาหนังดีๆกว่า 300 เรื่อง ในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา พวกคุณรู้จักหนังเหล่านี้ถึง 100 เรื่องไหม แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินชื่อหนังดีๆเหล่านี้
เพราะหนังไทยดีๆกว่า 300 เรื่อง "ไม่มีงบโปรโมทหนัง และไม่มีโรงฉายไง" คนไทยส่วนใหญ่ถึงไม่รู้จักและไม่เคยดูหนังเหล่านี้ แล้วด่าเหมารวมว่าหนังไทยห่วยทุกเรื่อง
นั่นแหละคือสิ่งที่คนทำหนังต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ คือ การนำหนังดีๆจากค่ายเล็กๆออกสู่สายตาคนทั้งในและต่างประเทศ ส่งออกไปทั่วโลก และส่งเสริมงบประมาณให้ค่ายหนังที่ผลิตหนังดีๆ ค่ายหนังที่กล้าสร้างหนังที่มีความหลากหลายด้านเนื้อหา
ขนาดเกษตรกรรายย่อยปลูกพืชแล้วเจ๊ง รัฐบาลยังเข้ามาช่วยเหลือ หาทุน หาช่องทางการตลาดให้ แล้วทำไมผู้หนังรายย่อย ที่สร้างหนังดีๆ รัฐถึงไม่ให้ความช่วยเหลือล่ะ
ข้อนี้สำคัญ ประเทศอื่นๆเค้าเอาภาพยนตร์ไปอยู่ในการดูแลของ "กระทรวงพาณิชย์" วงการหนังประเทศเขาจึงได้รับการช่วยเหลือด้านการค้าขายอย่างเต็มที่
แต่ปัญหาของไทยคือ ดันเอาภาพยนตร์ไทยไปอยู่ในการดูแลของ "กระทรวงวัฒนธรรม" ซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่ส่งเสริมด้านการค้าขาย ก็เลยไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกวิธี
จบ