"ขบวนการทำลายรากเหง้าของไทยเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติโลก (World Revolution) เพื่อทำไปสู่รัฐบาลโลก (One World Government)
จุดมุ่งหมายคือการล้มล้างระบอบกษัตริย์ วัฒนธรรมจารีตประเพณี ศาสนา ความเป็นชาติ ความเชื่อ หรืออุดมการณ์หลักของประเทศ
เมื่อทำลายโครงสร้างที่เป็นรากเหง้าของประเทศได้ ก็สามารถครอบงำยึดครองทรัพยากรของไทยได้โดยไม่ต้องใช้กำลัง หรือไม่ต้องทำสงคราม เนื่องจากมีคนไทยที่ขายชาติคอยให้ความร่วมมือ
วิธีการทำคือเสี้ยมให้คนไทยแตกแยก ให้ออกจากวิถีเดิม ให้ทำลายโครงสร้างเดิมของประเทศ และคอยดูแลระบบ หรือความเชื่อใหม่ที่ค่อยๆเอาเข้ามาใช้ในประเทศโดยฝีมือของหน่วยงานรัฐและเอกชน
พวกที่ทำลายประเทศโดยรู้ตัว ไม่รู้ตัว หลงผิด โลภ เงิน อิจฉา ริษยา อยากมีอำนาจ หรือเพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เป็นเพียงหมากของขบวนการปฏิวัติโลกที่มีศูนย์กลางในยุโรป
หลังจากทำหน้าที่ทำลายประเทศไทยได้แล้ว หมากจะได้เงินทอง ได้อำนาจ ได้การยอมรับในสังคมโลก ได้รับรางวัลนานาชาติ แต่หมากอาจจะถูกกำจัดไปเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อหมดประโยชน์ หรือต้องถูกเอาไปแลกกับประโยชน์
การปฏิวัติฝรั่งเศส (1789) ปฏิวัติรัสเซีย (1917) ปฏิวัติจีน (1911-1912) ปฏิวัติสยาม (1932) และการปฏิวัติในประเทศต่างๆตั้งแต่ปลายศตวรรตที่ 18เป็นต้นมาล้วนแล้วแต่มีต้นตอมาจากแหล่งเดียวกันของการปฏิวัติโลก
แกนนำนักปฏิวัติที่ล้มล้างประเทศตัวเองล้วนแล้วแต่เป็นเบี้ย หรือหมากของผู้คุม (controllers) ที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง
ทุกครั้งเมื่อมีการปฏิวัติ จะเกิดการปล้นทอง ปล้นทรัพย์สมบัติของชาติ ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่สับสน เกิดความชุลมุนวุ่นวายฝุ่นตลบ ไม่รู้อะไรเป็นอะไร
หลังจากทำงานเสร็จแล้ว พวกนักปฎิวัติจะถูกเก็บ บางคนที่ใช้งานได้ผู้คุม (controllers)ก็ให้อยู่ในอำนาจต่อ เพื่อดูแลการวางระบบโครงสร้างใหม่เพื่อให้ขบวนการปฏิวัติโลกสามารถครอบงำประเทศนั้นได้ ไม่ว่าจะเรื่องธนาคารกลาง การเปิดเสรีการค้า&การเงิน ระบบภาษี การรับเอาเงินตราของมหาอำนาจเป็นเงินสกุลหลักของโลก การสร้างสถาบันต่างๆขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับระบบของพวกผู้คุมที่เวางเอาไว้
บางคร้ังมันก็เป็นความจริงที่ว่า ปากกาคมกว่าอาวุธ
ในการทำลายรากเหง้าของไทย พวกนักปฏิวัติจะเอาแนวปรัชญามนุษยนิยมทางโลก (Secular Humanism)เข้ามา มนุษย์นิยมจะน้อมรับเหตุผลของมนุษย์ จริยธรรมและธรรมชาตินิยม เพื่อเป็นพื้นฐานของคุณธรรมและการปฏิบัติตน โดยจะปฏิเสธความเชื่อทางศาสนา อภินิหาร วิทยาศาสตร์เทียม และความเชื่อโชคลาง หรือแนวความคิดประเพณีเดิม
การที่จะวางหลักของมนุษยนิยมในสังคมไทยได้ก็ต้องทำลายระบบการศึกษาที่เน้นหน้าที่พลเมือง&ศีลธรรมเดิมทีครูไทยในอดีตและพระกับวัดมีบทบาทสูงในการหล่อหลอมจิตใจและความเชื่อของคนไทยให้รักษามรดกของชาติที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายพันปี
ในโครงสร้างเดิมของไทยเน้นความเป็นครอบครัวใหญ่ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำ มีระบบผู้ใหญ่กับเด็ก ไม่เน้นความเป็นปัจเจกชน (individualism) เน้นความเป็นส่วนรวม (collectivism)การงานต่างๆที่ทำสำเร็จต้องอาศัยสามัคคี คนไทยรักและเทอดทูนเจ้านายผู้ใหญ่ พระสงฆ์คุณเจ้า กษัตริย์มีหน้าปกครองดูแลประเทศและคอยทำนุบำรุงศาสนา คนไทยโดยทั่วไปมีความละอายใจต่อบาป มีจิตใจที่โอบอ้อมอารีย์ มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา แสวงหาทางหลุดพ้น ชอบทำบุญ เชื่อในนรกสวรรค์ การเวียนว่ายตายเกิด เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เชื่อว่าทำดีจะได้ไปอยู่ในสวรรค์ที่สูงขึ้น ทำชั่วจะตกนรก เชื่อในฝีสางเทวดา พระพรหม เชื่อในพลังจิต และอำนาจที่เหนือโลก
โครงสร้างความเชื่อที่สมบูรณ์แบบแบบนี้หาได้ยากยิ่งในสังคมอื่นๆในโลกที่คำสอนของพระพุทธเจ้าไปไม่ถึง ทำให้สังคมสุวรรณภูมิดั้งเดิมของไทยมีอารยะธรรมทางจิตใจที่สูงส่งที่สุดในโลก
(มีต่อ)