ข้อสำคัญข้อหนึ่งที่พึงระวังก็คือว่า เราไม่ควรเอาระบอบการปกครองและความอยุติธรรมไปผูกติดกับความเจริญเติบโตของประเทศ ดังว่า จงหันมาสนใจการเมือง ขับไล่เผด็จการ เพราะไม่อย่างงั้นประเทศจะไม่เจริญ ต่างชาติจะไม่มาลงทุน ราคายางจะตกต่ำ บีทีเอสจะราคาสูง ภาษีจะใช้ไปไม่ถูกที่ถูกทาง เป็นต้น
เพราะหากเราสร้างเงื่อนไขดังกล่าว แปลว่าถ้าหากประเทศเจริญได้ดี ต่อให้ต้องตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการและความอยุติธรรมก็ย่อมไม่เป็นไรเช่นนั้นหรือ...
ความร้ายกาจของเผด็จการและความอยุติธรรม คือการริดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชน บั่นทอนคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนด้วยการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียม และสิ่งที่ร้ายที่สุดคือ การทำให้ประชาชนสมาทานความเชื่อที่ว่าตนไม่มีคุณค่า ไม่มีความสามารถมากพอที่จะเทียมทัดผู้นำ ไม่ได้มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ต้องก้มหัวและรอรับคุณประโยชน์สุดแท้แล้วแต่ที่รัฐจะหยิบยื่นให้ ไม่มีสิทธิเรียกร้องอะไรจากรัฐเนื่องจากอำนาจแห่งการปกครองนั้นไม่ใช่ของตน
ประชาธิปไตยไม่ได้เป็นหลักประกันว่าประเทศจะเจริญหรือไม่ แต่ความสำคัญของประชาธิปไตยคือ การประกันสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพของประชาชน "ทุกคน" อย่าง "เท่าเทียม" เป็นหลักประกันว่าประชาชนทุกคนมีคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในตนเอง โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาสถาปนาแต่งตั้งคุณค่าเช่นว่า และที่สำคัญที่สุดคือรัฐอยู่ใต้ประชาชน ต้องรับฟังและตอบสนองต่อประชาชน "เพราะอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนทุกคน"