“ช่วงปี 1995 ที่ Pittsburgh ชายอายุ 45 ปี เดินเข้าธนาคารแห่งหนึ่งพร้อมแจกยิ้มให้กับกล้องวงจรปิดโดยรอบด้วยความมั่นใจ เรื่องแม่งจะไม่มีเหี้ยอะไรเลยถ้าสิ่งที่มันทำคือการเข้าไปโอน-ฝาก-ถอนเหมือนๆชาวบ้าน แต่เปล่าเลย......แม่งเข้ามาปล้นธนาคาร!
ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ชายคนเดิมก็เดินเข้าไปในธนาคารอีกแห่งหนึ่ง ยิ้มให้กับกล้องวงจรปิดเหมือนกับธนาคารแรก แล้วก็ปล้น....
ไม่นานภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดก็ถูกปล่อยออกมาตามข่าวทาง TV พบว่าชายคนนั้นชื่อว่า McArthur Wheeler ตำรวจทั้งหมดบุกถึงบ้านของ McArthur พบว่า ชายคนนั้นนอนเกาไข่ นับเงินอยู่ที่บ้านและแน่นอนว่า McArthur ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ตำรวจตัดสินใจโชว์ภาพจากวงจรปิด
McArthur หน้าซีดเผือดพร้อมตะโกนอย่างสุดเสียง
“อีเหี้ย แม่งเป็นไปไม่ได้ ก็กูใช้น้ำมะนาวแล้วนะ กูใช้น้ำมะนาวแล้วไง!”
หลังจากสอบปากคำก็พบว่า McArthur เชื่อว่าตัวเองล่องหนได้เพราะก่อนเข้าไปปล้น แม่งใช้น้ำมะนาวทาหน้าเรียบร้อยแล้ว โดยแนวความคิดดังกล่าวเกิดจากการค้นพบว่า ถ้าใช้น้ำมะนาวผสมกับน้ำเปล่าแล้วเขียนบนกระดาษจะทำให้ตัวอักษรล่องหน และตัวอักษรที่เขียนจะปรากฎอีกครั้งถ้าเราใช้ความร้อน......อาาาาาห์ ยูเรก้าสัสๆ และด้วยความฉลาดระดับไอคิวติดลบแต่ความมั่นใจทะลุปรอท อี McArthur ก็เลยจัดการเอานำ้มะนาวทาหน้าตัวเอง ยอมอดทนกับอาการแสบตาเดินเข้าธนาคารแล้วก็ปล้น ซึ่งประสบความสำเร็จที่ธนาคารแรก แม่งก็ได้ใจ กูต่อธนาคารที่ 2 เลยละกัน อีเหี้ย เสือกสำเร็จอีกจนกระทั้งแม่งโดนจับได้ระหว่างนอนเกาไข่ที่บ้าน
หลายปีต่อมานักจิตวิทยาชื่อ David Dunning ได้รับแรงบันดาลใจอย่างแรงกล้าจากความฉลาดหลักแหลมของ McArthur เลยเข้าไปติดต่อสัมภาษณ์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่าง
“ความโง่บัดซบ กับ ความมั่นใจ”
ซึ่งต่อมาก็กลายมาเป็นทฎษฎีที่เราอาจเคยๆผ่านตา ที่เรียกว่า Dunning-Kruger Effect ซึ่งทฤษฎีดังกล่าวสรุปได้ว่า
ยิ่งโง่เท่าไหร่ เราจะยิ่งประเมินความฉลาดของเราเกินกว่าความจริงเสมอ
และยิ่งเราฉลาดมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งประเมินความฉลาดของเราต่ำกว่าความเป็นจริงเสมอ
แปลกันง่ายให้ง่ายขึ้นอีกคือ คนที่โง่ จะเข้าใจว่าสิ่งที่เค้ารู้คือทั้งหมดของความรู้ในโลกนี้ แต่คนที่ฉลาดจะคิดว่าสิ่งที่เค้ารู้ยังไม่ได้จิ๋มมดในจักรวาลและยังมีอีกมากที่ต้องเรียนรู้
หรือถ้าจะให้เห็นภาพมากขึ้นก็คิดแบบนี้ว่า พวกคนโง่แบบจริงจัง แม่งจะโง่มากๆ มากซะจนตัวเค้าเองก็ไม่รู้ว่ากำลังโง่อยู่ ก็เลยมั่นใจในตัวเองฉิบหายว่ากูจีเนียสมาก มันถึงเอาน้ำมะนาวมาทาหน้าตัวเองได้ ....อีเหี้ย กูกราบ!
ถึงตรงนี้ ถ้าเราเห็นตรงกันว่า “ความโง่จะทำให้เกิดความมั่นใจในตัวเอง(อย่างผิดๆ)”
ก็จะเกิดความบัดซบของโลกเบี้ยวๆใบนี้ที่ว่า คนฉลาดๆก็เสือกสงสัยตลอดเวลาว่า ไอ้ที่กูรู้เนี่ยะ แม่งจริงเปล่าวะ มันถูกหรือยังวะ หรือมันไม่ใช่วะ เอ๊ะ...ยังไงนะ และถ้าเราเข้าใจในโลจิกทุกอย่างแล้ว เราจะเริ่มเข้าใจว่า
“ในการประชุมครั้งหน้า คนที่เสียงดังที่สุด มั่นใจตัวเองที่สุดในห้องประชุมอาจไม่ใช่คนที่ถูกที่สุดเสมอไป เพราะมันมีความเป็นไปได้เหมือนกันว่าแม่งอาจโง่ที่สุด จนไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตัวเองรู้คือความไม่รู้เหี้ยอะไรเลย”
May สติ be with you
#ส่วนหนึ่งจากหนังสือCreativeBlindness
#ไม่ต้องโยงเข้าการเมืองนะอีเหี้ยกูไม่ว่างติดคุก”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง