ปีนี้ Mark Zuckerberg จนลงนะเนี่ย
ทรัพย์สินเฮียเค้า เท่ากับทรัพย์สินของตระกูลเจียรวนนท์ + จิราธิวัฒน์ + อยู่วิทยา + สิริวัฒนภักดี รวมกันเท่านั้นเอง
Net worth:
Age 35: $71 billion
Age 34: $77 billion
Age 33: $65 billion
Age 32: $52 billion
Age 31: $35 billion
Age 30: $26 billion
Age 29: $13 billion
Age 28: $17 billion
Age 27: $14 billion
Age 26: $4 billion
Age 25: $900 million
ปัจจุบัน พี่มาร์ค ถือหุ้น Facebook ราวๆ 15% แต่มีสิทธิ์โหวตสูงกว่า 60%
แม้ไม่ได้เป็นเสียงส่วนใหญ่ แต่มีอำนาจเกินครึ่งของสภา เอ้ย บริษัท
ใครสงสัยว่าพี่แกทำได้ไง
เหตุผลที่ทำแบบนี้ได้ เพราะหุ้น Facebook ถูกแบ่งออกเป็น 3 แบบครับ คือ
1. Class A Shares -> 1 หุ้น 1 โหวต
2. Class B Shares -> 1 หุ้น มี extra vote = 10 โหวต
3. Class C Shares -> ไม่มีสิทธ์โหวต
พี่มาร์ค ถือหุ้น Class B เยอะสุด และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีข่าวว่าแกขายหุ้น
หุ้นส่วนที่ขายออกมาทำกำไรเอาเงินเข้ากระเป๋า จะเป็นหุ้น Class C ที่ไม่มีสิทธ์โหวตอะไร
ได้ทั้งเงิน และไม่เสียอำนาจ การควบคุมเสียงในบอร์ดบริหารด้วย
เป็นวิธีการเดียวกับที่ Google ใช้และพี่มาร์คแกก๊อปมาอีกที
หลายคนสงสัยว่า ในเมื่อมีสิทธิ์มีเสียงในการควบคุมบริษัทมากมายขนาดนี้ ทำไมไม่จ้าง CEO เก่งๆมาทำงานแทน
ตัวเองจะได้สบาย ไปทำอย่างอื่นได้ ในขณะที่ยังคงมีอำนาจสูงสุดได้อยู่
แต่เพราะในรัฐธรรมนูญบริษัทเขียนเอาไว้ว่า
วันใดก็ตามถ้าพี่มาร์คไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง CEO แล้ว
หุ้น Class B ที่พี่แกถืออยู่ จะถูกแปลงเป็น Class A ทันที
พี่มาร์ค เลยต้องเกาะเก้าอี้ CEO ไว้แน่นๆ เพราะอำนาจของหุ้น Class B ก็เปรียบเสมือนมี ม.44 อยู่ในมือ
ณ ตอนนี้ มีผู้ถือหุ้นจำนวนมาก อยากให้ Mark Zuckerberg ออกไปจากตำแหน่ง CEO ซะ เพราะนำพาประเทศ เอ้ย บริษัทไปผิดทิศทาง
ตัดสินใจผิดพลาดหลายครั้ง ทำให้บริษัทตกอยู่ในเสี่ยง
แต่ยังไม่เคยมีใครทำอะไรพี่มาร์คได้เลย และแกก็มีความ dictatorial leadership อยู่ในตัวค่อนข้างสูง จึงไม่ค่อยแคร์ซักเท่าไหร่
ตอนนี้มีกลุ่มผู้ถือหุ้นเปิดตัวแคมเปญ "Vote No" เพื่อโหวตให้ พี่มาร์คออกจากบอร์ด ในวันประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 30 พ.ค.ที่จะถึงนี้
แต่เชื่อว่าพี่มาร์ค น่าจะยังคงอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป
ส่วนพี่มาร์คบ้านเรา ลาออกไปเลี้ยงแมว และดูจะประสบความสำเร็จ เพราะยอดคนตามใน LINE เพิ่มขึ้นกว่า 6 เท่าแน่ะ