(ต่อจาก >>240 )
สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าคนที่ฆ่าตัวตายจะได้ไปสวรรค์มั้ย เราไม่รู้หรอก การตัดสินเป็นหน้าที่ของพระเจ้า ไม่ใช่ของเรา สิ่งสำคัญคือเราควรจะทำอย่างไรกับคนที่อยากจะฆ่าตัวตาย เรื่องนี้ต่างหากที่บอกไว้อย่างชัดเจนหลายต่อหลายครั้ง
ก่อนสมัยของพระคริสต์ ชาวอิสราเอลเคยทอดทิ้งพระเจ้าไป และใช้ชีวิตอย่างเหลวแหลก ในเวลานั้น ผู้เผยวัจนะ เอลียาห์ เป็นคนที่สุดท้ายที่ยังเชื่อพระเจ้าอยู่
แต่ภารงานที่เอลียาห์ได้รับนั้นหนักหนาเกินไป เขาเป็นมนุษย์ที่ต่อสู้กับรัฐทั้งรัฐด้วยตัวคนเดียว เอลียาห์ถูกนักบวชของบาอัลใส่ร้ายว่าเป็นผู้ที่ทำให้ฝนไม่ตกเพราะลบหลู่บาอัล เขาถูกตามล่าจากผู้คนทั้งประเทศ
วันหนึ่งเอลียาห์ตัดสินใจเข้ามอบตัวกับกษัตริย์ และท้าทายเหล่านักบวชของบาอัล ว่าถ้าบาอัลกินเครื่องบูชาได้จริง ให้ประหารเอลียาห์ได้เลย
เอลียาห์ชนะเดิมพัน หลังจากนั้นไม่นานฝนก็ตก เขาพิสูจน์ให้กษัตริย์เห็นว่าการลบหลู่บาอัลไม่ใช่สาเหตุของการที่ฝนไม่ตก และพิสูจน์ว่าบาอัลไม่มีได้มีฤทธิ์ คิดว่ากษัตริย์จะเชื่อเอลียาห์หรือไม่?
คำตอบคือ ไม่
เพราะราชีนีเป็นหัวหน้านักบวชของบาอัล เป็นคนทรง เมื่อราชีนีรู้เรื่องก็โกรธมาก และจะให้คนสังหารเอลียาห์เสีย
เอลียาห์รู้เรื่องก็กลัวมาก รีบหนีออกจากเมือง หัวซุกหัวซุน เข้าสู่ถิ่นกันดาล รอนแรมอยู่หลายวัน และทรุดลงที่ต้นซากในทะเลทรายต้นหนึ่ง
เอลียาห์รู้สึกว่าเขารับกับเรื่องนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทุกสิ่งที่ทำมาล้วนไม่มีค่า เขาอยากจะตาย และอธิษฐานกับพระเจ้าให้เขาตายเถิด เขาอธิษฐานอยู่อย่างนั้นจนหลับไป
พระเจ้าทำอย่างไรกับคำอธิษฐานของเอลียาห์?
พระองค์ทรงพิโรจ ส่งสายฟ้าฟาดตวาดว่า "การฆ่าตัวตายเป็นบาป เจ้าจะต้องตกนรก" หรือไม่?
หรือพระเจ้าบอกว่า "เจ้าไม่เข้าใจ ทุกสิ่งที่เกิดแก่เจ้าเป็นความประสงค์ของเรา จงยอมรับเสีย"?
ไม่เลย หลังจากที่เอลียาห์อธิษฐานเช่นนั้น ทูตสวรรค์ก็ปรากฎแก่เอลียาห์ พร้อมกับน้ำและขนมปัง
ทูตสวรรค์แตะตัวของเอลียาห์และบอกว่ากินเถิด
เอลียาห์ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะตื่นเต้น ตกใจ หรือแม้แต่กล่าวขอบคุณ เขานอนขนมปังอาหารกับน้ำนั้น และหลับไปอีก
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเอลียาห์ก็ยังพบทูตสวรรค์อยู่ พร้อมกับอาหารและน้ำ บทูตสวรรค์อกเอลียาห์ว่า "จงลุกขึ้นรับประทานอาหารเถิด เพราะการเดินทางนี้เกินกำลังของท่าน"
เอลียาห์ลุกขึ้นและกินอาหาร ด้วยกำลังจากอาหารนั้น เขาก็เดินทางสี่สิบวันสี่สิบคืนถึงภูเขาเฮโรป และพบถ้ำแห่งหนึ่งที่จะหลบภัยได้
เมื่อเอลียาห์อยู่ในสภาพนั้น พระเจ้าไม่ได้ แก้ปัญหาให้เอลียาห์ ไม่ได้ส่งทูตสวรรค์มาพาเขาบินไปยังเฮโรป ไม่ได้บอกว่าเจ้าจงทำ หนึ่ง สอง สาม สี่ นี่ ไม่ได้กล่าวตำหนิ
สิ่งที่พระองค์คำคือส่งทูตของพระองค์มา พร้อมอาหารและน้ำ แตะที่ตัวเขา อยู่กับเขา และบอกว่า “ข้ารู้ว่าการเดินทางนี้เกินกำลังของท่าน”
ทูตสวรรค์ไม่ได้สั่งสอนอะไรเลยสักคำ แต่สิ่งที่ทูตสวรรค์ทำ ทำให้เอลียาห์รู้ว่าพระเจ้าเป็นห่วงเขา พระเจ้ารักเขา และดูแลเขา ด้วยสิ่งนี้ทำให้เอลียาห์ลุกขึ้น และเดินต่อไปได้
เอลียาห์ยังต้องเดินในถิ่นกันดาลต่อไปถึง สี่สิบวันสี่สิบคืน เขาจึงพบกับสถานที่ที่เพียงพอที่จะหลบให้พ้นจากภัยอันตราย แต่อลียาห์ “มีกำลัง” พอที่จะทำได้ รวมถึงภารกิจของเขาหลังจากนี้ด้วย
แล้วถ้าอย่างนั้น เราควรจะทำอย่างไรกับคนที่อยากตาย และล้มลงเหมือนเอลียาห์
เราควรหรือไม่ที่จะทำแบบที่พระเจ้าให้ทูตสวรรค์ทำ
ตอนที่พระเยซู อยู่ในทะเลทราย มารปรากฎตัว และบอกกับพระองค์ว่า “เจ้าเป็นลูกพระเจ้าก็บอกให้พระเจ้าช่วยเจ้าสิ เสกหินนี้ให้เป็นขนมปังสิ” เราควรทำแบบนั้นมั้ย
สำหรับคนที่กำลังล้มลง เราเป็นมาร หรือเป็นทูตสวรรค์ที่พระเจ้าส่งมา
#มิตรสหายท่านหนึ่ง