มีน้องคนหนึ่งในบริษัทผม มี fault logic ที่ว่า "คนหล่อ เจ้าชู้ คนไม่หล่อ ไม่เจ้าชู้" .... เคยเถียงกันประเด็นนี้กับหลายคนในบริษัทผมด้วยนะ
จริงๆ มันมาจาก stereotype หลายต่อหลายอย่าง อาจจะมาจากสิ่งที่เขาเห็น อาจจะมาจากสิ่งที่เขาได้ยิน
จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้มันไม่ได้ขึ้นกับหน้าตาเลยสักนิด คนหล่อเจ้าชู้ก็ได้ ไม่เจ้าชู้ก็ได้ เช่นเดียวกับคนไม่หล่อ มันไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย
ที่พีคในพีค คือ น้องเขาสับสนระหว่าง "เจ้าชู้" กับ "มีชู้" อีกตะหาก .... (คือถามว่า "ถ้าคนที่มีแฟนสองคน หรือแต่งงาน แล้วมีเมียน้อย .... อยู่ดีๆ เลิกไปคนนึง ... ถ้าแต่งงานแล้วก็หย่า ไม่ก็เลิกกับเมียน้อย .... เหลือคนเดียว แบบนี้เรียกเจ้าชู้มั้ย" ... น้องตอบว่า "ไม่เรียก เพราะมันมีคนเดียวแล้วไง" ... คือสับสนระหว่าง "นิสัย/สันดาน" กับ "สถานะ" อีก)
เรื่อง logic พื้นฐานนี่ต้องสอนกันดีๆ ครับ
1. อย่าให้เอา anything มา confirm anything ..... ให้วาด set diagram ง่ายๆ จะช่วยได้เยอะครับ (ดูว่าอะไรเป็น subset ของอะไรไหม) ..... ถ้าที่น้องคิดมามันถูก มันต้องเป็นรูปของ subset (ซึ่งรวมกรณีเป็น set เดียวกัน) .... แล้วลองหา counter example ดู ... จะเห็นเลยว่ามันมีกรณีที่ผิดอยู่รอบตัวเลย .... (พิสูจน์โดย counter example น่ะแหละ .... สมมติว่ามันถูก แล้วหาตัวอย่างค้านให้มันผิด)
ตรงนี้มันจะไล่ไปหา logical statement ของ ถ้า-แล้ว (p -> q) ที่เคยเรียนกันมาได้ง่ายๆ ครับ
2. อย่าให้ตีสองประเด็นที่ต่างกัน (เช่นประเด็นนิสัย และสถานะ) เป็นเรื่องเดียวกัน .... เพียงเพราะมันมีคำเชื่อมที่เหมือนกัน หรือเอื้อให้คิดว่าเป็นอย่างเดียวกัน .... ผมชอบ model ตรงนี้โดยการใช้ "bit" ครับ คือเป็น flag 0, 1 (false, true) ง่ายๆ น่ะแหละ .... (สำหรับคนที่ไม่ทราบ bit คือ หน่วยที่เล็กที่สุดของ information ครับ) ... เพราะว่า 1 bit มันจะ represent ข้อมูลได้แค่อย่างเดียว แล้วเอาไปประกอบกับข้อ 1 ..... จะช่วยได้เยอะครับ
นอกจาก "เจ้าชู้ กับ มีชู้" แล้วยังมี "ใจร้อน กับ อารมณ์ร้อน" ที่ผมเคยพูดถึงไปด้วยนะครับ คิดง่ายๆ ได้ด้วยการมองเป็น 2 bit ครับ (และมีอีกหลายอย่างมาก)
รู้หรือยังคิดว่าเราเรียน math กันไปทำไม :P
เรียนอะไรมา ก็เอาไปใช้กันบ้างครับ เราเรียนกันมาแล้วทั้งนั้น อย่าคิดว่าไม่เห็นเกี่ยวกันเลย ใช้ไม่ได้หรอก (ทีงี้ ดันคิดว่าไม่เกี่ยวหรอก #ยิ้มอ่อน)
ป.ล. ที่ผมแชร์อันนี้ ไม่ได้แปลว่าผมคิดว่า คนหล่อไม่เจ้าชู้ทุกคนนะครับ มันมีทั้งสองอย่างแหละครับ
ป.ล. (2) น้องเคยถามผมด้วย ว่า "พี่เดฟเจ้าชู้มั้ย" .... ตอนนั้นก็งงว่าถามทำไม .... เพราะไม่เข้าใจ model ในหัวน้อง .... ตอนนี้เข้าใจล่ะ .... เออ อย่างน้อยน้องก็เห็นเราหล่อ (จาก logic ของน้องนะ 5555+)
ป.ล. (3) น้องๆ สาวๆ ในออฟฟิศบอกว่า "แท็กเลยพี่" และเจ้าตัวบอกว่าไม่มีปัญหา ดังนั้นขอแท็กน้องคนที่ว่านะครับ ***