1. ตอนตั้งพรรค แกนนำทั้งหลายยังเป็นรัฐมนตรี ไม่ลาออกจากตำแหน่ง
2. ตอนจัดงานเปิดตัวยิ่งใหญ่ที่เมืองทอง เอาเงินมาจากไหน? เอาเวลาที่ไหนทำงาน? พรรคอื่นยังอยู่ใต้ประกาศ คสช. ห้ามทำกิจกรรม
3. ตอนตั้งพรรค ใช้วิธีดูด ส.ส. ที่เป็นเจ้าพ่อท้องถิ่น นักการเมืองหน้าเก่า มาจากพรรคอื่น คนที่เคยด่าเขาไว้ทั้งหลายเอามาเข้าพรรคหมด แรมโบ้อีสาน, ลูกบุญทรง, สมศักดิ์, สุริยะ, บ้านคุณปลื้ม ชลบุรี
4. จัดโต๊ะจีน โต๊ะละสามล้าน เก้าอี้ตัวละสามแสน มีนักการเมืองพรรคอื่นไปร่วมนั่งยิ้มแฉ่งเฉย มีชื่อโต๊ะเป็นหน่วยงานราชการ คิงพาวเวอร์จัดไป 6 โต๊ะ 18 ล้าน ทั้งที่กฎหมายเลือกตั้งห้ามรับเงินจากหน่วยงานรัฐ ห้ามรับเงินบริจาคจากคนเดียวเกิน 5 ล้าน กกต. สอบแล้วบอกไม่ผิด เพราะไม่ได้รับเงินต่างชาติ
5. ตั้งชื่อพรรคพ้องกับนโยบายรัฐ ช่วงท้ายอยู่ดีดีโครงการชื่อเหมือนพรรคไล่แจกเงิน ก่อนหน้านี้ห้าปีไม่เคยทำ
6. กำหนดวันเลือกตั้งจะเป็นวันไหนไม่มีใครรู้เพราะรอ คสช. บอก จริงๆยังไม่รู้เลยว่าจะได้เลือกตั้งกันหรือเปล่า แต่พอประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งอีก 2 ชั่วโมงมึงขึ้นป้ายหาเสียงได้เลย คือ มึงสั่งทำไว้เมื่อไร? แล้วมึงรู้ได้ยังไง?
7. ตอนระเบียบ กกต. เรื่องการหาเสียงยังไม่ออกมา แน่นอนว่าพรรคอื่นก็กลัวไม่กล้าขยับตัวเดี๋ยวถูกหาว่า ทำผิด พรรคนี้ไม่เป็นไรติดป้ายนำไปก่อนเพื่อน สักพัก กกต. ออกระเบียบมาจำกัดจำนวนป้าย แถมบอกป้ายที่ติดไปก่อนหน้านั้นไม่เอามานับด้วย ใครจะไปรู้?? ก็มึงรู้อยู่คนเดียว
8. เขียนกติกาเองบังคับพรรคอื่นต้องหาสมาชิกจำนวนมหาศาล ทุกคนลำบากกันหมด แล้วมีคนถ่ายคลิปว่า พรรคนี้บังคับสมัครสมาชิกพรรคพร้อมบัตรคนจน แน่นอนว่า เรื่องก็เงียบ
9. แกนนำลงสมัครไม่ได้สักคน อุตตม, กอปรศักดิ์, สนธิรัตน์, สมคิด เพราะรัฐธรรมนูญที่ตัวเองเขียนมาเองบอกว่าต้องลาออกภายใน 90 วันหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้จึงจะลงสมัครได้ ตัวเองไม่ลาออกไม่ได้ลงสมัครก็จริง แต่เป็นแกนนำชัดเจนขึ้นเวทีปราศรัยปาวๆ ไม่กะเป็น ส.ส. ก็ได้ รอขอเป็นรัฐมนตรี พูดง่ายๆว่า เลี่ยงกฎหมายที่ตัวเองเขียนมาเองเพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน แล้วยังจะพูดได้ว่าเป็นพรรคสุจริตไหม?
10. ทำเป็นแห่ขันมากเทียบเชิญพลเอกประยุทธ์ แล้วไอ้นี่ก็เล่นตัว ทำเป็นขอคิดก่อนรอจนวันสุดท้าย เล่นละครท่องบทมาแข็งๆ ว่าพรรคพลังประชารัฐไม่เกี่ยวอะไรกับคสช. ดูถูกว่า ประชาชนโง่ ไม่รู้หวังให้ใครหลงเชื่อ?
11. ผู้สมัครว่าที่นายกรัฐมนตรี ไม่ลาออกจากตำแหน่งปัจจุบัน ไม่ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า คสช. ถืออำนาจมาตรา 44 อยู่ระหว่างเลือกตั้งจะสั่งอะไรก็ได้ แล้วให้ผู้ตรวจการแผ่นดินที่ตั้งมาเองวินิจฉัยว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ
12. หนึ่งเดือนก่อนเลือกตั้ง เพจพรรคมีคนไลค์สองพันกว่า ทวิตเตอร์สามร้อย ชัดเจนแล้วว่าไม่แคร์ฐานเสียงคนเล่นอินเตอร์เน็ต หวังพึ่งฐานเสียงเจ้าพ่อที่ดูดมาก็พอ สองสัปดาห์สุดท้ายพยายามมาเล่นบ้าง โดนด่าก็สมน้ำหน้าไป
13. ตอนแรกยอมขึ้นเวทีดีเบตตีหน้าซื่อ พูดจาสวยหรูเหมือนไม่ได้ทำอะไรมาเลยก่อนหน้านี้ ลอยตัวออกจากปัญหาของ คสช. แล้วส่งไพบูลย์ออกหน้าไปบู๊แล้วตายแทน อุตตม นั่งยิ้มแฉ่งลอยตัว ตอนหลังเหตุผลสู้ใครเค้าไม่ได้ ไปที่ไหนก็ตกเป็นเป้าโจมตีเลยปฏิเสธเวทีดีเบตทั่วประเทศ อีกนัยยะหนึ่งคือ ไม่แคร์ที่จะชี้แจงเหตุผลอะไรต่อสาธารณะแล้ว ก็มันไม่มีเหตุผลอะไรจะไปชี้แจงนั่นแหละ
14. ตอนเข้ามาอยู่ในอำนาจนั่งด่านโยบายฝ่ายทักษิณ แต่เอาจริงก็รู้ว่า คนมันชอบ พอถึงเวลาประกาศนโยบายของตัวเองปรากฏว่า ลอกนโยบายที่เคยด่าของเค้ามาหมดเลย แถมเพิ่มไปหนักกว่าเขาอีกต่างหาก ไม่อายฟ้าดินว่า ตัวเองเคยพูดอะไรไว้
15. ลงสนามเลือกตั้งเองโดยที่เป็นคนเขียนกติกามาเผื่อให้ตัวเองได้เปรียบ ไม่พอ แต่งตั้งส.ว. 250 คนมาด้วยตัวเอง เลือกคนมาเป็น กกต. เป็นศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองค์กรอิสระทั้งหลายเอง แล้วยังกล้าพูดว่าจะพาประเทศไปข้างหน้าสู่ความปรองดอง ใครเค้าจะไปอยากปรองดองด้วย
พูดตรงๆ แค่พยายามเก็บข้อมูลแล้วเขียนด่ายังเหนื่อยเลยทำไม่ทัน ใครคิดอะไรได้ช่วยเติมหน่อย พยายามไล่เรียงข้อกฏหมายและข้อเท็จจริง จนเริ่มรู้สึกว่า ขี้เกียจจะพูดเหตุผลกับคนหน้าด้านที่จะเอาทุกอย่างให้ได้ ขอรวมๆ แล้วด่ามันแบบนี้แหละ
ตอน คสช. เข้าสู่อำนาจออกประกาศคำสั่งอะไรก็ได้ ยังเห็นว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของสายธารความขัดแย้งทางการเมือง ยังไม่รู้สึกเกลียดมันมากขนาดนี้ นี่เรามาถึงสนามเลือกตั้งที่มีผู้เล่นนิสัยแบบนี้อยู่เป็นตัวเลือกได้ยังไง?
แถมยังน่าแปลกใจที่ยังมีคนจะเลือกอีก...