ผมจะเล่าเรื่องหลังจากเหตุกาณ์ในภาพนี้ให้ฟัง ว่ามันพลิกกลับให้น่าตื่นเต้นได้ยังไง
หลังจากชูป้ายนี้ ก็เกิดการดีเบตกันได้มันส์พอดูเลย จนสมแล้วจริงๆ ที่ผมพูดได้ว่า ”ปชป. แม่งเกิดมาเพื่อเป็นฝ่ายค้านจริงๆ “ คือชนิดที่ว่า ค้านได้เก่งเหี้ยๆ แต่มีชั้นเชิง(อันนี้ตูชม) คือหลังจากตรงนี้จะมีพิธีกรจากกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทออกมาถามว่าทำไมถึงแย้ง ศุภชัย แกเลยถามกลับประมาณว่าเขาไม่เคลียร์ในคำถามว่ามันเป็นการยกเลิกชุด นร. รึเปล่า ถ้าใช่มันจะขัดกับความสมัครใจของ นร. เองรึเปล่า เพราะคนที่เต็มใจใส่เขาไม่ได้มีปัญหากับชุด นร. เขาเลยถามต่อทุกคนว่า “แล้วพวกคุณล่ะรู้สึกยังไงเวลาเห็นเด็กใส่ชุด นร. ?” แล้วก็มีคนหน้าเวทีตะโกนบอกมาว่า “รู้สึกสงสาร” “...เพราะถูกบังคับแต่ง”ศุภชัย เลยขอเชิญ นร. ที่อยู่ในงานออกมาบอกความรู้สึกว่ารู้สึกยังไง
ศุภชัย :น้อง นร. ที่มางานนี้ทำไมถึงใส่ชุด นร. มา มีใครบังคับไหม?
นร. :ไม่มีครับ ใส่มาเอง
ศุภชัย :แล้วใส่ชุด นร. ทำไมทั้งที่เป็นวันหยุด
นร. :ก็รู้สึกแค่ว่ามันดูเรียบร้อยดี
ศุภชัย :แล้วรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารไหม
นร. :ไม่ครับ
คนถามก็ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนกับโดนตบหน้าว่าอย่าเอามุมมองตนเองมาคิดแทนเด็ก
นาทีนั้นผมบอกเลยว่าสุดจริง ไม่คิดว่าฝ่ายค้านคนเดียวกลางวงจะโต้กลับได้เด็ดขนาดนี้ เอาจริงๆ ผมว่าถ้า ปชป. ชูป้ายเห็นด้วยมันก็คงจบแบบเฉยๆ ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่พอมีฝ่ายค้านขึ้นมาปุ๊บ เวทีก็เริ่มแตกประเด็นย่อยขึ้นไปอีก ซึ่งมันจะมีคำตอบมากกว่าหนึ่งหรือสอง ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยวิธีการค้านแบบนักการเมือง กับวิธีค้านแบบแอคทิวิสต์ มันเป็นยังไง
Edit : อันนี้ผมขอตัวแก้ไขข้อความใหม่นินึง ไปฟังมาใหม่ล่ะว่าคนที่พูดว่า”รู้สึกสงสาร” จะไม่ได้มาจากตัวพิธีกร แต่มาจากคนตรงหน้าเวทีเอง ส่วที่เหลือก็ตามนั้นแหล่ะ
ตรงนี้ผมฟังผิดเอง ขอโทษด้วย