>>83 ไปลองอ่านแล้วคิดว่าเรื่องคุ้น ๆ ที่แท้เคยไปอ่านตอนแรกมาแล้วนี่เอง อ่านครั้งแรกยังคิดว่าเรื่องน่าสนุก เปิดด้วยตำนานอีกอย่างนึง แต่แล้วความจริงเป็นอย่างนึง แต่ไม่ได้อ่านต่อทั้งที่อยากรู้เนื้อเรื่อง เหตุผลที่ไม่อ่านต่อเพราะภาษาเยิ่นเย้อมาก (อย่าเสียใจนะ แก้ไขได้) ถ้าจะตัดให้กระชับ ต้องตัดทั้งคำและเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออกครึ่งนึงเลย ที่ผู้อ่านบอกว่างง แต่ก็ยังติดตามต่อ น่าจะมาจากปัญหานี้ เขารู้สึกได้ว่าเรื่องมันน่าจะสนุก แต่บรรยายเยอะเกินจนคนจับใจความไม่ได้ แม้แต่กูเองที่อ่านหนังสือจีนมาโชกโชน (รวมเสิ่นเจิ้นด้วย) ก็ต้องอ่านหลายรอบให้เข้าใจว่าจะสื่ออะไร
ปัญหาของคนเขียนคือติดการขยายความ ขยายมันซะทุกอย่างจนคนไม่รู้แล้วว่าใจความสำคัญที่อยากให้รับรู้คืออะไร กูยกตัวอย่างประโยคง่าย ๆ ก่อน กูสมมุติขึ้นเองนะ "วันนี้ตอนสาย ๆ แดดออกดีกูนั่งรถเมล์สายแปดไปโรงหนังที่เพิ่งเปิดใหม่ทาสีแดง กูซื้อตั๋วลดราคาเข้าไปดูแล้วกำลังดูเพลิน ๆ แล้วมีหมูตัวสีดำพันธุ์ออสเตรเลียตัวใหญ่มาก มีคำกล่าวว่าเป็นหมูพันธุ์โบราณมาจากสมัยโรมัน วิ่งเข้ามาผ่านหน้าจอจนการฉายหนังอันแสนครึกครื้นต้องสะดุดไป"
มึงดูอย่างข้างบน กูไม่ได้เขียนอะไรผิด แต่จุดประสงค์ของกูที่จะเล่าว่าดูหนังอยู่แล้วมีหมูวิ่งผ่าน มันถูกลบความตื่นเต้นไปหมดเลยด้วยการบรรยายที่ใส่เข้ามาทุกอย่าง งานแคว้นอวิ๋นของมึงมีปัญหานั้น จะให้ยกตัวอย่างประโยคก็บอกเลยว่ามีทุกประโยคทุกย่อหน้า อย่างที่กูบอกน่ะ ตัดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ถึงจะสวย
ถ้าต้องยกตัวอย่างจากของมึงเอง กูก็ขี้เกียจพิมพ์ แต่จะพยายามแล้วกัน มึงอุตส่าห์ดั้นด้นมาแล้ว กูอ่านของมึงไปแค่สองบท ก็จะยกมาแค่ที่กูอ่านนะ รอมึงเขียนกระชับแล้วกูจะกลับไปอ่านใหม่แล้วกัน
อารัมภบท ขึ้นชื่อตอนมาว่า เทพสงครามไร้พ่าย อสูรอัปลักษณ์แห่งแคว้นอวิ๋น [แค่ชื่อตอนก็ไม่กระชับแล้ว เหลือแค่เทพสงครามไร้พ่าย อสูรอัปลักษณ์ก็พอ เพราะคำว่าแคว้นอวิ๋นมันมีอยู่ในนิยายเต็มไปหมดอยู่แล้ว รู้อยู่แล้วว่าแคว้นไหน] ชาวบ้านร้านถิ่นภายนอกล้วนเล่าลือต่อ ๆ กันว่า ปีนั้นจักรพรรดิเสด็จประพาสชายแดนทางเหนือ....ยาวไปจนถึง ขอปวารณาตัวรับใช้พระองค์ [กูจะตัดให้ดูโดยจะเปลี่ยนคำของมึงน้อยที่สุด "ชาวบ้านเล่าลือสืบต่อกันมา คราวจักรพรรดิเสด็จประพาสชายแดน โจรกบฏฉวยจังหวะจู่โจม ท่ามกลางความคับขัน อสูรกับบริวารปรากฏกาย ในพริบตาสังหารโจรร่วมร้อยชีวิต หลังจากนั้นคุกเข่าโขกศีรษะ ปวารณาตนเป็นข้ารับใช้องค์จักรพรรดิ"]
มึงมีปัญหาแบบเดียวกันนี้ทุกย่อหน้า แม้แต่สิ่งที่ไม่สำคัญเลย มึงก็ยังไปอธิบายความ เช่น แต่บันทึกของซือเต๋อซุ่นซึ่งเรียกตนเองเป็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์ในยุคนั้นกล่าวไปอีกอย่าง [ในเมื่อเขียนว่าซือเต๋อซุ่นบันทึก มันก็ต้องเป็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์อยู่แล้ว ทำไมมันจะต้องมาเรียกตนเองเป็นผู้บันทึก ถ้ามึงมีอธิบายความ แปลว่ามันต้องมีอะไรเบื้องหลังหรือเปล่า ซือเต๋อซุ่นเรียกตนเองเป็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์ แสดงว่าคนอื่นไม่ได้เห็นมันเป็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์? ซือเต๋อซุ่นเป็นไอ้ขี้โม้ แต่งนิยาย? ซือเต๋อซุ่นจะมีบทบาทภายหลัง เลยต้องขยายความเพิ่ม? ในประโยคนี้เหลือแค่ "แต่บันทึกซือเต๋อซุ่นกล่าวไว้อีกอย่าง" ก็เป็นที่เข้าใจได้แล้ว]
กูอ่านแค่สองบทจึงเดาว่าความงงน่าจะมาจากคำบรรยายเยอะที่ทำให้คนไขว้เขวไปหมดว่าความสำคัญอยู่ที่ไหน ทำไมเราต้องรับรู้เรื่องปลีกย่อยมากมายที่น่าจะไม่ถูกนำมาใช้อีกเลยในเรื่อง การบรรยายเยอะไม่ใช่ไม่ดี นักเขียนระดับโลกที่บรรยายถี่ชนิดลมหายใจตอนตื่นนอนและขนจมูกก็มีเยอะแยะ แต่ทำไมเขาถึงเขียน เขาเขียนแล้วมันได้อารมณ์ไง ถ้าทุกความละเอียดมันมีอารมณ์ มีความหมาย ทำให้คนรู้จักตัวละครได้ดี มันจะไม่มีคนงง
อีกกรณีที่คนงงนิยายคือสกิลการอ่านต่ำ แต่ของมึงนี่ไม่ใช่ ของมึงมีปัญหาอย่างที่กูว่ามา แต่กูชมนะ มึงน่าจะมีเนื้อเรื่องสนุก กูเดาเอาแหละ เดาว่าอสูรนางเอกของมึงจะต้องไปแต่งงาน เรื่องอย่างนี้คนอ่านชอบ อีกอันที่ชมคือมึงใส่ใจคำผิดคำถูก กูเห็นคำผิดแค่ที่มือพิมพ์พลาดไป ไม่ใช่คำผิดที่มึงไม่รู้
เรื่องของมึงต้องรีไรต์แล้วตัดทิ้งถึงจะดี ถ้ามันเยอะเกินก็รอไว้ก่อนก็ได้ เขียนให้จบแล้วค่อยทำ อันที่เขียนใหม่ก็รีไรต์ก่อนลง ตัดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะช่วงแรกมึงจะยังทำไม่ได้หรอก ยังมองไม่เห็นว่าเยิ่นเย้อยังไง ค่อย ๆ ฝึกไปนะ โชคดี