Last posted
Total of 246 posts
มึงก็เขียนตุนไว้แล้วทยอยปล่อยดิวะ จะตุนแค่ไหน จะปล่อยทีละเท่าไหร่ คนเขียนก็ไปคำนวณความเร็วของตัวเองดิ ทยอยลงวันเว้นวันไม่ให้ขาดตอน แค่เนี้ยะก็วิวทะลุเม้นกระจายแล้ว
กูแนะนำให้มึงเขียนสต๊อกไว้ประมาณหนึ่ง แล้วเวลามึงอัพจะไม่ลนไม่เป๋ มีเวลาทบทวน สมัยกูลงใหม่ๆ กูยอมรับเลยว่าบางทีกูเสพติดการมีคนมาวิว บางทีกูรีบอัพไป แล้วกลับมาอ่านข้อผิดพลาดมันเยอะ เรื่องที่วางไว้บางทีจังหวะมันเร่งเร็วไป รายละเอียดที่ควรมีก็หล่นหาย เพราะบางที่เขียนแล้วอยากให้เรื่องมันดำเนินไปข้างหน้า อยากรู้ อยากเจอคนอ่านไวๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น จงกะสปีดตัวเองให้คงถูก เขียนช้าต้องเผื่อเยอะ ทำตอนเผื่อไว้ก่อนเริ่มตั้งเรื่อง
หรือกูแบ่งลงดี ตอนละสิบสองสิบสามหน้าเอสี่มันเยอะไปวะ
กูก็เขียนช้านะ จะสต๊อกก็ไม่ไหว แค่จะเขียนอะไรออกมาซักตอน ใช้เวลานานมากๆ บางทีก็เป็นเดือนๆ อยากเขียนเร็วๆได้ อยากเขียนได้เยอะๆแบบเขาบ้าง 555
เอ่อ กูเป็นนักอ่านที่แทบไม่เมนต์ แต่พอเห็นนักเขียนหลายคนบ่นว่าเมนต์น้อย เมนต์แล้วมีกำลังใจ ฯลฯ
กูเลยคิดว่า อะ กูก็ควรจะเมนต์ให้เค้าบ้างนะ นักเขียนจะได้รู้ว่ามีคนอ่านอยู่นะ จะได้มีกำลังใจ
แต่ถึงเวลาจริง ไม่รู้จะเมนต์อะไรว่ะ เรื่องตอนนั้นบางทีไม่มีอะไรพีค กูเองก็พูดไม่เก่ง
ก็เมนต์ไปว่าขอบคุณบ้าง รออ่านบ้าง
ถ้านักเขียนไม่อยากได้เมนต์แบบนี้ก็บอกได้นะ กูก็พร้อมที่จะหยุดเมนต์
กูอ่านแล้วเมนท์นะ แต่ไม่ได้เมนท์ทุกตอน เมนท์ตอนที่สนุกมาก ๆ กับเวลาที่กูคิดว่าควรเมนท์ได้แล้ว แบบผ่านไปหลาย ๆ ตอนก็จะเมนท์ทีนึง บางทีไม่มีอะไรจะเมนท์ก็หาเรื่องมาเมนท์ ไม่ชอบเขียนแค่ สนุกจัง ขอบคุณ รออยู่ มันดูห้วนไป กูคิดว่าเค้าแต่งให้อ่านแล้วเราชอบของเค้า เราก็ต้องเมนท์มั่ง เพราะนักเขียนรอเมนท์อยู่ กูก็จะเมนท์ว่าชอบตัวละครตัวนี้ ๆ ยิ่งถ้านักเขียนคนไหนตอบเมนท์กูก็จะเมนท์ถี่ ถ้าคนไหนดูท่าแล้วไม่อ่านเมนท์ กูก็นาน ๆ เมนท์ที แบบว่าเมนท์ตามมารยาท อ่านของเค้าก็ต้องขอบคุณเค้า แต่เพื่อนกูอ่ะไม่เมนท์เลย กูก็ถามว่าทำไมไม่เมนท์ มันบอกขี้เกียจ กูบอกว่าจบแล้วมึงก็ควรไปเมนท์ มันก็ว่าไม่ใช่หน้าที่ นักเขียนต้องทำใจว่ะว่าคนอ่านอย่างเพื่อนกูมีเยอะ
กูเขียนงานขายอยู่ตอนนี้กูไม่สนใจเมนต์แล้ว ไม่ได้หยิ่งอวดดังแต่มึงไม่คอมเมนต์กูไม่ว่าอะไรเลย ไลก์ไม่ต้องกดก็ได้ขอแค่ตอนกูทำอีบุ๊กขายหรือตั้งราคาตอน กราบ...มึงกดซื้อเถอะ งานเล่มของกูก็อย่าเอาไปสแกนแจกแค่นี้กูโคตรกราบพวกมึงแล้ว
เควาย
ระบายนิด
อิดอกกกกกก อ่านฟรีในเว็บ 70% ของเล่ม มึงยังไม่พอใจ กระแหนะกระแหน บีบให้ลงจบให้ได้ พอกูแกล้งแจ้งรายละเอียดการจองเล่มให้
แหม อิดอกหายจ้อย ด่ากูทิ้งท้ายอีก
ควัย
แสรดดด
ยอดเฟบแปดพัน
ยอดจองสี่สิบ
มีแต่คนอ่าน ไม่มีคนซื้อ
พวกมึงทำตลาดไม่เป็นกันรึเปล่าหรือเพิ่งเปิดจอง ถ้าเฟบขนาดนั้นปิดจองได้เท่านี้กูว่ามีปัญหาแล้วล่ะ เว้นหมวดแฟนตาซีนะ หมวดนั้นคนซื้อน้อย ส่วนใหญ่แฟนนักเขียนที่อยู่มานาน
>>135 ปกติกูพิมพ์เผื่อบ้างเหมือนกัน แต่ก็เผื่อไม่เยอะหรอก แต่ก็เบื่อออออ ทำไมไม่พรีตอนกูเปิด งงใจนิดๆ
>>136 ก็เป็นไปได้
จริงๆกูเฟบไม่เท่ามึงหรอก ครึ่งนึงของมึงมั้ง โดยประมาณๆ แต่ก็ยอดจองน้อยกว่าที่กูคิดเอาไว้มากแหละ นี่ทำให้กูเบื่อๆ แบบกูจะเปลี่ยนแนวละถ้าเกิดมันเป็นงี้ ละเป็นงี้หลายรอบละด้วย แบบยอดเฟบสามสี่พัน ยอดคอมเม้นตอนละ 30-50 ยอดจองยังน้อยกว่านั้นไปอีก เฮ้อออออ พาใจกูบางจิงจิ้งงงง ชมว่ากูเขียนดีๆ แต่ไม่ซื้ออ่ะ แบบกูควรจะทำไงให้ซื้อล่ะคะ กูก็ทำอะไรไม่ถูกนะ
กูเคยแว่บไปเขียนนิยายโรแมนซ์สองสามเล่ม ขายดีเป็นเทน้ำเทท่านะจ้ะ ขายดีกว่าเขียนแบบปกติเยอะมากอ่ะ ทั้งที่ใช้พลังงานการเขียนละคนระดับเลย ขนาดขายแค่อีบุ้คนะ เพราะกูอยู่กับครอบครัวไม่กล้าพิมพ์แล้วเอามาสตอกไว้ที่บ้าน แหะๆ 55555555555555555 จริงๆแม่งแล้วแต่แนวด้วยอ่ะแหละว่าจะขายได้รึเปล่า
>>139 จริง ละแบบใช้เวลาน้อยกว่ามากกกก อย่างเรื่องที่กูบ่นว่ายอดเฟบน้อยนี่กูเขียนมาครึ่งปี ตอนก่อนจะเปิดเรื่องนี้ ที่กูบอกว่าไปเขียนแนวโรแมนซ์มา สองเดือนก็ได้สองเล่มละนะ 55555555 ตอนนั้นว่างงานพอดี นั่งเขียนแม่งทั้งวัน เขียนเอามัน แต่ดันได้เงินดีกว่าที่กูเขียนมาเป็นปีๆรวมกันทั้งหมดอีก แม่งงงงงงงงงงงงงงงงงง ตลาดนิยายโรแมนซ์แม่งใหญ่ชิบหาย
ต้องใหญ่สุดอยู่แล้ว มันคือหนังสือโป๊ที่สุภาพแล้วของผู้หญิงนะมึง อันนี้ต้องยอมรับ ผู้ชายมันส่องเวปโป๊ซื้อหนังสือโป๊กันสบายใจเป็นเรื่องธรรมดาของค่านิยมโลก ทุกคนในโลกมันสนใจเรื่องนี้อยู่แล้วเป็นไปตามธรรมชาติ นิยายแบบนี้ก็มีหลายระดับ เป็นทางออกของสตรีแต่ละระดับความอาย ส่วนใหญ่ ผู้หญิงต้องการความเพ้อฝันอีกหน่อยต้องมีรักมีชอบแล้วค่อยไปเรื่องนั้น
กูลองเขียนโรแมนซ์ละ กะลองดู อิเชี่ยกลายเป็นยากกว่าเขียนปกติอีก นอกจากกูจะปวดหัวกับข้อมูล (โรแมนซ์กูแนว historical romance) กลายเป็นปวดตับกับฉากบรรยายตอนมีอะไรก่นอีก กูเพิ่งรู้ว่าตัวเองไร้ความโรแมนติกโคตรๆ เฮ้อ แต่ก็จะเขียนต่อไปเพราะอยากลองนี่แหละ
แต่กูยอมยอดวิวยอดเฟบจริง เรื่องนี้แม่มยอดพุ่งมาก ทีเรื่องที่กูตั้งใจเขียนมากๆ ยอดเท่าหอยมด เฮอะ
เมื่อวันก่อนกูเห็น 35+ เงิบไป
ระบายด้วยคน เดี๋ยวนี้เปิดพรีแล้วยอดจองน้อยลง ส่วนนึงเพราะเคสนักเขียนไม่ส่งงานตามกำหนดมีเยอะ คนอ่านก็ไม่ค่อยมั่นใจ แต่ก็แปลกนะ เวลานิยายหื่นๆ เปิดจองเหมือนเขาจะต้องมนตร์โอนไวกันทุกคน 555555555
ส่วนหนึ่งเป็นคนอ่านประเภทปากหวาน แต่จริงๆ เค็ม เวลาอัพก็กรี๊ดๆ สนุกค่ะ ชอบมาก รออ่านต่อ เปิดจองปุ๊บเงียบ หายแซบหายสอย
บางคนมาอ่านประจำ กดไลค์กดเฟบ คอมเม้นต์ทุกตอน ทำทุกอย่างในฐานะแฟนพันธ์แท้กูมานานหลายปี แต่ไม่เคยซื้อนิยายเลยก็มีจ้า พยายามมองผ่านๆ ไป แต่บางทีก็คิดเพราะนางมาเล่นเกมเวลาแจกนิยายฟรีทุกเล่ม ตั้งแต่เล่มแรกที่พิมพ์นานหลายปีแล้ว ฮืออ พี่สนิทกับหนูเหมือนมีทุกเล่มเลยค่ะ สรุปไม่เคยซื้อสักเล่มเหรอคะ
กูงงว่าต้องทำการตลาดแบบไหนยอดจองจะเยอะหน่อยวะ
หื่นได้ แต่ควรหื่นอย่างมีศิลป์ ให้สมกับที่มึงเป็นนักเขียน
ซี๊ด ซ๊าด อี๋ อ๊าาา นี่กูว่าทำให้เป็นนิยายโป๊ อย่ามาว่าโรมานซ์เลย ตัวอย่างนิยายโรมานซ์ที่ดี ผายมือไปที่นิยายของ สนพ กก เลยค่ะ
>>159 อันดับแรกมึงต้องเขียนสนุกอ่ะ แล้วกูสังเกตว่าต้องอาศัยการตลาดแบบปากต่อปาก ถ้ามีรีวิวก็จะขายดี พอรีวิวมากๆเข้าก็จะกลายเป็นกระแส
กูเคยลองนำเสนอตามกลุ่มต่างๆว่านิยายกูเป็นไง เรื่องเกี่ยวกับอะไร คนไม่ค่อยสนใจเว้ย หาว่ากูอวยตัวเอง (กูก็อ้าว งานกู จะให้กูด่าตัวเอง??)
กูเลยให้น้องอวตารไปอวย แล้วก็ก็อวตารอีกเฟสไปอวยย้ำอีก ชิบหาย แม่งขายดีถล่มทลาย กูก็เออ กูจะจำเทคนิคนี้ไว้
อีกอย่างต้องมีของแถมล่อใจป่ะ แต่กูมาคิดๆดูแล้ว ค่าของแถมก็ต้องบวกเพิ่มค่าเล่ม ราคาหนังสือแม่งก็แพงขึ้น ถ้าไม่แถมก็จะถูกลงใช่ป่ะ แต่คนไม่ค่อยสนใจเว้ย กูก็มึนว่าทำไมชอบหนังสือแพง แต่ก็ช่างเหอะ ขายได้กูก็ดีใจ
คือเมื่อกี้อ่านไปเจอ พลอตประมาณว่า นางเอกกู้เงินไปรักษาพ่อไรงี้ เลยต้องเป็นหนี้น่าสงสาร
พลอตแบบนี้จะหายไปไหม(หนังสือนั่นน่าจะยุคเก่า) เพราะมี 30 บาท
>>162 ถ้ามึงอยู่กทมโอกาสได้รพดีๆ มีเยอะ ในขณะที่คนตจวสิทธิ์สามสิบบาทจะต้องเข้ารักษาในรพเล็กๆ ระดับอำเภอ ถ้าโรคที่เป็นทางนี้ดูแลต่อไปไม่ไหวถึงส่งไปโรงบางประจำจังหวัด แต่ ถ้ารพ.ประจำจังหวัดเป็นรพ.ที่มีมหาลัยมีนศแพทย์ ก็ยังนับว่าโชคดี ซึ่งมีแค่ไม่กี่จังหวัด ทำประกันดีสุดในกรณีที่ไม่ได้มีประกันสังคม
ถามว่าจำเป็นถึงขั้นต้องขายตัวเลยมั้ยกับการขายตัว ไม่จำเป็นหรอก แต่มีเงินสำรองไว้หน่อยก็ดีและหาทางย้ายสำมะโนครัวไปอยู่กทม ที่สามารถใช้สามสิบบาทได้กับรพ.อย่างราชวิถีไรงี้
ต้องหัดลองขายอวัยวะบ้าง ชีวิติจะได้สดไสย
>>165 กุอ่าน 162 ผิด นิยายเรื่องนั้นนางเอกกูเงินนี่เนอะไม่ใช่ขายตัว
ซึ่งโครงการสามสิบบาทเป็นนโยบายที่ทำให้คนไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน นะกเขียนควรทำการบ้านเยอะๆ จริงๆนั่นแหละ แต่ตัวนักเขียนทำงานฟรีแลนซ์ต่อให้ออกงานกับสนพก็ไม่มีประกันสังคมเรื่องพวกนี้จะไม่รู้หรอ
หรือนขฐานะดี ทำประกันสุขภาพอุบัติเหตุเลยไม่เคยมีปัญหาเรื่องค่ารักษา
อันนี้กระทู้บ่นนักอ่านนะมึงงงงงง ไปๆบ่นนิยายที่มู้ตู้กัน
>>162 เรื่องจริง
30 บ. มันก็ได้แค่ระดับหนึ่ง คือโรคทั่วไป
ถ้าเจ็บป่วยต้องผ่าตัด เป็นโรคที่ต้องรอคิวเยอะจัด จนจำเป็นต้องเข้า รพ. เอกชน ก็เป็นอีกเคสหนึ่ง
ชีวิตจริง 30 บ. ไม่ได้รับการบริการดีอะไรเวอร์วัง ไม่งั้น รพ. เอกชนราคาแพงๆ จะอยู่ได้ไง
อย่างผ่าตัดไส้ติ่งงี้ เคยเห็นเคสหนึ่ง พ่อแม่เด็กจ่ายด่วนเกือบสองแสน
ซึ่งกูเข้าใจว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่อยากให้ได้รับการรักษาที่ดีที่สุด
หรืออย่างผ่าตัดหัวใจอย่างงี้ ก็เป็นล้านนะ ตาม รพ.เอกชน
จากประสบการณ์ คนรู้จักของกูเอง ค่อนข้างมีเงิน
ก็พาญาติเค้าเข้าเอกชน คืออยากรับการรักษาที่ดีที่สุด
เป็นโรคเส้นเลือดสมองแตก นอนรักษา รพ.เกือบเดือน จนจำใจต้องถอนท่ออ็อกซิเจน ไม่อยากยื้อต่อไป
เคสนี้หมดเงินไปหลายล้านบาท...
ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปคงตัดใจตั้งแต่วันแรกๆ ไปแล้ว
>>162
กูว่าคงหายว่ะพลอตแบบนี้เพราะส่วนใหญ่จะทำใจและรู้ฐานะตัวเอง หมอจะให้คำแนะนำเรื่องนี้เลย โรงบาลเอกชนเขาก็ไม่โง่ปล่อยให้รักษาโดยไม่มีหลักประกัน ถ้าเกิดมีแต่รักษาจนตังค์หมดก็คงได้แต่รู้ว่าไม่พอยังดื้อไม่ประมาณตัว คนไม่น่าเห็นใจเหมือนกรณีดาราคนหนึ่งที่พ่อเป็นมะเร็งพาไปเข้าเอกชนแล้วมาขอบริจาค เว้นแต่แบบยาที่*จำเป็น*ไม่อยู่ในบช แล้วราคาแพง (กูแอบนิดถึงจ่าที่เคยมาขอให้ชาวบ้านลงชื่อเอายาราคา10ล้านเข้าบช หลายคนก็ไม่เล่นด้วย)
แม้ว่าจะเขียนได้แต่ถ้าเขียนไปแล้วโดนท้วง นข คงไม่อยากเขียนต่อหรอก สุดท้ายก็คงหาย
นักอ่านเทวดา ที่ชอบเม้นด่าจนกูงงว่ากูไปเผาคอกมันหรอ
เขาบอกว่าชอบงานกูแต่ช่วงนี้ดันไม่มีนักอ่านมาเม้นต์เลย ยอดวิวก็เพิ่มเรื่อยๆ สวนทางกับยอดเม้นต์มาก กูไม่มีกำลังจัยยย ไม่มีแรงปั่นนน หรือกูโลภมากเองวะ
กูเป็นนักอ่านวัย 20 ปลาย คือเวลาอ่านนิยายในเน็ตกูแทบไม่เม้นเลยมึง แต่กูตามซื้อทุกเรื่องที่ชอบเลยนะ
เอาจริงนะ ที่ไม่เม้นเพราะ
1. ขี้เกียจ เวลาตามนิยายในเน็ตมันตามหลายเรื่องไง ไม่ไปตามเม้นมันทุกเรื่องหรอก
2. กูยุ่ง อิที่อ่านๆเนี่ยแอบอ่านในเวลางานตอนว่างๆเอา บางทีอ่านยังไม่จบตอนแม่งก็ไม่ว่างอีกละ
3. ไม่ได้ตามทุกวัน คือบางทีนิยายเด้ง แต่รออ่านรวดเดียว 4-5 ตอน คราวนี้เกิดอยากเม้นมันก็เม้นแค่ทีเดียวตอนท้ายสุดที่อ่านละ
4. ไม่รู้จะเม้นอะไร กูไม่เม้นนิยายที่คนอ่านเยอะๆเลยนะ คนอื่นมันเม้นเยอะแล้วอ่ะ คือมันซ้ำแล้วไหมล่ะเวลาเม้นในนิยายที่ไม่มีคนอ่านกูก็อาจจะโผล่ไปแบบให้กำลังใจค่ะ แบบให้เขารู้ว่ามีคนอ่านนะ แต่กูก็ไม่รู้จะเม้นต่อยังไงอ่ะ ไม่งั้นจะเม้นอีกทีคือนิยายแม่งให้ความรู้ผิดๆ
กูว่าคนอ่านมันก็มีหลายแบบนะมึง คือจะได้อย่างเสียอย่างอ่ะ อย่างกูไม่เม้นแต่ตามซื้อมันแทบทุกเรื่องเลย เอาจริงบางคนเขามีเงินแต่ไม่มีเวลาไง ที่มีเวลาก็ไม่มีเงิน เช่นพวกวัยรุ่นเงี้ย ส่วนที่เม้นบ่อยๆแล้วตามซื้อมีทั้งเงินทั้งเวลามันก็มีแต่แม่บ้านไม่ก็เกษียณแล้วไหมอ่ะ น่าจะหายากหน่อยนะ
ปล.พูดถึง 30 บาท มันครอบคลุมแทบทุกโรคอยู่นะ เอาจริงบางอย่างดีกว่าประกันสังคมด้วยซ้ำ เช่นทำฟัน หรือรักษามะเร็งบางอย่าง อิพวกคิวที่ต้องรอๆ คือมันเป็นโรครอได้ไง แบบไม่รักษาตอนนี้ก็ยังมีโอกาสรอดอีก ส่วนมากที่ไม่รักษาเพราะค่าเดินทางมากกว่า แบบรพ.ชุมชนส่งไปในเมือง ไปกทม.คนบ้านนอกจริงๆก็ไม่มีเงินค่ารถ ค่าอยู่ค่ากินคนเฝ้าไข้น่ะ แต่กูแนะนำให้ถามฝ่ายประกันของรพ.ก่อน บางที่มีมูลนิธิช่วยคนยากไร้ เพราะงั้นพวกพล็อตขายตัวใช้หนี้ญาติป่วยนี่ควรหมดไปได้ละ ยิ่งอยู่ในเมืองคือมึงตายยากมากอ่ะ ยิ่งเดี๋ยวนี้ไลฟ์เฟสบุ๊คขอบริจาคแป้บเดียวก็ได้แล้วละ
>>50 เคยลงงานหนักๆ ในเด็กดี มีคนเฟบมียอดวิว แต่กว่าจะได้มาต้องแลกกับพลังงาน วิวแค่ร้อยเอง พอเอาไปลงธัญ แป๊บเดียวยอดวิวแตะหลักแสน แต่ไม่ใช่เรื่องเดียวกันนะ กูเลยถือซะว่าค่อยๆ ศึกษาไปว่าเว็บไหนเป็นยังไง ไม่ใช่ว่างานเราจะแมสกับนักอ่านทุกคนทุกเพศทุกวัยอะ ต้องทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็จับทางได้เอง กูหยุดไปฝึกวิทยายุทธ์การเขียนนิยายมา 3 ปี เพิ่งออกจากกะลาเมื่อไม่นานมานี้เอง 555 โลกก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปเยอะนะ สำคัญคือการเป็นนักเขียนต้องขยันและอดทนอะ ตอนนี้กูกำลังศึกษาการลงนิยายในแต่ละเว็บอยู่ จากที่เคยไม่กล้าเอานิยายลงในไหนเพราะกลัวไม่มีใครอ่าน กลัวลงไม่จบ ตอนนี้กูเริ่มกล้าที่จะลงงานแล้ว สู้นะมึง
อยากระบายบ้าง
นักอ่านdmมาทวงนิยายอะ ก็บอกจะลงวันนี้แหละ แต่พอห้าทุ่มยังตรวจคำผิดอยู่ เขาเดมมาอีกว่าไม่รอละ ง่วงนอน จะอัพก็ไม่อัพสักที เอ่อ...เป็นนิยายฟรีนะ เราไม่ได้รายได้ ท้อเลย ซึมเป็นส้วม 55555
ดันทู้นี้กลับมาได้ปะ5555
อื้อหือ มู้นี้ที่กูต้องการ นั่งอ่านแล้วกูรู้สึกหัวเราะให้กับเรื่องที่ตัวเองเจอเลยว่ะ ว่าที่กูโดนนี่ยังเบบี๋มากๆ กูโดนนักอ่านอ่านนิยายกูแล้วมโนเป็นตุเป็นตะว่ากูจะเขียนอย่างงั้นอย่างงี้จนจบ ไม่น่าอ่านโคตรเสียเวลา (แต่กูไม่เจ็บนะเพราะคนอ่านเหมือนไม่ได้อ่านงานกูจริงๆอ่ะ กูเขียนไปคนละเรื่องกับทีมันร่ายมาเลย555) แต่กูไม่ชอบนักอ่านที่ชอบเมนท์แรงๆ หื่นๆว่ะ แบบกูแค่เขียนโมเมนท์กุ๊กกิ๊กไม่ได้เเขียนคนเย็ ดกัน เมนท์ว่าตลค.กูเป็นหมาเหงาติดสัด เหี้ยไรเนี่ย
หรือนักอ่านที่เหมือนเป็นนักฉอดเรื่องภาษา คืองี้กูโอเคกับคนที่บอกกูดีๆนะเรื่องคำผิด และขอบคุณด้วยซ้ำเพราะเสมือนมีคนคอยดูช่วยกู แต่ไอ้การบอกว่ากูเคยเรียนภาษาไทยมั้ยคะ อื้อหือดูถูกกูทั้งที่ตัวมันเองยังพิมพ์ไม่ถูกเนี่ยมันน่าหงุดหงิดเว่ย บางทีพิมพ์เยอะๆ มันก็เบลอ บางอันกูพิมพ์ผิดเพราะไม่รู้จริงก็ยอมรับโว้ย แต่บอกดีๆก็ได้ป่ะ (แต่กูก็รู้สึกขอบคุณในส่วนที่ติกูอยู่ล่ะนะ แต่ขอเถอะฉอดแบบนี้มันไม่น่ารักเลย)
หรือนักอ่านสายมโน(แบบอันที่เล่าข้างต้น) ชอบบอกว่าเรื่องกูจะเป็นแบบนั้นแบบนี้แน่เลย คือปกติกูก็ไม่อะไรนะกับนักอ่านสายนี้ แต่กูไม่ชอบเมนท์ประมาณว่าอวดฉลาด รู้ทันคนเขียนทั้งที่มั่วชิบหายอ่ะ และบางทีมันก็กดดันเว่ย คิดจะเขียนอีกอย่างแต่นักอ่านมโนไปอีกอย่าง หรือบางทีพยายามยัดเยียดมโนตัวเองให้กูเขียนตามที่อยากอ่านมันทำให้บางทีกูก็กดดันกับเมนท์แบบนี้นะ
แค่ส่วนน้อยที่กูอยากบ่น เพราะส่วนมากคนอ่านกูค่อนข้างน่ารัก ยังไม่ถูกด่าแรงๆ แต่กูมือใหม่อ่ะ ใจกูยังไม่ด้านชาพอจริงๆ ขอบคุณมู้นี้ กราบบบ
>>187 ส่วนมากกูก็เอนจอยกับสายมโนนะ เขาดูอินกับเรื่องที่เราเขียนจริงๆ และเมนท์กันดีๆ แบบเดาว่าเรื่องจะเป็นยังอะไรแบบนี้กุนี่โคตรชอบ แต่บางทีมาแบบมโนว่ากุจะเขียนไม่ถูกใจมันเหมือนกับเรื่องอื่นที่มันเคยอ่าน แล้วด่าตลค.กูกับว่ากูบ้าป่ะ กูนี่ห๊ะนิดนึงเลยอ่ะ ไรวะ
หรือมีเมนท์ที่แบบ เดี๋ยวก็จะแต่งแบบนี้แบบนี้สินะ พล็อตเดิมๆ เห็นมาหลายเรื่องละ แต่จะรอดูแล้วกัน/ถ้าแต่งแบบนี้คือเหี้ยมากนะคะ อะไรแบบนี้ คือเมนท์เหมือนอยากอวดว่ากูอ่านมาเยอะแล้ว กูรู้ทันคนเขียนและกูสปอยเอาไว้ล่วงหน้าเบยแบบนี้ คือกูไม่ค่อยโอเคกับเมนท์แบบนี้อ่ะ แบบถ้ากูเขียนออกมาเหมือนที่มันว่ามันจะตามด่ากูมั้ยวะ แอบระแวงอ่ะ
แต่บางอันถ้าพูดดีๆกูก็ฟังนะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร บางทีกูก็เอาความคิดเห็นมาปรับใช้ในงานอยู่ แต่ที่กูมีปัญหาด้วยจริงๆคงเป็นที่คำพูดแหละ บางทีมันฉอดไปกุก็ไม่ชอบว่ะ
>>188 กูไม่เคยเจอแบบนี้ ถ้าเจอบ้างกูคงไปต่อไม่เป็น แต่พวกนี้คือถ้าไม่ตอบดีๆ ต่อไปจะยิ่งหนักขึ้นเปล่าวะ แต่ถ้ามันหนักหนาเกินไป มึงก็ลองแบบขอความกรุณา บอกตรงๆ แบบคุยช่วงท้ายนิยายอะว่า มันบันทอนจิตใจมึงนะ ไม่โอเคกับอะไรแบบนี้ลองเปิดใจให้เขาฟังสักครั้ง พวกนี้เขาอาจจะหายไปก็ได้ เพราะเขาอาจคิดว่าการเปิดใจของมึงคือการไล่เขา ส่วนนักอ่านที่เหลืออยู่คืออยู่เพื่อมึงจริงๆ เพราะเขาไม่เคยทำแบบนั้นกับมึง เขาจะไม่ว่าอะไร แล้วก็ยังอาจจะช่วยปลอบมึงด้วย
>>189 เออพอมาฟังมึงพูดนี่กูก็เพิ่งเข้าใจที่ตัวเองรู้สึกแย่เลยว่ะ มันคงบั่นทอนกูจริงๆแหละ แต่กูไม่กล้าพูดเพราะกูโนเนมด้วยแหละ กูเห็นดราม่านักเขียนฉะกับนักอ่านแล้วกูกลัวอ่ะ กูเถียงคนไม่เก่งอ่ะมึงเลยไม่กล้าพูดอะไรแต่มาระบายลงโม่งแทน คือถ้ากูบอกเขาไปว่ากูไม่โอเคกับคำพูดแบบนี้เดี๋ยวก็โดนหาว่าวิจารณ์ไม่ได้อีก กูกลัวคนที่เขาเมนท์ดีๆเขาจะคิดว่ากูว่าเขาไปด้วยน่ะ บางคนด่ากูเสร็จก็ขอโทษกูนะ เหมือนป่วยอ่ะมึง
กูจะลองหาทางพูดดู ถ้ามันเริ่มทำให้กูรู้สึกแย่มากไปกว่านี้ แต่ยากจังบางเรื่องอย่างเมนท์หื่นนี่ไม่รู้จะบอกยังไง บางทีกูเลยคิดว่าจะปล่อยไปตราบเท่าที่ไม่ใช้คำหยาบล่ะนะ ยังไงก็ขอบใจมากนะมึง ขอบใจมู้นี้ด้วยที่ทำให้กูได้ระบาย กูสบายใจล่ะ เฮ้อ
ไม่ได้เข้าโม่งนาน เห็นชื่อมู้นึกว่าจะมาอวดนักอ่านปล่อยอ่านฟรี กับนักอ่านใจดีคอมเม้นท์ให้กำลังใจ พอเข้ามาอ่านนี่โคตร 555
เคยโดนด่าว่ามักง่าย เออ แต่กูก็มักง่ายจริงๆ นี่นิยายกู กูจะทำอะไรก็ได้ อ่านฟรีด้วย ไม่ได้ปล่อยขาย เจอเม้นนั้นกูซึมวันสองวันแล้วกลายเป็นคนช่างแม่งไปเลย
ตอนนี้กุว่าจะลองเขียนโรมานซ์ อยากหาเงินอ่ะ พูดตรงๆเลย แต่มันไม่ใช่แนวตลาดอ่ะ ไม่ใช่แบบฉุดกระชากลากถูเยดๆ(กูอยากเขียนแนวอื่นน่ะ) กูยังคิดอยู่ว่ากูจะเอาลงรายตอนติดเหรียญหรือขายแต่อีบุ๊คอย่างเดียวดี ขนาดเขียนแบบปกติยังเจอเมนท์ปสด ขนาดนี้ ถ้าอิโรติกจะขนาดไหนวะ ตอนนี้กูกังวลหน่อยๆอ่ะ ใครเขียนอิโรติกเล่าให้กูฟังเป็นประสบการณ์ที กุจะได้เอาไปตัดสินใจว่าจะอัพจะขายยังไง
จองแล้วไม่โอน เป็นไรอะ กูอุส่าตื่นมาตอบตอนตีหนึ่งกว่า
ทำกูนอยด์สัสๆ กว่าจะได้ยอดจองสักยอด กูโมโหกูเลยซื้อข้าวผัดหมูกรอบ เพิ่มไข่ดาวกรอบๆ เข้าไปอีก
เอาให้ไขมันอุดตันตายไปเลย
พวกมึงก็แคร์หัวข้อกระทู้นิดนึงดิ กูโมโหนิดเดียว ทำโม่งเขวกันหมด ฮ่าๆๆ จี้สัส
พวกมึงทำกูหิวไข่เยี่ยวม้ากะเพราะกรอบ
แวะมาระบาย คือกูมือใหม่แล้วงานเขียนกูมันย้อนอดีตเยอะ แล้วโดนบ่นว่าเป็นโรคติดย้อนอดีตเหรอคะ คือกูก็ยอมรับนะว่ามันเยอะจริงๆ กูคิดไม่ออกไงว่าจะเล่ายังไงแต่เขียนๆไปก่อน แล้วพาร์ทอดีตที่เขียนก็เป็นประเด็นสำคัญของเรื่องด้วย เฟลว่ะ ก็ไม่รู้ว่าถ้ารำคาญขนาดนั้นทนอ่านไปทำไมนะ ถ้าอยากแนะนำกันพูดดีๆกว่านี้ไม่ได้เหรอ
บ่นเองก็รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าว่ะ เฮ้อมันก็สิทธิของคนอ่านอ่ะเนาะ และกูก็เขียนไม่ดีเองด้วย แต่อยากมาระบายความเฟลลงโม่งเท่านั้นแหละ ช้ำใจแท้
>>208 ขอบใจมึง เมื่อกี้กูกลับไปเช็คที่หน้านิยายบางตอนที่บ่นก็ไม่ได้ย้อนอดีตอะไรมากนะ มีนิดเดียวจริงๆ ตอนแรกนึกว่าด่าพาร์ทที่เขียนย้อนอดีตยาวๆ แต่กลับเมนท์ว่าเป็นโรคย้อนอดีตเหรอในตอนที่แทบจะย้อนอดีตแค่นิดเดียว กูเลยรู้สึกเหมือนเมนท์หาเรื่องมากกว่าแนะนำล่ะมั้ง
ยังไงกูก็จะแต่งให้จบอยู่ดีแหละ กูแต่งไปก็เอนจอยกับงานตัวเองดีมึง แต่ยังใหม่ก็ยอมรับว่าหลายอย่างก็ยังกะไม่ถูกว่าควรเล่าแบบไหนทำให้ตอนมันยืดและเรื่องเดินช้า แต่บางทีเจอคอมเมนท์แรงๆห้วนๆ มันก็ทำกูเศร้าและเฟลเหมือนกัน
กูจะพยายามมองข้ามพวกนี้แล้วดูที่เนื้อหาที่เขาติมาแล้วกัน แต่แค่มันอดรู้สึกแย่ไม่ได้กูก็จะมาระบายในโม่งนี่ล่ะ ขอบใจ
เดี๋ยวนี้นักอ่านสายฉอดเยอะจังเลยวะ บางทีเจอบ่อยก็อยากเขียนเหี้ยๆประชดแม่งเลยว่ะ แม่งเอ้ย! พูดดีๆไม่เป็นรึไงวะอีห่า กระแนะกระแหนอยู่ได้ รำคาญโว้ยยย! รับคำติไม่ได้แปลว่ารับคำด่านะอีควาย เขียนงานก็ยากจะตายห่าอยู่แล้วยังต้องมาเจอเมนท์ปากหมาๆแบบนี้อีก หงุดหงิดโว้ย พูดดีๆไม่เป็นเก็บปากไว้อมเหรียญเหอะอีสัส
//โทษทีกูโมโห ปกติกูเป็นคนเรียบร้อยพูดเพราะ แต่เจอพวกปากหมานี่อยากโดถีบขาคู่แม่งจริงๆ แม่งเอ้ยย!!
เราขอลงplot เรื่องในนี้ได้ไหมพอดีไม่ค่อยมีที่ให้คุยเรื่อง plot น่ะ
ขอบคุณครับ
>>211 ถ้าเป็นการคุยพล็อต ทู้นี้เหมาะกว่า https://fanboi.ch/literature/12326/recent/
ขอบใจมากนะครับ
กูเครียดอ่ะ เฉลยปมใหญ่ไปแล้วแต่มีคนตีความผิดไปคนละทางเยอะเลย ละตามพล็อตที่วางไว้ก็ไม่มีที่ให้อธิบายเรื่องนี้เพิ่มแล้ว กูควรทำไงดีวะ เขียนเฉลยในทอล์คนักเขียนเลยเหรอ
>>217 คนอ่านมีหลายกลุ่มอย่าสนใจ คนเข้าใจมีแค่ไม่พิมพ์ตอบ กูเจอคนอ่านกรี๊ดๆๆๆ พระเอกๆๆๆ แต่ไม่คอมเมนต์เนื้อเรื่องเลย จนมีแค่คนเดียวเขียนวิเคราะห์ละเอียดพิมพ์มาเกือบ 3 A4 เดาทางก่อนจบแล้วตรงกับที่กูวางเกินครึ่ง กูก็กราบแล้ว แค่นี้พอใจแล้วว่ามีคนอ่านที่คิดตามอ่านอยู่
>>219 กอดๆนะมึง แต่เรื่องคนอ่านงง หรือเข้าใจผิดกูว่ามันมี 2 แบบนะ คนอ่านที่อ่านไม่แตกเองก็มี แต่ถ้ามีเมนท์ทำนองเดียวกันเยอะว่าไม่เข้าใจเรื่องเราอาจจะมีปัญหาจริงๆ ก็ค่อยๆแก้กันไปมึง กูคิดแบบนี้นะ วันนี้เรายังมือใหม่ไม่เก่งเขียนแย่ แต่ถ้าเขียนไปเรื่อยๆเราจะค่อยๆเรียนรู้วิธีเขียนพัฒนาไปเรื่อยๆเอง เขียนต่อไปนะมึง ถ้าไม่เขียนวันนี้ก็ไม่รู้จะเก่งวันไหน เป็นกำลังใจให้นะ
ทำไมพักนี้คนอ่านอีบุ๊ก มาเม้นรีเควสให้จัดโปรกันลึ่มๆ เลยวะ กูเข้าไปนิยายเรื่องไหนก็เห็น
ผ่านไปเห็นคอมเม้นท์ในตอนพิเศษฟรี ของนิยายคนอื่น บอกว่าไม่มีอะไรนอกจากฉากกินกัน ก็ตอนพิเศษเปล่าวะ จะเอาอะไรจากตอนพิเศษ จะเอาพล็อตเรื่องตื่นเต้น ฝ่าดง เผากระท่อมเหรอ แถมดูท่าก็ไม่ได้ซื้อเล่มหลักของนักเขียนเขาด้วย
ขอถามนักอ่านหน่อย ถ้านักเขียนๆ เรื่องสั้น แล้วทีนี้รีไรท์เขียนใหม่เป็นเรื่องยาวโดยเปลี่ยนพระเอกอย่างนี้จะเสียความรู้สึกมั้ย อ่านฟรีทั้งสองแบบนะ
พวกมึงทำยังไงกับความรู้สึกดาวน์ตอนมีนักอ่านบอกว่า ไม่เห็นสนุกอย่างที่รีวิวเลย อวยกันเยอะมากแต่เขาอ่านแล้วไม่ชอบ กูก็ไม่คิดว่านิยายตัวเองจะปังนี่หว่า อยากเขียนให้คนที่ชอบแบบเดียวกับกูอ่านเฉยๆ ไม่ได้ต้องการให้คนที่เห็นว่ารีวิวเยอะจังมาอ่านเพราะคาดหวังว่ามันจะดีมาก เข้าใจว่ามันเลี่ยงไม่ได้เวลางานของเราออกไปในสังคม แต่ก็แบบ กูนอยด์จัง
อยากเขียนให้คนที่ชอบแบบเดียวกับกูอ่านเฉยๆ <-- เพราะฉะนั้นมึงจงแคร์คนที่เขาสนุกและชอบมึงในแบบที่มึงเป็น
กู 233 เองนะ ขอบคุณพวกมึงทุกคนมากโม่ง ดีขึ้นพอสมควรเลย บางทีใจมันก็รู้แหละ แต่อยากให้มีคนเตือนสติหน่อยว่ากูจะแคร์แม่งไปทำไม ขอบคุณอีกทีที่ฟังกูบ่นขิงข่า มันก็มีนิยายที่กูอ่านแล้วไม่เก็ตว่าคนชอบเข้าไปได้ยังไงเหมือนกัน กูคงต้องยอมรับจุดนี้ให้ได้ ขอบคุณมึง
ทำไมนักอ่านต้องคาดหวังความเพอเฟคจากอีบุ๊คฟรีด้วยวะ
Ky กูขอดันหน่อยมู้นี้หน่อยเถอะ ถ้าเงื่อนไขจะเยอะขนาดนี้ กูบอกคำเดียว 'มึงไปเขียนเองจ้า'
https://twitter.c0m/supportU_/status/1501774922640932864
Topic has reached inactivity threshold.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.