>>11
สวัสดีนะ
เราก็ชอบทำอาหาร, แต่แน่นอน เวลาของเด็กชายคนหนึ่งที่เรียนพิเศษเสาร์อาทิตย์ เรียนมัธยมจบย้ายเข้าหอที่เท่าแมวดิ้นตาย จำเป็นต้องสละพื้นที่ทำอาหารเพื่อกิจกรรมที่รักกว่าอย่างการอ่านหนังสือ จากตอนแรกมีเพียงมุมชาเล็กๆ ในห้อง--กาน้ำร้อนและกระปุกชาสามสี่ชนิด พอชงให้กลิ่นของการดื่มกินของที่ผ่านการปรุงด้วยฝีมือตัวเอง
เวลามี เงินมี เริ่มขยับขยายเป็นตู้เย็นและไมโครเวฟ ทำอาหารง่ายๆ เท่าที่อยากทำ แมคแอนด์ชีสและสมอร์สเป็นเมนูโปรดเพราะทำง่าย ซื้อมื้ิอโปรดจากร้านเบเกอรี่เจ้าดัง (ที่ลดราคาทุกหนึ่งทุ่ม) มาทานฉลองให้วันเล็กๆ ของตัวเอง
อาหารและเราผูกพันกันมากกว่าปัจจัยสี่ เรารู้สึกว่ามันมีอะไรที่ซ่อนเรื่องราวและความประณีตเอาไว้อยู่มากเสียเหลือเกิน ทุกวันนี้เราตอบตัวเองไม่ได้ว่าเราชอบกินอาหารอะไร หรือเมนูไหน เพราะมันเปลี่ยนไปตามวิถีและการเปิดเจอสิ่งใหม่ๆ ของเรา ตอนนี้กำลังอินอาหารอินเดีย มันเป็นอาหารที่ comfort มากๆ และอร่อยมากๆ
หืม, ผัดกระเพราที่มีหน่อไม้ แต่ไม่มีน้ำมันงาเหรอ
เธอเคยได้ยินไหมนะว่าผู้ชายควรใส่เข็มขัดสีเดียวกับรองเท้า เราเพิ่งเคยได้ยินเมื่อไม่เกินสี่ห้าปีมานี้ เมื่อก่อนขอเพียงเข็มขัดคาดให้กางเกงไม่รูดลงมาได้ก็เป็นพอ หลังจากวันนั้นหยิบเข็มขัดกับรองเท้าแบบคนละสีมาใส่ เดินออกไปข้างนอกได้สักพักก็กลับเข้ามาเปลี่ย
แต่เราก็ยังแต่งตัวทั้งที่รู้ว่ามันไม่เข้ากันอยู่ แค่ไม่ใช่เรื่องของเข็มขัดและรองเท้า เราใส่เสื้อดำกับกางเกงดำ แต่งเชิ้ตสุดเนี้ยบแต่สะพายเป้จนกลายเป็นอาจารย์, ใส่เชิ้ตสีแดงพร้อมสายคล้องคอปากกาสีน้ำเงินตัดกันแบบดูไม่เข้าท่า
ไม่รู้ว่าสรุปตัวเองแค่รู้สึกมันไม่เข้ากันเลยไม่ทำ หรือรู้สึกมันขัดกับ rule of thumb ของสังคมเลยไม่ทำกันแน่
ไม่เกี่ยวกับเรื่องน้ำมันงาเท่าไหร่หรอก แต่อยากเล่าหนะ--กลับมาที่น้ำมันงาดีกว่าเนอะ
เราชอบกลิ่นของน้ำมันงาเหมือนกัน แต่เราไม่ค่อยได้ใช้มันทำอะไรมากนัก, เมื่อก่อนสิ่งที่ชอบทำแล้วขาดน้ำมันงาไม่ได้คือทำน้ำสลัดญี่ปุ่นด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้หันมากินผักสลัดกับไม่น้ำมันมะกอกก็บัลซามิกอย่างเดียวแล้ว รสของน้ำมันงา--ถ้าไม่ใช่ในอาหารจีน (ซึ่งก็ห่างหายไปนาน)--ก็ไม่ค่อยได้ทานแล้ว
น้ำมันงาคงเปรียบเหมือนความรักจริงๆ แหละ หากห่างหายก็ไม่ดี หากปรากฎทุกที่จนรบกวนวิถีปกติก็คงไม่ดีเช่นกัน, มีมื้อที่มีน้ำมันงาให้ได้จดจำ มีมื้อที่ไม่มีน้ำมันงาให้เว้นช่วงเวลาได้คิดถึงกัน
อร่อยดีเนอะ
>>17
สวัสดีเธอ
ไม่รู้ว่าอะไรคือเวลานอนตั้งแต่พักหลังเคลียร์งานที่มหาลัย ตีสองคือปกติ ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ ก่อนโรคระบาดนี่นอนค้างที่มหาวิทยาลัยเป็นว่าเล่น กิจวัตรตอนเช้าคือตื่นเจ็ดโมง กลับมาอาบน้ำที่หอ แล้วก็เข้าไปใหม่ต่อ
ความน่าเศร้าของเวลานอนคือมันปรับยากจริงๆ การถ่างตานอนดึกง่ายกว่าการแหกขี้ตาตื่นเช้าด้วยเหตุผลทุกประการ! กิจกรรมยามดึกชนะความง่วงเหมือนโดนทุบหัวตอนเช้า, ขออีกครึ่งชั่วโมงไม่ว่าจะเป็นพูดก่อนนอนหรือตอนตื่นก็ทำให้เวลาเลื่อนออกไป
เคยอยากนอนแบบที่คนปกติเค้าไม่นอนกัน--พวกที่หลับวันละหลายๆ รอบแต่รวมเวลาแล้วไม่กี่ชั่วโมง (เช่น Uberman) แต่ก็กลัวว่าพอหางานประจำแล้วจะทำแบบนี้ไม่ได้อีก (แต่โอเคแหละ งานตอนนี้ก็ WFH คงไม่เลวร้ายกระมัง?)
ไม่ว่ายังไง นอนให้เพียงพอและรักษาสุขภาพด้วยเช่นกัน ออกไปข้างนอกไม่ใช่แค่แดดแต่อย่าลืมล้างมือบ่อยๆ และป้องกันโรคติดต่อนะ
>>16
อยากเขียนเพียงเริ่มเขียนไป จะสนอะไร
ผิดถูกบ้างก็ช่างมัน
เอาเพียงได้สร้างสีสัน มาเขียนด้วยกัน
ดั่งปรารถนาเสรี
Sweet dreams,
wv