Last posted
Total of 1000 posts
>>342 +1
จะไม่บอกข้อเสียก็ได้ แต่ควรรู้ตัวว่าข้อเสียที่ว่ามีผลกระทบกับงานโดยตรงเลยมั้ย หรือนิสัยตัวเองเหมาะกับงานนั้นๆ มั้ย เช่น เป็นมนุษย์หัวร้อน แต่งานดันต้องดีลกับพวกเรื่องเยอะ โวยวายเก่งเงี้ย ถ้ามึงเนียนไม่บอก พอไปเจอหน้างานแล้วพลาด ก็ซวยคู่ มึงก็เสียเวลามาจมกับงานที่ไม่ใช่อีก
>>343 มีจริง หัวหน้าทีมกูเอง เวลางานมันเสร็จมันกลับบ้านนะ แต่เวลางานมันไม่เสร็จ คนอื่นห้ามกลับโว้ย บางทีก็ต้องช่วยมันทำงาน
แต่ถ้างานที่มันทำอยู่แบ่งให้คนอื่นทำไม่ได้แล้ว ลูกน้องก็ต้องอยู่ทำงานตัวเอง(ที่ไม่ด่วน)ไปเรื่อยๆ รอจนกว่ามันจะทำงานมันเสร็จ ลูกน้องถึงได้กลับ ใครกลับก่อนมันจะจิก แขวะ ประชดประชัน น้องๆ จิตอ่อนรับไม่ได้เลยยอมอยู่ ส่วนกูสตรองละ กูไม่สน กลับแม่ง ความจริงก็รู้เหตุผลแหละ ที่มันไม่อยากให้คนอื่นกลับก่อนเพราะมันน่ะแทบไม่รู้ห่าอะไรเรื่องงานเลย ทีนี้ถ้ามันทำๆ งานไปโดยไม่มีใครอยู่แล้วเกิดติดขัดอะไรขึ้นมา มันจะไปต่อไม่ได้ ไม่รู้จะถามใคร แก้ไขปัญหาเองไม่ได้ (ต่อให้โทรมาถามกู แต่ถ้าอยู่นอกออฟฟิศไม่เห็นไฟล์บางทีกูก็จำไม่ได้) แต่ด้วยความที่ตัวมันไม่รู้เหี้ยอะไรเลย มันกลับก่อน มันไม่อยู่ ทีมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เลยไม่มีใครสนใจว่ามันจะอยู่หรือไม่อยู่ กูว่าเคสเพื่อนมึงน่าจะเหมือนกัน คืออยากหนีบเพื่อนมึงไปด้วยให้อุ่นใจเพราะตัวหัวหน้าแม่งน่าจะไม่รู้เรื่องงาน กลัวมีอะไรเกิดขึ้นแล้ว response เองไม่ได้....พูดละความจริงกูแฮปปี้กับงานปัจจุบันมากนะ มีแค่เรื่องหัวหน้าทีมนี่แหละที่ทำให้ท้อชิบหาย ถ้าคนแบบนี้บริษัทดันให้เป็นหัวหน้าทีม กูว่าวิสัยทัศน์บ.กับกูน่าจะสวนทางกันอย่างสิ้นเชิงแล้วว่ะ กูไม่ได้อยากเป็นหัวหน้าแทนมันหรอกนะ กูรู้ว่าศักยภาพตัวเองยังห่างไกล ไม่อยากเป็นหัวหน้ากากๆ ให้ลูกน้องสาปส่งด้วย แต่กูแค่อยากได้หัวหน้าที่เหมาะสมกับตำแหน่งกว่านี้ รับคนใหม่เข้ามาก็ได้ ไม่รู้เหี้ยอะไรเลยก็ได้ กุยินดีสอนงานแบบไม่กั๊ก ขอแค่ mindset ดี เก่ง ใฝ่เรียนรู้งาน ตัดสินใจถูกต้อง พึ่งพาได้ ไม่ใช่นอกจากพึ่งพาเหี้ยอะไรไม่ได้ยังทำตัวเป็นภาระทีมไปวันๆ และไม่คิดจะอยากรู้เรื่องงานอะไรเลยเพราะคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าไม่จำเป็นต้องรู้ มีหน้าที่สั่งอย่างเดียว พอไม่รู้เรื่องงานก็เลยตัดสินใจอะไรให้มันถูกต้องไม่ได้ เก่งอยู่สองเรื่องคือปัดทุกอย่างให้พ้นตัวกับพรีเซนต์ตัวเองเก่งชิบหาย
>>338 เอกชนบางที่ก็เป็นนะ เรื่องเลี้ยงคนหมดไฟเอาไว้ให้คนอื่นท้อเล่นเนี่ย การเลิกจ้างต่อให้เป็นเอกชนก็ไม่ได้ทำกันง่ายๆ หรอก
บางคนคิดว่าแค่จ่ายเงินเลิกจ้างตามกฎหมายก็จบ แต่ความจริงมันก็ยังฟ้องร้องกันได้อยู่ดีนะถ้าลูกจ้างเห็นว่าเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
แต่สมัยนี้บริษัทเอกชนเริ่มฉลาด แทนที่จะจ้าง permanent ก็จ้างเป็น contact เอาเงินเดือนสูงๆ มาล่อ ผลงานไม่เข้าตาจะได้เอาออกได้ง่ายๆ หน่อย
อยากฟังเสียงมนุษย์เงินเดือนจากบริษัทใหญ่ๆมั่งอ่ะ ว่าเจอปัญหาอะไรแบบที่มนุษย์เงินเดือนข้าราชการเจอรึเปล่า
อยู่รถยนต์ มี้ตติ่งบ่อยจนกินเวลาทำรูทีน หัวหน้าแม่งขี้เกียจจริงจัง ใช้เวลาเลียมากกว่าทำงานซะอีก(นี่ละที่ทำให้มันมีวันนี้) วันๆแม่งไลน์หาสาวๆอย่างเดียว
ปัญหาที่มีสาเหตุมักจะรากมาจากคน เช่นงานที่ส่งต่อให้อีกฝ่าย ต้นทางแม่งไม่มาสักที เหรือ พวกเรื่องเยอะ ขอซับพอททีโน่น นี่ นั่น งานของมรึงแท้ๆ สุดท้ายมันก็ทำให้ละ โดยรวมบริษัทมันจะมีระบบอยู่แล้วเพราะ know how มันมาจาก ตปท. คติคือทำงานอย่าให้หัวหน้าลำบาก
ส่วนบริษัทนายทุนคนไทยใหญ่ๆไม่รู้นะ แต่เห็นเพื่อนอยู่น้ำเมาเสือมันก็ดีทำมีความสุขดี
เท่าที่นึกออกมี โรงพยาบาลเอกชน กับโรงเรียนเอกชน สองที่นี้ดูแลคนดูกว่าราชการแน่ๆ
แถมไม่มีเรื่องประสาทแดกในระบบราชการให้วุ่นวายใจด้วย
เข้าไปส่อง เฟซ TJ เหมือน ไทยซัมมิท จะไม่เคร่ง เรื่อง ม ที่จบมาเท่าไหร่
เสิร์ชหาเงินเดือนสายกราฟฟิคแล้ว ไม่รู้จะเครียดที่เจอปสก.ทำงานใกล้ๆกัน แต่หลายคนโดดไปหลายหมื่นหรือว่าเครียดกับที่มันเป็นพันทิปดี
เงินเดือนดีผลตอบแทนสูงสวัสดิการพร้อม
แต่หมดศรัทธาต่อตัวองค์กรแล้ว
บรั้ยจ้าาาา กูไม่อยู่แล้วจ้า รออายุงานครบสองปีธันวานี้ กูยอมลาออกดีกว่าทนจมอยู่กับระบบที่มันบั่นทอนจิตใจกู
เงินเดือนวิศวะจบใหม่นี่12000 13000 นี่ปกติไหมเนี่ย
>>352 อยู่บ.ที่มี hub ทั่วโลก ระบบดีแต่บางทีก็น่าเบื่อเพราะทุกอย่างมันต้องเป๊ะไปหมดเผื่อโดน audit แต่ข้อดีคือมี know how มี system จากตปท. สังคมโดยรวมถือว่าดี คนเก่งเยอะ ค่าตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ งานมี value ได้ใช้ศักยภาพเต็มที่ในทุกด้าน ไม่ว่าจะภาษา การคิดวิเคราะห์ คิดเชิงพัฒนา ฯลฯ แต่งานโหลด หนัก เครียด กดดัน ยุ่งเหี้ยอะไรไม่รู้ได้ตลอดเวลา issue เยอะชิบหาย JD แคบแต่ลึก ไม่เคยถูกใช้งานมั่วงานจับฉ่าย แต่ work load ก็ยังเยอะสัสๆ อยู่ดี บางที business trip ตปท.กลับมาไฟล์ทเที่ยงคืนวันรุ่งขึ้นก็ต้องไปทำงาน meeting / telephone meeting / tv meeting เยอะเหี้ยๆ (อันนี้ไม่รู้เป็นเพราะงานกูมัน concern หลาย parties ด้วยรึเปล่านะ) โดยรวมคือระบบดี คนส่วนมากดีและเก่ง งานหนักทั้งในแง่ quality และ quantity
อายุ 35 เงินเดือน 15,000 นี่น้อยมากมั้ย กูเก็บเงินได้แค่ปีละหนึ่งแสนเอง รู้สึกตัวเองกระจอกยังไงไม่รู้
>>370 อันนี้กูถามหน่อยนะ ทำงานแล้วบัตรเครดิตจำเป็นต้องมีไหมวะ?
>>352 ถ้า บ.ใหญ่ๆของไทยกูเจออยู่นะ แบบว่า บ.ที่ไม่ออกแนวขยายสาขาไปทั่วโลกเหมือนของTJอ่ะ ถ้าให้บอกก็คือ บ.ธนาคารสีฟ้าที่เมื่อก่อนเคยเป็นสีแดงแล้วการทำงานเช้าชามเย็นชามก่อนจะมีการปล่อยให้เอกชนมาร่วมทุนด้วย เคยเจอคนที่ทำงานตรงนั้นมาอวดภูมิให้เด็กเรียนมหาลัยฟังว่าตัวเองได้ดิบได้เพราะมีรุ่นพี่ฝากงานให้บลาๆ ทำตัวเด็กเส้นสัสๆ เด็กแอบจิกด้วยประโยคคลาสสิกว่าใช้ความสามารถตัวเองให้ได้งานดีกว่างอมืองอตีนให้รุ่นพี่มาหางานให้นี่ยั้วฟิวส์ขาดด่ากราดเด็กเลยมึง อีกเจ้าก็แถวๆสีลม อันนี้บ.ใหญ่มากแล้วแต่แผนกเลย บ.ขายไก่กับโชห่วยติดแอร์อ่ะนะ
>>369 ใช้เงินประหยัดดีจังวะ เข้าใจว่ามึงไม่มีภาระผ่อนบ้านรถ หรือไลฟ์สไตล์ใช้เงินเก่งสินะ
ถ้ามองที่เงินเดือนเฉยๆ กูว่าน้อยถึงน้อยมากเลยนะ แต่ถ้ามองต่อไปถึงเงินเก็บต่อปีมึงนี่กูว่าไม่แย่หรอก กูได้เงินเดือนเยอะกว่ามึงหมื่นกว่า แต่เก็บรายปีได้มากกว่ามึงหน่อยนึงเอง จะดูว่าเงินเดือนที่ได้น้อยไม่น้อยก็ต้องดูว่าภาระค่าใช้จ่ายเป็นยังไงนั่นแหละ อย่าลืมดูเผื่ออนาคตไว้ด้วย
>>373 น้อยเกินไปมากสำหรับลูกพระจอม อย่าหาว่าติดแบรนด์หรืออะไรเลยนะ แต่มึงลองไปสมัครที่อื่นก่อนเหอะก่อนที่จะลดค่าตัวเองมากเกินไป
>>371 บัตรเครดิตไม่จำเป็น แต่อำนวยความสะดวกได้มาก โดยเฉพาะถ้ามึงอยากออกไปเที่ยวต่างประเทศบ้างแม่งโคตรมีประโยชน์ จริงๆ ที่กูมีหนี้บัตรเยอะกูก็เครียดนะ แต่ก็รู้แหละว่าหนี้ทุกก้อนมันเกิดจากอะไรบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นการผ่อนของที่พัฒนาคุณภาพชีวิต แน่นอนว่าที่เถลไถลมันก็มีแต่โดยรวมกูก็ยังมองว่าบัตรเครดิตให้คุณมากกว่าให้โทษนะ ต้องใช้ให้เป็น (กูเนี่ยใช้เกินตัวก็ต้องก้มหน้าก้มตาผ่อนหนี้กันต่อไป)
OMG ไม่นึกว่าเกรดในมหาลัยแอบมีส่วนสำคัญจนพวกมึงต้องคุยกันขนาดนี้ งั้นถามเลยละกันในเคสที่พวกมึงรู้นะว่าถ้าพวกเด็กจบใหม่เนี่ย มันมีใบปริญญาตรีเกียรตินิยมเลยแต่มันจบจากสถาบันแอบโนเนมแบบราชภัฎ,แม่โจ้,ราชมงคล,ม.เอกชนท้องถิ่น โอกาสHRจะพิจารณาเรียกเข้ามาสัมภาษณ์มีสูงไหม? หรือHRแม่งดูแค่ชื่อสถาบันกับประสบการณ์ทำงานด่านแรกแล้วก็ปาทิ้งเลยถ้าเกิดไม่โดนใจ
ผมว่ามหาลัยมีส่วนนะ เพราะนี่ผมเพิ่งยื่นสมัครไปปุ๊ปได้เรียกสัมภาษณ์เลย รอไม่กี่วัน
ส่วนตัวคิดว่าดูชื่อสถาบันกับเกรดส่วนนึงด้วย เเต่ผมตกลงไม่เอาละ คิดว่าจะลองยื่นที่อื่นเรื่อยๆดู เพราะที่เเรกถือว่าไปลองโดนสัมภาษณ์
สำหรับกูตรงกันข้ามเลย งานแรกได้ทำงานบริษัทต่างประเทศที่เค้าไม่ได้สนใจเกรดมาก ไม่มีบวกเงินเดือนค่าเกียรตินิยม
ซึ่งจริงๆก็ดีแล้ว เพราะกูไม่ชอบการเอาของพวกนี้มาตัดสินว่าคนจะทำงานได้ดีรึเปล่า แต่ก็เสียดายเพราะอยากได้เงินเพิ่ม
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้กูก็อยากจะใช้เวลาทำกิจกรรมกับอยู่กับเพื่อนให้มากกว่านี้
>>378 บริษัทแบบนั้นมันก็มี มันไม่ใช่แค่เกรดหรอกที่เป็นปัจจัย แต่เรื่องสถาบันมันคือโอกาสและความเสี่ยงที่จะทำงานเข้ากันกับพวกที่อยู่ใน บ.ได้ด้วย แต่ละสถาบันเขาก็มีแนวทางการเรียนมีสังคมที่แตกต่างกัน บ.ไม่ได้อยากจะใจร้ายคัดที่ชื่อ ม.หรอก แต่ที่เคยเอาคนที่พื้นเพแตกต่างกันมาแล้วมันทำงานร่วมกันไม่ได้ ก็เอาแต่คนที่มันเติบโตมาแบบเดียวกันเพื่อให้มันง่ายไง รุ่นพี่เขาจะรู้ว่ามันต้องผ่านอะไรมาบ้าง นอกจากทฤษฎีแล้วแต่ละที่ก็มีกระบวนการคิดที่ถูกปลูกฝังมา กูเชื่อว่าถ้า >>373 มันไปสมัครในที่ของพวกเดียวกันเงินจะดีกว่านี้ กูมั่ว บอกเลย กูไม่ได้เป็นวิศวะด้วย พอได้ยินมาแบบงูๆ ปลาๆ ข้อมูลเก่าแล้วด้วย เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่ดีกรีพระจอมเงินเดือนเท่านี้ทำกูเศร้าว่ะ
เห็นมีเรื่องเงินเก็บกูอยากรู้ชาวโม่งนี่รายได้เท่าไร เงินเก็บเท่าไรว่ะ
ตัวกูรายได้เดือนละ 18,000 บาท แต่เก็บเงินได้แค่ปีละ 50,000 บาท เอง
กูหมดไปกับให้พ่อแม่นี่แหละ
ไหนโม่งคนไหนบอกไว้ว่าอยากนอนเฉยๆแล้วได้เงินเดือน
https://thematter.co/brief/brief-1552291201/72568
กูเพิ่งเห็นมู้นี้ กูขอปรึกษาหน่อยเรื่องออกงานก่อนหมดสัญญา
ตอนนี้กูทำงานในหน่วยงานราชการนึง ซึ่งตอนนี้กูเริ่มรับไม่ไหวทั้งระบบ ทั้งทัศนคติราชการแก่ๆ และหัวหน้าเฮงซวย แมร่งตอนนี้กูไม่ได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย งานส่วนของกูหัวหน้าก็เอาไปให้คนอื่นทำ กูได้แต่ทำงานเก่าที่ค้างอยู่
กูทำสัญญาเป็นสัญญาจ้างเหมา 1 ปี วางเงินประกัน 10% จากฐานเงินเดือนไว้ตอนเริ่มงาน ถ้ากูออกก่อนหมดสัญญากูจะได้เงินคืนป่ะ...
แต่ถึงจะตั้งท่ายังไงกูก็ไม่กล้าออกว่ะ ทุกคนในฝ่ายดีกับกู โดยเฉพาะพี่ที่ดูแลกูถ้ากูออกเขาก็ต้องเหมาทำคนเดียว พี่ในฝ่ายก็ได้แต่บอกให้กูทำใจทน ๆ ไว้ เพราะทุกคนเคยโดนหมด แต่อีกใจกูก็สงสัยว่าทำไมกูต้องทนหัวหน้าที่ไม่มีภาวะความเป็นผู้นำวะ.....
เขียนใบลา หัวหน้าเซ็นอนุมัติตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว วันนี้โดนเรียกไปทำงานด่วน ด่วนมาก ด่วนสัส ตั้งแต่ตอนทุ่มนึง เพิ่งได้กลับเนี่ย
วันลาก็ถูกหัก โอทีก็ไม่ได้ ลำเค็ญจริงกู
จงดีใจไว้ที่เก็บเงินได้กัน เพราะนี่เก็บไม่ได้เลยจ้า แต่ไม่โทษตัวเองอยู่ดีเพราะที่บ้านมีหนี้
กูก็เงินเก็บน้อย หมดกับให้พ่อแม่ แต่เต็มใจและภูมิใจนะ กว่าจะโตมามีการศึกษามีงานการดีๆ ทำเขาหมดกับกูไม่รู้กี่ล้าน อีกอย่างพ่อแม่กูไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย มีแต่กลัวกูจะตังค์ไม่พอใจ ช่วงก่อนเครียดกับงานมากอยากลาออกโดยไม่มีงานใหม่ พอคิดถึงพ่อแม่แล้วก็ทนต่อดีกว่า อย่างน้อยทำงานก็มีเงินไว้ดูแลตัวเองและพ่อแม่
ม.ที่จบมีผลนะเว้ย กูจบเอกชนเคยคุยกับเพื่อนเรื่องรัฐวิสาฯแห่งนึงลงประกาศรับคนในเว็บหางานรัวๆ เพื่อนกูบอกมันแค่โปรโมทบริษัท กูเลยลองยื่นไปทุกครั้งที่มันอัพเดตประกาศ ก็ราวๆ 1-2 สัปดาห์ครั้ง จนเขาโทรมาบอกคุณสมบัติกูไม่ตรง เขารับแต่ม.รัฐบาล
อันนี้ไม่รู้เรื่องจริงหรือแม่งล็อคคนไว้แล้ว ใครจบม.รัฐลองดูก็ได้ บริษัทนี้คนหางานน่าจะผ่านตาบ่อยอยู่
เหมือนตอนเคส SCB ที่ประกาศรับสมัครพนักงาน แต่ระบุว่าต้องจบจากม.xxx ฯลฯ กูว่าเขาเลือกสถาบันทุกที่แหละ เขาแค่ไม่ป่าวประกาศออกมาเพราะกลัวดราม่า
ไปสัมมา แล้วมาบอกว่าต้องทำเสา อา ทั้งๆที่ประกาศรับสมัครงาน จ-ศ จ้า ไม่ซื่อตั้งแต่แรกเลยอะ
ทำให้ไงเลิกหัวเสียกับเรื่องหัวหน้าดีวะ หรือกูควรลาออกให้แม่งจบๆ ไป ไปเสี่ยงกับงานใหม่เผื่อจะมีโอกาสมีหัวหน้าดีๆ เก่งๆ เหมือนสมัยอยู่บ.เดิมอีกครั้ง เกิดมาไม่เคยมีหัวหน้าเห่ยแบบนี้ ท้อสัด แต่อย่างอื่นก็โอเค
เมื่อไหร่ remote working จะเป็นที่นิยมซักทีวะ จว.ที่กูอยู่ไม่มีงานที่กูอยากทำ ถ้าจะเข้ากทม.แล้วต้องเลิกเมียกูก็ทำไม่ได้อีก
>>383 กูเงินเดือนสามหมื่นสี่ แต่มาอยู่จังหวัดที่ไม่มีอะไรเลยจริงๆ
เลิกงานก็กลับมานอนเล่นคอม ไม่มีที่ไหนให้ไปใช้ตัง ทุกวันนี้แค่otก็พอใช้แล้ว เงินเดือนก็เก็บโลด โชคดีชีวิตไม่มีภาระ เมียก็ไม่มี งานสบายเพื่อนร่วมงานดี แต่ชีวิตแม่งน่าเบื่อเหี้ยๆ ทำงานไปวันๆ ตำแหน่งงานที่ทำต้องจบสูงแต่จริงๆแล้วเอาใครมาทำก็ได้ รู้สึกแบบกูมาทำอะไรที่นี่บ่อยๆ
ต้องพวก startup อะที่ชอบให้ทำงานที่บ้านได้ แต่ก็นะบริษัทไม่ค่อยมั่นคง
งานที่กูทำได้ก็เสือกอยู่จังหวัดอื่นกูติดแฟนมาก ห่างกันแล้วกลัวจบไม่สวยกูทำใจไม่ได้ แต่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีจะแดกอีกเกาะเขากินก็อายเครียดดด
>>399 มีคำถามว่า สายงานอะไรของมึงวะ? ทำไมรายได้เยอะขนาดนี้แล้วต้องจบวุฒิอะไรมา? ทีีสำคัญเลยคือ มึงอายุเท่าไหร่ละวะเงินเดือนขนาดนั้น? ได้เงินเดือนเรทนี้มานานรึยัง? ถ้าไม่เกินสามสิบละรายได้ขนาดนี้นี่ถือว่าสุดยอดมาก เป็นกูคงเอาเงินเหลือๆไปต่อยอดในหุ้น เรียนรู้การเทรดหุ้น ลงทุนในอสังหาใจกลาง กทม. ให้ได้ หรือมีไฟแก่การเรียนก็เก็บเงินเรียนต่อนอกแม่งเลย
เรื่องราวของผู้หญิงคนนึงที่หางานทำไม่ได้สักที โปรดส่งใครมาจ้างชั้นที อยู่ตรงนี้มันเหงาเกินไป
>>407 เนี่ย พอพูดเรื่องงานปุ้บ อารมณ์ขึ้นเลย แม่ง งานหนัก เงินน้อย เจ้านายก็เฮี้ยะะะะะ
อยากลาออกวันละสามแสนหน แต่เดี๋ยวไม่มีแดก พยายามเก็บเงินไว้ลาออก ที่บ้านก็มาขอเรื่อยๆ บอกกูงานสมัยนี้หายากจะตาย กูทำงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ที่นี่เป็นที่แรก ไม่รู้ว่างานมันหายากจริง หรือเค้าหลอกให้กูทำ หาเงินให้เค้าวะ เครียดดดด
>>405 กูอายุ 20 ปลายๆ เงิน 36K ไม่มีโอทีมีแต่โอฟรี แต่ขับรถไปทำงานค่าน้ำมันก็ตกเดือนละ 4000 ค่าทางด่วนอีก 1000 นึง
ให้พ่อแม่เดือนละหมื่นนิดๆ ค่าอยู่ค่ากินแล้วแต่โอกาสอะ แต่กูไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ ที่เหลือก็ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์รวมๆ 3000 กว่าๆ
(ที่บ้านช่วนออกส่วนนึง)
ค่าอื่นๆก็ซื้อเกมเล่น ซื้อของเล่นอดิเรก เดือนละ 2 - 3 พัน
เหลือเก็บเดือนๆนึงก็ไม่ถึงหมื่นอะ 8-9 พันนี่คือเยอะสุดละ
ถ้ามีลูกมีเมียด้วยนี่คงอยู่ยากเลยนะ
คือถ้ากูประหยัดกว่านี้มันก็อยู่ได้คงเหลือเงินไปทำอย่างอื่นมากกว่านี้ (ส่วนใหญ่เงินที่กูเก็บได้ก้อนนึงก็จะเอาไปเที่ยวต่างประเทศหมด แล้ววนลูป)
แต่ถ้ากูเน้นทำงานเก็บตังค์อย่างเดียวไม่เที่ยว ไม่ซื้อของสนองนี้ด กูจะเครียดกับชีวิตมากเลยอะ
แต่บางทีเห็นเพื่อนๆมันเก็บเงินไปแต่งงาน ซื้อบ้านของตัวเอง ซื้อรถใหม่ก็อยากเก็บเหมือนกันนะ ทุกวันนี้กูยังอยู่กับที่บ้าน รถก็คันเก่าๆ บางที่ก็กลัวพวกคนนอกมองว่ากูเป็นพวก loser เหมือนกันว่ะ แฟนก็ไม่มี แต่สายงานกูแทบไม่ได้เจอผู้หญิงเลย
>>408 ของกูกูยังสับสนตัวเองเลยว่าเงินเดือนตัวเองมันเรียกว่าน้อยหรือเปล่า ถ้าเทียบมาตรฐานพันทิปก็น้อยอะนะ แต่เวลาเปิดหางาน แค่จะหาให้ได้เท่าเดิมยังยากสัสๆ บางทีเจอเมเนเจอร์เงินเดือนแค่ 50-60 เงี้ย ห่า พอกูสับสนก็ก็เลยชอบนอยด์เรื่องงานเหมือนกัน บางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองโดนเอาเปรียบ บางทีก็รู้สึกว่าอยู่ได้กับปัจจุบัน สับสนชีวิต
ใครเป็นเมเนเจอร์พอแบ่งประสบการ์ณได้ไหมวะ จาก พนง. หรือ ซีเนียร์ ขึ้นเป็นไปเจอร์ยังไง ผ่าน asst. ก่อนไหมหรือ ได้โปรโมทหรือย้ายกระโดดขึ้นไปเองเลย
กูรู้สึกคนส่วนใหญ่จะมาตันกันตรงนี้เยอะ ทั้ง comfort zone และ ความสามารถไม่ถึง
มีใครเป็นลูสเซอร์เเล้วกลับมาเริ่มเป็นผู้เป็นคนมั่งพี่โม่ง
คือผมจะบอกว่าผมอะเป็นลูสเซอร์นะ เรียน6ปี กำลังจะเรียนจบ เพื่อนก็ไม่ค่อยมี งานก็เคยทำเเค่พวกงานพาร์ทไทม์
รู้สึกตัวเองเป็นขี้เเพ้ว่ะ เรียนก็ไม่เก่ง กลัวจบไปจะหางานไม่ได้จัง ด้วยความที่มันเป็นเเบบนี้เลยรู้สึกความมั่นใจไม่ค่อยมีเลย
อยากถามว่า ปกติบริษัทเขาคาดหวังว่าเด็กจบใหม่จะทำอะไรได้บ้าง เอาตรงๆก็คือกูเหมือนกลวงๆไม่ค่อยมีความรู้เรื่องที่เรียนมาเลยว่ะ
งานหาไม่ยาก แต่หาตรงสาย ตรงใจจะยาก ถ้าทำๆไปก่อนคืองานสายผลิต สายแรงงานแถวบ้านกูน่ะนะ ต้องแห่ไป กทม. ชล ระยองงี้ น่าเบื่อ
เบื่อนายญี่ปุ่นว่ะ คุยกันไม่รู้เรื่องรู้สึกเหมือนกูโง่เลย
ล่าสุดเมลคุยกันแม่งถาม a เท่าไหร , ขอเอกสาร b กูก็แปะข้อมูล a ไปให้ในเมลเพราะมันมีแค่สี่บรรทัด แล้วแนบเอกสาร b ใส่เมลเดียวกัน แม่งเมลกลับมาบอกงงดูไม่เป็นเปิดไฟล์แนบแล้วหาข้อมูลของ a ไม่เจอ
กูก็เมลไปว่าไฟล์แนบเนี่ยมันสำหรับ b ที่เมิงขอมาเมลที่แล้วบรรทัดที่ xx แม่งก็ยังงงจนต้องเดินมาถาม สรุปแม่งน่าจะลืมไปแล้วว่าถามมาสองคำถาม พอมันรู้ว่าข้อมูล a อยู่ตรงไหนแม่งก็ไปละ
อยากลาออกแต่ก็กลัวหางานไม่ได้ว่ะ รีคู้ทกูเงียบกริบ ที่ได้แม่งก็สวัสดิการน้อยกว่าบ้าง เงินเดือนน้อยกว่าบ้าง
>>414 มาให้กำลังใจมึงนะ
กูก็ลูสเซอร์เหมือนกัน อายุ20ปลายๆละยังหางานไม่ได้ คือกูลาออกจากงานเพราะงานมันเครียดมาก แล้วหลังจากลาออกกูอ่านหนังสือสอบราชการอย่างเดียวเลย ละกูสอบที่นึงไม่ติด เลยรอสอบอีกที่ ถ้าไม่ได้ที่นี่อีกคราวนี้กูเคว้งจริงละ จะกลายเป็นกูอยู่บ้านเกือบครึ่งปีโดยที่ไม่ทีงานทำ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากนี้กูจะได้งานมั้ย
แต่ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไปอะเนอะ มึงลองสมัครงานดูก่อน บางทีมึงอาจจะได้งานแบบง่ายๆเลยก็ได้ ถ้ามันยังไม่ได้ก็ลองสมัครงานต่อไปเรื่อยๆ สู้ๆนะ
กู >>414 นะพี่โม่ง สงสัยเห็นคนเขาว่างงานกันเป็นหลายเดือน อันนี้คือมันปกติไหม หรือว่าปกติเเล้วบริษัทส่วนใหญ่จะเปิดรับสมัครกันช่วงเเบบว่าต้นปี หรือช่วงกลางปีที่นักศึกษาจบ
>>419 อันนี้งานเครียดเเบบไหนอะพี่โม่ง เเบบงานมันยากไปหรือเครียดกับสังคม
>>420 ว่างหกเดือนนี่จริงปะ คือไม่มีที่ไหนเรียกไปสัมภาษณ์เลยเหรอ หรือระหว่างนี้ก็มีไปสัมภาษณ์มาด้วยอะ สงสัยจะตามรอยพี่โม่งละ
>>422 กลางปี นศ.จบ ปลายปี-ต้นปีเริ่มงบใหม่
กูเคยว่างเกือบปีหลังจบงานอะ เพราะสมัครไม่เป็น ไม่กระตือรือร้นศึกษาว่าต้องแต่งตัวยังไง ต้องเรียกเงินยังไงถึงจะไม่แพงไม่ถูก
สุดท้ายก็ไปได้บ.เฮงซวยเเอาเปรียบลูกน้อง
บ.แบบนี้เด็กจบใหม่ต้องระวัง สมัครไปมันเอาหมดอะ คนมันออกบ่อย แต่ถ้าอดทนก็ใช้เป็นบันไดไปหาบ.ที่ดีขึ้นในอนาคต
ไม่คิดเลยว่าไม่รีบหามันจะเป็นงี้ หางานใหม่รอบหน้ากูสาบานกับตัวเองว่าจะสมัครให้เกิน10ที่
เห้อ กูเบื่อว่ะ ตำแหน่งกูมันเป็นคนที่ต้องดูภาพรวมของทั้งหมดแล้วจัดการบริหารให้ผลิตออกมาได้ไม่มีปัญหาและด้วยความที่กูเป็นคนง่ายๆ ถ้าช่วยได้
ก็จะช่วย แม้จะไม่ใช่งานของกู ทีนี้พอกูรับช่วยมากๆเข้าก็ยอมรับว่ามันโหลดเลยพยายามแบ่งสรรจัดเวลาทำให้มันออกมาดี แต่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ยิ่งทำเยอะ ยิ่งเจอข้อผิดพลาดเยอะ ทุกวันนี้กูเลยชอบพลาดจุดเล็กๆน้อยๆตลอด แล้วมันก็จะมีพวกไม่ทำอะไรมาจับผิด มาขยี้ความผิดพลาดของกู
จนตอนนี้แม่งรู้สึกไม่อยากทำไรละ ทำงานเช้าชามเย็นชามไปก็พอละ ใครสั่งอะไรหรือโยนอะไรที่ยากๆมาให้ก็ไม่ได้อยากรับทำเหมือนเก่าละ
กูแม่งแย่มากขนาดอยู่ในจุดที่โดนลูกน้อง(แต่อายุเยอะกว่า)ยืนด่าทุกวัน พอกูพลาดก็ยืนหัวเราะกันคิกๆคักๆ กูแม่งไร้ค่าสัสๆ
>>426 กูก็โม่งฝ่ายผลิตนะ ทำมาได้ยังไม่ถึงปีเลยเบื่อชิบหาย ปัญหาของกูคือเวลากูอธิบายเหี้ยไรไปพวกตลาดล่างแม่งไม่ค่อยเข้าใจกันเว้ย แถมแม่งยังมักง่ายกันอีก กูมองออกเลยว่าถ้ากูไม่อยู่ของเสีย + ของหลุด QC บานเบอะแน่นอน เหนื่อยเหี้ยๆ จนมาถึงจุดที่กูคิดได้ว่า ของเสียเยอะก็ช่างแม่งดิ ของหลุด QC ก็ช่างแม่งดิ ทำงานไปวันๆรอวันย้ายงานดีกว่า
เบื่อทำงานกับพวกหัวหน้าและเมเนเจอร์ทีมอื่น แต่สั่งงานกูเหมือนเป็นหัวหน้าพวกกู แถมข้ามหัวสั่งงานไม่บอกหัวหน้ากูซักครั้ง
(ในเมล์คือไม่เคยCCหัวหน้ากูเลย)
แล้วรำคาญสุดคือชอบโผล่มาแบบงานนี้ต้องเอาพรุ่งนี้นะ และจบประโยคว่าฉันรู้ว่าเธอทำได้ ไม่ก็ขอโทษนะเห็นเธอทำงานเร็วฉันเลยชอบบี้งานมาให้เธอ
แน่นอนว่าไอ้ที่สั่งมา มีแค่บรีฟว่า ฉันอยากได้งานนี้นะเป็นงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เนื้อหาหรือคำโฆษณาที่ต้องใส่ไม่มี และคอนเทนท์ไรท์เตอร์แม่งก็ดองและสาปสูญเหมือนตายทุกครั้ง
ทุกวันนี้กูต้องมานั่งกรี๊ดกับตัวเองทุกครั้งว่าตกลงฝรั่งที่พวกกูต้องทำงานด้วยพวกนี้เป็นโปรฯระดับหัวหน้าจริงๆเหรอวะ
ขอความเห็นหน่อยสิ กูทำกิจการส่วนตัวอยู่ รายได้ไม่ดี แต่พออยู่ได้ ถ้าไม่แต่งงานซะอย่างอ่ะนะ
แต่กูเริ่มมีความคิดว่ากูควรเลิกอ่ะ แบบงานที่ทำก็ไม่ได้แย่อะไร สบายมากด้วยซ้ำ แต่รู้สึกเหมือนกูไม่ได้พัฒนาอะไรอ่ะ
อย่างมากก็รับมือลูกค้าได้หลายแบบขึ้น แต่ก็เริ่มแก่แล้วเหมือนกัน ถ้าเลิกไปก็ไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรดี
ประสบการณ์กะสาขาที่เรียนแม่งคนละเรื่องเลย คือ สับสนพอสมควร กูอาจจะควรเปิดร้านต่อไปรึเปล่าวะ
>>432 กูทำทุกครั้งเว้ยมึง แต่พวกแม่งก็จะเอาให้ได้ทุกครั้ง เถียงกับหัวหน้ากูทุกวันในเมล์
ยิ่งวันไหนหัวหน้าบอกว่างานโหลดนะทำด่วนไม่ไหวแล้ว แม่งวิ่งไปฟ้องไดเรคเตอร์ด้วยซ้ำ
คือหัวหน้ากูอ่ะซัพและปกป้องลูกน้องทุกำครั้งนะ แต่พวกแม่งมันไม่เคยแคร์ว่าพวกกูไม่ได้อันเดอร์พวกมันอ่ะมึง
>>431 ก็เปิดร้านต่อแล้วหัดทำอย่างอื่นควบคู่ไปไม่ได้หรอวะ อย่าตอนนี้ถึงกูจะทำประจำอยู่ แต่หลังเลิกงานก็ส่งรูปขายสต็อคโฟโต้ไปด้วย หัดทำเว็บไปด้วยงิ หรือไม่ก็หางานอดิเรกอะไรก็ได้ทำไปเลยในเมื่อไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน /อิจฉาอยากมีกิจการส่วนตัวจะได้มีเวลาไปทำงานเสริมที่ชอบมากขึ้น
>>429 พูดถึงเรื่องนี้ โม่งๆ ซาลารี่แมนทุกคนก็ต้องเตรียมตัวไว้นะ อนาคตหุ่นยนต์จะมาแทนที่หมดแล้ว เสริมทักษะที่หุ่นยนต์มันมาแทนที่เราไม่ได้เข้านะ ไม่ได้ไกลตัวแล้วนะ ไหลให้ทันโลก อย่างออนไลน์แบ้งค์กิ้งก็กำลังกลืนกินสาขาธนาคารอยู่ ออนไลน์ช็อปปิ้ง ธุกิจขนส่ง/เดลิเวอรี่ก็เกิดมาแทนที่ตลาด อะไรที่มันเกิดใหม่ก็มักจะมีอะไรเก่าๆ ตายไปด้วย ต้องปรับตัวกันให้ทันนะ
>>435 เอาจริงยากว่ะ ขนาดอาชีพเน้นฝีมือแบบหมอยังมีโอกาสโดนหุ่นแทนที่ได้แล้ว พวกเล่นโกะเล่นมาเป็นสิบๆปีเจอAIเข้าไปเดี้ยงหมด ที่แทนไม่ได้แม่งต้องมีฝีมือมีสกิลเฉพาะทางจริงๆหรือไม่ก็พวกราชการที่แม่งปลดไม่ได้ง่ายๆอะ ระบบAIแม่งทำมาให้คอมมันใช้เวลาเรียนรู้ได้ไม่จำกัดขณะที่คนไงๆก็ต้องเหนื่อยต้องล้า
อาชีพโปรแกรมเมอร์จะรอดมั้ยวะ
พูดถึงเรื่องนี้ พวกอาชีพที่Creative อย่างศิลปะ วาดรูป เพลง พวกมึงว่าพวกนี้จะมีค่ามากในอนาคตไหมวะ กูรู้สึกว่าอาชีพนี้มันน่ามีวันทดเเทนได้
อย่างมากก็อนิเมชั่น
แม่ง อยากตะโดนใส่หน้าหัวหน้าดังๆ ปสดชิบหาย บริษัทห่าเหวอะไรวะ เรียกโอทีมันทุกเสาร์ทุกอาทิตย์ พอกูไม่ไปก็หาว่ากูไม่ช่วยงาน จะทำให้บริษัทล่มจม เฮงซวย เสาร์อาทิตย์ก็วันหยุดกูปะวะ หรือกูเหี้ยเองที่พอเขาขอกูก็จะอ้างว่ามีธุระตลอด ก็สิทธิกูวันหยุดกูปะวะ จัดปริมาณงานไม่ได้เองแล้วเรียกใช้24ชั่วโมงมันไม่ได้ว้อยยยยยย
กูทำสายกฎหมาย มีแต่คนบอกว่าสายนี้คอมทำแทนไม่ได้ ถึงได้มนุษย์ก็ไม่ยอมให้ทำ จริงปะวะ
>>440 https://www.bbc.com/thai/international-46781024 หมอกับทนายมาอันดับแรกเลย ต้องระดับเชี่ยวชาญถึงรอดแต่ระยะยาวกูว่าไม่ปลอดภัยหรอก ลองถ้าAIมันเรียนรู้ได้แล้วล่ะก็คนมีแต่จะโดนแม่งตามทัน ก็ไม่เหนื่อยไม่แก่ไม่ตายอะ
ดีใจโว้ยวันศุกรรรรรรรรรร์
ทำไมสถาปนิกถึงเข้าข่ายวะ กูวะinterior มันก็ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เหมือนพวกศิลปินบ้างเหมือนกันนะ เเต่วิศวะทำไมถึงไม่เข้าข่ายวะ กูว่าพวกวิศวะสายServiceหรือคุมงานเนี่ยอาจจะโดนลดงานลงนะ พังก็เผลออนาคตAIมีระบบตรวจจับพังจุดไหนก็ซ่อมเองได้ (เเต่ก็อาจต้องไปคุมพวกเครื่องจักรAIนี่เเทน)
เหลือเเต่พวกดีไซน์ ออกเเบบอะไรพวกนี้เเทน พวกต้องพวกคำนวณ ดูหน้างานอะไรพวกนี้
มีอะไรที่พวกมึงคิดว่าAiทำแทนไม่ได้บ้างกูจะไปฝึกเพิ่มทางนั้น
>>443 หมอกูว่ายากส์ มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ กรอกอาการกรอกผลเลือดผลx-rayเข้าไปให้aiมันdiagน่ะฟังดูง่าย แต่aiจะมีเทคนิกซักประวัติสำคัญๆออกมาได้หรือ คนไข้จริงมีทั้งโกหกทั้งพารานอยทั้งมึนๆงงๆ ขนาดงานบางงานที่ต้องใช้เครื่องจักรทำอย่างlasik คนมีหน้าที่คำนวณแล้วกรอกค่าลงเครื่องก็ยังต้องใช้หมอตาอยู่ดี กูว่าอย่างมากก็ได้aiเป็นตัวช่วยประมวลผลหรือเป็นผู้ช่วยแล้วหมอคุมอะไรแบบนี้มากกว่า ยิ่งงานแบบหัตถการอะไรนี่อีกห่างไกล ยังไงๆหมอก็ไม่ตกงานแน่นอน
>>444 มึงเป็นแบบนี้ซินะ
https://youtu.be/KQNWpmJoNdM
สำหรับกูคิดว่า นักเขียน นักวาด ครู พวกเเบบที่ต้องติดต่อคนต่อรองกับคน หุ่นยนต์น่าจะทำเเทนได้ยาก HRงี้กูว่าก็เเทนยากเหมือนกัน
เห็นพวกมึงพูดเรื่อง ai กัน ในฐานะกูเป็นคนที่ต้องร่วมงานกับคนที่มันทำ ai
กูดูๆแล้วคนที่ทำงานแบบไม่ได้ใช้ทักษะ เช่นพวกคีย์ข้อมูล พนักงานควบคุมเครื่องจักรในโปรดักชั่น หรือแม้กระทั่งนักวิเคราะห์ข้อมูล(ที่ไม่ใช่คนสร้าง ai) อะไรเทือกนี้แหละจะถูก ai กับ robot แทนก่อน
แต่จริงๆมันก็จะเกิดงานใหม่นะ คือตำแหน่งคน label ข้อมูลเพื่อสอน ai อะ ที่จีนแม่งจ้างคนมาทำงานนี้อย่างกับโรงงานทอผ้า
ส่วนในไทยนี่ใครจะทำเทรนน์ ai เนี่ยมึงต้องมานั่งป้อนข้อมูลเอง ไม่พอยังขอข้อมูลยากอีกนะ เพราะระบบการเก็บข้อมูลในอดีตไม่ดีพอ แถมหน่วยงานยังหวงข้อมูลอยู่ บางบริษัทเหมือนจะมีตำแหน่ง ai developer เอาไว้เท่ๆเฉยๆ เพราะข้อมูลไม่พร้อมอีก
ตอนนี้กูกำลังทำเรื่องหาคนมาทำตำแหน่งการเตรียมข้อมูลให้ ai อยู่แต่ บ. แม่งก็ไม่เห็นความสำคัญอะ จะให้ dev ทำเองอย่างเดียว ซึ่งกูว่าแม่งไม่คุ้มเลย แทนที่ dev จะได้มีเวลามาคิดงานใหม่ๆ ดันต้องมาเป็นกรรมกรหลังขดหลังแข็งเตรียมข้อมูลเพื่อสอน ai
กูว่าทุกอาชีพมีความเสี่ยงหมด แต่! ไม่ใช่การแทนที่ทั้งหมด เป็นการลดจำนวน มองอีกทางมันคือการอำนวยความสะดวกให้คนทำงานที่เชี่ยวชาญ ตัดงานพื้นฐานง่ายๆ ไปให้คอมทำ คนที่จะถูกตัดออกก็เลยจะเป็นคนที่ไม่สามารถทำงานให้เหนือกว่างานพื้นฐานได้
ไม่ใช่ว่างานทางศิลปะจะไม่โดนผลกระทบไปด้วยนะ อันที่จริงมันโดนไปนานแล้วด้วยซ้ำ ถ้าในแง่ของวีธีการสร้างงานก็ตั้งแต่มีการใช้คอมกราฟิก มันมาแทนที่การทำงานด้วยมือไปเยอะแล้ว ถึงอย่างนั้นงานมือก็ยังไม่ได้หายไปซะทั้งหมด ยังอยู่ร่วมกันเป็นความหลากหลายได้แต่ที่อยู่ได้คือต้องมีฝีมือจริงๆ งานมืออยู่ได้แต่อยู่ยากขึ้น แข่งขันสูงขึ้น ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ปัจจุบันนี้มี ai ช่วยลงสีแล้ว ไม่ได้หมายความว่ามันจะมาแทนที่ทุกส่วนได้ แต่มันก็ทำให้หนาวๆ ร้อนๆ ว่ากูอาจจะลงสีได้กากกว่า ai ก็ได้ 555
อาขีพหมอนี่แม่งควรถูกแทนด้วย ai เป็นอาชีพแรกเลย
กูเป็น ออฟฟิศ ซินโดรมแล้วหวะ เซ็งเหี้ยๆ
>>452 เรื่องป้อนข้อมูลนี่จริง กูเห็นพวก business user อยากได้ chatbot เพราะคิดว่าจะเอามา support ลูกค้าได้
แต่เวลาคุยเรื่องวางแผนเทรนบอทกัน ดันพยายามจะให้มันขายของเวลาลูกค้าถามปัญหา
สุดท้ายพอต้องเทรนบอทขึ้นมาจริงๆก็ขี้เกียจทำ แล้วเงินที่จ้างเค้าทำก็เหมือนเอาไปโยนทิ้งเล่น
ยังดีนะที่บริษัทกูมันใหญ่หน่อย แล้วกูไม่ได้เกี่ยวกับพวกนี้โดยตรงเลยไม่โดนลากไปเทรนบอทกับเค้า
เหมือนอ่านข่าวไอทีกันไม่กี่ข่าวแล้วก็ฝันว่าทำบ้างแล้วจะมีของล้ำๆใช้โดยที่ตัวเองไม่ต้องออกแรงอะไร
พูดถึงเรื่องทักษะ กูเคยอยากเรียนเขียนโปรแกรมเบื้องต้นนะ แต่คิดไปคิดมา เอาเวลาไปฝึก Excel ให้เทพดีกว่า เอาให้ใช้งานในระดับ Macro กับพวก Pivot ได้เลย
เทียบกับแล้ว ในเวลาเท่าๆกันเอาไปให้เขียนโปรแกรมคงได้แค่พื้นฐานกับเขียนแอพง่ายๆได้
แต่กับ Excel ถ้าใช้งานขั้นสูงได้มันน่าจะมีประโยชน์กว่า
อาจจะไม่เกี่ยวกับซาราลี่เเมนเเต่อยากถามหน่อยว่ะ
คำว่านายจ้างกับผู้ว่าจ้างนี่เหมือนกันไหมวะ
https://ammarkable.co/outplacement/
เดี๋ยวนี้การจ้างออกมันสามารถทำเป็นธุรกิจได้เลยแฮะ
พวกเว็บสมัครงานอย่าง jobtopgun jobthai jobdb มันมีดีลอะไรกับ HR ของบริษัทรึเปล่าวะ เพราะเท่าที่กูเปิดหางานดู พอเจองานที่น่าสนใจกูจะเข้าไปเว็บบริษัทโดยตรง แต่ปรากฏว่าตำแหน่งงานที่มีในเว็บหางานไม่มีในเว็บหลักของบริษัทซะงั้น หรือ HR มันแบ่งประเภทงานว่าอันนี้จะเปิดรับสมัครโดยตรงจากเว็บบริษัท อันนี้ค่อยโยนให้เว็บสมัครงานคัดผู้สมัครให้
>>465 มีนานแล้วนะ https://www.imdb.com/title/tt1193138/
>>470 ส่วนใหญ่ก็เหตุผลตามนั้นแหล่ะ เวบบางที่คือเอาไว้โชว์เฉยๆไม่มีการอัพเดทอะไรเลย บางที่ฝ่ายไอทีต้องอัพเดทให้ ซึ่งใช้เวลา + man day ไม่ทันกิน ส่วนน้อยเท่านั้นที่จะมีระบบให้ HR อัพได้เอง ในส่วนน้อยนั้น HR ก็ขี้เกียจอัพอีก เพราะมัน reach ได้น้อยกว่า และอ่านเมลสมัครงานตรงมันวุ่นวายกว่าอ่านในเวบที่มีระบบรองรับเป็นระบบระเบียบ
>>468 อธิบายง่ายๆ จ้างแรงงานเน้นการทำงาน จ้างทำของเน้นผลลัพท์ของงาน
เปรียบเทียบกับงานแม่บ้าน
จ้างแรงงาน นายจ้างจะจ้างลูกจ้าง(แม่บ้าน) มาทำงานที่บ้าน มีค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน แม่บ้านต้องมาทำทำงานตามที่นายจ้างกำหนด
จ้างทำของ ผู้ว่าจ้างจะจ้างผู้รับจ้าง(แม่บ้าน) มาทำงานที่บ้าน โดยผู้ว่าจ้างจะกำหนดสเปคงานไปเลย เช่นล้างห้องน้ำให้สะอาด หรือทำความสะอาดครัวให้สะอาด ถ้าผู้รับจ้างทำเสร็จก็รับเงินแล้วกลับบ้าน
คร่าวๆก็ประมาณนี้
คิดยังไงกับเพื่อนร่วมงาน ที่ขาดความรับผิดชอบ
แบบเดือนหนึ่งจะมีสัก 1 วัน ที่ไม่แจ้งไม่มา ขาดไปดื้อ 1 วัน
>>473 บ. กูมีคนแบบนี้เยอะ ส่วนตัวกูไม่โอเคทั้งคนไร้ความรับผิดชอบและทั้งตัว บ. ที่ไม่ยอมลงโทษเหี้ยไรเลยแถมยังไปโอ๋พวกมันอีก พอมีคนนึงทำอีกคนนึงก็ทำตาม เป็นแบบนี้มาหลายรอบแล้ว บางคนไม่มาทำงานเป็นสัปดาห์อ้างป่วยไม่มีใบรับรองแพทย์ ก็ไม่โดนเหี้ยไรอีก
สรุป มันขึ้นอยู่กับตัว บ. ว่ะว่าจะดัดสันดานไอ้พวกนี้ยังไง ถ้า บ. แม่งไม่ทำเหี้ยไรเลย คนที่เขาทำตัวดีๆก็เสียกำลังใจว่ะ
มีใครพอยกตย.บริษัทฝรั่งที่คนชอบพูดถึงกันว่านี่ล่ะทำงานสไตล์ฝรั่ง กูเจอหลายบริษัทมากที่ชื่อฝรั่งแต่คนที่ทำงานน่ะไทยล้วน ระบบก็ไท้ยไทยจนแซวกันเองว่าเป็นระบบราชการแล้ว
ผู้หญิงรับมือยังไงวะ กะช่วงฮอร์โมนผันผวน แฟนกูนี่บ่นอยากออกจากงานตลอด แก้เครียดด้วยการช็อปปิ้งอีก เงินเก็บไม่ค่อยจะมี
สอบราชการก็ไมรติดสมัครงานที่ไหนก็รอเรียกๆๆๆอยู่นั้นไอ้เหี้ยยยยชีวิตลูซซซซซสัสๆๆ
>>479 บรรเทายาก ฮอร์โมนมีผลมากจริงๆ เมื่อก่อนสมัยวัยรุ่นเคยไม่เข้าใจและคิดว่าเป็นข้ออ้างของผู้หญิงคนอื่น จนเข้าวัย25+ถึงเพิ่งเริ่มเป็นกับเค้าถึงเข้าใจว่ามันเป็นจริงๆ ไม่ใช่ข้ออ้าง ไม่ได้คิดไปเอง ดาวน์จริงอะไรจริงแบบไม่ต้องมีเหตุผล รับมือโดยการรู้เท่าทันตัวเองว่านี่คืออารมณ์ดาวน์และนอยด์เกินจริงเพราะฮอร์โมน มันไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงของเรา ตั้งสติให้ดี อย่าตัดสินใจอะไรในช่วงนี้เพราะมันมีโอกาสจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเพราะให้ฮอร์โมนนำพาไป ดีหน่อยเราเป็นสายซึมเศร้า ไม่ใช่สายเหวี่ยง แค่จัดการตัวเองให้ดีก็พอ พวกเมนส์มาแล้วเหวี่ยงชาวบ้านน่าสงสารกว่าเพราะคงโดนคนเกลียดเยอะ
ปกติทำงานนานแค่ไหนถึงเรียกว่าวางใจได้วะ กูโม่งจบใหม่เริ่มงานได้ไม่ถึงเดือน แต่วันนี้ว่าง แบบว่างจริงๆอะ ขณะที่คนอื่นมีงานทำ จบใหม่เข้าพร้อมกูก็มีงานทำ
โดนรับน้องด้วยชากุหลาบว่ะ กลายเป็นตัวตลกของที่ทำงานตั้งแต่ผ่านโปรเลย
ถ้ากุเพิ่งรุตัวว่าไม่เก่งญี่ปุ่น โดยเฉพาะอะไรที่มันต้องโต้ตอบไวๆ เฉพาะหน้าแบบงานล่ามงี้
แต่พวกอย่างอื่นแบบแปลไรงี้ทำได้ปกติมาก แต่จบญี่ปุ่นมา กุควรทำงานไรที่ไม่ใช่ล่ามดีวะ ครูสอนภาษางี้โอเคไหม
กูกำลังมองหางานใหม่ทีนี้ กูไปเจอบอริษัทนึงน่าสนใจมากแต่ๆๆคนประกาศหาเสือกเป็นคนที่กูไม่ชอบหน้ามาก่อนเคยมีเรื่องกันน่ะแต่นานแล้วถามว่าตอนนี้รู้สึกเคืองมันมั้ยก็เฉยๆนะ แต่กูสนใจงานนี้มากกูควรเตะเท้าเข้าไปสมัครงานมั้ย
>>487 สมัครดิ งานที่สนก็คืองานที่สน ความสัมพันธ์มึงทั้งคู่จะกลายเป็นปัญหามั้ยไม่รู้หรอก ก็ตอนนี้มันยังไม่เป็นนี่หว่า คว้าโอกาสไว้ก่อน /มีเหมือนกันนะเพื่อนที่กุไม่ค่อยชอบหน้าเพราะวีรกรรมมันตอนปีหนึ่ง ก็เลยไม่สุงสิงกัน แต่กลายเป็นว่าพอจบออกไปทำงาน แอดเฟสบุ๊คกัน กลับรู้สึกว่ารู้จักมันมากขึ้นและสนิทใจกับมันมากกว่าตอนสมัยเรียนซะงั้น
มึงกุขอระบายว่ะ บวกขอคำแนะนำด้วย
กุตัดสินใจลาออกจากบ. แห่งหนึ่งมาเพราะกุกับหัวหน้าเริ่มไม่เข้าใจตรงกัน เขาบอกว่ารักกูเหมือนลูก แต่กดดันกูทุกอย่าง เวลาหงุดหงิดอะไรก็เอามาใส่กู ให้กุช่วยงานแต่ด่ากุทุกเม็ดและบอกว่าเป็นงานของตนเอง สุดท้ายกุใกล้จะเป็นบ้าอถมเครียดไข้ขึ้นหนักเลยตัดสินใจลาออกล่วงหน้า 30 วัน
มันสบายใจดีกูมีความสุขมาก กูรู้สึกดีที่ได้ออกมาจากตรงนั้น
แต่กูไม่แฮปปี้ตรงกูยังไม่ได้งานว่ะ ไม่ใช่ไม่หา แต่หาแล้วเขาไม่เอากู บางที่เอากูแต่ไกลบ้านจนกูแทบอ้วกเลยปฏิเสทไป
กูรู้สึกแย่มากๆ เลยว่ะพวกมึง กูรู้สึกแย่ที่รู้สึกเหมือนหัวหน้ากูหัวเราะตามหลังมาแล้วบอกว่าเลือกเองไม่ใช่เหรอคนอย่างเธอไปที่ไหนใครจะรับ กูจำคำพูดเขาได้ แล้วมันหลอนมากๆ หลอนจนกูเริ่มประสาทเสีย กูมันแย่มากๆ และไม่มีสมองเหมือนที่เขาว่าแน่ๆ เลยว่ะ กูจะทำงานได้เหรอวะ แต่อยู่ไปกูก็กลัวเป็นภาระ หรือกควรไปทำงานในสายงานอื่นที่ไม่ต้องใช้วุฒหาเงินจะได้ไม่เป็นภาระคนอื่นวะ กูกินยาระงับความกังวลแล้ว กูหลับ แต่กูเครียดกว่าเดิม เครียดมากๆ กูพยายามคิดว่ากูไม่มีค่า แต่กูห้ามตัวเองไม่ได้เลยมึง
กูควรทำไงดีวะ ไปหาหมอดีมั้ยวะ หรือหางานทำก่อนดี
>>490 กอดมึงจากใจคนที่อยุ่ในสถานการณ์เดียวกัน มึงไม่ได้เผชิญกับความรุ้สึกนี้คนเดียวเว้ย กูว่างงานสัมหลายที่แล้วยังไม่ได้งาน นานๆทีจะมีคนเรียกสัม และสัมล่าสุดทำให้กูหน่วงสุดๆ เนื่องจากโดนดูถูกเยอะมาก กรณีของมึง กูว่ามึงลาออกมีงทำถุกแล้วหากที่ๆมีงอยู่มันทำให้สุขภาพจิตเสื่อม มึงคงคิดว่าถ้าเลือกได้คงอยากได้งานใหม่ก่อนแล้วค่อยลาออก แต่เอาเหอะมึง ตอนนี้มันเลยจุดนั้นมาแล้ว ตอนนี้มึงต้องเลิกใส่ใจสิ่งที่รั้งพลังใจมึงไว้ ส่งหางานไปเรื่อยๆเยอะๆ กูเชื่อมันต้องมีสักที่ อาจจะใช้เวลาหน่อยแต่สุดท้ายมึงจะได้งานตราบใดที่มึงยังไม่หยุดพยายาม คำสบประมาทที่หัวหน้ามึง หรือใครก็ตามดูถูกช่างแม่ม มันไม่รู้จักมึงเท่าตัวมึงหรอก และมึงอย่าดูถูกตัวเอง มึงลองอ่านนี่ หวังว่าช่วยได้ http://www.investerest.co/attitude/self-fulfilling-prophecy/
ระหว่างร่อนใบสมัครมึงต้องผ่อนคลายตัวเองไม่ให้ประสาทแดกโดยการคุยกับคนอื่นไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน สับเพเหระอะไรก็ได้ ไม่อยุ่แต่ในห้องเพราะบรรยากาศเดิมๆจะทำให้ออกวังวนนี้ไม่ได้ ไปข้างนอกเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง จะได้ไม่จดจ่อกับความเครียดหางานตลอดเวลา ดูหนังซีรีส์ทำอะไรที่มึงชอบไป เป็นการยืดหยุ่นให้ตัวเอง
กูเนี่ยเรียนจบ5ปีครึ่ง F 4วิชาซ้ำๆด้วย ส้นตีนไหมล่ะ เเต่กูไปสัมภาษณ์มา7ที่ ได้ที่ที่7 กูไม่เคยโดนดูถูกเลยว่ะ (หรือว่าดูถูกวะ?)
กูเคยโดนมากสุด(ซึ่งเป็นที่ๆกูได้งาน)ถามว่า คุณจะมีปัญญาทำงานนี้ได้เหรอ คุณเรียนจบก็ช้า ความรู้ก็ดูไม่ค่อยมี เรียนจบมาได้อย่างไร เเบบนี้น่าจะเป็นคำถามเชิงดูถูกมั้ง
กูก็ตอบไปว่า ผมคิดว่าผมทำงานนี้ได้ครับ ผมคิดว่าทุกอย่างไม่มีอะไรยากเกินการเรียนรู้ การที่ผมเรียนFซ้ำๆ เรียนจบเเบบไม่ไทร์ได้ ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าทุกอย่างถ้าเราตั้งใจก็สามารถทำได้เเละใส่ใจมากพอ เรื่องงานก็เช่นกันผมคงไม่สามารถเข้าไปเเล้วทำงานนี้เลยได้ในวันเเรก เเต่หากได้รับโอกาสผมจะสามารถเรียนรู้เเละทำงานได้เเน่นอน เเล้วก็ยิ้มเเห้งๆไป
สุดท้ายกูก็ได้เข้าอะนะ กูว่าคำถามดูถูกเนี่ย มันเหมือนการลองเชิงมากกว่าว่ะ มึงไม่ต้องไปใส่ใจ ให้คิดเเค่ว่าเป็นการลองเชิงว่ามึงจะรับความกดดันเเล้วคิดคำตอบอย่างไรได้ ถ้ามึงโดนดูถูกเเล้วเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูกเนี่ย คนสัมมันก็รู้ว่าเป็นคนไม่มีความมั่นใจ ความมั่นใจนี่สำคัญในการสมัครงาน,ทำงานจริงๆว่ะ
อยากฟังประสบการณ์โดนสัมมั่งก็ดีเรื่องดูถูกว่ะว่าเป็นยังไง พวกมึงโดนดูถูกยังไงวะ
กูไม่รู้ว่ามันโลกสวยหรืออะไรยังไงนะ เเต่กูผ่านจุดที่เคยดาวน์ที่สุดในชีวิต บ้างก็เกือบรีไทร์ พ่อเเม่ด่าว่าส่งเสียให้เรียนก็เวลาไปโยนทิ้งบ้างอะไรงี้ด้วยเเหละมั้ง พอผ่านมาเยอะมันก็ชินนะ พยายามคิดเเง่บวกไว้เเหละดีสุด
ไม่มีเงินมึงก็ไปทำงานพาร์ทไทม์ก่อนก็ได้ กูก็ยังเคยไปทำเลย จบตรีมา ไปทำงานเซเว่น ถามว่าทำไมไม่ไปสมัครงาน ก็ไปสมัครงานเเล้วเเต่เเม่งก็ไม่มีที่เรียกสัม เเล้วเงินก็ร่อยหรอ กูไม่อยากพึ่งพาพ่อเเม่ด้วย กูก็เลยต้องทำงานไปก่อนหาเงิน 2เดือน เเล้วค่อยกลับมาวนหาที่สัมไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ได้
>>485 Japanese speaking staff มากมาย อยากทำอะไรเลือกเลย กูชอบสายนี้มาก สมัยก่อนเป็นล่ามกดดันเครียดสุดๆ คิดว่าตัวเองโง่ญี่ปุ่นไปเลย พอมาทำแนวนี้แฮปปี้มาก มีแต่คนญี่ปุ่นชม รู้สึกภูมิใจและมั่นใจในตัวเองขึ้นมาก เพราะคราวนี้กูได้พูดได้ฟังในสิ่งที่ตัวเองทำงานเองรู้เรื่องเองแล้วไง กูก็ฟังออกพูดได้คุยกับเค้ารู้เรื่องหมด ไม่ใช่ทั้งห้องประชุมเหี้ยไรกันมีล่ามคนเดียวที่ไม่รู้ background อะไรเลย แต่เสือกถูกคาดหวังให้ต้องรู้ศัพท์ทุกคำที้มันคุยกัน เหอะ
กู 490 นะ
ตอนแรกกูจะหางานให้ได้ก่อน คือกูทนมาเกือบจะ 4 ปี เป็น 4 ปี ที่เขาเข้ามายุ่งเรื่องกูมากขึ้นเรื่อยๆ กูปกป้องด้วยการแย้ง กลายเป็นโดนแบน พอกูยอมถอยเขาถึงยอมส่งงาน
เคยนั่งโง่ๆ เพราะเขาไม่สั่งงานมาเลยแล้วบอกกับผู้จัดการซึ่งเป็นแฟนเขาว่ากูไม่มีความสามารถ และหันมาบอกว่ากูไม่มีน้ำใจช่วยงานมั้ย แถมถามแล้วไม่ใช่ไม่ถาม
ที่แย่คือรู้จักบ้าน วันดีคืนดีมาเยี่ยมเพราะคิดถึงแต่มาบ่นเรื่องเพื่อนร่วมงานอีกคนให้กุฟัง
ตอนแรกกุคิดว่ากุตะหางานให้ได้ค่อยออกแต่สิ่งที่เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คือเหตุบางอย่างที่กุขอไม่บอกนะ แล้วแม่งมันอึดอัดสัสๆ แล้วกุไม่อยากฟังเขาแล้วว่ะ กุเลยตัดสินใจออกดีๆ
คือมันเหมือน จุดที่กูนั่งถามตัวเองว่ากูทนมาทั้งหมดเพื่ออะไร กูทนเพื่อให้ได้โบนัส แต่โบนัสกูหายไปครึ่ง ในขณะที่เพื่อนร่วมงานได้โบนัสมากกว่ากู 3 เท่า แล้วโบนัสของแผนกกูมันมาจากการประเมินของหัวหน้างาน กูแม่ง.. โอเค .. ยอมแล้วจ้า
มีใครทำงานสนง.รัฐบ้างมั้ยวะ กูอยากรู้มันปกติมั้ย
วันนี้หัวหน้าใหญ่กูนึกคึกไรไม่รู้ร่างแผนเฝ้าสำนักงานในวันหยุด
แบบทุกวันอาทิตย์และวันหยุดราชการทุกคนต้องผลัดกันมาสนง.(วันละ 2 คน) มาแล้วไม่ได้ทำห่าไรนอกจากนั่งเฝ้า เฝ้าทั้งวันยิ่งกว่าเวลางานปกติอีกแถมที่สำคัญไม่ให้โอที ใครโดนวันหยุดก็ไม่ให้ลา เพื่อนกูโดนสงกรานต์ไปวันนึงแล้ว มันใช่เรื่องใช่หน้าที่มั้ยวะ ถามคนเก่า ๆ เขาก็บอกเมื่อก่อนก็มีแบบนี้แต่หัวหน้าคนเก่ายกเลิก กูเลยชักเริ่มสงสัยหรือมันเป็นนโยบายปกติของสนง.ราชการวะ
>>496 กูขอแนะนำ Japanese speaking staff อีกรายนะ สายนี้ถ้ามีนายดี + เพื่อนร่วมงานดี กูขอรับประกันเลยว่าชีวิตจะมีความสุขมาก
ส่วนไอ้พวกล่ามที่เห็นเงินเดือนมันเยอะๆน่ะ กูว่าถ้า หักลบค่าความเครียด + ค่ากันดาร แม่งไม่คุ้มหรอกว่ะ รุ่นพี่ที่ที่ทำงานกูแม่งไม่เก่งนะแปลมั่วชิบหายแต่เป็นกรรมการ บ. ได้เพราะแม่งเลียเก่ง ถวายหีให้นายจนได้เป็นกรรมการอ่ะ คือถ้ามึงอยากประสบความสำเร็จ กูบอกได้เลยว่าความสามารถไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ว่ะ
พวกมึงเคยเป็นเเบบกูปะ คือ งานเเม่งไม่ตรงกับรายละเอียดกับขอบเขตงานเลยว่ะ ปกติบ.ส่วนใหญ่ใบสมัครงานก็จะบอกใช่ปะว่าตำเเหน่งนี้ทำอะไร
ตอนกูสมัครงานบริษัทเเม่งไม่บอกว่าต้องทำอะไรบ้าง เเล้วพอกูยื่นไปเห็นว่าตรงตามคุณสมบัติพอดี ด้วยความที่ตอนนั้นกูจน มีงานอะไรก็ทำไปก่อน ไปสัมภาษณ์เเล้วคุยกับบ. ทางหัวหน้าก็บอกว่าทำงั้นงี้นะงานธุรการทำเอกสาร คอมพิวเตอร์เป็นหลัก รับคำสั่งทำตามงานที่มอบหมาย เเล้วบ.ก็รับไป
ปรากฎว่างานเเม่งใช้ทุกอย่างเลยสัส นอกขอบเขตงานเหี้ยๆ JD ธุรการงี้ ปรากฎว่าต้องมาทำโอเปอเรเตอร์ ติดต่อคนเยอะๆเฉย เเถมมีพ่วงไปเป็นคล้ายๆเซลล์อีก กูเลยงงว่าเเม่งเป็นงี้กันเหรอวะ
>>503 >>496 ขอบคุณมากพวกแก คือเราเคยไปทำบ.ญี่ปุ่นมา เจอแต่คนเหี้ยๆ
พักนี้ลองออกไปทำล่ามฟรีแลนซ์ดูก็แบบอ่าว แต่ละคนเขาก็ไม่ได้แย่นี่หว่า ก็เลยดูๆอยู่ว่าจะกลับไปทำประจำดี หรือฟรีแลนซ์ต่อดี
เพราะแบบบางคนเจอกันแป้บๆ ก็ทำดีใส่กันอ่ะ กุยุบ.ยาวๆทีไร มีเรื่องทุกที จนกุเหนื่อยๆ อ่ะนะ คิดแบบลูซเซอร์ป้ะ
รึทำอะไรแล้วมีความสุข พอมีเงินไถๆไปไม่ได้ต้องมากก็พอแล้วดี
แบบตอนทำฟรีแลนซ์กุแฮปปี้มากก คนญี่ปุ่นคนไทยดีกะกุ ก้ไม่เคยเจอฟีลนี้ในการทำงานประจำเลยเนี่ยดิ...
504 กุก็เป็น กุคิดในแง่ดีว่ามันได้ประสบการณ์ กระทั่งพบว่าเงินไม่เพิ่มเหี้ยอะไรเลย กุเลยพอ...
มึง ใครรู้จักข้อสอบตอนสมัครงานมั้งวะ ไอ้ที่เป็นเลขบ้าง ทำข้อสอบรูปวัดไอคิว คือกุอยากรู้ว่าเรียกว่าอะไร เราหาทำได้ที่ไหน กุไปนั่งทำข้อสอบมา กูจำเหี้ยไรไม้ได้เลย
>>505 กู 496 นะ กูทำงานประจำก็เจอคนดีเป็นส่วนมาก สมัยกูเป็นล่ามกูว่าเค้าไม่ค่อยมองเราเป็นส่วนหนึ่งของแผนก เป็นแค่เครื่องแปลภาษาเครื่องนึง ข้อดีก็คือไม่มีฝักฝ่ายให้วุ่นวาย ข้อเสียก็คือไม่มีพวก แต่พอมาทำงาน Japanese Speaking ทีมมองเราเป็นส่วนหนึ่งของทีม เค้าเลยปฏิบัติกับเราแบบต่างกับล่าม ความรู้สึกส่วนตัวนะ กูรู้สึกตัวเองมี value กว่าตอนทำล่ามเยอะ ตอนเป็นล่ามคุณค่าของเราคือเครื่องแปลภาษา พอแปลไม่ได้ก็ไร้ค่า เพราะคุณค่าเรามีแค่นั้น แต่อันนี้เราลงมือทำงานเอง มีผลงานหลายอย่าง แถมยังติดต่อประสานงานกับญี่ปุ่นเองได้ ต่อให้ทำงานตรงไหนพลาดบ้างเราก็ยังมีคุณค่าในแง่อื่นๆ หรือด้านอื่นๆ มันไม่เฟลแบบตอนทำล่ามอะ อาจจะแล้วแต่คนชอบด้วยแหละ เพราะบางคนก็แฮปปี้กับการเป็นล่าม แต่กูไม่
เบื่องานมากเลยว่ะ กูพึ่งรู้ว่าจริงๆกูชอบกีฬา ไม่ได้ชอบงานคอม เปลี่ยนไรตอนนี้ทันมั้ยวะ ไม่อยากทรมานจนแก่ตาย ปรึกษาพ่อก็ด่า ปรึกษาแม่ก็ไล่ไปเปิดเน็ต กูเลยมาเปิดเน็ตถามโม่งนี่แหละ
>>511 วงการกีฬาไม่ได้มีแต่นักกีฬานะ กูไม่รู้ว่า >>509 จบอะไรมาหรือทำงานอะไร แต่บางทีความเบื่อหน่ายของมึงก็ขึ้นอยู่กับองค์กรด้วย สมมติมึงชอบฟุตบอล แล้วมึงพาตัวเองไปทำงานในสโมสรสักที่ได้ ต่อให้เป็นงานคอมเหมือนเดิมมึงก็อาจจะเลิกเบื่อ ถ้ามันลำบากที่จะย้ายสายงาน มึงลองพิจารณาองค์กรดู กูจบการตลาด ตอนเรียนทำโปรเจกต์เกี่ยวกับ firm แนว FMCG บ่อยๆ แล้วกูไม่ชอบเลย รู้สึกว่ามาผิดทางป่าววะ ตอนฝึกงานกูเลยไปฝึก marketing กับค่ายหนังเพราะกูชอบดูหนัง คราวนี้สนุกเลย
ปล.แต่วงการกีฬาไทยเงินเดือนไม่ค่อยดีหรอก ระวังไว้ด้วย
พอกันเลยมึงจับมือ คิดเหมือนกูเลยกูก็เบื่องานที่ทำมากเพิ่งมาพบว่าตัวเองอยากเป็นนักเขียนนักวาด ของกูอยากเป็นนักวาดว่ะ ซึ่งนักวาดงานในไทยนี่เเม่งค่าเเรงตกต่ำสุดขีด เเล้วถ้าเริ่มต้นช้าการเเข่งขันด้วยมันลำบาก สายอาชีพนี้ไม่เก่งอยู่ยาก ต้องรับงานจากเมืองนอก ซึ่งไองานวาดนี่ต้องอาศัยการฝึกฝนนาน
มึง กูไม่รู้จะถามไหนละ โม่งแตกก็ช่างแม่ง
มาขอคำปรึกษาคนที่ผ่านการทำงานมาแล้ว...
คืองานที่ทำอยู่ใกล้บ้าน (1 ชม.ถึงที่ทำงาน(...)) เงินเดือนก็พออยู่ได้ แต่มีปัญหากับเรื่องว่าเจ้านายพูดไม่รู้เรื่องค่ะ ไม่รู้เรื่องแบบคุยคนละภาษาเลย สั่งงานเที่ยงคืน จะทำยอดอย่างเดียว ระบบข้างในงุนงงวกวนมากๆ
ตอนแรกคิดว่าจะทำต่อเพราะงานไม่หนัก ปรากฏว่าเจ้านายบอกให้กูทำคอนเท้นท์ อินโฟ เขียนบทความ ตอบแชทลูกค้าตลอดด้วย ตอนแรกคิดว่าโอเค เจ้านายไม่ดี แต่เพื่อนร่วมงานดีก็ไม่เป็นอะไร แต่หลังๆก็เริ่มรู้สึกว่าโดนผลักงานมาให้ (เป็นธุรการฝ่ายขาย แต่ต้องดูแลเรื่องไลฟ์สดต่างๆและช่วยงานกราฟฟิคอีกต่างหาก...)
คือสุขภาพจิตถดถอยลงพอสมควร ดีตรงที่น้ำหนักลด(...) แต่สายตาแย่ลงมากเพราะต้องนั่งหน้าคอมตลอด 9 ชม. ที่หนักใจคือเจ้านายไม่เคยผิดเลย พยายามจะท้วง (แบบดีๆ) คือเขาจะเถียงเอาชนะให้ได้ ค่ดเหน่ย
เงินเดือนได้มากเท่าที่หาได้จากฟรีแลนซ์ (1x000)
ทำงาน 6 วัน หยุดวันอาทิตย์ แต่ต้องตอบลูกค้าตลอด พยายามแย้งเรื่องเวลาพักไปแล้วโดนบอกกลับมาว่าวันหยุดคุณจะไม่ทำงานเลยเหรอด้วย orz
ควรไปต่อไหมวะ orz
ปล. คือกูยังไม่จบตรี ทำงานไปเรียนไปด้วยเลยจบช้าโคตรๆ ทีนี้คือกูมีภาระที่พ่อแม่โยนใส่หัวมาให้ก้อนหนึ่ง เดือนละหกพัน คืองานฟรีแลนซ์กูก็หาจ่ายได้แหละ แต่มันไม่มั่นคงกับกูเฉยๆอ่ะมึง เลยลังเลว่าจะออกดีไหม
>>521 ทำงานมันควบอะไรหลายอย่างเลยวะธุรการขายนี่กูว่ามันวุ่นวายสุดแล้วนะกูเคยทำำ แล้วยังมีกราฟิกเขียนนั่นนุ่นนี่วั้ททท!
ถ้าต่อไปคงมีเพิ่มมาอีกคิดแง่ดีคือเขาอยากให้เราพัฒนาหลายด้านต่อยอดบลาๆ ถ้าแย่หน่อยก็เห็นทำเป็นหลายด้านได้ทาสราคาถูก...
อ่ะลองหาลู่ทางใหม่ดูคุยกับทางบ้านให้เขาเข้าใจ ตัวไหวใจไม่ไหวยังไงก็พัง ให้กำลังใจนะ
>>517 กูวาดเเนวอนิเมะ มังงะว่ะ กูเพิ่งมาเริ่มฝึกประมาณสอง-สามปีนี่เอง มีงานเข้ามาบ้างนะ ซึ่งทั้งชีวิตกูเเม่งไม่เคยรู้เลยว่ากูจะชอบวาดรูปมาก่อน
กูเรียนจบเภสัช ชีวิตก็อ่านสือๆไม่มีไรไม่ได้ ทีนี้พอมาทำงานๆซักพักกูไม่รู้อะไรดลใจให้วาดรูป พอลองวาดเเล้วเเม่งสนุกดีว่ะ เเล้วรู้สึกมีความสุขกับมัน
ก็ไม่มีอะไรหรอก เเค่รู้สึกว่าค้นพบตัวเองเจอช้าไป กูเพิ่งเคยรู้สึกเเบบที่ว่าเวลาเจออะไรที่ชอบเเล้วมันทำให้ค้นคว้าด้วยตัวเองตลอดไม่ขี้เกียจ มีความสุขตลอดเวลามันเป็นเเบบนี้นี่เอง ก็เสียดาย
>>522 กูก็ทาสราคาถูกนะ บ. เล็กๆ แม่งบางทีจะเหี้ยแบบนี้แหละ
กูมีหลักคิดอย่างนี้นะ คือถ้าแม่งจะใช้งานนอกเวลางานน่ะ กูต้องกลับก่อนเวลาทำงานได้และในเวลาทำงานส่วนใหญ่จะว่างถึงขนาดดูหนังออนไลน์ได้ ถ้าไม่ใช่อย่างที่ว่ามาคือโดนเอาเปรียบว่ะ และถ้าโดนเอาเปรียบแต่เสือกยังทนได้ มึงคือควายแล้วล่ะไม่ใช่คนแต่อย่างใด
เรื่องงานนี่โคตรละเหี่ยใจ
งานดีๆแม่งมีในโลกปะวะ
นั่นดิ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านก็โดนหาว่านีท
ทั้งที่กูทั้งกรอกน้ำที่กุกินหมด ล้างจานที่กุใช้ ดูดฝุ่นในห้องตัวเอง ญาติแม่งยังรุมด่าว่าไม่ทำงานๆๆ
กุว่าจะลาออกมา เปิดร้านอาหารตามสั่งแบบพรีเมี่ยมหน่อย
ถ้าขายจานละ 60++ ขั้นต่ำำ มึงว่าคนจะซื้อไหม
กู >>521 นะ
คือคิดว่าคงออกอ่ะ เพราะนอกจากหัวหน้ายังโยนงานมา เพื่อนร่วมงานฝ่ายกราฟฟิคเห็นกูทำได้ก็ผลักมาให้กูอีก
กูขอถามต่อนิดนึง บ.กูตัดรอบเงินเดือน 25 ละคือมันติ่งวันจันทร์หน้า
กูควรจะบอกเขาวันนี้ว่าอาทิตย์หน้าไม่มาแล้ว หรือมาวันที่ 25 อีกวันแล้วไปเลยดี กลัวเขายื้อให้อยู่จนสิ้นเดือนอ่ะ
ปกติเค้าบอกล่วงหน้ากันเดือนนึง มึงทำแบบนี้นี่คือไม่เผาผีกันแล้ว
อันนี้ถามนะ ไม่รู้มันจะมีจริงบนโลกนี้ไหม แบบว่าพวกมึงรับเงินแล้วหนีเฝดหายไปเลยแต่อีพวกหัวหน้ามึงตามจองเวรบุกบ้านมาไล่บี้ให้ไปทำงานนี่พวกมึงจะรับมือกันยังไงวะ?
>>539 ไม่มีใครมาตามหลอก แค่เห็นมึงหายไป4-5วันอย่างมากเค้าก็โทรตาม มึงก็บอกไปดิว่าออกแล้ว ส่งข้อความไปก็ใด้ ส่วนเรื่องเงิน มันเป็นเงินที่มึงสมควรจะใด้เพราะตัดวีคแล้วก็คือเงินเดือนตามช.ม.การทำงานของมึงเองอ่ะ ปล กูเปลี่ยนงานบ่อยเหี้ยๆเลยทำที่ใหนก็ไม่ค่อยทน ตอนนี้นอนกระดิกตีนอยู่บ้าน เกาะที่บ้านแดก
>>532 เป็นกูจะบอกตั้งแต่วันนี้เลยว่าจะออก และจะอยู่ทำงานให้ถึงสิ้นเดือนด้วย(ใจดี) ถ้าถึงรอบมันไม่จ่ายเงินเดือนกูก็จะรวบรวมหลักฐานไปฟ้องกรมแรงงาน ปกติจ่ายเงินเดือนยังไง มีสลิปมั้ย มีอีเมล์สั่งงานกันหรือเปล่า เวลามึงทำงานควรปกป้องสิทธิตัวเองด้วย ไม่น่าปล่อยให้โดนกดขี่ขนาดนี้
พวกมึงว่างงานกันเพราะอะไรบ้าง ของกูมีปัญหากับคนว่ะเพราะกูไม่สู้คนเลยเหมือนโดนกดหัวง่ายกูเลยออกมาแต่มันกลับสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
กูบราวเอาท์อ่ะ เจอที่คนแชร์มาเลยไปหาอ่านเพิ่ม มันใช่แบบไม่รู้จะใช่ยังไงแล้ว ตอนนี้คือทำงานเต็มที่ คุณภาพไม่มีตกแต่ใจไปหมดแล้ว
ใครเคยเป็นบ้าง แชร์ประสบการณ์หน่อยว่าทำยังไงกับชีวิตช่วงนั้น
กูสงสัยว่า การสอบถามหน้าที่ตำเเหน่งงานเพิ่มเติมนอกเหนือจากในใบรับสมัครก่อนสัมภาษณ์ เป็นสิ่งที่ควรหรือไม่วะ
คือชีวิตกูเคยสมัครสัมภาษณ์ไป 8ที่ ก็เคยไปสัมมาหลายที่ ทุกครั้งที่กูส่งresumeไป กูก็จะสอบถามหน้าที่ทุกครั้งเพิ่มเติม(หากกูไม่ทราบว่าเนื้องานเป็นอย่างไร) หรืออย่างเช่นใบสมัครไม่ได้บอกหน้าที่ให้เคลียร์เป็นต้น ปัจจุบันก็ทำงานอยู่ทุกอย่างก็ปกติดีไม่มีอะไรนะ ทีนี้กูลองยื่นไปบริษัทนึง เหตุที่อยากย้ายเพราะว่าไกลบ้านไปหน่อย ถ้าย้ายใกล้ๆได้ก็ดี HRก็เหน็บกูเฉยว่าทำไมไม่ยอมอ่านใบสมัคร เรื่องเเบบนี้ควรคุยตอนสัมภาษณ์งาน มาถามเเบบนี้บ่งบอกว่าผู้สมัครอ่านรายละเอียดไม่ดีพอ เเล้วเเถมเหน็บด้วยว่าเกรดน้อยจัง จะทำงานได้หรือ
กูเลยงงเลยว่า ปกติไม่ควรสอบถามเพิ่มเติมผ่านทางHRรึเปล่าวะ หรือว่าควรจะไปคุยเรื่องนี้ตอนสัมภาษณ์งาน หรือว่าบางบ.HRก็เป็นหัวหน้างานตำเเหน่งนั้นๆด้วยเหมือนกัน
ทำไมเจอพวกทำธุรการยันกราฟิกเยอะจังวะ
แม่งไม่ให้ค่าใบปรญ.กูหน่อยหรอ
กูนี่เจอช่าง+ไอที+กราฟฟิก คอวอยอ
>>550 ล่าสุดนี่กูถามว่า เซลล์ตำเเหน่งนี้ต้องขายลูกค้ากลุ่มไหน ต้องใช้ภาษาอังกฤษไหมกับการติดต่อเสนอขายลูกค้ากลุ่มหลัก HRไล่กูเฉยเลย เเถมเหยียดเกรดด้วย(เซลล์นี่สนเกรดด้วยเหรอไง) หรือว่าจริงๆเเล้วไม่ต้องถามจะดีที่สุดวะ รอโดนไปสัมภาษณ์เเล้วถ้าใช้ภาษาอังกฤษหลัก เกิดคนสมัครกากภาษาอังกฤษงี้ คิดว่าทำได้ไม่ดีก็ต้องเสียเวลางี้เหรอวะ หรือตัวงานต้องออกต่างประเทศไหม การสอบถามเบื้องต้นมันก็พอจะทำให้รู้ได้บ้างไหมวะ ว่าเหมาะกับงานไหม ตรงใจผู้สมัครรึเปล่า ซึ่งถ้าไม่ถามHR ทางเมล์จะไปถามใครวะทีนี้
หรือว่าต้องลองกระเสือกกระสน หาข้อมูลเอง ตรัสรู้เองว่า บริษัทต้องการเเบบไหนเอาเองเเล้ววัดดวงเอาตอนสัมภาษณ์
เเต่บ.ก่อนๆหน้าที่กูเคยสมัคร บ.ที่มันประกาศชัดเจนเช่นไม่มี Fluent in english ถามเบื้องต้นอะไรประมาณนี้ บ.อื่นๆก็ตอบนะ ให้ข้อมูลอะไรเบื้องต้นดี
ตอนโดนสัมฯกูถามหน้าที่การทำงาน ขอบข่ายงาน ยันขอดูหน้างานเลยนะคือถ้าไม่ไหวไม่โอเค
สองฝ่ายแฟร์ๆกูชอบแบบนั้น ถ้าบ.ไหนไม่ให้กูก็บายเช่นกันเพราะกูไม่ได้อยากเป็นทาสทำงานควบทั้งองค์กรแต่รายรับเท่าหอยมดอ่ะนะ
ใครมีบริษัทดีๆ เปิดรับนักศึกษาฝึกงาน สายมาเกตติ้ง หรือ business แนะนำหน่อยดิ
เออ ถ้าจบทดลองงานแต่บ.ยุ่งๆไม่ว่างประเมินต่อสัญญามึงซักทีนี่แปลว่าไงวะ รอให้กูหางานใหม่อ้อมๆหรอ
สัส อันนี้เข้าขั้นระยำ สงสารเด็กที่มาทำงานจัง ได้ตังค์ก็จริงเเต่ไม่ได้ประสบการณ์ไปต่อยอดสัสที่ทำงานใหม่
เบื่อเว้ย ไม่ได้งานสักที สัมวนไป
มึง กูควรลาออกไหมวะ แผนกกูมีกัน 7คน ตอนนี้ลาออกไปแล้ว4 เหลือกูกับพี่อีก2คน ทั้งบ.มีกัน10คน(ซึ่งตอนนี้เหลือแค่6แล้ว) เป็นstart up เปิดมา4-5ปี ดูทรงกูว่าไม่รอด แต่กูยังไม่ได้สมัครงานใหม่ที่ไหนเลย กูควรลาออกเลยแล้วหางานใหม่ หรือรอให้มันเจ๊งแล้วหางานดีวะ เพราะเหลือกันแค่2คน หัวหน้ากูไม่ให้ลาไปไหน
>>570 มันไม่มีเขียนในกฎหมายแรงงาน ถ้าเขียนเป็นสัญญาจริงๆ ก็ cover ได้แค่ว่่ช่วงเวลานี้มึงอาจมีสิทธิืผลประโยชน์พิเศษบางอย่างไม่เท่าลูกจ้างคนอื่น แต่อย่างอื่นก็ที่มึงว่า
นายจ้างหลายที่แม่งมั่วนิ่ม หรือผิดเข้าใจเองว่าไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยหรือบอกล่วงหน้าได้ ซึ่งจริงๆไม่ใช่ ยังไงก็ต้องมีแจ้งล่วงหน้า 1 เดือน แล้วถ้าเกิน 120 วัน ก็ค่าชดเชยอีก 1 เดือน
>>568 มีหลักฐานการรับเงิน+หลักฐานอื่นๆ ยังพอไฟท์ได้ ศาลแรงงานค่อนข้างเข้าข้างลูกจ้าง
เบื่อโว้ยยยยยยยยยยยย คุยงานกันทีเดียว 3-4 คนกับกูจะให้กูแบ่งสมองส่วนใหนไปฟังวะ แล้วจะให้กูตัดสินใจด่วนๆๆอีกไอสัสถ้าพลาดขึ้นมาก็ด่าดิ
แล้วอีลูกน้องนี่ก็ขยันถามจังโว้ยยยยยยยย ถามเรื่องเดิมๆวันนึง 3-4 รอบ ขยันเดินมาหามาถามด้วยนะ ไหนจะหัวหน้าขี้เมื่อยแม่งก็ชอบส่งกูไปประชุม
จังวะ เรื่องของตัวเองแท้ๆไม่ไปไม่เอาไม่ทำ นั่งเมื่อยๆแล้วส่งลูกน้องซึ่งก็คือกูไปประชุมแทน ฮึ่ยยยยยยย
เครียดว่ะ ต้องรีบหางานก่อนตกงาน คงต้องไปทำที่ที่คนเข้าๆออกๆบ่อยๆอีกละสิ ทำงานมากยิ่งรู้สึกสิ้นหวัง
เป็นนีทดีกว่า ยอมละชีวิต
งานด่วนกับงานเยอะ เลือกอะไรดีวะ เดี๋ยวนี้เจอเบิ้ลจนชิน
เราต่างอะไรกับหนูถีบจักร หรือซีซีฟที่กลิ้งหินขึ้นภูเขา
เวลาไปดูแลพ่อแม่ก็ไม่มี เงินก็ซื้อความสุขไม่ได้ เห่อออ เบื่อว่ะ
อยากลาออกไปเป็นนักแคสเกม
งานประจำได้เงิน 35k (ต้องหักค่าที่พัก ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเน็ตเเยก ค่าเดินทางไกล) สุขภาพจิตเสีย ต้องทนทำ กับทำงานที่บ้านฟรีเเลนซ์15k -25k รายได้ไม่เเน่นอนเเต่มีงานทุกเดือน ค่าเดินทางค่าที่พักไม่เสีย ถ้าลาออกมาจะมีเวลาทำงานฟรีเเลนซ์เป็นงานที่ชอบเพิ่มคิดว่าน่าจะได้มากกว่า25k
ด้วยตัวแปรนี้เป็นพวกมึงจะลาออกปะ เมื่อชั่งน้ำหนักกับ ไม่ได้สวัสดิการ โบนัส ความมั่นคง
กูกำลังลังเลชิบหาย
ใครเคยลงทะเบียนเป็นผู้ว่างงานในเว็บกรมจัดหางานบ้าง นี่เพิ่งยืนยันออนไลน์ว่ายังว่างงานครั้งแรก แล้วมันมีวันที่นัดหมายขึ้นมา อยากรู้ว่าเราต้องไปกรมวันนั้นปะ
>>579 มีเงินเก็บมั้ย เงินเก็บนั้นสามารถทำให้มึงอยู่โดยไม่มีเงินเข้าเลยได้กี่เดือน(กูเชื่อว่าถ้าจะวางแผนต้องคิดในแง่ร้ายก่อน) สำหรับกูสิ่งที่ขยาดสำหรับการเป็นฟรีแลนซ์ไม่ใช่งานไม่เข้า กูเชื่อว่าถ้าไม่เลือกงานนักยังไงก็มีงานทำตลอด แต่ที่เหี้ยคือ "เงินไม่เข้า" - ประเมินตัวเองเอาว่ารับความเสี่ยงได้แค่ไหน
ขอวิธีไม่ให้ง่วงตอนทำงานหน่อยดิ
มีใครเป็นแบบกูบ้างไหมวะ ทำงานมายังไม่ถึงปี แต่โครตเบื่องานเลย
ขอความรู้หน่อย เดี๋ยวนี้มีงานอะไรที่มันส่งงานออนไลน์ได้มั่งวะ หรือเข้าบริษัทแบบนานๆ เข้าที
กูชักเริ่มอยากกลับไปทำงานแบบได้เงินเดือนละ หลังจากออกมาทำกิจการตัวเองแล้วรู้สึกว่า มันสบาย(และได้ตังน้อย) เกินไป
ไม่ค่อยมีหรอกมั้ง ส่วนใหญ่ยังต้องเข้าบริษัทกันอยู่ เข้าบริษัทนานๆทีก็เห็นพวกเซลล์ไง
เเต่มึงก็ต้องออกไปหาลูกค้าเเทนอะนะ
พวกเซลล์นี่เป็นเรื้อนไรกันวะสัส ไม่รู้จักวางแผนการขายเลยหรอวะ ที่กูคิดๆคือมันต้องมีช่วง Low - high แล้วมึงก็ตั้ง Budget มาดิว่าประมานเท่าไรๆ
ไม่ใช่ขายไปงั้นๆ พอช่วงใกล้จะปิดยอดก็มาเรื้อนให้พวกกูปรับแผนนู่นแผนนี่ตลอด วันนึงกูปรับแม่งเป็นสิบรอบปรับไปปรับมา เสือกเอาแผนเดิม ค๊วยย
กูทำงานด้านกฎหมายอยู่ เงินดี เวลาว่างพอมี แต่รู้สึกว่างานมันเครียดและไม่เหมาะกับตัวเอง
อยากออกมาทำงานธุรการง่ายๆ เงินเดือนไม่สูงเท่างานกฎหมายแต่สบายใจกว่า
เวลาว่างเยอะกว่า
แต่โดนค้านแน่นอน ทั้งจากคนรอบข้าง หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน พ่อแม่
คือกูอยากระบายกับพวกมึงว่า บางทีคนเราก็ไม่ได้ต้องการเงินเดือนสูงๆหรือความก้าวหน้าอะไรหรอก
ขอแค่พอมีเงินใช้ มีเวลาว่างทำให้ที่อยากทำ ทำงานที่มันทำแล้วสบายใจ แค่นี้พอ
อาจจะดูโง่ที่เปลี่ยนสายงานกฎหมายเงินเดือนสูงมาสายงานธุรการทั่วไป
แต่สำหรับกูมันคุ้มค่า
พวกมึงงง กูไม่รู้ว่ามาถูกมู้มั้ยคือกูอ่ะเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทำงาน มีแฟน มีลูกคือสร้างครอบครัวแล้ว มันโพสเรื่องงานเรื่องชีวิตกูก็เย้วๆคอมเม้นดีใจด้วย แต่ตัวกูกลับไม่อินแบบนั้นจริงๆว่ะ กูแค่คิดว่าทำงานหาเงินงกๆ กินของอร่อยซื้อของเปย์ตัวเองก็พอแล้วอ่ะ ไม่เห็นอยากมีครอบครัวอะไรแบบนั้นกูแปลกป่ะวะ ออ... กูจะ30แล้วนะ
มีใครเป็นงี้บ้างวะ ไม่ได้คุยกะเพื่อน มปลาย เพื่อนมหาลัยเลย เพื่อนสนิทสุดคือแฟน เพื่อนที่ทำงานก็คุยแค่เรื่องงาน
>>597 มึงอย่าเอาตัวเองไปคิดแทนคนอื่นเว่ยแต่ละคนมีแนวทางชีวิตไม่เหมือนกัน กูอ่านแล้วกูรู้สึกว่ามึงอะกำลังแสดงความยินดี "ที่เพื่อนมีครอบครัว" มึงเลยไม่รู้สึกยินดีเพราะตัวมึงไม่คิดว่าการมีครอบครัวมันดีไง กูว่าเปลี่ยนวิธีคิดใหม่เป็นแสดงความยินดี "ที่เพื่อนมีความสุข" มึงน่าจะอินได้มากขึ้นป่ะ
ที่ทำงานแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันชัดเจน
พยายามเป็นกลางให้ไหลไปกับทุกฝ่ายไม่เลือกข้าง แต่เหมือนจะถูกมองว่าเป็นนกสองหัว
เสียสุขภาพจิตสัดๆ ทั้งๆที่งานก็เครียดอยู่แล้ว ตื่นเช้ามายังต้องคอยตั้งสติ รับมือกับเกมการเมืองในที่ทำงานอีก จะเป็นบ้าอยู่แล้ว
กูยังไม่อยากเรียนจบเลยว่ะมันยังอีกหลายปีแต่กูกลัว ยังไม่อยากทํางาน อาชีพกูมันเดี่ยวกับชีวิตคนด้วยไม่อยากทํากลัวพลาด กูขอเรียนแบบนี้ไปเรื่อยๆได้มั้ยวะ
full time trader ดีมั้ย
>>603 ของกูเมื่อก่อนทั้งแผนกมี 3 คนมันยังจะแบ่งกันเลย กูเข้าไปใหม่โดนอีสองคนมาเสี้ยมว่าอีกฝ่ายไม่ดี กูเลยอยู่คนเดียวแม่ง ในแผนกเลยกลายเป็น3ฝ่ายไม่ยุ่งกัน
ตอนนี้อีคนเก่าออกไปคน รับใหม่สองคนแม่งเสือกมาทะเลาะกันเอง อีคนเก่าแม่งก็ขี้เสี้ยมอยู่แล้วก็ไปเข้าฝ่ายกับอีกฝั่ง ตอนนี้แม่งทะเลาะกันจะตายห่า
รอหาบริษัทใหญ่ๆได้กูไปละทะเลาะกันก็มี hr เรียกไปด่า ของกูยืนด่ากันในออฟฟิศนายแม่งยังทำไรไม่ได้เลย นั่งโง่ไปวันๆ
>>597 กูมีช่วงที่ไม่อินคือช่วงเพื่อนแต่งงานแล้วมาโพสครบรอบนู่นนี่ อ่านแล้วก็เฉยๆ มันน่ายินดีอะไรวะ มาเริ่มอินช่วงที่ลูกๆเพื่อนเริ่มโต พาไปโรงเรียน ลูกกลับมาเล่านู่นนี่แล้วเอามาแชร์เป็นโมเม้นต์น่ารักๆ อ่านแล้วคิดว่าเออถ้ามีลูกวัยนี้แล้วน่ารักแบบนี้คงมีกำลังใจทำงานขึ้นเยอะ
แต่ก็มีโมเมนต์แบบเพื่อนทะเลาะกับแม่ผัว/ผัวแล้วโทรมาร้องไห้ให้ฟังนะ ก็นั่งคิดในใจว่าโชคดีเว้ยที่ไม่มีครอบครัว
>>609 55555555
>>597 ตอนก่อน 30 กูไม่อิน กูมาอินตอน 32 ว่ะ 5555 ไม่ใช่เรื่องมีเมียนะ แต่เป็นเรื่องอนาคตตัวเองจะออกมาเป็นแบบไหน เรื่องของการงานมั่นคงมั้ย ทรัพย์สิน การเงินต่างๆ กูมาเครียดมานอยด์ว่าชีวิตนี้กูประสบความสำเร็จหรือเปล่า วิกฤติวัยกลางคนมั้ง พอศึกษาเรื่องการเงินก็รู้สึกเสียดายกูน่าจะตั้งตัวมาก่อน 30 มัวแต่เที่ยวเล่นอยู่ อย่างตอนนี้อยากได้บ้านแล้ว มันไม่ใช่ว่าปุปปับนึกอยากจะได้ก็ได้ กูไม่มีเงินเก็บ เที่ยวเล่นก่อหนี้ บางเรื่องมันก็ต้องปูพื้นมาด้วยเวลาประมาณนึง มึงไม่อินอ่ะไม่ผิด ชีวิตใครชีวิตมัน แต่กูแค่อยากจะติงไว้นิดเดียวว่าตอนนี้เปย์ตัวเองมีความสุขดีก็จริง แต่คิดเผื่ออนาคตไว้บ้างก็ดี อย่างน้อยๆ หัดออมเอาไว้บ้างนิดๆ หน่อยๆ เผื่อเวลาเปลี่ยนความคิดมึงเกิดเปลี่ยนขึ้นมาจะได้ไม่มาเครียดมากนัก
>>605 ถ้ามึงมาถามแบบนี้กูก็จะตอบแบบง่ายๆ ว่า ไม่ดี เพาะดูมึงจะไม่ได้ศึกษาอะไรมาเลย เขา(ใครซักคนกูจำชื่อไม่เก่ง)ว่ากันว่าสิ่งแรกที่ควรจะลงทุนคือลงทุนในความรู้ พอดีกูไม่ใช่สายเทรด แต่กำลังศึกษาสายลงทุนอยู่ กูลองถือหุ้นเล็กๆ ไม่กี่ตัวอยู่ตัวละ 100 หุ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แดงเถือกทั้งพอร์ตเลยมึง แต่สายกูเขาว่าให้ใจเย็นๆ ถือยาวๆ นี่ก็พอได้ปันผลหลักสิบมาใส่ในข้อมูลภาษีแบบขำๆ ให้พอรู้ว่าเขาทำกันยังไง ถ้าพร้อมกว่านี้กูคงได้ลงทุนจริงๆ จจังๆ แรกเริ่มมึงควรหาความรู้ด้วยตัวเองก่อน หุ้นแม่งหลายเรื่อง บางเรื่องมึงขึ้นอยู่กับว่ามึงจะเชื่อใคร
กูเคยทำงานสบายๆ เงินเดือน 3-4 หมื่น จนกูคิดว่าเงินแม่งหาง่ายซิบหาย จนเกิดเหตุพลิกผันจนทำให้กูต้องทำงานที่โรงงานธรรมดาๆ งานก็หนักเงินเดือนไม่ถึงหมื่น ขาดอิสระเหี้ยๆ จนเริ่มคิดว่ากูทำงานไปทำไมวะ ถึงกูไม่ทำกูก็แค่เป็นภาระเกาะครอบครัวแดกสบายกว่าตั้งเยอะ กูรู้สึกเหมือนชีวิตไม่ใช่ของกู เหมือนมีชีวิตแค่ทำงานเลิกงานก็นอน แค่นั้น วันหยุดกูหมดไปกับการซักผ้าทำงานบ้านซะส่วนใหญ่(กูอยู่หอที่โรงงานจัดให้) ยังไม่ทันทำห่าไรก็ต้องไปทำงานอีกละ กูไม่รู้ว่ากูจะต้องทำยังไงดีต่อจากนี้ กูเบื่อ อยากตาย ทำให้กูคิดไปว่าคนอื่นเขาทำได้ แต่ทำไมแค่นี้กูทำไม่ได้ กูขี้แพ้ กูเหนื่อยจนไม่อยากจะทำเหี้ยอะไรเลย เพราะกูไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร
>>616 กูไปเกณฑ์ทหารมา กูทำฟรีแลนซ์แล้วลูกค้าหายหมด
>>617 กูไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดีเพราะกูไม่เคยทำงานมาก่อน แล้วเป็นโรงงานของญาติกูด้วย กูเคยไปปรึกษาแม่แต่ดันโดนบอกว่างานแค่นี้ยังทำไม่ได้จะเอาอะไรกิน กูก็โดนซ้ำเติมอีกจนหมดความมั่นใจ กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้ากูออกงานไปกูจะทำงานอะไรแล้วตั้งตัวได้เมื่อไหร่ กูรู้สึกเหมือนไม่มีทางเลือกที่ต้องทำงานที่นี่ ตอนนี้กูพยายามหาลู่ทางอยู่แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ เลยอยากปรึกษาว่ากูควรจะทำยังไงต่อไปดี จะให้ออกไปดื้อๆ เลยมันก็คงไม่ได้
ทรมาน ประสาทจะแดก > ลาออก > สบายใจ โล่งใจ มีความสุข > เริ่มเคว้งคว้าง > กลัวกับการหางานใหม่ กลัวจะไปเจออะไรแบบเดิมๆ > ท้อแท้ อ้างว้าง สิ้นหวัง > รู้สึกว่าการเป็นผู้ใหญ่ทำไมมันต้องทรมานขนาดนี้ด้วย > ทำไงจะหลุดพ้นจากลูปนี้ได้ซักที ทำยังไงจะปล่อยวางเรื่องงาน อยู่ไปวันๆ ทำงานแบบขอไปที result จะออกมาเป็นยังไงก็ช่างแม่งได้ซักที
เพื่อนโม่งที่บ้านเกิดอยู่ต่างจังหวัดแต่มาทำงานในกรุงเทพวางแผนอนาคตยังไงกันบ้างวะ กูเคว้งคว้างมาก ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะตั้งถิ่นฐานที่ไหน จะซื้อบ้านในกรุงเทพก็ไม่รู้วันนึงจะต้องกลับไปดูแลพ่อแม่ป่าว ถ้ามีแฟนแล้วแต่งงาน เกิดผัวกูเป็นคนต่างจังหวัดที่ไม่ใช่จังหวัดเดียวกับกูก็ลำบากอีก
ขอโทษด้วยที่สำนวนกูมันดันไปเหมือนคนอื่น กูถามดีๆ บอกกูแต่งนิยาย หรือต้องให้กูพิมสำนวนสก๊อยๆ ขยะๆ จะได้ไม่มีใครเหมือนวะ? ตีโพยตีพายเดาไปมั่วนะมึง ปกติกูไม่ได้เล่นโม่งโว้ย ควายยย
>>623 อย่าเพิ่งรีบซื้อบ้าน ทำงานนานยัง กูว่าคอนโดที่ทำเลโอเคหน่อยเพื่อการปล่อยขายภายหลังน่าจะดีกว่านะ อย่าเพิ่งคิดถึงปัญหาไกลตัวนัก สร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองเอาไว้ก่อนเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ก็พอ
>>618 อ่านแล้วมันก็เหลือเชื่อจริงๆ นั่นแหละ ส่วนตัวกูเชื่อว่าถ้าแต่ก่อนทำฟรีแลนซ์ได้สามสี่หมื่น ทำไมออกทหารมาแล้วจะทำอีกไม่ได้ กูรู้เริ่มใหม่มันยาก มันต้องใช้เวลา แต่มันก็เริ่มใหม่ได้เรื่อยๆ ไม่ใช่หรอวะ ว่าแต่แต่ก่อนฟรีแลนซ์ที่ว่าของมึงน่ะคือทำอะไร ทำไมตอนนี้ถึงกลับไปทำอีกไม่ได้ (ถ้ามึงยังอยากได้คำปรึกษาจริงๆ อ่ะนะ)
อาชีพเเบบฟรีเเลนซ์นี่ถ้าเก่งยังไงก็หารายได้ได้อยู่นะกูว่า เเต่เห็นด้วยเรื่องลูกค้าว่ะ ลองหายไปลูกค้าที่ปั้นมาหายหมดอันนี้เห็นด้วยเลย
ที่กูเล่ามาไม่ใช่เรื่องของกูหรอกของเพื่อนกูอีกทีแต่กูแค่อยากรูว่าคนอื่นมีทัศนคติกับคนประเภทนี้ยังไง แต่สาบานว่าเป็นเรื่องจริง ส่วนเพื่อนกูกูก็แนะนำมันคล้ายๆ ที่พวกมึงแนะนำแต่มันไม่เอาว่ะ กูรำคาญกับการดูถูกเงินน้อยของมันซิบหาย มันบอกว่าเงินเก็บเดือน 5000 เมื่อไหร่จะรวย ความฝันมันคงทำฟรีแล้นซ์งานสบายๆ เงินเยอะๆ แต่มันไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แถมกลัวปัญหา+ความเสี่ยงในอนาคต มันเลยไม่กล้าลงมือทำอะไรสักที เพลย์เซฟทำงานประจำไป กูก็ตอบไม่ได้เพราะกูพอใจในชีวิตการงานของกู กูเลยลองเอามาถามพวกมึงดูเผื่อจะมีคำตอบไปตอบมันได้
ไอ้พวกบ่นกุเบื่อ กุเหนื่อย จบด้วยอยากตาย มึงเชื่อได้เลยว่าอาจจะเป็นโทรลนักเขียน
แม่งชอบไซโคให้คนฆ่าตัวตาย ไม่นานมานี้ก็อ้างเพื่อนฆ่าตัวตายแล้วชื่นชมว่ากล้าทำในสิ่งที่ตัวเองไม่กล้า
แต่ชั่งแม่งเหอะ กูก็เหนื่อยกับมันละ แนะนำอะไรไปแล้วก็ไม่เอาๆ ปล่อยธรรมชาติคัดสรรเหอะ
>>629 เคสกูก็เคยรายได้ต่ำลงเพราะย้ายที่อยู่ว่ะ อยู่ กทม.รายได้ดีแต่ทำงานไปทะเลาะกับแฟนที่ต่างจังหวัดไป เลยตัดสินใจย้ายไปอยู่กับแฟนที่ต่างจังหวัด เงินก็ลด งานก็หาดีๆ ไม่ได้ เอาว่าพอประทังอยู่ แต่แฟนสบายใจ พอสร้างเนื้อสร้างตัวได้ ...กูอาจจะเลือกผิดก็ได้ แต่มันก็ต้องเลือกซักทางว่ะ
มึงคิดยังไงกับทีมเล็กๆที่ ทำตัวเหมือนรักกันดีอยู่ พอถึงวันนึงมีสมาชิกออกไปกันคนสองคน คนที่เหลือเสือกเกรงใจ ไม่เตะเค้าออกจากกลุ่ม, แอดมินเพจ
ถึงเวลาอยู่สักพัก คนที่ออกก็พิมพ์มาในกรุ๊ป โฆษณาแอปตัวเองบ้าง ขอเพจหลักที่ทำงานแชร์เพจอะไรสักอย่างแล้วอ้างว่าของเพื่อน ทำแบบไม่เอากำไรบ้าง ทีเรื่องอย่าง แม่บ้านพูดจาข่มขู่รุ่นน้องกู มาสั่งกูอย่าไปพูดเพราะมัน Toxic , โดนโรงพิมพ์ส่งงานไม่มีคุณภาพมา บอกไม่ต้องไปฟี๊ดแบ๊คหรอก ไม่มีประโยชน์
สมัยเรียนกูก็เรียนใกล้บ้าน ไม่เคยอยู่หอ ทีนี้พอทำงานเพิ่งได้งานเเต่ทีนี้กูต้องไปต่างจังหวัดหาหอเช่า รู้สึกกลัวๆว่ะ
มีอะไรที่ต้องวางเเผน หรือดูเป็นพิเศษไหมวะ เเล้วหาหอพักยังไง จะว่ากูเด็กน้อยก็ได้ อยู่เเต่ในกทม.ว่ะ
>>643 ราคาของหอพักจะช่วยคัดกรองเพื่อนข้างห้องได้ในระดับนึง
ถ้าเป็นผู้หญิง แนะนำให้หาหอหญิง จะดูปลอดภัยกว่าหอรวม
ถ้ามึงขี้เกียจมากๆ หาใกล้ๆแหล่งอาหารไว้เลย บางอารมณ์เราจะขี้เกียจออกจากห้องไปเผชิญแดดแลกแค่ข้าวหนึ่งมื้อ
กาน้ำร้อนไฟฟ้ามีประโยชน์มากสำหรับกู
ไปต่างจังหวัดแล้วมีมอไซมั้ย ถ้าไม่มีรถเป็นของตัวเอง ก็เอาที่ใกล้ๆรถสาธารณะไว้ด้วยจะยิ่งดี
ตรวจสอบค่าไฟ ค่าน้ำต่อหน่วยด้วยนะ บางที่ค่าหอถูก แต่ค่าไฟต่อหน่วยแพงชิบหาย แทบล้มละลายในหน้าร้อน
โม่งทำงานใครอยู่แถวลาดพร้าวบ้างกูสนใจบริษัทแถวนั้นแต่ต้องหาที่พักว่ะ แนะนำกูหน่อยเลือกหอแบบไหนยังไงดี แถวนั้นอันตรายมั้ยระวังอะไรอีก.. ออกูคนตจว.นะ
>>650 แถวไหนของลาดพร้าวอ่ะ มันกว้างอยู่นา เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วกูเคยอยู่หอในซอยสถานฑูตลาว มูนสตาร์สตูดิโออ่ะ สิ่งอำนวยความสะดวกครบ มีมอเตอร์ไซค์คันนึงจะไปไหนก็สะดวกไปหมด ถูกใจตรงที่มันโผล่ได้หลายทาง โผล่ลาดพร้าวก็ได้ โผล่พระราม 9 ก็ง่าย แปปเดียวก็ถึงสถานี MRT ถึงเซนทรัลพระรามเก้า ใกล้เหม่งจ๋าย แท๊กซี่ก็ไปง่ายเป็นที่รู้จัก ของกินแถวนั้นก็โคตรเยอะ คำมืดก็พอมีรถวิ่งตลอดไม่เปลี่ยว อ่อ ข้อเสียคือผนตกน้ำท่วมขัง แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นไงมั่งนะแม่งนานเกิน
หางานเหนื่อยชิบ ทำไงให้ได้งานเร็วๆวะ สมัครวอล์คอิน หรือไล่ส่งเรซูเม่กับพอร์ทไปตามเมลล์บริษัทดี กูทำแนวกราฟฟิกเทือกๆนั้น
บางคนบอกให้สมัครดะ บางคนบอกให้ฝากเรซูเม่ในเว็บหางาน ทำแบบไหนดี
>>652 กูเป็นกราฟิก ทำพอร์ทออนไลน์ (Behance ก็ได้) + สร้างโพรไฟล์ที่ LinkedIn กูไม่รู้เพราะกูทำมานานแล้วหรือยังไงแต่มีพวก head hunter ติดต่อมาเยอะอยู่นะ + กูไม่สมัครดะนะ ส่ง resume เฉพาะบริษัทที่ดูโอเค ถ้าส่งดะเรียกดะสัมภาษณ์ละฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่โอเคก็เสียเวลาเปล่าทั้งคู่
สู้ๆนะเว้ย ร่อนไปเรื่อยสัมไปเรื่อยๆ ช่วงนี้เศรษฐกิจแย่หางานยาก บริษัทปิดตัว นี่เพื่อนในทีมสามคนก็ยังว่างงานเหมือนกัน
พอพวกมึงได้งานก็จะมาบ่นว่าเบื่องานแบบกูนี่แหละ ถถถถถ
>>658 จริง ก่อนกูจะออกกูทรมานใจจะขาด ไม่นอนฝันร้ายก็นอนไม่หลับ นอนฝันเห็นภาพตัวเองผูกคอตายในห้องนอนซ้ำๆ เกลียดอีคนที่ทำงานจับใจ อีหัวหน้าทีวันๆ ไม่ทำเหี้ยอะไรนอกจากก่อดราม่าและตอแหลไปวันๆ พอออกมามันก็มีหลายอารมณ์นะ โล่งใจ เคว้งคว้าง หวั่นใจ แต่กูยังเชื่อว่าถ้ากูไม่เรื่องมาก (ตอนนี้ยังเลือกมากอยู่) กูน่าจะหางานใหม่ได้ เงินเก็บสำรองยังมีเหลือเฟือ เอาไว้ใกล้หมดเมื่อไหร่กูจะเลิกเลือกมากนะ ถถถ
กูมีคำถามอะไรหน่อยนะโม่ง กูไปดูตำแหน่งานผู้บริหารคนนึงมา คือ เข้าใจแหละว่ามีตำแหน่งใหญ่โตในบริษัทเอกชน แต่ที่กูสงสัยเลยคือการที่เค้าเรียนจบป.ตรี มาสิบปีกว่าแล้วจะเป็นไปได้ไหมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันจะสร้างเนื้อสร้างตัวมาเป็นร้อยล้าน(แต่ยอดเงินเกือบพันล้าน)ได้แบบมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปในบริษัทนั่นนี่ไปทั่วทั้งๆที่ไม่ได้ประวัติเลยว่าทำกิจการอะไรมาแน่ๆ แบบว่าแค่มนุษย์เงินเดือน15000 อยู่ดีๆผ่านไปแค่สิบปีจะถือเงินล้านในบัญชีได้เลยเหรอวะ?
>>662 กูหวังว่าจะเป็นจากมรดกเก่า ก็คงคิดว่าเป็นงั้นเพราะเจอว่าครอบครัวเค้าในนามสกุลเดียวกันเหมือนมีทำแมนชั่นมาก่อน แต่หลายสิบปีก่อนหาข้อมูลไม่ได้เลยว่าเคยทำอะไรมาบ้างแล้วนอกจากแค่แมนชั่นตัวเดียว กูคิดว่าแค่เงินกงสีสิบปีมันจะต่อยอดได้ขนาดนั้นเชียวเหอะ นี่คิดเลยเถิดว่าแม่งทั้งบ้านของคนๆนี้เคยปล่อยเงินกู้นอกระบบมาก่อนรึเปล่าหรืออาจจะมีไปทำธุรกิจมืดแล้วค่อยมาฟอกเงินผ่านการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ไม่ค่อยชอบขี้หน้ากับสันดานผู้บริหารคนนี้หว่ะเอาตามตรง เป็นนายจ้างสันดานกังฉินที่สุดเท่าที่กูเคยทำงานมาด้วยเลย ในธุรกิจตัวเองมันก็มีเอาเปรียบผู้บริโภคเป็นทุนเดิมด้วย
ขอถามความเห็นหน่อยสิ คือกูเพิ่งเรียนจบปีที่แล้ว ทำงานที่นี่ได้เกือบปีแล้ว ทีนี้มี manager คนนึงชวนเราไปเป็น manager ของทีมเค้า (ตำแหน่ง manager แต่เป็นลูกน้องเค้าอีกที) ซึ่งเป็นแผนกที่กูไม่เคยทำมาก่อน แค่เคยโคงานกันเฉยๆ เค้าชวนหลายครั้งจนกูเริ่มไขว้เขว ตอนนี้คืออยากจะทำแล้ว แต่ติดที่กูยังเด็กมาก เพิ่งจบมาไม่ถึงปี มันจะดูข้ามหน้าข้ามตาไปมั้ย
แล้วประเด็นคือยังไม่ได้บอก MD พี่ manager เค้ามาชวนแบบไม่เป็นทางการ กูก็คิดว่าถ้าบอกไป MD คงไม่ให้เพราะตำแหน่งปัจจุบันกูหาคนมาแทนยาก แต่ใจตอนนี้คืออยากเปลี่ยนสายไปทำทางนั้นแล้วอ่ะ ควรจะทำยังไงดี หรือหางานใหม่ที่อื่นไปเลย 55555
>>661 ทำงานเงิน 15k 10ปี ธรรมดามีเงินล้านได้อยู่นะแต่ไม่ถึงขนาดเป็น 100 ล้านหรอก ปีแรกๆ เงินเก็บไม่ได้เท่าไหร่หรอก ไปได้เยอะก็ตอนเปลี่ยนตำแหน่งล่ะมั้ง 10กว่าปี ถ้าระดับ กลางๆ ค่อนไปทางสูงหน่อยก็ 50-60k ถ้าเก็บเงินจริงจังคงได้ช่วง เงินเดือนเกิน 30k ไปแล้วมั้งน่ะ เต็มที่ก็ได้ 3-4 ล้านมั้งถ้าเหนียวสุดๆ แล้วไม่ลงทุนอย่างอื่นเลย
แต่ถ้าหลัก 100 ล้านเท่าที่นึกออก อาจจะได้ซื้อหุ้นบริษัทตัวเองตอนราคาก่อน IPO แล้วไปแบ่งขายช่วง fomo อันนี้พอเป็นไปได้ หรือไม่ก็ซื้อคอนโดหลุดจำนอง แล้วขายได้ราคาดีๆ ก็พอได้อยู่
ส่วน 1000 ล้าน..... ความเป็นไปได้ถ้าไม่ทำงานอื่นด้วยคือ ไป all in bitcoin ตอนราคาต่ำกว่า 1$ แล้วขายช่วงปี 2017 มาเรอะ
>>666 ประวัติการทำงานของไอคนนี้นะกูไปดูมานี่มันวางๆไว้ยาวเป็นทางรถไฟเลยนะ จบป.ตรีราวๆ49-50 เริ่มต้นก็พวกงานสอนตามที่ต่างๆ,งานบริหาร(บริษัทค่อนข้างไม่ดัง), และงานมนุษย์เงินเดือนทั่วๆไป แล้วเดาๆว่าช่วงสามปีสี่ปีช่วงเรียนจบ ป.โท ราวๆปี53ได้ขึ้นตำแหน่งกระโดดเป็นGeneral managerของแมนชั่น(ฝั่งธน)และเป็นตำแหน่งนี้ ผนวกกับไปผสมที่อื่นด้วยในฐานะกรรมการบ้าง บริหารบ้าง(CEO) มีหลายแนวเลยแหละ ส่วนที่ทำงานประจำปัจจุบันคือตึกเจ้าสัวแถวๆสีลม หน่วยงานที่ออกแนวโนเนมพอตัวแต่เห็นระดับคืออาวุโสเลยหล่ะ พี่แกคุมหน่วยงานตรงนั้นเลย บวกกับได้เป็นกรรมการของCPFด้วยมั้งนะเพราะเค้าชอบโปรโมทอาหารแบรนด์นั้นบ่อยๆ เงินเดือนมีทั้งรายเดือนบวกค่าตำแหน่งด้วย เท่าที่สืบมาล่าสุดเงินเดือนเค้าในตำแหน่งที่เค้าทำงานอยู่คือ12000 ถ้าบวกนั่นนี่เหมือนราชการก็เหยียบแสนเอออันนี้ไม่แปลกใจ แต่ที่ผ่านมาสิบๆปีมีเงินได้ครึ่งพันล้านนี่มึงตอบกูได้ไหมว่ามันไปทำห่าไรมาวะ? แต่กูจะพยายามคิดบวกๆเอาไว้เพราะว่าคนในนามสกุลเดียวกับเค้าก็ทำงานพวกวิจัย นักธุรกิจ บริหาร อะไรแบบนี้อยู่เยอะ ค้นอากู๋ไปก็เจอนามสกุลเค้า ชื่อเค้า คือ ถ้ากูเล่ามาขนาดนี้คงจะรู้ตัวเลยแหละว่าใคร
โปรแกรมเมอร์เงินเดือนเริ่มต้นเท่าไหร่คะ
>>668 สืบมาเพิ่มอีกคือ ผู้บริหารคนนี้ครอบครัวเค้ามีกงสีtextileมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าไปทิ้งร้างตอนไหนนะเพราะว่าเจ้าของซึ่งเป็นพ่อของเค้าประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียชีวิตและแม่เค้ารอดแต่ก็อาการดีขึ้นมาได้ อยู่ๆพี่แกจบ ป.โท ได้ภายในปี2ปีหลังจาก ป.ตรี อันนี้ไม่สงสัยนะว่าทำไมทำได้เพราะเดาว่าคงได้เงินประกันของพ่อเค้ามาจุนเจือแน่ๆ แต่ว่าทำไมหลายๆครั้งมีประวัติการทำงานก่อนหน้าCEOหลายๆบริษัทเป็นตำแหน่งที่ปรึกษาทางการลงทุนซะเยอะ ผลงานที่ลงๆไว้ช่วงจบใหม่ๆคือแค่ไปทำพวกงานมนุษย์เงินเดือนเฉยๆกับครูสอนหนังสือ(แบบเป็นครูพิเศษ)ทำไมถึงได้ยศพวกGeneral ManagerกับCIOติดมาได้นี่สิกูละสงสัยจัง
อยากถามพวกมึงที่ทำงานแล้วมีงานอดิเรกอะไรกันบ้างแล้วหมดเงินไปกับมันเยอะมั้ย
สมัยเรียนนี่กูไม่ค่อยได้ออกไปไหนเพราะไม่มีเงิน ส่วนมากก็ไปเที่ยวกับเพื่อนแค่ที่ใกล้ๆมหาลัย
แล้วก็เล่นเกม ดูหนังฟังเพลงในคอม ตอนนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองแม่ง loser จัง เหมือนมีความสุขแค่กับชีวิตหน้าคอม
พอทำงานเริ่มมีเงินก็มีไปเที่ยวมากขึ้น แต่ก็อยู่แค่ในเมืองกับชานเมือง
เพื่อนก็ไม่มีเพราะโตแล้วต่รงคนต่างมีธุระของตัวเอง นัดกันทีไรก็ล่มทุกทีจนขี้เกียจไปตื๊อละ
สุดท้ายกูก็เลยมีงานอะดิเรกเดินโต๋เต๋หาของกิน+กินเหล้าตามพวกร้านส้มตำไม่ก็ร้านกินดื่มคนเดียว
ซึ่งกูมีความสุขกับมันมากกว่านั่งหน้าคอมนะ ถึงจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ผลาญเงินกับเวลาไปเยอะก็เถอะ
พอทำแบบนั้นหนักๆได้ซัก 2 ปีก็ต้องลด เพราะอ้วน+เริ่มมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ
ต่อมาก็เลยเหมือนหาอะไรทำ สุดท้ายซื้อหนังสือเรียนภาษาที่ 3 มาก็กองแม่งอยู่อย่างงั้น ไม่ได้อ่านซักที
แล้วเริ่มกลับมาเล่นเกมหนักๆ แต่สุดท้ายก็เบื่อๆ ใจกูยังอยากกลับไปมีชีวิตหาของอร่อยกินเหมือนแต่ก่อน
เมื่อซัก 6 เดือนก่อนลองเล่นเกมกาชาบนมือถือเกมนึงแล้วติด ตอนแรกก็สายฟรี ไปๆมาๆเริ่มเปย์นิดเปย์หน่อย
หนักๆเข้าก็มากขึ้นจนต้องเบรคตัวเอง แถมรู้สึกว่ามันเป็นการใช้จ่ายเงินที่แบบไร้สาระเกิน แล้วเกมก็กินเวลาเยอะเกินด้วย
ลองมองย้อนกลับมาแล้วรู้สึกว่ากูมีเวลาว่างหลังเลิกงานเยอะนะ แต่ไม่ค่อยใช้ให้เป็นประโยชน์อะไรเท่าไหร่เลย
อย่างน้อยๆคนอื่นก็เห็นมีเที่ยวเปิดหูเปิดตาที่ไกลๆกัน หรือเรียนอะไรเสริมหาความรู้เพิ่มกันบ้าง
คงต้องเริ่มคิดจริงจังหน่อยแล้วว่าจะเอาไงต่อดี
>>672 แนะนำให้มึงลองไปเรียนหรือเข้าคลาสอะไรสักอย่าง ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวก็ได้ ไม่แพง สนุก ได้สังคม แล้วก็ได้ออกกำลังกายด้วย กูเคยเรียนเทควันโด ไอคิโด แต่พอทำงานอยู่ไกลกูเลยไม่ได้ไป+เส้นยึดด้วย ต้องไปยืดใหม่ตอนอายุ 20 กลางๆ ก็ลำบากไป กูเลยย้ายมาเรียนเต้นแทน พวกศิลปะป้องกันตัวของญี่ปุ่นมันช่วยฝึกสมาธิด้วยอะ หลักการมันเยอะ ว่างๆ ลองไปดูนะ ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่นแถวดินแดงเปิดรับสมัครอยู่
>>672 ไม่ลองหางานอดิเรกที่ได้ฝึกสกิลรอบๆ งานล่ะ อย่างกูทำกราฟิก กูก็หัดตัดต่อวิดีโอ อัดเสียง มิกซ์เพลง ทำเว็บ เขียนโปรแกรมอะไรไปเรื่อย ยังเป็นงานอดิเรกที่ใช้หาตังไม่ได้(เสียตังพอสมควร) แต่กูก็รู้สึกว่าได้อะไรกลับมาเอื้อกับงานได้นิดหน่อยนะ ที่มึงเล่าๆ มากูว่ามันไปทางเอนเตอร์เทนมากกว่า แล้วก็เหมือนกัน กูก็เสียตังค์กับเอนเตอร์เทนมากกว่างานอดิเรกว่ะ 555 /เอ๊ะ จะว่าไป กูตามบีเอนเคด้วยความเอนเตอร์เทน แต่ก็ทำโปสเตอร์ทำไวนิลให้บ้านน้องๆ เป็นงานอดิเรก แถมบางงานได้ตังด้วยนี่หว่า
>>675-676 กูเคยเรียนถึงไทย-ยุ่นนะ แต่ไม่เคยไปทันอ่ะเอาตรงๆ สายรถเมล์แถวบ้านกูไม่เคยมีสักคันผ่านตรงนั้นแบบถึงเลย ยิ่งช่วงก่อนน้ำท่วมนะ ตื่นเช้าแค่ไหนไปถึงที่นั่นได้คือตอนเที่ยงเพราะรถติดของติดของติดมาก ถึงบ้านเกือบสามทุ่มตลอด ช่วงน้ำท่วมใหญ่กูเลยอดไปเลยแล้วทำห่าไรไม่ได้เกือบ8ปี นี่กูเพิ่งมาเริ่มต้นหาศูนย์เยาวชน วัดใกล้บ้านเพื่อทำเรื่องพวกนี้เนี่ยแหละ สรุปเจอแถวฝั่งธนฯอยู่ที่นึงคือเป็นไอคิโดตรงใต้สถานีBTSวงเวียนใหญ่ ค่าเทอมไม่น่าแพง ส่วนอีกจุดก็แถวๆสถานีพระขโนง มีทั้งฟิตเนส24 ชม. ชมรมพวกไอคิโด,BJJ ,bujinkan แต่เงินหนาหน่อยละกัน พอดีค้นหาเรื่องพวกนี้อยู่เลยรู้ว่ามีอะไรบ้าง นี่กูเจอยันห้องสมุดชุมชนด้วยนะว่าตรงไหนสงบเงียบน่าไปนั่งอ่านหนังสือไรงี้ซึ่งกูไม่กล้าไปเพราะกลัวว่าแทนที่จะหนีร้อนจะเจอร้อนยิ่งกว่า555+
>>678 ใช่ เจอผู้ชาย แต่ผู้หญิงก็เรียนได้นะเว้ย หรือมึงไม่โอเคกับการอยู่ในดง ผช.นี่อีกเรื่องนึงแต่ว่าอาจารย์แกคนยุ่นแท้ๆเลยนะ ส่วนโรงฝึกอยู่ใต้สถานีBTSวงเวียนใหญ่แบบชัดๆเลย เมื่อก่อนพื้นที่โล่งๆแต่ ผอ.เขตมาสนับสนุนให้น้ำ ไฟฟ้า กับโรงฝึกแบบเป็นกิจลักษณะเลย ไม่รู้ว่าฟรีไหมแต่ถ้าราคาไม่แพงมากกูจะวางแผนลงเรียนดู
>>679 เรื่องอยู่ในดงผู้ชายกูไม่ซีเรียสมาก แต่กูไม่ค่อยทนมือทนเท้าอะดิ เล่นกับผู้ชายแล้วกูเจ็บตัวบ่อย โดยเฉพาะพวกสายดำใส่ฮากาม่านี่เล่นกูหนักตลอด กูเลยชอบเล่นกับผู้หญิงมากกว่า แต่กูจะลองถามดู ไม่น่าแพงนะ ที่พระโขนงมันแพงเพราะมันเป็นศูนย์ของสมาคมอะ เวลาสอบวัดระดับก็ต้องไปกันที่นั่น
ยังไงก็เถอะ เรื่องนึงที่กูคิดไว้คือถ้ากูเรียนจบแล้วมีงานทำจริงๆขึ้นมาจะมีเวลามาทำงานอดิเรกรึเปล่านี่สิ กลัวว่าทั้งวันทั้งคืนต้องลุยแต่งาน งาน งานแต่รายได้อาจจะแค่15000 หรือน้อยกว่านั้นนี่สิ บางทีก็แอบคิดถึงขั้นที่ว่าต่อให้งานไม่หนัก รายได้ไม่เยอะ แต่ก็ไม่พอจะเอาเงินไปลงกับพวกคอร์สเรียนพวกนี้ได้อีก ส่วนตัวภาระกูมีนะและคิดว่าถ้ากูมีปริญญาใบแรกของชีวิตขึ้นมากูต้องแบกรับหนี้บัตรเครดิตแม่กู แบกรับค่าเทอมของน้องเหี้ยๆที่แม่กูบังคับให้เลี้ยงดูยันค่าครองชีพของมัน กูอยากหนีไหม ก็อยากนะซึ่งแม่งแค่กูคิดถึงภาระในอนาคตแล้วคือยากแน่ๆถ้าจะเก็บเงินไว้หนี คิดไปพิมพ์ไปก็หดหู่แปลกๆหว่ะ
>>681 ใจเย็นๆ ตอนนี้เรียนอยู่ก็ศึกษาเรื่องการเงินได้ ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งดีด้วยซ้ำ มึงอย่าไปคิดว่าการเงินของที่บ้านเป็นภาระ เพราะนั่นก็แปลว่ามึงในตอนนี้ก็เป็นภาระก้อนโตของครอบครัวอยู่ มึงจะชดใช้คืนเขายังไงไหว มึงต้องคิดว่าพอจบไปมีรายได้แล้วมันคือโอกาสที่มึงจะได้อุ้มชูครอบครัว(แบบพอประมาณ) มึงจะยิ่งมีความสำคัญ เป็นความหวังของครอบครัว ถ้ามึงอยากมีกำลังใจในการล้างหนี้ครอบครัวกูอยากให้มึงลองตาม The Money Coach ดู คลิปดีๆ ดูฟรีๆ อยู่บนยูทูป เซิร์จหาอะไรที่มึงคิดว่าเข้ากับตัวเองได้เลย กูไม่ได้ค่าโฆษณานะ แต่เห็นว่าเขาดีจริงๆ กูยังเสียดายเลยน่าจะได้ดูคลิปต่างๆ ของเขาก่อนจะไปก่อหนี้เข้า
>>682 ส่วนนึงกูก็คิดแบบนั้นว่าตัวเองก็ภาระให้ที่บ้าน เรื่องชดใช้ทดแทนคุณอ่ะกูทำ แต่บางเรื่องเค้ากลับขอเกินเลยมากนะเอาตรงๆ โดยเฉพาะเรื่องที่กูต้องมาส่งน้องกูเรียนต่อเนี่ยกูพูดตรงๆเลยว่าไม่อยากทำ ไอน้องแท้ๆเหี้ยนี่มันทำชีวิตกูย่อยยับมาตั้งแต่กูจำความได้ว่าตัวเองเป็นวัยรุ่นแล้วอ่ะ กูไม่เคยมีความสุขเลยเวลาที่ต้องมีมันอยู่ในบ้าน เรื่องอื่นๆอย่างพวกหนี้ครอบครัว ที่กูกลัวคือแม่กูอายุมาก ความแปรปรวนสูงสัสๆ กูเจอมาตั้งแต่เค้าอายุเข้าสี่สิบ พูดวันนี้จะทำอย่างนี้แต่พรุ่งนี้ให้ทำอีกอย่างไปแล้ว หลายๆครั้งกูเลือกที่จะไม่ทำเพราะสับสน สุดท้ายมันวกกลับไปที่กูโดนด่าอยู่ทุกครั้งถึงแม้ว่าจะทำหรือไม่ทำก็ตาม บางทีกลัวเค้าไปหาเงินเองแล้วเจอโกงเว้ย ยิ่งเจอพวกโฆษณาแบบMLMยิ่งหนักเลย เห็นบางตัวคือคนด่าเต็มโลกออนไลน์ก็ดื้อดึงเถียงกู กูกังวลว่าในอนาคตกูต้องมาแบกรับตรงนี้อีก ขอเบรคไว้แค่นี้ก่อนนะ ถ้าเล่าเยอะกว่านี้กูต้องไปอีกมู้จริงๆ
ความกังวลในชีวิตกูจริงๆนะ กูกลัวเรื่องงานที่ทำมาตรงสายหลังเรียนจบจะเจอรายได้แบบโขกสับมาก(งานพวกprogrammer) คือ ถึงรายได้ไม่โขกสับแต่ก็อยู่ไกลบ้านมาก เงินหมดไปกับการเดินทางแล้ว เหลือให้ตัวเองจริงๆจากเงินทั้งหมดก็แค่2000 มันน่าอนาจในชีวิตตัวเองอ่ะบางที เพราะแถวบ้านกูนี่ฝั่งธนแถบๆที่ไอวัน อยู่บำรุง เป็น สส.ตอนนี้อ่ะ ความเจริญที่เข้าถึงมันมีแค่พวกอุตสาหกรรม งานITมันก็มีแค่พวกIT support กับพวกนายจ้างความคิดล้าสมัย ถ้าไม่มีปัญหาว่าครอบครัวจะมีหนี้ในอนาคตแบบมาเรื่อยๆนะ กูคงเลือกทำแบบ15000ไปเลย เพราะเค้าคาดหวังเงินเดือนหลังจบกูคือ20000 ก็รู้ทั้งรู้ไหมว่าแม่งยากมาก พิมพ์ตอบกลับครั้งนี้กูนึกถึงการเก็บเงินซื้อปืนกับกระสุนสักนัดแทนอนาคตตัวเองเลยมึง มึงอาจจะมีครอบครัวปัญหาน้อยกว่ามึงคงเข้าใจยาก ถ้าให้กูอธิบายเพิ่มคงต้องไปในมู้ ปรึกษาญาติพี่น้องอ่ะ
>>683 เท่าที่อ่านกูว่ามึงรักครอบครัวนะ ถึงตอนนี้น้องมันจะเหี้ยก็ตาม กูว่ากูเข้าใจนะเพราะน้องกูก็เคยเหี้ย(หรือตอนนี้ก็ยังเหี้ยอยู่) เล่นยา ขโมยของในบ้านไปขาย หนี้ที่บ้านส่วนนึงก็เพราะมันขโมยบัตรเครดิตแม่กูไปรูด มันก็มีจุดที่กูอยากให้มันตายๆ ไปซะเหมือนกัน ตอนนั้นกูก็ทำอะไรไม่ได้มาก บางเรื่องแม่งเราทำได้แค่ อดทน ว่ะ โคตรทุกข์เลยตอนนั้น แต่ยังไงรู้มั้ย ผ่านจุดพีคไปประมาณห้าปี ตอนนี้แม่งกลับตัวได้ว่ะ กูละเหลือเชื่อแต่มันเป็นไปได้จริงๆ เปิดร้านสัก ฝีมือดีขึ้นทุกวัน ลูกค้ามีตลอด มีเงินไปเที่ยว ครั้งแรกที่มันช่วยค่าไฟที่บ้านนี่น้ำตากูแทบไหล ในที่สุดก็มีวันนี้ กูเกลียดมันแต่กูก็รักมันมาก ที่กูทำคืออดทนกับมันให้มาก เข้าไปคุยแบบเปิดอกว่ามึงเป็นเหี้ยอะไร มึงทำอะไรแบบนั้นทำไม หลักๆ มันก็มาจากเรื่องการเงิน ที่บ้านเป็นหนี้ มันไม่มีปัญญาหาเงิน แล้วก็หาทางออกแบบผิดๆ พอการเงินบ้านเราดีขึ้น ทุกคนเริ่มมองเห็นอนาคตดีๆ อ่ะ มึงก็สู้ๆ นะ ตอนนี้โลกมึงแม่งมืดมาก แต่มึงต้องเชื่อว่าแสงแม่งมีจริงว่ะ
>>683 เรื่องงานกูกลับเชียร์ให้มึงออกจากบ้านไปอยู่หอพัก เลือกทำงานในเมืองที่รายได้สูงไปเลยนะ เสาร์อาทิตย์ก็กลับบ้าน เอาเงินเดือนสูงๆ มาเคลียร์หนี้ที่บ้านดีกว่า นี่มึงอยู่ปีไหนแล้วใกล้จบยัง โปรแกรมเมอร์สายไหนวะ จริงๆ เป็นโปรแกรมเมอร์มึงพอหาลำไพ่พิเศษเป็นฟรีแลนซ์ระหว่างเรียนได้นะ แล้วยิ่งถ้ามึงรับงานนอกระหว่างเรียนได้นอกจากจะได้เรียนรู้จากงานแล้วยังช่วยเสริมความมั่นใจให้มึงไปสมัครงานที่ดีๆ หลังจบด้วย
>>683 ก็อยากให้มึงดูอันนี้ https://www.youtube.com/watch?v=HWtPtqFTrMA&t=753s
>>684-686 ขอบคุณมากที่มึงไม่ใช่โทรล คือ เรื่องครอบครัวกูไม่อะไรละนะ เนื้อหาคือมันไม่เหมาะกับกระทู้อ่ะ แต่เพราะกูดาวน์กูเลยมาระบายๆแซมๆไป ขอโฟกัสเรื่องชีวิตซาราลี่แมนละกัน ที่กูคิดไว้ว่างานที่จะทำหลังจบอ่ะคือพวกสายงานพัฒนาเว็บนี่แหละ คาดหวังไว้เลยว่าจะทำแบบfull stack ส่วนที่ทำงานกลัวมากๆที่รายได้จะไม่พอมีข้าวกรอกหม้อ เพราะแค่เช่าห้องก็บวกค่าเดินทางได้ เรื่องกินก็ห่วงเรื่องเจ้าของหอพักเซย์โนห้ามทำกับข้าวอีก ปัญหาตอนนี้สำหรับกูคือการรับงานนอกนี่สิ มันไม่ได้ง่ายแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนกูเดาว่ายังโอเค แต่สมัยนี้ึงลองไปส่องตามเว็บหางานฟรีแลนซ์นะ แม่งหิวพวกมีประสบการณ์เต็มไปหมด ทุกวันนี้กูเลยทำได้แค่ไปเป็นเด็กเสิร์ฟปิดจ๊อบรายวันตอนว่างๆไง สายงานที่กูอยากทำมันอยู่ยากกว่าที่คิดจริงๆอ่ะตอนเริ่ม ถึงว่าสิทำไมสังคมโปรแกรมเมอร์นั่งโต๊ะคือเบียวๆเยอะสัสๆ อีกเรื่องนึงนะ โลกกูมันเริ่มมืดมนมาตั้งแต่กูเข้าสู่ ม.ปลายละ เริ่มๆก็เพราะปัญหาครอบครัวนี่แหละ
เครียดว่ะมึง ปลอบกูหน่อย
คือกูอะย้ายสายงานมา แบบพลิกคนละเรื่องเลยเพราะกลับมาอยู่ตจว.งานที่ได้เป็นงานเอกสารละทีนี้อะ ต้องส่งเอกสารตัวจริงให้บช. แต่กูลืมแสกนตัวจริงไว้ เอกสารอะรันเป็นเดือนๆ กูส่งไปแล้วทั้งสองเดือน อีเหี้ยกูก็ไม่อยากใหเพลาดอะ กูเครียดกูจะคุยกะเค้าพรุ่งนี้อะ แม่งเอ๊ยยยย ปลอบกูที สวดมนต์ เผื่อกูด้วยยย
พวกมึงเคยมีความคิดแบบ ถ้าตอนนั้น... กันบ้างมั้ยวะ พักนี้กูไม่มีความสุขกับงานเป็นลูซเซอร์สัดๆ เอาแต่คิดว่าถ้าตอนม.ปลายกูไม่เห่ออยากเป็นหมอ(ตามธรรมดาของเด็กห้องคิง) แต่ทำเรียนๆ เล่นๆ เพราะไม่เคยต้องพยายามไร สุดท้ายกูก็ไม่ได้เข้าหมอหรอก แต่แม่งดันดูถูกอาชีพอื่นๆ อย่างวิศวะ วิทยาศาสตร์อะไรพวกนี้ที่พึ่งมารู้ว่าเมืองนอกมันป๊อบสุดๆ มีทุนแนว sustainable tech, biotech, บลาๆ มากมาย กูอยากกลับไปเลือกคณใหม่ชิบหายเลยโว้ย
>>690 คิดตลอด คิดจนบางทีก็เป็นทุกข์แต่ในบางขณะก็ยังห้ามจิตตัวเองไม่ได้ กูเคยได้รับข้อเสนอให้รับตำแหน่งบริหารกิจการบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นกูเป็นแค่พนักงานคนนึงของเขา บ.เล็กอิสระมากเจ้าของเชื่อและอยากให้กูลีดเลยว่าจะไปทางไหน แต่ตอนนั้นกูกังวลไปหมด คนมันไม่เคย ความเสี่ยงก็เยอะ สุดท้ายกูก็ปฎิเสธเขา แล้วเข้าทำงานเป็นลูกจ้างบ.ที่ใหญ่ขึ้นมา ทำไปทำมา บ.แม่งเหี้ย กูเป็นแค่ลูกจ้างก็ทำอะไรมากไม่ได้ รู้ว่าฟื้นฝอยอะไรตอนนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่กูลืมโอกาสที่กูเคยทิ้งไปไม่ได้เลย
>>691 กูโคตรเข้าใจเลยไอ้การบฏิเสธบ.เล็กๆ แล้วไปเอาบ.ใหญ่เพื่อความมั่นคงเนี่ย บ.ใหญ่แม่งมีระบบขั้นตอนแข็งแกร่งจริงแต่บางทีไอ้ที่ฉุดรั้งการพัฒนาก็คือไอ้ระบบพวกนั้นแหละ แต่เข้าใจความ insecure ของมึงตอนนั้นนะ
>>692 จริงดิ ตอนนี้กูไม่ได้ไปสายวิทย์ ทำงานมาได้สักพักแล้วมานั่งเปิดหาทุนเรียนต่อถึงได้รู้ว่าคณะที่ตอนนั้นกูปรามาสว่ากระจอก(ขอโทษ ตอนนี้กุสำนึกแล้ว)มีทุนในหลายประเทศมากๆ ตอนนั้นถ้าจะเข้าก้เข้าได้น่ะ คะแนนกุพอเข้า ฬ ได้สบายๆ เลยแต่กุเสือกทำตัวต่อต้านไง
>>693 ตบบ่านะมึง
>>690 กูเคยคิด แต่กูคิดในเชิงที่กูก็ตั้งคำถามกับตัวเองมาตลอดอ่ะมึงว่า กูไม่ได้มาเห็นแหล่งความรู้ตรงนี้ ตรงนั้น เพื่อต่อยอดตัวเองไปสอบGAT-PATให้ได้คะแนนดีกว่านี้กูผิดไหม มันเกิดจากที่กูไม่พยายามเองรึเปล่า ทำไมกูต้องถูกด่าว่าไม่ทำอะไรทั้งๆที่ตอน ม.ปลายกูก็ถูกกีดกันไม่ใช้เข้าถึงนั่นนี่อยู่ด้วยวะ? หรือการที่กูไม่รู้ระบบเลือกสนามสอบที่สามารถเลือกแบบที่ใกล้บ้านได้มากขึ้นกูผิดแค่ไหน บางที่ของที่กูมีกูก็เข้าถึงได้เท่าที่กูมีอ่ะ จะให้รู้มากกว่านี้กูต้องโดนย้อนเวลามาเท่านั้นแล้ว บางทีตอนอายุ15-16กูไม่รู้ด้วยซ้ำถึงขนาดว่าพรีดีกรีรามมันเนื้อหาเรียนไม่ยากเท่าม.ปลายเลยแบบนี้มันผิดแค่ไหนวะ? ถ้ากูรู้มันจะทำให้กูเรียนจบเร็วกว่านี้ไรงี้นะ เผลอๆสอบติดมธ.ได้เอายื่นขอเทียบโอนบางวิชายังได้เลย แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายมันวกมากับความคิดเดิมที่ว่า กูเปลี่ยนอะไรไม่ได้แต่จะหาทางเปลี่ยนตัวเองให้หลุดพ้นจากการเป็นลูซเซอร์ได้ยังไง
>>695 นั่นแหละ เพราะมันเสี่ยงมากก็เลยตัดสินใจไปแบบนั้น กูก็ไม่กล้าตัดสินหรอกว่าที่กูเลือกมันถูกหรือผิด แต่ก็ได้เลือกไปแล้ว พยายามจะไม่เสียดายทีหลังแต่บางทีก็ห้ามความคิดตัวเองไม่ได้ ทุกวันนี้ บ.นั้นก็ยังดำเนินกิจการอยู่ กูก็ยังรักและนับถือพี่เจ้าของอยู่ นานๆ ทีกูก็ทักไปบ้าง ส่งของฝากไปบ้าง แต่ไอ้เรื่องจะมาพูดเปิดใจเหมือนแต่ก่อน บากหน้าเข้าไปขอโอกาสที่เคยปฏิเสธไปแล้วกูก็ไม่กล้าขนาดนั้น เฮ่อ..
>>694 คือสายอาชีพของกูจะไปขอทุนเรียนเมืองนอกนี่ง่าย แต่ความยากคือไปเรียนให้มันจบ ยิ่งประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แล้วต้องสอบไลเซนส์เป็นภาษานั้นของประเทศนั้นให้ผ่านอีก เห็นว่าคนที่ไปนี่เครียดๆกันทั้งนั้น ส่วนตัวกูตอนนี้เลยยังเลือกที่จะอยู่ไทย555 ไม่อยากไปจากคอมฟอตโซน
พวกมึงทั้งหลาย กูขอคำแนะนำหน่อยนะ กูเรียนจบทางด้านออกแบบภายใน ทำงานมาสิบกว่าปีแล้วและต้องการเปลี่ยนสายไปทำอาชีพอื่น กูรู้สึกว่างานที่ทำอยู่มันไม่เหมาะกับตัวกูเลยแม้แต่นิดเดียว กูเป็นคนไฮเปอร์และค่อนข้างสมาธิสั้น นั่งกับที่นานๆแล้วจะเบื่อมาก แต่ออฟฟิศ interior ที่ไหนๆก็ให้กูอยู่แต่หน้าคอม ทำงาน 3D ออกแบบไปตั้งแต่เช้าจรดเย็นซึ่งมันทำให้กูรู้สึกทรมานเหมือนโดนขังคุก กูยอมรับเลยว่ากูไม่ค่อยชอบงานออกแบบเพราะกูไม่ค่อยมีไอเดียสร้างสรรค์ ทำได้แค่แบบทื่อๆเชยๆและมันทำให้กูโดนด่าเรื่องนี้บ่อยๆ แต่กูชอบงานพวกประสานงาน ติดต่อผู้คนภายนอกมากๆ กูใช้ภาษาอังกฤษได้ดีพอสมควร แต่มันไม่ค่อยมีงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษทำเท่าไหร่ ซึ่งความสามารถตรงนี้ของกูก็ไร้ค่าไปเลย เคยสมัครไปทำงานหน้างานแล้ว แต่เขาไม่รับเพราะกูไม่มีประสบการณ์หน้างานเลยแถมกูเป็นผู้หญิงด้วย เขารับผู้ชายมากกว่า
กูคิดจะเปลี่ยนงานไปบริษัทใหม่แต่ในสายอาชีพนี้ส่วนใหญ่แล้วก็จะให้กูนั่งออกแบบหน้าคอมไปตั้งแต่เช้าจรดเย็นทั้งนั้น ซึ่งส่วนนี้เป็นอะไรที่กูไม่ชอบเลยคิดว่าจะเปลี่ยนสายอาชีพแล้ว คำถามของกูก็คือถ้ากูใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องและชอบงานติดต่อประสานงาน ออกภาคสนามเจอคนเยอะๆ กูควรไปทำอาชีพอะไรดีวะ จะเป็นล่ามกูก็ไม่ได้คล่องขนาดพูดปุ๊บแปลปั๊บขนาดนั้น ถ้าเบนสายไปเป็นไกด์หรือพวกเลขาผู้บริหารกูควรมีทักษะอะไรบ้างและต้องเริ่มต้นยังไงวะ กูไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับอาชีพอื่นซักอย่างเลยอยากลองถามข้อมูลและความเห็นจากเพื่อนโม่งเป็นการประกอบการตัดสินใจว่ากูควรไปทางไหนต่อดี
วันจันทร์อีกแล้วห่า
>>701 ตอบเท่าที่กูรู้ละกัน งานเลขาฯ น้องกูเป็นอยู่ ไม่ได้เรียนจบอะไรเกี่ยวกับทางนี้เลย บอสต่างชาติเงินเดือนประมาณ 30k ไม่รวมโบนัส แต่ถ้ามึงเรียนจบมา 10 ปีแล้วมึงอาจจะหาได้ดีกว่าน้องกู สกิลไม่ต้องอะไรมากหรอก eng ดี ใช้คอมพิวเตอร์พวกโปรแกรมพื้นฐานได้ก็โอละ ที่เหลือปรับเอาหน้างาน แล้วแต่ว่าเขาจะ assign อะไร
กูทำงานเป็น Supervisor คุมงานในโรงงานอาหร ตอนนี้รู้สึกเบื่อๆ คืองานมันก็ทำได้เรื่อยๆแหละแต่กูไม่อยากเข้ากะ+ต้องไปจัดการปัญหาคนงาน
จากประสบการณ์เป็น QC 1 ปี เป็น Supervisor ฝ่าย Production 2 ปี พอจะย้ายไปสายออฟฟิศตำแหน่งงานไหนได้บ้างวะ ที่คิดๆไว้ก็คือ
Product development แต่เห็นรับพวกจบมาเก็ตติ้งซะเยอะเลยยังไม่สมัครไปว่ะ
>>703 กูจะลองสมัครเลขาดูก็แล้วกัน คิดว่ามีเปอร์เซนต์ที่จะได้ค่อนข้างสูงอยู่ เพราะข้อดีของกูเจ้านายเคยชมว่ากูเป็นคนคล่องแคล่วว่องไวดี น่าจะมาจากความไฮเปอร์ของกูเองนี่ล่ะ
>>704 project coordinator กูเคยสมัครแล้วและลองทำมาแล้ว แต่ก็ยังหนีไม่พ้นต้องมาทำแบบแก้ไขหรือพวก mood and tone ไปให้ลูกค้าเลือกอยู่ดีว่ะ กูเลยกะว่าจะฉีกแนวไปเลย ไม่กลับมาทางสายอาชีพเดิมแล้ว แต่ขอบคุณมากที่แนะนำนะ//จุ๊บเหม่งมึง
ทำงานนี้มาตั้งแต่กุมภา 2555 เบื่อมากถึงมากที่สุด เพิ่งลาพักร้อนต่อเนื่องสงกรานต์ไปเที่ยวตปท. มา หวังว่าจะไปชาร์จแบต รีเฟรชตัวเอง
แต่พอกลับมาทำงานก็เบื่ออยู่ดี ถึงเบื่อยังไงก็ไม่คิดลาออกหรอกนะเพราะรู้ว่ามันเป็นแค่อารมณ์ แต่อยากหายเบื่อ
อยากทำงานแบบมี passion เหมือนสมัยเพิ่งทำงานใหม่ๆ ตอนนี้ efficiency ต่ำเตี้ยติดดินมากเพราะความเบื่องาน
โม่ง จำเป็นต้องทำงานครบปีหนึ่งถึงจะย้ายงานหรือป่าว กูทำงานนี้งานแรกกลัวมันดูไม่ดีกับเรซูเม่ว่ะ เจ้านายห่าขึ้นทุกวัน โอทีฟรีทุกวันสองชั่วโมงเป็นอย่างต่ำแล้ว แต่กูทำงานเกือบครบปีแล้วนะ ตอนนี้ท่องไว้ว่าเกินครึ่งทางแล้ว แต่อีเหี้ยยยยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กูอยากออกกกก
>>710 กูไม่รู้อีกกี่เดือนมึงจะครบปี ที่แน่ๆของกูที่เเรกเหมือนกันเหลือ 2 เดือน กูร่อนรีซุเม่เเล้วล่ะ แต่ก็นะคนรอบข้างบอกอีกนิดครบปี ภาษีจะได้ดี
กูกัดฟันอยู่แต่ถ้าได้งานก่อนครบปี บอกตรงกูไปจ้า ทั้งนี้อยู่ที่มึงทนที่เก่าได้ไหม ที่ใหม่คุ้มพอให้เสี่ยงไปหรือเปล่า อยุ่ที่มึง โชคดีๆ
- เป็นเกย์
- โสดซิงมา23ปี และเริ่มวัยทำงานแล้ว
- อยากลองมีแฟน อยากลองมีเซ็กซ์สักครั้ง
- กลัวการโดนผู้ชายรังเกียจมาตลอดถ้ารู้ว่าเราเป็นเกย์ แถมไม่อยากไปซื้อกิน กูควรเริ่มต้นยังไงดี
กูเป็นพนักงานคอนแทคที่สิ้นปีนี้กำลังจะหมดสัญญา พอดีกูมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานแบบร้ายแรงมาก มันทำให้กูอึดอัดและทำงานไม่มีความสุขเลย ทางหัวหน้าก็ไม่ได้ช่วยแก้ไขอะไรหรอกเพราะเขาเห็นว่ากูกำลังจะหมดสัญญา และเขาคงเลือกอีกฝั่งมากกว่ากู ถ้าลาออกปัญหาจบก็จริง แต่ประเด็นคือถ้ากูลาออกตอนนี้กูจะไม่ได้เงินค่าสัญญาเลย (กูเป็นพนักงานคอนแทค ไม่มีโบนัสแบบพนักงานประจำ เงินค่าสัญญาจะจ่ายตอนสิ้นสุดสัญญาทดแทนโบนัส)
อยากถามพวกมึงว่ากูควรลาออกก่อนได้เงินคอนแทค หรือทนๆแม่งไปให้จบๆดีวะ อีกเจ็ดแปดเดือนก็จริง กูกลัวว่ากูจะเป็นโรคประสาทหรือโรคซึมเศร้าไปก่อนอะดิ แต่ถ้าลาออกตอนนี้เท่ากับว่าที่กูทนมาสูญเปล่าไปหมดเลยนะ เสียดายเงินด้วย เอาไงดี
>>710 สำหรับกูคิดว่าไม่เกี่ยวกับอายุงานเท่าไหร่(คงเพราะสายงานกูดูที่ผลงานมันชัดเจนแล้ว) ลองคิดถึงปัจจัยอื่นดู เช่น มีงานใหม่รองรับหรือยัง หรือถ้ายัง มีเงินเก็บพอสำหรับอยู่โดยไม่มีเงินเดือนได้นานแค่ไหน เห็นด้วยกับ >>711 ว่าให้หาสมัครที่ใหม่รอไว้เลย ถ้าได้แล้วจะครบปีไม่ครบปีก็ไม่เกี่ยวแล้วล่ะ
>>712 อยากมีเซ็กซ์ทำแบบ >>715 แต่ถ้าอยากมีแฟน กูไม่รู้ว่ามึงเปิดตัวแค่ไหนในที่ทำงานนะ ไม่ได้แนะนำให้หาจากที่ทำงาน แต่กูคิดว่าเป็นแฟนกันแบบยั่งยืนมันน่าจะมาจากคนที่อยู่รอบๆ ตัวนะ คนที่ใช้ชีวิตคล้ายๆ กัน มีเรื่องให้คุยให้อินคล้ายๆ กัน อะไรแบบนี้อย่าไปหวังเลยว่าทินเดอร์จะหามาให้ได้ แต่ในทางกลับกันถ้ามึงเป็นเกย์แต่คนรอบๆ ตัวไม่เคยรู้มันก็จะยากอ่ะ แล้วแต่ละกันว่ามึงจะวางตัวยังไง กูอยู่ฝั่งเปิดตัวนะ ซึ่งถ้ามีคนที่มันรังเกียจเราก็ช่างหัวมัน ดีเลยเราจะได้รู้ว่าใครที่เราเข้าหาได้ไม่ได้ ชัดเจนไปเลย ลองประเมินสภาพสังคมรอบๆ ตัวมึงดูละกัน
>>713 กูไม่รู้ว่าปัญหาที่ร้ายแรงนั่นคืออะไร และเงินครบสัญญามันมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าอยากจะออกก็ควรหาที่ใหม่ให้ได้ก่อนนะ เศรษฐกิจแบบนี้คนหางานยากจริงๆ อดทนไว้ ถึงไม่ใช่ทนอยู่จนครบสัญญาก็ขอให้ทนอยู่จนกว่าจะหางานใหม่ได้นะ หรือถ้ามีเงินเก็บเพียงพอจะออกเลยแล้วคิดซะว่าเงินที่เก็บออมมาได้ซื้อสุขภาพจิตตัวเองอาจจะรู้สึกคุ้มกว่ารอเงินสัญญาก็ได้ ลองชั่งน้ำหนักดู
>>710 จริงๆกูว่าไม่นะ แต่มันต้องสายงานมึงประกอบด้วย สายงานกูคงย้ายงานกันค่อนข้างบ่อยอยู่แล้วเลยไม่น่าเกลียดมาก
>>713 เพิ่งรู้ว่าคอนแทคที่อื่นมีระบบนี้ด้วย คอนแทคกูคือไม่มีโบนัสอะไรทั้งสิ้น
แต่ออกก่อนหมดสัญญาได้ แค่แจ้งล่วงหน้า 1 เดือน ถ้าหมดสัญญาลูกค้าไม่ต่อก็ไม่มีเงินชดเชย
สำหรับกู 7-8 เดือนมันนานว่ะ กูว่าระหว่างนี้หางานใหม่ไปก่อน
ถ้าได้งานแล้วคิดว่าเงินเดือนที่ใหม่เยอะคุ้มกับโบนัสที่หายก็ไปได้เลย
อย่าลืมคิดปัจจัยเรื่องเสียสุขภาพจิตช่วง 7-8 เดือน ที่เหลือมาคิดด้วย
>>713 >>719 เคยทำคอนแทคที่นึง 1 ปี ไม่ได้โบนัสตอนสิ้นปีเหมือนพนักงานประจำ แต่ถ้าอยู่ครบปีเค้าจะให้เงินพิเศษ
ความจริงมันก็เหมือนโบนัสแหละ เพียงแค่จ่ายในเดือนที่ครบปีทุกๆ ปี คนละ timing กับพนักงานประจำที่ได้ตอนสิ้นปี
แต่ 7-8 เดือนนี่มันนานนะ ถ้าไปหางานใหม่ได้เงินเดือนมากกว่า คำนวณดีๆ อาจจะได้เยอะกว่ามานั่งรอเงินครบสัญญาก็ได้
กูขึ้นปีสี กำลังหาที่ฝึกงานแต่กูกลัววะ กูไม่ได้เก่งขนานนั้น เลยไม่กล้าไปฝึกงาน กูมาระบาย
มึงกูขอระบายหน่อย รำคาญคนที่ทำงานคนนึงมาก ชอบทำตัวเหมือนอับดุลรู้ทุกอย่าง เข้าใจทุกเรื่อง แต่เอาเข้าจริงไม่รู้เหี้ยอะไรเลยสักอย่าง
ชอบบอกว่าทำเป็นทำได้ เอาเข้าจริงทำไม่ได้ แต่จะคอยพูดให้คนอื่นทำให้แล้วตัวเองก็เอาไปเหมือนทำเป็นเอง ขี้โม้มากเรื่องงานก็ต้องโม้ตลอด
ว่างานเยอะอย่างนั้นอย่างนี้ เหนื่อยมาก ชอบหักหน้ากูเวลาคนอื่นมาพูดเรื่องงานด้วย เหมือนตัวเองรู้เยอะกว่า
รำคาญอ่ะทำยังไงดี คือที่ไม่โดนเกลียดเพราะเป็นชะนีน้อยหรอ ถ้าผู้ชายคงโดนเกลียดไปละมั้ง
หรือกูควรทำยังไงให้จิตผ่องใสดีอ่ะ หรือว่าคนอื่นก็รุ้แต่แค่ไม่พูด ?
>>727 มันก็ประมาณว่าเวลามีคนมาคุยเรื่องงานกับกู มันชอบสอดชอบแทรก หรือพูดขึ้นมาว่าอย่างนั้นสิ อย่างนี้สิ ทำไมไม่ทำแบบนี้ แบบนี้ดีกว่า (แบบที่แม่งเสนอมา) เขาก็จะพูดประโยคนี้ซ้ำ ๆ ประมาณ 3-4 รอบได้ ซึ่งบางทีการพูดเสริมเข้ามาในประเด็นที่คุยกันอยู่ แล้วช่วยแก้ไขปัญหาได้ หรือเสนอไอเดียอะไรงี้ กูโอเคนะมึง แต่กูไม่โอเคที่ข้อมูลที่เขาพูดมามันไม่ถูกอ่ะแล้วแทรกขึ้นมาหลายรอบมากด้วย คนละสายงานด้วยอ่ะ กูว่าถ้ากูไม่รู้ในเรื่องนั้น ๆ กูไม่กล้าคอมเม้นท์นะ
มาคิด ๆ ดูกูเห็นด้วยนะ เขาอาจจะเป็นแค่คนชอบเข้าสังคมก็ได้เลยแสดงตัวแบบนี้ออกมา แต่กูไม่ชอบความ exaggerate ของเขา สกิลอะไรที่ทำได้เวล 1 ก็โม้ซะเหมือนตัวเองเป็นเวล 10 ซะงั้น
>>718 เงินค่าสัญญาก็หลักแสนน่ะมึง เอาไปตั้งตัวใหม่ได้เลย ถ้าจะออกกูเสียดายตรงนี้ล่ะ แต่สุขภาพจิตกูก็ย่ำแย่เข้าไปทุกที ถ้าอยู่จนจบกูอาจจะต้องเอาเงินก้อนนี้ไปรักษาตัวเองก็ได้
ส่วนปัญหาร้ายแรงที่ว่าจริงๆแม่งก็ไม่มีอะไรมากหรอก กูทะเลาะกับขาใหญ่ในแผนกด้วยเรื่องงาน แล้วเขาเล่นพรรคเล่นพวก รุมกดดันบอยคอตกู แม้แต่คนที่ไม่ได้มีเรื่องกะกูเลยซักนิดก็ยังช่วยด่าหรือแขวะ จะพูดห่าอะไรกันก็ต้องโยงมากระแนะกระแหนกูได้ทุกเรื่อง พยายามจะนิ่งไม่สนใจทำหูทวนลมก็แล้วแต่มาเจอเรื่องแบบนี้ทุกวันมันก็ประสาทเสียทำงานไม่มีความสุขหรอก และกูไม่คิดจะญาติดีกับคนพวกนี้ด้วย งานการก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ทำโปรเจคใครโปรเจคมันแค่อาศัยอยู่ร่วมแผนกเฉยๆ แต่แค่รำคาญพวกแม่งว่าเป็นเหี้ยอะไรนักหนาจนอยากแผ่เมตตีนให้เผื่อจะสงบปากกันบ้าง
>>728 มีงานวิจัย(ซึ่งแม่งได้โนเบลด้วย) ชื่อ dunning-kruger effect
อธิบายไว้ ว่า คนรู้น้อย มักมั่นใจมาก
พอรู้มากขึ้นก็จะเริ่มเข้าใจว่าที่เรารู้มันนิดเดียว
รายละเอียดอ่านเอง
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Dunning–Kruger_effect
>>730 The problem with the world is that the intelligent people are full of doubts, while the stupid ones are full of confidence. ซึ่งมันก็ไม่แปลกอะนะ มันเป็นไปตามกลไกจริงๆ นั่นแหละ เพราะถ้ามันไม่มั่นใจอะไรผิดๆ มันก็คงจะหลุดพ้นจากความโง่ไปนานแล้ว ในขณะที่คนฉลาดเต็มไปด้วยความสงสัยเลยใฝ่รู้ ก็เลยยิ่งรู้มากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นรองหัวหน้าที่ใครทำงานด้วยแล้วอึดอัด แถมทำให้เค้าลำบากเก่งจริงๆน้า ต่อไปคงต้องเจอคนแบบนี้ซักคนในที่ทำงานสินะ น่าด่าจริงๆ คนแบบนี้หรอจะมาเป็นหัวหน้าคนต่อไป ฝัน
>>732 ได้เป็นว่ะ... ตอนแรกกูก็คิดว่าคนแบบนี้คงขึ้นมาเป็นหัวหน้าไม่ได้หรอก ใครๆ ก็รู้กัน ใครๆ ก็เอือมระอา ได้เป็นรองหัวหน้าเพราะวัยยังพอหยวนๆ เพราะก็เป็นแค่รอง ยังไงทุกคนในทีมก็ไปขึ้นตรงกับหัวหน้าอยู่แล้ว เคยคิดว่ายังไงให้ตายบอสต้องดูออก บอสไม่โง่ขนาดนั้นหรอกที่จะเอาคนแบบนี้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทั้งที่ทีมไม่มีใครเอาแกเลย (บอสกูดีนะ) สุดท้ายก็ได้ขึ้นมาเป็นจ้ะ... บายๆ บายตัวกูเองนี่แหละ
วางแผนหยุด5วันลา2วันต่อเสาร์-ทิตต่อวันจันทร์จากวันหยุดชดเชย
แต่อยู่ๆมาบอกวันจันทร์ไม่ได้หยุดชดเชย เลยกลายเป็นต้องลา3วัน พอลาติดกันหลายวันก็เอาไปประเมินหักโบอีก เซ็ง
>>730 โครตจริง เหมือนพวกกุ๊ยคิดว่าตนเก่งเท่าบิลเกตไม่ต้องเรียนหนังสือก็รวยได้ ส่วนบิลเกตจริงๆกว่าจะทำงานเต็มตัวก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยโดยไม่เสียการเรียน ได้ a ตลอด จนธุรกิจร่ำรวยแล้วถึงออกมาทำเต็มตัวแต่ก็ไม่ลาออกนะ ดรอปเรียนไปก่อนเฉยๆ เผื่อพลาดจะกลับมาเรียนอีก พวกกุ๊ยไทยนี่มั่นใจในตัวเองโครตๆยิ่งกว่าบิลเกตอีก กูเห็นตามบอร์ดต่างๆเต็มไปหมด
เอือมคนที่ทำงานชิบหาย คือฝ่ายกูมีหน้าที่ต้องซัพพอร์ตงานฝ่ายอื่น ทีนี้มันมีงานอยู่งานนึงที่เจ้าของงานเป็นสาวแก่ทึนทึกที่เป็นพวกจะเอาอะไรต้องเอาให้ได้ไม่ฟังอะไรใครทั้งนั้น
แล้วงานชิ้นนี้คนรับผิดชอบในฝ่ายกูมันเป็นเพื่อนกูอีกคนนึง แต่วันนี้เพื่อนกูยังมาไม่ถึงออฟฟิศ อีสาวแก่นี่ดันมีคำถามจะมาคุยเกี่ยวกับงานแม่งเลยเดินมาถามกูทั้งๆที่มันก็รู้อยู่แก่ใจว่างานนี้ของเพื่อนกู กูบอกว่ากูไม่รู้เรื่องกูไม่ได้ทำงานนี้ ให้รอคุยกับเพื่อนกู แม่งก็ไม่สนใจจะเอาคำตอบจากกูให้ได้ เถียงกันอยู่นานมากจนกูเริ่มโมโหละ เดชะบุญเพื่อนกูมาถึงออฟฟิศพอดี
คือแม่งคนเรามันจะเอาแต่ใจจนไม่สนหีสนแตดอะไรได้ขนาดนั้นวะ
ไม่ค่อยชอบสังคมออฟฟิศที่ต่างคนต่างนินทากันเลยว่ะ คนนู้นทำงานไม่ดีก็เอามานินทาอย่างนั้นอย่างนี้แทนที่จะไปบอกตรงๆ ว่าน่าจะปรับปรุงการทำงานอย่างนั้นอย่างนี้นะ
หรือบางคนก็เอาชีวิตส่วนตัวคนอื่นมาเปิดเรื่องให้ด่า ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ไปทำอะไรผิด โคตรน่ารังเกียจเลย
ชีวิตวัยทำงานนี่เริ่มต้นยากไหม ถ้าไม่มีคนสอนงานจะไปรอดไหมสำหรับเด็กจบใหม่
กู 741 นะ คือตอนเรียนไม่ค่อยตั้งใจด้วย เเต่โปรไฟล์กูสวยอยู่นะ TOEICเยอะ ภาษาที่สามมี เกรดพอได้ เเต่ไม่ถึง3
เเต่ประเด็นคือกูว่างงานไปปีนึง ความรู้เรียนมาไม่ค่อยตั้งใจเนี่ยเเหละ ตอนนี้กูกำลังคิดจะไปสมัครงานละ เเต่ก็เริ่มกังวลกลัวอะไรหลายๆอย่าง
เช่น ถ้าไม่มีคนเทรนกูจะรอดไหมว้า สายที่เรียนมาก็วิศวะด้วย ความรู้หลงลืม ถึงสัมภาษณ์รอดเเต่ไปทำงานถ้าไม่มีคนเทรนกูเลยคิดว่ากูจะรอดไหมเนี่ย
>>745 ขอบคุณครับรุ่นพี่โม่ง กูจะพยายาม
กลัวเรื่องไม่มีคนเทรนเนี่ยเเหละ เเล้วพอๆลองหาข้อมูลจากเพื่อน(ที่มีอยู่น้อย) เพื่อนมันก็โชคดีมีรุ่นพี่ใจดีสอนให้ ซึ่งเพื่อนมันก็ขู่มาว่าถ้าไม่มีคนสอน หรือพี่เลี้ยงไม่ดีมึงตายเเน่ๆ เลยกลัวเลยยย เพื่อนมันบอกสายนี้ถ้าไม่มีคนสอนงาน เเล้วไม่เก่งรับรองทำอะไรไม่เป็น
วันนี้บังเอิญไปเจอน้องที่เคยทำงานแผนกเดียวกันที่ลาออกไปครึ่งปีแล้ว
น้องคนนี้ในแผนกเม้ากันว่าแอบชอบหัวหน้าเค้า ซึ่งเป็นพี่ในแผนกแต่ไม่ได้เป็นหัวหน้ากู
แต่โดนหักอกเลยลาออก เพราะตอนออกสองคนนี้ไม่มองหน้ากันเลยทั้งที่เคยดูสนิทกัน
กูเห็นว่าเรื่องมันก็นานแล้วกับอยากเสือก เลยแกล้งถามว่ามีปัญหาอะไรกับหันหน้าเค้ารึเปล่า ทำไมอยู่ดีๆไปกระทันหัน
ปรากฏว่าแม่งคือดราม่าเรื่องงานมาเต็ม
จากที่น้องว่าคือปัญหาหลายเรื่องทั้งลำเอียง บังคับให้ทำโอฟรีแล้วกดคะแนน kpi อ้างว่าตัวเองไม่ได้สั่งให้ทำ
ตัวเองวางแผนงานมาไม่ดีน้องท้วงแล้วไม่ฟัง พอมีปัญหาแล้วโบ้ยว่าน้องทำผิด
กูก็อึ้งนิดๆ เพราะพี่คนนั้นเค้าก็ดูเป็นที่รักของลูกน้องดี เหมือนไปรับรู้ด้านมืดที่ไม่ควรรู้ของพี่คนนี้เข้าแล้ว
เปลี่ยนงานแล้วหนีเสือปะจระเข้ ท้อชะมัด
จ้าสา
กูเหนื่อยหน่ายกับการรับสมัครคนมาทำงานมากขอบ่นหน่อย
ฝ่ายกูมีกูทำงานคนเดียวมาเป็นสิบปีละ งานแม่งโคตรโหลด ทำงานให้ฝ่ายอื่นไม่ค่อยจะทันงานมาติดคอขวดที่กูเป็นประจำ ดีที่คนทั้งบริษัทเข้าใจเลยไม่เคยด่ากู(หรืออาจจะด่าแต่กูไม่รู้ 555)
ตอนนี้ผู้บริหารเริ่มให้ความสำคัญกับงานฝ่ายกูเลยให้เพิ่มคนได้สองคน(ดีใจสุดๆ) กูเลยรับสมัครคนเพิ่ม นี่กูสัมภาษณ์คนมาครึ่งปีละน่าจะเกือบๆสามสิบคนได้ละ แต่ยังรับไม่ได้ซักคน
สเปคที่ต้องการคือ Junior Level พอมีประสบการณ์ทำงานมาบ้าง หรือเด็กจบใหม่ที่โปรไฟล์ไม่ขี้เหร่ แต่จุดสำคัญที่ต้องการมากๆคือต้องได้ภาษาอังกฤษและต้องมีกึ๋น เพราะงานกูเป็นงานติดต่อกับต่างชาติ ใช้สมองหนักมากและต้องดีลกับคนเยอะและต้องหว่านล้อมคนให้เห็นด้วยให้ได้ ไม่งั้นงานไม่จบ
ต่อไปนี้จะเป็นรายการบ่นว่าทำไมกูถึงรับคนไม่ได้ซักที
1. หลายๆคนเขียน resume มาแย่มาก ให้ข้อมูลพื้นฐานยังไม่ครบ เรียนจบเกรดเท่าไหร่ไม่บอก จบเมื่อไหร่ไม่บอก อายุเท่าไหร่แม่งยังไม่บอกเลย บางคนไม่ใส่รูปมาแล้วดันไม่เขียนคำนำหน้าชื่อมาอีกแม่งเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกูยังไม่รู้เลย แต่ข้อมูลกิจกรรมตอนเรียนที่ไม่เกี่ยวห่าอะไรกับการทำงานเลยเสือกใส่มาเป็นหน้า เจอแบบนี้เข้าไปเลยไม่อยากเรียกมาสัมภาษณ์ รู้สึกว่าเสียเวลา
2. บางคนมาสัมภาษณ์แบบไม่ทำการบ้านมาเลย บริษัทกูเป็นบริษัทใหญ่ระดับโลก(มั่นใจมากว่าไม่มีใครไม่รู้จัก) แต่พอกูตั้งคำถามง่ายๆแบบรู้มั้ยว่าบริษัทนี้ทำธุรกิจอะไร แม่งตอบไม่ได้ คือกูคิดว่าเรื่องแค่นี้มึง google ก่อนมาสัมภาษณ์นิดเดียวก็รู้แล้วแต่ดันไม่ทำ เหมือนมึงเองก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะเข้ามาทำงานกับกูเท่าไหร่อ่ะนะ เมื่อสิบปีที่แล้วก่อนกูจะมาสัมภาษณ์บริษัทนี้กูแทบจะทำรีเสิร์ชด้วยซ้ำว่าบริษัทนี้ทำอะไร สถานการณ์เป็นยังไง ตอนสัมภาษณ์เลยได้คะแนนจิตพิสัยเยอะจนได้งานทั้งๆที่มีแคนดิเดตคนอื่นที่โปรไฟล์ดีกว่ากูตั้งเยอะ ตอนนี้กูเลยเฟลหน่อยๆว่าคนรุ่นใหม่ๆความตั้งใจกับความพยายามมันน้อยไปรึป่าววะ
3. บางคนดูจากการสัมภาษณ์แล้วรู้เลยว่าทำงานเช้าชามเย็นชามแน่ๆ แล้วงานฝ่ายกูมันค่อนข้างหนักเอาคนเช้าชามเย็นชามเข้ามากูว่ามันรับไม่ได้ แป๊บๆออกแน่ๆกูก็เลยไม่เอา ไม่อยากให้เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย กูก็ขี้เกียจไปหาคนใหม่หลายๆรอบด้วย
4. บางคนก็ตรรกะพังพินาศจนกูไม่กล้ารับ บอกว่าอยากออกจากที่เก่าเพราะไกลบ้าน แต่ที่ทำงานกูไกลบ้านมันมากกว่าที่เก่าอีก แล้วมาอยู่กับกูมันจะง้องแง้งขอลาออกในสามเดือนรึเปล่าวะ หรือบางคนบอกไม่ชอบที่ทำงานเก่าเพราะต้องส่งงานให้ทันตามกำหนดซึ่งมันชอบทำงานชิลๆเสร็จเมื่อไหร่ก็ส่งมากกว่า(พ่องมึงดิที่ทำงานไหนจะตามใจมึงขนาดนั้นวะ) เจอแบบนี้กูก็เชิญออกจากห้องสัมภาษณ์สิวะ
5. หัวหน้ากูเป็นคนต่างชาติ การสัมภาษณ์เลยเป็นภาษาอังกฤษอย่างเลี่ยงไม่ได้ เจอคนไม่เก่งภาษาอังกฤษแต่โปรไฟล์ส่วนอื่นๆดีมาสมัครซึ่งกูก็ไม่ว่าอะไรก็ให้โอกาสเรียกมาสัมภาษณ์ดูก่อน ขอดูแค่ว่ามึงมีความพยายามที่จะตอบคำถามรึเปล่า แต่เจอผู้สมัครบอกขอสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยได้มั้ย กูแย้งไปว่าคนสัมภาษณ์คุณเป็นคนต่างชาติถ้าคุยภาษาไทยเค้าจะสัมภาษณ์คุณได้ยังไง แม่งก็ยืนยันจะขอสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย กูก็ต้องเชิญออกแหละ
6. ฯลฯ
คือกูรู้ตัวนะว่ากูเรื่องมาก แต่นี่คือโอกาสแรกและน่าจะเป็นโอกาสเดียวที่กูได้รับคนเพิ่มกูเลยอยากได้คนที่เหมาะสมที่สุดเข้ามาทำงาน
เอาเป็นว่าโม่งคนไหนที่หางานอยู่ก็ลองเก็บไปเป็นข้อคิดละกันว่ามันมีนายจ้างที่คิดแบบกูอยู่นะ เวลามึงไม่ได้งานอาจจะมีสาเหตุมาจากเรื่องพวกนี้ก็ได้
ปล. ศุกร์นี้กูจะสัมภาษณ์อีกสี่คน หวังว่ากูจะได้คนซักทีนะ คนนึงก่อนก็ยังดี
>>751 มีประโยชน์มากนะโพสนี้น้องๆ ควรอ่าน เท่าที่ผ่านๆ มาเจอเพื่อนๆ บ่นเรื่องการสัมภาษณ์เด็กจบใหม่มากเหมือนกัน หนักขนาดใช้ศัพท์วัยรุ่นใช้รูปเซลฟี่ในรีซูเม่ แหมสนิทกันหรอ บางทีก็ต้องรู้จักกาละเทศะกันบ้าง / แต่ครึ่งปีหาคนไม่ได้นี่กูว่าปัญหาอาจจะมาจากส่วนอื่นด้วยหรือเปล่าวะ เช่น ประกาศรับสมัครบนเว็ปที่ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น ถ้าต้องการภาษาอังกฤษไปหาตาม LinkedIn อาจจะดีกว่า หรือถ้า บ.ใหญ่มีชื่อน่าจะมีงบไปจ้างพวก Head Hunter คัดให้ไปเลยก็น่าจะดีนะ(กูก็ไม่เคยหรอกกูบ.เล็ก)
>>751 บริษัทใหญ่ระดับโลกอะไรวะ มีพนักงานฝ่ายนี้แค่ 1 คน มาเป็นสิบปี ได้ลาพักร้อนไปเที่ยวยาวๆบ้างป่ะ เวลาป่วยต้องนอนรพ. หรือมีเหตุฉุกเฉิน ใครทำแทน แล้วใครตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน ตรวจสอบความถูกต้อง งงว่ะ เป็นไปไม่ได้ ที่บริษัทใหญ่ระดับโลกจะจัดการบุคลากรลักษณะนี้มาเป็นสิบปี ทั้งที่เห็นอยู่ว่าการมีพนักงานคนเดียว ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระบบงานล่าช้า แล้วถ้าบริษัทใหญ่ขนาดนี้ หาคนเก่งๆมาสมัครไม่ได้ มีแต่พวกปลายแถวมาสมัคร กูว่าไม่ใช่ละ
>>752 ผู้สมัครกูมาจากหลายทางแหละ ทั้งเว็บหางาน ทั้ง headhunter
สโคปงานของสายงานกูมันไม่มีอะไรมากหรอก ใครเรียนจบสายนี้มาก็ทำงานเหมือนๆกันหมด ดังนั้นเนื้อหาในประกาศรับสมัครงานก็ไม่น่าจะใช่จุดที่เป็นปัญหา แต่เชื่อมั้ยว่ากูถามผู้สมัครหลายๆคนว่าพอจะรู้มั้ยว่าถ้ากูรับเข้ามากูจะให้ทำงานอะไร หลายๆคนตอบไม่ได้ ทั้งๆที่กูเขียน JD ไว้ชัดในประกาศรับสมัครงานแล้ว แสดงว่าแม่งไม่ได้อ่าน JD ก่อนยื่นใบสมัครเลยด้วยซ้ำ นี่ก็เป็นอีกจุดที่กูเฟลกับคนรุ่นใหม่พอสมควร
จุดที่เป็นปัญหาสำหรับกูคือวิธีการคัดเลือกคนมาสัมภาษณ์มากกว่า เพราะก่อนสัมภาษณ์กูดูได้แต่เอกสารที่ยื่นเข้ามา ดังนั้นใครทำเอกสารมาไม่ดี(ทั้งๆที่ตัวผู้สมัครอาจจะดีก็ได้)กูก็เรียกมาไม่ได้ หรือหลายๆคนที่กูเรียกมาทำเอกสารดีกูเลยเรียกมาแต่ตัวจริงคุยแล้วไม่ได้เรื่องก็มีเยอะ
>>755 กูรู้ว่าบริษัทใหญ่ๆมันมักจะต้องมีอะไรประหลาดๆอยู่แล้ว เพราะที่ทำงานกูก็เป็น กูไม่ได้บอกว่ามันต้องสวยงาม แต่ปัญหาระบบงานล่าช้าที่ยืดเยื้อเป็นสิบปีเพิ่งแก้ไข มันไม่เมคเซ้นส์ (ยกเว้นว่ามันไม่ใช่งานสำคัญ) และกูก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ว่าบริษัทที่ใหญ่ระดับโลก จะหาคนตรงสเปคมาสมัครไม่ได้สักคน เป็นไปไม่ได้
>>757 อ่ะกูตอบแบบนี้ละกัน
1. งานกูเป็นงานค่อนข้างสำคัญ แต่ไม่ก่อให้เกิดรายได้กับธุรกิจ ดังนั้นที่ผ่านๆมาผู้บริหารเลยไม่ค่อยสนใจ งบประมาณในการทำงานกูยังแทบไม่มีเลยค่าใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดกำไรโดนตัดเรียบ งบเรื่องคนยิ่งไม่ต้องพูดถึง
2. หัวหน้ากูเคยพยายามขอคนเพิ่มจากผู้บริหารหลายชุดแล้ว แต่ไม่เคยได้ เพราะไม่ค่อยเห็นความสำคัญน่ะแหละ อีกอย่างคือหน่วยงานกูทำงานดีด้วยแหละเลยไม่ค่อยมีปัญหาใหญ่ๆไปกระแทกให้ผู้บริหารรับรู้ว่าต้องแก้ไข ไอ้เวลากูทำงานช้า(แต่ไม่เกิดผลเสียหายกับธุรกิจ)ผู้บริหารเค้าไม่รับรู้อยู่แล้ว
3. นี่เพิ่งมาโชคดีได้ผู้บริหารชุดใหม่ที่คิดใหม่ทำใหม่ ให้ความสำคัญกับสายงานกูมาก เค้าเลยเพิ่มคนให้โดยแทบไม่ต้องไปอ้อนวอน
4. ไอ้เรื่องหาผู้สมัครนี่กูก็งงอยู่ ว่าบริษัทกูมันไม่น่าสนใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ แทบไม่มีคนเก่งๆมาสมัครเลย(เทียบอัตราส่วนใบสมัครกับคนที่ดูเข้าท่าอ่ะนะ)
>>758 อ่า เคๆ พอจะนึกออกละ
เห็นด้วยกับ >>759 เพิ่มเรื่องสวัสดิการ/การเดินทาง/เนื้องานไปด้วย คนเก่งๆเค้าคิดว่าตัวเองเลือกได้พอสมควร อะไรที่เค้าไม่ถูกใจ เค้าก็ไม่เอา
คล้ายๆกับ ผู้หญิงสวยๆที่มึงชอบ เค้าไม่ชอบมึง สิ่งที่มึงทำได้คือ ลดสเปคลงหน่อย สกิลมันฝึกกันได้ สิ่งสำคัญคือ ทัศนคติ/ความพร้อมในการเรียนรู้งาน
กระทู้รวมมนุษย์ลุง ขยะสังคมสินะ ไม่แปลกใจหรอกที่เพื่อนมึงไม่คบ
>>758 กูเดาเล่นๆ ว่าเงินเดือนน่าจะน้อยมากจนคนที่คุณสมบัติเป็นผู้เป็นคนหน่อยเค้าไม่ชายตาแลประกาศรับสมัครงานของมึง มึงบอกได้ปะว่ามึงให้เท่าไหร่? ถ้าต่ำกว่า 30k จบนะ แยกย้าย
เพราะบ.กูลักษณะงานต้องได้อังกฤษ ต้องดีลกับต่างชาติหลายฝ่าย งานค่อนข้างโหลด ยาก ท้าทาย ไม่ใช่งานรูทีน ต้องการคนมีไหวพริบ คล่อง เก่ง จบใหม่บ.กูให้ total package 30k+++ (โอทีต่างหาก โบนัสต่างหาก สวัสดิการอีกมากมาย) ถ้ามีประสบการณ์นิดหน่อยได้มากกว่านั้นอีก 5-10k บ.กูยังถือว่าให้ไม่เยอะนะ ถ้าบ.สัญชาติต่างชาติน่าจะได้เยอะกว่านี้มาก
เพื่อนพี่โม่งขอปรึกษาหน่อย พอดีเหมือนคุยกับแม่ไม่รู้เรื่องว่ะ ช่วงนี้คือช่วงหางานของกูครับ แต่แม่กูก็มาบ่นๆว่างานอะไรก็ทำๆไปเถอะ อ้าวแล้วที่กูเรียนเอาวุฒิมานี่กูไม่สามารถเลือกงานได้เลยหรอและกูจะเรียนมาขนาดนี้ทำไมวะ กูกำลังหาอยู่พยายามอยู่ เบื่อหน่ายว่ะ
มึงเลือกเยอะไปรึเปล่า ถ้าผ่านมาหลายเดือนเเล้วยังไม่ได้งาน เเม่ก็คงเป็นห่วงเเหละ
เเล้วหามานานยังล่ะ เพิ่งจบหรือว่ายังไง ถ้าเพิ่งจบก็ปล่อยเเม่ไป
เเต่กูจำไม่ผิด รู้สึกเด็กจบใหม่จะจบเดือน กค มิย. ไม่ใช่เหรอวะ ถ้าเป็นงั้นเเล้วมาถึงตอนนี้เเล้วมึงยังไม่ได้ เเสดงว่ามึงหามาตั้งเเต่ปีที่เเล้วรึเปล่า เเม่มึงถึงมาบ่นเนี่ย
>>765 กูไม่ใช่ 751 นะ แต่กูว่ากูพอเข้าใจ เวลาคุยกันมันจะพอรู้สึกได้นะว่าคนนั้นๆ อินกับทอปิกนั้นแค่ไหน ถ้าไอ้แบบว่าทำงานตามคำสั่ง รอตามอย่างเดียว ไม่หือไม่อือไม่มีความคิดเห็นอะไรให้ มันก็พออนุมานได้นะว่าไอ้นี่ไม่มีไฟเลย สักแต่ว่าทำๆ ให้เสร็จๆ ไป ดีไม่ดีไม่รู้ ไม่แคร์ด้วย
>>764 total package เกิน 30K ว่ะ บริษัทกูผลตอบแทนจัดว่าสูงมากสำหรับ junior level แล้ว
>>765 หลอกถามเรื่องทัศนะคติเกี่ยวกับการทำงานไปเรื่อยๆ คำถามง่ายๆอย่างทำไมถึงคิดจะออกจากที่เก่าเนี่ยแหละจะทำให้มันหลุดออกมาง่ายๆ อย่างที่กูยกตัวอย่างไปก่อนหน้านี้ ไม่ชอบโดนเร่งไม่ชอบโดนทวงงานอันนี้เช้าชามเย็นชามชัดเจน หรือคำถามอย่างมีการวางแผนเรื่อง career part ส่วนตัวไว้ยังไง พวกที่ไม่คิดเรื่องพวกนี้เลยมีแนวโน้มเช้าชามเย็นชามสูง
โม่งๆ ที่ทำงานกูมีวันหยุดที่ไม่รวมวันหยุดประจำปี ให้ 7วัน อันนี้คือรวม ป่วย ลากิจ พักร้อน ถ้าหยุดเกิน 7วันคือโดนหักโบนัส แบบนี้คือปกติมั้ยอ่ะ
มันเลี่ยงไปหักโบนัสไม่ใช่เงินเดือน เลยไม่ผิดกฎหมาย
ตามกฎหมาย ปกติคือลาป่วยได้ตามจริงไม่เกิน30(ไม่โดนหักเงินเดือน) ลากิจตามตกลง(หักเงินเดือนได้)
พี่โม่ง ขอปรึกษาหน่อย ยังไม่เคยทำงาน
กูก็ไปสมัครเว็บไซต์สมัครงานเอาไว้ ทีนี้กูไม่ได้ยื่นที่ไหน ปรากฎว่าไปหย่อนสมัครทิ้งไว้เเม่มมีบริษัทส่งเมล์มาเรียกไปสัมภาษณ์ตั้ง4-5 บ.
กูเลยอยากปรึกษา
- พอจะเช็คคร่าวๆได้ยังไงบ้างว่า บ.นี้ใหญ่ หรือ บ.นี้เล็กได้ยังไง (ปกติเราเช็คพวกหุ้น หรือทุนจดทะเบียนอะไรงี้ได้ปะ) หรือต้องลองๆดูเซิจกูเกิ้ลเอาเองว่า ขนาดออฟฟิศมันใหญ่ไหม อะไรยังไง ทำอะไร
- ถ้าได้รับเมล์เชิญไปสัมภาษณ์งานเเล้วไม่ตอบกลับ มีสิทธิ์โดนblacklistไหม?
- จากข้อสองถ้าควรตอบกลับ ควรจะปฎิเสธยังไงดี
>>781
- google เอาจะพอรู้คร่าวๆ ถ้าอยากรู้ละเอียดมึงเข้าเว็บกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สมัครสมาชิกแล้วจะเซิร์ชดูข้อมูลบริษัทได้ ทุนจดทะเบียนเท่าไหร่ ทำธุรกิจอะไร
- อันนี้กูไม่รู้ว่ะ แล้วแต่บริษัทมั้ง
- ควรตอบกลับเป็นมารยาทเค้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอมึง จะบอกว่าติดงาน ได้งานใหม่แล้วอะไรก็ว่าไป
เมิงขอ ky หน่อย
มีวิธีดูพาสเข้าคอมที่กำลังเปิดอยู่รึเปล่าวะ
เปลี่ยนพาสตะกี้แล้วจำไม่ได้ ไม่กล้าปิดคอมเลยชิบหายแล้วกู
วันศุกร์ด้วย ถ้าหากูรื้อพาสเวิดไม่ได้กูว่าจะตั้งให้คอมมันไม่หลับแล้วเปิดทิ้งไว้ยันวันอังคาร รอวันอังคารมานั่งมั่วพาสเวิดต่อ บริษัทกูแม่งแก้ให้ใช้พาสเวิด ตัวเล็กตัวใหญ่ตัวเลข กูโมโหเลยตั้งไปซะยาก ไม่รู้พิมพ์อะไรผิดตรงไหน ถ้าไม่ได้วันอังคารคงเรียกช่างแล้ว อีเหี้ย อีโง่วววววว ฮือออออ
กูกำลังจะจบเทอมนี้ เหลือสอบปลายเดือนอีกไม่กี่ตัว แต่บริษัทที่สมัครไปขอให้ไปทำงานเลย บอกว่าขอลากิจไปสอบได้
ในนี้มีใครยังเรียนไม่จบแล้วทำงานก่อนบ้างปะวะ บอกตรงๆ คือกูยังตั้งตัวไม่ถูกอะ ชุดก็ยังไม่ได้ซื้อเลยด้วย ตอนสมัครกูก็บอกเขาไปนะว่าเริ่มงานได้เดือนหน้า
>>787 ไม่เรื่องใหญ่ ปกติมากๆ อาทิตย์นึงเจอเคสแบบมึงไม่รู้เท่าไร และไม่ ไม่มีวิธีดูพาสเวิร์ดแบบง่ายๆ ต่อให้มี็ไม่ใช่วิธีที่คนไม่มีความรู้แบบมึงควรลองทำเอง มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ก็เพราะมึงจะลองนี่แหล่ะ และถ้าช่างของมึงไม่ได้แปลว่าไอทีบ.แต่หมายถึงไปร้านข้างนอก คำตอบคือเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นจงอย่าหน้าบางแล้วยอมรับความโง่ของตัวเองซะ
life hack : วิธีทั่วไปในการจำพาสใหม่บ่อยๆคือรันเลข เช่น Fanboi@*001 ---> Fanboi@*002 --> 003 -----> ไปเรื่อยๆ
เรียกเงินเดือนเริ่มต้นเท่าไหร่ดีครับ
เมิง ไปขุดเจอมาว่าประธานกับหัวหน้ามันวางแผนบีบเพื่อนกูออกว่ะ
กูกะว่าจะลาออก ส่งเมลแจ้งลาออกแล้วแนบเมลทั้งหมดที่ขุดมาแล้วส่งให้หมดทั้งเครือ ถ้ากูทำงี้กูจะโดนฟ้องไรไหม
เราพอจะทราบข้อมูลของบ.เล็กๆได้ไหมวะ ว่าบ.นี้มีปัญหา หรือไม่มียังไง ทำไมบางบ.ดูเหมือนใหญ่มีการส่งออกอะไรเยอะ เเต่กลับเปิดรับพนักงานจำนวนมาก
หรือบ.เล็กเเต่รับพนักงานเยอะ
>>795 แม่งแปลกๆตั้งแต่ต้นปีแล้วเพื่อนกูทำอะไรก็ผิด ทำอะไรโดนแก้ โดนจี้ตลอด กูก็ปลอบๆมัน ให้มันทนๆเดี๋ยวแม่งก็กลับประเทศแล้ว จนมาเมื่อเดือนที่แล้ว หัวหน้าแม่งทำงานพลาดแล้วทำหลักฐานปลอมว่าเพื่อนกูส่งข้อมูลให้ผิด กูเลยส่งเมลหลังไมค์ไปอธิบายว่าแม่งทำข้อมูลปลอมนะ เข้าไปดูในระบบได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น นายแม่งก็ทำโง่ๆงงเปลี่ยนเรื่อง กูเลยเตือนเพื่อนกูให้ทำตัวดีๆ เขาน่าจะเข้าข้างกันแต่เพื่อนกูก็ยังโดนเรื่อยๆ
จนล่าสุดเพื่อนกูทนไม่ไหวยื่นออกแล้ว นึกไงไม่รู้ไปแอบค้นเมลมัน เจอหมดเลย แม่งจี้นายตั้งแต่ต้นปีให้หาทางเขี่ยเพื่อนกูออก ทั้งย้ายที่ ทั้งย้ายแผนก จนถึงไล่ออก กูมีที่มันคุยกับเพื่อนมันว่าเพื่อนกูน่าจะใกล้ออกแล้ว ดีใจอิอิ
พอเหห็นขนาดนี้กูก็ไม่เอาแล้วเหมือนกัน แม่งเน่าเฟะ แต่อยากแฉก่อนไปมาก ที่คิดไว้คือ
วางใบลา แนบเอกสารทั้งหมด(มีที่มันด่านายด้วย)แล้วเขียนแปลให้นายอ่าน แล้วก็เมลฟ้องบริษํทแม่ อันนี้ทำแน่ๆ
กับอีกอันส่งเมลแจ้งลาออก แล้วแนบทุกอย่าง ให้คนในกรุ๊ป รวมลูกค้า(มันด่าลูกค้าด้วย)
อันแรกเนี่ยกูรู้สึกว่าควรทำ ให้แม่งรู้ความประพฤติ แต่อันสองกูไม่ค่อยมั่นใจว่ะ ถ้าเอาไปบอกลูกค้าแม่งจะหนักไปไหม คือเขาก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย แต่หัวหน้ากูเนี่ยจ้องรอเสียบลูกค้ากูกับลูกค้าเพื่อนกูอยู่แน่ๆ ถ้ากูกับเพื่อนออกมันน่าจะเอาไปทำเอง อยากให้เขารับรู้ความเหี้ยของมันด้วยว่ะ(แต่มันก็กูๆมึงๆกับลูกค้าทั้งต่อหน้าและลับหลังอยู่แล้ว)
กูโม่งที่มีคนในออฟฟิศลุกขึ้นมาด่ากันที่เคยเล่าไป เผื่อเมิงจำได้กัน 555
เข้าใจว่าแค้น ถ้ามึงยังรักงาน และสายงานที่ทำอยู่ก็อย่าเอาคอไปขึ้นเขียงเล่นมันไม่คุ้ม คนในตน.ใหญ่มักจะได้รับความน่าเชื่อถือกว่า ไม่ว่ามันจะเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม
ปรึกษาโม่งที่สอนงานหน่อย คือกูอ่ะบอกตรงๆว่ากลัวคนสอนงานมากกูเป็นพนักงานใหม่ของที่นี่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ แต่คือเขาดุมากเว้ยทุกๆอย่างบุคลิกว่าง่ายๆคือกูกลัว เข้าใจคนกลัวมั้ยจะไม่กล้าถาม พอโดนสั่งงาน.... สมองกูไม่ประมวลผลตอนนั้นๆต้องถามซ้ำแบบทวนเฉยๆอ่ะ แกก็แบบถอนหายใจยาวๆแต่ก็บอกซ้ำำ แกบอกว่ากูอะสมาธิสั้นหรือเปล่า กูไม่แน่ใจแต่ที่แน่ๆกูกลัวเลยเป็นแบบนั้นกูมั่นใจ
แกเก่งนะแต่แกดุ ควรปรับตัวไงดีวะ แต่กูคิดตลอดนะถ้าทำตามคำสั่งแกเรียนรู้งานจากแกจะเก่ง แต่ตอนี้กูทั้งกลัว ทั้งเกร็ง เครียดๆ
ใจเย็นๆ
>>799 วิธีเรียนงานกับคนนิสัยแบบนี้ต้องใช้ความอดทนเข้าสู้ อย่ากลัวที่จะถาม โดนรำคาญนิดหน่อยอย่าท้อ ตั้งใจให้มาก ที่สำคัญอย่าเผลอไปด่าสวนเด็ดขาด ไม่งั้นชีวิตงานที่มึงอาจจบได้ง่ายๆ พอมึงเป็นงานแล้วเดี๋ยวอย่างอื่นมันก็ดีขึ้นตามเอง
ส่วนอีกวิธีก็ด่าควยแล้วลาออกแม่ง
ปรึกษาโม่งหน่อย ตั้งแต่เรียนจบชีวิตกูสะดุดมาก ป่วยไปครึ่งปีกว่าอาการจะเซา ที่นี้พอกูเริ่มสมัครงาน โดนเรียกสัมภาษณ์เป็นสิบๆ ก็ไม่ได้สักที่ จนเรียนจบครบปีแล้วคราวนี้ถึงได้บริษัททำงาน 6 วัน แถมกดเงินเดือนเพราะกูไม่มีประสบการณ์ต้องผ่านโปรถึงจะได้ตามที่คาดหวัง คืองี้ถ้ากูอยากทำแค่สองเดือนไม่ครบโปรแล้วลาออกหางานใหม่จะหน้าเกลียดไหม ถือว่าเอาประสบการณ์ เพราะกูอยากได้ที่ทำงานแค่ 5 วัน กูมีแพลนเรียนต่อเดือนสิงหา แต่ประสบการณ์ทำงานสองเดือนใส่เรซูเม่ก็น่าเกลียดปะ
>>805 จะไปเรียนต่อสิงหานี้แล้วจะหางานทำไมวะ เท่าที่อ่านๆ ดูไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องเงินเลย ออกแนวทำงานแก้ว่างเฉยๆ ถ้าเข้าไปแล้วจะให้ดีมึงควรทำจนสิงหาแล้วค่อยออก เหตุผลก็คือไปเรียนต่อ ไม่มีใครรั้งมึงไว้หรอก แพลนสิงหามึงนั่นแหละแน่นอนแค่ไหน ถ้ามึงจะทำสองเดือน ทำที่ใหม่สองเดือน แล้วไปเรียนต่อ มึงกลับไปนอนบ้านเหอะ มาทำเล่นๆ เสียเวลาทำงานคนอื่นจะมาเอามึงเข้าเอามีงออก ปล.ถ้าไม่ผ่านโปรมึงอย่านับเป็นประสบการณ์ทำงานเลย อายเปล่าๆ
เรซูเม่ถ้าทำงานไม่ถึงผ่านโปรแล้วลาออกถ้าไม่มีเหตุผลที่ดีพอไม่ควรใส่ทุกกรณี อย่างเหตุผลลาออกเพราะไม่อยากทำงานวันเสาร์นี่เก็บไว้ให้ไกล มึงจะโดนมองว่าเป็นคนไม่มีความอดทน ขี้เกียจ
ถ้าพึ่งเริ่มทำงานไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่ใช่ที่แรกเค้าเห็นแก๊ปเวลาทำงานสามสี่เดือนนี่เค้าเจาะมึงแน่ เตรียมคำตอบให้สวยๆละกัน
โม่ง กูขอปรึกษาที กูเป็นหัวหน้าทีมมือใหม่ ที่ไม่ใช่เมเนเจอร์ แต่ตำแหน่งลีดเดอร์ที่หันหน้าแผนกบอกให้กูเป็นก็เสือกไม่มีตำแหน่งนี้แบบอฟช.ในบ.อีก (สัสเอ้ย)
กูขอคำปรึกษาทีว่ากูจะเชียร์อัพคนในทีมที่อายุมากกว่าแต่กำลังจะไม่ผ่านโปรยังไงดีวะ
คือพี่แกก็ดูตั้งใจทำงานนะ ดูเค้าอยากช่วยทีม ให้ความร่วมมือในการทำงานตลอด แต่สไตลการทำงานของเค้าดูเหมือนจะจูนเข้ากับสไตลงานของบ.ไม่ได้ว่ะ คืองานที่เค้าทำออกมาเค้าบอกว่าตั้งใจทำนะไม่ได้ขี้เกียจ แต่เสือกออกมาไม่สวย(ตรงนี้กูก็ผิดเอ'ที่กูไม่ได้ถามพี่เค้าว่าทำไมไม่ส่งงานให้กูก่อนที่จะปล่อยให้คนในแผนกดู)
แล้วก่อนหน้านี้เหมือนเค้าจะมีปากเสียงกับอีกคนที่อยู่ในแผนกเรื่องการทำงาน เลยกลายเป็นว่าโดนคนนอกทีมตั้งแง่ใส่
ลามไปถึงหัวหน้ามาก็ชอบถามกูตลอดเลยว่าจะเก็บเค้าไว้อยู่จริงๆเหรอ
พอกูไปถามพี่เค้าว่าไปทะเลาะอะไรกัน เค้าก็บอกว่าเค้าไม่คิดว่านั้นคือการทะเลาะ จบเรื่องคุยตรงนั้นแล้วเค้าก็จบ ไม่คิดเอามาแค้นต่อ
แล้วตอนนี้พี่เค้าคือกำลังอยู๋ในสภาพเฟลที่ตัวเองกำลังโดนบีบจากทางหัวหน้าแผนกและกำลังจะไม่ผ่านโปร(แต่กูก็ไปขอให้เค้าให้โอกาศยืดพิจารณาแล้วนะ) กูควรเชียร์พี่เค้ายังไงให้สู้ ให้ทำผลงานให้พวกหัวหน้ากับคนอื่นเห็นดีวะ พอบอกว่าให้สู็หน่อย เค้าก็บอกว่าเค้าสู้และจะทำเต็มที่ แต่ก็คงทำได้แค่นั้น เจออาการงี้ไปกูดันเค้าต่อไม่ถูกเลยว่ะ ก็ไม่อยากให้ความหวัง แต่ก็ไม่อยากให้ต้องออกไปเพราะเรื่องไม่แฟร์แบบนี้อ่ะมึง
คือพี่เค้าตั้งใจทำงานอ่ะ แต่งานเสือกทำออกมาไม่สวยจนโดนคนอื่นด่าลับหลังว่าทำงานโครตขี้เกียจ(แต่งานตัวนี้มันเป็นงานที่ทำต่อจากคนอื่นอีกทีอ่ะ) และกูก็โพรเทคพี่เค้าได้แค่ว่าให้พี่เค้าได้โอกาศจับงานจริงจังหน่อย
ตอนนี้กูเหนื๊อยยยเหนื่อยยย คนในทีมก็ต้องโพรเทค ส่วนคนนอกทีมแถมเป็นตัวใหญ่ๆก็เสือกไปตั้งแง่กับเค้าเพราะลูกน้องตัวเองไปฟ้องว่าทะเลาะกันเงี้ย
ถ้าหัวหน้ามึงเองตั้งแง่ไปด้วยแล้วนี่ยากวะ ไม่มีกะลาคุ้มหัว เต็มที่ก็ขอต่อโปรยืดชีวิตแล้วให้โอกาสแกทำงานสวยๆให้คนอื่นๆยอมรับสักครั้งก็อาจจะพลิกเกมได้อยู่
แต่จาก ปสก. โดยธรรมชาติแล้ว ถ้าคนไหนอคติไปแล้วมีโอกาสน้อยที่จะยอมเปลี่ยนทัศนคติกับคนนั้นๆ อันที่จริงคนแบบนั้นหายากนะเถียงกันแล้วจบตรงนั้นไม่คิดอะไรต่อ แต่อีกฝั่งเขาไม่ได้คิดงั้นด้วยไง บอกพี่คนนั้นให้เตรียมมองๆงานใหม่ไว้เลยอาจจะดีกว่าจะได้ไม่ต้องไปเดินเตะฝุ่นนาน
กูขยันทำงานชิบหาย แต่หัวหน้าก็ยังไม่เห็นแวว ไม่ได้ฉายแสงโชว์ความสามารถซะที แล้วแม่งคงเป็นแบบนี้ไปอีกนาน เสียใจเว้ย
กูอยากรู้ว่าโม่งในนี้ทำอาชีพไรกันบ้างวะ มีพวกหมอ วิศวะบ้างไหม
Automation Programmer & Engineer ต๊อกต๋อย
>>814 "ขยัน"ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุดในการทำงานว่ะ สิ่งสำคัญคือมึงทำงานได้ถูกใจหัวหน้ามึงหรือเปล่าต่างหาก
การที่เค้าไม่เห็นแวว นั่นก็ชัดเจนแล้วว่ามึงยังทำงานออกมาได้ไม่ถูกใจเค้า
ถูกใจกับถูกต้องมันไม่เหมือนกันนะเว้ย ทำงานถูกต้องแล้วมันต้องถูกใจผู้ใหญ่ด้วยถึงจะเจริญในหน้าที่การงาน
มึงลองสังเกตงานของคนอื่นที่หัวหน้ามึงมักจะชมอ่ะว่าเค้าทำยังไง แล้วมึงลองทำแบบนั้นดูบ้าง ถ้าหัวหน้ามึงเปลี่ยนมาชมมึงแปลว่ามึงมาถูกทางแล้ว
ในสายงานเดียวกัน คนที่จบ ป.โท ควรได้เงินเดือนมากกว่าคนที่จบ ป.ตรี กี่บาท มองในแง่จองวุฒิการศึกษาอย่างเดียวนะ สมมติให้ปสก.ทำงานจริงเท่ากัน
>>819 ขึ้นอยู่กับตำแหน่งเป็นหลัก ค่าวุฒิ ค่าภาษา นี่หลายๆที่ก็ไม่มีให้นะ ตรี โท ทำงานตำแหน่งเดียวกันก็เงินเท่ากันตามโครงสร้างบริษัท ข้อดีจบโท นี่คือลงสมัครตน. แหน่งที่รับโทเท่านั้นได้พวก fast track ไรงี้ เพื่อนร่วมงานกูทำงานไปเรียนไปด้วย ตอนนี้จบโท แล้วไงก็เหมือนเดิม ทำงานตำแหน่งเดิม เงินเท่าเดิม ยกเว้นจะหนีไปสมัครงานที่ใหม่
>>810 1. โม่ง อันนี้กูถามนอกประเด็นเรื่องถ้าบอกว่าลาออกเพราะทำงานวันเสาร์แล้วดูขี้เกียจนะกูเข้าใจที่มึงสื่อเพราะมันจริงแต่คนคงไม่ชอบ กูอยากรู้ว่ากลับกันมีบริษัทเรียกไปสัม แล้วกูถามว่าทำงานวันเสาร์หรือเปล่า อันนี้ดูน่าเกียจไหมวะ จริงๆกูอยากได้งานทีทำ 5 วันแหละเลยถามแม่งเกือบทุกที่โทรมาเลย พอมาเจอประเด็นนี้ กูเลยสงสัยว่ะว่า Hr เขาจะมองแบบเดียวกันไหม ยังไม่ได้งานถามหาวันหยุดดูไม่สู้งานเงี้ย
>>818 กูคิดว่าเค้าไม่เลือกกูเป็นเพราะเค้ายังไม่เห็นความสามารถของกูที่เค้าต้องการด้วย แต่กูก็ไม่เคยมีโอกาสโชว์ความสามารถตรงนั้นเลย
แต่ถึงอย่างนั้นกูก็พยายามในด้านอื่นๆ พยายามมากๆเลยนะ ตอนนี้แม่งเฟลหนักมากจนไม่อยากทำงานแล้ว เหมือนผลของความพยายามไม่เคยตอบแทนกูเลย แล้วกูก็เป็นได้แค่รองคนอื่น แล้วคนที่เค้าเลือกแม่งก็เก่ง แล้วแม่งก็คงจะเก่งขึ้นอีกหลังจากเรื่องนี้จนกูคงไม่มีโอกาสฉายแสงได้แล้วว่ะ เฟล สัส
จริงๆมันก็เป็นสิทธ์ของเรานะ เเต่เรื่องเเบบนี้ควรจะถามตอนมึงไปสัมภาษณ์งานเสร็จเเล้ว หรืออ่านรายละเอียดให้ดีก่อน ไม่ใช่มีHRเอาเบอร์มึงมาจากเว็บสมัครงานโทรมาปุ๊ปมึงถามว่า "ทำงาน5วันปะคับพี่" HRก็คงจะมองลบๆกับมึงละ มึงควรจะมีศิลปะการถามหน่อยเช่น โทรมาเเล้วมาจากบ.ไหน ทำงานตำเเหน่งอะไร คุยไปเรื่อยๆ ผมขอข้อมูลเพิ่มเติมของบริษัทได้ไหม ส่งมาให้ผมทางเมล์ อะไรเเบบนี้เเล้วจะคอนเฟิร์มครับ เเบบนี้ยังฟังดูโอเคกว่า
เเล้วข้อสังเกตง่ายๆบ.ส่วนใหญ่ (ไม่ทุกบ.) ส่วนมากจะเขียนว่าทำงาน5วันในสวัสดิการด้วยซ้ำ หรือไม่ก็วันเวลาทำการของบริษัท
บ.ไหนไม่มีมึงก็ตีไปเลย เเม่งทำงาน6วันเเน่ๆละ ไม่ต้องถามด้วยซ้ำ
>>828 กู 825 นะ ขอบใจมึงมากเพื่อนโม่ง เออก็จริงอย่างที่มึงพูด ก่อนหน้านี้กูเอาสบายใจกูในการถาม ถามแบบเหมือนกูได้งานเเล้ว ทั้งที่แค่เรียกสัมภาษณ์ เพราะสายงานกูมันแบบเฉพาะ หลักๆกูถามเบสิค ก็พวกบริษัทไหน ทำธุรกิจอะไร จำนวนคน สายงานขึ้นตรงเงี้ย เขาก็พอมองออกละว่ากูกังวลเรื่องอะไรถ้าไปทำงานที่นั่นจริงๆ แต่แบบมันก็ลำบากใจอ่ะเพราะที่กูถามมันคือสิ่งที่กูกังวลจริงๆ
หลายครั้งรู้สึกพลาดมาก เพราะตอบตกลงไปสัมเเล้วก็ต้องมาแคนเซิลหลังดูรายละเอียดเเล้วไม่ใช่ทาง วิธีมึงทำให้กูสติมาก็จริง แต่สายงานกูแม่งชอบหาคนแบบเร่ง โทรเรียกวันนั้นขอคอนเฟิร์มทันที ถามว่าสนใจไหมกูสนใจแต่นัดวันสัมเลย กูจะมีเวลาหาข้อมูลก่อนเลือกไหมเนี่ย เลยถามไอ้คำถามที่แสนจะทำให้เขามองลบๆทั้งนั้น หลังจากนี้คงเอาแบบมึงบ้างส่งเมล์ก่อนคอนเฟิร์ม
อันที่จริงกูเคยเจอประเภทคุยจะตกลงไปสัมภาษณ์เเล้วนะ พอขอรายละเอียดทางเมล์ เกรี้ยวกราดใส่กูเฉย อารมณ์ประมาณทำไมต้องส่งเมล์ก็คอนเฟิร์มโทรได้ แล้วต้องการอะไรอีก เลยคิดว่าพวกส่งเมล์ให้ก่อนเนี่ยคือพวกที่ต้องตกลงแน่ใจว่าจะไปสัมภาษณ์แล้วเเน่นอนว่ะ
>>825 ไม่อันนี้เรื่องปกติ ก่อนเข้าทำงาน ถามเรื่องสภาพสภาพแวดล้อมการทำงาน เว้นแต่เขาระบุไว้แล้วนะตอนที่ใบสมัครงาน(ส่วนใหญ่ลงเกือบทุกที) มึงเจ๋อไปถามอีกก็ไม่สมควร ถ้าที่ไหนไม่บอก อยากรู้ก็ใช้คำที่เลี่ยงไปเช่น ที่นี่ทำวันเสาร์ด้วยใช่ไหมครับ? เป็นการถามเพื่อการ confirm ไม่มีผลเสีย แต่ไม่ใช่เขาโทรมาชวนไปสัม มึงยิงแสกหน้าก่อนเลยทำวันเสาร์ไหมที่นี่ ถ้าทำไม่คุยต่อ ก็ไม่ใช่ละ คุยรายละเอียดงานไปก่อน แล้วค่อยๆถามถ้าไม่อยากทำก็ปฏิเสธไป
อย่างกูถ้าที่ไปสัมถิ่นที่มันกันดารหน่อย ไม่ใช่ในตัวเมือง กูถามตลอด ตอนกลางวันแดกข้าวที่ไหน มีร้านข้าวป่าว เพราะกูไม่ชอบห่อข้าวมากินเอง
>>829 มึงเปลี่ยนคำถามนิดเดียวก็ไม่ดูน่าเกลียดแล้ว แทนที่จะถามว่าทำงานกี่วันหรือทำงานวันเสาร์หรือเปล่า ให้ถามว่า "ขอทราบเวลาทำงานปกติของบริษัทด้วย" แค่นี้ก็ไม่น่าเกลียดแล้ว
เทคนิคการถามแบบมีชั้นเชิงคือเวลาถามอะไรให้ถามแบบปลายเปิด แล้วให้ฝ่ายตรงข้ามตอบออกมาเอง จำไปใช้ได้กับทุกงาน
ปกติจะเซ็นสัญญาเข้าทำงานก่อนเริ่มงาน วันแรกของการทำงาน หรือหลังจากเริ่มงานไปแล้ววะ คือ hr ตอบตกลงปากเปล่ากับกูแล้ว ดีลเรื่องเงินเดือนกันแล้ว แต่กูต้องไปเช่าคอนโดอยู่ กลัวสุดท้ายแม่งเบี้ยวละกูจะลำบากเรื่องสัญญาคอนโดอีก
ขอบใจมากโม่ง แต่คำถามของกูคือ ปกติ บ. จะนัดมาเซ็นสัญญาก่อนเริ่มงาน หรือเซ็นสัญญาในวันเริ่มงานเลยวะ
>>813 กู >>812 เองนะ หัวหน้ากูอนุญาติให้ยืดโปรแล้วแหละ แต่ก็ยืดอายุให้พี่เค้าอีกเดือนนึง พี่เค้าก็มาถามกูนะว่ากูอยากให้เค้าอยู่มั้ย กูอ่ะอยากให้เค้าอยู่เพราะเค้าไม่มีปัญหากับใครในทีม อยากให้เค้าปรับตัวกับพิสูจน์ตัวเองหน่อย
แต่มันติดเรื่องเดียวเรื่องผลงานเค้าอ่ะแหละมึง คืองานที่ทำออกมามันไม่สวยจริงๆ(ใช้เวลาเกือบ3วันทำงานตัดต่อ แต่ทำมาแค่กราฟฟิคเปิดไตเติ้ลและเอนเครดิทอ่ะ วิดิโอตรงกลางคือไฟล์ดิบๆไม่แม้แต่จะแก้สีด้วยซ้ำงี้) ตอนนี้กูต้องคอยกำกับกับสั่งแก้ให้ทุกครั้งจนกูไม่มีเวลาทำงานของตัวเอง ถ้ากูได้ตำแหน่งเมเนเจอร์คอยคุมงานอย่างเดียวกูจะไม่ว่าเลย แต่กูเป็นแค่ซีเนียร์อ่ะตอนนี้งานในมือกูก็มี แล้วก็ต้องมาคอยเช็คงานพี่เค้าตลอดอีกเพื่อให้ถูกใจหัวหน้ากับคนนอกทีมที่คอยกัดเค้าอ่ะ เหนื้อยเหนื่อย (ไอ้พี่นอกทีมที่ทะเลาะกับเค้าถึงกับแซวกูว่ากูแบกทีมจนหลังแทบแอ่นแล้วก็มี)
หรือเพราะเค้าทำพวกฟรีแลนซ์กับโปรดัคชั่นใหญ่มาตลอด พอมาเจองานบ.ที่มีแค่ทีมเล็กๆแล้วต้องด้นสด คิดเอาเองเหมือนทำVlogแล้วพี่แกทำไม่เป็นวะ?
อีกอย่างคือมันกำลังมีเด็กใหม่สมัครเข้ามากลางเดือนด้วย กูกลัวว่าเด็กมันจะกดดันกับตกใจที่เข้ามาแล้วเจอคนไม่ผ่านโปรจนต้องออกอ่ะมึง
ออกมอไซจะถูกกว่าค่าเดินทางเยอะปะวะ ปกติไป-กลับก็ไม่ถึงร้อยหรอก แต่ด้วยความอยากได้ ฮรืออ
ถ้ามีอาการเครียดจนกินข้าวไม่ลง กินอะไรก็ไม่รู้รส ต้องไปพบจิตแพทย์เพื่อรักษาอาการเครียดและโดนวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าในระยะเริ่มต้น สาเหตุความเครียดก็มาจากงานและเพื่อนร่วมงานนี่ล่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้ควรลาออกจากงานมั้ยวะ แต่ยังไม่มีงานรองรับแล้วก็เงินเก็บมีไม่มากเท่าไหร่นี่สิ กูรู้ตัวเลยว่าถ้าอยู่ที่นี่ต่อไปคงเป็นโรคประสาทแน่ๆ เอาไงกับชีวิตดี
>>841 ลองปรึกษาหัวหน้ารือHRมั้ยว่าถ้ายังไม่อยากออก ขอเงื่อนไขเป็นWork from Home หรือเข้างานแบบพาร์ทไทม์หน่อย ไม่ก็บอกไปเลยว่าขอหยุดพักรักษาตัว (แต่กรณีหลังเหมือนจะได้แค่ระดับหัวหน้า)
แต่เอาจริงๆกูแนะนำว่าถ้ามึงมีอาการมึงต้องพัก อย่าฝืน เพื่อนกูประสาทไปแล้วหนึ่งคนเพราะไม่ยอมหยุด
หัวหน้าเก่าก็กลายเป็นโรคเครียดจนมีลูกไม่ได้ไปแล้วอีกหนึ่ง
>>841 กูเคยมีลูกน้องกากที่นายกูโอ๋แม่งนักหนา กูเครียดกินข้าวไม่ลงเพราะจะเอาแม่งออกก็ไม่ได้ กลับกันคนที่โดนบีบออกกลายเป็นกู กูเครียดมากอยากลาออกอยู่ทุกวันตลอด 2 เดือน ... จนกระทั่งไอ้กากนี่แม่งแสดงความกากให้ทุกคนใน บ. ได้ประจักษ์ บวกกับด้วยความที่แม่งพฤติกรรมก็ไม่ดี แม่งเลยโดนนายกูเล่นจนออกไปแล้ว
โทษทีนะกูช่วยอะไรมึงไม่ได้ว่ะได้แค่มาเล่าเรื่องของกู .. และก็ช่วงที่กูเครียดหนักๆ 2 เดือนนั่นน่ะกูแดกเหล้า + ดูดหรี่หนักมาก กูอยากบอกว่าถ้ามึงยังทนไหวลองทนไปก่อนได้ไหม หาวิธีคลายเครียดที่ได้ผลกับมึง และถ้ามึงโชคดีมึงอาจจะกลับมามีความสุขในการทำงานแบบกูก็ได้
แต่ถ้าอาการมึงหนักเกินเยียวยาจริงๆ อันนี้อยากจะลาออกก็ดีเหมือนกันว่ะ
ควรเตือนเพื่อนร่วมงานที่ดันไปด่าทีมที่คอยช่วยเมเนจงานถ่ายรูปให้ว่าไม่มีความโปรเฟสชันเนล แต่ตัวเองเสือกทำงานถ่ายรูปออกมาได้แย่กว่าเด็กพึ่งจบยังไงดีวะ
กูละคันปากยิบๆอยากถามว่าว่าถ่ายรูปอีเวนท์ห่าอะไรถ่ายมาแต่รูปคนเต็มตัวแทบทุกรูปแล้วต้องไปนั่งครอปออกเพื่อทำรูปครึ่งเนี่ย
>>845 คิดๆอยู่เหมือนกันว่าพี่เค้าคงไม่เหมาะกับทำงานพวกบริษัท ควรไปอยู๋ตามโปรดักชั่นเฮาส์ที่แจกจ่ายงานทำกันตามหน้าที่มากกว่า แต่เจ้าตัวแม่งก็แสดงออกชัดเจนว่าอยากทำงานบ.เพราะสวัสดิการกับความมั่นคงมันดูได้ดีและเยอะกว่าว่ะ กูได้แต่ภาวนาให้พี่เค้าปรับตัวได้และทำผลงานดีๆออกมาให้เจ้านายเห็นซักทีเถอะ
>>847 กูไม่คิดงั้นว่ะ ยิ่งโปรดักชั่นเล็กยิ่งต้องทำได้หลากหลายไม่ใช่หรอวะ ไอ้แบบที่จะทำแต่ไตเติ้ลและเอนด์เครดิตมันก็จะเอาแต่ใจไปหน่อยนะ พวกเนื้อข้างในเนี่ยพี่แกได้รับคอมเม้นท์มั้ย คอมเม้นท์ไปแล้วแก้ไขหรือเปล่า เท่าที่อ่านๆ มากูว่าปัญหามันก็อยู่ที่ตัวเขาทั้งหมดและมึงแบกเขาอยู่จริงๆ นั่นแหละ
>>850 โดนพวกผู้ใหญ่คอมเมนท์ผ่านกูมาว่าไม่มีวิธีทำให้ดีกว่านี้แล้วเหรอ? บอสกูก็ถามอ่ะว่าถึงLongtakeมันจะแก้ยาก แต่ก็น่าจะมีวิธีทำให้มันสวยนะ
กูเลยได้แต่หัวเราะแห้งขอโทษผู้ใหญ่ไปว่ากูผิดที่ไม่ได้ตรวจงานพี่เค้าเอง (แม้ว่าจริงๆแล้วพี่เค้าตัดเสร็จก็ส่งงานเลย ไม่ได้ส่งให้กูดูกับพรูฟก่อนอ่ะ)
พอกูไปถามพี่เค้าว่ามีไอเดียแก้อะไรมั้ยอยากรู้ไอเดีย ก็บอกกูมาว่าก็ไม่มีสตอรี่บอร์ดมาให้เค้าอ่ะเลยทำอะไรเพิ่มให้ไม่ได้ (แต่พี่มีโปรไฟล์ทำงานกองถ่ายมาหลายปี)
ซึ่งไอ้เรื่องไม่มีบอร์ดอ่ะมันเป็นเรื่องปกติของบ.กูที่จะถ่ายวิดิโอมาแบบด้นสดไว้ก่อนเหมือนVlogอ่ะ (คือให้คนพูดพูดไปตามสคริปอ่ะแหละ แต่จะตัดตรงไหนบ้างอันนี้กูก็เอามาคิดกันเอง)
เออกูคงแบกพี่เค้าอยู่จริงๆ หวังว่าโอกาศที่กูขอให้เค้าไปตอนนี้เค้าจะคว้ามันไว้และทำสุดความสามารถละกัน ถ้ายังไม่ได้อีกประเมินครั้งหน้ากูคงต้องทำใจดำแล้วว่ะฮือออ
>>766 กูมาตอบเอง แม่นนะเรา
>>781 ทริคกูนะ ไปสัมฯเถอะแล้วเข้าห้องน้ำ ที่ทำงานดีไม่ดีกูวัดที่ห้องน้ำ
ถึงมึงจะไม่อยากได้งานนั้น ก็เป็นการฝึกสัมฯไปในตัว
>>809 มันไม่เรียกว่าประสบการณ์เลย อย่างน้อยๆ6เดือน สวยๆต้องปีนึง+อะ กัดฟันทำไปถ้ามันได้อะไรติดพอร์ท
>>813 +1 บอกเค้าตรงๆไม่ได้หรอวะ +ให้เค้าเรียมหางานใหม่ด้วยเลย กูเคยโดนตั้งแง่ แต่กัดฟันจะทนต่อสุดท้ายไม่รอดโดนบีบ หางานใหม่เถอะ แล้วเชียร์อัพร้อยครั้ง ก็ไม่เท่ากับคำว่าเดี๋ยวไม่ผ่านโปรครั้งเดียว
>>841 ทำไมไม่หางานใหม่
>>844 +++ ออกแบบไม่มีงาน เครียดกว่าเดิมแน่
>>847 มึงไม่บอกเค้าตรงๆละจะมาภาวนาอะไร เป็นไปไม่ได้หรอก รีบบอกให้เค้าหางานใหม่รอได้ละ เดี๋ยวหาไม่ทัน เค้าก็จะเกลียดมึง
สงสัยว่าถ้าเป็น outsource โดยสถานะเป็นลูกจ้างบริษัท A แต่ไปประจำไซต์ลูกค้าที่บริษัท B
แล้ววันๆเราก็ไม่มีปฎิสัมพันธ์อะไรกับบริษัท A เลยนอกจากเค้าโอนเงินเดือนให้เราตอนสิ้นเดือน
แบบนี้เวลาเขียน resume ว่ามีประสบการณ์ทำงานที่นี่ต้องเขียนยังไงดี
ใครเป็นโปรแกรมเมอร์บ้างครับ ใช้ภาษาไรกันบ้างตอนนี้
มีใครรู้สึกว่าผู้ใหญ่ในออฟฟิซนี่ไว้ใจใครไม่ได้ซักคนเลยบ้างมั้ยวะ
มีปัญหาอะไรก็ไม่รู้จะพูดกับใคร ได้แต่บ่นๆกับเพื่อนด้วยกัน
25แล้วชีวิตยังไม่เข้าร่องเข้ารอยเลยว่ะ ต้องไปเรียนต่อย้ายสาย หาโอกาศเล็กๆจากช่องทางต่างๆ ที่เค้าเปิดให้
อยากมั่นคงให้แม่กูไม่ต้องห่วงกูซักที
บางทีก็ก็ชอบเสียดายอดีต อยากรีเซ็ตใหม่ตั้งแต่เด็ก แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ทำปจบ.กับอนาคตให้ไม่แย่ก็พอ รู้สึกโชคร้ายจัง
>>856 อย่าคิดมากไปเลย มึงไม่รู้สึกอยู่คนเดียว กูว่าโม่งวัยทำงานเจอปัญหานี้กันหมด ไว้ใจไม่ได้ไม่เท่าไร มึงไม่เจอพวกหักขาเกาอี้ แทงข้างหลังก็ดีแล้ว นี่ไม่นับพรรดการเมือง สงครามเย็น สงครามทรอยด์ อีเหี้ยกูรู้สึกเจ็บหัว อยากลาออกทุกวัน เรื่องแบบนี้ไม่เข้าไปยุ่ง สุดท้ายแม่งก็วนมายุ่งอยู่ดี ดีที่สุดคืออยู่คนเดียว อีดอก
เบื่อเพื่อนร่วมงานเหี้ยๆที่ออฟฟิศวะ ยิ่งกูเงียบๆยิ่งเอาใหญ่ เบื่อจนไม่อยากมาทำงานละเนี่ย หรือกูควรหางานใหม่ดีวะ
เบื่อพวกชอบแปลงสารในที่ทำงานกูว่ะ
กูพูดอย่างแม่งเอาไปพูดกับคนอื่นเป็นอีกอย่างจนงานแม่งมั่วไปหมด
แล้วไอ้คนก่อเรื่องแม่งก็ไม่เคยแก้ปัญหาและไม่เคยปรับปรุงตัว
ถามไรหน่อยว่ะ ปกติเวลาพวกมึงจะสมัครงานนี่ดูพวกผลประกอบการบริษัทปะ
บางบ.พอลองเข้าไปดูเเม่งขาดทุนยับเลย ต่อให้ไปลองสัมเข้าทำงานมันดูสภาพไม่ค่อยจะดีเท่าไร
หรือพวกมึงไม่ดูกันวะ ไปทำ บ.ให้เงิน จบwinwin
>>862 กูดูตลอด นี่จะย้ายงานมาสามปีแล้วยังไม่ได้ย้ายเลย
บริษัทที่กูทำอยู่นี่ก่อนหน้าคือกำไรมาตลอด พอกูเข้ามาขาดทุนร้อยล้าน ไปขอคืนภาษี สรรพากรเข้าทุก3เดือน 6เดือน โดนออดิดก็หนัก บัญชีกูหมกเม็ดมาก ปัญหามีตลอด ประธานจะให้ลงอย่างนึง บัญชีบอกไม่ได้เดี๋ยวติดคุก
โบนัสก็ได้เท่าเดิมนะ ขึ้นไม่ได้เพราะขาดทุน สรรพากรก็ถาม ขาดทุนแล้วทำไมได้โบนัส ก็ตอบไม่ได้อึกอักกันไป
ถ้าคิดว่าได้เงินก็ทำๆไปก็ถูก เพราะมันไม่เจ๊งหรอก เดี๋ยวมันก็กู้นู่นนี่มาโปะ ยิ่งบริษัทญี่ปุ่นไม่ได้เจ๊งกันง่ายๆ ถือว่าเข้าไปหาประสบการณ์มีช่องทางดีๆก็ไปอย่าไปยึดติด
กูค่อนข้างเปิดกว้างเรื่องความหลากหลายทางนิสัยคนนะ แต่มีแบบนึงที่กูไม่ชอบเอามากๆๆๆ พวกพูดเยอะ พูดเยอะในที่นี้ไม่ใช่เจื้อยแจ้วสัพเพเหระนะ ชีวประวัติอะไร แต่มันเหมือนปากดีมากกว่าพูดมากอ่ะ เหน็บบ้าง ข้ามหัวบ้าง คือน้อยมากๆที่เหมือนจะพูดแบบใช้สมองกรั่นกรอง กูแม่งปวดหัวว่ะ จะรับมือกับคนประเภทนี้ยังไงดี บางครั้งกูไม่อยากคุยนะแต่แม่งก็แว้งมาชวนคุยแต่คำพูดแม่งไม่น่าฟังจริงๆว่ะ
>>862 ไม่ดูเลย กูเน้นดูเนื้องาน ระบบ สถานที่กับคน อะไรพวกนี้มากกว่า
แต่ถ้ามันชัดเจนมากว่าบริษัทอยู่ในสภาพร่อแร่จะเจ๊งอยู่รอมร่อก็คงเอามาเป็นปัจจัยตัดสินใจด้วย
งานปัจจุบันกูทำที่บริษัทแห่งนึง ซึ่งในบรรดาเจ้าใหญ่ๆของธุรกิจนี้นับว่าสภาพย่ำแย่ที่สุด ข่าวออกมาก็มีแต่ขาดทุนติดๆกัน
แต่กูเลือกที่นี่เพราะใกล้บ้าน เนื่องานน่าสนใจกว่า ระบบงานดูเป็นเรื่องเป็นราวกว่า คนโอเคกว่าเจ้าอื่น เท่าที่ไปสัมมา
พอเข้ามาข้างในก็เห็นว่าปัญหาใหญ่ที่ทำให้บริษัทันขาดทุนเป็นส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานกูเลย
แล้วเราก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรไปเปลี่ยนแปลงมันด้วย ถ้าผู้ใหญ่เค้าไม่มีปัญญาแก้ก็เป็นเรื่องของเค้า
แต่เวลาบอกคนอื่นว่าทำงานที่นี่ก็รู้สึกได้นะว่าเค้ามองเราไม่ค่อยดี เพราะภาพลักษณ์บริษัทในสายตาคนทั่วไปมันดูแย่
>>863 บริษัทที่กูเคยอยู่โบนัสเยอะมาตลอดจนกระทั่งกูเข้า 555
อีพวกอยู่มานานในที่ทำงานนี่สันดานส้นตีนเหมือนกันหมดปะวะ เล่นพรรคเล่นพวก ขี้นินทา ชอบกระแนะกระแหน เน็บแนม ขี้เสือก ชอบอวดฉลาด ก้าวก่ายงานคนอื่น คนละแผนกแท้ๆยังเสือกมาได้ กูก็อุตส่าห์อยู่ของกูเงียบๆ แต่พอเยอะๆเข้ากูก็ชักจะหมดความอดทนละเนี่ย อีเหี้ยเอ้ย
กูควรทำยังไงในสถาณการณ์นี้ดี หัวหน้าคนนึงมอบหมายงานให้กูทำ แต่หัวหน้าอีกคนนึงที่ไม่ใช่หัวหน้าโดยตรงดันเอางานอีกอย่างมาให้กูทำ ตอนนี้หัวหน้ากูแม่งโมโหพาลกับคนในแผนกไปหมดล่ะ
บอกกก่อนที่ทำงานกูคล้ายๆโฮมออฟฟิศ แต่ละคนได้รับงานแบบมั่วมาก นึกจะยัดงานแม่งก็ยัดเลย กูเบื่อ แต่มันดีตรงที่ใกล้บ้านนี่ล่ะ อ่อ กูอยู่ตจว.อ่ะนะ
เห็นปัญหา >>870 แล้วนึกถึงเรื่องของตัวเอง ขอระบายหน่อย อัดอั้นมานาน
กูเป็นหัวหน้าแผนกที่เคยเสียเด็กอนาคตไกลในทีมไปเพราะโดนหัวหน้าแผนกอื่นทำแบบนี้แหละ
แม่งแอบเอางานมายัดให้ลูกน้องกูทำแล้วกำชับว่าห้ามบอกใคร เด็กมันไม่อยากมีปัญหาก็เลยก้มหน้าก้มตาทำ
จน performance งานร่วงลงเหว กูก็เสือกไปด่าน้องมันอีกเพราะไม่รู้ น้องแม่งก็ปากแข็งไม่บอกใครจนกระทั่งทำไม่ไหวแล้วลาออกไป
กว่ากูจะรู้ความจริงจากเด็กอีกคนในทีมแม่งก็ผ่านไปอีกครึ่งปี โคตรโกรธความโง่ของตัวเอง
ไอ้หัวหน้าแผนกอื่นที่ก่อเรื่องแม่งก็ลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้เรื่อง แค้นแม่งฉิบหาย
กูขอโทษที่แนะนำอะไรมึงไม่ได้นะ 870 แต่ถ้ากูเป็นหัวหน้ามึง ไอ้หัวหน้าอีกแผนกแม่งเจอกูบวกยับแน่ ควย
>>871 ต้องสร้างวัฒนธรรมฝ่าย ให้ลูกน้องรายงานว่ามีงานอะไรอยู่ในมือบ้าง แล้วมึงเป็นหัวหน้าก็ต้องจัดการให้ดีด้วย
อย่างกูโดนงานนอกงานฝิ่นที่ฝ่ายอื่นฝากทำหรือขอให้ช่วยประจำ กูต้องบอกหัวหน้ากูหมดอ่ะ ไม่งั้นถ้าผลงานของฝ่ายกูดรอป ผลประเมินกูก็ตก ซวยกูอีก
นี่เดี๋ยวกูกำลังจะมีลูกน้องเป็นของตัวเอง ก็เริ่มบอกตัวเองแล้วว่าต้องเตรียมตัวให้ดีเหมือนกัน
รู้สึกเหมือนเป็นคนโง่เลยที่ขยัน รู้สึกว่าความพยายามของกูแม่งโครตน่าตลก พยสยามในงานที่คนไม่ค่อยเห็นความสำคัญ และสุดท้ายเพราะไม่สำคัญเลยถูกยุบมันก็จะแบบ โง่จังวะที่มาให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้
บ่อยจัด หัวหน้าฝ่ายอื่นเอางานมาให้ทำ บอกลูกน้องฝ่ายตัวเองเหนื่อย ทำงานเยอะ น่าสงสาร ช่วยๆกันหน่อย
ขนาดกูบอกงานกูก็เยอะ มีงานค้างอยู่ ยังยัดงานกู
ของมึงยังดี หัวหน้าปกป้องเป็นเดือนเป็นร้อน
ของกูนี่ แจ้งหัวหน้าแล้ว หัวหน้าเฉย ไม่กล้างัดกับอีกฝั่ง ปล่อยให้เขาจิกหัวใช้กูอยู่ร่ำไป ไอ้สัสสสสส
เบื่องาน อยากออก แต่ขี้เกียจหาที่ใหม่ ไปได้ที่ใหม่ก็ไม่รู้จะโชคดีได้งานชิวแถมใกล้บ้านแบบนี้อีกมั้ย
รู้สึกชีวิตอนาคตแม่งดำมืดจัง ได้แต่ทำงานเปื่อยๆเขี่ยๆให้จบไปวันๆ ไม่ได้มีความหวังความฝันอะไรเลย
หาความสุขได้แค่กับอะไรนิดๆหน่อยๆไร้สาระไปวันๆ
>>877 มึงผิดตั้งแต่บ่นว่าอยากออกจากงาน(อยากเปลี่ยนแปลง) แต่เสือกขี้เกียจลงมือทำละ ถ้าเอาแต่นั่งงอมืองอตีนบ่นอยู่แบบนี้ก็จมปลักต่อไปเหอะว่ะ
กูก็เคยเป็นเหมือนมึงนะ เบื่องานเหี้ยๆ แต่งานปัจจุบันมันเซฟโซนมากๆทำเขี่ยๆยังไงก็ผ่านแถมเงินเดือนสูงมาก จนกลัวว่าออกไปวัดดวงกับที่ใหม่แล้วจะไม่คุ้มกัน
แต่ถ้ากูเอาแต่นั่งบ่นไปวันๆ แม่งก็วนลูปไปเรื่อยๆหมดไฟไปเรื่อยๆ มีแต่เสียกับเสีย
ทางแก้ของกูคือพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองกับงานปัจจุบันนี่แหละ กูไม่หางานใหม่นะ แต่พยายามทำงานปัจจุบันให้ดีขึ้น หาอะไรใหม่ๆทำ มันก็มีไฟขึ้น หัวหน้าก็แฮปปี้ที่ลูกน้องแอคทีฟ ครีเอทอะไรใหม่ๆให้องค์กร
>>878 กูรู้แหละว่ามันไม่ถูกหรอก แต่สภาวะเศรษฐกิจแบบนี้กูไม่ค่อยกล้าเสี่ยง
แต่เปลี่ยนแปลงตัวเองทำอะไรครีเอทีฟกับงานที่ทำนี่เลิกหวังได้เลย อย่างมากก็คงศึกษาอะไรเองเพิ่มมากกว่า
หลังๆแนวทางองค์กรมันเปลี่ยน เค้าอยากได้คนประเภทสั่งอะไรก็ก้มหน้าก้มตาทำให้อย่างเดียว
แค่เถียงเค้าว่าที่เค้าวางแผนมาให้มันไม่ดียังไงยังโดนลากเข้าห้องประชุมไปด่าเลย
อันนี้ถามถูกมู้ไหมวะ คือกูอยากรู้ว่าถ้าคิดจะทำงานประจำไปตลอดไม่อยากทำธุรกิจส่วนตัว (ไม่ชอบความเสี่ยง)
คนธรรมดาๆนี่จะสามารถเอาเงินไปลงทุน หรือทำอะไรเเบบง่ายๆได้บ้างวะ สำหรับให้ตัวเองรอดตายตอนเกษียณ เพิ่งกำลังหัดมาศึกษาเรื่องนี้
ตอนหนี้หมด ถึงเวลาเก็บเงินของกูเเล้ว
ทำงานมา4ปีหัวหน้าตำแหน่งขึ้นมาสองขั้นแล้ว ลูกน้องในทีมไม่มีใครขึ้นสักคน เฮ้ออออออ
ไม่มั่นใจว่าถามถูกมู้ไหม คือจะหาบ้าน (เน้นบ้านก่อน อยู่คนเดียวแต่จะเลี้ยงหมาไง...แต่ถ้ามีคอนโดที่โอเคๆก็บอกได้) แบบผ่อนซื้อไม่เกิน 5000-7000/เดือน มันจะมีปะวะ ... คือกูไม่อยากกู้ธนาคารหรือไรงี้อ่ะ กูเป็นฟรีแลนซ์ แต่แค่รู้สึกแบบ อยากย้ายออกจากบ้านไปอยู่คนเดียวเฉยๆ บ้านนี่ก็เช่าเขาอยู่ เช่าเดือนละ 6000 กูเป็นคนจ่ายอยู่แล้ว เลยคิดว่าแทนที่จะเอาเงินจ่ายค่าเช่า กูหาซื้อบ้านแล้วผ่อนเอาดีกว่าไหมไรงี้
มีใครเคยเปลี่ยนหัวหน้าทีชีวิตกลับตาลปัตรบ้างวะ ของกูจากหัวหน้า ช หนุ่มไฟแรง ได้ดีจนไปทำงานที่ ตปท. กลายเป็นหัวหน้า ญ วัยทอง ขี้บ่น
comfort zone แม่งทลายทันที 555
พันธบัตรเวเนซุเอล่าเสี่ยงป่าววะ
ไอ้พวกกระจอกส้มเน่า ควายแดง
พ่อมึงโดนไล่ออกจากสภา แม่มึงก็ไม่ได้เป็น สส
ลุงตู่ของกูชนะแล้ว ไอ้พวกขี้ข้า ขยะสังคม
ลุงตู่ทรงพระเจริญๆๆๆๆๆ ขอเป็นฝุ่นใต้ตีนลุงตู่ทุกชาติไป
ขอถามพี่โม่งหน่อยว่าปกติส่งใบสมัครกับเรซูเม่ไปแล้ว (ออนไลน์) ใช้เวลากี่เดือนเขาถึงจะตอบกลับมา
และใช้เวลากี่เดือนถึงจะเริ่มมีอาการประสาทแดก กลัวไม่มีงานทำ
นี่เพิ่งเริ่มส่งใบสมัครไปวันนี้ แต่ดันเริ่มกังวลใจแล้วซะงั้น ฮืออ
เด็กจบใหม่ใช่มะ ถ้าจบใหม่กูเเนะนำให้ส่งหว่านๆไปเลย ถ้าคิดว่าที่นั่นสามารถไปทำได้
ถ้าบ.ไหนเรียกก็อย่างน้อยไปสัมภาษณ์เอาประสบการณ์ก่อน หลายคนเเม่งไม่เคยสัมภาษณ์พอไปโดนครั้งเเรกก็เละ ไปโดนสัมให้มีประสบการณ์ก่อนเเล้วจะเริ่มเตรียมตัวได้ถูก
ส่งหว่านเหี้ยไร เดี๋ยวนี้ บ เค้าโคข้อมูลกันหมดแล้ว
ตอนเรียกไปคุยมันรู้หมดว่าไอ้เด็กคนนี้ยื่นสมัคร บ ไหนบ้าง
กูอยากรู้เลย เดี๋ยวนี้มีโคข้อมูลกันด้วย? อะไรวะ เพิ่งรู้
ก็ไปเชื่อมัน แม่งก็ฟังมาผิดๆแล้วก็เสริมแต่งมโนของตัวเองเข้าไป
ไม่มีหรอกที่จะสนใจว่าคนสมัครกำลังสมัครที่ไหนอยู่บ้าง เปลือง effort โดยใช่เหตุ โอเค ในระดับสูงๆหน่อยหรืองานเฉพาะด้านอะมี เป็นแบบถามเพื่อน HR ในกรุ๊ปไลน์/แชทเฟสอะไรแบบนั้น ทำไมต้องมี เพราะบุคลากรระดับนั้นมีความจำเป็นต้องเช็คให้รอบคอบไง แต่มาบอกว่าระดับ entry level ก็เช็คนี่มโนมาก สมัครหว่านกันทั้งนั้น เสียเวลามาเช็คข้อมูลของที่อื่นทุกคนวันๆก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว อย่างมากก็ถาม HR/คนรู้จักที่บ.เก่าของคนที่จะเรียกสัมแค่นั้นแหล่ะ
กูขำ รู้ดียิ่งกว่ากูเกิ้ลอีกสัส 555 แบบนี้บริษัทมหาชนเปิดรับ ตน. นึงทีมีคนส่งมาสัก 3-40 คน เปิดพร้อมกันสัก 10 ตน. นี่แม่งเช็คกันตาแตก
ช่วงไม่มีงาน ส่วนใหญ่นี่เขาสมัครหว่านกันทั้งนั้นละ ตอนมีงานทำแล้วอยากเปลี่ยนงานโน้นหยอดทีละที่ สองที่ เฉพาะที่ๆอยากจะทำเท่านั้น
ตอนนี้กูรู้สึกเบื่อเหลือเกินกับความคิดของคนที่กูต้องทำงานด้วย บริษัทกูมีกูทำไอทีคนเดียว ทำทุกอย่าง แล้วทีนี้เขาจะเปลี่ยนระบบerpใหม่ เลยโยนให้กูเป็นหัวหน้าโปรเจค ย้ำว่ากูทำคนเดียว และเป็นไอทีคนเดียว ยูสเซอร์ประมาณ 100 คน มีรีพอร์ตที่ต้องเขียน 100+ จะให้กูเขียนเองทั้งหมด ให้เวลากู 3 เดือน กูเลยบอกว่าให้กูทำทั้งหมดไม่น่าทันต้องมีส่ง บ.คอนเซ้าท์ช่วยบ้าง เขาก็บอกกูมาว่า ก็ทำง่ายๆสิจะได้เสร็จไวๆ นี่คือคำพูดของ ผจกที่เป็นหัวหน้ากูซึ่งไม่มีความรู้เกี่ยวกับไอทีเลย มีบอกให้ทำโอทีได้นะ ให้กูชั่วโมงละ 50 บาท แต่ถ้าทำไม่ถึง 3 ชั่วโมงไม่จ่าย กูนี่ได้แต่อิหยังวะ ย้ำอีกทีว่ากูทำทุกอย่างคนเดียว เป็นไอทีคนเดียวในบริษัท เงินเดือนกูตอนนี้คือ 27k ทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ ที่กูทนอยู่เพราะมันใกล้บ้าน กูควรเทที่นี่แล้วไปหางานใหม่ดีไหมวะ ประสบการณ์กูคือ 7 ปี(ทำมา2ที่) และกูเป็นผู้หญิง ตอนนี้คือพยายามทนกับความคิดของคนที่นี่อยู่ แต่กูเหนื่อยแล้ววะ แต่กูก็มีความคิดเหี้ยๆแว็บเข้ามาในหัวนะว่าจะทนไปก่อนแล้วหางานไปเรื่อยๆ ให้โปรเจคมันเดินไปสักครึ่งแล้วค่อยชิงออก 55555555555 อย่าด่ากูนะ กูแค่ฟุ้งซ่าน
>>901 ในใจกูก็ไม่เชื่อแหละเพราะมันถือว่าละเมิดสิทธินะถ้าเว็บหางานเอาประวัติการสมัครของเราไปปล่อย ถึงความจริงการสมัครหว่านก็ไม่ได้ผิดก็เหอะ บ.จะไปเอาข้อมูลตรงนั้นมาตัดสินอะไรวะ แต่อะกูถือว่าให้ benefit of the doubt จนกว่ามันจะหาอะไรมาอธิบายได้ เผื่อว่ามันเคยเจอแรร์เคส
>>903 มึงรีบหาใหม่ด่วนเลย ไอทีปสก.7ปี 27k นี่ไม่ใช่ละว่ะ
ส่วนค่าโอทีวันธรรมดามันต้องคำนวณจากค่าแรง 1 เท่าไม่ใช่เรอะวะ สมมติ 27,000 ต่อเดือน 40 ชม./สัปดาห์ 4 สัปดาห์ = มึงได้ค่าแรง 168.75 บาท /ชม. นี่คือค่าโอทีของมึง ไม่ใช่ตั้งมาว่าชม.ละ50บาท ถ้าวันหยุดพิเศษๆ ก็1.5-2 เท่าก็ว่าไป ทำไมบ.มึงมากำหนดว่า 50 บาทวะ
>>904 เดี๋ยวได้งานใหม่แล้วกูจะด่ามันก่อนออกนะ
>>905 กูเห็นว่ามันใกล้บ้านวะเลยไม่ได้คิดอะไร มาทำงานนั่งรถมา5นาทีถึง แล้วกูก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินอะไรไง ตอนมาทำแรกๆก็ไม่เท่าไหร่หรอกกูว่ากูไหวไง พออยู่นานเข้าชักกลายเป็นว่าเริ่มไม่ไหว เพิ่มงาน แต่เงินก็เพื่มนะ ทำมาจะสามปีขึ้นมาพันห้าสัส 5555555 เรื่องโอทีนี่เขาบอกว่าสายงานกูขึ้นกับ ผจก.สำนักงาน เลยเป็นตำแหน่งผู้ช่วย(แต่ไม่มีใครช่วยกูสักคนอีเห้) เลยให้ค่าโอเท่านี้ กูไม่รู้ที่อื่นคิดยังไง มีแบบนี้ด้วยเหรอ เพราะงั้นกูเลยไม่เคยได้โอทีกับเขาหรอก เพราะอยู่ไม่ถึง 3 ชั่วโมงสักรอบ ทำฟรีไปอีก แรกๆกูก็ว่าไม่เป็นไร แต่หลังๆนี่ชักเยอะขึ้นๆจนกูคิดว่า ไม่เป็นไรไม่ได้แล้วละ เหมือนโดนเอาเปรียบมากขึ้นกว่าเดิม คือแทนที่กูจะอยู่โอให้ครบ 3 ชั่วโมงเพื่อเงิน 150 สู้กูเอาเวลา 3 ชั่วโมงไปนั่งคุยกะพ่อกะแม่กูที่บ้านยังจะคุ้มกว่าอีก สัส
สรุปกูคงลาออกแหละ นี่ก็เริ่มหางานละ
แต่งเรื่องแล้วสัส ไม่มีจริงหรอกโอที ชั่วโมงละห้าสิบ ถ้ามีจริงโดนประจารออกสื่อไปนานละ
นักเขียนนิยายเยอะชิบหาย
ขอถามตรงนี้นะ เพื่อนโม่งมีวิธีแก้ง่วงตอนบ่ายๆ มั่งมั้ย นั่งทำงานเดิมๆ ซ้ำๆ แล้วง่วงชิบ เดินไปห้องน้ำบ่อยๆ หัวหน้าก็เหล่ กาแฟสำหรับกูไม่ได้ผลแล้ว ขอบใจล่วงหน้า
พนักงานใหม่สมัครตำแหน่งตากล้องและมีเดีย แต่เสือกใช้AEไม่เป็นซักนิดเดียว(PRที่บอกว่าทำเป็น งานก็ออกมาเฉยๆมาก) สักแต่จะถ่ายรูปอย่างเดียวแต่งอแงขอเงินเดือนเยอะชิบหายแม่ง
เวลาตื่นเต้นกูจะชอบพูดมาก เหี้ยสัสสสสสส
คือแบบมะกี้ hr โทรมานัดวันปฐมนิเทศเข้าทำงาน กูก็ดีใจ เลยถามย้ำไปหลายรอบ แบบ ชั้นไหนครับ ชั้นนี้รึเปล่าครับ (ออฟฟิศมีหลายชั้น) คือจริงๆ มันก็ไม่น่าเกลียดหรอก กูว่า hr ก็คงไม่ได้มายด์อะไร แต่ก็แอบคิดว่า เออ กูควรจะโปรกว่านี้ แบบควรจะนิ่งรอฟังทุกอย่างให้ครบถ้วนจนจบความก่อน ถ้าจะวางสายแล้วเขายังไม่พูดก็ค่อยถาม
มาระบายเฉยๆ รู้สึกว่าตัวเองเสียฟอร์มนิดหน่อย
เชี่ยเอ๊ย รับสมัครเด็กใหม่ สัมภาษณ์ผ่านตรวจร่างกายอะไรผ่านหมดแล้ว เหลือนัดมาเซ็นสัญญาจ้าง เด็กเกิดเปลี่ยนใจไม่มาแล้วคร่ะ
ตอน HR ส่งเมล์มาบอกกูนี่ facepalm รัวๆ
คนในออฟฟิศกลิ่นแผ่นอนามัยแรงมาก เมิงมีวิธีรับมือยังไง
แรกๆนึกว่าใส่น้ำหอม เพื่อนกูก็เเซะๆแขวะๆว่าน้ำหอมเหม็น สรุปไม่ใช่เป็นกลิ่นผ้าอนามัยยี่ห้อหนึ่ง กลิ่นมันจะมาหลังจากเขาไปเข้าห้องน้ำ หรือช่วงบ่ายๆ เย็นๆ
แรกๆก็ก็ไม่ไรหรอกคิดซะว่ากลิ่นน้ำหอม แต่พอนึกว่ามันมาจากจิมเขาก็ขมคอขึ้นมาเลย
มีใครทำรัฐวิสาหกิจไหมวะ เช่นพวก การประปา การไฟฟ้า
มันต่างกับราชการไหม รัฐวิสาหกิจเนี่ย เห็นสวัสดิการดีเเต่กูก็ไม่ค่อยชอบระบบราชการซักเท่าไร อยากรู้ว่ามันคล้ายๆกันไหม
เเต่เห็นคนสอบเยอะมากเลยพวกองค์กรเเบบนี้ อาจจะดีจริงๆรึเปล่า
มันมีโบนัสไง ต่างกับราชการเหมือนเป็นเอกชนที่มีความมั่นคงสูงมาก สวัสดิการก็ดี คนสอบเยอะ เข้ายาก เส้นเยอะมากโดยเฉพาะ ตน. สามัญแบบไม่ต้องใช้วิชาเฉพาะในการสอบ
กุมาปรึกษา ขอเล่าให้พวกมึงช่วยวิเคราะห์นะ
คือกุนอกจากเครียดเรื่องส่วนตัว ตอนนี้กุลาออกจากงาน เพราะทนไม่ไหวกับหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานที่เข้ามายุ่งชีวิตส่วนตัวเหลือเกิน ตอนนี้ออกมาแล้วมีความสุขมาก กุหายจากอาการนอนฝันร้าย เครียด ปัญหาอย่างเดียวคือตอนนี้กุยังหางานใหม่ไม่ได้ แต่โอเค กุก็หางานพิเศษทำยังชีพไปก่อนเว้ยแก้ปัญหา รู้สึกผ่อนคลายมาก มันเหนื่อย แต่เงินมันไม่ขาดมือ แต่กุไม่ได้บอกแม่กุเรื่องกุลาออกบอกว่าได้งานใหม่ กุไม่ได้บอกแม่เรื่องงานพิเศษ เพราะแม่ไม่ชอบงานฟรีแลนส์ทุกแบบ (คือกุขับรถส่งของไรงี้อะนะ) พอกุหลอกแม่ไปว่ากุได้งานที่ใหม่นางเลยไม่บ่นอะไรมาก กระทั่งเพื่อนแม่กุเริ่มเป่าหู ว่ากุอย่างนั้นกุอย่างนี้ คือแม่เลยเหมือนแค้น และอยากให้กุได้ดี ชนิดที่ไปอวดเพื่อนตัวเองได้
กุขอโทษที่กุไม่ได้เรื่อง แต่แม่กุอยากให้กุเก็บเงินสร้างบ้าน ซื้อรถ อื่นๆ อีกเพียบเลย ทุกวันนี้แม่มาถามเงินเก็บกุทุกสามวัน ประมาณวางแผนให้กุกู้เงินซื้อบ้าน ประเด็นคือ
กุมีหนี้ส่วนตัว 5 หมื่น ตกงาน เงินเก็บใช้หมดเพราะได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 3 เดือนก่อน ตอนนี้พอเห็นแม่พยายามหาบ้าน แล้วชวนคุยเรื่องการลงทุน กูหดหู่มาก แม่กูเป็นแม่ที่ดี แต่กูไม่ชอบเวลานางอยากเอากุไปอวดเพื่อนเลย กุเจ็บใจที่กุไม่มีเงินเก็บมากพอแถมเพื่อนกุแต่ละคนที่แม่กุชอบเอาไปเปรียบเทียบก็ได้ดีกันหมด กุแย่มากๆ
กุรู้ว่ากุควรหางานประจำ แต่กุว่ากุต้องประบเปลี่ยนชีวิตกูเยอะมากเพื่อเก็บเงินซื้อบ้านว่ะ กูปรึกษาใครรอบตัวไม่ได้เลยเพื่อนโม่ง หมดทางแล้ว พวกมึงมีวิธีเก็บเงิน เก็บทองตั้งตัว ทั้งๆ ที่มีหนี้ 5 หมื่น ตกงาน และ ตอนนี้โดนบีบจากคนที่บ้านมั้ยวะ
>>926 ก็หางาน อืม หางาน ก่อนจะมาคิดว่าจะวางแผนทางการเงินยังไงอันดับแรกที่ต้องคิดคือจะหาเงินยังไง
ได้งานแล้วก็ตามสเตป รายจ่าย = รายได้ - ใช้หนี้ - เงินเก็บ
ทำบัญชีรายจ่ายจะได้รู้ว่าเปลืองเงินไปกับเรื่องไร้สาระอะไรบ้าง
บลาๆๆ
หลักการมันก็พื้นๆแบบที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วแต่ทำไม่เคยได้นั่นแหล่ะว่ะ
คือมึงไม่ได้หมดทางหรอก มึงแค่เครียด หรือไม่ก็ขี้เกียจ
กูตอบแบบไม่โอ๋นะ โตแล้ว วัยทำงาน ชีวิตมึงก็ไม่ได้ผ่านมรสุมอะไรมา ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง บ้านไม่ได้เอาหนี้มาให้มึงรับผิดชอบ มึงควรจะดูแลตัวเองได้ดีกว่านี้
งานแรกทำเดือนเดียวผ่านโปร ออกตอนครบสามเดือน คนจะมองว่ากูไม่ผ่านโปรปะวะ ตอนออกก็เครียดลืมคิดเลย แต่เพื่อนบอกรอให้ครบ6เดือนหรือปีนึงก่อน ส่วนพ่อแม่กูไม่รู้จักโปรอะไรพวกนี้เลย แอบเศร้าๆเคว้งๆว่ะที่พ่อแม่กูดันปรึกษาไม่ได้ ต่อไปกูคงปรึกษาคนอื่นแทนละ ขอบคุณที่นี่ที่ให้กูเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง มีที่คุยเรื่องงานในที่อื่นอีกบ้างปะวะ หรือที่นี่ดีสุดละ
>>926 กูอยากให้มึงเสิร์จ the money coach ในยูทูปแล้วเลือกซักคลิปที่มึงว่าน่าสนใจแล้วเปิดดู สำหรับกูมันคือการเปิดใจเรียนรู้เรื่องการเงินแบบไม่ต้องปวดหัวและปวดใจ(กับหนี้)มาก /ตอนกูเริ่มตามโค๊ชกูมีหนี้บัตรเครดิตรวมทุกใบประมาณแสนสอง ตอนนี้หนี้เหลือแปดหมื่น และสงบใจลงได้มาก มีสติในการจัดการเงินมากขึ้น
พวกมึงมีหนี้ เท่าไรวะ กุอบากรู้ ของกุ 8 หมื่น
>>931 ไม่มีหนี้ แต่ก็ไม่มีเงิน ไม่มีทรัพย์สินห่าอะไรเลย แก่ไปคงได้นอนตายอนาถาตามข้างถนน ถถถ
พูดถึงเรื่องเงิน ค่าไฟเดือนล่าสุด 3500+ ว่ะ ฮ่าๆๆ ช็อคแปร๊บ แต่ก็ทำใจไว้แล้วว่าต้องแพงเพราะแม่งร้อนจริงๆ ช่วงที่ผ่านมาเปิดแอร์ยันเช้าทุกวัน กูลงรายรับรายจ่ายตลอด ปีนี้เป็นปีที่ใช้เงินเปลืองมากจริงๆ ชีวิตกูมีอยู่สองอย่างที่คิดจะทำแล้วไม่เคยทำได้เลย คือ ลดความอ้วน กับ ใช้เงินอย่างประหยัด
>>908 มีจริง บ.ตจว ที่กูเคยทำอะ ส่วนกูไม่ใช่ฝ่ายขายไม่ให้กู เคยนั่งทำจนครบเวลา สรุปทำฟรี
ทำงานมาจะครบปี ยังไม่เจอที่ที่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์จริงๆเลยว่ะ กูโคตรคิดถึงเสาร์อาทิตย์เลย นี่ทำเกี่ยวกับห้องประชุม งานเสาอาทิตย์ตลอด แต่กูเลือกงานไม่ได้ มีไรก็ต้องทำๆไปก่อน คิดซะว่าอดทนเอาประสบการณ์
ตั้งแต่กูเล่นโม่ง แม่ก็ด่ากูไม่เจ็บเลยว่ะ 555
เข้ามาเสริมภูมิคุ้มกัน
วันจันทร์ บริษัทพวกมึงหยุดกันปะ
ไอด้อลในการทำงานของกูเลย สรุปคือเป็นนักกีฬาดาวรุ่งที่เก่ง ถ้าพยายามอย่างหนักมีสิทธิติด 1 ใน 10 ของโลก
แต่พี่แกไม่เอาว่ะ เลือกเล่นแบบสบายๆรับเงินดีกว่า เกมส์ไหนที่ทำท่าจะแพ้ก็โยนเกมแม่งเลย ฮ่าๆๆๆๆ
เพราะยังไงอันดับปัจจุบันก็ได้เงินค่าลงแข่งสูงอยู่แล้ว จะพยายามให้ติดอันดับโลกทำไมวะ
เล่นเรื่อยๆรับตั้งไปดีกว่า
>>944 ก็คงไม่ถึงขั้นอยู่ได้สบายๆจนเกษียณแบบข้าราชการ และดูไม่ค่อยมั่นคง
ที่ๆกูอยู่คือเป็น outsource ที่งานป้อนมาไม่ค่อยเยอะ แล้วกูอยู่มานานจนเข้าใจภาพรวมระบบแล้ว เลยทำงานได้เร็ว
งานก็ทำเสร็จทัน deadline สบายๆ อยู่ใกล้บ้าน เงินเดือนเรียกได้ว่าก็เยอะพอประมาณแต่ไม่เยอะเวอร์ ส่วนสวัสดิการไม่มีอะไรให้เลย
ด้วยสไตล์งานทำงานหนักหรือขยันไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ก็เลยอยู่เหมือนทำงานไปวันๆ
แต่กูก็กำลังหางานใหม่แล้ว เพราะมันดูไม่ค่อยมีอนาคตหรือช่องทางให้เติบโต เงินเดือนก็ขึ้นน้อยมากจนน่าเกลียด
แถมสไตล์การสั่งงานของลูกค้าเริ่มเหี้ย เหมือนฟังคนข้างล่างน้อยลง บางเรื่องมันไม่ควรทำเราเตือนเพราะหวังดีก็โดนด่า
ปัญหาคือยังไม่มีงานไหนที่ถูกใจเลยนี่สิ
>>944 กูอยู่บ.ญี่ปุ่นเก่าแก่เปิดในไทยมาเกิน 40 ปี ก็มีเยอะนะพวกป้าๆ ลุงๆ ที่อยู่ยันเกษียณโดยไม่ได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นพนักงานระดับปฏิบัติการทั่วไป เค้าก็เลี้ยงยันเกษียณ บางคนก็ทำงานเช้าชามเย็นชามแว้ดผู้ติดต่องานแทบไม่ต่างกับราชการเลย บางคนทำงานดี๊ดีนิสัยดี๊ดีก็มี
กูไม่เคยพอใจกับงานและเงินเดือนตัวเองเลยว่ะ
ไม่รู้เพราะแม่กดดัน เพราะเปรียบเทียบกับเพื่อนข้างบ้าน หรือเพราะตัวกูเอง
15k ตจว ไม่ปรับเงิน
กูก็พยายามมองเพื่อนที่ได้13k หรืองานเก่าได้ 12k ว่าขนาดนี่ก็ดีมากแล้วกับคนที่ทำงานไม่ถึงปี
แต่แม่กูก็มาบอกว่าให้ตั้งใจสอบกพ จะได้ไม่เงินเดือนแค่15k เจ็บว่ะ ทำไมต้องเอากรอบตัวเองมาครอบงำกูด้วย ขรก.แม่งไม่ใช่ทางกูเลย ต้องไปงานอะไรก็ไม่รู้ นาน ร้อน เสียเวลา
>>948 กูนี่อายุ25 เงินเดือน28k กูว่ากุพอใจตัวเองแล้วนะ อาจจะเจ็บใจที่ค่าหอแพง (6k) นิดหน่อย ทีนี้เพื่อนกุเนี่ยเพื่อนกูทำงานสายสุขภาพสตาร์ท40k กันทั้งนั้น ได้ไปเที่ยวสวยๆ กันทุกเดือน ก็รุ้แหละว่าเทียบอาชีพเฉพาะกับพนักงานบ.ไม่ได้ แต่กูก็ยังเทียบน่ะ นอกจากนี้ที่บ้านกูยังยกเรื่องขรก.มาพูดทุกครั้งที่มีโอกาศ ไล่ให้ไปสอบกระทรวงบลาๆๆๆ ตลอดเพราะฝังใจมาแต่เด็กว่าขรก.กระทรวงดูเท่ มั่นคง เป็นใหญ่เป็นโต กุรักแม่กูนะ รุ้แหละว่าอยากให้ได้ดี แต่ไอ้พวกนั้นมันไม่ได้เปิดรับบ่อย กุเปิดเข้าไปดูรายชื่อคนติดสัมทีไรก็เจอแต่นามสกุลดัง ถึงกุสอบติดเข้าไปสัม คิดว่าเขาจะรับใครวะ (ที่พูดงี้เพราะเคยมีปสก.มาแล้วตอนสอบไฟฟ้าตจว. รอบสัมพอดีมีโอกาสได้คุยกับคนอื่นๆ ที่ติดสัมอีก 5 คน กุอาจจะหลงตัวเองก้ได้ แต่คนที่เขาเลือกดูเฉื่อยๆ ไม่มีความคิด กุมั่นใจว่ากุทำงานดีกว่าอ่ะ) กุเลยพอเลยกับขรก.ที่เขาว่ากันว่าเงินดีตอนปลายทาง
โม่ง บ้านกูอยู่ชานเมือง ชานเมืองแบบว่าไกลจาก รฟฟ.สิบกิโล แล้วสิบกิโลนี่ชั่วโมงเร่งด่วน เช้า-เย็น รถติดสาหัสตลอด แถมจะติดขึ้นเรื่อยๆเพราะแถวบ้านกูจะเอารฟฟ.มาลงเพิ่มอีกติดไปยาวๆ5ปีแบบสาหัสกว่าเดิมจากที่มันติดธรรมดาก็เหี้ยพอแล้ว ประเด็นคือกูกำลังจบใหม่ด้วย เห็นหลายๆครั้งคือที่ทำงานสายงานITมักเข้าตัวเมืองฝั่งพระนครตลอด ฝั่งธนฯคือเจอน้อยมาก(ทั้งบางกอกน้อย บางกอกใหญ่) ไม่ตรงสายเฉพาะๆแม่งก็ไม่รับอีก ไม่งั้นก็ไปอีกทีก็แถวลาดพร้าว+เมืองนนท์เลย ทีนี้กูคาดเดาไว้เลยว่าจบใหม่ปุ๊บได้งานปั๊บมันไม่ใช่ว่ากูรับผิดชอบแต่ตัวเอง กูต้องช่วยที่บ้านผ่อนหนี้สารพัดด้วย แน่นอนว่ากูเจียดเงินจากการแบ่งเบาภาระที่บ้านไปเช่าที่ไหนเพิ่มยากมาก กูจะหนีไปตายเอาดาบหน้าตัดความสัมพันธ์กับครอบครัวดื้อๆนี่แม่งพลิกแผ่นดินไล่ทวงบุญคุณแน่นอน ซึ่งปัญหาคือเรื่องการเดินทางนี่แหละ ถ้ากูมีปัญญาหารายได้ถึง2หมื่นต้นๆ มันจะพอเหรอวะ? โม่งซาราลี่แมนบ้านไกลจาก รฟฟ. แล้วที่ทำงานเข้าพระนครหาทางแก้ปัญหานี้กันยังไงอ่ะ?
มีป้าที่ทำงานคนนึงเห็นกูไม่มีแฟนก็ชอบมาแซวกูว่า เป็น(เกย์)ใช่ไหม เป็นใช่ป่าววว
อีเหี้ย กูรำคาญโว้ย ชวนกูคยเรื่องอื่นไม่เป็นรึไง ถ้ากูเป็นแล้วมันจะทำไม หุ้นบริษัทจะตกรึไงวะ อยากจะด่ากลับไปว่าเพราะมีผู้หญิงแบบมึงกูถึงไม่อยากมีนี่แหละ แต่ทำได้แค่หัวเราะแห้งๆ
เรื่องพ่อแม่ไม่พอใจกับลูกไม่รู้เป็นปัญหา asian parents อย่างที่ฝรั่งล้อกันรึเปล่า
กูคิดว่าถึงเงินกูจะไม่ได้เยอะเวอร์ แต่สำหรับคนอาชีพนี้ อายุประมาณนี้มันก็มากพอตัวแล้ว
แต่พ่อแม่กูเค้าอยากให้กูไปเรียนโทเมืองนอก ซึ่งสาย IT ใบปริญญามันสำคัญน้อยลงมากเทียบกับแต่ก่อน
ถ้าไม่ได้จะขึ้นสายบริหารอ่ะนะ ซึ่งมันไม่ใช่ทางกูอยู่แล้ว
แล้วเค้าก็เอาแต่เพ้อว่าจบโทเมืองนอกจะได้เงินเดือนเป็นแสน พูดวนอยู่แค่นี้
กูอธิบายไปหลายรอบแล้วว่ามันไม่ใช่เค้าก็ไม่ฟัง ซึ่งกูเหนื่อยกับเรื่องนี้มากแล้วจริงๆ
เหมือนเค้าคาดหวังกับกูมากจนเวอร์วังโดยไม่ดูฐานเงินเดือนเฉลี่ยของวงการนี้เลย
50k ครอบครัวมึงจะหวังมากกว่านี้ก็ไม่แปลก เยอะมากนะถ้าเทียบกับสายอาชีพอื่น
เซม เอาจริงนะ เงินเดือนเราเองแท้ๆ แต่คนอื่นคาดหวังกว่าตัวเราเองอีก ซึ่งเราโอเคกับเงินแล้วอะ ซึ้งเลยสกิลที่เราควรพัฒนาคือไม่เอาความกังวลคนอื่นมาเป็นความกังวลตัวเองว่ะ
>>952-953 เป็นการทองโลกแบบคนที่เกิดก่อนปี 80-90 อ่ะ ยุคก่อนหน้านี้สื่อบรรเทิงมันยังไม่พัฒนามาก เพราะงั้นการใช้ชีวิตของคนยุคนี้คือมีงานดีๆทพและสร้างครอบครัว แต่งงานมีลูกใช้เวลากับครอบครับ
แต่คนที่เกิดยุค 90 ลงมา สื่อบันเทิงมันพัฒนามากขึ้นเยอะ เกมส์ อินเตอร์เน็ต ดูหนังดูซีรี่ย์ออนไลน์ มังงะ อนิเมะ ศิลปินเกาหลี ไอด้อล
เลิกงานกลับบ้านดูหนังเล่นเกมส์ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่มันจะแปลกในสายตาคนยุคเก่าว่าทำไมโตขนาดนี้อายุขนาดนี้ ยังติดเกมส์ติดการ์ตูน ติดซีรี่ย์เกาหลี ทำไมไม่หาครอบครัว
คนยุคเก่าไม่ได้โตมากับสื่อบันเทิงพวกนี้ เพราะงั้นพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าของพวกนี้มันทำให้คนรุ่นใหม่อยู่คนเดียวอย่างมีความสุขมากกว่าการแต่งงานสร้างครอบครัวอีก
แต่อีกซัก 10-20 ปี พอเด็กยุค 90 กลายเป็นประชากรส่วนใหญ่ของวัยทำงาน คำถามพวกนี้น่าจะหมดไปอ่ะ ทำงานแล้วเอาเงินมาซื้อของที่ตัวเองชอบนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้ว
>>957 คือกูพอมีทางที่จะหางานเงินเดือนเยอะกว่านี้อีกได้แหละ แต่ยังไม่ค่อยรู้สึกอยากเสี่ยง
งานนี้มันใกล้บ้านและงานไม่หนักด้วย ถ้าเงินเยอะแต่โดนใช้ทำโอฟรีบ่อยๆกับไกลบ้านก็ไม่คุ้มอยู่ดี
คืองานนี้มันก็มีข้อเสียหลายอย่าง แต่กูอยากค่อยๆดูค่อยๆคิดไปมากกว่าว่าจะเอาไง ส่วนพ่อแม่กูก็เอาแต่พูดเรื่องนี้กดดันกูตลอดเวลา
ที่สำคัญคือกูคิดว่าการเรียนโทไม่ใช่คำตอบเท่าไหร่ กูเองก็ไม่ได้สนใจด้านไหนเป็นพิเศษด้วย
>>958 มันทำยากว่ะมึง เจอหน้ากันทุกอาทิตย์ กินข้าวทีไรเค้าก็พูดแต่เรื่องนี้ ทำหูทวนลมไม่ตอบไปตลอดก็ไม่ได้
อธิบายไปเค้าก็ไม่ฟัง จนวันก่อนกูทนไม่ไหวระเบิดลงไปรอบนึงเค้าก็บีบน้ำตาหาว่ากูเป็นลูกอกตัญญู เริ่มรำเลิกบุณคุณ
คือรู้นะว่าเค้าหวังดี แต่หวังดีแบบยัดเยียดอยู่ฝ่ายเดียวแล้วไม่เคยจะฟังอะไรที่เราพูดเลยนี่มันไม่ไหวจริงๆ
ต่อให้กูไปเรียนโทกลับมาไม่ได้มีเงินเดือนเป็นแสนๆตามที่เค้าคิดว่าจะได้ เดี๋ยวเค้าก็ไม่พอใจอีกอยู่ดี
>>949 ถ้ามึงคิดแบบว่า สอบเข้าไปยังไง ก็แพ้เส้นสาย แล้วตอนมึงไปสัม มึงแพ้คนที่ดูเฉื่อยกว่า เลยคิดว่าตัวเองน่าจะได้ คือมึงชัวร์ได้ไงว่ามึงเก่งกว่าเค้าแน่ๆ ตอนสอบข้อเขียนเขาออาจทำได้ดีกว่ามึง ประวัติการทำงานนู่นนี่นั่น หรือ ตอนสัม เค้าอาจทำได้ดีกว่ามึงก็ได้
แต่ถึงจะพ้เส้นสายจริง กุอยากให้มึงพยายามอีกนะ.มันต้องมีบ้างล่ะสักที่ที่เส้นสายไม่มี หรือมีน้อย ที่จะทำให้มึงสอดแทรกไปได้
>>960 แบบนี้มึงควรไปให้ไกลๆจากพ่อแม่มึงเลย ห่างไปยาวๆสักพัก อาทิตย์นึงบอกไปว่ากลับมาบ้านไม่ได้เดี๋ยวช่วงนี้มีงานทำหนักๆ เรื่องนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่งานมึงละ อยู่กับพ่อแม่มึงนี่แหละ แต่ไม่เข้าใจพ่อแม่มึงว่ามีทุนส่งเรียนได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ? ไปเรียนนอกทีค่าใช้จ่ายสูงสัสๆแถมเป็นล้านเลยด้วยซ้ำ กูเห็นในโม่งมีคนทำสายกราฟฟิกชีวิตชิบหายเพราะพ่อแม่แนะแนวชีวิตให้มาคนนึงละ ไม่รู้ตอนนี้ผูกคอตายคาตึกไปรึยังนะ พยายามหาเรื่องปั่นให้วีซ่าไม่ผ่านดูถ้าชีวิตนี้มึงคิดว่าจะอยู่ไทยไปตลอดกาล แบบนี้พ่อแม่มึงจะมารำเลิกบุญคุณอะไรได้อีก มึงลองถามประชดไปก็ได้ว่างั้นจบนอกจาก ม.ห้องแถวจะเอาไหม? เรียนป.โทออนไลน์เดี๋ยวนี้ก็มี แต่รอเก็บเงินสักสี่ปีก่อนนะเพราะค่าใช้จ่ายก็สูงไรงี้
เสริมไรให้ U of Illinois at Urbana-Champaign มี ป.โทออนไลน์ของcoursera ไปหาๆดูว่ามันเน้นทำทีสิสไรไหม ไปเรียนๆมาสักใบเอาไปแปะกบาลพ่อแม่มึงซะนะถ้าเค้าดื้อชิบหายแบบนั้น หรือถ้ามีป โทออนไลน์ที่ถูกกว่านี้ก็ว่าไป
>>964 อันนี้กูไม่รู้ว่าเค้ากราฟฟิกแบบงานศิลปะวาดรูป ตัดต่อ หรือพวกเล่นใหญ่แบบเรนเดอร์นะ เนื้อหามันออกแนวในโม่งมู้ปรึกษาปัญหา นินทาญาติพี่น้องที่เอาไว้คุย(นินทา)สันดาน นิสัย มารยาท คนในบ้านอ่ะ กูอ่านเจอๆในมู้อยู่ว่ามันทำงานด้านกราฟฟิค ด้านตัดต่อ แล้วมันโดนพ่อแม่รบเร้าให้เรียนต่อนอกป.โทแบบ >>954 >>960 เลย ทีนี้พ่อแม่มันล้มเลิกความตั้งใจปุ๊บมันไม่ได้จะมาทำงานต่อแต่มันมาเปิดธุรกิจเองตามที่คนในบ้านให้ทำแล้วพ่อแม่มันชอบทำให้เสียกิจการและลูกค้าบ่อยๆ แถมยังมารบกวนเงินเก็บสะสมของโม่งคนนั้นจากหลักแสนเหลือแค่2หมื่นอีก สุดท้ายเลยมาปรึกษาโม่งว่าจะผูกคอตายคาชั้นสองของบ้านดีไหม เนื้อหามันไม่ใช่เรื่องทำงานแต่มันคือเรื่องครอบครัวหว่ะ ส่วนเจ้าตัวจะหางานใหม่อะไรยังไงไหมกูไม่รู้แล้ว เลยไปมาบอกเนี่ยแหละว่างานการอะไร ชีวิตยังไงตัดสินใจเอาเอง ซึ่งเรื่องแบบนี้ถ้าเน้นหนักไปทางครอบครัวกูว่าควรไปอีกมู้นะ ไม่ใช่มู้นี้ มู้นี้มันคุยเรื่องไลฟ์สไตล์การทำงาน การเมือง/สังคมในที่ทำงานและเพื่อร่วมงานกับรายได้มากกว่า
ในนี้มีใคนเป็น hr บ้าง ขอปรึกษาหน่อย คือว่ากูเซ็นสัญญาจ้างงานละ แต่นายจ้างตัวจริงไม่อยู่ ไปต่างประเทศ กลางๆ เดือนถึงจะกลับ ตอนนี้ในสัญญาก็เลยมีแต่ลายเซ็นกู กับลายเซ็น hr ที่เป็นพยาน (ไม่มีลายเซ็นนายจ้าง)
เลยอยากทราบว่าแบบนี้คือชัวร์แล้วใช่ไหม ไม่ใช่มีการยึกยักแก้สัญญาอะไรทีหลังนะ
สงสัยว่าเวลามีคนบอกอายุกับเงินเดือนแล้ววพกมึงบอกได้ว่าขนาดนี้คือเยอะหรือน้อยนี่พวกมึงมีหลักเกณฑ์ชัดๆมั้ยว่าอายุเท่าไหร่ควรเงินเดือนเท่าไหร่
กูอยากรู้ว่าของตัวเองเยอะมั้ย แยกตามสายอาชีพได้ยิ่งดี
ทำไมการเป็นคนให้นี่มันทุกข์ใจจังวะ กูเป็นฝ่ายที่ให้อยู่ฝ่ายเดียวตลอด แม่งทั้งเหนื่อย ทั้งท้อ อยากจะเลิก ๆ แม่งไปให้จบ ๆ แต่แม่งก็ทำใจไม่ได้ว่ะ
กุตกงาน กุหางานไม่ได้ กุความสามารถต่ำไป กุได้ 13k 15k.
กุอยากรู้ว่าระดับ 17 อัพ ต้องมีสกิลอะไร เรียนแบบไหน บอกมาหน่อย กุจะฝึกเพื่อให้ได้เงินสูงๆ กุรู้ว่าอาชีพกุมันสายธุรการ มันคงเงินเดือนต่ำๆ แต่กุก็อยากได้สูงอะแต่ไม่รู้ว่าต้องมีสกิลอะไรเพิ่มอีก
เคยคิดว่าถ้ากุได้เงินเดือนแสน กุก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
แต่พอได้มาแล้ว กุก็ยังอิจฉากับเพื่อนที่ทำธุรกิจ หรือค้าขายอยู่บ้าน แล้วได้เงินเป็นแสน แถมได้อยู่กับบ้านตัวเองที่ ตจว.
กุคิดมาตลอดเลยนะว่ากุเป็นคนที่ไม่ค่อยมักมากได้เท่าที่พอใจเมื่อไร ก็พอแล้ว ทึกอย่าง จะไม่ทะเยอทะยาน อยากได้อะไรอีกแล้ว
สรุปกุก็ไม่ต่างกับคนทั่วไป
ทำงานมาปี เงินเดือน 19k กำลังคิดจะหางานใหม่ ใจเคยคิดรอโบนัส 3 เดือนแต่ก็คิดว่าถ้าที่ใหม่ดีกว่าก็คงยอมทิ้งไป สาเหตุที่อยากออก งานเหนื่อยไหม ตอบยากเพราะงานที่กูทำแทบไม่ตรง jd ผู้บริหารไม่สนับสนุนไม่ค่อยอนุมัติเหี้ยอะไร เลยอยากไปโตที่อื่น ให้ได้สกิล มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ที่ทำเหี้ยไรไม่รู้อยู่ แต่ถ้าไปที่ใหม่ก็กลัวจะหนีไม่พ้นต้องเจอปัญหาแบบเก่าๆ เลยลังเลว่ากูควรพอหรือรอต่อไป กูเด็กจบใหม่มีเเต่คนบอกให้สัก 1-2ปี ค่อยไปเอาประสบการณ์ก่อน ไอ้ห่ามองเเล้วอยู่ก็ย่ำอยู่กับที่เเต่งานไม่หนักเงินพอได้ ใจก็อยากลองอีกใจก็ไม่อยากเสี่ยงกลัวไปที่ใหม่แล้วน้ำตาไหลเสียดายเงินโบนัสอีกด้วยโม่ง
เครียดว่ะ ช่วงนี้งานน้อยๆ กูได้แต่อ่านเปเปอร์ ดูคอร์สออนไลน์ ทำโปรเจ็คส่วนตัวไปเรื่อยๆ แล้วก็รับเงินเดือนไปเฉยๆ รู้สึกตัวเองไม่ค่อยมีประโยชน์กับ บ. เลยว่ะ แล้วดูเขาก็ไม่อยากให้ใครในทีมกูลาออก เข้าใจว่าเดี๋ยวงานมันกำลังจะมีมาในไม่กี่เดือนหรอก แต่ช่วงนี้แม่งโคตรเซ็งเลยว่ะ เพราะที่ผ่านมามันยุ่งๆ พอว่างมา 2 เดือน แม่งเหมือนชีวิตเคว้งคว้าง ชวนให้หมดไฟ
มีใครเคยออกจากงานเพราะดันไปชอบคนในที่ทำงานที่เดียวกัน แต่อีกฝ่ายเขาดันมีแฟนแล้วบ้างไหมวะ
คือเงินอาจจะไม่เยอะ แต่งานก็ดีนะไม่หนักมาก แต่พอกูคิดเรื่องเขากับแฟนเขาแล้วกูรู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหวจริงๆว่ะ
ปล. กูกับเขาคุยกันแค่ในที่ทำงานเฉยๆนะ ไม่เคยนัดกันไปเที่ยว
มีงานอะไรที่งานไม่หนักเเล้วจบมาทุกอาชีพก็ทำได้บ้างวะ
คือกูจบวิศวะ เเล้วพอมาลองสัมผัสงานวิศวะ เเม่งไม่ใช่ทางกูเลยว่ะสัส เเล้วเวลามันน้อยมากสำหรับอยากจะทำจ๊อบอื่น
กูมีจ๊อบเสริมงานฟรีเเลนซ์อยู่ไง ทีนี้งานวิศวะบ.ที่ทำเเม่งงานเยอะจริงโอรัวๆ ได้เงินเยอะเเต่กูก็อยากทำจ๊อบเสริมด้วย(เป็นงานที่ชอบ)
กูทำมาสองปีละทีนี้กูเริ่มได้เงินฟรีเเลนซ์พอๆกับเงินเดือน เเถมทำเเค่ไม่กี่วัน กูอยากลาออกเหมือนกันเเต่ฟรีเเลนซ์ก็ยังไม่มั่นคงขนาดนั้น คำถามคือ กูจะหางานประจำที่งานไม่หนักสบายๆ เลิกหกโมงทุ่ม เอาเเบบไม่ต้องเเบกงานกลับมาทำที่บ้านได้บ้างไหมวะ เงินไม่ต้องเยอะ ต้องการเวลากับพลังงานไปลงกับงานฟรีเเลนซ์ ไม่ต้องสายวิศวะก็ได้มีอะไรบ้าง เปิดกะลาให้กูหน่อย ไปทำบัญชีอะไรพวกนี้งานหนักไหม
บัญชีมึงจะตายเอา กุแนะนำประสานงาน ธุรการนะ มันจะจบ ไม่ก็งานประเภทเอกสารล้วนๆ
งานประสานงานธุรการ งานเอกสาร นี่อะไรบ้างอะ พวกcall center อะไรพวกนี้เหรอ ถ้าจะเซิร์จค้นหาต้องเซิร์จว่าไง
ตอนนี้เเพลนโง่ๆเเบบสิ้นคิดของกูคือ พยายามเข้าราชการหน่วยงานที่งานไม่หนักมากให้ได้ จะได้มีเวลาตามที่หวัง
เเต่ถ้าเข้าไม่ได้ก็จะหาเเผนสองเนี่ยเเหละ งานอะไรก็ได้ที่ทำได้สบายๆ จบเป็นวันไป
>>984 เออ งานธุรการนี่แหละไม่หนักแน่นอน อีกงานที่กูว่าไม่หนักด้วยคือ กูว่าคงเป็นพนักงานรายวันตามพวกเทกซ์ไทล์ ตามโรงงานอุตสาหกรรมรายวันหว่ะ อันนั้นคือวันละ300บาท เลิกงานปุ๊บจบตรงนั้นเลย มึงจะสนไหมล่ะ? ส่วนข้าราชการที่ไม่หนักมากสุดๆเลยนะ รู้สึกว่าการปกครองส่วนท้องถิ่นนี่แหละหนักน้อยสุด แต่คนสมัครเยอะสัสๆเพราะรู้กันทั่วว่าสบายง่ายๆ ถ้ามึงจะราชการมึงไปเป็นลูกจ้างชั่วคราวให้เค้าง่ายกว่านะ ไม่ก็ พนง.ราชการก็ได้อยู่
>>980 พี่เพื่อนกุจบวิศวะ แต่ทำงานแบงค์ มันบอกว่ามีตน.ที่เขาชอบจ้างเด็กวิศวะอยู่เว้ย ไม่รู้เอาไปคิดเลขหรือไรเดี๋ยวกูไปถามมาให้ อย่างอื่นก็พวกแอดมิน เซลโค ไฟแนนซ์บางที่ก็ไม่จำเป็นต้องจบด้านนี้ ส่วนมาเก็ตติ้งกูแลดูจะไม่ใช่ทางมึงกูตัดออก งานฟรีแลนซ์มึงทำอะไรวะ ทำไมรายได้ดีขนาดไม่กี่วันเท่าเงินเดือน
มือลั่น กุคิดว่าตน.งานมันล้านแปดเลยนะ แต่เอาที่ดีกว่า 300 ต่อวันเถอะ มึงเองก็เป็นแรงงานมีสกิล ถ้าเอาตามข้อกำหนดของมึงว่า 1.ไม่หนักมาก เลิกหก-ทุ่ม (เทียบบ.ทั่วไปแล้วคือโอ1-2ชม. หรือไม่มีโอถ้าเวลายืดหยุ่น) 2.ไม่หวังเลื่อนขั้น/ก้าวหน้า/โบหนักๆ เพราะยังไงมึงมีรายได้สองทางอยู่แล้วเลยไม่แคร์ตรงนี้มาก มึงลองบราวซ์เอาจากเขตบ้านมึงละนั่งไล่อ่านอันที่ถูกใจดูเลย คนอาจจะถามนิดหน่อยที่จบวิศวะแต่ไม่ทำตามสาย กุงงมากเวลาคนบ่นงานหายาก ที่มีปห.น่ะเพราะคิดว่าเงินสูงไม่เท่าที่หวัง/โบน้อยกันทั้งนั้น แต่ถ้าตัดสองอย่างนี้ไปกุว่างานกลางๆ ไม่หวือหวาทั้งแง่ของการใช้งานเราและรายได้น่ะเยอะจะตาย
เงินเดือนกูตอนนี้ประมาณ 27000 อะ ทำวิศวะบ.ยุ่นมาสองปี อันนี้คือรวมสวัสดิการเสริม ใบกว.+ค่าภาษาTOEIC+ญี่ปุ่น เเล้วนะ(กูได้TOEIC 870, n3)
ทีนี้มันก็บ.ยุ่นอะ งานหนัก โอเยอะ เน้นทำงาน ทีนี้งานฟรีเเลนซ์กูคืออิลลัส ,รับงานแปล รายได้ทำเฉพาะวันหยุดตอนมีงานก็ราวๆ 8000-35000 เเกว่งไปมาตามความที่ไม่มีงาน หรือ ไม่มีเวลาทำงาน บางเดือนเเม่งก็ได้เยอะมากกว่างานประจำกูอีก
คือจะให้กูออกไปทำฟรีเเลนซ์เต็มตัวก็ยังพออยู่ได้เเละคิดว่าหาเงินได้มากกว่านี้ เเต่มันก็ไม่มั่นคงอะมึงเเละกูคิดว่า หางานประจำโง่ๆ เอาเงินเดือนซัก12000-15000 เเต่อยากได้งานที่เติบโตฐานเงินบ้างไปเรื่อยๆตามอายุน่าจะดีกว่าออกมาฟรีเเลนซ์เพียวๆ เสี่ยงเกินไป อนึ่งกูคิดว่ากูยังมีเเรงทำอยู่ จะทำสองงานไปก็ไม่เสียหาย
ที่กูอยากเข้าราชการ ไม่ก็รัฐวิสาหกิจเพราะมันก็โตตามCเเละอายุใช่ปะ สวัสดิการมีเเถมเลิกตรงเวลา ตรงสเปคกูเลย เข้าไปทำงานโง่ๆ หรือไม่โง่ก็ได้ มีงานไม่เป็นไร เเต่ขอเลิกตรงเวลา โอบ้างไม่เน้นโอ ไม่ต้องงานเยอะเเบบต้องกลับมาทำที่บ้านเเบบบ.ยุ่น หยุดเสาร์อาทิตย์ มีความก้าวหน้าทางเงินเดือนพอละ ยิ่งงานไม่เครียดยิ่งดี งานวิศวะเเม่งก็เครียดว่ะ กดดัน เเต่ราชการ,รัฐวิสาเเม่งก็เข้ายากอยู่ เลยเผื่อมองอาชีพที่ไม่ใช้วิชาชีพเป็นทางเลือก อยากหนีวิศวะละ
จะปรับเงินเดือนขั้นต่ำจริงหรอวะ หรือแค่คิด
ถ้าจริงนี่ข้าวกูจานเท่าไหร่เนี่ย
https://www.thairath.co.th/news/business/1519793
กูไม่มีเพื่อนที่ทำงานเลย ซึ่งในชีวิตประจำวันกูแฮปปี้ดีนะ กูชอบอยู่คนเดียว กินข้าวคนเดียว ไม่เม้ามอยกับใครทำงานของกูไป ส่วนเรื่องงานก็คุยประสานงานกับเพื่อนร่วมงานได้ทั่วไปตามปกติ แต่เวลาบริษัทมีอีเวนต์ต่างๆ กูจะประดักประเดิดมาก เพราะกูไม่มีกลุ่มแบบคนอื่น ไม่รู้จะไปนั่งโต๊ะไหนกับใครดี ไม่มีคนทำกิจกรรมกลุ่มด้วย จะไปแจมกลุ่มคนอื่นเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่ก็คือรู้สึกได้อะว่าเค้าก็อยากอยู่ของเค้าเองสนิทๆ กันเนอะ เราคนนอกไปอยู่ด้วยเค้าก็อึดอัด จะทำอะไรตัวคนเดียวแบบในชีวิตประจำวันก็ทำไม่ได้เพราะรูปแบบงานมันบังคับให้ต้องทำร่วมกับคนอื่น ตั้งแต่การนั่งรถบัส นั่งโต๊ะกินข้าว ทำกิจกรรม ฯลฯ
>>994 หาคนที่มีความชอบแบบเดียวกันแล้วชวนคุยมันก็ไม่อยากอะ อย่างกูตอนแรกๆเข้าไปก็ไม่กล้าคุยกับใคร แต่ทำไปซักพักพอรู้ว่าคนนั้นคนนี้มีไลฟ์สไตล์แบบเดียวกับกู เช่นชอบเล่นเกมคอนโซล ชอบไอดอลญี่ปุ่น เกาหลี ชอบดูช่องยูทูปเดียวกัน ชอบรถยนต์ ปรากฏว่ากูก็เข้าได้กลับทุกกลุ่มไม่ยากเลย แต่เผอิญกูเป็นคนติดสื่อบันเทิงทุกรูปแบบอะ เลยกลายเป็นใครคุยอะไรกันกูรู้เรื่องหมด
อีช่อ ล้มเจ้า !! อีช่อ ล้มเจ้า !! อีช่อ ล้มเจ้า !! อีช่อ ล้มเจ้า !! อีช่อ ล้มเจ้า !!
พรรคอนาคตใหม่ ล้มเจ้า !! พรรคอนาคตใหม่ ล้มเจ้า !! พรรคอนาคตใหม่ ล้มเจ้า !!
คนเลือกพรรคอนาคตใหม่ คือพวกล้มเจ้า !! คนเลือกพรรคอนาคตใหม่ คือพวกล้มเจ้า !!
กูเป็นฟรีแลนซ์ ก่อนหน้านี้กูขยันมากๆ รับงานเยอะสุดๆ ชีวิตประจำวันคือ ตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้า อาบน้ำ กินข้าวเช้า อ่านหนังสือดีๆพร้อมจิบกาแฟชมดอกไม้ จากนั้นก็ทำงาน กินข้าวกลางวัน ทำงาน กินข้าวเย็นกับครอบครัว ทำงาน เข้านอน บางวันถ้ามีเพื่อนชวนก็ออกไปเที่ยวบ้าง ชีวิตดูเป็นรูทีนที่สงบสุข แต่จู่ๆกูก็รู้สึกไม่อยากทำงานว่ะ กูค่อยๆลดงานที่รับลง รู้สึกไม่อยากทำงานนั้น ไม่อยากทำงานนี้ กูค่อยๆปฏิเสธ จนสุดท้ายไม่รับสักงานเลยว่ะ ตอนแรกก็คิดว่าขี้เกียจหรือป่าว แต่อาการมันหนักกว่าขี้เกียจอีก คือมันไม่อยากแตะงานเลยอ่ะ ขี้เกียจของกูคือทนๆทำไป แต่นี่คือกูไม่สามารถแตะงานได้เลย กูไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนอ่ะ คิดว่ากูดูแลตัวเองดีแล้วนะ ทั้งการนอนหลับ สุขภาพกาย และความสัมพันธ์กับคนอื่น แต่กูลืมนึกถึงสุขภาพใจไปว่ะ ตอนนี้กูทำตัวเรื่อยเปื่อยเป็นผักมา 2 เดือนละ นั่งดูซีรี่ย์โง่ เล่นเกม กิน ไปเที่ยว ช็อปปิ้ง ผลาญเงินเก็บ มันก็ไม่มีความสุขขึ้นเลยว่ะ แต่ก็ไม่ได้เศร้านะ (กูเคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน อาการมันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้) มันรู้สึกเฉยๆว่ะ เหมือนกูเป็นมันฝรั่งอ่ะ กลวงๆไงไม่รู้ว่ะ มันคืออาการที่เค้าเรียกว่า burn out หรือเปล่าวะ มีใครเคยเป็นแบบกูบ้าง กูควรไปหาจิตแพทย์มะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.