กูสงสารคนจองปรจ 2 หน้าร้านว่ะ จนบัดนี้ยังได้กันไม่ครบเลย กูสั่งในทวิตภพ ได้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วพร้อมที่คั่น
Last posted
Total of 1000 posts
กูสงสารคนจองปรจ 2 หน้าร้านว่ะ จนบัดนี้ยังได้กันไม่ครบเลย กูสั่งในทวิตภพ ได้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วพร้อมที่คั่น
ฟาฟาแงงงง ไม่ไหวแล้วน้ำตากุ ขอบใจมากโม่งสปอยกุจะกลับไปอ่านย้อนอีกรอบ
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>160 เทียนกวาน Part.62
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนถามหนานกงจี่ว่าเทพแห่งฝนชอบอะไร เป็นเพราะเขาได้ขึ้นสวรรค์เร็วเลยไม่ทันมีคนสอนเขาว่าควรไปทักทายเอาของขวัญให้เทพทุกองค์เพื่อเส้นสายอันดี แม้ภายหลังราชครูจะบอกแต่ก็สายเกินไปแล้ว ทว่าด้วยความที่เทพแห่งฝนเป็นคนเก็บตัวทำให้เทพสาวก็ไม่รู้เช่นกัน เซี่ยเหลียนขอบคุณหนานกงจี่ก่อนเดินทางไปที่พักของเทพแห่งฝนในอาณาจักรอวี้ซือ แต่นอกจากทุ่งข้าวเขียวขจีกว้างไกล ชาวนาและวัวแล้วเขาก็ไม่เห็นอะไรเลย พอเห็นวัวสีดำตัวหนึ่งลุกขึ้นยืนสองขาก่อนจำแลงร่างเป็นชาวนา เซี่ยเหลียนจึงเข้าไปสอบถาม
ชาวนาบอกว่าเทพแห่งฝนไม่ชอบพบปะผู้คน แต่อีกฝ่ายรู้ข่าวน้ำแล้งในเซียนเล่ออยู่แล้วเพราะเทพองค์อื่นเองต่างก็จับตาดูและเข้าใจสถานการณ์ในเซียนเล่อมากกว่าตัวเซี่ยเหลียนเสียอีก เซี่ยเหลียนได้รู้ว่าที่เขาไม่เจอเทพที่ควบคุมน้ำบนสวรรค์เลยเป็นเพราะทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ยากยุ่ง เขาเลยบอกว่าถ้าเทพแห่งฝนไม่สะดวกเขาก็จะไม่รบกวน ชาวนาคนนั้นกล่าวว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับกับความเป็นตายในเซียนเล่อ ทำไมถึงไม่ยอมลดทิฐิลงบ้าง และไม่ว่าเทพองค์อื่นจะยอมช่วยเหลือหรือไม่ เซี่ยเหลียนก็ไม่มีสิทธิ์ไม่พอใจ คำพูดนั้นทำให้เซี่ยเหลียนโกรธที่อีกฝ่ายมาตัดสินว่าเขาเป็นคนอย่างไร แต่จู่ๆ ชาวนาก็โยนหมวกไม้ไผ่ให้เซี่ยเหลียน บอกว่าสิ่งนี้คืออุปกรณ์เทพซึ่งเทพแห่งฝนฝากให้เขามอบมันให้เซี่ยเหลียนยืม เขาอธิบายว่าอุปกรณ์นี้ใช้ขนน้ำได้ แต่สร้างน้ำไม่ได้ และเพราะอาณาจักรอวี้ซือมีการกักเก็บน้ำมาหลายปี เทพแห่งฝนเลยอนุญาตให้นำน้ำจากอาณาจักรอวี้ซือไปใช้ได้
เซี่ยเหลียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก เขาฝากอีกฝ่ายขอบคุณเทพแห่งฝนแล้วรีบใช้หมวกไม้ไผ่ขนน้ำเทลงบนเมฆที่อ่าวหลางเอ๋อร์ในหย่งอัน ไม่นานนักฝนก็เริ่มตกและประชาชนก็รีบนำภาชนะมารองน้ำ ตอนนั้นเองมู่ฉิงก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ถามว่าทำไมเซี่ยเหลียนถึงหายไปหลายวัน เขากับเฟิงซิ่นไม่อาจจัดการงานทุกอย่างให้เซี่ยเหลียนได้ เซี่ยเหลียนตอบว่าหากสถานการณ์ในหย่งอันไม่ดีขึ้น ในที่สุดอารามของเขาก็ย่อมโดนผลกระทบตามไปด้วย มู่ฉิงจึงบอกว่ามันเกิดเรื่องขึ้นแล้วต่างหาก เซี่ยเหลียนรีบกลับมายังเมืองหลวงซึ่งทหารกำลังลากคนกลุ่มหนึ่งมาตามถนนท่ามกลางสายตาโกรธแค้นของประชาชน แล้วเฟิงซิ่นที่คอยดูสถานการณ์ด้วยความระวังอยู่เล่าว่าคนที่ถูกจับทุกคนเป็นชาวหย่งอัน
เป็นเพราะชาวหย่งอันจำนวนมากอพยพหนีภัยแล้งมาเมืองหลวง ตอนที่ยังมีคนไม่มากก็ไม่เกิดอะไร แต่ตอนนี้พวกเขามีมากกว่า 500 คน ทุกคนรวมกลุ่มลงมือปักหลักสร้างที่อยู่ในท้องทุ่งทางตะวันตกจนกลายเป็นชุมชนแออัด ความสกปรกและยากจนของอีกฝ่ายทำลายทัศนียภาพของเมืองหลวง สร้างมลพิษทางสายตา หู และกลิ่นจนชาวเมืองท้องถิ่นไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ผู้นำอาวุโสของหย่งอันจะอยากย้ายออกไป แต่ด้วยจำนวนคน ทั้งคนเจ็บ คนป่วย สตรี และเด็ก อีกทั้งเมืองหลวงก็ไม่มีพื้นที่อื่นแล้ว พวกเขาจึงไม่อาจย้ายไปโดยง่าย
หญิงคนหนึ่งตะโกนว่าชาวหย่งอันขโมยของและทำร้ายสามีของเธอ ชาวบ้านคนอื่นเห็นด้วยบอกว่าเป็นคนต่างถิ่นแล้วยังกล้ามาสร้างปัญหาอีก แต่ชาวหย่งอันที่ถูกจับกุมคนหนึ่งก็บอกว่าพวกตนไม่ได้เป็นคนขโมยของและถูกทำร้ายเช่นกัน แต่ผู้อาวุโสที่เกรงว่าจะทำให้เรื่องแย่ลงก็ตะโกนห้ามไม่ให้อีกฝ่ายพูด เฟิงซิ่นอธิบายว่าขโมยตัวจริงคือสุนัขจรจัด แต่ด้วยความที่เคยมีเด็กชาวหย่งอันขโมยเป็ดของชาวบ้านไปกินด้วยความหิว ทำให้ชาวเมืองโยนความผิดให้ชาวหย่งอันโดยไม่คิดสืบ ทางด้านชาวหย่งอันเองก็ถูกสุนัขขโมยของ ความเข้าใจผิดและความบาดหมางที่ดำเนินมานานทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกันจนก่อให้เกิดเหตุการณ์ตรงหน้า อย่างไรทหารก็มีหน้าที่ปกป้องเมืองหลวง การที่จะเข้าข้างชาวเมืองของตนจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ชาวบ้านต่างพากันขว้างปาขยะใส่นักโทษกลุ่มนั้น ผู้อาวุโสชาวหย่งอันได้เพียงร้องขอความเมตตาและกล่าวขอโทษไม่หยุด แต่ชาวบ้านก็ยังก่นด่าว่าไม่อยากให้มีชาวหย่งอันอพยพมาเพิ่ม ชายคนหนึ่งบอกว่าราชาต้องไม่ยอมอนุญาตรับชาวหย่งอันอีกเพราะอีกฝ่ายขโมยของจากบ้านของเขาไป ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็สังเกตเห็นหลางอิงอยู่ในกลุ่มนักโทษกลุ่มนั้นด้วย ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นถามชายคนนั้นว่าเห็นกับตาหรือว่าชาวหย่งอันเป็นคนขโมยของไป
.
.
.
.
.
อฟซ.ออกชุดเลโก้นี่จริงเปล่า? กูเห็นภาพแต่หาข้อมูลไม่เจอ กูไม่ได้ใช้พวกsnsจีนด้วย ใครมีลิ้งหรือภาพจากอฟซ.มั้ง
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>168 เทียนกวาน Part.63
.
.
.
.
.
ชาวบ้านบอกว่าแม้ไม่เห็นกับตาว่าชาวหย่งอันขโมยของ แต่ก่อนหน้านี้เมืองหลวงสงบสุขมาตลอดจนกระทั่งชาวหย่งอันอพยพมา หลางอิงปรามาสว่าอีกฝ่ายคงเป็นขโมยเลยโยนความผิดมาให้พวกเขา ทำให้ชายหนุ่มถูกชกเลือดกลบปาก ชาวหย่งอันกลุ่มนั้นถูกชาวบ้านรุมต่อว่าปาของใส่จนถึงตอนเย็นพวกทหารจึงปล่อยตัว หลางอิงเดินแยกตัวออกจากกลุ่ม เซี่ยเหลียนรีบจำแลงกายเป็นนักพรตไปปรากฏตัวให้เห็น ถามว่าในเมื่อเขาให้มุกสีแดงเม็ดนั้นไปแล้วเหตุใดจึงไม่กลับหย่งอัน หลางอิงตอบว่าในเมื่อลูกชายของเขาอยู่ที่นี่ เขาก็จะอยู่ที่นี่ด้วย ก่อนส่งมุกเม็ดนั้นคืนให้เซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนไม่รับ เขาบอกว่าวันนี้ที่อ่าวหลางเอ๋อร์มีฝนตกลงมาแล้ว และเขาสัญญาว่าพรุ่งนี้ก็จะมีฝนตกอีกเช่นกัน ทว่าหลางอิงกลับกล่าวว่าฝนจะตกหรือไม่ไม่สำคัญแล้ว ตอนนี้ไม่มีทางให้เขาย้อนกลับไปแล้ว
เซี่ยเหลียนยืนบื่ออย่างไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้เขาทำทุกอย่างสำเร็จโดยง่าย เหตุใดหลังขึ้นสวรรค์การจะทำอะไรให้สำเร็จช่างยากเย็นเหลือเกิน เขาพยายามขนน้ำมาสร้างฝน ทว่าก็ช่วยไม่ได้มากนัก หลังจากผ่านไป 1 เดือนชาวหย่งอันก็อพยพมาที่เมืองหลวงหลายพัน และหลังจากนั้นอีกเดือนหนึ่ง เพื่อรักษาความสงบราชาก็สั่งปิดประตูเมืองหลวง ประกาศให้ชาวหย่งอันออกไปโดยจะมอบสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทางให้ แต่ชาวหย่งอันที่ละทิ้งบ้านเกิดมาหลายคนบาดเจ็บหรือป่วย ล้มตายระหว่างทางก็ไม่น้อย แล้วพวกเขาจะมีแรงเดินทางต่อได้อย่างไร เพื่อความอยู่รอดพวกเขาจึงเกาะประตูเมือง ขอร้องให้อีกฝ่ายรับพวกตนเข้าไป ขณะที่ทหารบนหอคอยประตูเมืองพยายามตะโดนไล่
ชาวหย่งอันบางส่วนยอมตัดใจออกเดินทางต่อ แต่ส่วนมากยังคงไม่ไปไหนด้วยหวังว่าราชาจะมีเมตตา เมื่อเห็นอย่างนั้นคนที่อพยพมาเพิ่มเลยรวมกลุ่มรอด้วย ผ่านไปไม่กี่วันชาวหย่งอันก็มีจำนวนมากมาย พวกเขาสร้างที่พักอยู่หน้าประตูเมือง เซี่ยเหลียนต้องรับฟังคำขอของผู้ศรัทธา สร้างฝนให้หย่งอัน และดูแลชาวหย่งอันที่นอกเมือง แม้มีใจแต่เขาก็รู้สึกล้ามาก และในวันที่เขาไม่ได้อยู่ดูที่ประตูเมือง ในที่สุดก็เกิดเรื่องขึ้น
ชายคนหนึ่งอุ้มลูกชายไปทุบประตูขอร้องให้ลูกชายเข้าไปให้หมอรักษาอาการป่วย แต่ทหารรู้ดีว่าหากเปิดประตูให้คนอื่นย่อมอาศัยโอกาสพากันกรูเข้าเมือง หรือถ้าส่งหมอออกไปใครจะไปรู้ว่าชาวหย่งอันจะจับอีกฝ่ายเป็นตัวประกันบังคับให้เปิดประตูเมืองหรือเปล่า ทหารจึงแสร้งหลอกไปว่าจะไปแจ้งเรื่องให้ราชาทราบ แต่ความจริงคือไม่ได้ทำอะไรเลย หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงพ่อของเด็กชายก็ไม่อาจทนได้ เขาเอาเชือกผูกบุตรไว้ที่หลัง ก่อนที่ชายหนุ่มจะพยายามปีนกำแพงขึ้นไปด้วยมือเปล่าโดยมีชาวหย่งอันคนอื่นช่วยต่อตัวให้ ในที่สุดเขาก็คว้าเชือกที่พวกทหารใช้ส่งเสบียงมาให้ผู้อพยพเอาไว้ได้
เสียงเชียร์ดังกระหึ่มทำให้พวกทหารรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น หากปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาคนอื่นย่อมทำตาม พวกเขาตะโกนข่มขู่ให้หยุดการกระทำ ทว่าชายคนนั้นก็ยังไต่เชือกขึ้นมาอยู่ดี ทหารคนหนึ่งจึงใช้กระบี่ตัดเชือกทิ้ง ชายคนนั้นจึงร่วงหล่นหลังกระแทกพื้นอย่างรุนแรง สภาพศพน่ากลัวนั้นไม่ต้องเอ่ยถึงลูกชายที่เขาแบกไว้บนหลัง ตอนที่เสียงหวีดร้องดังขึ้นเซี่ยเหลียนก็มาถึงพอดี เครื่องรางบนคอที่บิดหักของชายหนุ่มมาจากอารามของเซี่ยเหลียน ก่อนที่ชายคนนั้นจะปีนกำแพง เขาและภรรยาต่างสวดขอพรให้เทพคุ้มครอง เซี่ยเหลียนที่ได้ยินจึงรีบมา ทุกอย่างดูไม่เหมือนเรื่องราวที่เขาเคยได้ยินซึ่งผู้กล้าล้วนมาได้ทันการณ์เสมอ เมื่อเห็นสภาพของสามีและลูกชาย ฝ่ายภรรยากรีดร้องวิ่งเอาศีรษะกระแทกกำแพงเมืองเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาทุกคน
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ชาวหย่งอันไม่อาจทนได้อีกต่อไป พวกเขาด่าทอราชาที่พลักพวกตนเข้าหาความตาย พวกเขาล้วนจ่ายภาษีทุกปีแต่พอถึงคราวเคราะห์กลับไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ สงสัยคงเอาแต่นำเงินไปสร้างอารามให้ลูกชาย หากเมืองหลวงไม่รับพวกเขาเข้าไปก็หวังว่าจะมีใครได้ออกมา พวกเขารวมตัวกันเอาตัวพุ่งขนจนกำแพงเมืองสั่นสะเทือน ใบหน้าบิดเบี้ยวกรีดร้องร่ำไห้ของชาวหย่งอันทำให้เซี่ยเหลียนที่คิดมาตลอดว่าประชาชนของตัวจิตใจดีรักสงบรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกที่ไม่รู้จัก และโดยไม่ทันรู้ตัวก็มีชายหนึ่งปีนขึ้นไปบนกำแพงหักคอของทหารที่ตัดเชือก อีกฝ่ายคือหลางอิง และหลังจากวันนั้นอาณาจักรเซียนเล่อก็ตกสู่ความโกลาหล
.
.
.
.
.
>>182 แต่ก็ต้องเข้าใจทางฝั่งทหารด้วยนะ ถ้าปล่อยให้คนหนึ่งเข้ามาได้ คนอื่นเห็นอย่างนั้นก็จะพากันปีนกำแพงเข้าเมืองกัน เดี๋ยวก็อ้างว่าทำไมคนนั้นทำได้ ทำไมกูทำไม่ได้ ยอมให้คนเจ็บคนป่วยเข้าไป เดี๋ยวคนอื่นแกล้งทำให้ตัวเองป่วย ทำให้ตัวเองบาดเจ็บ จะได้มีข้ออ้างเข้าไปบ้าง (ลองทำตัวเองเจ็บป่วยดูแล้วไปเสี่ยงหาทางรอดในเมืองดีกว่า ในเรื่องก็มีบอกว่าชาวหย่งอันคิดว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เดินทางต่อก็ตาย สู้ก็ตาย งั้นขอสู้ดีกว่า) หรือถ้ายอมให้เด็กกับผู้หญิงเข้าเมือง พ่อเด็กก็จะยิ่งไม่ยอมไปไหน ก็จะอยู่รอบๆ กำแพงเมืองอย่างนั้นกันไป (มู่ฉิงบอก) มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปราบไว้ก็แย่ แต่ถ้าทำแบบในเรื่องก็แย่ มันมาถึงจุดที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ผิด มีอะไรสะกิดนิดหนึ่งก็พร้อมบวกกันแล้วล่ะ
อันนี้กูแอบสงสัยนะ คือเหมือนว่ามีแต่คนไม่อยากให้เซี่ยเหลียนไปยุ่งเรื่องนี้ แต่พูดถึงว่าถ้าเซี่ยเหลี่ยนนิ่งเฉยไม่ช่วย แต่สุดท้ายยังไงคนที่ลำบากก็ต้องอพยพมาอยู่ดีป่ะ คือยังไงกูรู้สึกว่าเหตุการณ์มันก็ต้องเกิดอ่ะ ถ้าอย่างนั้นสุดท้ายวิหารอะไรของเซี่ยเหลียนก็คงถูกทำลายเหมือนเดิม คนกราบไหว้ไม่มีพลังก็หดหาย อย่างนี้ก็ไม่ต่างกับว่านี่เป็นชะตาของเซี่ยเหลียนเลยป่ะที่ต้องเจออ่ะ
>>182 คุณทหารไม่ได้เหี้ยมหรอก เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ถูกบีบให้เลือกสักทางก็แค่นั้น คดีอาชญากรรมถึงบางส่วนจะถูกใส่ความแต่บางส่วนก็เป็นชาวหย่งอันทำจริงๆ ปล่อยเข้ามาก็ไม่ต่างจากชักศึกเข้าบ้าน ตอนนี้ก็ต้องเลือกระหว่างน้ำใจกับการปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน จะเลือกทางไหนก็ไม่มีผลลัพธ์สวยๆ ให้
>>184
.
.
.
.
.
ถ้าเซี่ยเหลียนหยุดแค่ตรงช่วยส่งน้ำ ไม่เข้าไปก้าวก่ายศึกเซียนเล่อvsหย่งอัน กูว่าชาวหย่งอันเองนั่นแหละที่จะบูชาเซี่ยเหลียนต่อจากชาวเซียนเล่อ
หรือถ้าไม่ช่วยใครเลยแต่แรกก็อาจจะเป็นเทพที่ค่อยๆ ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา แต่ก็ไม่ต้องตกระกำลำบาก ไม่ต้องโดนคนประณามเหยียดหยาม
.
.
.
.
.
>>184 อันนี้ความจริงจะมีอธิบายเพิ่มเติมในตอนต่อๆ ไป แต่ขอสปอยไปเลยเนอะ
.
.
.
.
.
คือจักรวาลมีวัฏจักร มีเกิด มีดับ ตอนนี้เป็นคราวของเซียนเล่อที่จะต้องล่มสลายแล้ว เซี่ยเหลียนอาจช่วยเหลือนิดๆ หน่อยๆ พอเป็นขวัญกำลังใจได้ แต่ไม่ควรไปยุ่งทุ่มสุดตัวฝืนธรรมชาติไว้ สุดท้ายถึงคนศรัทธาจะน้อยลง แต่ก็จะไม่ถูกประชาชนโกรธจนทำลายอารามไม่เหลืออย่างที่เป็นในปัจจุบัน อาจพอมีคนกราบไหว้เหลืออยู่นิดหน่อย
.
.
.
.
.
สรุปคือชาวบ้านโกรธที่เทพไม่ช่วยเหรอ???
อ่าว เซี่ยเหลี่ยนกลายเป็นน้องจูน แจกความฝลดใฝล๋ไปอีก เวง
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>175 เทียนกวาน Part.64
.
.
.
.
.
ชาวหย่งอันถอยห่างจากประตูเมืองเพื่อสร้างค่าย หยิบจับทุกอย่างที่พอเป็นอาวุธเตรียมต่อสู้ทุกเมื่อ อีกทั้งหลางอิงยังลอบเข้าไปขโมยอาวุธจากหอคอยกำแพงเมืองไปได้ชุดใหญ่ อีกฝ่ายมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและรับมือยากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเซี่ยเหลียนก็ทนมองอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เขาพุ่งตรงไปที่หอมหายุทธ์ ไม่สนใจว่าจวินอู๋กำลังคุยงานกับเจ้าหน้าที่สวรรค์คนอื่นอยู่ เขาแจ้งมหาเทพว่าจะกลับลงสู่ภพมนุษย์ จวินอู๋บอกว่าจักรวาลมีวัฏจักรเป็นของตัวเอง หากเซี่ยเหลียนกลับลงไปจะทำผิดกฎสวรรค์ร้ายแรง และเซี่ยเหลียนไม่มีทางช่วยเหลือทุกคนได้ แต่เซี่ยเหลียนไม่ฟัง เขากล่าวขอโทษอีกฝ่ายและบอกว่าเมื่อเขาจัดการเรื่องเรียบร้อยแล้วจะยอมกลับมารับโทษแต่โดยดี
เซี่ยเหลียนกลับไปที่ราชวัง เมื่อเห็นลูกชายราชินีก็รีบเข้ามาหาด้วยความดีใจ แต่ราชากลับโกรธและไล่ให้เขากลับสวรรค์ ทำเอาความไม่พอใจของเซี่ยเหลียนพวยพุ่ง เขาต่อว่าว่าเป็นเพราะการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของบิดาจึงทำให้เรื่องราววุ่นวายเช่นทุกวันนี้ คำพูดนั้นทำให้ราชาโกรธ เขาด่าและไล่ลูกชายอีกครั้ง ตอนที่เซี่ยเหลียนเดินออกมาจากท้องพระโรง แม่ของเขาก็วิ่งตามมา เธอกล่าวว่าเซี่ยเหลียนไม่เข้าใจเรื่องของการเมืองดีพอ และถึงแม้ราชาอาจมีความสามารถไม่มากพอจริงๆ ก็ไม่ควรไปว่าบิดาอย่างนั้น มีหลายอย่างในโลกนี้ที่ไม่อาจมีใจอย่างเดียว การจะจัดการคนใต้บัญชาไม่อาจใช้แต่ความสามารถ แต่คนเหล่านั้นต้องมีใจฝักใฝ่ในสิ่งเดียวกันด้วย
เซี่ยเหลียนฝากแม่บอกพ่อว่าเขาไม่ต้องการอารามหรือรูปปปั้นทองคำ ให้อีกฝ่ายเลิกสร้างเสียที ราชินิอธิบายว่าแม้ราชาจะพยายามสร้างอารามให้เซี่ยเหลียนดูดีที่สุดเพื่อไม่ให้ลูกต้องน้อยหน้าใครบนสวรรค์ แต่จากอารามทั้ง 8000 แห่ง พ่อของเขาสร้างอารามเพียงประมาณ 20 แห่งเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นฝีมือของคนอื่นต้องการเอาใจราชา ราชาอาจไม่ได้เป็นราชาที่เยี่ยมที่สุด แต่เขาก็พยายามสุดความสามารถแล้ว ทว่าในโลกนี้แค่มีความพยายามไม่พอ ตอนนี้เซี่ยเหลียนสงสารชาวหย่งอันเลยโทษบิดา แต่คนเหล่านั้นก็เป็นประชาชนของราชา คิดว่าเขาต้องการรังแกอีกฝ่ายหรือ ขณะที่เซี่ยเหลียนที่นึกว่าพ่อของตนเป็นคนสั่งสร้างอารามสัก 4000 แห่งกำลังอึ้ง ราชาก็ตะโกนด่าตามมาอีก ราชินีจึงขอร้องให้ลูกชายกลับสวรรค์ และอย่ากลับสู่ภพมนุษย์
เมื่อเซี่ยเหลียนจากราชวังมา มู่ฉิงก็รีบมาต่อว่าเรื่องที่เซี่ยเหลียนกลับสู่ภพมนุษย์โดยไม่ถามความเห็นของเขาก่อน เฟิงซิ่นจึงด่าไปว่าทำไมเซี่ยเหลียนต้องรายงานอีกฝ่ายด้วย มู่ฉิงบอกว่าเป็นเพราะชะตาของพวกเขาขึ้นกับเจ้านาย ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นพวกเขาก็จะได้ผลกระทบไปด้วย ทั้งสองคนเริ่มทะเลาะกัน ตอนนั้นเองพวกเขาก็เห็นกลุ่มคนเดินขบวนสนับสนุนให้สังหารชาวหย่งอันให้สิ้นซาก อีกทั้งคนที่เดินนำหน้าขบวนยังมีสตรีอยู่คนหนึ่ง มู่ฉิงเล่าว่าผู้หญิงคนนั้นเคยเป็น 1 ในคนที่ถูกคัดเลือกจะให้มาเป็นสนมของเซี่ยเหลียน ก่อนที่ราชาจะไล่ชาวหย่งอันออกจากเมืองหลวง ชายชาวหย่งอันคนหนึ่งที่ไม่อยากออกจากเมืองได้ลักพาตัวหญิงสาวมาขืนใจ หวังให้เธอต้องยอมรับตนเป็นสามีจะได้อยู่เมืองหลวงต่อ ตอนนี้ชายชาวหย่งอันคนนั้นถูกญาติฝ่ายหญิงตีจนตายไปแล้ว เมื่อผนวกเรื่องนี้กับเรื่องที่มีชาวหย่งอันขโมยของและปล้นชาวเมือง ทำให้ราชาต้องสั่งไล่ชาวหย่งอันออกไป
ผู้หญิงคนนั้นถูกญาติมาลากกลับด้วยความอับอายที่เธอมีราคีก่อนแต่งงาน เซี่ยเหลียนเริ่มเข้าใจความยากลำบากในการตัดสินใจของพ่อมากขึ้น ทั้งเมื่อคิดดูแล้วเมื่อครู่เขาก็เห็นหนวดของบิดาหงอกขาวมากกว่าที่เคย อย่างไรพ่อของเขาก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ทำเรื่องผิดพลาดบ่อยๆ ไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย และก็เป็นคนๆ หนึ่งที่ไม่อยากให้ลูกชายเห็นความล้มเหลวของตัวเอง อีกฝ่ายจึงไม่อาจทนได้ยินสิ่งที่เซี่ยเหลียนกล่าวในท้องพระโรงได้ มู่ฉิงเสนอให้เซี่ยเหลียนกลับไปขอโทษจวินอู๋ เขาเข้าใจดีว่าทุกคนไม่อยากให้เขาก้าวสู่บททดสอบนี้ แต่จะให้เขานั่งเฉยๆ ได้อย่างไร เขาเดินไปที่ถนนใจกลางเมือง เมื่อทุกคนได้เห็นเขาก็ต่างยินดีว่าเทพเจ้าได้ลงมายังภพมนุษย์เพื่อช่วยเหลือพวกตนแล้ว เซี่ยเหลียนประกาศต่อหน้าสาธารณะว่าเขามาเพื่อปกป้องเซียนเล่อ และประชาชน ขอให้ทุกคนเชื่อในตัวของเขา คำพูดนั้นสร้างความปิติยินดีให้ทุกคนเป็นอย่างยิ่ง ต่างร้องตะโกนว่าจะขอติดตามอีกฝ่าย ชาวเมืองกรูเข้ามาอยากสัมผัสเซี่ยเหลียน แต่สุดท้ายก็ถูกทหารกันออกไปจนหมด และเซี่ยเหลียนก็พบดอกไม้สีขาวซึ่งถูกเหยียบจนเละ แต่เขาก็ก้มลงหยิบมันขึ้นมาและพบว่ามันยังคงมีกลิ่นหอมจางๆ หลงเหลืออยู่
.
.
.
.
.
เทพไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชัง เซี่ยเหลียนก็ทำผิดเพราะความเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะทำดีได้เลวแต่กรรมตามสนองนั่นแหละ คนอื่นก็พยายามห้ามพยายามอธิบายแล้วทั้งฝั่งเทพและมนุษย์
กูขอถามนิดนึงคาใจมานาน ทำไมถึงพูดไม่ได้วะ ว่า ฮวาเฉิงรอเซี่ยเหลียนมา 800 ปี ทำไมถึงใช้คำว่ารอไม่ได้อ่ะ ไม่ใช่การรอ แล้วควรใช้เป็นอะไร 800 ที่จากกัน หรืออะไรดี อันนี้สงมานานมาก
>>200
.
.
.
.
.
ฮวาเฉิงไม่ได้รอ เพราะว่ารอคือไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ความจริงแล้วฮวาเฉิงอยู่ข้างๆ เซี่ยเหลียนมาตลอด แต่เซี่ยเหลียนไม่เคยรู้ (ช่วงที่แยกกันจริงๆ ก็มี) ถึงฮวาเฉิงจะแอบๆ แต่ถ้าใส่ใจจริงๆ เซี่ยเหลียนก็ควรรู้ตัวมานานแล้ว ที่กูเคยบอกว่าคิดว่าใจความเรื่องนี้คือความมั่นคง กูไม่ได้หมายถึงความมั่นคงต่ออุดมการณ์ของเซี่ยเหลียนอย่างเดียวว่าถ้าทำอะไรแล้วผิดพลาด คนไม่เห็นค่า จะยังเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า แต่หมายถึงความรักของฮวาเฉิงที่มีต่อเซี่ยเหลียนด้วยว่าถ้าเซี่ยเหลียนมีมุมที่ไม่ได้ดีอย่างที่คิด แถมไม่เคยมองมาที่ตัวเองอีกต่างหาก ฮวาเฉิงจะยังมั่นคงต่อความรักนั้นหรือเปล่า
.
.
.
.
.
d
d
e
e
.e
gw
ge
h
tj
yk
yk
r
.j
rh
h
rhr
h
e
g
ge
.gw
h
j
t
j
ktj
k
il
io;
.p
il
uyk
h
gr
g
dv
db
g
jl
;
oi;
ppo
.ky
t
r
te
e
d
db
.hg
j
ly
iop
p
9
i
u
u
yre
g
g
s
s
s
db
db
f
h,
kjl
l
o;
p'
a
s
s
s
fw
wq
w
w
g
a
a
ssb
.gewq
khq
2
;u
;uwsg
dh
d
d
z
vz
ga
q
sqr
wt
f
rb
d
f
ga
hg
p
iyu
k
r
dsg
sqr
fsg
fw
fw
f
fq
c
ascv
sqr
sqr
sqr
dh
fj
qx
rvsa
a
wt
q
r
q
rt
y
eu
r
r
f
z
x
c
vz
b
n
m
,
.
/
d
;
l
k
j
h
g
f
d
s
a
q
w
e
r
t
y
ui
o
p
[
]
as
d
hyl
ul
i
ut
j
e
he
w
gw
w
gw
ge
ghrf
ju
k
l
l
u
l
l
l
l
l
lu
lu
lu
lu
l
f
h
e
g
g
sdg
d
d
hd
d
g
s
gs
gs
gs
g
gg
sg
dg
dg
d
gg
e
y
ut
k
o
pop
[
p[
8o
7
u
4y
y
te
te
f
sf
sf
d
nv
b
,
.m
,/
l
ik
te
43
t
r
2
w
fs
fs
fs
xv
xv
vc
bc
n
mg
t
r
e
t2
21
1
rw
s
fs
gv
b
cn
mn
gv
k
l
u
l
p
u
oy
t
jr
f
hd
b
d
xb
cn
n
mn
jk
l
p
ip
op[
1
f
j
w
r
w
w
w
w
r2w
3
y64
uit
t
uit
r
ssf
ssf
wr
wr
r
r
r
wr
wr
21
43w
54
8i8y
oy
t
jf
dh
dh
fjk
gj
j
j
fdh
dh
gsg
wtg
wtg
tt
wet4
et
y
ru
t
iyi
o96
6i
u
ery
e
eg
sg
s
gsg
gd
ghf
fu
tu
tu
hf
hf
hf
hyd
u
ti
y
i[
io
i[p
8p
o
y
t
r
y
e
t
tgs
gsg
x
n
bm
n
jl
up
u
py
o
a
4
y
wyw
t2
2
qf
af
s
fs
g
ghj
ghk
l
io[
op[
9
-8
6
i5
u4
t
w2t
rw
fs
dg
fs
fs
i
y
iy
i
u4
y
t
w2t
sg
d
ghdf
j
ghdf
y
uyp
u
[oi
]0
9p
i
5
4y
3t
t
w
fs
fs
s
gh
gh
gh
iyu
ou
ou
ou
iyu
u
y
e
t
fg
s
x
f
h
gh
j
k
y
o
y
it
u
e
g
dsg
dg
d
h
r
u
y
ye
s
wqr
dg
dg
d
g
ge
t
t
t
u
ti
yo
o
69
5
u
h
g
g
r
af
f
sdg
dh
fg
u
ti
5
y
wr
wf
fh
j
iyu
o7f
stg
dh
ty
uo
uip
o7f
;go
yd
dtu
y
sy
et
at
wt
s
gdr
ht
ut
iy7
it
i
dtu
d
jh
sf
sz
fh
gdr
gdr
hgs
ga
a
wa
fw
agw
afg
sg
seg
dgh
sh
eh
j
ty
tuj
e
wt
wf
a
sbh
fj
uil
io[
8
oi
8
5uy
e
42
4
qe
ad
af
s
fdh
fdh
y
io78
6
8
u
e
ad
sf
g
e
rt
tu
yui
o
ip
ip
o
w
rt
r3
rw
fs
g
h
j
d
d
e
e
.e
gw
ge
h
tj
yk
yk
r
.j
rh
h
rhr
h
e
g
ge
.gw
h
j
t
j
ktj
k
il
io;
.p
il
uyk
h
gr
g
dv
db
g
jl
;
oi;
ppo
.ky
t
r
te
e
d
db
.hg
j
ly
iop
p
9
i
u
u
yre
g
g
s
s
s
db
db
f
h,
kjl
l
o;
p'
a
s
s
s
fw
wq
w
w
g
a
a
ssb
.gewq
khq
2
;u
;uwsg
dh
d
d
z
vz
ga
q
sqr
wt
f
rb
d
f
ga
hg
p
iyu
k
r
dsg
sqr
fsg
fw
fw
f
fq
c
ascv
sqr
sqr
sqr
dh
fj
qx
rvsa
a
wt
q
r
q
rt
y
eu
r
r
f
z
x
c
vz
b
n
m
,
.
/
d
;
l
k
j
h
g
f
d
s
a
q
w
e
r
t
y
ui
o
p
[
]
as
d
hyl
ul
i
ut
j
e
he
w
gw
w
gw
ge
ghrf
ju
k
l
l
u
l
l
l
l
l
lu
lu
lu
lu
l
f
h
e
g
g
sdg
d
d
hd
d
g
s
gs
gs
gs
g
gg
sg
dg
dg
d
gg
e
y
ut
k
o
pop
[
p[
8o
7
u
4y
y
te
te
f
sf
sf
d
nv
b
,
.m
,/
l
ik
te
43
t
r
2
w
fs
fs
fs
xv
xv
vc
bc
n
mg
t
r
e
t2
21
1
rw
s
fs
gv
b
cn
mn
gv
k
l
u
l
p
u
oy
t
jr
f
hd
b
d
xb
cn
n
mn
jk
l
p
ip
op[
1
f
j
w
r
w
w
w
w
r2w
3
y64
uit
t
uit
r
ssf
ssf
wr
wr
r
r
r
wr
wr
21
43w
54
8i8y
oy
t
jf
dh
dh
fjk
gj
j
j
fdh
dh
gsg
wtg
wtg
tt
wet4
et
y
ru
t
iyi
o96
6i
u
ery
e
eg
sg
s
gsg
gd
ghf
fu
tu
tu
hf
hf
hf
hyd
u
ti
y
i[
io
i[p
8p
o
y
t
r
y
e
t
tgs
gsg
x
n
bm
n
jl
up
u
py
o
a
4
y
wyw
t2
2
qf
af
s
fs
g
ghj
ghk
l
io[
op[
9
-8
6
i5
u4
t
w2t
rw
fs
dg
fs
fs
i
y
iy
i
u4
y
t
w2t
sg
d
ghdf
j
ghdf
y
uyp
u
[oi
]0
9p
i
5
4y
3t
t
w
fs
fs
s
gh
gh
gh
iyu
ou
ou
ou
iyu
u
y
e
t
fg
s
x
f
h
gh
j
k
y
o
y
it
u
e
g
dsg
dg
d
h
r
u
y
ye
s
wqr
dg
dg
d
g
ge
t
t
t
u
ti
yo
o
69
5
u
h
g
g
r
af
f
sdg
dh
fg
u
ti
5
y
wr
wf
fh
j
iyu
o7f
stg
dh
ty
uo
uip
o7f
;go
yd
dtu
y
sy
et
at
wt
s
gdr
ht
ut
iy7
it
i
dtu
d
jh
sf
sz
fh
gdr
gdr
hgs
ga
a
wa
fw
agw
afg
sg
seg
dgh
sh
eh
j
ty
tuj
e
wt
wf
a
sbh
fj
uil
io[
8
oi
8
5uy
e
42
4
qe
ad
af
s
fdh
fdh
y
io78
6
8
u
e
ad
sf
g
e
rt
tu
yui
o
ip
ip
o
w
rt
r3
rw
fs
g
h
j
00000
00000
00000
00000
00000
เม้นบนๆนี่คือไรวะะะะ งอง
ม่านฮวาเทียนกวานตอนสองโคตรสั้น บรรยากาศทะมึนเหมือนหนังผีซึ่งก็ดีมาก เหมือนม่านฮวาจะดำเนินเรื่องโคตรเร็วเลยนะ หรืออาจจะตัดให้กระชับฉับไว ตอนแรกฟาฟามาอย่างหล่อ โดนแซวว่าเอาเงินไปติดสินบนนักวาดเลย 55555555555
มึง ปรมจ. เล่ม 1 หน้า 56 เขาพระสังกัจจายน์ในย่อหน้า 1 กับ เขาพระฉันกระจายในบทบรรยายพี่เว่ยย่อหน้ารองสุดท้ายนี่มันเขาเดียวกันแล้วพิมพ์ผิด หรือเป็นมุก หรือคนละเขากันวะ
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>191 เทียนกวาน Part.65
.
.
.
.
.
เมื่อกลับไปยังราชวังด้วยอารมณ์ที่เย็นลง ในที่สุดราชาก็เห็นชอบที่จะให้ลูกชายมอบความช่วยเหลือ ส่วนราชครูกลับไม่ได้กล่าวอะไร หลังจากที่ได้มาทำงานจริงแล้วก็ทำให้เซี่ยเหลียนเข้าใจถึงความยากลำบากในการปกครองคนขึ้นมา รับรู้ว่าหลายเรื่องกว่าจะตกลงกันได้ต้องใช้เวลาคุยกันนานแค่ไหน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหากส่งทหารออกไปจัดการชาวหย่งอันก็จะเปิดโอกาสให้อาณาจักรอื่นอ้างว่าเซียนเล่อโหดร้ายต่อประชาชนแล้วเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองได้ แต่พอคิดว่าชาวหย่งอันขาดเสบียงและอาวุธก็ไม่ได้มีมากมาย พวกเขาจึงตัดสินใจที่เป็นฝ่ายตั้งรับดึงเวลาให้ฝ่ายตรงข้ามสิ้นกำลังไปเอง
หลังจากผ่านไป 2 เดือนชาวหย่งอันก็เข้ามาโจมตีเมืองหลวงอีกครั้ง แต่แค่เซี่ยเหลียนใช้กระบี่เนื้อบาง โดยไม่ต้องสวมเกราะ ไม่ถึง 2 ชั่วโมงชาวหย่งอันก็ต้องพ่ายแพ้ ทหารและประชาชนชาวเซียนหล่อต่างพากันดื่มเฉลิมฉลองในชัยชนะ เต็มเปี่ยมด้วยกำลังใจที่มีเทพมาอยู่ข้างเดียวกันกับพวกตน ขณะที่เซี่ยเหลียนหลบไปอยู่ที่มุมหนึ่งของหอคอยกำแพงเมืองด้วยใจที่เจ็บปวดและนิ้วมือสั่นเทา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าคน และเขาก็สังหารไปหลายพัน ตอนนั้นเองเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงก็ตามมา ทั้งสองก็จะไม่ได้ยินดีกับผลการรบเท่าไร ทั้งยังสังเกตได้ว่าการโจมตีครั้งนี้ของหย่งอันรุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ มาก อีกฝ่ายมีจำนวนเพิ่มขึ้น มีอาวุธกับเกราะมากขึ้น อีกทั้งยังมีการจัดรูปแบบทัพดีขึ้น ราวกับพวกเขากลายเป็นกองทัพขนาดย่อมจริงๆ มู่ฉิงบอกว่ามีบางอย่างไม่ปรกติ ส่วนเฟิงซิ่นก็คิดว่าศัตรูได้รับการสนับสนุนจากที่อื่น
เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเจ้านาย เฟิงซิ่นก็ถามว่าเซี่ยเหลียนยังไปสร้างฝนที่หย่งอันอีกใช่ไหม มู่ฉิงบอกว่าตอนนี้ถึงจะแก้ภัยแล้งได้ ชาวหย่งอันก็ไม่ยอมกลับบ้านเกิดกันแล้ว ถึงจะรู้ดีแต่เซี่ยเหลียนก็คิดว่าอย่างน้อยช่วยให้ประชาชนที่ยังอยู่ในหย่งอันไม่ขาดน้ำตาย แล้วเขาก็ดึงผู้ติดตามมาใกล้ เอ่ยขอบคุณที่ทั้งสองยังอยู่เคียงข้างและหวังว่าพวกเขา 3 คนจะยืนต่อสู้เคียงบ่ากันจนกลายเป็นตำนานเล่าขาน ตอนนี้ค่ามิตรภาพกำลังบวก จู่ๆ เซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงบางอย่าง เขาชักกระบี่สะบัดไปที่ต้นเสียงแล้วดึงร่างๆ หนึ่งออกมา ใช้กระบี่ดันอีกฝ่ายไปที่ขอบกำแพง ก่อนจะสังเกตได้ว่าคนๆ นี้เป็นเด็กชายอายุน่าจะราว 15-16 ปี สวมชุดทหารของเซียนเล่อ เด็กชายเสียศูนย์จนเกือบจะหล่นจากกำแพง แต่โชคดีที่เซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นช่วยดึงขึ้นมาได้ทัน
แขนและศีรษะของเด็กชายเต็มไปด้วยผ้าพันแผล การที่อีกฝ่ายมาซ่อนตัวดูน่าสงสัยมากจนมู่ฉิงคิดว่าเด็กชายอาจเป็นสายลับของหย่งอัน แต่เฟิงซิ่นจำได้ว่าตอนปะทะกัน เด็กชายต่อสู้อยู่ในทัพด้านหน้าของเซี่ยเหลียน ทันใดนั้นเด็กชายก็พุ่งเข้าหาเซี่ยเหลียน แต่เขาก็หลบไปด้านข้างได้อย่างรวดเร็ว ก่อนรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่พุ่งใส่หลัง เมื่อเขาจับไว้ก็พบว่ามันคือธนูดอกหนึ่ง ที่แท้เด็กชายต้องการจะช่วยเหลือเขาจะการลอบโจมตี เขารีบกระโดดไปที่กำแพงเพื่อก้มดูจุดที่ธนูดอกนั้นถูกยิงมา ซึ่งก็พอเห็นชายในชุดสีเข้มกลืนกับความมืดคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีไป แม้เฟิงซิ่นจะยิงธนูไล่ตามก็ไม่ทันสียแล้ว
เซี่ยเหลียนรู้ในทันทีว่าอีกฝ่ายต้องเป็นหลางอิง แล้วเขาก็สังเกตว่าที่ธนูดอกนั้นมีเศษผ้าผูกไว้ เมื่อแกะออกอ่านก็เห็นตัวอักษร ฉี เขาจึงรีบสั่งให้ทหารไปตามหาว่าญาติผู้น้องของเขายังอยู่ในวังหรือไม่ แต่ถ้าฉีหรงถูกลักพาตัวไปจริงก็จะชักช้าไม่ได้ เขาสั่งให้เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงคอยอยู่กำแพงเมือง เพราะหากพาคนอื่นหรือทหารไปด้วยอาจเกิดการปะทะกันรุนแรง เขาวิ่งไปตามทางที่หลางอิงมุ่งไป แต่แล้วเซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามมา เมื่อหันไปดูก็พบว่าอีกฝ่ายคือทหารเด็กคนนั้น เซี่ยเหลียนสั่งให้อีกฝ่ายกลับไปแต่เด็กชายก็ยังคงตามมา เขาจึงเพิ่มความเร็ว ทิ้งอีกฝ่ายไว้เบื้องหลังจนพ้นจากระยะสายตา ในที่สุดเขาก็มาถึงยอดเขาเล็กๆ ชื่อว่าเป้ยจื่อซึ่งเป็นป่ารกทึบ เขาพบฉีหรงถูกแขวนห้อยหัวไว้บนต้นไม้ จากสภาพแล้วคงถูกทุบตีมาไม่น้อย เซี่ยเหลียนรีบใช้กระบี่ตัดเชือก ตบหน้าเรียกสติ ก่อนช่วยแก้มัดให้ญาติผู้น้อง ตอนนั้นเองเขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกจากเบื้องหลัง เมื่อหันไปก็เห็นหลางอิงกำลังเสือกดาบยาวพุ่งเข้าใส่เขา
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>191 เทียนกวาน Part.65
.
.
.
.
.
เมื่อกลับไปยังราชวังด้วยอารมณ์ที่เย็นลง ในที่สุดราชาก็เห็นชอบที่จะให้ลูกชายมอบความช่วยเหลือ ส่วนราชครูกลับไม่ได้กล่าวอะไร หลังจากที่ได้มาทำงานจริงแล้วก็ทำให้เซี่ยเหลียนเข้าใจถึงความยากลำบากในการปกครองคนขึ้นมา รับรู้ว่าหลายเรื่องกว่าจะตกลงกันได้ต้องใช้เวลาคุยกันนานแค่ไหน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหากส่งทหารออกไปจัดการชาวหย่งอันก็จะเปิดโอกาสให้อาณาจักรอื่นอ้างว่าเซียนเล่อโหดร้ายต่อประชาชนแล้วเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองได้ แต่พอคิดว่าชาวหย่งอันขาดเสบียงและอาวุธก็ไม่ได้มีมากมาย พวกเขาจึงตัดสินใจที่เป็นฝ่ายตั้งรับดึงเวลาให้ฝ่ายตรงข้ามสิ้นกำลังไปเอง
หลังจากผ่านไป 2 เดือนชาวหย่งอันก็เข้ามาโจมตีเมืองหลวงอีกครั้ง แต่แค่เซี่ยเหลียนใช้กระบี่เนื้อบาง โดยไม่ต้องสวมเกราะ ไม่ถึง 2 ชั่วโมงชาวหย่งอันก็ต้องพ่ายแพ้ ทหารและประชาชนชาวเซียนหล่อต่างพากันดื่มเฉลิมฉลองในชัยชนะ เต็มเปี่ยมด้วยกำลังใจที่มีเทพมาอยู่ข้างเดียวกันกับพวกตน ขณะที่เซี่ยเหลียนหลบไปอยู่ที่มุมหนึ่งของหอคอยกำแพงเมืองด้วยใจที่เจ็บปวดและนิ้วมือสั่นเทา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าคน และเขาก็สังหารไปหลายพัน ตอนนั้นเองเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงก็ตามมา ทั้งสองก็จะไม่ได้ยินดีกับผลการรบเท่าไร ทั้งยังสังเกตได้ว่าการโจมตีครั้งนี้ของหย่งอันรุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ มาก อีกฝ่ายมีจำนวนเพิ่มขึ้น มีอาวุธกับเกราะมากขึ้น อีกทั้งยังมีการจัดรูปแบบทัพดีขึ้น ราวกับพวกเขากลายเป็นกองทัพขนาดย่อมจริงๆ มู่ฉิงบอกว่ามีบางอย่างไม่ปรกติ ส่วนเฟิงซิ่นก็คิดว่าศัตรูได้รับการสนับสนุนจากที่อื่น
เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเจ้านาย เฟิงซิ่นก็ถามว่าเซี่ยเหลียนยังไปสร้างฝนที่หย่งอันอีกใช่ไหม มู่ฉิงบอกว่าตอนนี้ถึงจะแก้ภัยแล้งได้ ชาวหย่งอันก็ไม่ยอมกลับบ้านเกิดกันแล้ว ถึงจะรู้ดีแต่เซี่ยเหลียนก็คิดว่าอย่างน้อยช่วยให้ประชาชนที่ยังอยู่ในหย่งอันไม่ขาดน้ำตาย แล้วเขาก็ดึงผู้ติดตามมาใกล้ เอ่ยขอบคุณที่ทั้งสองยังอยู่เคียงข้างและหวังว่าพวกเขา 3 คนจะยืนต่อสู้เคียงบ่ากันจนกลายเป็นตำนานเล่าขาน ตอนนี้ค่ามิตรภาพกำลังบวก จู่ๆ เซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงบางอย่าง เขาชักกระบี่สะบัดไปที่ต้นเสียงแล้วดึงร่างๆ หนึ่งออกมา ใช้กระบี่ดันอีกฝ่ายไปที่ขอบกำแพง ก่อนจะสังเกตได้ว่าคนๆ นี้เป็นเด็กชายอายุน่าจะราว 15-16 ปี สวมชุดทหารของเซียนเล่อ เด็กชายเสียศูนย์จนเกือบจะหล่นจากกำแพง แต่โชคดีที่เซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นช่วยดึงขึ้นมาได้ทัน
แขนและศีรษะของเด็กชายเต็มไปด้วยผ้าพันแผล การที่อีกฝ่ายมาซ่อนตัวดูน่าสงสัยมากจนมู่ฉิงคิดว่าเด็กชายอาจเป็นสายลับของหย่งอัน แต่เฟิงซิ่นจำได้ว่าตอนปะทะกัน เด็กชายต่อสู้อยู่ในทัพด้านหน้าของเซี่ยเหลียน ทันใดนั้นเด็กชายก็พุ่งเข้าหาเซี่ยเหลียน แต่เขาก็หลบไปด้านข้างได้อย่างรวดเร็ว ก่อนรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่พุ่งใส่หลัง เมื่อเขาจับไว้ก็พบว่ามันคือธนูดอกหนึ่ง ที่แท้เด็กชายต้องการจะช่วยเหลือเขาจะการลอบโจมตี เขารีบกระโดดไปที่กำแพงเพื่อก้มดูจุดที่ธนูดอกนั้นถูกยิงมา ซึ่งก็พอเห็นชายในชุดสีเข้มกลืนกับความมืดคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีไป แม้เฟิงซิ่นจะยิงธนูไล่ตามก็ไม่ทันสียแล้ว
เซี่ยเหลียนรู้ในทันทีว่าอีกฝ่ายต้องเป็นหลางอิง แล้วเขาก็สังเกตว่าที่ธนูดอกนั้นมีเศษผ้าผูกไว้ เมื่อแกะออกอ่านก็เห็นตัวอักษร ฉี เขาจึงรีบสั่งให้ทหารไปตามหาว่าญาติผู้น้องของเขายังอยู่ในวังหรือไม่ แต่ถ้าฉีหรงถูกลักพาตัวไปจริงก็จะชักช้าไม่ได้ เขาสั่งให้เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงคอยอยู่กำแพงเมือง เพราะหากพาคนอื่นหรือทหารไปด้วยอาจเกิดการปะทะกันรุนแรง เขาวิ่งไปตามทางที่หลางอิงมุ่งไป แต่แล้วเซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามมา เมื่อหันไปดูก็พบว่าอีกฝ่ายคือทหารเด็กคนนั้น เซี่ยเหลียนสั่งให้อีกฝ่ายกลับไปแต่เด็กชายก็ยังคงตามมา เขาจึงเพิ่มความเร็ว ทิ้งอีกฝ่ายไว้เบื้องหลังจนพ้นจากระยะสายตา ในที่สุดเขาก็มาถึงยอดเขาเล็กๆ ชื่อว่าเป้ยจื่อซึ่งเป็นป่ารกทึบ เขาพบฉีหรงถูกแขวนห้อยหัวไว้บนต้นไม้ จากสภาพแล้วคงถูกทุบตีมาไม่น้อย เซี่ยเหลียนรีบใช้กระบี่ตัดเชือก ตบหน้าเรียกสติ ก่อนช่วยแก้มัดให้ญาติผู้น้อง ตอนนั้นเองเขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกจากเบื้องหลัง เมื่อหันไปก็เห็นหลางอิงกำลังเสือกดาบยาวพุ่งเข้าใส่เขา
.
.
.
.
.
อ้าว ตอนแรกโพสแล้วมันไม่ไป พอรีเฟรซแล้วโพสใหม่ดันเบิ้ลโพสซะงั้น T^T
สยองมาก กูเคยสงสารเซี่ยเหลียนนะจากเรื่องรั่วเย่และหลายๆเรื่อง แต่เมื่อฆ่าคนเป็นพันเพื่อผลประโยชน์ของพวกตัวเอง ถือว่ากรรมตามสนองว่ะ ถ้ายังเป็นมนุษย์มันคือหน้าที่ของรัชทายาท แต่ในฐานะเทพไม่มีสิทธิ์มายุ่งขนาดนี้โว้ย
>>223 ขอบคุณจ้า... ถ้าเป็นโชเน็นมังงะโลกสวยสดใสเซี่ยเหลียนคงทำสำเร็จไปแล้ว แต่ในชีวิตจริงมันไม่ง่าย ในนิยายแม่โม่ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน //หัวเราะทั้งน้ำตา
>>227 หลายอย่างที่เจอก็เพราะทำตัวเองด้วยนั่นแหละ ถ้าต้องรับกรรมเพราะคนอื่นล้วนๆ เซี่ยเหลียนในปัจจุบันคงไม่ self esteem ต่ำขนาดนั้น เซี่ยเหลียนขึ้นเป็นเทพตอนยังเด็กเกินไปจริงๆ ว่ะ ตัดสินใจตามอารมณ์ หัวรั้นไม่ฟังที่หลายๆ คนเตือน ด้วยตำแหน่งรัชทายาท+เทพ มีแต่คนเคารพบูชาเลยเหลิงด้วยว่าถ้าเป็นตัวเองจะทำได้ทุกอย่างช่วยได้ทุกคน พอความพยายามล้มเหลวมาถึงจุดแตกหักที่ต้องเลือกสักทางก็เลือกทางที่เห็นแก่ตัวจริงๆ ฆ่าคนคราวนี้ก็เหมือนโดมิโน่ตัวแรกล้มลงมาแล้ว หลังจากนี้ก็ยิ่ง...... %^&%&#%^& ......
แต่กูก็ชอบที่แม่โม่เขียนบทเซี่ยเหลียนมาแบบนี้นะ ถ้าเซี่ยเหลียนดีทุกอย่าง ไม่เคยแปดเปื้อนเนื้อเรื่องคงไม่น่าสนใจขนาดนี้ แล้วความรู้สึกของฮวาเฉิงในมุมมองคนอ่านก็จะไม่ชัดเจน ว่านี่คือเซี่ยเหลียนคนที่เค้ารัก ไม่ว่าจะสูงส่งหรือตกต่ำจะดีงามหรือเลวร้ายใจของฮวาเฉิงก็มั่นคงไม่เคยเปลี่ยนแปลง (กูเห็นคอมเม้นต์ในด้อมเทียนกวานประเภทเซี่ยเหลียนเป็นคนดีใสซื่อสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้มลทิน 100% ทีไรกูเบ้ปากทุกที บอกว่าชอบเค้ารักเค้า แต่ทำไมถึงรักเซี่ยเหลียนที่เป็นเซี่ยเหลียนไม่ได้ล่ะ ทำเป็นมองไม่เห็นว่าเค้าก็มีข้อเสีย มีมุมเห็นแก่ตัว มีล้มเหลว มีผิดพลาด มีหลงทางไปทำเรื่องร้ายๆ ...เพราะต้องไม่มีรอยด่างพร้อยถึงจะรักได้ ก็เลยทำเป็นว่าด้านไม่ดีของเซี่ยเหลียนไม่มีจริงเหรอ? สรุปแล้วรักเค้าที่ตรงไหนกันนะ?)
>>228
.
.
.
.
.
นิสัยเสียอีกอย่างหนึ่งของเซี่ยเหลียนที่กูเห็น คือเซี่ยเหลียนโดยเฉพาะในสมัยยังเด็กเป็นคนที่เหมือนจะใส่ใจสังเกตคน แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจคนอื่นขนาดนั้นนะ โดยเฉพาะในอาร์ค 4 ที่ถึงบอกว่าตัวเองลำบากอยู่จะไม่คิดถึงคนอื่นก็ไม่แปลก แต่ถ้าเป็นคนที่ปรกติใส่ใจคนอื่นมาจริงๆ ก็ควรสังเกตเห็นฮวาเฉิงบ้างนะ อีกอย่างคือเรื่องของเฟิงซิ่น กูเห็นบางคนด่าที่เฟิงซิ่นทิ้งเซี่ยเหลียนไป คือ ณ ตอนนั้นกูว่ามันจำเป็นต้องห่างกันสักพักแล้วอะ เฟิงซิ่นดีแค่ไหนแล้วที่อยู่กับเซี่ยเหลียนมาถึงขนาดนั้น แล้วในมุมของเฟิงซิ่น เซี่ยเหลียนตอนนั้นไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ ถ้าบอกว่าเฟิงซิ่นไม่ใส่ใจเซี่ยเหลียนเลยไม่รู้ว่าเซี่ยเหลียนไปเจอเรื่องโคตรแย่มา เซี่ยเหลียนเองก็ไม่ต่างกันอะ เซี่ยเหลียนก็ไม่เคยสังเกตว่าเฟิงซิ่นมีความรัก (ทั้งๆ ที่ตัวเองก็คิดว่าแปลกๆ) ไม่เคยคิดจะให้อะไร แต่มาให้ของเพราะกลัวอีกฝ่ายจะทิ้งตัวเอง (แต่ส่วนหนึ่งก็รู้ว่ายังเด็ก เลยไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้) ไม่สนใจว่าถ้าตัวเองไม่ยอมพูดอะไรแล้วทำกับเฟิงซิ่นแบบนั้นอีกฝ่ายก็รู้สึกแย่เหมือนกัน (ถ้าไม่เล่าใครจะไปรู้เหตุผลที่เหวี่ยงขนาดนั้น อีกอย่างก่อนหน้านั้นเซี่ยเหลียนก็ทำอะไรแปลกๆ แย่ๆ มาก่อนด้วย ทั้งจะปล้นคน ทั้งไปกินเหล้าเมาปลิ้นไม่กลับบ้าน แถมทำท่าเหมือนจะประสาทหลอนอีก) ทั้งสองคนต่างลำบากและมีเรื่องกลุ้มใจเหมือนกัน จะมองแต่ในมุมของเซี่ยเหลียนว่าลำบากขนาดนี้มาทิ้งกันได้ยังไงมันก็ไม่น่าใช่ ถ้าบอกว่าแล้วไม่นึกถึงราชากับราชินีเหรอ ทั้งสองคนก็ไม่ใช่พ่อแม่หรือเปล่า เป็นหน้าที่ของเซี่ยเหลียนที่ต้องดูทั้งสองคน ที่ผ่านมาก็ให้เฟิงซิ่นดูแลแทนมานานเท่าไร อย่างน้อยก่อนไปเฟิงซิ่นก็ลาทั้งสองคน และทั้งราชากับราชินีก็เข้าใจถึงได้บอกให้เซี่ยเหลียนไปง้อเฟิงซิ่นกลับมา ความผิดเดียวของเฟิงซิ่นที่กูรู้สึกคือการที่พอได้เป็นเทพแล้วไม่กลับมาส่องเซี่ยเหลียนบ้าง ปล่อยให้อีกฝ่ายระหกระเหิรอยู่คนเดียวหลายร้อยปี เรื่องนี้เรื่องเดียวเลย
.
.
.
.
.
สถานการณ์เซี่ยเหลียนตอนนี้คล้ายๆพี่เว่ยตรงที่ฆ่าคนเป็นเบือ แต่รายละเอียดต่างกันตรงพี่เว่ยควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เซี่ยเหลียนมีสติรับรู้ แต่ทำเพราะจำเป็น
เจ็บอ่ะ ตัวเอกแม่โม่นี่จิตใจดี แต่เจอประสบการณ์ชีวิตโหดสัสตลอด
โอ้โห สถานการณ์แม่งแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออกฉิบหาย พอมาถึงจุดนี้กูถึงเข้าใจว่าทำไมใครๆก็ไม่อยากให้เซี่ยเหลียนยุ่ง คือถ้าไม่ลงมายุ่งถึงขั้นฆ่าคนอย่างนี้อ่ะก็อาจจะไม่มีปัญหาไง แต่นี่แบบลงมาแล้ว แล้วฆ่าคนเพื่อปกป้องเมืองตัวเอง ถึงจะพูดว่าพยายามจะช่วยอีกฝั่งด้วยการสร้างฝนให้ก็เถอะ แต่แบบ นี่มันก็เหมือนลำเอียงเลือกข้างแล้วอ่ะว่าจะช่วยฝั่งเมืองตัวเอง แต่เจตนาก็ไม่ได้มุ่งร้ายจะฆ่าประชาชนอีกฝั่งมาตั้งแต่แรก เจตนาเริ่มต้นก็ดีแต่พอเซี่ยเหลียนลงมาเรื่องมันเลยยิ่งยุ่งจริงๆนั่นแหละ แต่จะว่าน้องเต็มปากก็ไม่ได้ เฮ้อ นี่ว่าที่ฝั่งหย่งอันตั้งทัพอะไรได้ดีขึ้นนี่ว่าต้องมีเทพองค์อื่นช่วยมั้ย แบบเพราะที่เคยบอกว่ามันถึงคราวที่เซียนเหล่อต้องล่มสลาย พอเซี่ยเหลียนมาขวางแบบนี้ เทพเลยต้องมาช่วยฝั่งหย่งอันให้ชนะจะได้เป็นไปตามวัฏจักรด้วยมั้ย
>>230 กับเฟิงซิ่นกูไม่โกรธเรื่องเซี่ยเหลียนเลยนะ (ส่วนที่โกรธก็มี แต่ไม่ใช่เรื่องเซี่ยเหลียน)
.
.
.
.
.
โดนเซี่ยเหลียนพูดตอกย้ำว่าไม่ต้องการเขาขนาดนั้น เป็นกูกูก็ไม่กล้าหน้าด้านอยู่หรอกว่ะคิดว่าถูกเกลียดแล้วด้วยซ้ำ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ต้องการเขา จะทนอยู่ไปให้ทรมานใจทั้งสองฝ่ายทำไม เฟิงซิ่นอ่านใจเซี่ยเหลียนไม่ได้นี่นาจะไปรู้ได้ไงว่าตอนนั้นเซี่ยเหลียนอยากให้เขาอยู่ ไอ้เรื่องที่ไม่ไปดูดำดูดีอีกฝ่ายหลังจากนั้นกูก็เข้าใจนะ จากกันได้แย่มาก ไม่กล้าไปเสนอหน้าในชีวิตอีกฝ่ายก็เป็นเรื่องธรรมดา จะให้แอบตามดูแล เฟิงซิ่นก็ไม่ใช่พวกประเภทปิดทองหลังพระแบบฟาฟาด้วย ที่ปลอมตัวมาช่วยเซี่ยเหลียนส่วนนึงก็น่าจะเพราะเป็นภารกิจของสวรรค์ ถ้าเป็นเรื่องชีวิตส่วนตัวเซี่ยเหลียนก็คงไม่มา
เซี่ยเหลียนไม่ใส่ใจคนอื่นอะโคตรจริง... อย่าว่าแต่ไม่สังเกตเห็นฟาฟาสักทีเลย แค่กับฉีหรงกูก็มองอ่อนแล้ว กูไม่ค่อย bias กับนิสัยฉีหรงเท่าไหร่ เพราะสมัยก่อนเทิดทูนเซี่ยเหลียนปานนั้น ขอแค่เซี่ยเหลียนมีใจจะอบรมสั่งสอนให้ดีจริงๆ ใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายบ้าง ไม่ใช่แค่ต่อว่าดุด่าแล้วก็เมิน นิสัยฉีหรงคงไม่บิดเบี้ยวไปถึงขั้นนั้น สถาบันครอบครัวห่วยแตก เปลี่ยนตัวผู้ปกครองก็โดนสปอยจนกลายเป็นเด็กเกรียนชอบเรียกร้องความสนใจ แต่คนที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดดันไม่เห็นเขาอยู่สายตาอีก
.
.
.
.
.
กูชอบที่ตัวเอกโม่เซียงไม่จำเป็นต้องดีต้องบริสุทธิ์ เรื่องร้ายก็ทำสุดอะไรสุดนะ แต่กูเบื่อพวกบอกลูกฉันเป็นคนดี พี่เว่ยเป็นคนดีถูกใส่ร้าย โดนกระทำ แค่ใช้วิธีมารก็ดูชั่วช้า ทั้งที่เอาศพคนอื่นมาใช้สู้ก็แย่ปะ เกิดอนาคตพี่วั่งตายแล้วมีใครเอาพี่วั่งไปทำศพเดินได้สู้ให้โดนฉีกขาเล่น พี่เว่ยจะพูดว่าดีแล้วที่เอาคนตายมาใช้สู้เพื่อคนเป็น ลดความเสียหายของคนเป็นเหรอ เซี่ยเหลียนก็เหมือนกัน ไม่ใช่ไม่มีทางเลือก โดนสถานการณ์บีบบังคับแต่เป็นคนเลือกมายุ่งเอง สิ่งที่ทำไม่ใช่เพื่อคนอื่นหรอกแต่เป็นความทะนงตนเอาตัวเองเป็นใหญ่ทั้งที่หลายคนพยายามเตือน แนวเทพเซียนเรื่องอื่นยุ่งกับชะตาแค่คนเดียวชดใช้กันชิบหายวายว่อง นี่ฆ่าเป็นพันๆคน เคสเจ้าสาวบทแรกฆ่าไม่ถึงร้อยยังโดนจับ นี่ฆ่าโจ่งแจ้งมาก มีชีวิตอยู่จนตอนนี้ก็บุญแล้ว และเซี่ยเหลียนก็ได้บทเรียนจนนิสัยเปลี่ยน อย่ามาบอกว่าชะตาไม่ดีเลยในเมื่อตัวเองเป็นคนเลือกทำเอง
>>235
.
.
.
.
.
แต่เฟิงซิ่นก็แอบยกหนี้ให้เซี่ยเหลียนโดยไม่บอกนะ ก็คงช่วยแบบเงียบๆ อยู่ ไปตามหาดาบที่เซี่ยเหลียนสั่งให้เอาไปจำนำกลับมาเก็บไว้ด้วย ส่วนกรณีฉีหรงกูพอเข้าใจนะ เพราะว่ากูก็มีญาติที่จิตไม่ค่อยปรกติเท่าไร ก็เข้าใจว่าเขาเป็นแบบนี้เพราะป่วย แต่พออยู่ด้วยมันก็รู้สึกแย่แล้วก็รำคาญอะ (คนที่ดูแลผู้ป่วยทางจิตถึงต้องคอยผลัดเวรกันดู ไม่อย่างนั้นจิตจะตกด้วย) ยิ่งตอนแรกเซี่ยเหลียนก็ยังเด็กอยู่ จะทำอย่างนั้นกับฉีหรงก็ไม่แปลก แต่ถ้าเซี่ยเหลียนเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นจริงๆ ก็ควรจะช่วยจัดการกับนิสัยฉีหรงบ้าง เพราะฉีหรงก็ฟังเซี่ยเหลียนด้วย กับพ่อแม่ตอนแรกก็บอกรำคาญนู้นนี่ ไม่อยากมาเจอหน้า ไม่สังเกตว่าพ่อแม่แก่ขึ้นแค่ไหน พอตอนตัวเองลำบากขึ้นมาก็นึกถึงทั้งสองคนก่อน อยากกลับไปเด็กงุ้งงิ้งให้ทั้งสองคนดูแลไม่ต้องรับรู้เผชิญกับปัญหาอะไร แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายกูก็คิดว่าเป็นเพราะตอนที่เกิดเรื่องพวกนั้นเซี่ยเหลียนยังเด็กเกินไปจริงๆ เรื่องราวมันถึงได้ผิดพลาดไปหมดอย่างนี้
.
.
.
.
.
กูว่าตัวละครไม่เฉพาะตัวเอกของโม่เซียงคือเทาๆหมด ทุกคนถูกชะตาชีวิตทำร้าย และทางเลือกของแต่ละคนก็ส่งผลต่ออนาคต มีทั้งหยุดตัวเอง มีทั้งถลำลึก
>>230
.
.
.
.
.
ความจริงเรื่องของเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงกูรู้สึกโกรธอยู่ลึก ๆ มาตลอด ด้วยความที่หายไป 800 ปีไม่มาดูดำดูดี มันไม่ใช่แค่ 8 ปี หรือ 80 ปีอ่ะ แต่เป็น 800 ปีตัวเลขเวลามันน่าหดหู่โดดเดี่ยวเกินไป.... แล้วพอเซี่ยเหลียนกลับมา อยู่ ๆ ก็โผล่มาใส่ใจช่วยเหลือเหมือนช่องว่าง 800 ปีไม่เคยเกิดขึ้น มันเลยเป็นอะไรที่กวนใจกูกับบทสองคนนี้มาตลอด
แต่กรณีเฟิงซิ่นกูพอทำใจได้เพราะอย่างน้อยเฟิงซิ่นก็เคยพยายามแล้วแต่มันก็มาถึงจุดที่ดันทุรังกันต่อไม่ไหวอยู่ดี ทำให้กูพอโอเคที่สุดท้ายอภัยให้กันได้ แต่กับกรณีมู่ฉิงยังไงกูก็ยอมรับไม่ได้เหตุผลการละทิ้งเซี่ยเหลียนมันไร้น้ำหนักเกินไปแล้วสุดท้ายเซี่ยเหลียนดันให้อภัยและกลับมาสนิทเหมือนเดิมอีก //อันนี้กูยอมรับว่าโกรธเพราะสำหรับคนบางคนหรือเรื่องบางเรื่องอาจสามารถอภัยให้ได้แต่จะให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยทำเป็นไม่เห็นรอยร้าวกูรับไม่ได้จริง ๆ
.
.
.
.
.
กูว่าตัวเอกโม่เซียงดำ เป็นตัวร้ายเลยล่ะ แต่งานสื่ออกมาว่าถึงร้ายก็มีที่มาที่ไปมีเหตุผล
>>240
.
.
.
.
.
.
.
จริงเว้ย กูก็โกรธมู่ฉิงมากกว่าเฟิงซิ่นอะ เฟิงซิ่นนี่ยังพอเข้าใจ แต่มู่ฉิงที่ทิ้งไปเพราะลำบากมาด้วยกัน พอได้เป็นเทพกลับไม่มาช่วยเซี่ยเหลียน พอเจอเซี่ยเหลียนในถ้ำนั้นถึงได้รู้สึกผิดแล้วเอาข้าวของมาให้
แต่เห็นด้วยเรื่องเซี่ยเหลียนเด็กไปจริงๆ หลายๆอย่างที่ตัวเองคิดว่าทำได้แต่ความจริงมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
อีกอย่างตอนนี้เซี่ยเหลียนยังไม่เข้าสู่ด้านมืดขนาดนั้น ต้องอาร์คที่สี่จริงๆที่โคตรจอยเดอะดาร์คไซด์ 55555
.
.
.
.
.
.
>>240
.
.
.
.
.
กูไม่ได้บอกว่ามู่ฉิงนิสัยดีนะ แต่กูเข้าใจอารมณ์ของมู่ฉิง ณ โมเมนท์นั้น เพราะกูก็เคยผ่านอะไรที่คล้ายๆ กันมาก่อน หลักๆ เลยคือมู่ฉิงมีแนวคิดการใช้ชีวิตที่ต่างกับเซี่ยเหลียน + เฟิงซิ่นมากเกินไป การที่มู่ฉิงทิ้งเซี่ยเหลียนมันไม่ได้เกิดเพราะความยากลำบากหลังเซี่ยเหลียนถูกเนรเทศ แต่มันเป็นอะไรที่สะสมมานานมากแล้ว เฟิงซิ่นจะไม่ค่อยขัดเซี่ยเหลียน สองคนนี้เลยไปกันได้ แต่มู่ฉิงพูดขัดความคิดของเซี่ยเหลียนมาตั้งนานแล้ว เตือนอะไรก็ไม่เคยจะฟัง (แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นความจริง) พอโดนเนรเทศ ทั้งๆ ที่มู่ฉิงมีความเชี่ยวชาญในงานใช้แรงงานหาเงินมากกว่า แต่ตอนแรกเซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นก็มีอีโก้ ไม่เชื่อ ไม่ทำตาม ด่าอีกต่างหาก (โดยเฉพาะเรื่องที่ให้ไปแสดงข้างถนน ซึ่งสุดท้ายสองคนก็ต้องทำอยู่ดี) คือตอนที่ชีวิตยังดีๆ อยู่มันก็อาจจะพอข่มใจให้เรื่องมันผ่านๆ ไปได้ แต่ตอนนี้อะไรมันลำบากไปหมด ความอดทนมันก็ต่ำตาม (มึงลองคิดว่าระหว่างมึงอารมณ์ดีๆ อยู่แล้วมีอะไรมากวนใจ กับตอนที่มึงโคตรจะเหนื่อย แล้วมีอะไรมากวนใจ อะไรที่ทำให้มึงเหวี่ยงได้มากกว่ากัน) มู่ฉิงก็เริ่มแสดงออกมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ก่อนช่วงเซียนเล่อล่มสลายแล้ว แต่ก่อนเคยกล้ากลอกตาใส่เซี่ยเหลียนที่ไหน ตอนหลังๆ เริ่มทำบ่อยขึ้น
แต่ก่อนกูเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนที่มีนิสัยจริงจัง คนอื่นจะเฮฮาปาร์ตี้ตลอด สุดท้ายกูก็อยู่กับเพื่อนกลุ่มนั้นไม่ได้ ตอนนั้นกูโกรธเพื่อนมากๆ ว่าสิ่งที่กูพูดมันคือสิ่งที่ถูกที่ควรไม่ใช่เหรอ แต่พออายุมากขึ้นมาคิดๆ ดูมันก็แค่หลักการใช้ชีวิตของกูกับเพื่อนมันต่างกันมากเกินไปเท่านั้น ไม่มีใครผิดใครถูก เป็นเพื่อนกันได้ แต่ไม่ควรสนิทกัน อยู่กันห่างๆ ดีกว่า
อีกอย่างถึงมู่ฉิงจะเอาแม่มาอ้างเพื่อกลับสวรรค์ แต่มู่ฉิงก็มีแม่ที่ต้องดูแลจริงๆ อาจไม่ใช่เหตุผลหลักแต่มันก็ยังเป็นส่วนหนึ่งในเหตุผลอะ แล้วลักษณะตอนนั้นมันเตี้ยอุ้มค่อมมาก ถ้ามู่ฉิงนิสัยดีกว่านี้ ใจแคบน้อยกว่านี้ เปิดใจพูดกับเซี่ยเหลียนไปเลยว่าจะไป แล้วแอบมาเอาของช่วยแบบที่เคยทำหนหนึ่งนั่นคือจะวินวินกันมาก อยู่ห่างๆ ลดการกระทบกระทั่งกัน ช่วยแบบห่างๆ ไปแทน
สิ่งที่ทำให้กูโกรธมู่ฉิงแบบมากๆ เลยคือสิ่งที่มู่ฉิงทำในถ้ำ มู่ฉิงมีตัวเลือกอื่นเยอะมาก จะไม่พูดเลยก็ได้ หรือเข้าไปพูดให้ออกไปในเชิงขอร้องก็ได้ อย่างมากก็คงแค่ถูกเทพ 33 องค์นั่นเหน็บแนมไปพักหนึ่ง แต่มู่ฉิงเลือกจะทำอย่างนั้น ถึงจะรู้สึกผิดรีบมาพยายามแก้ทันทีมันก็ช่วยเปลี่ยนความรู้สึกที่เสียไปแล้วไม่ได้ แถมไอ้นิสัยชอบประชดประชันปากปีจอนั่นก็ยิ่งทำให้หลายๆ เรื่องผิดพลาดคนเข้าใจผิดไปใหญ่ (จริงๆ กูว่ามู่ฉิงนี่ออกจากคล้ายเสิ่นจิ่วผสมปิงเหมยเลยล่ะ) แล้วไอ้นิสัยขอเอาตัวรอดก่อนนั่นก็น่าตบจริงๆ แต่ความผิดก็มู่ฉิงก็ไม่ได้ร้ายแรงจนถึงขนาดต้องเอาไปฆ่าแกงกัน ถ้ากูเป็นเซี่ยเหลียนกูคงไม่กลับไปสนิทด้วยอีก คบห่างๆ พูดกันเท่าที่จำเป็น ส่วนเรื่องการให้อภัยพออายุมากขึ้นมันก็มองอะไรไม่เหมือนเดิม สิ่งที่มึงโกรธเพื่อนมากๆ ในวัยเด็ก พอผ่านไปนานๆ บางทีก็ทำให้คิดได้นะว่าแทนที่จะมานั่งคิดเรื่องไม่ดีในอดีตในอารมณ์ขุ่นมัว ก็ช่างมันไปให้ไม่ต้องเครียดดีกว่า ตอนนี้คนจากบ้านเดียวกันก็เหลือกันแค่นี้ แล้วมันก็เคยมีช่วงชีวิตที่ทั้งสามคนเคยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอยู่จริงๆ ไม่ได้มีแค่เรื่องแย่ๆ อย่างเดียว แค่ช่วงชีวิตคนธรรมดาความคิดยังเปลี่ยนได้ แต่เซี่ยเหลียนผ่านมา 800 ปีมันก็ต้องคิดตกได้มากกว่าคนธรรมดา แล้วมู่ฉิงก็ทำท่าจะเริ่มปรับปรุงนิสัยตัวเองด้วย คนๆ นั้นทำเหี้ยกับเซี่ยเหลียนมาเยอะกว่ามู่ฉิงอีก เซี่ยเหลียนก็ยังเอาหมวกสานให้ แล้วปล่อยไปเลย
.
.
.
.
.
>>243
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
สิ่งที่ทำให้กูไม่โอเคจริงๆกับมู่ฉิงคือ
เรื่องที่ไปกับพวก33คนนั้น ไม่ต้องพูดแล้วเนอะ ที่กูให้เหี้ยขึ้นอีก คือที่จากนั้น ปากพล่อยแฉเซี่ยเหลียนต่อหน้าเฟิงซิ่น กูบายเลยฉากนั้น
แถมเป็นเทพที่800ปีมานี้ลงมาที่โลกบ่อยมาก แต่ไม่เคยอะไรกับเซี่ยเหลียนเลย คือมึงคิดออกป่ะ ตอนนั้นปากดีว่าจะเป็นเทพเพื่อจะมาช่วย แต่สุดท้ายก็แค่ลมปาก
แล้วที่เอาเรื่องเก่าๆของเซี่ยเหลียนมาพูดอีกกับเฟิงซิ่นที่ภูเขาหิมะ อันนี้กูให้ระดับสิบเหี้ยเลย ว่าสรุปแล้ว800ปีที่ผ่านมาของมึงคืออะไร กะทั้งหมด+ฉากสุดท้ายที่เราเห็นว่ามู่ฉิงไปเชื่อคำพูดของคนๆนั้น หรือที่สารภาพเปิดอกกับเซี่ยเหลียน ขอโทษนะ แต่กูนี้อ่านไปไม่ได้อินเลย ได้แต่ร้องว่าอีดอก ถ้าไม่มีเรื่อง แต่จะเอาเค้าเป็นแค่มาตรวัดความก้าวหน้าในชีวิตของแกหรือไง บอกอยากเป็นเพื่อนกับเค้า? หรอ???? อีห่า แต่ที่ผ่านมาๆล่ะ เคยทำตัวเป็นเพื่อนของเค้ามั้ย
คือกูเข้าใจที่มึงว่ามานะ ว่าเซี่ยเหลียนเป็นคนที่ใจดี ไม่เอาเรื่อง กลับมาเฮฮากันอีกก็ได้
แต่อันนี้กูพูดในมุมคนอ่าน คือกูไม่ชอบแคแรกเตอร์แบบนี้ว่ะ ไม่โอเคเลยจริงๆ
ส่วนเฟิงซิ่นแบบที่บนๆว่า ไม่ได้ไม่ชอบเพราะเรื่องเซียเหลียน แต่ไม่ชอบเพราะกรณีอื่น
คือถ้าขนาดคนที่บอกว่ารักยังไม่ได้กลับมาหาเค้า กูก็ไม่ได้หวังอะไรกับผู้ชายแบบนี้แล้วล่ะ ว่าเป็นเทพแล้วจะคิดถึงเซี่ยเหลียนอะไรมั้ย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
>>242 ถ้าเข้ารูทนั้นจริงๆ แบบกู่ไม่กลับ เราก็จะได้เซี่ยเหลียนเคะราชินี 1ea สินะ
.
.
.
.
.
นายwm(นามสมมุติ)คะ นายอยากจะจุมพิตเลียไล้ฝ่าพระบาทของควีน เอ๊ย เตี้ยนเซี่ยมั้ยคะ... ถ้าเซี่ยเหลียนได้คบกับนายwmตอนนั้นจริงๆ คงมองเป็นทรัพย์สินไม่ได้มองเป็นคนรักแหงๆ สภาพจิตใจตอนนั้นพังมาก ต่อให้อีกฝ่ายพูดอะไรไปก็ไม่เชื่อหรอก พิสูจน์ยังไงก็คงไม่เชื่ออยู่ดี...... ไปรูทนั้นก็ระทึกดีนะ แต่ขมอิ๊บอ๋าย เป็นฮวาเหลียนน่ะดีแล้ว
.
.
.
.
.
>>244
.
.
.
.
.
กูก็ไม่ได้ชอบมู่ฉิงนะ คิดว่าเป็นตัวละครเทาที่ค่อนไปทางดำ แต่พอเข้าใจเหตุผลในการกระทำ เรื่องแฉเซี่ยเหลียนชอตแรกนั่น มู่ฉิงไม่รู้ไม่ใช่เหรอว่าเฟิงซิ่นไม่รู้ เพราะมู่ฉิงขี้มโน ตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อเลยว่าเซี่ยเหลียนไม่ได้บอกเฟิงซิ่นเรื่องทองแผ่นที่หายไป แล้วก็ยังคิดว่าทั้งสองคนไม่เขื่อว่าตัวเองไม่ได้ขโมยไข่มุก คิดว่ามีอะไรเซี่ยเหลียนก็บอกเฟิงซิ่น แล้วกีดกันไม่ให้ตัวเองรู้ (คือรู้สึกแปลกแยกกับทั้งสองนั่นแหละ ซึ่งเหตุผลก็เหมือนที่กูเขียนไปใน >>243) คือเรื่องที่แฉการกระทำมันแย่จริง แต่มู่ฉิงไม่ได้เจตนา
เรื่อง 800 ปีไม่มาแลอันนี้ก็คล้ายๆ กับเฟิงซิ่นที่กูว่าที่จริงมันก็น่าจะมาส่องหน่อยเปล่าวะ แต่ถ้ามองว่าเฟิงซิ่นกับเซี่ยเหลียนจากกันไม่ดี เฟิงซิ่นเลยเลยไม่อยากสู้หน้า มู่ฉิงเองตอนนั้นก็โดนเซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นไล่แบบฮาร์ดคอร์ แถมพลังมโนว่าเซี่ยเหลียนเกลียดตัวเองอีกก็เลยไม่มา (กูแค่เข้าใจเหตุผล แต่ก็ไม่เห็นด้วย)
เรื่องที่ภูเขาสองคนนี้เวลาทะเลาะกันก็ชอบขุดเรื่องอยู่แล้ว กูเลยไม่ได้อะไรตรงนี้มาก เพราะในชีวิตจริงดูอย่างพ่อแม่ หรือคนรักกัน แม้แต่ผู้หญิงตอนมีเมนส์ก็มีนิสัยชอบขุดเอาเรื่องที่น่าจะจบไปแล้วหรือเรื่องแย่ๆ กลับมาพูดอีก (เออ จะว่าไปถ้าเฟิงซิ่นบอกว่ามู่ฉิงนิสัยชอบคิดเล็กคิดน้อยยิ่งกว่าพวกนางใน กูก็ว่าเป็นนางในตอนกำลังเมนส์มาด้วย 555) ส่วนฉากเปิดอกกูก็ไม่อินว่ะ รู้สึกพูดออกมาก็ไม่ได้ทำให้การกระทำที่ผ่านมาดูดีมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้อะไรกับฉากนี้เหมือนกัน เพราะบางทีคนเรามันก็อดเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนไม่ได้อะ มันก็อาจมีอารมณ์อิจฉา มู่ฉิงมีริษยาบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น สรุปคือกูว่ามู่ฉิงเป็นคนค่อนข้างเหี้ย ชอบทำอะไรเหี้ยๆ แต่เจตนาไม่ได้เหี้ย กูเลยคิดว่ามู่ฉิงก็ไม่ได้เหี้ยขนาดนั้น 5555 พอทำความเข้าใจและไม่ได้เกลียดตัวละครนี้ ถ้าต้องเป็นเพื่อน ก็ขอเป็นแบบเพื่อนห่างๆ
ส่วนกรณีนั้นของเฟิงซิ่น อืม มันก็ดูเป็นผู้ชายไม่มีความรับผิดชอบเนอะ แต่ตอนนั้นผู้หญิงก็เป็นฝ่ายขอเลิก ไล่ออกไปเอง (ไม่แน่ใจว่าหลอกว่ามีคนซื้อตัวไปแต่งงานด้วยหรือเปล่า เพราะเห็นเฟิงซิ่นบอกว่านึกว่าแต่งงานมีความสุขไปแล้ว) ส่วนเฟิงซิ่นก็ดั๊นเป็นคนตรงๆ ทื่อๆ ไม่ชอบคิดอะไรซับซ้อน ซึ่งก็ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว แถมไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายท้องลูกตัวเอง กูเลยเข้าใจที่ไม่กลับไปหาผู้หญิง แต่ก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน คือไม่มีห่วงอะไรเลยเหรอวะ อย่างน้อยก็น่าจะไปส่องว่าเขาชีวิตดีจริงหรือเปล่า เหมือนที่กูคิดในกรณีเซี่ยเหลียน
.
.
.
.
.
กูอ่านสปอยล์ละเป็นงงมาก ถ้ารอเล่มแปลไทยออก กูจะได้คุยกับเหล่าโม่งละเอียดๆ แบบนี้อีกมั้ยอ่ะ TOT บอร์ดโดนยุบก่อนเล่มหนึ่งออกด้วย
พวกมึง กู KY มากๆ กูเพิ่งจะเริ่มดูปรมจในเน็คฟลิกไปตอนนึง ทีนี้กูเลยอยากอ่านนิยายมากกว่า ตอนนี้มันมีแค่ สองเล่มใช่ป่ะวะ
ถ้ากูรอซื้อตอนออกเล่มห้าทีเดียว เค้าจะมีบ๊อกเซทรวมทุกเล่มขายให้ใช่ป่ะ
เวลาดูในเนตฟลิกมีคอมเม้นมั้ยมึง กูตลกเวลาดูใน wetv ละมีคอมเม้นวิ่ง บางเม้นแม่งฮาชิบหาย (แต่บางเม้นก็น่ารำคาญนะ ^^" ) แต่กูก็ยังดูแบบเปิดคอมเม้นอยู่ดี เหมือนมีคนร่วมหวีดด้วย 55555
เออกู ky อีกรอบ งานของนักเขียนคนนี้เรื่องไหนสนุกสุดในความคิดพวกมึง กูยังไม่เคยอ่านซักเรื่อง ไปอ่านรีวิวมาคร่าวๆ เหมือนจะกรี๊ดกับเทียนกวานสุด แต่ก็ไม่แน่ใจว่ะ
>>256 เท่าที่กูสังเกตกระแสคนพูดถึงอะไรอย่างนี้ ปรมจ น่าจะดังที่สุดใน 3 เรื่อง (เป็นอย่างนี้ตั้งแต่ก่อนซีรียืฉาย) เรื่องเทียนกวานจะเครียดอึดอัดจริงจังที่สุด บางคนก็ว่าน่าเบื่อ (คงเพราะเซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงมีความเป็นผู้ใหญ่ทั้งคู่ด้วยล่ะมั้ง) ส่วนตัวร้ายจะใสสุด เน้นอารมณ์เฮฮา
สำหรับกูจะเป็น เทียนกวาน > ปจมจ > ตัวร้าย เทียนกวานกูให้คะแนนสูงเพราะพัฒนาการของตัวละคร มิติของตัวละคร รายละเอียดแต่ละจุดในเรื่อง แทบไม่มีตัวละครตัวไหนใช้แล้วทิ้งเฉยๆ เลย
>>256 กูให้ เทียนกวาน > ปรมาจารย์ = ตัวร้าย
ปรมาจารย์กับตัวร้ายมันคนละแนวไม่อยากเทียบกันเท่าไหร่ แต่กูอ่านแล้วก็สนุกพอๆ กัน อ่านคลายเครียดก็ตัวร้าย จริงจังขึ้นมาหน่อยก็ปรมจ. ให้คะแนนเทียนกวานเยอะสุดเพราะกูละสายตาจากใครไม่ได้เลยแม้กระทั่งตัวประกอบ อีกสองเรื่องพวกตัวประกอบกับตัวละครที่กูไม่ชอบหรือเฉยๆ บางทีก็หายไปจากความทรงจำดื้อๆ อะ ต้องอ่านทบทวนใหม่... แต่ไม่ใช่ว่ากูชอบเทียนกวานมากสุดแล้วเรื่องนี้จะดีสุดสำหรับทุกคนนะ ลางเนื้อชอบลางยาว่ะ แล้วแต่ว่าใครถูกจริตเรื่องไหนมากกว่ากัน
>>267 5555 แต่เอาจริงๆ ตอนบทน้ำดำ เซี่ยเหลียนบอกว่าตัวเองเป็นเทพสงครามตัวหนัก ตอนเฮียตู้เจอหินบล็อคทางทำอะไรไม่ได้ แต่เซี่ยเหลียนมากระทืบ 2 ตีหินแตกนี่ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวกูเลยว่าหรือว่าอิมเมจของเซี่ยเหลียนในหัวกูจะผิดมาตลอดวะ ความจริงแล้วเซี่ยเหลียนอาจจะล่ำบึ้กแบบเคนชิโรก็เป็นไปได้
>>268 อิมเมจมโนกูว่าเตี้ยนเซี่ยออกแนวซ่อนรูปว่ะ มองเผินๆ เหมือนตัวบาง แต่จริงๆ ฟิต&เฟิร์มกล้ามเนื้อแน่นๆ สมชายชาตรีแต่ก็ไม่ได้ล่ำแบบพวกเพาะกล้าม ไม่ได้นุ่มนิ่มไปทั้งตัวแบบมาร์ชเมโล่ แต่บางส่วนอาจจะนุ่มเป็นพิเศษ (เช่นริมฝีปาก ฯลฯ ...อยากรู้ลึกรู้จริงต้องไปสัมภาษณ์ฟาฟา 555+)
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>223 เทียนกวาน Part.66
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนต่อสู้กับหลางอิง เขาบอกอีกฝ่ายให้ยุติการรบแล้วรับเสบียงกับน้ำดื่มกลับบ้านเกิดของตัวเอง โดยเขาสัญญาว่าทหารเซียนเล่อจะไม่ทำร้ายชาวหย่งอัน แต่หลางอิงกลับถามกลับว่าเซี่ยเหลียนคิดว่าสิ่งที่ตัวเองถูกต้องหรือไม่ คำถามนั้นทำให้เซี่ยเหลียนอึ้ง เพราะลึกๆ ในใจเขาก็คิดว่าสิ่งที่ตนทำมีบางอย่างไม่ถูกต้องเช่นกัน เขาถามว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรให้มาคุยกันเพื่อหาเส้นทางที่สามซึ่งจะสามารถยุติสงครามได้ ทว่าหลางอิงกลับตอบทันทีว่าเขาไม่ต้องการอะไรนอกจากการทำให้อาณาจักรเซียนเล่อหายไป เซี่ยเหลียนเลยขู่ว่าอีกฝ่ายไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะได้ และผู้ติดตามของหลางอิงจะพากันตายหมด ถึงอย่างนั้นหลางอิงก็ยังตอบอย่างใจเย็นว่าเขารู้ และรู้ด้วยว่าเซี่ยเหลียนเป็นเทพเจ้า แต่ถึงจะเป็นเทพก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
เซี่ยเหลียนรู้สึกเหมือนเห็นภาพตัวเองตอนพูดกับจวินอู๋ว่าสวรรค์หยุดเขาไม่ได้ซ้อนบนตัวของหลางอิง แต่ในตอนที่เขาหันมาจับกระบี่ด้วยสองมือพร้อมจัดการขั้นเด็ดขาดก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากเบื้องหลัง เซี่ยเหลียนรีบหันกลับไป ข้างหน้าของเขาคือร่างในชุดไว้ทุกข์สีขาวร่างหนึ่งกำลังนั่งบนเถาวัลย์ที่แขวนระหว่างต้นไม้ บนใบหน้านั้นมีหน้ากากสีขาวที่ครึ่งหนึ่งร่ำไห้ ส่วนอีกครึ่งแย้มยิ้ม พอเห็นเซี่ยเหลียนหันมาร่างนั้นก็ปรบมือ และมันก็ทำให้ขนบนหลังของเซี่ยเหลียนถึงกับลุกชัน รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเป็นมนุษย์อย่างแน่นอน ในตอนที่เขาถามอีกฝ่ายว่าเป็นตัวอะไร จู่ๆ พื้นก็แยกเป็น 2 ฝั่ง แล้วหลางอิงที่นอนบาดเจ็บก็หล่นลงไปในช่องว่างนั้น เซี่ยเหลียนที่พลาดการสังหารหลางอิงไม่แน่ใจว่าตัวเองโล่งใจหรือเสียดายกันแน่ แต่เมื่อเสียงหัวเราะดังขึ้นอีก เขาก็รีบพุ่งกระบี่ใส่ ทว่าสิ่งที่กระบี่ของเขาเสียบติดกับต้นไม้กลับมีเพียงชุดสีขาวเท่านั้น
เซี่ยเหลียนรู้สึกว่าสถานการณ์ยิ่งไม่น่าไว้ใจ เขาดึงฉีหรงให้ลุกขึ้นยืน แต่อีกฝ่ายกลับเสนอให้เผาภูเขานี้เสียก่อนเพราะมันเป็นที่ซ่อนตัวของชาวบ้านหย่งอัน ก่อนถามว่าทำไมเซี่ยเหลียนไม่ฆ่าชาวหย่งอันเหมือนที่ทำในสนามรบ เซี่ยเหลียนจึงด่าญาติผู้น้องว่าชาวบ้านกับทหารไม่เหมือนกัน แต่ฉีหรงถามกลับว่าต่างกันตรงไหน เพราะต่างก็เป็นคนเหมือนกัน ทำเอาเซี่ยเหลียนที่ถูกจี้ใจดำมีน้ำโหขึ้นมา แต่ตอนนั้นเองก็มีมือข้างหนึ่งมาจับข้อเท้าของเขาไว้ ก่อนที่จะมีมนุษย์ร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้ราวห่าฝน แต่ถึงจะมีรูปร่างเหมือนคน พวกมันกลับเคลื่อนไหวราวกับหนอนยักษ์กระดึ๊บเข้าหาพวกเซี่ยเหลียน พวกมันคือปีศาจบินุซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยถูกพบใกล้เมืองหลวงมาก่อน แสดงว่าพวกมันต้องถูกพามาที่นี่โดยใครบางคน
เซี่ยเหลียนไม่นึกมาก่อนว่าสงครามครั้งนี้จะมีปีศาจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พอนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นแล้วก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่พวกมันจะร่วมมือกับหลางอิง แม้เซี่ยเหลียนจะฆ่าพวกมันไปมากมาย แต่พวกมันก็ยังเข้ามาไม่หมดสิ้น ตอนนั้นเองก็มีกระบี่เล่มหนึ่งเข้ามาฟันปีศาจตัวหนึ่งที่กำลังจะโจมตีใส่หลังของเซี่ยเหลียน อีกฝ่ายคือทหารเด็กที่เขาทิ้งไว้ระหว่างทางนั่นเอง เซี่ยเหลียนกัดริมฝีปาก เอาเลือดทาลงบนกระบี่เพื่อเป็นคาถาป้องกันแล้วส่งให้ฉีหรง สั่งให้ทั้งสองคนรีบหนีกลับไปที่เมืองหลวงเพื่อรายงานสถานการณ์ให้ทุกคนรู้ แม้ฉีหรงจะรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว แต่ทหารเด็กกลับไม่ยอมไปไหน เซี่ยเหลียนที่ไม่มีเครื่องรางอื่นให้แล้วจึงต้องให้อีกฝ่ายอยู่ด้วย เมื่อได้เห็นฝีมือของเด็กหนุ่มเขาก็อดเอ่ยชมไม่ได้ ทั้งยังแนะนำว่าอีกฝ่ายน่าจะเหมาะกับดาบโค้ง
ทั้งสองมุ่งหน้าจัดการพวกปีศาจบนเขา ทหารเด็กคนนั้นส่งกระบี่ของตัวเองให้เซี่ยเหลียนเพราะอีกฝ่ายมอบอาวุธให้ฉีหรงไปแล้ว แต่เซี่ยเหลียนที่ใช้พลังทิพย์ได้ก็บอกให้เด็กชายเก็บมันไว้ป้องกันตัวเอง ทันในนั้นก็มีปีศาจตัวใหญ่กระโดดใส่เซี่ยเหลียน เขาฮาโดเคนใส่มันทันที แล้วเขาก็ได้กลิ่นเลือดมาจากร่างของมันทั้งๆ ที่บินุมีเพียงของเหลวเหนียวข้นในร่างกาย เมื่อสังเกตดีๆ จึงเห็นว่าเลือดไหลออกมาจากศีรษะมนุษย์ที่อยู่ในปากของมัน เขารีบเดินตามรอยเลือดทีปีศาจตัวนั้นเดินมา สักพักก็ได้ยินเสียงร้องไห้อย่างอ่อนแรง และกลิ่นเลือดที่คลุ้งกระจาย ทหารเด็กรีบเดินขึ้นไปด้านหน้าเซี่ยเหลียนเพื่อปกป้อง แต่เขาก็จัดการดึงอีกฝ่ายกลับไปข้างหลัง แล้วทั้งสองก็มาถึงถ้ำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยซากศพและบินุกว่า 20-30 ตัว โดยมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังถูกกัดกินทั้งเป็น
.
.
.
.
.
ถ้าอยากจะด่าใครแบบระบุตัวชัดๆ ไปไฟท์กับแอคนั้นตรงๆ ไม่ก็ไปห้อง netwatch เหอะ โดยส่่วนตัวกูไม่ขัดอะไรกับที่บอกว่า 'ไม่ได้รอ' หรือ 'รอเซี่ยเหลียน' นะ เพราะถึงฮวาเฉิงไม่ได้รอ แต่ในมุมมองเซี่ยเหลียน การที่ตัวเองไม่ได้ใส่ใจว่ามีใครคนนึงที่อยู่ข้างๆ เค้า มีใครคนนึงที่ทำเพื่อเค้ามาตลอดแต่เค้ากลับไม่รู้อะไรเลย จนถึงเวลาที่เซี่ยเหลียนรับรู้ทุกอย่างได้สักที จะนับว่าเป็นการรอก็ได้...
.
.
.
.
.
Hua Cheng waited for him for over eight hundred years, so what did it matter if he waited for Hua Cheng for another eight hundred?
ก็อย่างที่บรรยาย ฮวาเฉิงไม่ได้รอ ไม่ได้หวังว่าเซี่ยเหลียนจะหันมาแลหรือให้ใจตอบมา แต่ใจเซี่ยเหลียนก็คิดว่าปล่อยทิ้งให้เค้ารออยู่นาน ถ้าใช้มุมมองฮวาเฉิงคือไม่ได้รอเซี่ยเหลียนแต่รอตัวเองให้กล้ามาพบ แต่ถ้าใช้มายด์เซ็ตมุมมองเซี่ยเหลียนนี้จะบอกว่ารอก็ไม่ผิดหรอก บางทีนิยามของคำว่า 'รอ' มันก็กว้างกว่าแค่ความหมายตรงๆ ห้วนๆ
.
.
.
.
.
ไอ้ที่กูรับไม่ได้น่ะ เป็นสปอยประเภทเซี่ยเหลียนตายแล้วตายอีก ฮวาเฉิงต้องรอเซี่ยเหลียนเกิดใหม่หลายชาติ กูล่ะกลุ้ม เซี่ยเหลียนไม่เคยตายนะเฮ้ย!!
>>283 ตอนใกล้จบเรื่องเลย... ถ้าสปอยคือระดับ super deadly ultimate spoil กูขอจุดยาวหน่อยแล้วกัน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เหตุการณ์ - ฟาฟาแบตหมด ไปชาร์จแบต (ไม่ขอบอกสาเหตุนะ เดี๋ยวอ่านเองแล้วไม่อิน)
กว่าจะได้เจอกันนานแค่ไหน - ไม่ถึง 800 ปีหรอก เด็กชายซานหลางไม่กล้าให้เกอเกอรอนานขนาดนั้น 555+
.
.
.
.
.
.
.
.
ขอบคุณค้าบบบ
กูอ่านมาจากที่ไหนสักแห่งเขาวิเคราะห์ว่าน้องเนี่ยไม่ได้จริงใจกับพี่เว่ยตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว เหมือนคบหาเพื่อผลประโยชน์มากกว่า คิดว่าไงกัน
>>287 แหม่ อันนี้ก็ปรักปรำน้องเกินไป 5555
ลองมองย้อนดูวีรกรรมกันดี ๆ มันไม่ใช่พฤติกรรมที่คบเพียงเพื่อหาผลประโยชน์เลยนะ พากันซน สุ่มหัวดูหนังสือโป๊(ไอ้หนังสือเจ้ากรรมน้องหิ้วมาเองยกแผง) แอบชะเง้อลอกข้อสอบพี่เว่ย (หรือจะนับเรื่องนี้เป็นการคบหาเพื่อผลประโยชน์? 555)
เอาจริง ๆ น้องเนี่ยก็แค่เด็กสปอยล์ลอยชายอยู่ใต้ร่มเงาพี่ชายอย่างเป็นสุข มีความสามารถแต่เอาไปใช้กับสิ่งที่ตัวเองสนใจซึ่งดูไร้สาระก็เท่านั้น
ซึ่งกูว่าการที่น้องโตมาแบบนี้ได้ก็เพราะพี่เนี่ยไม่เคยโหดจริงจังด้วยแหล่ะ เหมือนเพิ่งมาจริงจังตอนที่รู้ว่าตัวเองไม่น่าอายุยืน... แต่ก็นั่นแหล่ะน้องไม่รู้ไม่ได้ใส่ใจจนรู้ตัวอีกทีต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาตัวเองหายไป คนที่เชื่อใจหักหลัง เข้าดาร์กโหมดทันที....
ความสามารถอะไรที่มีก็เอามาใช้ในจุดที่ควร แล้วไม่รู้ว่าเป็นเอกลักษณ์คนสกุลเนี่ยหรือเปล่าที่เป็นพวกอารมณ์รุนแรง หรือนิสัยน้องเองที่รักแรงเกลียดแรง เพื่อแก้แค้นให้คนสำคัญที่สุดที่โดนคนสำคัญอีกคนหักหลังเลยเททุกอย่างหมดหน้าตักแม้แต่มิตรภาพเก่า ๆ...
โม่งสปอยหายไปหลายวัน หวังว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>270 เทียนกวาน Part.67
.
.
.
.
.
แม้ท้องจะถูกเปิด เครื่องในกระจายเต็มพื้นแต่หญิงสาวยังมีชีวิตอยู่ เซี่ยเหลียนรีบยิงพลังทิพย์อัดพวกปีศาจ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าศพที่เกลื่อนกลาดเป็นชาวหย่งอัน แต่ถ้าร่างในชุดขาวนั่นเป็นพวกเดียวกับหลางอิงแล้วทำไมพวกปีศาจถึงได้ทำร้ายคนหย่งอัน หรือหลางอิงจะถวายคนของตัวเองเซ่น God Hand แลกกับการช่วยเหลือ หลังจากตรวจสอบแล้วว่าหญิงคนนั้นเป็นมนุษย์จริงๆ เซี่ยเหลียนก็หยิบยาของสวรรค์มาช่วยรักษาแล้วรีบสอบถามเหตุการณ์ หญิงสาวบอกว่าตอนแรกทุกอย่างก็ปรกติดี แต่จู่ๆ พ่อกับพี่ชายของเธอก็ตาย เซี่ยเหลียนถามต่อว่าใครเป็นคนฆ่า เธอจึงตอบว่าคนๆ นั้นคือท่าน
สิ้นคำหญิงสาวก็คว้าร่างของเซี่ยเหลียนเข้าไปกอดแน่น ทหารเด็กจึงรีบใช้กระบี่แทงเธอจนแน่นิ่ง เซี่ยเหลียนรู้สึกมึนหัวแถมยังรู้สึกร้อนผ่านในร่างกาย ตอนนั้นเองเสียงผู้หญิงหัวเราะคิกคักก็ดังจากดอกไม้บนผมของหญิงสาวคนนั้น เซี่ยเหลียนจึงรู้ตัวว่าติดกับของศัตรูเพราะมันคือปีศาจดอกไม้ที่กินพลังของผู้ชาย เขารีบห้ามไม่ให้เด็กชายสูดกลิ่นดอกไม้ แต่เขาโดนพิษไปแล้วเรียบร้อย เมื่อผู้ชายสูดกลิ่นนี้เข้าไปก็เหมือนโดนยาปลุก แต่เขาใช้ยาช่วยหญิงสาวหมดขวดแล้ว เหมือนมองรอยยิ้มบนศพของเธอเขาก็รู้โดยทันทีว่าอีกฝ่ายสมัครใจยอมใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ปีศาจดอกไม้เริ่มผุดขึ้นจากดินด้วยความตื่นเต้น ทหารเด็กจึงพยายามฟันพุ่มของพวกมันจนกระบี่เริ่มทื่อเลยตั้งใจจะหันไปเผาอีกฝ่ายแทน แต่เซี่ยเหลียนห้ามไว้เพราะถ้าทำอย่างนั้นปีศาจดอกไม้จะสร้างก๊าซพิษออกมา
ปีศาจสาวต่างกระเซ้าเย้าแหย่ทั้งสองอย่างสนุกสนาน อยากจะพรากเวอร์จิ้นของเซี่ยเหลียนกันเต็มที วิธีการบำเพ็ญของเซี่ยเหลียนจำเป็นต้องรักษาความบริสุทธิ์ไว้ หากเขารักษาจิ้นไว้ไม่ได้ ผู้ศรัทธาที่เชื่อว่าเทพละซึ่งกิเลสตัณหาแล้วจะพากันเสื่อมศรัทธา ส่งผลให้พลังของเขาต้องลดลง ถึงแม้อาจไม่ใช้เรื่องใหญ่ถึงขนาดทำให้หมดความเป็นเทพ และหากบำเพ็ญต่ออีกหลายปีก็อาจเรียกศรัทธากลับมา ทว่าในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างนี้เขาจะมีเวลาไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร
เซี่ยเหลียนทร้อนรุ่มและอับอายจนลุกไม่ไหว เขาจึงเรียกทหารเด็กมาช่วยพยุงเขาหนีกลับเมืองหลวง แต่ปีศาจดอกไม้เรียกเขาไว้ บอกว่าหากเขากลับไปที่ถนนจะต้องเจอกับเขาคนนั้นซึ่งเป็นคนที่พาพวกเธอมายังที่แห่งนี้ เซี่ยเหลียนเข้าใจทันทีว่าเขาคือเจ้าหน้ากากครึ่งร้องไห้ครึ่งยิ้มตนนั้น พวกปีศาจสาวอาจโกหก แต่เขาก็ยังห่วงสวัสดิภาพของทหารเด็กและจิ้นของตัวเอง เซี่ยเหลียนเลยบอกให้ทหารพาเขาเข้าไปในถ้ำ แล้วใช้กระบี่แทงแขนของเขาเพื่อที่จะได้ใช้เลือดมาวาดเขตคุ้มกัน เมื่อได้ยินดังนั้นอีกฝ่ายก็บอกให้ใช้เลือดของตนแทน ยังไม่ทันที่เซี่ยเหลียนจะบอกว่าเลือดของอีกฝ่ายใช้ไม่ได้ผล ทหารก็จัดการกรีดแขนตัวเองแล้ว เซี่ยเหลียนที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียหน้าจึงบอกไปว่าอย่างไรก็ต้องใช้เลือดของเขาผสมลงไปด้วย เขาเอากระบี่ของเด็กชายมาแล้วแทงแขนตัวเองลงไป ก่อนใช้เลือดกางเขตอาคมที่ปากทางเข้าถ้ำ
แสงจากคบเพลิงทำให้ร่างกายของเซี่ยเหลียนยิ่งรู้สึกไม่ดี เขาเลยสั่งให้เด็กชายดับไฟก่อนมอบหมายงานเพิ่มเติม เขาอธิบายว่าตนกางเขตป้องกันไว้ 2 ชั้น ชั้นนอกเพื่อไม่ให้ใครเข้ามา และชั้นในไม่ให้คนที่อยู่ข้างในออกไป ให้เด็กชายเข้าไปยืนอยู่ระหว่างชั้นอาคมทั้งสอง ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรข้างนอกก็ห้ามออกไป และหากได้ยินเสียงอะไรจากเขาก็ห้ามเข้ามาในถ้ำเช่นกัน ในตอนนั้นเองผลไม้ปีศาจก็สุกงอม กลิ่นของมันฟุ้งกำจายไปทั่วบริเวณ ก่อนที่ร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวจะพากันดึงตัวออกมาจากผืนดิน หลังจากปัดเศษดินและจัดผมของตัวเองเรียบร้อย พวกเธอก็มุ่งหน้ามาที่ปากถ้ำเรียกร้องหาเซี่ยเหลียน เด็กชายเลยพยายามแทงกระบี่ใส่โดยที่เท้ายังอยู่ในเขตอาคม ปีศาจสาวจึงหันไปหยอกล้อเขาแทน เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาไปมาเพื่อหลอกให้ทหารเด็กออกไปหาพวกตน แล้วปีศาจสาวก็เปลี่ยนไปใช้ร่างแบบหนึ่งที่ทำให้ทหารเด็กแทบหยุดหายใจ เมื่อเห็นอาการนั้นพวกเธอต่างก็พากันหัวเราะอย่างเริงร่าด้วยไม่คาดว่าเด็กชายจะมีรสนิยมเช่นนี้ ทั้งยังเสริมว่าให้รีบคว้าโอกาสนี้ไว้ เพราะถึงจะฝันไปอีก 800 ปีอีกฝ่ายก็คงไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองสัมผัสนี้อย่างแน่นอน ขณะที่เด็กชายกำลังโกรธ เซี่ยเหลียนก็เริ่มทนไม่ไหวจนเผลอส่งเสียงครางออกมา
.
.
.
.
.
อิเหี้ย สปอยตอนนี้ คือเหตุการณ์แม่งเป็นจังหวะแบบ critical แล้วอะ แต่อ่านละกุขำ 55555
ขอบคุณโม่งสปอย รักษาสุขภาพด้วยนะ
KY กูโม่งบนๆ ที่บอกว่าเพิ่งจะตามดูปรมจในเน็ตฟลิก กูยังดูไม่จบแต่มีคำถามว่าวั่งเซียนจะได้กันยังไงวะ กูนึกภาพไม่ออก ในซีรีย์ไม่วายแต่คาแรคเตอร์คงตรงตามนิยายเลยป่ะคือวั่งจีซึนมาก แล้วนางจะชอบพี่เว่ยตอนไหน
กูเสิชกูเกิลเจอลิ้งไปทวิตเตอแต่ก็โดนลบไปแล้ว ฮืออยากรู้อะ แบบใครชอบใครก่อน แล้วตอนชาติที่สองใช่มั้ยวะที่ได้กัน
ในนิยายแปลไทยมีถึงตอนได้กันยังวะ
กูขอโทษด้วยถ้าถามไรง่าวๆ รบกวนซักคนชี้ทางหน่อยนะ TT
อีกคำถามคือในอนิเมะก็ไม่วายใช่ป่ะ ถ้างั้นกูคงดูแค่ซีรีย์กับอ่านอิ๊งไปก่อน บ้าเอ๊ย แค่นี้ก็ติดงอมแงมแล้ว กูจะร้อง กูไม่น่าเริ่มดูเลยมึง
>>299 เรื่องใครชอบใครก่อนไม่แน่ชัด ชอบกันตอนไหนยิ่งไม่ชัดเข้าไปใหญ่ ในสัมแม่โม่ก็เคยพูดว่าจุดนี้แล้วแต่คนอ่านจะตัดสินว่าเขาจะรักกันตอนไหน ใครชอบใครก่อนนี่ที่ไม่ชัดเพราะว่าเคยเห็นคนพูดว่า เราจะนึกว่าพี่วั่งชอบพี่เว่ยก่อน แต่ตั้งแต่เด็กนี่พี่เว่ยก็วอแวหลายจ้านตลอด คืออาจจะเป็นประเภทพวกชอบใครแล้วชอบแกล้ง ชอบแหย่เขางี้ ก็เลยตามแหย่หลานจ้านมาตลอด แต่แค่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบเขางี้
ได้กันชาติไหน ก็ชาติสองแหละ แปลไทยน่าจะมีฉากนั้นแต่ว่าตอนนี้เพิ่งออกมา 2 เล่มยังไม่น่าถึง
อนิเมะก็ไม่วายใช่มั้ย เอาจริงๆในความรู้สึกกูพื้นฐานมันมาจากนิยายวายอ่ะ มองด้วยสายตาคนที่รู้ว่ามันเป็นนิยายวายไม่ว่ามันจะตัดฉากวาย ตัดฉากจิ้นออกยังไงกูก็ยังนับว่าเป็นวายหมดนะ แต่อาจจะไม่ได้โจ่งแจ้ง แต่ถ้าเทียบกันซีรีส์กับอนิเมะ อนิเมะนี่ถ้าคนไม่รู้ว่าเป็นวายก็คงดูได้แบบเป็นอนิเมะโชเน็นปกติเลยอ่ะ เพราะเหมือนเขาเน้นทำพวกฉากต่อสู้ไรงี้มากกว่า แล้วถ้าจะมีให้หวีดก็คือมันจะซ่อนๆอยู่อ่ะ อย่างซีซั่นแรกคือมีฉากในถ้ำให้พอกรี้ดกร้าดในใจ กับตอนไปปราบผีน้ำ แล้วก็อาจจะนับตอนที่เรียกให้กลับกูซูด้วยก็ได้ แต่ที่กูมาตายจริงๆคือเพลงปิดตอนเป็นไม่ริษยาคือถ้าฟังแบบไม่ดูคำแปลเพลงก็คือไม่รู้เลย
ส่วนตัวกูชอบนะ มันดูเป็นอะไรที่แบบ something only we know ดีอ่ะ แต่ถ้ามึงมาจากซีรีส์ที่ชงหนัก ชงเข้ม และคาดหวังจะเห็นเขารักกัน จีบกันจริงจังอนิเมะอาจจะไม่ใช่ทางนะกูว่า
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>291 เทียนกวาน Part.68
.
.
.
.
.
เห็นเงาของเซี่ยเหลียนนั่งขดตัวสั่น เด็กชายก็ทำท่าจะเดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แต่เซี่ยเหลียนตะโกนห้ามไว้ สักพักเขาก็ฉีกทึ้งเสื้อตัวเองออกหวังให้อากาศเย็นๆ ช่วย พิษของปีศาจดอกไม้อาศัยกระแสเลือดสูบฉีดไปที่สมองเพื่อให้เหยื่อคุมตัวเองไม่ได้ แล้วทำไมตอนนี้เขายังรู้ตัว เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีที่นึกออกเขาเลยเรียกทหารเด็กให้เข้ามาหา ทำเอาเด็กชายรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ไม่แน่ใจว่าควรทำตามหรือไม่เพราะจะเป็นการขัดคำสั่งที่ได้รับในตอนแรก เซี่ยเหลียนสั่งให้อีกฝ่ายทิ้งกระบี่ไว้แล้วช่วยพยุงเขานั่งพิงกับพนังถ้ำ พอทหารเด็กสัมผัสโดนผิวที่ไร้อาภรณ์ของอีกฝ่ายก็รู้สึกได้ถึงความผิดปรกติเลยจะรีบออกไป แต่เซี่ยเหลียนก็รั้งไว้ให้ช่วยตัดเชือกรัดผม ทว่าด้วยความมืดทำให้เด็กชายจับไปโดนส่วนอื่นจนเซี่ยเหลียนเผลอครางเบาๆ ทหารเด็กเลยรีบชักมือกลับ เซี่ยเหลียนสั่งให้เด็กชายพยายามตัดเชือกอีก เมื่อทำสำเร็จเขาก็บอกให้คนตรงหน้ายื่นมือมาแล้วใช้เชือกที่เพิ่งตัดผูกบนนิ้วมือของเด็กชาย อธิบายว่าเขาจำเป็นต้องยืมอาวุธของอีกฝ่ายไว้ ให้ใช้เชือกสีเป็นเครื่องรางป้องกันตัวไปก่อน
เมื่อเด็กชายไปประจำตำแหน่งเดิม เซี่ยเหลียนก็ใช้กระบี่ฟันแขนซ้ายของตัวเอง เป็นดังคาดว่าเมื่อเลือดออกฤทธิ์ของพิษก็เจือจางลงด้วย วิธีรับมือกับพิษดอกไม้ต้องใช้เจตนาสังหารเทพหรือมนุษย์เป็นตัวต้าน เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่เขากรีดแขนตัวเองเพื่อวาดเขตอาคม ตัณหากับความกระหายเลือดเป็นความต้องการรุนแรงคล้ายกันเลยหักล้างกันได้พอดี เขากรีดแผลอีกเส้นบนแขน แต่แล้วพิษในร่างกายกลับยิ่งรุนแรงขึ้น ทำให้เซี่ยเหลียนเพิ่งนึกได้ว่าเด็กชายใช้กระบี่เล่มนี้ฟันลำต้นของปีศาจมาก่อน ใบกระบี่จึงเต็มไปด้วยยางของพวกมัน ร่างกายของเขาร้อนขึ้นจนแทบคลั่ง เขารีบใช้แขนเสื้อข้างหนึ่งเช็ดใบกระบี่ กัดแขนเสื้ออีกข้างไว้เพื่อไม่ให้ส่งเสียงประหลาดออกไป แต่เสียงเบาๆ ก็สะท้อนพนังถ้ำไปจนถึงหูของเด็กชายอยู่ดี
บางทีแค่ทำร้ายร่างกายตัวเองอาจยังไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มความกระหายเลือด เซี่ยเหลียนจึงแทงกระบี่ลงบนขาซ้าย เสียงกระบี่เฉือนเนื้อ ทำให้ทหารเด็กทนไม่ไหวแล้ววิ่งเข้ามาดูเซี่ยเหลียน เขารีบห้ามอีกฝ่ายด้วยเสียงหวาดกลัวเพราะเกรงว่าจะเผลอฆ่าเด็กชายโดยไม่ตั้งใจ แล้วเขาก็แทงกระบี่ใส่ท้อง ตรึงตัวเองแน่นิ่งกับพื้นถ้ำ ภาพที่เห็นทำให้เด็กชายถึงกับเข่าทรุด ตอนนั้นเองก็มีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากหน้าถ้ำ เป็นเสียงของเฟิงซิ่น ส่วนเสียงงึมงำที่ตามมาทีหลังคือเสียงของมู่ฉิง
เฟิงซิ่นจัดการเผาพวกปีศาจสาวจนหมดสิ้น เมื่อได้ยินเสียงของเจ้านาย เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงก็รีบตามเข้ามาในถ้ำ เมื่อเห็นสภาพของเซี่ยเหลียนก็พากันตกใจ รีบดึงกระบี่ออกแล้วพยุงอีกฝ่ายนั่ง เซี่ยเหลียนถามถึงฉีหรง เฟิงซิ่นจึงบอกว่าตอนนี้ฉีหรงถูกราชาสั่งกักตัวอยู่ในวังแล้ว ในตอนที่อีกฝ่ายวิ่งมาหาพวกเขา พอเห็นกระบี่เปื้อนเลือดของเซี่ยเหลียนในมือของฉีหรง พวกเขาเลยรีบตามมาจนถึงที่แห่งนี้ ตอนที่เฟิงซิ่นแบกเจ้านายขึ้นหลัง เซี่ยเหลียนก็ถามว่าระหว่างทางได้เจออะไรหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเล่าเรื่องของอมนุษย์ใส่หน้ากากตนนั้น ความเหนื่อยล้าและความโล่งใจที่เห็นทหารเด็กเดินตามพวกเขามาโดยปลอดภัยก็ทำให้เซี่ยเหลียนเผลอหลับไป
เซี่ยเหลียนสลบไปนาน 3 วัน หลังจากฟื้นขึ้นมาเขาก็เรียกผู้ติดตามทั้งสองมาคุย เฟิงซิ่นเล่าว่า 3 วันที่ผ่านมาหย่งอันไม่ได้โจมตีเมืองหลวง พวกเขาลองไปสืบเรื่องที่เขาเป้ยจื่อจนพบกับชาวบ้านแต่งตัวเหมือนชาวเซียนเล่อ แต่เมื่อจับตัวมาสืบสวนแล้วถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนจากอาณาจักรอื่นที่มามอบเสบียงและอาวุธแก่ชาวหย่งอันเพราะอยากให้เซียนเล่อล่มจม เมื่อเซี่ยเหลียนถามถึงทหารเด็กคนนั้น เฟิงซิ่นก็บอกว่าวันนั้นพวกตนไม่ได้สนใจอีกฝ่ายนัก ตอนนี้คงกลับไปที่กองกำลังที่สังกัดแล้ว เซี่ยเหลียนเอ่ยชมฝีมือของเด็กชายให้ทั้งสองฟัง บอกว่าน่าจะใช้ดาบโค้งได้เก่ง ทั้งยังบอกมู่ฉิงว่าหากมีโอกาสให้ช่วยตามหาอีกฝ่ายให้เขาหน่อย เพราะเขาอยากให้เด็กชายมาทำงานด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้มู่ฉิงมีสีหน้าอ่านไม่ออกขึ้นมา
Note. จำได้หรือไม่ว่าฮวาเฉิงมีเชือกสีแดงผูกอยู่ที่นิ้วกลาง
.
.
.
.
.
>>301 ขอบคุณเช่นเคย
หูย ของและคำพูดของเซี่ยเหลียนที่ให้กับฟาฟา ฟาฟาไม่เคยลืมจริงๆ ด้วย
เซี่ยเหลียนนี่แก่กว่าฟาฟาใช่ป่ะ ภาพลักษณ์ภายนอกเซี่ยเหลียนดูบอบบางนุ่มนิ่มจนกูลืมไปทุกที แถมในทวิตยังมีคนบอกว่า เซี่ยเหลียน มีหน้าตาแบบเจ้าหญิงดิสนีย์ บอดี้มาร์เวล กูขรรม 5555555
อะไรคือแทงท้องตัวเองตรึงกับผนังถ้ำ โหดสัสส กูจะเพนลม
จำได้ว่ามีคนบอกว่าเรื่องนี้เทพตายได้ช้ะ ยกเว้นโดนคำสาป อย่างตอนนี้เซี่ยเหลียนยังไม่โดนสาป เล่นเอาดาบแทงท้องตัวเองงี้ไม่ตายเหรอวะ หรือว่าเงื่อนไขการตายไม่เหมือนมนุษย์
>>310 อ๋อ เหมือน ability ที่มาพร้อมตำแหน่งสินะ แล้วงี้เวลาโดนเนรเทศเงี้ย คือเท่ากับว่าตำแหน่งก็หายช้ะ แบบเป็นเทพแห่งสงครามมาพอโดนเนรเทศ ability ความอึดอะไรพวกนี้ก็หายหมดช้ะ
กูมีคำถามเกี่ยวกับเทพเรื่องนี้เป็นกระบุงเลยอ่ะ วานใครที่รู้ช่วยตอบที
- พวกเทพที่โดนสาปแล้วเนรเทศลงมานี่ ยังนับเป็นเทพอยู่แต่แค่ไม่มีตำแหน่งใช่มั้ย แล้วพวกขอบเขตพลังที่ใช้ได้มีอะไรมั่ง
- แล้วเวลาเทพโดนเนรเทศลงมานี่มนุษย์จะรู้ป่ะว่าองค์ไหนโดน โดนเรื่องอะไร
- แล้วอย่างที่ว่าตอนเป็นเทพห้ามปรากฏตัวให้มนุษย์เห็น แล้วตอนโดนเนรเทศลงมานี่ยังยึดกฏนี้เหมือนเดิมป่ะ
- แล้วถ้าความศรัทธาของผู้ศรัทธาแปรผันกับพลังของเทพ ในกรณีที่โดนเนรเทศลงมา (แล้วมนุษย์ไม่รู้) อย่างนี้ถ้ายังเป็นเทพที่มีผู้ศรัทธาอยู่เยอะ ก็ยังได้รับพลังจากผู้ศรัทธาอยู่ใช่ป่ะ
>>312
.
.
.
.
.
ไม่แน่ใจว่า ability นี้มันติดมากับคลาส หรือว่าเพราะว่ามี ability แบบนี้เลยได้ลงคลาสเทพสงครามอะ แต่เห็นเซี่ยเหลียนหลังโดนเนรเทศแล้วถึงพลังทิพย์มีน้อย ก็ยังฟื้นตัวได้เร็วกว่าคนธรรมดาเยอะนะ
- จะเรียกอย่างนั้นก็น่าจะได้มั้ง แต่ไม่มีใครให้ค่าเคารพนับถือว่าเป็นเทพแล้ว เอาจริงๆ ก็แทบไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา พลังก็อาจจะมีนิดๆ อย่างเซี่ยเหลียนที่พอใช้เครือข่ายโทรจิตได้บ้าง หรืออวิ๋นอวี้ที่ใช้อาวุธเทพได้นิดหน่อย ยกเว้นจะไปใช้พลังสายอื่นที่ไม่ใช่พลังทิพย์ อย่างรั่วเย่ก็ไม่ได้ใช้พลังทิพย์ในการสร้างเหมือนกัน เซี่ยเหลียนเลยใช้ได้
- รู้สึกในเรื่องจะไม่ได้บอกไว้ตรงๆ นะ เห็นกรณีของเซี่ยเหลียน อวิ๋นอวี้ กับคนๆ นั้น คนน่าจะรู้กัน แต่กรณีเผยซู่ไม่ได้พูดถึงว่ามนุษย์รู้หรือเปล่า เลยไม่แน่ใจว่าตกลงแล้วคนจะรู้หรือเปล่า
- โดนเนรเทศก็ไม่ต้องทำตามกฏนี้ เพราะยังไงก็ใช้ร่างทิพย์ไม่ได้ แต่ถึงจะไปบอกว่าเป็นเทพก็ไม่มีใครเชื่อเพราะว่าไม่มีพลังแล้ว
- ถึงยังมีผู้ศรัทธาแต่คำสาปพันธนาการล็อกไว้ให้เดินพลังในร่างกายไม่ได้ แถมพอไม่ประทานพรให้อย่างที่เคยเดี๋ยวมนุษย์ก็จะค่อยๆ เสื่อมศรัทธาจนเลิกบูชาไปเอง เพราะอย่างนี้เผยหมิงเลยไม่อยากให้เผยซู่โดนเนรเทศนาน เพราะถ้าไม่มีผู้ศรัทธาเหลือแล้วโอกาสจะกลับสวรรค์ก็แทบเป็นศูนย์ ถึงได้พยายามจะโยนความผิดไปให้ปั้นเยวี่ยแทน
.
.
.
.
.
เมียเผยหมิงนี่มีบอกไว้มั้ยว่าใคร ดูเผยหมิงจะรักลูกมากเลย
>>314 เมียแม่ทัพเผยมีมากมายมิอาจนับได้หมด แต่แม่ทัพเผยรักทุกคนนะครัช ใครเป็นเมียแก แกช่วยให้มีชีวิตดีๆ หมด 55555 (มีแค่เซวียนจีที่เป็นข้อยกเว้น)
.
.
.
.
.
แต่เผยซู่นี่ไม่ได้เป็นลูกหลายสายตรงของเผยหมิงนะ เป็นลูกหลานของพี่น้องของเผยหมิง ก่อนหน้าเผยซู่ก็เคยมีลูกหลานตระกูลเผยขึ้นสวรรค์มาเหมือนกัน ซึ่งแม่ทัพเผยก็ดูแลดี แต่คนนั้นโดนเนรเทศ และเพราะใช้เวลานานเกินไปผู้ศรัทธาเลยหมดจนขั้นสวรรค์ไม่ได้อีก เผยหมิงเลยกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับเผยซู่มากจนพยายามช่วยทุกทาง
ไม่ใช่เฉพาะกับลูกหลาน เพราะเพื่อนอย่างซืออู๋ตู้กับหลิงเหวิน แม่ทัพเผยก็พยายามช่วยเหลือตลอดนะ เป็นชิปเปอร์ฮวาเหลียนที่ดี วันเกิดฮวาเฉิงก็ส่งของขวัญให้ ที่จริงแกเป็นคนดีเลยล่ะ ถ้าไม่ขี้หลี ขี้หม้อ มั่นหน้ามั่นโหนกคงไม่โดนคนหมั่นไส้แบบนี้ (แล้วกูก็โมเอะเวลาแกถูกทุกคนรุมรังแก 55555)
.
.
.
.
.
ขอแทรกหน่อย ในfanboi มีมู้ของ MDZS โดยเฉพาะปะ ที่ไม่ใช่รวมมิตรแม่โม่ นี่เลื่อนหาละไม่เจอ
อยากคุยเรื่อง MDZS แต่กลัวโดนสปอยเทียนกวานฯอะ
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>301 เทียนกวาน Part.69
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเขาเป้ยจื่อให้ผู้ติดตามทั้งสองคน ซึ่งทั้งสามมีความเห็นตรงกันว่าควรรายงานเรื่องนี้ให้สวรรค์รับรู้ เซี่ยเหลียนรีบเดินทางไปที่ศาลาหลวงบนเขาไท่ชาง ก่อนหน้านี้เขาอาจไปรายงานกับจวินอู่ได้โดยตรง แต่สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้เขากลับสวรรค์ไม่ได้ อีกทั้งเขาก็ไม่กล้าสู้หน้ามหาเทพด้วย เขาเลยจำเป็นต้องแจ้งเรื่องผ่านทางรูปปั้นไปแทน แม้วิธีนี้อาจมีโอกาสที่จวินอู๋ซึ่งมีคำขอพรมากมายจะไม่ได้ยินเสียงของเขาก็ตาม
หลังจากนั้นหลายเดือนชาวหย่งอันก็แทบไม่โจมตีเมืองหลวงอีก อีกทั้งอมนุษย์หน้ากากนั่นก็ไม่ได้ปรากฏกายออกมา เซี่ยเหลียนเลยมีโอกาสได้เข้าไปเดินเล่นในเมือง ตอนที่เขากำลังยืนชมวิวบนสะพานก็รู้สึกได้ว่ามีสายตากำลังจับจ้องมาที่ตน พอจับตัวอีกฝ่ายไว้ก็ได้รู้ว่าเป็นทหารเด็กคนนั้น เขาถามว่าทำไมทหารอย่างอีกฝ่ายถึงมาเดินเล่นอยู่ในเมือง เด็กชายตอบว่าเขาถูกไล่ออกจากกองทัพแล้ว และพอเห็นเซี่ยเหลียนไม่รู้เรื่องนี้ก็มีท่าทียินดี แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเล่าที่มาที่ไปก็มีชายคนหนึ่งใช้มือกุมใบหน้าไว้มิดวิ่งกรีดร้องมาตามถนน ก่อนตะโกนเสียงดังขอให้ใครก็ได้มาฆ่าตน เมื่อแรกผู้คนต่างคิดว่าชายคนนั้นวิกลจริต ทว่าเมื่อมองใบหน้าของอีกฝ่าย ชาวบ้านก็ร้องลั่นว่าชายคนนั้นเป็นปีศาจ ทุกคนวิ่งมาหลบด้านหลังเซี่ยเหลียนซึ่งจัดการถีบชายคนนั้นกลิ้งไปหลายตลบ เพราะเขาเองก็เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้มีใบหน้าของชายชราขนาดเล็กเท่าฝ่ามือปรากฏที่แก้มข้างหนึ่ง เขาหยิบกระบี่ฮองจิ้นขึ้นมา แต่ภาพที่ใบกระบี่ซึ่งสามารถสะท้อนร่างจริงของสิ่งมีชีวิตก็ยังเป็นภาพของชายที่มีสองหน้าคนนั้น แสดงว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์จริงๆ แล้วเซี่ยเหลียนก็ส่งสัญญาณเรียกเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงให้มาสมทบกับตน
ชายคนหนึ่งทำท่าอยากจะบอกอะไรกับเซี่ยเหลียน เมื่อเซี่ยเหลียนอนุญาตเขาก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนมีจุดผื่นขึ้นบนหน้าอกของเขา ด้วยความที่ไม่ได้รู้สึกคันหรือเจ็บเขาเลยไม่ได้สนใจพวกมัน เขาถอดเสื้อออกเผยให้เห็นว่าที่หน้าอกของเขามีใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ก่อนที่เขาจะวิ่งมาเกาะแขนเสื้อของเซี่ยเหลียนขอร้องให้ช่วยตน พอได้ยินเซี่ยเหลียนบอกว่าไม่ต้องกังวลก็สบายใจว่าเทพอย่างอีกฝ่ายคงมีวิธีจัดการ ทั้งๆ ที่ในใจของเซี่ยเหลียนเต็มไปด้วยความสับสน เขาหันไปสั่งเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงให้ไปรายการเรื่องนี้กับทางราชวัง และช่วยค้นให้ทั่วเมืองว่ามีใครมีอาการเช่นนี้อีกหรือเปล่า
เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าตกใจมาก ราชาจึงรีบสั่งให้ทหารช่วยกันสอบสวนและค้นหาผู้ป่วยทั่วทั้งเมือง เมื่อถึงตอนกลางคืนพวกเขาก็ยืนยันได้ว่ามีคน 5 คนที่มีใบหน้าอีกอันปรากฏบนร่างกาย และมีอีก 10 กว่าคนที่มีผื่นแดงขึ้น ในกลุ่มนี้ส่วนมากเป็นผู้หญิงและเด็ก พอเห็นทุกคนทักทายปลอบกันและกัน เซี่ยเหลียนเลยได้รู้ว่าทุกคนต่างอาศัยอยู่ที่ขอบรอบนอกของเมืองหลวง พอคิดว่าสิ่งนี้อาจเป็นโรคระบาด เขาก็รีบสั่งให้กักตัวทุกคนไว้และกันไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้บริเวณนั้น จากนั้นก็นำคนไปสำรวจพื้นที่ที่ผู้ป่วยอาศัยอยู่ เมื่อเดินเข้าไปในป่า เซี่ยเหลียนและผู้ติดตามทั้งสองของเขาก็นึกออกว่าที่นี่คือที่ที่หลางอิงฝังศพลูกชายของตนไว้
พวกเขารีบตามหาสถานที่ฝังศพทันที จนถึงจุดหนึ่งทุกคนก็ได้กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงออกมาจากใต้ต้นไม้ เซี่ยเหลียนสั่งไม่ให้ทหารธรรมดาเข้ามาใกล้ ในขณะที่เฟิงซิ่นหยิบพลั่วไปขุดดิน ในที่สุดพวกเขาก็พบศพลูกชายของหลางอิงซึ่งบวมอึดใหญ่โตผิดปรกติ แม้จะไม่รู้ว่าสิ่งนี้เป็นคำสาปที่ทำให้เกิดโรคหรือไม่ เซี่ยเหลียนก็ใช้พลังทิพย์จุดไฟเผาศพของเด็กชาย
คืนนั้นชาวหย่งอันก็เข้าโจมตีเมืองหลวงอีก แม้พวกเขาจะไม่ได้เตรียมตัวแต่ก็ยังเอาชนะอีกฝ่ายได้ ทว่ากลับไม่มีชาวเซียนเล่อคนใดที่ดีใจต่อชัยชนะเลย เพราะพวกเขาต่างกังวลกับโรคประหลาดที่ถูกเรียกว่า “โรคหน้าคน” แม้ราชาจะพยายามปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้ประชาชนรับรู้ แต่สุดท้ายข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงอยู่ดี
.
.
.
.
.
ขอบคุณนะโม่งสปอย
>>295 พยากรณ์แบบแทงไฮโลว่าสูงต้องออกต่ำ 100% ถูกแบบตรงกันข้าม
>>301 ถ้ายัยดอกพวกนี้รอดมาได้ถึง 800 ปี ฟาฟาต้องอุ้มเซี่ยเหลียนไปอวดแล้วหัวเราะเยาะเย้ยแน่ๆ เป็นไงล่ะ เกอเกอรักข้าหลงข้าเอ็นดูข้าที่สุด
>>303 ขนาดในสปอยย้ำคำว่า เด็ก เด็กหนุ่ม โคตรบ่อย ยังไม่แน่ใจอีกเร้อว่าฟาฟาเด็กกว่าน่ะ 555
อ่านสปอยล่าสุดแล้วความใจร้าวก็มาเยือนกูอีกแล้ว ย้อนอดีตทีไรอยากกอดอยากโอ๋เซี่ยเหลียนทุกที
สำหรับเรื่องการตายของเทพที่โม่งข้างบนสงสัยกัน กูขอไขข้อข้องใจตรงนี้หน่อยนะ
.
.
.
.
.
เป็นเทพก็ตายได้ถ้าดาเมจมากพอ ส่วนเทพที่โดนเนรเทศลงจากสวรรค์นอกจากอายุยืนกว่ามนุษย์ปกติก็ไม่สิทธิพิเศษอื่นๆ อีก เหตุผลความเป็นอมตะของเซี่ยเหลียนมาจากตรวนคำสาป [ผนึกพลังเทพ ผนึกอายุร่างกายให้คงเดิม และทำให้ไม่สามารถตายได้] ตรวนคำสาปโมดิฟายโดยท่านมหาเทพจวินอู๋ ลงคำสาปแบบนี้ไว้เพราะรอให้เซี่ยเหลียนกลับสวรรค์ คงเพราะกลัวเซี่ยเหลียนที่ตัวเองเอ็นดู(?)จะตายหรือหมดอายุขัยก่อนได้กลับมา
เช็คพ้อยนต์ ตอนที่ 181
Once banished to become a mortal, other than aging slower than normal humans, there weren’t many other privileges. However, when Jun Wu first fabricated Xie Lian’s cursed shackle, he still showed some mercy and left him room to accommodate.
While this cursed shackle locked away his spiritual powers, it also sealed his age and flesh body at the same time, allowing him to neither age nor die. Furthermore, Jun Wu told him, if you managed to ascend again, then everything in your previous life shall be forgiven, and this thing would be removed.
.
.
.
.
.
>>326 "..ยังกล้ามาสปอย..."
ใช้คำไม่ดีเลยเด้อ จะอ่านจากจีนหรือจากอิ้ง เขามาเสียเวลาเล่าให้กลุ่มฟังก็ดีแล้ว กลุ่มนี้กลุ่มคนชอบงานโม่เซียง เทียนกวานมันยาวและอีกนานกว่าแปลไทยจะออกจบ เขามาสปอยจะได้พอเม้ากันได้ก่อน เผื่อซีรี่ส์อนิเมะมันออกละจะได้พอดูรู้เรื่องกัน กูคนนึงที่อ่านจีนไม่ออก อิ้งไม่กระดิก อาศัยเกาะสปอยเอา ก็มีคนมาแซะอีกละ กูล่ะเบื่อ
>>326 กูไม่ใช่โม่งสปอย กูเป็นแค่ผู้ฟังโม่งสปอยเล่านิทานฮวาเหลียน ก่อนที่จะหาเรื่องใครก็หาสติตัวเองให้เจอก่อนเถอะ
แค่คนสงสัยเรื่องเซี่ยเหลียนทำไมไม่ตายกันเยอะ กูเลยแปะข้อความในเนื้อเรื่องไว้ให้ว่ามันมีบอกสาเหตุในนิยาย ทำไมกูแค่แปะประโยคแบบ eng กลายเป็นว่าโม่งโทรลเล็งเป้าไปที่โม่งสปอยได้วะ เห็นคนเชียร์โม่งสปอยเยอะเลยพาลเป็นขี้แพ้ชวนตีเหรอ? แต่โม่งสปอยก็ eng นะ เห็นโพสต์ถามเรื่องวิธีสะกดชื่อแต่ละคนอยู่เพราะไม่มีตัวพินอิน แต่ eng แล้วไง ถึงไม่เป๊ะสมบูรณ์แบบเท่าต้นฉบับจีน แต่ถ้าไม่ใช่ซับนรกไม่ได้บิดเบือนเนื้อเรื่องหรือทำสาระสำคัญหล่นหายก็ ok แล้ว
สู้ต่อไปนะ กูเป็นกำลังใจให้ อย่าไปสนโทรลเลย ไฟท์โตะโม่งสปอย
กูก็เป็นคนนึงที่อ่านอิ้งจนจบนะ แล้วรู้สึกว่าอิ้งเขาก็แปลดีด้วย(ค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าเดียวกัน) แล้วถ้าอ่านิ้งแล้วมาสปอยมันผิดเหรอ แล้วโม่งสปอยก็สปอยคร่าวๆไม่ได้เจาะจงทุกตัวอักษรถึงขั้นต้องอ่านจีนใฟ้เป๊ะๆเลยปะล่ะ
.
.
.
.
แต่ช่วงย้อนอดีตนี่หน่วงหัวใจจริงๆวะ ขนาดมาอ่านซ้ำยังจะร้องไห้เลย
มึง ตอนเจอกันครั้งแรกจริงๆของเซี่ยเหลียนกะ ฮวาเฉิง
คือตอนตกกำแพง ตอนนั้นคือฮวาเฉิงคือ ดช.หงหงเอ๋อร์ เซี่ยเหลียนถามว่าอายุเท่าไหร่ หงหงตอบว่าสิบ ซึ่งตอนนั้นเป็นก่อนเซี่ยเหลียนขึ้นสวรรค์ครั้งแรก เซี่ยเหลียนก้อน่าจะประมาณเกือบๆ 17?
ละผ่านไปสามปี ตอนเกิดเหตุชาวหย่งอัน ทหารเด็กที่มาช่วยเซี่ยเหลียนรบ ก้อคือเด็กชายหงหง อายุ ณ ขณะนั้นก้อน่าจะประมาณ 14 มะ (เซี่ยเหลียนเป็นเทพไปแล้ว ร่างก้อน่าจะหยุดอยู่ 17)
แล้วสปอยตอนนี้มาได้ครึ่งทางอาร์คสองยัง กุมีคำถาม
ตอนจบอาร์คสอง ตัวทหารเด็ก ดช.หงหง
.
.
.
.
.
ตายไหม?
ในเรื่องทั้งหมด ฟาฟาตายกี่ครั้งวะ ตายแบบร่างเวอชั่นฮวาเฉิงสลายนี่ อาร์คสุดท้าย? อ่อ อีกคำถาม เค้าได้กันอาร์คไหน 55555
.
.
.
.
.
มึงจะสปอยถึงแค่จบอาร์คสองจิงอะ แง อยากอ่านไปเรื่อยๆจนจบเลย สนุกอะมึง
กุชอบคู่เทพดินกะเทพลม 5555 ชอบความครอสเดรสสายแทรป เฟิงซิ่นกะมู่ฉิงก้อฟีลคู่กัดดีนะ
แต่ตอนนี้อยากรู้ว่า มันจะมีคู่นึงที่ถ้าเฉลยนี่โคดเมเจอร์สปอยคือคู่ใคร? เห็นมึงเคยบอกเจอ fa คู่นี้จากทวิตอะ บอกเหอะกุอยากรู้วว ไหนๆจะสิ้นปีละ ถ้าโม่งปิดจริงนี่กุทำไงวะ คุยต่อยังไงฮรือ
>>333
.
.
.
.
.
ใช่ ช่วงหย่งอันตีเมือง ด.ช. หงหงเอ๋อร์ อายุประมาณ 14 (แต่ในเรื่องบอกว่าตัวสูงเหมือนอายุ 15-16) ตอนนี้ใกล้จบอาร์ค 2 แล้ว ด.ช. หงหงเอ๋อร์ตายช่วงเซียนเล่อล่มสลาย ซึ่งในเรื่องไม่มีฉากที่หงหงเอ๋อร์ตาย ถ้าจำไม่ผิดคือตายตอนอายุ 18 ไม่แน่ใจว่าเพราะใช้เวลาหลายปีกว่าเมืองจะแตก หรือว่ากูจำผิดเอง ฟาฟาก็ตายครั้งเดียวจากที่มนุษย์กลายเป็นผีนั่นแหละ ส่วนตอนเป็นผีแล้วมีแบบที่วิญญาณเกือบสลายไป 2 หน ทั้งสองได้กันตอนจะจบเรื่อง แต่ว่าเริ่มคบเป็นแฟนกันตั้งแต่ช่วงปลายอาร์คที่ 3 ส่วนคู่โคตรเมเจอร์สปอย... อืม เอาเป็นว่าคือ คนๆ นั้น x อาจารย์เหม่ย (ช่วยหรือเปล่าเนี่ย 555 เพราะเอาจริงๆ คนๆ นั้นใช้ชื่อปลอมจนจบแล้วก็ไม่ได้บอกชื่อจริงออกมา ความจริงอาจารย์เหม่ยก็ใช้ชื่อปลอมเหมือนกัน เสริมอีกอย่างคือคนๆ นั้นถูกกล่าวถึงมาตั้งแต่อาร์คแรกแล้ว)
.
.
.
.
.
>>334 >>335 ขอบคุณพวกมึง
คือสำหรับกุถ้าไม่รู้สปอยนิยายก่อนกุดูสื่ออื่นไม่รู้เรื่อง อย่างปรมาจารย์นี่ถ้าไม่ขวนขวายอ่านสปอยมาก่อน คือกุดูทั้งอนิเมะทั้งซีรี่ย์ไม่รู้เรื่องนะ คืออาจจะรู้คร่าวๆแต่ความอินความก๊าวจะไม่เท่าอ่านสปอยเตรียมไว้ก่อน
นี่กุไปอ่านม่านฮวาเทียนกวานมาหน่อย อห แม่มึงเอ๊ยยย ตัดสั้นเหี้ยๆ ใครว่าอนิเมะปรมจตัดสั้นแล้ว มึงลองมาดูม่านฮวาเทียนกวาน สั้นจัดๆ คือถ้าไม่อ่านสปอยไปก่อนนี่ไม่มีทางรู้เรื่องเด็ดขาด ม่านฮวาปรมจกุว่ายังวาดลงเนื้อหากว่าอีก แต่ถึงตัดสั้นกุก้ออยากอ่านอะ อยากเห็นหน้าฮวาเฉิงง 5555 แต่เซี่ยเหลียนแม่งวาดออกมาหน้าสวยไปป่ะวะ แต่ฮวาเฉิงเท่ดีชอบ กรี๊ดกร๊าด
เออ ใกล้จบอาร์ค 2 ภาคย้อนอดีต มันจะย้อนอีกที คืออาร์ค 4 ช่ะ ตอนนั้นคือจะย้อนอดีตฮวาเฉิงด้วยว่าผ่านอะไรมา กว่าจะเป็นอ๋องผีได้ ? อาร์ค 4 นี่เนื้อเรื่องพูดถึงอะไรเป็นหลักวะ กุพยายามจับจุดโยงแต่ละช่วง เตรียมความพร้อมรอ media อื่นลงจอ
อยากรออ่านสปอยตอนนี้ด้วย กุสงสารฮวาเฉิง ตอนสิบขวบที่หนีเซี่ยเหลียนออกจากเขาไท่ซาน ผ่านไปสามปีกลับมาเจอกันอีกที ตอนไปไหว้เซี่ยเหลียนในอารามยังร้องอยู่เลยว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ จนตายตอนเซียนเล่อล่ม
คือก่อนสิบขวบอยู่มายังไง พ่อแม่ไปไหน หลังตายยังไงต่อ กุสงสาร อยากทะลุเข้าไปกอดอิเหี้ย
>>336 กูก็ว่าเซี่ยเหลียนหน้าสวยไปเหมือนกัน ปากแดงมาก
.
.
.
.
.
ใช่ ย้อนอีกทีที่อาร์ค 4 เป็นเนื้อเรื่องช่วงหลังจากเซี่ยเหลียนถูกเนรเทศจนถึงตอนที่เซี่ยเหลียนถูกเนรเทศครั้งที่ 2 ซึ่งเนื้อเรื่องค่อนข้างหนักกว่าอาร์คที่ 2 เยอะ มีฉาก gore และฉากทำร้ายจิตใจหลายฉาก
ส่วนประวัติฮวาเฉิงเอาจริงๆ เรื่องไม่ค่อยบอกนะ บอกก็จะเป็นแนวเล่าผ่านๆ มากกว่า จากที่แพลมๆ ในเนื้อเรื่องกับสัมภาษณ์แม่โม่ กูพอเดาได้ว่าฮวาเฉิงน่าจะเป็นลูกอนุ มีพี่ชายคนละแม่อยู่ 2 คน เพราะเป็นคนดวงอับขนาดนี้ แม่แท้ๆ (ที่รักลูก) เลยตายตั้งแต่ฮวาเฉิงยังเด็ก ที่บ้านมีแม่เลี้ยงที่ชอบด่าว่า กับพ่อที่ชอบทำร้ายร่างกาย ส่วนพี่ชายสองคนไม่ได้กล่าวถึงแต่ก็คงไม่ดีเท่าไร หลังตายในฐานะทหารก็กลายเป็นวิญญาณกีกี้มาคอยตามเซี่ยเหลียน
.
.
.
.
.
>>337 ที่ปากแดงแปร๊ดขนาดนั้นเพราะน้องเสี่ยวอิ๋งจับโบ๊ะหน้ามาไม่ใช่เหรอ ภาพตอนไม่แต่งหน้าก็ไม่ได้แดงแจ๊ดแจ๋นะ ในนิยายตอนแต่งเองออกมาสภาพดูไม่จืด เราอยากเห็นตอนเซี่ยเหลียนแต่งหญิงเองด้วยลายเส้นคุณ starember มาก เสียดายไม่มี (ถ้าตอนนี้จุ๊บฟาฟาแล้วรอยลิปติด ฟาฟาต้องไม่ยอมล้างหน้าจนเซี่ยเหลียนต้องจับล้างแหงเลย 555+)
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>321 เทียนกวาน Part.70
.
.
.
.
.
หลังจากนั้นชาวหย่งอันก็โจมตีเมืองหลวงถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนเซี่ยเหลียนแทบหาเวลาไปสร้างฝนที่หย่งอันไม่ได้ อีกทั้งยังต้องใช้ทั้งพลังงานและพลังทิพย์ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหน้าคนที่เพิ่มจำนวนขึ้นไม่หยุด แม้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่ก็ช่วยทำให้ใบหน้าแปลกปลอมพวกนั้นยุบลง ขณะที่เขากำลังเดินผ่านผู้ป่วย ชายคนหนึ่งก็จับชายเสื้อคลุมของเขาไว้ ร้องถามว่าตนจะไม่ตายใช่หรือไม่ หลังจากมองอีกฝ่ายพักหนึ่งเซี่ยเหลียนก็จำได้ว่าชายคนนี้คือคนที่เคยมอบร่มให้กับเขา เมื่อเซี่ยเหลียนตอบว่าเขาจะพยายามทำให้ดีสุด ดวงตาก็ชายคนนั้นก็มีความหวังขึ้นมา แต่มันกลับทำให้เซี่ยเหลียนรู้สึกผิดมากขึ้นที่ไม่สามารถช่วยเหลือคนของตนได้
เซี่ยเหลียนเดินไปนั่งข้างกองไฟกับมู่ฉิง ได้ยินเสียงทหารคุยกันว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตไป 4-5 คนแล้ว ไม่ใช่ด้วยโรค แต่เพราะไม่อาจทนรับสภาพตัวเองได้จึงฆ่าตัวตาย ไม่นานนักเฟิงซิ่นก็มานั่งด้วย เขาบอกว่าไม่ว่าจะสืบอย่างไรก็ไม่พบร่องรอยของหลางอิงกับอมนุษย์ชุดขาว ส่วนชาวหย่งอันเท่าที่แอบสังเกตดูก็ไม่มีใครเป็นโรคหน้าคนแม้แต่คนเดียว นั่นยิ่งตอกย้ำว่าหย่งอันเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโรคประหลาดนี้ แล้วเซี่ยเหลียนก็ตั้งข้อสังเกตว่าหากมันเป็นคำสาปจริงๆ เหตุใดจึงสาปใส่ประชาชนแทนที่จะเป็นทหาร โรคหน้าคนเหมือนจะสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสใกล้ชิด แต่ทำไมทหารที่ทำกิจวัตรต่างๆ ด้วยกันจึงไม่ติดโรค เขาเลยอยากสืบหาว่าคนประเภทใดที่มีภูมิต้านทานจะได้หาวิธีหยุดยั้งการแพร่ระบาด
คนป่วยที่พบมักเป็นผู้หญิง เด็ก คนหนุ่มสาว หรือชายร่างเล็ก แต่จะคิดว่าคนป่วยมีแต่คนร่างกายอ่อนแอก็ไม่น่าจะใช่ เพราะคนป่วยที่พบคนแรกก็เป็นชายซึ่งมีร่างกายแข็งแรงดี พอคิดว่าทหารทำอะไรต่างจากประชาชนทั่วไปเซี่ยเหลียนก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา เขาพยายามปฏิเสธความคิดของตัวเอง แต่ก็ยังอยากพิสูจน์อยู่ดี แต่พอมู่ฉิงถามว่าจะให้เขาไปหาคนมาหรือไม่ เซี่ยเหลียนที่ไม่อยากใช้คนเป็นๆ เป็นหนูทดลองก็ไม่ยอม มู่ฉิงบอกว่ามันคือวิธีที่ดีสุดในตอนนี้แล้ว เฟิงซิ่นจึงด่าอีกฝ่ายที่ทำให้เจ้านายลำบากใจ แต่มู่ฉิงก็ตอกว่าตนแค่พูดความจริง เพราะมาถึงจุดนี้แล้วมามัวยืนสงสัยโดยไม่ทำอะไรได้อย่างไร ทั้งสองเริ่มทะเลาะกันหนักขึ้น เซี่ยเหลียนจึงสั่งให้ทั้งคู่แข่งต่อคำเพื่อที่จะได้หยุดโต้เถียงกัน ส่วนเขาก็ตัดสินใจเดินไปสอบถามทหาร 3 คนที่ติดโรคด้วยตัวเอง เมื่อกลับมาเขาก็สั่งให้ทั้งสองคนไปพาทหารทุกคนที่อยู่ในหน่วยเดียวกับทหารที่ป่วยมาพบเขาทีละคน
วันต่อมาเซี่ยเหลียนเริ่มสัมภาษณ์ทหารมากกว่า 300 คน การที่ทุกคนตอบคำถามของเขาเหมือนกันทั้งหมดยิ่งทำให้ใบหน้าของเซี่ยเหลียนเครียดขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเสร็จสิ้นเขาก็สั่งให้เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงปกป้องประตูเมืองในขณะที่เขาไปเขาไท่ชาง เมื่อมู่ฉิงถาม เขาก็บอกอีกฝ่ายไปว่าโรคหน้าคนเป็นคำสาปจริงๆ และตอนนี้เขาก็ได้คำตอบแล้วว่าคนประเภทใดที่จะไม่ติดโรค แม้จะรู้สาเหตุแล้ว แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเจ้านายไม่มีความยินดีปรากฏอยู่เลย เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงที่เข้าใจว่าคงเป็นเรื่องที่จัดการไม่ได้ง่ายๆ เลยไม่คิดจะถามออกไป
เซี่ยเหลียนไปหอมหายุทธิ์เพื่อพบกับราชครู เขาต้องการให้อาจารย์ซึ่งเป็นนักบวชชั้นสูงช่วยติดต่อขอความช่วยเหลือจากจวินอู๋ เพราะตอนนี้เซียนเล่อกำลังเผชิญกับคำสาปที่ไม่เคยพบมาก่อน และต้องเป็นฝีมือของอมนุษย์อย่างแน่นอน ทว่าราชครูกลับตอบว่าไม่ใช่ว่าตนไม่อยากช่วย แต่ถึงเขาจะใช้ตัวเองเป็นร่างทรงให้มหาเทพได้พูดคุยกับเซี่ยเหลียน เขาก็เชื่อว่าคำตอบของจวินอู่จะต้องทำให้เซี่ยเหลียนผิดหวังอย่างแน่นอน
.
.
.
.
.
>>338 เอออ กุลืมไปเลยว่าโดนเสี่ยวอิ๋งจับแต่งหน้า บอกแล้วม่านฮวามันตัดฉับๆฉากแต่งหน้าไม่มี ที่กุเห็นคือเตี้ยนเซี่ยกุหน้าเต็มพร้อมขึ้นสเตจเลยจ้ะ
>>340 ชายหน้ากากชุดขาวนี่ ปล่อยคำสาปช่ะ ทำเพื่อรัยวะ อยากรู้เบื้องหลัง แต่วิธีหยุดคนทะเลาะกันคือการสั่งให้แข่งต่อคำ เอ้อดี
กุยังคาใจ คู่เมเจอร์สปอย ใช่
.
.
.
.
.
อจ กะ จวินอู๋ ป่ะ
.
.
.
.
.
กุจะเดาไปเรื่อยๆ ถูกเมื่อไหร่บอกด้วย กุไปไถทวิตแล้วแต่ไม่เจอง่า
เพื่อนโม่งคนดี ยังไงก่อนโม่งดับถ้ากุยังเดาไม่ถูก เฉลยก่อนจากลากันด้วยนะ 55555
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>340 เทียนกวาน Part.71
.
.
.
.
.
ราชครูถามเซี่ยเหลียนว่ายังจำเรื่องที่เขาบอกว่าในโลกนี้โชคชะตาทั้งดีและร้ายล้วนถูกกำหนดไว้แล้วได้หรือเปล่า เดิมทีชาวหย่งอันถูกลิขิตให้ตาย แต่การที่เซี่ยเหลียนไปสร้างฝนเป็นการช่วยต่อชีวิตให้อีกฝ่าย แม้ไม่สามารถแก้ภัยแล้ง แต่ตอนนี้คนเหล่านั้นก็คือทหารหย่งอันที่กำลังต่อสู้อยู่ ในตอนแรกเมืองหลวงถูกกำหนดให้ต้องเสื่อมโทรมลง แต่การที่เซี่ยเหลียนลงมาจากสวรรค์เป็นการทำให้ชาวเมืองมีความหวัง ถึงอย่างนั้นเซี่ยเหลียนกลับไม่ใจแข็งพอที่จะจำกัดศัตรู และหลังจากผ่านสมรภูมิครั้งแล้วครั้งเล่ามันก็ก็ทำให้ชาวหย่งอันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เซี่ยเหลียนทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไร เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสำนึกแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ กลายเป็นหนึ่งเดียวกันอีกอย่างนั้นหรือ
แม้จะรู้สึกอับอาย แต่ใจหนึ่งเซี่ยเหลียนก็สับสน เขาช่วยเหลือผู้คนเพราะคนเหล่านั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่สมควรตาย ทุกการกระทำผ่านการตัดสินใจหลังใคร่ครวญเป็นอย่างดี แต่ทำไมพอฟังจากปากคนอื่นแล้วกลับช่างดูน่าขันราวกับว่าสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดเป็นเรื่องล้มเหลว ราชครูกล่าวต่อว่าเซี่ยเหลียนแทรกแซงเรื่องในภพมนุษย์ทำให้ชะตาของเซียนเล่อพลิกพันยุ่งเหยิง เพื่อรักษาสมดุล ธรรมชาติจึงสร้างสิ่งที่จะทำให้เรื่องกลับไปเป็นอย่างที่ควร แม้เขาจะไม่รู้ว่าอมนุษย์ตนนั้นเป็นเช่นไร แต่ก็คิดว่ามันเกิดขึ้นมาเพราะเซี่ยเหลียน เพราะอย่างนั้นมหาเทพจึงได้ห้ามไม่ให้เซี่ยเหลียนลงมาภพมนุษย์ แต่คนหนุ่มกลับไม่ยอมฟังคำแนะนำ ไม่เชื่อว่าตัวเองจะเดินผ่านไปไม่ได้จนกว่าจะล้ม
เซี่ยเหลียนไม่อยากจะเชื่อ เขาถามอาจารย์ว่าเป็นเพราะต้นเหตุของโรคหน้าคนคือตัวเขา และสิ่งที่อมนุษย์หน้ากากทำก็เป็นความผิดของเขา สวรรค์เลยไม่มาช่วยอย่างนั้นหรือ ราชครูบอกว่าจะโทษตัวเองก็ไม่ผิด แต่หากดูที่โชคชะตาจะโทษว่าเป็นเพราะพ่อแม่เซี่ยเหลียนให้กำเนิดเขาขึ้นมาก็ได้ และหากมองในแง่นี้ก็สามารถโทษบรรพบุรุษของเซียนเล่อได้เช่นกัน การจะมานั่งบอกว่าใครเป็นคนผิดเป็นสิ่งที่ไม่มีความหมาย เซียนเล่อถูกกำหนดให้ต้องล่มสลาย เซี่ยเหลียนเป็นคนทำให้เรื่องวุ่นวายจึงไม่มีใครบนสวรรค์คิดจะมาตามจัดการให้ เซี่ยเหลียนข่มตาลงก่อนถามว่าถ้าเขาหายไป อมนุษย์ตนนั้นจะหายไปด้วยหรือเปล่า ราชครูตอบว่าคงไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อทราบว่าถึงพูดคุยต่อก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เซี่ยเหลียนจึงกล่าวลาอีกฝ่าย ราชครูถามเขาว่าคิดจะทำอย่างไรต่อไป เซี่ยเหลียนเลยตอบไปว่าในเมื่อถึงเขาจะหายไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็มีแต่สู้ต่อไปให้ถึงที่สุดเท่านั้น ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน เขาก็จะปกป้องคนของเขาไว้ให้ได้
ครึ่งเดือนหลังจากนั้นหลางอิงก็นำคนเข้าโจมตีเมืองหลวงอีก เมื่อเห็นอีกฝ่าย เซี่ยเหลียนก็พุ่งฝ่าคนเข้าไปหาพร้อมตะโกนถามถึงอมนุษย์ตนนั้น หลางอิงไม่ตอบแต่กลับถามเขากลับว่าเซี่ยเหลียนเคยบอกว่าฝนจะตกในหย่งอันอีกไม่ใช่หรือ เป็นเพราะผู้ป่วยโรคหน้าคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เซี่ยเหลียนที่อยู่ช่วยทางนี้เลยไม่ได้ไปสร้างฝน และในเมื่อทำเช่นนั้นไม่ได้เขาเลยฝากหมวกไม้ไผ่ให้เฟิงซิ่นนำไปคืนเทพแห่งฝนแล้ว เขาตอบหลางอิงด้วยความโกรธว่าเขาเป็นคนสร้างฝน คิดไม่ออกหรือว่าเพราะอะไรฝนถึงไม่ตกลงมาอีก หลางอิงเอ่ยด้วยความเยือกเย็นว่าเขารู้ว่าถึงไม่มีโรคหน้าคนพลังของเซี่ยเหลียนก็เริ่มลดลงแล้ว มีคนน้อยมากที่รอดชีวิตในหย่งอัน การกระทำของเซี่ยเหลียนเป็นสิ่งเปล่าประโยชน์ ทำไมถึงได้คิดว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จ แทนที่จะมอบชะตาของเขาให้อยู่ในมือของเซี่ยเหลียน เขาขอเป็นคนกำหนดชะตาของตัวเองดีกว่า
คำพูดนั้นทำให้เซี่ยเหลียนโกรธ เขาแทงกระบี่ใส่อีกฝ่าย ทว่าถึงจะมีเลือดออกแต่กลับไม่สามารถทะลุหัวใจของหลางอิงได้ สำหรับผู้ที่ถูกกำหนดให้มีชะตาอันยิ่งใหญ่ เมื่อถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานร่างกายของพวกเขาจะแผ่พลังป้องกันที่แม้แต่เทพก็ทำอะไรไม่ได้ และในตอนนี้หลางอิงก็มีแสงรัศมีแห่งราชันอยู่รอบตัว เขาไม่สามารถฆ่าหลางอิงได้แล้ว หลางอิงแทงดาบอกของเซี่ยเหลียนท่ามกลางสายตาของทหารทั้งฝ่ายเมืองหลวงและหย่งอัน เทพแห่งสงครามถูกแทง คนของเขาที่คิดว่าตนเป็นกองทัพของเทพจะคิดอย่างไร จะยังมั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะเหมือนเคยได้อย่างไร แม้สุดท้ายพวกเขาจะเป็นฝ่ายชนะ แต่เซี่ยเหลียนกลับรู้สึกว่าตนพ่ายแพ้แล้ว อีกทั้งมู่ฉิงยังมาแจ้งอีกว่าแค่วันนี้วันเดียวก็มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกนับร้อย เมื่อถูกเฟิงซิ่นถามว่าทำไมวันนี้เขาถึงไม่ฆ่าหลางอิงทั้งๆ ที่ได้เปรียบ เซี่ยเหลียนก็ไม่อยากบอกความจริงว่าตอนนี้หลางอิงมีรัศมีราชัน และในตอนนั้นเองก็มีเสียงกรีดร้องเรียกให้เซี่ยเหลียนช่วยตน พอเซี่ยเหลียนที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะดื่มน้ำรีบวิ่งไปก็พบว่าอีกฝ่ายคือชายที่ให้ร่มกับเขาในตอนนั้น
.
.
.
.
.
มึงกูเพิ่งดู ซร ปรมาจารย์ลัทธิมารจบอ่ะ
ตอนจบแม่ง แยกกันเฉย
กูจะไปตามนิยายต่อ ดันเพิ่งออกมาสองเล่ม
จะไปอ่านอิ๊ง ภาษากูก็ง่อย มีใครพอจะสปอยตอนจบให้กูได้ไหมว่ะ สรุปเว่ยอิงกับหลานจ้านได้คู่กันปะ
>>349 แต่เขาตีความกันว่ากลับมาเจอกันตอนจบนะ ดูดีๆ มีคนเรียกเว่ยอิง เว่ยอิงหันมายิ้มหวาน(มาก) ซูมในดวงตาจะรู้ว่าเว่ยอิงมองคนเรียกซึ่งใส่ชุดขาว
ชุดขาว+เรียกเว่ยอิง = หลานจ้านไงจะใครซะอีก รัฐบาลจีนมันจบแบบโจ่งแจ้งไม่ได้เพราะมันคือ ชช
ส่วนในนิยายเขาได้กัน แค่กๆ แต่งงานกันด้วย
>>351 เออ แต่กูงงนะว่าทำไมปล่อยให้มีซีรีย์วายได้ตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าก่อนทำหนังหรือซีรีย์ ผกกต้องส่งบทหนังให้ผ่านอนุมัติก่อนต้องถ่ายทำเหรอ งั้นฝ่ายผู้มีอำนาจก็น่าจะรู้ว่ามันคือวาย ถ้าไม่สนับสนุนวาย ก็ไม่น่าปล่อยผ่านเรื่องที่มีกลิ่นอายวายด้วยป่ะ หรือยอมปล่อยผ่านเพราะผลประโยชน์
จริงๆ น่าจะสนับสนุนวายไปเลยนะ เพราะปรจ ดังมาก ทั้งนักแสดง ทีมงาน ผกก ตอนนี้สาวๆ น่าจะรอดูวายจีนเยอะขึ้น
กู 349 กูก็รู้ว่าเค้าเจอกัน แต่แม่งมันไม่พอไง 5555
ปรมจกูว่าซีรี่ย์ก้อทำออกมาใช้ได้นะ โมเม้นสบตาแบบว่ารู้กันสองคนเยอะอยู่ คนไม่เคยอ่านนิยายดูยังรู้ว่ารักกัน ตอนจบได้แค่นี้ (หันกลับไปมองว่ามีคนเรียก) ก้อถือว่าแฮปปี้แร้ว สื่อว่าได้อยู่ด้วยกัน แต่ถ้ามึงอยากฟินจริงจังคือรอนิยายค่ะ จบดีแน่นอน ยิ่งตอนพิเศษ อห
>>346 เกลียดหลางอิงหว่ะ ตอนแรกสงสาร ตอนแบกห่อศพลูกไว้กับตัวนี่กูขอบตารื้นมาก แต่ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว ทำลายเซียนเล่อ ฆ่าคนเซียนเล่อ ทั้งที่มึงอพยพมาอยู่บ้านเขา พอคนของตัวก่อความวุ่นวาย เขาไล่ออกมา เขาไม่ช่วย เสือกพังบ้านเขา ฆ่าเขา ละเสือกมีรัศมีราชันออกมา พลังเพิ่มไปอีก
กรณีหลางอิง
.
.
.
.
.
มันต้องมองแบบประชาชนที่ไม่รู้เบื้องหลังเลยว่าคนบริหารต้องทำยังไง มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะสมัยนั้นทางการจะจัดการอะไรยังไงประชาชนรู้แทบไม่รู้ ประชาชนรู้แค่ว่าตัวเองจ่ายภาษีทุกปี ตอนนี้ลำบากมากแต่ไม่มีการช่วยเหลือส่งมา แถมพอยกขบวนไปขอความช่วยเหลือกลับถูกไล่ออกมา มีคนฝ่ายตัวเองทำเรื่องแย่ แต่มันก็ไม่ใช่ทุกคน ที่ถูกใส่ความก็มาก ทำไมไม่ยอมช่วยเหลือแม้แต่เด็กกับผู้หญิง
ส่วนที่พูดกับเซี่ยเหลียนในตอนนี้มันไม่ใช่เดี๋ยวไม่เอาฝน เดี๋ยวเอาฝน แต่มันอารมณ์ประมาณถึงเซี่ยเหลียนจะอยากช่วย แต่ความจริงก็คือไม่มีพลังพอที่จะช่วยได้ ถึงพยายามช่วยตามกำลังที่มีน้อยนิด ผลมันก็แทบไม่มีอะไรดีขึ้น แล้วทำไมจะต้องให้ชาวหย่งอันหยุดสู้ เพราะถ้าไม่สู้ก็เท่ากับรอความตายที่หน้ากำแพงเมือง จะให้ทุกคนอยู่เฉยๆ รอรับความช่วยเหลือจากเซี่ยเหลียนทั้งๆ ที่ก็เห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้เหรอ ประมาณอย่าเป็นเตี้ยมาพยายามแบกค่อมน่ะ
.
.
.
.
.
>>357 เสริมอีกหน่อย ดูอย่างเซี่ยเหลียนที่เกิดในตระกูลคนที่ทำหน้าที่บริหารบ้านเมือง ตอนแรกยังว่าพ่อตัวเองเลยว่าทำไมไม่ช่วยอย่างนู้นอย่างนี้ จนต้องมาลงมือทำด้วยตัวเอง ถึงรู้ว่าที่ตัวเองว่าพ่อไปมันทำจริงไม่ได้ จะให้ประชาชนคนธรรมดาอย่างหลางอิงมาเข้าใจมันก็ไม่ใช่อะ อีกอย่างหลางอิงก็อายุมากกว่าเซี่ยเหลียนไม่กี่ปี เซี่ยเหลียนยังตัดสินใจผิดหลายครั้ง ใช้อารมณ์นำก็หลายหน หลางอิงก็ไม่ต่างกันหรอก
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>346 เทียนกวาน Part.72
.
.
.
.
.
ใบหน้าที่ขาของชายคนนั้นขยับและยังกินหญ้าบนพื้นราวมีชีวิต ได้เห็นเช่นนั้นผู้ป่วยหลายคนก็แตกตื่นจนเฟิงซิ่นกับพวกทหารต้องมาควบคุมให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เซี่ยเหลียนถามว่าอีกฝ่ายยังใช้ขาข้างนี้ได้หรือไม่ มีคนช่วยตอบว่าขาข้างนั้นไม่อาจขยับได้และหนักราวกับหิน แล้วหมอคนหนึ่งจึงกระซิบบอกเซี่ยเหลียนว่าวิธีเดียวที่พวกเขายังไม่ได้ใช้ลองรักษาคือการตัดอวัยวะที่มีใบหน้านั้นออก ชายคนนั้นร้องด้วยความกลัว ขอร้องให้เซี่ยเหลียนช่วยตน และเป็นครั้งแรกที่เซี่ยเหลียนทำได้เพียงกล่าวคำว่าขอโทษ
คำพูดนั้นทำให้ไม่อยากเชื่อว่าเทพอย่างเซี่ยเหลียนจะทำอะไรไม่ได้ ทั้งๆ ที่พวกเขาต่างเชื่อใจและรอคอยการช่วยเหลือจากอีกฝ่าย หมอยื่นมีดไปใกล้ใบหน้าบนขาซึ่งอ้าปากร้องราวหวาดกลัว พร้อมกันนั้นก็เริ่มมีใบหน้าปรากฏเพิ่มอีก 3 อัน เซี่ยเหลียนถามชายคนนั้นว่ายังต้องการขาข้างนี้อีกหรือเปล่า ชายคนนั้นช็อค ไม่อาจตัดสินใจได้ แต่เมื่อใบหน้าบนขากรีดร้องเห็นลิ้นสีแดงภายในปากนั้น เซี่ยเหลียนก็สั่งให้หมอตัดขาทันที ทว่าอีกฝ่ายกลับรขลาดกลัวแล้วหนีไปอยู่กับฝูงชน ในตอนที่ชายคนนั้นคร่ำคราวญขอให้เซี่ยเหลียนช่วยก็มีเสียงอันสิ้นหวังดังขึ้นในหัวของเซี่ยเหลียนว่า “แล้วมีใครช่วยข้าได้บ้าง...” เสียงทุกอย่างตีกันวุ่น แล้วเขาก็หยิบกระบี่ตัดขาของชายตรงหน้า
ชายหนุ่มกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เซี่ยเหลียนจับตัวอีกฝ่ายไว้พร้อมเรียกให้หมอมาช่วยห้ามเลือด ทว่าพวกหมอกลับอ้ำอึ้งจนมู่ฉิงต้องหยิบยารักษาของสวรรค์มาช่วย แล้วเซี่ยเหลียนก็ใช้พลังทิพย์เผาขาข้างนั้นทิ้ง เขาสำรวจร่างกายของชายคนนั้น พบว่าใบหน้าไม่กระจายไปยังจุดอื่น พอเห็นอย่างนั้นก็มีคนร้องขอให้เซี่ยเหลียนช่วยเหลือตนด้วย แม้เซี่ยเหลียนจะบอกว่าต้องสังเกตต่ออีกพักหนึ่งว่าผลจะเป็นเช่นไร แต่ก็มีเสียงดังว่าต้องรอผลไปอีกนานเท่าไร เขาไม่สามารถทนรอได้อีกและอยากลองเสี่ยงกับการรักษานี้ดู จากนั้นคนนับร้อยก็พุ่งเข้าหาเซี่ยเหลียน เขาเลยต้องรีบบอกว่าหากชายคนนี้อาการไม่ทรุดลง เขาจะรักษาทุกคนเอง พอได้ยินอย่างนั้นทุกคนจึงค่อยสงบลงได้
เมื่อเซี่ยเหลียนมานั่งพักที่ใต้ต้นไม้ มู่ฉิงก็เข้ามาต่อว่าว่าเซี่ยเหลียนตัดขาของชายคนนั้นโดยทีอีกฝ่ายไม่ได้อนุญาตได้อย่างไร หากไม่ได้ผลขึ้นมาจะเป็นเซี่ยเหลียนเองที่ถูกเกลียด แต่เซี่ยเหลียนบอกว่าเขาไม่อาจรอได้ ในเมื่อต้องมีคนตัดสินใจเขาก็เลยทำเช่นนั้นไป จากนั้นเฟิงซิ่นก็บอกให้เซี่ยเหลียนพักผ่อนในขณะที่ตนกับมู่ฉิงไปดูผู้ป่วยที่ร้องคร่ำคราวญ แม้ปรกติเซี่ยเหลียนจะไม่เคยนอนบนพื้นและต้องให้คนจัดที่นอนให้เสมอ แต่ด้วยความเหนื่อยทำให้เขาหลับไปอย่างรวดเร็วทั้งๆ ที่เสื้อผ้าเลอะเลือดอยู่เต็ม ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรเขาก็ได้ยินเสียงเฟิงซิ่นปลุก เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบผ้าผืนหนึ่งห่มบนร่างของตัวเองอยู่ ทว่าเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงกลับบอกว่ามันไม่ใช่ของพวกตน อาจเป็นหนึ่งในผู้ศรัทธาเซี่ยเหลียนเอามาให้ก็ได้
หลังจากนั้นเพียง 2 วัน หมอก็มาแจ้งเซี่ยเหลียนว่าผู้ป่วยไม่เชื่อคำเตือน บางคนเอาไฟเผาใบหน้าแปลกปลอม บางคนก็เอามีดมาเฉือนพวกมันออกจนเสียเลือดตาย เมื่อได้ทราบเรื่องเซี่ยเหลียนก็โกรธมาก เขาตะโกนต่อว่าผู้ป่วยพวกนั้นว่าทำไมถึงได้โง่เขลาไม่ฟังคำกัน เมื่อได้ยินคนบอกว่าเป็นเพราะพวกตนกังวลกับโรคที่เผชิญจึงไม่มีทางอื่นนอกจากทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ ในเมื่อเซี่ยเหลียนช่วยเหลือพวกเขาไม่ได้ พวกเขาก็จำเป็นต้องช่วยเหลือตัวเอง เซี่ยเหลียนไม่ต้องกังวลว่าจะต้องสูญเสียยารักษาหรือพลังทิพย์เพื่อพวกตนหรอก ได้ยินอย่างนั้นเซี่ยเหลียนก็อึ้ง เขาก็แค่เตือนอีกฝ่ายด้วยความหวังดี ทั้งไม่เคยพูดถึงยารักษาหรือพลังทิพย์ของตนเอง ทำไมอีกฝ่ายถึงได้พูดราวกับเขาจองหองถือตัว เหมือนว่าความปรารถนาที่จะช่วยเหลือผู้คนของเขาไม่บริสุทธิ์ ทำไมเขาถึงได้ละทิ้งสถานะเทพแล้วหาปัญหาให้ตัวเองอยู่ที่นี่กัน ความคิดมากมายตีกันในหัว ทว่ากลับไม่อาจรวบรวมเป็นคำพูดได้ เซี่ยเหลียนกำหมัดแน่นแล้วหันไปต่อยต้นไม้ต้นหนึ่งจนมันโค่นลง
.
.
.
.
.
แต๊งส ไอ้ฉากโรคระบาดหน้าคน ตอนทำเป็นซีรี่ย์คงแหยงสัส มึงบอกอาร์ค 4 ฉากแหวะยิ่งเยอะ ทำไปทำมานิยายรักแม่โม่กลายเป็นซีรี่ย์สยองขวัญฮัลโลวีนแหงเลยว่ะ แอคชั่นแฟนตาซีปนเฮอเร่อแม่งน่าดู แต่ช่วยให้ฟาฟามีบทสวีทกะเมียของเขาบ้างนะ 5555
>>365 จริงๆ ตอนนี้ฟาฟาก็อยู่ข้างๆ เซี่ยเหลียนนะ เป็นบุรุษพยาบาลที่รายงานอาการที่ขาขยับไม่ได้ของคนไข้ แล้วก็เป็นคนที่เอาผ้าไปห่มให้เซี่ยเหลียน แต่เซี่ยเหลียนไม่เคยสนใจ ไม่สังเกต ไม่รับรู้
คิดว่าตอนทำเป็นซีรีย์คงปรับบทให้ซอฟลงเหมือนกรณีมือผีในเรื่อง ปรมจ อะ คงไม่กล้าทำให้แหวะ
ภาคแยก ปรมจ the living dead มาแล้วอะ
แต่ไม่มีซับไทย กรีดร้อง ต่อไปมันจะมีไหมวะ
ถ้ามีจะรอดูซับไทย ซับอังกฤษก็พอรู้เรื่องแหละ แต่อยากได้ซับไทยมากกว่า ถ้าไม่มีก็ต้องดูต่อไป
กู367 กูทำซับไทยได้แล้วไปดูต่อก่อนนะ
คือมันต้องค้นหาเป็นชื่อภาษาไทยถึงได้ซับไทย
ปรมจ.ภาคเวินหนิง ใครดูแล้วรีวิวหน่อย กูกลัวออกทะเล
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>359 เทียนกวาน Part.73
.
.
.
.
.
พอเห็นท่าทางก้าวร้าวของเซี่ยเหลียนก็มีเสียงใครบางคนพูดว่าทำไมเซี่ยเหลียนต้องโกรธทั้งๆ ที่ทุกคนเป็นคนป่วยและต่างเป็นผู้ศรัทธาของเซี่ยเหลียน ไม่มีใครไปติดหนี้บุญคุณเซี่ยเหลียนเสียหน่อย พอมีคนเปิดประเด็นก็มีเสียงอื่นกล่าวเห็นด้วย บอกว่าไหนว่าองค์ชายรัชทายาทมีจิตใจอ่อนโยน ที่แท้ก็เป็นคนเช่นนี้ ทำไมไม่ไปเผาค่ายของศัตรูแทนที่มาให้พวกเขาต้องทนทุกข์กับสงคราม ตลอดชีวิต 20 ปีที่ผ่านมานี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยเหลียนรู้สึกกลัว เขาในตอนนี้ไม่ใช่เทพสงครามผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยนบนแทนบูชาอีกต่อไปแล้ว เซี่ยเหลียนวิ่งออกจากค่ายราวต้องการหนีโดยมีเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงตามมา ไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่ามีบุรุษพยาบาลคนหนึ่งเข้าไปชกผู้ป่วยที่กล่าวคำพวกนั้นจนสลบ
เหลียนมุ่งไปเขาเป้ยจื่อ เขาตะโกนลั่นสั่งให้อมนุษย์ตนนั้นออกมา โดยไม่คาดคิด จู่ๆ ก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังขึ้น เมื่อพวกเขาหันไปก็พบกับร่างในชุดไว้ทุกข์สีขาวร่างนั้น เซี่ยเหลียนพุ่งใส่อีกฝ่ายทันที ในที่สุดมือข้างหนึ่งของเขาก็คว้าคอของอมนุษย์ได้ แต่อมนุษย์กลับส่งเสียงหัวเราะออกมา อีกฝ่ายบอกว่าไม่ว่าเซี่ยเหลียนจะดิ้นรนอีกเท่าไร สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้และอาณาจักรเซียนเล่อก็จะล่มสลาย ก่อนเอ่ยต่อว่าที่จริงก็มีวิธีพลิกจากแพ้เป็นชนะอยู่ และบอกให้เซี่ยเหลียนเข้าไปใกล้ตน
อมนุษย์ชุดขาวกระซิบบางอย่างที่ทำให้เซี่ยเหลียนต้องเบิกตากว้าง เขาพลักอีกฝ่ายออก บอกว่าเขาต้องการรู้วิธีรักษาโรคต่างหาก อมนุษย์กล่าวว่าตนบอกวิธีกับเซี่ยเหลียนไปแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นกับการตัดสินใจของเซี่ยเหลียน เมื่อเซี่ยเหลียนถามว่าอีกฝ่ายคือใครกันแน่ อมนุษย์ก็บอกให้อีกฝ่ายถอดหน้ากากของตนดู แล้วเซี่ยเหลียนก็ต้องแข็งค้างเมื่อพบว่าใบหน้าใต้หน้ากากนั้นคือใบหน้าของเขาเอง เขาแทงกระบี่ใส่ร่างตรงหน้าทันที แล้วก็ได้รู้ว่าร่างนั้นเป็นเพียงเปลือกเปล่าที่ถูกสร้างขึ้น ด้วยความโกรธ เซี่ยเหลียนจึงแทงกระบี่ใส่ร่างนั้นไม่ยั้งจนเฟิงซิ่นที่ทนดูไม่ได้ต้องเข้ามาห้าม บอกว่าอย่าไปใส่ใจกับคำพูดของอีกฝ่าย เซี่ยเหลียนเลยบอกว่าสิ่งที่อมนุษย์ตนนั้นบอกเป็นเรื่องจริง หากแต่มันคือวิธีสร้างโรคหน้าคน
ทั้งสามกลับไปที่ห้องนอนของเซี่ยเหลียนในราชวัง เซี่ยเหลียนเล่าว่าใบหน้าที่ปรากฏบนร่างกายของผู้ป่วยคือวิญญาณของชาวหย่งอันที่เสียชีวิต และส่วนมากเป็นคนที่ตายเพราะภัยแล้ง ในช่วง 7 วันหลังเสียชีวิตวิญญาณจะยังสับสน พวกเขาจึงถูกอารมย์ความแค้นอันแรงกล้าของเหล่าทหารหย่งอันซึ่งเป็นคนรักหรือครอบครัวของพวกตนชักนำให้ไปสิ่งสู่ในกายของมนุษย์ แย่งชิงอาหารที่หล่อเลี้ยงเจ้าของร่าง และศพของลูกชายของหลางอิงก็เป็นสิ่งที่ทำให้คำสาปทำงาน
มู่ฉิงเห็นว่านั่นคือวิธีถอนคำสาป หากพวกเขาสาปชาวหย่งอันกลับ อีกฝ่ายก็จะไม่มีเวลาทำอย่างอื่น สุดท้ายก็อาจเสียชีวิตทั้งหมด แล้วคำสาปก็จะหายไปได้เอง เซี่ยเหลียนตะลึงกับความคิดนั้น พอตั้งสติได้ก็รีบตอบว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเป็นเรื่องยากมากที่ทหารหย่งอันจะติดโรคนี้ แต่ก็ไม่ยอมอธิบายว่าเพราะอะไร ทว่ามู่ฉิงกลับชี้ไปว่าถ้าอย่างนั้นก็สาปประชาชนหย่งอันแทน เซี่ยเหลียนปฏิเสธทันที บอกว่าเขาจะพยายามคิดหาวิธีอื่นเอง
มู่ฉิงไม่พอใจ เขาบอกว่าเซี่ยเหลียนเอาแต่เห็นใจคนอื่น แต่คนอื่นไม่ได้เห็นใจเซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนบอกว่าสิ่งนี้เป็นดาบสองคม คนสาปต้องมีจิตใจดำมืด และคนตายก็ไม่อาจจากไปอย่างสงบ ตอนมีชีวิตอยู่พวกเขาก็ทรมานมากพอแล้ว ยังจะให้พวกเขาต้องกลายเป็นปีศาจอีกเหรอ คำสาปย่อมย้อนกลับในสักวันและไม่มีใครที่พบจุดจบที่สวยงาม ได้ยินดังนั้นมู่ฉิงก็หมดความอดทน เขาตะโกนว่าก่อนจะถึงตอนนั้นทุกคนก็ฉิบหายหมดแล้ว ไม่มีหนทางที่ 3 หรือน้ำแก้วที่ 2 อยู่ทั้งนั้น เซี่ยเหลียนจะผลาญเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้ คนที่ไม่ยอมตัดสินใจอะไรเด็ดขาดจนต้องทุกข์กันอยู่อย่างนี้คือเซี่ยเหลียน คนที่มีวิธีรักษาในมือแต่ไม่ยอมใช้ก็คือเซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนเป็นคนที่น่าโมโหมาก แค่มองเซี่ยเหลียนในตอนนี้ ผู้ศรัทธาทุกคนก็เหมือนจะสะสมความโชคร้ายไป 8 ชาติแล้ว
.
.
.
.
.
ตั้งแต่มายุ่งกับสงครามแต่ต้นก็ควรมีใจที่เด็ดขาดอยู่แล้ว ทำอะไรครึ่งๆกลางๆจนทุกอย่างมีแต่แย่ลง งานนี้กูตบบ่ามู่ฉิงว่ะ ปวดหัวแทน ถ้าสงสารคนก็อย่าฆ่าชาวหย่งอันพันคนแต่แรก ไม่ฆ่าคือไม่ฆ่า ฆ่าคือฆ่า ไม่ใช่ฆ่ารอบนึงแล้วใจไม่แข็งพอทำอีกรอบ สุดท้ายช่วยใครไม่ได้เลย
ภาคเวินหนิงซือจุย มีแปลผิดประโยคสองประโยค บรรยากาศเปลี่ยนเลย ในทวิตภพเป็นขำกันใหญ่บอกเหมือนแฟนคุยกัน 555 แล้วหนังภาคพี่น้องเนี่ยมาเมื่อไหร่อ่ะ
>>376 เพราะอย่างนี้กูถึงได้บอกว่าที่มู่ฉิงทิ้งเซี่ยเหลียนไปตอนถูกเนรเทศ หลักๆ เลยมันไม่ใช่เพราะความลำบากอะ มู่ฉิงมีปัญหากับเซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นมานาน เป็นคนที่บอกเซี่ยเหลียนแต่แรกแล้วว่าอย่ามายุ่งเรื่องนี้ แต่บอกอะไรไปสองคนนั้นก็ไม่ค่อยฟัง ถึงไม่มองว่าใครถูกใครผิดมันก็คือความคิดกับทัศนคติมันไปกันไม่ค่อยได้อะ พอต้องไปลำบากทั้งกายทั้งใจมันเลยขาดผึง
>>379 ถึงกูจะอยากโดดถีบขาคุ่ใส่มู่ฉิง แต่กูก็ต้องยอมรับนะว่าในกลุ่มเซียนเล่อทรีโอ้มู่ฉิงมองโลกตามความเป็นจริงที่สุดแล้ว ก่อนจะเกิดเรื่องเซียนเล่อหย่งอันเซี่ยเหลียนอยู่ในสภาพแวดล้อมดีๆ มาตลอด ถึงมีอุปสรรคอะไรก็ผ่านมาได้ชิลๆ เพราะสถานะไท่จื่อ ถึงได้ไม่เคยตระหนักว่าจริงๆ แล้วด้านมืดของผู้คนมันน่ากลัวขนาดไหน เฟิงซิ่นก็ถูกสั่งสอนมาให้จงรักภักดีกับเซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนว่าไงก็เออออตามหมด คะแนนเสียงเป็น 2:1 ตลอด ก็เข้าใจที่มู่ฉิงเครียดนะ
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>373 เทียนกวาน Part.74
.
.
.
.
.
พอได้ยินมู่ฉิงพูดอย่างนั้นในที่สุดเฟิงซิ่นก็ทนไม่ได้เ เขาบอกว่าตนทนอีกฝ่ายมานานแล้ว ถ้าไม่มีเซี่ยเหลียนอีกฝ่ายคิดบ้างไหมว่าตอนนี้ตัวเองจะอยู่ในสภาพไหน ทำไมถึงได้ชอบข่มเจ้านาย ถ้าตัวเองเก่งจริงทำไมถึงไม่ได้ขึ้นสวรรค์เอง ชอบพยายามหาเหตุผลมาต่อว่าเซี่ยเหลียนเพื่อจะบอกว่าตัวเองมีดีกว่า แต่ไม่ว่าเซี่ยเหลียนจะตัดสินใจยังไงก็ต้องให้ความเคารพ อย่าได้ลืมสถานะของตัวเอง เซี่ยเหลียนโมโหมาก บอกว่าถ้าไม่หยุดเขาจะไล่ทั้งสองคนออกไป แต่เฟิงซิ่นกล่าวว่าเขาไม่สน ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยเหลียนพาเขาขึ้นสวรรค์ด้วยเขาก็ไม่เคยสนว่าตัวเองจะได้เป็นเทพหรือเปล่า ถึงจะถูกเตะกลับไปเป็นมนุษย์ เขาก็จะยังภักดีต่อเซี่ยเหลียน แต่หากมู่ฉิงไม่สามารถใช้เซี่ยเหลียนพาตัวเองขึ้นสวรรค์ได้ก็คงไม่ยอมมาติดตามอย่างนี้ พอได้ยินประโยคหลังมู่ฉิงที่พูดไม่ออกอยู่นานก็โต้เถียงขึ้นมาอีก เซี่ยเหลียนเลยระเบิดเสียงสั่งให้ทั้งสองเงียบ ตอนนั้นเองจู่ๆ แผ่นดินก็ไหว เขาสั่งให้เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงออกไปช่วยคน แต่เมื่อทั้งสองไปแล้ว ฉีหรงกลับกลิ้งออกมาจากใต้เตียงของเขา แม้จะตกใจด้วยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินที่พวกตนพูดมากแค่ไหน เขาก็ยังรีบดึงญาติผู้น้องหนีออกไปอยู่ในที่โล่ง
แผ่นดินไหวไม่นานก็หยุด แต่ยังไม่ทันโล่งใจเจดีย์สวรรค์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวังเซียนเล่อก็เริ่มเอียงลง เขารีบใช้พลังทิพย์สั่งให้รูปปั้นทองคำของเขาบนเขาไท่ชางมาดึงเจดีย์เอาไว้ ทว่าเจดีย์หนักเกินไปจนรูปปั้นเริ่มรับน้ำหนักไม่ไหว เซี่ยเหลียนเลยต้องใช้พลังทั้งหมดใส่เข้าไปรูปปั้น เมื่อเห็นภาพนั้นประชาชนก็ยินดี ต่างร้องตะโกนว่าเซี่ยเหลียนต้องช่วยเหลือพวกตน และพิทักษ์โลกใบนี้ เซี่ยเหลียนกัดฟันพยายามบอกให้ทุกคนหนีไปจากบริเวณนั้น แต่เสียงก็แหบแห้งแทบไม่ได้ยิน ตอนนี้เองฉีหรงก็มาจับข้อเท้าของเขาไว้ พอเซี่ยเหลียนเอ่ยให้อีกฝ่ายหนีไปเพราะเจดีย์กำลังจะพัง ฉีหรงกลับพูดว่าในเมื่อเซี่ยเหลียนจับมันไว้อยู่ จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร
ฉีหรงบอกว่าตนได้ยินที่พวกเซี่ยเหลียนคุยกันว่ารู้วิธีจัดการโรคหน้าคนแล้ว เขาจะช่วยญาติผู้พี่สาปหย่งอันเองขอให้บอกวิธีมา และถามอีกฝ่ายว่ารู้ใช่ไหมว่าทำไมพวกทหารถึงไม่ติดโรค เมื่อข้าราชบริพารที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยิน พวกเขาก็เอ่ยว่าในเมื่อรู้วิธีรักษาโรคหน้าคนแล้วทำไมเซี่ยเหลียนถึงไม่ยอมพูดอะไร ตอนนั้นเองเฟิงซิ่นก็กลับมาพอดี เซี่ยเหลียนเลยสั่งให้อีกฝ่ายพาฉีหรงออกไป แต่ฉีหรงก็ยังตะโกนถามว่าเซี่ยเหลียนจะจัดการชาวหย่งอันใช่ไหม และช่วยปกป้องพวกเขาจริงๆ ใช่ไหม พอญาติผู้พี่ไม่ตอบดวงตาของฉีหรงก็สั่นไหว แล้วเสียงของเขาก็เย็นชาขึ้น กล่าวว่าเซี่ยเหลียนจะไม่ปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ใช่ไหม จะไม่ปล่อยให้พวกเขาต้องอยู่อย่างสังเวชอย่างนี้ใช่ไหม ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ หรือ เซี่ยเหลียนต้องห้ามล้มเหลวเด็ดขาด
เซี่ยเหลียนรู้ดีว่าเขาจะพลาดไม่ได้ หากปล่อยให้เจดีย์ล้มลงคงมีผู้เสียชีวต บ้านเมืองพังเสียหาย อีกทั้งสมบัติของอาณาจักรที่เก็บอยู่ภายในก็คงสูญสิ้น แต่พลังของเขาก็ค่อยๆ เหือดหายไม่ต่างจากน้ำในหย่งอัน เพื่อยึดเจดีย์ไว้เซี่ยเหลียนเลยไม่อาจขยับร่างกายไปที่ไหนได้ เขาส่งหน้าที่ปกป้องกำแพงเมืองให้เฟิงซิ่นกับมู่ฉิง ขณะที่ตัวเองยืนอยู่ที่เดิมพยายามฟื้นพลัง ด้วยความที่กำแพงวังพังเพราะแผ่นดินไหวและไม่มีเจ้าหน้าที่มากพอ ทำให้ประชาชนเดินเข้ามาขอพรที่หน้าของเซี่ยเหลียนโดยตรงได้ พ่อแม่มาเยี่ยมเขาทุกวัน ผมของราชาแทบจะกลายเป็นสีขาวโพลน และยังดูแก่ขึ้นอีกหลายปี ในขณะที่ราชินีพยายามยืนถือร่มบังแดดให้ลูกชาย เธอร้องไห้พึมพำว่าทำไมเซี่ยเหลียนต้องได้เจอเรื่องทุกข์ทรมานเช่นนี้ด้วย เมื่อน้ำตาล้างเครื่องสำองค์ออก เซี่ยเหลียนก็ได้เห็นว่าแม่ของเขาไม่ได้ดูเยาว์วัยอีกต่อไปแล้ว ยามที่คนตกอยู่ในความทุกข์มักจะนึกถึงคนที่ตัวเองรัก ในตอนนี้เซี่ยเหลียนก็นึกอยากกลับไปเป็นเด็ก 10 ขวบที่วิ่งเข้ากอดแม่ของตน แต่ท่ามกลางสายตาของผู้คนเขาจะแสดงความอ่อนแอออกมาไม่ได้ หลังจากที่ทุกคนกลับไป เซี่ยเหลียนก็สลบไปช่วงหนึ่ง เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นดอกไม้สีขาวดอกหนึ่งวางอยู่เบื้องหน้า เขาก้มลงหยิบมันขึ้นมา และในตอนนั้นเอง จู่ๆ เขาก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง พร้อมกับการปรากฎตัวของเงาร่างหนึ่งที่กรีดร้องว่า ทำไม ทำไม
.
.
.
.
.
>>386 ความเห็นส่วนตัวเพิ่มเติม พอกลับมาอ่านตอนนี้อีกรอบแล้วถึงได้รู้สึเอะใจบางอย่าง
.
.
.
.
.
ว่าเรื่องมู่ฉิงเปิดอกบอกเซี่ยเหลียนในอาร์คที่ 5 มันน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เฟิงซิ่นด่าในตอนนี้ คือในที่สุดมู่ฉิงก็ยอมรับว่าตัวเองอิจฉา ชอบข่มเซี่ยเหลียนอย่างที่เฟิงซิ่นพูดจริงๆ แต่ก็ปฏิเสธว่าที่ตัวเองมาติดตามเซี่ยเหลียนไม่ใช่เพราะอยากใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย
.
.
.
.
.
แต่ตั้งแต่อ่านมามู่ฉิงแบบฉอดจริง คือตอนแรกนึกว่าเป็นผู้ติดตามแล้วจะแบบนายว่าไงข้าว่าตาม แต่ไม่อ่ะ ขัดทุกเรื่อง อย่างเฟิงซิ่นยังแบบมีเกรงใจเซียเหลี่ยนบ้างอะไรบ้าง แต่มู่ฉิงคือเอะอะบวกอย่างเดียว ถ้าเจ้านายไม่ใช่เซียเหลี่ยนนี่คงหัวกุดไปนานแล้วเหมือนกันนะ
มาถามตอนนี้ไม่รู้ช้าไปหรือเปล่า เศวตคืออะไรอ่ะ ? เศวตไร้หน้าด้วย
เหมือนเคยอ่านเจอก่อนหน้า ก็ติดภาพว่ามันคงเหมือนผีไร้หน้า (Kaonashi) ในเรื่อง Spirited away
แต่เพิ่งเลื่อนบน ๆ เจอว่าฟาฟาก็เป็นเศวตด้วย เลยเอะใจว่าคงไม่ใช่อะไรมุ้งมิ้งละ
>>388 มู่ฉิงเป็นคนที่ไม่เชื่อใจใคร แล้วก็พาลคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตัวเองอะ
>>389 มู่ฉิงค่อนข้างเป็นสาย Play Safe นะ เอาตัวรอดก่อนเป็นยอดดี ดูทรงแล้วแหละว่าเซี่ยเหลียนเป็นคนไม่เอาเรื่องเลยกล้าพูดกล้าวิจารณ์ (ซึ่งหลายอย่างก็พูดถูกด้วย) และคงเพราะตัวเองถูกดูถูก+ถูกรังแกมาตลอด แถมเซี่ยเหลียนในตอนหนุ่มก็โลกสวยเกินพอดี + ด้วยความอิจฉา คิดว่าตัวเองก็มีดีเหมือนกัน เก่งเหมือนกัน แต่ชีวิตโคตรต่าง พอมีโอกาสก็เลยชอบพูดดูถูกความคิดเซี่ยเหลียน (อย่างตอนต้นอาร์ค 2 ที่มู่ฉิงออกแรงโจมตีเซี่ยเหลียนในการแสดงมากกว่าตอนซ้อม ที่จริงก็เพราะอยากแสดงว่าตัวเองเก่งกว่าเซี่ยเหลียน) เหมือนเสิ่นจิ่วในตัวร้ายอย่างข้าอะ ที่พอเห็นลั่วปิงเหอมีแม่ที่ดี อายุที่เข้ามาฝึกก็ได้ ก็อิจฉาจนไปรังแกเขา แต่เพราะสถานะ มู่ฉิงก็เลยออกอาการมากไม่ได้+มู่ฉิงไม่ได้เกลียดเซี่ยเหลียน ก็เลยอยู่ระดับแค่คอยพูดจิกกัด ประชดประชัน
>>390 เศวตแปลว่าสีขาวอะ ตัวละครนี้ชื่อว่าไป๋อู๋เซียง แปลว่าสีขาวไม่มีหน้า เลยแปลเป็นเศวตไร้หน้าไป ฟาฟาไม่ได้เป็นเศวตนะ เป็นเจวี๋ย ซึ่งเป็นผีปีศาจที่มีพลังระดับสร้างความหายนะได้ ในเรื่องนี้มีเจวี๋ยอยู่ 3 คน คือไป๋อู๋เซียง ฮวาเฉิง กับธาราทมิฬล่มเรือ
อ่านแล้วสงสาร ตอนที่เซี่ยเหลียนต้องทุ่มพลังยื้อเจดีย์ไม่ให้ถล่ม แล้วขยับตัวไม่ได้ พ่อแม่มาเยี่ยม แม่ร้องไห้กางร่มบังแดดให้ แง ละพอเซี่ยเหลียนสลบ ตื่นมาเจอดอกไม้ขาว กูว่าฟาฟาก้อคงสงสารเซี่ยเหลียนมากๆเหมือนกัน..
จะสปอยเทียนกวานแต่ระบบมันขึ้น The message contained a forbidden keyword and therefore rejected. อะ ขอแบ่งเป็นหลายพาร์ทนะ เพราะไม่รู้ว่าส่วนไหนที่มีปัญหา จะได้เชคไปทีละส่วน
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>386 เทียนกวาน Part.75-1
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เจ้าของเสียงนั้นคือชายที่มอบร่มให้เซี่ยเหลียน ฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยเลือดจากการพยายามคลานมาที่นี่ ทิ้งรอยเลือดเป็นทางอยู่ด้านหลัง อีกฝ่ายยกขาข้างที่ยังเหลืออยู่ซึ่งตอนนี้มีใบหน้าปรากฏขึ้นให้เซี่ยเหลียนดู ร้องถามว่าทำไมเซี่ยเหลียนถึงได้ตัดขาของเขาทั้งๆ ที่วิธีนี้รักษาโรคไม่ได้ เซี่ยเหลียนทำอะไรไม่ถูกเลยใช้พลังทิพย์ช่วยทำให้หน้าพวกนั้นยุบลง แต่แล้วก็มีเสียงคนขอให้เขาช่วยเหลือดังมาอีก เป็นชายที่เฉือนหน้าของตัวเองออกไปครึ่งหนึ่ง ไม่ใช่แค่นั้น ผู้ป่วยอีกมากมายก็มาตามหาเซี่ยเหลียนที่นี่เช่นกัน เป็นเพราะเซี่ยเหลียนไม่ไปช่วยใช้พลังทิพย์รักษาที่ค่ายเช่นเคย ทำให้โรคของพวกเขากระจายเร็วขึ้น ทุกคนร้องให้เซี่ยเหลียนช่วย บอกว่าตนไม่อาจรอได้ ทำไมถึงช่วยคนนั้นแต่ไม่ช่วยเหลือตน ทำไมถึงได้ไม่ยุติธรรม อย่าทำราวกับพวกเขาเป็นของเล่นที่อยากทิ้งก็ทิ้งแบบนี้
เสียงหนึ่งเอ่ยว่าเซี่ยเหลียนรู้วิธีรักษาโรคไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่ยอมบอก สงสัยคงเป็นเพราะอยากให้พวกเขาวิงวอนจะได้เอาเงินบริจาคมากขึ้น เซี่ยเหลียนหน้าซีด มือมากมายดึงเขาไปมา ทั้งๆ ที่เขาเป็นถึงเทพ แต่ในช่วงนั้นเองกลับมีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นในใจของเขาว่า “...ช่วยด้วย”
เซี่ยเหลียนรู้สึกว่ามีใครบางคนช่วยดึงมือของคนพวกนั้นออกไปแต่ก็ไม่แน่ใจนัก เพราะในสายตาของเขาในตอนนี้มีแต่ใบหน้าเปื้อนเลือด และสภาพของผู้พิการสูญเสียอวัยวะ ทุกคนต่างตะโกนร่ำไห้จนไม่สังเกตว่ามีเสียงเป่าเขาสัตว์ดังขึ้น มันคือเสียงประกาศชัยชนะของหย่งอัน เซี่ยเหลียนล้มลงคุกเข่า ร่างกายไม่อาจทนได้อีก ตอนนั้นเองรูปปั้นของเขาที่ถูกใช้งานอย่างหนักก็ระเบิดหายไปทำให้เจดีย์ตกลงคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย เซี่ยเหลียนยกมือกุมศีรษะวิ่งไปที่กำแพงเมือง พอก้มลงมองความเสียหายบนสนามรบน้ำตาก็ไหลออกมา และท่ามกลางศพมากมายบนพื้น เขาก็เห็นร่างในชุดไว้ทุกข์สีขาวโบกมือให้ก่อนจะเลือนหายไป เซี่ยเหลียนรีบกระโดดหมายตามอีกฝ่าย แต่ตอนลงสู่พื้นขาของเขาก็หักเพราะไร้ซึ่งพลังทิพย์แล้ว
หลังจากวันนั้นความมุ่งมั่นของเซี่ยเหลียนก็หมดสิ้น เขาไม่อยากจับกระบี่หรือเข้าสู่สนามรบอีกแล้ว แต่ในเมื่อไม่มีใครแทนที่เขาได้ เซี่ยเหลียนเลยไม่อาจหลีกเลี่ยง และในการต่อสู้ครั้งหนึ่งเขาก็ไม่อาจต่อสู้ได้เลย มือของเขาสั่นไร้เรี่ยวแรงราวกับคนแก่ หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดหลัวที่ไม่อธิบายได้ว่าเกิดจากใครหรืออะไร ในที่สุดพวกทหารก็หมดศรัทธา ข่าวลือเริ่มแพร่สะบัดว่าเขาไม่ใช่เทพสงคราม หากแต่เป็นเทพแห่งความโชคร้าย แม้แต่เซี่ยเหลียนเองก็ยังนึกสงสัยว่าตัวเองจะอาจกลายเป็นเทพแห่งความโชคร้ายแล้วจริงๆ
ตอนที่ลงจากสวรรค์ เขาเคยกล่าวไว้ว่าจะกลับไปรับโทษด้วยตนเอง และแล้ววันนั้นก็มาถึง เซี่ยเหลียนได้รับการติดต่อให้กลับไปยังสวรรค์ เขาบอกเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงว่าอยากไปที่ศาลาหลวงก่อน แม้เฟิงซิ่นจะห้ามแต่เซี่ยเหลียนก็ยังไปอยู่ดี ที่นั่นเป็นสถานที่แรกที่อารามของเขาถูกสร้างขึ้น ด้วยคำแนะนำของราชครูทำให้ตอนนี้ลูกศิษย์ทุกคนจากไปแล้ว ที่นี่จึงเหลือเพียงความว่างเปล่า พอไต่ขึ้นเขาไปได้ครึ่งทาง เซี่ยเหลียนก็เห็นไฟกำลังไหม้อยู่บนยอดเขา รู้สึกว่ามันช่างสวยงามมาก เฟิงซิ่นสบถด่า พยายามห้ามเซี่ยเหลียนไม่ให้ไปต่อ แต่เซี่ยเหลียนที่เห็นอารามของตัวเองถูกเผามาหลายครั้งแล้วก็ยังอยากขึ้นไปดู
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>394 เทียนกวาน Part.75-2
.
.
.
.
.
เหมือนว่าไฟจะถูกดับโดยใครบางคน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้หากมีคนไปขวางฝูงชนที่ต้องการทำลายอารามของเทพแห่งความโชคร้ายก็จะถูกรุมตีจนตาย เมื่อขึ้นไปถึงอารามที่แทบเหลือแต่กำแพงห้องโถงหลัก พวกเขาก็เห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังต่อสู้กับกลุ่มวัยรุ่น ใบหน้าของเขามีแต่เลือดและรอยฟกช้ำจนดูไม่ออกว่าเป็นผู้ใด เมื่อเห็นคนๆ หนึ่งกำลังจะเอาหินทุบหัวของเด็กชาย เซี่ยเหลียนก็ใช้พลังทำให้หินก้อนนั้นแตก เด็กชายจึงได้โอกาสไล่ชกฝ่ายตรงข้ามจนอีกฝ่ายวิ่งหนีเพื่อไปเรียกพวกมาเพิ่ม
เด็กชายวิ่งเข้าไปในซากอารามเพื่อดับไฟที่เหลือ เขาเก็บกระดาษแผ่นหนึ่งจากพื้นขึ้นมาแขวนเหนือแท่นบูชาที่ปราศจากรูปปั้น แม้ฝีแปรงจะแย่เหมือนคนวาดรูปไม่เป็น แต่ก็พอดูออกว่ามันคือรูปขององค์ชายรัชทายาทผู้เป็นที่รักของเทพเจ้า ทำเอาเฟิงซิ่นอดชมไม่ได้เพราะไม่ได้เห็นใครพยายามปกป้องเซี่ยเหลียนมานานแล้ว ส่วนมู่ฉิงมองเด็กชายด้วยสายตาเหมือนจะนึกอะไรออก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เซี่ยเหลียนยกมือขึ้นสัมผัสภาพวาดนั้น เมื่อเห็นรูปขยับเด็กชายก็ถามว่านั่นท่านเหรอ แม้มองไม่เห็นแต่เด็กชายก็ร้องขอให้เซี่ยเหลียนอย่าเพิ่งไป เขาบอกว่าแม้อารามของเซี่ยเหลียนจะถูกเผา แต่อย่าได้เสียใจเลย ในอนาคตเขาจะสร้างอารามให้เซี่ยเหลียนมากกว่าที่เคยมี ใหญ่กว่า สวยกว่า ชนิดที่ไม่มีใครเทียบได้ เซี่ยเหลียนจะเป็นพระเจ้าองค์เดียวในใจของเขา
คำพูดยิ่งใหญ่ช่างขัดกับสภาพดูไม่ได้ของอีกฝ่าย จู่ๆ เซี่ยเหลียนก็หัวเราะเสียงดัง ถึงไม่ได้ยินเสียง แต่เด็กชายก็สัมผัสบางอย่างได้ เขาเบิกตากว้างน้ำตาไหล ชั่วขณะหนึ่งเหมือนได้เห็นร่างสีขาวร่างหนึ่งข้างหน้า แต่เมื่อกระพริบตาร่างนั้นก็หายไปแล้ว แม้จะอยากแสดงร่างให้อีกฝ่ายแต่พลังของเซี่ยเหลียนก็เหือดหาย สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงให้เด็กชายได้ยินเสียงของตน บอกให้อีกฝ่ายลืมเขาไปซะ เพราะอย่างไรวันหนึ่งก็คงไม่มีใครจดจำเขาได้
ได้ยินอย่างนั้นเด็กชายก็นิ่งเงียบก่อนที่น้ำตาจะพรั่งพรูออกมา ขณะที่พวกเซี่ยเหลียนกำลังเดินจากไป จู่ๆ เด็กชายก็ตะโกนว่าเขาจะไม่มีทางลืมซี่ยเหลียนเด็ดขาด ใบหน้านั้นก็เต็มไปด้วยความโกรธและเสียใจในคราเดียวกัน ดวงตาข้างเดียวที่ยังลืมขึ้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นทั้งๆ ที่น้ำตายังไหลออกมาไม่หยุด
จบอาร์คที่ 2
Note : ฉากอมนุษย์โบกมือให้ เซี่ยเหลียนเคยนึกถึงขึ้นมาในพาร์ท 35 >>>/801/7776/641
.
.
.
.
.
>>395
.
.
.
.
.
ในที่สุดก็จบอาร์ค 2 แล้ว พอได้ข้อมูลอดีตของเซี่ยเหลียนแล้วเพื่อนโม่งมีความเห็นยังไงกันบ้าง สมกับที่เล่าลือว่าเป็นเรื่องที่ดรามาหนักที่สุดของแม่โมในตอนนี้หรือเปล่า ในอาร์คนี้ได้ทำความรู้จักกับตัวละครเพิ่มขึ้นหลายตัว ทั้งเซี่ยเหลียน ฮวาเฉิง เฟิงซิ่น มู่ฉิง ฉีหรง อมนุษย์ไป๋อู๋เซียง หรือราชครูเหม่ยเนี่ยนซือกับเทพแห่งฝนที่จะมีบทต่อไป ความคิดที่มีต่อเนื้อเรื่องในอาร์คแรกเปลี่ยนไปหรือเปล่า จากเกริ่นเรื่องที่บอกว่าเซี่ยเหลียนเป็นตัวตลกของ 3 โลก พยายามช่วยคนแต่ยิ่งช่วยยิ่งแย่จนคนหันไปโกรธแค้นแทน (ตรงนี้กูนับถือแม่โม่มากนะ ที่ทำให้คำว่า ยิ่งช่วยยิ่งแย่ ออกมาได้ภาพชัดเจนมาก ตอนแรกที่กูอ่านเกริ่นเรื่องก็นึกว่าอาจเพราะมีตัวร้ายมาขัดเหมือนเรื่องส่วนใหญ่ แต่พอออกมาแบบนี้ก็อดชื่นชมไม่ได้จริงๆ )
คิดยังไงกับความสัมพันธ์ของแก็งค์ทรีโอ้เซียนเล่อ แล้วพอดูความสัมพันธ์ในปัจจุบันของทั้งสามแล้วรู้สึกยังไง คิดยังไงกับความสัมพันธ์ของเซี่ยเหลียนกับ ด.ช. หงหงเอ๋อร์ คิดยังไงกับพัฒนาการของฉีหรงจากสโตรกเกอร์เบอร์ 1 ของเซี่ยเหลียนกลายมาเป็นแอนตี้แฟนเต็มอัตรา คิดยังไงกับพัฒนาการของเซี่ยเหลียนสมัยหนุ่ม กับหลังจากผ่านมา 800 ปี คิดยังไงกับน้ำแก้วที่ 2 จำจนวันตายของอาจารย์เหม่ย คิดยังไงกับที่ปั้นเยวี่ยเคยถามเซี่ยเหลียนว่าเธอรู้ว่าตัวเองทำผิดที่ทำให้ปั้นเยวี่ยล่มสลาย แต่เธอทำผิดที่ตรงไหน แล้วเซี่ยเหลียนตอบว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน คิดยังไงกับที่หลังจากนั้นหย่งอันปกครองชาวเซียนเล่ออย่างไร้ความเมตตา คิดยังไงกับพ่อของหลางเชียนชิวที่พยายามทำให้หย่งอันกับเซียนเล่ออยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข แต่สุดท้ายกลับต้องตายแบบนั้น คิดยังไงกับหลางเชียนชิว เรื่องของของคน 2 คนทะเลาะกัน แล้วคนที่ 3 อยากห้ามที่เซี่ยเหลียนสอนหลางเชียนชิวตอนเด็ก รู้สึกยังไงตอนที่หลางเชียนชิว (ที่ยังไม่รู้ความจริง) บอกว่าตัวเองจะไม่มีทางเป็นเหมือนเซี่ยเหลียน แล้วเซี่ยเหลียนหัวเราะพร้อมร้องไห้ออกมา บอกว่าดีแล้วที่จะไม่เป็นเหมือนเขา คิดยังไงที่เซี่ยเหลียนอุตสาห์ฆ่าอันเล่อ กับพ่อของหลางเชียนชิวเพื่อไม่ให้หย่งอันแตก แต่สุดท้ายหย่งอันก็ต้องล่มสลาย
.
.
.
.
.
>>396 โม่งสปอยมีอาชีพเป็นครูป่ะ ขอคารวะตรงการถามคำถามให้วิเคราะห์ ประเทศไทยน่าจะเปลี่ยนจากการให้ท่องจำเป็นอ่านให้เข้าใจแล้วมาถกเถียงกันแบบนี้นะ ทำให้ได้ใช้สมองคิดวิเคราะห์ แถมเป็นการแสดงความเห็นที่ดีด้วย แม้จะเป็นนิยายแต่ถ้าเลือกตรงช่วงที่ดีๆ ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับหนังสือเรียน
พาร์ทนี้ดราม่าจริง ถ้ากูเป็นเซี่ยเหลียนก็คงไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เจ็บนะที่ยิ่งช่วยยิ่งแย่ แต่กูยังนับถือเซี่ยเหลียนที่ไม่หมดศรัทธาในมนุษย์ จมดิ่งอยากล้างบางมนุษย์หรือเกลียดกลัวไปเลย ตัวละครหลายเรื่องเป็นแบบนี้และกลายเป็นตัวร้ายไปเลย ยิ่งเขียนนิยายแม่โม่ก็ยิ่งดราม่าขึ้นเรื่อยๆ รึเปล่าเนี่ย
>>394 >>395 >>396 ขอบคุณโม่งสปอยสำหรับสปอย arc 2 อันหนักหน่วง ตอนนี้กูก็ยังค่อย ๆ ย่อยเนื้อหา ความสัมพันธ์ตัวละครอยู่เลย ไม่อยากหลุด เพราะมันน่าจะมีผลต่ออรรถรสตอนอ่าน arc หลัง ๆ
ที่รู้สึกปวดใจแทนเซี่ยเหลียนก็คงเป็นตอน arc 1 ที่ปั้นเยวี่ยถามเซี่ยเหลียนว่าเธอทำผิดตรงไหนที่ทำให้ปั้นเยวี่ยล่มสลาย กูว่าคำถามนั้นก็คงค้างอยู่ในใจเซี่ยเหลียนเหมือนกัน คืออยู่จุดสูงสุดในชีวิต ได้เป็นเทพ มีคนเคารพศรัทธา แล้วหล่นตุ๊บมาเป็นเทพสงครามฆ่าคน เทพหายนะที่เปื้อนเลือด ทำให้อาณาจักรพินาศ (ถึงมันมีชะตาต้องพินาศอยู่แล้วก็เถอะ) คือแม่งเจ็บปวดว่ะ เจ็บจนปัจจุบันขึ้นสวรรค์รอบ 3 ก็เลยทำตัวเป็นเทพเจียมตัว Self-esteem ต่ำ ถึงจะมีความตั้งใจจะช่วยเหลือผู้คน แต่ก็ไม่เปรี้ยวไปอวดศักดาโน่นนี่ว่าข้าช่วยได้ ๆ เฮ่อ ขอให้ฟาฟาช่วยเยียวยาหัวใจเซี่ยเหลียนได้โดยเร็ว
>>396 อ่านจบกูสงสารทุกคนอ่ะ อย่างเซี่ยเหลียนกูอดที่จะสงสารแกมมองบนนิดๆไม่ได้ เซี่ยเหลียนเจตนาดีนะแต่นิสัยยังเด็ก โลเล โลกสวยไปหน่อย พอผ่านมา800ปี เหมือนนิสัยพัฒนา เด็ดขาด ไม่จำเป็นต้องช่วยหมดทุกคน กูเลยชอบเซี่ยเหลี่ยนสุดล่ะ ส่วนหงหงเอ๋อร์บทน้อย แต่น่ารักกกกกกกก
อีแก๊งทรีโอ้นี่กูมองว่าเป็นคสพ.นายบ่าวที่เฟิงซิ่นออกแนวปกป้อง ภักดี แต่มู่ฉิงดูจะมีความเป็นตัวเอง กล้าขัดกล้าแย้งนาย และนางดูมีปมด้อยหน่อยๆเลยแอบอิจฉา
กูไม่รู้ว่า ตอนตัดสินใจละทิ้งเซี่ยเหลียน สองคนนี้สถานการณ์แวดล้อมเป็นแบบไหน จะมีในอาร์ค 4 ป่ะ? (อาร์ค 4 คือหลังเซียนเล่อล่มละเซี่ยเหลียนเลยโดนทิ้งให้ลำบากอยู่คนเดียว ละฟาฟาก้อแอบมองเธออยู่นะจ๊ะ ไรงี้มะ)
ปจบ.ตอนปลอมเป็นหนานเฟิงกะฝูเหยามาตามช่วยเซี่ยเหลียน คือเป็นห่วงแหละดูออก อยากมาช่วยอะแต่ยังเขินๆไม่กล้าเปิดหน้าจริงมาเพราะเคยละทิ้งเค้าไว้
เซี่ยเหลียนกะหงหง กูว่าหงหงอะประทับเซี่ยเหลียนไว้ในใจตั้งแต่แรกๆๆ ทุกเหตุการณ์คือเซี่ยเหลียนเป็นคนมอบความช่วยเหลือความเมตตาให้ ความเมตตาที่หงหงไม่เคยได้จากใคร ฉะนั้นมันเลยอิมแพคแรงลงในใจ แถมเซี่ยเหลียนยังงดงามและนิสัยส่วนตัวคือจิตใจดีจริงๆ ช่วยคนอื่นจนตัวเองเจ็บปวดลำบากต่างๆ หงหงที่ได้เห็นจะรักฝังลึก+สงสารจนตามสตอล์คก้อไม่แปลก หงหงมันมีคาร์ความบิดเบี้ยวในตัวด้วยอะ ไทป์นี้ความรู้สึกมันจะรุนแรง ส่วนที่ว่าเซี่ยเหลียนไม่เคยมองเห็นหงหง กูว่าไม่แปลกเพราะตอนนั้นโฟกัสของเซี่ยเหลียนอยู่ที่บ้านเมือง ผู้คน หงหงยังเป็นแค่ทหารเด็กเล็กๆที่เคยช่วยมา แถมอีหงหงเวลามาห่มผ้าบ้าง เอาดอกไม้มาให้บ้าง เซี่ยเหลียนไม่ได้เห็นอะ คือนอนยู้ 5555
อีฉีหรงนี่ เด็กสปอย+โรคจิต ชอบเค้าพอเค้าไม่เป็นแบบที่คาดหวัง เกลียดเลย แอนตี้แฟนของแท้ เป็นความรักความชอบแนวเห็นแก่ตัว
เซี่ยเหลียนสมัยก่อนเหมือนยังเด็กไป ประสบการณ์น้อย คิดแต่อยากจะช่วย เรื่องน้ำแก้วที่สอง ก้อแสดงให้เห็นว่าเซี่ยเหลียนคิดแต่อยากช่วยทุกฝ่าย แต่ทุกอย่างมันแฮปปี้เอนด์ไปหมดไม่ได้ บางทีเซี่ยเหลียนต้องปล่อยวางและให้ทุกอย่างมีเกิดมีดับบ้าง ปลงอะ มึงเป็นเทพนะ
ปั้นเยวี่ยเปิดประตูเมือง คนเลยโดนฆ่าตาย แต่ไม่งั้นคนก้อจะไปวางระเบิด อันนี้กูไม่รู้ว่ะว่าควรหยุดเหตุการณ์ยังไง แต่คือถ้าจะมีใครตายกูไม่อยากเป็นคนทำหรือเป็นคนทริกเกอร์ให้เกิดอะ ทั้งนี้ทั้งนั้นกูมองที่เจตนา ถ้าเจตนามึงดีแต่ผลการกระทำออกมาแย่คือมึงซวยช่วยไม่ได้ เลทอิทโกค่ะ
ราชาหลางคิดดีทำดีแล้วแต่ตายแบบนั้นก้อเศร้าแหละ น่าสงสาร กูเป็นเซี่ยเหลียนกูไม่แทงนะ ไม่ฆ่าอันเล่อด้วย กูเศร้าตรงอันเล่อคือสายเลือดสุดท้ายของเซี่ยเหลียนเองด้วย
เซี่ยเหลียนในอดีตมีหลายอย่างที่เป็นกูๆไม่ทำอะ แต่คือก้อทำไปด้วยเจตนาดีจริง
อะส่งการบ้านคุณครูโม่งสปอย กูมีอาชีพนักเรียน 55555
มาต่ออาร์ค 3 ด้วยน้า กูอยากเจอดช.หงหงที่อีโวเป็นฟาฟาละกลับมาเปย์เซี่ยเหลียน ^^
ปล ตอนก่อนจบเซี่ยเหลียนจำได้มะว่าฟาฟาคือหงหงเอ๋อร์ มีเฉลยปะ
ตรวจการบ้านทุกคน ติ๊กถูก วาดดาวให้ 5555
.
.
.
.
.
>>397 พูดถึงระบบการเรียนการสอน กูก็อยากให้เมืองไทยเปลี่ยนไปวิเคราะห์เรื่องต่างๆ ได้จริงๆ อย่างเรื่องประวัติศาสตร์อะไรอย่างเนี่ย ตอนกูอ่านการ์ตูนเฮตาเลีย หรืออ่านการวิเคราะห์ของฝรั่งแล้วมันมันส์มาก วิชาประวัติศาสตร์ไม่ได้น่าเบื่อเลย
>>398 พาร์ทหวานกับฟาฟา ตัวละครในเรื่องพากันเหม็นความรัก เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงรับแทบไม่ได้อะ 5555
>>399 กูก็ชอบพัฒนาการของเซี่ยเหลียนมาก ได้เห็นวิวัฒนาการของคนดีที่ Turn Dark แบบใกล้ชิดดี บทพูดที่เซี่ยเหลียนพูดกับฟาฟาที่หลายคนชอบกูไม่ค่อยอะไรนะ กูชอบบทพูดที่ฟาฟาบอกเซี่ยเหลียน เพราะหลังจากผ่านไป 800 ปี ทุกอย่างมันพิสูจน์แล้วว่าพูดจริง
>>400 ใช่ อาร์ค 4 มีตอนที่ทั้งสองคนทิ้งเซี่ยเหลียน ส่วนฟาฟาก็ตามสตอล์คต่อไป ส่วนอาร์ค 3 เดี๋ยวดูก่อนอะ สนพ บอกว่าสปอยไม่เป็นไร แต่มันจะเยอะไปจนเสียมรรยาทหรือเปล่าหว่า (จริงๆ กูอยากหาเพื่อนคุยพาร์ท 3 ด้วยอะ) แต่เซี่ยเหลียนรู้ว่าฟาฟาคือ ด.ช. หงหง ตั้งแต่ปลายอาร์ค 3 นะ
>>401 จริงๆ ถ้าเซี่ยเหลียนฟังทั้งสองคนพูดแล้วเอามาหาร 2 ชีวิตน่าจะบาลานซ์มาก คนหนึ่งสนับสนุน อีกคนก็เคยเตือนจุดผิดพลาดให้ (ถึงวิธีพูดจะไม่ค่อยรื่นหูก็เถอะ)
Note เพิ่ม เพิ่งนึกออกอีกประเด็นหนึ่งคือ เสี่ยวอิ๋งที่โดนดูถูก แทบไม่มีความสุขตลอดชีวิต แต่เธอสามารถมองในแง่ดีว่าตัวเองแค่เกิดมาโชคร้าย และพยายามเป็นคนดีจนถึงวาระสุดท้าย เซี่ยเหลียนพูดว่า เสี่ยวอิ๋งแข็งแกร่งกว่าตัวเอง ตรงนี้ถ้าคิดตามตามเกริ่นเรื่องว่าช่วงขึ้นสวรรค์ครั้งที่ 2 เซี่ยเหลียนก้าวร้าวรุนแรง ก็จะรู้ว่าเซี่ยเหลียนหลังจากเจอเรื่องอย่างนั้นไปก็เคย Join the dark side ไปช่วงหนึ่งเหมือนกัน และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เซี่ยเหลียนบอกว่าไม่อยากให้หลางเชียนชิวเป็นเหมือนตัวเองด้วย ตอนขึ้นสวรรค์ไปเจอหลางเชียนชิวยังนิสัยเหมือนเดิมเลยโล่งใจมาก
Note 2 สังเกตหรือเปล่าว่าเวลาเซี่ยเหลียนถูกกดดันทางอารมณ์มากๆ จะหัวเราะกับร้องไห้ในเวลาเดียวกัน อย่างตอนที่หลางเชียนชิวบอกว่าจะไม่มีวันเหมือนเซี่ยเหลียน หรือตอนที่ ด.ช. หงหง บอกว่าเซี่ยเหลียนคือเทพองค์เดียวในใจ (หันไปมองหน้ากากของไป๋อู๋เซียง)
.
.
.
.
.
>>402 ตรง note 2 เนี่ย กูสงสัยตัวจริงของชายชุดขาว
.
.
.
.
.
มึงเคยบอกว่า คือไป๋อู๋เซียง และก้อคือตัวเซี่ยเหลียนเองนั่นแหละ?
.
.
.
.
.
อยากคุยกันต่อเนอะ ตอนอ่านตัวร้ายจบละมาคุยแม่งมันมาก อีกหน่อยพออ่านแปลไทยปรมจ.กะเทียนกวานจนจบละจะได้เม้าแบบนี้อีกม้าย เรื่องใหม่แม่โม่อีก รู้สึกพระเอกจะชื่อ ซือชิว? มั้งนะ เห็นมาแว่บๆ
ไม่อยากให้โม่งดับเรย อาร์คสามมึงมาเล่าคร่าวๆก้อได้ อยากอ่านต่อ ขนาดที่มึงสปอยมาทั้งหมดนี่ กูยังรู้สึกเลยว่า พอได้อ่านเล่มจริง มุมมองกูอาจจะเปลี่ยนก้อได้ ยังไงกูก้อยังรออ่านละเอียดๆจากเล่มนิยายอยู่ดี
ขอบคุณโม่งสปอยมาก จบอาร์ค2มิชชั่นคอมพลีทแล้วต่อไปถ้าไม่มีสปอยของโม่งสปอยกูคงเหงาอะ แต่ก็เข้าใจสปอยมากไปก็เกรงใจสนพ. แต่ถ้าเงียบมากไม่เลี้ยงกระแสกูก็กลัวคนลืมนะกว่าเล่มจริงจะออกอีกพักใหญ่เลยตั้งปีหน้า ถ้าจะทำต่อก็ย่อสั้นๆ สปอยเดิมนิยายแปดเมตรเหลือแปดเซนติเมตร สปอยใหม่ย่อเหลือแปดไมโครเมตรไปเลยก็ได้ อยากรู้อะไรยิบย่อยก็รออ่านกันเอง ถ้าไม่สปอยต่อแล้วกูก็เคารพการตัดสินใจ (◍•ᴗ•◍)❤
>>405 ถ้างานมันดีไม่เลี้ยงกระแสก็อยู่ได้ 80%ของนิยายวายแปลก็ไม่มีคนรู้จักก่อนสนพตีพิมพ์ วายก็ยังดังอยู่เลย ออกมาดีจริงคนก็ซื้อเอง ตัวอย่างสนพที่ทำได้จริงคือรัชศกกับปราชญ์ ก่อนหน้างานหนังสือไม่มีกระแสสักนิด แป๊บเดียวคนซื้อกันโครมๆ กลับกันเรื่องบางเรื่องของคนเขียนปราชญ์ไม่สนุกก็จะเงียบๆตามเนื้อผ้า นี่คือสิ่งที่กูคิดตั้งแต่คราวปรมาจารย์ว่ะ ของพวกนี้ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงถ้าคนมั่นใจว่าสนุกมีคุณภาพอยู่แล้วออกเมื่อไหร่ก็ซื้อ อยากอ่านอยากรู้สปอยอยากหาคนถกเนื้อหาก็เรื่องหนึ่ง คนเราทำเพื่อตัวเองได้ถ้าไม่ไปละเมิดใคร แต่อย่าอ้างคนอื่นทำเพื่อนิยายหรือทำเพื่อเลี้ยงกระแสเลย
>>406 ก็ไม่จำเป็นไง กูก็ชัดเจนนะว่ามีสปอยก็ดีไม่มีกูก็ยอมรับไม่ได้ร้องจะเอาสปอยให้ได้ มีสปอยกูก็สนุกดีมีคนตามอ่านสปอยรู้เนื้อเรื่องเพิ่มขึ้นก็มีคนคุยคนถกประเด็นเยอะขึ้น แต่ถ้าไม่มีกูก็ล่องลอยอยู่ในด้อมไปเรื่อยๆ แค่นั้น แล้วกูก็อุดหนุนสำนักพิมพ์ตลอดนะ เทียนกวานออกเล่มไทยเมื่อไหร่เงินกูก็ปลิวเมื่อนั้นด้วย ถ้าจะด่ากูเกรียนกูนิสัยเสียก็ว่าไปแต่ด่าเห็บกูไม่กระเทือนว่ะ
>>408 โอเคกูเข้าใจแล้ว ถ้าพูดกันด้วยเหตุผลกูก็พร้อมรับฟังและปรับปรุงตัวนะ เจอแบบ >>406 แล้วไม่ไหว จะทักจะท้วงหรือแนะนำอะไรให้ใครขอแบบปัญญาชนหน่อย
หลายคนอาจจะบอกว่าอ่านสปอยล์แล้วไม่อยากอ่านเล่มแล้วเพราะรู้เรื่องแล้ว แต่การสปอยล์มันไม่เหมือนอ่านเนื้อเรื่องไง เพราะสปอยล์มันตัดมาแบบย่อ ยังไงกูก็รอเล่มอ่านเต็ม 100% นี่ถ้าสนพ ออกเลย กูก็พร้อมซื้อเลยอ่ะ ไม่รู้เป็นไร เจอสปอยล์แล้วความอยากอ่านเพิ่มขึ้น 100%
ตอนนี้ปัญหาคือจะไปหาที่คุยกันใหม่ที่ไหนมากกว่า ถ้ากรุ๊ปลับในเฟสมีฟังก์ชั่นให้สร้างนิคเนมใหม่ใช้เฉพาะในกลุ่มได้ก็จะดี คือมันมีกลุ่มในไลน์ก็จริง แต่เวลาคุยเลื่อนอ่านยากอ่ะ
สงสัยต้องมี forum ที่เขาชอบคุยนิยายการ์ตูนสปอยล์กัน แต่แบบฟรีคงไม่มีสินะ
ในปรจ. บอกว่าเรื่องอายุไม่สำคัญก็จริง แต่ผู้ที่มีจินตานและเป็นเซียนจะมีอายุขัยมากกว่าคนทั่วไปใช่ป่ะ
กูเพิ่งเคยดูปรมาจารย์จากเน็ตฟลิกซ์ คือกูไม่ใช่สายวายจัดๆแต่ก็ดูได้ ทีนี้กูลองหาคอมเมนต์เรื่องนี้อ่านในทวิตดู ส่วนใหญ่จะเจอคอมเมนต์แนวๆว่าป๋อจ้านเป็นแฟนกันทั้งนั้น บางอันอ่านแล้วก็น่ารักกุบกิบหัวใจ แต่บางอันกูก็เหวอเหมือนกัน มันดูเพ้อๆจนกูอยากถามว่ามึงโดนไปกี่หลุมก่อนมาทวิต อันนี้ป๋อจ้านเขาเป็นแฟนกันจริงๆใช่มั้ย หรือแฟนคลับเขาชิพกันเอง กูไม่ได้แอนตี้ที่เขาสองคนจะเป็นแฟนกันนะ ถ้าเป็นจริงก็คิดว่าน่ารักเหมาะสมดี กูอ่านคอมเมนต์มากๆกูก็คล้อยตามเหมือนกันเลยอยากจะถามให้แน่ใจนี่ล่ะ
>>418 โอเค มันคือกาวเนอะ กูอ่านที่บางคนจิ้นมันก็น่ารักดีไง แต่บางคนก็ทำกูเหวอ อย่างเช่นบางสเตตัสที่บอกว่าป๋อจ้านแอบคบกันรอวันเปิดตัว เชื่อว่าป๋อกับจ้านจะจับมือเดินไปด้วยกันด้วยความอดทนจนกว่าจะถึงวันนั้น เขาจะอยู่ด้วยกันตลอดไป บลาๆ มันดูมโนเป็นจริงเป็นจังมากจนกูกลัวแทนยังไงไม่รู้ดิ
บางโมเม้นกูว่าทีมเขาก้อคงบรีฟกันมาบ้าง ให้มันออกมาดูคลุมเครือๆให้คนจิ้น พอเป็นกระแสคนจิ้นเยอะๆงานก้อเข้ารัวๆนาจา แต่เขาก้อน่ารักจริง จิ้นก้อได้จริงก้อดีสำหรับกู แต่อีกหน่อยพอมีผลงานอื่นออกมาคู่กับคนอื่นบ้าง กระแสมันก้อคงจางไปเอง ตอนบอกลาบนเวทีงานล่าสุด กูน้ำตาซึมเลย ต้องมูฟออนจริงๆแล้วสินะ
สกุลหลานแห่งกูซู หลานวั่งจี
สกุลเจียงแห่งอวิ๋นเมิ่ง เว่ยอู๋เซี่ยน ขอลาก่อน /วิ่งร้องไห้
กูชอบความชิปป๋อจ้าน (แต่ต้องติดแท็กว่ากาวด้วยก็จะดี เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่าเรื่องจริง) ดูแล้วมันยิ้มได้ เป็นโมเม้นความสุขรายวันอ่ะ
นี่ไม่ใช่ห้องเม้านักแสดง
ขอบคุณโม่งสปอยด์ที่ทำให้กูไม่ลงเเดงเพราะความขี้เกียจ กูคงไม่ไปตามอ่านอิ้ง คงจะรอเล่มไทยปีหน้าเลย ดังนั้นกูขอหูทวนลมนาจา ขี้เกียจไปถกประเด็นสปอยไม่สปอย ดีหรือไม่ดี คือคนร้อยพ่อพันแม่ ดังนั้นถ้าจะเห็นต่างก็คงไม่ผิด กระซิกๆ รู้แต่ว่าทุกวันนี้เข้ามาเพราะมึงเลยนะโม่งสปอยด์ กูยื่นป้ายไฟรอ Arc 3
ตอนนี้กูอยากดูอนิเมะตัวร้ายที่จะมาลง wetv มาก อยากเห็นอ.เสิ่น 5555 เกียมฮา ตอนอ่านนิยายคือโคดขำ รอดูว่าพอเป็นภาพจะออกมายังไง
ปีหน้ากูรอเทียนกวาน รอฮัสกี้ (ที่ lc แล้วแต่ไม่รู้สนพไหน..) กับอยากรู้ข่าวงานล่าสุดโม่เซียง ที่ว่าเป็นยุคปจบ.อะ เรื่องนี้คงอีกนานช่ะกว่าจะมีเป็นแปลไทย
พูดถึงคนวาดปก ภาพที่ ซบ ใช้โฆษณาเทียนกวานคือกูรู้สึกว่ามันไม่ใช่อะ โดยเฉพาะฮวาเฉิง ในเรื่องฮวาเฉิงเป็นพวกชอบยิ้มเหมือนตอแหลเสแสร้งอะ แต่ภาพที่ออกมาแบบเก๊ก อมยิ้มนิดๆ มันไม่ใช่อะ กี๊ฟ ได้นักวาดคนนี้วาดเซทโม่เซียงจะได้เข้าเซทกันหมดก็จริง แต่ถ้าออกมาแบบนี้กูอยากให้คนวาด ปรมจ ปกไต้หวันมาวาดให้มากกว่าอะ
>>431 เนอะ คนนี้เหมือนเขาจะวาดคาร์แรคเตอร์เหมือนๆ กันไปหมดอะ หน้าตาก็มีไม่มีกี่แบบด้วย ดูอย่างปกไทย ปิงเหอตอนเด็กเหมือนเซี่ยเหลียน เสิ่นชิงชิวกับลั่วปิงเหอตอนโตก็แทบไม่ต่าง โดยเฉพาะอาจารย์เสิ่นก็คล้ายกับวั่งจีอีก หรือไปดูปกเวียดนาม เขาวาดเว่ยอิงตอนเด็กก็เหมือนกับปิงเหอตอนเด็ก
กุว่าแนวอ.ไม่ใช่แนวกุอะ ปกไต่หวันสวยกว่า คนนี้ชอบวาดพี่เว่ยร่างน้องโม่ตุ๊ดๆtwinkyตาโตหน้าเล็ก ชอบแบบหล่อๆแมนๆมากกว่า แต่เป็นเพื่อนซี้แม่โม่เลยวาดเกือบทุกปก
มึง ถ้ากูค่อยซื้อปรมจารย์ตอนออกถึงเล่มห้าทีเดียว ถึงตอนนั้นเค้าจะเอามาขายทุกเล่มป่ะวะ
กูได้มาสองเล่ม ยังอยู่ในซีล โคดกริบ 5555 สายดองด้วย
กูแค่อยากได้ที่คั่นกูรอที่คั่นเฉิงออกมาหลังจากนั้นกูก็ไม่รีบพรีละ
กูอยากเมาท์เทียนกวานต่อจัง ปรกติสปอยเสร็จก็มารออ่านความเห็นคนอื่น แต่ตอนนี้มิกล้าสปอยต่อกลัวเสียมรรยาทกับ สนพ อาร์ค 3 มันมีอาวุธชีวภาพสุดทรงพลังของเซี่ยเหลียน (?) ความโมเอะของแม่ทัพเผย ฉากสวีทของฮวาเหลียนที่แทบจะรู้กันทั้งสวรรค์ ไหนจะพ่อหนุ่มจืดจางอวี๋นอวี้อีก ฮือออ
>>446 กูอ่านนิยายมานาน หลายแนวแต่ไม่เคยมีพูดถึงมารยาทเรื่องนี้อย่างแพร่หลายเลยนะ นานๆทีมีคนพูดก็มักจะมีคนออกความเห็นว่าไม่เคยได้ยิน จนเหมือนคนพูดอยากพูดเองก็คิดจะพูดมากกว่า หรือเป็นแนวทางในกลุ่มเล็กๆ ในทางสากลไม่มีมารยาทเรื่องนี้นะ กลุ่มปรมาจารย์เหรอหรือกลุ่มไหน อยากรู้รายละเอียดที่เขาพูด
กูอยากคุยกะมึงต่อค่ะ ฟีลบั่บ กูโม่ง1 กูถามว่าอาร์คสามมันยังไงต่อ ละมึงโม่งสปอย มาเล่าให้กูฟัง งี้ได้มะ
ละสิ้นปีก้อต้องบายกันละป้ะ จะได้เม้ากันอีกสักแค่ไหน
เอางี้มั้ยมาเล่าต่อจนกว่าโม่งดับ ได้ถึงแค่ไหนก้อแค่นั้น
ละค่อยไปเจอกันในโอเพ่นแชท หรือ cbox ก้อว่ากัน
ส่วนถ้าสปอยเกิน20-30% ละเนื้อเรื่องหลุดเยอะ กลัวสนพขายงานเล่มไม่ได้เพราะคนรู้เรื่องหมดแล้ว งี้ปรมจ.ไม่ชิบหายเลยเรอะเหลืออีกสามเล่มแต่คนรู้ปมหมด ดูกันปรุหมดแล้วซีรี่ย์ 5555 เทียนกวานม่านฮวาก้อมาแล้ว ออกก่อนเล่มแปลไทยเหมือนกัน
กูว่าแค่อ่านสปอย กะอ่านเล่มเต็มยังไงก้อต่างกัน ค่อยๆอ่านจากเล่มมันฟินกว่า อินกว่าเยอะ
เอาเป็นว่ากูเป็นหนึ่งเสียงที่อยากคุยต่อเด้อ เม้าเอามันอ่ะ เล่มมาก้ออ่านอีกที ^_^
กูคงเป็นพวกแปลกที่กรองนิยายที่จะซื้อจากสปอย ยิ่งสปอยมา 100% แล้วพลอตมันตรงจริตกูจะมั่นใจมากในการเปย์ แต่ส่วนมากก็ไม่ค่อยมีใครสปอยกันถึงขั้นนั้นนอกจากในโม่งนี่แหละ กูหลงมาที่นี่ก็เพราะค้นสปอยเลย
บทพูดแต่ละคำ ความละมุนในแต่ละโมเมนท์ สปอยเขียนให้ตายยังไงก็ให้อารมณ์แบบอ่านเองทีละคำไม่ได้ว่ะ ดังนั้นในคหกูสนพไม่ได้เสียยอดขายเลยถ้าเนื้อเรื่องมันดีจริง
แต่กูก็เข้าใจบางคนก็อยากเสพเซอร์ไพรซ อยากผจญภัยกะหนังสือแบบไม่รู้ทิศทาง ซึ่งกูว่าเค้าก็ควรใส่ใจกะคำเตือนที่ส่วนมากจะแปะบอกก่อนสปอยนะ เพราะคนอยากเสพสปอยมันก็มีในโลกนะ
>>453 มึงไม่แปลกคนเดียว กู+1 หลายเรื่องกูโดนตกจากสปอยด์ในโม่งหรือก็มาถามหา trigger warning ก่อนซื้ออ่ะ กูเป็นพวกถ้าไม่รู้เนิ้อเรื่องอะไรจะไม่ซื้อเพราะมีความหลังกับพวกเนื้อไม่ตรงปก อารัมภบทไม่ตกเนื้อหา กูเจ็บมาเยอะกูจะไม่เป็นเหยื่ออีกต่อไป
สำหรับคนที่ไม่ชอบสปอยด์ก็เข้าใจนะ แต่กูคิดว่าคนที่มาสปอยด์มันก็แจ้งให้เห็นชัดเจนก่อนสปอยด์อยู่เเล้ว ไม่ชอบก็เลื่อนผ่านไป เพราะคนชอบสปอยด์ก็มีไง เออมานั่งคิดย้อนไปกูนี่เด็กๆพลิกเล่มอ่านจากท้ายเล่มตลอดเลยว่ะ หลังๆมามีสปอยด์ไม่ต้องไปเหมาซื้อมากองทิ้งๆไว้
กูไม่ได้มีปัญหากับสปอยนะ แต่เผอิญวันนั้น มีโม่งคนนึงดันบอกว่า สปอยเพื่อไม่ให้กระแสหาย หรือสปอยเพื่อให้มีกระแสอะไรทำนองนี้ เออ กูไม่ชอบตรรกะนี้ ใครจะสปอย ชอบสปอยหนักหนา กูไม่ได้ห้ามนี่หว่า ย้อนกลับไปอ่านที่กูแย้งไว้ได้นะ กูไม่ได้แตะเรื่องว่าห้ามสปอยหรือ คนสปอยไม่มีมารยาท มีแต่พวกมึงที่มานั่งอ่านสปอยมาต่อความยาวสาวความยืดตลอด กูเลื่อนผ่านอยู่แล้วสปอยอะ
อยากสปอยก็สปอยไป ใครมาคำถามที่มันสปอย ก็ใส่จุดด้วย ไม่อยากเห็น เพราะใส่จุดไม่มากพอ ต่อให้เลื่อนผ่านมันก็เห็นไง
โทษกูอีกไม่เลื่อนผ่าน มึงใส่จุดยาวยัง
งงๆ เหมือนกันนะ ตอนปรมจ มีพวกบ่นว่าสปอยเยอะจนคนไม่อยากซื้อ อาจเพราะตอนนั้นมีซีรีส์ออกมาด้วย เห็นในโม่งยังบ่นว่าถ้าสปอยหมด คนจะไม่ซื้อ แต่กรณีนั้นมันผสมหลายกระแสด้วยแหละ ทั้งซีรส์ ทั้งอนิเมะ
พอมาเรื่องเทียนกวาน โม่งกลับบอกว่าสปอยไม่มีผลว่ะ พวกมึงแค่อยากอ่านสปอยกันเท่านั้น ก็พูดมาตรงๆ ไม่ต้องอ้างสากกะเบือยันเรือรบ
สปอยทำให้นี่อยากอ่านมากขึ้นไปอีกนะ มันไม่เหมือนหนังปะที่สปอยแล้วจะเสียรส ดีเทลมันเยอะกว่า กูก็เป็นคนนึงใช้สปอยเป็นตัวตัดสินใจการซื้ออ่าน แถมกว่าเล่มจะมาครบกูก็ลืมที่เคยอ่านสปอย. แต่ก็ยังมีความรู้สึกว่าตัองซื้อไว้อยู่ดี ขอบคุณใครกะตามที่แนะนำและสปอยทิ้งไว้ตรงนี้ละกัน
ช่วงปรมาจารย์ที่คนบ่นๆกันในมู้เพราะมีพวกแปลฉากนั้นนิดฉากนี้หน่อยหลายสำนักไม่ใช่เหรอ ที่รวมๆกันได้เป็นเล่ม อันนั้นกูว่าเกินไปเพราะแปลจากฉบับนิยาย ไม่ใช่แค่เล่า การเล่าอรรถรสต่างจากแปลนิยายเต็มๆมากนะ
สปอยนี่งมจากอิ้งหรือจีน
https://scumvillain.fandom.com/wiki/Novel_Chapters กูยังไม่ได้อ่านตัวร้ายอย่างข้า แต่อยากรู้ว่าตอนพิเศษทั้งหมด 12 ตอน แปลไทยมีครบป่ะ กูได้ยินมาว่าอย่างน้อยตอน "แต่งงาน" ก็ไม่มีอ่ะ T_T
>>463 ไม่ครบตามต้นฉบับจีน ตอนแต่งงานหาย ได้ยินว่าสาเหตุคืนฝั่งจีนไม่ขาย T^T เหตุผลมันอาจจะงี่เง่า แต่กูว่าถ้ายังไม่อ่านก็อย่าเพิ่งเทเพียงเพราะตอนพิเศษไม่ครบ เรื่องนี้ด้วยตัวมันเองสนุกอยู่แล้ว ในค.คิดกูนะ กูชอบสุดในบรรดาสามเรื่องของนักเขียนคนนี้ ตอนพิเศษถือเป็นกำไรเก็บแต้มฟิน แต่ถึงไม่มีก็ยังอยากให้มึงลองอ่านบทหลักจริงๆเพื่อน
กูรู้สึกบางทีสักวันกูอาจจะมีแพชชั่นในการเรียนจีนเพราะอยากอ่านนิยายที่สนพ.ไม่เอาเข้ามาก็ได้...
อดใจไม่ไหว อยากเม้าท์ อยากโม้เหลือเกิน แปะมันล่ะ
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 3 ต่อจาก >>396 เทียนกวาน Part.76 แต่เหตุการณ์จะต่อเนื่องจากตอนจบอาร์คแรก >>>/801/7776/815
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนปักกระบี่ลงกับพื้นเพราะฆ่าฉีหรงไม่ลง ซึ่งอีกฝ่ายก็ถ่มถุยดูถูกทันที เซี่ยเหลียนเลยเอารั่วเย่มัดฉีหรงไว้ ขู่ว่าถ้าทำเขาอารมณ์เสียจะส่งไปให้ฮวาเฉิงจัดการ เด็กชายเข้าไปดูอาการของฉีหรงด้วยความเป็นห่วง ก่อนหันมาช่วยเซี่ยเหลียนเก็บขี้เถ้า บอกว่าตนจะไม่ขโมยของของเซี่ยเหลียนอีก ขอให้ปล่อยตนกับพ่อไป เมื่อเซี่ยเหลียนถามชื่อจึงได้รู้ว่าเด็กชายชื่อกู่จื่อ เขาพยายามอธิบายให้กู่จื่อฟังว่าพ่อของอีกฝ่ายถูกสิงอยู่ แต่เด็กชายก็ไม่เข้าใจ เขาเลยต้องพาทั้งสองกลับอารามผูจี้ด้วย เพราะยังไม่อยากส่งญาติผู้น้องให้สวรรค์เนื่องจากไม่รู้ว่าหากหลางเชียนชิวเจอฉีหรงเข้าจะชาร์ตใส่เลยหรือเปล่า
เซี่ยเหลียนหยิบซาลาเปาไส้เนื้อที่มีคนเอามาไหว้ให้กู่จื่อ แล้วยัดอีกลูกหนึ่งใส่ปากฉีหรงเพราะอย่างไรร่างที่อีกฝ่ายสิงก็ยังเป็นมนุษย์มีชีวิต จนกว่าจะหาทางไล่ฉีหรงออกมาได้ก็ต้องเอาของให้กิน ขณะที่เขาหาไหแตงกวาดองที่ใส่ปั้นเยวี่ย แหวนผลึกแก้วก็หลุดพ้นเสื้อออกมา เมื่อฉีหรงเห็นมันก็มีสีหน้าน่าสงสัย หลังพูดจากวนประสาทไปก็บอกว่ามันคือเครื่องประดับต้องสาป ให้โยนทิ้งไปซะ แต่เซี่ยเหลียนไม่สนใจ ตอนที่กำลังคิดว่าซือชิงเสวียนอาจมาพาปั้นเยวี่ยไปตามคำที่เคยฝากฝัง พอมองขึ้นไปบนเพดานเขาก็เห็นไอ้โม่งชุดดำเกาะอยู่บนขื่อ เซี่ยเหลียนรีบขว้างกระบี่ใส่อีกฝ่ายซึ่งกระโดดหนีอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นในมือนั้นถือไหไว้เซี่ยเหลียนก็นึกได้ว่านั่นน่าจะเป็นไหที่ใส่ปั้นเยวี่ย แล้วก็รู้ทันทีว่าชายชุดดำคือเผยซุ่
ทั้งเซี่ยเหลียนกับเผยซู่ต่างก็ไม่มีพลังทิพย์ แต่ด้วยประสบการณ์ที่มากกว่าทำให้หลังจากที่ทั้งคู่โอร่า โอร่า โอร่า มุด้า มุด้า มุด้า ใส่กัน เซี่ยเหลียนก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ พอเขาสั่งให้เผยน้อยคืนไหมา อีกฝ่ายก็โยนคืนแต่โดยดีแถมยังบอกให้เซี่ยเหลียนรีบไปจากที่นี่อีกต่างหาก แต่ยังไม่ทันที่เซี่ยเหลียนจะรับไหไว้ จู่ๆ ไหก็เปลี่ยนทิศลอยออกนอกหน้าต่างไปอยู่ข้างเผยหมิงที่ยืนบนหลังคาบ้านใกล้ๆ เขาต่อว่าเผยซู่ที่ทำให้ชีวิตตัวเองยุ่งเหยิงเพราะผู้หญิงคนเดียว ดูเหมือนแม่ทัพเผยจะยังไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจจะโบยความผิดของเผยน้อยไปให้ปั้นเยวี่ย แต่จู่ๆ ไหก็ระเบิดเอง ทำให้เผยหมิงได้อาบแตงกวาดองตั้งแต่หัวจรดเท้า
คนที่แอบอยู่ในไหคือซือชิงเสวียนร่างสาวน้อย เธอบอกว่าโชคดีจริงๆ ที่ส่งปั้นเยวี่ยให้ไปอยู่กับคนอื่นก่อน เผยหมิงปาดแตงกวาบนหน้าออก พอนึกถึงพี่ชายของอีกฝ่ายก็ไม่อยากมีเรื่องด้วย เขาขู่ว่าถ้ารู้ว่าปั้นเยวี่ยอยู่กับใครก็จะรีบไปตามหาทันที แต่พอซือชิงเสวียนบอกว่าตนส่งราชครูสาวไปอยู่กับเทพแห่งฝน แม่ทัพเผยก็หน้าเปลี่ยนสี เขาต่อว่าอีกฝ่ายอย่างหัวเสียก่อนจากไปอย่างรวดเร็ว เมื่อไม่เห็นร่างอีกฝ่ายแล้ว เผยซู่จึงเอ่ยทักทายเซี่ยเหลียนกับซือชิงเสวียนอย่างมีมารยาท ซึ่งเทพแห่งลมก็เอ่ยชมที่อีกฝ่ายมาพยายามหยุดยั้งแผนของเผยหมิง เผยซู่ทำท่าเหมือนอยากแก้ตัวให้แม่ทัพเผยแต่สุดท้ายก็เงียบแล้วขอตัวจากไป
เซี่ยเหลียนถามซือชิงเสวียนว่าเทพแห่งฝนที่พูดถึงใช่เทพแห่งฝนที่ชื่อหวงหรือเปล่าเพราะเขาเคยติดหนี้บุญคุณอีกฝ่ายไว้ ซึ่งก็ได้คำตอบว่าเป็นคนเดียวกัน จากนั้นเทพแห่งลมจึงเล่าว่าเผยหมิงเคยมีคดีกับเทพแห่งฝน ก่อนหน้าเผยซู่เคยมีทายาทตระกูลเผยขึ้นสวรรค์มาก่อน เทพองค์นั้นชอบทำความเดือดร้อนให้คนอื่น จนวันหนึ่งก็ไปก่อเรื่องที่อาณาจักรอวี้ซือเลยโดนเทพแห่งฝนตบเกรียนกลับมาและถูกเนรเทศ ตอนแรกเผยหมิงไม่คิดมาก คิดว่าจะพาอีกฝ่ายกลับสวรรค์โดยง่าย แต่พอผ่านไปหลายปีผู้คนก็เริ่มลืมเลือนเทพองค์นั้นแล้วหันไปบูชาเทพองค์อื่นแทน ในที่สุดก็ถูกลืมเลือนสิ้น คราวนี้เผยหมิงเลยไม่มีวันยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเด็ดขาด
เซี่ยเหลียนถามถึงหลางอิ๋ง เทพแห่งลมบอกว่าจวินอู๋เห็นอีกฝ่ายแล้ว และถ้ามีโอกาสเธอจะพามาส่งให้ แต่เซี่ยเหลียนที่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาขังฉีหรงไว้ในอารามผูจี้ก็เอ่ยว่าเขาจะไปรับอีกฝ่ายมาเอง ซือชิงเสวียนกล่าวว่าที่สวรรค์กำลังจะมีงานเลี้ยงกลางฤดูใบไม้ร่วงพอดี เซี่ยเหลียนจึงนึกขึ้นมาได้ว่าในเทศกาลนี้พวกเทพจะส่องภพมนุษย์เพื่อความบันเทิง และมีเกมขิงกันว่าใครจะมีผู้ศรัทธาถวายโคมบูชาให้มากกว่ากัน สมัยก่อนเซี่ยเหลียนเคยได้รับโคมทิ้งห่างจากคนอื่นไม่เห็นฝุ่น แต่ในปีนี้เขาคงไม่ได้สักอันเป็นแน่
.
.
.
.
.
>>470 เหวย พิมพ์ยังไม่จบแล้วมือไปกดโดน ดีนะ ข้อความไม่หาย
อยากให้พาร์ทปัจจุบันเป็นคดีเบาๆ คั่นอดีตหนักๆ มั่ง
พวกเทพบนสวรรค์นี่ก็มีคอมมูนิตี้ไม่ต่างจากมนุษย์บนดินเนอะ มีเทศกาล มีแข่งประชันความเด่นดัง แถมยังโดนอัปเปหิได้ งี้ไม่ต่างจากมนุษย์เลยเนอะ ท่านเทพลมก็ชอบร่างครอสเดรสของท่านจัง 555
>>469 55555555 กูลุ้นอยู่ว่ามึงจะทนคันปากไม่ไหวเมื่อไหร่
ตกลงเซี่ยเหลียนกะเผยซู่ไม่มีพลังทิพย์เลยเปลี่ยนไปเป็นผู้ใช้สแตนด์แทน? 5555 เปล่าประโยชน์ๆๆๆ
มึงทำไมมันต้องชิงตัวปั้นเยวี่ยกันวะ งง แต่กูดีใจแม่นางเทพลมกูออก กูชอบสายแทรป <3
สงสารเผยหมิงสุดหล่อตอนแตงดองระเบิดใส่พ่อคงเปรี้ยวน่าดู ละอีผีฉีหรงนี่แม่งจะยุให้ทิ้งแหวนฟาฟา มันคงดูรู้ว่าเป็นเถ้ากระดูกงิ
ที่บกร.ลงตย.ฉากกัดแขนช่ะมะ พี่วั่งมันร้ายยย แต่พี่เว่ยนี่ซึนแบบอห กูเป็นเหน่ยแทนหานกวงจวิน
ไปๆมาๆกูว่าปรมจนี่ ฉากก๊าวๆแบบในหนังสือ ดูแล้วม่านฮวาน่าจะเก็บมาได้เยอะสุดละป่ะ เทียบกะซีรี่ย์/อนิเมะอ่ะเนอะ
ปล ม่านฮวากูตามอิ้งถึงแค่ตอนไปตามคดีมือผี ที่มีฉากไปกินเหล้าละเมานอนถอดเสื้อบนเตียงละตื่นมาพี่วั่งตกใจอ่ะ กูว่าฉากล่อแหลมต่อมิตรภาพลูกผู้ชายเนี่ยม่านฮวาน่าจะเยอะสุดละ
กูเคยไปส่องม่านฮวาปรมจแปลไทยในอุ๊กบี เร็วอยู่ คือม่านฮวาจีนต้นฉบับนี่มันจบยังอ่ะ ถ้าจบแล้วกูว่าแปลไทยในอุ๊กบีน่าจะแซงแปลอิ้งได้ ม่านฮวาอิ้งช้ามากก จุดนี้กูอยากเก็บม่านฮวาแปลไทยแบบเล่มจัง กูว่ามันตรงนิยายดี ฉากมุ้งมิ้งที่ไม่มีในซีรี่ย์กะอนิเมะมีในม่านฮวาเยอะกว่าด้วยอ่ะ แต่เขาไม่ทำเป็นเล่มช่ะมะ แง
เมื่อคืนไม่ได้ลง ขอลงตอนนี้เลยก็แล้วกัน
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 3 ต่อจาก >>469 เทียนกวาน Part.77
.
.
.
.
.
ถึงจะไม่อยาก แต่เซี่ยเหลียนต้องไปร่วมงานตามมารยาทอันดี ก่อนถึงวันงานเขาพยายามหาทางไล่ฉีหรงออกจากร่างของชายหนุ่มแต่ก็ไม่เป็นผล โชคดีที่กู่จื่อคอยป้อนอาหารให้พ่อซึ่งโดนรั่วเย่มัดอยู่เซี่ยเหลียนเลยไม่ต้องทำเอง เมื่อถึงวันงานเขาก็วาดอาคมที่ประตูไม่ให้ผีเขียวหนีออกไปได้ก่อนเดินทางไปสวรรค์ซึ่งตอนนี้มีการประดับตกแต่งอย่างสวยงาม เทพทุกองค์ต่างแต่งกายจัดเต็มตามรูปเคารพที่มนุษย์บูชา ทำเอาเซี่ยเหลียนที่ไร้รูปปั้น และมีแค่ชุดนักพรตสีขาวกับหมวกไม้ไผ่แทบไร้ตัวตน เขาเลือกนั่งในจุดอับสายตามุมหนึ่งแต่แล้วเฟิงซิ่นก็เดินผ่านมาพอดี อีกฝ่ายถามว่าทำไมเซี่ยเหลียนมานั่งตรงนี้ แต่ยังไม่ทันที่จะว่าอะไรต่อ ซือชิงเสวียนในร่างแทรปก็ตะโกนเรียกเซี่ยเหลียนพอดี พอเห็นเทพสาว (?) เฟิงซิ่นก็เหมือนเห็นของแสลงแล้วรีบเดินจากไป
เซี่ยเหลียนจำต้องเดินไปนั่งกับเทพแห่งลมซึ่งนั่งในตำแหน่งโดดเด่นใกล้จวินอู๋ พอมองไปรอบๆ ก็รู้ว่าหลางเชียนชิวน่าจะไม่ได้มาร่วมงาน ใกล้ๆ เขากับซือชิงเสวียนคือเทพแห่งดินหมิงอี้ คนที่นั่งติดกับเซี่ยเหลียนอีกคนเป็นเทพผมหยักศกอายุราว 18-19 ปี เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของเขามีเทพ 3 คนกำลังคุยกัน คนแรกคือเผยหมิง อีกคนเป็นเทพชุดขาวซึ่งถือพัดที่มีอักษรสุ่ย (น้ำ) เครื่องหน้าคล้ายผู้เป็นน้องทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคนๆ นี้คือเทพแห่งน้ำ ซืออู๋ตู้ แล้วเซี่ยเหลียนก็ถึงบางอ้อว่าทั้ง 3 คือแก็งค์เพื่อนน้อย 3 เนื้อร้าย และเทพชายในชุดสีดำก็คือหลิงเหวินในรูปลักษณ์ที่มนุษย์กราบไหว้เธอ
เซี่ยเหลียนสังเกตเห็นศาลาเล็กๆ ที่มีผ้าม่านสีแดงแขวนติดทั้ง 4 ด้านเลยหันไปถามซือชิงเสวียนว่ามันคืออะไร เทพแห่งลมบอกว่ามันเป็นเกมที่ฮิตมากบนสวรรค์ เมื่อเกมเริ่มขึ้น ผู้เล่นจะต้องส่งถ้วยสาเกให้คนอื่นโดยห้ามส่งคืนให้คนเดิม เมื่อสายฟ้าหยุดแล้วถ้วยอยู่ในมือของใคร คนๆ นั้นจะต้องดื่มสาเก และจะมีมหรสพเรื่องราวที่ภพมนุษย์เล่าขานเกี่ยวกับเทพองค์นั้นแสดงที่ศาลาเล็กให้ทุกคนได้ชม คนแรกเป็นเผยหมิงซึ่งมีท่าทีสบายๆ เพราะอย่างไรเรื่องเล่าของเขาก็ไม่เคยพ้นเรื่องหม้อสาว แต่พอรู้ว่าสาวคราวนี้ชื่อหนานกงจี่ เผยหมิงกับหลิงเหวินก็ถึงกับสำลักสาเกออกมาโดยพร้อมเพรียง ดูเหมือนจะเป็นตำนานเก่าช่วงที่หลิงเหวินยังไม่ถูกเปลี่ยนเป็นผู้ชาย ทั้งสองปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ขณะที่ผู้คนพูดถึงความหน้าหม้อของเผยหมิงว่าทรงเสน่ห์ ทว่าพอเป็นผู้หญิงกลับถูกใส่สีตีไข่ด่าว่าว่าได้ดีเพราะยั่วผู้ชายไปทั่ว
คนที่ได้ถ้วยในรอบที่ 2 คือซืออู๋ตู้ เผยหมิงกับหลิงเหวินเลยสะใจว่ากรรมตามสนอง เพราะเมื่อครู่อีกฝ่ายหัวเราะพูดล้อเลียนพวกตน พอได้ยินตัวแสดงชายหญิงเรียกหากันว่าเมียจ๋า ผัวขรา ทั้งซื้ออู๋ตู้กับซือชิงเสวียนก็ขนลุก รู้ทันทีว่าอันนี้ต้องเป็นตำนานที่เปลี่ยนพวกตนเป็นคู่สามีภรรยากัน เทพแห่งน้ำสั่งให้เอาม่านลงอย่างรวดเร็ว เซี่ยเหลียนเลยหันไปถามว่าสั่งหยุดการแสดงได้ด้วยหรือ ซึ่งเทพแห่งลมก็อธิบายว่าเพียงเปย์กุศลแสนหนึ่งก็ทำได้แล้ว
คนที่ได้ถ้วยรอบต่อมาคือเทพหนุ่มที่นั่งข้างเซี่ยเหลียน เมื่อการแสดงเริ่มขึ้นก็พบว่ามันเป็นเรื่องชวนหัว นอกจากตัวละครผมหยักศกตัวเอกแล้ว ยังมีนักแสดงตัวตลกท่าทางน่ารังเกียจ ใช้อาวุธแทงหลังอีกฝ่ายอย่างตัวร้าย ขณะที่เทพระดับล่างหัวเราะอย่างขบขัน เหล่าเทพชั้นสูงต่างนั่งเครียด แม้จะไม่เข้าใจเหตุการณ์แต่พอเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นบนหมัดของเทพหนุ่ม เซี่ยเหลียนก็ขว้างตะเกียบใส่เชือกรัดให้ม่านปิดลงทำเอาเทพองค์อื่นไม่พอใจ แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ทำอะไร เทพหนุ่มก็ทุบถ้วยแตกคามือ ก่อนลุกออกไปจากงาน เมื่อได้ยินพวกเทพองค์อื่นร้องว่าฝ่าบาทฉีอิงคงไปจับผู้ศรัทธาของตัวเองมาซ้อมอีก เซี่ยเหลียนเลยได้รู้ว่าอีกฝ่ายคือเฉวียนอี้เจิน เทพสงครามแห่งทิศตะวันตก ทุกคนต่างบ่นกันว่าเฉวียนอี้เจินเป็นเด็กกระโปกไม่มีกาลเทศะ ไร้ความอดทน ทำให้งานกร่อย แต่ไม่นานเทศกาลก็กลับเข้าสู่ภาวะปรกติและเกมก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง ตอนนั้นเองถ้วยก็ถูกยื่นใส่มือของเซี่ยเหลียน
เซี่ยเหลียนไม่คิดมาก่อนว่าจะมีใครส่งถ้วยมาให้เขา พอมองอีกฝ่ายถึงได้รู้ว่าเป็นหมิงอี้ที่ดูงงพอกัน ดูเหมือนหลังจากถูกซือชิงเสวียนส่งถ้วยให้ เทพแห่งดินก็ส่งถ้วยให้คนอื่นแบบส่งๆ ทั้งคู่ถึงกับแดกจุดแล้วสายฟ้าก็หยุดลงพอดี
.
.
.
.
.
>>482 อ้าว โม่งสปอยมาตอนฟ้ายังสว่าง 555 ขอบคุณมั่ก ๆ
ขึ้น arc ใหม่ ตัวละครเก่าใหม่มากันเพียบเลย นี่ถ้าออกเป็นรวมเล่มแปลไทย กูว่าควรมีตารางชื่อ-ศัพท์เฉพาะในเรื่องแบบปรมจ. ไม่งั้นกว่ากูจะย้อนนึกได้ครบว่าใครเป็นใคร 555 มึงก็จำเก่งชื่อดีว่ะ
เกมส่งจอกเหล้า แล้วมีภาพย้อนตำนานของเทพที่เจอแจ็คพ็อตน่าสนุกดีว่ะ โดยเฉพาะของอู๋ตู้กับชิงเสวียน แหม มีใช้พอยต์สั่งหยุดได้ด้วยนะ 555 รอดูว่าของเซี่ยเหลียนจะเป็นยังไง (กูว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องชวนหัวแหงๆ)
>>483 ถ้ายังงั้นเอารายชื่อ/ฉายา/ชื่อตำแหน่ง/ชื่อปลอม ของพวกเทพที่กูพอจำได้ไปก่อนนะ ที่จริงในเรื่องนานๆ ทีถึงเรียกตำแหน่งกัน มีเฉวียนอี้เจินที่ถูกเรียกบ่อยหน่อย แล้วหลิงเหวินที่เกือบทุกคนเรียกชื่อด้วยตำแหน่ง มีแค่เผยหมิงมั้งที่บางทีจะเรียกว่าท่านหญิงจี่ (เวลาอยากประชด) แล้วก็มีจิงเหวินเจินจวินที่เรียกชื่อจริง แต่จวินอู๋จะเรียกทุกคนด้วยชื่อตำแหน่งหมด
เซี่ยเหลี่ยน : ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยแห่งเซียนเล่อ / องค์ชายรัชทายาทผู้เป็นที่รักของเทพเจ้า / เทพเก็บขยะ / ราชครูฟางซิ่น / แม่ทัพฮวาเซี่ย / เซียนเล่อ (จวินอู่เรียก) / เทพแห่งความโชคร้าย
เฟิงซิ่น : แม่ทัพหนานหลาง / แม่ทัพจู้หลาง (ที่ผู้ศรัทธาเขียนให้ผิด แปลว่าหรรมใหญ่) / หนานเฟิง / เทพสงครามแห่งทิศตะวันออกเฉียงใต้
มู่ฉิง : แม่ทัพเสวียนเจิน / แม่ทัพกวาดพื้น / ฝูเหยา / เทพสงครามแห่งทิศตะวันตกเฉียงใต้
หลางเชียนชิว : ฝ่าบาทไท่หัว / ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยแห่งหย่งอัน / เทพสงครามประจำทิศตะวันออก
เผยหมิง : แม่ทัพหมิงกวง / แม่ทัพผู้หักดาบ / 1 ใน 3 เนื้อร้าย / เทพสงครามประจำทิศเหนือ
เฉวียนอี้เจิน : ฝ่าบาทฉีอิง / เทพสงครามประจำทิศตะวันตก
หนานกงจี่ : หลิงเหวิน / หลิงเหวินเจินจวิน / 1 ใน 3 เนื้อร้าย
ซือชิงเสวียน : เทพแห่งลม / ท่านหญิงเฟิงซือ / ชายหนุ่มผู้เทเหล้า
ซืออู๋ตู้ : เทพแห่งน้ำ / ทรรายช์วารี / 1 ใน 3 เนื้อร้าย / ท่านสุ่ยซือ
หมิงอี้ : เทพแห่งดิน
จวินอู๋ : จักรพรรดิแห่งสวรรค์
>>484 ใช่ 3 คนนั้นแหละ
เยี่ยมมม /แคปเก็บ ขอบคุณเมิง
ขอยาดขำ แม่ทัพหรรมใหญ่ 55555
เมิงงง เทียนกวานได้ทำเป็นอนิเมแล้วเหรอ กุเพิ่งเห็น งานภาพโคตรดีเลย อิเห้ ไม่ได้มาส่องนานรู้อีกทีเป็นอนิเมแล้ว กุตะลึงงง ค่ายไหนทำวะ
มึงงงงงงงง เขาปล่อยตัวอย่างอนิเมะเทียนกวานแล้ว ถ้านิยายเทียนกวานมาปีหน้า กูต้องพรีของสนพให้ได้ ไม่งั้นต้องลงแดงเหมือนตอนปรจ.หมดตามร้านแน่ๆ เลย ตอนกระแสฮิตๆ นี่ยอมใจจริงๆ ราคาก็ขึ้น แถมต้องรอของด้วย
กูไปหาสปอยล์ข้อมูลมาเห็นว่าเทียนกวานมีตอนพิเศษสี่ตอน เราจะได้อ่านแปลไทยครบมั้ย
เทียนกวานมีทั้งอนิเมะกับซีรีย์อะ ส่วนตอนพิเศษน่าจะได้มาครบมั้ง เพราะว่าเนื้อหาปลอดภัยทุกตอนด้วย
>>492 กู (เดา) ว่าเทียนกวานที่แม่โม่รีไรท์อยู่ อาจจะเพิ่มตอนพิเศษ (แบบที่ไม่ใช่สำหรับเด็กดี) ลงไปในฉบับรวมเล่มป่าว เห็นนิยายจีนเรื่องอื่น (ของนักเขียนคนอื่นด้วย) ก็รูปแบบนั้น คือลงในเว็บจนจบนะ แต่มีตอนพิเศษอยู่ในรวมเล่ม
ได้แต่หวังว่าจะได้มาครบนะ คือเรื่องหลักมันหนักมากอ่ะ ขอตอนพิเศษหวาน ๆ มาล้างตับหน่อยเถอะ ไม่ต้อง 18+ ก็ได้ 555
ในทล.กูหวีดเทียนกวานกันเต็มเลยเมิ้งงง ใจกูฟู ดี๊ด๊าไปด้วย ^0^ ดีใจเทียนกวานมาทั้งม่านฮวาอนิเมะ ตอนนี้อยากรู้แคสซีรี่ย์จังว่าจะเป็นใคร
กรี๊ด มีซีรีย์ด้วยเหรอ กูตกข่าว T T ดีจาย มีตามปรจ. ทุกอย่างเลย เหลือแต่ตัวร้ายแล้ว มาก่อนแต่ช้ากว่า น่าสงสาร
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 3 ต่อจาก >>482 เทียนกวาน Part.78
.
.
.
.
.
พอเห็นว่าคนได้ถ้วยคือเซี่ยเหลียนทุกสายตาก็มองไปทางเฟิงซิ่นกับมู่ฉิง เป็นเพราะเรื่องราวของเซี่ยเหลียนถูกลืมไป 800 ปีแล้ว ถ้าจะมีอะไรเหลืออยู่ก็ต้องเป็นบทตัวประกอบหรือไม่ก็ตัวร้ายในเรื่องของทั้งสอง เฟิงซิ่นรีบขัดว่าเซี่ยเหลียนดื่มของมึนเมาไม่ได้ ซือชิงเสวียนเลยหันมาถามว่าให้เธอช่วยเปย์กุศลแสนหนึ่งไหม เซี่ยเหลียนที่กลัวอีกฝ่ายจะทำอย่างนั้นจริงๆ เลยรีบบอกว่าไม่เป็นไร เมื่อม่านเปิดออกก็ปรากฏนักแสดงในชุดสีขาวซึ่งน่าจะเป็นเซี่ยเหลียนกำลังดึงงูออกจากแขนของนักแสดงชุดสีแดง ก่อนที่นักแสดงชุดแดงจะจับงูผูกเป็นโบว์โยนไปด้านข้าง แล้วจับมือของเซี่ยเหลียน ภาพที่เห็นทำเอาทุกคนแปลกใจ จนจวินอู๋ถึงกับถามขึ้นมาว่านี่เป็นการแสดงเรื่องอะไร ทำไมไม่เคยเห็น หลิงเหวินรีบส่งคนไปสืบ และก็ได้ความการแสดงนี้มีชื่อเรียกว่า การผจญภัยในแคว้นปั้นเยวี่ย เป็นงานเขียนใหม่ และคืนนี้ก็เป็นคืนแรกที่มีการแสดงนี้ในภพมนุษย์
พอรู้อย่างนั้นพวกเซี่ยเหลียนก็โล่งใจ ดูเหมือนเด็กหนุ่มในคณะพ่อค้าที่เขาช่วยไว้จะทำตามสัญญาที่ว่าจะบูชาเซี่ยเหลียนเลยจ้างคนให้ทำการแสดงนี้ขึ้นมา โปรดักชันการแสดงที่โคตรรดีราวซีรีย์ ปรมจ ทำให้ทุกคนเพลิดเพลิน แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ทำไมมีโมเมนท์ชวนจิ้นเเยอะชะมัด แม้แต่เซี่ยเหลียนยังอดคิดไม่ได้ว่าทำไมตัวเอกสองคนสกินชิพกันบ่อยจริง พอซืออู๋ตู้ถามว่าคนรับใช้ที่อยู่ข้างหลังเป็นใคร เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงก็ตัวแข็ง หลิงเหวินอธิบายว่าเป็นเทพชั้นกลางที่ตำหนักของเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงส่งให้ตามไปช่วยงานเซี่ยเหลียน แล้วเซี่ยเหลียนเลยถามทั้งสองคนว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นหนานเฟิงกับฝูเหยาในงานเลี้ยงเลย เมื่อทั้งคู่ตอบว่าหนานเฟิงกับฝูเหยาถูกกักบริเวณอยู่ เซี่ยเหลียนก็ร้องอ๋อ โดนกักบริเวณทั้งคู่เลยเหรอ น่าเสียดายจัง
เมื่อการแสดงจบลงทุกคนก็ปรบมือ ก่อนจะนึกได้ว่าเหตุการณ์ในเรื่องเกี่ยวกับเผยหมิง ซืออู๋ตู้หันไปถามถึงเผยซู่ แม่ทัพเผยบอกปัดว่าเผยน้อยไม่รักดี เขาจะตัดหางปล่อยวัดแล้ว ซือชิงเสวียนแขวะอีกฝ่ายตามปรกติ แต่ก็ถูกพี่ชายดุจนหงอย เผยหมิงเลยได้โอกาสฟ้องเทพแห่งน้ำถึงเรื่องการกระทำไร้มารยาทของเทพแห่งลม ซืออู๋ตู้จึงต่อว่าน้องชายที่ชอบใช้ร่างสตรีออกไปข้างนอก ก่อนเสริมว่าถ้าไปเจอคนที่มีมีฝีมือแต่จิตอกุศลแบบแม่ทัพเผยเข้าจะทำอย่างไร หลิงเหวินฮาลั่น ส่วนเผยหมิงบอกว่าพูดอย่างนี้เลิกคบกันเลยดีกว่าไหม หลังงานเลี้ยงจบ ในที่สุดก็ถึงส่วนสำคัญของงานคือการขิงโคม โดยจะมีการนับจากผู้ที่ได้น้อยที่สุดไล่ขึ้นจนถึงมากที่สุด แต่จวินอู๋ซึ่งครองที่ 1 ตลอดกาล ได้โคมเกือบ 1000 ทุกปี ก็ให้รั้งไว้ที่ 1 ไปเลย
เฉวียนอี้เจินได้ที่ 10 หมิงอี้ได้ที่ 9 ซือชิงเสวียนได้ที่ 8 แม้เทพแห่งลมจะเรียกให้คนที่นั่งด้วยกันชม แต่หมิงอี้ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตากินอาหารโดยไม่สนใจอย่างอื่น ลำดับที่ 7 คือหลิงเหวิน แต่กลับมีแต่เทพสงครามที่แสดงความยินดีให้ ส่วนเทพอักษรพากันนินทาเหยียดเพศ จนทำให้เซี่ยเหลียนอดเห็นใจไม่ได้ว่าเป็นเทพหญิงนี่ลำบากจริงๆ ผู้ที่ได้ลำดับที่ 6 คือเฟิงซิ่น ส่วนที่ 5 คือมู่ฉิง ที่ 4 คือเผยหมิงซึ่งได้โคมน้อยกว่าปีก่อนเพราะเรื่องของเผยซู่ จนซืออู๋ตู้กับหลิงเหวินต้องตบบ่าปลอบ ลำดับต่อมาคือซืออู๋ตู้ตามที่ทุกคนคาด ทุกคนแสดงความยินดีกับเทพแห่งน้ำ ขณะที่หมิงอี้ก็ยังมุ่งมั่นกับการกินต่อไป แต่แล้วซืออู๋ตู้ก็สังเกตว่าตำแหน่งท็อป 10 น่าจะเหลืออีกที่หนึ่ง ทำเอาทุกคนทั้งสงสัยทั้งไม่อยากเชื่อว่าจะมีเทพคนใดได้โคมมากว่าเทพแห่งน้ำ โคมที่ลอยขึ้นมามีปริมาณมหาศาล สวยงามจับใจจนทุกคนตื่นตะลึก เซี่ยเหลียนมองภาพข้างหน้าจนไม่สนใจเสียงประกาศ พอรู้สึกตัวอีกทีก็เห็นทุกคนกำลังมองมาที่เขา ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเข้าใจว่าเจ้าของลำดับสูงสุดคือตนเอง แล้วเจ้าหน้าที่ก็ประกาศผลอีกครั้ง จากอารามเฉียนเติ้ง ตำหนักองค์ชายรัชทายาท โคมทั้งหมด 3000 ใบ
ทุกคนฮือฮา ในประวัติศาตร์ไม่เคยมีเทพองค์ใดได้โคมมากขนาดนี้ ขนาดเอาจำนวนโคมของท็อป 10 คนอื่นทุกคนรวมกันก็ไม่มากเท่า หลายคนสงสัยว่านับผิดหรือเปล่า บางคนคิดว่าโกงเอาโคมธรรมดามานับด้วยซึ่งชือชิงเสวียนก็ช่วยออกหน้าปกป้องเซี่ยเหลียนทันที ทุกคนเริ่มถามกันว่าอารามเฉียนเติ้งอยู่ที่ไหน แต่ขนาดเซี่ยเหลียนเองก็ยังไม่รู้เลย นี่ไม่ใช่เรื่องปรกติสักนิด
Note : ข้าจะสร้างอารามให้ท่านมากว่าที่เคยมี ใหญ่กว่า สวยกว่า ชนิดที่ไม่มีใครเทียบได้ ด.ช. หงหงเอ๋อร์เคยกล่าวไว้
.
.
.
.
.
โปรดักชั่นดีราวซีรี่ย์ปรมจ 5555555 โมเม้นชวนจิ้นเต็มไปหมด อีบร้าา
ตอนแรกกูคิดว่าคงชอบวั่งเซี่ยนที่สุดละ พออ่านสปอยล์เทียนกวาน กูเลิฟฟาฟาxเกอเกอ (แต่ไม่ลืมวั่งเซี่ยนนะ) กูมันคนใจง่าย หัวใจเต็มไปด้วยผู้ชาย ผู้ชายยยยยยยย
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 3 ต่อจาก >>497 เทียนกวาน Part.79
.
.
.
.
.
ขณะที่ทุกคนงุนงง เผยหมิงก็เปิดประเด็นว่าตนบอกแล้วว่าที่ฮวาเฉิงลักพาตัวเซี่ยเหลียนคราวก่อนเพราะมีจิตคิดไม่ดี แต่ไม่มีใครยอมเชื่อเขา พอได้ยินชื่อนั้นทุกคนก็คิดว่ามีความเป็นไปได้สูง ทว่าทุกคนก็ยังสงสัยในความสัมพันธ์ของเซี่ยเหลียนกับอ๋องผี แต่เมื่อจวินอู๋ปรบมือเอ่ยแสดงความยินดีกับเซี่ยเหลียน ทุกคนเลยหันมาแสดงความยินดีตาม หลังจากงานเทศกาลจบทุกคนเริ่มแยกย้าย เซี่ยเหลียนไปรับหลางอิ๋งจากตำหนักของซือชิงเสวียน แวะเข้าไปในป่าใกล้อารามผูจี้เพื่อรับฉีหรงที่ถูกรั่วเย่แขวนให้ยุงรุมกัด เพราะเขาบอกแพรขาวไว้แล้วว่าถ้าอีกฝ่ายคิดหนีโดยใช้กู่จื่อแก้มัดหรือทำลายอาคมก็ให้พามาที่นี่ พอเด็กชายร้องไห้เกาะขาเซี่ยเหลียนขอให้ปลดพ่อของตนลงมาจากต้นไม้ เซี่ยเหลียนก็ปล่อยญาติผู้น้องแล้วพาทุกคนกลับอาราม ระหว่างทางเมื่อเห็นโคมลอยอยู่บนท้องฟ้าเบื้องหน้า เขาก็อดพึมพำไม่ได้ว่าขอบคุณ
หลังจากนั้น 2 วันเซี่ยเหลียนก็เจอวิกฤตของกินหมดอารามเพราะตอนนี้มีปากท้องเพิ่มมาอีกถึง 3 ปาก เซี่ยเหลียนเลยพาเด็กๆ ไปช่วยเก็บขยะในตลาด แต่เขากลับเก็บไม่ได้สักชิ้นจนต้องงัดอาชีพเก่าอย่างนักแสดงข้างถนนมาใช้ แต่โชว์ที่เขารู้กลับล้าสมัยจนชาวบ้านไม่สนใจ แม้เขาจะเอาเครื่องรางมาแจกล่อก็ไม่เป็นผลเพราะไม่มีใครรู้จักเทพองค์ชายรัชทายาทแห่งเซียนเล่อเลย ตอนที่เซี่ยเหลียนก้มเก็บเครื่องรางที่หล่นพื้น หลางอิ๋งก็มายืนจ้องเขาโดยไม่พูดอะไร ตอนนั้นเองชายสองคนก็ถูกโยนออกมาจากบ้านหลังใหญ่ที่สุดถนน เหล่านักเผือกเข้ามุงอย่างรวดเร็ว เจ้าของบ้านซึ่งเป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งกำลังด่าหมอเรื่องที่ภรรยาของตนตกเลือด ส่วนหมอก็อ้างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องใช้นักพรตมาแก้ไขต่างหาก ได้ยินอย่างนั้นเซี่ยเหลียนก็เปลี่ยนอาชีพจากนักแสดงมาเป็นนักพรตทันที พ่อค้าคนนั้นอนุญาตให้เขาเข้าไปในบ้าน เซี่ยเหลียนพบว่ามีไอมารเข้มข้นออกมาจากครรภ์ของหญิงสาว เขาถือฟางซิ่นขึ้นมา เมื่อปล่อยจากมือมันก็ลอยค้างกลางอากาศ ปลายชี้ไปที่ท้องของภรรยาพ่อค้า ทันใดนั้นท้องของหญิงสาวก็ขยับ เมื่อเธอไอควันสีดำก็ออกมาจากปาก ซึ่งฟางซิ่นก็พุ่งไปปักมันทันที ทว่าดูเหมือนสิ่งนั้นจะกลืนกินบุตรของพ่อค้าไปหมดแล้ว แม้จะเสียใจที่เสียบุตร แต่พ่อค้าก็เรียกเซี่ยเหลียนด้วยความเคารพ พร้อมสอบถามว่ามาจากอารามไหน ไหว้เทพองค์ใด ตอนแรกเซี่ยเหลียนตั้งใจจะบอกว่าเป็นอารามผู้จี้ แต่พอพูดออกไปสิ่งที่พ้นปากของเขากลับเป็นอารามเฉียนเติ้ง
หมอบอกว่าเมื่อวานครรภ์ของภรรยาพ่อค้ายังเป็นปรกติ เพราะฉะนั้นเรื่องคงเกิดขึ้นตอนกลางคืน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากไหว้ศาลของเฟิงซิ่นที่พ่อค้าสร้างเป็นศาลเล็กๆ ไว้บูชาในบ้าน เมื่อถามว่าเธอฝันอะไรแปลกๆ หรือไม่ พ่อค้าจึงเอ่ยว่าภรรยาของเขาเล่าว่าเธอฝันว่ามีเด็กมาเล่นกับเธอและเรียกเธอว่าแม่ แต่จำลักษณะของเด็กคนนั้นไม่ได้ จำได้เพียงว่าตัวเล็กและเบามาก ส่วนสถานที่ที่เจอเด็กคนนั้นก็จำได้แค่ว่าเป็นเรือนหลังใหญ่ พ่อค้าขอร้องให้เซี่ยเหลียนช่วยสืบหาจัดการผีตนนั้นเพราะเกรงว่ามันอาจกลับมาทำร้ายภรรยาคนอื่นที่กำลังตั้งครรภ์เช่นกัน ถ้าทำได้ไม่ว่าอะไรเขาก็จะพยายามหามาตอบแทน
เซี่ยเหลียนบอกว่าเขาไม่ต้องการของตอบแทน แต่มีเงื่อนไข 4 ข้อ ข้อแรกให้นำชุดของสตรีที่มีขนาดใหญ่พอให้บุรุษใส่ รวมทั้งที่มัดผมของภรรยาที่ตั้งครรภ์อยู่มาให้เขา ข้อสองให้ภรรยาผู้นั้นเปลี่ยนห้องนอน และย้ำกับเธอให้ขึ้นใจว่าหากในฝันมีเด็กมาเรียกเธอว่าแม่ ห้ามขานรับหรือเปิดปากเด็ดขาด ข้อ 3 ฝากดูแลและให้อาหารเด็กสองคนที่มากับเขา ส่วนข้อ 4 จงรับเครื่องรางอันนี้ไปแล้วตะโกนว่า ฝ่าบาทองค์ชายรัชาทายาทโปรดช่วยปกป้องข้าด้วย เพื่อที่เขาจะได้เอาเรื่องนี้เป็นผลงานของอาราม เมื่อดีลได้แล้ว คืนนั้นเซี่ยเหลียนก็ปลอมตัวเป็นสาวท้องเข้าไปนอนในห้องนอนเดิมของภรรยาที่ตั้งครรภ์ของพ่อค้า และหลังจากที่เวลาผ่านไป เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาก็พบว่าตนไม่ได้อยู่ในห้องนอนห้องเดิม
Note : ในเรื่องไม่ได้บอกไว้ แต่ส่วนตัวคิดว่าที่หลางอิ๋งมายืนจ้องเซี่ยเหลียนเป็นเพราะเพิ่งรู้ว่าว่าเซี่ยเหลียนคือองค์ชายรัชทายาทของเซียนเล่อตอนแจกเครื่องราง และอย่าลืมว่าถึงหลางอิ๋งจะเป็นโรคหน้าคน แต่หลางอิ๋งเป็นชาวหย่งอันนะ
.
.
.
.
.
เนี่ย กูรักลุงเผยที่ดูคสพ.ฮวาเหลียนออกมากๆเลย ส่วนตอนนี้คือเซี่ยเหลียนก็มาครอสเดรสอีกแล้ว5555
>>506 ลุงเผยนี่มันฮวาเหลี่ยนชิปเปอร์นี่หว่า รับรู้โมเม้นท์ก่อนชาวบ้านเขาอีก ตำแหน่งกัปตันต้องยกให้เขาแล้ว 55555555555 ส่วนเตี้ยนเซี่ยแน่ใจเหรอคะว่าจะไม่เทิร์นแทรปจริงๆ แต่งหญิงมา 2 คดีแล้วนะคะ 5555555555
เออ แต่พูดถึงที่เขาว่าต้องกราบไหว้ฮวาเฉิงคู่กับเซี่ยเหลี่ยนนี่ ฮวาเฉิงนี่นับเป็นภูตผีช้ะ แล้วฮวาเฉิงจะได้อะไรมั้ยจากการมีคนมากราบไหว้ แบบอย่างถ้าเป็นเทพก็ได้พลังไรงี้
พวกมึงๆ ปรมจ ในนิยายคือวั่งเซี่ยนแต่งงานแบบมีพิธีแต่งกันเลยเหรอ คือกูเห็นแฟนอาร์ตในชุดแดงแต่งงานเยอะมาก แต่กูยังอ่านไม่ถึง
แล้วแบบนี้ คนอื่นในยุทธภพเขารู้กันไหมว่าวั่งเซี่ยนเป็นผัวเมียกัน
>>506 พี่ซีเฉินกะลุงเผยนี่ใครขับเรือเก่งกว่ากันวะ แต่พี่ซีเฉินกูว่าแม่งไม่ได้ชิปอย่างเดียวแม่งชงด้วย 5555
มึงกูใจบาง ตอนเซี่ยเหลียนไปทำการแสดง แจกเครื่องราง ละไม่มีคนสนใจ ก้มลงเก็บของ นึกภาพละเศร้า ส่วนอีน้องหลางอิ๋งนี่ ต่อไปจะกลายเป็นแก้แค้นเซี่ยเหลียนป่าว เป็นห่วงเตี้ยนเซี่ย
Ky แป๊ป ปรมจเล่มสองจบตรงไหนวะ กุจะได้เดาปกเล่มสามถูกว่าใคร ถึงม่วงอร่ามมาขนาดนี้จะค่อนข้างชัวร์แล้วก็เถอะ 55555
>>515 ห้าปก ตัวเด่นของแต่ละตระกูลรึเปล่า ขอเดาว่า
เล่มหนึ่ง พี่เว่ย (ตระกูลเว่ย)
เล่มสอง พี่วั่ง ตระกูลหลาน
เล่มสาม อาเฉิง ตระกูลเจียง
เล่มสี่ อาเหยา ตระกูลจิน
เล่มห้า น้องเนี่ย ตระกูลเนี่ย
จริงๆ กูอยากให้มีอาหนิงด้วยนะ น้องก็ตระกูลใหญ่ แต่คงไม่มี ปกหมด 555
อยากให้เล่มจบมีภาพประกอบพิเศษทุกตัวละครในเล่มด้วย
เล่มจบมันควรเป็นคู่หลักมากกว่ามั้ยวะ
pvc เล่มนี่ อาเฉิง แน่แล้ว อีกตัว จินหลิง ม่ะ
เล่มละ 2 ตัวทั้งหมด 10 ตัว
จะเป็นใครมั่งนะ แต่ไม่น่าครบตัวละคร
ถ้าตามสมควรเล่มจบควรปิดด้วยวั่งเซียน งั้นโค้วต้าขึ้นปกก็เหลือเล่มหน้าเล่มเดียว ซึ่งตัวละครหลักที่น่าจะขึ้นก็สามพี่น้องร่วมสาบาน(+น้องเนี่ย)ซึ่งกูไม่แน่ใจว่าจะเนื้อเรื่องเล่ม 4 ถึงไหน ถ้าเอาก๊กนี้ขึ้นจะสปอยล์มั้ย ส่วนแก๊งเด็กน้อยอาจขึ้นปก 5 คู่วั่งเซียนเป็นครอบครัวสุขสันต์...?
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 3 ต่อจาก >>506 เทียนกวาน Part.80
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนพบว่าตัวเองอยู่ในศาลาที่จัดแต่งอย่างหรูหรา เตียงที่เขานอนอยู่เต็มไปด้วยเลือดที่ยังไม่แห้ง ส่วนกระบี่ฟางซิ่นยังอยู่กับตัว เมื่อสำรวจรอบๆ ก็คิดว่าที่นี่มีบรรยากาศคล้ายสถานเริงรมย์อีกทั้งศิลปะการตกแต่งดูเป็นแบบเมื่อหลายร้อยปีก่อน นั่นย่อมแสดงว่าวิญญาณเด็กตนนี้จะต้องอยู่มานานพอสมควร เซี่ยเหลียนเดินกลับไปที่ห้องที่เขาตื่นขึ้นมา พอรื้อค้นตู้สิ้นชักก็พบเสื้อผ้าเด็ก ที่สำคัญยังมีเครื่องรางป้องกันรุ่นเมื่อ 800 ปีก่อนของเขาอยู่ด้วย ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กที่ฟังดูคุ้นหูอย่างมาก แล้วเขาก็นึกออกว่ามันคือเสียงเดียวกับเสียงเด็กร้องเพลงตอนเขาที่อยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวเมื่อครั้งสืบคดีเจ้าบ่าวผี เสียงเรียกแม่ดังขึ้นมา หลังจากพิจารณาอยู่พักหนึ่งจึงรู้ว่าต้นเสียงอยู่ที่ท้องที่ยัดหมอนไว้ของเขา เซี่ยเหลียนชกครรภ์ปลอมนั้นแล้วร่างสีขาวซีดก็ไต่ขึ้นมาตามเสื้อของเขา หลังจากบ้วนที่มัดผมของภรรยาพ่อค้าออกมามันก็หนีไป พร้อมส่งเสียงกรีดร้องหาแม่ไปด้วย
วิญญาณนั้นเป็นตัวอ่อนทารก การที่มันมักใช้ร่างควันดำเป็นเพราะตอนเสียชีวิตมันยังไม่รับรู้ว่าตัวเองมีรูปร่างเป็นอย่างไร เมื่อคิดถึงกองเลือดและเสื้อผ้าเด็กที่ยังไม่เคยถูกใช้นั่นแสดงว่าแม่ของมันคงแท้ง เมื่อกลายเป็นวิญญาณเลยหวังจะได้กลับสู่ครรภ์ของมารดาจนมาทำร้ายภรรยาของพ่อค้า เมื่อหญิงสาวเปิดปากมันก็เข้าไปในร่างของเธอและกลืนกินทารกเดิมเพื่ออยู่ในนั้น เซี่ยเหลียนที่ไม่แน่ใจว่าผู้ชายจะได้รับผลกระทบอะไรหรือไม่ตัดสินใจปิดปากสนิท แต่แล้วระหว่างวิ่งตามวิญญาณตัวอ่อนไปพร้อมโจมตีมันไปได้หลายที จู่ๆ เขาก็เหยียบเข็มที่อีกฝ่ายวางกับดักไว้จนจมมิด แต่เซี่ยเหลียนที่เคยชินกับความเจ็บปวดก็วิ่งต่อราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่คิดว่าคลาดสายตาจากวิญญาณตัวอ่อน จู่ๆ หน้าต่างใกล้ๆ เขาก็เปิดออก เมื่อมองออกไปพบว่าข้างนอกเป็นทะเลสาปลึก ที่อีกฝั่งของทะเลสาบกู่จื่อกับหลางอิ๋งกำลังนั่งกินอาหารบนโต๊ะด้วยกัน พอกลุ่มควันสีดำพุ่งไปหาทั้งสอง เขาก็รีบกระโดดออกทางหน้าต่าง
แม้มันอาจเป็นภาพลวงตา แต่เซี่ยเหลียนไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองถูกดึงเข้ามาในความฝันด้วยหรือเปล่า เขาพยายามว่ายน้ำไปหาแต่เมื่อเห็นควันดำทำท่าจะเข้าไปในปากของกู่จื่อซึ่งกำลังหาว เขาก็ตะโกนบอกให้อีกฝ่ายปิดปากและวิ่งหนีไป ทันใดนั้นควันดำก็เปลี่ยนทิศพุ่งเข้ามาในร่างของเขาอย่างรวดเร็ว เซี่ยเหลียนรีบกัดเครื่องรางกลืนลงท้อง ไม่นานนักควันดำก็ออกมาจากปากของเขา เขารีบดำลงไปในน้ำ แต่หากเขาขึ้นไปเพื่อหายใจมันย่อมเข้ามาในร่างของเขาได้อีกอย่างแน่นอน แต่แล้วเขาก็ปิ๊งไอเดียว่าจะยอมปล่อยให้วิญญาณตัวอ่อนเข้ามาในร่าง แล้วเขาค่อยใช้ฟางซิ่นแทงเข้าไปในคอตามวิธีการแสดงข้างถนนที่รู้มา
คิดได้ดังนั้นเซี่ยเหลียนก็ทำท่าจะว่ายขึ้นไปบนผิวน้ำ แต่ตอนนั้นเองอะไรบางอย่างก็ตกลงมาในน้ำ สีแดงสดปรากฏต่อสายตาของเขาก่อนที่ฟองอากาศจะบดบังข้างหน้าจนมิด ตอนนั้นเองมือคู่หนึ่งก็มาจับข้อมือกับคางของเขาไว้ แล้วอะไรเย็นๆ นุ่มนิ่มบางอย่างก็ประทับบนริมฝีปากปิดปากของเขาเอาไว้ เซี่ยเหลียนที่ถูกขโมยจูบแรกไปโดยไม่ทันตั้งตัวเบิกตากว้างตกใจ พยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แต่ร่างนั้นกับกอดเขาไว้แน่นแนบอก ก่อนที่จะมีอากาศไหลผ่านเข้ามาในปาก ในขณะที่เซี่ยเหลียนทำใจว่าไม่อาจขัดขืนได้ เขาจึงสังเกตได้ว่าคนๆ นั้นคือฮวาเฉิง แต่พออีกฝ่ายลืมตาขึ้นมองเขา เซี่ยเหลียนก็อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนเริ่มดิ้นด้วยความตื่นตระหนก แล้วอ๋องผีก็รีบพาเขาขึ้นไปบนผิวน้ำอย่างรวดเร็ว
.
.
.
.
.
ปกเล่มสามมาเต็มแล้ว อาเฉิงมาคนเดียว
ทั้งตัวร้ายทั้งปรมจ. ถึงใครจะบ่น สนพ.ยังไง กูก็ขอยอมนะ กูชอบปกทั้งสองเรื่องมากเลยว่ะ เฮ้อ...
>>536 สนพอื่นออกพรึ่บพรั่บอาจเพราะได้ก่อนรอจนแปลเสร็จแล้วค่อยออกใกล้ๆกัน แต่ปรมาจารย์คนทวงตั้งแต่ประกาศลิขสิทธิ์สามเดือนแรกอ่ะมึง กูมองว่าบกร.ไม่ได้ออกช้ามาก และชอบที่อย่างน้อยก็รัก๋ามาตรฐานไม่ใช่เผางานตามกระแส จากใจคนที่บาดเจ็บหนักมากจากอวว ไม่คิดว่าอววจะออกงานผีขนาดนี้ทั้งที่กูติ่งสนพตั้งแต่ปราชญ์กู้
ทัศนคติด่าว่าบกร.ออกช้าทั้งที่ไม่ได้ดูเลยว่าสนพ.ออกกันยังไงทำให้ตอนนี้ไม่มีสนพไหนกล้าประกาศLCล่วงหน้านานๆแล้ว ทุกวันนี้ซือจุนแมวกูอยู่กับที่ไหนยังไม่ทราบชะตากรรม
ปกขึ้นเป็นรายคนแบบนี้ พวกมึงหน้าเล่มหน้าหวยจะออกที่ใคร
อาเหยา? พี่หมิง? น้องเนี่ย? สามคนบอสโซนทางนี้ถ้าให้คิดมากมันจะสปอยล์มั้ยนะเพราะบทก็มาเรื่อย ๆ ไม่เชิงเด่นอะไรขนาดนั้นจนกว่าจะกลางค่อนไปทางท้ายเรื่อง หรือถ้ามองแบบไม่คิดมากก็มองเป็นเชิงตัวแทนตระกูลได้อยู่
พี่ซี? อืม... ก็เป็นตัวละครเด่นนะแต่กูว่ายังไม่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องอะไรโดยตรงพอ จะไปพีคจริง ๆ ก็ช่วงสุดท้ายเกาะกลุ่มบอสข้างบนไป เต็มที่ขึ้นปกในฐานะขวัญใจมหาชน
กลุ่มเด็ก ๆ? เวินหนิง? บทเยอะเรื่อย ๆ แต่มันจะไปขัดฟิลลิ่งของปกมั้ย...?
ถ้านิยายมีตัวละครมีบทเด่นๆหลายคน กูชอบแบบแบ่งๆกันโผล่มากกว่าพระนายยืนบิดเปลี่ยนท่าทุกปก มันดูซ้ำซากจำเจ แต่ก็รู้สึกว่าไหนๆเป็นนิยายวายแล้วก็อยากได้พระนายยืนคู่กันบ้างอยากให้เล่มสุดท้ายเป็นภาพคู่ แต่คิดอย่างบนๆว่าแต่ละปกน่าจะเป็นคนจากแต่ละตระกูล
เห เล่มสามมาแล้ว ก็ออกเร็วดีนี่หว่า เห็นก่อนหน้านี้ดีดดิ้นจะเป็นจะตายกันว่าปีละเล่ม ครึ่งปีเล่ม ก็ประมาณสาม-ห้าเดือนต่อเล่มปะ ปกตินิยายแปลที่ไม่ได้แปลล่วงหน้านี่ จะรีบไปไหนกัน รีบขนาดนั้นกูแนะนำให้เรียนจีนไม่ก็เกาหลีแล้วซื้อฉบับจีนหรือเกาอ่านเลยจ้าาา ทันใจมึงแน่นอน
>>536 กูภาวนาให้บกร.ได้ทุกเรื่องที่มึงอยากอ่านไปนะ อยากรู้ว่ามึงจะรอได้มั้ยหรือจะขาดใจตายก่อน เรื่องไหนที่มึงอยากได้มากๆก็ให้โดนดองมีปัญหาติดขัดสักปีสองปีนะ เผื่อมึงจะตรัสรู้ได้บ้างว่าอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์มันไม่ได้เสกเอาได้ พวกสนพ.ที่มันออกโครมๆนั่นก็แปลไว้ก่อนประกาศทั้งนั้นว่ะ ไม่งั้นมันจะเสกมาให้มึงอ่านตัวอย่างยังไงภายในสองสามวันวะ
พวกที่บ่นว่าปรมาจารย์นาน เพราะจีนออกอนิเมะ ออกซีรีส์เยอะเลยทำให้อยากอ่านเร็วๆไม่เกี่ยวกับการออกช้าของสนพ.เลย อย่างเทียนกวานมีข่าวว่าซบ.ได้ก่อนซบ.ประกาศนานมาก จนซบ.ประกาศว่าจะออกปีหน้าก็ยังไม่มีใครด่าหรือรู้สึกว่าช้าเพราะกระแสไม่แรงอนิเมะหรือซีรีส์ยังไม่ออก คนพูดคุยกันน้อยมาก ปัจจัยภายนอกสนพทั้งนั้น
>>543 ของซบ.ที่ไม่มีใครบ่น เพราะมีความแน่นอนออกว่าจะออกปีหน้า (แต่ถ้าปีหน้าช้าก้คงโดนเหมือนกันแหละ)
ส่วนบกร. จะออกแต่ล่ะเมื่อไหร่ก้ไม่บอก ก้บอกคนรอก้เคว้งไปสิ ส่วนกูรอจนชินแหละ นิยายที่กูตามดองไม่ออกเป็นชาติออกเมื่อไหร่ก้เมื่อนั้น
ปรมจ.กูเลยแบบออกเมื่อไหร่ก้เปย์เมื่อนั้น เรื่องอื่นออกกันเยอะแยะจนอ่านไม่ทันแล้วว่ะ 55555
>>542 กูไม่ได้ชวนทะเลาะนะ แต่คิดว่าคนที่บอกว่าบกร.ออกช้าเพราะมันไม่เหมือนสนพ.อื่น คนทั่วไปก็ไม่รู้ว่าขั้นตอนมันต้องเป็นไง ละที่ต่างกันคือเทียนกวานคนไม่พูดถึงเพราะLCหลังแล้วก็เป็นเรื่องที่สาม ตอนนี้กระแสมีแค่คนที่เคยอ่านกับรอเมะ หนังสือก็ยังไม่ออก พอไม่ได้ลองอ่านสักเล่มก็ไม่ลงแดงจะอ่านเล่มต่อ แต่ปรมจ.แต่งจบก่อน เมะก็ฉายไปแล้ว เรื่องหนังสือบกร.ออกเล่มแรกตั้งแต่ซีรีย์ยังไม่เริ่มฉายตอนนั้นคนก็บ่นหาเล่ม2แล้ว ที่มันหนักขึ้นก็ตอนซีรีย์เริ่มดังแล้วป่ะ บกร.ก็ออกแบบนี้ของนางเป็นปกติ เรื่องอื่นก็เหมือนๆกัน(มีที่เห็นออกเร็วก็ชายาคุณธรรมที่น่าจะแปลไว้ก่อน) คนไม่ตามสนพ.ตั้งแต่แรกก็บ่นเป็นธรรมดา
พวกที่บอกปจมจ.ออกช้าส่วนใหญ่กูว่าก็พวกอินกระแสจนไม่รับรู้ระบบการออกหนังสือปกติของทั้งตัวสนพ.เองและสนพ.ส่วนใหญ่
กูได้ยินเรื่องบ่นออกช้าทีไรได้แต่ยิ้มแห้งแล้วอยากให้เปิดหูเปิดจาดูสนพ.อื่นบ้าง อย่างเรื่อง WWTB เงาแค้นของกูเล่มแรกของตั้งแต่ช่วง 59 ปัจจุบันออกถึงเล่ม 4 แทบเรียกนิยายรายปี อันนี้ดิเรียกออกช้าของจริง
แล้วบกร.เอาตรง ๆ สำหรับกูก็ไม่เรียกว่าสนพ.ใหญ่อะไรที่สามารถเร่งให้ออก 1-2 เดือนต่อเล่มได้เหมือนออว.หรือกุหลาบ
ส่วนคดีดอง LC ไม่ใช่บกร.ที่เดียวที่ดองอยากรู้ละเอียดก็ห้องชั้นหนังสือนู่น บกร.ก็แค่ซวยที่อยู่ ๆ ขนมในมือกลายเป็นเผือกร้อนแค่นั้น
>>548 มันไม่ควรใช้คำว่าบ่นเป็นธรรมดาอ่ะมึง เพราะการที่สักแต่บ่นมันส่งผลกระทบกับคนอ่านนิยายมานานไม่ได้สักแต่เอากระแสหนักมาก
หลักๆก็เรื่องที่สนพไม่กล้าประกาศLCจนกว่านิยายจะใกล้ออกไม่งั้นอาจโดนด่าแหลกแบบบกร คือLCหนึ่งปีแล้วออกหนังสือ คนด่าว่าดองเค็ม ไม่หวังไรกับสนพนี้อีก ชาติหน้าจะได้อ่านไหม มึงว่าบ้ามั้ยอ่ะ ปีเดียว ตอนนี้แต่ละสนพเลยปิดปากเงียบให้คนอ่านลุ้นกันไปว่าใครได้ จนเกิดเคสสุดโต่งอย่างระบบวีรชนที่สนพใช้โอกาสที่สนพไม่กล้าเปิดเผยชื่อจนเป็นปกติป้ายน้ำลายจอง จนผ่านไปนานมากเรื่องถึงแดงว่าไม่มีใครซื้อ
อีกกรณีคือการเร่งให้ออกเร็วๆ เร่งให้ทันกระแสโดยไม่สนใจเลยว่าการแปลก็เป็นงานสร้างสรรค์อย่างนึงต้องใช้ความละเอียดไม่ใช่เสกได้ จนเกิดกรณีการ์เดี้ยนของอวว.ที่ปกติงานเนี้ยบสมเป็นสนพใหญ่ เร่งออกให้ทันกระแสซีรีส์ แปลอย่างหมา อ่านไม่รู้เรื่อง กูร้องเหี้ยหนักมาก ปกห่วยยังรีปรินท์เปลี่ยนปกได้แต่ไทยยากจะแปลใหม่ว่ะ
ซึ่งสองกรณีจากการ'บ่นเป็นธรรมดา'แม่งสร้างเรื่องกับคนอ่านที่อ่านเป็นประจำมาก ส่งผลให้คุณภาพหนังสือตกด้วย กูยังไม่นับพันรีกับการเรียกร้องให้ใช้นักแปลสองคนจะได้อ่านเร็วๆนะ คือบกร.หน้าหนาไงออกงานตามมาตรฐานตัวเองตลอด คนบ่นก็ได้ของมีคุณภาพไป แต่กูต้องมาเจอหนังสือห่วยๆเพราะความปสดของคนที่แค่หวีดซีรีส์นี้จากนั้นก็จากไปติ่งอย่างอื่น แล้วด่าช้าอย่างเดียวไม่ได้เสือกบอกสนพ.ออกเร็ว ไม่รู้ก็ไม่ต้องโชว์โง่ เรื่องที่ออกเร็วก็เตรียมตัวกันมาแล้ว แล้วค่อยออกไล่เลี่ยกันบางเรื่องออกครบชุด หนังสือเล่มนึงมันไม่ได้ใช้เวลาแค่นั้นกว่าจะออกได้
Ky แปป กูมีคำถามเกี่ยวกับตลค.ในเทียนกวานตัวนึง ใครอ่านจบแล้วขอความเมตตากูสักนิด
.
.
.
.
.
ฉีหรงนี่ตอนท้ายๆจะได้รับผลกรรม/บทลงโทษที่ตัวเองก่อบ้างมั้ยวะ กูไม่ค่อยอยากให้จบแบบกำจัดทิ้งแล้วก็จบกันเพราะตานี่มันทำให้ชีวิตหลายๆคนชิบหายมามากเหลือเกิน.
.
.
.
.
.
Audio drama ปล่อยตอนสุดท้ายมาแล้ว ฮืออออออ ไม่อยากให้ปรจ.จบเลย T T ตอนสุดท้ายชื่อตอนกินใจด้วยนะ มาจากนิยายตอนพิเศษที่แปลได้ว่า "ฝันที่เป็นจริง"
คอนเฟิร์มว่าพี่เว่ยมีจินตานแล้วในตอนจบ เพราะพกสุ่ยเปี้ยนไปไหนมาไหนด้วย หลานจ้านไม่ทำให้ผิดหวัง 555 ฝึกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจินตานก็แกร่งกล้าขึ้นเอง
Audio drama นี่เจาทำทุกตอนเลยป่ะ หรือสุ่มๆมาทำ
>>559 ตอนปกติทุกตอน ส่วนตอนพิเศษนี่ไม่แน่ใจ (ตัดฉาก NC ออกให้เหลือแค่จูบแล้วตัดเข้าเพลง คือถ้าเพลงขึ้นเมื่อไหร่ก็รู้ไว้ว่า...นั่นแหละ)
บางตอนก็มีในนิยาย บางตอนก็ไม่มี บางทีก็ดัดแปลงเพิ่มบทสนทนาจากตอนพิเศษในนิยาย แต่ไม่มีการหลุด ooc และ cannon ด้วยเพราะคนเขียนเป็นเพื่อนแม่โม่
ถามหน่อยเพื่อนโม่ง ปรมาจารย์ที่เป็นการ์ตูนกับนิยายเนื้อเรื่องเหมือนกันมั้ย เห็นการ์ตูนแปลอิงค์ไปเกือบร้อยตอนละเลยว่าจะเริ่มอ่าน แต่ก็ยังไม่ได้อ่านตัวนิยายจะรอให้ออกจบก่อน กลัวเนื้อเรื่องไม่เหมือนกันแล้วพอกลับมาอ่านนิยายจะอ่านไม่สนุก
ปรมจ.ม่านฮวาทำออกมาได้ใกล้เคียงนิยายสุดแล้วถ้าเทียบกับซี่รี่ย์/อนิเมะ ซีรี่ย์มีปรับบทจากนิยายเยอะสุดแล้วมั้ง รองไปก้ออนิเมะที่ตัดชห กูว่าม่านฮวาใกล้นิยายสุด แต่มันวาดออกมาช้ามากล่าสุดเวอร์จีนยังอยู่เมืองอี้ =.=
ปล สปอยเทียนกวาน ฟาฟากูหายไปเลยหลังจากฉากจูบใต้น้ำ แง
กูไปอ่านสปอยล์เจอความสัมพันธ์ของคู่นึงในเทียนกวานมา อห ดราม่าอีกละ เนื้อเรื่องก็ดราม่า ความสัมพันธ์ก็ดราม่า T T
ไม่มีใครว่าไรหรอกสำหรับยูนิตที่ยั่วเยที่สุดใน 3 โลก แค่เห็นลีลาเด้งขึ้นลงของโนะก็ อ่า~
https://imgur.com/tz35scK
https://imgur.com/oe8w485
https://imgur.com/pXPiAvv
https://imgur.com/z0Fcn14
https://imgur.com/004wKMF
https://imgur.com/B9Fg1yj
https://imgur.com/bdzwsnO
https://imgur.com/vRv3eyX
https://imgur.com/4ZIrjq3
https://imgur.com/xsgaagH
https://imgur.com/YaP81dH
https://imgur.com/ReYvmiy
https://imgur.com/zk6L5rn
https://imgur.com/TGasD3R
https://imgur.com/GaWquwp
https://imgur.com/O4a5tZb
https://imgur.com/PqeaZ7v
https://imgur.com/NpyqX2q
https://imgur.com/8Un0eo0
https://imgur.com/IAlQZp1
https://imgur.com/gqsOIng
https://imgur.com/LJScV89
https://imgur.com/z77VnPr
https://imgur.com/IozyhHQ
https://imgur.com/AMS5UVl
https://imgur.com/hNVk8vJ
https://imgur.com/jUpCW3D
https://imgur.com/j4kVBfN
https://imgur.com/gKVsuny
https://imgur.com/5spQLly
https://imgur.com/XPPwwza
https://imgur.com/HTH7MFq
ไม่มีสปอยล์ คนหายไปหมดเลย
00000
00000
00000
>>572 >>573 อ่อเลยว่าคู่ไหน คู่นี้ดราม่าน้ำตาไม่มีสักหยดมีแต่เลือดกูเนี่ยล่ะที่กระอัก TT
แบบเมื่อรู้ปมแล้วกูกลับไปมองคน ๆ นั้น ด้วยความรู้สึกเดิมไม่ได้เลย ตามอ่านตามคุยสปอยล์กับพวกมึงมีแต่อะไรตะหงิด ๆ อยู่ในใจ ยิ่งเห็นเขามีความสุขกูยิ่งเศร้า ยิ่งเห็นตัวต้นเหตุกูยิ่งโกรธ เป็นความสัมพันธ์แบบที่จะกลับก็ไม่ได้จะไปต่อกูก็ไม่ไหว ฮืออออ
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 3 ต่อจาก >>523 เทียนกวาน Part.81
.
.
.
.
.
ถ้าเป็นคนอื่นเซี่ยเหลียนคงกระบี่แทงอีกฝ่ายที่มาขโมยจูบไปแล้ว แต่พออีกฝ่ายเป็นฮวาเฉิงเขากลับทำอะไรไม่ถูก หลังจากอ๋องผีใช้ผีเสื้อสีเงินจัดการวิญญาณตัวอ่อนและจับมันเอาไว้ได้ เขาจึงยอมผละริมฝีปากจากเซี่ยเหลียนแล้วโยนลูกเต๋า พอทั้งสองขึ้นถึงผิวน้ำก็มาถึงชายฝั่งแห่งหนึ่ง แต่ตอนที่ฮวาเฉิงจะพูดอะไรขึ้นมาเซี่ยเหลียนก็สติแตกพยายามหนีจากประเด็นสุดกำลัง ทั้งบอกว่าตัวเองหิวง่วง คลานเอามือเปะปะหาหาหมวกไม้ไผ่ ก่อนบอกว่าเขาต้องกลับบ้านไปกินข้าว แล้วไปเก็บขยะต่อ พอฮวาเฉิงขอโทษแล้วเข้ามาใกล้ เขาก็รีบลุกวิ่งหนีแต่ก็ล้มลงเพราะบาดแผลที่ตนเหยียบเข็มไปก่อนหน้า เมื่ออ๋องผียื่นมือจะมาดูแผลให้เขาก็ยิ่งพยายามคลานหนี ชาวบ้านที่คิดว่าเกิดเหตุฉุดขืนใจสาวรีบเข้ามาแต่พอเห็นฮวาเฉิงพวกเขาก็มีท่าทีอ่อนน้อมพร้อมเสนอให้ความช่วยเหลือ ทำเอาเซี่ยเหลียนที่ได้รู้ว่าที่นี่คือเมืองผีอยากจะเป็นลมมันตรงนั้น
ตอนที่ถูกฮวาเฉิงออกจากบริเวณนั้น เซี่ยเหลียนก็เริ่มตั้งสติได้และกล่าวขอโทษอีกฝ่าย ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองสติกระเจิงขนาดนั้น คิดว่าคงเป็นเพราะราชครูสอนให้เขาหลีกเลี่ยงแค่ผู้หญิงแต่ไม่เคยสอนวิธีปกป้องตนจากผู้ชาย เขาก็เลยทำอะไรไม่ถูก อ๋องผีปฏิเสธว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ล้ำเส้น เซี่ยเหลียนเลยปลอบว่าตนเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการช่วย แต่พอเขาถามว่าเหตุใดจู่ๆ ถึงได้โผล่มา ฮวาเฉิงก็บอกปัดว่าต้องจัดการแผลของเซี่ยเหลียนก่อน ทั้งสองมาถึงอนุสรณ์สุขาวดีที่ตอนนี้ซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเหลียนพยายามปฏิเสธไม่ให้ฮวาเฉิงทำแผลให้ แต่อีกฝ่ายก็ถอดรองเท้าของเขาออกเรียบร้อย ดวงตาของอ๋องผีจ้องคำสาปพันธนาการที่ข้อเท้าของเซี่ยเหลียนครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปสนใจแผล แล้วบอกว่าถ้าเจ็บก็ไม่ต้องฝืนทน สามารถร้องไห้ออกมาได้ ไม่ต้องกลัว
ฮวาเฉิงดึงเข็มออกมาจากเท้าของเซี่ยเหลียน อายมารที่ลอยออกมาทำให้เขาตั้งข้อสังเกตว่าวิญญาณตัวอ่อนคงไม่ได้เกิดจากการแท้งตามธรรมดา ตอนนั้นเองชายใส่หน้ากากก็ถือหม้อดินเผาที่ใส่วิญญาณตัวอ่อนที่จับมาเข้ามาให้ เซี่ยเหลียนพยายามมองคำสาปพันธนาการที่ข้อมือของอีกฝ่ายแต่คราวนี้ชายคนนั้นกลับใช้แขนเสื้อบดบังมันจนมิด เมื่อแง้มดูร่างของในหม้อซึ่งแค่เริ่มมีแขนขางอก เขาก็แน่ใจว่าแม่ของมันจะต้องถูกฆ่าผ่าท้องเพื่อนำเด็กออกมาทำลูกกรอกไว้ใช้งาน เขาขอมันจากฮวาเฉิงเพื่อนำกลับไปให้สวรรค์ตรวจสอบ อ๋องผียินยอม แต่ก็อดต่อว่าเซี่ยเหลียนที่คิดใช้วิธีทำร้ายตัวเองเพื่อจับมันไม่ได้ ทำเอาเซี่ยเหลียนไม่รู้จะตอบยังไง แต่ท้องเจ้ากรรมก็เกิดหิวขึ้นมา พอฮวาเฉิงว่าจะจัดงานเลี้ยงให้ เขาก็รีบขอให้พาไปหาอะไรกินในตัวเมืองแทน
เซี่ยเหลี่ยนยืมเสื้อผ้าของฮวาเฉิงมาผลัดเปลี่ยนแทนชุดสตรีที่ใส่อยู่ ขณะที่เดินออกมาก็ยังได้ยินเสียงตัวอ่อนร้องหามารดา ในตลาดเหล่าพ่อค้าแม่ค้าต่างตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับแขกของเจ้านาย บอกว่าหากเปรียบอ๋องผีเป็นบิดา เซี่ยเหลียนก็เป็นเหมือนลุงของพวกตน แต่ไม่ว่าเซี่ยเหลียนจะเลือกร้านไหน ฮวาเฉิงกลับบอกไม่ได้ก่อนพาเข้าไปดูหลังร้าน หลังจากต้องเจอทั้งร้านที่ทำความสะอาดของด้วยการเลีย ปีศาจไก่ที่เอาตักน้ำร้อนที่ตัวเองแช่ขายเป็นซุปไก่ สมองปั่น ปีศาจเป็ดที่กรีดเลือดตัวเองทำก้อนเลือดเป็ดสดๆ หรือผลไม้จากสุสาน ในที่สุดพวกเขาก็ได้เจอร้านที่ขายอาหารปรกติ แต่ขณะที่เซี่ยเหลียนกำลังกินโจ๊กอยู่ก็มีผีสาวกลุ่มหนึ่งผ่านมาพอดี พอเห็นเขาก็พากันหัวเราะคิกคัก บอกว่านั่นเป็นนักพรตที่บอกหลันฉางว่านกเขาไม่สามารถขันได้ แถมหลันฉางก็เที่ยวบอกเรื่องนี้กับไปทั่ว เซี่ยเหลียนถึงกับสำลัก พอเห็นฮวาเฉิงมองมาที่ตนก็อยากกรอกโจ๊กเข้าปากให้ติดคอตาย อ๋องผีหยอกว่าไม่นึกมาก่อนว่าเซี่ยเหลียนจะมีปัญหาเช่นนี้ แต่เขาเข้าใจและจะไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ก่อนให้สัญญาว่าในโลกนี้อีกฝ่ายจะไม่เจอคนที่จริงใจไปมากกว่าเขาแล้ว คำพูดนั้นทำให้เซี่ยเหลียนหัวเราะออกมาได้ แล้วเขาก็ถามอ๋องผีว่ารู้หรือไม่ว่าอารามเฉียนเติ้งอยู่ที่ใด แต่หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง อีกฝ่ายกลับเอ่ยขอโทษออกมา
Note : หลันฉางคือผีโสเภณีที่ทักเซี่ยเหลียนตอนมาเมืองผีครั้งแรก >>>/801/7776/602
.
.
.
.
.
ky กูอยากดูขุนพลผีที่เป็นเรื่องของเวินหนิงกับน้องซือจุยอะ วีทีวีจะปล่อยให้ rent บนคอมฯเมื่อไหร่วะ ใครรู้เปล่า
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 3 ต่อจาก >>576 เทียนกวาน Part.82
.
.
.
.
.
ฮวาเฉิงเดินนำเซี่ยเหลียนไปถึงอารามใหญ่โตงดงามซึ่งตั้งอยู่ในเมืองผี เขาอธิบายว่าตนสร้างที่นี่เล่นๆ ไว้นานแล้ว เพิ่งมาหาเหตุให้ได้ใช้งานตอนเซี่ยเหลียนยามเข้าร่วมงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ได้ยินอย่างนั้นเซี่ยเหลียนก็โล่งใจที่อีกฝ่ายไม่ได้สร้างที่นี่เพื่อเขา ไม่อย่างนั้นคงทำตัวไม่ถูก จากนั้นอ๋องผีจึงเชื้อเชิญเซี่ยเหลียนเข้าไปดูข้างใน เซี่ยเหลียนตั้งข้อสังเกตว่าที่นี่ไม่มีป้ายชื่ออารามติดไว้ ฮวาเฉิงเลยขอให้เซี่ยเหลียนช่วยเขียนให้ แต่พอเซี่ยเหลียนขอให้อีกฝ่ายเขียนอักษรให้ตนบ้าง อีกฝ่ายกลับมีท่าทีอึกอักก่อนสารภาพว่าเขาเขียนอักษรไม่เอาไหน พอเซี่ยเหลียนลองให้อ๋องผีเขียนอักษรให้ดูก็พบว่าไก่เขี่ยเรียกพี่เลยให้กำลังใจอีกฝ่ายไปว่ามันคือสไตล์ต่างหาก ฮวาเฉิงอ่อยอีกฝ่ายว่าอยากเขียนหนังสือสวยๆ แต่ไม่มีใครสอนเบย เซี่ยเหลียนลองเขียนอักษรดูแต่เพราะไม่ได้จับพู่กันมานานเลยไม่ได้งดงามเท่าแต่ก่อน ถึงอย่างนั้นอ๋องผีก็ยังขอให้เขาช่วยสอนคัดอักษรให้ ซึ่งเซี่ยเหลียนก็ไม่ปฏิเสธ
เซี่ยเหลียนสังเกตว่าฮวาเฉิงจับพู่กันผิดวิธีเลยจับมืออีกฝ่ายลากพู่กันก่อนจะรู้สึกตัวว่าไม่ค่อยเหมาะ เผลอนึกถึงตอนอีกฝ่ายสอนตนทอยลูกเต๋า แต่จะให้ดึงมือออกตอนนี้ก็ดูไม่ดีเลยต้องเลยตามเลย ทว่าอีกฝ่ายกลับออกแรงกดพู่กันมากขึ้นจนอักษรออกมาดูไม่ได้ เขาจึงต่อว่าให้ตั้งใจกว่านี้ แต่ถึงมือของอ๋องผีจะเย็น เซี่ยเหลียนกลับรู้สึกร้อนๆ แปลกๆ เลยยกมือตัวเองออก ในตอนนั้นเองเขาก็หันไปเห็นดอกไม้สีขาวดอกหนึ่งถูกวางไว้ที่แท่นบูชา เขารู้สึกคุ้นเคยกับมันมากแต่ก็นึกไม่ออก เขาหยิบมันขึ้นมาดู และเมื่อถูกถาม เขาก็เพียงบอกว่าตนชอบดอกไม้นี้ ไม่นานนักทั้งสองก็ได้ยินเสียงผู้คนโวยวายว่าอนุสรณ์สุขาวดีไฟไหม้ เมื่อพวกเขากลับไปก็พบว่าไฟดับลงแล้วเพราะไหม้เพียงบริเวณเล็กๆ เซี่ยเหลียนรู้สึกว่าผู้ที่จุดไฟน่าจะแค่ต้องการเบนความสนใจของทุกคนออกจากอะไรบางอย่าง ก่อนจะสังเกตว่าตอนนี้ไม่มีเสียงวิญญาณตัวอ่อนดังให้ได้ยินเลย เมื่อคว้าหม้อมาเปิดดูก็พบว่ามันหายไปจริงๆ พอถามถึงคนคุ้มกัน ฮวาเฉิงก็อธิบายว่าอนุสรณ์สุขาวดีไม่มีเวรยาม และนั่นเป็นเพราะที่ประตูมีอาคมลงเอาไว้ว่าหากมีผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของสถานที่นำสิ่งของที่เคยผ่านมือของเขาติดตัวไปจะไม่สามารถเปิดประตูออกไปได้
ฮวาเฉิงให้ชายใส่หน้ากากไปตามชาวเมืองทุกคนที่วันนี้ปรากฏตัวบนถนนให้เข้ามาในสวน อ๋องผีสั่งให้คนที่ขโมยวิญญาณตัวอ่อนเดินออกมาแต่ก็ไม่มีผู้ใดเดินออกจากกลุ่ม เขาเลยสั่งให้แบ่งกลุ่มออกเป็น 2 ตามเพศสภาพ เมื่อเซี่ยเหลียนเดินสำรวจกลุ่มผีหญิงเขาก็เจอกับผีสาวแต่งหน้าหนาเตอะจนดูหน้าจริงไม่ออก เป็นหลันฉาง โสเภณีที่ป่าวประกาศเรื่องที่เขาไม่ขันนั่นเอง เห็นเซี่ยเหลียนทักตนผีสาวก็กล่าวว่าเขาจะใส่ความเธอเพื่อแก้แค้น เซี่ยเหลียนไม่ถือสาเรื่องนั่น แต่กลับขอให้เธอคืนวิญญาณตัวอ่อนมาให้ หลันฉางปฏิเสธเสียงแข็งว่าเธอไม่รู้เรื่อง เซี่ยเหลียนจึงเอ่ยว่าคราวที่แล้วผีสาวแต่งกายเปิดเผย เหตุใดคราวนี้จึงใส่ชุดกระโปรงยาวราวต้องการซ่อนออะไร และที่เธอขโมยวิญญาณตัวอ่อนออกไปได้ เป็นเพราะเธอนำสิ่งนั้นออกไปในฐานะที่มันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ตอนนี้วิญญาณตัวอ่อนอยู่ในครรภ์ของเธอนั่นเอง ทันใดนั้นหลันฉางก็กรีดร้องเอามือกุมท้องที่จู่ๆ ก็ใหญ่ขึ้นมาราวจะระเบิด พร้อมกับที่อายวิญญาณร้ายสีดำแผ่ออกมา
หลันฉางตะโกนสั่งให้วิญญาณตัวอ่อนเลิกทำตัววุ่นวาย แต่ก็ไม่ยอมส่งมันให้เซี่ยเหลียน เธออ้างว่าตนจะเลี้ยงดูอีกฝ่ายให้เติบโตเป็นเด็กดีไม่ทำร้ายใครอีก ขอร้องว่าอย่าพรากลูกที่เธอตามมามาหลายร้อยปีไปจากตน แต่แล้วหลันฉางก็ลงไปนอนกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เซี่ยเหลียนพยายามบอกอีกฝ่ายว่าวิญญาณตัวอ่อนมีพลังมากกว่า แม้เธอจะเป็นมารดาก็ไม่สามารถควบคุมมันได้ แต่หลันฉางกลับยิ่งขดตัวซ่อนท้องของตน ตอนนั้นเองจู่ๆ แสงก็ส่องสว่างออกมาจากเข็มขัดสีทองที่เอวของเธอ และมันก็ทำให้วิญญาณตัวอ่อนสงบลง เมื่อสังเกตเข็มขัดเส้นนั้นดีๆ เซี่ยเหลียนก็ต้องแปลกใจเพราะมันคือของของสวรรค์ แถมมันยังเป็นของเทพชั้นสูง มีอำนาจปกป้องผู้สวมใส่ในยามคับขันและคงเพราะพลังของมัน หลันฉางจึงสามารถอยู่มาได้ถึง 800 ปี ปรกติเทพชายจะมอบมันให้หญิงสาวที่มีความรู้สึกพิเศษด้วย หรือว่าวิญญาณตัวอ่อนจะเป็นลูกของเทพคนไหนไข่ทิ้งไว้
Note อักษรที่ฮวาเฉิงเขียนเป็นกลอนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสามีที่ต้องแยกกับภรรยาผู้เป็นที่รัก
.
.
.
.
.
ky กูอ่านแล้วเหมือนว่าปรจ. กับเทียนกวานจะเป็นนิยายแฟนตาซีสืบสวนดราม่า แล้วตัวร้ายมีการสืบสวนไขคดีอะไรมั้ย
กูอ่านนานแล้วเท่าที่จำได้ตัวร้ายไม่มีไขคดีนะ มีแบบฝ่ายเซียนต่อสู้กะฝ่ายมาร พอตัวจอมมารเทียนหลางจวินโผล่ ก้อจะรวมโลกมารกะมนุษย์ก้อมีต่อสู้กัน คสพ.พอ.นอ.ก้อพัฒนาไประหว่างเรื่อง คนชอบบอกไม่เห็นนอ.จะรักพอ.ตอนไหนเลย แต่กูว่าตัวซือจุนมันค่อยๆชอบค่อยๆรักอีปิงมาเรื่อยๆแหละแต่มันซึน และเรืีองมันเล่าผ่านมุมมองนอ. ตัวมันเองไม่รู้ตัวว่ารัก มันเลยบรรยายไม่สื่อความรักออกมา แต่ตอนกูอ่านละมององค์ประกอบรอบๆกูเลยรู้สึกว่าเออมันก้อมีใจให้พอ.ตั้งนานแล้วแต่มันซึนแค่นั้น นอ.แม่โม่ชอบซึนอ่ะเหมือนเว่ยอิง จริงๆก้อชอบหลานจ้านตั้งแต่เด็กๆแล้วแต่กว่าจะรู้ตัวแม่งตายละฟื้นโน่น เทียนกวานนี่กูรออ่านสปอยว่าเมื่อไหร่จะจีบติดรอดูตอนเป็นแฟนกัน 55555 วุ้ย
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 3 ต่อจาก >>584 เทียนกวาน Part.83
.
.
.
.
.
เห็นเซี่ยเหลียนทำท่าเหมือนจะถามถึงพ่อเด็ก หลันฉางก็เอาแต่ร้องว่าไม่ เขาขอฮวาเฉิงพาอีกฝ่ายไปสวรรค์เพื่อตรวจสอบ ก่อนพยายามอธิบายกับหลันฉางว่าจะเป็นการทำอย่างนี้จะเป็นผลดีกับตัวเธอกับลูกมากกว่า และจะได้เรียกร้องความรับผิดชอบจากพ่อเด็กด้วย แม้จะไม่อยากไป แต่ด้วยความไม่เห็นทางรอดผีสาวเลยต้องจำยอม เธอหันทำขอบคุณและขอโทษที่ทำความวุ่นวายกับอ๋องด้วยกริยาเหมือนได้รับการอบรมต่างจากปรกติเป็นอย่างมากจนผีตนอื่นอดแปลกใจไม่ได้
เซี่ยเหลียนแจ้งเทพทุกองค์ในเครือข่ายโทรจิตให้ไปร่วมประชุมกันที่หอมหายุทธิ์ เมื่อมู่ฉิงเห็นผีสาวก็ชะงัก ส่วนหลันฉางก้มหัวให้เขา พอได้ยินมู่ฉิงเรียกเซี่ยเหลียนว่าฝ่าบาทผีสาวก็หันมามองหน้าเซี่ยเหลียนด้วยสีหน้าเหมือนนึกเรื่องอะไรบางอย่างออก พอหลิงเหวินร่างชายเดินเข้ามาจับท้องของหลันฉางและสอบถามข้อมูล เซี่ยเหลียนก็เล่าเรื่องคร่าวๆ พร้อมบอกว่าต้องสืบหาตัวพ่อของเด็ก เฟิงซิ่นเลยกล่าวเสริมว่าการที่พ่อเด็กช่างเป็นคนที่ไร้ความรับผิดชอบจริงๆ แต่พอเผยหมิงเดินเข้ามาเอ่ยเห็นด้วยกับเฟิงซิ่น ทุกคนก็หันไปมองเขาด้วยสายตาว่าเรื่องแบบนี้ต้องเป็นฝีมือมรึงแน่ๆ แต่แม่ทัพเผยก็ปฏิเสธ พอนึกว่าที่ผ่านมาเผยหมิงไม่เคยไม่ยอมรับเวลาไปได้กับสาวคนไหน แถมเขาก็ช่วยให้สาวๆ เหล่านั้นมีชีวิตสุขสบายทุกคน อีกทั้งแม่ทัพเผยยังชอบสาวสวยใสธรรมชาติ เพราะฉะนั้นสตรีแต่งหน้าหนาเตอะแบบหลันฉางย่อมไม่ใช่สเปค แต่ถึงจะหายสงสัยในตัวอีกฝ่ายแล้ว ทุกคนก็ทำเป็นเงียบด้วยอยากเห็นแม่ทัพเผยโดนจัดการ เลยพากันยืนยิ้มรอดูความวิบัติอย่างสำราญใจ
จู่ๆ หลันฉางก็เอ่ยว่าพ่อของเด็กและคนที่ฆ่าเธอคือเซี่ยเหลียนต่างหาก ได้ยินดังนั้นทุกคนก็ฮือฮา คิดว่าจะได้เห็นการเนรเทศครั้งที่ 3 กันวันนี้ เซี่ยเหลียนบอกว่าถ้าเขาเป็นพ่อเด็กจริงย่อมต้องพยายามหาเงินมาเลี้ยงดู แต่เธอก็ยืนยันว่าเป็น ซึ่งช่วงที่เขารุ่งโรจน์ก็เป็นเวลาใกล้เคียงกับอายุของวิญญาณตัวอ่อนพอดีจึงยิ่งน่าสงสัย ซือชิงเสวียนช่วยพูดว่าหากเซี่ยเหลียนเป็นคนก่อเรื่องจริงๆ จะพาหลันฉางมาที่นี่ทำไม เฟิงซิ่นทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรแต่สุดท้ายก็เงียบ แล้วจวินอู๋จึงถามว่าเซี่ยเหลียนมีผ้าคาดเอวทองคำกี่ผืน ขณะที่เซี่ยเหลียนนึกไม่ออก จู่ๆ มู่ฉิงก็บอกว่ามีมากกว่า 40 ผืน ก่อนที่เขาจะรีบหุบปากเพราะไปทำให้ทุกคนจำได้ว่าเขาเคยเป็นคนรับใช้ของเซี่ยเหลียน พอถูกถามว่าแล้วผ้าคาดเอวพวกนั้นตอนนี้อยู่ที่ไหน ทั้งเซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นก็อึกอัก ไม่อยากบอกว่าเอาไปตึ้งที่โรงรับจำนำตอนถูกเนรเทศครั้งแรกหมดแล้ว ช่วยกันบอกปัดไปว่าจำไม่ได้
จวินอู๋กล่าวว่าเขาจำได้ว่าวิธีบำเพ็ญของเซี่ยเหลียนต้องรักษาเวอร์จิ้นไว้ด้วย ได้ยินแบบนั้นซือชิงเสวียนก็รีบสนับสนุนว่าแค่มองก็รู้ว่าเซี่ยเหลียนเคร่งครัดในวิถีบำเพ็ญ อย่าว่าแต่ป้าบสาวเลย แค่จับมือก็คงไม่เคย เซี่ยเหลียนกำลังจะเออออ แต่ภาพตอนตัวเองจูงมือหนุ่มลงจากเกี้ยวเจ้าสาวก็แล่นเข้ามาในหัวจนพูดไม่ออก เทพแห่งลมเห็นอย่างนั้นเลยรีบแก้ให้ว่าถึงจะเคยจับมือ แต่ไม่เคยจูบกับใครแน่นอน เซี่ยเหลียนที่เพิ่งเสียจูบแรกไปก็ยิ่งหน้าแดง ทำเอาทุกคนในหอกระจ่างแจ้งจนซือชิงเสวียนรีบใช้โทรจิตมาขอโทษ จวินอู๋กระแอมไอถามว่าแต่เซี่ยเหลียนยังจิ้นอยู่ใช่ไหม จากนั้นจึงนำกระบี่ที่เลือดของคนเวอร์จิ้นจะไม่เลอะติดใบดาบมาลองเทสเซี่ยเหลียน หลังจากหลิงเหวินใช้มันกรีดมือเซี่ยเหลียนก็ปรากฏว่าเขายังจิ้นอยู่จริงๆ คำกล่าวหาของหลันฉางจึงเป็นอันตกไป แต่แล้วผีสาวก็หันไปกล่าวหาหลิงเหวินที่อยู่ใกล้ๆ ว่าเป็นพ่อเด็ก ทำเอาเผยหมิงปล่อยก๊าก บอกว่าไม่คิดว่าท่านหญิงจี่จะทิ้งงานไปป้าบป้าบสาว ส่วนซืออู๋ตู้ก็ทำท่าเหมือนอยากแจกซองแดงรับขวัญหลานเหลือเกิน เฟิงซิ่นจึงพูดว่าหลันฉางอาจเสียสติกล่าวหาคนลอยๆ เพื่อสร้างปัญหา แล้วหลันฉางก็เริ่มตะโกนหัวเราะกล่าวหาคนมั่วไปทั้งหอประชุมจนต้องให้คนมาพาออกไปคุมขัง แต่ถึงเจ้าหน้าที่สวรรค์จะพากันคิดว่าเธอเป็นบ้า แต่เซี่ยเหลียนกลับคิดว่าการกระทำของเธอมีอะไรไม่ชอบมาพากลแฝงอยู่ และขณะที่ทุกคนกำลังแยกย้ายกันกลับ เฟิงซิ่นก็เดินมาหาเซี่ยเหลียนก่อนบอกว่าให้ระวังมู่ฉิงไว้ แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรมากกว่านั้นแล้วรีบจากไป
.
.
.
.
.
555555 ไม่เคยจับมือใคร ไม่เคยจูบ /หล่อนมีพิรุธชั้นดูออก
อ่านพาร์ทนี้ล่ะขำความเลิ่กลั่กของเซี่ยเหลียนแอนด์เดอะแก๊งค์จริงๆ 555555555 กับอีกเรื่องคือฮาตรงพอเป็นเรื่องชู้สาวทุกคนพุ่งเป้าไปที่ลุงเผยทันที รู้เลยนะคะว่าชีกอ 555555555555555555
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 3 ต่อจาก >>591 เทียนกวาน Part.84
.
.
.
.
.
ถึงเซี่ยเหลียนจะไม่คิดว่ามู่ฉิงเป็นพ่อเด็กเพราะพวกตนมาจากสำนักเดียวกัน อีกฝ่ายย่อมต้องรักษาเวอร์จิ้นเหมือนเขา แต่ก็รู้สึกได้ว่ามู่ฉิงต้องรู้จักกับหลันฉางอย่างแน่นอน ทว่าเมื่อไม่มีหลักฐานเขาจึงละความสนใจจากเรื่องนั้นแล้วกลับไปรับหลางอิ๋งกับกู่จือจากบ้านพ่อค้า เมื่อไปถึงพ่อค้าก็กล่าวสรรเสริญเซี่ยเหลียนว่าช่างมีอิทธิแรงกล้าหายตัวไปจากห้องที่ล็อกได้ ยิ่งพอรู้ว่าอีกฝ่ายจับวิญญาณร้ายไปแล้ว พ่อค้าก็ปวารณาเป็นผู้ศรัทธาเทพในอารามที่เซี่ยเหลียนสังกัด อีกทั้งจะเปย์เงินบริจาคให้ชนิดไม่มีผู้ใดสู้ได้ แต่ในเมื่ออารามเฉียนเติ้งอยู่ในเมืองผี เซี่ยเหลียนเลยบอกให้อีกฝ่ายไปที่อารามผูจี้แทน
เมื่อทั้งสามกลับมาถึงอารามผูจี้ เซี่ยเหลียนก็รีบไปหยิบกล่องรับบริจาคมาตั้งไว้ตำแหน่งสะดุดตา เผื่อพ่อค้าคนนั้นมาจะได้เอาเงินใส่ได้ทันที แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปกลับพบว่าข้างในสะอาดราวมีคนมากวาดถู แถมฉีหรงยังหายไปอีกต่างหาก พอสัมผัสถึงกลิ่นอายอันตรายเขาก็เอาฟางซิ่นแทงใส่ทันที แต่พอเข้าไปใกล้ก็พบว่าสิ่งนั้นคือเอ้อมิ่ง เขารีบขอโทษและเอ่ยปลอบมันที่สั่นไม่หยุด ก่อนที่ฮวาเฉิงจะปรากฏกาย แล้วส่งหมวกไม้ไผ่ที่เซี่ยเหลียนลืมไว้ที่บ้านพ่อค้าให้ ตอนที่เซี่ยเหลียนกำลังเอ่ยอย่างเกรงใจที่อีกฝ่ายมาทำความสะอาดอารามให้ก็ได้ยินเสียงโวยวายของฉีหรง เลยได้รู้ว่าญาติผู้น้องของตนถูกอ๋องผีจับโยนลงคลองหลังอารามให้แค่ศีรษะโผล่พ้นน้ำ แม้เซี่ยเหลียนจะยังโมโหกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำกับศพของแม่ของเขา แต่ด้วยความห่วงชีวิตเจ้าของร่างที่ฉีหรงสิงอยู่ เขาเลยต้องจำใจดึงอีกฝ่ายกลับเข้ามาในอาราม พอกู่จือเข้าไปป้อนอาหารให้พ่อของตนซึ่งดูเหมือนฮวาเฉิงจะลงอาคมไม่ให้ขยับร่างกายไว้แล้ว เซี่ยเหลียนก็จึงเรียกรั่วเย่ที่มัดผีเขียวไว้กลับมา บอกว่าเดี๋ยวเขาจะซักมันให้ไปรอข้างๆ ก่อน พอรั่วเย่กับเอ้อมิ่งเห็นกันก็จ้องกันอย่างประเมินอีกฝ่าย
หลังจากนั้นเซี่ยเหลียนก็ศึกษาวิธีทำอาหารจนมั่นใจ ก่อนออกไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเลี้ยงฮวาเฉิงโดยมีรั่วเย่เป็นลูกมือช่วยหั่นของ ผ้าแพรขาวขิงความสามารถอัดหน้าเอ้อมิ่ง จนดาบโค้งทนไม่ได้พุ่งมาช่วยหั่นของด้วย ทว่าเซี่ยเหลียนที่ตั้งสมาธิกับการทำอาหารไม่ได้สังเกตเห็นศึกระหว่างอาวุธทั้งสอง เขาหันไปเล่าเรื่องของหลันฉางที่เกิดขึ้นที่หอประชุมให้อ๋องผีฟัง ทันทีที่เปิดฝาหม้อจนกลิ่นโชยออกมาฉีหรงก็สบถด่าไม่หยุด พอเห็นผลงานตัวเองเซี่ยเหลียนก็อดรู้สึกเสียความมั่นใจไม่ได้ เขาตัก “สิ่งนั้น” ใส่ชาม เตือนไม่ให้ฮวาเฉิงกิน สั่งให้หลางอิ๋งกับกู่จือออกไปตักน้ำ แล้วเดินไปหาฉีหรง บอกว่า น้องเอ๋ย ถึงเวลากินแล้วจ้ะ ผีเขียวหวาดกลัวสุดขีดโวยวายด่าญาติผู้พี่รัวๆ พอมองเข้าไปในอารามแล้วเห็นฮวาเฉิงกำลังตักของในหม้อกินอย่างไม่ยี่หระ ฉีหรงก็สะท้านไปทั้งตัว พลันเกิดความคิดว่าสมกับที่เป็นเจวี๋ยจริงๆ เซี่ยเหลียนบอกว่าถ้าไม่อยากกินก็ออกจากร่างมา เมื่อผีเขียวไม่ยอมทำตามเขาก็เอาสิ่งที่อยู่ในชามกรอกปากอีกฝ่าย แล้วเสียงกรีดร้องก็ดังก้องทั่วฟ้าของหมู่บ้านผูจี้
ฉีหรงนอนขดตัว หน้าเขียว ด่าเซี่ยเหลียนเสียงแหบแห้งราวคนแก่ใกล้สิ้นลม เซี่ยเหลียนที่เห็นว่าผีเขียวฝืนกินอาหารโดยไม่ยอมออกจากร่างบังเกิดความดีใจเล็กๆ ว่าฝีมือของเขาคงไม่ได้แย่ขนาดนั้น พอกลับไปเห็นฮวาเฉิงกินสิ่งนั้นหมดชามก็เข้าไปถามความเห็นอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่ออ๋องผีตอบว่าก็ไม่เลวแต่ข้นไปหน่อย เซี่ยเหลียนก็โล่งใจ คืนนั้นพวกเขากินของอย่างอื่นที่เขาซื้อมาจากเมือง ส่วนมื้อเช้าก็โชคดีที่มีสาวในหมู่บ้านที่อยากมาส่องหนุ่มชุดแดงทำโจ๊กกับไก่ย่างมาถวายอาราม แม้เมื่อคืนฉีหรงที่ถูกทิ้งไว้นอกอารามจะคร่ำครวญว่าถูกหลางเชียนชิวจับไปคงดีกว่า รวมทั้งเอ่ยขอโทษและขอยาแก้พิษจากเซี่ยเหลียน แต่พอได้กินโจ๊กที่กู่จือเอาไปให้จนฟื้นได้นิดหน่อยก็กลับมาด่าญาติผู้พี่กับอ๋องผีไม่หยุด เซี่ยเหลียนไม่พูดอะไรแล้วหันไปอุ่น “ซุปแห่งความรักสี่ฤดูกาล” ซึ่งเพิ่งตั้งชื่อกันสดๆ เตรียมให้ลูกพี่ลูกน้องของตนอีก ขณะที่ฮวาเฉิงเอ่ยชมเซนส์ในการตั้งชื่ออาหารของเซี่ยเหลียน ฉีหรงก็ตะโกนให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำนั้น จากนั้นเขาก็รีบหุบปากไม่พูดอะไรอีกเลย
หลางอิ๋งจะมาช่วยเซี่ยเหลียนล้างจาน แต่เขาก็บอกให้อีกฝ่ายออกไปเล่นกับกู่จือ ตอนนั้นฉีหรงที่เบื่อสุดประมาณก็หันไปแซวสาวที่เดินผ่านมาอย่างไร้รสนิยม เซี่ยเหลียนได้ยินหนุ่มๆ ในหมู่บ้านฮือฮากับความงามของหญิงสาว พอประตูอารามถูกเคาะ เซี่ยเหลียนที่นึกพ่อค้าพาภรรยามาเลยรีบคว้ากล่องรับบริจาคจะเดินออกไป แต่ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงหญิงสาว 2 คนวิจารณ์อักขระอาคมบนประตู เป็นเสียงของซือชิงเสวียนกับหมิงอี้ในร่างสาวน้อย
.
.
.
.
.
>>597 โหยยยยย ทำอะไรให้กินก็อร่อยจ้ะ ตั้งชื่อว่าอะไรก็เพราะจ้ะ บอกให้ฝึกดาบโค้งก็ฝึกจ้ะ เหม็นกลิ่นฟามรักโว้ยยยย 555
กูมาไหว้ขอหลัวดีๆ ที่ศาลเจ้านี้มั่งได้ป่าว
เอ้อมิ่งมีความน่ารักว่ะ ยิ่งอ่านยิ่งชอบ
หาพ่อเด็กกันยืดเยื้อกว่าที่คิดแฮะ คิดว่าแค่เอาไว้ปูเนื้อเรื่องเข้า arc นี่คาราคาซังยาวเลย
ฟาฟาช่างแข็งแกร่ง สมกับที่เป็นเจวี๋ย 5555 รั่วเย่กะเอ้อมิ่งนี่คือ เป็นอาวุธเทพที่มีจิตวิญญาณงี้ป่ะ แต่ไม่ได้ถึงขั้นว่ากลายร่างเป็นร่างมนุษย์ได้? ละอีเทพลมนี่ก้อชอบลวงเพื่อนให้แต่งหญิง ถถถ
>>603 ขอบใจมากเพื่อนโม่ง เคยเห็นสปอยที่มาของรั่วเย่อยู่ เจอเอ้อมิ่งไปอีก โอ้โห สรุปก็คือเอ้อมิ่งกะรั่วเย่นี่อีโวจากพลังด้านลบเหมือนกัน มีแค่ฟางซิ่นที่นับเป็นอาวุธเทพได้ช้ะ แล้วเซี่ยเหลี่ยนตกสวรรค์มาพลังอะไรไม่มีใช้ฟางซิ่นได้ไม่มีปัญหาอ๋อวะ หรือ ability คนใช้กับอาวุธมันคนละส่วนกัน
สปอยเทียนกวาน อาร์ค 3 ต่อจาก >>597 เทียนกวาน Part.85
.
.
.
.
.
ซือชิงเสวียนหันไปถามฉีหรงที่อยู่นอกอารามว่าเซี่ยเหลียนอยู่หรือไม่ เมื่อฉีหรงได้ยินอีกฝ่ายเรียกญาติผู้พี่ว่าฝ่าบาทองค์ชายรัชทายาทก็รู้ทันทีว่าสาวสวยทั้งสองเป็นเจ้าหน้าที่สวรรค์ พอผีเขียวเริ่มต้นด่า เซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงหมิงอี้แจกขนมตุ้บตั้บใส่อีกฝ่าย เขาจึงเข้าไปห้ามเพราะห่วงร่างกายของชายที่ฉีหรงสิง เทพแห่งลมหันมาทักทายเซี่ยเหลียน บอกว่ามีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะห้ามอีกฝ่ายเข้าไปในอาราม ทั้งสองก็เขาไปปะกับอ๋องผีที่กำลังจัดจานเตรียมกินมื้อเช้าอยู่ พอฮวาเฉิงยิ้มแสแสร้งให้ หมิงอี้ที่เคยมีคดีด้วยก็รีบถอยหลังกลับไปหลายก้าว ส่วนซือชิงเสวียนก็รีบเอาพัดของตัวเองออกมา อ๋องผีไล่หมิงอี้ว่าไม่ว่าจะมีธุระอะไรก็ห้ามโผล่มาที่นี่อีก เทพแห่งดินตอบไปว่าเธอไม่ได้มาที่นี่ด้วยความตั้งใจของตัวเอง ขณะที่เซี่ยเหลียนกับซือชิงเสวียนพยายามหาวิธีห้ามทัพ ฉีหรงที่รู้ว่าหญิงสาวคือเทพแห่งลมจากพัดของเธอก็เรียกอีกฝ่ายด้วยคำหยาบคาย ซือชิงเสวียนเลยบอกให้เซี่ยเหลียนรอสักครู่แล้วเดินออกไปนอกอาราม ก่อนจะมีเสียงแจกขนมตุ้บตั้บระลอกสองดังให้ได้ยิน พอเทพแห่งลมกลับเข้ามาเขาก็อยู่ในร่างชาย เอ่ยเสียงร่าเริงให้ทุกฝ่ายสมานฉันท์ด้วยการกินข้าวด้วยกัน
ฮวาเฉิงกับหมิงอี้อยู่ในบรรยากาศมาคุอีกพักหนึ่ง แต่แล้วอ๋องผีก็หันไปตักสิ่งที่อยู่ในหม้อมาเตรียมนั่งกิน พอรู้ว่าของในหม้อเป็นฝีมือของเซี่ยเหลียน เทพแห่งลมเลยขอชิม แม้เซี่ยเหลียนอยากห้าม แต่ก็ไม่อยากทำให้สถานการณ์กลับมาเครียดอีก อีกทั้งก่อนหน้านี้เขายังปรุงรสเพิ่มตามคำแนะนำของอ๋องผีไปแล้วเลยปล่อยเลยตามเลย พอเห็นฮวาเฉิงกินด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย เทพแห่งดินจึงยอมรับชามมา เมื่อช้อนเข้าปากเธอก็สลบคาโต๊ะ ส่วนซือชิงเสวียนน้ำตาไหลพราก เขาคว้ามือของเซี่ยเหลียนมากุมแน่น แต่นอกจาดเรียกฝ่าบาทไปทีหนึ่งก็ไม่อาจกล่าวอะไรได้อีก จากนั้นจึงหันไปเขย่าตัวเรียกสติไม้กวาดเพราะหลอนไปว่ามันคือเทพแห่งดิน เมื่อหมิงอี้ฟื้นขึ้นมาก็กลับไปเป็นร่างชาย บอกว่าตอนนี้มีปีศาจสิงในหัวใจของเขา ช่วยไล่ออกไปที ซือชิงเสวียนพยายามช่วยเหลือเพื่อน มือหนึ่งถือไม้กวาด อีกมือถือพัด เซี่ยเหลียนห้ามสุดชีวิต เขาหันไปถามความเห็นฮวาเฉิงที่ยืนดูเฉยๆ ว่าทำไมทั้งสองจึงอาการรุนแรงกว่าฉีหรง แต่อ๋องผีก็ตอบไปว่าลิ้นของทั้งคู่มีปัญหาเองต่างหาก
พอดื่มน้ำล้างท้องไปคนละ 7-8 ชาม ซือชิงเสวียนกับหมิงอี้ก็นั่งซึมราวคนตาย หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงถึงดีขึ้น ทั้งสี่นั่งล้อมวงกัน เซี่ยเหลียนถามว่าซือชิงเสวียนต้องการให้เขาช่วยอะไร เทพแห่งลมหันไปใส่อาคมใส่ประตูไม่ให้คนภายนอกได้ยินสิ่งที่พวกตนพูด ก่อนเริ่มว่าเซี่ยเหลียนอยู่ในภพมนุษย์มานานคงเคยเจอภูตผีมากมาย แต่เคยเจอกับผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าหรือไม่ ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าคือปีศาจแห่งความโชคร้าย หากมีใครกำลังมีความสุข มันจะโผล่ไปเนียนกับฝูงชนใกล้ๆ แล้วเอ่ยคำพูดแช่งให้เสียบรรยากาศก่อนหายไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อมันเลือกใครเป็นเหยื่อก็จะตามติดอีกฝ่ายดุจเงา คอยพูดจาทำให้อารมณ์เสียในทุกครั้งที่กำลังมีความสุข และหากยิ่งหวาดกลัวคำสาปแช่งที่มันเอ่ยก็จะยิ่งเกิดขึ้นจริงจนเหยื่อจิตตกตาย แต่จนถึงตอนนี้จึงไม่มีใครทราบวิธีจัดการกับมันเลย
ซือชิงเสวียนถามเซี่ยเหลียนว่ารูวิธีกำจัดกับมันหรือเปล่า เซี่ยเหลียนตอบว่าเขาเคยเจอ 2 ตัวเมื่อหลายปีมาแล้ว ตัวแรกเขาเจอตอนให้ความช่วยเหลือเหยื่อด้วยการจัดการกับมันก่อนที่มันจะเอ่ยคำสาปแช่งเพิ่ม ส่วนคำสาปแรกที่มันบอกว่าเกี้ยวของเหยื่อจะพังระหว่างเดินทางผ่านหุบเขาจนตกเหวตาย เขาก็แก้เคล็ดด้วยการให้คนแบกเกี้ยวเปล่าไปที่หุบเขาแทน ส่วนการรับมือกับมันมีอยู่ 3 วิธี วิธีแรกคืออย่าให้มันทันได้เอ่ยคำสาปแช่งออกมา แต่วิธีนี้ก็เพียงช่วยป้องกันในช่วงสั้นๆ วิธีที่สองอย่าให้เหยื่อได้ยินสิ่งที่มันพูด เพราะยิ่งเหยื่อกลัวมันก็ยิ่งมีพลังเพิ่มขึ้น แต่หากไม่ได้หูหนวกก็แทบเป็นไปไม่ได้ ทว่าอีกนัยหนึ่งก็คือห้ามเหยื่อเอาคำพูดของมันมาใส่ใจซึ่งนั้นก็คือวิธีที่ 3 ทำตัวมีความสุขให้มันอกแตกหนีไปเอง แต่ถึงวิธีนี้จะเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุดแต่ก็ยากที่สุดเช่นกัน เมื่อได้ยินอย่างนั้นซือชิงเสวียนเลยถามว่าแล้วตอนที่เซี่ยเหลียนเจอตัวที่ 2 เป็นอย่างไร และเซี่ยเหลียนก็ตอบว่าในครั้งนั้นคนที่มันตามติดคือตัวเขาเอง
.
.
.
.
.
นายเอกแต่ละคนของแม่โม่ฝีมืออาหารไม่ได้เรื่องกันเลยเหรอ (กูยังไม่ได้อ่านตัวร้าย) 555555 รอดูนายเอกเรื่องที่สี่ สกิลจะรุนแรงแค่ไหน
อาหารหรืออาวุธชีวภาพวะ เชี่ย แดกแล้วสลบกูนี่ขำพรืด ฟาฟาแม่งก้ออวยเหลือเกิน บอกอาหารปกติลิ้นต่างหากที่มีปัญหา จร้าพ่อ
กูไปอ่านสปอยล์ในwikiaมา โอ้โห มีแต่ความดราม่า ทั้งตัวหลัก ตัวสำคัญ ตัวประกอบ ดราม่าอิ่มเอยมาก
ขอเตือนว่า ในwikiaนี่สปอยล์จัดหนักมาก ใครอยากรออ่านเองอย่าเข้าไป
มาประกาศไว้ก่อนนะว่าถ้าโม่งปิด สปอยเทียนกวานจะไปทาง cbox เพราะว่าใน Line มันพิมพ์ยาวๆ ไม่ถนัดน่ะ
อ่ะ กูช่วยหย่อน https://my.cbox.ws/mongthai
พรุ่งนี้กูจะเก็บสปอยล์เทียนกวาน กลัวโม่งหายอีก T T
โม่งยังอยู่ มาสปอยต่อในนี้กันต่อไปก่อน สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>606 เทียนกวาน Part.86
.
.
.
.
.
เมื่อหลายปีก่อนเซี่ยเหลียนเคยถูกผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าตามติด แต่ด้วยสกิล Luck E ทำให้นานเป็นเดือนเป็นปีกว่าเขาจะพอพบโชคดีสักหน แต่ก่อนที่คำสาปแช่งของมันจะเป็นจริง เขาก็มีอันต้องเจอกับความซวยอื่นก่อนทุกครั้ง แถมเพราะเจอเรื่องพวกนี้จนชาชินทำให้ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าไม่อาจซึมซับอารมณ์ด้านลบของเขาได้สักนิด อีกทั้งเซี่ยเหลียนยังรู้สึกว่าคำแช่งของมันฟังดูน่าสนใจเลยขอให้พูดออกมาอีกเรื่อยๆ พอเจออย่างนี้ไปหลายหน ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าก็รู้สึกราวตัวเองกลายเป็นฝ่ายถูกย่ำยีจนยอมจากไปเอง ได้ฟังเรื่องเล่าซือชิงเสวียนก็หัวเราะออกมา แต่ก็ถูกฮวาเฉิงที่ได้รู้ว่าเซี่ยเหลียนเจอโชคร้ายมาตลอดต่อว่า เขาจึงรีบเอ่ยขอโทษที่เสียมารยาท ก่อนเทพแห่งลมจะบอกว่าเขากำลังโดนมันตามติดอยู่
ซือชิงเสวียนเล่าว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนในสมัยที่เขากับพี่ชายยังเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ในวันที่เขาเกิด บ้านของเขาซึ่งเป็นครอบครัวพ่อค้าผู้ร่ำรวยจึงทำบุญด้วยการแจกอาหารให้กับคนจรจัด พอดีกับที่หนึ่งในคนเหล่านั้นเป็นหมอดู เมื่อได้ทราบวันเดือนปีเกิดของซือชิงเสวียน ชายคนนั้นก็ทำนายว่าเพื่อปกป้องชีวิตของเด็กชายไว้ ทางครอบครัวจำเป็นต้องทำให้เด็กคนนี้จืดจาง ห้ามใช้ชีวิตหรูหราอยู่ดี อย่าให้โอกาสได้เจิดจรัส อย่าจัดงานรื่นเริงใดๆ ให้ แล้วเด็กชายก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบตลอดไป คำพูดนั้นสร้างความไม่พอใจให้ครอบครัวซือเป็นอย่างมากเลยจัดการเตะหมอดูคนนั้นออกไป แต่แล้วขณะที่ทุกคนกำลังมีความสุขในงานฉลอง ก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยสาปแช่งออกมา
คืนนั้นซือชิงเสวียนเป็นไข้สูง ทำอย่างไรไข้ก็ไม่ยอมลด ครอบครัวซือจำคำพูดของหมอดูได้จึงออกตามหา หมอดูต่อว่าที่อีกฝ่ายไม่เชื่อคำพูดของตนเพราะตอนนี้ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าได้เลือกเหยื่อแล้ว ชีวิตหลังจากนี้ของเด็กชายต้องเจอแต่เรื่องโชคร้าย แล้วหมอดูจึงบอกวิธีแก้เคล็ดโดยการให้ครอบครัวทำเป็นว่าได้มอบบุตรชายคนที่ 2 ให้บ้านอื่นรับไปเลี้ยง จากนั้นให้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของซือชิงเสวียนให้กลายเป็นบุตรสาวแทน ด้วยเหตุนี้ซือชิงเสวียนจึงถูกเลี้ยงดูและใช้ชีวิตแบบเด็กผู้หญิง ส่วนผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าเมื่อมันหาเด็กชายไม่เจอก็ได้จากไป
หลังจากนั้น 10 ปี เมื่อพ่อแม่ของซือชิงเสวียนเสียชีวิตก็เกิดการแย่งชิงสมบัติในตระกูล ซืออู๋ตู้ที่รู้สึกเบื่อหน่ายจึงพา “น้องสาว”ของตนออกจากบ้านมาอยู่ด้วยกัน 2 คน ก่อนที่เขาจะเริ่มหันไปฝึกบำเพ็ญเพียรบนภูเขาโดยให้ซือชิงเสวียนรอตนในเมืองที่ตีนเขา เมื่อถึงเวลากลางคืนจึงกลับมาลงกินข้าวกับผู้เป็นน้อง วันหนึ่งซืออู๋ตู้กลับมาช้าผิดปรกติ ซือชิงเสวียนที่กลัวพี่ชายจะหิวเลยห่อข้าวหมายจะเอาไปส่งให้บนเขา แต่ด้วยความมืดและไม่คุ้นเส้นทาง เด็กสาวจึงถกกระโปรงตัวเองขึ้นสูงเพื่อความสะดวก ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งถามขึ้นว่าเธอคือเสวียนเอ๋อร์ใช่หรือไม่ ก่อนถามวันเดือนปีเกิดของเธอ ด้วยความเป็นเด็กซือชิงเสวียนจึงตอบว่าใช่ไป แต่พออีกฝ่ายเรียกให้เธอไปใกล้ๆ เพื่อดูหน้า เธอก็รู้สึกว่าไม่ปรกติแล้ว ตอนที่เธอกำลังจะวิ่งหนี เสียงนั้นก็แช่งว่าเธอจะล้ม แล้วเธอก็ล้มเสือดอาบหัวซึ่งเป็นเวลาที่ซืออู๋ตู้มาถึงพอดี สองพี่น้องกอดกันด้วยความกลัวว่ามันเจอพวก “เด็กชาย” แล้ว
หลังจากวันนั้นผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าก็ปรากฏตัวบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ถึงซืออู๋ตู้จะจ้างนักพรตมาปราบก็ทำอะไรมันไม่ได้ พอซืออู๋ตู้ได้ขึ้นสวรรค์ เขาจึงพาน้องชายตามไปเป็นเทพชั้นกลางพร้อมเอาเครื่องรางของขลังประโคมให้เต็มที่ เมื่อซือชิงเสวียนบำเพ็ญจนได้ขึ้นสวรรค์เป็นเทพชั้นสูง ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน ขณะที่เขากำลังดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นว่าเจ้าจะไม่ได้เจอกับพี่ชายอีก เขาจำเสียงนั้นได้ดีและบังเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก พอรีบไปตำหนักของเผยหมิงก็เห็นพี่ชายของตัวเองยังปรกติดี ตอนแรกซือชิงเสวียนคิดว่าตนอาจหูฝาดไปเอง แต่สุดท้ายก็ยังกังวลจึงลากหมิงอี้มาหาเซี่ยเหลียนด้วยกันเพื่อขอความช่วยเหลือ
.
.
.
.
.
แง สปอยกลับมาแล้ว ดีจุยยย ตามอ่านต่อค่า
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>614 เทียนกวาน Part.87
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนถามซือชิงเสวียนว่าทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับซืออู๋ตู้ เทพแห่งลมบอกว่าตอนนี้พี่ชายของเขาใกล้เจอคราวเคราะห์ซึ่งเป็นเควสบังคับอัพคลาสของพวกเทพ แถมครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 3 แล้วย่อมมีความยากลำบากเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียสมาธิ เพราะหากทำเควสไม่ผ่านก็จะมีผลต่อค่าความศรัทธาที่ได้รับจากมนุษย์ ด้วยความที่ได้รับความช่วยเหลือจากซือชิงเสวียนมาหลายครั้ง เซี่ยเหลียนจึงเต็มใจให้ความช่วยเหลือมาก ทว่าหากทิ้งแขกอย่างฮวาเฉิงไปคงไม่ใช่เจ้าบ้านที่ดี อ๋องผีเหมือนรู้ใจจึงขอติดตามเซี่ยเหลียนไปดูหน้าตาของผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าด้วย ซือชิงเสวียนไม่ขัด ก่อนเล่าแผนว่าเขาจะไปเที่ยวเล่นในเมืองหลวง ดื่มกินเล่นให้สนุกสุดเหวี่ยง เช่นนี้ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าจะออกมาอย่างแน่นอน แต่เพื่อความชัวร์เซี่ยเหลียนเลยถามว่าพอมีข้อมูลอะไรของศัตรูบ้างหรือเปล่า เทพแห่งลมเอาบันทึกที่ซืออู๋ตู้ไปสืบไว้ออกมากางให้ดู ดูเหมือนผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าตัวที่ตามซือชิงเสวียนจะเลือกแต่เหยื่อมีชื่อเสียง ชื่อของเหยื่อคนก่อนๆ ล้วนแต่เป็นผู้มีชื่อในตำนานของภพมนุษย์ซึ่งทุกคนต่างพบกับโศกนาฏกรรมจนสุดท้ายก็ฆ่าตัวตาย ทว่าผู้ที่มีชะตาเป็นเทพจะมีออร่าปกป้องร่างกายไว้ การที่มันเลือกตามติดซือชิงเสวียนจึงไม่ใช่เรื่องปรกติและอาจมีผู้อยู่เบื้องหลัง
เมื่อฮวาเฉิงอ่านบันทึกเขากลับบอกว่าข้อมูลในนั้นไม่เป็นความจริง เพราะหนึ่งในเหยื่อเหล่านั้น มีคนหนึ่งที่เขาเป็นต้นเหตุให้อีกฝ่ายฆ่าตัวตายจึงน่าจะนับว่าเขาเป็นผู้สังหาร ส่วนอีกคนหนึ่งธาราทมิฬล่มเรือเป็นผู้ลงมือ พอเขาเอ่ยว่าซืออู๋ตู้ทำบันทึกนี้ชุ่ยๆ ซือชิงเสวียนก็ไม่พอใจ เซี่ยเหลียนเลยถามอีกฝ่ายว่าเทพแห่งน้ำให้ใครช่วยสืบ และคำตอบก็คือหลิงเหวิน ถึงทุกคนจะชอบพูดว่าตำหนักของหลิงเหวินทำงานไม่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่เคยทำเหมือนขอไปทีขนาดนี้ เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์อันดีของแก็งค์เพื่อนน้อยก็รู้สึกแปลกๆ แล้วอ๋องผีจึงเสริมว่านอกจากเหยื่อแล้ว ครอบครัวกับเพื่อนของเหยื่อมักได้รับผลกระทบไปด้วย ได้ยินแบบนั้นซือชิงเสวียนก็กลัวว่าหมิงอี้ซึ่งเป็นเพื่อนรักของเขาจะติดร่างแห่ไปด้วย ทว่าเทพแห่งดินกลับปฏิเสธว่าตนไม่ใช่เพื่อนรักของอีกฝ่ายอีกทั้งยังขยับเก้าอี้ออกห่างจนเซี่ยเหลียนจนยิ้มขำไม่ได้
เซี่ยเหลียนอยากไปติดต่อใครให้ช่วยดูแลเด็กๆ กับฉีหรงระหว่างที่เขาไม่อยู่ที่อารามผูจี้ แต่อ๋องผีก็บอกว่าเดี๋ยวพวกชาวบ้านคงช่วยดูแลให้ ต้องมีใครสักคนรับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ เซี่ยเหลียนเลยหันไปขอให้ซือชิงเสวียนปิดเรื่องที่เขาจับฉีหรงเอาไว้เป็นความลับซึ่งเทพแห่งลมก็ให้ความร่วมมือดี หมิงอี้หันไปเขียนอาคมย่นระยะทางอย่างคล่องแคล่ว แล้วฮวาเฉิงก็เปิดประตูเดินนำออกไปคนแรก โดยมีหมิงอี้ปิดประตูตามเป็นคนสุดท้าย ทว่าในช่วงที่ประตูกำลังจะปิดกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า สถานที่ที่เจ้าอยากไปจะกลายเป็นฝันร้ายที่เจ้าหวังให้ไม่อาจจดจำ เซี่ยเหลียนรีบหันไปจระเข้ฟาดหางใส่ประตูจนพัง และซือชิงเสวียนที่ตื่นตระหนกก็ยืนยันว่านั่นคือเสียงของผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าจนหมิงอี้ต้องบอกให้อีกฝ่ายใจเย็น ขณะที่กำลังสงสัยว่าหากมีคนตามเทพแห่งลมมาจริง ทำไม 3 เจ้าหน้าที่สวรรค์กับ 1 อ๋องผีถึงไม่มีใครรู้ตัวเลย ทั้ง 4 ก็พบว่าตอนนี้พวกตนไม่ได้อยู่ในร้านอาหารหรูกลางเมืองหลวงดั่งที่ตั้งใจ แต่กลับเป็นบ้านร้างแห่งหนึ่ง ทว่าเทพแห่งดินก็ยืนยันว่าตนไม่ได้วาดคาถาผิด นั่นย่อมแสดงว่าคนที่ส่งพวกเขามาที่นี่ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตตนนั้น
ก่อนหน้านี้ในอารามมีพวกเขาแค่ 4 คนจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครไปแก้ภาพคาถาอย่างรวดเร็วปาน The Flash ซือชิงเสวียนสงสัยฮวาเฉิง แต่อ๋องผีก็แย้งว่าคนที่น่าสงสัยที่สุดคือคนวาดคาถาอย่างหมิงอี้ต่างหาก หลังจากเถียงกันครู่หนึ่งก็สรุปว่าพวกตนไม่น่ามาสงสัยกันเอง แล้วเซี่ยเหลียนจึงคิดถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งขึ้นมานั่นก็คือมีใครบางคนวาดคาถาที่มีพลังมากกว่าของหมิงอี้ที่อีกฝั่งของประตู ดูเหมือนว่าสิ่งนั้นต้องการทำให้พวกเขาแตกคอกันเอง ขณะที่กำลังคิดถึงประโยคที่มันพูด ทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างหล่นลงเหนือหัวของซือชิงเสวียน แต่หมิงอี้ก็ใช้มือฟันมันแตกเป็น 2 เสี่ยงได้ก่อน แล้วเซี่ยเหลียนก็สังเกตได้ว่ามันคือป้ายชื่ออารามของเทพแห่งน้ำและเทพแห่งลม
.
.
.
.
.
แหม่วันนี้มาเร็ว ข่อมข่า~~
ใจไม่ค่อยดี พาร์ทนี้ดราม่าหนักมั้ยวะ กัว
จะมีประวัติเจวี๋ยทุกตัวรึเปล่า รู้สึกภูมิหลังที่มาของพวกนี้น่าสนใจจัง
แป๊บนะกูสับสนชื่อ ซืออู๋ตู้นี่เป็นเทพชายเป็นพี่ท่านเทพลม แต่คนที่แต่งแทร็ปกับท่สยเทพลมบ่อยๆนี่คือหลิงเหวินช้ะ แล้วหมิงอี้นี่ก่อนหน้านี้โผล่มาในสปอยช่วงพาร์ทไหนวะ คือกูเหมือนจะจำได้ว่สเคยเห็นชื่อแต่จำไม่ได้ว่าตอนโผล่มา มายังไง
>>628 หลิงเหวินเป็นเทพหญิง แต่มนุษย์ชอบบูชานางในร่างชาย ซึ่งเทพถ้าปรากฏตัวตามร่างที่คนบูชาจะมีพลังมาก บางทีนางเลยโผล่ร่างชาย แต่ออริจินางเป็นผู้หญิง อยู่แก๊งค์เพื่อนน้อย ได้แก่ หลิงเหวิน ซืออู๋ตู้ (เทพน้ำ - พี่ชายของเทพลมซือชิงเสวียนที่เป็นสายแทรป) และแม่ทัพเผยหมิงสุดหล่อ ส่วนคนที่แต่งหญิงเป็นเพื่อนเทพลมบ่อยๆ คือเทพดินหมิงอี้ คือสองคนนี้เหมือนจะเป็นเพื่อนสนิท?กัน ตอนปั้นเยวี่ยร่างผู้หญิงสองคนก้อคือเทพลมกะเทพดินครอสเดรสไป
>>626 มาสรุปฉากที่หมิงอี้ออกมาแบบรวบๆ ให้เพิ่มเติมนะ
.
.
.
.
.
- แต่งครอสเดรสกับซือชิงเสวียนไปปั้นเยวี่ย
- เป็นสายลับที่ส่งไฟขอความช่วยเหลือจนพวกเซี่ยเหลียนไปช่วยออกมาจากเมืองผี
- ในงานเลี้ยงขิงโคม นั่งอยู่ข้างๆ ซือชิงเสวียน แล้วมึนส่งจอกเหล้าให้เซี่ยเหลียนจนเรื่องของเซี่ยเหลียนได้ขึ้นเวที นอกจากนั้นเอาแต่นั่งกินไม่สนใจใครทั้งงาน
- แต่งครอสเดรสมาอารามผูจี้กับซือชิงเสวียน เป็นคนวาดคาถาย่นระยะทางในสปอยตอนล่าสุด
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>618 เทียนกวาน Part.88
.
.
.
.
.
การทำลายป้ายอารามถือเป็นความผิดใหญ่ ซือชิงเสวียนที่กลัวหมิงอี้จะโดนซืออู๋ตู้จัดการเลยรีบบอกให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่มันก็ทำให้พวกเขารู้ว่าบ้านร้างแห่งนี้คืออารามของเทพแห่งน้ำและเทพแห่งลม พอสำรวจก็ยิ่งเจอความสยอง เพราะรูปปั้นของซืออู๋ตู้หัวขาด ส่วนรูปปั้นของซือชิงเสวียนก็แขนขาหายราวกับผู้ที่ทำเช่นนี้มีความแค้นใหญ่หลวงต่อทั้งสอง เมื่อทั้งสี่ออกมาข้างนอกก็พบว่าที่นี่เป็นเมืองเงียบๆ ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็นึกได้ว่ายังไม่มีโทรจิตส่วนตัวติดต่อกับฮวาเฉิงเลยขอรหัสผ่านไว้ สร้างความยินดีแก่อ๋องผีอย่างยิ่งเพราะนึกว่าอีกฝ่ายไม่สะดวกใจติดต่อกับตน แต่พอเขากระซิบบอก เซี่ยเหลียนก็รู้สึกว่ารหัสผ่านนั้นช่างฟังดูน่าอายจนไม่อยากใช้ ฮวาเฉิงเลยขอรหัสของเซี่ยเหลียนเพื่อที่เขาจะได้เป็นฝ่ายติดต่อไปเอง
ทั้ง 4 คนเดินทางไปหาร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของเมือง พอสอบถามก็ได้รู้ว่าเมืองนี้ชื่อว่าฟูกูซึ่งกำลังอยู่ระหว่างช่วงงานเทศกาลชุมนุมเพลิงซึ่งจะมีการแสดงโชว์ให้ได้ชม ตอนนั้นเองก็มีขบวนพาเหรดผ่านมาพอดี ตามปรกติงานประเภทนี้มักเป็นการแสดงเทพปราบปีศาจ แต่ที่นี่ผู้คนกลับแต่งหน้าเป็นผีเลือดอาบเครื่องในไหล น่าเกลียดน่ากลัว ด้านหลังขบวนมีชายชุดดำหน้าซีดถืออาวุธคอยฟาดฟันพวกผีอย่างโหดร้าย เขาบอกให้เทพแห่งลมที่กลัวอยู่ลองสังเกตเรื่องราวในการแสดงดู เพราะการที่ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าอยากให้อีกฝ่ายมาที่นี่น่าจะมีอะไรเป็นนัยซ่อนไว้ แต่ซือชิงเสวียนก็นึกอะไรไม่ออก พอบริกรยกอาหารเข้ามาพวกเขาจึงสอบถามดู
บริกรเหล่าว่าเรื่องที่แสดงเป็นตำนานเมืองที่เล่ากันมาปากต่อปากมาหลายร้อยปี เกี่ยวกับชายแซ่เฮ่อซึ่งมาจากครอบครัวยากจนทว่าเขากลับมีความสามารถและฉลาดมาก ผู้คนรู้ดีว่าเขาเป็นอภิชาติบุตร ไม่เคยมีเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับชายผู้นี้ ถึงอย่างนั้นเขากลับโชคร้ายเป็นอย่างยิ่ง หลังจากทุ่มเทศึกษาเพื่อเข้าสอบเป็นข้าราชการ แม้เขาจะทำข้อสอบได้ แต่ด้วยความที่ไม่ได้จ่ายใต้โต๊ะผู้คุมสอบ ผู้คุมสอบจึงนำกระดาษคำตอบของเขาไปซ่อน ผ่านไปหลายปีเลยไม่เคยสอบได้ เมื่อชายคนนี้ได้หมั้นหมายกับเพื่อนสมัยเด็กซึ่งเป็นสาวงามจิตใจดี คู่หมั้นกับน้องสาวของเขาก็ถูกเศรษฐีลักพาตัวไปเป็นทาสกาม คนหนึ่งขัดขืนเลยถูกทุบตีจนตาย ส่วนอีกคนฆ่าตัวตายหลังโดนย่ำยี ทว่าชายแซ่เฮ่อกลับถูกใส่ร้ายว่าผิดประเวณีก่อนแต่งเลยถูกจับโยนเข้าคุก แทบไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องจนเกือบหิวตาย พ่อแม่ผู้แก่ชราของเขาพยายามร้องขอความเมตตาโดยการคุกเข่าโขกศีรษะตลอดทั้งคืนแต่ก็ไร้ผล ชายคนนั้นถูกขังอยู่ 2 ปี ด้วยความที่ไร้ผู้ดูแลแม่ของเขาจึงป่วยจากไปนานแล้ว ส่วนพ่อก็ต้องไปใช้แรงงานหนักจนสิ้นใจ เขาที่ไม่อาจเรียนต่อแล้วจึงหันมาประกอบธุรกิจ และด้วยความเป็นผู้มีความสามารถก็ทำให้กิจการของเขารุ่งเรืองจนพ่อค้าคนอื่นริษยา จึงรวมกลุ่มกันกีดกั้นการค้าจนเขาต้องหมดตัวแถมยังเป็นหนี้ ในที่สุดชายแซ่เฮ่อก็เกิดคลั่งขึ้นมา ในคืนวันสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วงเขานำอาวุธมากมายไปไล่ฆ่าผู้ที่เคยทำร้ายเขา ด้วยความที่คนที่รังแกเขาเหล่านั้นมักรังแกชาวเมืองด้วย ทุกคนจึงยินดีเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นทุกวันเทศกาลจึงมีการจัดการแสดงรำลึก ยกย่องการปราบผู้ร้ายของชายแซ่เฮ่อในเมืองนี้
เซี่ยเหลียนรู้สึกว่าชายแซ่เฮ่อจะต้องถูกผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าตามติดเป็นแน่ ในเมื่ออาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าเกิดจากโชคร้ายของใครบางคน จึงเป็นไปได้ว่าด้วยความแค้นจะทำให้ตอนนี้ชายผู้นี้กลายเป็นหนึ่งในพวกมัน ทว่าขณะที่พวกเขากำลังจะออกไปสืบเรื่องราวให้มากขึ้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า รอก่อนเถอะ คนใกล้ชิดของเจ้า เพื่อนรักของเจ้า ทุกคนจะต้องตายอย่างน่าอนาถเพราะเจ้า
ซือชิงเสวียนรีบกระโดดออกจากร้านไปที่ต้นเสียงซึ่งในขบวนพาเหรด ตะโกนสั่งให้อีกฝ่ายเผยตัวออกมาแต่สุดท้ายก็ไม่อาจหาได้ว่าคนใดในกลุ่มที่คือผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่า ก่อนที่หมิงอี้จะตามไปดึงตัวเทพแห่งลมออกมา แล้วพวกเขาทั้งสี่ก็พากันเดินกลับไปที่อารามเทพแห่งน้ำและเทพแห่งลม ซือชิงเสวียนยกไหเหล้ากระดก กล่าวคร่ำครวญว่าเทพแห่งดินไม่น่ามาเป็นเพื่อนรักของเขาเลย แต่ก็ถูกอีกฝ่ายตอบกลับทันใดว่าเขาไม่เคยเป็นเพื่อนรักของซือชิงเสวียน ขณะที่ทั้งสองทำท่าจะต่อล้อต่อเถียงกัน เซี่ยเหลียนก็เอาที่อุดหูออกมาให้เทพแห่งลม
.
.
.
.
.
>>631 ความดราม่าระลอกใหม่กำลังจะมา T T
เซี่ยเหลียนก็นึกได้ว่ายังไม่มีโทรจิตส่วนตัวติดต่อกับฮวาเฉิงเลยขอรหัสผ่านไว้ >> กูนึกว่าขอรหัสไวไฟกันนะ 5555 สวรรค์แบบโมเดิร์น
เรื่องเทพเซียนที่ไม่ได้ดีงามทั้งตัวและหัวใจนี่ทำให้กูทึ่งเสมอ คือกูเข้าใจ(เอาเอง)ว่าคนที่จะเป็นเทพเซียนได้ต้องมีเมตตา จิตใจดีงาม บางทีเจอเทพชั่ว มารดี อ่านแล้วสมจริงจนมองภาพสวรรค์ติดลบไปเลย
>>634 กูนี่ FC หงอคงเลย คือถึงจะเกเรเอี้ยๆ แต่ไม่เคยใส่ร้ายหรือฆ่าใคร (จ้ะ คหสตแบบมีความลำเอียง) กลับกันพอกูเจอนิยายหลายเรื่องที่เทพเซียนมีอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง กูก็เลยงงๆ ว่าตกลงเป็นเทพเป็นเซียนใช้หลักการอะไรกันแน่(วะ)
ปล, วงการนิยายวายเข้าแล้วออกไม่ได้ ตอนนี้กูอ่านนิยายชญแทบไม่ได้แล้ว 5555 กูรู้สึกว่านิยายวายเน้นการเมืองมากกว่า งานเป็นหลัก รักเป็นรอง (อย่างรัชศก กูไปอ่านมา ฉากหวานน้อยแต่มาทีฟินมากกกก)
ยิ่งอ่านสปอยล์เทียนกวานยิ่งอยากเห็นปก อยากอ่านเล่มเร็วๆ
>>635 กูมองว่าเป็นเทพเซียนเหมือนเป็นการเลื่อนระดับแบบหนึ่งอ่ะเพราะขนาดเป็นเทพเซียนแล้วบางคนยังต้องฝ่าด่านเคราะห์ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าขึ้นสวรรค์แล้วจะสุขสบาย บางเรื่องเวลาภพมนุษย์มีเภทภัยก็ต้องลงมา/จุติมาช่วยอีก(พิมพ์ไปพิมพ์มาเหมือนเทพกลายเป็นซาลารี่แมนซะงั้น5555)
>>637 กูว่าพวกเทพจากเทวตำนานไม่ว่าสัญชาติไหนก็มีความเป็นมนุษย์ทั้งนั้นมีอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง แถมยังทำชิบหายยิ่งกว่ามนุษย์ ทั้งเทพกรีก นอร์ส จีน อินเดีย อียิปต์ บลา ๆ ๆ 555
แล้วทีนี้เรามาพูดถึงแค่สัญชาติจีนก่อน มีทั้งเทพทั้งเซียนโดยเฉพาะเซียนก็คือมนุษย์ดี ๆ แหล่ะ อย่างตำนานแปดเซียนมนุษย์ที่บรรลุขึ้นเป็นเซียน หรือถ้าเคยอ่านนิยายแนวเทพเซียนมาถ้าบำเพ็ญเพียรเพียงพอจะคน สัตว์ ธรรมชาติก็เป็นเซียนได้
แล้วในเรื่องนี้การเลื่อนขั้นเป็นเทพเซียนได้ไม่ใช่แค่บำเพ็ญเพียรแต่ถ้ามีวีรกรรมที่สวรรค์ถูกใจก็ได้แล้วอย่าง 4 ตำนาน ขุนพลผู้หักกระบี่ องค์หญิงผู้เชือดคอตนเอง องค์รัชทายาทผู้เป็นที่รักของเทพ คุณชายผู้เทสุรา (โดยเฉพาะสองคนหลังส่วนหนึ่งเป็นเพราะเส้น....) ดังนั้นความเป็นมนุษย์จึงยังมีอยู่ทั้งนั้น
จริงๆกฏการขึ้นเป็นเทพเซียนมันก็ไม่ได้ตายตัว คือแม่งหว่านแหกว้างมากทั้งบำเพ็ญเพียรฝึกพลังตบะ สร้างวีรกรรมโลกไม่ลืมก็ได้เป็น กูดูไซอิ๋วที่เป็นซีรี่ย์เมื่อสิบกว่าปีก่อนอันนี้ไม่ได้เป็นเซียนแต่เป็นปีศาจคือ ต้นโสมได้รับพลังมารแล้วกลายเป็นปีศาจยังมีเลย แฟนตาซีสัสๆ
มึงงง กูเพิ่งอ่านเทียนกวานจบตะกี้นี้ กูอัดอั้นตันใจมาก อยากระบายอาร์ค 3 มาก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
อาร์คนี้แม่งดราม่าชิบหาย กูว่าอาร์ค 2 ตับแตกแล้วนะ เจออาร์คนี้เข้าไปกูตับสลายเลย แม่งจังหวะที่เซี่ยเหลี่ยนร้อง help it hurts แม่งทำกูหดหู่มาก กูเคยเห็นรูป fanart ที่สปอยฉากนี้มาก่อนแล้วนะ แต่พอมาอ่านจริงๆก็ยังทำเอากูหดหู่สัสๆ ยิ่งเจอฉากพ่อแม่อีก มึงเอ๊ย กูถึงกับต้องหยุดอ่านเลยว่ะ แม่โม่แม่งโหดร้ายสัสๆ กูเป็นเซี่ยเหลียนกูเป็นบ้าไปแล้วอ่ะ จะตายก็ตายไม่ได้อีก แม่งเอ้ย ใจกู T T
.
.
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>618 เทียนกวาน Part.89
.
.
.
.
.
ถึงที่อุดหูจะช่วยจัดการปีศาจร้ายไม่ได้ แต่อย่างน้อยซือชิงเสวียนก็จะไม่ได้ยินเสียงของมัน เวลาอยากคุยกันก็ให้คุยในห้องดิสคอร์ดโทรจิตที่สร้างขึ้นใหม่ เหลียนแอบโทรจิตกับฮวาเฉิงสองคนว่าเขาอยากให้อีกฝ่ายช่วยเขาพิสูจน์ว่าหมิงอี้คือผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าหรือไม่ พอกลับมาถึงอารามของเทพแห่งน้ำและเทพแห่งลมพวกเขาก็ก่อกองไฟ หลังจากเอารูปปั้นของพี่ชายมาซ่อมต่อหัวแล้วซือชิงเสวียนก็เสนอให้ทุกคนหาอะไรเล่นแก้เบื่อ เซี่ยเหลียนเลยบอกให้แบ่งเป็นสองทีมโดยที่เขาจะอยู่กับฮวาเฉิง ส่วนซือชิงเสวียนอยู่กับหมิงอี้ ให้ทุนคนทอยลูกเต๋า ทีมไหนที่มีคะแนนรวมมากกว่าจะสามารถสั่งทีมผู้แพ้ให้ทำอะไรก็ได้ และด้วยสกิล Luck S ของอ๋องผีก็จะทำให้พวกเขาควบคุมเกมได้ไม่ยาก
ตอนแรกหมิงอี้ปฏิเสธที่จะเล่นด้วย แต่สุดท้ายก็ถูกซือชิงเสวียนมัดมือชก รอบแรกทีมของเทพแห่งลมเป็นผู้ชนะ สิ่งที่เขาสั่งคือให้พวกฌซี่ยเหลียนถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย 1 ชั้น ทำเอาทั้ง 3 ถึงกับอึ้ง แต่สุดท้ายเซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงก็ต้องถอดเสื้อคลุมของอีกฝ่ายออก แต่รอบที่สองทีมของเทพแห่งลมก็ชนะอีกไม่เหมือนที่เซี่ยเหลียนตกลงกับฮวาเฉิงไว้ เขาเลยรีบขัดซือชิงเสวียนว่ารอบนี้ให้เป็นคำถามแทน คำถามของเทพแห่งลมอะไรที่ทำให้อ๋องผีรู้สึกทรมานที่สุด รอยยิ้มของฮวาเฉิงหายไปทันที แต่สุดท้ายเขาก็ตอบว่าการได้เห็นคนที่ตนรักถูกเหยียบย่ำเยาะเย้ยต่อหน้าต่อตาโดยที่ตัวเองไม่สามารถททำอะไรได้เลย คำตอบนั้นทำให้ทุกคนตกในความเงียบ ก่อนที่หมิงอี้จะบอกให้เล่นต่อ คราวนี้เทพแห่งดินเลยถามเซี่ยเหลียนว่าอะไรที่ทำให้เซี่ยเหลียนรู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิต ซึ่งเซี่ยเหลียนก็ใช้เวลาเพียงครู่เดียวในการตอบว่าสิ่งนั้นคือการขึ้นสวรรค์ครั้งที่ 2 ของเขา
รอบต่อมาพวกเซี่ยเหลียนเป็นฝ่ายชนะ เซี่ยเหลียนเลยถามหมิงอี้ว่าเขาคือใคร ใครคือคนที่นั่งอยู่ข้างเขา และคนที่นั่งอยู่ข้างเทพแห่งดินคือใคร เมื่อตอนที่เขาถูกผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าตามติด เขาค้นพบว่าเวลาที่มันพูด 3 ประโยค จะต้องมีประโยคหนึ่งเป็นคำโกหกเสมอ ในเมื่อหมิงอี้ตอบ 2 ข้อแรกตามจริงแล้ว หากเขาคือผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าจริงประโยคต่อไปจะต้องพูดโกหก เทพแห่งดินคือคนที่วาดคาถาจึงน่าสงสัยที่สุด ถึงความสัมพันธ์ของหมิงอี้กับซือชิงเสวียนจะดี แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะถูกสิง หลังจากเงียบไปพักใหญ่เทพแห่งดินก็ตอบคำตอบที่ถูกต้องออกมา ทว่าครู่ต่อมาเขาก็ยื่นมือมาคว้าคอของเซี่ยเหลียนซึ่งหลบอย่างรวดเร็ว พอถูกทเพแห่งลมถามด้วยความตกใจ หมิงอี้ก็บอกอธิบายว่าก่อนหน้าเขาถามแค่คำถามเดียว แต่เซี่ยเหลียนกลับขี้โกงถามตั้ง 3 ก่อนถามว่าทำไมถึงจงใจให้พวกตนเล่นเกม แล้วถามคำถามแปลกๆ เช่นนั้น ท่าทางอีกฝ่ายจะสงสัยพวกเซี่ยเหลียนเช่นกัน
ตอนนั้นเองจู่ๆ ก็มีสายลมพัดเข้ามาในอารามพร้อมบรรยากาศชวนขนหัวลุก แล้วรูปปั้นของเทพแห่งน้ำและลมก็มีเลือดไหลออกมาจากดวงตา ก่อนที่เลือดที่ไหลลงพื้นจะเริ่มขยับเขียนเป็นตัวอักษร เซี่ยเหลียนที่เข้าไปดูจึงหันมาห้ามไม่ให้ซือชิงเสวียนมอง จากนั้นเทพแห่งดินก็ใช้พลังระบิดใส่พื้นและรูปปั้นจนแหลกละเอียดโดยไม่สนว่าจะเป็นความผิดร้ายแรงกว่าทำลายป้ายอาราม ทว่าที่ป้ายอารามที่หักนั้นตัวอักษรกลับเริ่มบิดเบี้ยวกลายเป็นคำว่า “ตาย” เซี่ยเหลียนเลยสั่งให้เทพแห่งลมหลับตา ในเมื่อซือชิงเสวียนไม่อาจได้ยินเสียง ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าจึงเปลี่ยนมาใช้อักษรให้เหยื่อเห็นแทน เทพแห่งลมที่ไม่อาจมองหรือฟังอะไรได้ยิ่งตื่นตระหนก แต่ในช่วงที่กำลังวุ่นวายนั้นเอง เมื่อกลุ่มชาวเมืองที่แต่งกายเป็นผีออกหลอกนักท่องเที่ยวเพื่อบีบให้อีกฝ่ายต้องจ่ายเงินให้พวกตนเห็นทั้ง 4 คนก็พากันพุ่งเข้ามาในอาราม แถมยังไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาออกไปข้างนอกด้วย แล้วในกลุ่มชาวเมืองนั่นเอง เซี่ยเหลียนก็สังเกตเห็นความผิดปรกติของผีตนหนึ่งจึงซัดรั่วเย่ใส่ ทันทีที่ถูกโจมตีร่างนั้นก็เปลี่ยนเป็นควันสีดำแทรกซึมไปกับรอบแตกบนพื้น แล้วเขาก็หันไปขอยืมพลังทิพย์จากฮวาเฉิง เมื่ออ๋องผีจับตัวของเขา พลังมากมายก็ไหลเข้ามาให้ตัวของเซี่ยเหลียนจนเขาสามารถยิงพลังออกจากฝ่ามือใส่ผีอีกตัวที่แฝงในกลุ่มคนได้
.
.
.
.
.
ทำไมการขึ้นสวรรค์ครั้งที่ 2 ถึงเป็นสิ่งที่เซี่ยเหลียนเสียใจที่สุด กูนึกว่าเซียนเล่อล่มสลายคือปมในใจที่สุดซะอีก
Ky กูพึ่งดูซีรีส์ปรมาจารย์ถึงตอนที่ 11 เกิดอาการหงุดหงิดมาก ไม่ใช่อะไร สงสัยว่าสกุลเวินนี่เก่งที่สุดในเรื่องเลยใช่มั้ยวะ คือสกุลอื่นๆนี่ดูสู้ไม่ได้เลย สกุลเวินบุกที่ไหนก็ชนะหมด ทั้งศิษย์ทั้งประมุขสกุลไหนๆเจอสกุลเวินบุกเข้าไปแล้วดูง่อยทันที ในหนังสือเป็นแบบนี้มั้ย หรือว่าซีรีส์ทำออกมาแบบนี้ เริ่มคิดว่าจะดูต่อดีมั้ย
>>651 มึงเหมือนกูตอนนั้น ดูไปแล้วกูก็งงว่าทำไมต้องยอมสกุลเวินขนาดวะ แบบทำไมๆๆ ก็บ้านเมืองมีขื่อมีแปรึป่ะ งงว่าจะยึดกระบี่ก็ให้ยึด เออกูงงจริงๆ นะ ทำไมร้ายไม่มีชั้นเชิงเลยวะนี่ตระกูลเซียนชั้นสูงเลยนะ ไม่รู้นิยายอธิบายไว้ละเอียดป่ะ แต่พอดูๆ ไปเออก็พอเข้าใจแหละ มีเซียนตูอยู่ แล้วเซียนตูเหมือนเป็นบ้าไปแล้วเพราะเหล็กทมิฬมันก็คงออกมารูปแบบนั้นมั้ง แต่ซีรีย์ทำออกมาแล้วกูไม่รู้สึกว่าสกุลเวินยิ่งใหญ่มากกว่าสกุลอื่นซักเท่าไหร่ กูดูแล้วรู้สึกเท่าๆ กันอะ เลยงงๆ
>>651 คนในสกุลเวินกับสกุลที่มาสวามิภักดิ์มีเป็นหมื่นคนมึง ตอนศึกยิงตะวันคือต้องรวมหลายสกุลเซียนถึงสู้ได้ แล้วเป็นแบบผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะด้วย ที่บุกสกุลไหนก็ชนะกุว่าชนะเพราะจำนวนคนมากกว่ากับมีคนเก่งๆ เตี่ยเวินนี้กุว่าน่าจะหัวสมัยใหม่กว่าสกุลอื่นนะที่เลือกใช้คนไม่สนฐานะชาติกำเนิดเลยมีลูกน้องโหดๆแบบเวินจู๋หลิวกับอาเหยางอกออกมา
เตี่ยเวินนี้น่าจะเก่งเกือบสุดในเรื่องแล้วมั้ง ประมุขเนี่ยยังสู้ไม่ได้ ไม่แอบลอบฆ่าแบบอาเหยาก็น่าจะชนะยากมาก ไม่รู้ตอนนั้นที่พี่เว่ยมีตราพยัคฆ์จะสู้ได้ขนาดไหนนะ
กุว่าซีรี่ย์ทำเตี่ยเวินกับสกุลเวินออกมากากนะ คนน้อยหรอมแหรม ชีวิตก็วนๆเวียนๆอยู่กับอิเหล็กดำที่ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย ไม่รู้จะเพิ่มมันมาทำไม
>>652 มึงต้องเข้าใจนะว่านิยายแนวนี้จะแยกโลกคนธรรมดากับโลกฝึกเซียนออก เคยได้ยินคำว่า"ราชสำนักไม่ยุ่งเกี่ยวกับยุทธภพ"ป้ะ เพราะงั้นขื่อแปของมึงเนี่ยมันเอามาใช้ในยุทธภพไม่ได้ นิยายแนวๆๆๆนี้ส่วนใหญ่มันจะเป็นแนวโลกปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่ซีรี่ย์เหล็กดำก็ทำกูหงุดหงิดเหมือนใส่มาให้หมกมุ่นหาห่าไรไม่รู้
>>653 อ่านที่เพื่อนโม่งอธิบายแล้วเข้าใจเลย ถ้าซีรีส์ทำออกมาให้ดูเก่งแต่แรกกูคงไม่ดูไปเอ๊ะไป เพราะตอนแรกๆเหมือนทุกสกุลเท่ากันหมด เหมือนจะทำให้สกุลหลานดูเก่งกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ คือกูจำได้ว่าคุณชายรองสกุลเวินบอกเซียนตูว่าจะไปแย่งเหล็กทมิฬมาจากสกุลหลาน เซียนตูยังด่าว่าสกุลหลานไม่ใช่คิดจะไปแย่งก็จะไปแย่งได้ง่ายๆ ตัดภาพมาตอนเวินซวี่นำคนบุกฆ่าคนสกุลหลานแบบสบายๆ แต่ก็คงเพราะคนเยอะกว่าจริงๆนั่นแหละ แสดงว่าต้องอ่านหนังสือก่อนใช่ไหมมึง แล้วค่อยมาดูซีรีส์
>>653 ตอนแรกกูดูแต่ซีรีส์ ยังไม่ได้อ่านนิยาย ยังไม่เก็ทเลยว่าเตี่ยเวินเก่งสุด เข้าใจว่าทุกตระกูลยอมศิโรราบเพราะมีเหล็กทมิฬ เห็นในซีรีส์ก็ชอบโชว์ไอ้เหล็กก้อนนี้ลอยกลิ้ง ๆ ปล่อยฝุ่น PM 2.5 จัง
ตอนเว่ยอิงได้ไอ้หินปล่อยฝุ่นนี้มาแล้วก็เก่งขึ้น กูเลยยิ่งเข้าใจว่าสกุลเวินยิ่งใหญ่ได้เพราะมีเหล็กทมิฬอยู่ในมือหลายชิ้น
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>646 เทียนกวาน Part.90
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนปล่อยพลังคลื่นเต่าใส่ผีที่แอบแฝงกับชาวเมืองจนหลังคาอารามปลิว แม้แต่ตัวเขาเองยังอึ้งที่ฮวาเฉิงให้ยืมพลังมากมายขนาดนี้ พอมองไปรอบๆ แล้วไม่เห็นซือชิงเสวียนเลยโทรจิตถาม เทพแห่งลมที่ยังปิดตาใส่ที่อุดหูบอกว่าหมิงอี้ช่วยดึงเขาออกมาจากอารามแล้ว แต่เทพแห่งดินกลับบอกว่านั่นไม่ใช่ตน หลังจากทั้ง 3 ออกมาข้างนอกอารามพร้อมกับฝูงชนที่วิ่งหนีผีก็ยังไม่เห็นซือชิงเสวียน ตอนนั้นเองในเครือข่ายโทรจิตซือชิงเสวียนที่เงียบไปก็หัวเราะเสียงดังเหมือนจะกลัวจนสติกระเจิงไปแล้ว เซี่ยเหลียนบอกให้อีกฝ่ายแสร้งว่ายังไม่รู้ตัวว่าคนที่อยู่ด้วยกันไม่ให้หมิงอี้ ทว่าไม่ว่าอย่างไรเทพแห่งลมก็ไม่กล้าลืมตาสังเกตโดยรอบ ทั้งไม่รู้ว่าถูกพาวิ่งออกมาทิศไหน บอกได้แค่ว่าน่าจะวิ่งมาไม่เกิน 100 ก้าว หมิงอี้รีบไปสำรวจรอบๆ ทันทีแต่ก็ยังไม่เจอคนที่ตามหา พวกเขาเลยสรุปได้ว่าซือชิงเสวียนคงถูกอีกฝ่ายพาวิ่งผ่านคาถาร่นระยะทาง แต่เมื่อเซี่ยเหลียนบอกว่าจะไปรายงานให้สวรรค์ทราบ เทพแห่งลมกลับห้ามไว้เพราะไม่อยากให้พี่ชายรู้เรื่อง
ซือชิงเสวียนยังถูกสิ่งนั้นลากแขนวิ่งต่อไปเรื่อยๆ พอถูกถามถึงบรรยากาศรอบตัว เขาก็ตอบว่าพื้นดูนุ่มราวกับเมฆ แต่น่าจะเป็นเพราะเขากลัวจนเข่าอ่อนมากกว่า เซี่ยเหลียนเลยเสนอให้เทพแห่งลมใช้คาถาสลับวิญญาณกับตน มันเป็นคาถาที่ไม่ค่อยมีคนใช้มากนักเนื่องจากกินพลังเยอะ แถมปรกติก็ไม่ใครอยากให้ผู้อื่นควบคุมร่างของตน แม้ฮวาเฉิงจะไม่เห็นด้วย แต่พอซิอชิงเสวียนยินยอมให้เซี่ยเหลียนใช้คาถาทั้งสองก็สลับร่างกันทันที เซี่ยเหลียนในร่างเทพแห่งลมรีบดึงที่อุดหูออก ร่ายคาถาล็อกมือของคนตรงหน้าไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ แล้วเตะมันราวกระสอบทราย ซือชิงเสวียนบอกให้เซี่ยเหลียนใช้พลังทิพย์ของเขาเท่าไรก็ได้ แต่พอเสนอให้เปลี่ยนร่างเป็นหญิงเพื่ออัพพลัง เซี่ยเหลียนก็ไม่เอาด้วย หลังจากสายตาเริ่มปรับกับความมืดรอบตัวได้แล้ว เขาก็มองผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าแต่ร่างนั้นกลับมีหมอกสีดำลอยปกคลุมไว้
ขณะที่ฮวาเฉิงพยายามบอกให้เขามองรอบๆ ว่าอยู่ที่ใด เซี่ยเหลียนก็หยิบพัดของเทพแห่งลมออกมา แต่ด้วยความที่ไม่เคยใช้เขาเลยโจมตีอีกฝ่ายพลาดไป เขาจึงหุบพัดลง ร่ายคาถาเสริมพลังแล้วใช้มันเป็นอาวุธจ้วงแทงตามที่ถนัดแทน อ๋องผีเร่งให้เขาสังเกตบริเวณรอบๆ อีก แต่ภูมิทัศน์ดาษดื่นก็ทำให้เขาไม่รู้อยู่ดีว่าที่นี่คือที่ใด ตอนนั้นเองผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าก็เอ่ยขึ้นว่าเขาไม่ใช่ซือชิงเสวียน สร้างความแปลกใจแก่เซี่ยเหลียนมากเพราะอีกฝ่ายไม่น่ารู้ตัวเร็วขนาดนี้ มันพยายามใช้คำพูดแช่งเขา แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ฮวาเฉิงบอกให้เซี่ยเหลียนใช้พัดสร้างพายุขึ้นไปบนฟ้าเพื่อที่เขาจะได้ตามไปช่วยได้ แต่ยังไม่ทันที่เซี่ยเหลียนจะทำตาม ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าก็กล่าวว่า “คนที่กำลังมาตามหาเจ้าจะต้องตายต่อหน้าต่อตาของเจ้า” คำพูดนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับเซี่ยเหลียนเป็นอย่างมาก เข้าทางของอีกฝ่ายที่ได้พลังจากพลังด้านลบพอดี
อ๋องผีร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาพยายามถามเซี่ยเหลียนว่าผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าพูดอะไร เขาจะตามหาแล้วฆ่ามันให้ดับดิ้น แต่เซี่ยเหลียนกลับห้ามไม่ให้อีกฝ่ายมา ตอนนั้นเองซือชิงเสวียนก็ถามว่าทั้งสองคนใช้ดิสคอร์ดผิดห้องแล้วคุยกันเองอยู่ใช้ไหม เขาเลยแก้เก้อบอกว่าเดี๋ยวเขาจัดการเอง ขอเวลาอีกไม่นาน โดยไม่รู้เลยว่าอีกด้านหนึ่งฮวาเฉิงจัดการซัดหมิงอี้จนจมดินไป 3 ฟุตด้วยความอัดอั้น ซือชิงเสวียนในร่างของเซี่ยเหลียนต่อว่าอีกฝ่ายที่ทำร้ายเพื่อน ก่อนคิดได้ว่าอ๋องผีคงอยากจัดการตนมากกว่า แต่ติดที่เขาอยู่ในร่างของเซี่ยเหลียนก็เลยเอาความโกรธไปลงที่เทพแห่งดินแทน จากนั้นเขาจึงบอกเซี่ยเหลียนให้ใส่ที่อุดหูแน่นๆ วิ่งหนีให้ไกลที่สุด แล้วเปลี่ยนร่างคืนเพื่อที่เขาจะหนีต่อเอง เซี่ยเหลียนบอกว่าให้เขากางเขตอาคมป้องกันให้แทนดีกว่า เขาถามหาสิ่งวิเศษที่อีกฝ่ายติดตัวก็พบว่าเทพแห่งลมผู้ล่ำซำมีถึง 6-7 อย่าง หลังจากเตะผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าไปอีกที เซี่ยเหลียนก็กระโดดหนีอย่างรวดเร็ว ซือชิงเสวียนเอ่ยขอบคุณเขาไม่หยุดแถมยังยกให้เขาเป็นเพื่อนรักลำดับ 2 อีกต่างหาก พอเซี่ยเหลียนเจอศาลาแห่งหนึ่งก็รีบเข้าไปปิดประตูหน้าต่าง แล้วหยิบของวิเศษทุกชิ้นของเทพแห่งลมมาลงคาถา ก่อนใช้คาถาสลับวิญญาณกลับคืน
.
.
.
.
.
ซีรีส์ ทำดีแค่การดึงโม้เม้นออกมามากกว่าอะ การดำเนินเรื่องไม่ดีเลย ยิ่งช่วงปัจจุบัน เหมือนมาเล่าๆเรื่องมากกว่า ดึงกูไว้ไม่ได้เลย เหมือนเสิร์ฟโม้เม้นซะเยอะ ช่วงที่คลายปมเรื่องอาเหยาคือพังอะ ไม่ชอบอะไรแบบนี้ 555 ให้ตัวละครมาเล่าๆ นั่งฟังกันเพลินเลย เรื่องภาพสวย ภ่ายดี ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่ง แต่เรื่องบทซีรีส์มันไม่สุดสักอย่าง เสียดายแกนเรื่อง กูรำเตี่ยเวินมาก เหมือนคนแก่ผีบ้า 555
>>661 ซีรีส์มีช่วงที่กูชอบอยู่สองช่วง ช่วงที่เว่ยอิงไปช่วยพวกเวินหนิง เวินฉิง กับ ช่วงหลังที่เวินหนิงฆ่าจื่อเซวียนไป เออ บิ้วดีอยู่ แต่ช่วงอื่นไม่ค่อยประทับใจ ตอนซีรีส์ออนแอร์กูไม่ได้ติดตามเรียลไทม์อะ แบบรอให้พ้นไปสักครึ่งเรื่องได้ แล้วมาดูฉากแตกหักไปเลยมากกว่า 55 แค่นั้น
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>658 เทียนกวาน Part.91
.
.
.
.
.
หลังจากสลับวิญญาณคืนแล้ว ซือชิงเสวียนก็จำได้ว่าสถานที่ที่ตนอยู่ในตอนนี้คือระเบียงตกสุราซึ่งเป็นที่ซึ่งเขาได้ขึ้นสวรรค์ เมื่อหมิงอี้ปีนขึ้นจากหลุมที่ถูกฮวาเฉิงซัดลงไปได้แล้วก็เริ่มวาดคาถาร่นระยะทางทันที ทว่าคาถากลับไม่เป็นผลเหมือนมีใครไปทำลายจุดวาร์ปใกล้ๆ ระเบียงน้ำตกสุราจนหมด หากเดินไปตอนนี้ก็ต้องใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง แต่เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นเซี่ยเหลียนเลยบอกเทพแห่งลมว่าหากมีใครเคาะประตูก็ห้ามเปิดเด็ดขาด จากนั้นเขา ฮวาเฉิงกับหมิงอี้ก็รีบออกเดินทางทันที ระหว่างนั้นเซี่ยเหลียนก็สำรวจว่าพลังที่อ๋องผีให้ยืมมาเหลืออีกครึ่งหนึ่ง ฮวาเฉิงถามเขาว่าเซี่ยเหลียนสามารถขอยืมได้เท่าที่ต้องการ แต่ตอนคืนเขาขอคิดดอกเบี้ยด้วย
เมื่อมาถึงที่หมายทั้งสามคนก็กลับพบว่าประตูศาลาที่ซือชิงเสวียนอยู่ถูกเปิดทิ้งไว้ ไม่มีผู้ใดอยู่ข้างใน แต่ของวิเศษที่เซี่ยเหลียนลงคาถาป้องกันไว้ยังอู่ครบทุกชิ้น อีกทั้งรอบๆ ก็ไม่มีร่องรอยของการบุกรุกเข้ามา จะต้องเป็นเทพแห่งลมที่เปิดประตูเอง มีความเป็นไปได้ที่คนร้ายจะปลอมเป็นพวกเขา 3 คนมาหลอก แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินว่าผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าสามารถจำแลงกายได้ พอคิดว่าซือชิงเสวียนใส่ที่อุดหูอยู่ การที่เขาจะได้ยินเสียงเรียกย่อมต้องผ่านเครือข่ายโทรจิต นั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นคนใกล้ชิดของเทพแห่งลมไม่อย่างนั้นคงไม่รู้รหัสผ่านที่ใช้ในการติดต่อ
ทั้งสามตัดสินใจว่าหากใน 1 ชั่วโมงยังหาตัวซือชิงเสวียนไม่เจอยังไงก็ต้องบอกเรื่องนี้กับซืออู๋ตู้ เขากับหมิงอี้แยกย้ายกันไปออกตามหาอีกฝ่าย ถึงเซี่ยเหลียยนจะพยายามติดต่อผ่านเครือข่ายโทรจิตก็ยังติดต่อเทพแห่งลมไมได้ จากนั้นเขากับฮวาเฉิงก็ออกสำรวจจนมาถึงศาลาหลักที่ใจกลาง พออ่านป้ายชื่อที่เขียนว่าระเบียงน้ำตกสุราก็นึกได้ว่าเทพแห่งลมมีฉายาว่าคุณชายผู้เทสุรา แล้วอ๋องผีก็เล่าตำนานว่าเมื่อครั้งที่ซือชิงเสวียนเพียงเทพชั้นกลางที่ซืออู๋ตู้พาขึ้นสวรรค์ด้วย หลังจากการฝึกบำเพ็ญชายหนุ่มจะมาพักผ่อนดื่มสุราในที่แห่งนี้บ่อยๆ วันหนึ่งเขาเจอกลุ่มอันธพาลกำลังรังแกชาวบ้านจึงร่ายคาถาใส่สุราแล้วเทใส่หัวของอันธพาลผู้นั้นจนอีกฝ่ายน็อก เพราะฉะนั้นนตอนที่ซือชิงเสวียนได้ขึ้นสวรรค์ก็คือตอนที่เขากำลังดื่มอยู่นั่นเอง จากนั้นจู่ๆ ฮวาเฉิงก็บอกว่าตนมีธุระต้องไปจัดการเล็กน้อย เดี๋ยวจะรีบกลับมา แล้วเขาจะบอกอะไรบางอย่างให้เซี่ยเหลียนฟัง
1 ชั่วโมงผ่านไปเซี่ยเหลียนกับหมิงอี้ก็ยังหาตัวซือชิงเสวียนไม่พบจึงนัดไปสมทบกันที่ศาลากหลัก แต่ด้วยความที่เขาไม่มีรหัสติดต่อทางโทรจิตกับซืออู๋ตู้ เซี่ยเหลียนเลยติดต่อไปหาหลิงเหวินแทนซึ่งแก็งค์เพื่อนน้อยก็กำลังแฮงค์เอาท์กันพอดี แต่ยังไม่ทันที่เขาจะอธิบายอะไรมาก เขาก็เห็นอะไรบางอย่างถูกแขวนไว้ที่ระเบียงน้ำตกสุราซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรปรากฏให้เห็น เมื่อเข้าไปใกล้จึงรู้ว่านั่นคือเสื้อนอกของซือชิงเสวียน แล้วหมิงอี้ก็ติดต่อบอกให้เซี่ยเหลียนรีบไปที่ระเบียงน้ำตกสุราทันที เซี่ยเหลียนจึงบอกหลิงเหวินให้บอกเทพแห่งน้ำว่าให้มาที่ระเบียงน้ำตกสุราให้เร็วที่สุด เพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับซือชิงเสวียน เมื่อเขาไปถึงชั้นบนของสถานที่นั้น เขาก็พบเทพแห่งลมกำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้น พอหมิงอี้พยุงอีกฝ่ายขึ้นมา พัดของเทพแห่งลมซึ่งถูกหักเป็นสองท่อนก็หล่นออกมาจากหน้าอกของชายหนุ่ม
ตอนที่เขากับฮวาเฉิงมาถึงที่นี่ครั้งแรก กำแพงศาลามีกระดาษเขียนบทกวีแขวนอยู่เต็มห้อง ทว่าตอนนี้กระดาษพวกนั้นกลับหายไปจนหมด เหลือเพียงกระดาษที่มีตัวอักษรสีแดงตัวใหญ่เขียนคำสาปแช่งคำแช่งที่ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่ากล่าวใส่ซือชิงเสวียนในวันที่อีกฝ่ายเกิด
.
.
.
.
.
ขอบคจ้า โม่งสปอยในที่สุดกุก็อ่านตามทันสักทีก่อนโม่งปิด
ขอบคุณ*
กุขอขัดแปปว่าไม่มีใครจะตั้งมู้ดราม่าปรมจ.ต่อเหรอวะ
กุมีลิ้งมู้เก่าอยู่นะ แต่เห็นด้วยในทวิตฟาดกันปั๊วะๆ มาก 555555
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>667 เทียนกวาน Part.92
.
.
.
.
.
พอหมิงอี้ถามถึงฮวาเฉิง เซี่ยเหลียนก็โกหกไปว่าตนเพิ่งขอให้อ๋องผีไปตามหาผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่า เนื่องจากเวลาที่ฮวาเฉิงจากไปช่างพอดีกับตอนเกิดเรื่องกับซือชิงเสวียน แม้เขาจะเชื่อใจอ๋องผี แต่ก็ไม่อยากให้เทพแห่งดินต้องสงสัยในตัวอีกฝ่าย ทันใดนั้นซืออู๋ตู้ก็นั่งรถม้าสวรรค์ทองคำมาพร้อมกับเผยหมิงและหลิงเหวิน เซี่ยเหลียนเลยหันไปขอให้หมิงอี้ช่วยปิดบังเรื่องที่ฮวาเฉิงมากับพวกตน เมื่อเห็นน้องชายเทพแห่งน้ำก็รีบถลันเข้ามาดูอาการ หลังจากได้ยินว่าซือชิงเสวียนไปเจอกับผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่า แก็งค์เพื่อนน้อยทั้งสามคนก็หน้าเสีย ขณะที่หลิงเหวินส่งน้ำให้ซืออู๋ตู้ป้อนเทพแห่งลม เผยหมิงก็ตั้งข้อสังเกตว่าปรกติเซี่ยเหลียนอยู่กับฮวาเฉิงตลอดไม่ใช่หรือ แต่เซี่ยเหลียนก็รีบปฏิเสธไป
ไม่นานนักซือชิงเสวียนก็ฟื้น แต่พอเห็นหน้าพี่ชายก็หวาดกลัวร้องลั่น เขาปัดมือของซืออู๋ตู้ออก ตะโกนว่าว่าไม่อยากได้ยินอีกฝ่ายพูดอะไรทั้งนั้น ทำเอาแก็งค์เพื่อนน้อยหน้าเปลี่ยนสี เผยหมิงต่อว่าท่าทีของเทพแห่งลมว่าทำให้พี่ชายเสียใจ แต่ซือชิงเสวียนกลับไล่ทั้งสาม พอซืออู๋ตู้คว้าข้อมือของน้องชายมาจับชีพจรก็หน้าซีด เซี่ยเหลียนเลยจะลองเชคบ้าง แต่ก็ถูกเทพแห่งน้ำปัดมือออกพร้อมส่งสายตาพิฆาตให้ ก่อนหันไปบอกน้องว่าจะพากลับไปรักษา ซือชิงเสวียนยิ่งโวยวายว่าเขาไม่ได้ป่วย และมีสติมากที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้เคยมีมา ซืออู๋ตู้เลยลากอีกฝ่ายไปยัดขึ้นรถม้า เทพแห่งลมพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือจากหมิงอี้กับเซี่ยเหลี่ยน เทพแห่งดินเลยบอกซืออู๋ตู้ว่าซือชิงเสวียนไม่อยากไปด้วย ส่วนเซี่ยเหลียนก็ถามถึงผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่า แต่เทพแห่งน้ำกลับบอกว่าเขาไม่รู้จักมัน บอกให้ทั้งสองอย่าจุ้นเรื่องในครอบครัวของเขาและอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้กับใคร
พอเหลือกันสองคน เซี่ยเหลียนก็ถามหมิงอี้ว่าจะไปเชคซือชิงเสวียนหรือเปล่า เทพแห่งดินพยักหน้าทีหนึ่งแล้วพวกเขาก็แยกย้าย แม้เขาอยากไปหาเทพแห่งลม แต่ดูจากท่าทีของซืออู๋ตู้แล้วคงไม่ใช่เวลาที่ดี เขาจึงตัดสินใจไปตามหาฮวาเฉิง ขณะที่กำลังเดินอยู่บนเขา เขาก็สัมผัสถึงอายมาร เซี่ยเหลียนจึงเตรียมตัวรับการปะทะ แต่เมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัวให้เห็นก็พบว่าเป็นผีโครงกระดูกทองคำ 4 คนกำลังแบกเกี้ยวเล็กแต่หรูหรา พวกมันมาหยุดตรงหน้าเซี่ยเหลียน บอกว่าอ๋องผีส่งพวกตนมารับ ได้ยินดังนั้นเซี่ยเหลียนเลยยอมขึ้นไปนั่ง พอผีที่สัญจรตนอื่นเห็นก็อดซุบซิบกันไม่ได้ว่าไม่เคยเห็นฮวาเฉิงให้คนอื่นใช้เกี้ยวนี้ นึกว่าอ๋องผีจะไว้ให้ภรรยาใช้เสียอีก
เซี่ยเหลียนเผลองีบไปช่วงหนึ่ง พอตื่นขึ้นมาก็เจอกับฮวาเฉิงพอดี เมื่อเห็นเขาตื่นแล้วอีกฝ่ายก็ขึ้นมานั่งด้วยกัน เซี่ยเหลียนเล่าว่าโชคดีแล้วที่ตอนนั้นฮวาเฉิงจากมาก่อน เพราะว่าแก็งค์เพื่อนน้อยมากันทั้งสามคน ส่วนอ๋องผีก็บอกว่าตอนนั้นเขาจากมาเตรียมเรื่องเกี้ยวนี้ เซี่ยเหลียนนั่งสนุกหรือเปล่า หลังจากนั้นเซี่ยเหลียนจึงถามถึงเรื่องที่ฮวาเฉิงบอกว่าพอเจอกันอีกครั้งจะเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟัง อ๋องผีถามขึ้นว่า เกอเกอ อยากแต่งงานไหม คำถามนั้นทำเอาเซี่ยเหลียนตกใจจนแข็งค้าง ฮวาเฉิงเลยรีบบอกว่าเขาล้อเล่น เซี่ยเหลียนต่อว่าอีกฝ่ายที่เอาเรื่องพวกนี้มาเล่นโดยไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย อ๋องผีเอ่ยขอโทษเขา พอเห็นท่าทางสำนักผิดของอีกฝ่าย เซี่ยเหลียนก็พาลรู้สึกผิดขึ้นมาเช่นกัน เลยแถไปว่าเขาดูเครียดเพราะกำลังนึกถึงเรื่องของซือชิงเสวียนต่างหาก
พอนึกถึงท่าทีที่เทพแห่งลมมีต่อพี่ชาย หรือว่าคนที่ให้เขาเปิดประตูให้ตอนนั้นจะเป็นซืออู๋ตู้ แต่ก็ติดที่ตอนนั้นอีกฝ่ายอยู่กับหลิงเหวินและเผยหมิง ทว่ายังไม่ทันที่เซี่ยเหลียนจะเล่าความคิดของตัวเองให้ฮวาเฉิงฟัง อีกฝ่ายกลับบอกตัดบทว่าอย่ายุ่งกับเรื่องนี้มากไปกว่านี้ และจะเป็นการดีมากหากอยู่ให้ห่างจากเทพแห่งลม เทพแห่งน้ำ เทพแห่งดิน หลิงเหวิน และเผยหมิงให้มากที่สุด
.
.
.
.
.
>>679 ลุงเผยนี่โคตรจิตวิญญาณฮวาเหลียนชิปเปอร์ คือเขาก็ไม่ได้ตัวติดกันขนาดนั้นป่ะ แต่คือพอเจอหน้าคนนึงแล้วไม่เห็นอีกคนก็รีบทักก่อนเลย 555555555555555 เกี้ยวเก็บไว้ให้ภรรยาใช้ อืม ก็ให้ภรรยาใช้จริงๆนั่นแหละ ฮืออออออ แต่ชอบความเชื่อใจฮวาเฉิงของเซี่ยเหลียนมากอ่ะ คือจะสถานการณ์แบบไหนก็ยังแบบเชื่อใจอ่ะ ทั้งๆที่รู้สึกเหมือนเพิ่งจะเจอกันไม่นานเอง
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>679 เทียนกวาน Part.93
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงกลับมาอารามผูจี้ เห็นอารามเรียบร้อย ทั้งหลางอิ๋ง ฉีหรงกับกู่จือยังอยู่กันดีเซี่ยเหลียนก็สบายใจ และเนื่องจากพ่อค้าคนนั้นช่วยป่าวประกาศเรื่องที่เขาช่วยปราบผีก็ทำให้อารามดังจนมีคนมาขอพรมากมาย แต่พอมองสภาพเก่าแก่จวนพังของอารามแล้วก็อดหนักใจไม่ได้ ฮวาเฉิงเลยชวนเซี่ยเหลียนไปอยู่บ้านของเขา ทว่าพอนึกถึงคำพูดล้อเล่นที่อีกฝ่ายพูดเมื่อคืน เขาเลยไม่ได้ตอบอะไรไป
มีครอบครัวหนึ่งขอพรว่าต้องการคนช่วยดำนา เซี่ยเหลียนจึงไปช่วยโดยมีฮวาเฉิงตามไปด้วย เห็นอ๋องผีเหงื่อออกเซี่ยเหลียนก็เอาหมวกไม้ไผ่ของตนสวมให้อีกฝ่าย ชาวบ้านที่เห็นฮวาเฉิงทำงานเก่งก็มาทาบทามไปเป็นเขยที่บ้าน แต่เขากลับบอกพวกชาวบ้านไปว่าตนแต่งงานมีภรรยาแล้ว แถมยังเสริมว่าภรรยาของเขาทั้งสวยและสง่างาม เขาหลงรักอีกฝ่ายตั้งแต่เด็ก กว่าจะเอาชนะใจได้ก็ยากลำบากมาก พวกชาวบ้านจึงถอดใจ ส่วนเซี่ยเหลียนก็อดถามไม่ได้ว่าเป็นความจริงหรือ พอฮวาเฉิงตอบว่าตนโกหก เซี่ยเหลียนรู้สึกโล่งอก ทว่าอ๋องผีกลับกล่าวต่อว่าเขาไม่ได้โกหกทั้งหมด นั่นเพราะเขายังไม่สามารถเอาชนะใจของคนๆ นั้นได้ เซี่ยเหลียนยืนอึ้งไปพักหนึ่งก่อนค่อยๆ กลับไปทำงาน รู้สึกไม่สบอารามณ์อย่างไม่ทราบสาเหตุ ระหว่างนั้นก็พยายามใช้โทรจิตติดต่อซือชิงเสวียนแต่ก็ไร้การตอบรับ เลยถามหลิงเหวินแทน ซึ่งเธอก็ตอบว่าซือชิงเสวียนอาการดีขึ้นแล้ว นอกจากนี้ซืออู๋ตู้ยังได้ส่งของกำนัลไปให้เซี่ยเหลียนที่อารามเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่คอยช่วยเหลือน้องชายของตนด้วย
หลังเสร็จจากงานดำนา และฮวาเฉิงไปช่วยผู้ใหญ่บ้านซ่อมที่ไถนาต่อ เซี่ยเหลียนเลยกลับไปดูว่าเทพแห่งน้ำส่งอะไรมา ก่อนพบทองคำแท่งในกล่องบริจาคซึ่งดูแล้วน่าจะตีเป็นกุศลได้นับล้าน มาอย่างนี้เซี่ยเหลียนก็รู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายเอาเงินฟาดหัวให้ปิดปากเรื่องที่เกิดขึ้นซือชิงเสวียน เขาทิ้งโน้ตบอกฮวาเฉิงไว้แล้วแบกกล่องบริจาคกลับสวรรค์ทันที แต่พอเห็นสภาพเมืองที่มีของพังเสียหายระเกะระกะไปทั่วก็อดตกใจไม่ได้ เมื่อเจอหลิงเหวินยืนนวดหน้าผากอยู่จึงเข้าไปสอบถาม เขาเลยได้รู้ว่าเฟิงซิ่นกับมู่ฉิ่งทะเลาะกันเรื่องวิญญาณตัวอ่อนแล้วไปถล่มตำหนักของอีกฝ่าย เพราะเฟิงซิ่นเสนอให้เอาวิญญาณตัวอ่อนไปแยกส่วนวิเคราะห์ แต่มู่ฉิงไม่เห็นด้วยจนในที่สุดก็เกิดเรื่อง เซี่ยเหลียนเลยเปลี่ยนเรื่องโดยบอกว่าเขาจะไปหาเทพแห่งลม แต่หลิงเหวินก็ขัดว่าซืออู๋ตู้ไม่อนุญาตให้ใครเยี่ยมซือชิงเสวียน เซี่ยเหลียนจึงโยนกล่องรับบริจาคลงบนพื้น ฝากให้อีกฝ่ายนำมันไปคืนเทพแห่งน้ำ จากนั้นก็ลอบเข้าไปในตำหนักของเทพแห่งน้ำและเทพแห่งลม
เซี่ยเหลียนแอบเข้าไปถึงหน้าต่างห้องนอนของซือชิงเสวียน พอมองเข้าไปก็เห็นเทพแห่งลมถูกมัดไว้บนเตียง ก่อนที่ซืออู๋ตู้จะถือชามใส่น้ำอะไรบางอย่างบังคับกรอกใส่ปากของน้องชาย แต่ซือชิงเสวียนก็พ่นออกมาได้มากกว่าครึ่ง ร้องโวยวายบอกให้พี่ชายปล่อยให้ตนไปตาย ซืออู๋ตู้บอกว่าพี่ชายอย่างเขาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร แห่งลมเลยเอ่ยว่าต้องการลงจากสวรรค์ เขาไม่ต้องการเป็นเทพ แล้วจะไปเป็นคนร่อนเร่พเนจร ได้ยินน้องชายพูดอย่างนั้นเทพแห่งน้ำก็ยิ่งโกรธ บอกว่าเขาไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายทำแบบนั้น ก่อนที่จะมีคนติดต่อมาทางโทรจิต ดูเหมือนเควสคราวเคราะห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เขาสั่งให้ซือชิงเสวียนทำตัวดีๆ รอเขากลับมาก่อนรีบจากไป
พอได้โอกาสเซี่ยเหลียนก็เรียกซือชิงเสวียน แต่ด้วยความที่หน้าต่างลงอาคมไม่ให้เปิดจากข้างนอกได้ เทพแห่งลมที่ถูกมัดอยู่เลยพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการแต่ก็ไม่เป็นผลผิดวิสัยเทพที่มีพลังเยอะเป็นอย่างมาก ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็เห็นมือข้างหนึ่งโผล่พ้นออกมาจากใต้เตียงของซือชิงเสวียน พอเขาตะโกนเตือนอีกฝ่าย ร่างในชุดสีดำซึ่งใส่หน้ากากผีก็คลานออกมายืนอยู่หน้าเตียงของเทพแห่งลมแล้ว
.
.
.
.
.
ในที่สุดม่านฮวาปรจ ก็จบพาร์ทเมืองอี้ซะที พี่วั่งจะได้โผล่มาตลอด TOT ดีจัยเว้ย
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>683 เทียนกวาน Part.94
.
.
.
.
.
ปรากฏว่าชายหน้ากากผีที่คลานออกมาจากใต้เตียงคือหมิงอี้ หลังช่วยแก้มัดให้ซือชิงเสวียนแล้ว เทพแห่งลมก็มาเปิดหน้าต่างให้เซี่ยเหลียน เมื่อเทพแห่งดินคว้าข้อมือของซือชิงเสวียนมาจับก็หน้าซีด เซี่ยเหลียนเลยจับบ้างแล้วก็พบว่าพลังทิพย์ของอีกฝ่ายไม่มีเหลืออยู่เลย เขาถามว่าเป็นเพราะยาของซืออู๋ตู้หรือเปล่า แต่เทพแห่งลมก็ปฏิเสธแล้วบอกว่าเขาจะเล่าให้ฟังหลังหนีออกไปได้แล้ว เขารีบมุดไปใต้เตียงที่มีหลุมอยู่ และก่อนหมิงอี้จะตามไปเขาก็หันมาบอกเซี่ยเหลียนว่าไม่ต้องตามมาเพราะเดี๋ยวจะยุ่งยากไปด้วย แต่เซี่ยเหลียนก็ยืนยันจะให้ความช่วยเหลือซือชิงเสวียนให้ถึงที่สุด และก่อนที่หลุมจะปิดเอง ทั้งสองก็กระโดดตามเทพแห่งลมไป
อุโมงค์นี้หมิงอี้เป็นคนขุดด้วยอาวุธเทพของเขาซึ่งเป็นพลั่วที่สามารถขุดทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่นิยมนำมันออกมาใช้เพราะอายที่มีอาวุธไม่สวยงามแบบพิม์นิยม ทำให้เขาใช้มันไม่คล่องเท่าไร ขณะที่ทั้ง 3 กำลังคลานกันอยู่ เทพแห่งดินก็ถามถึงอาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่า แต่ซือชิงเสวียนกลับบอกว่าไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นแล้ว เห็นอาการของอีกฝ่ายเป็นอย่างนั้นก็มีความคิดบางอย่างแวบขึ้นในหัวของเซี่ยเหลียน แต่จู่ๆ หมิงอี้ก็บอกให้ทุกคนเงียบ และด้วยความที่ซือชิงเสวียนไม่มีพลังทิพย์แล้วเลยใช้โทรจิตไม่ได้ เทพแห่งดินเลยต้องใช้นิ้วเขียนอากาศบอกให้ทุกคนอยู่นิ่งๆ เพราะมีคนอยู่เหนือจุดที่พวกเขาอยู่ พอฟังเสียงเท้าของอีกฝ่ายเซี่ยเหลียนก็พอเดาได้ว่าต้องเป็นเทพสงครามซึ่งประสาทสัมผัสดีกว่าเทพทั่วไป หลังจากตัวแข็งเป็นหินกันพักใหญ่เจ้าของฝีเท้านั้นก็ยังไม่มีทีท่าจะจากไป ทันใดนั้นด้วยสัญชาตญาณเซี่ยเหลียนก็รีบดึงทั้งสองคนไว้ ก่อนมีกระบี่แทงลงมาตรงระหว่างขาของเขาพอดี จากนั้นมันก็ถูกถึงออกแล้วกระหน่ำแทงลงมาอีก ยังไม่ทันทำอะไรมาก คนที่อยู่ข้างบนก็ใช้กระบี่ปิดทางพวกเขาไว้ทั้งหน้าหลัง แล้วพยายามระเบิดพื้นด้านบนลงมา หมิงอี้เลยใช้พลั่วรีบขุดทางใหม่แทนจนพวกเขาไปถึงจุดที่ไม่มีเสียงจากด้านบนให้ได้ยิน เลยตัดสินใจว่าจะออกจากอุโมงค์ในจุดนี้ พอขึ้นไปก็พบว่าเป็นห้องนอนของเฉวียนอี้เจิน
เฉวียนอี้เจินที่นอนกลางวันอยู่งัวเงียมองรูที่โผล่มาในห้องตัวเองอย่างงงๆ ทั้ง 3 คนก็เนียนทำเหมือนเรื่องปรกติแล้วพากันคลานออกจากหลุม แต่ซือชิงเสวียนที่อยู่คนสุดท้ายกลับถูกจับข้อเท้าไว้ อีกฝ่ายคือเผยหมิง เขาต่อว่าเซี่ยเหลียนกับหมิงอี้ที่มาช่วยซือชิงเสวียนหนีแล้วเขาก็หันไปเรียกให้เฉวียนอี้เจินช่วยจับตัวทั้ง 3 ไว้ พอได้ยินดังนั้นเฉวียนอี้เจินจึงลุกขึ้นมาร่วมวงให้ความช่วยเหลือพวกเซี่ยเหลียนด้วยการตื้บแม่ทัพเผย แม้จะหนีมาได้แต่ทพแห่งลมที่ไร้พลังทิพย์ก็ทำท่าจะหนีต่อไม่ไหว หมิงอี้จึงแบกอีกฝ่ายขึ้นหลัง ส่วนเซี่ยเหลียนหยิบลูกเต๋าออกมาทอย หันไปขอบคุณเฉวียนอี้เจินก่อนเปิดประตูห้องออกไป ที่อีกฝั่งของประตูคือฮวาเฉิงซึ่งกำลังเปลือยบนใช้เอ้อมิ่งเหลาไม้ทำกล่องรับบริจาคกล่องใหม่ให้เซี่ยเหลียนอยู่ เขารีบหันไปบอกให้เพื่อนร่วมทางทั้งสองคนปิดตาโดยลืมไปว่าอีกฝ่ายไม่ใช่สตรี แล้วจึงบอกให้อ๋องผีรีบแต่งตัว
ด้วยความที่เผยหมิงอาจตามมาที่อารามผูจี้ได้ทุกเมื่อ หมิงอี้เลยรีบวาดคาถาร่นระยะทางอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นฮวาเฉิงก็ถอนหายใจว่าเขาคิดอยู่แล้วว่าสุดท้ายเซี่ยเหลียนคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ กับเรื่องของซือชิงเสวียน แต่ก็บอกให้เซี่ยเหลียนทำตามใจชอบได้เลย ทำเอาเซี่ยเหลียนซาบซึ้งใจเลยช่วยอีกฝ่ายจัดเสื้อให้เรียบร้อยจนหมิงอี้กับซือชิงเสวียนเหม็นความรักแทบทนดูไม่ได้ เมื่อเทพแห่งดินวาดคาถาเสร็จ พอพวกเขาทั้ง 4 เปิดประตูออกไปก็พบกับทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่มีวัวกำลังเคี้ยวเอื้องอยู่ แล้วซือชิงเสวียนก็หันมาบอกทุกคนว่าไม่ต้องช่วยเหลือเขาแล้ว เขาจะหุบปากเงียบอยู่ที่นี่เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องเดือดร้อนไปด้วย ให้ทุกอย่างจบลงแค่ตรงนี้ก็พอ
.
.
.
.
.
ทั่นแม่ทัพโดนรังแกอีกแล้ว 55555555555555
มีคนวาด fanart พาร์ทนี้ด้วยอ่ะ >////<
https://twitter.com/mayuyujoshi23/status/1133003545924386816?s=19
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>689 เทียนกวาน Part.95
.
.
.
.
.
ในกระท่อมที่ทั้ง 4 มาซ่อนตัว เซี่ยเหลียนถามซือชิงเสวียนว่าอาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่ารู้เรื่องคอขาดบาดตายของอีกฝ่ายกับพี่ชายใช่หรือไหม เพราะเขาคิดไม่ออกว่าเหตุใดเทพแห่งลมจึงเปิดประตูให้ศัตรูนอกจากถูกข่มขู่ และเมื่อดูจากการที่เทพแห่งลมต่อต้านพี่ชาย อีกทั้งยังอยากลงจากสวรรค์ไปเป็นคนจรจัดก็มีความเป็นไปได้สูงว่าการขึ้นสวรรค์ของซือชิงเสวียนไม่ใช่เรื่องปรกติ อีกฝ่ายถูกผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าตามติดตั้งแต่เกิด การจะหนีได้มีเพียงการขึ้นสวรรค์เพราะเทพจะมีรัศมีปกป้องร่างจากสิ่งชั่วร้าย ซือชิงเสวียนได้ขึ้นสวรรค์หลังซืออู๋ตู้ไม่กี่ปี หากการขึ้นสวรรค์ของเขาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเอง ทำไมพลังทิพย์ของเขาถึงได้หายไปง่ายแบบนี้ จะต้องเป็นเทพแห่งน้ำที่แอบทำเรื่องบางอย่าง และนั่นก็ต้องเป็นความผิดร้ายแรงมาก
ซือชิงเสวียนได้ขึ้นสวรรค์ในวันเดียวกับงานเทศกาลชุมนุมเพลิงที่เมืองฟูกู การที่ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าเทพแห่งลมไปดูการแสดงในงาน ก่อนพาไปที่ระเบียงน้ำตกสุราย่อมมีความเกี่ยวข้อง ในคืนวันนั้นชายแซ่เฮ่อเกิดบ้าคลั่งฆ่าคนไปมากมาย ในขณะที่ซือชิงเสวียนได้ขึ้นสวรรค์ การขึ้นสวรรค์ของเทพแห่งลมมีความเชื่อมโยงกับการตายของชายแซ่เฮ่อ เพราะฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเมื่อซืออู๋ตู้ได้ขึ้นสวรรค์ เพื่อช่วยให้น้องชายรอดพ้นจากปีศาจร้าย เขาจึงหามนุษย์ที่มีคุณสมบัติตามต้องการมาสับเปลี่ยนโชคชะตากับน้องชาย เป็นเหตุให้ชายแซ่เฮ่อต้องพบกับความโชคร้ายจากผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าแทนที่ซือชิงเสวียน ขณะเดียวกันชะตาที่ควรจะเป็นของชายแซ่เฮ่อก็กลายเป็นของซือชิงเสวียนแทน ในคืนสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วง คนหนึ่งเหมือนตกนรกทั้งเป็น คนหนึ่งได้ขึ้นสวรรค์ โชคชะตาที่เป็นคนละขั้วของกันและกันได้ถูกสลับโดยสมบูรณ์
เพื่อให้การสับเปลี่ยนชะตาเป็นไปอย่างราบรื่น ชายแซ่เฮ่อจะต้องมีชื่อว่าเสวียน เกิดวันเดือนปี และเวลาเดียวกับซือชิงเสวียนอย่างแน่นอน อีกทั้งผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าก็ไม่เคยเห็นหน้าซือชิงเสวียนตรงๆ ย่อมทำการหลอกได้ง่าย นอกจากจะเอาโชคร้ายให้คนอื่นได้แล้ว เขายังทำให้น้องชายได้ขึ้นสวรรค์มาอยู่ด้วยกันด้วย พอได้ข้อสรุปอย่างนั้นหมิงอี้ก็หน้าเครียด ส่วนซือชิงเสวียนไม่ปฏิเสธก่อนหันไปมองฮวาเฉิงอย่างไม่ไว้ใจ อ๋องผีจึงบอกว่าคนที่อีกฝ่ายควรกังวลว่าจะปูดเรื่องนี้น่าจะเป็นพวกเทพบนสวรรค์มากว่า แต่หมิงอี้ก็แย้งว่าอ๋องผีมีสายอยู่บนสวรรค์ ฮวาเฉิงจึงแขวะว่าอีกฝ่ายก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ พอเปลี่ยนคำถามมาเป็นว่าเหตุใดผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าจึงรู้รหัสผ่านโทรจิตของซือชิงเสวียน เทพแห่งดินก็บอกว่าเป็นน่าจะเป็นเพราะซือชิงเสวียนเที่ยวผูกมิตรมั่วซั่วไปทั่ว แต่พอเซี่ยเหลียนคิดว่าในเมื่อมารตนนั้นสืบความลับของซืออู๋ตู้ได้ การจะหารหัสผ่านของซือชิงเสวียนก็คงไม่ใช่เรื่องยาก
ซือชิงเสวียนรู้สึกผิดที่พี่ชายขโมยโชคชะตาของคนอื่นมาให้ตน แต่แล้วเซี่ยเหลียนก็คิดได้ว่าแม้ร่างที่ใช้เรียกซือชิงเสวียนให้เปิดประตูจะเป็นผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่า ทว่าทั้งๆ ที่ปรกติมันจะตามติดเหยื่อจนกว่าอีกฝ่ายจะฆ่าตัวตาย หากแต่ชายแซ่เฮ่อผู้นั้นหมดแรงจนเสียชีวิต อีกฝ่ายต่อสู้ไม่ยอมแพ้ให้โชคชะตาจนวันสุดท้าย เพราะฉะนั้นผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าย่อมไม่อาจดูดซับพลังด้านลบจากชายผู้นี้ แต่การที่ชายแซ่เฮ่อตายแบบด้วยความแค้นแบบนั้นน่าจะต้องกลายเป็นผีร้าย ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าที่ตามซือชิงเสวียนในตอนนี้เป็นคนละตนกับตอนที่อีกฝ่ายเกิด อีกฝ่ายคือเฮ่อเสวียนต่างหาก
หากผีกินผีด้วยวิธีที่ถูกต้องจะสามารถดูดซับพลังความสามารถของเหยื่อมาเป็นของตนเอง เฮ่อเสวียนคงกินผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าแล้วควบคุมอีกฝ่ายให้มาตามซือชิงเสวียน ใช้เกมแมวจับหนูไม่ฆ่าในทันที แต่ค่อยๆ กดดันทรมานเพื่อให้หนูตัดสินใจฆ่าตัวตายหนีจากความหวาดกลัวเอง หมิงอี้หันไปถามซือชิงเสวียนว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่อีกฝ่ายก็ตอบว่าตนไม่รู้ และไม่รู้จะต้องมองหน้าพี่ชายด้วยความรู้สึกอย่างไร ยังไงอีกฝ่ายก็มีสายเลือดเดียวกัน และที่ทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ก็เพื่อเขา เขาขอให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจนกว่าเขาจะคิดออกว่าจะทำอย่างไรดี แต่เพื่อให้น้องขายกลับไปเป็นเทพ ซืออ็ตู้จะต้องหาเหยื่อคนใหม่มาสับเปลี่ยนโชคชะตากับซือชิงเสวียนอีกแน่ๆ เขาคงขอให้หลิงเหวินช่วยหาคนๆ นั้นให้ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นหรือว่าหลิงเหวินจะรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนั้นเองวัวด้านนอกกระท่อมก็ร้องเสียงดัง อีกทั้งชาวนาก็เริ่มโวยวายเพราะมีคนที่มีจิตสังหารก้าวเข้ามาในท้องนา พอเซี่ยเหลียนแอบแง้มประตูดูก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายคือแม่ทัพเผย
.
.
.
.
.
>>695 ขอบคุณสำหรับสปอยล์จ้า จุ๊บๆ
https://twitter.com/manda_dayoyo/status/1210864860986130432?s=19
>> มึงงงงงง โคตรน่ารักเลยอ่า TOT
>>696 ทำไมทุกคนใจร้ายกับแม่ทัพเผยแบบนั้น 5555
>>697 ซืออู๋ตู้ทำเพื่อช่วยน้องก็จริง แต่เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวมาก ต่อไปสปอยรายละเอียดเพิ่มเติมที่ไม่ได้เขียนด้วยนะ
.
.
.
.
.
เพราะหลังตัวเองขึ้นสวรรค์ก็ใช้พลังพาซือชิงเสวียนมาเป็นเทพชั้นกลาง (เหมือนที่ตอนแรกเซี่ยเหลียนพาเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงตามมาด้วย) ความจริงตอนนั้นซือชิงเสวียนก็ปลอดภัยในระดับหนึ่งแล้วอะ แถมตัวเองก็เป็นเพื่อนกับเผยหมิงที่เป็นเทพสงคราม จะขอให้อีกฝ่ายคราฟเครื่องลางขลังๆ แบบที่เซี่ยเหลียนทำ เผยหมิงก็น่าจะทำได้ แถมด้วยอิทธิพลเผยหมิงแล้วจะขอให้ส่งคนไปหาทางกำจัดผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าก็ได้ แต่ซืออู๋ตู้ไม่ทำ จะให้น้องเป็นเทพชั้นสูงมาอยู่กับตัวเอง รุ่งเรืองไปด้วยกัน เลยขอให้หลิงเหวินช่วยหาตัวเฮ่อเสวียนแล้วตัวเองก็มาเปลี่ยนชะตาให้น้อง (เพราะถึงซือชิงเสวียนบำเพ็ญไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าจะขึ้นเป็นเทพชั้นสูงได้ แต่เฮ่อเสวียนมีชะตาได้เป็นเทพอยู่แล้ว เลยขโมยแม่ม)
เฮ่อเสวียนจากที่มีชะตาได้เป็นเทพมีชีวิตดีๆ เลยพลิกกลายเป็นแบบนั้น แถมไม่ใช่แค่ตัวเฮ่อเสวียนเองที่โชคร้าย พ่อ แม่ น้องสาว คนรัก ทุกคนตายไม่ดีหมด แล้วซืออู๋ตู้ก็ไม่รู้สึกผิดอะไรด้วย นี่ก็ยังจะหาคนมาเปลี่ยนชะตาให้น้องอีก ถ้าคนนี้ไม่ได้ก็จะมีคนที่ 3 4 5 ไปเรื่อยๆ แถมเพื่อความปลอดภัยน้องก็ถึงกับจะทิ้งเผยหมิงไว้ในดงศัตรู ซืออู๋ตู้อะสมฉายาเนื้อร้ายแห่งสวรรค์มากที่สุดในแก็งค์เพื่อนน้อย (รองมาก็หลิงเหวิน) จวินอู๋เองยังรู้สึกว่ารับมือกับคนนิสัยแบบนี้ยากเลย
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>695 เทียนกวาน Part.96
.
.
.
.
.
พอเห็นวัวสีดำลุกขึ้นยืนสองขาเผชิญหน้ากับเผยหมิง เซี่ยเหลียนเลยนึกว่าออกอีกฝ่ายคือวัวที่เป็นผู้ติดตามของเทพแห่งฝน และที่นี่คืออาณาจักรอวี้ซือ แม่ทัพเผยตะโกนเรียกซือชิงเสวียน บอกว่าตอนนี้ซืออู๋ตู้กำลังทำเควสคราวเคราะห์แถมสถานการณ์ดูท่าจะไม่ค่อยดีด้วย ได้ยินแบบนั้นซือชิงเสวียนก็รีบโผล่ออกไปโดยไม่ทันคิด พอเซี่ยเหลียนกับหมิงอี้เชคในเครือข่ายโทรจิตก็พบว่าเจ้าหน้าที่สวรรค์กำลังวุ่นวายกับกับเควสของซืออู๋ตู้จริงๆ เผยหมิงขู่ต่อว่าก่อนเควสเริ่มเทพแห่งน้ำก็ได้ข่าวเรื่องที่น้องชายหนีไป อีกทั้งบริเวณที่ซืออู๋ตู้ทำเควสก็ถูกตัดสัญญาณทำให้ใช้โทรจิตติดต่อไม่ได้ ด้วยความเป็นห่วงพี่ชาย ซือชิงเสวียนเลยจะกลับไปให้อีกฝ่ายเห็นหน้าจะได้มีสมาธิทำเควส แม้หมิงอี้จะเข้าไปยืนขวางไว้ แต่ซือชิงเสวียนก็ยังเลือกตามเผยหมิงไปอยู่ดี และสุดท้ายเทพแห่งดินก็ตามทั้งสองไปอีกคน
ด้วยมิตรภาพที่มีกับซือชิงเสวียน เซี่ยเหลียนเลยยังไม่รายงานเรื่องของซืออู๋ตู้ให้สวรรค์ทราบ แต่แล้วเชาก็ได้ยินหลิงเหวินพูดในเครือข่ายว่าบริเวณที่ซืออู๋ตู้ทำเควสมีชาวประมงหลงเข้าไปจำนวนมากจึงเรียกหาเทพสงครามไปช่วย เผยหมิงบอกว่าตน ซือชิงเสวียนกับหมิงอี้กำลังจะไปที่นั่น หลิงเหวินยังอยากได้คนเพิ่มอีก แต่เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงถูกสั่งกักบริเวณจากการทะเลาะกันก่อนหน้าหน้านี้ หลางเชียนชิวยังไม่กลับมาสวรรค์ ส่วนเฉวียนอี้เจินก็ไม่ยอมเข้ากรุ๊ปไลน์ที่ทำงาน เซี่ยเหลียนเลยเสนอตัวไปช่วย บอกว่าเขามีประสบการณ์ลอยคอในทะเลกว่าครึ่งเดือนย่อมมีความคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้มาก เมื่อได้ยินว่าเซี่ยเหลียนจะไปด้วย ฮวาเฉิงก็จำแลงกายเป็นชาวประมง หลังจากโยนลูกเต๋าแล้วเปิดประตูกระท่อมออกไป ทั้งสองก็มาถึงที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกซึ่งกำลังมีพายุบ้าคลั่งโหมกระหน่ำ ก่อนไปสมทบพวกซือชิงเสวียนที่เรือของสวรรค์ซึ่งจอดรออยู่ เซี่ยเหลียนต้องหลอกเผยหมิงว่าฮวาเฉิงเป็นคนจากตำหนักของเขา ประกอบกับซือชิงเสวียนช่วยพูด แม่ทัพเผยจึงยอมให้อ๋องผีขึ้นเรือมาด้วย
เผยหมิงสั่งให้เรือแล่นฝ่าพายุออกไป พอเจอชาวประมงเซี่ยเหลียนก็ใช้รั่วเย่ดึงอีกฝ่ายมาขึ้นเรือ ส่วนแม่ทัพเผยจับพวกเขาโยนเข้าไปใต้เรือซึ่งมีคาถาร่นระยะทางกลับไปที่ชายหาด และคอยฟาดฟันสายฟ้าจากเควสคราวเคราะห์ที่พุ่งใส่อย่างโคตรหล่อ ในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงใจกลางพายุซึ่งซืออู๋ตู้กำลังต่อสู้กับน้ำที่ก่อตัวเป็นมังกร เผยหมิงใช้พลังทิพย์ตะโกนบอกเพื่อนว่าเจอตัวซือชิงเสวียนแล้ว และให้ตั้งใจสู้ให้ดีไม่อย่างนั้นน้องชายของอีกฝ่ายอาจต้องจมน้ำตาย ด้วยความบราคอนซือู๋ตู้เลยจัดการมังกรน้ำได้ในที่สุด เขาลงมาที่เรือแล้วต่อว่าซือชิงเสวียนทันที แต่เควสของซืออู๋ตู้ยังไม่จบเพราะต้องใช้เวลาถึง 7 วัน 7 คืน ตอนนี้แค่เป็นช่วงพักสั้นๆ เซี่ยเหลียนเลยติดต่อให้หลิงเหวินช่วยหาตำแหน่งชาวประมงที่เหลือก่อนที่เควสจะเริ่มอีก แต่ยังไม่ทันได้ความสัญญาณก็หายไป เผยหมิงบอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ช่วยให้มากที่สุดเท่าที่จะช่วยได้
พวกเซี่ยเหลียนยังคงลอยเรือตามหาให้ความช่วยเหลือชาวประมง หากเป็นสาวๆ เผยหมิงก็ต้องขอหม้อก่อนส่งกลับฝั่ง ทำเอาหมิงอี้กับซือชิงเสวียนทนดูไม่ได้ ส่วนเซี่ยเหลียนนั่งข้างฮวาเฉิง ก่อนที่อ๋องผีจะเอาหมั่นโถวออกมาแบ่งคนละครึ่งอย่างรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงหิว พอเผยหมิงได้ยินก็รู้สึกเหม็นความรัก หันมาแซวให้ทั้งคู่ช่วยออกจากโลกของสองเรา ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็รู้สึกว่าเรือแล่นช้าลงแถมยังเหมือนค่อยๆ จมลงไปด้วย แม่ทัพเผยยืนยันว่าเรือลำนี้อัดพลังทิพย์มาให้แล่นได้ 2 วันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพลังหมด แต่แล้วเขาก็ทำท่าเหมือนจะคิดอะไรออก เรือใดที่เข้าไปในเขตของปีศาจตนนั้นล้วนจมลงทุกลำ พวกเขาคงเผลอแล่นเรือเข้ามาในเขตของธาราทมิฬล่มเรือ เจวี๋ยผู้ปกครองผืนน้ำแล้ว ตามตำนานธาราทมิฬล่มเรือเป็นผีน้ำที่กินผีน้ำมีชื่อตนอื่นไปอย่างน้อย 500 ตนจนมีพลังควบคุมน้ำสูงมาก ซืออู๋ตู้ถามว่าทำไมถึงบังคับเรือมาที่นี่ ทว่าเผยหมิงกลับบอกว่าเรือเป็นแบบออโต้ เขาไม่ได้บังคับ แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันสั่งหันเรือกลับออกไป พวกเขาก็พบว่าตอนนี้เรือไม่สามารถขยับได้แล้ว
.
.
.
.
.
เกลียดความไม่เข้ากรุ๊ปไลน์ที่ทำงาน อิห่า พวกมึงเป็นพนงบริษัทกันอ่อ? แม่ทัพเผยก้อเหม็นความรักอีกแล้วเว้ยย 55555 ขอบคุนโม่งสปอย มึงเล่าตร่กดีกูชอบ
อ่านๆมาลุงเผยแกก็น่ารีกดีนี่หว่า นอกจากหม้อสาวกับแขวะความรักฮวาเหลียนแกก็ทำตัวดูดีสมตำแหน่งเทพสงครามอยู่หน่า หรือแกมีวีรกรรมแย่ๆที่ยังเล่าไม่ถึงวะ
>>705 ช่าย ลุงเผยน่ารักมาก ตอนนี้เห็นแขวะๆ ฮวาเหลียน แต่จริงๆ แล้วแกเป็นชิปเปอร์ (/*กวักมือ แม่ทัพเผย มานั่งกับพวกเรา มาม่ะ) สมกับเป็นเทพแห่งฟามรัก (อย่างไม่เป็นทางการ เพราะแกไปแจกหม้อสาวที่ไหนก็ติดหมด เลยมีมนุษย์บางส่วนขอพรด้านความรักจากแก) ถึงทุกคนชอบรังแกก็ไม่เห็นแม่ทัพเผยจะโกรธใครจริงจัง แล้วอย่าลืมว่าในตอนนี้ถ้าไม่นับซืออู๋ตู้ที่มีคนนับถือมากเพราะขอพรเรื่องเงินทอง เผยหมิงนับเป็นเบอร์ 2 ของสวรรค์รองจากจวินอู๋เลยนะ มีความรับผิดชอบในหน้าที่ดีมาตั้งแต่สมัยเป็นมนุษย์ธรรมดา
ส่วนเรื่องวีรกรรมแย่ๆ นอกจากบทที่สปอยไปแล้วก็เห็นมีอีกแค่เรื่องเดียวคือ (สปอยเน้อ)
.
.
.
.
.
ส่งคนไปช่วยหลิงเหวินเผาอารามของจิงเหวินเจินจวินจนหมด ซึ่งจิงเหวินเป็นอดีตหัวหน้าของหลิงเหวินที่พาเธอออกจากคุก ขึ้นสวรรค์มาเป็นเทพชั้นกลาง แต่ความจริงจิงเหวินแค่พาหลิงเหวินมาเป็นลูกน้องเพื่อเรียกหน้าตาให้ตัวเองว่าให้โอกาสทุกคนที่มีความสามารถ ไม่ถือโทษที่หลิงเหวินเคยทำตัวเองเสียหน้า (โดยไม่รู้ตัว) ในสมัยที่เธอยังเป็นมนุษย์ และจิงเหวินก็เหยียดเพศมาก ใส่สีตีไข่กดขี่หลิงเหวิน ใช้ทำงานแรงงาน ไม่ให้ทำงานเอกสารที่เป็นของเทพอักษรเลย (อย่างที่เซี่ยเหลียนพอรู้จักมักจี่กับหลิงเหวินแต่แรก ก็เพราะสมัยก่อนหลิงเหวินถูกใช้ทำงานส่งของเลยได้เจอเซี่ยเหลียนบ่อยๆ) ที่มีข่าวลือว่าเธอยั่วเทพชายไปทั่วเพื่อไต่เต้ามาเป็นใหญ่ หรือข่าวลือว่าหลิงเหวินกิ๊กกับเผยหมิงก็เป็นจิงเหวินนี่แหละที่สร้างข่าวเอง (หลิงเหวินกับเผยหมิงสนิทกันเพราะว่ามาจากอาณาจักรเดียวกัน แถมเหมือนเผยหมิงจะค่อนข้างมองหลิงเหวินเป็นเพื่อนชายแก็งค์เดียวกันด้วย สังเกตได้ว่าเวลาหลิงเหวินอยู่กับแก็งค์เพื่อนน้อยส่วนมากจะชอบใช้ร่างผู้ชาย)
.
.
.
.
.
ยิ่งอ่านสปอยล์ กูก็ยิ่งอิหยังวะกับระบบการคัดคนเป็นเทพ
มีสรุปโพลด้วย 🤭🤭🤭
https://twitter.com/m_egeg0/status/1211291331215032322?s=19
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>702 เทียนกวาน Part.97
.
.
.
.
.
ขณะที่หมิงอี้ไปเชคว่าเรือรั่วหรือเปล่า ฮวาเฉิงก็บอกว่าปรกติเขตทะเลใต้ของธาราทมิฬล่มเรือจะมีบาเรียกันไม่ให้มีสิ่งใดเข้ามาง่ายๆ แต่หากมีอะไรหลุดรอดมาก็จะถูกดึงจมลงไปในน้ำทั้งหมด เซี่ยเหลียนเลยคิดว่าในเมื่อหากมีชาวประมงหลงมาที่นี่ก็ไม่อาจช่วยเหลือ และถ้าเทพแห่งดินซ่อมเรือไม่ได้ก็ใช้คาถาร่นระยะที่ท้องเรือกลับชายฝั่งกันก่อน แต่พอเผยหมิงเปิดประตูเรือกลับพบว่าคาถาร่นระยะใช้งานไม่ได้แล้ว ทางด้านหมิงอี้ก็ไม่พบว่าเรือมีรอยรั่วตรงไหน อ๋องผีเอ่ยว่ามีไม้ชนิดหนึ่งที่จะไม่จมในเขตของธาราทมิฬล่มเรือ นั่นคือไม้โลงศพและจะต้องมีศพอยู่ด้วยเท่านั้น เมื่อไม่เห็นทางแก้ ซืออู๋ตู้เลยใช้พลังบังคับน้ำจากนอกเขตของธาราทมิฬเข้ามาช่วยดึงเรือขึ้น น้ำจากทั้งสองเขตเริ่มสู้กันจนทะเลกลายเป็นน้ำวน เซี่ยเหลียนเลยเหยียบบนฟางซิ่น ดึงฮวาเฉิงมายืนด้วยก่อนเหาะกระบี่ไปบนอากาศพร้อมๆ กับที่เรือจมลงไป พอมองไปรอบๆ ก็เห็นซือชิงเสวียนอยู่บนพลั่วกับหมิงอี้ ส่วนเผยหมิงก็อยู่บนกระบี่ของตัวเอง มีเพียงซืออู๋ตู้ที่หายไป แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นเทพแห่งน้ำก็คงไม่จมน้ำง่ายๆ แล้วอ๋องผีก็หันมาบอกเซี่ยเหลียนว่าที่นี่ไม่อาจเหาะได้เช่นกัน
ไม่ทันขาดคำดี ปลายักษ์ที่มีแต่ก้างก็กระโดดงับเผยหมิง โชคดีที่อีกฝ่ายหลบได้ทัน ก่อนที่อีกตัวจะกระโดดใส่พวกหมิงอี้จนเกือบหล่นทะเล แต่แม่ทัพเผยก็เข้าไปช่วยทัน ส่วนเซี่ยเหลียนบอกให้ฮวาเฉิงจับตัวเองแน่นขึ้นเพื่อเตรียมรับมือ เขาเห็นปลากระดูก 4 ตัวว่ายวนอยู่รอบๆ พอตัวหนึ่งพุ่งใส่เขาก็จับด้วยมือเปล่า ก่อนใช้มันต่างอาวุธซัดใส่ปลาอีก 3 ตัวจนก้างกระจายเต็มทะเล พอถามอ๋องผีว่าเป็นอะไรหรือเปล่า อีกฝ่ายก็ตอบว่ามีเกอเกอคอยปกป้องอยู่ เขาจะเป็นอะไรได้ยังไง แต่แล้วด้วยความที่ฟางซิ่นเก่ามาก สุดท้ายก็ลอยต่อไม่ไหว ทั้งคู่เลยตกลงไปในทะเล เซี่ยเหลียนพยายามว่ายขึ้นจากน้ำแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ทว่าไม่นานฮวาเฉิงก็มาช่วยดึงเขาขึ้น เพราะตามเทคนิคอีกฝ่ายเป็นศพ อ๋องผีจึงไม่จมน้ำของธาราทมิฬล่มเรือ แต่ขณะที่ฮวาเฉิงบอกให้เซี่ยเหลียนจับเขาไว้ดีๆ ปลากระดูกทั้ง 4 ก็เริ่มต่อตัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ตอนที่ปลากระดูกกำลังพุ่งใส่เซี่ยเหลียนฮวาเฉิงก็เดาะลิ้นอย่างอารามณ์เสีย แล้วจู่ๆ พวกมันก็เปลี่ยนทิศว่ายไปทางอื่น อ๋องผีหันมาบอกเซี่ยเหลียนว่าถ้าอนาคตอยากเลี้ยงตัวอะไร อย่าไปเลี้ยงพวกตัวไร้ประโยชน์พวกนี้ ตอนนั้นเองเขาก็เห็นซืออู๋ตู้นั่งอยู่บนหัวปลาตัวหนึ่ง ประสานมือร่ายคาถาบางอย่าง ก่อนจะมีคลื่นยักษ์ซัดเข้ามาจนเซี่ยเหลียนสลบไป เมื่อเขาได้สติก็พบว่าตัวเองลอยมาขึ้นฝั่งแล้ว ข้างๆ เขาคือฮวาเฉิงที่ยังคงจับเอวเขาไว้ไม่ยอมปล่อยแม้จะไม่ได้สติอยู่ เซี่ยเหลียนพยายามปลุกอีกฝ่ายพร้อมสังเกตรอบๆ ไปด้วย ถัดจากชายฝั่งเป็นป่าหนาทึบไร้วี่แววของผู้คน ดูเหมือนที่นี่น่าจะเป็นเกาะกลางทะเล พอเรียกเท่าไรอ๋องผีก็ยังไม่ฟื้น เขาเลยเอาหัวแนบอกอีกฝ่าย แต่ตอนที่เขานึกได้ว่าหัวใจของอีกฝ่ายไม่น่าจะเต้น เขากลับได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังออกมา ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรไป เซี่ยเหลียนเลยทำใจ กล่าวขอโทษแล้วก้มลงจะผายปอดให้ แต่เพราะเขาหลับตาอยู่เลยไม่รู้ว่าฮวาเฉิงลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี หลังจากเป่าลมไป 5-6 ครึ่งถึงลืมตาจะมาปั๊มหัวใจ แต่พอเห็นอีกฝ่ายมองตัวเองตาแป๋วอยู่ก็เกิดเดดแอร์ ก่อนที่เซี่ยเหลียนจะสติแตก เขาโค้งบอกขอโทษอีกฝ่ายรัวๆ ก่อนวิ่งหนีด้วยความอายโดยมีฮวาเฉิงวิ่งไล่ตามเป็นหนังแขก
พอเซี่ยเหลียนวิ่งเข้าไปในเขตป่าก็มีธนูพุ่งใส่ แต่ไม่เห็นคนโจมตี เขารีบหันหลังกลับมาจับมือฮวาเฉิงวิ่งกลับไปที่ชายฝั่ง พอไม่เห็นว่ามีใครตามมาก็สบายใจ แต่พอรู้ตัวว่ากำลังจับมืออีกฝ่ายอยู่ก็กระโดดออกห่าง เห็นท่าทางอย่างนั้นอ๋องผีเลยตะล่อมพูดให้อีกฝ่ายใจเย็นว่าโชคดีที่เกอเกอช่วยไว้ เพราะร่างมนุษย์นี้ไม่สะดวกเอาเสียเลย แต่เกอเกอยังผายปอดผิดวิธีอยู่นะ อนาคตอย่าไปทำอย่างนี้กับคนอื่นล่ะเดี๋ยวอีกฝ่ายจะตายเอา ตอนแรกเซี่ยเหลียนจะถามวิธีที่ถูกต้อง แต่ก็ยังรู้สึกอายกับเรื่องที่เกิดเลยบอกว่าเขาจะไม่ไปทำอย่างนี้กับใครอีก แล้วฮวาเฉิงก็อธิบายว่าที่นี่คือเกาะธาราทมิฬซึ่งอยู่ใจกลางเขตของธาราทมิฬล่มเรือ ซึ่งแม้แต่เขาเองก็ต้องระมัดระวังตัว
.
.
.
.
.
สวัสดีปีใหม่เหล่าเพื่อนโม่งทุกคน
ปรจ. มี audio drama gasha ด้วยอ่ะมึง 😭 น่ารักมากเลย เป็นตอนสั้นๆ + ภาพประกอบใหม่ ถ้ากูฟังจีนออกกูไปเล่นด้วยแล้ว ถือเป็นของขวัญปีใหม่ของปรจ. จริมๆ
สวัสดีปีใหม่ชาวโม่งโม่เซียง ขอบคุณสำหรับสปอยที่ผ่านมาและต่อๆไป ขอบคุณเพื่อนโม่งที่ร่วมเม้ามอยร่วมหวีดนิยายกันมา หวังว่าจะได้อยู่ด้วยกันอีกนานๆนะพวกเมิงง 55555
ตอนนี้สปอยเทียนกวานได้กี่เปอร์เซ็นด์แล้ว ไม่รู้ว่านิยายจะออกก่อน หรือโม่งสปอยจบก่อน 😂
>>720 ตอบแทนนะ น่าจะเกือบๆ 50% เพราะตอนนี้เข้าอาร์คสาม (มีทั้งหมด 5) 1,3,5 จะเป็นช่วงเหตุการณ์ปัจจุบัน ส่วน 2,4 จะเล่าย้อนอดีต กูตามเกาะสปอยมากเพราะอยากอ่านม่านฮวา ดูอนิเมะ ดูซร.รู้เรื่อง เห็นตย.อนิเมะละงู้ยยมั่ก ^^ (เดาว่านิยายแปลไทยกว่าจะครบแปดเล่มน่าจะนานอยู่)
มึง กูสงสัยเรื่องของแฟนเมดของแม่โม่นี่ถือว่าผิดกฏช้ะ แล้วในกรณีที่เป็นแฟนเมดของเรื่อง the untamed งี้ใช้กฏเดียวกันมั้ยวะ หรือว่าถือว่าเขาซื้อลิขสิทธิ์ไปทำแล้วส่วนของ the untamed แม่โม่ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรป่ะ แบบกูไปเจอคนทำที่คั่น the untamed ตอนแรกเหมือนทำแจกอ่ะ ล่ะวันนี้มันเด้งมาหน้าฟีดกูอีกรอบกลายเป็นว่าตอนนี้ทำขายเฉย กูเลยงงว่ามันได้เหรอถ้าพูดถึงข้อห้ามของแม่โม่อ่ะนะ
>>723 จริงๆมันก็ผิดหมดอะของมีลิขสิทธิ์ แต่ปกติเจ้าของลิขสิทธิ์เค้าหยวนให้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำอะไรประเจิดประเจ้อได้ ทีนี้ด้อมนี้มันพิเศษตรงที่เจ้าของเค้ามาห้าม มันก็ควรเคารพกัน ต่อให้อ้างว่าใช้ซีรีย์แต่ตราบใดที่ยังชื่อเว่ยอู๋เซี่ยน หลานวั่งจี ก็ไม่ควรนะ แต่ถ้านักแสดงเฉยๆอันนี้ก็เหมือนด้อมอื่นๆแหละ
ด้อมแม่ก็ขายกันเยอะแล้ว ฝั่งตปทขายกันเป็นล่ำเป็นสัน หลังๆแม่ไม่โซเชี่ยลคนก็ทำลืมๆ รีบๆทำน้ำขึ้นรีบๆตัก
>>723 ผิด เพราะคนเขียนเรื่องนี้ขอไว้แล้ว ให้มึงมองดูพวกมันเอาไว้ ยิ่งใครที่ปากบอกชอบเรื่องนี้มากกกกก ให้จั่วหัวไว้ได้เลยว่ามันเป็นอีตอแหล เวลาที่มีคนเอากู้ดที่ไม่ใช่อฟช.มาโชว์แล้วทำอวดเหมือนตัวเองรักเรื่องนี้มาก พราวพรีเซนต์มากว่ากูมีของสะสมของแรร์ กูก็ได้แต่สังเวชพวกกระแดะนี่ว่ะ แค่เคารพคนเขียนมันยังไม่มีปัญญาเลย ยิ่งอวดก็ยิ่งมีแต่คนสมเพชนะ
กูไม่ใช่ >>727 แต่กูก็คิดเหมือนกันนะว่าถ้าใครรู้ตัวว่ามีของสะสมเป็นแฟนเมดที่"ซื้อ"มา ก็เท่ากับว่าผิดฐานซื้อของโจรสำหรับด้อมนี้เลยนะมึง ยกเว้นทำเองใช้เองจริงๆ นั่นก็ต้องแยกแยะ แต่ที่ >>723 เจอ มันก็คือพวกสายผลิตที่ทำผิดกฎด้อม ลำบากใจจริงๆว่ะ เพราะกูเองก็ไม่กล้าทักเหมือนกัน คนพวกนี้อาศัยช่องโหว่แล้วหากินกับด้อมนี้เยอะมากๆ
>>729 กูก็ไม่ได้พูดถึงคนที่ทำใช้เองนะ กูพูดถึงคนที่ไปซื้อแฟนเมดที่ไม่ใช่อฟช.มา คนทำใช้เองมันก็ไม่ผิดกฎอยู่แล้วนี่ ทำแจกแบบไม่เก็บเงินก็ไม่ผิดนะ :v
>>728 ก็มองโลกในแง่ความเป็นจริงกันบ้างก็ดีนะ มุดหัวอยู่แต่ในโลกที่คิดว่าก็คนอื่นเขาก็ทำกันนี่มากไปมันก็ไม่ดีเด้อ เพราะนานวันเข้าจะเริ่มแยกไม่ออกว่าการเคารพเจ้าของผลงานคืออะไร พวกทำกู้ดเรื่องนี้ขายมันก็ระดับเดียวกับพวกที่อยากแหกคู่หลักนั่นแหละ คิดแต่ว่ามันคือสิทธิ์ของฉันทั้งที่มึงไม่เคยเป็นเจ้าของเรื่องนี้เลย ปากบอกว่ารักหนักหนาแค่มารยาทพื้นฐานที่จะเคารพความเห็นผู้เขียนยังไม่มีเลย
>>732 มึงต้องเข้าใจก่อนนะว่าไอ้ที่เข้าออกมาบอกว่าผิดๆเนี่ยไม่ใช่คนในด้อมตั้งกฎกันขึ้นมาเอง แต่นักเขียนขอเอาไว้ทั้งการไม่ทำกู้ดขาย คอสโดยซื้อชุดจากอฟช.เท่านั้นและการห้ามแยกคู่หลัก มันไม่ใช่กฎที่กูตั้งหรือเป็นความรู้สึกส่วนตัวของกู กูถึงบอกว่าทำอะไรไม่เคารพความเห็นคนเขียนเพราะคนเขียนเขาขอไว้ไง ไม่ใช่ความเห็นกุ
แล้วถ้าใครผ่านมางงว่า p4p คืออะไร มันคือการรวมเงินจ่ายเฉพาะต้นทุนกับค่าขนส่ง คนต้นคิดทำไม่เอากำไรแถมต้องลงทุนวาดรูป สั่งทำ กับจัดส่งให้ด้วย
ดังนั้นกูขอถามหลายๆคนเลยว่าพวกคุณทั้งหลายมีความเห็นเกี่ยวกับ p4p อย่างไร
ก่อนจะว่าใครไม่รู้ห่าอะไรเนี่ยก็อ่านก่อนนะว่ากูถามถึงอะไร ไม่ใช่มึงคนเดียวนะที่รู้กฏและทำตาม
ข้างบนควรไปคุยต่อในnetwatch เค้าแยกมู้ให้นานละนะ
เว่ยอิงเคยช่วยตัวเองต่อหน้าหลานจ้านเหรอวะ
ไม่รู้แม่โม่เก็บกดที่ไม่มีฉากหวานๆ หรือเขียนดักพวกจะเขียนแฟนฟิค รู้แต่ว่าแซ่บเกินเบอร์เรทมาก (18+ อยู่กับเล่มสุดท้ายเล่มเดียว)
ไฮ้ฉากที่เว่ยอิงเอาดาบมา xx นี่ กูแค่คิดว่ามันเป็นสเปเชี่ยล เซ้กส์แฟนตาซีเฉยๆ เป็นตอนที่แยกจากตอนปกติอะ มันเอามาเซอร์วิสแค่นั้น
แต่เทียนกวาน...
โม่งยังสปอยล์ต่อมั้ย หรือจะหยุดแค่นี้เพราะเยอะพอแล้ว (ไม่ได้ทวงน้า แค่อยากรู้ เวลาอ่านสปอยล์แล้วมีความสุข เพราะนิยายยังไม่ออก)
ทวิตตปท. มีคนมองว่า "พ่อของหลานจ้านอาจไม่ได้รักแม่ เพราะถ้ารักจริงจะไม่กักขังนางไว้" เพื่อนโม่งคิดว่าไง
เหมือนมันมีเล่าไว้แล้วนี่ว่าบ้านนี้เคร่งกฎ เคร่งศีลธรรม พ่อหลานจ้านเอาแม่เข้าตระกูลก็ผิดกฎ ก็รู้สึกผิดอ่ะที่เอาแม่เข้ามา ก็ให้อยู่แยกเรือน แล้วก็ไปเจอน้อยๆ พยายามบำเพ็ญตนเพื่อให้รู้สึกผิดน้อยลง
เรื่องกักขังกูว่าแบบเดียวกับหลานจ้านป่ะ ที่งอแงจะเอาเว่ยอิงกลับบ้าน แต่หลานจ้านยังยั้งไว้บ้าง
มึงเรื่องแม่พี่วั่ง เหมือนกุอ่านเจอมีคนบอกว่า การขังไว้เพื่อปกป้อง เพราะทำผิดอะไรมาสักอย่างนี่แหละ ละพ่อพี่วั่งรักแม่เลยขังไว้เพื่อปกป้องนาง
ปล. กุไม่ได้อ่านจากนิยายโดยตรงแต่เจอคนเล่าไว้ประมาณนี้ ถ้าผิดแย้งได้และขออภัยล่วงหน้า (-/\-)
ต่ออีกนิด เหมือนพี่วั่งเคยบ่นกะพี่ซีเฉิน?ประมาณว่า อยากเอาคนๆนึง(คือพี่เว่ย)กลับมาซ่อนไว้ ฟีลเหมือนเอามาเพื่อให้หลบภัยจากสังคม ก้อคือเอามาซ่อนเพื่อปกป้องนั่นแหละ เลยอาจจะรีเลทว่าเหมือนที่พ่อเคยทำกับแม่
เว่ยอิง กลับกูซูกับข้า! โอ้ย กุอินอีกแร้ว
เหมือนแม่สองพี่วั่งฆ่าอาจารย์ของพ่อพี่วั่ง ถ้าพ่อพี่วั่งไม่จับแต่งเข้าตระกูล แม่อาจต้องรับโทษหนัก อาจถึงตายมั้งตามสไตล์นิยายจีน
>>757 กูมองว่าเราเอาความคิดแบบสังคมปจบ.ไปจัสความคิดของตลค.ที่มีสังคมอีกรูปแบบไม่ได้ว่ะ คือหลายคนบอกว่าพ่อพี่วั่งไม่ได้รักแม่พี่วั่งเพราะกักขังแม่พี่วั่ง คือจัสจากเหตุผลนี้เหตุผลเดียว แบบถ้ารักเขาทำไมต้องขังเขา ทำไมไม่ปล่อยเขาให้ไปเป็นอิสระ ทำไมไม่ดูแลเขาดีๆแม้แต่ลูกก็ให้เจอได้แค่เดือนละครั้ง แต่ถ้ามองถึงเหตุผลของเรื่องมันก็มีเหตุผลที่พ่อของพี่วั่งต้องทำแบบนั้น แต่เดิมพ่อพี่วั่งหลงรักแม่พี่วั่งแต่แม่พี่วั่งไม่รู้สึกอะไรด้วย ซึ่งตอนหลังแม่พี่วั่งดันพลั้งมือไปฆ่าอาจารย์ของพ่อพี่วั่งแบบไม่มีเหตุผลทำให้พ่อพี่วั่งต้องเลือกตัดสินใจแต่งแม่พี่วั่งมาเพื่อกันไม่ให้ได้รับโทษถึงชีวิต แต่ตัวพ่อคือละอายใจต่ออาจารย์ตัวเองไง เลยเลือกที่จะกักบริเวณไว้ที่เรือนสงบใจ แม้แต่ลูกก็ให้พบได้แค่เดือนละครั้งเพราะไม่งั้นคนในตระกูลหรือคนในแวดวงยุทรจักรคือไม่ยอมแน่ๆอ่ะ ตัวพ่อเองก็เป็นถึงประมุขตระกูลถ้าปล่อยให้แม่พี่วั่งใช้ชีวิตแบบไม่ได้รับโทษใดๆเลยจากการกระทำของตัวเองก็จะโดนมองว่าใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งตามนิสัยเคร่งครัดของคนตระกูลหลานคือเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ส่วนจะละทิ้งคนในตระกูลพาเมียไปใช้ชีวิตข้างนอก แต่แรกเมียก็ไม่ได้รักอะไร(กูว่าคนที่ไม่มีความรักใดๆให้อีกฝ่ายเลยคือแม่พี่วั่งว่ะ) ออกมาไม่มีอำนาจก็ปกป้องเมียไม่ได้ คือแม่พี่วั่งถ้าก้าวออกจากตระกูลหลานก็โดนจั่วหัวว่าเป็นฆาตกรโดนตามล่าแน่ๆอ่ะ ตัวแม่เองก็ยินยอมจะอยู่ใต้ปีกการปกป้องของพ่อพี่วั่งด้วยซ้ำ และถึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับตัวพ่อมากนัก แต่กับลูกยังไงก็ยังรักเพราะงั้นคือแม่พี่วั่งยอมอยู่แบบนี้ดีกว่า แต่ยังไงการโดนกักขังได้เจอลูกแค่เดือนละครั้งก็ยังทำให้ตรอมใจอยู่ดีไง
อีกอย่างถ้ายึดตามที่คนเขียนที่เป็นเจ้าของเรื่องแต่ง ถ้าเขาว่าพ่อพี่วั่งรักแม่พี่วั่งก็ไม่เห็นเหตุผลที่คนอื่นจะบอกว่าไม่ได้รักว่ะ ลองคิดว่ามึงแต่งนิยายเรื่องนึง พระนางรักกันด้วยมากในสายตามึงแล้วจู่มีคนมาบอกพระนางมันไม่ได้รักกันเพราะบลาๆๆๆ เป็นมึงก็ต้องรู้สึกแหละว่า เอ้า อิผี กูเขียนให้มันรักกันอ่ะ แล้วมึงจู่ๆมาบอกตลค.ที่กูแต่งไม่ได้รู้สึกแบบที่กูแต่ง เป็นกูคือเหวออ่ะ คือแต่ละคนมีความคิดร้อยพ่อพันแม่แตกต่างกันจะมองโลกต่างกันนี่ไม่แปลกมึงแสดงความเห็นต่างได้แหละ แต่แฟคมันก็อยู่ที่คนเขียนอยู่ดีว่าเขาจะแต่งให้ตลค.รู้สึกยังไง มีเหตุผลยังไง
>>757 กูมองว่าแม่โม่ตั้งใจเขียนถึงรูปแบบความรักของคนในบ้านนี้ ที่คิดจะปกป้องคนที่ตัวเองรักแม้จะเป็นการจับขัง พี่วั่งเองก็มีรูปแบบความคิดเดียวกับพ่อที่คิดจะขังพี่เว่ยไว้ เสียแต่พี่เว่ยไม่ยอมไปด้วย555 ดังนั้นถ้าว่าพี่วั่งรัก พ่อพี่วั่งก็รักแม่แหละ
>>766 กูกลับมองว่าคนอ่านสามารถแสดงความเห็นได้แม้จะค้านความคิดของผู้แต่งว่ะ อย่างที่มึงบอกว่าคนเราพบประสบการณ์ต่างกันย่อมเห็นโลกต่างกัน ดังนั้นสิ่งที่ผู้เขียนเขียนให้ตัวละครกระทำ บอกให้ตัวละครรู้สึกใช่ว่าจะเป็นเเฟค ยกตัวอย่างเช่นนิยายที่เขียนโดยคนที่มีความคิดสังคมเป็นใหญ่ เขียนบอกว่าตัวเองดูแลเมียดีมาก แต่จากสายตาคนอื่นก็มองว่านั่นเป็นการใช้อำนาจ การกดขี่เมียชัดๆ มึงลองนึกถึงเวลาคุยกับคนอื่น เรื่องที่คนอื่นเล่าโดยไม่ได้โกหกก็ใช่ว่าจะเป็นความจริงที่เกิดขึ้น เวลาสัมภาษณ์พ่อแม่ผู้เสียหายก็มีประโยคลูกฉันเป็นคนดีเข้าข้างคนของตัวเองบ่อยๆ คนเขียนเองก็เหมือนกันที่จะมีความไบแอสกับนิยายตัวเอง ถ้าเรียนด้านการวิเคราะห์วรรณกรรมมึงคงปวดหัวตาย เพราะเจอเรื่องผีๆอย่างการวิเคราะห์เรื่อง การกระทำของตัวละคร โดยคนเรียนต้องสืบสาวไปถึงประวัติชาติพันธ์ พงศาวดารชีวิตของคนเขียน555
>>767 คือไม่ได้ห้ามวิจารณ์หรืออะไรนะ เราวิเคราะห์แสดงความเห็นได้แต่ก็ต้องอยู่ในพื้นฐานของเรื่องนั้นๆด้วยไง ซึ่งแฟคที่กูพูดถึงคือสิทธิ์ในการสร้างของคนเขียนน่ะ กูมองว่าถ้ามันไม่ได้ผีขนาดขัดกับความคิดบริบทสังคมในเรื่อง ต่อให้เราวิเคราะห์ด้วยความเห็นของเรายังไง แฟคก็คือสิ่งที่คนเขียนเขียนอยู่ดีน่ะ ถ้าเขาสร้างโลกที่ทุกคนมีวัฒนธรรมในการตัดนิ้วก้อยให้กันเพื่อแสดงความรัก คนบนโลกนั้นแสดงความรักกันแบบนี้ มึงอาจจะแสดงความเห็นได้ว่าในโลกของมึงแบบนี้ไม่ใช่ความรัก แต่มันจะใช้ไม่ได้กับเหตุผลของโลกนั้นไง
กูว่าเรื่องนี้ค่อนข้างมีเบสดีด้วยซ้ำนะ เพราะเหมือนคนเขียนคิดมาก่อนบ้างแล้วว่า ถ้าคนๆนี้เติบโตมาแบบนี้ นิสัยแบบนี้ มีสถานะแบบนี้ เวลาเจอปัญหานั้นๆเขาจะจัดการยังไง กูว่าสิ่งที่พ่อพี่วั่งทำหรือสิ่งที่พี่วั่งคิดคือพื้นฐานจากสังคมครอบครัวเขานั่นแหละ สมมติถ้าเป็นพี่เนี่ย คนที่ตัวเองรักฆ่าอาจารย์ตัวเองตาย พี่เนี่ยอาจจะเลือกยกดาบมาฟันคนที่ตัวเองรักเพื่อผดุงคุณธรรมในแบบของพี่เนี่ยก็ได้น่ะ
>>768 มึงยกตัวอย่างแปลกๆว่ะ การกักขังกันมันไม่ใช่วัฒนธรรมการแสดงความรักในเรื่องนี้อย่ามาอ้างเซ็ตติ้งหน่อยเลย ถ้าพี่วั่งบอกรักแล้วจะปกป้องพี่เว่ยด้วยการขัง พี่เว่ยก็คงอีหยังวะเหมือนกัน มันไม่ผีขนาดขัดบริบทสังคมแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนในสองคนพยักหน้าบอกว่าอ้อ นั่นคือการแสดงความรักปกติ ส่วนที่มึงยกตัวอย่างการตัดนิ้วมันเป็นวัฒนธรรมที่กำหนดให้เซ็ตติ้งนั้น คนในเซ็ตติ้งนั้นส่วนใหญ่มองว่าโอเค
คือมึงพูดแปลกๆเหมือนกับว่าถ้าเขาบอกว่ารักแสดงว่านั่นเป็นเฟค นั่นเป็นความรัก ทั้งที่สิ่งที่เขาบอกว่ารักมันอาจไม่ใช่ความจริงก็ได้ อย่างโศกนาฏกรรมเมืองอี้ก็มีคนมองว่านั่นคือความรัก บางคนก็มองว่าเป็นเด็กขาดความอบอุ่นเลยต้องการที่พึ่ง บางคนก็มองเป็นเหยื่อ สิ่งที่ตัวละครพูดนั้นไม่สามารถเชื่อถือได้จริงๆ ขนาดตัวละครใน้รื่องยังมีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่างกัน ดังนั้นใครๆก็สามารถอ่าน ดูสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วออกความเห็นวิเคราะห์ได้ ไม่ใช่ยึดว่าตัวอักษรเขียนว่าอย่างนี้เท่ากับคนเขียนบอกว่าเฟคเป็นอย่างนี้
>>769 กูไม่ได้ยกว่าการกักขังคือการแสดงความรัก กูพูดถึงเหตุผลที่ว่าถึงพ่อพี่วั่งจะกักบริเวณแม่พี่วั่งก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ได้รัก ในเมื่อคนเขียนมันเขียนว่ารัก(แฟคของคนเขียน)ก็ต้องมาวิเคราะห์กันว่าในเมื่อเขารักแล้วทำไมเขาเลือกทำแบบนี้ การตัดสินด้วยความคิดของตัวเองบนพื้นฐานสังคมที่แตกต่างจากโลกในนิยายด้วยการตั้งเหตุผลแค่เรื่องขังไม่ขัง มันดูตัดสินเร็วไป กูว่ามันเพี้ยนตั้งกะตั้งประเด็นว่าว่าขังไม่ขังเป็นการแสดงความรักแล้วว่ะ
ส่วนการยกตัวอย่างเรื่องการตัดนิ้วกูยกเพื่อพูดถึงเรื่องแฟคไม่ใช่พูดถึงเรื่องการแสดงความรักของพ่อพี่วั่ง มึงจะแย้งด้วยความรู้สึกส่วนตัวมึงทำได้ แต่การตัดสินว่ามันจะเป็นไปตามที่มึงคิดมั้ยมันเป็นไปไม่ได้ไง เพราะนิยายเรื่องนั้นมันก็คือสิทธิ์ของนักเขียนคนนั้นปะ ถ้าคนเขียนเขียนว่าตัวเอกชอบสีฟ้า แต่มึงไปแย้งคนเขียนว่าไม่จริงๆตัวเอกชอบสีชมพูเพราะนางเอกผมสีชมพู นั่นแหละแฟคที่กูพูดถึง มึงจะแย้งด้วยเหตุผลอะไรก็เรื่องของมึง แต่แฟคหรือสิ่งที่คนเขียนสร้างมา มึงเปลี่ยนมันไม่ได้ ยกเว้นเขาจะไม่ได้เขียนอย่างชัดเจน ปล่อยให้มึงคิดเอง หรือต่อให้แฟคนั้นมึงไม่ยอมรับมันก็เรื่องของมึงนั่นแหละ ถ้ามึงยืนยันว่าพ่อพี่วั่งไม่ได้รักแม่พี่วั่งเพราะบลาๆๆๆ มันก็ความคิดมึงไง แต่แฟคที่คนเขียนเขียนไว้ก็คือเขารักไง มันก็แค่นั้นแหละ
>>769 ส่วนโศกนาฏกรรมเมืองอี้ คนอ่านอาจจะตีความว่าเป็นความรักอะไรก็แล้วแต่คนอ่านนะ แต่ตัวคนเขียนเคยอแกมาบอกแล้วว่าจะตีความยังไงก็เรื่องของคุณ แต่ในนิยายที่เขาเขียนไม่เกี่ยวกับความรักใดๆทั้งนั้น คุณไม่สามารถยกว่าการตีความของคุณเป็นสิ่งที่เป็นแฟคได้ เพราะคนเขียนแจ้งอย่างชัดเจนแล้ว
>>771 กูไม่ได้บอกว่าเป็นแฟค กูกำลังบอกอยู่ว่าอารมณ์ความรู้สึกมันชี้ชัดยาก ต่างจากอะไรที่เป็นรูปธรรมซึ่งแสดงให้เห็นชัด คนมันมองได้ทั้งนั้นว่าใครจะรู้สึกยังไงไม่ใช่นักเขียนพูดไรก็เชื่อหมด มึงอ่านที่กูพิมพ์ข้างบนหลายๆรอบนะ หรือถ้าไม่เข้าใจก็พอเถอะ อีกห้าหกปีหวังว่ามึงจะผ่านประสบการณ์มากๆจนเข้าใจเอง
>>772 เพ้ยย กูก็บอกอยู่ว่าจะคิดวิเคราะห์วิจารณ์อะไรยังไงก็เรื่องของคนอ่าน แต่ถ้าพูดถึงข้อมูลที่เป็นแฟคมันก็คือตัวนิยายหรือความเห็นของคนเขียน แฟคตรงนั้นมึงจะตีความไปแบบไหนก็เรื่องของมึงเช่นกัน แต่ถ้าจะถกกันจริงจังก็ต้องวิเคราะห์กันด้วยเหตุผลตามพื้นฐานของเรื่อง จะเอาแต่ความคิดตัวเองที่มีพื้นฐานต่างจากสภาพสังคมของตลค.มาตัดสินอย่างเดียวไม่ได้ คือนี่พูดถึงเรื่องที่ว่าพ่อพี่วั่งรักแม่พี่วั่งมั้ย กูก็ขอยึดตามนักเขียน ซึ่งกูออกความเห็นว่าที่กูคิดว่าเขารักเพราะอะไร ถ้าจะดีเบทว่าพ่อพี่วั่งไม่รักเพราะอะไรมันก็ต้องมีเหตุผลมากกว่า พ่อพี่วั่งขังแม่พี่วั่งเพราะงั้นนั่นไม่ใช่ความรักหรอกไง ซึ่งการที่มึงจะคิดว่ามันไม่ใช่ความรักก็เรื่องของมึงเช่นกัน แต่แฟค กูหมายถึงต้นฉบับหรือต้นทางน่ะมันเซ็ตติ้งมาว่ารัก แค่นั้นเอง กูแค่ให้เหตุผลว่าเอ้อ ถ้ามองจากต้นทางคือคนเขียนมันเขียนให้รักไง มึงจะไม่เชื่อตามคนเขียนก็ไม่เป็นไร มึงออกความเห็นได้ เพียงแต่ถ้าอยากได้คำตอบแบบแฟคที่เป็นข้อมูลต้นทาง ก็คือรัก แค่นั้นแหละ กูต้องบอกมึงมั้ยเนี่ยว่ามึงรออีกสัก 5-6 ปีนะจะได้เข้าใจเรื่องการเคารพสิทธิ์คนเขียน ซึ่งนักเขียนเขาก็เคารพสิทธิ์ของคนอ่านในการตีความไง เพียงแต่การตีความของคุณมันก็อาจจะขัดกับสิ่งที่เขาเขียน เพราะงั้นมึงถึงไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าสิ่งที่มึงอ่านมาแล้วตีความมันถูก
แม่พี่วั่งโดนกักขัง เจอลูกได้เดือนละครั้งมันคือโทษจำคุกตลอดชีวิตดีๆนี้แหละ ในเมื่อประหารไม่ได้จำคุกตลอดชีวิตคือโทษที่รองลงมา กุว่าถ้าไม่จบแบยนี้คนในตระกูลหลานคงไม่ยอม กุเลยมองว่ากักขังไม่ใช่การแสดงความรัก แต่เป็นการปกป้องคนรักเท่าที่กำลังและฐานะของตัวเองจะทำได้
"มีใครรู้สึกเหมือนผมไหมว่า โดดดิด่ง มันเร็วขึ้น"
"เช้านี้ผมเปิดฟัง รู้สึกว่า เพลงมันเร็วกว่าเดิม"
https://www.youtube.com/watch?v=Ek8itihPQgE
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>712 เทียนกวาน Part.98
.
.
.
.
.
พวกเซี่ยเหลียนเดินตามหาคนอื่นๆ รอบชายฝั่งแต่ก็ก็ไม่เจอใคร เลยหันมาตัดไม้ต่อเรือทำโลงศพเพื่อออกไปจากที่นี่ ในช่วงพัก เซี่ยเหลียนก็ไปเก็บผลไม้ป่า เมื่อกลับมาก็เห็นอ๋องผีก่อไฟ ย่างกระต่ายป่าแล้วเรียบร้อย เมื่อได้กินก็พบว่าอร่อยมากจนเอ่ยชมว่าคนที่อีกฝ่ายชอบอยู่ช่างโชคดีจริงๆ ฮวาเฉิงจึงบอกว่าเป็นเขาต่างหากที่โชคดีที่มีโอกาสได้พบกับคนๆ นั้น เซี่ยเหลียนถามอ๋องผีว่าคนๆ นั้นเป็นคนแบบไหนจึงไม่รับรัก ในใจแอบไม่พอใจนิดๆ ว่าอีกฝ่ายช่างรสนิยมแย่จริง แต่ฮวาเฉิงตอบว่าเป็นเพราะเขากลัว หากเขาเป็นคนไร้ที่ติจริง เมื่อหลายร้อยปีก่อนคงไม่ไร้พลังจนถูกรุมรังแกบ่อยๆ แถมคนๆ นั้นก็เห็นเขาในช่วงที่แย่ที่สุดด้วย เซี่ยเหลียนจึงปลอบว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของฮวาเฉิง เขาเองก็มีช่วงเวลาที่ตัวเองต้องคลุกโคลนเปื้อนฝุ่นจนไม่สามารถลุกได้ ถ้าเป็นเขา แม้จะแอบหวังให้คนๆ นั้นยังคงรักตัวเองหลังจากได้รู้เรื่องทั้งหมด แต่เขาก็ไม่อยากแสดงด้านแบบนั้นให้อีกฝ่ายเห็นเหมือนกัน ถึงอย่างนั้นเขาก็คิดว่าถ้าเป็นฮวาเฉิง คนๆ นั้นคงพูดว่า ที่แท้ท่านก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ สำหรับข้า ทั้งคนที่ประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์ และคนที่พ่ายแพ้ล้มเหลวก็คือท่าน สิ่งสำคัญคือตัวท่าน ไม่ใช่สถานะที่ท่านเป็น เขาเอ็นดูฮวาเฉิงมากจึงอยากทำความเข้าใจทุกเรื่อง และอิจฉาที่คนๆ นั้นมีโอกาสเห็นด้านแบบนั้น และไม่ว่าความสัมพันธ์ต่อไปจะเป็นเช่นไรก็ยังเป็นโชคชะตาที่สวยงามอยู่ดี
ฮวาเฉิงบอกว่ายังมีเหตุผลอื่นอีกมากที่ทำให้เขากลัว แต่เพราะเซี่ยเหลียนไม่ใช่พี่อ้อยพี่ฉอดเลยไม่รู้จะไปต่อยังไง หลังเดดแอร์ ทั้งคู่ก็กินอาหารแล้วมาต่อโลงศพจนเสร็จ แต่ระหว่างทางที่ลอยอยู่บนทะเลก็ดันเจอพายุเลยต้องลงไปนอนปิดฝาโลงเพื่อไม่ให้น้ำเข้าจนจม ด้วยความแคบทำให้เซี่ยเหลียนที่นอนทับอยู่ด้านบนเกรงใจ บอกให้สลับที่กันเพราะว่าเขาเป็นเทพสงครามตัวหนัก แถมตอนนี้ร่างที่อ๋องผีใช้ก็อายุแค่ 17-18 ปี แต่พอได้ยินอย่างนั้นฮวาเฉิงก็กลับไปใช้ร่างจริงของตัวเองที่ตัวใหญ่กว่าทันทีโดยไม่ยอมสลับตำแหน่งกัน ทว่าไม่นานนักก็มีอะไรบางอย่างโจมตีจนโลกพลิก อ๋องผีจึงกอดเซี่ยเหลียนแน่น บอกว่าถึงโลงจะแตก เขาก็อยู่ที่นี่ เซี่ยเหลียนจะไม่มีทางจมน้ำเด็ดขาด
ทั้งสองกลิ้งหมุนไปมาหลายตลบ เปลี่ยนท่าไปมากมายจนนกเขาของเซี่ยเหลียนตื่นโดยไม่ตั้งใจ ด้วยความอับอายไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้จึงบอกไม่ใช่ฮวาเฉิงเข้ามาใกล้ อ๋องผีเลยซัดโลงแตกเพื่อหนีออกไป ซึ่งเซี่ยเหลียนก็ทันได้เห็นมังกรน้ำกำลังรุมทึ้งซากโลงที่เหลือ ทั้งคู่กลับมาติดเกาะกันอีกรอบ แต่คราวนี้ได้พบกับซืออู๋ตู้กับเผยหมิงด้วย ปรากฏว่าพายุกับมังกรน้ำเป็นผลจากเควสคราวเคราะห์ของเทพแห่งน้ำ พอเห็นพวกเซี่ยเหลียน แม่ทัพเผยก็ขอคำอธิบายว่าทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ แต่เซี่ยเหลียนที่คิดว่าอีกฝ่ายเห็นพวกตนกอดกันหนีออกมาจากโลงกลับแก้ตัวไปอีกเรื่องว่าเพราะโลงเล็กเกินไป พอเผยหมิงถามต่อว่าแล้วทำไมไม่ต่อโลงให้ใหญ่กว่านี้ ทำเอาเซี่ยเหลียนที่ลืมคิดไปหัวเราะแก้เก้อ รีบถามถึงทั้งสองแทน อีกฝ่ายก็จี้ถามกลับว่าไหนศพที่ทั้งสองทำให้โลงไม่จมน้ำ หลังจากฮวาเฉิงพูดกวนประสาท ประกอบกับเห็นเอ้อมิ่ง แม่ทัพเผยก็ร้องว่าคนตรงหน้าคืออ๋องผีอย่างที่เขาคิดจริงๆ ด้วย เห็นทั้งสามทำท่าจะเปิดศึกกัน เซี่ยเหลียนเลยเข้าไปเปลี่ยนเรื่องถามถึงซือชิงเสวียน เผยหมิงเลยบอกว่าอีกฝ่ายกับหมิงอี้ถูกคลื่นซัดทำให้คลาดกันไป
เผยหมิงมองโลกในแง่ดีว่าหากทั้งสองไม่หลงเข้าไปในเขตของธาราทมิฬคงไม่เป็นไร แต่ฮวาเฉิงก็ชี้ว่าเป็นเพราะเควสของซืออู๋ตู้ทำให้เขตของธาราทมิฬวุ่นวาย คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมปล่อยไปง่ายๆ หรือ ตอนนั้นเองเทพแห่งน้ำก็หยิบล็อคเกตออกมา มันคือเครื่องรางที่เชื่อมกับล็อคเกตอีกอันที่เขาให้น้องชายห้อยคอไว้ และมันก็ทำให้เขาทราบว่าซือชิงเสวียนอยู่ใกล้ๆ และกำลังได้รับบาดเจ็บ พอซืออู๋ตู้เดินไปตามทางที่สร้อยสั่นรุนแรงก็พบว่าอีกฝ่ายน่าจะอยู่ในป่า ตอนแรกเซี่ยเหลียนจะหันไปจูงมือฮวาเฉิงด้วยความเป็นห่วง แต่พอนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเลยหันไปดึงแขนเสื้อแทน ทำเอาเผยหมิงที่สัมผัสได้ถึงโมเมนท์หันกลับมามองบ่อยๆ อย่างสนใจ ก่อนแซวว่าทั้งสองตัวติดกันราวมีกาวเชื่อม แต่ขณะที่เขากำลังจี้ตั้งข้อสงสัยว่าอ๋องผีเป็นตันเหตุทำเรื่องวุ่นวายก็มีลูกธนูพุ่งใส่เขาพอดี
.
.
.
.
.
>>777 เข้าใจเซี่ยเหลียนนะว่ามีความอิจฉาเวลาฮวาเฉิงพูดถึงคนที่ชอบเพราะไม่คิดว่าจะเป็นตัวเอง แต่ตัวคนอ่านที่รู้อยู่แล้วอ่ะ เวลาอ่านสิ่งที่ฮวาเฉิงใช้อธิบายถึงเซี่ยเหลียนแล้วมันแบบ หุบยิ้มไม่ได้เลยอ่ะ เพราะแต่ละคำคือรู้สึกได้ถึงความรัก ความเทิดทูนมหาศาลมากอ่ะ ฮือออออออออ มันดีมากๆๆๆๆๆ และชอบมากขึ้นอีกที่สถานการณ์นี้มีลุงเผยด้วย ทำหน้าที่ชิปเปอร์ได้ดีมาก 5555555
ลุงเผย! ไม่ใช่แค่ลุงค่ะที่สัมผัสได้ถึงโมเม้น นุด้วยค่าา งี๊ดด
ในทวิตเตอร์มีคนแชร์ม่านฮวาปรจ. ถึงตอนพี่วั่งเมาแล้วเตะเวินหนิงแล้ว ตรงตามนิยายเลย พี่วั่งตอนเมาโคตรเบบี้ น่ารักมากๆ วงวารเวินหนิง เหยื่ออารมณ์ที่แท้ทรู กูนี่ลุ้นตอนพี่เว่ยจุ๊บพี่วั่งเลย ขอให้มีๆๆๆ
คิดถึงโม่งสุดๆเลยอะ
กูเพิ่งอ่านเล่ม 3 จบ
บนบก หาคนหวีดเล่ม 3 ไม่ค่อยได้เลย
กูเลยมาหวีดในนี้แทน
กูว่าเว่ยอิงในนิยายนี่ ร่างมารดูเคะขึ้นเปล่าวะ
บทบรรยายในนิยายแบบ
หลานวั่งจีแหงนหน้ามอง เห็นเพียงศาลาสูงประดับผ้าม่านพลิ้วไหว ร่างเพรียวบางในชุดดำนั่งพิงที่นั่งคนงามมันวาว โดยห้อยมือลงมาข้างหนึ่ง ในมือถือป้านสุราเครื่องปั้นดินดำงามวิจิตร พู่แดงที่ป้านสุราพันรอบท่อนแขนเขาครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งแกว่งไกวอยู่กลางอากาศ
กูอ่านแล้วจินตนาการแบบ หลานจ้านเงยหน้ามอง แล้วต้องตกตะลึงตาค้างเมื่อเจอเว่ยอิงคนงาม 555555
ชอบว่ะ ชอบร่างนี้ เหมือนองค์แม่ประทับร่าง
ในนิยาย เว่ยอิงร่างมารดูหลอนๆดีด้วย มีการเลี้ยงกุมารทอง ให้กุมารทองแดรกนิ้วเวินเฉา หลอนชห หลอนปนขำ แม่เลี้ยงกุมารทอง
ตอนหลานจ้านมาที่อวิ๋นเมิ่งอีก เว่ยอิงชวนหลานจ้านกินเหล้า ให้สาวสวยที่นั่งล้อมรอบเว่ยอิง รินเหล้าให้ กูคิดในใจ เดี๋ยวนี้เว่ยอิงควงสาวเหรอวะ ที่ไหนได้ ผีสาวนี่เอง แม่หลอนมาก แม่เอาผีสาวมารินเหล้าให้ หาสาวตัวจริงมานั่งข้างๆไม่ได้ ต้องนั่งกับผี
กูรู้สึกแค่ที่บกร.แปลชื่อกระบี่สิวๆไปเลยพอเจอพากย์ญี่ปุ่น
ซือจุยเป็นชิซุย เยวี่ยนเป็นเก็น โม่เป็นบาคุ
ต่อให้รู้ว่าอักษรจีนกับคันจิใช้ตัวเดียวกันแต่ไม่คิดว่าจะอิงสบเแปลยันชื่อตัวละคร555
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>777 เทียนกวาน Part.99
.
.
.
.
.
เผยหมิงฟันพุ่มไม้จนไปคว้าพวกผีกี้กี้ที่ลอบโจมตีแล้วจัดการหวดพวกมันทิ้ง พวกเขาเดินตามซืออู๋ตู้ไปจนเจอทะเลสาปกลางป่า พอไม่เห็นตัวคนทั้งๆ ที่ล็อคเกตนำทางมาก็ตั้งขอสันนิษฐานกันว่าอาจจะอยู่ใต้น้ำ แต่จะให้ดุ่มๆ ลงไปในทะเลสาปในเขตของผีน้ำก็ดูอันตรายไป ระหว่างที่สำรวจสถานที่กัน จู่ๆ ผีที่ก่อนหน้านี้เผยหมิงจับได้ก็กรีดร้องเสียงดัง พอพวกเซี่ยเหลียนหันไปดูก็เห็นมันหัวขาด ไม่ทันไรจู่ๆ เผยหมิงก็ทรุดลงคุกเข่าราวถูกอะไรบางอย่างดึงไว้ พอเทพแห่งน้ำจะเข้าไปดูก็ถูกอะไรบางอย่างกรีดผ่านแก้มไปจนเลือดออกทั้งๆ ที่พวกเขามองไม่เห็นสิ่งใด แต่แล้วเซี่ยเหลียนก็เห็นสิ่งก่อสร้างสีดำสะท้อนในน้ำ ทั้งๆ ที่บริเวณนั้นไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไร อีกทั้งใกล้ๆ ฝั่งยังมีคุกตั้งอยู่ ที่หน้าต่างซึ่งมีลูกกรงปรากฏมือสีขาวโบกไปมือราวขอความช่วยเหลือ ตอนนั้นเองเขาก็เห็นเงาสะท้อนว่าข้างหลังเขากับฮวาเฉิงมีเงาใกล้เข้ามา เขารีบใช้ฟางซิ่นฟันความว่างเปล่าตรงตำแหน่งที่เห็นในเงาสะท้อน แม้จะรู้สึกเหมือนฟันถูกอะไรแต่ก็ยังไม่เห็นสิ่งใด แล้วที่น้ำก็ปรากฏเงาสะท้อนของเงาสีดำมากมายกำลังล้อมพวกเขาไว้
เซี่ยเหลียนตะโกนบอกให้เผยหมิงใช้เงาสะท้อนในน้ำหาตำแหน่งศัตรู ทำให้แม่ทัพเผยสามารถจัดการพวกมันอย่างง่ายดาย ขณะที่ซืออู๋ตู้ตะโกนเรียกหาน้องในเงาสะท้อนบนผิวน้ำ ไม่นานซือชิงเสวียนซึ่งมีท่าทีหวาดกลัวก็โผล่หน้าผ่านลูกกรงให้เห็น ก่อนมีมือจำนวนมากดึงเขากลับเข้าไป เผยหมิงรีบคว้าเพื่อนที่จะพุ่งลงน้ำไว้ บอกว่าอาจเป็นกับดัก อีกทั้งอีกฝ่ายก็ไม่สามารถบังคับน้ำในแดนใต้ได้ดั่งใจ แต่เทพแห่งน้ำกลับไม่สนแล้วกระโจนลงทะเลสาบไป เซี่ยเหลียนรีบบอกให้เผยหมิงกลับไปต่อโลงศพที่ชายหาด โดยนำศพผีไปด้วยเพื่อเตรียมทางหนีไว้ ส่วนเขาจะตามซืออู๋ตู้ไปเอง เพราะแดนใต้อยู่ห่างจากเขตของแม่ทัพเผยทำให้อีกฝ่ายมีพลังไม่มาก อีกทั้งเขายังมีประสบการณ์ต่อสู้ด้วยมือเปล่ามานานกว่า พอเผยหมิงมองฮวาเฉิงก็คิดได้ว่ายังไงทั้งสองก็ไม่จมน้ำ ในสถานการณ์นี้ทั้งคู่ย่อมมีประโยชน์มากกว่า เขาจึงยอมทำตามเซี่ยเหลียนโดยไม่ดรามา
เซี่ยเหลียนขอยืมพลังจากฮวาเฉิงแล้วจัดการพวกผีตามที่เห็นในเงาสะท้อน ก่อนที่ทั้งสองจะกระโดดลงไปในทะเลสาป พอลงไปถึงพื้นก็ไม่เห็นพี่น้องซือสักคนเลยว่ายกลับขึ้นมาบนผิวน้ำ แล้วก็พบว่าพวกตนมาโผล่ในอีกสถานที่หนึ่งซึ่งมีสิ่งก่อสร้างสีดำรวมถึงคุกซึ่งก่อนหน้านี้เห็นในเงาสะท้อนของน้ำ พอขึ้นฝั่งก็เจอซืออู๋ตู้กำลังต่อยที่ล็อคทางเข้าคุกอย่างอับจน เมื่อเห็นเซี่ยเหลียนก็เหมือนเพิ่งสำนึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเทพสงครามจึงแสดงความยินดีออกมา หลังเซี่ยเหลียนกระทืบตัวล็อกไป 2 ทีมันก็แตก แต่ก่อนพวกเขาจะทันทำอะไร ก็มีฝูงชนร้องตะโกนกรูกันออกมา อีกฝ่ายล้วนเหม็น แต่งกายสกปรก ดวงตาเลื่อนลอย แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเขา หลังยืนอึ้งพักหนึ่งเทพแห่งน้ำก็รีบเข้าไปข้างในคุก แล้วก็พบว่าข้างในพื้นลื่นและเหม็นมากจนต้องปิดจมูก พอได้ยินเสียงพี่ชาย ซือชิงเสวียนก็ตอบกลับด้วยเสียงอ่อนแรง
ซือชิงเสวียนอยู่ด้านในสุดของคุก รอบๆ เต็มไปด้วยคนเสียสติที่เป็นโรคผิวหนัง สกปรกน่าสยดสยองไม่ต่างจากสัตว์ประหลาด มีถังใส่เศษอาหารที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่า อีกทั้งหม้อขับถ่ายก็เหมือนไม่ได้ทำความสะอาดมาหลายเดือน แต่อย่างไรพวกเขาก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ไม่เข้าใจว่าเหตุใดธาราทมิฬล่มเรือจึงจับมาขังไว้ที่นี่ ซือชิงเสวียนบอกให้ช่วยดูหมิงอี้ซึ่งได้รับบาดเจ็บกว่าเขามากเพราะถูกปลากระดูกกัดจนติดพิษ ทุกคนจึงเพิ่งสังเกตเห็นเทพแห่งดินนอนอยู่บนพื้น ซือชิงเสวียนเดินไปประคองหมิงอี้ขึ้นมา พอคิดว่าในเมื่อที่นี่อยู่กลางทะเล เวลาธาราทมิฬล่มเรือจะไปไหนน่าจะต้องใช้คาถาร่นระยะ ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีบางจุดในเกาะนี้ที่พวกเขาใช้คาถาได้ เทพแห่งดินถามขึ้นว่าสิ่งก่อสร้างสีดำนั่นคืออะไร เมื่อคิดได้ว่าที่นั่นน่าจะเป็นที่อยู่ของธาราทมิฬล่มเรือ ทั้ง 5 จึงมุ่งหน้าไป ซึ่งเซี่ยเหลียนก็สังเกตได้ว่าฮวาเฉิงมีท่าทีเคร่งเครียดกว่าปรกติเป็นอย่างมาก และเมื่อพวกเขาไปถึงสิ่งก่อสร้างสีดำนั่นก็พบว่าที่นี่ดูคล้ายกับตำหนักของเทพแห่งน้ำและเทพแห่งลมเป็นอย่างมาก
ด้วยความไม่อยากมีเรื่องพวกเขาจึงเข้าทางประตูหน้าอย่างสันติ แต่หลังจากเคาะประตูก็ไม่มีเสียงใครตอบรับ พวกเซี่ยเหลียนเลยถือวิสาสะเข้าไปด้านในแล้วเจอศพแต่งกายสีดำนั่งอยู่กลางห้องโถง ในเมื่อที่แห่งนี้เป็นของธาราทมิฬล่มเรือ หรือว่าศพที่ถูกตั้งเคารพตรงนี้จะคืออีกฝ่ายกันแน่
.
.
.
.
.
คำว่าพี่รอง พี่รองหลานมันทำไมวะมุง ทำไมพี่วั่งดูมีปฏิกิริยา
>>787 ไม่ใช่การแปลจ้า เป็นการออกเสียงแบบบ้านเขา ญี่ปุ่นต่างจากเราที่มีพยัญชนะ สระ วรรยุกต์เยอะจากทับศัพท์ได้ไง เการออกเสียงแบบนั้นคือการทับศัพท์ของเขาแล้วเว้ย เพราะมันเป็นการออกเสียงที่ไม่มีความหมายในภาษาญี่ปุ่น มึงต้องลองไปดูฝั่งจีน นั่นน่ะตัวแปลของจริง หนังไม่ว่าจะญี่ปุ่นไทยฝรั่งเกาหลีแปลชื่อเป็นจีนหมดจ้าไม่มีทับศัพท์เลยสักตัว
Part.99 มาแล้ววว ดีใจมาก!!! ขอบคุณมากๆ
>>784 จะร้องไห้สลับฟินจริง ฉากปวดใจอย่างตระกูลเจียงโดนฆ่า ฉากยกจินตันให้เจียงเฉิง ฉากพี่เว่ยโดนโยนลงเนินป่าช้า ฉากพี่วั่งเรียกพี่เว่ยกลับกูซู นี่ขนาดว่ารู้เรื่องมาก่อนแล้วยังปวดใจเวลาอ่านเลย 555555 แต่ยังดีมีฉากฟินๆมาช่วยฮีลหัวใจบ้าง ชอบฉากกระต่ายที่มากองๆกันที่พี่วั่งอ่ะ กูนึกภาพตามแล้วอย่างน่ารัก
แต่พออ่านเล่มสามจบก็อยากอ่านเล่มสี่ต่อทันที ไม่น่าเลย 5555555 ใจอยากอ่านเล่มห้าแล้วด้วยซ้ำ
>>790 เกอเกอ เกอเกออ 5555 คนอื่นเค้าทุบตั้งนานเกอเกอมากระทืบสองทีแตก ได้!
>>796 รอดูฉากกระต่ายกองฟูๆในม่านฮวา กูว่าม่านฮวาน่าจะวาดเก็บฉากนี้ เออแต่ตอนนี้ม่านฮวาแปลอิ้งค์เข้าไปอ่านไม่ได้ละอ่ะ มันต้องล้อกอินไรไม่รู้ แต่ก่อนกูเคยอ่านถึงพาร์ทเมืองอี้ เข้าไปดูอีกทีไม่รู้แม่งล้อคไปตั้งกะเมืีอไหร่ สงสัยต้องรออ่านแปลไทยของอุคบี
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>790 เทียนกวาน Part.100
.
.
.
.
.
เถ้ากระดูกคือจุดอ่อนของผี ศพนี้คงไม่ใช่ธารทมิฬล่มเรือเพราะอีกฝ่ายคงไม่เอาร่างตัวเองมาตั้งโชว์ ทว่าจะมาสงสัยว่าอีกฝ่ายคือใครในเวลาแบบนี้ก็ใช่ที่ ซืออู๋ตู้เลยหันไปเรียกหมิงอี้ ถามว่าที่นี่น่าจะวาดคาถาร่นระยะได้ไหม ทันใดนั้นศพกลางห้องก็ยกหัวขึ้น พร้อมยื่นมือคว้าเทพแห่งน้ำ แต่พอเซี่ยเหลียนซัดไปก็แน่นิ่ง เขาจึงตั้งข้อสังเกตว่าที่มันขยับได้อาจจะเป็นจิตสุดท้าย และคำพูดบางอย่างของเทพแห่งน้ำอาจไปกระตุ้นมันเข้า พอเห็นทุกคนกลับไปโฟกัสกับศพอีก หมิงอี้เลยเร่งให้ตามหาจุดที่ใช้คาถาได้
ดูเหมือนว่าธาราทมิฬล่มเรือจะไม่อยู่ ทั้ง 5 จึงสำรวจจนไปเจอห้องแคบๆ ที่มีร่องรอยคาถาร่นระยะวาดไว้ แต่พอหมิงอี้เชคก็บอกว่าที่นี่สามารถส่งคนผ่านไปทีละคนเ หากฝืนเข้าไปพร้อมกันพอออกไปปลายทางจะทำให้ร่างทุกคนรวมกันประหนึ่งน้องนีนา FMA อีกทั้งคนที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถกลับมาบอกคนที่นี่ได้ว่าปลายทางถูกต้องหรือไม่ แต่แล้วข้างนอกก็มีเสียงพายุจากเควสคราวเคราะห์ของซืออู๋ตู้ดังขึ้น เพื่อไม่ให้ธาราทมิฬล่มเรือโกรธ พวกเขาต้องรีบไปทันที เทพแห่งดินอธิบายว่าหลังใช้งานครั้งหนึ่งก็ต้องวาดคาถาขึ้นใหม่ เขาที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้มากที่สุดจะอยู่รั้งท้ายให้เอง พอซือชิงเสวียนบอกว่าจะอยู่กับหมิงอี้เป็นคนรองสุดท้าย บราคอนซืออู๋ตู้ก็ไม่พอใจจนมีปากเสียง ซือชิงเสวียนเลยจี้พี่ชายว่าจะทิ้งเผยหมิงไว้เหรอ แต่เทพแห่งน้ำก็บอกว่าแม่ทัพเผยถึกทน รอพวกตนไปตามกำลังเสริมมาช่วยก็คงยังไม่ตาย ทำเอาเซี่ยเหลียนแอบรู้สึกสงสารเผยหมิงหน่อยๆ พอฟ้าผ่าดังขึ้นอี ซืออู๋ตู้ก็ไม่มีทางเลือกต้องรีบไปก่อนคนแรก แล้วหมิงอี้ก็จับซือชิงเสวียนโยนเข้าประตูเป็นรายต่อไป ส่วนฮวาเฉิงบอกว่าตนตายแล้วเข้าไปพร้อมกับเซี่ยเหลียนก็ไม่มีปัญหา เขาหันไปบอกหมิงอี้ให้ปลายทางเป็นอารามผูจี้ พอทั้งคู่เข้าไปในห้องแล้วเปิดประตูออกมาอีกครั้งก็มาถึงปลายทางที่ต้องการ
สักพักเซี่ยเหลียนก็ติดต่อโทรจิตไปหาหมิงอี้เพื่อเชคว่าออกมาจากเกาะหรือยัง พอไม่ได้รับการตอบรับเลยเข้าไปในเครือข่ายกลางของสวรรค์แทน แต่ก็พบว่าทุกอย่างวุ่นวาย พอหลิงเหวินทราบว่าพวกเซี่ยเหลียนหลงไปทะเลใต้ก็ตกใจมาก เพราะตอนนี้ยังติดต่อพวกซืออู๋ตู้ไม่ได้สักคน ทันใดนั้นเซี่ยเหลียนก็ปะติดปะต่อเรื่องเกือบทุกอย่างออก เขาหันมาถามฮวาเฉิงซึ่งยืนหน้าเครียดว่าอีกฝ่ายกับคนๆ นั้นทำสัญญากันไว้นานแล้วใช่หรือไม่ แต่พออ๋องผีจะตอบเขาก็ห้ามไว้เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายผิดสัญญากับคนๆ นั้น ฮวาเฉิงเอ่ยขอโทษ ขอให้เรื่องจบเท่านี้ แต่เซี่ยเหลียนกลับใช้คาถาสลับวิญญาณกับซือชิงเสวียน แต่ด้วยความที่ไม่มีพลังทิพย์แล้ว ทำให้วิญญาณของอีกฝ่ายไม่ได้สลับมาที่ร่างเซี่ยเหลียน
ซือชิงเสวียนกำลังวิ่งอย่างหวาดกลัว เซี่ยเหลียนจึงเข้าบังคับร่างอีกฝ่ายแล้วบอกให้ใจเย็น ซือชิงเสวียนดีใจมากที่เซี่ยเหลียนกลับมาช่วยเพราะเขายังติดอยู่ในเกาะของธาราทมิฬล่มเรือ อีกทั้งไม่พบกับพี่ชายของตน เซี่ยเหลียนใช้ร่างของอีกฝ่ายปีนไปซ่อนบนต้นไม้ บอกให้เจ้าของร่างเงียบเสียงเพราะเห็นหมิงอี้ที่สุดปลายถนน พออีกฝ่ายเดินพ้นไปไกลแล้วจึงปีนต้นไม้ลงมา แต่ทันใดนั้นร่างของเขาก็แข็งค้าง เมื่อหันหลังไปก็เจอหมิงอี้อยู่ในระยะปะชิด เซี่ยเหลียนรีบเอามือไปซ่อนด้านหลังเพื่อส่งซิกไม่ให้ซือชิงเสวียนบอกอีกฝ่ายว่าเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย
หมิงอี้เสนอให้ไปตามหาซืออู๋ตู้ พอได้จังหวะซือชิงเสวียนก็แอบขยับปากแบบไม่มีเสียงถามเรื่องราวจากเซี่ยเหลียน เขาจึงตอบไปว่าคนตรงหน้าเป็นตัวปลอม แท้จริงอีกฝ่ายคือผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่า พอเห็นคนที่เดินตามมาหายใจสะดุด หมิงอี้ก็หันมาถามว่าเป็นอะไร เมื่อซือชิงเสวียนตอบว่าตนกลัว เทพแห่งดินก็บอกว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะกลัว พอซือชิงเสวียนก้าวเท้าพลาด ปากสั่นบอกว่าตนอยากตาย คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ ฝันไปเถอะ แม้ปรกติเขาจะคิดว่าที่อีกฝ่ายชอบพูดเย็นชาเพราะเป็นพวกซึนเดเระ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกกลัวมาก แล้วเซี่ยเหลียนก็ขยายความเพิ่มว่าสถานะอีกอย่างของคนตรงหน้าคือธาราทมิฬล่มเรือ ผู้ซึ่งมีนามจริงว่าเฮ่อเสวียน
Note 1 : จริงๆ ฮวาเฉิงก็เคยบอกแล้วว่าธาราทมิฬล่มเรือชื่อว่าเสวียน ตั้งแต่สปอย Part.28 แล้ว (โคตรยาวไกล) >>>/801/7776/539
Note 2 : ทุกครั้งที่ซือชิงเสวียนเคลมว่าหมิงอี้เป็นเพื่อนรัก หมิงอี้จะปฏิเสธตลอดว่าเขาไม่เคยเป็นเพื่อนรักของซือชิงเสวียน (กูถึงสปอยละเอียดไงล่ะ ทุกอย่างมันเชื่อมกัน)
Note 3 : ธาราทมิฬล่มเรือเป็นผีที่กินผีด้วยกัน เป็นผีสายกินแหลก (แต่มาดับอนาถกับอาหารของเซี่ยเหลียน) เรื่องบอกแล้วว่าเฮ่อเสวียนเองก็กินผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าไป และในเรื่องก็จะมีฉากที่หมิงอี้มุ่งมันกินหรือเคี้ยวอะไรบางอย่างในปากอยู่บ่อยๆ เรียกว่าบอกใบ้มาตลอด
.
.
.
.
.
เทียนกวานตอน100นี่เริ่มเพิ่มระดับความแซ่บขึ้นเลือยๆจริงๆ
ตามสปอยเทียนกวานในมู้นี้มากพักใหญ่ละ รู้สึกเป็นบุญมากหลังจากง่อยอิ้ง มีข้อสงสัย ทำไมเรียกฮวาเฉิงว่าฟาฟา? เห็นมานานแล้วแต่ก็ยังไม่เก็ท อธิบายที
เพื่อนโม่งงง คือกูพรีปรมาจารย์เล่ม 3 ไปเว้ย แล้วทีนี้กูลองเปิดกล่องดู คือกูอยากรู้ว่าสีจริงของเล่มกับของแถมมันเป็นยังไง กูรู้สึกว่าของที่ได้มันสีเพี้ยน
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>799 เทียนกวาน Part.101
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนใช้ร่างซือชิงเสวียนหลอกหมิงอี้ว่าต้องการพัก ก่อนเดินฉีกไปที่หนองน้ำเพื่อแอบคุ้ยกับเจ้าของร่าง ซือชิงเสวียนหวาดกลัวมากแล้วถามถึงเทพแห่งดินตัวจริง เซี่ยเหลียนจึงอธิบายว่าคนที่อยู่ซือชิงเสวียนมาตลอดก็คือเฮ่อเสวียน ส่วนหมิงอี้ตัวจริงคือศพที่พวกเขาเห็นในบ้านของธาราทมิฬล่มเรือ ที่อีกฝ่ายใช้พลั่วของเทพแห่งดินไม่คล่องเป็นเพราะไม่ใช่เจ้าของตัวจริง เฮ่อเสวียนคือคนที่กินผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าเพื่อใช้มันตามหาซือชิงเสวียน และเป็นคนที่จับเทพแห่งดินมาขังและสังหารเพื่อสวมรอยขึ้นไปบนสวรรค์
จู่ๆ หมิงอี้ก็เข้ามาจับไหล่ของซือชิงเสวียน แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายแค่มาช่วยจัดการผีน้ำ ก่อนดึงแขนให้ออกเดินทางต่อ พอนึกดีๆ แล้วทั้งคนที่เขียนคาถาร่นระยะจนไปโผล่ที่เมืองฟูกู คนที่วาดคาถาในบ้านของธาราทมิฬ คนที่คลาดสายตาจากซือชิงเสวียนจนถูกผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าลักพาตัว คนที่เจอตัวซือชิงเสวียนเป็นคนแรก คนที่คอยอยู่ข้างๆ จนเข้าใจสิ่งที่ซือชิงเสวียนกลัวทะลุปรุโปร่ง คนที่รู้รหัสผ่านโทรจิตของซือชิงเสวียนและสั่งให้อีกฝ่ายเปิดประตูก็คือหมิงอี้ การที่เขาต่อยป้ายอารามของเทพแห่งน้ำและเทพแห่งลมจนแตกเป็นสองเสี่ยงก็เป็นเรื่องที่ตั้งใจ ที่ตั้งศพของเทพแห่งดินไว้เคารพในบ้านก็เพื่อให้วิญญาณของอีกฝ่ายสงบไม่ก่อเรื่อง ที่จิตสุดท้ายก็หมิงอี้ตัวจริงทำให้ร่างขยับเป็นเพราะซืออู๋ตู้เรียกชื่อของเขาขึ้นมา อีกทั้งคนที่ทำเช่นนี้กับเขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย เป็นอีกฝ่ายที่เตรียมการทุกอย่างไว้
ตอนที่หมิงอี้มาเจอฮวาเฉิงที่อารามผูจี้ก็รีบออกตัวว่าไม่ได้ตั้งใจมานี้ด้วยความตั้งใจของตัวเอง ตอนที่กล่าวหาฮวาเฉิงว่ามีสายลับบนสวรรค์ อ๋องผีก็ตอกกลับว่าอีกฝ่ายก็รู้ดีอยู่แล้ว นั่นเป็นเพราะเฮ่อเสวียนคือสายลับคนนั้นเ เจวี๋ยทั้ง 2 คนให้ความร่วมมือกันเพื่อสมผลประโยชน์ คนที่ส่งมังกรไฟขอความช่วยเหลือคงเป็นเทพแห่งดินตัวจริง เพราะเฮ่อเสวียนต้องจับเป็นอีกฝ่ายไว้รีดข้อมูลศึกษาพฤติกรรมจะได้ปลอมตัวเนียนๆ ฮวาเฉิงให้ความช่วยเหลืออีกฝ่ายปกปิดความจริงโดยการส่งผู้ตรวจการเมืองผีที่มีคำสาปพันธนาการคนนั้นมาโชว์คำสาปดึงความสนใจเซี่ยเหลียนจนตามไปเจอตอนทอยเต๋าเข้าไปที่คุกลับ ปฏิบัติการช่วยเหลือหมิงอี้ตัวปลอมในเมืองผีถึงได้ราบรื่นขนาดนั้น ส่วนหมิงอี้ตัวจริงก็คงถูกสังหารหลังจากเหตุการณ์นั้น และตอนที่ฮวาเฉิงขอตัวไปทำธุระตอนอยู่ที่ระเบียงน้ำตกสุราก็เป็นเพราะทั้งสองแอบไปคุยกันนั่นเอง
หมิงอี้หันมาถามหาล็อกเกตคู่ของพี่น้องซือ เพราะรู้ว่าหากมีใครได้รับบาดเจ็บ ล็อกเกตของอีกคนจะสั่น เขาจิกแขนตัวเองจนเป็นแผล ก่อนบอกให้อีกฝ่ายส่งสร้อยมาให้เขาสวม แต่ด้วยความห่วงพี่ชาย ซือชิงเสวียนเลยเนียนโกหกไปว่าหากไม่ใช่ตัวเขาแล้วจะไม่มีผล แต่ตอนนั้นเองจู่ๆ ล็อกเกตของเขาก็สั่น ซือชิงเสวียนรีบโกหกต่อว่าเป็นกับดักแน่ เพราะพี่ชายของเขาจะบาดเจ็บได้ยังไง แต่หมิงอี้อ้างว่าในเขตของผีอะไรก็เกิดขึ้นได้แล้วเร่งให้เดินตามล็อกเกตไป สักพักพวกเขาก็เจอซืออู๋ตู้นอนเลือดอาบอยู่บนพื้น แต่พอซือชิงเสวียนเข้าไปดูก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ใช่พี่ชาย แต่เป็นผีที่แต่งกายด้วยเสื้อนอกของเทพแห่งน้ำพร้อมสวมสร้อยไว้
ทันใดนั้นก็มีพลังทิพย์พุ่งอัดหมิงอี้จนหน้าอกทะลุเป็นรู ก่อนที่ซืออู๋ตู้ตัวจริงจะเข้ามาจับแขนน้องชายวิ่งหนี ดูเหมือนเทพแห่งน้ำจะสงสัยหมิงอี้ แต่แม้จะไร้หลักฐานยังซัดอีกฝ่ายชนิดให้ถึงตาย พอซือชิงเสวียนหันกลับไปเห็นเทพแห่งดินลุกขึ้นนั่งก้มมองรูบนหน้าอกตัวเองก่อนลุกขึ้นยืนก็รู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัว หมิงอี้ตามมาทันชนิดแทบจะทันทีทันใด ซืออู๋ตู้จึงหยิบพัดขึ้นมาสู้ แต่แล้วพัดก็ถูกกระชากออกจากมือ ทุกย่างก้าวที่เข้ามาใกล้เครื่องแต่งกายของหมิงอี้ก็เปลี่ยน เช่นเดียวกับหน้าที่ซีดขาวและตอบลงจนแน่ชัดว่าคนผู้นี้ไม่มีชีวิต ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายคือธาราทมิฬล่มเรือ แต่ซืออู๋ตู้ก็คิดเพียงว่าอีกฝ่ายแค่ปลอมตัวเป็นจ้าหน้าที่สวรรค์ไปสืบข่าว ทั้งยังพูดอย่างหยิ่งยะโสว่าไม่ได้อยากมีเรื่อง ขอให้เลิกแล้วแยกย้ายกัน แต่ธาราทมิฬล่มเรือก็บอกให้อีกฝ่ายมองหน้าของเขาดีๆ แค่ไม่กี่ร้อยปีก็ลืมหน้าเขาไปแล้วหรือ สักพักซืออู๋ตู้ก็ทำหน้าเหมือนเห็นผี ร้องว่าเจ้ายังไม่ตายหรือ แต่ก็ถูกตอกกลับทันทีว่าเขาตายแล้วต่างหาก และเมื่อเฮ่อเสวียนโบกมือ ซือชิงเสวียนก็หมดสติไป
Note 1 : เห็นความเชื่อมโยงของคำพูดตัวละครที่กูเคยปลอยในพาร์ทก่อนๆ หรือไม่ ทุกอย่างมันเชื่อมมาหมดเลยไม่อยากตัด
Note 2 : เพราะฉะนั้นตอนที่ฮวาเฉิงตบหมิงอี้จมดินคือตบถูกคนแล้ว ไม่ใช่พาลแล้วไปทำร้ายคนอื่นอย่างที่ซือชิงเสวียนคิด
Note 3 : จริงๆ เฮ่อเสวียนก็พยายามกันเซี่ยเหลียนออกไปนะ ตอนที่ไปช่วยซือชิงเสวียนออกจากตำหนักก็บอกให้ช่วยแค่นี้ แต่เซี่ยเหลียนไม่เก็ต
.
.
.
.
.
รอตามสปอยอยู่นะฮะ สรุปได้ยอดมากเลย เข้าใจง่ายเลยอ่ะ พอถึงตอนนี้นึกย้อนกลับไปตอนฮวาเฉิงตื้บหมิงอี้จมดินแล้วแอบขำ
>>810 ขอบคุณโม่งสปอยมากๆ แบบนี้ก็หมายความว่าเฮ่อเสวียนมาตีสนิทกับซือชิงเสวียนหลังเหตุการณ์ที่หมิงอี้ปล่อยมังกรไฟตอนอยู่เมืองผี? เพราะหมิงอี้น่าจะโดนฆ่าหลังจากนั้น งั้นก็หมายความว่าก่อนหน้านั้นที่ซือชิงเสวียนสนิทด้วยก็คือหมิงอี้ตัวจริงๆใช่ไหม? ถ้าเป็นงั้นจริงคือเฮ่อเสวียนเนียนมากเลยนะนั่น
>>814
.
.
.
.
.
ไม่ใช่อะ หมิงอี้ตัวจริงถูกเฮ่อเสวียนจับตัวไปนานแล้ว แถมน่าจะเป็นคนรักสันโดษ ชอบพูดจาเย็นชาแบบที่เฮ่อเสวียนทำ เพราะคนบนสวรรค์ไม่ค่อยรู้จักหน้า พอหายไปมีคนปลอมตัวมาแทนที่ก็ไม่มีคนรู้ คนที่ซือชิงเสวียนสนิทด้วยตั้งแต่แรกคือเฮ่อเสวียนที่ปลอมตัวเป็นหมิงอี้
.
.
.
.
.
>>815 นานที่ว่านี่คือ ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหนงี้เหรอ เหมือนจับหมิงอี้ไปแต่ก็ไม่ได้ฆ่าทันที เอาไปศึกษาพฤติกรรมก่อนแล้วค่อยมาตีสนิทกับซือชิงเสวียน? เพื่อนโม่งอย่าหาว่ากูถามเยอะเลย คือสนใจคู่นี้ด้วยแหละ ที่ผ่านมาคือตามสปอยอันน้อยนิดของชาวบ้านตามทวิต แล้วกรณีดราม่าของสามคนนี้ ซือชิงเสวียนผิดมากน้อยแค่ไหน? โอ้ยเนี่ย กูสงสัยก็ถามอีกละ แต่มันก็อยากรู้จริงๆ ใจร้อนก่อนสปอยโม่งจะมา
>>816
.
.
.
.
.
อืม ไม่ได้บอกว่านานเท่าไร แต่ต้องเป็นตั้งแต่ก่อนที่อิ๋นอวี้จะถูกเนรเทศ เพราะตอนที่อิ๋นอวี้ยังเป็นเทพ เฮ่อเสวียนก็ปลอมเป็นหมิงอี้แล้ว ก็น่าจะ 100 ปี + ได้มั้ง (แล้วน่าจะเป็นซือชิงเสวียนที่เป็นฝ่ายเข้าหาก่อน เพราะตอนแรกซือชิงเสวียนจะมาคุยกับอิ๋นอวี้ แต่พอหันไปเห็นหมิงอี้นั่งซัดอาหารอยู่ใกล้ๆ ก็เบนความสนใจเลย) แล้วเพิ่งมาฆ่าหลังจากที่เจ้าตัวส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากสวรรค์
(ส่วนถ้าถามว่าอิ๋นอวี้คือใคร อิ๋นอวี้คือผู้ตรวจการเมืองผี ลูกน้องฮวาเฉิงที่มีคำสาปพันธนาการที่ข้อมือนั่นแหละ แต่เดิมเป็นเทพสงครามประจำทิศตะวันตกคู่กับเฉวียนอี้เจิน มีศักดิ์เป็นศิษย์ของอีกฝ่าย ในละครเรื่องเล่าของเฉวียนอี้เจินตอนที่เล่นเกมส่งจอกเหล้ากัน ตัวร้ายในเรื่องเล่านั้นก็คืออิ๋นอวี้)
.
.
.
.
.
>>816 เออ กูก็สงสัยว่าไอ้เรื่องอิรุงตุงนังนี่ชิงเสวียนมีส่วนรู้เห็นมากน้อยแค่ไหน คือกูชอบคาร์ชิงเสวียน เลยอ่านแบบมีไบแอสนิดนึง เหมือนชิงเสวียนแค่แบ๊วๆไปวันๆเจอเรื่องไม่ดีก็ไปบอกพี่ แล้วพี่ก็จัดการเองเสร็จสรรพตามที่ตัวเองเห็นว่าดีแบบไม่ปรึกษาใครเลย กลายเป็นโยนความซวยให้คนอื่นเฉย ถ้าชิงเสวียนไม่มีส่วนรู้เห็นตรงนี้กูว่าเอาจริงๆก็ไม่ใช่คนผิดนะ
>>817 ขอบคุณเพื่อนโม่งมากๆที่ช่วยไขข้อข้องใจให้ คืนนี้นอนหลับฝันดีแล้ว O<---< อยากถามอีกสักนิด(?) ในความเห็นของเพื่อนโม่ง ซือชิงเสวียนผิดมากน้อยแค่ไหนกันกับเรื่องที่โดนซืออู๋ตู้สลับชะตากับเฮ่อเสวียน นี่ก็ฟังแบบคร่าวๆจากคนอื่น คิดว่าชิงเสวียนไม่รู้นี่หว่าแถมยังรู้สึกผิดด้วย? แล้วการที่เฮ่อเสวียนพาไปปล่อยในโลกมนุษย์ในตอนท้ายๆของทั้งคู่นี่เหมือนการช่วยอย่างหนึ่งไหม หรือยังไง วอนเพื่อนโม่งไขข้อข้องใจให้ที กราบงามๆ
>>819 ซือชิงเสวียนไม่ผิด แต่ว่าก็อยู่ในโซนสีเทา เฮ่อเสวียนเห็นซือชิงเสวียนมีชีวิตดี๊ ดี จากชะตาที่ถูกสลับกับของตัวเอง โดยไม่ต้องพยายาม ใช้ชีวิตมีความสุข สนุกไปวันๆ แล้วมันบาดตาบาดใจ ที่เอาไปปล่อยนั่นมันไม่ใช่การช่วยหรอก แต่ก็เหมือนว่าเฮ่อเสวียนก็ไม่เอาเรื่องต่อแล้ว ให้จบกันไปแค่นี้ (ยังพอใจดีที่เอาปล่อยไปในที่ๆ อีกฝ่ายคุ้นเคยที่ทาง แต่ไม่รู้ว่าที่ซือชิงเสวียนพิการเป็นเพราะเฮ่อเสวียนหรือเปล่า ถึงซือชิงเสวียนจะบอกว่าไม่เกี่ยวก็เถอะ)
>>819
.
.
.
.
.
ตามความเห็นกูซือชิงเสวียนไม่ใช่คนผิดโดยตรง กูไม่โทษแต่ก็ไม่รู้สึกสนิทใจด้วย มันเป็นความแสลงตาแสลงใจมากกว่า คือเมื่อดูชีวิตของเฮ่อเสวียนกับครอบครัวแล้วหันมามองเทพสองพี่น้องมันเหมือนมีอะไรมาทิ่มในใจตลอด
คนที่ความจริงควรจะได้เป็นเทพ รอบข้างมีพ่อแม่น้องสาวคู่หมั้นรักใคร่อบอุ่นกลับกลายเป็นความชิบหายชีวิตสิ้นหวังดิ่งสุดจนกลายเป็นผีเจวี๋ย แต่อีกฝ่ายพี่น้องอยู่พร้อมหน้าบนสวรรค์ โดยเฉพาะคนน้องที่แค่เทเหล้าก็ได้การยอมรับเป็นเทพแล้ว พอมองคนที่ดูภูมิใจในตัวเองโดยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเด็กเส้นที่พี่ปูทางรอด้วยกลีบกุหลาบ มันก็...นะ ดังนั้นพอเปรียบเทียบแบบนี้แล้วกูก็โกรธจนกระอักแทนเฮ่อเสวียนแล้วได้แต่สงสัยว่าเขาทำผิดอะไร... ส่วนกับซือชิงเสวียนสมองส่วนเหตุผลบอกว่าไม่ผิดแต่ส่วนความรู้สึกมันอดรู้สึกโกรธไม่ได้จริง ๆ พอมารวมกันเลยเป็นความกระอักกระอ่วนแสลงตาแสลงใจ
ส่วนครส.ที่เฮ่อเสวียนมีต่อซือชิงเสวียนสำหรับกูนะ เริ่มต้นโกรธเกลียดจริงแหล่ะ แต่พอแก้แค้นสำเร็จก็เหมือนได้ปล่อยวางระดับนึง แล้วพอหันไปมองอดีตก็เห็นความผูกพันบ้างแหล่ะ เพราะซือชิงเสวียนก็ดีกับเขาจริง ๆ แต่ก็เลยจุดที่จะกลับไปเป็นเพื่อนกันแล้วอ่ะ อาจให้อภัยแต่จะให้ลืมทุกอย่างแล้วกลับไปคบกันอย่างสนิทใจคงไม่ไหวจริง ๆ
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>810 เทียนกวาน Part.102
.
.
.
.
.
พอซือชิงเสวียนรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองถูกล่ามโซ่ไว้ไว้ในบ้านของธาราทมิฬล่มเรือ รอบตัวมีคนเสียเป็นโรคผิวหนังสติเต็มไปหมด เซี่ยเหลียนพยายามจะสอนวิธีสะเดาะตัวล็อค แต่พลังทิพย์ของที่ยืมมาเหมือนกำลังถูกสูบออกไปจนไม่อาจสื่อสารกับเจ้าของร่างได้ พอเห็นน้องฟื้น ซืออู๋ตู้ก็ร้องเรียก แต่ก็ถูกเฮ่อเสวียนเตะให้ลงไปนั่งคุกเข่าอีก เฮ่อเสวียนสั่งให้คนตรงหน้าทำความเคารพพ่อ แม่ น้องสาว และคู่หมั้นของเขา หลังจากจ้องหน้าน้อง ซืออู๋ตู้ก็ยอมโขกศีรษะให้กระถางอัฐิทั้ง 4 ใบ ทำไปได้ 10 รอบก็ทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ถูกเฮ่อเสวียนเหยียบหัว บอกว่าเขายังไม่สั่งให้หยุด แม้จะรู้ว่าซืออู๋ตู้เป็นฝ่ายผิด แต่พอมาเห็นพี่ชายผู้หยิ่งทระนงต้องคุกเข่าโขกศีรษะก็ทำให้ซือชิงเสวียนอดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้
ซืออู๋ตู้บอกว่าน้องชายของเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เฮ่อเสวียนบอกว่าจะไม่เกี่ยวได้อย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายคือเขาที่เอาโชคชะตาของเขาไปใช้ เทพแห่งน้ำยังพยายามพูดว่าน้องของตนไม่รู้เรื่อง แต่มันกลับไปจุดความโกรธของเฮ่อเสวียน อีกฝ่ายถามว่าแล้วทำไมถึงไม่ยอมให้ซือชิงเสวียนได้รับรู้ อีกฝ่ายจึงได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องรู้สึกอะไรที่ขโมยชะตาของคนอื่นมา อีกอย่างเขาก็เคยให้โอกาสซือชิงเสวียนโดยการห้ามไม่ให้ตามเผยหมิงไปที่ทะเลตะวันออกแล้ว ซือชิงเสวียนได้แต่กล่าวขอโทษ พอเฮ่อเสวียนถามว่าอยากตายชดใช้ความผิดหรือ ซืออู๋ตู้ก็ร้องว่าความผิดของน้องชายของเขาไม่ควรถึงตาย แต่ก็ถูกเฮ่อเสวียนตอกกลับว่าแล้วครอบครัวของเขาผิดอะไรถึงต้องตาย
เฮ่อเสวียนบอกว่าคนเสียสติที่อยู่ที่นี่คือคนที่ถูกโชคชะตาทำร้ายจนเป็นบ้า ก่อนบอกว่าเขาจะให้ตัวเลือกสองพี่น้อง 2 อย่าง อย่างแรกในเมื่อซืออู๋ตู้สลับชะตาเก่งนัก ก็ให้สลับชะตาของซือชิงเสวียนกับหนึ่งในคนเหล่านี้แล้วไปใช้ชีวิตในภพมนุษย์ ด้วยเรื่องที่เทพแห่งน้ำทำ เขาคงไม่แคล้วถูกเนรเทศ ทำเอาเซี่ยเหลียนกังวลว่าแล้วทั้งสองจะใช้ชีวิตกันต่อไปอย่างไร ส่วนทางเลือกที่ 2 ให้ซือชิงเสวียนตัดหัวพี่ชายมาให้เขาซะ จากนั้นก็อย่ามาให้เขาเห็นหน้าอีกแล้วเขาจะทำเป็นว่าอีกฝ่ายไม่เคยมีตัวตน พูดแล้วเฮ่อเสวียนก็โยนกระบี่ทื่อขึ้นสนิมให้
ซืออู๋ตู้ขอว่าเขาจะฆ่าตัวตายเอง ส่วนซือชิงเสวียนบอกให้พี่ชายเลือกตัวเลือกข้อแรก ซืออู๋ตู้ไม่ยอม บอกว่าเขาทนเห็นน้องชายในสภาพแบบนั้นโดยที่ตัวเองไร้พลังช่วยเหลือไม่ได้ เทพแห่งน้ำหยิบกระบี่ยื่นให้น้องชาย บอกให้หลังจากนี้ไปขอความช่วยเหลือจากเผยหมิง เมื่อซือชิงเสวียนยังไม่ยอมลงมือ เขาก็อธิบายให้น้องฟังว่าด้วยนิสัยของเขา ทำให้เขามีศัตรูอยู่มากมายทั้งบนสวรรค์และภพมนุษย์ อย่าว่าแต่ดูแลซือชิงเสวียน แม้แต่ตัวเองก็คงปกป้องไม่ได้ พวกตนมีหวังพากันไปตายภายใน 2 วัน ซือชิงเสวียนยิ่งสติแตก บอกว่าตนทำไม่ได้และร้องขอความช่วยเหลือ เทพแห่งน้ำจึงพยายามปลอบโยนน้องชายไม่ให้กลัว
เฮ่อเสวียนทนไม่ไหวจึงเตะซืออู๋ตู้จนกระอักเลือด แล้วจู่ๆ เทพแห่งน้ำก็พุ่งเข้าไปบีบคอน้องชาย บอกว่าเขาปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียวไม่ได้ เพราะหากเขาตายซือชิงเสวียนคงไม่รอด เลยตั้งใจจะฆ่าอีกฝ่ายแล้วฆ่าตัวตายตาม แต่เฮ่อเสวียนไม่ให้ทางเลือกที่ 3 กับทั้งคู่ เขากระชากแขนของซืออู๋ตู้ขาดทั้งสองข้าง แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะลั่น บอกว่าเขารู้สึกดีมากเพราะได้เห็นเฮ่อเสวียนต้องจมอยู่ในความแค้นและความทุกข์ แต่ก็ยังไร้พลังที่จะนำคนครอบครัวกลับคืนมา ทั้งยังเป็นได้แค่ผีในเงามืด แต่เขากับน้องชายได้ใช้ชีวิตโคตรดี เป็นเทพบนสวรรค์มาหลายร้อยปี ถึงต่อไปจะไม่ได้เป็นแล้ว พวกเขาก็ยังเป็นผู้ชนะ เขาไม่รู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายเลยสักนิด ทุกอย่างที่เขามีตอนนี้ เขาสู้มาด้วยตัวเอง เขาจะสู้เพื่อให้ได้สิ่งที่ไม่มีมาครอบครอง เขาจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาที่ไม่ต้องการ โชคชะตาของเขาขึ้นกับตัวเขาเองไม่ใช่สวรรค์กำหนด
ซือชิงเสวียนพยายามร้องให้พี่ชายหยุด พอเห็นเฮ่อเสวียนเข้าไปจิกหัวอีกฝ่ายก็เรียกชื่อหมิงอี้ ร้องขอบอกว่าเขาเป็นคนผิดเอง ซืออู๋ตู้ทำทุกอย่างไปเพื่อเขา และตอนนี้ก็กลายเป็นบ้าไปแล้ว แต่พอจะขอความเมตตาจากคนที่พวกตนทำร้ายก็พูดไม่ออก เฮ่อเสวียนหันมาบอกว่าเรียกผิดคนแล้ว แล้วเขาก็กระชากหัวของซืออู๋ตู้ขาดเลือดกระเซ็นอาบร่างของซือชิงเสวียนที่กรีดร้องอย่างหวาดกลัวจนหมดแรง หลังจากทุกอย่างเงียบลง เฮ่อเสวียนก็ถามคนตรงหน้าว่ามีอะไรอยากพูดหรือเปล่า เมื่อซือชิงเสวียนพึมพำว่าอยากตาย อีกฝ่ายก็เอ่ยกลับมาว่า ฝันไปเถอะ ก่อนยื่นมือเข้ามาใกล้ พร้อมกันนั้นวิญญาณของเซี่ยเหลียนก็ถูกดึงกลับมายังร่างของตัวเองซึ่งฮวาเฉิงกำลังจูบเขาอยู่เพราะมันคือวิธีดึงพลังทิพย์ที่ให้ยืมไปกลับออกมาได้เร็วที่สุด ซึ่งในที่สุดอ๋องผีก็ทำสำเร็จ
.
.
.
.
.
เฮ่อเสวียนน่าสงสารจริง ไม่แปลกที่ต้องแก้แค้น เป็นนี่ก็แค้นอ่ะ จากชีวิตดีๆกลายเป็นเหี้ยสุด แต่อีกคนที่อดสงสารไม่ได้จริงๆ ซือชิงเสวียนอ่ะ ถึงจะรู้สึกตะหงิดๆ แต่เขาแม่งไม่รู้จริงๆ แถมไอ้คนที่จะมาแก้แค้นตัวเองดันทำตัวเป็นเพื่อนสนิทอันดับ1ของตัวเองอีก แม้อีกฝ่ายจะปฏิเสธก็เถอะ แต่แม่งโคตรจี๊ด(คิดถึงตอนยังนัดแต่งสาวกันอยู่เลย)
ปล.ฮวาเฉิงนี่ถ้าตัดเรื่องดึงพลังออก คุณท่านชอบกินเต้าหู้เตี้ยนเซี่ยจริงๆเลยนะ 555
>>821 กูก็ว่าเฮ่อเสวียนยังพอมีความใจดีอยู่นะที่พาไปปล่อยเอาไว้ในที่คุ้นเคย ว่าแต่ซือชิงเสวียนพิการด้วยเหรอเพื่อนโม่ง ชิงเสวียนยังพอยิ้มได้อยู่ไหม คือกูชอบตลค.นี้มากอ่ะ ถึงตับกูจะพังไปแล้วกับดราม่าก็เถอะ
>>822 ขอบคุณมากเพื่อนโม่งมากที่คอยตอบข้อสงสัยอันเยอะจัดของกู ส่วนตัวกูพอรู้รายละเอียดเพิ่มขึ้นก็มองในมุมไม่ต่างกันเท่าไหร่ น่าเห็นใจทั้งสองฝั่ง อย่างเฮ่อเสวียนนี่คือถ้าไม่ดิ่งก็ไม่รู้จะเอาไงละ ชีวิตชิบหายมาก เนี่ยสปอยโม่งก็มาต่อพอดี อ่านไปเมื่อเช้าเจอฉากนี้เข้าไปคือเจ็บตับ ซืออู๋ตู้ต้องรักน้องเบอร์ไหนแบบไหนถึงกะจะฆ่าน้องแล้วตัวเองตายตาม กุล่ะเศร้า เป็นดราม่าอิรุงตุงนังแต่ก็อินกับพาร์ทนี้พอสมควร ควรไปเปิดแฟนอาร์ตเยียวยาตับ
>>822 ส่วนตัวกูสงสารซิงเสวียนนะแบบนี้ ก็ไม่รู้อะ เทเหล้าอยู่ดีๆก็ได้เป็นเทพ ก็ใช้ชีวิตมีความสุขไปวันๆตามปกติเพราะไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวว่าพี่ตัวเองทำอะไรไว้ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ได้หลั่นล้าขนาดนี้ไหมนะ น้องดูใสๆ ใครดีด้วยก็ดีตอบ ยังหลงคิดไปว่าตัวเองสนิทกับหมิงอี้อยู่เลย ในมุมมองกูคู่กรณีเคสนี้คือพี่ชายว่ะ เฮ่อเสวียนฉิบหายเพราะการแก้ปัญหาแบบผลักปัญหาให้คนอื่นแท้ๆ
>>825 กูก็คิดถึงตอนแต่งสาวคู่เหมือนกัน T^T
>>826 ซือชิงเสวียนขาเป๋ แขนหักอย่างละข้าง (แบบถูกทิ้งไว้นานไม่ได้รักษา ก็คงไม่หายแล้ว ยกเว้นได้ยาเทพมาอาจหาย) เหมือนกับสภาพรูปปั้นเทพแห่งลมที่เจอที่เมืองฟูกูอะ (ที่รูปปั้นของซืออู๋ตู้หัวขาด) แต่ชิงเสวียนก็ยังเป็นคนเดิมได้ เหมือนที่กูเลยบอกอะว่ากูคิดว่าธีมของเทียนกวานคือความมั่นคง หลังจากเจอเรื่องอะไรมา หลังจากเห็นด้านแย่ๆ ของคนที่อยู่ด้วยกัน มึงจะยังเป็นคนเดิมได้หรือเปล่า มึงจะรักคนๆ เดิมได้หรือเปล่า เหมือนที่เซี่ยเหลียนกับอาจารย์เหม่ยชอบพูดว่า สิ่งที่กำหนดคุณค่าในตัวมึงไม่ใช่สถานะ แต่เป็นตัวของมึงเอง ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จ (หรือเป็นเทพ) ล้มเหลว (หรือเป็นมาร) สิ่งพวกนั้นไม่ได้ทำให้มึงเปลี่ยนไป นอกจากมึงจะเปลี่ยนตัวเอง เพราะฉะนั้นในเรื่องเลยมีเทพเหี้ยๆ กับผีดีๆ อยู่ เพราะสถานะเทพกับผีไม่ได้หมายความว่ามึงเป็นคนดีหรือคนชั่ว แต่เป็นเนื้อในต่างหากที่กำหนดคุณค่าของตัวมึง
>>829 แล้วชิงเสวียนโอเคกับสภาพพิการบวกกับต่องมาเร่ร่อนไหมวะ หรือเป็นแนวปลงชีวิตยอมรับชะตาตัวเองชดใช้ให้เฮ่อเสวียนงี้? เออ กูก็เกือบลืมหมิงอี้ตัวจริงไปเลย ตอนที่ถามมึงเมื่อคืนคือหมิงอี้ตัวจริงยังไม่ได้รู้จักกับชิงเสวียนแต่ก็ถูกจับไปก่อน คือนับว่าซวยแบบไม่รู้จะซวยยังไงเลยอ่ะ
.
.
.
.
.
จะว่าไปซืออู๋ตู้นี่ก็แอบดูถูกน้องชายเหมือนกันนะว่าถ้าไม่มีตัวเองคอยช่วยเหลืออีกฝ่ายจะไม่รอด แต่สุดท้ายซือชิงเสวียนก็พิสูจน์ให้เห็นว่าถึงจะไม่ได้เป็นเทพ ไม่มีชีวิตหรูหราฟู่ฟ่ามีพี่ชายคอยโอ๋ ต้องกลายเป็นคนจรจัดพิการ และไม่ได้แต่งหญิงแล้ว (5555) ก็ปรับตัวให้มีความสุขกับชีวิตได้ โดยที่ไม่ต้องกลายเป็นคนเลวทำร้ายคนอื่นเพราะอ้างว่าต้องเจอเรื่องไม่ดีเจอคนทำร้ายมา ซึ่งเซี่ยเหลียนก็ผ่านจุดนั้นมาแล้วเหมือนกัน แล้วก็นึกถึงตอนที่ลาสบอสถามเซี่ยเหลียนว่าจะยอมเปลี่ยนตัวเองไหม แต่เซี่ยเหลียนยืนยันว่าเขาจะไม่มีวันเปลี่ยน
.
.
.
.
.
กูว่าชิงเสวียนไม่ผิดเลยนะ เพราะไม่เคยรู้เรื่องที่พี่ชายทำแต่ต้องรับกรรมร่วมด้วย
>>839 จะชนะด้วยตัวเองหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ เพราะชิงเสวียนก็กลัวมากจริงๆ แต่ด้วยปัจจัยต่างๆ รวมกันแล้ว ถึงไม่สลับชะตากับเฮ่อเสวียน ยังไงก็มีแก็งค์เพื่อนน้อยตั้ง 3 คนช่วย ยังไงก็น่าจะจัดการได้สักวันอะ มันติดแค่ว่าซือชิงเสวียนไม่น่าจะได้ขึ้นสวรรค์เป็นเทพชั้นสูง ซึ่งซืออู๋ตู้ไม่ปลื้มข้อนี้ ก็อาจจะหาทางหาคนมีชะตาได้ขึ้นสวรรค์มาสลับด้วยอยู่ดี
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>823 เทียนกวาน Part.103
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนรีบรั้งคอฮวาเฉิงไว้เพื่อจูบดึงพลังที่ถูกสูบคืนกลับมา ก่อนพลิกขึ้นมาอยู่ด้านบน ตอนนั้นเองฉีหรงที่นึกว่าโจรบุกก็ออกมาหมายจัดการ แต่ก็ถูกภาพญาติผู้พี่กำลัง On Top จับกดจูบอ๋องผี Outdoor หน้าอารามก็กระแทกเข้าไปในดวงตาจนผีเขียวแหกปากลั่น ฮวาเฉิงเลยใช้พลังซัดอีกฝ่ายกลับไปเข้าด้านใน เซี่ยเหลียนพยายามใช้คาถาสลับวิญญาณเพื่อกลับไปหาซือชิงเสวียนแต่ถาคากลับไม่เป็นผล เขาติดต่อไปหาหลิงเหวินซึ่งต่อว่าที่จู่ๆ เขาก็เงียบไป เธอบอกว่าตอนนี้สวรรค์เตรียมคนไปทะเลใต้แล้ว เฉวียนอี้เจินที่กลับมาพอดีก็จะไปด้วย เซี่ยเหลียนขอให้ส่งคนมารับเขาเพื่อไปนำทาง พอหันไปก็พบว่าฮวาเฉิงหายไปแล้ว ซึ่งก็พอดีกับที่เฉวียนอี้เจินมาถึง
พวกเซี่ยเหลียนมาถึงเกาะธาราทมิฬ แต่น่าแปลกที่ครั้งนี้เรือไม่ถูกดึงให้จมลงในน้ำอีกทั้งพลังก็ไม่ได้ถูกปิดกั้นราวคำสาปหายไปแล้ว ที่ชายฝั่งพวกเขาเจอเผยหมิงซึ่งต่อโลงเสร็จไปแล้ว 3 โลง พอเห็นอีกฝ่ายเฉวียนอี้เจินก็อดเปรยไม่ได้ว่าตอนแรกพอทุกคนได้ยินว่าจะมาช่วยแม่ทัพเผยก็ต่างบอกว่าไม่ว่างกันหมด จากนั้นทุกคนจึงบุกเข้าไปถึงตำหนักธาราทมิฬ เซี่ยเหลียนก็รวบรวมเก็บกระดูกของหมิงอี้ขึ้นมาถือไว้ หลังจากเดินไปทั่ว ในที่สุดเขาก็เจอห้องที่มีศพไร้ศีรษะของซืออู๋ตู้ ทว่ากลับไร้วี่แววของซือชิงเสวียน และเฮ่อเสวียน
เมื่อรายงานเรื่องทุกอย่างแล้ว เซี่ยเหลียนก็กลับมาที่อารามผูจี้ พอถูกฉีหรงด่าว่าเมื่อคืนตนตาเกือบบอดเพราะเห็นภาพอุจาด เซี่ยเหลียนถึงเพิ่งสำนึกได้ว่าเมื่อคืนเขาทำเรื่องน่าอายแค่ไหน พอเข้าไปข้างในก็เจอฮวาเฉิงนั่งรออยู่ ดูเหมือนอ๋องผีจะคิดว่าเซี่ยเหลียนจะโทษเขา แต่เซี่ยเหลียนบอกว่าไม่ใช่เช่นนั้น และอีกฝ่ายพูดถูกต้องแล้วว่าคนนอกไม่ควรเข้าไปยุ่ง เขาถามความเห็นคนตรงหน้าว่าเฮ่อเสวียนจะทำอย่างไรกับซือชิงเสวียน ฮวาเฉิงตอบว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน พอนึกว่าสิ่งที่สร้างธาราทมิฬล่มเรือขึ้นมาคือความเกลียด ก็อดคิดไม่ได้ว่าแล้วสิ่งใดที่สร้างฝนโลหิตตามหาดอกไม้ขึ้นมา แต่ก็เปลี่ยนไปถามว่าเฮ่อเสวียนรู้เรื่องที่ซืออู๋ตู้สลับชะตาของตัวเองได้ยังไง อ๋องผีจึงบอกว่าในคืนที่เฮ่อเสวียนตาย ก่อนหมดลมเขาเห็นซืออู๋ตู้มาเชคว่าตนตายหรือยัง เฮ่อเสวียนจดจำใบหน้านั้นได้ เมื่อกลายเป็นผีก็สืบจนรู้ว่าอีกฝ่ายคือเทพแห่งน้ำ พอคิดว่าเทพแห่งน้ำจะมาอยากรู้การตายของตนทำไมจึงได้จับเทพแห่งดินแล้วปลอมตัวสวมรอยขึ้นสวรรค์ไปสืบเรื่องจนได้รู้ความจริง พอเซี่ยเหลียนต่อว่าเฮ่อเสวียนที่ฆ่าหมิงอี้และดึงชาวประมงเข้าไปเจออันตราย ฮวาเฉิงก็เอ่ยเขาไม่รู้ว่าเฮ่อเสวียนฆ่าเทพแห่งดินหรือเปล่า แต่คนที่นำชาวประมงไปในเขตที่ซืออู๋ตู้ทำเควสเป็นคนอื่นอย่างแน่นอน และคนๆ นั้นน่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่ส่งเปลือกเปล่ามาล่อให้เซี่ยเหลียนไปปั้นเยวี่ยด้วย
เมื่อทุกคนบนสวรรค์ทราบเรื่องราวทั้งหมดก็ตกใจกันมาก คนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพี่น้องซือต่างหายไปหมด ในงานศพของซืออู๋ตู้ นอกจากเซี่ยเหลียน เผยหมิงกับหลิงเหวียนแล้วก็มีคนมาร่วมงานอีกเพียงไม่กี่คน ส่วนในภพมนุษย์ เมื่อเทพแห่งน้ำและเทพแห่งลมไม่ประทานพรให้ดังเคย อารามของทั้งสองก็เริ่มถูกอดีตผู้ศรัทธาเผาทำลาย อีกไม่กี่ปีอาจไม่มีใครจดจำเรื่องราวของสองพี่น้องได้อีก เซี่ยเหลียนขอให้หลิงเหวินช่วยหาตัวซือชิงเสวียน แต่ก็ถูกแม่ทัพเผยแดกดันให้ไปถามฮวาเฉิงน่าจะรู้เรื่องเร็วกว่า เซี่ยเหลียนจึงต้องบอกว่าอ๋องผีไม่รู้เรื่อง
ที่อารามผูจี้ฉีหรงเอาแต่ร้องโหยหวนให้กู่จือช่วยนวด อ้างว่าไม่สบายเพราะถูกเซี่ยเหลียนทรมาน กู่จือก็ยืนยันว่าพ่อของตนไม่ได้โกหกและฉีหรงรู้สึกไม่ดีมาหลายวันแล้ว เซี่ยเหลียนเลยจะเดินไปค้นกล่องยา แต่ก็สังเกตว่ากล่องรับบริจาคดูหนักๆ เมื่อลองเชคก็พบแท่งทองคำมากมาย แต่เขาก็คืนทองที่ซืออู๋ตู้ให้มาไปแล้ว แล้วของพวกนี้มาจากไหนกัน พอหันไปถามญาติผู้น้องว่ามีใครมาที่อารามหรือเปล่าอีกฝ่ายก็โวยวายไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นเองฮวาเฉิงก็มาพอดี เขาชวนเซี่ยเหลียนไปที่เมืองผีเพื่อหาทางไล่ฉีหรงออกจากร่างของชายที่สิงอยู่ ซึ่งเซี่ยเหลียนก็เห็นดีเห็นงามด้วย
Note : ตอนกูอ่านครั้งแรกนี่กูลืมไปแล้วนะว่ายังมีเคสคนที่มาส่งเปลือกเปล่าให้เซี่ยเหลียนไปปั้นเยวี่ยที่ยังไม่เคลียร์อยู่ด้วย เรื่องเทียนกวานคือผูกเรื่องไว้ดีจริงๆ อะ แล้วอย่าลืมว่ายังมีเคสที่พ่อวิญญาณตัวอ่อนที่ยังไม่เคลียร์อีกอย่าง (ซึ่งวิญญาณตัวอ่อนก็ถูกส่งไปร้องเพลงตั้งแต่ตอนเซี่ยเหลียนอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวด้วย)
.
.
.
.
.
On top กันด้วยยอู้วววว 55555 ฮวาเฉิงมีอึ้งกันบ้างแหละ
ปล.แอบขำท่านแม่ทัพ ทำไมถึงได้น่าเอ็นดูวถึงเพียงนี้ 55
>>843 ดีใจที่มึงมา กูยังรอที่หน้ามู้ทุกวัน
Arc 3 ทำกูน้ำตาไหลพราก คงอยู่ที่มุมมอง ว่าตอนนั้นเรายืนอยู่จุดไหน เป็นคนของใคร ความบราค่อนของเทพพี่น้อง ฮือออออ น้ำตาไหลหมดทิชชู่ไป 3 ม้วน กับเฮ่อเสวียนก็แก้เเค้นก็ให้จบกันไปนะ
ความแม่ทัพเผยไม่ทิ้งลาย กูยืนหนึ่งให้พี่แกละกัน หลังๆดีนะมีฉากโรมานซ์ให้ฟาฟา ไม่งั้นเรื่องนี้คงทำกูปวดหัวตายห่า บุญคุณความแค้น ไหนล่ะความรัก
กูสงสารชิงเสวียน ยัอยน้อนของกู ขอบคุณโม่งสปอยนะ กูนี่รออ่านเล่มไทยเต็มๆเลย
ขอบคุณโม่งสปอยมากๆ รอหน้ามู้อยู่ตลอด ตกลงเฮ่อเสวียนพาชิงเสวียนไปทำอะไรนิ ทรมานรึเปล่า? แต่ปวดตับกับตอนนี้จริง ขนาดงานศพซืออู๋ตู้มีคนมาไม่กี่คน อะไรมันจะขนาดนั้นวะ ความเหี้ยนี่แบบ ...
>>850 ไม่ได้ทรมาน แต่ทำให้พิการหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ ส่วนซืออู๋ตู้ต้องเข้าใจว่าปรกติด้วยนิสัยก็เพื่อนน้อยอยู่แล้ว (ถึงอยู่แก็งค์เพื่อนน้อยไง เจ้าตัวเองก็เคยบอกว่ามีศัตรูอยู่เยอะ) คนที่มาคบด้วยส่วนใหญ่เลยคบเพราะผลประโยชน์ แล้วเรื่องสลับชะตานี่คือฉาวมาก คนเลยยิ่งไม่อยากแสดงตัวว่าเกี่ยวข้องด้วย ส่วนเพื่อนของซือชิงเสวียนส่วนมาก็คงเพื่อนกิน พอรู้ว่าซือชิงเสวียนที่จริงไม่ควรเป็นเทพ เอาชะตาคนอื่นมาใช้ก็เลยหนีกันหมด ซึ่งตัวซือชิงเสวียนก็คงพอรู้อยู่แล้วแหละว่าเพื่อนที่คบส่วนมากเป็นเพื่อนกินถึงได้ไปติดคนมนุษย์สัมพันธ์แย่แบบหมิงอี้ขนาดนั้น
>>851 ถ้าเทียบกับปัจจุบันอิจเมจชิงเสวียนโคตรคุณหนูเลย คนที่ไม่ต้องทำอะไรก็มีหน้าที่การงานดี ๆ รออยู่ คิดว่าตัวเองได้งานเพราะยื่นแฟ้มประวัติหรือสอบราชการเหมือนคนอื่น ๆ แต่ความจริงมีพี่เตรียมตำแหน่งไว้รอแล้ว พี่ที่คิดว่าดีก็เป็นพวกสีเทา เลยพาลติดนิสัยผิด ๆ มา ใช้ชีวิตแก้ปัญหาด้วยวิธีการเปย์(กุศล) เลยกลายเป็นดึงดูดแต่พวกเพื่อนสายกินสายประจบซะงั้น
แมร่ง เนื้อแท้เป็นคนดีแต่ต้องซวยเพราะพ่อแม่(พี่)รังแกฉันจริง ๆ
>>853 แต่ถ้าไม่มีซืออู๋ตู้อยู่ชีวิตซือชิงเสวียนอาจจะดีก็ได้ เพราะซือชิงเสวียนก็จะใช้ชีวิตแต่งหญิงไปเรื่อยๆ (ตามวิธีแก้เคล็ด) ถึงห้ามมีงานรื่นเริง ห้ามรุ่งโรจน์ในการงานก็ใช้ชีวิตชิลๆ สงบๆ ได้ ถ้าไม่ติดว่าพ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเล็กแล้วญาตมาแย่งสมบัติ (ซึ่งกูคิดว่าที่ซืออู๋ตู้รักน้องขนาดนี้ก็เพราะว่าตัวเองอายุห่างจากน้องตั้ง 10 ปี ต้องคอยเลี้ยงน้องมาแต่เล็ก เลยค่อนข้างมองอีกฝ่ายเหมือนลูก) แต่ความจริงก็คือเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากซืออู๋ตู้... (ตรงนี้โคตรอภิมหาสปอย ฮาร์ดคอร์รุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณก่อนอ่าน)
.
.
.
.
.
เพราะที่ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่ามาตามติดซือชิงเสวียนเป็นเพราะรู้ว่าซืออู๋ตู้จะได้เป็นเทพเลยขัดขาแหม่ม ทำกับตัวซืออู๋ตู้เองนิสัยหยิ่งจองหองแบบนั้นมันไม่ได้ผล ไปลงกับครอบครัวแทนเนี่ยแหละได้ผลแน่นอน และด้วยนิสัยอย่างซืออู๋ตู้ต้องทำผิดกฏสวรรค์ชัวร์ป๊าบ ที่นี่พอถูกจับได้ก็จะถูกเนรเทศ เย้
.
.
.
.
.
>>854 มึง มันก็เป็นเรื่องอาจจะไง คาดเดาใจคนไม่ได้หรอก เพราะคหสต.กูนะ สมมุติพี่ไปได้ดี เหลือน้องตกระกำลำบากอยู่บนโลกมนุษย์ น้องจะไม่รู้สึกอะไรจริงหรอ หรือสังคม ผู้คนจะมองยังไง ซึ่งจากคาร์ของชิงเสวียนอาจจะไม่คิดอะไร ใช้ชีวิตชิลๆแบบที่มึงว่าก็ได้ เรื่องนี้เกิดจากซืออู๋ตู้จริงที่ทรีทเกิดเหตุ แต่กูมองว่าอีผู้อาวุโสแห่งวัจนะนี่ผู้ร้ายตัวจริงมากกว่า อย่างที่มึงสปอยด์คือแม่ม หมั่นไส้เฉยเลยขัดขา กูนี่อยากจะสาปใส่ หรืออาจจะเป็นด่านเคราะห์ที่เทพทุกคนต้องเจอ ซึ่งซืออู๋ตู้กู end game ไม่สามารถผ่านไปได้
อ่านแล้วกูเลิฟคาร์ซืออู๋ตู้มากนะ เอฟตีบราค่อน ความรักของพี่ที่มีต่อน้องอ่ะมึง ยิ่งใหญ่แค่ไหนแต่ถ้ามันผิดก็ต้องรับกรรม ฮือๆๆๆ ในฐานะพี่คนโตอย่างกูอ่านคือสะเตือนตับไต กูรู้ว่าไม่ยุติธรรมต่อชิงเสวียนหรอก เพราะบางทีความหวังดีของพี่ ถ้าน้องไม่ต้องการ มันก็บีบคนให้ทรมาน แถมเสือกไปสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านชาวช่อง ไม่ยุติธรรมต่อเฮ่อเสวียนโพ่ดๆ ถ้าเป็นกูโดนก็คงต้องแก้แค้นเหมือนกัน
รอโม่งสปอยด์ต่อไปนะ คืนน้ำอ้อยให้กูที ขื่นขมเหลือเกิน
>>855 คือที่เขียนไปกูมองในมุมที่ตัดซืออู๋ตู้ออกจากระบบเลย ให้ซือชิงเสวียนเป็นลูกคนเดียวเงี้ยน่ะ มันก็จะไม่มีเรื่องสลับชะตาแน่ (ยิ่งตามที่สปอยไป ถ้าไม่มีซืออู๋ตู้ ผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าก็ไม่มาตามซือชิงเสวียน) แต่ซือชิงเสวียนจะเอาตัวรอดตอนเหลือตัวคนเดียวหลังพ่อแม่ตายได้หรือเปล่า อันนี้ก็สุดจะคาดเดา
.
.
.
.
.
ไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสแห่งวัจนะว่างเปล่าหมั่นไส้ซืออู๋ตู้หรอก แต่มันมีใบสั่งมา
.
.
.
.
.
>>856 อ่อ ตอนแรกกูเห็นคำว่าพ่อแม่รังแกฉันเลยนึกว่ามึงหมายถึงการเลี้ยงดูของซืออู๋ตู้สปอยซือชิงเสวียนเกินไป กูเลยไม่เห็นด้วยเพราะในสถานการณ์นั้นถ้าไม่เจอสลับชะตามีแต่แย่กับแย่ ไม่มองว่าเป็นการวปอยเกินเหตุถึงจะเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวลากคนอื่นมาเจอเรื่องเลวร้ายก็เถอะ
>>851 ขอบคุณเพื่อนโม่งมากที่คอยไขข้อข้องใจ ขมตับจริง ยิ่งพวกมึงล้วงลึกถึงสาเหตุต่างๆนานาก็ยิ่งขมตับคูณสิบ เออ เห็นสปอยในทวิตบอกว่าแม่โม่ไม่ได้เขียนว่าเฮ่อเสวียนพาชิงเสวียนไปทำอะไร โผล่มาก็เอาไปทิ้งบนภพมนุษย์แล้วงี้เหรอ จากใจคนชองชิงเสวียน ยัยน้องของกู กูไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
ขยะะฟุ เด็กดี ต้องมีหน้าหี 10 อย่างด้วยกัน
1 ติ้วหีอย่างหนักหนา
2 มือกำรีโมทแอร์มั่น
3 ทำพ่อแม่กลุ้มใจทุกวัน
4 วาจานั้นอย่างกับเดรัจฉาน
5 ยึดมั่นอกตัญญุ
6 มุดอยู่ในรูไม่ทำงาน
7 ต้องศึกษานิยายวายราวกับวิชาการ ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่ครัาน
8 วิปริตราวกับสัตว์
9 ต้องกำหนัดตลอดกาล
ขยะะฟุวาจาห้าวหาญ เชี่ยวชาญเรื่องการติ้วหีอยู่ในรู
อฟช. ขยันปล่อยภาพสวยๆ เซฟแทบไม่ทัน
กระทู้ตกเพราะ... นั่นแหละ เลยมาดันเฉยๆ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>843 เทียนกวาน Part.104
.
.
.
.
.
ฮวาเฉิงสาปฉีหรงเป็นตุ๊กตาล้มลุกแล้วให้กู่จืออุ้ม ก่อนคืนร่างให้อีกฝ่ายกลางถนนเมืองผีปล่อยให้ชาวเมืองช่วยกันหาวิธีนำผีเขียวออกจากร่างที่สิง ขณะที่กู่จือถูกผีสาวๆ พาไปกล่อมนอน เซี่ยเหลียนกับอ๋องผีก็ไปที่อารามเฉียนเติ้งด้วยกัน ทั้งสองใช้เวลาฝึกคัดอักษรอยู่พักหนึ่ง เซี่ยเหลียนจึงเอ่ยว่าหลายวันมานี้ฉีหรงรู้สึกไม่สบาย แต่ยังไม่ทันได้ความจู่ๆ พู่กันในมือฮวาเฉิงก็หล่น อ๋องผีหน้าเครียดมือข้างหนึ่งจับตาขวาที่ไร้ดวงตาของตัวเอง แถมเอ้อมิ่งยังกรอกตาไปมาอย่างบ้าคลั่ง พอเซี่ยเหลียนเข้าไปใกล้ก็ร้องห้ามไว้ บอกให้รีบหนีเขาไป
ตอนนั้นเองบรรดาผีในเมืองก็พากันส่งเสียงร้องโหยหวน ด้วยความที่ฉีหรงสิงในร่างคนทำให้ได้ผลน้อยกว่าคนอื่น ผีเขียวจึงอาศัยโอกาสหนีโดยมีกู่จือร้องไห้วิ่งตามไปเพราะกลัวว่าพ่อจะทิ้งตน พอเซี่ยเหลียนออกไปขวางอีกฝ่ายก็จับเด็กเป็นตัวประกัน แต่อีกด้านหนึ่งฮวาเฉิงก็มีท่าทางเหมือนทรมานมาก เซี่ยเหลียนเลยต้องกลับไปดูอาการแล้วก็ถูกอีกฝ่ายกอดไว้แน่นพร้อมบอกว่าเมื่อครู่ตนโกหก ขอร้องว่าอย่าทิ้งเขาไว้ เสียงของผีตนอื่นทำให้อ๋องผียิ่งแย่เลยยกมือเหมือนจะปล่อยพลังใส่ เซี่ยเหลียนจึงรีบกอดตอบ บอกว่าเขาจะไม่ทิ้งอีกฝ่ายแล้วปิดประตูอารามก่อนจะคนตรงหน้าจะทำอะไรลงไป ยังไม่ทันตั้งตัวเขาก็ถูกอ๋องผีอุ้มไปจับกดจูบบนโต๊ะ ผีเขียวที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงแปลกๆ จึงหัวเราะ บอกให้เซี่ยเหลียนระวังตัวด้วยเพราะฮวาเฉิงตอนนี้ก็เหมือนหมาบ้า ส่วนเขาจะไปกระจายข่าวให้พวกนักพรตนักบวชอาศัยช่วงที่เมืองผีอ่อนแอมาจัดการฮวาเฉิง ว่าเสร็จเจ้าตัวก็หนีไป
พลังของฮวาเฉิงถูกถ่ายทอดเข้ามาในร่างจนเซี่ยเหลียนเริ่มรู้สึกไม่ดีเลยพลักออกหนีด้วยความตระหนก แต่อีกฝ่ายก็ตามมาจับเขากดไว้ที่แท่นบูชาอีก พอเซี่ยเหลียนเรียกชื่อก็เหมือนอ๋องผีจะพอได้สติจึงแค่กอดไว้เฉยๆ เซี่ยเหลียนสังเกตได้ว่าพลังของฮวาเฉิงกำลังปั่นป่วน แต่พอเห็นท่าทางทรมานของอีกฝ่ายในที่สุดก็ตัดสินใจดึงอ๋องผีมาแลกลิ้นยอมเป็นแหล่งรับพลังของอีกฝ่ายต่อ ถึงจะถูกคนตรงหน้าใช้มือลูบไปทั้งตัวก็ไม่ได้ต่อต้าน ระหว่างนั้นก็เริ่มรู้ใจตัวเองว่าแท้จริงรู้สึกกับอีกฝ่ายอย่างไร Deep Kiss ดำเนินอยู่ทั้งคืนก่อนที่ฮวาเฉิงจะสลบไป แต่ไม่นานนักอ๋องผีก็ฟื้นขึ้นมา พอเซี่ยเหลียนถามว่าเหตุใดทุกคนในเมืองถึงได้ปวดหัวตัวร้อนกันหมด แต่อีกฝ่ายกลับถามกลับว่าทำไมเมื่อคืนเขาถึงสงบลงได้ เซี่ยเหลียนเลยตอบไปว่าพวกตนได้... ต่อสู้กันอย่างดุเดือด พอได้ยินอย่างนั้นฮวาเฉิงก็มีท่าทีโล่งใจขึ้นมา ก่อนอธิบายว่าที่ตนกับชาวเมืองมีอาการเช่นนั้นเพราะเขาตงลู่ (ทองแดง) เปิดออกอีกครั้ง ทำเอาเซี่ยเหลียนเบิกตากว้างเพราะนั่นหมายความเจวี๋ยตนใหม่ใกล้ถือกำเนิดแล้ว
เซี่ยเหลียนรีบกลับไปสวรรค์ ดูเหมือนทุกคนจะรู้เรื่องกันแล้วจึงมาร่วมประชุมกันที่หอมหายุทธ์ ท่ามกลางเสียงฟ้าผ่าเขาก็เผลอถามขึ้นมาว่าเทพแห่งสายฟ้าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่พอมองไปในตำแหน่งที่ประจำของเทพแห่งลม เทพแห่งดิน กับเทพแห่งน้ำก็พบเพียงความว่างเปล่าจนรู้สึกปวดใจ เขาเห็นหลางเชียนชิวที่ไม่ได้เจอกันนาน อีกฝ่ายดูผอมและหมองลงอย่างมาก แต่เมื่อเห็นอดีตอาจารย์ หลางเชียนชิวก็รีบหลบตาเดินหนีไป เซี่ยเหลียนสังเกตรอบห้องก็ไม่พบใครที่พอคุยด้วยได้ ทว่าตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงของเฟิงซิ่นตอบกลับมาว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาตงลู่เปิดออก พอเซี่ยเหลียนมองอีกฝ่ายก็รู้สึกได้ถึงค่ามิตรภาพที่ +++ ขึ้นในใจ เมื่อเห็นตาข้างหนึ่งของเฟิงซิ่นช้ำก็หันไปมองมู่ฉิง แล้วก็พบว่าแก้มของอีกฝ่ายกำลังบวมเป่ง
ทุกๆ หลายร้อยปี ประตูเมืองที่อยู่ในเขาตงลู่จะเปิดออก ส่งผลกระทบต่อพวกผีรวมถือเจวี๋ยตนก่อนๆ บรรดาผีและปีศาจที่ต้องการพลังจะพากันเดินทางไปที่นั่น เมื่อรวบรวมจำนวนได้พอแล้วเขาก็จะปิดลง หลังจากนั้นผีทุกตนก็จะฆ่าฟันกัน และผู้ที่เหลือรอดเป็นคนสุดท้ายก็จะได้เป็นเจวี๋ย ทั้งฮวาเฉิงกับธาราทมิฬล่มเรือต่างก็รับมือด้วยยาก เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เกิดเจวี๋ยตนต่อไป จวินอู๋จึงสั่งให้เทพสงครามทุกคนดูแลเขตปกครองของตน ขัดขวางไม่ให้พวกผีเดินทางไปเขาตงลู่ และตอนนี้เรื่องที่ต้องเร่งจัดการด่วนก็คือการจับผีร้ายที่หลบหนีไประหว่างเกิดความวุ่นวายตอนเขาตงลู่เปิดออก เช่นผีเจ้าสาวเซวียนจี วิญญาณตัวอ่อนทารก และเสื้อคลุมอมตะ ไม่ให้ไปอัพคลาสได้ ด้วยความที่ไม่มีเขตแดนของตน เซี่ยเหลียนเลยถามมหาเทพว่าจะให้เขาทำอะไร หลังคิดอยู่พักหนึ่งจวินอู๋จึงบอกให้เขาไปทำงานกับเฉวียนอี้เจิน
Note 1 : ตอนเซี่ยเหลียนบอกว่าสู้กับฮวาเฉิง ห้องเลยเละ กูแบบ จ้ะ สู้กันดุเดือดมากจ้ะ
Note 2 : ยังจำเซวียนจีกี๊กเก่าแม่ทัพเผยกันได้ไหม ตั้งแต่คดีแรกกันทีเดียว แม่โม่ใช้ตัวละครแต่ละตัวคุ้มมากอะ ไม่มีตัวไหนที่ใส่เข้ามาฉากเดียวแล้วเขี่ยทิ้งเลย
.
.
.
.
.
เควสใหม่จะเริ่มละช่ะ นี่กูรื้อฟื้นอยู่ว่ายังเหลือปมอะไรที่ยังไม่เคลียร์บ้าง แต่แหมเสียดายที่ฟาฟาจำการต่อสู้อันดุเดือดไม่ได้ ปัดโถ่! /ตบเข่า
โม่งสปอยมาแล้วววว!! รอทุกวันเลยย
โหยย อยากให้ฮวาเฉิงจำได้ว่ะ ดุเดือดจริงๆนะ พังหมดแล้วเห็นไหม 555555 ขำเฟิ่งซิน กับมู่ฉิงทะเลาะกันอีกละหลักฐานคาตา
ปล.จะเข้าอาร์ตที่4ละชะ เตรียมปวดตับเลยงานนี้
ดันกระทู้
อาร์ค 4 น่าจะสั้นสุดแล้วมั้ง สั้นแต่ปวดตับสุดๆ
...เธอ หัวใจกระดาษ
เบาเบาก็ขาด เบาเบาก็ปลิว
เธอ..หัวใจกระดาษ
เบาเบาก็ขาด
แค่ลมบางเบาก็ปลิว
เคว้งคว้างล่องลอยตามสายลมรัก
ของคนเรื่อยไป แค่เธอพอใจ
ปลิวไปไม่มีพักเลย
หัวใจไม่มีรักเลย ฮู๊ ฮู..
เพื่อนโม่ง กุเพิ่งลองลงด้อมนี้ เพิ่งดูซีรี่ส์กะเมะจบ ช้าไปป่ะวะ ฮรือ โคตรชอบในซีรี่ส์ช่วงเมืองอี้ที่เป็นน้าเว่ยนำแก๊งเด็กไปซน น่ารักกกก
กุขอถามแบบถามโง่ๆเลยนะ เฉินฉิงลิ่งแปลว่าอะไรอ่ะ เฉินฉิงแปลว่าเรื่องราวนี้พอรู้ แต่เติมลิ่งเป็นเฉินฉิงลิ่งแปลว่าอะไรอ่ะ
งงอีกอย่างคือสกิลของเว่ยในร่างน้องโม่อ่ะ พอมาร่างนี้แล้วยังทำอะไรได้อยู่บ้างอ่ะ เห็นในซีรี่ส์ช่วงท้ายยังคุมวิญญาณได้อยู่ แต่วิชามารอื่นๆยังใช้ได้อยู่รึเปล่าอ่ะ อ่านพันทิปมาเห็นบอกย้ายร่างแล้วฝึกจินตานได้ใหม่ด้วย
ในกรณีที่มีการสอบสวนหรือดำเนินคดีโดยรัฐบาลหรืออะไรที่คล้ายกัน ข้าพเจ้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับกลุ่ม หรือบุคคลที่อยู่ในกลุ่ม ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าตัวข้าพเจ้านั้นเข้ามาอยู่ได้ด้วยสาเหตุอันใด ข้าพเจ้าอาจถูกบุคคลที่สามนำบัญชีของข้าพเจ้ามาเข้ากลุ่มนี้ ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าไม่ได้สนับสนุนการกระทำที่เกิดจากสมาชิคในกลุ่มนี้ใดๆ
連邦機関などによる調査の場合、私はこのグループまたはその中の人々と関与していません。私はここにどのように住んでいるのか知りません。おそらく第三者によって追加されたものです。このグループのメンバーによる
In case of an investigation by any federal entity or similar, I do not have any involvement with this group or with the people in it, I do not know how I am here, probably added by a third party, I do not support any actions by the members of this group.
En caso de una investigación por parte de cualquier entidad federal o similar, no tengo ninguna participación con este grupo o con las personas que forman parte de él, no sé cómo estoy aquí, probablemente agregado por un tercero, no apoyo ninguna acción por los miembros de este grupo.
Im Falle einer Untersuchung durch eine föderale Einrichtung oder ähnliches habe ich keine Beteiligung an dieser Gruppe oder den Menschen darin, ich weiß nicht, wie ich hier bin, wahrscheinlich von einem Dritten hinzugefügt, ich unterstütze keine Maßnahmen von den Mitgliedern dieser Gruppe.
如果任何联邦实体或类似机构进行调查,我与该团体或其中的人员没有任何关系,我不知道我在这里,可能是由第三方添加,我不支持任何行动由这个小组的成员。
В случае расследования со стороны какого-либо федерального субъекта или аналогичного, я не имею никакого отношения к этой группе или к людям в ней, я не знаю,
सरकार या कुछ इसी तरह की जांच या अभियोजन की स्थिति में मुझे समूह से कोई लेना-देना नहीं है। या समूह के व्यक्ति मुझे नहीं पता कि मैं किन्हीं कारणों से आया था। मैं इस समूह में अपना खाता लाने वाली तीसरी पार्टी हो सकती हूं। मैं इसकी पुष्टि करता हूं मैंने इस समूह में सदस्यों द्वारा की गई किसी भी कार्रवाई का समर्थन नहीं किया।
في حال إجراء تحقيق أو مقاضاة من قبل الحكومة أو شيء مماثل ليس لدي أي علاقة مع المجموعة. أو الأشخاص في المجموعة لا أدري أنني دخلت لأي سبب من الأسباب. ربما كنت طرفًا ثالثًا أحضر حسابي إلى هذه المجموعة. أؤكد ذلك لم أؤيد أي إجراءات يتخذها الأعضاء في هذه المجموعة.
ขอดันหน่อย โทรลเยอัหามู้ไม่เจอ
เควสเขาตงลู่มีอะไรดราม่าไหม กูจะได้เตรียมใจ
อดันหน่อย โทรลเยอัหามู้ไม่เจอ
882Nameless FanboiPosted Feb 04, 2020 at 21:54:40ID:+NixBbKD.s
>>879 กราบเพื่อนโม่งงามๆ
883Nameless FanboiPosted Feb 04, 2020 at 22:08:35ID:r5zekRotwm
>>879 โอ้โห วิชาติดตัวจากร่างเก่า ร่างใหม่ฝึกจินตานได้อีก อะไรจะเทพขนาดนี้นะ โกง นี่มันสกิลโกงชัดๆ
884Nameless FanboiPosted Feb 05, 2020 at 00:21:52ID:Gg2t+/TWY+
เควส
อดันหน่อย โทรลเยอัหามู้ไม่เจอ
882Nameless FanboiPosted Feb 04, 2020 at 21:54:40ID:+NixBbKD.s
>>879 กราบเพื่อนโม่งงามๆ
883Nameless FanboiPosted Feb 04, 2020 at 22:08:35ID:r5zekRotwm
>>879 โอ้โห วิชาติดตัวจากร่างเก่า ร่างใหม่ฝึกจินตานได้อีก อะไรจะเทพขนาดนี้นะ โกง นี่มันสกิลโกงชัดๆ
884Nameless FanboiPosted Feb 05, 2020 at 00:21:52ID:Gg2t+/TWY+
เควส
ดันหน่อย รำคาญพวกโทรลเลือดบวก
เออ แต่กูสงสัย ถ้าสมมติว่าฝึกในร่างน้องโม่จนได้จินตันมาแล้วอย่างนี้วิชามารยังใช้ได้มั้ยวะ ยังคุมเวินหนิงได้มั้ย
ขอดันมู้หน่อย โทรลเยอะจังวะ
donetee
ดันๆๆๆๆ
ดันนนนนนนนน
เห็นชอบมีคนพูดถึงฉฉลแบบthe movieนี่คือมโนเอาว่าจะมีใช่ป่ะ ไม่ได้มีอะไรอฟช
ดันนนนนน
ดันนนนน
ดันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>864 เทียนกวาน Part.105
.
.
.
.
.
เพราะเฉวียนอี้เจินไม่มาประชุม จวินอู๋เลยบอกเซี่ยเหลียนว่าหากตามตัวอีกฝ่ายได้แล้วจะบอกให้ไปหา ด้วยอากาศที่เริ่มเย็น ขากลับเซี่ยเหลียนเลยแวะซือเสื้อคลุมตัวใหม่ให้หลางอิ๋งด้วยเงินที่ได้จากการเก็บขยะขาย ก่อนหน้านี้อารามผูจี้มีกันถึง 5 ชีวิต พอเหลือกันแค่ 2 คนเช่นนี้ก็แอบรู้สึกเงียบเหงา เขาเหม่อลอยคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดระหว่างตนกับฮวาเฉิง รวมถึงเรื่องเขาตงลู่จนเกือบทำไฟไหม้อาราม อาหารที่กำลังทำอยู่ในหม้อก็พลอยเสียหายหมด ถึงเขาจะตั้งชื่อให้มันว่าสีสันแห่งความอลหม่าน แต่ก็รู้ดีว่านอกจากอ๋องผีคงไม่มีใครฝืนกินอาหารฝีมือของตนได้ เขาเลยบอกให้หลางอิ๋งนำไปทิ้ง แต่พอไปล้างหม้อกลับมาก็เห็นเด็กชายกินในชามเรียบจึงรีบเข้าไปดูอาการด้วยความตกใจ แต่ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้เป็นอะไร
คืนนั้นเซี่ยเหลียนนอนไม่หลับ ขณะที่กำลังคิดจะออกไปสูดอากาศนอกอารามก็ได้ยินเสียงกุกกักดังขึ้น ใครบางคนแอบเข้ามาทางหน้าต่าง พุ่งไปที่กล่องรับบริจาค ก่อนใส่อะไรบางอย่างลงไป แต่เมื่อหันไปเห็นชามที่วางอยู่บนแท่นบูชา ด้วยความหิวจึงยกชามกินสิ่งที่อยู่ในนั้น ทว่าเพียงวินาทีต่อมาร่างของอีกฝ่ายก็ล้มลง เซี่ยเหลียนรีบจุดไฟ พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็รีบเอาน้ำกรอกใส่ปากให้จนได้สติ
เซี่ยเหลียน : ฝ่าบาทฉีอิง ทำไมท่านถึงได้ไม่รอบคอบเอาของใส่ปากทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรอย่างนี้ล่ะ
เฉวียนอี้เจิน : ก็ข้าจะไปรู้ได้ยังไงกันว่าจะมีคนวางยาพิษใส่อาหารถวายของตัวเองในอารามของตัวเองอยู่ด้วย
เซี่ยเหลียนถึงกับกุมหน้าผาก ถามว่าเป็นอีกฝ่ายใช่ไหมที่เอาทองมาใส่กล่องตั้งแต่คราวก่อน เหตุใดจึงทำเช่นนี้ แต่เฉวียนอี้เจินก็ตอบอย่างชิลๆ ว่าเป็นเพราะเขามีเยอะ ถึงเซี่ยเหลียนพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายอยากตอบแทนเรื่องที่เขาช่วยปิดม่านการแสดงในงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วง เขาที่คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรจึงบอกให้เฉวียนอี้เจินนำทองกลับไป แต่เทพหนุ่มกลับไม่ฟัง ตอนนั้นเองหลางอิ๋งก็ช่วยพูด ทำเอาเซี่ยเหลียนอดตกใจไม่ได้ว่าหลางอิ๋งตื่นตั้งแต่เมื่อไร อีกทั้งยังเริ่มรู้สึกแปลกๆ พอนึกๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าวันนี้เด็กชายดูพูดมากกว่าทุกที แต่สุดท้ายเขาก็เลือกจะไม่คิดมากแล้วหันไปคุยงานกับเฉวียนอี้เจินว่าพวกตนต้องช่วยกันจับเสื้อคลุมอมตะ
ตำนานของเสื้อคลุมอมตะเล่าถึงเด็กหนุ่มในอาณาจักรโบราณคนหนึ่งซึ่งโง่เขลาอายุสมองไม่ต่างจากเด็ก 6 ขวบ ทว่ากลับมีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้จนนำชัยชนะกลับมาให้บ้านเกิดทุกครั้งที่ออกรบ แต่ด้วยความเขลาทำให้รางวัลที่ได้มามักถูกผู้คนหลอกหลวงเอาไปจนสิ้น ไม่มีบ้านใดอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา และด้วยความโง่งมก็ทำให้ไม่มีหญิงใดอยากสานความสัมพันธ์ อีกทั้งชายหนุ่มที่ไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงก็ไม้กล้าพูดคุยกับสาวคนใด ถึงอย่างนั้นเขาก็มีอนาคตน่าจะได้ขึ้นสวรรค์เป็นเทพสงคราม ทว่าเขากลับไปตกหลุมรักหญิงคนหนึ่งเสียก่อน หญิงคนนั้นเย็บเสื้อคลุมให้ชายหนุ่มเป็นของขวัญวันเกิด แต่สภาพของเสื้อตัวนั้นกลับไม่ต่างจากถุงกระสอบ ด้วยความที่ไม่เคยมีหญิงคนไหนให้ของตนมาก่อน ชายหนุ่มจึงดีใจมาก เมื่อพบว่าตนใส่มันไม่ได้จึงถามว่าในเมื่อไม่มีแขนเสื้อ เขาจะเอาแขนออกมาได้อย่างไร พอหญิงสาวตอบว่าหากท่านไม่มีแขนก็จะไม่มีปัญหา ชายหนุ่มก็ตัดแขนตัวเองทิ้ง เมื่อถามว่าจะเอาขาออกมาอย่างไร เธอก็ตอบว่าหากท่านไม่มีขาก็ไม่มีปัญหาแล้ว ชายหนุ่มจึงขอให้คนอื่นช่วยตัดขาของตนออก ส่วนคำถามสุดท้ายที่ว่าแล้วเขาจะนำศีรษะออกมาได้อย่างไรก็คงไม่ยากที่จะเดาคำตอบ
เฉวียนอี้เจินเหม่อลอยไม่ค่อยฟัง แต่ดูเหมือนว่าเขาก็รู้จักกับเสื้อคลุมอมตะดี ด้วยความที่มันสามารถจำแลงร่างเป็นเสื้อคลุมแบบใดก็ได้ งานนี้จึงค่อนข้างยากราวงมเข็มในมหาสมุทร ทว่าเพราะมีคนขโมยมันไป อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าว่าหากผีตนใดสัมผัสเสื้อคลุมอมตะก็จะจำแลงร่างเป็นพ่อค้าแล้วนำเสื้อคลุมไปเที่ยวขอแลกกับชาวบ้าน เขาจึงเสนอให้ไปหาข่าวในเมืองด้วยกัน แต่พอเขากับเฉวียนอี้เจินทำท่าจะจากไป จู่ๆ เทพหนุ่มกลับล้มลงอ้วก ท่าทางไม่อาจเดินทางได้ไหว เซี่ยเหลียนจึงต้องลากอีกฝ่ายกลับไปนอนพัก
.
.
.
.
.
โม่งมาแล้วววว รู้สึกสงสารเฉวียนอี้เจิน 55555 อยากมาทำตัวลับๆล่อๆแล้วกินอาหารฝีมืออันโอชะของเตี้ยนเซี่ยเอง ช่วยมิดั้ย!
ปล. หรือว่าที่ผ้าคลุมที่เซี่ยเหลี่ยนซื้อให้หลางอี๋จะเป็นผ้าคลุมผืนนั้น...เห็นหลางอี้พูดมากกว่าเดิม
ดันๆๆ
มึงงงง ม่านฮวาล่าสุดน่ารักมากๆๆๆๆ วั่งเซี่ยนเล่นไล่จับกันแล้ว (กูนึกว่าการ์ตูนญี่ปุ่นตาหวานเลย สลับกันเป็นนางเอก 555) น่ารักจะเป็นลมมมมมมมมม TOT
ดันนนน
ฮวาเฉิงโผล่แล้ว หล่อเหี้ยๆ
จะแยกร่างไปกรี๊ดอันไหนดี ทำจัยลำบาก 😆 นี่ขาดแต่ตัวร้ายที่ยังไม่มา
ดันนนนน
ซางหลางแม่งหล่อจริง ตอนล่าสุดคือมีเขี้ยวด้วย กรี้ดๆๆ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>902 เทียนกวาน Part.106
.
.
.
.
.
วันต่อมา พอเซี่ยเหลียนเห็นหลางอิ๋งมองเฉวียนอี้เจินนั่งที่ประจำของฮวาเฉิงด้วยสายตาไม่เป็นมิตรก็เผลอเรียกเด็กชายว่าซานหลางก่อนรีบเปลี่ยนเรื่องแก้เก้อ จากนั้นเขาก็สั่งให้อีกฝ่ายต้มน้ำเตรียมอาบ ระหว่างที่เด็กชายไปตัดฝืนเพิ่ม เซี่ยเหลียนเลยลงไปแช่ในอ่างก่อน พอหลางอิ๋งกลับมาก็วานไปหยิบม้วนเอกสารมาให้ ตอนแรกอีกฝ่ายรีบปิดประตูออกไป แต่ครู่เดียวก็กลับเข้ามาลากเฉวียนอี้เจินที่นอนหลับลึกอยู่ออกไปข้างนอก เอาผ้ามาพันศีรษะแล้วก้มหัวไปหยิบเอกสารส่งให้เซี่ยเหลียน ขณะแช่น้ำอยู่เซี่ยเหลียนก็ยกแหวนที่ฉวาเฉิงให้มาดู เมื่อสังเกตเห็นดอกไม้เล็กๆ ที่แท่นบูชาก็หยิบขึ้นมาด้วยความรู้สึกคลุมเครือ ตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงสาวที่อยู่ข้างนอกบอกว่าตนมีเสื้อคลุมใหม่ต้องการหากแลกเสื้อคลุมมือสองสวยๆ ตรงเปะกับเรื่องเล่า เรียกว่าไม่ต้องตามหา ผีที่น่าจะขโมยเสื้อคลุมอมตะไปก็มาหาถึงที่
โชคดีที่ในยามว่างเซี่ยเหลียนจะเปิดคอร์สป้องกันตัวจากผี 101 ให้บรรดาแม่บ้าน ทำให้ไม่มีชาวบ้านคนใดหลงกลไปก่อน เขาสั่งให้หลางอิ๋งไปเปิดประตู และนำเสื้อที่เขาซื้อมาเมื่อวานไปแลก แต่พอหญิงสาวรับมันไปสักพักรั่วเย่ก็เลื้อยออกมาจากเสื้อ เมื่อเธอกระโดดหนีการโจมตีผ้าคลุมที่ปิดใบหน้าส่วนบนก็หลุดออกเผยให้เห็นว่าแม้ใบหน้าครึ่งล่างจะสวยสดใส แต่ครึ่งบนกลับเหี่ยวย่นเหมือนคนชรา เธอคือผีหญิงชราที่กินเนื้อเด็กสาวเพื่อหวังให้ตนอ่อนเยาว์ เฉวียนอี้เจินที่ตื่นพอดีเข้ามาจัดการผีตนนั้นอย่างง่ายดาย แต่เมื่อเซี่ยเหลียนถามว่าเธอคือคนที่ขโมยเสื้อคลุมอมตะหรือเปล่าเธอก็ปฏิเสธ และอ้างว่าได้มันมาจากเมืองผี
เซี่ยเหลียนบอกให้เฉวียนอี้เจินให้คนมาจับผีสาวไป ทว่าอีกฝ่ายกลับบอกว่าตนไม่มีลูกน้องในตำหนักสักคน เขาเลยผนึกผีสาวไว้ในไหแทน แต่เมื่อหันมาสำรวจเสื้อคลุมก็พบว่าอายมารของมันไม่น่าจะอันตรายเหมือนในตำนาน ตอนนั้นเองเฉวียนอี้เจินก็บอกว่าเสื้อคลุมนี้เป็นของปลอมเพราะของจริงที่เขาเคยเห็นมีพลังมากกว่านี้ แต่ยังไม่ทันจะถามว่าอีกฝ่ายเคยเห็นมันจริงหรือ หลิงเหวินก็ติดต่อเขาทางโทรจิตว่ามีข่าวว่ามีผีถือเสื้อคลุมอมตะอยู่ห่างจากอารามผูจี้ไปราว 20 ลี้ พอเซี่ยเหลียนเถามเธอว่าเฉวียนอี้เจินเคยเห็นเสื้อคลุมอมตะจริงหรือเปล่า หลิงเหวินจึงเล่าว่าก่อนหน้านี้เทพสงครามที่ปกครองทิศตะวันตกคืออวิ๋นอวี้ ไม่ใช่เฉวียนอี้เจิน
ก่อนที่อวิ๋นอวี้จะได้ขึ้นสวรรค์ ในวันหนึ่งเขาได้พบกับเด็กเฉวียนอี้เจินซึ่งเป็นเด็กทโมนข้างถนน ด้วยความใจดีจึงขอให้อาจารย์รับอีกฝ่ายเข้ามาดูแลในสำนัก อวิ๋นอวี้ให้ความดูแลศิษย์น้องเป็นอย่างดี ตอนที่ได้ขึ้นสวรรค์ก็พาเฉวียนอี้เจินมาเป็นลูกน้องด้วย แต่ด้วยนิสัยขวางโลก ศิษย์น้องคนนี้จึงสร้างปัญหากับคนอื่นไปทั่วสวรรค์ หากอวิ๋นอวี้ไม่คอยปกป้องคงถูกกระทืบตายไปนานแล้ว จนกระทั่งต่อมาเฉวียนอี้เจินได้ขึ้นสวรรค์มาเป็นเทพชั้นสูงด้วยความสามารถของตัวเอง เพื่อไม่ให้ต้องแย่งเขตปกครองกันทั้งสองจึงตกลงจะดูแลทิศตะวันตกด้วยกัน แต่สุดท้ายเสือ 2 ตัวก็อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ พลังของฉวียนอี้เจินรุดแซงหน้าศิษย์พี่มากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะนิสัยเสียแต่ผู้คนก็เริ่มให้การยอมรับ ตำหนักของเขาใหญ่ขึ้น ผู้ศรัทธามากขึ้น จนชื่อของอวิ๋นอวี้เริ่มถูกผู้คนลืมเลือน และแล้วในวันเกิดของเฉวียนอี้เจิน อวิ๋นอวี้ก็ได้มอบชุดเกราะซึ่งแท้จริงแล้วคือเสื้อคลุมอมตะให้กับศิษย์น้อง
ความสามารถที่โดดเด่นที่สุดของเสื้อคลุมอมตะจะทำให้เมื่อสวมมัน ผู้รับจะตกอยู่ในอำนาจของผู้ทีมอบมันให้ ไม่ว่าจะสั่งอะไรก็จะต้องทำตามทุกอย่าง แม้หลิงเหวินจะคิดว่าอวิ๋นอวี้เพียงต้องการแกล้งศิษย์น้อง แต่เมื่อจวินอู๋สังเกตเห็นว่าเฉวียนอี้เจินสูญเสียสติสัมปชัญญะ ทำตามสิ่งที่ศิษย์พี่พูดทุกอย่าง มหาเทพก็ช่วยแยกเสื้อคลุมออกมา และด้วยความผิดที่ทำร้ายเทพด้วยกันจึงทำให้อวิ๋นอวี้ถูกเนรเทศในทันที พอฟังถึงตรงนี้เซี่ยเหลียนก็ถึงบางอ้อว่าตัวร้ายในละครที่แสดงในงานเทศกาลของเฉวียนอี้เจินก็คืออวิ๋นอวี้ แต่เมื่อดูจากอาการของเทพหนุ่มแล้ว เซี่ยเหลียนก็คิดว่าอีกฝ่ายยังนับถือศิษย์พี่ของตนและเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด
ตอนที่คิดว่าคุยจบ หลิงเหวินก็บอกข่าวตำแหน่งของเสื้อคลุมอมตะอีก 20 กว่าจุดรวด พอถามเรื่องของปลอมจากเมืองผี เธอก็บอกว่าเมืองผีชอบทำของเถื่อนอยู่แล้ว เมื่อพ่อค้าได้ข่าวว่าเสื้อคลุมถูกขโมยก็รีบแอบอ้างเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าจึงทำให้มีข่าวมั่วมากมายต้องคอยไล่ตรวจสอบ แต่ด้วยความที่เซี่ยเหลียนไม่มีพลังทิพย์ ส่วนเฉวียนอี้เจินก็วาดคาถาร่นระยะไม่เป็น ทำให้พวกเขาต้องเดินเท้ากัน และเซี่ยเหลียนก็ถือโอกาสนี้พาหลางอิ๋งไปอัพเลเวลด้วย
.
.
.
.
.
ตัวร้ายกำลังจะมีอนิเมะ แล้วมีม่านฮวาหรือแบบการ์ตูนไปหรือยัง
ดราม่านักวาดเกลียดงานที่ตัวเองวาดใช่ป่ะ
ม่านฮวาของปรมจถึงฉากที่เว่ยอิงขึ้นบนหลังคาทีาปู๋เย่เทียนยังอ่ะ อยากอ่านฉากนั้น
>>920 คำถามนี้ขึ้นกับว่าสปอยส่วนไหน
.
.
.
.
.
เพราะถ้าหมายถึงคนที่อยู่กับเซี่ยเหลียนในสปอยตอนล่าสุด คนนี้คือฮวาเฉิงปลอมตัวมา ส่วนตัวจริงถูกส่งไปอยู่เมืองผีแทน แต่ถ้าหมายถึงว่าหลางอิ๋งตัวจริงคือใคร หลางอิ๋งคือหลานชายคนเดียวของหลางอิง ปฐมกษัตริย์ของหย่งอัน คนที่อยู่ในอาร์คที่ 2
.
.
.
.
.
>>915 ความไม่เป็นมิตรที่ให้เฉวียนอี้เจิน เพราะลืมตัว แถมพี่ทั่นไปนั่งที่เดิมอีก โอ๊ยหนูลูกโคตรน่าหอมหัวจีจีจ้าโม่งสปอยด์
นึกว่าเป็นเทพเเล้วจะจบ เผลอที่มาก่อนเป็นเทพนี่โคตรคลุมเคลือ พอมาเป็นเทพก็ยังสร้างเรื่องกันอีกมากมาย เทพของแม่โม่นี่จริงๆเเล้วมันมนุษย์ ver.มีพลังวิเศษชัดๆ มีความลืมคาถาไปอี๊กกกก
ดันจ้า
0000000
ดันๆๆ
เจอกันในopen chat
โม่งสปอยล์ตามไป openchat ด้วยนะ TOT ยังอยากอ่านสปอยล์อยู่
ที่นี่แม่งไม่ปลอดภัยแล้ว เหนื่อยใจ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>915 เทียนกวาน Part.107
.
.
.
.
.
พวกเซี่ยเหลียนเดินทางได้ไม่เท่าไรก็เจอกับผีกระดูกหามเกี้ยวที่ฮวาเฉิงเคยส่งมารับเซี่ยเหลียน อีกฝ่ายอ้างว่าพวกตนว่าง หากรีบเดินทางอยู่ก็จะให้ความช่วยเหลือ พวกมันยอมให้หลางอิ๋งกับเซี่ยเหลียนนั่ง แต่ปฏิเสธเฉวียนอี้เจิน เทพหนุ่มจึงพยายามวิ่งตามแต่สุดท้ายก็ไปถึงที่หมายโดยไม่ได้นั่ง พอเข้าไปยังบ้านร้างก็เจอกับชายใส่หน้ากากที่มีคำสาปพันธนาการซึ่งซือชิงเสวียนเคยบอกว่าน่าจะคืออวิ๋นอวี้ เซี่ยเหลียนลองถามชื่อของอีกฝ่ายดู แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง อีกฝ่ายจับพวกผีที่ทำนำเสื้อคลุมอมตะปลอมมาหลอกขาย และรวบรวมเสื้อต้องสงสัย 98 ผืนไว้เสร็จสรรพ ทั้งยังเสริมว่าหากหาได้อีกจะรีบส่งมาให้ เพราะฮวาเฉิงไม่อยากให้เซี่ยเหลียนต้องมาเสียเวลากับเรื่องเล็กๆ แบบนี้ พอถามว่าอ๋องผีเป็นอย่างไร ชายใส่หน้ากากก็บอกว่าเจ้านายของตนกำลังยุ่งมาก
พอชายใส่หน้ากากจากไปไม่นาน เซี่ยเหลียนก็หันไปเห็นเงาคนไร้ศีรษะเดินอยู่ในกลุ่มเสื้อผ้า ตอนนั้นเองบรรดาเสื้อคลุมผีก็บินว่อนเพราะอิทธิพลจากเขาตงลู่ ขณะที่กำลังวุ่นวายกันเขาก็เห็นว่ามีเสื้อคลุมบางตัวบินออกไปข้างนอก เมื่อจับกลับมาครบก็ลองให้เฉวียนอี้เจินกับหลางอิ๋งไล่สวมโดยมีเซี่ยเหลียนลองออกคำสั่งให้ทำตาม แต่ลองเท่าไรก็ยังไม่เจอ เซี่ยเหลียนเลยติดต่อหลิงเหวินให้ส่งคนมาช่วยดู ซึ่งเธอก็อาสามาด้วยตัวเอง ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ข้างหน้าปรากฏเงาของชายร่างสูงซึ่งยังมีหัวอยู่ครบ มันยืนนิ่งอย่างไม่ยี่หระ แต่เมื่อลมพัดมาก็ค่อยๆ จางหายไป พร้อมกันนั้นหลิงเหวินก็มาถึงพอดี เซี่ยเหลียนรีบเล่าให้อีกฝ่ายฟังว่าเมื่อครู่วิญญาณที่น่าจะเป็นเสื้อคลุมอมตะตัวจริงปรากฏตัว ทำให้อีกฝ่ายงงเพราะมันไม่เคยแสดงตัวให้ใครเห็นมาก่อน หลิงเหวินเสนอว่าตนจะนำเสื้อทั้งหมดกลับไปตรวจสอบบนสวรรค์ แล้วเสริมว่าพวกเซี่ยเหลียนจำเป็นต้องส่งเสื้อคลุมที่ใส่ในคืนนี้ไปให้ตรวจสอบด้วย เพราะอายมารของเสื้อคลุมอมตะส่งผลต่อเสื้อธรรมดา
วันต่อมาเซี่ยเหลียนก็จัดการรวบรวมเสื้อคลุมทั้งหมดเดินทางไปยังตำหนักหลิงเหวิน บอกว่าไม่แน่ใจว่านำมาครบหรือเปล่า หลิงเหวินจึงลองนับเร็วๆ แล้วเธอก็บอกว่ามีเสื้อตกหล่นไปตัวหนึ่งจริงๆ ก่อนถามว่าไม่ได้ลืมเสื้อที่พวกหลางอิ๋งใส่ใช่หรือไม่ แต่เซี่ยเหลียนกลับไม่รีบกลับไปนำมา เขาบอกว่าตนคิดมาตลอดว่าคงไม่มีผีที่ไหนกล้าเข้าไปในหอมหายุทธ์ และหากจะมีใครเข้าไปขโมยของในนั้นอย่างชิลๆ ก็คงมีแค่จวินอู๋กับหลิงเหวิน อีกทั้งผีที่มาขอแลกเสื้อก็บอกชัดว่าต้องการแลกเสื้อมือสองเหมือนว่าต้องการเสื้อมือสองที่อยู่ในอารามของเขา
เมื่อคนร้ายขโมยเสื้อคลุมมาก็คงรีบนำไปซ่อนในภพมนุษย์และคอยดูอยู่ห่างๆ และด้วยสกิล Luck E ของเซี่ยเหลียนก็ทำให้เขาไปเจอกับมันเข้า มันคือเสื้อที่เขาซื้อกลับไปให้หลางอิ๋งนั่นเอง ผีตนนั้นถูกส่งมาเป็นเหยื่อล่อให้เขาต้องรายงานเรื่องกับหลิงเหวิน เธอจะได้อ้างว่าต้องนำเสื้อทั้งหมดในอารามมาตรวจสอบ แต่เฉวียนอี้เจินดันอยู่ด้วยพอดีทำให้พวกเขารู้ทันทีว่าเสื้อไม่ใช่ของจริง เมื่อผีถูกจับได้ หลิงเหวินก็รีบโยนงานมาให้เขาทันทีเพื่อที่เขาจะต้องไปทำงานแล้วทิ้งหลางอิ๋งไว้ที่อารามคนเดียว หลิงเหวินแย้งว่าหากเสื้อที่หลางอิ๋งใส่คือเสื้อคลุมอมตะจริงๆ ทำไมเซี่ยเหลียนจึงไม่สามารถสั่งอีกฝ่ายได้ เซี่ยเหลียนจึงบอกว่าความจริงแล้วเสื้อที่ตนนำมาตกหล่นไปเป็น 10 เทพสาวจึงขอลองนับใหม่และบอกว่าเธอพลาดไปจริงๆ แต่เซี่ยเหลียนก็จี้ว่าในเมื่อเธอนับแบบส่งๆ เหตุใดถึงรีบถามถึงเสื้อของหลางอิ๋ง ทั้งๆ ที่เสื้อของหลางอิ๋งก็อยู่ในกองนี้ หลิงเหวินพยายามอ้างว่าตนเบลอจนดูพลาดไป แต่เขาก็บอกีอกว่าความจริงเสื้อที่เขาอ้างว่าเป็นของหลางอิ๋งไม่ใช่ของเจ้าตัวจริงๆ หลิงเหวินเลยถามเหตุใดจึงต้องลงทุนปลอมเสื้อด้วย แต่เซี่ยเหลียนก็จี้ต่อว่าเขาไม่ได้ทำเสื้อเลียนแบบ แค่หยิบส่งๆ จากในกองขึ้นมา พอเขาถามเทพสาวว่าเสื้อที่หลางอิ๋งใส่เมื่อวานมีสีอะไร เมื่ออีกฝ่ายตอบไม่ได้เขาก็สรุปได้ทันทีว่าเป็นเพราะเธอเห็นหลางอิ๋งสวมถุงกระสอบ เสื้อคลุมอมตะสามารถจำแลงร่างได้มากมาย แต่ในสายตาของผู้สร้างยังไงก็จะมองเห็นเพียงร่างจริงของมัน ด้วยเหตุนี้เธอจึงมองออกแต่แรกว่าในเสื้อกองนี้ไม่มีเสื้อที่หลางอิ๋งใส่เมื่อคืน ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว หญิงสาวที่เย็บถุงกระสอบสร้างผีเสื้อคลุมอมตะ และขโมยมันออกมาจากหอมหายุทธิ์คือเทพอักษร หลิงเหวินเจินจวิน
.
.
.
.
.
ว่าแต่หลิงเหวินนี่มุมมืดน่ากลัวใช้ได้แหะ..
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>937 เทียนกวาน Part.108
.
.
.
.
.
พิจารณาจากตำนานเสื้อคลุมอมตะทำให้คาดได้ว่าหลิงเหวินสร้างมันหลังจากเป็นเจ้าหน้าที่สวรรค์แล้ว ด้วยการที่มันฆ่าคนไปมากกว่า 500 คน แถมเทพสาวยังปลิดชีวิตของคนที่อนาคตจะได้เป็นเทพให้เป็นผีสิงในนั้น ความผิดนี้คงไม่อาจละเว้นโทษได้ เซี่ยเหลียนรู้จักกับหลิงเหวินมาหลายร้อยปี แม้จะมีสัมพันธ์กันแค่เรื่องงาน แต่ก็เป็นมิตรภาพอันดี หลังขึ้นสวรรค์ครั้งที่ 3 ในขณะที่เทพองค์อื่นดูถูกเขาว่าเป็นเทพเก็บขยะ หลิงเหวินกลับไม่เคยทำเช่นนั้น ทั้งยังคอยให้ความช่วยเหลือมาตลอด ทำให้เซี่ยเหลียนเองก็อดรู้สึกปวดใจไม่ได้ พอเขาถามหลิงเหวินว่าเหตุใดเขาจึงไม่สามารถสั่งหลางอิ๋งที่สวมเสื้ออยู่ได้ เธอก็ขอแลกเปลี่ยนด้วยการให้เขาพาเธอไปพบกับเสื้อคลุมอมตะก่อน เพราะเธอเองก็ไม่ได้เห็นไป๋จิง วิญญาณที่อยู่ในเสื้อคลุมมานานมากแล้ว
ทั้งคู่เดินมาตามถนนบนสวรรค์โดยไม่ให้ใครเห็นว่าเขาให้รั่วเย่มัดข้อมือหลิงเหวินไว้ ระหว่าทางพวกเขาก็เจอกับเผยหมิงเข้าพอดี แม่ทัพเผยจึงเอ่ยเตือนเทพสาวให้ระวังตัว เพราะเขาเห็นใครเดินคู่กับเซี่ยเหลียนแล้วต้องเกิดเรื่องทุกที ที่อารามผูจี้นอกจากหลางอิ๋งแล้ว เซี่ยเหลียนยังได้พบกับเฉวียนอี้เจินที่แอบมาหยอดทองลงในกล่องรับบริจาคอีก เมื่อเห็นเสื้อคลุมอมตะหลิงเหวินก็ขอเวลาอยู่กับมันตามลำพัง เซี่ยเหลียนจึงหันไปทำอาหาร เขาเรียกให้หลางอิ๋งมาช่วยผัก ระหว่างนั้นก็ลองถามว่าในบรรดาเทพกับผีที่เคยมาอารามใครหล่อที่สุด หลางอิ๋งตอบว่าเซี่ยเหลียน แต่เมื่อเซี่ยเหลียนบอกให้ตอบคนอื่นนอกจากเขา หลางอิ๋งก็ตอบว่าคนที่ใส่เสื้อสีแดง พอถามว่าใครแข็งแกร่งที่สุด รวยที่สุด คนที่ชอบที่สุด อีกฝ่ายก็ตอบเช่นเดิม ทั้งยังให้เชิญอ๋องผีมาที่อารามอีก แต่เซี่ยเหลียนก็บอกว่าตอนนี้อีกฝ่ายงานยุ่งมาก หากไปเรียกมาจะเป็นการรบกวน
หลังเคี่ยวอาหารในหม้ออยู่นาน และเห็นหลิงเหวินยังอยู่ในอารามดี เซี่ยเหลียนก็ไปหยิบกระดาบกับพู่กันมาให้หลางอิ๋งลองเขียนอักษร หลังจากมือแข็งอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดหลางอิ๋งก็ยอมแพ้กล่าวขอโทษด้วยเสียงของฮวาเฉิง ส่วนเซี่ยเหลียนก็หัวเราะขำ บอกว่าอีกฝ่ายปลอมตัวไม่เนียนทำนิสัยเหมือนเดิม อีกทั้งนอกจากอีกฝ่ายแล้วจะมีใครกินอาหารฝีมือของเขาได้อีก แต่การได้พบกับอ๋องผีอีกก็ทำให้เขารู้สึกถึงความสุขอันเรียบง่ายอีกครั้ง
เมื่อเซี่ยเหลียนถามถึงหลางอิ๋งตัวจริง ฮวาเฉิงก็บอกว่าเขาส่งอีกฝ่ายไปเป็นแขกที่เมืองผี ตอนนั้นจู่ๆ หลิงเหวินก็เดินเข้ามาในครัวเพราะได้กลิ่นแปลกๆ พอรู้ว่าเซี่ยเหลียนทำอาหารเธอก็บอกว่าของในหม้อน่าจะกินไม่ได้แล้ว หลังจากนั้น 2 ชม. เซี่ยเหลียน ฮวาเฉิง หลิงเหวิน กับเฉวียนอี้เจินก็มานั่งรอบวงโต๊ะกินข้าว พอเห็นลูกชิ้น เฉวียนอี้เจินก็ถามว่าทำไมของในหม้อที่เซี่ยเหลียนต้มก่อนหน้าถึงกลายเป็นสิ่งนี้ไปได้ เซี่ยเหลียนเฉไฉไปว่ามันมีชื่อว่าลูกชิ้นพรหมจรรย์ไม่เลือนหาย พอเฉวียนอี้เจินถามประโยคเดิม เขาก็ตอบว่าการทำลูกชิ้นต้องกะกำลังให้ดีจึงใช้เวลานาน เมื่อเฉวียนอี้เจินทวนคำถามเดิมเป็นครั้งที่ 3 เซี่ยเหลียนจึงค่อยยอมรับว่ามีปัญหาในการคุมไฟน้ำแกงในหม้อเลยระเหยไปหมด ก็เลยเปลี่ยนมาทำลูกชิ้นแทน
พอเห็นฮวาเฉิงในร่างหลางอิ๋งกินลูกชิ้นแถมบอกว่ารสอ่อน หลังจากคิดสักพักเฉวียนอี้เจินก็คีบมากินบ้าง แต่พอเข้าปากหน้าของเทพหนุ่มก็ซีดขาวก่อนล้มตึงหมดสติ เซี่ยเหลียนยังคงยิ้มทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมอ๋องผียังให้ท้ายว่าสงสัยกินเร็วเกินไป ส่วนหลิงเหวินหันไปกินหมั่นโถวแทน ฮวาเฉิงโทรจิตมาคุยกับเซี่ยเหลียนว่าการที่อีกฝ่ายพาคนอมหิตไร้หัวใจอย่างเทพสาวมาด้วย เดี๋ยวเธอจะต้องหาทางหาคนมาช่วยแน่ๆ และคนๆ นั้นน่าจะไม่ใช่เผยหมิง เพราะหากแม่ทัพเผยรู้ความจริงก็คงไม่เข้ามาขัดขวางเซี่ยเหลียน แต่จู่ๆ เขาก็บอกให้เซี่ยเหลียนระวังตัว ได้ยินดังนั้นเซี่ยเหลียนจึงมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งกลุ่มนักพรต นักบวชกว่า 50-60 คนกำลังเข้ามาในหมู่บ้านผูจี้ ในตัวมีอุปกรณ์พลังทิพย์ครบมือพร้อมบวกเป็นอย่างมาก หรือว่านี้จะเป็นฝีมือของฉีหรงที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศว่าจะไปตามคนมาจัดการฮวาเฉิงกัน
.
.
.
.
.
ดันนนนน เงียบเหงามั้กๆ
สรุปตอนจบในเรดิโอเว่ยอิงพกสุยเปี้ยนไปมาใช่ป่ะ จินตันกลับมาแล้วสินะ ฮรือออ กระบี่เว่ยอิงนี่เก่งมากจนมีแต่คนอยากประลองด้วยเลยใช่ป่ะ อยากเห็นตอนพิเศษเว่ยอิงใช้กระบี่เลย คิดถึงเว่ยอิงโชว์เทพ
เมิงตามทวิตเฟอเรตกับน้องหมาป่ากันไหม ฮีลลิ่งจังวะ แม่งละมุ้นงุ้งงิ้งหงิงๆๆๆๆ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>949 เทียนกวาน Part.109
.
.
.
.
.
ฮวาเฉิงขอโทษที่นำความวุ่นวายมาให้ บอกว่าจะตนล่อพวกนักบวชไปที่อื่นเอง แต่เซี่ยเหลียนพอเดาได้ว่าพลังของอีกฝ่ายยังไม่เต็มร้อยเพราะผลจากเขาตงลู่ และที่จำแลงเป็นหลางอิ๋งซึ่งตัวเล็ก ส่วนหนึ่งก็เพื่อเซฟพลังไว้ไม่ให้คลั่ง เขาจึงสั่งห้ามอ๋องผีแล้วออกไปรับหน้าพวกนักบวชเอง นักบวชบอกชาวบ้านว่าอารามผูจี้มีผีร้ายสิงอยู่ เซี่ยเหลียนจึงบอกว่ามีผีอยู่ในอารามจริงๆ แล้วหยิบไหที่ผนึกวิญญาณผีหญิงชราออกมาให้ แต่พวกนักบวชก็บอกว่าที่พวกตนหาอยู่ไม่ใช่ผีลูกกระจ๊อกเช่นนี้ ตอนนั้นเองนักบวชที่แต่งกายหรูหราก็บอกว่าตนคือเนตรสวรรค์ มีตาที่ 3 บนหน้าผากสามารถมองเห็นอายมารจากร่างของเซี่ยเหลียน แต่แล้วเนตรสวรรค์ก็บอกว่ามีอะไรแปลกๆ เพราะดูดีๆ เซี่ยเหลียนก็มีอายทิพย์อยู่ หากแต่ก็มีอายมารเช่นกันโดยเฉาพะที่ริมฝีปาก เซี่ยเหลียนจึงเข้าใจทันทีว่าน่าจะเพราะเรื่องน่าอายในอารามเฉียนเติ้งกับฮวาเฉิงในคืนนั้น เลยแถไปว่าเป็นเพราะตนนำไหผนึกผีมาใส่แตงกวาดองแล้วกินต่างหาก แต่กลุ่มนักบวชก็ยังดึงดันบุกเข้าไปในอารามอยู่ดี
เซี่ยเหลียนรีบกลับเข้าไปคว้าเฉวียนอี้เจิน ขู่ว่าจะเอาลูกชิ้นพรหมจรรย์ยัดปากอีกฝ่าย ได้ยินดังนั้นเทพหนุ่มก็รีบเปล่งออร่าเทพป้องกันร่างของตน แสงทิพย์สาดเข้าเนตรสวรรค์จนตาที่ 3 ใช้งานไม่ได้ ขณะที่เซี่ยเหลียนคว้าจานลูกชิ้นมาถือไว้ ฮวาเฉิงก็ใช้พลังสร้างบาเรียไม่ให้พวกนักบวชเข้ามาข้างใน สร้างเสียงข่มขู่จากท้องฟ้า แม้จะกลัว แต่พวกนักบวชที่รู้ว่าพลังของฮวาเฉิงถูกผนึกไว้ส่วนหนึ่งก็ยังบอกให้อีกฝ่ายยอมแพ้พวกตนแต่โดยดี เซี่ยเหลียนรีบเข้าไปจับตัวฮวาเฉิงไว้ บอกว่าตนจะจัดการทุกอย่างเอง เขาอุ้มฮวาเฉิงที่ร่างกายค่อยๆ เล็กลงไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วออกไปต่อว่าที่พวกนักบวชว่าเชื่อสิ่งที่ผีเขียวบอก แต่พวกนักบวชบฏิเสธ กล่าวว่าพวกตนจะไปเป็นพวกเดียวกับผีได้อย่างไร ก่อนพุ่งมาพร้อมบวกกับเซี่ยเหลียนที่คิดปกป้องผี ทว่าเทพจะทำร้ายมนุษย์ไม่ได้ เซี่ยเหลียนเลยต้องเรียกรั่วเย่มาใช้
พอรั่วเย่พ้นมือปุ๊บ หลิงเหวินก็ฉีกสัญญา กล่าวลาขอตัวทันที เซี่ยเหลียนจึงเข้าใจได้ทันทีว่าคนที่ปล่อยข่าวให้พวกนักบวชมาที่นี่แท้จริงแล้วก็คือเทพสาว เขารีบบอกให้เฉวียนอี้เจินจับเธอเอาไว้ แต่แล้วเทพหนุ่มก็ถูกซัดทะลุหลังคา เงาของชายร่างสูงเดินออกมาจากอาราม แต่เมื่อมองดีๆ จึงรู้ว่านั่นคือหลิงเหวินที่สวมเสื้อคลุมอมตะอยู่ เมื่อเซี่ยเหลียนแทงฟางซิ่นใส่ เธอก็เพียงใช้แขนเสื้อปัดออก ด้วยความที่ไป๋จิง วิญญาณในเสื้อคลุมมีความสามารถเกือบได้เป็นเทพจึงทำให้เธอที่เป็นเทพสายบุ๊น สู้กับเทพสายบู๊ได้อย่างสบาย
หลิงเหวินพยายามสั่งให้เสื้อคลุมหยุดสู้แล้วรีบหนี แต่ไป๋จิงก็ยังใช้ร่างของเธอสู้กับเฉวียนอี้เจินต่อจนกำแพงอารามเกือบทลาย พอพวกนักบวชกรูกันเข้ามาล้อมเซี่ยเหลียนในที่สุดกำแพงก็พัง สร้างความชีช้ำให้เซี่ยเหลียนจนฮวาเฉิงต้องปลอบ เมื่อเนตรสวรรค์เข้ามาปรามาศว่าเป็นนักบวชกลับช่วยเหลือผี นับถือเทพองค์ไหนกัน เซี่ยเหลียนก็คำรามเสียงดังว่าเขาไม่นับถือเทพองค์ไหนทั้งนั้น เพราะว่าเขาคือเทพตัวจริงเสียงจริง ได้ยินดังนั้นพวกนักบวชก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตะลึง เซี่ยเหลียนจึงสบโอกาส บอกลืมคำพูดเมื่อกี้กันไปนะจ้ะ แล้วดีดลูกชิ้นใส่ปากเรียงตัว คนที่ไหวตัวทันเอาอาวุธกันไว้ก็พบว่าลูกชิ้นพุ่งรุนแรงราวใช้เน็นสายเสริมพลัง แล้วเซี่ยเหลียนก็ประกาศก้องว่ามันคือลูกชิ้นพรหมจรรย์ไม่เลือนหายในตำนาน หากไม่รีบดื่มน้ำสะอาด 81 ถ้วยภายใน 1 วันจะต้องท้องระเบิดตาย พวกนักบวชจึงหนีไปแก้พิษกันอย่างว่องไว อีกด้านหนึ่งหลิงเหวินยังพยายามห้ามไป๋จิงไม่ให้ทำร้ายเฉวียนอี้เจินมากกว่านี้ เห็นเธออ้าปากปุ๊บ เซี่ยเหลียนก็ซัดลูกชิ้นใส่ปากปั๊บ ทำเอาเธอทำท่าเหมือนจะขย้อน อีกทั้งอายมารจากเสื้อคลุมอมตะก็ปลิวหายในทันที แล้วเธอก็รีบหนีโดยมีเฉวียนอี้เจินตามไป แต่พอเซี่ยเหลียนจะตามไปด้วยเขาก็ถูกนักบวชอีกกลุ่มมาขวางทางไว้ เขาจึงบอกให้ฮวาเฉิงกอดตนแน่นๆ แล้วอุ้มอีกฝ่ายโกยหนีไปอีกทาง ก่อนรีบใช้โทรจิตบอกในเครือข่ายสวรรค์ว่าหลิงเหวินหนีไปพร้อมใส่เสื้อคลุมอมตะไว้
Note 1 : เซี่ยเหลียนควรเปลี่ยนอาวุธจริงๆ นะ
Note 2 : ถ้าไม่ติดว่าเป็นแนวจีนโบราณ กูอยากเอาอันนี้เป็นเพลงประกอบฉากตอนนี้มาก https://youtu.be/4Diu2N8TGKA?t=17
.
.
.
.
.
เพื่อนโม่งไปทำอิ้งเทียนกวานกันที่ไหนวะ โม่งสปอยล์ทำกุอยากไปดำอิ้งแต่หาไม่เจอว่ะ ที่เจอก็มีแต่ตามโม่งสปอยล์ไม่ทัน ใบ้คีย์เวิร์ดให้กุทีพลีส
อ่านไปแล้วขำก๊ากอ่ะ อะไรจะโบ๊ะบ๊ะกันขนาดนี้ 5555555 ฮวาเฉิงเอ้ยยยยยลูกกกกกก ชอบตอนที่นางปลอบพี่เซี่ยตอนอารามพังอ่ะ
อารมณ์พี่แกตอนนั้นถ้าพูดได้คือ 'กูนี่แหละเทพตัวจริงโว้ยย!' โบ๊ะบ๊ะจริงให้ตายสิ พี่เซี่ยควรเปลี่ยนไปสายทำอาวุธยาพิษอ่ะน่าจะรุ่งนะสายนี้
หลานเอ้อเกอเกอกลายเป็นหลานโอนี่จังไปแล้ววววว
ที่มาของความดวงซวยของเซี่ยเหลียนคืออะไรวะ
ขอถามด้วยคน ทำไมเซียเหลียนต้องพันผ้าสีขาวอยู่ตรงคอ ? (อันนี้ดูจากคาแรกเตอร์ดีไซน์ใน Anime กับ Manhua นะ)
แอบสงสัยว่ามันเป็นแค่ดีไซน์ของชุด ? หรือปิดแผลที่คออ่ะ ?
ทำไมทุกครั้งที่ฟาฟากับเตี้ยนเซี่ยกำลังจะพูดอะไรหวานๆใส่กันแม่งต้องมีอะไรมาขัดทุกทีวะ กุหงุดหงิดดดดดดดดด
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>959 เทียนกวาน Part.110
.
.
.
.
.
เนื่องจากหลิงเหวินเป็น กสทช ดูแลเครือข่ายโทรจิตของสวรรค์ พอเธอทิ้งหน้าที่จึงเกิดความโกลาหล แม้เฟิงซิ่นจะได้ยินเสียงของเซี่ยเหลียน แต่เครือข่ายก็ล่มโดยที่เขาไม่ทันบอกรายละเอียดกับอีกฝ่าย พอเซี่ยเหลียนหันมาสังเกตฮวาเฉิงก็เห็นว่าตอนนี้อ๋องผีมีร่างเหมือนเด็กอายุราว 11-12 ปี หน้าตาก็กลับมาเป็นของเจ้าตัวในเวอร์ชั่นเด็ก น่ารักจนเซี่ยเหลียนหมั่นเขี้ยวบีบแก้มไปทีหนึ่ง แต่ถึงเซี่ยเหลียนจะมีความสุข ฮวาเฉิงกลับดูไม่ปลื้มเท่าไร เพราะเขาอยากแข็งแกร่งกว่าใครเพื่อที่จะได้สามารถทำสิ่งหนึ่งได้
วันต่อมาทั้งคู่ก็มาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง เซี่ยเหลียนลองถามว่าเฮ่อเสวียนเจอปัญหาเดียวกับฮวาเฉิงหรือเปล่า อ๋องผีเลยเล่าว่าอีกฝ่ายก็ใช้วิธีกินดุแล้วจำศีลเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบ และที่ฉีหรงกินมนุษย์ก็เป็นเพราะพยายามเลียนแบบเฮ่อเสวียนที่อัพเลเวลด้วยการกินผี และที่ชอบห้อยศพกลับหัวก็เป็นเพราะต้องการเลียนแบบฝนเลือดของฮวาเฉิง หากแต่ผีเขียวไม่รู้ว่าเขาสร้างมันอย่างไร เมื่อถามถึงเมืองผี เขาก็บอกว่าเขาทำการปิดเมืองไว้แล้ว น่าจะไม่เป็นปัญหา ก่อนที่เขาจะถามอย่างสงสัยบ้างว่าทำไมเนตรสวรรค์ถึงบอกว่าปากของเซี่ยเหลียนมีอายมารอยู่ เซี่ยเหลียนเลยเปลี่ยนเรื่องรีบจูงอีกฝ่ายเข้าร้านขายเสื้อเพื่อซื้อเสื้อตัวใหม่ให้ฮวาเฉิงที่ตอนนี้เสื้อไม่พอดีตัว แต่ตอนกำลังจะออกจากร้านก็พบว่าพวกนักบวชตามมาถึงเมืองพอดี เซี่ยเหลียนเลยขอเสื้อตัวหนึ่งไปลองในห้องลองเสื้อเพื่อหลบ
ด้วยอิทธิฤทธิ์ลูกชิ้นพรหมจรรย์ทำให้พวกนักบวชต้องคอยเข้าห้องน้ำ กับหาน้ำสะอาดดื่มแก้พิษ (?) พอเนตรสวรรค์ถามชาวบ้านว่าเห็นนักพรตพาเด็กมาหรือเปล่า หลายคนก็มองไปทางร้านขายเสื้อ แต่พอเขาไปกระชากเปิดผ้าม่านห้องลองก็เห็นสตรีกำลังถอดเสื้อออกครึ่งหนึ่ง เมื่ออีกฝ่ายร้องกรี๊ด เอาแขนเสื้อปิดหน้า เขาก็รีบขอโทษบอกบาปก๊ำ บาปกรรม เซี่ยเหลียนครอสเดรสเลยสบโอกาสอุ้มฮวาเฉิงหนีต่อจนไปชนร้านขายของเสียหาย ถูกพวกพ่อค้าตามล่าตัวอีกกลุ่ม พวกนักบวชที่ได้ยินเสียงวุ่นวายรู้ตัวเลยตามมา แต่ด้วยความเชี่ยวชาญศาสตร์และศิลป์แห่งการโกย ทำให้เซี่ยเหลียนสลัดหนีมาได้ในที่สุด
ทั้งคู่เดินมาเจอกับโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งจึงเข้าไปพัก แม้จะอึ้งกับการแต่งกายของเซี่ยเหลียน แต่พนักงานก็ยังให้การต้อนรับอย่างดี ส่วนพวกเซี่ยเหลียนเองพอเห็นบ้านใหญ่โตกลางป่า แต่มีพนักงานแค่ 2 คน แถมมีกลิ่นเลือดจางๆ ก็รู้ว่าที่แห่งนี้เป็นของผี ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังเช่าห้อง เมื่อฮวาเฉิงย้ำกับพนักงานว่าหากมีคนถามหาพวกตนให้บอกว่าไม่เห็น อีกฝ่ายก็รับปากอย่างดี ตอนที่พวกเซี่ยเหลียนกำลังเปิดเข้าห้องบนชั้น 2 พวกเนตรสวรรค์ก็เปิดประตูเข้ามาในโรงเตี้ยมพอดี ขณะที่พวกนักบวชรีบขอเข้าห้องน้ำ และทำท่าจะสั่งอาหาร อ๋องผีก็เจาะรูพื้นแอบส่องพวกเนตรสวรรค์จากในห้อง
พวกเซี่ยเหลียนคิดว่าพวกนักบวชต้องถูกวางยาพิษเพื่อจับกินแน่ แต่พอเนตรสวรรค์เห็นว่าจานสกปรกก็สั่งให้พนักงานไปทำอาหารมาใหม่ แล้วถามพนักงานก่อนว่าเห็นสตรีท่าทางแปลกๆ มากับเด็กชายหรือไม่ ซึ่งพนักงานก็ตอบทันทีว่าอยู่ข้างบน พวกนักบวชจึงพากันเดินขึ้นมาชั้น 2 ทว่ากลับเดินเลยห้องพวกเซี่ยเหลียนไป ก่อนมีเสียงด่าทอด้วยคำหยาบคายจากหญิงสาวดังออกมา พอทั้งสองแอบส่องก็พบว่าอีกฝ่ายคือหลันฉาง ตอนนี้อีกฝ่ายหน้าสดไร้เครื่องสำอางหนาอย่างที่เคย แม้จะมีริ้วรอยที่ตาตามวัย ทว่าใบหน้าของเธอกลับสวยสง่ากว่าตอนแต่งหน้ามากจนเซี่ยเหลียนอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดเธอจึงแต่งหน้าอย่างนั้น แล้วก็พอเดาได้ว่าเด็กที่มาด้วยจะต้องเป็นวิญญาณตัวอ่อนทารกที่หลบหนีมา
เนตรสวรรค์เปลี่ยนคำถามถามพนักงานว่ามีนักพรตมากับเด็กหรือไม่ พนักงานก็บอกว่าถึงจะไม่มีเด็ก แต่มีนักพรตมาเพียงลำพังอยู่คนหนึ่ง ทั้งหมดก็แห่กันไปที่ห้องๆ หนึ่ง แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็มียันต์พุ่งผ่านช่องประตูมาปักกลางเสาต่อหน้า เนตรสวรรค์คิดได้ว่าอีกฝ่ายมีกำลังน้อยกว่าตอนเซี่ยเหลียนปาอาวุธลับจึงรู้ว่าไม่ใช่คนเดียวกัน เลยขอโทษแล้วพากันลงไปข้างล่าง สั่งให้พนักงานนำแก้วน้ำไปล้างใหม่ พอพนักงานเดินเข้าไปในครัว ฮวาเฉิงก็เจาะรูสังเกตการณ์เพิ่ม พวกเขาจึงเห็นว่าภายในครัวเต็มไปด้วยชิ้นส่วนมนุษย์ และมีชายกำลังกัดกินศพเหล่านั้นอยู่คนหนึ่ง เป็นชายที่ฉีหรงสิงร่างนั่นเอง
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>976 เทียนกวาน Part.111
.
.
.
.
.
ฉีหรงด่าผีที่ไปบังคับมาเป็นลูกน้องที่ไม่สามารถหลอกเหยื่อให้กินอาหารได้ ก่อนบ่นว่าพวกนักบวชช่างเรื่องมาก น่าจับไปให้กินอาหารฝีมือของเสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทให้หมด จากนั้นจึงหยิบเนื้อมนุษย์มาโชว์สกิลพ่อครัวหัวป่าก์ เซี่ยเหลียนรีบดีดกรวดผ่านช่องถ้ำมองไปถูกแก้วของเนตรสวรรค์ ทำให้น้ำชากระเด็นไปโดนนักบวชข้างๆ แล้วพิษในนั้นก็ทำให้อีกฝ่ายหน้าไหม้ราวโดนกรด ชั้นล่างจึงเกิดความชุลมุนขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงของหลันฉางกำลังขอร้องใครบางคนไม่ให้จับเธอ พอเซี่ยเหลียนเปิดประตูออกไปก็พบว่านักพรตที่อยู่ในห้องใกล้กันที่แท้ก็คือฝูเหยา ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยว่าแม่ทัพของตนกำลังเดือดร้อน เซี่ยเหลียนเลยถามว่าเกิดอะไรมู่ฉิง แต่ฝูเหยาไม่สนใจแล้วพยายามจับหลันฉางกับวิญญาณตัวอ่อนต่อ เซี่ยเหลียนเลยลงไปที่ครัวเพื่อจับฉีหรงแทน พอเชคห้องเก็บของก็พบกู่จือถูกล็อคไว้ด้านในด้วยสภาพมีไข้สูง ตอนนั้นเองพวกนักบวชก็เข้ามาในครัว เช่นเดียวกับฝูเหยา วิญญาณตัวอ่อน กับหลันฉางจนอลวนกันอีกรอบ สุดท้ายฮวาเฉิงก็เตะแผ่นทองคำซัดกำแพงจนโรงเตี๊ยมถล่มทับพวกนักบวชกับฝูเหยา ทุกอย่างจึงค่อยสงบลง
ในที่สุดฝูเหยาก็จับวิญญาณตัวอ่อนไว้ได้ ก่อนที่หลันฉางจะออกมาจากซากโรงเตี๊ยม ตอนนั้นเองเฟิงซิ่นก็ติดต่อเซี่ยเหลียนมาทางโทรจิต เขาบอกว่าตอนนี้สวรรค์ก็ยังวุ่นวาย เพราะถึงทุกคนจะชอบด่าหลิงเหวินว่าทำงานไร้ประสิทธิภาพ แต่พอได้ลองมาทำงานจริงก็ไม่มีเทพสายบุ๊นคนไหนทำงานได้ถึงครึ่งของเทพสาว แถมเพราะก่อนหลบหนี วิญญาณตัวอ่อนได้กล่าวว่ามู่ฉิงคือคนที่ควักตนออกจากท้องมารดา อีกฝ่ายจึงถูกกักบริเวณเพื่อไต่สวน แต่มู่ฉิงกลับทำร้ายผู้คุมหนีออกมา เซี่ยเหลียนบอกว่าเขาไม่เชื่อว่ามู่ฉิงจะเป็นคนที่ทำเรื่องเช่นนั้น แต่เฟิงซิ่นก็กล่าวว่าตอนนี้ทุกคนเชื่อว่ามู่ฉิงคือคนร้ายไปแล้ว อีกทั้งที่แขนของมู่ฉิงก็มีรอยกัดซึ่งตรงกับรอยฟันของวิญญาณตัวอ่อน แม้อีกฝ่ายจะอ้างว่าตนเคยปะทะกับวิญญาณตัวอ่อนมาก่อน แต่ไม่ใช่คนสังหารอีกฝ่ายก็ดูฟังไม่ขึ้น เซี่ยเหลียนจึงเข้าใจทันทีว่าเพราะอีกฝ่ายเป็นคนสันโดษ พอเกิดเรื่องเลยไม่มีใครเชื่อ จึงตัดสินใจหนีออกมาหาความจริงด้วยตนเอง
ขณะที่เฟิงซิ่นถามที่อยู่ของเซี่ยเหลียน จู่ๆ ฝูเหยาก็เข้ามาถามว่าแอบคุยกับใคร เซี่ยเหลียนเลยแถไปว่าแค่พยายามเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรจิตกลางดู เมื่อเขาไปดูอาการกู่จืออีกครั้งก็อดหันไปด่าฉีหรงไม่ได้ว่าไม่ดูแลเด็กให้ดี คิดว่าที่อีกฝ่ายไม่กินเพราะเนื้อเด็กป่วยไม่อร่อย ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ เมื่อเห็นเด็กป่วยหลันฉางจึงเข้ามาช่วยดูให้ แต่ฝูเหยาก็เร่งให้อีกฝ่ายตามตนไป เซี่ยเหลียนเลยหันไปสารภาพว่าเขารู้เรื่องที่มู่ฉิงเดือดร้อนแล้วเลยอยากฝากบอกให้อีกฝ่ายกลับสวรรค์ แต่ฝูเหยาปฏิเสธ พูดว่ากลับไปก็มีแต่ถูกใส่ความรับโทษตาย เซี่ยเหลียนเลยบอกว่าเดี๋ยวเขาจะช่วยสืบหาความจริงให้เอง ฝูเหยาจึงเอ่ยว่าเห็นเซี่ยเหลียนสืบเรื่องใคร สุดท้ายก็ซวยทุกคน อีกทั้งเขาก็รู้เรื่องความบาดหมางระหว่างเซี่ยเหลียนกับมู่ฉิงจึงไม่เชื่อใจ เซี่ยเหลียนกล่าวว่าถึงเขาจะคิดว่ามู่ฉิงใจแคบ ชอบดรามา นิสัยเสีย ขี้มโน ไม่เคยพูดจาดีๆ ชอบเหน็บแนม มองคนในแง่ร้าย ไม่มีเพื่อน ชอบคิดเล็กคิดน้อย จู้จี้จุกจิก แต่ด้วยความที่เขารู้จักอีกฝ่ายตั้งแต่เด็ก จึงรู้ว่าถึงอีกฝ่ายอาจแอบถุยน้ำลายใส่แก้วคนที่ไม่ชอบ แต่ก็ไม่มีวันวางยาพิษลงไปแน่นอน
ได้ยินอย่างนั้นฝูเหยาก็โวยวายว่าไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น เซี่ยเหลียนก็แถว่าแค่ยกตัวอย่าง ก่อนบอกให้ฝูเหยาบอกมู่ฉิงให้มาเดินทางกับเขาจะได้แสดงความบริสุทธิ์ได้ว่าไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดี แต่แล้วจู่ๆ ฉีหรงที่กำลังจ้องหน้าหลันฉางก็หัวเราะลั่น กล่าวว่าที่แท้เธอก็คือคุณหนูเจียนหลันเองหรอกหรือ เขาอธิบายให้เซี่ยเหลียนที่ไม่รู้เรื่องว่าเธอคือ 1 ใน หญิงงามของเซียนเล่อ เกิดในตระกูลข้าราชการ แถมยังเกือบได้เข้ามาเป็นสนมให้เซี่ยเหลียนอีกต่างหาก ฝูเหยาเองก็เหมือนจะรู้เรื่องที่หลันฉางเป็นชาวเซียนเล่อ ผีสาวร้องว่าเธอเปลี่ยนชื่อมานานแล้ว อย่าเรียกเธอด้วยชื่อนั้นอีก พอนึกว่าหญิงสูงศักดิ์ อดีตผู้ศรัทธาของตนต้องกลายมาเป็นผีอีตัวก็ทำให้เซี่ยเหลียนพูดอะไรไม่ออก ตอนนั้นฮวาเฉิงก็จับมือของเขาไว้ แม้มันจะเย็นแต่ก็ทำให้เซี่ยเหลียนรู้สึกอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
Note 1 : ที่หลันฉางใส่ความว่าเซี่ยเหลียนเป็นพ่อเด็ก ก็เพราะโกรธแค้นเซี่ยเหลียนที่ทำอาณาจักรล่มสลาย ที่เปลี่ยนชื่อแต่งหน้าหนาๆ ก็เพื่อไม่ให้ใครจำได้เพราะไม่อยากให้ตระกูลเสื่อมเสียที่ต้องขายตัว
Note 2 : ถึงในเรื่องจะไม่มีบอกไว้ตรงๆ แต่กูคิดว่าหลันฉางคือผู้หญิงที่ถูกชายหย่งอันข่มขืนแล้วมาเดินขบวนไล่ชาวหย่งอันในพาร์ท 64 >>191 และเพราะมีราคีแล้ว พอเซียนเล่อแพ้สงครามเลยถูกส่งไปอยู่ซ่อง
.
.
.
.
.
ฮวาเฉิงอบอุ่นมากกกกก
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>979 เทียนกวาน Part.112
.
.
.
.
.
ฉีหรงพูดจาดูถูกเจียนหลันไม่หยุด บอกว่าหลังเซียนเล่อล่มสลายอีกฝ่ายก็ถูกส่งไปอยู่ซ่อง เด็กคงไม่แคล้วเป็นลูกของพวกหย่งอัน ก่อนที่เซี่ยเหลียนจะหันไปด่า เจียนหลันก็พุ่งเข้าไปตบ ถ่มน้ำลายใส่ ด่ากลับผีเขียวแล้ว ตอนนั้นเองเฟิงซิ่นก็ลงมาจากสวรรค์เพราะเป็นห่วงที่จู่ๆ เซี่ยเหลียนก็ตัดการติดต่อไป เขาหันไปชี้ถามว่าเด็กที่อยู่ข้างๆ คือใคร เซี่ยเหลียนเลยแถว่าน่ารักเนอะ ถ้าเขามีลูกต้องน่ารักอย่างนี้แน่เลย ได้ยินอย่างนั้นอ๋องผีก็ยิ้มกริ่มเอ่ยเห็นดีเห็นงาม แล้วจู่ๆ เจียนหลันก็รีบวิ่งหนี เฟิงซิ่นเลยจะยิงธนูใส่ขาสกัดไว้ เห็นแม่จะถูกทำร้าย วิญญาณตัวอ่อนจึงฮึดฝ่าผนึกยันต์ของฝูเหยาพุ่งใส่เฟิงซิ่น เจียนหลันรีบวิ่งกลับมา เรียกลูกชายของตนว่าเฉาเชา ขณะที่ทั้งสองทำท่าจะสู้กัน เจียนหลันก็ร้องห้ามลูกของตนไว้ แต่ธนูของเฟิงซิ่นก็ปักขาของวิญญาณตัวอ่อนตรึงกับต้นไม้แล้ว แต่ขณะที่เจียนหลันพยายามดึงศรให้ลูก เฟิงซิ่นที่เพิ่งสังเกตเห็นหน้าสดของเธอก็ร้องชื่อเจียนหลันออกมาด้วยความตกใจ
เจียนหลันปฏิเสธว่าอีกฝ่ายจำคนผิด แต่เฟิงซิ่นก็ยืนยันว่าเขาจะจำคนผิดไปได้อย่างไร แต่พอนึกว่าตนจำอีกฝ่ายตอนแต่งหน้าไม่ได้ก็พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถามว่าเขานึกว่าเธอแต่งงานมีความสุขไปแล้ว ทำไมถึงได้มีสภาพเช่นนี้ได้ หลันฉางเลยด่าเฟิงซิ่นด้วยคำหยาบคาย บอกให้ช่วยไว้หน้าตนด้วยการทำเป็นไม่รู้จักที พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ฉีหรงก็เดาเรื่องราวออกเอ่ยดูถูกเซี่ยเหลียนว่าถูกลูกน้องตีท้ายครัว ส่วนเซี่ยเหลียนเองก็ถึงกับพูดไม่ออก นึกไม่ถึงว่าคนกลัวผู้หญิงอย่างเฟิงซิ่นจะมีคนรัก ฝูเหยาก็มีสีหน้าไม่อยากเชื่อเช่นกัน ตอนนั้นเองเฉาเชาก็หลุดจากศรพุ่งกัดแขนของเฟิงซิ่นจนเลือดอาบ พอเฟิงซิ่นทำท่าจะตีมันออก เจียนหลันก็ร้องห้าม วินาทีนั้นทุกคนจึงเก็ตทันทีว่าว่าแท้จริงแล้วพ่อของวิญญาณตัวอ่อนก็คือเฟิงซิ่น
เจียนหลันรีบร้องว่าเฉาเชาไม่ใช่ลูกของเฟิงซิ่น แม้ตอนแรกเฟิงซิ่นจะมีท่าทางตระหนก แต่พอได้ยินคำพูดของเจียนหลันก็โกรธ ทว่าพอเจียนหลันถามว่าหากเป็นลูกของเขาจริงๆ เขาจะเลี้ยงเฉาเชาเหรอ เฟิงซิ่นก็ไม่สามารถตอบได้ เห็นลูกตัวเองที่เหมือนปีศาจ ทั้งสายตายังมองตนอย่างเกลียดชังก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก เจียนหลันถ่มน้ำลายบอกว่าตนบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ไม่ต้องมากังวลเรื่องนี้อีก แต่ฉีหรงกลับยิ่งกวนน้ำให้ขุ่น บอกว่าเทพที่คนกราบไหว้ขอเด็กกลับปล่อยให้เมียถูกผ่าท้องเอาลูกมาทำกุมาร เซี่ยเหลียนใช้รั่วเย่ปิดปากอีกฝ่าย ส่วนเจียนหลันก็กระทืบหัวของผีเขียวไปหลายที ก่อนที่กู่จือจะได้สติหันไปกอดศีรษะของฉีหรงเอาไว้ ขอไม่ให้เธอทำร้ายพ่อของตนอีก ได้ยินอย่างนั้นเจียนหลันก็หันไปพาลใส่ลูก สั่งให้อีกฝ่ายปล่อยแขนของเฟิงซิ่น แล้วอุ้มลูกวิ่งหนี เซี่ยเหลียนสั่งให้รั่วเย่ตามเธอไป แต่มานึกได้ว่าเขาให้ผ้าแพรมัดฉีหรงไว้อยู่เลยต้องกลับมาจับผีเขียวไว้ แต่เพราะอิทธิพลจากเขาตงลู่ฉีหรงจึงฮึดจนหลุดจากพันธนาการได้ เขารีบเอากู่จือมาเป็นตัวประกันแล้วหนีไปอีกคน ขณะเดียวกันฮวาเฉิงก็เริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี เซี่ยเหลียนเลยต้องรีบดูอาการ ในที่สุดเฟิงซิ่นที่ยืนตัวแข็งก็รีบไปจับแขนของเจียนหลันไว้ แต่เฉาเชาก็กัดหน้าของเขา ส่วน เจียนหลันก็ขู่เฟิงซิ่นว่าอย่ามายุ่งกับพวกตนอีกแล้วหนีต่อ
เฟิงซิ่นเข่าทรุดนั่งเอามือกุมใบหน้าอาบเลือดไว้ พอเซี่ยเหลียนเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงก็โวยวายใส่ว่าอย่ามาถามอะไรจากเขา ฮวาเฉิงจึงต่อว่าว่าให้โกรธคนที่ฆ่าลูกเมียสิ เฟิงซิ่นจึงหันไปมองฝูเหยา ฝูเหยาบอกว่าแม่ทัพของตนไม่รู้เรื่อง มู่ฉิงเพียงเห็นว่าเจียนหลันเป็นคนเซียนเล่อ ก่อนหน้านี้เลยคิดให้ความช่วยเหลือ เซี่ยเหลียนพยายามบอกให้เฟิงซิ่นจัดการแผลก่อน แต่เฟิงซิ่นกลับเสียงแข็งว่าตนไม่เป็นไรแล้วจากไปเงียบๆ แม้เซี่ยเหลียนกับฝูเหยาจะเรียกไว้ก็ไม่เป็นผล จากนั้นฝูเหยาจึงตัวไปจัดการจับพวกเจียนหลันต่อ ซึ่งคราวนี้เซี่ยเหลียนก็ไม่ห้ามไว้เพราะสถานการณ์บนสวรรค์น่าจะวุ่นวายมาก หากมู่ฉิงกลับไปก็อาจไม่ใช่เรื่องดี หลังจากนั้นเซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงก็เข้าพักในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เห็นเซี่ยเหลียนนั่งเหม่อ ฮวาเฉิงก็พยายามพูดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนเลยเปิดใจเล่าเรื่องในอดีตให้อีกฝ่ายฟัง
Note 1 : ตอนอ่านครั้งแรกแล้วรู้ว่าเฟิงซิ่นเป็นพ่อเด็กนี่กูช็อคมาก แถมพาลชิปเรือเฟิงมู่ไม่ได้อีกเลย
Note 2 : แต่เฟิงซิ่นนี่อะไรฟะ เมียแต่งหน้าหนาจำไม่ได้ มู่ฉิงมองทีเดียวดูออกเลยนะเว้ย (ถึงมู่ฉิงก็เป็นคนจำหน้าคนแม่นที่สุดในแก็งค
์ทรีโอก็เถอะ) หาว่าเขาสติไม่ดีอีกต่างๆ กูเป็นเจียนหลันนี่โคตรเจ็บ
Note 3 : จำได้ไหมว่าบ้านพ่อค้าที่วิญญาณตัวอ่อนทำร้าย บ้านนั้นบูชาเฟิงซิ่น
.
.
.
.
.
>>986 กูคิดว่าจริงๆ เฟิงซิ่นไม่ได้กลัวผู้หญิง แต่กลัวการอยู่กับผู้หญิงเพราะไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง เฟิงซิ่นเป็นตรงๆ ห่ามๆ ไม่ละเอียดอ่อนไม่ชอบคนขี้งอน พูดจิกกัด ขี้อิจฉา คิดเล็กคิดน้อย ชอบมโน บอกว่าผู้หญิงชอบเป็นอย่างนั้น (คงเพราะโตในวังกับเซี่ยเหลียน เห็นพวกนางสนม นางกำนัล) กรณีมู่ฉิงที่นิสัยอย่างนั้นก็ไม่ชอบ แต่เพราะเป็นผู้ชายเลยด่าได้สะดวกปาก ต่อยเลยก็ได้ แต่ผู้หญิงทำแบบนั้นไม่ได้ก็เลยกลัว กรณีเจียนหลันคือค่อนข้างเป็นคนกล้าพูด กล้าทำ และส่วนมากก็คุยตรงๆ ด่าตรงๆ ไม่คือไม่ เฟิงซิ่นเลยน่าจะโอเคแล้วก็ไม่กลัวเจียนหลันอะ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>982 เทียนกวาน Part.113
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนเล่าว่าเฟิงซิ่นน่าจะคบหากับเจียนหลันในช่วงที่เขาถูกเนรเทศครั้งแรก ในตอนนั้นชีวิตของเขาลำบากมาก สมบัติที่มีถูกเอาไปจำนำหมด ผู้ติดตามก็เหลือเพียงเฟิงซิ่นที่ยังอยู่เคียงข้าง เขามอบผ้าผูกเอวทองคำให้เฟิงซิ่นแม้อีกฝ่ายจะปฏิเสธหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิด แต่เป็นเพราะเขากลัวว่าเฟิงซิ่นจะทอดทิ้งตนไป พวกเขาโตมาด้วยกัน ทั้งเฟิงซิ่นก็เป็นข้ารับใช้ที่เขาไว้ใจ ทว่าที่ผ่านมาเขากลับไปเคยมอบของรางวัลอะไรให้อีกฝ่ายเลย พอนึกถึงภาพมายาของวิญญาณตัวอ่อนซึ่งในห้องมีเครื่องรางของเขาอยู่ ทั้งๆ ที่หลังเซียนเล่อล่มสลายแล้วก็ไม่มีผู้ใดศรัทธาเขาอีก แต่เฟิงซิ่นก็ยังมอบมันให้คนรัก นำไปแจกเป็นกำลังใจให้เซี่ยเหลียนว่ายังมีผู้ศรัทธาอยู่ หลายปีที่เขาไม่เคยรับรู้ว่าเฟิงซิ่นไปชอบใคร ไม่เคยถาม ไม่เคยสนใจ ไม่เคยนึกว่านอกจากใช้ชีวิตอยู่รอบตัวเขาแล้ว อีกฝ่ายก็ยังมีชีวิตเป็นของตนเอง ด้วยสถานการณ์ตอนนั้นที่พวกเขาต้องอดมื้อกินมื้อ นั่นแสดงว่าเฟิงซิ่นต้องรักเจียนหลันมากจึงมอบผ้าผูกเอวให้ เขาเลยกลัวว่าตนจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ฮวาเฉิงกลับบอกว่าเฟิงซิ่นแค่ชอบเจียนหลัน เพราะถ้ารักจริงยังไงก็ต้องหาทางมาอยู่ด้วยไม่ใช่แยกทางกันเช่นนี้ แต่ก็ทำให้เซี่ยเหลียนรู้สึกดีขึ้นบ้าง ขณะที่พวกเขาจำเข้านอน จู่ๆ ฮวาเฉิงก็ลุกพรวดขึ้นมา พอเซี่ยเหลียนมองตามสายตาอีกฝ่ายไปก็พบว่ามีเงาของใครบางคนเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ แต่พออีกฝ่ายเอ่ยเรียกตนขึ้นมาจึงได้รู้ว่าคือจวินอู๋
มหาเทพไม่ได้มีท่าทีต้องการจัดการฮวาเฉิงแต่อย่างใด เขาเรียกให้เซี่ยเหลียนไปคุยกันข้างนอกห้อง แต่ฮวาเฉิงก็กล่าวว่าตอนนี้สถานการณ์ของสวรรค์เป็นอย่างไรทุกคนก็รู้หมดแล้ว ให้พูดตรงนี้ไปเลย จวินอู๋เลยเริ่มว่าตอนนี้สวรรค์ไม่อาจยับยั้งการเปิดของเขาตงลู่ได้แล้ว เทพสงครามที่ควรทำงานนี้อย่างมู่ฉิงก็หนีไป เฟิงซิ่นที่กลับไปสวรรค์ก็บาดเจ็บ อีกฝ่ายสารภาพความจริงทุกอย่างกับมหาเทพ ขอร้องให้มีคำสั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่สวรรค์อย่าทำอะไรเจียนหลันกับลูก และด้วยบาดแผล ทำให้จวินอู๋สั่งกักตัวเฟิงซิ่นไว้เพื่อรักษาตัว เฉวียนอี้เจินก็ติดต่อไม่ได้ ตอนนี้จึงเหลือเพียงทางเดียวคือส่งเทพสงครามไปจัดการพวกผีที่เข้าไปในเขาตงลู่ไม่ให้เหลือ
ฮวาเฉิงอธิบายว่าใจกลางของเขาตงลู่จะมีเตาหลอมยักษ์ รอบๆ นั้นมีเมืองร้างอยู่ 7 เมือง การฆ่าจะเริ่มจะวงนอกค่อยๆ กระชับพื้นที่เข้าไปด้านในจึงมีเพียงผีที่เก่งกาจเท่านั้นที่จะไปถึงใจกลาง เมื่อมีผีเข้าไปในเตาจำนวนหนึ่ง เตาก็จะปิด ผู้ที่มีพลังไม่พอจะออกมาจากในนั้นไม่ได้และถูกเผาไหม้ ส่วนผู้ที่ออกมาได้ก็จะได้เป็นเจวี๋ยคนต่อไป เพราะฉะนั้นหากมุ่งไปจัดการผีที่ไปถึงใจกลางก็ไม่ต้องเปลืองแรงเสียเวลาจัดการผีกี้ๆ จำนวนมาก จวินอู๋บอกว่าตนจะเข้าไปในเขาตงลู่เอง ระหว่างนั้นฝากให้เซี่ยเหลียนเป็นผู้ดูแลสวรรค์แทน แต่เซี่ยเหลียนที่ไม่อยากเป็นผู้นำ อีกทั้งรู้ตัวดีว่าไม่มีอำนาจพอให้คนอื่นเชื่อฟังก็ปฏิเสธ บอกว่ามหาเทพจำเป็นต่อการคงอยู่ของสวรรค์ เข้าไปในนั้นจะอันตรายอาจถูกลอบสังหาร จวินอู๋บอกว่าถึงต้องสูญเสียใครไป สุดท้ายก็จะมีคนใหม่ขึ้นมา หากเจวี๋ยตนใหม่เหมือนธาราทมิฬล่มเรือหรือฮวาเฉิงก็ยังพอโอเค แต่ถ้าเหมือนกับหายนะชุดขาวความวุ่นวายต้องบังเกิดแน่ เขาจึงจำเป็นต้องเข้าไปในนั้น แต่แล้วฮวาเฉิงก็เสนออะไรบางอย่างขึ้นมา
สรุปว่าฮวาเฉิงเสนอตัวเข้าไปในเขาตงลู่กับเซี่ยเหลียน ด้วยความที่เขาเคยเข้าไปในนั้นมาก่อน ย่อมเชี่ยวชาญพื้นที่ทำให้ได้เปรียบในสมรภูมิ อีกทั้งก็มีดีลว่าหากเขาสามารถช่วยขัดขวางการเกิดเจวี๋ยตนใหม่ได้ สวรรค์จะต้องแซ่ซ้องสรรเสริญอ๋องผีไปทั้งปี ซึ่งเป็นการหยามหน้าสวรรค์ได้อีกด้วย ถึงเซี่ยเหลียนยังกังวลกับสภาพร่างกายของอีกฝ่าย ฮวาเฉิงก็บอกว่าอีกไม่นานเขาก็จะกลับสู่สภาวะปรกติแล้ว หลังจากนั้น 10 วัน ในที่สุดทั้งสองก็เดินทางมาถึงทางเข้าเขาตงลู่ซึ่งมีผีปีศาจรวมตัวกันอยู่มากมาย
.
.
.
.
.
เผื่อลืมกันไปแล้ว หายนะชุดขาวที่จวินอู๋พูดถึงหมายถึงไป๋อู๋เซียง (เศวตไร้หน้า) ที่ปล่อยโรคหน้าคนใส่เซียนเล่อนะ เป็นเจวี๋ยตนแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมา
>>990 ถ้าให้เซี่ยเหลียนคุมสวรค์กุว่ามีเละ เซี่ยเหลียนดูไม่มีความสามารถด้านการคุมคนจริงๆว่ะ ยังดีที่เจ้าตัวรู้ตัวนะ จวินอู๋ไบแอสเซี่ยเหลียนขนาดไหนวะขนาดจะยกงานคุมสวรรค์ให้เนี่ย
อย่างนึงที่กุผิดคาดนิดหน่อยคือสววรค์กับเมืองผีดูร่วมกันอย่างสงบสุขดีว่ะ ออกจะเกรงใจฟาฟาด้วยซ้ำ ไม่ได้ถึงขนาดจ้องจะเหยียบตีนฟาฟาตอนเผลอ ขนาดฟาฟามันเคยไปไล่ถีบเทพจนตกสวรรค์มาแล้ว33องค์ จวินอู๋ยังพูดเองว่าเจวี๋ยสองนไม่ได้ทำให้วุ่นวายขนาดนั้น
>>992 >>993 สองคนนั้นไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักปลาอะ กรณีเทพ 33 องค์นั้นฮวาเฉิงก็ท้าสู้ตรงๆ แล้วก็คอยคุมผีในเมืองของตัวเองไม่ให้ล้ำเส้น เฮ่อเสวียนถึงจะแอบเข้ามาเป็นสปาย แต่ก็จัดการเฉพาะคู่กรณี (มีหมิงอี้คนเดียวที่ไม่ได้เกี่ยวเล้ย) ตอนแรกเฮ่อเสวียนถูกสวรรค์มองว่าปล่อยๆ ไปก็ได้ด้วยซ้ำ แล้วในเมื่อสองคนนี้ไม่ได้เปรี้ยวมาก ถ้าสวรรค์หาเรื่องไปจัดการมันจะพาลให้เกิดการต่อสู้สูญเสียกันใหญ่โต เลยอยู่คุมเชิงถ่วงอำนาจกันไปอย่างนี้ดีกว่า แล้วก็อย่าลืมว่าถ้าไม่มีผีคอยสร้างความวุ่นวายให้มนุษย์ต้องขอเทพมาช่วยเหลือ พวกมนุษย์ก็จะศรัทธาเทพน้อยลงกว่าที่เป็นอยู่นะ ซึ่งเทพไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
กูว่าเหตุการณ์บังเอิญพอดีไปเปล่าว่ะ เหมือนมีคนคุุม
อห เห็นฮวาเฉิงในม่านฮวาล่าสุดกันยังอ้ะ ใจกุไม่ไหวแล้ว
สำหรับกุรู้สึกว่าฮวาเฉิงยังไม่ใช่อะ ฮวาเฉิงต้องยิ้มตอแหล ปากโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว ไม่ได้ยิ้มนิดๆ หล่อๆ แบบนี้ เพราะการที่ฮวาเฉิงยิ้มตอแหลมันมีจุดเชื่อมโยงกับของสิ่งหนึ่ง และตัวละครตัวหนึ่งก็เคยด่าฮวาเฉิงที่ชอบยิ้มแบบนั้นด้วย
ฟุขยะขยะ
ฟุรกโลกขยะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.