เป็นครั้งแรกที่กูอ่านเม้นดอกขาวโดยไม่เลื่อนผ่าน อ่านจบถึงกับร้องเหี้ยในใจ
ดูๆไปกูว่าเด็กดวกแม่งศูนย์รวมคนบ้า คนสติไม่ดีชัดๆเลย
>>928 คนสติดี ๆ เขาไม่มานั่งเฝ้าบอร์ดหรอก เอาเวลาไปพัฒนา ปั่นงานอัพโน่น ตะกี้ลองของในกระทู้โซมีนไปเรื่องนึง หมั่นมั่นหน้านัก อ่านแล้วกูไปไม่เป็นเลย ว่าเจ้ดอกไร้ทักษะบรรยายแล้วนะ ไอ้นี่พังกว่าอีก มึงจะใส่ตัวเลขมาทำไมเยอะแยะ ไม่ได้ดูฉลาดเลย โชคดีโซมีน สับถูกของไอ้นี่กูว่ามึงต้องกอบพาราพลางสับไปพลางบ้างละ
>>929 เท่าที่เคยอ่านมาในกระทู้นี้ทุกภาคนะ กูยังยืนยันคำเดิมอันดับ 1 เหี้ยที่สุดในใจ คือเรื่อง เรื่องไรวะจำชื่อไม่ได้ แต่ที่จำได้แม่นคือพระเอกตะโกนในฉากต่อสู้ว่า "ย๊ากกกกกกก ฉัวๆ กุดุสๆๆ ฉัวๆ กุดุสๆ" ทั้งฉากมีแค่นั้นจริงๆ ละดูมันเขียนชื่อสกิลคือเขียนถูกแค่คำแรก ที่เหลือเขียนผิดรวดตั้งแต่คำที่ 2 ยันจบตอน กูแม่งอ่านแล้วอยากตาย
คือมันเลียนเสียงผิดจาก กุรุ กุรุ (SFX ของการกลิ้งในภาษาญี่ปุ่น) มาเป็นกุดุสๆ กูเลยแม่งจำติดตามาจนถึงทุกวันนี้ อ้างอิงจากวิดีโอนี้ตอนนาทีที่ 1:24 https://www.youtube.com/watch?v=O7DKt70FZH0 (อันนี้เพลงเรียน Japanese onomatopoeia ของกุเอง)
ส่วนนี่ตัวอย่างส่วนหนึ่งของนิยายที่ว่า (ปัจจุบันลบเรื่องหนีความอับอายไปแล้ว)
https://i.imgur.com/V9o2uxs.png
เดี๋ยวกูเอานิยายเบียวไปให้โซมีนสับบ้าง
กูเข้าไปส่องนิยายฟิสิกส์นั่นมาละ เห็นที่มันมาตอบในมู้ก็หมดอารมณ์จะสับแล้วไอ้ชิบหาย อีโก้สูงมาเลย เป็นภาระของกูเหรอที่มึงใช้ศัพท์เฉพาะแล้วให้กูไปกูเกิลหาเอาเองอ่ะ เขียนแบบทรงเดียวกับเอ็นควยเลย วงเล็บชื่อหลังคำพูดตัวละคร เขียนกากสัสแต่ไม่รู้ตัว มีแต่น้ำเต็มแก้ว พวกมึงเป็นดา เอ็นโดฟินหรือไง
แค่ใช้คำเฉพาะแล้วมาโอ่ว่าข้านี่เจ๋งไม่ได้ทำให้มันดูมีความรู้ขึ้นเลย เสือกจะดูงี่เง่าเพราะมึงแค่ยัดศัพท์เฉพาะเยอะๆแต่ไม่มีปัญญาทำให้คนอ่านเข้าใจได้มันก็สูญเปล่า
แถมมีการมาโชว์พาวบอก จะอ่านนิยายฉันได้ต้องเข้า กูเกิลบ่อยนะ (กุถาม!!!นิยายบ้าอะไรต้องอ่านอากู๋ควบไปด้วยวะ นั่นแสดงว่ามึงอ่ะถ่ายทอดเนื้อหาไม่เป็น แบบนั้นมันไม่ได้ต่างอะไรกับอิเล่าเปียวที่พอเถียงทีก็สักแต่คว้าหยิบข้อมูลมาโปะๆน่ะแหละ)
ตั้งแต่กูอ่านหนังสือมา (กุหมายถึง "นิยายที่เป็นเล่มจริงๆ" ) มีอย่างไหนเขาเทข้อมูลมากองโผละเป็นขี้ๆแล้วพูดว่า เอ้านี่ ข้อมูลนิยายกุ ยัดใส่สมองพวกมึงแล้วจำๆไว้ซะ!
ห่วยเสียอรรถรสชิบหาย เป็นกูคงไม่อ่านแม่ง
นิยายฟิสิกส์อะไรนั่นคือเบียวสัส ๆ มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ แต่แม่งยังขายแพคเกจได้แล้วมีคนซื้อ 555 จริง ๆ นักอ่านที่ร้อนวิชามาเขียนนิยายก็มีแบบนี้เยอะ อีพวกน้ำเต็มแก้วตั้งแต่หัดเดิน นิยายของชั้นอ่านยากนะ ชั้นสูงนะ พวกแกอ่านไม่เข้าใจก็แสดงว่าแกไม่มีสกิลไงล่ะเฟ้ยยยย แต่จริง ๆ แม่งก็แค่คนเบียว ๆ ที่อยากมาเขียนนิยาย เอาเป็นว่าเขียนอีกเยอะ ๆ นะหนู เขียนภาษาคนให้อ่านรู้เรื่องอะ ออกจากกะลาซะบั้งอีควาย
เริ่มสับกี่โมงวะ กูรออ่านตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย
ดอกขาวดิ้นแผ่ดๆๆ แพล่มน้ำยาวเป็นหางว่าว กับนิยายขนาดนี้มัย
ไอ้นิยายฟิสิกส์นั่นแม่งจะให้คนอ่านไปกูเกิ้ลเองก็ไม่ใช่แล้ว ปกติถ้านิยายมีศัพท์เฉพาะมันต้องมีเชิงอรรถอธิบาย อีคนเขียนมันเคยอ่านนิยายเปล่าเนี่ย
อยากเขียนนิยายศัพท์เฉพาะทาง แต่ไม่มีปัญญาทำให้คนอ่านเข้าใจ เลยต้องให้ไปเปิดกูเกิ้ลหาเอาเอง บราโว่ววว
แวะมาทักทายว่ามู้นี้เต็มโคตรเร็ว ปลื้มใจจัง
KY
ถามหน่อย สมมติมึงเป็นนักวาด วาดรูปอยู่ในระดับเปิดรับคอมมิชชั่นได้
แล้วมีคนวิจารณ์รูปมึงวาดขายว่า ขาด ๆ เกิน ๆ ตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งฟังดูดี และมีเหตุผล
แต่คนวิจารณ์นั้นฝีมือวาดรูปเหมือน อิเจ๊มิรัน
มึงจะรู้สึกอิหยังวะนิด ๆ มั้ย?
อ้าว ตื่นมาโดนคนบ้าหาว่าเป็นคนบ้าซะงั้น ไม่รู้จะโกรธหรือจะขำดี เอาเป็นว่าขำแล้วกัน ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเขียนอะไรอ่านไม่รู้เรื่องนะเนี่ย ไม่รู้จะมีรีแอคชั่นยังไงดี นอกจาก ว้าว ว้าว ว้าว ว้าววววว
เกี่ยวกับคำวิจารณ์นี่ตอบยากว่ะ
กูเป็นคนนึงนะที่วิจารณ์นิยาย/ภาพวาดเก่งกว่าเขียน/วาดเองเหมือนเหมือนกัน(ถ้าพูดถึงนิยาย กูเคยสับในมู้บทก่อน ๆ แต่หยุดไปนานมากละ) ขอตอบละกันว่า...
ถ้าคนวิจารณ์กากกว่ามึงแล้วมาแค่เดี่ยว ๆ คนเดียวกูให้ปล่อยผ่าน(เว้นเสียแต่ว่าคนที่มาวิจารณ์/คอมเม้นต์ให้มึงมีแต่ติ่งมึง อันนี้ลองคิดดูก่อน) แต่ถ้าหลาย ๆ คนมันบอกมึงไปทางเดียวกันอันนี้มึงควรมองข้ามฝีมือไอ้คนวิจารณ์แล้วคิดดูเลยว่ามันเป็นงั้นจริงเปล่า ต้องแก้อะไรไหม
ตรรกะของไอ้พวกน้ำเต็มแก้ว
กูถามเน้นที่รูปนะ คิดว่ารูปมันชัดเจน เห็นภาพง่ายสุด
ส่วนนิยาย มันอย่างที่กูเข้าใจ คนวิจารณ์ไม่จำเป็นต้องเขียนนิยายดี แต่หาจุดอ่อน และแนะนำคนอื่นได้ กูโอเคตรงนี้
แต่กูลองไปดูทู้ใน subculture แล้วมึนเลย จะถามทู้ไหนดีวะ แนะนำหน่อย
>>963 แต่นี่มันมู้นิยายเด็กดีไงมึง ต่อให้มึงยกตัวบุคคลในเด็กดีมาเปรียบมันก็ไม่ใช่ที่พูดคุยเรื่องวาดรูป ขอเชิญมู้นักวาดนะ
>>962 มันใช้คำว่า 'ฝีมือเหมือน' อีเจ๊ มึงคิดว่าอีเจ๊คนเดียวที่วาดรูปกากเหรอ แล้วคนอื่นที่มันวาดรูปกากกว่านั้น วิจารณ์ไม่ได้เลยเหรอไง
ส่วนเรื่องเหยียดโม่ง กูไม่เคยสนนะ ว่าคนสับแม่งจะเป็นระดับเทพเบส หรือระดับกากหัดเขียน กูสนแค่การวิจารณ์ของมัน บางคนไม่เคยเขียนนิยายแต่อ่านมาเยอะ มันก็วิจารณ์ได้ แค่อยากจะย้ำให้พวกมึงรู้ตัว พวกมึงในนี้อยู่ในสถานะนักวิจารณ์นะไอ้สัส
'คนที่สกิลดีกว่าค่อยรับฟัง' ตรรกะคล้าย ๆ ไอ้พวกที่มึงด่ากันข้างบนเลยว่ะ 5555
>>951
สิ่งที่มึงพูดกูเคยเจอมากับตัวแล้ว แถมไอ้คนวิจารณ์เป็นคนที่กูไม่ชอบหน้าด้วยนะ แน่นอนว่ากูหัวร้อนในตอนแรก แต่พอใจเย็นลงแล้วมานั่งพิจารณาตามที่มันพูด มันพูดถูกทุกอย่างเลยว่ะ
เพราะฉะนั้นถามว่ารู้สึกอิหยังวะไหม ก็ต้องรู้สึกบ้างแหละ แต่ถ้ามึงเก่งกว่ามันจริง องค์ความรู้มึงมากกว่ามันจริง มึงจะมองออกเองแหละว่ามันพูดถูกรึเปล่า
https://www.dek-d.com/board/view/3957415/
เดี๋ยวนะ ให้หน้าใหม่ลงนิยายวันละสิบตอน เป็นกูกูร้องไห้แร้วนะ
>>951 สำหรับกูนะ คนวาดที่รูปเน้นเอกลักษณ์ลายเส้น ถ้าไม่อีโก้จัดๆ ก็จะดีรู้ว่ารูปตัวเองขาดเกินตรงไหน แต่การขนาดเกินคือไม่ใช่ว่าผิดอนาโตมี่แบบแขนท่อนล่างยาวแค่ครึ่งนึงของแขนท่อนบนอะไรแบบนี้นะเว้ย ทีนี้ถ้ามีคนแบบอิมิรันมาวิจารณ์ต้องดูก่อนว่ามันวิจารณ์ตรงไหน วิจารณ์เรื่องเอกลักษณ์ลายเส้นหรือวิจารณ์เรื่องแขนสองท่อนมันผิดสัดส่วน เรื่องนี้ถ้าเป็นกู กูยอมให้นะ แม้ว่างานคนวิจารณ์จะกากกว่าก็ตาม
อะ กลับมาพูดถึงนิยายเปรียบเทียบกับเรื่องลายเส้น มันก็มีสองแบบคือสร้างเอกลักษณ์ให้คนจดจำหรือสร้างงานที่ผิดเพี้ยน ตรรกะพังพินาศแล้วมาอ้างว่านี่คือเอกลักษณ์ของกู แบบอย่างหลังนี่พวกมึงก็คงเห็นตัวอย่างที่มาดิ้นในโม่งชัดเจนอยู่แล้ว
สับทิ้งก่อนขึ้นมู้ใหม่แล้วกัน
Gear อาวุธเปลี่ยนโลก
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1910410
โดย nakarin0o
[ 1 ]
1 - เปิดเรื่องด้วยคำโปรย
[ ดาบที่แตกหัก ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล ซากศพมากมายที่ต้องก้าวผ่านเพียงแลกมาเพื่อคำว่า ‘ผู้กล้า’ ที่ไร้ค่า ของแบบนั้นสมควรแล้วที่จะแตกหักไปพร้อมกับความปรารถนาของข้า ] - ความปรารถนาของผู้พูดคือความเป็นผู้กล้า แต่ต้องแลกมาด้วยความสูญเสีย แต่เมื่อได้มากลับเห็นว่าไร้ค่า ความผิดหวังนี้ทำให้ผู้พูดรู้สึกว่า ความเป็นผู้กล้าควรหายไป
เนื้อความตรงนี้มันไม่สื่ออารมณ์ที่ชัดเจน ถ้าอ่านผ่าน ๆ คือมันไม่เล่าอะไรเลย ซึ่งกุเปิดหน้านิยายมา กุไม่พร้อมที่จะฟังเมิงพูดจาอะไรไม่รู้เรื่องให้กุเอาไปตีความ กุอยากจะเห็นซีนสั้น ๆ ที่เห็นภาพชัด มีความแรง เป็นการแนะนำตัวเอกให้คนอ่านรู้จัก
2 - ชาลส์ตัวเอกของเรื่องทำงานในสวนผักของหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ห่างไกลจากสนามรบ ถูกแอนเจ้าของไร่ออกมาดุที่เขายืนอู้ และขู่ว่าไม่ทำงานเย็นนี้ไม่มีข้าวทาน ชาลส์จึงรีบเก็บเกี่ยวผักในไร่เดินกลับไปบ้านพร้อมกับแอน แอนให้อาหารกับเขาและฝากไปให้กับอลิเซีย
[ ชาลส์ตอบรับด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยเต็มใจพร้อมกับรับตะกร้าที่มีขนมปังและขวดไวน์แดงมาโดยที่ชายหนุ่มจะต้องเอาไปให้กับหญิงสาวที่อาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านกับเขา ] - อ่านแล้วเข้าใจว่าอลิเซียเป็นเมียชาลส์ มีข้อมูลบอกว่าพระเอกมาอยู่ได้สองเดือน และการรุกคืบของศาสนจักรต่อดินแดนนี้ ตรงนี้รู้สึกว่ายัดข้อมูล ถ้าทำได้เวลาจะให้ข้อมูลช่วยทิ้งอะไรให้คนอ่านเชื่อมโยงด้วยอย่าทิ้งมาเฉย ๆ เช่น สองเดือนแล้วนะที่ศาสนจักรมีชัยเหนือจอมมาร ความหึกเหิมนี่ทำให้รุกรานดินแดนไปทั่ว
3 - ชาลส์นำอาหารมาให้อลิเซีย แล้วก็แยกย้ายกันไป คืนนั้นเป็นคืนที่มีงานฉลองของฤดูเก็บเกี่ยว อลิเซียเอาไวน์มาให้เพราะเธอไม่ดื่ม ชาลส์ถามเรื่องที่อลิเซียเก็บตัว - ซีนนี้เขียนไม่สื่อสารอะไรเลย ถ้าอยากบอกว่าชาลส์อยากลืม ๆ เรื่องที่ผ่านมา ก็น่าจะแสดงออกด้วยวิธีอื่น ถ้าอยากบอกว่าอลิเซียเป็นคนเก็บตัว ไม่ต้องเดินออกมาจากบ้าน ปิดหน้าต่างมีแสงตะเกียงลอดผ่านมาก็ยังได้ แล้วก็ POV สลับไปมาแบบไม่ค่อยมีประโยชน์ ไม่ต้องสลับก็ได้
4 - ตอนเช้างานฉลองจบลง ชาลส์เดินไปในหมู่บ้านพบทหารของอาณาจักร ชาลส์ถามแอนเจ้าของไร่ผักว่าเกิดอะไรขึ้น เธอให้ข้่อมูลว่า ทหารมาจับแม่มด ก่อน อังเดร์อัศวินแห่งศาสนจักรจะแสดงตัวออกมา ว่าจะฆ่าผู้หญิงทุกคนหากไม่ส่งตัวแม่มดมา ชาวบานจึงแยกย้ายไปหาตัวแม่มด - ท่อนนี้รู้สึกว่าแปลก ๆ ดูมันไม่หนักแน่นลอย ๆ จับต้องอะไรไม่ได้ ตกลงเป็นทหารของศาสนจักรนะ ไม่ใช่อาณาจักร?
[ 2 ]
5 - ชาลส์เหมือนรู้ว่า ศาสนจักรต้องมาจับอลิเซียและมาถึงเร็วกว่าที่คิด ทำให้แอนถามว่าชาลส์รู้หรือว่าอลิเซียเป็นแม่มด ชาลส์ปฏิเสธ แต่ก็รีบไปเตื่อนอลิเซีย - ปมของเรื่องคือไม่ส่งแม่มดมา ศาสนจักรจะฆ่าผู้หญิงทั้งหมู่บ้าน
[แอนถามด้วยท่าทีแปลกใจ แต่ว่าชายหนุ่มทำเพียงส่ายหน้า สิ่งที่เขารู้คือเมื่อผู้คนอยู่ในความกลัวคนที่จะตกเป็นเป้าคือคนที่มีผลประโยชน์น้อยที่สุดและในที่นี้คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอลิเซีย ]
ท่อนนี้กุไม่เข้าใจเลย จะสื่อว่าศาสนจักรทำให้ชาวบ้านกลัว ต้องหาใครมาสังเวย คนนั้นต้องเป็นอลิเซีย ซึ่งมันไม่มีอะไรให้กุรู้สึกแบบนั้น ถ้าให้อลิเซียทำตัวเป็นแม่มด ใช้เวทมนตร์รักษาชาวบ้านเวลามีคนเจ็บป่วยกุยังพอจะเชื่อมโยงได้
6 - เมื่อถึงบ้านอลิเซีย แอนบอกให้เธอหนีไป “ศาสนจักรอีกแล้วสินะ ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้…ข้าแนะนำว่าพวกเจ้าควรที่จะหนีเช่นนะ คำพูดอะไรที่พวกนั้นสัญญาเชื่อไม่ได้หรอก!!” อลิเซียพูด
อลิเซียถูกเรียกแม่มดเป็นประจำ เธอลงไปเก็บของห้องใต้ดิน ขณะเดียวกันอังเดร์และชาวบ้านก็ตามมาถึง ชาลส์เลือกออกไปคุยถ่วงเวลา อังเดร์เลือกเดินผ่านชาลส์ไป ถึงบ้านของอลิเซียแต่กลับพบแอนเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดและเครื่องใน ส่วนอลิเซียหนีไปแล้ว ทำให้แอนถูกเข้าใจว่าแม่มด และจะถูกนำตัวไปเผา ชาลส์เลือกที่จะเงียบเพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์และคิดจะไปช่วยแอนภายหลัง
7 - ชาลส์กลับบ้านไปเอาดาบ อลิเซียปรากฏตัวอีกครั้งเพราะคิดจะช่วยแอน
>>977 (ต่อ)
[ 3 ]
8 - ชาลส์พูดคุยกับอลิเซียก่อนแสดงตัวต่อสู้กับทหารของศาสนจักร -
[ เพลิงที่ลุกไหม้เผาทุกสิ่ง ครอบครัว บ้านอันแสนสำคัญและสิ่งที่อยากได้คืน เสียมันไปหมดแล้วกับเปลวเพลิงเหล่านั้น เปลวไฟที่จะทำลายทุกอย่าง ]
เปิดตอนมาแบบนี้กุงง เพลิงลุกไหมอะไร เผาอะไร บ้านของอลิเซียโดนเผา? มันคงไม่สำคัญกับเธอมั้ง เพราะยังไงก็หนีอยู่แล้ว
ในขณะที่ทางศาสนจักรก่อไฟเตรียมพร้อม ชาลส์ก็ถามกับอลิเซียว่าแม่มดคืออะไร “นั้นสินะ พวกเราเป็นผู้ท้าทายพระเจ้า…แต่ว่าข้านะสงสัยมาตลอดว่ามันผิดหรือที่เพียงแค่ข้านะอยากที่จะไขว้คว้าในสิ่งที่พระองค์ประทานให้ไม่ได้” - โอเคเมิงเป็นแม่มดเพราะพระเจ้าให้บางสิ่งไม่ได้
[ ชายหนุ่มเผยยิ้มออกมาหลังจากได้ฟังคำตอบ ตัวเขานั้นเกือบที่จะลืมไปแล้ว เหตุผลที่ครั้งหนึ่งเคยจับดาบ เหตุผลที่ทำให้ตัวเขามาอยู่ในจุดๆ นี้ ] - ตรงนี้กุอ่านไม่รู้เรื่อง คือเมิงช่วยสื่อสารกับคนอ่านหน่อยเถอะว่าจะให้เขาใจอะไร
9 - อังเดร์อัศวินแห่งศาสนจักรถือคบเพลิงเตรียมพร้อมจะเผาแอน เพื่อรักษาชีวิตแอนจะบอกว่าใครเป็นแม่มด แต่อังเดร์ไม่สนใจของแค่ได้เผาคนแสดงพลังของพระเจ้าก็พอ ชาลส์ออกมาสู้กับทหารโดยไม่ฆ่าใครเลย อังเดร์จึงแสดงพลังของพระเจ้าใช้ร่าง 100% ต่อยดาบแตก (กุสงสารดาบของเรื่องนี้ต้องมีแตกอีกหลายเล่มแน่นอน) ก่อนจะเข้ามาต่อยชาลส์ - กุชอบซีนนี้อยู่นะถึงจะครีเช่แต่จังหวะมันโอเค แต่เมิงลืมชาวบ้านหรือเปล่า
10 - ชาลส์หลบหมัดของอังเดร์ได้ อังเดร์ถึงกับพูดว่า “โซนนะ บากะน่า” ชาลส์ พิมพ์ 555+ ใส่หน้า แล้วเฉลยว่า การบัพนี่ไม่ใช่พลังของพระเจ้าแต่เป็นบูท ทักษะเสริมพลัง และพระเอกก็ใช้บ้างต่อยใส่อังเดร์ และใช้ดาบหัก ๆ ปลิดชีวิต
11 - ชาลส์ออกเดินทางไปซ่อมดาบโดยอลิเซียบอกว่า ไปทางเดียวกันไปด้วยกัน
กุวิจารณ์แค่องก์แรกพอนะ กุมีนิยายต้องเขียนเหมือนกัน ถึงมันจะไม่มีคนอ่านก็เถอะ
ถามว่าอ่านได้ไหมกุก็อ่านได้ละ แต่กุรู้สึกว่าเมิงสนใจความไลท์โนเวลมากเกินไป คือถึงเมิงจะเขียนไลท์โนเวล ถ้าเมิงมีพื้นฐานนิยายอยู่แล้วก็อย่าไปโยนความสำคัญของการปูเรื่อง การเล่าเรื่องทิ้ง บรรยาย พรรณา อธิบาย บทสนทนา เมิงต้องแน่นกว่านี้ ไม่ใช่แน่นแบบน้ำท่วมทุ่ง แต่ให้คนอ่านสัมผัสเรื่องราวของเมิงได้ชัดเจน
แล้วก็สนใจคนอ่านบ้างว่าจะเข้าใจที่เมิงเขียนบ้างไหม ไม่ใช่อยากพ่นอะไรไม่รู้เรื่องก็พ่นออกมา สุดท้ายเมิงก็ลองส่งสำนักพิมพ์ดู ถ้ามี บ.ก. ดูแล ปรับแต่งเนื้อหาให้น่าสนใจ กุว่าเรื่องของเมิงมันก็น่าสนุกทีเดียว แต่สมัยนี้เห็นแต่ สำนักพิมพ์ง่อย ๆ ท่องไว้ตนเป็นที่เพิ่งแห่งตนแล้วกัน
ยอดวิวมันไม่ได้ตอบโจทย์อะไรเมิงเลย นอกจากบอกว่า เมิงขายแล้วรวย มีสำนักพิมพ์มาติดต่อ
อ้าว เพราะแบบนี้แม่งถึงสนใจแต่ยอดวิวกันหมด
>>940 สับเรื่องไหน ถ้ามึงหมายถึงนิยายมั่นหน้าที่ต้องใช้กูเกิ้ลควบระหว่างอ่าน กูไม่สับนะ เสียดายเวลาชีวิตกู เดี๋ยวกูจะสรุปให้อ่านอีกทีว่าทำไมนิยายของไอ้เหี้ยนี่ถึงแย่ชนิดเกินเยียวยา (เครดิต: เพื่อนโม่งคนอื่นที่พูดไปแล้ว)
- อย่างแรกเลย ใช้เครื่องหมายวรรคตอนได้เหี้ยมาก ใช้ "." เยอะเกินไป อะไรๆ ก็ .... ......... .. .... ....... ถามจริง นี่นิยายหรือสูตรเคาะรหัสมอส
- ใช้วงเล็บชื่อหลังอัญประกาศจนกลายเป็นนิยายแชท จะว่ากูไม่ PC เป็นพวกชอบเหยียดก็ได้นะ แต่ถ้าเขียนด้วยรูปแบบนี้ กูตีตรา "ขยะวรรณกรรม" ให้ทันทีแบบไม่อ่านเนื้อเรื่องตอนต่อไปเลย
- แล้วเรื่อง Info-Dump แบบโจ่งแจ้งนี่ก็ด้วย คือมึงพยายามใช้สูตรคำนวนและตัวเลขทำให้นิยายดูน่าสนใจ (หรือคิดไปเองว่าจะทำให้ดูน่าสนใจขึ้น) ทั้งๆ ที่จริงมันทำให้นักอ่านรำคาญ เป็น dump แบบที่กูเกลียดมากที่สุดในทุกประเภทของ dump และเป็น nonsense dump ผสม useless dump ด้วย ขยายความคือมันคือการเทข้อมูลที่ไม่ได้ทำให้นิยายมึงดูเหนือ, เทพ, สุดเจ๋ง ขึ้นมา ในทางกลับกันสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่สายคำนวน ไม่ได้ชอบการอ่านสมการต่างๆ เห็นแล้วอาจปิดนิยายทิ้งทันที (แล้วพวกมึงก็เข้าใจใช่ไหมว่า เพื่อนสมัยเรียนคนที่ชอบวิชาคณิตศาสตร์จริงๆ มันแทบจะไม่มี) เป็น annoying dump ด้วย เพราะมันพ่วงมากับตัวเลขจำนวนมาก เห็นแล้วทำให้รำคาญลูกตา
เท่าที่กูลองอ่านไปถึงช่วงตอนที่ 20 นิยายของไอ้นี่ไม่ได้เทพจนรู้สึกเหมือนอ่านผลงานของ ไอแซค อาซิมอฟ แต่เป็นนิยายพยายามขายเนื้อหาด้วยวิชาสายวิทย์-คณิตของนักเรียนมัธยมปลาย โดยการเอาสูตรคำนวน เกร็ดความรู้ ต่างๆ มาแปะไว้ในเรื่องอย่างไร้ชั้นเชิงและยัดเยียด นานมาแล้วกูเคยพูดไว้ในกระทู้บทเก่าๆ ตรงไหนสักที่ว่า "คนที่เขียนนิยายไซไฟเก่งมากจริงๆ จะสามารถอธิบายเกี่ยวกับอนุภาคควาร์กให้เด็กประถมฟังแล้วเข้าใจง่ายเหมือนเรียนเรื่องสสาร แล้วการอธิบายนั้นก็มาในรูปแบบเรื่องเล่าที่สนุก ฟังแล้วไม่ง่วงด้วย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย" แล้วนิยายเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้กูรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ตัวเลขทั้งหลายในสมการของแม่ง ก็ไม่ต่างอะไรกับ ตูม! บึ้ม!! ฟ้าววววววว เปรี้ยงๆ กุดุสๆ เพราะมันเป็นการเลี่ยงบทบรรยาย เป็นความมักง่ายในสายอาชีพนักเขียน ทั้งตัวเลขและ Sound effect พวกนี้ให้ผลแบบเดียวกัน คือทำให้นักอ่านต้อง "ดู" สัญลักษณ์แทน "อ่าน" ตัวอักษร และนิยายระดับที่โม่งเคยจัดไว้ในหมวด "ใต้หิ้ง" จนถึง "บนหิ้ง" ก็เป็นนิยายที่ไม่ค่อยมีตัวเลขหรือ SFX อยู่ในเรื่อง หรือต่อให้มี มันก็จะมาในเวลาที่เหมาะสมมากๆ อ่านเสียงนั้นแล้วทำให้อารมณ์และบรรยายกาศในฉากยิ่งพีคขึ้นไปอีก ซึ่งโมเม้นท์นี้มันมีไม่บ่อยนักในนิยายแต่ละเรื่อง ขืนปล่อยเรื่องนี้เข้าไปในกระทู้จัดอันดับหิ้งหนังสือบอร์ดโม่ง (ที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว) มีหวังโดนจัดไปไว้ใน "ชั้นวางรองเท้าชั้นล่างสุด" "เหมาะกับขาตู้วางรองเท้า" "ขยะกระดาษรอเผา" ไม่ก็ "กระดาษเช็ดรองเท้าเปียกฝน" แหงๆ แค่ฝันจะไปถึงระดับ "อยู่ในตู้หนังสือตรงระดับสายตา" หรือ "อยู่ในตู้หนังสือชั้นล่าง" ยังแทบจะไม่มีหวังเลย
- ไม่ทำเชิงอรรถ แต่ผลักภาระให้นักอ่านไปกูเกิ้ลเอาเอง อันนี้สอบตกในเรื่องความรับผิดชอบ สามัญสำนึก และความเอาใจใส่ต่อนักอ่าน แล้วก็เหมือนกับที่โม่งบนๆ ว่าไว้ ถ้ามึงกากเกินไปจนไม่สามารถสื่อสารให้นักอ่านเข้าใจในผลงานในขั้นตอนเดียวตั้งแต่อ่านรอบแรก แปลว่ามึงแม่งล้มเหลวในฐานะนักเขียน การโชว์เหนือของมึงทำให้ฉากเด็กชายเดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวปกติกลายเป็น "คุณป้าครับ ขอซื้อก๋วยเตี๋ยว 2 ยกกำลัง 2 ถุง น้ำตกพิเศษเส้นนะครับ" แล้วป้าก็ตอบกลับว่า "นี่จ๊ะ ทั้งหมด สแควรูท 16 คูณ 35 บาท" อ่านแล้วรู้สึกอิหยังวะปนหงุดหงิด
- นักเขียนไม่รู้จักสำเหนียก คิดว่าตัวเองเก่งพอจนสามารถแต่งนิยายระดับนี้ออกมาได้ นั่นทำให้เพดานการพัฒนาของมันถึงทางตัน เพราะความเชื่อผิดๆ ว่านิยายของแม่งสุดยอด ไม่มีใครเขียนได้แบบกูแล้ว ขนาดอาจารย์กูยังพูดเลยว่า ทุกคนสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ได้ ตราบใดที่ไม่เลือกบินเข้าถ้ำเสียเอง ความคิดเหี้ยๆ ของเจ้าของเรื่องเนี่ยแหล่ะ ที่จะทำให้มันเก่งไปกว่านี้ไม่ได้ คือไอ้นี่ไม่เข้าใจเลยว่าทุกวันคือการเรียนรู้ แล้วเราก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่อง ถ้าไม่ขยันหาความรู้ใส่ตัวเพิ่มเรื่อยๆ ก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ (ดีไม่ดีจะมูนวอร์คถอยหลังด้วย) นักเขียนที่ดีก็จะมีอะไรๆ ที่เหมือนกัน คือยอมรับตัวเองยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ รู้สึกไม่พอใจในงานที่ตัวเองเขียนแม้มันจะออกมาดีขึ้นเรื่อยๆ แสวงหาอะไรใหม่ๆ เพื่อเอามาพัฒนาฝีมือของตนเอง และชอบความท้าทายตั้งเป้าหมายให้เอื้อมถึงยาก
>>942 ใช่เลยเพื่อน ไม่แนะนำให้ทำเด็ดขาด ถ้าไม่อยากได้รางวัล อิหยังวะอวอร์ดสาขาเสียงประกอบส้นตีนยอดเยี่ยม แถมคนที่มามอบให้บนเวทีก็เป็นถึง ด็อกเตอร์ป๊วบ เจ้าของเรื่อง ด่ะ ไวท์โร้ด ด้วย
>>943 ตอนนั้นกูคิดในใจว่า ถ้านิยายแบบนี้มีคนอ่าน กูหลับตาเอาตีนเขี่ยกระดาษก็ต้องมีคนอ่านล่ะวะ
>>947 ที่ว่า 5 ส. นั่นกูประชดนะ แต่ถ้าอยากอ่านสับก็อยู่ใน >>>/webnovel/8477/463-465/ ( < เอาเม้าส์ชี้อ่านได้เลยไม่ต้องกดวาร์ป)
>>981 55555 กูชอบคำว่ารหัสมอสว่ะ แม่งเหมือนจริง ไม่รู้จะจุดหาห่าไรเยอะแยะ
กูไปอ่านคอมเมนต์นึง ค้องเป็นพวกมึงคนใดคนหนึ่งแน่ ไอ้คนเขียนยังไม่รู้ว่าตัวเองวิบัติยังไงเลยพวกมึงงงงงงงงงงงงง
ฝถามจริงแม่งเคยอ่านนิยายที่เป็นเล่ม ไม่ดิ...(ใช้มั้ง5555) แม่งเคยเรียนภาษาไทยมาไหมวะ มันต้องมีอ่านเรื่องสั้นบ้างเหอะเหี้ย ง่าย ๆ แค่นี้แม่งยังไม่รู้ กูเสียเวลาฉห.
ป่ะ พวกมึง วิ่งควายแล้วย้ายไปที่อยู่ใหม่กัน >> https://fanboi.ch/webnovel/8614/
เออ กูรอตั้งนาน อีดอกขาวเจอพวกแม่งรุมยำซักทึ ถึงอิเจ๊จะไม่เคยสะทกสะท้านก็ตามอย่างน้อยก็ให้พวกหน้าใหม่ผ่านมามันได้รู้ว่าอีนี่ไม่ปรกติ
กูวิ่งเปิดคนแรกเอง -- เขียนอะไรถมกระทู้ดีวะ เอานี่ละกัน
"ในขณะที่กลุ่มล็อคอินเอาแต่จิบชา ดราม่าในกระทู้สาระของเหล่านอนเมมกลับดูมีประโยชน์กว่า"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>987 ถ้าไอ้ฟิสิกส์มาถึงโม่งด้วย กูมั่นใจว่าเราจะมีแก้วสามใบ ถึงชี้จุดควรปรับปรุงให้ชัด ๆ คนแบบนี้ก็ไม่คิดจะซึมซับหรอก เห็นมันตอบเม้นต์นึง อยากให้เป็นวิทย์ผสานเวทมนตร์ คืออออ ไม่ถึงกับหาไอซิมอฟมาอ่านก็ได้ เข้าใจว่าขี้เกียจ แต่อย่างน้อยก็หาดูเรลกันซักซีซันเถอะ ขับตาดูซักคืนนึงก็จบ แทรกทฤษฎีเนียน ๆ น่ะไปหัดไป๊ หรือถ้าไม่อยากอ่านยาว ดูยาว กูโยนลิงก์เรื่องสั้นไซไฟดี ๆ ฟรี ๆ ตามเว็บสำนักพิมพ์ให้ก็ได้นะ จุดด้อยของมันใหญ่มากจนการเว้นย่อหน้า เคาะบรรทัดที่มันมาถามใต้เมนต์นั้นดูเล็กน้อยไปเลย
วิ่งควายจ้า ไปเร็วเล่าเบียว ควบไปข้างหน้า ฮุ่ยๆๆๆๆ
ปิดมู้ไปก๊งเหล้ากับผู้ใหญ่บ้านก่อน
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.