กุจะรอมันมาโฆษณานิยายในบอร์ด ถ้าเขียนดีก็จะชม ถ้าเหี้ยกุจะด่าให้ไม่กล้าจับปากกาอีก
กุจะรอมันมาโฆษณานิยายในบอร์ด ถ้าเขียนดีก็จะชม ถ้าเหี้ยกุจะด่าให้ไม่กล้าจับปากกาอีก
ทำไมมู้นี้ไหลไวจังวะ ยังไม่เดือนดีก็ปาไปแปดร้อยกว่าละ
มีดาวรุ่งเสนอหน้ามาบ่อย มู้เลยวิ่งไว
นักเขียนเห่อหมอยเดี๋ยวนี้เปราะบางกับเกรี้ยวกราดกันจังวะ ฝีมือต่ำเตี้ยแต่อีโก้สูงลิ่ว กากแล้วไม่พยายามขวนขวายศึกษา ใครวิจารณ์น้อนด่ากลับแม่งลูกเดียว วงการมััััััันเลยถดถอยลงเรื่อยๆ นิยายเหี้ยๆเมื่อก่อนยังดีกว่าตอนนี้หลายเท่า เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เขียนนิยายไม่เก่งแต่แม่งเขียนกันไม่เป็นเลยสัส
นุ้งเล่าเบียวมาแว้วววว
มู้โซมีน nk โดนจวกเข้าไป ลบเมนต์หนีไปแล้วว่ะ 55555555
กูก็ว่ามู้นี้มันเร็ว สายเมาท์เยอะขึ้นปะ เห็นเมาท์กันรัวๆ (กูด้วย) อย่างที่บอกตอนแรกกูคิดว่าน่าจะมีพวกเด็กดวกอพยพมาพอสมควร มู้ก่อนก็มีบ้างนะ แต่ไม่เมาท์กันติดลมบนขนาดนี้ จะว่ามีเบียวท็อปฟอร์มเลยพูดถึงกันก็ไม่น่าใช่ เพราะกูว่าเด็กเบียวท็อปฟอร์มแม่งก็มีกันทุกเดือน
เดี๋ยวนะมึง 555 กูถามจีงนะ ทำไมช่วงนี้กระทู้มีสาระในบอร์ดมันเยอะขึ้น อย่าบอกนะว่าพวกมึงเอานอนเมมไปตั้งกระทู้กัน
ทำดีแล้ว กูก็สิงทั้งบอร์ดทั้งโม่งมาตลอด แต่ไม่ต้องอะไรกับกูนะ เพราะกูก็ปากหมาเหมือนกันแหละ กูว่าบอร์ดเด็กดีมันเป็นที่อยู่ของเด็กแอ๊บแบ๊วแต่นิสัยชั่วอะ ในบอร์ดพูดดี ยอมรับข้อเสียที่เขาติได้ แต่ในทวิตส่วนตัวร้อนเป็นไฟ ด่าเก่งจนกูยอม
กูเองก็ผันตัวมาเป็นนอนเมมแล้วเหมือนกัน มันจะได้สนใจเนื้อหากระทู้มากกว่าชื่อคนตั้ง (ถ้าเอาเมมโพส บางคนแม่งอคติทันที แถมตามไปจับผิดนิยายกุด้วย) ไปๆ มาๆ คอนเซปของโม่ง มันดู work สำหรับบอร์ดบนดินแบบเด็กดวกได้ยังไงก็ไม่รู้วะ อาจจะแย่อยู่อย่างนึงเวลามีคนคอสเพลย์หรือสวมรอยเป็นเราอะ ทำได้ง่ายๆ เลย แค่พิมพ์ชื่อให้เหมือนกัน
กูก็ว่างั้นเหมือนกัน จริง ๆ ก็ไม่เคยโดนโม่งสับหรอก แต่อ่านที่พวกมึงสับกันก็เห็นด้วยนะ กูก็รำคาญบอร์ดเด็กดีมานานแล้ว ไม่ได้รำคาญที่คอนเซ็ปต์บอร์ดนะ แต่รำคาญสมาชิกบอร์ด อยากตั้งกระทู้ดึงสติพวกมันสักรอบก็ไม่กล้า อีดอกขาวนี่ก็อยู่ยงคงกระพัน และเข้ามาเฉพาะบอร์ดที่มีดราม่าด้วยนะ 555 บางคนเห็นว่าโตเข้าหน่อยก็เข้ามาฉอด มาสอน ทำมาเป็นแนะนำ บางทีก็ทำตัวเป็นมาเฟีย (ก็น่าจะรู้ว่าใคร) บางคนก็จอมแอ๊บ ฉันว่าอย่างนั้น ฉันว่าอย่างนี้ แต่เคยโดนแหกตอนที่นอนเมมมาฉะกับคนอื่น
สรุปคือบอร์ดเด็กดีมันก็วน ๆ อยู่แบบนี้ เด็กเห่อหมอยก็มีมาเรื่อย ๆ กูอยู่ยุคเมื่อเจ็ดแปดปีที่แล้วรู้สึกได้ว่าสนุกกว่านี้ เราโตได้จากกระทู้ในบอร์ดเด็กดี แต่บอร์ดทุกวันนี้มีแต่อะไรก็ไม่รู้ เล่นโม่งยังจะดีกว่า 5555
>>887 (ปล.ผมหมายถึงคนที่เอามาโพสต์น่ะ ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณ คนที่วันๆเอาแต่ด่าจิกกัดมันมีอะไรดีครับ ผมว่านะ บางคนนี่อายุน้อยกว่าผมเยอะ เรียกผมโปกเนี่ยคุณรู้จักตัวจริงผมเหรอ คนที่เขารู้จักกันดียังไม่เรียกกันอย่างนี้ครับ [คุณโตได้แล้วครับ] ผมโตนานแล้ว ชีวิตเราเนี่ย เราควรจะเป็นผู้ช่วยครับ ผมทำเพื่อช่วยเหลือ ไม่ใช่ทำเพื่อทำลาย มีเวลาไปทำอะไรที่มันสร้างสรรค์เถอะครับ ถ้าคุณคิดว่าคุณมีวุฒิภาวะพอที่จะคุยกับผมในเวอร์ชั่นนี้
ลูกผู้ชายตัวจริงเขาไม่ได้วัดกันที่น้ำลายครับ เขาวัดกันที่ใครทำประโยชน์ได้มากกว่ากัน มารยาทมีด้วยครับ ไม่ใช่ว่าสักแต่จะด่าจะว่าใคร คุณมีเสรีภาพในการโพสต์ แต่คุณไม่ควรมาโพสต์โดยที่ส่อให้ตรงถึงบุคคลเดียวครับ มันล่วงละเมิดเสรีภาพของผู้อื่น ถ้าผมเป็นเด็กเห่อหมอย คุณก็คงเป็นสเปริมครับ เอาเวลาไปวางแผนชีวิตเถอะครับ ชีวิตเรามันไม่ได้มีทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบมากมายหรอกนะครับ คุณเอาเวลามาด่าผมเนี่ย คุณได้อะไร เงิน? คุณสับผมผมได้ความรู้ มีเงินก็ลองลงทุนดูครับ รัฐบาลยุคนี้มันโคลงเคลง ซื้อหุ้นซื้อทองเก็บไว้เก็งกำไรเหมาะกว่าครับ หุ้นPTT กำลังขึ้น ลองซื้อดูไหมครับ ไม่ก็ทองแท่ง ราคาขายออกตอนนี้แค่สองหมื่นสองบาท ซื้อเก็บไว้ พอราคามันพุ่งสูงมากๆ ค่อยขาย
ว้าว ขอบคุณนะที่ริอ่านมาสอน ปรบมือให้บัวใต้ตมด้วย
เห็นในบอร์ดเดี๋ยวก็บอกว่าคนอื่นไม่สมควรเกิดมา เอาความกล้ามาจากที่ไหนถึงทำให้ตัดสินคนได้ขนาดนั้น ทัศนคติมีปัญหาหนักมาก บอกว่าโม่งชั้นต่ำแต่ตัวเองคอยมามอนิเตอร์ส่องโม่งตลอดเวลา ย้อนแย้งจนกูไม่รู้จะพูดอะไรดี นอกจากว้าวว คนอะไร toxic ได้ขนาดนี้ ไปหาหมอหรือจิตวิทยาคลีนิคเพื่อปรับทัศนคติตัวเองบ้างเถอะ
และมึงคิดว่าโม่งสับทุกคนลืมตาตื่นขึ้นมาก็สับนิยายได้เลยเหรอ มึงคิดว่ากูต้องสะสมองค์ความรู้ขนาดไหนถึงจะสับนิยายทั้งแฟนตาซี นิยายรัก จีนโบราณ สืบสวน ฯลฯ ตามที่ให้สับกันมาได้ มึงคิดว่ากูเริ่มอ่านมาเมื่อสองเดือนก่อนหรือไง กูไม่เคยอวดตัวหรอกว่ารู้เยอะ อ่านมาเยอะ เคยผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้างถึงเอามาสับได้ กูอาจจะจบตรงสายเรียนได้ A การอ่านจับใจความ วิชาการวิจารณ์ ตรรกศาสตร์ ปรัชญา การตลาด มนุษยวิทยา จิตวิทยาสังคม การบรรณาธิกรมาก็ได้ รำคาญความน้ำเต็มแก้ว ความรู้เยอะมาก งงในงงว่ามั่นหน้ามาจากไหนถึง judge เก่ง ตัวกูเองยังต้องอ่านตลอดเวลาเพื่อสั่งสมองค์ความรู้เลย แถมยังไม่มีความคิดจะบอกใครต่อใครด้วยซ้ำว่าไม่สมควรเกิดมา มึงเป็นใครมาจากไหนเหรอ???
คนแบบนี้ไม่มีค่าให้กูสนใจแล้วว่ะ วุฒิภาวะต่ำเกินไป นิยายก็กาก ถ้ามึงมี issue เรื่องอายุมากนัก กูบอกให้ก็ได้ว่ากูอาจแก่กว่าพ่อมึงอีก และหน้าฉากของกูข้างนอกบอกเลยว่ามึงคาดไม่ถึงหรอก เอาไว้นิยายมึงติดอันดับเมื่อไหร่แล้วค่อยกลับมาปากดีนะ ไอ้กระจอก
>>892 นิยายผมยังมีความรู้เรื่อง "ฮวาชา/จรวดจีน/ทามาฮากาเนะ(พิมพ์ผิดขออภัย)" เลยครับ รู้จักฮวาชาไหมครับ ฮวาชา เป็นอาวุธของเกาหลีที่มีไว้สำหรับต่อต้านซามูไร เป็นคล้ายๆกับท่อหลายๆอันประมาณ200กระบอกมารวมกัน ใส่ลูกศรกับดินปืนออกไป ใช้เวลาประมาณ 5 วินาทีถึงจะยิงหมด และมันเป็นอาวุธที่น่ากลัวมาก เน้นการทำลายทหารทุกรูปแบบ จรวดจีน เป็นกระบอกไม้ไผ่ผูกติดกับลำไผ่ ข้างในบรรจุดินปืน มีชนวนงอกออกมา เน้นการทำลานฐานที่มั่น ทามาฮากาเนะเป็นวัฒนธรรมการตีดาบของญี่ปุ่นซึ่งจะเริ่มจาก สำริด(Bronze)-ยุคนี้ดาบสำริดเป็นอะไรที่อ่อนมาก การใช้ดาบสำริดที่มีชื่อเสียงคือ ทัพฉิน แต่มีเกราะที่สามารถต่อกรกับมันได้ คือ เกราะหนัง เหล็ก(Iron)-ก็ค่อยแข็งขึ้นมาหน่อย ใช้งานได้นานกว่ามาก เหล็กกล้า(Steel)-เป็นการตีเหล็กธรรมดาจาก Iron ให้เป็น Steel โดยผสม Carbon ลงไปใน Iron แล้วก็ได้ Steel1 จากนั้นก็มีการผสม Iron ลงไปใน Steel เป็น Steel2 จากนั้นก็มี Cold Steel ซึ่งเป็นการนำ Steel ร้อนๆแดงๆ แช่ลงในน้ำเย็น ดาบประเภทนี้ได้แก่ ดาบยาวยุโรป และดาบซามูไร ครับ แล้วญี่ปุ่นก็มีการนำแร่ทามาเกะฮาเนะผสมลงไป แล้วตีให้บางๆแล้วเอาขึ้นมาทับ แล้วตีซ้ำไปเรื่อยๆ จนพอใจ
อ้างอิง https://www.youtube.com/watch?v=vGenWRgX9SE
และ
https://www.youtube.com/watch?v=-iBv_LTZnMI
อย่าถามอีกนะ ว่าทำไมมู้ไหลไว
เริ่มเลอะเทอะขึ้นเรื่อยๆ เอาเป็นว่าน้องเล่าเบียวอย่าเพิ่งเปลี่ยนตัวเองนะ รักษาแนวคิดแบบนี้เอาไว้ บอร์ดโม่งต้องการคนตรรกะแบบน้องคอยเติมไฟ โผล่มาแต่ละทีโคตรพีค กูจะได้มีเรื่องมันส์ๆไว้อ่าน
ลงชื่อ โม่งเห็บหมา
สมชื่อมู้จริงๆไอ้สัส ขนาดจะเต็มแล้วยังวนกลับมาเรื่องเดิมซ้ำซาก มู้หน้าก็ช่วยกันคิดชื่อไว้ล่ะ
ทุกวันนี้กูก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องซามูไรยุคหินวะ?
นิยายเด็กดีบทที่ 25 (DDN XXV) The Awaken of จูนิเบียว โม่งสับอย่าเพิ่งเหี่ยว เจี๊ยวผมเพิ่งผงาด การกลับมาของน้ำเต็มแก้ว แต่มึงเต็มสองแก้วแล้วนะไอ้สัส!
กำลังอ่านสับนิยายมันส์ๆ เลื่อนลงมาเรื่อยๆ นี่มันอะไรวะเนี่ย!
กูยอมใจว่ะ มู้วิ่งโคตรเร็ว
และกูอุตส่าห์ดีใจที่จบเรื่องน้องเล่าไปแล้ว
ไม่ทันไร กลับมาอีก ทำกูอึ้งอีกรอบคือ น้องเล่าก็บ้าจี๋แสดงตัวอีกแล้วครับท่าน
—กูคือคนที่พูดแบบนี้ และจะพูดแบบนี้อีกถ้ามันวนกลับมาแบบเดิม—
คงจะได้ขึ้นบทใหม่จันทร์หน้าละมั้ง
เชี่ยยมู้ไหลรัวๆกูงดเข้าคืนแค่เดียวพลาดอะไรไปเยอะเบยยย
อ้าว อีพอร์นฮับเคยเขียนนิยายแชทลอกพล็อตเรื่อง again ของจอยลดาแล้วอ้างว่าพล็อตแบบนี้มีเยอะแยะเหรอจ๊ะ เห็นกลุ่มวายกำลังด่ากันอยู่ :)
https://www.dek-d.com/board/view/3957351/ โม่งเปิดทุบสับแว้ว (กุว่าไอ้ยุริมันเกี้ยวกาดขึ้นนะ เพราะติดจากโม่งไป หรือจริงๆมันอัดอั้นกะดอกขาวมานาน55555)
>>913 เรื่องชื่อมู้กูเห็นเคยมีเคยพูดถึงไว้ตรงนี้>>618 (แต่กุชอบของมึงมากกว่าแฮะ)
กระทู้ไหลเร็วมาก เพราะมีคนบางจำพวกอยู่ในบอร์ด แล้วคนพวกนี้ก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน...
https://i.imgur.com/L8x5sKd.jpg
เป็นครั้งแรกที่กูอ่านเม้นดอกขาวโดยไม่เลื่อนผ่าน อ่านจบถึงกับร้องเหี้ยในใจ
ดูๆไปกูว่าเด็กดวกแม่งศูนย์รวมคนบ้า คนสติไม่ดีชัดๆเลย
>>928 คนสติดี ๆ เขาไม่มานั่งเฝ้าบอร์ดหรอก เอาเวลาไปพัฒนา ปั่นงานอัพโน่น ตะกี้ลองของในกระทู้โซมีนไปเรื่องนึง หมั่นมั่นหน้านัก อ่านแล้วกูไปไม่เป็นเลย ว่าเจ้ดอกไร้ทักษะบรรยายแล้วนะ ไอ้นี่พังกว่าอีก มึงจะใส่ตัวเลขมาทำไมเยอะแยะ ไม่ได้ดูฉลาดเลย โชคดีโซมีน สับถูกของไอ้นี่กูว่ามึงต้องกอบพาราพลางสับไปพลางบ้างละ
>>929 เท่าที่เคยอ่านมาในกระทู้นี้ทุกภาคนะ กูยังยืนยันคำเดิมอันดับ 1 เหี้ยที่สุดในใจ คือเรื่อง เรื่องไรวะจำชื่อไม่ได้ แต่ที่จำได้แม่นคือพระเอกตะโกนในฉากต่อสู้ว่า "ย๊ากกกกกกก ฉัวๆ กุดุสๆๆ ฉัวๆ กุดุสๆ" ทั้งฉากมีแค่นั้นจริงๆ ละดูมันเขียนชื่อสกิลคือเขียนถูกแค่คำแรก ที่เหลือเขียนผิดรวดตั้งแต่คำที่ 2 ยันจบตอน กูแม่งอ่านแล้วอยากตาย
คือมันเลียนเสียงผิดจาก กุรุ กุรุ (SFX ของการกลิ้งในภาษาญี่ปุ่น) มาเป็นกุดุสๆ กูเลยแม่งจำติดตามาจนถึงทุกวันนี้ อ้างอิงจากวิดีโอนี้ตอนนาทีที่ 1:24 https://www.youtube.com/watch?v=O7DKt70FZH0 (อันนี้เพลงเรียน Japanese onomatopoeia ของกุเอง)
ส่วนนี่ตัวอย่างส่วนหนึ่งของนิยายที่ว่า (ปัจจุบันลบเรื่องหนีความอับอายไปแล้ว)
https://i.imgur.com/V9o2uxs.png
เดี๋ยวกูเอานิยายเบียวไปให้โซมีนสับบ้าง
กูเข้าไปส่องนิยายฟิสิกส์นั่นมาละ เห็นที่มันมาตอบในมู้ก็หมดอารมณ์จะสับแล้วไอ้ชิบหาย อีโก้สูงมาเลย เป็นภาระของกูเหรอที่มึงใช้ศัพท์เฉพาะแล้วให้กูไปกูเกิลหาเอาเองอ่ะ เขียนแบบทรงเดียวกับเอ็นควยเลย วงเล็บชื่อหลังคำพูดตัวละคร เขียนกากสัสแต่ไม่รู้ตัว มีแต่น้ำเต็มแก้ว พวกมึงเป็นดา เอ็นโดฟินหรือไง
แค่ใช้คำเฉพาะแล้วมาโอ่ว่าข้านี่เจ๋งไม่ได้ทำให้มันดูมีความรู้ขึ้นเลย เสือกจะดูงี่เง่าเพราะมึงแค่ยัดศัพท์เฉพาะเยอะๆแต่ไม่มีปัญญาทำให้คนอ่านเข้าใจได้มันก็สูญเปล่า
แถมมีการมาโชว์พาวบอก จะอ่านนิยายฉันได้ต้องเข้า กูเกิลบ่อยนะ (กุถาม!!!นิยายบ้าอะไรต้องอ่านอากู๋ควบไปด้วยวะ นั่นแสดงว่ามึงอ่ะถ่ายทอดเนื้อหาไม่เป็น แบบนั้นมันไม่ได้ต่างอะไรกับอิเล่าเปียวที่พอเถียงทีก็สักแต่คว้าหยิบข้อมูลมาโปะๆน่ะแหละ)
ตั้งแต่กูอ่านหนังสือมา (กุหมายถึง "นิยายที่เป็นเล่มจริงๆ" ) มีอย่างไหนเขาเทข้อมูลมากองโผละเป็นขี้ๆแล้วพูดว่า เอ้านี่ ข้อมูลนิยายกุ ยัดใส่สมองพวกมึงแล้วจำๆไว้ซะ!
ห่วยเสียอรรถรสชิบหาย เป็นกูคงไม่อ่านแม่ง
นิยายฟิสิกส์อะไรนั่นคือเบียวสัส ๆ มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ แต่แม่งยังขายแพคเกจได้แล้วมีคนซื้อ 555 จริง ๆ นักอ่านที่ร้อนวิชามาเขียนนิยายก็มีแบบนี้เยอะ อีพวกน้ำเต็มแก้วตั้งแต่หัดเดิน นิยายของชั้นอ่านยากนะ ชั้นสูงนะ พวกแกอ่านไม่เข้าใจก็แสดงว่าแกไม่มีสกิลไงล่ะเฟ้ยยยย แต่จริง ๆ แม่งก็แค่คนเบียว ๆ ที่อยากมาเขียนนิยาย เอาเป็นว่าเขียนอีกเยอะ ๆ นะหนู เขียนภาษาคนให้อ่านรู้เรื่องอะ ออกจากกะลาซะบั้งอีควาย
เริ่มสับกี่โมงวะ กูรออ่านตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย
ดอกขาวดิ้นแผ่ดๆๆ แพล่มน้ำยาวเป็นหางว่าว กับนิยายขนาดนี้มัย
ไอ้นิยายฟิสิกส์นั่นแม่งจะให้คนอ่านไปกูเกิ้ลเองก็ไม่ใช่แล้ว ปกติถ้านิยายมีศัพท์เฉพาะมันต้องมีเชิงอรรถอธิบาย อีคนเขียนมันเคยอ่านนิยายเปล่าเนี่ย
อยากเขียนนิยายศัพท์เฉพาะทาง แต่ไม่มีปัญญาทำให้คนอ่านเข้าใจ เลยต้องให้ไปเปิดกูเกิ้ลหาเอาเอง บราโว่ววว
แวะมาทักทายว่ามู้นี้เต็มโคตรเร็ว ปลื้มใจจัง
KY
ถามหน่อย สมมติมึงเป็นนักวาด วาดรูปอยู่ในระดับเปิดรับคอมมิชชั่นได้
แล้วมีคนวิจารณ์รูปมึงวาดขายว่า ขาด ๆ เกิน ๆ ตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งฟังดูดี และมีเหตุผล
แต่คนวิจารณ์นั้นฝีมือวาดรูปเหมือน อิเจ๊มิรัน
มึงจะรู้สึกอิหยังวะนิด ๆ มั้ย?
อ้าว ตื่นมาโดนคนบ้าหาว่าเป็นคนบ้าซะงั้น ไม่รู้จะโกรธหรือจะขำดี เอาเป็นว่าขำแล้วกัน ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเขียนอะไรอ่านไม่รู้เรื่องนะเนี่ย ไม่รู้จะมีรีแอคชั่นยังไงดี นอกจาก ว้าว ว้าว ว้าว ว้าววววว
เกี่ยวกับคำวิจารณ์นี่ตอบยากว่ะ
กูเป็นคนนึงนะที่วิจารณ์นิยาย/ภาพวาดเก่งกว่าเขียน/วาดเองเหมือนเหมือนกัน(ถ้าพูดถึงนิยาย กูเคยสับในมู้บทก่อน ๆ แต่หยุดไปนานมากละ) ขอตอบละกันว่า...
ถ้าคนวิจารณ์กากกว่ามึงแล้วมาแค่เดี่ยว ๆ คนเดียวกูให้ปล่อยผ่าน(เว้นเสียแต่ว่าคนที่มาวิจารณ์/คอมเม้นต์ให้มึงมีแต่ติ่งมึง อันนี้ลองคิดดูก่อน) แต่ถ้าหลาย ๆ คนมันบอกมึงไปทางเดียวกันอันนี้มึงควรมองข้ามฝีมือไอ้คนวิจารณ์แล้วคิดดูเลยว่ามันเป็นงั้นจริงเปล่า ต้องแก้อะไรไหม
ตรรกะของไอ้พวกน้ำเต็มแก้ว
กูถามเน้นที่รูปนะ คิดว่ารูปมันชัดเจน เห็นภาพง่ายสุด
ส่วนนิยาย มันอย่างที่กูเข้าใจ คนวิจารณ์ไม่จำเป็นต้องเขียนนิยายดี แต่หาจุดอ่อน และแนะนำคนอื่นได้ กูโอเคตรงนี้
แต่กูลองไปดูทู้ใน subculture แล้วมึนเลย จะถามทู้ไหนดีวะ แนะนำหน่อย
>>963 แต่นี่มันมู้นิยายเด็กดีไงมึง ต่อให้มึงยกตัวบุคคลในเด็กดีมาเปรียบมันก็ไม่ใช่ที่พูดคุยเรื่องวาดรูป ขอเชิญมู้นักวาดนะ
>>962 มันใช้คำว่า 'ฝีมือเหมือน' อีเจ๊ มึงคิดว่าอีเจ๊คนเดียวที่วาดรูปกากเหรอ แล้วคนอื่นที่มันวาดรูปกากกว่านั้น วิจารณ์ไม่ได้เลยเหรอไง
ส่วนเรื่องเหยียดโม่ง กูไม่เคยสนนะ ว่าคนสับแม่งจะเป็นระดับเทพเบส หรือระดับกากหัดเขียน กูสนแค่การวิจารณ์ของมัน บางคนไม่เคยเขียนนิยายแต่อ่านมาเยอะ มันก็วิจารณ์ได้ แค่อยากจะย้ำให้พวกมึงรู้ตัว พวกมึงในนี้อยู่ในสถานะนักวิจารณ์นะไอ้สัส
'คนที่สกิลดีกว่าค่อยรับฟัง' ตรรกะคล้าย ๆ ไอ้พวกที่มึงด่ากันข้างบนเลยว่ะ 5555
>>951
สิ่งที่มึงพูดกูเคยเจอมากับตัวแล้ว แถมไอ้คนวิจารณ์เป็นคนที่กูไม่ชอบหน้าด้วยนะ แน่นอนว่ากูหัวร้อนในตอนแรก แต่พอใจเย็นลงแล้วมานั่งพิจารณาตามที่มันพูด มันพูดถูกทุกอย่างเลยว่ะ
เพราะฉะนั้นถามว่ารู้สึกอิหยังวะไหม ก็ต้องรู้สึกบ้างแหละ แต่ถ้ามึงเก่งกว่ามันจริง องค์ความรู้มึงมากกว่ามันจริง มึงจะมองออกเองแหละว่ามันพูดถูกรึเปล่า
https://www.dek-d.com/board/view/3957415/
เดี๋ยวนะ ให้หน้าใหม่ลงนิยายวันละสิบตอน เป็นกูกูร้องไห้แร้วนะ
>>951 สำหรับกูนะ คนวาดที่รูปเน้นเอกลักษณ์ลายเส้น ถ้าไม่อีโก้จัดๆ ก็จะดีรู้ว่ารูปตัวเองขาดเกินตรงไหน แต่การขนาดเกินคือไม่ใช่ว่าผิดอนาโตมี่แบบแขนท่อนล่างยาวแค่ครึ่งนึงของแขนท่อนบนอะไรแบบนี้นะเว้ย ทีนี้ถ้ามีคนแบบอิมิรันมาวิจารณ์ต้องดูก่อนว่ามันวิจารณ์ตรงไหน วิจารณ์เรื่องเอกลักษณ์ลายเส้นหรือวิจารณ์เรื่องแขนสองท่อนมันผิดสัดส่วน เรื่องนี้ถ้าเป็นกู กูยอมให้นะ แม้ว่างานคนวิจารณ์จะกากกว่าก็ตาม
อะ กลับมาพูดถึงนิยายเปรียบเทียบกับเรื่องลายเส้น มันก็มีสองแบบคือสร้างเอกลักษณ์ให้คนจดจำหรือสร้างงานที่ผิดเพี้ยน ตรรกะพังพินาศแล้วมาอ้างว่านี่คือเอกลักษณ์ของกู แบบอย่างหลังนี่พวกมึงก็คงเห็นตัวอย่างที่มาดิ้นในโม่งชัดเจนอยู่แล้ว
สับทิ้งก่อนขึ้นมู้ใหม่แล้วกัน
Gear อาวุธเปลี่ยนโลก
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1910410
โดย nakarin0o
[ 1 ]
1 - เปิดเรื่องด้วยคำโปรย
[ ดาบที่แตกหัก ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล ซากศพมากมายที่ต้องก้าวผ่านเพียงแลกมาเพื่อคำว่า ‘ผู้กล้า’ ที่ไร้ค่า ของแบบนั้นสมควรแล้วที่จะแตกหักไปพร้อมกับความปรารถนาของข้า ] - ความปรารถนาของผู้พูดคือความเป็นผู้กล้า แต่ต้องแลกมาด้วยความสูญเสีย แต่เมื่อได้มากลับเห็นว่าไร้ค่า ความผิดหวังนี้ทำให้ผู้พูดรู้สึกว่า ความเป็นผู้กล้าควรหายไป
เนื้อความตรงนี้มันไม่สื่ออารมณ์ที่ชัดเจน ถ้าอ่านผ่าน ๆ คือมันไม่เล่าอะไรเลย ซึ่งกุเปิดหน้านิยายมา กุไม่พร้อมที่จะฟังเมิงพูดจาอะไรไม่รู้เรื่องให้กุเอาไปตีความ กุอยากจะเห็นซีนสั้น ๆ ที่เห็นภาพชัด มีความแรง เป็นการแนะนำตัวเอกให้คนอ่านรู้จัก
2 - ชาลส์ตัวเอกของเรื่องทำงานในสวนผักของหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ห่างไกลจากสนามรบ ถูกแอนเจ้าของไร่ออกมาดุที่เขายืนอู้ และขู่ว่าไม่ทำงานเย็นนี้ไม่มีข้าวทาน ชาลส์จึงรีบเก็บเกี่ยวผักในไร่เดินกลับไปบ้านพร้อมกับแอน แอนให้อาหารกับเขาและฝากไปให้กับอลิเซีย
[ ชาลส์ตอบรับด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยเต็มใจพร้อมกับรับตะกร้าที่มีขนมปังและขวดไวน์แดงมาโดยที่ชายหนุ่มจะต้องเอาไปให้กับหญิงสาวที่อาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านกับเขา ] - อ่านแล้วเข้าใจว่าอลิเซียเป็นเมียชาลส์ มีข้อมูลบอกว่าพระเอกมาอยู่ได้สองเดือน และการรุกคืบของศาสนจักรต่อดินแดนนี้ ตรงนี้รู้สึกว่ายัดข้อมูล ถ้าทำได้เวลาจะให้ข้อมูลช่วยทิ้งอะไรให้คนอ่านเชื่อมโยงด้วยอย่าทิ้งมาเฉย ๆ เช่น สองเดือนแล้วนะที่ศาสนจักรมีชัยเหนือจอมมาร ความหึกเหิมนี่ทำให้รุกรานดินแดนไปทั่ว
3 - ชาลส์นำอาหารมาให้อลิเซีย แล้วก็แยกย้ายกันไป คืนนั้นเป็นคืนที่มีงานฉลองของฤดูเก็บเกี่ยว อลิเซียเอาไวน์มาให้เพราะเธอไม่ดื่ม ชาลส์ถามเรื่องที่อลิเซียเก็บตัว - ซีนนี้เขียนไม่สื่อสารอะไรเลย ถ้าอยากบอกว่าชาลส์อยากลืม ๆ เรื่องที่ผ่านมา ก็น่าจะแสดงออกด้วยวิธีอื่น ถ้าอยากบอกว่าอลิเซียเป็นคนเก็บตัว ไม่ต้องเดินออกมาจากบ้าน ปิดหน้าต่างมีแสงตะเกียงลอดผ่านมาก็ยังได้ แล้วก็ POV สลับไปมาแบบไม่ค่อยมีประโยชน์ ไม่ต้องสลับก็ได้
4 - ตอนเช้างานฉลองจบลง ชาลส์เดินไปในหมู่บ้านพบทหารของอาณาจักร ชาลส์ถามแอนเจ้าของไร่ผักว่าเกิดอะไรขึ้น เธอให้ข้่อมูลว่า ทหารมาจับแม่มด ก่อน อังเดร์อัศวินแห่งศาสนจักรจะแสดงตัวออกมา ว่าจะฆ่าผู้หญิงทุกคนหากไม่ส่งตัวแม่มดมา ชาวบานจึงแยกย้ายไปหาตัวแม่มด - ท่อนนี้รู้สึกว่าแปลก ๆ ดูมันไม่หนักแน่นลอย ๆ จับต้องอะไรไม่ได้ ตกลงเป็นทหารของศาสนจักรนะ ไม่ใช่อาณาจักร?
[ 2 ]
5 - ชาลส์เหมือนรู้ว่า ศาสนจักรต้องมาจับอลิเซียและมาถึงเร็วกว่าที่คิด ทำให้แอนถามว่าชาลส์รู้หรือว่าอลิเซียเป็นแม่มด ชาลส์ปฏิเสธ แต่ก็รีบไปเตื่อนอลิเซีย - ปมของเรื่องคือไม่ส่งแม่มดมา ศาสนจักรจะฆ่าผู้หญิงทั้งหมู่บ้าน
[แอนถามด้วยท่าทีแปลกใจ แต่ว่าชายหนุ่มทำเพียงส่ายหน้า สิ่งที่เขารู้คือเมื่อผู้คนอยู่ในความกลัวคนที่จะตกเป็นเป้าคือคนที่มีผลประโยชน์น้อยที่สุดและในที่นี้คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอลิเซีย ]
ท่อนนี้กุไม่เข้าใจเลย จะสื่อว่าศาสนจักรทำให้ชาวบ้านกลัว ต้องหาใครมาสังเวย คนนั้นต้องเป็นอลิเซีย ซึ่งมันไม่มีอะไรให้กุรู้สึกแบบนั้น ถ้าให้อลิเซียทำตัวเป็นแม่มด ใช้เวทมนตร์รักษาชาวบ้านเวลามีคนเจ็บป่วยกุยังพอจะเชื่อมโยงได้
6 - เมื่อถึงบ้านอลิเซีย แอนบอกให้เธอหนีไป “ศาสนจักรอีกแล้วสินะ ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้…ข้าแนะนำว่าพวกเจ้าควรที่จะหนีเช่นนะ คำพูดอะไรที่พวกนั้นสัญญาเชื่อไม่ได้หรอก!!” อลิเซียพูด
อลิเซียถูกเรียกแม่มดเป็นประจำ เธอลงไปเก็บของห้องใต้ดิน ขณะเดียวกันอังเดร์และชาวบ้านก็ตามมาถึง ชาลส์เลือกออกไปคุยถ่วงเวลา อังเดร์เลือกเดินผ่านชาลส์ไป ถึงบ้านของอลิเซียแต่กลับพบแอนเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดและเครื่องใน ส่วนอลิเซียหนีไปแล้ว ทำให้แอนถูกเข้าใจว่าแม่มด และจะถูกนำตัวไปเผา ชาลส์เลือกที่จะเงียบเพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์และคิดจะไปช่วยแอนภายหลัง
7 - ชาลส์กลับบ้านไปเอาดาบ อลิเซียปรากฏตัวอีกครั้งเพราะคิดจะช่วยแอน
>>977 (ต่อ)
[ 3 ]
8 - ชาลส์พูดคุยกับอลิเซียก่อนแสดงตัวต่อสู้กับทหารของศาสนจักร -
[ เพลิงที่ลุกไหม้เผาทุกสิ่ง ครอบครัว บ้านอันแสนสำคัญและสิ่งที่อยากได้คืน เสียมันไปหมดแล้วกับเปลวเพลิงเหล่านั้น เปลวไฟที่จะทำลายทุกอย่าง ]
เปิดตอนมาแบบนี้กุงง เพลิงลุกไหมอะไร เผาอะไร บ้านของอลิเซียโดนเผา? มันคงไม่สำคัญกับเธอมั้ง เพราะยังไงก็หนีอยู่แล้ว
ในขณะที่ทางศาสนจักรก่อไฟเตรียมพร้อม ชาลส์ก็ถามกับอลิเซียว่าแม่มดคืออะไร “นั้นสินะ พวกเราเป็นผู้ท้าทายพระเจ้า…แต่ว่าข้านะสงสัยมาตลอดว่ามันผิดหรือที่เพียงแค่ข้านะอยากที่จะไขว้คว้าในสิ่งที่พระองค์ประทานให้ไม่ได้” - โอเคเมิงเป็นแม่มดเพราะพระเจ้าให้บางสิ่งไม่ได้
[ ชายหนุ่มเผยยิ้มออกมาหลังจากได้ฟังคำตอบ ตัวเขานั้นเกือบที่จะลืมไปแล้ว เหตุผลที่ครั้งหนึ่งเคยจับดาบ เหตุผลที่ทำให้ตัวเขามาอยู่ในจุดๆ นี้ ] - ตรงนี้กุอ่านไม่รู้เรื่อง คือเมิงช่วยสื่อสารกับคนอ่านหน่อยเถอะว่าจะให้เขาใจอะไร
9 - อังเดร์อัศวินแห่งศาสนจักรถือคบเพลิงเตรียมพร้อมจะเผาแอน เพื่อรักษาชีวิตแอนจะบอกว่าใครเป็นแม่มด แต่อังเดร์ไม่สนใจของแค่ได้เผาคนแสดงพลังของพระเจ้าก็พอ ชาลส์ออกมาสู้กับทหารโดยไม่ฆ่าใครเลย อังเดร์จึงแสดงพลังของพระเจ้าใช้ร่าง 100% ต่อยดาบแตก (กุสงสารดาบของเรื่องนี้ต้องมีแตกอีกหลายเล่มแน่นอน) ก่อนจะเข้ามาต่อยชาลส์ - กุชอบซีนนี้อยู่นะถึงจะครีเช่แต่จังหวะมันโอเค แต่เมิงลืมชาวบ้านหรือเปล่า
10 - ชาลส์หลบหมัดของอังเดร์ได้ อังเดร์ถึงกับพูดว่า “โซนนะ บากะน่า” ชาลส์ พิมพ์ 555+ ใส่หน้า แล้วเฉลยว่า การบัพนี่ไม่ใช่พลังของพระเจ้าแต่เป็นบูท ทักษะเสริมพลัง และพระเอกก็ใช้บ้างต่อยใส่อังเดร์ และใช้ดาบหัก ๆ ปลิดชีวิต
11 - ชาลส์ออกเดินทางไปซ่อมดาบโดยอลิเซียบอกว่า ไปทางเดียวกันไปด้วยกัน
กุวิจารณ์แค่องก์แรกพอนะ กุมีนิยายต้องเขียนเหมือนกัน ถึงมันจะไม่มีคนอ่านก็เถอะ
ถามว่าอ่านได้ไหมกุก็อ่านได้ละ แต่กุรู้สึกว่าเมิงสนใจความไลท์โนเวลมากเกินไป คือถึงเมิงจะเขียนไลท์โนเวล ถ้าเมิงมีพื้นฐานนิยายอยู่แล้วก็อย่าไปโยนความสำคัญของการปูเรื่อง การเล่าเรื่องทิ้ง บรรยาย พรรณา อธิบาย บทสนทนา เมิงต้องแน่นกว่านี้ ไม่ใช่แน่นแบบน้ำท่วมทุ่ง แต่ให้คนอ่านสัมผัสเรื่องราวของเมิงได้ชัดเจน
แล้วก็สนใจคนอ่านบ้างว่าจะเข้าใจที่เมิงเขียนบ้างไหม ไม่ใช่อยากพ่นอะไรไม่รู้เรื่องก็พ่นออกมา สุดท้ายเมิงก็ลองส่งสำนักพิมพ์ดู ถ้ามี บ.ก. ดูแล ปรับแต่งเนื้อหาให้น่าสนใจ กุว่าเรื่องของเมิงมันก็น่าสนุกทีเดียว แต่สมัยนี้เห็นแต่ สำนักพิมพ์ง่อย ๆ ท่องไว้ตนเป็นที่เพิ่งแห่งตนแล้วกัน
ยอดวิวมันไม่ได้ตอบโจทย์อะไรเมิงเลย นอกจากบอกว่า เมิงขายแล้วรวย มีสำนักพิมพ์มาติดต่อ
อ้าว เพราะแบบนี้แม่งถึงสนใจแต่ยอดวิวกันหมด
>>940 สับเรื่องไหน ถ้ามึงหมายถึงนิยายมั่นหน้าที่ต้องใช้กูเกิ้ลควบระหว่างอ่าน กูไม่สับนะ เสียดายเวลาชีวิตกู เดี๋ยวกูจะสรุปให้อ่านอีกทีว่าทำไมนิยายของไอ้เหี้ยนี่ถึงแย่ชนิดเกินเยียวยา (เครดิต: เพื่อนโม่งคนอื่นที่พูดไปแล้ว)
- อย่างแรกเลย ใช้เครื่องหมายวรรคตอนได้เหี้ยมาก ใช้ "." เยอะเกินไป อะไรๆ ก็ .... ......... .. .... ....... ถามจริง นี่นิยายหรือสูตรเคาะรหัสมอส
- ใช้วงเล็บชื่อหลังอัญประกาศจนกลายเป็นนิยายแชท จะว่ากูไม่ PC เป็นพวกชอบเหยียดก็ได้นะ แต่ถ้าเขียนด้วยรูปแบบนี้ กูตีตรา "ขยะวรรณกรรม" ให้ทันทีแบบไม่อ่านเนื้อเรื่องตอนต่อไปเลย
- แล้วเรื่อง Info-Dump แบบโจ่งแจ้งนี่ก็ด้วย คือมึงพยายามใช้สูตรคำนวนและตัวเลขทำให้นิยายดูน่าสนใจ (หรือคิดไปเองว่าจะทำให้ดูน่าสนใจขึ้น) ทั้งๆ ที่จริงมันทำให้นักอ่านรำคาญ เป็น dump แบบที่กูเกลียดมากที่สุดในทุกประเภทของ dump และเป็น nonsense dump ผสม useless dump ด้วย ขยายความคือมันคือการเทข้อมูลที่ไม่ได้ทำให้นิยายมึงดูเหนือ, เทพ, สุดเจ๋ง ขึ้นมา ในทางกลับกันสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่สายคำนวน ไม่ได้ชอบการอ่านสมการต่างๆ เห็นแล้วอาจปิดนิยายทิ้งทันที (แล้วพวกมึงก็เข้าใจใช่ไหมว่า เพื่อนสมัยเรียนคนที่ชอบวิชาคณิตศาสตร์จริงๆ มันแทบจะไม่มี) เป็น annoying dump ด้วย เพราะมันพ่วงมากับตัวเลขจำนวนมาก เห็นแล้วทำให้รำคาญลูกตา
เท่าที่กูลองอ่านไปถึงช่วงตอนที่ 20 นิยายของไอ้นี่ไม่ได้เทพจนรู้สึกเหมือนอ่านผลงานของ ไอแซค อาซิมอฟ แต่เป็นนิยายพยายามขายเนื้อหาด้วยวิชาสายวิทย์-คณิตของนักเรียนมัธยมปลาย โดยการเอาสูตรคำนวน เกร็ดความรู้ ต่างๆ มาแปะไว้ในเรื่องอย่างไร้ชั้นเชิงและยัดเยียด นานมาแล้วกูเคยพูดไว้ในกระทู้บทเก่าๆ ตรงไหนสักที่ว่า "คนที่เขียนนิยายไซไฟเก่งมากจริงๆ จะสามารถอธิบายเกี่ยวกับอนุภาคควาร์กให้เด็กประถมฟังแล้วเข้าใจง่ายเหมือนเรียนเรื่องสสาร แล้วการอธิบายนั้นก็มาในรูปแบบเรื่องเล่าที่สนุก ฟังแล้วไม่ง่วงด้วย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย" แล้วนิยายเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้กูรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ตัวเลขทั้งหลายในสมการของแม่ง ก็ไม่ต่างอะไรกับ ตูม! บึ้ม!! ฟ้าววววววว เปรี้ยงๆ กุดุสๆ เพราะมันเป็นการเลี่ยงบทบรรยาย เป็นความมักง่ายในสายอาชีพนักเขียน ทั้งตัวเลขและ Sound effect พวกนี้ให้ผลแบบเดียวกัน คือทำให้นักอ่านต้อง "ดู" สัญลักษณ์แทน "อ่าน" ตัวอักษร และนิยายระดับที่โม่งเคยจัดไว้ในหมวด "ใต้หิ้ง" จนถึง "บนหิ้ง" ก็เป็นนิยายที่ไม่ค่อยมีตัวเลขหรือ SFX อยู่ในเรื่อง หรือต่อให้มี มันก็จะมาในเวลาที่เหมาะสมมากๆ อ่านเสียงนั้นแล้วทำให้อารมณ์และบรรยายกาศในฉากยิ่งพีคขึ้นไปอีก ซึ่งโมเม้นท์นี้มันมีไม่บ่อยนักในนิยายแต่ละเรื่อง ขืนปล่อยเรื่องนี้เข้าไปในกระทู้จัดอันดับหิ้งหนังสือบอร์ดโม่ง (ที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว) มีหวังโดนจัดไปไว้ใน "ชั้นวางรองเท้าชั้นล่างสุด" "เหมาะกับขาตู้วางรองเท้า" "ขยะกระดาษรอเผา" ไม่ก็ "กระดาษเช็ดรองเท้าเปียกฝน" แหงๆ แค่ฝันจะไปถึงระดับ "อยู่ในตู้หนังสือตรงระดับสายตา" หรือ "อยู่ในตู้หนังสือชั้นล่าง" ยังแทบจะไม่มีหวังเลย
- ไม่ทำเชิงอรรถ แต่ผลักภาระให้นักอ่านไปกูเกิ้ลเอาเอง อันนี้สอบตกในเรื่องความรับผิดชอบ สามัญสำนึก และความเอาใจใส่ต่อนักอ่าน แล้วก็เหมือนกับที่โม่งบนๆ ว่าไว้ ถ้ามึงกากเกินไปจนไม่สามารถสื่อสารให้นักอ่านเข้าใจในผลงานในขั้นตอนเดียวตั้งแต่อ่านรอบแรก แปลว่ามึงแม่งล้มเหลวในฐานะนักเขียน การโชว์เหนือของมึงทำให้ฉากเด็กชายเดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวปกติกลายเป็น "คุณป้าครับ ขอซื้อก๋วยเตี๋ยว 2 ยกกำลัง 2 ถุง น้ำตกพิเศษเส้นนะครับ" แล้วป้าก็ตอบกลับว่า "นี่จ๊ะ ทั้งหมด สแควรูท 16 คูณ 35 บาท" อ่านแล้วรู้สึกอิหยังวะปนหงุดหงิด
- นักเขียนไม่รู้จักสำเหนียก คิดว่าตัวเองเก่งพอจนสามารถแต่งนิยายระดับนี้ออกมาได้ นั่นทำให้เพดานการพัฒนาของมันถึงทางตัน เพราะความเชื่อผิดๆ ว่านิยายของแม่งสุดยอด ไม่มีใครเขียนได้แบบกูแล้ว ขนาดอาจารย์กูยังพูดเลยว่า ทุกคนสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ได้ ตราบใดที่ไม่เลือกบินเข้าถ้ำเสียเอง ความคิดเหี้ยๆ ของเจ้าของเรื่องเนี่ยแหล่ะ ที่จะทำให้มันเก่งไปกว่านี้ไม่ได้ คือไอ้นี่ไม่เข้าใจเลยว่าทุกวันคือการเรียนรู้ แล้วเราก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่อง ถ้าไม่ขยันหาความรู้ใส่ตัวเพิ่มเรื่อยๆ ก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ (ดีไม่ดีจะมูนวอร์คถอยหลังด้วย) นักเขียนที่ดีก็จะมีอะไรๆ ที่เหมือนกัน คือยอมรับตัวเองยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ รู้สึกไม่พอใจในงานที่ตัวเองเขียนแม้มันจะออกมาดีขึ้นเรื่อยๆ แสวงหาอะไรใหม่ๆ เพื่อเอามาพัฒนาฝีมือของตนเอง และชอบความท้าทายตั้งเป้าหมายให้เอื้อมถึงยาก
>>942 ใช่เลยเพื่อน ไม่แนะนำให้ทำเด็ดขาด ถ้าไม่อยากได้รางวัล อิหยังวะอวอร์ดสาขาเสียงประกอบส้นตีนยอดเยี่ยม แถมคนที่มามอบให้บนเวทีก็เป็นถึง ด็อกเตอร์ป๊วบ เจ้าของเรื่อง ด่ะ ไวท์โร้ด ด้วย
>>943 ตอนนั้นกูคิดในใจว่า ถ้านิยายแบบนี้มีคนอ่าน กูหลับตาเอาตีนเขี่ยกระดาษก็ต้องมีคนอ่านล่ะวะ
>>947 ที่ว่า 5 ส. นั่นกูประชดนะ แต่ถ้าอยากอ่านสับก็อยู่ใน >>>/webnovel/8477/463-465/ ( < เอาเม้าส์ชี้อ่านได้เลยไม่ต้องกดวาร์ป)
>>981 55555 กูชอบคำว่ารหัสมอสว่ะ แม่งเหมือนจริง ไม่รู้จะจุดหาห่าไรเยอะแยะ
กูไปอ่านคอมเมนต์นึง ค้องเป็นพวกมึงคนใดคนหนึ่งแน่ ไอ้คนเขียนยังไม่รู้ว่าตัวเองวิบัติยังไงเลยพวกมึงงงงงงงงงงงงง
ฝถามจริงแม่งเคยอ่านนิยายที่เป็นเล่ม ไม่ดิ...(ใช้มั้ง5555) แม่งเคยเรียนภาษาไทยมาไหมวะ มันต้องมีอ่านเรื่องสั้นบ้างเหอะเหี้ย ง่าย ๆ แค่นี้แม่งยังไม่รู้ กูเสียเวลาฉห.
ป่ะ พวกมึง วิ่งควายแล้วย้ายไปที่อยู่ใหม่กัน >> https://fanboi.ch/webnovel/8614/
เออ กูรอตั้งนาน อีดอกขาวเจอพวกแม่งรุมยำซักทึ ถึงอิเจ๊จะไม่เคยสะทกสะท้านก็ตามอย่างน้อยก็ให้พวกหน้าใหม่ผ่านมามันได้รู้ว่าอีนี่ไม่ปรกติ
กูวิ่งเปิดคนแรกเอง -- เขียนอะไรถมกระทู้ดีวะ เอานี่ละกัน
"ในขณะที่กลุ่มล็อคอินเอาแต่จิบชา ดราม่าในกระทู้สาระของเหล่านอนเมมกลับดูมีประโยชน์กว่า"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>987 ถ้าไอ้ฟิสิกส์มาถึงโม่งด้วย กูมั่นใจว่าเราจะมีแก้วสามใบ ถึงชี้จุดควรปรับปรุงให้ชัด ๆ คนแบบนี้ก็ไม่คิดจะซึมซับหรอก เห็นมันตอบเม้นต์นึง อยากให้เป็นวิทย์ผสานเวทมนตร์ คืออออ ไม่ถึงกับหาไอซิมอฟมาอ่านก็ได้ เข้าใจว่าขี้เกียจ แต่อย่างน้อยก็หาดูเรลกันซักซีซันเถอะ ขับตาดูซักคืนนึงก็จบ แทรกทฤษฎีเนียน ๆ น่ะไปหัดไป๊ หรือถ้าไม่อยากอ่านยาว ดูยาว กูโยนลิงก์เรื่องสั้นไซไฟดี ๆ ฟรี ๆ ตามเว็บสำนักพิมพ์ให้ก็ได้นะ จุดด้อยของมันใหญ่มากจนการเว้นย่อหน้า เคาะบรรทัดที่มันมาถามใต้เมนต์นั้นดูเล็กน้อยไปเลย
วิ่งควายจ้า ไปเร็วเล่าเบียว ควบไปข้างหน้า ฮุ่ยๆๆๆๆ
ปิดมู้ไปก๊งเหล้ากับผู้ใหญ่บ้านก่อน
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.