ลองไปทดสอบความกล้ากับเรื่องแรกมา เอื้อออ อ่านเด็กประถมเรียงความกูยังได้อะไรมากกว่านี้อีก ระบบภาษาที่มีอยู่น้อยนิดกูจะรวนเอา ยกธงยอมแพ้
กูไม่เข้าใจว่ะ ยัยดอกขาวนี่เป็นใครอ่ะ ทำไมใช้ภาษาแปลกๆ เหมือนเข้าใจอะไรยาก ไม่ได้อยู่ไทยแต่เกิดหรืออะไรยังไงวะ ใครเล่าให้ฟังที
เอาวะ เผลเซลล์สมองเก่าหน่อย เผื่อร่างกายจะสร้างใหม่มาแทน
เรื่อง : testament-พินัยกรรม
ลิ้งก์ : https://my.dek-d.com/leelawdee/writer/view.php?id=1854388
หมวด : แฟนตาซี
จำนวนตอนทั้งหมด : 1 (แถมเป็น Intro ด้วยนะ)
สถานะตัวเรื่อง : ยังไม่จบ [อัพเดตล่าสุด 5 ตุลาคม 62]
เปิดมาตอนแรกก็ยก Quote ของคุณตานางเอกมาแปะไว้ก่อนเลย พูดประมาณว่าทุกอย่างในจักรวาลเนี่ยมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่นะจ๊ะ ดูจากหมวดก็รู้ว่าเป็นแฟนตาซีแน่นวล แต่พออ่านไปจนจบบทแรกซึ่งสั้นจุ๊ดจู๋ก็รู้สึกขัดแย้งในตัวเองเหมือนน้องไอรีนผู้เป็นนางเอก คือหลายอย่างในบทแรกเนี่ยคล้ายจะอิงคติทางพุทธ ทว่าในคำโปรยคุณตาดันอุทานว่าโอ้พระเจ้า (กูอาจเข้มงวดเกินไป ถ้าคิดว่าไร้สาระก็ข้าม) คือดูทรงแล้วเซตติ้งน่าจะเป็นแฟนตาซีแบบฝรั่งๆ แหล่ะ แต่สิ่งที่สื่อมันดูพุทธโธเรี่ยนเหลือเกิน มีศักดิ์สิทธิ์ มีค้นหาความจริง มีพ้นทุกข์
บทนำคือแอบขายความซูของนางเอก นางมีพลังพิเศษสามารถรับรู้สิ่งต่างๆ ได้แบบเหนือธรรมชาติผ่านสัมผัสปกติ 5 และสัมผัสพิเศษอีก 1 สาวน้อยกำลังอยู่ในระหว่างหาคำตอบว่า มีแต่ตัวเองหรือเปล่าที่ทำแบบนี้ได้ ถ้ารู้แล้วจะยังไง จะมีความสุขหรือมีความทุกข์ต่อความจริงข้อนี้
การบรรยาย : ไม่ค่อยเจอคำผิด แต่เจอการใช้คำฟุ่มเฟือย, ซ้ำซากเยอะมากกก ไม่รู้ว่ากูง่วงจนสมองเบลอหรือเจ๊ดอกแกสื่อออกมาเป็นประโยคที่วกวนและเข้าใจยากกันแน่ ถ้าให้เอาปากกาแดงไล่ขีด กูว่าคงแดงเถือกไปครึ่งต่อครึ่ง หลายครั้งนี่คือประโยคก่อนหน้านี้มึงพูดไปแล้ว จะเอามาเขียนใหม่อีกประโยคทำไม มีความเป็นห่วงนักอ่านจนเกินพอดีไปแล้วแม่ง ถ้าจ้างกูรีไรท์บทนี้ให้จากที่สั้นเป็นหมอยแมว อาจจะเหลือแค่หมอยนก
ตัวละคร : ตอนนี้คือรู้แค่ว่ามีคุณตากับหนูไอรีน เขียน Tell ไว้ซ้ำซ้อนสุดๆ ว่าคุณตาเป็นคนดี๊ดี ส่วนน้องนางเอกยังไม่รู้ว่าเป็นคนยังไงเพราะบทนำพูดแค่นางดูจำไม มีสงสัยว่าที่ตัวเองเป็นคือพิเศษไหม นำมาซึ่งความทุกข์จนต้องออกไปค้นหาความจริง ไปๆ มาๆ เรื่องนี้เข้าข่ายอริยสัจ 4 ตั้งแต่บทนำเลย พอไม่มีบทที่ 2 ให้อ่านเทียบก็พาลรู้สึกว่ามันพุทธโธเรี่ยนจริงๆ ให้ตาย
ความน่าสนใจของพล็อต : ไม่รู้วะ เรื่องยังไม่เดินไปไหนเลย มีแค่บทนำที่อ่านแล้วปวดหัวตึ๊บ บางจุดเข้าใจยาก บางจุดเข้าใจง่ายแต่ใช้คำฟุ่มเฟือยก็เลยเข้าใจยากอีก
ข้อดี : เป็นยานอนหลับอย่างแรง จนกูสับเรื่องที่ 2 ไม่ไหว ขอตัวไปนอนก่อน (ไว้ต่อพรุ่งนี้)
ข้อเสีย : ปกติบทนำสั้นนี่เป็นเรื่องธรรมดา แต่สั้นเป็นหมอยหมาขนาดนี้ เอาไปแปะไว้ที่หน้าปกเรื่องยังโอเคกว่า บทนำที่ดีควรสร้างแรงดึงดูดให้นักอ่านอยากอ่านเรื่องนี้ต่อ แต่กูอ่านแล้วง่วงเหี้ยๆ ทั้งตอนจับใจความได้ 3 อย่างคือ ปู่แม่งคนดี น้องแมรี่ซูเบาๆ กับความสงสัยในเรื่องธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของน้อง แล้วจะจัดกลางทั้งตอนทำเหี้ยไร เป็นเนื้อคู่ไอ้เล่าโปกรึไง ไอ้การยก Quote มาแล้วจัดกลางเนี่ยเคยเจออยู่ แต่หลังจากนั้นเขาก็จัดซ้ายขึ้นย่อหน้าปกติโว้ย ไม่ใช่จัดกลางหมดแบบนี้ ตอนที่ 2 ก็ไม่มีให้กูเอามาเทียบว่ากลับมาจัดซ้ายหรือยัง ดังนั้นกูขอด่าไว้ก่อนว่าอย่าจัดกลางแบบนี้ อิบ้า
คะแนน : 4/10 (ห่วยสุดที่เคยให้คือ 3 อีก 1 คะแนนมาจาก ภาพปลากรอบ + 0.5 / ไม่มีคำผิด + 0.5)
ความเห็นส่วนตัว : ภาพประกอบสวย นอกนั้นอย่าให้พูดต่อ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว
จากใจคนเคยวอร์กะดอกขาว เหมือนนางจะอยู่ยุโรปสักประเทศ ตอนนั้นนางพูดประมาณว่าไปเล่นสกีก่อนบลาๆ แต่กุคิดว่านางน่าจะมีปัญหาทางจิตหรือไม่ก็เป็นออทิสซึ่ม จะพฤติกรรมการตอบอะไรวกไปวนมาซ้ำๆ เดิมๆ และหลายๆ อย่าง
เรื่อง ครอบครัวแสนสุข
ลิ้งค์ : https://my.dek-d.com/leelawdee/writer/viewlongc.php?id=956188&chapter=1
คำโปรย : พ่อแม่หัวโบราณและลูกหัวสมัยใหม่(ไฮเทค) อยู่บ้านหลังเดียวกันแล้วบ้านี้จะสงบสุขหรือไม่? (โปรดติดตาม)
ตอน 1 :
บอกภาพรวมกรุงเทพ จากนั้นซูมเข้าไปที่ทองหล่อ สุขุมวิท มีบ้านหลายหลังและต้นไม้ให้ความร่มรื่น ต่อมาเป็นฉากลูกสาวจอดมอไซค์ที่โรงรถ แม่เข้ามาบ่นว่า “รถไปไหน ทำไมขับมอไซค์” แล้วก็บอกว่าแม่รีบกลับมาจากเชียงใหม่เช้าวันนี้เพราะเรื่องของลูกและบ่นเรื่องห้ามขับมอไซค์อีกครั้ง ลูกสาวบอก “จอดไว้พัทยาที่ไม่ขับเข้ากรุงเทพเพราะรถติด” แม่จึงบ่นอีกว่าผู้หญิงไม่เหมาะกับมอไซค์คันใหญ่ แต่ลูกก็บอกว่า “ก็ชอบนี่คะ” แต่แม่ก็แสดงความเป็นห่วง ส่วนลูกก็พูดว่า “เข้าใจว่าเป็นห่วงแต่ก็จะไม่เกิดอุบัติเหตุหรอกเพราะไม่ประมาท” แม่ยอมแพ้ มอไซค์คันนี้พี่ซื้อให้น้องในวันเกิดและเธอถูกใจมาก แม่บ่นต่อแต่ก็ไล่ไปอาบน้ำและพูดถึงสาเหตุที่มารอพบลูก คือ ทราบข่าวจากพ่อที่ตำรวจแจ้งมาว่า ลูกสาวยกพวกตีกัน เธอปฏิเสธ บอกว่านั่นแจ้งความเท็จ ไม่ได้ตีจริงๆ เธอทราบว่าตำรวจจะมาสอบปากคำ แม่แสดงความวิตกกังวล
คำวิจารณ์ :
1. พบคำผิดบ้างประปราย เช่น มอเต่อร์ไซค์ ขมักเขม้น ชำนิชำญาญ ไช่ พรุ้งนี้ เดินดุ้มๆ
2. ภาษาที่คุยเป็นภาษาทางการมาก
3. ใช้คำแปลกๆ อย่าง ขายาวหยั่งถึงพื้น มอมแมมยังกะแมว และเรียงรูปประโยคไม่ค่อยถูกต้อง มักใช้คำพูดยืดยาวโดยสารที่ต้องการสื่อมีน้อย ทั้งแม่และลูกพูดประโยคที่ไม่จำเป็นเยอะมาก
By หมูว์สับ
ป.ล. บอกว่าพลีชีพคือทำแล้วนะ แต่ขอแค่ตอนเดียวพอ รู้สึกว่าเลเวลอัพแล้วละ 55+ เอ้า! ใครจะต่อก็ตามาเร็วๆ
โยนมาทรมานโม่งชัดๆ 555
เอาจริงกูยังไม่เคยเห็นใครเถียงชนะอิเจ๊ดอกขาวเลยนะ อย่างมากอิเจ๊ก็แค่ปรี๊ดแตก เคยเห็นหลายคนไปไฝว้ด่ากันจะเป็นจะตาย โดยเฉพาะไอดีมัณทนาไรนี่ รีพลายกันเกือบร้อยเมนต์ บางทีแม่งรุมกันทั้งบอร์ด สุดท้ายก็เหนื่อยเลิกพิมพ์กันไปเอง ถ้าถามว่าใครคือโทรลเบอร์1 กูให้อิเจ๊ดอกขาวเลย
ตอนที่ 2 จนมุม (ซึ่งกูยังหาความเชื่อมโยงกับชื่อตอนไม่ได้)
เปิดด้วยการบรรยายห้องนั่งเล่นกระจกซักสี่ย่อหน้า นางเอกลงจากบันได ป้าคนนึงนั่งอยู่บนโซฟาร้องทัก โอ้โห คุณศิวลี กลับมาแล้ว บลาๆๆๆ บรรยายความสวยนางเอกยาวยืด นางเอกทักทายว่าคิดถึงเหมือนกัน แล้วป้าก็บอกว่าเตรียมอาหารไว้ให้ ต่อด้วยบรรยายปนชมลักษณะเสื้อผ้ายาวยืด แบบที่มันควรจะเป็นบทบรรยายมากกว่าน่ะ ไม่ใช่บทพูด นางเอกตอบว่าซื้อผ้ามาตัดเองเลียนแบบแบนด์เนม เพราะแพง ซื้อไม่ไหว แล้วก็วกกลับไปรถมอไซ ป้าถามว่ารถเป็นไงบ้าง นางก็ตอบสรรพคุณ เครื่องเบา แรง เหมาะขี่ทางไกล นี่โฆษณามอไซเรอะ ป้าเลยกระซิบว่าบอกอยากลองนั่ง นางเอกก็กระซิบตอบว่าได้ๆ หาโอกาส ทันใดนั้น!!! เสียงแม่นางเอกก็โพล่งขึ้น นี่เคยพาป้าขี่มอไซเหรอ เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาต่อไม่ง่ายเหมือนเด็กๆ นะ จำไม่ได้ว่านางเอกตอบว่าไร แต่เหมือนจะอ้อนจนคลี่คลาย สำคัญกว่าคือ แม่นั่งอยู่โซฟากับป้ามาตั้งแต่แรกเลยว่ะ แต่บทบรรยายเพิ่งจะมาบอกเอาตอนนี้ กุเกือบงงแล้วว่าโผล่จากไหน
ทีนี้ป้าคนนี้เป็นใครไม่บอกเลย ปล่อยให้บทสนทนาไกด์คนอ่าน นั่งอยู่โซฟาก็น่าจะเป็นคนระดับเดียวกัน แต่เรียกนางเอกกับแม่ว่า 'คุณ' เหมือนระดับต่ำกว่า เดาไม่ถูกเว้ยจนมาร่ายชีวประวัติป้าตอนท้ายซะ 1/3 ของความยาวตอน สรุปเป็นแม่บ้าน แม่นมที่อยู่ด้วยกันมานาน
1.ป้าดอกเนี่ยมีปัญหากับบทสนทนาที่สุด ผิดยุค ผิดสมัยไปหมด ถ้าจะบอกว่ามาแนวทมยันตี แม่พลอย สมัยแม่พลอยบ้านเอ็งสิมีมาบุญคลอง ตั้งใจจะให้ความรู้สึกอบอุ่นเย็นใจมั้ง แต่ดันออกมาน่ารำคาญ ใครจะบ้าชม "คุณศวลี เสื้อตัวนี้คอตั้ง แขนสูง ทรงเน้นรูปร่าง บลาๆๆๆๆ สีบลาๆๆๆๆๆ ขับผิวคุณศิวลีขึ้นมากเลยค่ะ"
2. คำว่า ที่ นั้น เยอะมากกก รกรุงรัง ตัดออกก็ไม่ทำให้ประโยคผิดความหมายเท่าไหร่หรอกนะ
3. บรรยายละเอียดเป็นผุยผงในส่วนที่ไม่จำเป็น แต่อันที่จำเป็นอย่างป้าเป็นใคร แค่คร่าวๆ กับแม่มึงนั่งอยู่ด้วยก็บอกมาหน่อย
กุกลับไปนอนต่อละ บทต่อไปเชิญผู้กล้า
>>372 เป็นกูก็ปล่อยเลย มัวเถียงกับอีเจ๊ดอกขาวนี่เสียแรงเปล่า อยากชนะก็ชนะไปเหอะ
กูเสียดายเวลาชีวิตที่เคยหลวมตัวไปเถียงด้วย
เหมือนเจ๊กำลังคุยคนละเรื่องกับกูอ่ะ แม่งพากุออกทะเลไปประเด็นยิบย่อยเฉย จะกลับก็กลับยากเพราะต้องมาไล่จับประเด็นในเม้นนํ้าโจ๊กของนาง
กูก็อยู่ในเด็ดดวกนั่นแหละ แต่เพิ่งไม่กี่ปี แต่กูลองตามไปดูประวัติเก่าๆเจ๊เลยรู้เรื่อง
กุไปเจออันที่อิเจ๊แกไฝว้กะท่านเดธมัวเถียงกันอยู่นั่นแน่ะกะอีคำว่าชงหวาน จะบ้าตาย เป็นกูจะปล่อยเจ๊ให้ดอกขาวมันบ้าตามสบายไปคนเดียวเลย/กูหน่ายว่ะ//ขอระบายเหอะ
>>379 กูยังพอมีลิงก์อยู่แต่ไม่แน่ใจว่าใช่อันที่โม่งคนอื่นพูดถึงมั้ยเพราะเมื่อก่อนการตบกับอิเจ๊นี่เป็นเรื่องธรรมดาของบอร์ดเลยว่ะ
https://www.dek-d.com/board/view/3168603/
https://www.dek-d.com/board/view/3171271/
https://www.dek-d.com/board/view/3497894/
https://www.dek-d.com/board/view/3498891/
https://www.dek-d.com/board/view/3373050/
ถ้าจะเถียงให้ชนะเจ๊ดอกขาวมึงต้องบ้าให้เหนือกว่าไม่ก็กวนตีนมัน พิมพ์ด่าสั้นๆ แล้วมันตอบยาวๆ เดี๋ยวมันก็จะเบื่อไปเอง แต่ไม่อยากให้ใครทำนะเพราะจะเสียเวลาชีวิตมาก
เป็นไปได้มั้ยล่ะ อีดอกขาวคือจูนิเบียวที่เหนือกว่าจูนิเบียวทั่วไป
กูอ่านกระทู้นี้
https://www.dek-d.com/board/view/3955676/
คอมเม้นท์ #13 ที่เจ๊ตอบโต้กับ F.. เจ๊เริ่มตอบสั้นลงๆ ตรงประเด็นเข้าทุกที ทำกูขำแรง
มีคนอ่านเมนต์เจ้แกจบด้วยเหรอวะ ยาวกว่านิยายซีนนึงของกุเลยแน่ะ นับถือๆ พล่ามอะไรได้โหรงเหรงขนาดนี้
นิยายจีนเห่อหมอยของไทยยังอ่านรู้เรื่องกว่าอีดอกขาวพล่ามนี่แหละ
สรุปตอนที่3นี่ไม่สับละหรอ
เหล่าชาวโม่งคงคิดได้แล้วว่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นเหอะ.. เสียดายเวลา
ว่าจะสับอยู่แต่มีงานมีการทำเลยเอาไว้ก่อน เมื่อวานวันหยุดโว้ย ขอพักผ่อน ไม่อยากทำร้ายสมอง
หน้า Top ดด 11-20 สรุปมันสุ่ม หรือนับคะแนนจากยอดวิว? จริงๆ ก็มีคนเคยถามในมู้ไปแล้วล่ะ แต่กูก็ยังสงสัยอยู่เพราะบางทีหน้าใหม่แต่งไป6ตอน วิว 4000 นิดๆ ได้ขึ้น ถ้าเป็นของนักเขียนที่มีแฟนคลับตามพอสมควรกูก็เข้าใจได้ แต่นี่มันหน้าใหม่อ่ะ ก็เลยสงสัย // หรือแม่มคือความอิจฉา ก็ไม่นะ แค่อยากรู้เฉยๆ
>>395 จัดอันดับtopมันนับยอดวิวต่อวัน พูดง่าย ๆ คือใครอัปตอนใหม่แล้วมีคนอ่านในระดับนึงมันก็ติดกันได้ ยิ่งวันไหนพวกนิยายแฟนเยอะพร้อมใจกันไม่อัป มึงก็มีโอกาสเจอนิยายที่ไม่คุ้นหน้า แต่ช่วงนี้เด็กดีมันค่อนข้างรวน กูไม่รู้ว่านิยายที่มึงเจอ มันติดท็อปได้ด้วยเหตุผลไหน
>>396>>397 โทษทีถามไม่เคลียร์เอง คือเข้าใจว่ามันอัพเดตใหม่ทุกเที่ยงคืนนั่นล่ะ แต่ที่อยากรู้คือ เอางี้ ตัวอย่าง เช่นกูถ่ายรูปไว้เพื่อดูการเข้าอ่านในแต่ละวัน(ถือเป็นคอนเท้นตัวเองอ่ะ) อย่างวันหนึ่ง กูมีคนอ่านเข้าวิว 3000 คน(วิวหน้านิยายที่คนเข้าวันนี้นะ ไม่รวมยอดวันอื่น) แล้วพอเที่ยงคืนกว่าๆ มีการอัพเดตเปลี่ยนนิยาย top มันจะมีนิยายที่วิวรวมยอด 4000 กว่าๆ ขึ้นมาไงเลยทำกูงง คือจะว่ารวมวันนึง 4000 กว่าเลยไม่น่าใช่ เพราะมันก็อัพมาหลายวันแล้ว จริงๆ มันก็มีหลายเรื่องอ่ะแหละที่เป็นแนวๆนี้. มันเลยทำให้เกิดความสงสัยเฉยๆ ว่ามันสุ่มดีดขึ้นมาหน้า top หรือมันนับยอดอื่นๆ ของวันนั้นอย่างคอมเม้นต์ หัวใจไรงี้ด้วยหรือเปล่า // เป็นความสงสัยที่มีมานานเลยลองมาถามดู. ขอบคุณเพื่อนโม่งที่อุตส่าห์สละเวลามาตอบ
>>398 บางทียอดอ่านข้างนอกมันไม่อัพเดท ยอดที่ตรงสุดคือหน้าdashของนักเขียน มันเป็นบ่อย อย่างสิ้นเดือนมันจะล้างยอดอ่านใช่มั้ยแล้วเริ่มเดือนใหม่ของกูหลักพัน แต่หลายคนก็ยังหลักแสนกันอยู่เลย แต่ช่วงนี้ก็รวนจริง หน้าท็อป20สลับขึ้นลงแบบเห็นกันจนเบื่อ ถ้ามีแปลกๆ ดีดเข้ามาเลย มันก็เห็นได้ชัด ที่มึงตั้งข้อสังเกตก็เป็นไปได้ เพราะมันก็มีคนตั้งกระทู้ถามอยู่ ไม่ได้อัพตั้งแต่ปี53มั้ง กระโดดมาหน้าแรกก็มี แต่บางคนอัพรัวๆหลายตอน ก็ขึ้นได้นะ ในวันเดียวเคยเห็นอยู่ แล้ววันสองวันก็ปิดเนื้อหา เปิดพรีเลย
กุไม่ค่อยเข้าใจ คนที่ตั้งกระทู้ พื้นที่โฆษนานิยายเเละอวดลูกรัก นี่ต้องการอะไร
ชีวิตกุไม่มีโมเม้นแบบนี้ กุไม่เข้าใจจริง ๆ
มันก็หาเรื่องคุยไปเรื่อยเหมือนในทู้นี้นั่นแหละ
ก็คนขี้เหงา เข้าใจบ้างสิ~🎵
ลองปรับระบบใหม่นับยอดวิวต่อชั่วโมงสิ คนเขียนเมาคลื่นไส้
https://www.dek-d.com/board/view/3956379/ ภาคต่อน้องเบียว แวะมาบ่นปวดก้นกบน้อยๆ //จะมีใครโง่ขนาดยอมด่าตัวเองว่าส้นทีนได้วะ...สงสารน้อนนน
โทษที งั้นเปลี่ยนเรื่อง พวกมึงเคยสับของพวกที่เขียนขายได่เรื่อยๆ แบบพวกตีพิมพ์เป็นเล่มกับสนพ.บ้างปาว กูไม่ได้อยู่ประจำห้องนี้ ตามอ่านทันแค่บท22,23
โชคดีชิบหายที่กุเขียนนิยายอ่านรู้เรื่องตั้งแต่อายุ 14-15 ทุกวันนี้ไปย้อนอ่านถึงจะไม่ได้ภาษาดีเท่าตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดไอ้พวกนี้ การอ่านเยอะแม่งทำให้ได้เปรียบจริงๆ
นักเขียนสองกลุ่มนี้ ระหว่าง
1.ชอบแฮรี่พ่องตายเพราะอ่านนิยายมา แต่ไม่ได้ดูหนัง
2.ชอบแฮรี่พ่องตายเพราะดูหนังมา แต่ไม่เคยอ่านนิยาย
ใครเขียนเก่งกว่ากัน
นี่มันรถของนักฆ่านี่หว่า https://www.youtube.com/watch?v=ATmDe0meNVo
เฮ่ยเดี๋ยวนะ สรุปนี่มันกระทู้สับ/หรือนินทาเด็ดดวกกันแน่แล้ววะ555
ช่วงนี้ลองหัดเขียนนิยายสักหน่อย
เลยอยากหาคนมาช่วยสับหน่อย ว่าจุดไหนเขียนดีไม่ดีบ้าง ใครก็ได้ช่วยสับหน่อย
โอเค เดี๋ยวไปฝึกต่อ รอได้ๆ
https://www.dek-d.com/board/view/3956453/
ใครทำน้องโซดา'รมณ์เสีย สารภาพมา
Eread คืออะไร ใครเคยใช้งานมาแล้วอธิบายหน่อย
>>427
ตอนเดียวแล้วกันนะ
01 - เปิดเรื่องด้วยคำโปรย
>> ผมรู้ได้จากการสงสัยในคำถามว่าทำไม และทุกๆครั้งที่ผมพยายามค้นหาความจริง บทสรุปที่ได้ก็มักจะคลุมเครือเสมอ - อ่านแล้วงง ต้องคิดว่าจะสื่อสารอะไร ตัดทิ้งไปเลยก็ยังได้
02- พระเอกยืนอยู่ริมทะเล เขาเรียกเหยี่ยวลงมาเอาจดหมายที่ขาของมันแกะอ่านก่อนปล่อยมันไป เนื้อความในจดหมายน่าจะหมายถึงภาระกิจบางอย่าง
>>ชายหนุ่มที่ยืนถือกล้องส่องทางไกลก็สังเกตเห็นเหยี่ยวตัวหนึ่งบินอยู่บนท้องฟ้า - จะถือเฉย ๆ ไม่ได้ใช้งานอะไรไม่ต้องเขียนก็ได้ ไม่มีผลต่อการเล่าเรื่อง ถ้าใช้ส่องมองอะไรค่อยบอก
>>เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าชายฝั่งดังสนั่น - เสียงคลื่นซัดโขดหินดังสนั่น
>>กลิ่นของเกลือลอยตามสายลมจนรู้สึกได้ถึงความเค็ม - รู้แล้วว่าอยู่ที่ทะเลไม่ต้องย้ำบ่อยขนาดนั้นก็ได้น่อ
03- พระเอกกลับบ้านพัก เตรียมกระเป๋าสำหรับการเดินทาง และแต่งตัว
>> กระท่อมใส่บรรยายเพิ่มได้เพื่อบอกว่าเป็นที่พักของนายพราน
>> ค้นอุปกรณ์หลายอย่างนำมาวางเรียงไว้กับโต๊ะ เพื่อที่จะได้ตรวจสอบความพร้อมของเครื่องมือ - ท่อนตรงนี้อธิบายอุปกรณ์ที่หยิบขึ้นมาแล้วเล่าไปเลยว่าเขาทำอะไรกับอุปกรณ์บ้าง เพื่อสื่อสารกับคนอ่านว่าเขาทำงานเกี่ยวกับอะไร อาวุธเป็นอาวุธประเภทไหน มีความชำนานอย่างไหร พูดแค่ว่าค้นอุปกรณ์หลายอย่างมาวางบนโต๊ะ มันไม่สื่อสาร
>> แต่งตัวเสร็จก็บอกด้วยว่าชุดอะไร ชุดที่ใส่ทำหน้าที่อะไร เป็นการสร้างภาพจำง่าย ๆ ให้คนอ่านว่าสภาพของพระเอกตอนนี้เป็นอย่างไร เพราะที่อธิบายมาคนอ่านจำไมไ่ด้หรอก เชื่อเถอะว่าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใส่รองเท้าแบบไหน
04 - มีคนเข้ามาถามพระเอกว่าไปไหน พระเอกอธิบาย ว่าถูกทาง “เวลลิงค์แชปเพิร์ต” เรียกไปใช้งาน ฝากงานล่าสัตว์ให้รูมเมทจัดการคนเดียว รูมเมทไม่ขัดข้องอะไร
>> เวลลิงค์แชปเพิร์ต - คนอ่านไม่รู้ว่าคืออะไร สื่อสารกับคนอ่านไปเลยว่าคืออะไร องค์กร วิทยาลัย นายท่าน กองทัพ ฯลฯ จะเป็นข้ออ้างก็ได้ แต่มันต้องสื่อสารกับคนอ่าน บอกข้อมูลให้คนอ่านรู้
05 - ซีนทำความสะอาดปืน
06 - รูมเมทพูดคุย
07 - ซีนทดสอบศูนย์ปืน ดูความพร้อมใช้งาน แล้วออกเดินทางไปท่าเรือ
>> 03-07 จัดซีนให้เป็นชุดเดียวกัน จัดของ ตรวสอบปืน ทดสอบปืน เป็นซีนเดียว คุยกับรูมเมทเป็นซีนเดียวกัน คนอ่านจะโฟกัสง่ายกว่าว่ากำลังเล่าอะไร เวลาขึ้นฉากใหม่ ก็เขียนให้จบซีนแยกกันไปเลยถ้าไม่ใช่การเล่าแบบ อธิบาย
08 - พระเอกไปท่าเรือ ผู้คนพลุกพล่านแต่กลับไม่มีเรือเทียวที่เขาจะโดยสาร เพราะถูกยกเลิกไปนานแล้วเพราะคลื่นลมแปรปรวน พระเอกจึงตัดสินใจไปเรื่อที่ใกล้ที่หมายที่สุดแทน และจะพายเรือต่อไปเองกลางทาง
>> เครื่องแบบที่การ์แมนสวมใส่ก็บ่งบอกสถานะเป็นอย่างดี - อ่านตรงแต่งตัวก็ยังงงว่าเป็นสถานะแบบไหนนะ
>> โดยรวมซีนท่าเรือนี่อ่านรู้เรื่องดี
09 - พระเอกอ่านหนังสือที่ทิ้งในห้องพักผู้โดยสารฆ่าเวลา
>> ชายหนุ่มสูดอากาศเข้าไปในปอดลึกๆ สัมผัสกลิ่นอายของท้องทะเลที่ไม่เจอมาเนิ่นนาน ทั้งเสียงคลื่นน้ำกับเสียงนกนางนวล สองอย่างช่วยขับกล่อมให้รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างลงตัว - เปิดตัวมาอยู่ที่ชายฝั่งไม่ใช่หรือ
>> ถึงแม้นี่จะไม่ใช่หนังสือแนวที่การ์แมนชอบมากสักเท่าไหร่ แต่ก็พอช่วยฆ่าเวลาได้กำลังดี - ไม่สื่อว่าพระเอกไม่ชอบหนังสือแนวนี้เพราะอะไร เป็นการพูดลอย ๆ ไม่สื่อสารอะไร ไม่ต้องใส่มาก็ได้
10 - เดินทางไปได้ระยะหนึ่งก็มีกลุ่มเมฆดำมาบดบังแสงแดดคล้ายเข้าใกล้พายุฝน เขาจะปิดหน้าต่าง แต่อยู่ ๆ ก็มีลมเข้ามากระชากหนังสือออกไป พระเอกคว้าหนังสือไว้ไม่ทันและได้เห็นว่าภายนอกว่าเรือกำลังถูกหนวดของคราเคนโจมตี เรือโยกโคลงไปมา พระเอกแทบจะตั้งหลักไม่อยู่ ก่อนเรือจะถูกจับพลิกเป็นแนวตั้ง พระเอกกดกลไกบนหัวแข็มขัด หยิบกริชสองเล่มออกมา เคลื่อนไหวไปตามผนัง ออกไปนอกเรือจับห่วงยางเพื่อเอาตัวรอด แต่หนวดของคราเคนก็ดึงพระเอกลงไปในห้วงทะเลลึก
>> อ่านรู้เรื่องดี งง ๆ บ้างแต่พอเข้าใจ
>> น่าจะมีซีนสู้กับหนวดของคราเคนตอนที่ดึงลงทะเล คาบเกี่ยวความเป็นความตาย แล้วปิดซีน ค่อยขึ้นฉากใหม่
11 - พระเอกตื่นมาบนชายหาด ไม่เหลืออะไรเป็นอาวุธนอกจากกริชในหัวเข็มขัด
12 - เขาได้พบกับชายวัยกลางคน ๆ หนึ่งที่เดินเข้ามาหา ถามเขาว่ามาจากข้างนอกหรือเปล่าแล้วจะไปไหน พระเอกบอกว่าเขาจะไปเอแลน ท่าทีของชายวัยกลางคนก็เปลี่ยนไป เขาหยิบก้อนหินขึ้นมา และบอกว่าที่นี่คือเอแลน ก่อนจะขว้างออกไปทำให้เห็นว่ามีม่านพลังบางอย่างปกคลุมเกาะไว้ และให้พระเอกตามมากับเขา
>> ซีนตรงนี้ทำออกมาดี อ่านแล้วให้ความรู้สึกน่าสนใจ
(ยังมีต่อ)
>>438 (ต่อ)
13 - ชายวัยกลางคนบอกว่าตัวเองชื่อ สเตลธ์ ทั้งสองเดินคุยไปขณะลุยดง สเตลธ์ว่าเขามาทำภาระกิจก่อนมาติดอยู่ที่นี่ เมื่อก่อนเป็นมือสังหารตอนนี้เป็นผู้ประสบภัย พระเอกถามเรื่องม่านพลังและคราเคน สเตลธ์ เดาว่ามันมาจากภพอื่น พระเอกคิดว่าเขาควรไปเวลลิงค์แชปเพิร์ต ถึงจะได้ความกระจ่าง
>> ช่วงนี้คุยกันไม่น่าสนใจ ถ้าเป็นกุก็คงใส่ความขัดแย้งลงไป เขียนให้สเตลธ์ไม่น่าไว้ใจกว่านี้
สรุปว่า เรื่่องของคุณอ่านค่อนข้างยาก อ่านแล้วไม่ลืนไหล สะดุดติดขัดวิธีการสื่อสารกับคนอ่าน วิธีการเล่าเรื่อง ใส่เรื่องที่ไม่จำเป็นต่อเส้นเรื่องมาเยอะ แล้วก็มุมมองในการเล่าเรื่อง กุไม่ถนัดอ่านPOV3 ในลักษณะแบบนี้เท่าไร เอาว่าเมิงไม่ผิด กุผิดเอง
ขอบคุณมากครับ มีจุดหลายจุดเลยที่ต้องปรับปรุงแก้ไข สับละเอียดดีผมชอบครับ
เมื่อกี้ลองแวบไปดูในหมวดเกมออนไลน์ หลังจากที่ไม่ได้เข้าไปดูนาน พบว่านิยายหลายๆ เรื่องนี่แม่งมี 60 กว่าตอน ยอดวิวแค่ 2-3 พัน แม่งทนเขียนไปได้ยังไงวะ
กูแหย่เด็กนิดเดียว ลบมู้หนีเลยว่ะ เซ็ง
https://www.dek-d.com/board/view/3956624/
แล้วก็เอาลิงก์มู้ที่โดนลบแล้วมาลงเนี่ยนะ กูจะรู้เรื่องกับมึงมั้ย
>>447 เผื่อมีคนทันไง นิยายแม่งก็ลบไปละ แต่ลงใหม่แล้วพฤติกรรมเดิม คือเอาอวตารมาอวยตัวเอง เรื่องเก่าซัดไปพอๆ 30 เม้นต์ ในมู้มาตั้งว่านิยายคนอ่านน้อย กูเลยไปแซวนิดนึง มันเขียนกากสัสหมากว่าน้องเบียวอีก ดูรู้ว่าเด็ก จะบอกว่าแกล้งเด็กก็ได้ แต่ก็น้าาาาา
อ่ะ อันนี้นิยายใหม่
https://my.dek-d.com/mixmmxmikx/writer/view.php?id=2036320
พอได้สับพอร์นฮับกับน้อนเบียวแล้วทำให้รู้เรยค่ะว่าอีปทุมธาเนี่ยนที่ดิฉันเคยสับมาก่อนนั้นไม่ได้เขียนเหี้ยขนาดนั้น นี่สินะคะที่เขาเรียกว่าเหนือเหี้ยยังมีโคตรพ่อโคตรแม่เหี้ย
ใครคุยเล่นอะไรกันอี้ก มาไม่ทันแม่งลบคอมเม้นท์ไปแล้ว
ky กูเบื่อโฆษณามู้เด็กดวกแล้ววะ จะอ่านมู้เสือกมีรูปกระสวยอวกาศสีส้ม ใจคออยากให้กูกลับบ้านเปิดคอมใช่มั้ย
เรื่องเขียนกากกุไม่ค่อยแปลกใจนะ เพราะกากกว่านี้กูเคยเจออยู่คนนึง สำนวนบัดซบสุดๆ กุขอบ่นแปป//
แค่เรียงคำต่อคำก็ไม่เป็นประโยค เหมือนเด็กยังใส่กางเกงไม่เป็นเลย กูดูแล้วคิดว่าแม่งเด็กประถมชัดๆ กูนี่อยากจะบอกว่า น้อง!กลับไปอ่านหนังสือให้เยอะๆก่อนเหอะวะถึงค่อยกลับมาเขียน
แต่กูผิดคาด มีช่วงที่มันชอบโผล่มาตั้งกระทู้อยู่พักนึง แล้วมีทู้ไหนนี่แหละที่กูอ่านแล้วกูเดาได้ว่ามันน่าจะอยู่ ม. 3 แม่ง! กูม.3 สำนวนยังไม่เชี่ยขนาดนั้นเลย สังเกตมั้ย เด็กสมัยนี้ความสามารถในการเขียนการสื่อสารตกตำ่ลงเหรี้ยๆ
กูอ่านกระทู้มันพูดเรื่องความฝันมัน บ่นท้อ คนอ่านไม่มี กูสมเพชว่ะ อยากจะตอกหน้าเตือนสติแต่ก็เกรงใจเดี๋ยวมันรับไม่ได้ (กูรู้มันไม่ได้มาขอคำแนะนำ มันมาขอคนปลอบ) ดีที่มีคนหมั่นไส้เหมือนกูเม้นเตือนมันไปบ้าง
แหม่ ถ้าให้กูพูดเองนะ กูอยากบอกมันว่าไอ้เด็กโปก มึงกลับไปอ่านหนังสือซัก100เล่มก่อนเหอะไอ้เวร สภาพอย่างมึงต่อให้เขียนจนตัวแตกตายก็ไม่ดีขึ้น แค่นิยายยังเขียนได้ไม่เป็นคำก็มาบ่นงั้นมึงก็ไม่ต้องนึกถึงความฝันมึงแล้ว
เบียวถ้าเบียวยังอ่านน้อย แยกแยะไม่ได้ว่านิยายเขียนดีเขียนห่วยเป็นยังไง อย่าเด๋อไปบอกคนอื่นเลยว่านิยายคนอื่นโอเคแล้ว หัดอ่านงานเขียนที่มันเขียนดีๆบ้างเถอะ
มู้เด็กดอกนี่เด็กเยอะนะ(รวมถึงผู้ใหญ่บางคน) บางทีก็ตั้งมู้ปัญญาอ่อน อ่านหัวมู้แล้วก็คิดทันทีว่ามันอะไรเนี่ย ช่วงนี้เลยเลิกสนใจไปละ มู้โฆษณานิยายก็เหมือนกัน แต่งได้ตอนสองตอนแล้วมาบอกไม่มีคน คือเป็นกูก็ไม่อ่านอ่ะ เพราะเคยเข้าไปอ่านแล้วแม่งลบทิ้งเสียเวลาชีวิต
ไอ้โม่งที่สับเรื่องครอบครัวแสนสุขไม่มาต่อสักที กูเลยไม่รอแล้ว จะสับเรื่องต่อไปละ
บอกเพิ่มอีกอย่าง แบบฟอร์มการสับที่กูใช้คือลอกเทมเพลตจากโม่งหลายๆ คนมารวมกันแล้วทำขึ้นใหม่นะ (เครดิด : โม่โม่(ง) โม่งฮิ โม่งซิส โม่งเรื่องสั้น ไอ้สัสเซฮุน โม่งเงี่ยน โม่งคานทอง โม่งอารี ครบยังวะ?)
เรื่อง : อยากจะรัก
นามปากกา : จำปาขอม
ลิงก์ : https://my.dek-d.com/leelawdee/writer/view.php?id=956213
หมวด : ฟรีสไตล์ > รักดราม่า
จำนวนตอน : 1 ตอน (แม่งเอ๊ย)
สถานะตัวเรื่อง : ยังไม่จบ (อัพเดตล่าสุด 14/2/62)
ภาพประกอบดอกกุหลาบหวานแหววเข้ากับวันอัพเดตล่าสุดพอดิบพอดี จนสัยว่าเจ๊ดอกแกจงใจจะไม่อัพเพื่อคงวันที่ไว้หรือเปล่า (หรือไม่แน่อาจมีอัพเดตตอนที่ 2 ช่วงวาเลนไทน์ปีหน้า) คำโปรยกับข้อมูลเบื้องต้นบนหน้าปกนิยายเป็นอันเดียวกัน แล้วก็เช่นเคย ใช้คำได้กลิ่นความพุทธโธเรี่ยนเหมือนเดิม
ตอนที่ 1 เมื่อรู้ตัวก็สายไป (ที่หลงมาอ่านเรื่องของมึง) < ในวงเล็บกูเติมเอง
เปิดเรื่องมาด้วยการตื่นนอนของนางเอกชื่อเกศริน การบรรยายนี่ก็แบบ... ถ้าเรื่องก่อนที่กูสับไปดูปวดหัวแล้ว เรื่องนี้คือพัฒนาลงฮวบๆ ความซ้ำซ้อน ฟุ่มเฟือย เว้นวรรคตอนผิด ประดิษฐ์คำนอกระบบ พิมพ์เกิน พิมพ์ขาด พิมพ์ผิด เวิ่นเว้อ เพ้อเจ้อ เยอะมากกก พ่วงมากับตรรกะประหลาดที่กูไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิตนักเขียน พอตื่นนอนก็อธิบายความสวยของนางเอกไว้อย่างซ้ำซากสุดพลัง คราวก่อนกูต้องยัดยาดมไว้ในรูจมูกทั้งสองเพื่อให้รอดอยู่จนอ่านจบ คราวนี้ถ้าทำได้คงอยากยัดเข้าไปในรูหูด้วยอีกคู่หนึ่ง สมองกูแบบว่าไม่ไหวแล้ว ดูผ่านๆ อุตส่าห์ดีใจว่าตอนยาวขึ้นมาจากหมอยหมาเป็นหมอยหมู รู้ตัวอีกทีอิห่าเอ๊ย กูต้องทรมานนานขึ้นกว่าเดิมซะงั้น (พักนวดขมับแป๊บ)
ตอนตื่นนอนปุ๊บพวกมึงทำอะไรก่อน ติ๊กต่อกๆๆ ... เดินไปชื่นชมกล้วยไม้สิจ๊ะ (โพ่งงง ตื่นสายตั้ง 10 โมงยังไม่รีบไปล้างหน้าแปรงฟันอีก) ผ่านไปแค่ 5 ย่อหน้ากูก็เหมือนลมจะใส่แล้ว ตอนมาพิมพ์สรุปผลการสับนี่ยังทึ่งอยู่เลยว่ากูรอดชีวิตมาได้ยังไง จบจากชมดอกกล้วยไม้ ก็ไล่จุดเทียนต่อ (WTF?) อธิบายว่ามีเชิงเทียนบนโต๊ะทุกตัวในบ้าน มึงไม่กลัวไฟไหม้บ้านหรือไงอีเกศริน ย่อหน้าถัดๆ มา มีอธิบายความกุลสตรีศรีรัตนโกสินทร์ รักความสะอาด ความเป็นระเบียบร้อยของนาง จังหวะนี้กูลุ้นมากๆ ให้มันไปแปรงฟันเสียทีแต่นางก็ยังไม่ไปเว้ย นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ไม่ดีของการแต่งนิยายซึ่งถูกเรียกไว้อย่างย่อว่าสภาวะ "หลุดคาร์" คืออธิบายมาว่าเป็นคนเรียบร้อย สะอาด แต่ฟันไม่แปรงคือไร? เหมือนพวกนิยายวอนนาบีดาร์ด พระเอกเป็นพวกไร้ใจ เย็นชา ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นมือไม่สั่นสักนิด ทว่าพอผ่านไป 3 ตอน ดันกลายเป็นตัวตบมุก หัวเราะก๊ากเหมือนพวกเมากาว ไม่กล้าตอบโต้พวกตัวร้ายที่มาหาเรื่อง แถมติดหีอยากเย็ดตัวละครหญิงรัวๆ อีก ไอ้คนลุคเข้มหล่อลึกเอจจี้เมื่อ 3 ตอนที่แล้วมันหายไปไหนวะสัส
อีเวนท์ต่อมากูคือขอร้องล่ะไปล้างหน้าแปรงฟันทีเหอะ อีนางเอกก็ยังไม่ไป แต่ตรงไปแดกกาแฟต่อ ตื่นสายขนาดนี้ร่างกายมึงยังต้องการกาแฟอีกเรอะ ไหนบอกว่าตื่นแล้วสดชื่นเองได้แล้วจะแดกกาแฟทำไม เคยได้ยินแต่กาแฟขี้ชะมด แต่นิยายเจ๊ดอกนำเสนอกาแฟขี้ฟัน หอมเข้มเต็มช่องปากไหมล่ะมึง ถึงจุดๆ นี้กูเลิกหวังเรื่องแปรงฟันไปแล้ว ก็เป็นไปตามคาด น้องเกศเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน แล้วยังไม่วายจะพรรณาความเลิศเลอของนางเอกต่อ (สวยแต่ซกมกนะเราอะ) เล่าต่อจากเหตุการณ์นี้คือหนูเกศอ่านหนังสือพิมพ์ เจอรูปผู้ชายที่เคยรู้จักหลังจากนั้นก็เวิ่นเว้อพร่ำเพ้อถึงไอ้รูปหล่อคนนี้ ว่าเพิ่งจะมารู้ตัวว่ารักเขาตอนที่สายไป (ตามชื่อตอนที่เขียนไว้) ร้องไห้ฟูมฟายจนขี้ตาที่ติดอยู่หลุดออก เออดี อย่างน้อยก็ยังล้างหน้าทางอ้อม ส่วนแปรงฟันนี่ช่างมันเหอะอีกนิดก็เที่ยงแล้ว จบตอนที่ 1
>>463 ต่อ
การบรรยาย : ห่วย เหี้ยๆ อะไรที่เคยโดนสอนว่าอย่าทำในการแต่งนิยาย มาครบทุกอย่างเท่าที่นึกออก หลายประโยคไม่จำเป็นต้องมีในเรื่อง เขียนอธิบายยาวยืดในสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อคนอ่าน เช่น เธอบ่นถึงไพรวรรณแม่บ้านซึ่งมีหน้าที่มาทำความความสะอาดและดูแลความเรียบร้อยวันหนึ่งไม่เกินสี่ชั่วโมง เนี่ย... ไอ้ที่ยาวๆ นี่ ตัดส่วนที่อยู่หลังคำว่าแม่บ้านออกไปเลยก็ได้ ข้อมูลไม่เป็นประโยชน์เหี้ยไรกับเนื้อเรื่อง งานของแม่บ้านคือทำความสะอาดอยู่แล้วใครๆ ก็รู้ถ้าไม่โง่จริงๆ แล้วชั่วโมงทำงานคือยังไง? พี่ไพรเป็นตัวละครลับที่ส่งผลอย่างหนักหน่วงต่อเนื้อเรื่องในภายภาคหน้าเหรอ ย้ำขยายจังเลย เนี่ยๆๆ ดูไว้พวกเด็กใหม่หัดเขียน หนึ่งในคำแนะนำคลาสสิคของรุ่นพี่คือ ถ้าเขียนแล้วประโยคออกมาเป็นเนื้อติดมัน งานของเราไม่ใช่แค่เอามันออก แต่ต้องเลาะแม่งให้หมดจนเหลือแต่กระดูก ถ้าขูดผิวกระดูกออกได้ก็ขูดด้วยเลย ทำยังไงก็ได้ให้มันสั้นที่สุดแต่ยังคงความหมายเดิมไว้ ถ้าตัดอะไรออกแล้วคนอ่านยังเข้าใจ ตัดทิ้งแม่งไปเลย การหลากคำก็ทำได้แย่ 1 ย่อหน้ามีคำว่า ที่, ซึ่ง ซ้ำอยู่อย่างน้อย 4 ครั้ง คำซ้ำแบบอื่นๆ ก็มีหลายจุดจนอยากกางหนังสือคลังคำให้อ่าน อ่านจบ 1 หน้าก็เอาสันเคาะกบาลไป 1 ที จนกว่าจะจบเล่ม เผื่ออาการจะดีขึ้นบ้าง ในฐานะคนอ่านแล้วบอกเลยว่าผิดหวัง นิยายกากสัสหมาสุดตีน อ่านสะดุดจนเหมือนโดนบังคับให้ใส่รองเท้าผ้าใบที่ผูกเชือกรองเท้าแต่ละข้างไว้ด้วยกัน คือเดินต่อเนื่องไม่ได้ เร่งความเร่งนิดเดียวอาจหกล้มหัวฟาดพื้นตายห่า
ตัวละคร : ย้ำๆๆ จนจำนางเอกได้แบบรำคาญ สวยเลิศเลอปานเจ้าหญิงดิสนี่ อ่านแค่ตอนเดียวก็ได้ฉายาทันทีคือ น้องเกศ 4 ส. (สวยงาม สดใส สุนทรีย์ สว่างไสว) นิสัยชัดเจนว่าเป็นคุณหนู กุลสตรี (ที่ไม่แปรงฟัน) ส่วนพี่ไพรก็จำได้เพราะการอธิบายจนสงสัยว่าเป็นตัวละครลับปลอมตัวมาหรือเปล่า
เนื้อเรื่อง : ยังเดาอนาคตไม่ออก เพราะมีแค่ตอนเดียว คาดว่าน่าจะเป็นนิยายรักดาษๆ ทั่วไป โทนเรื่องหม่นหมองหน่อย เพราะลงไว้ในหมวดรักดราม่า ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีการฟาดฟันระหว่างนางเอกกับนางร้ายตามที่นิยมกันหรือไม่ แล้วน้องเกศร้องไห้เพราะเสียใจที่รู้ตัวช้าว่ารักพระเอก หรือเสียดายความรวยเว่อร์วังที่เขียนอธิบายบนหนังสือพิมพ์กันแน่ กูก็ไม่รู้เพราะไม่มีตอนต่อให้อ่าน (ถึงมีกูก็ไม่อ่าน ตอนเดียวก็เกินพอ สัส)
สิ่งที่ชอบ : ทำให้ซาบซึ้งว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ในโคลนตมยังมีบัวใต้ตมตัดสายครอบไว้ด้วยกะลาโบกปูนหุ้มไว้อีกชั้น เกิดความฟินว่านิยายของกู (รวมไปถึงของคนอื่นๆ ในกระทู้นี้) มีคุณภาพดีอย่างน่าพอใจ เมื่อเทียบกับผลงานของเจ๊ดอกขาว บรรลุสัจธรรมและให้อภัยต่อนิยายที่พอมีจุดด้อยให้เห็นก่อนหน้านี้ทั้งหมด กลายเป็นคนคิดบวกและมองนักเขียนหน้าใหม่อย่างเอาใจช่วย (ว่าอย่าเข้าสู่ด้านมืดแห่งพลังเหมือนเจ๊ดอก) พังpornและเล่าโปก ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากคำครหา
สิ่งที่เกลียด : คำผิดเยอะ คำซ้ำเพียบ ทั้งคำนามและคำเชื่อม ตรรกะวิบัติหลายข้อ ส่วนขยายไม่จำเป็นที่พบเห็นได้ทั่วไป เดินเรื่องช้าของโคตรช้า 1 ตอนยังไม่มีอะไรคืบหน้านอกจาก นางเอกตื่นมาทำอะไรก๊อกแก๊กแล้วก็ดราม่าปิดท้าย ทำให้กูเสียเวลาอันมีค่าไปอย่างเปล่าประโยชน์
คะแนน : 85 คาเงโร่ (หน่วยวัดในตำนานยิ่งเยอะ = ยิ่งห่วย, ถ้าอยากรู้คะแนนปกติ ให้เอา คาเงโร่พ๊อยต์หาร 10 แล่วเอาไปลบ 10 ส่วนต่างคือคะแนนที่ได้จริงในหน่วย X/10 คะแนน)
>>464 ต่อ
ความเห็นส่วนตัว : ไม่เคยเจอการใช้คำว่าเรือนร่างกับการบรรยายรูปร่างของผู้ชาย อนึ่ง เรื่องนี้ทำให้ถนน(แยม)ขาวของดอกปอบ มีโอกาสชนะเลิศรางวัลซีไรต์เพิ่มขึ้น ภาคผนวกการบ่นเชิญอ่านด้านล่าง [ ยาวสัสๆ ทำใจก่อนอ่าน ]
กูจะลิสต์อันที่อยากบ่นยังไงดีวะ เยอะเหี้ยๆ เอาคำผิดก่อนละกัน
ระโหง - ระหง (คำว่าโหงเขาใช้ในทางอัปมงคลนะอีผี), ฤดูสปริง - ฤดูใบ้ไม้ผลิ (ทับศัพท์มาจนกูสตั้นไป 5 วิ ตอนอ่าน), มาเลย์เซีย - มาเลเซีย, เซรามิค - เซรามิก, รูปลักษ์ - รูปลักษณ์, ขนตางอนเป็นแพร - เป็นแพ (มองบน), เบญจเพศ - เบญจเพส (มีจิ๋ม 5 อันหรือไงห๊ะ), เอ่อระเหย - เอ้อระเหย (อย่าสูดสารระเหยระหว่างแต่งสิ), อันตธาน - อันตรธาน, เสื้อเชิ๊ต - เสื้อเชิ้ต, เท่ห์ - เท่, ใข่มุก - ไข่มุก (แล้วฟันที่ใสดังไข่มุกคือยังไง ใครก็ได้บอกกูที), แก้ววาย+เชมเปญ - แก้วไวน์+แชมเปญ (เรื่องทับศัพท์ผิดๆ นี่เก่งนัก), แขกรื่อ - แขกเหรื่อ, ฟ่าฟาง - ฝ้าฟาง, หยดติง - หยดติ๋ง, อิสระภาพ - อิสรภาพ
ตรรกะแปลกๆ
1) เธอคุกเข่าลงที่ขอบหน้าต่างใช้มือลูบไล้ดอกกล้วยไม้ ... ลองนึกถึงภาพสาวสวยเอาเข่าขึ้นไปวางบนขอบหน้าต่างแคบๆ ในท่าคุกเข่า ถ้ากล้ามเนื้อช่วงเอวไม่แข็งแรงจริง ทำไม่ได้แน่นอน ท่ายากขนาดนี้ยังจะเอามือไปลูบกล้วยไม้ได้ด้วย กล้ามเนื้อแข็งแกร่งระดับ มิคาสะ อัคเคอร์มัน ไม่ก็ผู้ใช้แสตนด์แล้วมั้งสัส เอาจริงๆ มันควรเป็นเธอยืนใกล้ขอบหน้าต่างก็พอ เพราะถึงแม้จะแก้เป็นคุกเข่าใกล้ขอบหน้าต่าง น้องเกศก็ยังชมดอกกล้วยไม้ได้อย่างทุลักทุเลอยู่ดี ยกเว้นว่าน้องจะสูงเป็นเปรตจนคุกเข่าแล้วหัวเลยขอบหน้าต่างขึ้นมาพอสมควร
2) จุดเทียนสีหลังตื่นนอนตอน 10 โมง บนโต๊ะทุกตัวในบ้าน ... อธิบายไม่ถูกเลย จะว่าเป็นเทียนหอมก็ยังไงๆ อยู่ แล้วทำไมต้องจุดทั่วบ้าน กลางวันแดดจ้าขนาดนั้นจะเห็นอะไรวะ ถ้าเป็นลูกสาวกู กูจะเอาเทียนหอมตบหน้าจนเทียนหักหมดกล่องเลย ไฟจะไหม้บ้านเอาอีดอก(ขาว)
3) เธอกางหนังสือพิมพ์ออกเต็มหน้ากระดาษ ซึ่งเป็นหน้าแรกของข่าววันนี้ ... ข่าวหน้า 1 แต่ต้องกางหนังสือออกก่อนแล้วค่อยอ่าน (กู : ??!??!!!)
4) พาดหัวข่าวและคำพูดของเกศรินหลังจากนั้น ... พาดหัวข่าวยาวสัส นึกไม่ออกว่าเน้นคำไหนยังไงเพราะรูปก็แดกไปแล้วครึ่งหน้า ส่วนบทสนทาก็แข็งโป๊กเป็นนมยัดซิลิโคนเกรด D คำพูดของเกศช่วงดราม่าดูเพ้อๆ เวิ่นๆ เป็นทางการเกินจะเชื่อว่านี่คือคำเพ้อของมนุษย์ธรรมดา มันไม่เป็นธรรมชาติโว้ย
5) เธอกำมือแน่นและชกเข้ากับฝาบ้านอย่างเต็มแรง ... จากกุลสตรี เรียบร้อย มีเสน่ห์ สวยงาม สดใส สดชื่น สว่างไสว สุนทรีย์ อยู่ดีๆ ก็หลุดคาร์ต่อยกำแพงระบายอารมณ์แบบโคตรแมน ถ้าไม่ได้อ่านเนื้อหาก่อนหน้านี้อาจนึกว่าเป็นนางเอกเรื่องหมัดเทพเจ้าดาวเหนือ
ปล. การสับนี้มีอคติ, ความเอนเอียง อ่านแล้วอย่าคิดจริงจัง
ปล. II เป็นการสับเน้นฮา แต่ถ้าอ่านแล้วได้ประโยชน์ก็ยินดีด้วย
ปล. III คิดถึงโม่งสับทุกคน อยากให้กลับมาร่วมงานกันอีก
กูว่าพวกมึงอย่าไปขุดเรื่องไอเด็กเล่าเบียวมาอีกเลยไร้สาระสัส ปล่อยเบลอไปซะ มันแค่อยากมีตัวตน ขนาดในโลกโม่งที่มันรับไม่ได้ยังเสือกโผล่หน้าสลอนมาต่อความยาวสาวความยืด (ทั้งๆที่ไม่มีเรื่องเกี่ยวเหี้ยไรกะมุงเลย) มันแค่อยากจะหาเรื่องมาต่อ สงสัยจะว่าง เวลาเหลือจากแต่งนิยายเหลือเฟือเหรอฮับน้องงง
เดือนนี้ขึ้นมารอบที่สี่ 'จิ้งจอกทิวา' คือสรุปดัน? หรือโดนปั้น? คือไม่อะไรหรอก ไปอ่านนิยายมาก็โอเค แต่มึงขึ้นบ่อยไป๊! จนคิดว่านิยายมันดีจริงหรือที่กูอ่านแล้วเฉยๆ กูอคติ ใครช่วยบอกกูหน่อยเถอะ
เจอในกระทู้ที่แล้วเห็นคุยกันว่าเป็นนิยายของขาประจำยุคก่อนเจ๊มิรินด้า กูเองก็เล่นบอร์ดบ้างเหมือนประจำเดือนกะปริดกะปรอย ว่างจากแต่งนิยายหรือเบื่อๆ ก็เข้าไปดู แต่ไม่คุ้นชื่อเจ้าของเรื่องเลยวะ คือแบบเจออยู่นะแต่ไม่บ่อย อาจเป็นเพราะกูนานๆ เข้าทีก็เป็นได้
เรื่อง : Mirror Mirror ★ แผน (ร้าย) ขยี้หัวใจนายสโนว์ไวท์
ลิงก์ : https://writer.dek-d.com/sakuraza55/story/view.php?id=1064498
หมวด : ฟรีสไตล์ > รักหวานแหวว
จำนวนตอน : 25 ตอน
สถานะตัวเรื่อง : ยังไม่จบ [ อัพเดตล่าสุด 15/7/62 ]
อ่านคำโปรยก็รู้เลยว่าเป็นนิยายธีมดิสนี่ย์ (เรื่องสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้ง 7) แบบเกนเดอร์-เบลนเดอร์ มีผิดศีลธรรมแนว Incest เรียกแขกด้วย ตรงหน้าปกมีใส่คำเตือนเป็นการ Play safe ที่ใช้ได้ กับแจ้งว่ายังไม่ได้อัพต่อกำลังรีไรท์ตอนท้ายๆ อยู่ เปิด Available ไว้ 6 ตอน เดี๋ยวจะอ่าน 5 ตอนตาม step ละกัน แต่ก่อนอื่นในฐานะที่กูเป็นคนที่อ่านทางโทรศัพท์ขอหักคะแนนเรื่องธีมปก 0.5 คะแนน (มันเปลือง 3G ว๊อย) เรื่องภาพที่ยืมมาประกอบตรงหน้าปกกูไม่ขอพูดอะไรมาก (เพราะกูก็ทำเดี๋ยวแม่งเข้าตัว) อีกอย่างคือเอามาใช้แค่ประกอบ Quote ไม่ใช่แนะนำตัวละครแบบมักง่าย ก็หยวนๆ ไปละกัน ข้อสุดท้ายเกี่ยวกับปกนิยายคือ ธีมมึงทำให้กูกดเข้าไปอ่านนิยายลำบากมากเพราะแม่งกลืนไปกับพื้นหลัง สำหรับพวกอ่านบนคอมคือสวย เออ เข้าใจ แต่พวกใช้สมาร์ทโฟนอย่างกูไม่ค่อยปลื้มนะ โอเค๊ ?
ตอนที่ 1 : ✖CHAPTER00✖ Snow and The seven dwarfs.
กูขอออกตัวไว้เลยว่าพลาดเองที่ไม่ได้ลองอ่านก่อน เพราะจริงๆ แล้วกูไม่ค่อยชอบนิยายแนวแจ่มใสแบบนี้ คืออ่านได้อะแต่ไม่ถึงกับชอบ เอาวะ The show must go on ลุยโลด
เปิดตอนด้วยกฏของคนแคระ 7 ข้อ ตามด้วยฉากการนับคะแนนเลือกตั้งคณะกรรมการนักเรียนชุดใหม่ของจาร์ยใหญ่แบบ POV 3 ลุงแกก็บ่นๆ ว่าคะแนนของผู้ลงสมัครคนหนึ่งแม่งนำหน้ามาเลย แถมถ้าคนๆ นี้ได้ครองตำแหน่งกูคงตกที่นั่งลำบาก (ก็ตามนั้นเพราะสุดท้ายหัวหน้าทีมที่ว่าก็ได้ตำแหน่งจริงๆ) ใช้ฉากในห้องทำงานบรรยายความป่วนของนักเรียน 8 คนพร้อมแนะนำตัวละครหลักอย่างเนียนๆ (ความคลิเช่สไตล์แจ่มใสก็เหมือนเดิม แต่ละคนชื่อประหลาดๆ ทั้งนั้น) ซึ่งคนชุดนี้ตามธีมเรื่องน่าจะเป็นสโนว์ไวท์กับแก๊งค์คนแคระ แล้วปิดตอนด้วย CHG เบาๆ เกี่ยวกับคนชื่อบิวตี้ที่ไม่ยอมลงคะแนนให้ แถมเขียนรูปควยใส่บัตรเลือกตั้งมาพร้อมลงชื่อจนกลายเป็นบัตรเสียด้วย นายสโนว์ที่ดูนิ่งๆ มาตลอดก็แม่งหัวเสียเปิดประตูออกไป ก็คงจะไปตามหาเจ้าของบัตรใบนี้แหล่ะ ตอนแรกยังไม่มีอะไรมาก ภาษาสำนวนอยู่ในระดับใช้ได้ไม่น่ารำคาญ เจอบางประโยคที่ควรถูกเกลาใหม่ให้อ่านลื่นขึ้น ด้วยการ ตัดบางคำ/เติมบางคำ ในประโยคนั้นๆ
ความขัดใจของกูก็มีบ้าง นักเขียนใช้คำว่า "ชายหนุ่ม" กับจารย์ใหญ่วัยใกล้เกษียณ (dafug ?) หรือพูดอีกแบบก็คือ ใช้คำว่าหนุ่มกับชายวัยใกล้อายุ 60 (ตอนเขียนเมายาจุดกันยุงหรือไง) คำว่าชายหนุ่มเนี่ย เขาเอาไว้นิยามเพศชายอายุ 20-30 ปีจ๊ะ สำหรับช่วงอายุอื่นๆ ก็ 1-12 ปี ใช้เด็กชาย, 13-19 ปี ใช้เด็กหนุ่มหรือวัยรุ่นชาย, 31-40 ปี ใช้ชายกลางคน, ถ้าตามด้วยคำว่าวัยทำงานอาจหมายถึงช่วงอายุ 25-50 ปลายๆ ได้ทั้งหมด 60+ ก็ตีไปยันเข้าโลงว่าเป็นชายแก่ ชายชรา หรือผู้เฒ่าก็ได้ถ้า 70+
ข้อต่อไปคือความเส้นใหญ่ของ 8 คนนี้ โอเค โรงเรียนเอกชนยังไงก็มีการให้-รับเงินบริจาคและมีอภิสิทธิ์ชนอยู่แล้ว แต่การกระทำของหลายๆ คนนี่คือไม่มีความเกรงใจโดยสิ้นเชิง กูจะมองข้ามก็ได้เพราะมันเป็นนิยายสไตล์แจ่มใส เรื่องตัวละคร หล่อ/สวย/รวยฝุดๆ/พ่อ-แม่ บารมีคับฟ้า มันเป็นเรื่องดาษดื่นอยู่แล้ว ส่วนอีนังบิวตี้นี่ก็คงรับบทแม่มดจนกลายเป็นคู่กัดกับสโนว์ตามธีมเรื่องเช่นกัน
ความยาวหนึ่งตอนสำหรับกูถือว่าสั้น คือยาวกว่าเกศรินกาแฟสดของเจ๊ดอกไปพอสมควร อ่านตอนแรกจบกูสัมผัสได้ถึงความเรื้อนและความเสื่อมของนักเขียน ถ้าเป็นผู้หญิงจริงๆ บอกได้เลยว่าเป็นตัวแสบแอบหื่นแน่นอน ส่วนที่เขียน Talk ไว้ว่าสามารถติดตามฉาก NC ได้นอกเว็บผ่านทางเพจ อยากเตือนว่าวิธีนี้ใช้เป็นบั๊ก, ช่องโหว่ หนีการจับกุมของกฏแบน NC ไม่ได้นะจ๊ะน้องเซา (ไม่เชื่อไปหาอ่านกฏย้อนหลังได้เลย) แต่ถ้ายืนยันว่าจะเลี่ยงบาลีแบบนี้ก็ตามใจ หวังว่าจะรอดพ้นจากการถูกรีพอร์ตโดยมือดีขี้เสือกไปได้ตลอดนะ
>>478 ต่อ
ตอนที่ 2 : ✖CHAPTER01✖ My Name's Beauty.
บทนี้สลับมาเป็น POV 1 มุมมองของบิวตี้ ก่อนจะพูดถึงรายละเอียดในตอนขอแนะนำให้นักเขียนเจ้าของเรื่องหรือคนที่กำลังอ่านอยู่ฟังคำแนะนำต่อไปนี้ก่อน ในนิยาย 1 เรื่องอาจมีหลาย POV ได้ก็จริง แต่ใน 1 ตอนควรมีเพียง 1 POV เท่านั้น (ไม่ได้ว่าอะไรนักเขียนนะเพราะตอนนี้ก็มี POV เดียว) สำหรับคนที่ฝีมือไม่ถึงแต่ร้อนวิชาหรือเผลอทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงเกรียน(การณ์) การเขียนหลาย POV ในตอนเดียวอาจทำให้คนอ่านงงแดกได้ ถ้าคนเขียนสื่อเนื้อหาได้ไม่เก่งหรือทำได้ไม่เนียนพอ มันจะมีปัญหาพวกไม่รู้ว่า ใครกำลังพูดบทสนทนา, กำลังอธิบายเนื้อหาส่วนนั้น เกิดขึ้น แน่นอนว่าถ้าเขียนไปนานๆ จนช่ำชองแล้วอยากลองของก็ไม่ผิดอะไร แต่ถ้าเป็นมือใหม่จริงๆ ขอเหอะนะ เจอมาเยอะ เจ็บมาเยอะ กับนิยายเกรียนหัดแต่งด้วยสไตล์บรรยายภาพเคลื่อนไหวอนิเมะ, สำนวนไลท์โนเวล มั่ว POV ที่เจออยู่เต็มเว็บ คือมึงเขียนแล้วมึงเข้าใจคนเดียวอะจ้าไอ้คนเขียน ทำแบบไม่รู้ 4 รู้ 8 แบบนี้ คนอ่านอย่างกูไม่ได้มีพลังจิต จะได้ล่วงรู้ว่ามึงพยายามสื่อเหี้ยอัลลัย ภาพในหัวตอนมึงเขียนเป็นแบบไหนอะ ฮัลโหล
มา มาต่อกันกับเนื้อหา เริ่มตอนด้วยบิวตี้โดนรังแกโดยแก๊งค์ชะนีตัวร้ายเกรดบีรวม 3 คน พวกเยอะแล้วแม่งกร่างมาดักตบคู่กรณีโทษฐานที่ทำให้ผัวฉันหลงแก (แหม่... ละครไท๊ย ละครไทย) ระหว่างเกิดการตบตีไอ้สโนว์ก็โผล่มา (แล้วเรื่องหลังนับคะแนนเป็นไงต่อหว่า) อีสามตัวที่ว่าเลยเผ่นทันที หนูบิวตี้ตัดพ้อในใจ 2 อย่าง คือกูแม่งชอบโดนสก๊อยมาหาเรื่อง กับน้องชายเมินกูเหมือนเป็นขี้หมากองหนี่ง ตัดฉากไปเป็นหลังเลิกเรียนบิวตี้โดนหนุ่มแว่นมาสารภาพรัก นางก็ปฏิเสธด้วยท่าทีหยิ่งๆ แถมคิดอย่างมั่นหน้าว่าเพราะกูสวยจนมีแต่ผู้ชายมาหลงแบบนี้ไง กูถึงเจอดักตบบ่อยๆ สวยเกินไปก็อย่างนี้ล่ะค่ะ (อ่านแล้วหมั่นไส้จนอยากตบด้วยอีกคน) หลังจากนั้นระหว่างทางกลับบ้านบิวตี้ก็เจอกับคุณป้าท่าทางไม่น่าไว้ใจ ชวนให้ดูดวง ตอนแรกนางปฏิเสธแต่พอบอกว่าจะดูให้ฟรีเลยยอมดูก็ได้ คุยกันจบตอนสรุปว่าบิวตี้ชาติก่อนแม่งเป็นแม่มด ถือว่าเนื้อหาจุดนี้เป็นวาไรตี้ที่แทรกปมเข้ามาได้เนียนดี บทสนทนาดูรั่วๆ พยายามเล่นมุกจนดู ปญอ. ไม่ธรรมชาติ แต่กูอมยิ้มนะแม้จะไม่ถึงกับหัวเราะก็เหอะ ความฮาถือว่าพอใช้เทียบกับนิยายแจ่มใสในท้องตลาด ส่วนย่อหน้าต่อไปเตรียมใจไว้เลย
จากที่จั่วหัวไว้บนปกนิยายว่าบิวตี้เป็นคนแรงๆ กูอ่านเหตุการณ์ในตอนที่ 2 แล้วรู้สึกไม่อิน ช่วงปฏิเสธการสารภาพรักนั่นคือโอเคดูมีความมั่นใจและขี้รำคาญ แต่ตอนโดนตบคืออะไรวะ มันพจมานมากไป ไม่สู้คนแถมปลงกับชีวิตไร้การต่อต้านไปเลย คือถ้าเป็นคนแรงจริงๆ ตรงนี้อีบิวตี้ควรสู้ยิบตา สวนกลับฝากรอยเท้าเอาไว้บ้าง ไม่ใช่ว่าเห็นอีกฝ่ายมาเยอะแล้วง่อยแดก ที่คาดหวังไว้ในคำว่าแรงคือต้องซ่ากว่านี้ ทำเอาอิมเมจเรื่องเป็นคู่กัดกับสโนว์ท้ายตอนที่ 1 ของกูพังหมดเลย เพราะตอนบรรยายฉากโดนตบนิสัยแบบนี้มันออกแนวคูลเดเระ (ทำตัวเงียบๆ เมินเฉยต่อสิ่งต่างๆ) มากกว่าจะเป็นคำว่าแรง ไหนจะเรื่องตลกแดกกับป้าหมอดูอีกพอตรงนี้ก็ดูบ้าๆ มันควรด่าเช็ดป้าตั้งแต่มาเซ้าซี้แล้วถ้าแรงและขี้รำคาญจริงๆ ยังไงก็ดูแลเรื่องความแกว่งของนิสัยตัวละครหน่อยละกัน
ตอนที่ 3 : ✖CHAPTER02✖ I am The Queen.
ตอนนี้ใช้การบรรยายแบบ POV 1 คาดว่าน่าจะเดินเรื่องส่วนใหญ่ด้วย POV นี้แหล่ะ แต่อาจมีเปลี่ยนเป็นมุมมองของคนอื่นบ้างในอนาคต ส่วนตอนที่ 1 ใช้ POV 3 คงเพราะอยากทำแบบกึ่งๆ เป็นบทนำ บทนี้ไม่มีอะไรมาก มีความรั่วๆ ฮาๆ อ่านเพลินอย่างที่นิยายแจ่มใสควรเป็น ผสมกับความแฟนตาซีตรงที่ป้าแม่มดพาบิวตี้ย้อนไปอดีตชาติ สู่เหตุการณ์ก่อนราชินีแม่มดจะต้องลงไปคุยกับรากมะม่วง แกนหลักของตอนนี้คือการสร้างปมต่างๆ เกี่ยวกับตัวบิวตี้และคำสาป ความแฟนตาซียังไม่จบแค่นั้น เพราะก่อนจะหายตัวไปหมอดูลึกลับทิ้ง "เพื่อน" ของบิวตี้ไว้ให้ด้วย เป็นกระจกเลี่ยมทองบานหนึ่ง (อีกระจกวิเศษพูดได้แหงๆ) จบตอนไปแบบงงๆ ส่วนอีบิวตี้ก็ดึงสติด้วยการคิดว่าฉันคงเสพเกินขนาดจนประสาทหลอนไปเอง ทั้งๆ ที่มีกระจกอยู่ในมือ ข้อข้องใจมีแน่นอนเรื่องสโนว์ไวท์เอามีดแทงหัวใจราชินีใจร้าย อธิบายมาว่าสโนว์ไวท์โดนขังผอมแห้งเดินแทบไม่ไหว แต่มีแรงแทงมีดทะลุหัวใจอีบิวตี้ชาติก่อนได้หน้าตาเฉย กูได้แถเองว่า เออ มันแฟนตาซีไง คงเป็นมีดวิเศษอะไรสักเล่มอะเนอะ แล้วใครเป็นคนหามาให้ก็ช่างมันแล้วกัน Plot Device พวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีที่มาที่ไปอยู่แล้ว ช่างแม่งไปเหอะหน่าสมองของกู...
>>479 ต่อ
ตอนที่ 4 : ✖CHAPTER03✖ Mirror Mirror on the wall
ตอนที่ 4 บิวตี้กลับมาบ้านมีดราม่าเบาๆ แล้วคิดถึงเรื่องกระจก ส่องเจอความงามของตัวเองก็เลยบรรยายแบบหลงตัวเองเสียหน่อย (จ๊ะ อีคนสวยต้องสาป) สรุปคร่าวๆ ในบทนี้คือบทสนทนาระหว่างบิวตี้กับกระจกวิเศษ เนื้อเรื่องเข้าสู่ความเป็นนิยายแจ่มใสระยะสุดท้าย นางเอกเปลี่ยนเป็นพวกตลกโปกฮาปนกวนตีนเต็มตัว อีกระจกวิเศษก็ใช่ย่อยชงมุกตบมุกให้กันอย่างเป็นงาน สำนวนปัจจุบันสวิงสวายกลายเป็นนิยายสไตล์เพื่อฮา บรรยากาศและกลิ่นของความมันส์ในตอนที่ 1 หายเรียบ ชวนให้ต้องทบทวนใหม่หมดว่า กูแม่งผิดเองที่จับผิดนิยายเรื่องนี้ช่วงต้นตอน 2 คือนิสัยมันจะแกว่งไปเป็นแบบไหนก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะโทนเรื่องแม่งเอาฮา ไม่ได้จริงจังตาต่อตาฟันต่อฟันสไตล์นางร้ายแรงๆ อย่างที่คิด จบตอนด้วยการคลายปมย่อยเรื่องไอ้สโนว์อย่างที่เดากันได้ไม่ยาก ข้อสังเกตที่มองเห็นเพิ่มเติมคือตอนนี้ยาวกว่าตอนอื่นๆ เกือบ 3 เท่า
ตอนที่ 5 : ✖CHAPTER04✖ Snow white is My brother
ตอนนี้สั้นนิดเดียวเหมือนอยากจะบาลานซ์กับความยาวตอนที่ 4 ครึ่งตอนแรกบิวตี้เล่าความเป็นมาเกี่ยวกับครอบครัวและไอ้สโนว์น้องชาย ว่าทำไมถึงบ้านแตกสาแหรกขาด น้องชายก็เมินมันเหมือนเศษขี้ติดชักโครก ครึ่งหลังเป็นเงื่อนไขการพ้นคำสาปของอีบิวตี้ว่าจะต้องทำยังไงบ้าง กระจกบอกว่าก็เหมือนที่มึงได้ยินในนิมิตย้อนอดีตอะ ต้องขยี้ใจสโนว์ไวท์ให้ได้ (ตามชื่อเรื่อง) ถ้าน้องมึงมีแฟนก็หาทางทำลายผู้หญิงคนนั้นซะ อีบิวตี้บอกกูก็ไม่รู้ว่ามันมีแฟนไหม ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น กระจกจัญไรเลยแนะนำให้อ่อยน้องซะเลย (อ้าว อีดอกกระจกนี่) คือกูงงมาก อ่านซ้ำ 3 รอบก็ยังไม่เข้าใจเว้ย คือถอดสมองส่วนเหตุผลออกไปแล้วกลับมาอ่านใหม่รอบที่ 4 ด้วยฟิลเตอร์สาวน้อยแจ่มใสวัยฟินเฟร่อก็ยังเป็นเหมือนเดิมคือไม่เข้าใจ ทีนี้กูเลยจูนสมองสีชมพูแล้วลำดับเหตุการณ์ใหม่อีกรอบ
กระจกบอกว่าถ้าอยากพ้นคำสาปต้องทำลายสิ่งที่สโนว์ไวท์รักที่สุด หรือก็คือทำให้จิตใจของแม่งแตกสลาย ถ้ามันมีแฟนอยู่ก็ให้ทำลายแฟนสาวคนนั้น แต่อีบิวตี้ไม่รู้ ซึ่งข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเหี้ยๆ มึงอยู่บ้านเดียวกับน้องมึง แล้วจะไม่รู้ได้ไงว่ามันเป็นโสดหรือมีแฟนแล้ว กูไม่ซื้อ ยืนยัน นอนยัน ตะแคงยัน ว่าไม่ซื้อว๊อย ตามความเป็นจริงแล้วถ้าน้องมีแฟนยังไงมันก็ต้องดูออก วิธีพื้นฐานเลย คือสังเกตจากพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ก็ได้ กูแถพล็อตโฮลนี้ให้ไม่ไหวจริงๆ วะ โอเค ปัดตกช่องโหว่นี้ให้หายไปแล้วคุยต่อ กระจกเลยบอกให้เข้าไปอ่อยไอ้สโนว์แล้วหลอกถามดู โอ้โห... ตรรกะนี้แม่งโคตรปัง แต่เป็น ปังปิ๊นาดย่อยยับ นะมึง เพื่อหลอกถามว่าน้องมีแฟนหรือยัง มึงถึงกับต้องลงทุนเปลืองตัวขนาดนี้เลยเหรอ เอาจริงดิสัส ในบทสนทนายังเสือกมีการพูดถึงเรื่องเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ว่าถ้ามันเลยเถิดจนไอ้สโนว์กับอีบิวตี้เย็ดกันจนท้องขึ้นมาแล้วจะทำไง กระจกตอบว่าไม่เป็นไรอย่างมากก็แค่ได้เด็กเอ๋อมาเลี้ยง 1 คน กูนี่ทำหน้าอิหยังวะไป 10 วินาที
เออ ไม่ต้องถามซ้ำว่ากูอ่านคำเตือนเรื่องการผิดศีลธรรม ฉากเซ็กส์ และตรรกะป่วยๆ ไปแล้วแน่เหรอ คำตอบคือใช่กูอ่านแล้ว แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นได้ไกลถึงเพียงนี้ มันแบบ... คนละอารมณ์กับตอนเปิดเรื่องตอนที่ 1 เลยอะ นี่มันออกนอกกรอบของสามัญสำนึกแบบปกติไปมาก มีความแจ่มใส๊ แจ่มใส ผสมกับความเซอร์เรียลอย่างเดียวกับนิยายวายนายเอกท้องได้เพราะโดนขุดทองฉีดแยมขาวราดลำไส้ใหญ่ เรื่องพี่เย็ดน้อง น้องเย็ดพี่ ศัพท์เทคนิค "ค้ำคอร์" (Incest) นี่กูก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ แต่มันเกิดความต่อต้านลึกๆ อะ ความรักต้องห้ามพวกนี้ที่เคยสัมผัสมา ส่วนใหญ่มีสาเหตุที่ทำให้สามารถปักใจเชื่อและคล้อยตามได้ว่าความรู้สึกมันลึกซึ้งถึงขั้นเย็ดกันในที่สุด แต่กับนิยายเรื่องนี้มันไม่ใช่อะกิ๊ฟ คือมึงยอมรับความเสี่ยงว่าอาจโดนน้อง ยสตน. เพียงเพื่อให้รู้ว่ามันมีแฟนหรือยังเนี่ยนะ บอกอีกทีดังๆ เลยว่า "ไม่ซื้อโว้ยยย"
ก่อนจบการสับรายตอนฝากไว้ให้คริสทั้งนักเขียนและคนที่ตามอ่านสับ ว่าการใช้เครื่องหมายวรรคตอนอย่าง ! / ? และการลากเสียงเอฟเฟค ลากเสียงคำพูดมันมีแบบแผนตายตัวอยู่ คือซ้ำไม่เกิน 2 และ 3 ตัว ถ้าไม่อยากไปหาอ่านผ่านกูเกิ้ลเดี๋ยวจะให้ดูตรงนี้เลย [ พ่อมึงตาย !!, แล้วมึงอะเป็นควยไร ??, กูว่ามึงกับกูต้องต่อยกันสักฝุ่นแล้วล่ะ ไอ้เหี้ยยย ] ตามนี้นะจ๊ะ แบบที่พิมพ์ไว้ในตอนนั่นผิดหลักการ แต่ถ้ายืนยันว่ามันได้อารมณ์มากกว่า ก็ตามใจละกัน It's your story
>>480 ต่อ
การบรรยาย : สำนวนดีไม่มีปัญหา อ่านตามได้เพลินๆ ในมาตรฐานนิยายแจ่มใจ เข้าใจความรู้สึกตัวละคร นึกภาพเหตุการณ์ตามได้ มีสะดุดบ้างกับคำผิดที่เจอนานๆ ที ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร บางคำอ่านแล้วขำกว่ามุกในเรื่องด้วย เช่น "แปร่งแสง" ยังไงก็ตามถ้าไล่แก้ให้หมดได้จะเป็นเรื่องดีมาก แต่ถ้ามองในมาตรฐานนิยายสไตล์อื่นที่จริงจังกว่า บอกได้เลยว่ายังอีกยาวไกลนัก บรรยายฉากหลังเพียงแค่ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน ก็ยังดีที่พูดถึงอยู่บ้าง หวังว่าในบางเหตุการณ์สำคัญๆ ที่จำต้องใช้บรรยากาศโดยรอบเข้าช่วย จะเน้นเรื่อง Background ให้มากขึ้น เจอประโยคไม่สมูทบ่อยกว่าคำผิด ถ้ามีเพื่อนเป็นนักอ่านควรให้เพื่อนมาช่วยอ่านแล้วเกลาสำนวนให้กระชับ หรือเติมคำจำเป็นที่แหว่งไปในประโยค บางย่อหน้ามีค้ำซ้ำกลุ่ม นี้, แบบนี้, เช่นนี้, ที่, ก็ ทำให้ชะงักไปเหมือนกัน Max cap. ที่ยอมรับได้คือไม่เกิน 2 ซ้ำต่อ 1 ย่อหน้า หรือไม่เกิน 10 ซ้ำต่อความยาว 1 หน้า A4 มุกตลกฮาบ้างแป๊กบ้างโดยรวมถือว่าผ่าน ถ้าจะเอาดีทางนี้ (หมายถึงเขียนแนวแจ่มใส) อนาคตรุ่งแน่นอน และนักอ่านวัยเด็กที่อ่านเพื่อความฮาโดยไม่แคร์ตรรกะ จะเป็นลูกค้าอันดับ 1 ของเรา
ตัวละคร : ด้านรูปร่างหน้าตานั้นชัดเจน แจ่มแจ้งแดงแจ๋ !! เพราะ Tell สรรพคุณปกนอกนางเอกมาหลายครั้งดีมาก ด้านลักษณะนิสัยยังมีความแกว่งอยู่ แต่พอคิดว่ามันเป็นแจ่มใสสไตล์แล้ว ก็พอหยวนๆ ได้ เอาตามจริงเจ้าสโนว์นี่ยังมีความมั่นคงในคาร์แรคเตอร์ชัดเจนกว่าเสียอีก ด้านพัฒนาการของตัวละคร ยังมองไม่เห็นว่าจะเติบโตไปในทางไหน คงเพราะเพิ่งอ่านได้แค่ 5 ตอนเท่านั้น ออกแบบนิสัยนางเอกได้ดีมาก อ่านแล้วทำให้คันมืออยากตบได้แบบคงเส้นคงวา อีกระจกก็ด้วยอีกตัว อ่านแล้วอยากเขวี้ยงลงพื้นแรงๆ ก่อนเอาค้อนทุบซ้ำ
เนื้อเรื่อง : ทำได้ดีในความเป็นนิยายแจ่มใส มีปมหลักชัดและหยอดปมย่อยมาเรื่อยๆ ตามทาง ถึงตอน 5 นี่ก็ทะยอยคลายปมมาบ้างแล้ว ความ ปญอ. รั่ว ฮา เสื่อม ทะลึ่งตึงตัง มาครบทุกความบันเทิง แฟนพันธุ์แท้นิยายแจ่มใสไม่ผิดหวังแน่นอน จากประสบการณ์ที่มีและการรู้เนื้อเรื่องของ SWATSD อยู่แล้วทำให้เดาฉากจบเรื่องนี้ได้ไม่ยากนัก
สิ่งที่ชอบ : นำธีมนิทานมาประยุกต์ใช้ได้ดี ทั้งการแทนตัวละครข้ามเรื่องและการผูกเรื่อง ใช้เงื่อนไขแบบผสมจนออกมาเป็นพล็อตดัดแปลงน่าสนใจ ไม่กลวงเหมือนพล็อตนิยายแจ่มใสส่วนใหญ่ในตลาด
สิ่งที่เกลียด : ตรรกะ ตรรกะ ตรรกะ ตรรกะ ตรรกะ ... (วน loop เสียงไปเรื่อยๆ เหมือนโดนต่อยด้วย Gold E. Requiem) เพราะงี้ไง ถึงไม่ค่อยชอบอ่านนิยายแจ่มใสสักเท่าไหร่
คะแนน : ให้ 6.5/10 คะแนน (เรื่องนี้ให้คะแนนปกติเพราะโดยรวมถือว่าผ่าน แต่ถ้าเรื่องไหนค่อนข้างห่วยจะให้แบบคาเงโร่) โดนหักหนักสุดคือเรื่องตรรกะวิบัติ -2 คะแนนจ๊ะ
ความเห็นส่วนตัว : ไม่อยากพูดอะไรมาก เดี๋ยวนักเขียนเขาจะน้อยใจเอา แน่นอนว่าการสับนี้มันไม่ยุติธรรมมาตั้งแต่แรก เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่ปลื้มนิยายแจ่มใส แม้จะไม่ได้เกลียดแต่เมื่อมองในฐานะนักเขียนแทนนักอ่านก็รู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมาเสียดื้อๆ ใครชอบอ่านนิยายแจ่มใสไม่ควรพลาดเรื่องนี้ เพราะมีองค์ประกอบของความเป็นนิยายแจ่มใสครบถ้วน วางพล็อตมาได้ดีแม้ว่าตรรกะจะพังเหมือนเรื่องอื่นๆ ใน genre เดียวกัน เทียบได้กับ Fast Food ที่เติมสารอาหารจำเป็นแถมมาส่วนหนึ่ง
เดาทางเนื้อเรื่องจากข้อมูลทั้งหมด นักเขียนจั่วหัวมาว่าเกิดเรื่องผิดศีลธรรมชัวร์ ดังนั้นบิวตี้กับสโนว์มีโล้สำเภาแน่นอน ตามความเป็นไปได้ สโนว์น่าจะยังโสดเพราะโดนสเน่ห์ต้องสาปของบิวตี้เข้าจังเบอร์ ด้วยความใกล้ชิดแบบเจอกันทุกวันขนาดนี้แล้ว มีหรือเด็กหนุ่มจะรอดไปได้ เป็นซิสค่อนตั้งแต่หมอยยังไม่ขึ้นสักเส้นนั่นแหล่ะ แล้วเรื่องที่พ่อแม่ทะเลาะกันจนบ้านแตกก็ไม่ได้เป็นเพราะใครอื่น อีดอกบิวตี้อีกตามเคย สวยเหนือธรรมชาติจนพ่อหวังจะเคลมเสียเอง แม่รับไม่ได้เลยโดนฟ้องหย่าไล่ตะเพิดให้ไปอยู่กับลูกชายสองคน กลายเป็นปมในใจให้สโนว์ทั้งรักทั้งเกลียดพี่สาวตัวเอง กลับไม่ได้ไปไม่ถึง หน่วงๆ ค้างๆ อยู่ตรงกลางระหว่างประโยค 2 ประโยค คือ กูหลงรักมึงจนรักใครไม่ได้อีกแล้ว กับ พ่อกับแม่เลิกกันเพราะมึงนั่นแหล่ะอีดอก จุด Climax คงเป็นไอ้สโนว์รักอีบิวตี้หัวปักหัวปำจนนางเอกกลายเป็นสิ่งที่น้องชายรักที่สุด คำถามคือแล้วเรื่องจะจบยังไง อีบิวตี้ต้องฆ่าตัวตายเพื่อให้น้อง Mindbreak หรือเปล่า ถ้าตายไปแล้วจะพ้นคำสาปนี่ไหม ถ้าอยากรู้ก็ไปรบเร้านักเขียนเอาเอง ส่วนอื่นที่อยากเสริมคือพล็อตนี้ยังสามารถเอาตัวละครรองอย่างแก๊งค์คนแคระทั้งหลายมาเล่นได้อีกเยอะ ในกฏก็มีเขียนไว้เป็น foreshadowing อยู่แล้ว ดังนั้นความรักผิดศีลธรรมของอีบิวตี้ไม่มีทางราบรื่นง่ายๆ หรอกม้างงง
ไม่อ่านแนวแจ่มสิวแต่อ่านตัวนิยายแล้วก็รู้สึกว่าคนเขียนเก่งอยู่นะ ถ้าไปเขียนแนวกลับชาติมาเกิดเป็นตัวร้ายตามกระแสยอดวิวคงตูมตามอยู่
กูไปส่องอีฟีบมั่วของจิ้งจอกทิวามาแล้ว ตอนแรกว่าจะสับก่อนไปนอน แต่เจอ !!!! !!!! !? !? ตัวหนารัวๆ เหมือนโดนตะโกนใส่หน้าอยู่ตลอดเวลาแล้วถอดใจ ไปนอนดีกว่าไอ้สัส
ไม่มีใครสับเนื้อหากระทู้เคล็บลับบ้างเหรอ อ่านแล้วงงชิบหาย
>>484 หมายถึงมู้นี้?
https://www.dek-d.com/board/view/3956730/
ครูอาจารย์สอนกันแต่เขียนน้อยให้ได้มาก หิมะตกนี้เขียนมากแล้วกุก็ไม่ได้อะไรเลย
อ่านแล้วลำบากเดินลุยหิมะ นามปากกาไม่ได้ตั้งมาชุ่ย ๆ เลย
ตื่นแล้วเว้ย สิบโมงกว่าเหมือนน้องเกศ 5 ส. ของเจ๊(อี)ดอกขาวเลย เดี๋ยวขอตัวไปจุดเทียนสี เอ๊ย! ล้างหน้าแปรงฟันก่อน ละจะกลับมาสับที่ค้างไว้ต่อ
>>482 อันนี้กูเห็นด้วย คือเขาเล่าเรื่องเป็นอยู่แล้ว แค่ปรับวิธีนำเสนอกับคิดพล็อตให้ตรงกลุ่มเป้าหมายก็พร้อมลงแข่งได้เลย ถ้ามีคนช่วยเป็น บก. คอยแก้ไอ้ที่ยังขาดๆ เกินๆ ให้ เขาจะไปได้อีกไกลเพราะกูอ่านงานเขาแล้วเห็นว่ายังพัฒนาฝีมือต่อไปได้ ติดอยู่ที่ว่าเขาจะยังแต่งนิยายต่อไหม กล้วจะดองเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่เขียนดีมีแวว แต่ดันดองเค็ม มีเยอะนะในเด็กดีอะ ถึงจะหาเจอยากหน่อยแต่มีอยู่จริงๆ หลายเรื่องพออ่านแล้วอยากอ่านต่อจนจบ แต่นักเขียนส่วนใหญ่ดองไปด้วยสาเหตุใหญ่ๆ สามข้อ คือ ท้อแท้เพราะยอดคนอ่านน้อย โดนนิยายกากๆ แต่สนุกในสายตาพวกเกรียนแซงหน้าไปไกล บางส่วนโตขึ้นเรียนจบแล้วก็ทำงาน พอทำงานเหนื่อยๆ กลับบ้านก็แต่งต่อไม่ไหว หรือถ้าไหวก็สปีดต่ำมาก ปีละตอนไรเงี้ยะ แบบสุดท้ายคือมีปัญหาสุขภาพ ป่วยๆ หายๆ อันนี้น่าเห็นใจอยู่
>>483 เห็นโฆษณาบ่อยจริงจัง คิดเล่นๆ ว่าอยากลองสับเหมือนกัน แต่กูรู้แกวอีพี่เว็บพวกนี้นะ สังเกตดูเหอะถ้าด้นเรื่องไหนมากๆ มีสาเหตุแค่ 2 อย่าง คือ 1.นิยายเรื่องนั้นขายแพ็คได้เยอะ ถูกจริตน้องเกรียนจนขายดี ก็เลยยิ่งต้องส่งเสริมยอดขายเข้าไปอีก (ทุนนิยมนี่มันเหี้ยจริงๆ) 2.มีใบสั่งให้โปรโมตจากแหล่งอื่น อาจจะมาจากการดีลซื้อโฆษณาเอง หรือใช้กำลังภายในจากเส้นสายที่มี ทำให้เกิดการโหม ประโคมข่าว ซ้ำๆ ของนิยายบางเรื่อง เคสล่าสุดก็คือเรื่อง นายคะ... อย่ามาหื่น ของสแตมป์เบอร์แหล เห็นบ่อยจนเอียนตาเลยช่วงนั้น
>>484 ทำไมเรายังไม่วาร์ป !! เอาวาร์ปมาดูหน่อยว่าจะสับได้ไหม ถ้าไม่ได้เดี๋ยวกูลองวิแคระห์ให้
อ่ะกูสับให้ก่อนไปนอนจริงๆ ขอสับในฐานะคนเคยเป็น Content Writer ที่มีผลงานเผยแพร่จริงจังล่ะกัน
ก่อนอื่นต้องบอกว่าอ่านแล้วปวดหัวชิบหาย ถ้าเขียนบทความมาแบบนี้บก.ไม่ตีกลับหรอก แต่โยนทิ้งขยะแล้วเผาทิ้งเลยไอ้สัส เสียเวลาอ่าน ตอนแรกจะสับเอามัน ไปๆ มาๆ แม่งเลือดมันดิ้นพล่าน กูไม่ได้สับแบบใช้คำหยาบนะรอบนี้ เพราะเป็นวิชาชีพตัวเองด้วยมั้ง
1. ชื่อบทความไม่เข้าท่า ไม่ดึงดูด และไม่สอดคล้องกับเนื้อความ ไปกันคนละทิศคนละทาง คือถ้าบอกว่าเคล็ดลับที่ทำให้นิยายไปด้วยดี ความคาดหวังของคนกดเข้ามามันควรจะเป็นเคล็ดลับการเขียนตั่งต่าง ไม่ใช่กำลังใจ ความเชื่อมั่นต่างๆ ถ้าจะเขียนแบบนี้ควรเปลี่ยนชื่อหัวกระทู้ด่วนๆ
2. ไม่ได้รวบรวมความคิดและไม่ได้วางโครงเพื่อจัดเรียงลำดับความคิดมาก่อน ทุกอย่างเลยกระจัดกระจาย หาความสำคัญไม่ได้ ซึ่งบทความเนี่ยแต่ละย่อหน้ามันควรจะมี Topic Sentence ของมัน แต่ละหาความเชื่อมโยงในแต่ละย่อหน้าไม่ค่อยได้เลย ทำให้ไม่ดึงดูดให้อ่านต่อและคนอ่านเกิดคำถามตลอดเวลา ไม่เข้าใจในสิ่งที่พยายามจะสื่อ
3. เนื้อความล่องลอยไปหมด การใช้เหตุผลคือวิบัติแบบหาจุดสมเหตุสมผลไม่เจอ หลักลอย จับต้องไม่ได้ เขียนแต่อะไรที่เป็นนามธรรม เลือกใช้คำที่สวยหรูดูดีเท่าไว้ก่อน ทั้งพวกความน่าเชื่อถือ ความไว้ใจ ความเคารพนับถือ โดยละเว้นไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นรูปธรรมกว่า เช่น งานเขียน พล็อต ภาษาในการเขียนนิยาย ฯลฯ สะท้อนให้เห็นว่าไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเขียน
4. นอกจากคำผิด ยังมีการเลือกใช้คำที่ผิดความหมายเยอะมากๆ ที่แย่คือการใช้คำที่ judge คนอ่านและยกตัวเองให้อยู่เหนือคนอ่าน ซึ่งไม่ควรเอามากๆ ตามเหตุผลในข้อต่อไป
5. Author ไม่มีความน่าเชื่อถือ การจะเขียนบทความสร้างกำลังใจหรือเคล็ดลับอะไรสักอย่าง ตัวคนเขียนต้องมีความรู้ความสามารถจริงที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้คนอ่านคล้อยตามได้ ถ้าคนเขียนก็ไม่ได้มีประสบการณ์ และไม่ยกตัวอย่างอะไรที่เป็นรูปธรรมมาประกอบมันจะกระอักกระอ่วนแบบกระทู้นี้แหละ
คะแนน: หิมะตก เดี๋ยวเย็นนี้ครูขอคุยเรื่องการเขียนจับใจความหน่อยนะคะ ดูจากการเล่าเรื่องแล้ว ครูว่าอะไรแบบนี้ไม่เหมาะกับเธอเท่าไร ลองไปทำอย่างอื่นน่าจะดีกว่า หรือถ้าอยากมาสายนี้จริงๆ ครูแนะนำให้ไปเรียนวิชาอ่านจับใจความก่อนสักเทอม
>>488 ปรบมือให้รัวๆ
ทั้งหมดคือเป็นไปตามที่มึงสรุปมา เทียบความน่าเชื่อถือระหว่างอ่านของหิมะตดกับของมึง กูว่าของน้องดูกากไปเลย (นี่แหล่ะคือความต่างระหว่างมือสมัครเล่น Vs มืออาชีพ)
อ่านของน้องคือขัดใจไปหมด อ่านจบแล้วรู้สึกเหนื่อย งงว่าอยากสื่ออะไรกันแน่ มันไม่มีแบบแผน ไม่มีทิศทางอะไรเลย น้ำเยอะด้วย ถ้าเป็นข้าวผัดคือเหมือนไม่ได้ทำตามขั้นตอนการปรุงอะไร ไม่ได้ step จากลงกระเทียม, ตอกไข่, ทอดหมู แต่โยนเครื่องปรุงทุกอย่างลงกระทะพร้อมกัน เอาตะหลิวกวนๆ แล้วเทใส่จาน เข้าใจว่ามีความพยายามอยากทำข้าวผัดให้กิน แต่น้องผัด(สื่อสาร)ไม่เป็นอะ นึกถึงมีมทั่นชัชชาติ smirk "อ่อนหัด... มีความตั้งใจแต่ก็ยังอ่อนหัด"
แม่หิมะตั้งแต่ก่อดราม่าในบอร์ด คนเกลียดกันเยอะเลย ไม่รู้มีผลกระทบต่อแฟนคลับนางด้วยรึเปล่า
>>488 วิจารณ์งี้ได้ใจไปเลย ตรงใจทุกอย่าง กูไปอ่านล่ะสรุปได้แค่สองอย่าง คือเชื่อมั่น กับน่าเชื่อถือ จบ555 ที่เหลือนํ้าเปล่าๆ ไม่มีอะไรนอกจากบรรยายสรรพคุณว่าความเชื่อมั่นนั้นสำคัญไฉน
อิหนูหิมะถ้าจะเขียนแบบนี้ ไปแข่งเขียนเรียงความยังจะดีกว่า อย่างน้อยคงได้รับรางวัลชมเชยด้านพรรณนา
>>498 ขนาดกูไม่ค่อยได้สนใจ แต่กูคิดว่าไม่เห็นจะเปลี่ยนสำนวนหรือปรับวิธีการพูดจาตรงไหน ตั้งกระทู้ปัญญาอ่อนเหมือนเดิม เพ้อเจ้อไร้สาระเหมือนเดิม สไตล์การพูดการตอบคำถามก็เหมือนเดิม วันดีคืนดีก็เป็นบ้าขึ้นมาเหมือนเดิม
อีกอย่างตอนนี้อิพวกเห่อฮมอยบอร์ดแม่งอวตารกันเยอะ โดยเฉพาะพฤติกรรมไล่กดไลก์ทุกคอมเมนต์ แถมคุยเหมือนรู้จักกันทั้งที่ไอดีใหม่เอี่ยม เคยเห็นมันบอก จุๆ อย่าพูดไป เดี๋ยวคนอื่นรู้จนตามไปด่านิยายกันในคอมเมนต์ กูตลกชิบหาย มันโง่หรือมันโง่วะ ที่คิดว่าคนอื่นไม่รู้อะ
>>498 นางไม่ได้เปลี่ยนเลย
ตั้งแต่โดนจับได้ก็ออกมาบอกขอโทษ และก็บอกว่าจะหายไป
ทั้งที่ไม่ได้หายไป แค่ไปอวตารใหม่ เปลี่ยนสำนวนการแทนตัวจากเรา เป็น ฉัน พอโดนจับได้อีกก็สมัครใหม่เปลี่ยนการแทนตัวเป็นภาษาอีสาน พอโดนจับได้อีกก็แทนตัวเองว่า เรา แต่ตอนนั้น คนเริ่มรู้และไม่คุยกับนาง
สุดท้ายก็เลยสมัครเป็นหิมะตก ออกมาบอกว่าฉันกลับมาแล้ว ใช้คำแทนตัวว่า ฉัน
แต่สำนวนการพิมพ์ คำพูดอะไรจะรู้ได้ว่านี่คือนาง
เดี๋ยวนะ!!! ทำไมเหมือนกูเป็นแฟนคลับนางวะ
>>499 เออน่ะแหละ กูหมายถึงไม่ได้เปลี่ยนมากหรอก ก็สไตล์ฟรุ้งฟริ้งหวานจ๋าเหมือนเดิมแหละ แต่ถ้าเทียบกับตอนไอดีหิมะโปรยปราย ที่เป็นรูปผญ.กะแดะถือร่ม ตอนนั้นแม่งโคตรฝอยเลยไง ขี้คุยจัดๆ เม้นซ้อนแม่ง70กว่าชั้น (มากจนกูไม่แปลกใจที่คนรำคาญ) เทียบกะตอนนี้นับว่าน้อยลงเยอะอ่ะกูว่า ตั้งแต่มีเรื่องถอดล็อกอินด่า
>>501 ไอ้ไอดีหิมะตกนี่ ตอนแรกใช้ชื่อนํ้าค้างแสงดาวนิ ใช่มะ? เห็นมีกระทู้นึงคนถามอยู่
>>507 กูชอบนางนะเว้ย ตอนที่นางมาอวตาร กูลุ้นมากว่าใครจะจับได้ป่าว ถ้าจำไม่ผิดเคยมีใครจับได้ว่าเป็นนาง แต่นางเหมือนสะกดจิตตัวเองว่า ‘ฉันเป็นคนใหม่ กำลังสวมรอยเป็นตัวละครนี้อยู่’ เชี้ยโคดได้
ตลกตอนใช้คำแทนตัวว่า เฮา
กูแดกจุดแต่กูก็ชอบความคิดสร้างสรรของนาง บอร์ดมีสีสันดี
กูรู้สึกตลอดว่าพวกมึงไม่เขียนนิยายกันเหรอ สิงบอร์ดอยู่ตลอดเวลาเลย แล้วก็รำคาญเวลาไปคุยเล่ยในมู้ชาวบ้านเขา ผิดกาลเทศะชิบหาย
จะไม่นินทาไอ้คนหล่อหน่อยเหรอ ช่วงนี้เริ่มเห็นโผล่มาแล้ว
มีใครคิดบางว่า ชื่อ คนหล่อมืออาชีพ (มั่นใจมาจากนรกขุมไหนถึงตั้งชื่อนี้) มันส่อความหมายเหมือนผู้ชายขายตัว
วันนี้ก็มาสับเพิ่มอีก ความรู้สึกหลังสับเสร็จคือดีอะ
ทั้งเรื่องนี้และเรื่องก่อนหน้าช่วยซ่อมสมองที่ถูกทำลายไปเพราะนิยายเจ๊ดอก
สำหรับคนที่ชอบเชียร์มวยรอง หรือชอบของดีวงนอก เรื่องนี้โดนใจแน่ๆ
เรื่อง : พันธะแห่งปราสาทเหมันต์
นามปากกา : oipo
ลิงก์ : https://my.dek-d.com/oipo/writer/view.php?id=1742530
หมวด : รักแฟนตาซี
จำนวนตอน : 7 ตอน
สถานะตัวเรื่อง : ยังไม่จบ [ อัพเดตล่าสุด 26/12/62 ] เพิ่งอัพไปไม่นานนี่นา
การสับรอบนี้อาจไม่ค่อยฮานัก เพราะนิยายเรื่องนี้กูอ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความตั้งใจของนักเขียน เลยพลอยทำให้ต้องสับแบบจริงจังตามไปด้วย ด้วยความยาวต่อตอนที่ได้มาตรฐานทั้งหมด 7 ตอน แต่ตัวเรื่องมียอดวิวอยู่แค่หยิบมือ มันเป็นเรื่องน่าเสียดายและสะท้อนให้เห็นว่านักอ่านในเว็บเด็กดีนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ลึกๆ กูลุ้นให้นักเขียนคนนี้สามารถอัพเดตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าสะสมแฟนคลับได้มากพอ กูทำนายอนาคตได้เลยว่ามันจะต้องมีคนอ่านมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะต้องใช้เวลาและความอดทนเพราะเด็กรุ่นใหม่มันชอบแต่เรื่องเบียวๆ กลับชาติมาเกิดเป็นนางร้าย นิยายระบบเกม แต่ท้ายที่สุดนิยายเรื่องนี้อาจแจ้งเกิดได้ ถ้ามีคนแนะนำต่อๆ กันไป
ชื่อเรื่องกับคำโปรยอยู่ในเกณฑ์พอใช้ ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าอ่านแล้วเชยหรือสามารถสร้างดึงดูดเพิ่ม คำโปรยกระชับชัดเจนว่าอยากเรียกแขกแบบไหน บนปกนิยาย ในส่วนของข้อมูลเบื้องต้นเป็นเหตุการณ์หลังนางเอกไปอยู่ปราสาทแล้ว ทั้งภาพประกอบและ Quote ตัวละครที่ยกมา ให้อารมณ์เดียวกับเรื่องบิวตี้แอนเดอะบีสต์ในเวอร์ชั่นหน้าหนาวอันแสนยาวนาน
ตอนที่ 1 : ลมพัดขึ้นเหนือ
เล่าถึงครอบครับนักพนันสองพ่อ-ลูก คนพ่อชื่อ "เซอร์เกร" หาเงินด้วยการเข้าบ่อน ส่วนคนลูกชื่อ "มัวร์" เป็นนางเอกของเรื่องคอยติดตามพ่อไปทุกที่เหมือนคนเร่รอน เนื้อหาสรุปในตอนคือทั้งคู่กำลังใกล้จะต้องย้ายเมืองอีกครั้ง ทุกครั้งที่ย้ายเซอร์เกรจะอ้างว่างถูกเจ้าหนี้ตามล่า แต่มัวร์ดูออกว่าพ่อโกหก อย่างไรก็ตามหญิงสาวก็ย้ายเมืองตามพ่อไปอยู่ดี มี info-dump นิดหน่อยเรื่องการจัดระเบียบเขตแดนของเผ่าต่างๆ กับกฏเกี่ยวกับเรื่องนี้สั้นๆ 2 ย่อหน้า และพูดถึงปราสาทที่อยู่ไกลลิบ ลึกเข้าไปในเขตเฮลเลนิกส์ดินแดนของพวกปีศาจ ก่อนจบตอนด้วยคำถามของคนเป็นพ่อว่า "อยากลองเป็นเข้าหญิงดูไหม"
เอาจริงๆ คือชอบภาษาที่เขียนมาก แต่มันยังมีความฟุ้ง ความเกินในการบรรยายอยู่ ช่วงแรกที่มัวร์พูดถึงเรื่องต่างๆ มีจุดอ่อนเรื่องการบรรยายให้เห็น คือ การบรรยายข้อมูลต่างๆ สลับกับบทสนทนาระหว่างตัวละคร โดยที่ทั้งสองอย่างนั้นไม่เกี่ยวข้องกันนัก มันพูดยากว่าเป็นข้อด้อยหรือสไตล์การสื่อเฉพาะตัว คือมันอ่านลื่นแต่อ่านแล้วไม่สนิทใจ เหมือนผสมสีเหลืองกับน้ำเงินออกมาเป็นเขียวทว่ามันผิดจากโทนที่เราอยากได้ บางทีอาจเป็นปัญหาเฉพาะเราเองก็ที่ตะหงิดๆ กับรูปแบบการเล่าแบบนี้
ตอนที่ 2 : เจ้าหญิงผู้ถูกลักพา
ตอนนี้คือช่วงคืนสุดท้ายก่อนมัวร์กับพ่อจะเดินทางไปเมืองทะเลทราย ระหว่างที่เซอร์เกรเข้าไปดื่มเหล้าในบาร์ จู่ๆ มัวร์ก็ถูกผู้ตรวจการณ์จับตัวไว้ มีจังหวะให้นางเอกหนีไปได้ แต่พวกผู้ตรวจการณ์ 4 คนก็ยังตามไล่ล่า นอกจากคนกลุ่มนี้แล้วยังมีนักล่าลึกลับอีกชุด ใช้ธนูไม่ก็หน้าไม้พยายามยิงมัวร์ระหว่างวิ่งหนี พักหนึ่งเซอร์เกรถึงโผล่มาพาลูกสาวซ่อนตัวบนรถม้า ช่วงกำลังซ่อนตัวมัวร์ได้ยินเสียงแปลกๆ พอไปดูก็เจอเด็กผู้หญิงอายุอ่อนกว่าตัวเองในชุดผู้ชาย ทั้งสองคนหน้าตาเหมือนกันเป๊ะ แต่อีกฝ่ายเป็นท่านหญิงที่พวกผู้ตรวจการณ์ตามล่าอยู่ อ่านจากที่เขียนไว้ท่านหญิงกำลังจะถูกส่งตัวไปเฮลเลนิกส์ มีปมถูกผูกในบทนี้หลายอย่าง เช่น ทำไมถึงมีคนอยากฆ่าท่านหญิง ทำไมท่านหญิงถึงพูดว่าจริงๆ แล้วมัวร์ไม่จำเป็นต้องไปที่นั่นก็ได้ ทำไมเซอร์เกรถึงบอกว่าถ้าไปหลบในดินแดนปีศาจแล้วมัวร์จะปลอดภัยจากพวกปีศาจหน้าไม้กลุ่มนี้ แล้วจบตอนตรงทีมัวร์อ่อนแรงจนวูบไประหว่างที่เซอร์เกรบอกว่า "สักวันพ่อจะกลับไปรับ"
ตอนที่ 3 : ดินแดนที่ฝนไม่ตกต้อง
ฟื้นขึ้นมาอีกทีมัวร์ก็เหลือตัวคนเดียว ส่วนพ่อกับท่านหญิงลงรถไปก่อนหน้านี้นานแล้ว นางเอกเดาแผนการของพ่อไม่ออก ได้แต่น้อยใจว่าทำไมต้องให้ตัวเองข้ามไปแดนปีศาจคนเดียวด้วย ระหว่างนั้นคนขับรถม้าก็ชวนนางคุย เกี่ยวกับค่าจ้างส่งตัวข้ามแดงที่แพงบรรลัย กับความรักที่เซอร์เกรมีให้มัวร์แบบซึนเดเระ นางเอกนี่หัวรั้นใช่ย่อยพยายามหาทางที่จะไม่ข้ามแดน แต่ถุงใส่เงินดันตกหาย กำไลข้อมือก็โดนพ่อถอดไป พยายามจะใช้มุกท้าพนันก็โดนพี่คนขับรู้ทัน พอหมดสิ้นหนทางแล้วเลยใช้ท่าไม้ตายขายตัวเสียเลย พี่รถม้าบอกขอโทษนะคือน้องแก่ไปหน่อย แถมต่อให้เป็นสาวเอ๊าะๆ ที่เต็มใจขายตัวเป็นทาส การพาหนูไปส่งตลาดมืดระหว่างการจ้างงาน มันผิดจรรยาบรรณของคนทำงานขนส่ง ดีไม่ดีถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปชื่อเสียงของพี่จะป่นปี้ไปด้วย ดังนั้นก็ล้มเลิกแผนเสียเถิด ช่วงท้ายของตอนมัวร์ต้องลงทะเบียนในจุดที่คล้าย ตม. ข้ามไปด้วยชื่อปลอมของท่านหญิง ในสถานีชายแดนนางเอกโดนพาตัวไปทำแผลที่ห้องพยาบาลกับปีศาจเหยี่ยวที่เป็นคุณหมอ เพราะถ้าไม่รักษาแผลให้เสร็จก่อนเข้า อากาศพิษที่เป็นกรดจะทำให้แผลเน่า พวกปีศาจในศูนย์พยาบาลก็ดูน่ารักดี ไม่เหมือนอย่างที่มัวร์คิดไว้เท่าไหร่
ตอนที่ 4 : ดินแดนที่ฝนไม่ตกต้อง (2)
มัวร์โดนเหล่าปีศาจในสำนักงานถามชื่อกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ว่าได้แผลมายังไง นางเอกพยายามโกหกให้เนียนที่สุด แต่ก็มีความรู้สึกผิดในใจจนแสดงพิรุธ ปีศาจส่วนใหญ่ไม่รู้แต่หมอเหยี่ยวรู้ ก่อนหมอจะออกไปจากสำนักงานไปเมืองซีตาร์ (เมืองที่เซอร์เกรบอกว่ากำลังจะไป) มัวร์ขอโทษด้วยสายตาแล้วบอกหมอว่า ถ้าเจอเด็กสาวหน้าตาเหมือนเธอช่วยบอกเด็กคนนั้นว่าเธอจะไม่ยอมตายง่ายๆ ตรงนี้ก็มีตวามดราม่าเกิดขึ้นนิดหน่อย แต่เป็นดราม่าที่ไม่ยัดเยียดอ่านแล้วอินได้ ทั้งตอนที่มัวร์โกหกว่าซีตาร์เป็นบ้านเกิด และตอนที่คิดถึงพอระหว่างกำลังสำลักเลือดปางตาย ที่มัวร์สำลักเลือกเพราะยาต้านพิษของพี่รถม้าที่กินก่อนมาหน้านี้หมดฤทธิ์ พอหายใจเข้าไปเฮือกเดียว ระบบทางเดินหายใจก็เลยโดนเผาหมด ท้ายตอนมีแฟลชแบ็คนางเอกย้อนอดีตไปตอนเด็กครั้งไปเที่ยวทะเลช่วงกำลังสลบ พอได้สติก็ต้องมาเจอความทรมานอีกรอบ ตอนนี้สั้นลงมาก อาจเป็นเพราะตอนที่แล้วยาวมาก ๆ (รู้สึกนักเขียนจะเป็นแบบนี้กันหลายคน)
ตอนที่ 5 : เจ้าสาวของเสนาบดี
ช่วงแรกของตอนคือการเดินเท้าของเซอร์เกรกับท่านหญิงฟิลตัวจริง ด้วยความที่เป็นคุณหนูไม่เคยลำบากก็บ่นไปตามเรื่อง ตาลุงเซอร์เกรก็ไม่ได้สนอะไรเท่าไหร่ มีบทสนทนาเกี่ยวกับแผนการสลับตัวฟิลกับมัวร์ของเซอร์เกร เป็นการคลายปมย่อยรายทางที่ปิดฉากด้วยคำถามของฟิลว่า คนเป็นพ่อรู้สึกยังไงกับการส่งลูกสาวไปแต่งงานกับปีศาจ ตัดฉากกลับไปที่มัวร์ ตอนนี้คือไม่ได้กระอักเลือดแล้ว เธอตื่นขึ้นมาในห้องนอนของปราสาทปลายทาง มีคนรับใช้เป็นเอลฟ์คอยดูแลอย่างดี เอลฟ์สาวเล่าให้ฟังว่าพวกเธอไปรับนางเอกช้าจนเกือบสายไป แต่ก็คงไปทันแบบฉิวเฉียดเพราะตอนนี้นางเอกรอดตาย เดินทางมาถึงที่นี่ได้เรียบร้อย มัวร์ก็คิดระหว่างพักฟื้นว่าต้องทำตัวให้เนียนๆ หน่อย มีบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับสนธิสัญญาระหว่างเผ่าและการแต่งงานข้ามเผ่ากับเสนาบดีฝ่ายต่างประเทศ มีการเมืองติดมาด้วยนิดหน่อย มีคลิฟแฮงเกอร์ท้ายตอนคือ ผ่านไปครึ่งเดือนนางเอกเปลี่ยนลุคไปเยอะ พระเอกก็กลับมาถึงปราสาทแล้วเรียกให้นางเอกไปพบ แล้วปิดตอนตรงนี้
หลังอ่านจบ 5 ตอน อิมเมจบิวตี้แอนเดอะบีสต์จางไป แล้วโดนแทนที่ด้วยอนิเมะเรื่องเจ้าสาวผมแดง ตอนหน้าคงเปิดตัวพระเอกในฉากการพบกันครั้งแรก แล้วจุดเริ่มต้นของความรักแบบหวานขมก็คงเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
การบรรยาย : สำนวนภาษาถือว่าดีมาก ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอ่านนิยายแปลแฟนตาซีจากนักเขียนฝั่งยุโรป บทสนทนาเป็นธรรมชาติ แสดงให้เห็นถึงตัวตนของตัวละครนั้นๆ ได้อย่างมีมิติ แล้วก็ต้องขอชมเรื่องคำผิด, คำตก, คำซ้ำ เพราะเจอบ้างแต่น้อยมาก เช่น คล่ำหวอด-คร่ำหวอด เขียนบรรยายฉากต่างๆ ได้ดี ครบ 5 W สำนวนลื่นไหลอ่านง่าย มีการเล่นสัมผัสแบบคำสุดท้ายกับประโยคข้างเคียงเป็นระลอก เช่น "ศักดิ์สิทธิ์ดังคำสั่งของนักบวช สองเผ่าพันธุ์ปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด" พบการใช้คำแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอยู่บ้าง รวมไปถึงการใช้คำหายากแบบที่เจอในนิยายเก่าๆ เท่านั้น เท่าที่ไปสำรวจใน My iD ของนักเขียน เห็นว่ามีอยู่แค่ 2 เรื่อง ทำให้ไม่กล้าฟันธงว่าเจ้าของเรื่องเป็นนักเขียนมือเก๋ารุ่นเก่ามาแต่งในไอดีใหม่ หรือว่าเป็นเด็กใหม่ฝีมือดีกันแน่ เพราะทั้งสำนวนและการใช้คำนั้นเหนือกว่านิยายตลาดล่างเกือบค่อนเว็บ
ตัวละคร : มีมิติเด่นชัด แม้แต่ตัวประกอบตามฉากก็ยังเขียนให้รู้สึก ชอบ/เกลียด ได้อย่างมีชั้นเชิง ใช้บทสนทนากับการกระทำของตัวละคร ช่วย show ความเป็นคนคนนั้นออกมาได้ดี ตาเฒ่าเซอร์เกรดูกวนๆ เจ้าเล่ห์ ท่านหญิงฟิลก็คุณหนูจ๋ามาก ส่วนมัวร์นางเอกของเราก็อ่านแล้วชวนให้ลุ้นตาม ตัวละครแต่ละตัวมีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึกต่างๆ เหมาะสมตามสถานการณ์ที่ควรเป็น ใช้บทบรรยายผสมกึ่ง show กึ่ง tell เป็นตัวขับให้อินกับนิสัยตัวละครต่างๆ ได้
เนื้อเรื่อง : หลังจากผ่านช่วงตอนที่ 2 ไป รู้สึกว่าจะเข้าประเด็นได้ไวขึ้น การบรรยายสภาพแวดล้อมที่ล้นและไม่จำเป็นลดลง การเขียนบรรยายและบทสนทนาไม่ปนกันแล้ว แต่จังหวะการเล่ายังต่อเนื่องลื่นไหลเหมือนเดิม ตรรกะในเรื่องไม่มีอะไรให้ข้องใจ เดินเรื่องด้วยความเร็วปานกลางสม่ำเสมอ มีปริศนาให้ขบคิดทั้งปมหลักและปมรอง ความลับต่างๆ ของมัวร์และเซอร์เกรที่ยังไม่เปิดเผย นางเอกเจอเรื่องหนักๆ ให้ต้องเอาใจช่วยตั้งแต่ต้น จนบางทีก็รู้สึกสงสาร เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ หยอดดราม่ากันไปเป็นระยะๆ โดยสรุปคือน่าติดตาม ความสนุกอาจไม่ถึงขั้นดีเลิศ แต่ไม่ใช่นิยายที่ควรถูกมองข้าม
สิ่งที่ชอบ : ทักษะการใช้สำนวน ระดับภาษาที่ใช้ในเรื่องซึ่งเหมาะสมกับสถานการณ์ และการไม่ลืมวางคลิฟแฮงเกอร์อ่อนๆ ไว้ท้ายตอนทุกครั้ง
สิ่งที่เกลียด : จะว่าเกลียดก็ไม่เชิง แต่การใช้คำเก่าๆ หลายจุดอาจทำให้นักอ่านรุ่นใหม่ไม่เข้าใจความหมายของคำคำนั้น ถ้าเป็นไปได้อยากให้เร่งความเร็วของการเดินเรื่องเพิ่มขึ้นอีกหน่อย และหลังอ่าน 5 ตอนจบไป พบว่านางเอกนี่เป็นคนโชคดีมากๆ ได้รับการช่วยเหลือไว้ในทุกที่ที่เดินทางไป จะว่าเป็นความแมรี่ซูเบาๆ ก็ว่าได้ แต่ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยที่นักอ่านพร้อมมองข้าม
คะแนน : 8/10 คะแนน (ส่วนที่หักแยกเป็น คำโปรย+ภาพปลากรอบยังไม่ดึงดูดพอ -0.5 / คำผิดรายตอน -0.5 / บทบรรยายผสมบทพูดช่วงแรก -1)
ความเห็นส่วนตัว : เป็นนิยายที่ดีมีอนาคต ควรค่าแก่การสนับสนุน ถ้าเป็นนักเขียนน้องใหม่ถือว่ามีแววรุ่ง แต่ถ้าเป็นรุ่นเก๋าก็แปลว่าหมั่นลับเขี้ยวเล็บมาเป็นอย่างดี โม่งคนไหนที่เคยถามถึงการสับนิยายดีๆ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งให้สังเกตได้ว่า ถ้าเป็นนิยายคุณภาพการสับจะค่อนข้างสั้น เพราะไม่มีอะไรให้ติสักเท่าไหร่ และสิ่งที่ควรทำทุกครั้งคืออย่าเชื่อคนสับ 100 % ให้ลองกดลิงก์เข้าไปอ่านนิยายเทียบดูอีกทีว่าเห็นด้วยกับการสับหรือไม่ และทำให้เห็นภาพมากขึ้นด้วยกรณีอยากนำไปปรับใช้ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นอยู่แล้ว
แม่ง... เล่นโม่งนี่หว่า พอกูบอกจะลัดคิวไปสับ ปิดตอนกลายเป็น Unavailable เฉย เมื่อคืนกูยังไปอ่านอยู่เลย
แม่มมีชี้เป้าให้เล่นงานเพื่อนด้วยสัส แต่เจอแก้เกมด้วยการปิดไม่ให้อ่าน เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดจริมๆ
พวกในบอร์ดรักกันดีจริงๆ หาคนวิจารณ์นิยายให้เพื่อนด้วยสัส
>>508 กูก็ไม่ได้อะไรกะนางหิมะหรอกนะ ถ้าเกิดต้องเป็นเพื่อนกันก็พอไหว แต่ตัวกูจะจำไว้ว่าอินี่เป็นคนชอบสวมหน้ากาก คนหลายหน้า ถ้าจะเชื่อใจก็เชื่อแค่50%พอ(ตอนเป็นคนอีสานนี่ชื่อไอดีอะไรวะกุอยากรู้)
>>512 กูไม่ชอบเลย จะนินทาก็ให้มีเหตุผลหน่อยดิวะ ไม่ใช่นินทาใครมั่วไปทั่วเพราะแค่มันน่ารำคาญหรือชื่อน่าหมั่นไส้งี้แม่งไม่เห็นมันส์
กูชอบดูคนจกไอ้พวกตัวใหญ่ๆนิสัยเหี้ยๆที่มันเคยสร้างวีรกรรมสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นมากกว่าแบบนี้ค่อยสาสมหน่อย
https://www.dek-d.com/board/view/3956786/
คนหล่อมันตั้งกระทู้บอกใครวะ
คนหล่อตั้งมู้ลาวงการ พวกมึงไปทำอะไรเขาเปล่า นึกถึงเด็กยังไม่โตเลยที่โดนแกล้งแล้วไปฟ้องแม่....ว่าแต่มีใครจะสับนิยายของจิ้งจอกทิวามั้ย? อยากได้บทสรุปคือกูไปอ่านมาสองตอนละไปต่อไม่ไหว นางเอกตะโกนเยอะไปหน่อยกูเจ็บคอแทบ
เห้ยไม่ต้องตอบละ กุเห็นและแม่งมีไปสาดขี้ที่ห้องอื่นด้วยนี่หว่าสัส เขียนเหมือนกันเป๊ะ
>>524 คนที่เรียกร้องความสนใจแบบนี้มีแต่คนโง่เท่านั้นซึ่งกูก็ว่ามันโง่จริง ดูจากที่เป็นเพื่อนเล่าเบียวหัวโปกพวกฝีมือกากแต่เกรี้ยวกราดไม่ยอมรับความเป็นจริง คนหล่อมึงเคยเอาท่อนที่คนช่วยแนะนำไปใส่ในนิยายทั้งดุ้นจนเขาตั้งกระทู้ด่า ออกจากวงการไม่ต้องบอกใครยังไงไม่นานคนก็ลืมมึง เหตุผลอะไรก็ไม่จำเป็นต้องอ้างไม่มีใครอยากรู้ ทุกอย่างมึงเลือกเองทั้งนั้นอย่าโบ้ยให้คนอื่น อ่อนแอก็แพ้ไป จบ
มารับชมอะไรเบาสมองกันบ้าง เปิดไว้อันเดียวก็เอาอันนี้แหล่ะ
เรื่อง : Destiny teller thane : จอมพลแกร่ง แห้งกู้โลก
นามปากกา : กรอบแดง
ลิงก์ : https://my.dek-d.com/fuzzsinger/writer/view.php?id=2021092
หมวด : แฟนตาซี
จำนวนตอน : 1
สถานะตัวเรื่อง : ยังไม่จบ [ อัพเดตล่าสุด 17/11/62 ]
หนึ่งในนิยายชุด Destiny Teller ของแก๊งค์ไหพลีชีพ มีลิงก์นิยายเพื่อนบ้านในเซตเดียวกันอยู่บนปก ใช้ภาพจาก App หรือเว็บสร้างตัวละครอะไรสักอย่างทำเป็นอิมเมจแนะนำคาร์แรคเตอร์ ทำเอง 1 ยืมเขามา 1 บรรยายสรรพคุณของพระเอกไว้ตามปกติ มีอย่างเดียวที่อ่านสะดุดคือมึง Triple Bachelor's degrees ตอนอายุ 22 จริงดิวะไอ้เธน อยู่จักรวาลเดียวกับพี่คล้าวของทั่นกบหรือไง (แต่รายนั้นเมพกว่า กูจบตั้งแต่ 14 แล้วโว้ย) ฝ่ายหญิงพอเทียบความสูงกับพระเอกแล้วนี่ มันเป็น lolibaba ชัดๆ อีโลลิปลอมเปลือก ถูกกฏหมายแต่ตายไปจากความไร้เดียงสานานแล้ว แหวะ ถึงจะออกตัวว่ามาลองจับนิยายแฟนตาซีครั้งแรก แต่ในฐานะที่เขียนมาหลายเรื่องแล้ว ต้องยอมรับคำติชมด้านสำนวนและการใช้คำด้วยนะมึง
ตอนที่ 1 : ความตายก่อนเวลาอันควร
นายเธนมาเที่ยวงาน Thailand Grean Show คุยกับเจ้าของร้านสนิทสนมเหมือนเป็นลูกค้า VIP อธิบายรูปร่างหน้าตาไปแบบทื่อๆ ไม่อ้อมค้อม ระหว่างกำลังรอซื้อเครื่องเกมอยู่ อาการเส้นเลือดในกระปู๋แตกก็เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน (ห๊ะ อะไรนะ เส้นเลือดหัวใจเหรอ โทษทีๆ) คือเจ็บหน้าอกคล้ายคนเป็น Heart Attack (หัวใจวาย) พี่เจ้าของร้านวิ่งมาช่วยพยุงไว้ไม่ทันเลยล้มหัวฟาดพื้นตายหอง ก่อนตายมีตัดพ้อว่ากูก็ทำงานหน้าคอมสบายๆ ไม่เคยกินอาหารกลุ่มเสี่ยงแล้วกูหัวใจวายได้ไงวะสัส กูบอกให้ก็ได้ เพราะแม่งอยู่แต่หน้าคอมทุกวันก็เป็นออฟฟิศซินโดรมสะสมดิวะ กำลังกง กำลังกายก็ไม่ออก สมควรตายแล้ว
ระหว่างข้ามมิติ มีได้ยินเสียงกับเห็นภาพนิมิตไรด้วยเป็นการผูกปมย่อยทั่วไป (***เรือนราง-เลือนราง) แล้วจู่ๆ ก็ไปโผล่ห้องรอวาร์ป โดนส่งตัวไปนอนง่อยเปียกโชกกลางสายฝน ได้ยืนเสียงอีกรอบ ไม่มีคำอธิบายเหี้ยไรอีกเช่นเคย ก็เข้าใจว่าอยากให้ดูลึกลับ แล้วแต่มึงเลยแล้วกัน ยังไม่ทันจะหายมึนก็มีเสียงในหัวสั่งให้เก็บดาบ 「 คุณได้รับดาบใบกว้าง : 1 เล่ม 」 แล้วก็เชือดซอมบี้ ฟื้นตัวไวจังนะเมื่อกี้ยังบอกขยับตัวลำบากอยู่เลย โอเค อ่อนแรง ป่วยเป็นไข้ วิงเวียน แล้วคราวนี้หลบลูกธน ย่างเข้าโจมตีซอมบี้ใช้หน้าไม้ นี่ขนาดยังไม่ฟื้นตัวเต็มทีเลยนะเนี่ย เมพขิงๆ
"หนึ่งนัด หนึ่งฆ่า" ?!?!!
Dude... Are you fucking kidding me ? Oh, come on ! From "One shot, One kill" to those words. You use google translate or something ? Why don't you change them to "หนึ่งนัด หนึ่งศพ" instead ?
ออกจากถ้ำซอมบี้หน้าไม้มาเจอน้ำตกแสนเชี่ยวกราก... กราก... กราก... (***กราด ว๊อย) ข้ามสะพานไปเจอหอก เธนบอกใช้หอกดีกว่าน่าจะปลอดภัยกว่า (แน่ใจเรอะ) สุดท้ายก็เป็นกับดักโดนมินิบอสตัวแรกขวางทางออก แต่มหาเมพเทพแกรี่สตูวทรูมันนี่เธนของเราก็เอาชนะไปได้อย่างง่ายดาย เพราะรูปแบบการโจมตีของยักษ์พุงโลอ่านทางง่ายกว่าบอสเกมดาร์คโซล ฆ่าได้ก็ไปลูทของในห้องซึ่งเป็นถุงระบบเหรียญ 3 สี (อีกแระ ?) มีความมุ้งมิ้งเรียกมินิบอสว่าน้องยักษ์ เสียมาดพระเอกหมดเลย เดินดุ่มๆ ไปอีกนิดก็เจอบ้านคน ตะโกนเรียกได้ประโยคเดียวก็ล้มคว่ำแดกฝุ่นผ้าเช็ดตีนหน้าบ้าน ไหนบอกโคตรเทพไง ยักษ์ตีไม่โดนแม้แต่ครั้งเดียว ทำไมทีงี้ร่วงเฉยเลยวะ (ห๊ะ อะไรนะ ต้องสำออยหน่อยไม่งั้นเรื่องไม่เดินเหรอ โอเคๆ)
ลุงช่างตีเหล็กรับคนเปื้อนเลือดทั่วตัวเข้าบ้านว่างแปลกแล้ว ไอ้คนที่ฟื้นในบ้านคนอื่นแล้วยังนั่งคิดโน่นนี่ต่อได้นี่แปลกกว่า แถมชุดโดนเปลี่ยนเป็นเกราะให้ด้วย (เสร็จลุงไปหลายดอกแล้วแน่นอน สลบไป 2 วันแบบนี้) แล้วจะมาสงสัยว่านี่เป็นโลกแฟนตาซีทำไมตอนนี้ มึงควรคิดได้ตั้งแต่เจอซอมบี้ชุดแรกๆ แล้ว บทสนทนาประหลาดดี บอกตัวเองเป็นมนุษย์งาน ?? หมายถึงมนุษย์เงินเดือนหรือเปล่า โดนลุงเจ้าของบ้านเรียกว่าเธนผู้ไม่ตาย แต่ก่อนหน้านี้ตายไปแล้ว 1 รอบตอนข้ามโลก อ่านตรงปกนิยายส่วนของนางเอกก็บอกว่ารอพระเอกกลับมาหลังตายไป สรุปคือมึงตายไปแล้ว 2 ที ขัดแย้งกับฉายามึงมาก พี่เธนใจดียกหอกที่ได้มาให้ลุงเป็นค่าเช่าบ้าน (ที่จริงลุงจัดหนักจนคุ้มไปแล้วตอนมึงสลบ) ไหนบอกว่าใช้หอกปลอดภัยกว่า ระยะโจมตีไกลกว่าไง ไหงยกให้ลุงเฉย ช่างมันเทพเธนผู้ไม่ตายใช้ดาบเก็บได้ข้างถนนก็พอ
ดวงอาทิตย์เจิดจ้าทว่าเป็นสีดำมีวงแหวนเพลิง มึงหมายถึงสุริยุปราคาใช่ไหม เดินทางไปพร้อมกับลุง ฟังลุงเล่าเกี่ยวกับจอมมารอาร์คผู้สาปโลกให้โดนสูปพลังชีวิตไปเรื่อยๆ พอฟื้นตัวจากจำศีลมันก็จะกลับมาปกครองโลก (หมายถึงยึดครองโลกปะ ?) ไอ้เธนนี่ก็ใจเย็นมาก คือมันไม่ตกใจตั้งแต่เจอยักษ์ลงพุงนี่ก็ชัดเจนแล้วว่าแกรี่หนักมาก พอเดินทางไปถึงเมืองก็เจอการฟิวชั่นเซตติ้งอันสุดยอด ชาวต่างโลกมีทั้งแบบขี่ม้า ขับเกวียน ใช้รถยนต์ นั่งเฮลิคอปเตอร์ เอาเข้าไป ลุงอธิบายต่อถึงความเถื่อนของเธนในอดีต บอกว่ามันโหดมากขนาดตำรวจยังซีด (ตำรวจในโลกแฟนตาซีน่ะนะ) พอเดินทางไปถึงที่ไหนก็ไม่รู้นักเขียนไม่ได้บอก พระเอกโดนยามเอาอาวุธอะไรไม่รู้ไม่ได้อธิบายจ่อหัว ถ้าพระเอกโด่งดังจนลุงมองทีเดียวจำได้ว่าเป็นวีรบุรุษกู้โลก ทำไมคนในเมืองไม่รู้จักพระเอกวะ ยิ่งเป็นทหารยามในเมืองก็ควรรู้เรื่องพวกนี้มากกว่าลุงที่อยู่บ้านนอกอีก บังอาญดูหมิ่นฮีโร่แบบนี้ เอามันไปตัดหรรม !
ต่อมาเธนโดนหัวหน้ายามคุมตัวไปสอบสวน กระดกชาคุยกัน หัวหน้ายามบอกหน้าตาท่าทาง กรากๆ แบบนี้จะใช่คนในตำนานแน่เร้อ ไอ้เธนหัวร้อนบอกพูดแบบนี้สักฝุ่นไหมสัส ยังไม่ทันได้ต่อยกัน ไอ้เธนได้ความทรงจำคืนมาบางส่วนเพราะมองรูปภาพในห้องประชุม ระเบิดพลังไฟฟ้าแสนโวลต์ใส่คริมสันหัวหน้ายาม แล้วบอกเก๊กๆ ว่าเดี๋ยวกูจะไปรอมึงหน้าเซเว่น พอคริมสันมาถึงหน้าเซเว่นก็ตะโกนว่าทำไมไม่ใส่เกราะสู้วะ (แล้วมึงถอดเกราะออกตอนไหนวะเธน บอกกูที) ไอ้เธนที่เคยหัวร้อนเมื่อครู่ จู่ๆ ก็อยากใช้สันติวิธีขึ้นมา บอกว่าเราไม่ต่อยกันแล้วดีป๊ะ ไอ้คริมสันไม่ยอมจ้วงแทงเรเปียร์ทะลุถุงหุ้มหรรมข้างซ้ายของเธนอย่างไม่คิดยั้งมือ เธนที่ไข่ทะลุดันตัวออกจากเรเปียร์ (มันต้องดึงตัวออกไม่ใช่เหรอ ดันตัวก็ยิ่งแทงเข้าลึกกว่าเดิมดิวะ) ถอยออกมาไม่นานแผลบนหรรมของเธนก็สมานกันสนิท กลับมาเหมือนใหม่เยี่ยงไข่ที่ไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน ไอ้คริมสันเงิบแดก พยายามแทงไปที่ไข่ข้างขวารัวๆ บ้าง แต่เทพเธนก็หาได้รู้สึกไม่ โดนเรเปียร์แทงไข่ไม่ยักกะเจ็บ แต่พอรอยสักพลังพิเศษปรากฏขึ้นบนตัว เสือกเจ็บ!
เรื่องจบลงด้วยดี เธนเดินไปเอามือวางบนไหล่คริมสันเบาๆ บอกว่ากูนี่แหล่ะตัวจริง คราวหน้าคราวหลังอย่างเที่ยวไปแทงไข่ใครมั่วซั่ว ถ้ามึงแทงไข่กูอีก รับรองว่ามึงจะโดนหรรมฟาดหน้าจนถึงแก่ความตายแน่ หลังจากนั้นไอ้เธนหิวข้าวก็เลยไปที่ครัว แดกอาหารชาววังแถมยังปักธงแม่ครัวไป 1 ดอก สักพักมีสมาชิกฮาเร็มคนแรกเข้ามาในห้อง ก็เจ้าหญิงนั่นแหล่ะ มีคุยกันงุ้งงิ้งนิดหน่อยพอเป็นพิธี การออกแบบตัวละครของนักเขียนโคตรพัง พระเอกชื่อเธน เจ้าหญิงชื่อ เธล คนต่อไปเอาไรดี ธวย ดีไหม พอไปคุยกันห้องใหม่ก็มีพี่สาวของเธลชื่อ อัลเล็น โผล่มาอีกคน คุยกันว่าเธอจะต้องฝึกเพิ่มเพื่อให้เก่งพอจะไปสู้กับอาร์ค (แค่นี้มึงยังเก่งไม่พออีกเหรอ) มีการแซวเรื่องรูบนเสื้อผ้าตอนโดนเรเปียร์แทงไข่ด้วย น้องเธลเดินมาส่งเธนที่ห้อง แสดงความ ปญอ. ง้องแง้งออกมานิดหน่อย น่าตบกะโหลก คือถ้าสองตัวนี้อยู่ในฉากเดียวกันทีไร กูนึกถึงเพลงชิปกะเดลมี 2 พี่น้องขายของในคลองขึ้นมาทันทีไม่รู้ทำไม แล้วเนื้อเพลงก็เปลี่ยนเป็น เธนกะเธล ให้โดยอัตโนมัติด้วย เบื่อสัสๆ
แล้วก็ย้อนอดีตไปแบบงงๆ พูดถึงไอ้เธนวัยเด็กกับน้องสาวชื่อทิว (สงสารน้องโดนตั้งชื่อแบบนี้) กับทัพที่น่าจะเป็นพี่คนโตสุดในแฝด 3 นี่ แล้วกิมมิคเรื่องแดกราดหน้านี่ เห็นมา 3 รอบแล้ว ชอบราดหน้ามากหรือไงคนแต่งอะ ขนาดไปต่างโลกยังมีราดหน้าอีกนะ ก็เป็นเรื่องในโลกปกติ น้องๆ เอาลอดช่องกับบัวลอยไปนั่งกินตอนดูหนังผีในห้องพี่คนโต ถ้าเป็นกู กูไม่ยอมเด็ดขาด หกทีนะมึงเอ๊ยงานช้าง พักหนึ่งเธอก็ตื่นขึ้นมาในโลกแฟนตาซี
จบตอน - เหนื่อยสัสๆ
>>536 การบรรยาย : มือใหม่โคตรๆ มีข้อผิดพลาดหลายจุด เจอคำผิดเป็นระยะๆ อ่านบทบรรยายแล้วรู้สึกเหมือนเล่นเกม 2D แบบ side scrolling ดูพระเอกเป็นตัวละครในเกม FR 202 เดินจากซ้ายไปขวา ฟันๆ แทงๆ ศัตรูในด่าน เดินไปแป๊บๆ เจอถ้ำ อีกนิดน้ำตก แป๊บนึงก็เจอสะพานสู้บอส เลยห้องบอสไปนิดเดียวเจอบ้านลุงตัดเข้าฉากอีเวนท์เธนล้มพร้อมกรอบคำอธิบาย [ hero collapsed in front of blacksmith's house] ยังไงดีวะ มันไม่เห็นฉากต่อสู้แบบเครื่องเกมเจนใหม่ที่เป็น 3D อย่าง Play Station อะ ภาพในตัวตอนอ่านนิยายเรื่องนี้แรกๆ คือ 2D SS จริงๆ แล้วมาดีขึ้นตอนศึกคริมสันแทงไข่ ค่อยดูเป็นนิยายแฟนตาซีปกติขึ้นมาบ้าง ความลื่นไหลให้พอใช้พอ อ่านได้เรื่อยๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นดี
ตัวละคร : พระเอกไบโพล่าร์ เดี๋ยวหัวร้อนจะต่อยคน ผ่านไปไม่ถึงนาทีมาบอก ไม่ต่อยกันแล้วดีกว่า ตอนแรกบ่นปวดเนื้อปวดตัว อ่อนแรง ตัวร้อนเพราะพิษไข้ ลุกแทบไม่ขึ้น แต่สามารถฆ่าซอมบี้ได้สบาย โชว์ความเมพขิงตอนสู้บอสยักษ์ แล้วค่อยมาเปลี้ยอีกทีหน้าบ้านลุง กราฟมันขึ้นๆ ลงๆ จนกูตามไม่ทัน สาวๆ ในเรื่องที่ตอนนี้โผล่มา 2 คน อัลเล็นดูปกติธรรมดาไม่มีจุดเด่นอะไร มีบทบาทแค่คอยปรามน้องเธลแสนซน ถ้าออกแบบนี้เธลนี่ให้เป็นตัวละครสไตล์โลลิ น่ารัก เอาแต่ใจ ถือว่าสอบตก อ่านแล้วไม่มีออร่า must protect แผ่ออกมาเลยแม้แต่น้อย กลับกันอยากโบกให้หัวทิ่มแทนซะงั้น น่ารำคาญอีเด็กดอก
เนื้อเรื่อง : แฟนตาซีเทพทรูเริ่มมีฮาเร็มชิทเข้ามาเพิ่มด้วยแล้วนิดหน่อย เป็นนิยายต่างโลกพระเอก OP ที่หาได้ทั่วไปในเว็บเด็กดวก ถ้าคิดจะเอาดีในสนามนี้ก็เหนื่อยหน่อย เพราะนอกจากยังเขียนได้ไม่ดีพอแล้ว การออกแบบฉากต่อสู้ การ Fan service แบบ Badass moment ของพระเอกยังใช้ไม่ได้ ไม่เท่พอจะให้น้องเกรียนที่อ่านเกิดความอยาก เซลฟ์-อินเสิร์ท เข้าไปเป็นพี่เธน ปัจจัยส่วนตัวคือตามที่บอกไป ปัจจัยภายนอกคือจำนวนคู่แข่งในเว็บที่มีอยู่มากมายมหาศาล ต้องตีโจทย์ให้แตกว่าทำยังไงถึงจะไปถึงระดับ Deva Wizard หรือ Tale of Yuyaun ได้
สิ่งที่ชอบ : ปุ่มกากบาทสีแดงด้านขวาบน
สิ่งที่เกลียด : ราดหน้า ความไบโพล่าร์ของพระเอก ความน่าตบของเธล
คะแนน : 70 คาเงโร่ (อย่างน้อยก็ยังดีกว่าของเจ๊ดอกนะ ภูมิใจเหอะ)
ความเห็นส่วนตัว : คำเดียวสั้นๆ "กราก"
>>539 ตอนเดียวจริงๆ แต่มันพิมพ์ไว้ยาว เดินเรื่องเร็วโคตรๆ ด้วย คือแต่ละฉากในคำบรรยายมันสั้น 2 ประโยคแรกพูดถึงซอมบี้หน้าไม้ ประโยคสามเจอสะพาน ประโยคสี่ข้ามสะพานไปเก็บหอกในห้องบอส อารมณ์กึ่งๆ ดูคนแคสเกมไม่ก็นั่งอ่านบทสรุปเกมสมัยก่อน เวลาสับเลยมีเรื่องให้ด่า, จับผิดเยอะ ตอนเดียวเลยสับได้ยาว
เบาสมองต่อเนื่อง กับนิยายที่เคยมีเพื่อนโม่งเอามาแปะ
เพราะมันมีชื่อญี่ปุ่นแบบโรมาจิ (คล้ายๆ ภาษาคาราโอเกะบ้านเรา) อยู่ด้วย
เรื่อง : ไปเป็นพ่อค้าที่ต่างโลกด้วยskillร้านค้า Kotonaru sekai to shoppu shisutemu
นามปากกา : เทพอินดี้ GG
ลิงก์ : https://writer.dek-d.com/baku199999/writer/view.php?id=1991653
คำโปรย : ต่างโลก, ลงดัน, พ่อค้า, skill, ขายสินค้า,ฟาร์มวัตถุดิบ,ผจญภัย, ไม่มีจอมมาร,โอเวอร์เทคโนโลยี่, สโลว์ไลฟ์ (มึงเอา Tag มาใส่อะไรตรงนี้)
หมวด : แฟนตาซี
จำนวนตอน : 108 ตอน
สถานะตัวเรื่อง : ยังไม่จบ [ อัพเดตล่าสุด 27/12/62 ] แปลว่ายังอัพเรื่อยๆ ไม่ดอง
ก่อนจะเริ่มสับ ขอคุยเกี่ยวกับชื่อเรื่องก่อน ดูแว๊บเดียวรู้เลยไอ้นักเขียนนี่ใช้ google translate เหมือนไอ้คนหล่อมืออาชีพ ทำไมกูถึงคิดแบบนั้น คำตอบคือชื่อส่วนโรมาจิที่ไอ้นี่ใช้อยู่มันเกิดจากการแปลภาษา 3 ทอด จากไทยไปอิ๊ง แล้วจากอิ๊งไปแจ๊ป สุดท้ายมันเลยเกิดปัญหาแบบเดียวกับนักแปล ที่ไปขโมยนิยายต่างประเทศมาแปลเก็บโดเนทเข้ากระเป๋าตัวเอง คือความหมายมันเพี้ยนโว้ย
ชื่อไทยที่แม่งตั้ง : ไปเป็นพ่อค้าที่ต่างโลกด้วยskillร้านค้า
โรมาจิเวอร์ชั่น : Kotonaru sekai to shoppu shisutemu (โคโทนารุ เซไค โตะ ช้อปปุ ชิซุเต้มหมุ)
日本語 : ことなる 世界 と ショッピング システム
แปลย้อนไปอิ๊ง : Different world and shopping system
แปลอิ๊งไปไทย : โลกที่แตกต่างกับระบบช้อปปิ้ง
คือยังไงดี คำว่า "โลกที่แตกต่าง" กับ "ต่างโลก" อาจฟังดูความหมายคล้ายกัน แต่คำจำกัดความของนิยายต่างโลก genre มันคือ Isekai (異世界) - [Another World] มันคือโลกใบอื่นที่อยู่คนละมิติกับโลกจริงของเรา แต่ไอ้ ことなる 世界 ที่มึงใช้นี่มันหมายถึง โลกจริงโลกเดิมนี่แหล่ะแค่แปลกไปในรายละเอียดบางอย่าง เช่นพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศเหนือ หรือมีกฏว่าต้องหยุดตอนไฟจราจรสีเขียว ไฟเหลืองคือไปได้ แดงคือระวัง มันเป็นโลกสไตล์ Low Fantasy อะ ไม่ใช่โลกอย่างที่มึงแต่งในนิยาย เพราะนั่นมันเป็น High Fantsy มีเวทมนตร์ มีเผ่าต่างๆ พระจันทร์ 2 ดวง แล้ว shopping system ที่ทับศัพท์เสียงอ่านมาก็ดูตลกๆ โดยรวมคือโรมาจิไม่เกี่ยวเหี้ยไรเลยกับชื่อเรื่องไทย นี่ขนาดแค่ชื่อเรื่องนะ ยังไม่ได้อ่านปกนิยายเลย
ต่อไปปกนิยายอันนี้ก็โดนอีก เขียนไว้ว่าพระเอกไม่เก่งเว่อร์ อ่านแล้วมองบน อมสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดมาพูดกูก็ไม่เชื่อ เป็นนิยายสโลว์ไลฟ์ แต่งมาให้อ่านคลายเครียดอย่าไปคิดมาก (แหน่ะ... เผื่อทางให้ตัวเองเดินด้วย เผื่อมีตรรกะป่วยจะได้อ้างได้) เซตติ้งโลกพื้นฐานมีดันเจี้ยนเป็นแหล่งหาวัตถุดิบ พอถึงจุดนี้หักคะแนนก่อนเลย -1 คะแนน เอาภาพจากอนิเมะและอาร์ตเวิร์คต่างๆ มาแปะในนิยายตัวเองเพียบ เพียงแค่รูปแรกรูปเดียวขายตูดไปยันแก่ก็ไม่แน่ว่าจะใช้หนี้ค่าลิขสิทธิ์ได้หมด พระเอกชื่อโทยะ เห็นหน้าในรูปก็คือชัดเลยนี่มันโทวยะพระเอกเรื่อสมาร์ทโฟนต่างโลก แต่ชุด Battle Mage ของโทวยะมันสีขาวดูไม่เท่ ต้องการชุดโทนสีดำเพื่อให้ดูเอจจี้เลยตัดรูปหัวโทวยะไปวางบนตัวของพระเอกเรื่องคนคลั่งจอมตะกละ (คงอยากได้อิมเมจแบบคิริโตะจาก SAO) ออกมาเป็นโทยะเสินเจิ้น กูนี่ปรบมือรัวๆ พร้อมกับพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า "โอเมเดะโตะ" คือแม่งมีหลายเรื่อง คาซุมะจากโคโนซุบะก็มา คุณซังโกะ 9 หางก็มี อยากรู้ว่ามีอะไรอีกก็กดลิงก์ไปดูเอาเอง
เชี่ย ในที่สุดก็ได้เริ่มสักที
ตอนที่ 1 : บทนำ/ค่าเงิน/ทวีปต่างๆ
เอารูปจากหน้าปกมาหลอกหลอนกูอีกรอบ พร้อมกับบรรยายข้อมูลต่างๆ เหมือนอาจารย์ให้นักเรียนเลคเชอร์ ง่วงเหี้ยๆ ถ้าเป็นไปได้อย่าทำแบบนี้ในนิยายตัวเอง มีอีกร้อยแปดพันเก้าวิธีที่จะแทรกการอธิบายข้อมูลของเรื่องไปแบบเนียนๆ ไม่ได้บอกนะว่าวิธีนี้มันผิด แค่มัน "อ่อนหัดและไร้ศิลปะ" เฉยๆ
ตอนที่ 2 : จุดเริ่มต้นของการมาต่างโลก (อย่างงี้ก็ได้เหรอ)
พระเอก "โทยะ" ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นวัยเบญจเพศ อุ่ย! ต้องเบญจเพสสิ (สับนิยายเจ๊ดอกคำผิดเยอะเลยติดเชื้อมาด้วยเลยเนี่ย) เป็นเด็กกำพร้าทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน อ่านภาษาสำนวนในช่วงแรก ฟังดูไท๊ยไทย เพราะไม่ได้อธิบายเซตติ้งด้วยว่าเรื่องเกิดที่ไหน รู้แค่ว่าเป็นร้านขายส่งแห่งหนึ่ง ภาษาพูดในบทสนทนาก็ไทยอีก แต่กูจะมองข้ามก็ได้(วะ) พระเอกกลับไปที่พักระหว่างทางแวะซื้อพิซซ่าแดก แล้ว 3 ย่อหน้าหลังจากนั้นคืออธิบายราคาพิซซ่า ค่าเช่าหอ กับราคามือถือที่แม่งใช้อยู่ คือถ้าเป็นกูนี่ รวบจาก 3 ย่อหน้าเป็น 2 ประโยคก็จบแล้ว แล้วก็เป็นฉากพระเอกพิซซ่าติดคอแต่น้ำหมด จะวิ่งลงไปเอาน้ำชั้นล่างก็ไม่ทันเลยได้ Isekai'ed ไปต่างโลกด้วยประการฉะนี้ เรื่องบทพูดของตัวละครถ้าอยากให้ดูญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่า "ไม่แจ๊ปเบย" ฟังดูโคตรไทย เหมือนนิยายวัยรุ่นไทยวัยอุดมศึกษา จนแล้วจนรอดก็ยังไม่บอกว่าที่นี่ที่ไหน เลยรู้สึกว่าโทยะเป็นลูกครึ่งแต่ว่าอยู่เมืองไทย ไม่ใช่ญี่ปุ่น
ฟื้นมาอีกทีก็สูตรสำเร็จคล้ายเรื่องสมาร์ทโฟนอีก แค่คราวนี้พระเจ้าไม่ได้ทำพลาดจนโทวยะตาย แต่โทยะแม่งพิซซ่าติดคอตายเอง เทพคุมโชคชะตาบอกว่าตัวเองมีหน้าที่กำหนดชะตาให้มนุษย์แต่งานแม่งยุ่งเลยดูได้ไม่ทั่ว แล้วพอพระเอกอายุ 30 เดี๋ยวจะกำหนดชะตาให้พระเอกค้าขายรุ่งเรื่อง แต่พระเอกดันมาตายเสียก่อนตอน 25 คืออ่านแล้วเป็นงงเว้ย ที่พระเอกตายไม่ใช่ความผิดท่านเทพ เพราะงานท่านเทพคือรอให้พระเอก 30 ก่อน แล้วถึงจะกำหนดทางเดินชีวิตให้ ส่วนเรื่องพระเอกชิงตายเองก่อนเพราะลืมกรอกน้ำไว้เนี่ย ตายเพราะโง่ด้วยตัวเองล้วนๆ ก็เลยสงสัยว่าทำไมท่านเทพต้องช่วยมึงด้วยวะโทยะ เออ นั่นแหล่ะ ก็จะมองข้ามไปก็ได้ เขียนมาขำๆ ชิลๆ อยู่แล้วนี่ ก็ได้สกิลพิเศษอะไรกันไป เป็นสกิลร้านค้าเบิกของมาขายได้เหมือนโลกเดิม แต่เบิกของเว่อร์เกินไปไม่ได้ ว่าจบท่านเทพก็ปรับให้พระเอกย้อนไปเป็นตอนอายุ 18 แล้วเปิดวาร์ปส่งพระเอกไปโลกใหม่ จบตอน
ตอนที่ 3 : ต่างโลกวันแรก
อ่านช่วงแรกของตอนกูถึงขั้นอุทานว่า "ค๊วย" ที่บรรยายมาหมดนั้นมันคือโทวยะตัวจริงเสียงจริงเลยโว้ย ถ้าใครเคยดูเมะเรื่องนี้มาคือภาพจะลอยเข้ามาในหัวเลย อธิบายคร่าวๆ เรื่องนี้ก็คล้ายเรื่องอื่นคือเป็นอิเซไค ระบบเกม มีสกิล เรียกหน้าต่าง user interface ขึ้นมาดูได้ พระเอกนับเงินที่มีเสร็จก็เปิดเมนูร้านค้าขึ้นมาดูว่าซื้ออะไรได้บ้าง ก็มีข้อมูลจำพวกราคาเยอะแยะลายตา ตอนจะเข้าเมืองก็มีการตรวจบัตร พอไม่มีบัตรผ่านก็ทำบัตร เช็คประวัติอาชญากรรมอะไรไป เหมือนเป็นบัตรสมาคมแบบไม่เป็นทางการ ก็เดิมๆ อะนะ ต่อไปก็คงเข้ากิลด์นักผจญภัยตามสูตร มีการซื้อของต่างโลกมาเทียบคุณภาพเพื่อหวังเก็งกำไรนิดหน่อย แล้วก็นั่นไง ไปสมัครเข้าสมาคมจริงด้วย ทีนี้ก็ขายของไปด้วย ดึงร้านมา 10 คอป (ทองแดง) เอามาขาย 25 คอป กำไร 150% เย็ดเข้ ที่เหลือในตอนก็เหมือนเดิม ค้ากำไรเกินควรอย่างสุจริต ก่อนจบตอนก็ซื้อปืนมาไว้ใช้เสียหน่อย มีปืนใช้ในยุคกลางแฟนตาซีแบบนี้ ไหนบอกไม่ OP ไงวะ
ตอนที่ 4 : เดินเล่นนอกเมือง
เช้ามาแดกสเต็กฮอร์นแรบบิท กูเองก็แปลกใจ ไม่รู้ทำไมอีฮอร์นแรบบิทนี่เป็นเหยื่อรายแรกๆ ตลอดเลย คือโดนเก็บเป็นรายชื่อแรกของหลายๆ เรื่อง ถ้าเรื่องไหนไม่มีเขา ก็จะตัวใหญ่หน่อย แต่ที่เหมือนกันคือสุดท้ายโดนตัวเอกเชือด หรือโดนจับมาทำอาหารแบบนี้ ท้องอิ่มแล้วก็ไปหาที่โล่งปลอดคนลองยิงปืนนอกเมือง เรื่องความแม่นขอไม่พูดถึง แต่ไอ้ยิงแล้วได้สกิลนี่คืออะไรวะ พอนึกถึงภาพประกอบนิยายแบบย่อก็ชัดเลย ไอ้เด้งสกิลรัวๆ หลังจากเกิดการกระทำเนี่ยมันคือไอ้ซาตู้เรื่องเดธมาร์ชนี่หว่า แต่งนิยายด้วยการดึงไอเดียมาจากอนิเมะที่โดนชาวเน็ตถ่มถุย 2 เรื่องรวด มึงคิดดีแล้วเหรอวะ มาคิดๆ ดู เออ... มันก็คงคิดดีแล้วแหล่ะ เพราะแต่งไปได้เป็น 100 ตอน ยังไงเด็กใหม่วัยเห่อม๋อยของเว็บนี้ก็พร้อมจะอ่านงานมึงอยู่แล้ว (แถมขายแพ็คออกด้วยนะ) ได้สกิลมาอีกบาน กับการค้นพบระบบแยกชิ้นส่วนไอเท็ม ก่อนจบตอนมีคลิฟแฮงเกอร์เบาๆ ให้ชาวเกรียน Hype เล่น
ตอนที่ 5 : มือมันลั่นไปเอง 0.o
อือหือ... แจ่มใสสไตล์โผล่มานิดหน่อย มีอิโมติค่อนบนชื่อตอนกับในตอน เนี่ย อีกสาเหตุที่กูไม่ชอบนิยายแจ่มใส เพราะมันมีออีโมติค่อนเจ้าของบริษัท Work Point ระทวย (ปํญญาอ่อน) แบบนี้ไง เปิดตอนมาดูเมนูของแพงโคตรๆ โทยะก็เล็งๆ ไว้ เรื่องตัวเลขกับราคากูจะไม่พูดอะไรแล้วนะ ถึงจะผิดหลักการแต่คงเป็นแนวของนักเขียนอะ มันคิดว่าดีก็ให้มันใช้แล้วกัน ส่วนเนื้อเรื่องก็ พระเอกไปสมัครเป็นนักผจญภัย มี info-dump เรื่องกฏที่พอให้อภัยได้ พอเห็นกฏว่าจะเลื่อนขั้นได้ต้องชนะคนแรงค์สูงกว่า พระเอกเลยท้าลุงแรงค์ D มาเดี่ยวกันในสนามประลองหลังร้าน ก่อนจะสู้ก็ถามเจ๊เมดว่าถ้าฆ่ากันตายนี่จะเป็นไรไหม พอเจ๊บอกว่าถ้าถึงตายจริงๆ ผู้แพ้จะโดนวาร์ปไปจุดเซฟเองอย่างปลอดภัย ไอ้โทยะเลยชักปืนออกมาเหนี่ยวลุงไป 1 นัดกลางหน้าผาก ทำเอาทุกคนใบ้แดกด้วยอิโมติค่อนแจ่มใส
การบรรยาย : บรรยายดีใช้ได้ ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ อ่านแล้วมีสะดุดบ้างเพราะคำผิด อีโมติค่อน และตัวเลขที่ควรเขียนเป็นตัวอักษรมากกว่าใช้เลขอาราบิก ข้อยกเว้นเกี่ยวกับการใช้ตัวเลขเนี่ยมันมีอยู่เหมือนกัน อย่างเช่นการลงวันที่ในจดหมาย การอธิบายป้ายบ้านเลขที่หรือสถานที่แบบอื่น กับการพูดถึงตัวเลขที่มันมีจำนวน digit เยอะ แบบเขียนว่า 1,750,000 บาทงี้อะได้ แต่ถ้าเป็นหลักน้อยๆ อย่าง เงินทอน 475 บาท / 3 แผ่น 100 / 3 เม็ด 2 บาท ควรเขียนเป็น เงินทอนสี่ร้อยเจ็ดสิบห้าบาท / สามแผ่นร้อย / สามเม็ดสองบาท จะดีกว่า เทียบการใช้สำนวนกับการสับก่อนหน้าคือดีกว่าคนหล่อมืออาชีพหลายขุม และดีเลิศประเสริญศรีเทียบกับของเจ๊ดอก อ่านง่ายสำหรับคนทั่วไปแม้จะขาดความสละสลวย แต่ให้อภัยได้เพราะมันออกตัวไว้แล้วว่าเป็นนิยายสโลว์ไลฟ์ ภาษาก็คงง่ายๆ เดินเรื่องเนิบๆ เกือบจะช้า แล้วเรื่องการใช้ ผม กับ ท่าน เนี่ย เห็นมาหลายรายละ เพราะดูอนิเมะมากไปถึงใช้ระดับภาษาปนกัน ถ้าจะไปอยู่ต่างโลกแล้วก็ใช้ ข้า-ท่าน ไปเลยก็ดีนะ ใช้ผสมกันอ่านแล้วคันตีน
ตัวละคร : มุชิสุกิ โทวยะ พระเอกฮาเร็มโคตรพ่อโคตรแม่ OP มารวมร่างกับ ซาตู้ยอดนักเย็ดพี่สาว Ara Ara สเตตัสเยอะวัวตายควายตะลึง เด้งสกิลตลอดเรื่องมาเกือบสองหมื่นสกิล ได้ออกมาเป็นพระเอกเรื่องนี้แบบตัดสเตตัสเว่อร์ๆ ออกไป แต่ใช้ปืนเหมือนต้นแบบทั้งคู่ นิสัยพระเอกไม่น่ารำคาญ แต่ดูธรรมดาราบเรียบ ขาดจุดเด่นอย่างแรง ซึ่งก็คล้ายกับนิสัยของไอ้สองตัวที่กล่าวถึงเหมือนกัน ขาดเอกลักษณ์ของตัวละครและไม่เป็นที่น่าจดจำ ตัวประกอบอธิบายไว้แค่เรื่องเผ่า เลยนึกได้แค่เขา หู กับปีก
เนื้อเรื่อง : อ่านชื่อเรื่องก็เข้าใจแล้ว ตามนั้นแหล่ะ
สิ่งที่ชอบ : ความกล้าจะใช้ตัวละครที่โดนด่าเอามาทำต้นแบบพระเอก ซึ่งอาจได้ผลดีเพราะน้องเกรียนเขาชอบดูเมะแนวนี้อยู่แล้ว นึกภาพตามได้ไม่ยาก ขายของได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เน้นขายเด็กๆ ที่อยาก เซลฟ์-อินเสิร์ท เป็นพระเอกหล่อๆ เทพๆ มีชีวิตสะดวกสบายชิลๆ พวกที่ชอบเล่นไมน์คราฟ ฮาร์เวสมูน สตาร์ดิว น่าจะตกง่ายเป็นพิเศษ ส่วนอื่นคือความกล้าอีกเหมือนกัน กล้าที่จะท้าทายกฏหมายลิขสิทธิ์ด้วยการตัดแปะรูปจากหลายแหล่งมาไว้เป็นภาพๆ เดียว โชคดีไปที่บริษัทเจ้าของพวกนี้เขาคงไม่มาไล่จับปลาซิวปลาสร้อยให้เปลืองค่าทนาย
สิ่งที่เกลียด : อีโมติค่อนแจ่มใส ความญี่ปุ่นปลอมในเรื่อง การใช้ภาพผิดลิขสิทธิ์จำนวนมากเกินไป และใช้ภาพในเชิงพาณิชย์ เอามาหาแดกด้วยการขายแพ็ค (รายได้รวมก่อนหักค่าต๋ง : 20,395 บาท)
คะแนน : 7/10 คะแนน (ถ้าตรรกะวิบัตจะโดนตัดเหลือ 5/10)
ความเห็นส่วนตัว : อ่านง่ายตามสไตล์สโลว์ไลฟ์ บทบรรยายไม่ซับซ้อน พระเอกโชว์เทพเป็นระยะ เป็นนิยายที่เหมาะแก่การยืดเรื่องหลอกแดกนักอ่านเด็กหน้าใหม่วัยเห่อม๋อย (ถ้าไม่เคยดูเมะด้วยจะได้ผลเป็นพิเศษ) เจริญรอยตามเมะรุ่นพี่ที่ลอกไอเดียมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีจุดพีคของเนื้อเรื่อง กระแสเนื้อหาไหลไปตามสถานที่ที่พระเอกไปถึง และอาจแปลงร่างเป็นนิยายฮาเร็มได้ในอนาคต
ทำไมช่วงนี้เด็กดวกถึงฮิตตั้งกระทู้แชร์พล็อตเรื่องกันวะ กูเห็นมีคนตั้งเกือบทุกวัน พล็อตเรื่องนี่มันเป็นของที่ไม่ควรแชร์กับคนอื่นมากที่สุดหรือเปล่า วันก่อนกูยังเห็นกระทู้โอดครวญเรื่องโดนก็อปพล็อต โดนก็อปตัวละครอยู่เลย
ขอบคุณก็ผิด ไม่เข้าใจ นักเขียนนี่เอาใจยากแฮะ
ว้อยยย เรื่องมากไงเนี่ย
จุดประสงค์บอร์เด็กดวกเปลี่ยนไปแล้วไง ทำทุกอย่างเพื่อแก้เหงา
ตะกี้กูอาบน้ำมาแบบว่าอารมณ์ดี เลยกะจะเข้าไปเพิ่มยอดวิวให้นักเขียนเจ้าของเรื่องใน >>544 สักหน่อย
กดเปิดนิยายอีกเรื่องของมันขึ้นมาดู ชื่อออกแนวจีนๆ ตอน 1 มีฉากหลังเป็นประเทศไทยกับพระเอกลูกเสี้ยวจีนชื่อ "เซียน" (มักง่ายดี) ข้ามมิติไปอยู่โลกผู้ฝึกตนเพื่อให้บรรลุระดับพลังห่าเหวอะไรของแม่งเหมือนเรื่องอื่นๆ คือถึงตรงนี้กูยังพอรับได้นะ แต่มาเจอสิ่งหนึ่งเข้าให้ ทำเอากูปิดนิยายทิ้งเลย "พลังลมปราณกับแสตนด์"ใช่เพื่อน นิยายจีนกำลังภายในแนวเทพเซียนแต่ดันมีแสตนด์ด้วย
ไม่เข้าใจที่ชอบแชร์พล็อต เมื่อคืนกูเปิดไปเจอนิยายพล็อตเหมือนกู ลูกเล่นที่ใช้คล้ายกู กูยังเซ็งเลย
เด็กดอกเป็นไรอีกวะ เข้าไม่ได้ โหลดไม่ไป
>>557 เข้าได้ปกตินะ
ไปเผือกบอร์ดมา ดราม่าและกลิ่นคนหัวร้อนบวกอะไรวะ? อ้อ อีโก้อยากอวดแรง บอกแชร์ประสบการณณ์แต่พอเขาไปคอมเม้นต์ก็เถียงเขาทุกเม้นต์ราวกับถูกน้ำร้อนราด พยายามเถียงจนแม่งดูโง่ไปเลย ถ้าไม่อยากให้เขาแสดงความคิดเห็นมึงก็ไม่ควรตั้งกระทู้นะ
อีกเรื่องก็พล็อต ถ้าคิดจะแชร์อนาคตก็ไม่ควรมาดิ้นถ้ามีคนเอาไปใช้ก่อน นอกเรื่องชิบหายโทษที
ทำไมช่วงนี้บอร์ดเด็กดอกวุฒิภาวะ(สะกดถูกมะ?) แม่งต่ำกว่าอายุกันจังหรือกูแก่ชราแล้ว เออช่างแม่ม ยังรอการสับนิยายของโม่งท่านอื่นเรื่อยๆนะอ่านเพลินดี
ไอ้มู้แชร์พล็อตไม่เห็นคนตั้งมู้มันจะแชร์เลย มีแต่หวังมากอบโกยเฉย ๆ ว่าแต่ใครจะโง่แชร์กับมันวะ
เออแต่เด็กดวกเข้าไม่ได้จริง
ตอนนี้กูเข้าได้
น่าจะเป็นแค่บางคน กูเข้าไม่ได้ตั้งแต่สี่โมงเย็น จนตอนนี้ยังเข้าไม่ได้ แต่เพื่อนกูเข้าได้ปกตินะ
เราเพิ่งรู้ว่าการตั้งค่าปิดการแจ้งเตือนนักอ่านที่เข้ามาคอมเมนต์เป็นสิ่งที่ผิด
ทั้งๆที่ตรงด้านล่างกล่องคอมเมนต์หน้านิยายเด็กดีมีปุ่มที่ให้กดหน้าถัดไป
>>559 สรุปง่ายๆ คือมันอยากเป็นฝ่ายชนะในสงครามน้ำลายนั่นแหล่ะ อยากให้คนที่เข้ามาอ่านอ่านแล้วเห็นด้วยกับมัน แต่ขอโทษด้วยจ้าเจอกระแสตีกลับเกินครึ่ง เพราะมันอยู่ในโลกของนักเขียนนิยายแนวกระแส, ตลาด ขายของออกและมีคนมาเมนต์ให้ตลอดเป็นเรื่องปกติ ไม่เคยเข้าใจอารมณ์ของพวกที่แต่งนิยายแล้วเรื่องเงียบเป็นป่าช้า ชาติหนึ่งจะมีคนโผล่มาคอมเมนต์ที เลยเกิดเป็นดราม่าเพราะมองจากคนละมุมมอง อยู่ในจุดที่แตกต่างกัน
ไอ้ non mem คนนั้นนี่กูว่าเก่งใช้ได้เลย ใช้คำพูดตอบโต้ได้ดี อ่านแล้วไม่ใช่การแถเพื่อเอาชนะ คำพูดมีน้ำหนัก มีคำอธิบาย ที่กูจะต่อยอดให้จากการโต้เถียงในความเห็นนั้นนะ คือไอ้ตุ๋นกบเนี่ยมันอ้างว่าปิดแจ้งเตือนไม่ได้ เพราะถ้าปิดแล้วมันจะไม่เห็นแจ้งเตือนจากคอมเมนต์ที่เขาเขียนจริงจัง เลยต้องเปิดทิ้งไว้ตลอด พอมีเมนต์จำพวกขอบคุณหรือรออ่านมันเลยเตือนด้วยทำให้หงุดหงิด ที่กูอยากถามคือ ทำไมมึงไม่หาทางแก้ปัญหาที่ตัวมึงเองก่อนวะไอ้ตุ๋นกบ ถ้ารำคาญก็ปิดเสียงเฉพาะแอพนั้นในมือถือก็ได้ แล้วมึงค่อยมากดเปิดแอพเองทุกๆ 1 ชั่วโมงอะไรก็ว่าไป เพราะตัวเลขแจ้งเตือนมันไม่ได้หายไปด้วยนี่ถ้าปิดเสียง
ที่มาโวยวายนี่คือมันเป็นฝ่ายที่รำ แล้วมาโทษคนเมนต์ว่าเมนต์อะไรรัวๆ แบบนี้ มันรบกวนกูนะ ทั้งๆ ที่นักเขียนเกินครึ่งเว็บอยากมีโมเมนท์แบบมึง เพราะกว่าจะได้เมนต์มาสักเมนต์นี่ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน แล้วพอลองมาดูกระทู้ในเว็บบอร์ด ก็เหมือนเดิมอะ ไอ้นอนเมมที่มาเมนต์ตอบโต้ก็พูดถูกทุกอย่าง ถ้ามึงไม่อยากให้นอนเมมเมนต์ มึงก็กดเช็คถูกในช่องห้ามนอนเมมเขียนความคิดเห็นก่อนตั้งกระทู้ดิวะ
คือทั้งสองอย่างนี้มันเหมือนกันเป๊ะ ทั้งเรื่องโดนเมนต์ขอบคุณรัวๆ แต่ไม่ปิดแจ้งเตือน กับโดนนอนเมมมาเขียนความเห็นแล้วหัวร้อน แต่ไม่ได้กดอนุญาตเฉพาะสมาชิกเท่านั้น ปัญหาอยู่ที่ตัวมึงกับความเอาแต่ใจของมึงเองทั้งนั้น บอกว่าโดนแจ้งเตือนสแปมรบกวน มึงคาดหวังให้สมาชิกเว็บที่มีเด็กเล่นเต็มไปหมดกว่า 80 % นี่ ตรัสรู้ได้เองเหรอ ว่าควรหรือไม่ควรทำอะไร เด็กมันชอบ มันก็พิมพ์ไปตามเรื่องของมันอะ ส่วนเรื่องด่านอนเมมว่ากล้าแสดงสันดานถ่อยเพราะไม่ได้ใช้ตัวจริงมาเขียนความเห็น กูว่าแม่งไร้สาระ ตัวมันเองนั่นแหล่ะที่อีโก้จัด เผลอๆ คนเขาจะคิดเอาได้ว่า ว้าย...หัวร้อนง่ายจัง โดนแซะนิดแซะหน่อยก็เกรียนแตกแล้ว แต่ไอ้คนอีโก้สูงเสียดฟ้าแบบนี้มันไม่สนหรอก เพราะมันคิดว่ามันเจ๋ง มันเก่งกว่าคนอื่น นิยายมันเป็นที่ยอมรับ เด็กอ่านเยอะ และสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ สิ่งที่มันพูดคือถูกต้อง ที่มันมาแชร์ประสบการณ์คนอื่นต้องเห็นด้วยกับมันดิวะ อ่านแล้วสมเพชโคตรๆ
เทียบให้เห็นภาพก็คือ มันจงใจไม่ล็อคประตูบ้าน ไม่ทำรั้ว แต่พอมีขโมยเข้าบ้านแล้วก็มาบ่นว่าพวกหัวควย มึงมาขโมยของบ้านกูทำไมวะ กูเปิดไว้ให้เฉพาะญาติกูเข้าโว้ย ทำอะไรไม่นึกถึงความเป็นจริง หรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น พอถึงเวลาโดนปล้นก็มาตะโกนกลางสวนสาธารณะว่า "ไอ้พวกเหี้ยนี่มันเข้ามาขโมยของในบ้านผมครัฟฟฟ" พอมีคนถามว่า "แล้วมึงได้ล็อคประตูบ้านไหม" มันก็ตอบว่า "ผมไม่อยากล็อคอะ ขี้เกียจไขกุญแจ เวลาญาติๆ มาจะได้เข้าบ้านได้เลย" พอได้ยินแบบนี้แล้วชาวบ้านเลยรุมเสิร์ฟตีนไก่ซุปเปอร์ให้คนละดอกสองดอก แก้ปัญหาเองไม่เป็นแล้วมาโชว์ควายในบอร์ดแบบนี้ สมควรโดนด่าแล้ววะ
https://www.dek-d.com/board/view/3956868/ เยี่ยม! พวกมึง! ฝีมือของใคร!
https://www.dek-d.com/board/view/3956868/
ทำดีเพื่อน... ทำดี
แต่มึงก็สมัครเมมแล้วนี่หว่า ไม่ใช่นอนเมมแล้ว ต่อให้คราวหน้าไอ้ตุ๋นกบปิดไม่ให้นอนเมมตอบ มึงก็ตอบได้อยู่ดี เพราะเมมเบอร์พลีชีพแบบนี้ไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว 555
อย่างชอบ 555
กระทู้เรียกตรีนมาก555 เดี๋ยวก็มีคนที่ชอบเหยียดนอนเมมออกมาดิ้น
อิดอกขาวมันตั้งใจโชว์ง่าวรึไง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องไรขึ้นยังออกตัวพล่ามอิก
ใกล้จะครบตามที่คุยกันไว้ละ นี่เรื่องรองสุดท้าย พรุ่งนี้ว่าจะออกไปเที่ยวเสียหน่อย สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าทุกคนเลยเด้อ
เรื่อง : อายุก็ 30 แล้วแต่ยังซิง เลยกลายเป็นจอมเวทจริงๆ ซะงั้น แต่นี่มันกลับไม่ใช่อย่างที่คิดเลยนี่หว่า!!
นามปากกา : Mr. T-Man
ลิงก์ : https://writer.dek-d.com/0822089514/writer/view.php?id=1998247
คำโปรย : เฟรนนิกซ์ มาเวลริก หนุ่มหมาป่าเผ่าฮาฟลินซ์กล้ามปูวัย 30 ยังซิง ได้ถูกเลือกให้กลายมาเป็น (...) องค์ต่อไป ท่ามกลางยุคสมัยอันแสนวุ่นวายจากไฟสงคราม
หมวด : แฟนตาซี
จำนวนตอน : 18 ตอน
สถานะตัวเรื่อง : ยังไม่จบ [ อัพเดตล่าสุด 4/12/62 ] (ดูจากยอดวิวกับแฟนคลับรวมน่าจะยังไม่ดอง)
ตั้งชื่อยาวเป็นไลท์โนเวล ทำให้เดาออกคร่าวๆ ว่าสำนวนในเรื่องน่าจะเป็นแบบไหน ขอชมไอเดียการตั้งชื่อเพราะชื่อทำนองนี้จะตกคนชอบอ่านไลท์โนเวลได้ก่อนส่วนหนึ่ง สำหรับประโยคสุดท้ายในชื่อเรื่องก็เป็นคลิกเบต ชวนให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นในเรื่อง ความน่าสนใจอาจเพิ่มขึ้นราว 20% สำหรับคนทั่วไป แต่กับพวกนักอ่านไลท์โนเวลอาจเพิ่มขึ้นไปถึง 50%
เรื่องที่ว่า "ถ้าผู้ชายซิงจนถึงอายุ 30 แล้วจะกลายเป็นจอมเวท" ความเชื่อบ้าๆ นี่มีที่มาจากไหน เริ่มต้นโดยใคร ไม่ปรากฏแน่ชัด แต่มีข่าวลือว่าหลุดออกมาจากญี่ปุ่นนั่นแหล่ะ พวก weeb ฝรั่งก็เอามาเล่นกันต่อในคอมมิวนิตี้ฝั่งยุโรป จากการค้นคว้าของกูใน 2chan คาดกันว่าโดนแปลงมาจากมังงะ one shot ของคุณเซจูโร่ หนึ่งในทีมงานวาดภาพประกอบเรื่อง Love Hina ของอาจารย์ เคน อากามัสซึ (เก่าสัสๆ) เป็นเรื่องประมาณว่าพระเอกเนี่ยไม่เคยเย็ดใครมาก่อนเลยในชีวิต พอพ้นเที่ยงคืนวันเกิดรอบที่ 30 ก็มีสาวน้อยเวทมนตร์เปิดวาร์ปมาโผล่ในห้องพระเอก มีความวุ่นวายเกิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเริ่มคุยกันได้ น้องแกเล่าว่าตอนนี้ในโลกฝั่งโน้น (ต่างโลกที่น้องแกวาร์ปข้ามมา) กำลังขาดแคลนกำลังรบ ก็เลยจะมาขอให้พระเอกไปช่วย
พระเอกก็งงแดกว่าทำไมต้องเป็นกูล่ะ น้อง สนวม. ก็อธิบายต่อว่าหนุ่มซิงในโลกนี้จะมีขุมพลังบางอย่างเก็บสะสมไว้ในตัว และมันจะถูกดึงมาใช้ได้หลังพ้นอายุ 30 ถ้าใครเสียซิงไปก่อนหน้านี้ พลังเวทที่ว่าก็จะหายไปเลย สุดท้ายพระเอกก็ยอม Isekai'ed ไปเป็นจอมเวทตามที่น้องขอ ความลำบากของพระเอกคือนอกจากจะต้องช่วยรบด้วยเวทมนตร์แล้ว ยังต้องคอยระวังไม่ให้ตัวเองเย็ดใคร เพราะที่โลกฝั่งนี้ผู้หญิงสามารถดูดพลังเวทจากผู้ชายได้ผ่านการเย็ด คนที่พลังเวทมหาศาลอย่างพระเอกจึงเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทุกคน โดยเฉพาะพวกปีศาจที่พยายามส่งปีศาจสาวเกรด S โคตรน่าเย็ดมาหวังจะให้พระเอกใจแตก เสียซิงไม่พอยังเสียพลังเวทแถมพวกปีศาจก็ได้พลังไป พลาดเมื่อไหร่คือแพ้ทันที เป็นนิทานปลอบใจพวก loser หนุ่มซิงที่สาวไม่แลแบบโคตรจูนิเบียว เอาไว้หลอกตัวเองว่าถ้าซิงต่อไปเรื่อยๆ วันหนึ่งอาจมีสาวน้อยเวทมนตร์มารับตัวเองไปบ้าง (ถ้าเลิกเบียวได้ เดี๋ยวก็คงไปหาซื้อกะหรี่มาเย็ดเองแหล่ะ)
โอเค เรามาเริ่มตรงส่วนปกกันเลย
ข้อมูลเบื้องต้นพูดถึง "เฟรนนิกซ์ มาเวลริก" ชายเผ่าหมาป่าพอซิงครบ 30 ปี นึกว่าจะกลายเป็นจอมเวทที่ไหนได้ กลายมาเป็นเทพธิดาแทน ก็คงจะเป็นไปตามที่ Tag บอกคือ Gender Bender (แนวสลับเพศ) มาเอาใจช่วยนายเอกในการก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่กันเถอะ ตรงนี้มี Q&A ให้อ่านด้วย สรุปคร่าวๆ คือเรื่องนี้ตัวเอกไม่ OP (อีกละ) ไม่ฮาเร็ม (จริงเร้อ) ข้อสุดท้ายคือมีสาวดุ้น (Futanari) ในเรื่องค่อนข้างเยอะ แต่ตัวเอกเป็นหญิงแท้เพราะเป็นเทพธิดา อย่าคิดว่าคนอ่านแนวสาวดุ้นมีน้อยนะคุณ ลัทธิบูชาสาวดุ้นกับสโลแกน "มีงวงแล้วไง น่ารักถูกใจก็พอ" เนี่ย เจอได้เยอะแยะมากมายตามแหล่งซ่องสุมของเหล่าโอตาคุ ในโม่งนี่ก็เยอะพอสมควรเลย
ตอนที่ 1 : ตอนที่ 1
เปิดตัวด้วย info-dump ประมาณ 1 หน้า ก็ยังพอทนไหว มีการบรรยายลักษณะของเผ่าพระเอก เจอทั้งคำผิด คำซ้ำ แต่สำนวนมันใช้ได้ ถ้าไม่มีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ มาทำให้สะดุด ก็อาจดีกว่าเรื่องต่างโลกกับสกิลพ่อค้าที่สับไปก่อนหน้านี้อยู่นิดหน่อย สองพ่อลูกเผ่าหมาป่าคุยกันเรื่องการแแกะสลักรูปปั้นกับการกลายเป็นจอมเวท ตบมุกกันไปมาพอสนุก บทสนทนาเป็นธรรมชาติเหมือนคนคุยกันจริงๆ อันนี้สอบผ่าน จบจากเรื่องนัดหมายส่งรูปปั้น 30 ตัว พระเอกก็หลบเข้าบ้านไปหยิบดาบ น่าจะเอาไปแอบฝึก ใจจริงไอ้เฟรนอยากเป็นนักผจญภัย แต่พรที่ได้มาตอนอายุ 15 ดันเป็น "การแกะสลัก" ใช้ในการต่อสู้ไม่ได้ เลยทำได้แค่แอบฝึกร่างกาย แต่ระดับก็ยังกากเหมือนเดิมเพราะมัวแต่ต้องทำงานแกะสลัก มีตัดฉากไปปราสาทจอมมมารกับความกาวเบาๆ จอมมารสาวคุยกับแม่มดเกี่ยวกับคำทำนายเรื่องเทพธิดา แล้วตัดฉากกลับมาหาไอ้เฟนที่กำลังนั่งเหม็นความรักในงานหาคู่ นั่งเซ็งได้แป๊บเดียว ก็มีสาวหูแมวมาชวนไปเดินเล่น ทุกอย่างเหมือนจะเป็นใจให้เฟรนเสียซิงแต่แม่งไอ้พระเอกดันปอกแหกขึ้นมา เลยโดนน้องแมวพยายามเอามีดแทงหน้าตาเฉย สุดท้ายก็เฉลยว่านังนี่เป็นซัคคิวบัสน่าจะถูกส่งมาทลายซิงแต่ถ้าทำไม่สำเร็จ ก็คงต้องเชือดไอ้เฟรนทิ้งอย่างเดียว
ตอนที่ 2 : ตอนที่ 2
พระเอกของเราโดนซัคจังโจมตี ถึงจะพยายามสวนแต่ก็ทำเหี้ยไรไม่ได้ ตอนใกล้จะแพ้โชคดีมีพวกสาวกของลัทธิเทพธิดาโผล่มาพอดี ก็มีฉากต่อสู้กันด้วยเวทมนตร์นิดหน่อย แล้วจบลงด้วยพระเอกทำตัวพระเอกช่วยนักบวชไว้จนเดี้ยง แล้วก็มี info-dump เล็กน้อย คือเหมือนเป็นกิมมิคของเรื่องไปแล้วว่าจะต้องมี info-dump นิดหน่อยในแต่ละตอน ในนิมิตหลังความตายที่ไม่อธิบายอะไรให้กูฟังเลย พระเอกเจอกับเทพธิดาแห่งผืนป่า แล้วก็โดนบังคับมอบตำแหน่งเทพธิดาให้ (ทั้งๆ ที่มีรูปลักษณ์เหมือนเดิม) ฟื้นขึ้นมาอีกทีแผลบนตัวเฟรนหายดีกับมีบางอย่างมานำทาง พระเอกเลยรีบตามแสงไป ตัดฉากไปเป็นพวกนักผจญภัยเผ่ามนุษย์โดนปีศาจดูดวิญญาณ แล้วมีสาวกกลุ่มเดิมพยายามปราบแต่สู้ไม่ได้ ไอ้พระเอกก็โผล่มาจังหวะนั้นพอดี คือกำลังจะโดนแทงตายอีกรอบ ปรากฏว่าจู่ๆ ก็เกิดการแปลงร่างเกิดขึ้น คราวนี้โดนแปลงเพศของจริงกลายเป็นผู้หญิงเลย
ตอนที่ 3 : ตอนที่ 3
มีฉากให้เฟรนเศร้าสั้นๆ ที่สูญเสียดุ้นของตัวเองไป (ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยใช้งาน) ถึงตรงนี้มีฉากแสดงพลังเทพทรูให้เห็นกันจะๆ ตรงหน้าปกเขียนไว้ว่าใช้วิธีการต่อสู้แบบที่ไม่ซ้ำกับเรื่องอื่น ไอ้เราก็ลุ้นอยู่ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน ฉากบู้แรกหลังแปลงเป็นเทพธิดา คือการร่ายเวทจำพวกบัพต่างๆ ใส่ตัวเอง แล้วภูติที่เรียกมาจะได้รับผลไปด้วย หรือก็คือเป็นสายซัมมอนทั่วไปนั่นแหล่ะ มีการโชว์เทพและสร้าง Hype phase ด้วยตัวละครสาวก คอยอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นแบบเดียวกับตาลุง Speedwagon จากเรื่องโจโจ้ มีพูดถึงพลังมานาขั้นสุดยอด เยอะจนใช้เวททับซ้อนกันได้ร้อยเท่า หลังจากนั้นไม่นานก็อัดเพิ่มเป็นหมื่นและล้านเท่าในที่สุด ในขณะที่น้องสาวก Stack เวททับซ้อนได้ไม่ถึงสิบเท่า ใช้เวทมนตร์ได้โดยไม่ต้องผ่านสื่อกลางอย่างเครื่องประดับหรือไม้เท้า คือแม่งโคตร OP สมเป็นเทพธิดา (แต่ตรงปกมึงบอกว่ามีศัตรูโหดกว่าตัวเอกอยู่ หวังว่าจะรักษาคำพูด) สู้จบก็กลับร่างหมาป่าเหมือนเดิม มีการตัดฉากไปฝั่งจอมมารบ้างนิดหน่อยซึ่งก็ดูไม่ค่อยเป็นเดือดเป็นร้อนนัก ถึงแม้ผู้สืบทอดเทพธิดาจะปรากฏตัวแล้ว ที่ขัดใจนิดหน่อยคือการใช้เสียงอ่านภาษาอังกฤษผิดๆ เกี่ยวกับจำนวนเวทที่ stack up อ่านแล้วหงุดหงิด (ไม่ยกตัวอย่างนะ ไปหาดูเอง)
ตอนที่ 4 : ตอนที่ 4
หลังจากนั้นเฟรนกับพวกสาวกก็โดนทหารจับตัว ซึ่งไม่สมเหตุสมผลสัสๆ เก่งโกงเกรียนขนาดนั้นทำไมยอมโดนจับก็ไม่รู้ ตอนอยู่ในคุก เหล่าสาวกก็เปิดเผยว่าแม่งเป็นสาวดุ้นกันหมด มีการสอนใช้เวทอื่นๆ เพิ่มเติม ด้วยเหตุผลบางอย่างน้องสาวกก็ได้ออกจากคุกก่อน ส่วนเฟรนยังนอนคุกต่อไป ตัดฉากไปที่ค่ายทหารของอาณาจักรฟลอเรนทีนที่กำลังรบอยู่กับโบโลเนีย พูดถึงทหารรับจ้างชื่อ "เอสเทอร่า" กับฉากการรบที่อ่านแล้วเข้าใจแต่มึนตรงคำบรรยายของมึงเนี่ย ใช้คำแปลกๆ และวางตำแหน่งไว้ผิดที่ผิดทางมาก พอถึงบทนี้คุณภาพสำนวนเริ่มแกว่ง ก็เดิมๆ เปิดตัวให้ตัวละครเอสเทอร่าทหารรับจ้างแบบดูโหดๆ เก่งๆ ใช้ดาบใหญ่กับมือสีดำประหลาดที่ขยายใหญ่และเปลี่ยนรูปร่างได้
ตอนที่ 5 : ตอนที่ 5
ตัวเอกตกอับต้องมาทำงานใช้แรงงานขนหินซ่อมกำแพงป้อม คือไม่มีคำอธิบายอะไรดีๆ ให้รู้สึกเชื่อได้เลยว่าทำไมพระเอกถึงยอมโดนจับ ยอมโดนใช้งานแบบนี้ ไอ้สัส กูงง กูงงจริงๆ ในพื้นที่ทำงานก็มาเจอตัวละครใหม่เป็นกระต่ายน้อยโชตะ เดาทางไม่ยากเลยว่าเดี๋ยวก็คงเข้าตี้มาเป็นลูกน้อง แล้วตัดฉากไปที่ห้องพักดยุกในค่ายเดียวกับที่เฟรนทำงานอยู่ เอสเทอร่าที่ถอดหมวกเผยใบหน้าหญิงสาวกลับมารายงานผลการรบให้ดยุกแมนโดร่า มีถกเถียงกันนิดหน่อยเรื่องแนวป้องกันกับเรื่องต้องการช่างไม้ ต่อด้วยการโดนโจมตีจากพวกโบโลเนีย พระเอกกับโชตะที่อยู่ในค่ายพลอยซวยไปด้วย ตอนกำลังเกิดความวุ่นวายน้องโชตะกำลังโดนยำ จู่ๆ ไอ้เฟรนก็แปลงร่างเป็นเทพธิดาได้เฉย (พลังโชเน็นหรือไง) ร่ายเวทรักษากระต่ายเสร็จ ก็ยัดเวทเพิ่มพลังโจมตีล้านเท่าใส่พิกซี่ประจำตัว ภูติตัวเล็กเลยกลายร่างเป็นสาวทรงโตหุ่นดินระเบิดคลาสนักรบ (นักเขียนมีเฟติสชอบนมใหญ่แหงๆ ย้ำบ่อยจังเรื่องนมๆ เนี่ย ตั้งแต่ตอนแรกแล้วนะ) อ่านแล้วขัดๆ แต่ก็ไม่อยากตั้งคำถาม ว่าทำไมรอบก่อนเคยยัดบัพล้านเท่าเหมือนกัน ทำไมมันไม่ขยายนมแบบคราวนี้ ช่างแม่งเหอะตอนสุดท้ายแล้ว
การบรรยาย : เรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกเหมือนดูอนิเมะแฟนตาซีคอเมดี้ ใช้คำหรือมุกจากอนิเมะ-มังงะ-ไลท์โนเวลอย่างโจ่งแจ้ง นอกจากเรื่องคำผิด คำซ้ำ กับพิมพ์ตกที่เจอค่อนข้างบ่อย นักเขียนคนนี้แต่งรูปประโยคได้อ่านง่ายดี ดีกว่าพ่อค้าต่างโลกของไอ้เทพอินดี้ สำนวนโดยรวมบ่งบอกว่าไอ้นี่ถ้าไม่พื้นฐานแน่น ก็ต้องอ่านไลท์โนเวลมาเยอะมากถึงมากที่สุด แย่ตรงที่ไม่ค่อยบรรยายฉากจนกูไม่เห็นภาพว่าคุยกันที่ไหน แล้วก็ชอบตัดฉากไปฉากใหม่แบบงงๆ ด้วย ติดนิสัยแทรก info-dump เป็นระยะๆ ใช้เสียงเอฟเฟคแบบนิยายดอกปอบในฉากต่อสู้ ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง
ตัวละคร : นอกจากตัวเฟรนนิกซ์พระเอกก็จำคนอื่นไม่ค่อยได้เลย โผล่มาเยอะหยุบหยับไปหมด พวกตัวประกอบไม่ขอพูดถึงเพราะเป็นแบบใช้แล้วทิ้งเสียส่วนใหญ่ นิสัยพระเอกดูเอ๋อๆ รั่วๆ แต่เรียนรู้เร็วเรื่องการใช้เวท (ต้องขอบคุณสาวกสาวดุ้นในเรื่องนี้) ความน่าจดจำมีน้อยตั้งแต่รู้ว่ามัน OP จำได้ชัดๆ แค่เรื่องที่โดนแปลงร่าง-แปลงเพศเท่านั้น
เนื้อเรื่อง : ตอนแรกคิดว่าเป็นแนวจริงจัง ที่ไหนได้แม่ง... แหล่งผลิตกาวชั้นดี เดินเรื่องเร็วมาก ความเข้มข้นของเนื้อหาลดลงเพราะความไม่เต็มบาทของตัวเอก เดินเรื่องค่อนข้างเป็นเส้นตรง มีแวะตัดฉากไปที่อื่นบ้างเป็นพักๆ
สิ่งที่ชอบ : ขยันพิมพ์ดีหนึ่งตอนยาวจุใจ เดินเรื่องรวดเร็วไม่เยิ่นเย้อ (แต่บางทีก็เร็วเกินจนอ่านแล้วงง)
สิ่งที่เกลียด : มุกแป๊ก และเล่นมุกเฉพาะทางมากไป คนที่ไม่อ่านมังงะ ดูเมะ หรือเสพไลท์โนเวล จะอิหยังวะเอาได้ ข้อผิดพลาดแบบมือสมัครเล่น อย่างคำผิด คำซ้ำ พิมพ์ตก พิมพ์เกิน บางอันดูออกว่าเป็นเพราะความคิดไปเร็วกว่านิ้วที่พิมพ์เลยกลายเป็นคำผิดแบบตลกๆ กลืนน้ำลายตัวเองเกี่ยวกับข้อความบนหน้าปก เป็น Gender bender แบบ Click bait เพราะพระเอกไม่ได้สลับเป็นหญิงถาวร
คะแนน : 7/10 (ระดับพอใช้)
ความเห็นส่วนตัว : คุณภาพค่อยๆ ลดลงเมื่อเทียบกับบทแรกในทุกด้าน ขาดความสมเหตุสมผลในบางเรื่อง สเกลพลังมั่วซั่ว ถ้าตัวเอกมีเวท stack ล้านเท่า บอสจะเอาเท่าไหร่ดี ร้อยล้าน ? พันล้าน ? ฝีไม้ลายมือพอไปวัดไปวา ฝึกนานๆ ไปน่าจะเก่งขึ้นได้เหมือนกัน แต่ขอให้ลดความเบียวลงหน่อยนะ
กูก็ไม่ชอบไอ้ตุ๋นกบ เกลียดความอีโก้สูงของมัน เพิ่งเริ่มสังมาเกตุเห็นมันช่วงหลังๆนี้เอง แต่ก่อนกูไม่เคยสน
ยิ่งตอนเถียงกับF...แม่งโคตรขำ มุงจะเถียงไปทำเชรี้ยไรวะ ถึงขนาดเอารูปถ่ายภาพโอนยืนยัน โว้ย! ถ้ากูไม่เห็นหน้าโปรไฟล์แก่ๆของมันกูจะคิดว่านี่แม่งเด็กกระโปกหัวโคยนิหว่า ใครพูดอะไรก็ยอมไม่ได้ ดิ้นแพร่ดๆ ต้องเถียงกลับซะทุกเรื่อง มันก็คือไอ้เด็กลิโป้ดีๆนี่เองล่ะ ไม่ได้ต่างกันเล๊ย(กูไม่ได้คิดจะวกมาเรื่องไอ้เด็กเบียวนะกู แค่อยากเทียบเฉยๆ)
อันนี้ https://www.dek-d.com/board/view/3956831/
ส่วนนี่กระทู้ตอบกลับ https://www.dek-d.com/board/view/3956868/
อีนาวโซดาโผล่มาบ่นใหญ่ ยังไม่เลิกฝังใจที่นอนเมมไปแหย่เรื่องโปรโมทนิยายอีก สงสัยคิดว่าตั้งมู้มาเพื่อแคะมึงรึไง/มึงไม่ได้ใหญ่โตขนาดน้าน อิหนู
ความสงสัยจากการซุ่มเผือกกระทู้เงียบ ๆ มานาน ขาประจำบอร์ดหลายคนตอบเมนต์รู้เรื่องนะ อ่านง่าย เหมือนจะเขียนเก่งกัน ยกเว้นเจ้ดอก แต่ทำหมัยยย นิยายแม่งเขียนโคตรง่อยแท้วะ เข้าไปลองของแต่ละเรื่อง ตรรกะพินาศ ผันวรรณยุกต์ก็ไม่ถูก ไม้ยมก อัญประกาศ อัศจรรย์ เอ๊ย อัศเจรีย์ แค่หลักพื้นฐานเนี่ยก็น่าสงสัยว่าผ่านป.หกมาได้ไง เพลียมาก
>>587 กูอึ้งกับความสวยนางเอกมากกว่า สามสี่ย่อหน้า มันเขียนไปได้ไง ใจความคือกุเบลออิเจ้นี่ไปแล้ว ตะกี้ไปลองอ่านของคุณโซดามาไง พ่อจ๊า รอแม่จ๊าอยู่ค่ะ จ๊าพ่อมึงสิ แล้วใครสอนให้ใช้ " อัญประกาศแบบนี้ " อิเหี้ย อัศจรรย์!!!! เหมือนบ้านจะแตกแบบนี้ก็ไม่ควร ลากเสียง ฮื้ออออออ กรี๊ดดดดดดดดดด ยาวเกินไปก็ไม่ใช่ ใช้ยังไงมีโม่งมาสอนไว้ข้างบนแล้ว รวมถึงตัวเลขน้อยๆ อย่างอายุ วันที่ก็ควรเขียนเป็นตัวอักษรทับไปเลย OK มั้ยคะ ไม่โอเคเลยค่ะ เขียนไทยสิวะ
การบรรยายบริบทอ่อนมาก สามปีผ่านไป... ตีห้าครึ่ง ณ ตะวันแดง กูคิดถึงอะไรซักอย่างนะไอ้การบอกก่อนขึ้นซีนแบบนี้ มันเขียนเนียนๆ ไปกับพารากราฟแรกได้นะ แต่มันไม่ทำ
ตรรกะ พล็อต ขอไม่ออกความเห็น ไม่ชอบเรื่องน้ำเน่าครอบครัว
สุดท้าย อั่น ขอถามแนค่ะ คนต่างจังหวัดเขาใซ่คำว่า เอง บ่คะ บ่เด้ "เอ็ง" เถอะน้องโซดา ใช้ 'เอง' มันบ่ได้เฮ็ดให้ซอฟต์ขึ้นดอก
ฟัน ใช้ ซี่ ค่ะ บ่แมน ซีก คำผิดเยอะมาก ผลิกตัว ฝูกนอน แจงไม่หมด เข้าใจว่าภาษาถิ่นแถบอีสาน เขียนถอดเสียงจะได้มาอีกรูปนึงซึ่งต่างจากไทยกลางมาก ทำให้บางคนจะชอบเขียนผิดกันโดยไม่ตั้งใจ อย่างกูเวลาคุยแชทกับน้องจะเผลอใช้ คะค่ะ มั่วซั่วหน่อยๆ แต่ก็เป็นการจงใจพิมพ์เลียนเสียง เวลาเขียนภาษากลางก็ถูกตามหลักอยู่
>>588 กูนึกออกละ
3 เดือนผ่านไป ณ. โพไซดอน นายพรานก็ได้พบกับหมาป่าอีกครั้ง... เหมือนนิทานนี่เอง แต่อีน้องโซดามันไม่ได้เขียนนิทานไงประเด็น อ่อนหัด มีความตั้งใจแต่ก็ยังอ่อนหัด ถึงอย่างนั้น กูก็นับถือความยาวตอนของมันอยู่หรอก ได้มาตรฐาน เรื่องเดินพอประมาณ
หมายเหตุ มันเขียน ณ. จริงๆ นะ กูไม่ได้หมั่นไส้เติมจุดให้
สงสารน้องโซดา โดนด่าได้ไง
https://www.dek-d.com/board/view/3956868/
>>591 https://www.dek-d.com/board/view/3956868/1/?comment=5_3 เนี่ย ขนาดคนอื่นในมู้มันยังไม่เข้าข้างเลย5555
แต่กูก็เข้าใจน้องน้า เพิ่งโดนสั่งสอนเป็นครั้งแรก น้องยังปรับตัวไม่ทัน หุหุ
(กูสงสัยว่าอียูริคนนึงล่ะ แม่งต้องเคยแอบมาเล่นโม่งบ้างแหงมๆ)
เพิ่มเติม: (ผายมือ)//โปรดสังเกตจำนวนหัวใจที่ให้กระทู้นี้นะครับ
กุก็สิงอยู่แถวนี้นานมากแล้วนะ หัวกระทู้บางอันกุเป็นคนตั้งด้วยซ้ำเพราะไม่มีคนตั้งเสียที
ในที่สุดมันก็มีคนออกมาดิ้น น้องนาวโซดา ไม่น่าพลีชีพเลย ง้างโชว์โง่มาแต่ไกล หึหึ
เจ็บชิบหาย ตอกน้องแต่ละดอกไม่ปรานีเลย น้อนร้องไห้แร้วนร๊ะ
ประหนึ่งเอาหน้าพุ่งเข้าไปหาฝ่าตีนแล้วโวยวายว่าตัวเองโดนถีบ
เชี้ย โคตรSOSAD เจ็บหนักแต่ไม่ยอมรับว่าเจ็บ555
ฝ่ายซัพพอร์ต พุธโธเรี่ยนมาแล้ว
บันเทิง เจ๊ดอกขาวกับมันทนาเข้าร่วมวง
งุ้ยกุจะรักมันทนาก็ตอนนี้แหละ เจ็บนี้อีกนาน เจ็บนี้ไม่ลืม
สัดกูตกใจ
เลื่อนหนีดอกขาวภายในการสครอลเมาส์ 1 รอบได้ !?
กูอยากเข้าไปเม้นแก้ให้แทบขาดใจ ว่า"รื้อ"ไม่ใช่"ลื้อ"สัส แต่กลัวว่าไม่เหมาะสม
ทำไมกูต้องลุ้นว่าอินอนเมมจะตอบเจ้ดอกขาวยังไงด้วยวะ
มะต้องคาดหวังมาก คุยกับอิเจ๊ต้องถอดสมอง เดี๋ยวปวดหัว
ดอกขาว มีสกิลป้องกันตัวเหนือชั้นระดับต้นๆของบอร์ด ผู้ที่เถียงกับมันจะติดสตั้น งงงวยว่ามันพิมพ์เหี้ยอะไรวะ เมื่อกี้มันด่ากูรึเปล่า พิมพ์ยาวสัตว์หมาขี้เกียจอ่าน ตาลาย จับใจความไม่ได้ว่ามันจะสื่ออะไร
วิธีเดียวที่จะโจมตีทะลุการป้องกันนี้ คือด่าแม่งตรงๆว่าแม่งพิมพ์ไม่รู้เรื่องนี่แหละ
ดอกขาวนี่ฮาจริงนะ ลองฝืนอ่านดู มันเขียนมี point นะเว้ย เพียงแต่ยาว ฟุ่มเฟือยเท่านั้นเอง ถ้าตัวจริงไม่โทรล แม่งก็ต้องมีอาการทางจิตอะ ถึงได้บ้าเขียนอะไรแบบนี้ได้ แถมยังมีเวลาแปะรูปแปะคลิปอีก
>>596 เออแฮะ ทำไมจำนวนคนกดให้กำลังใจเยอะจังวะ เยอะกว่ากระทู้ทั่วไปในบอร์ดอีก 555
>>588 ขำความ Rage ภาษาถิ่นของมึง
>>604 ใช่เลย กูรู้นะว่าพวกมึงบางคนก็วนเวียนทั้งที่นี่กับในบอร์ด สงสารน้องมะนาวมาโซ ถ้ามาอ่านในโม่งด้วยแม่งคงอกแตกตาย
>>610 นั่นดิ ทำไมรอบนี้มันมาสั้นวะ สั้นผิดธรรมชาติมาก ปกติต้องยาวเหยียด ยาวกว่านิยายที่เจ๊เขียนเอง 1 ตอนอีก
>>611 อย่าเลยมึง Let it go ปล่อยให้เป็นไปตามกรรม มีช่วงหนึ่งขาประจำบอร์ดโดนหาว่าแกรมม่านาซี เพราะไล่แก้คำผิดให้เด็กในบอร์ดแทบทุกกระทู้จนเกิดดราม่าขึ้นย่อมๆ เลยนะเว้ย พวกแม่งเลยปล่อยเบลอเด็กใหม่ปากดีทุกตัว ส่วนหนึ่งเพราะมีเด็กนิสัยแบบมะนาวมาโซ หีมะตก หรือแก๊งค์จิบน้ำชาลูกหาบมิรินด้าอยู่ในบอร์ด ขาประจำถึงได้ระอามองบนเลิกเล่นกันไปเกือบหมด เหลือไว้แต่พวกปากว่าตาขยิบ ว่าแต่เขาอีเหนาเป็นเอง หรือพวกจับแพะชนแกะ รู้ไม่จริงแล้วยังจะอยากโชว์ความเก๋า
>>614 กูเคยทำแบบที่มึงบอก คือจะได้ผลแค่รอบแรกเว้ย แล้วพอมันมาต่อเมนต์ที่สอง คราวนี้แม่งกูไปไม่เป็นเลย ถ้ามันคือมอนสเตอร์ในเกมต่อให้ดรอปของดีแค่ไหน กูก็ยอมเดินอ้อมไปฟาร์มเวลที่อื่นดีกว่าวะ เสียเวลาชีวิตเหี้ยๆ โจมตีมันเราก็เจ็บเองด้วย แถมฟื้นตัวไวสัสๆ ฆ่าไม่ตายสักที
>>615 ถ้ามันเอาเวลากับความสามารถในการตอบกระทู้ไปแต่งนิยายจริงๆ น่าจะได้ครบชุดหนึ่งเซตเพชรพระอุมาเต็มเรื่องแล้วอะ
เจ๊ดอกตอบสั้นมาสักพักละนะ
>>619 สั้น ?? งั้นมึงช่วยอธิบายเมนต์นี้ให้หน่อย https://www.dek-d.com/board/view/3956901/1/?comment=2_1 (เลื่อนลงไปนิดหนึ่ง)
ชอบตรงเซียนถือกระเป๋าแบรนด์เนมจัง 55555
>>622 https://youtu.be/HMQlP3K8WS0?t=11 SFX ประกอบ
กูไม่เข้าใจตรรกะเด็กดวกอย่างนึง พระเอกหรือนางเอกสมองแย่กว่าคนอ่าน เสือกครอบครองของแบรนด์คนรวย เอาค่าเทอมตัวเองไปจ่ายรึเปล่าวะ
ปิดปีใหม่เด็กดวกจิตว่างสินะ
เริ่มเพลียกะกระทู้เด็กดอก ช่วยแชร์เรื่องนั้นหน่อย ช่วยคิดอันนี้ให้ที แม่ม! คิดเองมั่งดิวะ ใจคอจะถามทุกอย่างเลยรึไง
>>629 มึงเลยก่อกำเนิดกระทู้นี้ขึ้นมา?
https://www.dek-d.com/board/view/3956957/
เหาะฟ้าวๆ จากที่มีแค่ชายผ้ายาวๆ ร่อนลมตามไปด้วย ดันมีแสงสะท้อนจากกระเป๋าที่สะพายอยู่เข้าตาคนมอง
>>634 อย่างที่กูบอกไปคราวก่อนไง บอร์ดเด็กดีแม่งก็ไม่ต่างจากที่นี่หรอก ใส่หน้ากากเข้าหากันทั้งนั้น ต้องคอยรักษาภาพพจน์เพราะเป็นที่แจ้ง ส่วนที่ลับอย่างพวกเราแม่งก็ปลดปล่อยกันตามสบาย ถ่อยๆ เรื้อนๆ กับเต็มที่ แต่เพลาๆ เรื่องเอานอนเมมไปตั้งกระทู้ป่วนหน่อยก็ดี ถ้าทำมากเกินเดี๋ยวจะกลายเป็นนอนเมมเหี้ยทั้งหมดแบบที่ไอ้ตุ๋นกบดูถูกไว้
>>639 เจ้าของกระทู้แม่ง กระดกกาวไปกี่ถังวะ ไปหมดแล้วสหมงสมอง คราวหน้าถ้าคุยเกี่ยวกับกระทู้ไหน แปะลิงก์ไว้ด้วยก็ดีนะจะได้รู้เรื่องด้วย อย่าเอามาคุยลอยๆ กูงง
นิยาย=ego
โอเคมาถึงเรื่องสุดท้ายของปี 62 ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เอามาแปะให้สับ (มีคนโดนหยิกหีด้วย อย่างฮา) แต่พอเห็นชื่อนักเขียนแล้ว กูแม่งจำได้เว้ยว่าไอ้นี่เคยเป็นขาประจำมาก่อน สำหรับพวกที่เคยอยากให้ลองสับนิยายของขาประจำบอร์ด นี่จึงถือเป็นเรื่องที่สองแล้วต่อจากขยี้หัวใจนายสโนว์โวท์ข้างบน ถ้าใครสงสัยว่าอ้าวแล้วทำไมไม่นับของเจ๊ดอกด้วย เพราะเขาก็ขาประจำเหมือนกัน ให้ลองย้อนกลับไปอ่านสับเองว่าทำไม
เรื่อง : Rubika Legend ตำนานลูกบาศก์ผู้พิทักษ์
นามปากกา : หลับปุ๋ย`
ลิงก์ : https://my.dek-d.com/pandatrain/writer/view.php?id=1429036
คำโปรย : "ไนท์" ถูกส่งตัวข้ามมิติโดยไม่เต็มใจ ต้องสูญเสียความทรงจำแทนค่าเดินทาง ซ้ำยังได้ความพิการเป็นเงินทอน เด็กหนุ่มจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อสิ่งที่เหลือไว้มีเพียงความเร็วบนปลายนิ้ว
หมวด : แฟนตาซี
จำนวนตอน : 57 ตอน
สถานะตัวเรื่อง : ยังไม่จบ [ อัพเดตล่าสุด 15/12/61 ] ดองมาได้ปีหนึ่งเต็มๆ แล้ว
ก่อนอื่นกูขอพูดถึงเรื่อง Tag ก่อน (#ไม่ออนไลน์ #ไม่ฮาเร็ม #ไม่ใช่นิยายแปล) อ่านแล้วขำเลยสัส ไอ้นี่มันนักเขียนสายขวางคลองสวนกระแสนี่หว่า ถ้านึกดูดีๆ กูเคยเจอเรื่องนี้ในกระทู้ขอนิยายอ่านน่าจะสัก 2-3 ปีที่แล้ว ช่วงที่นิยายแปลจีนโคตรบูม ส่วนออนไลน์กับฮาเร็มนี่ของตาย ขายมาได้เรื่อยๆ ถ้ากล้าติด Tag ตัวเองแบบนี้ แสดงว่าคนเขียนแม่งมั่นใจในตัวเองพอควรเลย เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีกับเนื้อหาข้างใน
ข้อมูลเบื้องต้นบนปกน่าจะเป็นรูปพระเอก ติด Quote ดราม่าเบาๆ กับ Talk ทักทายอธิบายที่มาที่ไปของเรื่องคร่าวๆ เขียนบอกด้วยว่าเป็นนิยายแบบไหน เออ ก็จริงใจดี ใครไม่ถูกจริตจะได้ตัดสินใจปิดทิ้งได้เลย ตามความเห็นกูคือไม่น่าทำแบบนี้ อย่างน้อยถ้าไม่เขียนบอกแนวเรื่องไว้ก็อาจทำให้มีคนอ่านเพิ่มขึ้น (มนุษย์แม่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว) ควรให้นักอ่านมันลองอ่านกันก่อนแล้วตัดสินใจทีหลังจะโอเคกว่า ตรงหมายเหตุดูมีความห่วงใยนักอ่านที่ใช้มือถืออ่าน กูอยากบวกคะแนนตรงนี้ให้แต่ทำไม่ได้ เดี๋ยวจะหาว่าลำเอียงอีก มีติด Plug-in หน้าเพจ facebook นักเขียนไว้ ถือว่าไม่ล้าหลังเรื่องเทคโนโลยี ด้านชื่อเรื่องอ่านแล้วเฉยๆ อาจสร้างความน่าสนใจได้ ถ้าเรื่องนี้เริ่มแต่งยุคเดียวกับเซวีน่า ส่วนคำโปรยป้ายยาได้โอเคโดยเฉพาะพวกคนชอบอ่านต่างโลก, โอลสคูลแฟนตาซี จะต้องสนใจมากขึ้นแน่นอน
ทีนี้ก่อนจะเริ่มสับกูมีความลำบากใจเกิดขึ้น เพราะนักเขียนมันเขียนแต่ละตอนไว้ยาวชิบหาย ลองสกิมดูคร่าวๆ คือนอกจากตอนแรกที่เป็นบทนำ ตอนที่เหลือคือมีอย่างละสาม-สี่ตอนย่อย ทีแรกกะจะบ่นว่าบทนำค่อนข้างยาวนะเนี่ย แต่พอเจอบทเต็มปุ๊บ ไอ้เหี้ย... บทนำดูสั้นไปเลย ถ้าสับแบบเป็นตอนย่อยก็จะไม่รู้เรื่องอีก กูเลยตัดสินใจจัดเต็มสับสี่ตอนใหญ่ที่เหลือต่อจากบทนำให้ครบห้า คือไม่ได้เจออารมณ์แบบนี้มานานมาก ตั้งแต่สมัยอ่านเรื่อง "ล็อคอินข้ามศตวรรษ" ของ Original Bluestin (ที่ตอนนี้เปลี่ยนนามปากาเป็น GreyScaleAroma คนแต่งเรื่อง "Dungeon Runner Buncha" AKA - บัญชายอดนักดอย) เพราะเป็นสายแต่งโหดหนึ่งตอนมีหมื่นถึงหมื่นห้าพันคำเหมือนกัน มีแววว่ากิจกรรมข้ามปีของกูปีนี้ จะเป็นการสับนิยายข้ามปีเสียแล้ววะ
ตอนที่ 1 : บทนำ : สวนดอกไม้ที่ปลายทาง
ก่อนเริ่มเนื้อหามีเขียนบอกว่า จะมีการใช้สัญลักษณ์ช่องคำพูดแบบที่สาม คือ lแบบนี้l (จริงๆ มันไม่ใช่ตัวแอลแบบนี้นะ แต่กูทำไม่เป็นจริงๆ ไม่รู้นักเขียนมันใช้ตัวอะไร) แทนการพูดโต้ตอบผ่านทางจิต สรุปคือมีพูดปกติ มีแบบความคิดในหัว กับแบบพลังจิต ถ้าไม่บอกก่อน กูท่าจะงงเหมือนกัน
พระเอกชื่อ "ไนท์" เล่าด้วย POV 1 เกี่ยวกับสภาพร่างกายกับเซตติ้งต่างโลกที่แม่งมีแต่เรื่องแฟนตาซีเต็มไปหมด อ่านต่อไปอีกหน่อยก็เข้าใจว่าไนท์แม่งกำลังป่วยเป็นโรคประมาณ Isekai อักเสบ เพราะโดนวาร์ปข้ามมาแบบไม่มีเครื่องป้องกันอะไรเลย ทำให้เกิดความเสียหายทางจิต จนเสียประสาทสัมผัสไปทุกเกือบอย่าง ระหว่างที่นอนง่อยเป็นผักอยู่ ก็มีเสียงสาวน้อยดังเข้ามาในหัว คุยกันเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้แม่งพิการ มีแฟลชแบ็คแล่นเข้าหัวไนท์นิดหน่อยเกี่ยวกับเด็กสาวในสวนดอกไม้ที่ให้มันหนุนตัก เนียนบรรยายหน้าตาเด็กคนที่น่าจะเป็นนางเอกผ่านบทพูดตอนหาทางพาตัวพระเอกไปห้องพยาบาล พอตาไอ้ไนท์กลับมามองเห็นก็พบว่า นี่มันโลกแฟนตาซีคล้ายในเรื่องเฮนรี่ฟรอสเตอร์กับเลดี้ออฟเดอะเอียริ่ง (แปลงชื่อหลบลิขสิทธิ์ได้กวนตีนดี) ลักษณะเหมือนโรงเรียนเตรียมทหาร แต่สัตว์ในมิตินี้แม่งตัวโคตรใหญ่ นอกจากจะป่วยเป็น Isekai อีกเสบแล้ว ยังความจำเสื่อมจำได้แค่ชื่อตัวเองด้วย แล้วตัดฉากไปตอนที่เวอร์เน่ (นางเอก) เอาอุปกรณ์เวทมนตร์ชื่อ "รูบิก้า" มาให้ เพราะมีความรู้สึกบางอย่างในใจทำให้พระเอกอยากเล่น อุปกรณ์ที่ว่าหน้าตาเหมือนกับรูบิค (ใครไม่รู้จักให้ลองไปดูในกูเกิ้ลเอาเอง) มีเบาะแสนิดหน่อยเกี่ยวกับอดีตพระเอกตรงนี้ว่าคงเคยเล่นรูบิคมาก่อน ตรงท้ายตอนมีเชิงอรรถสำหรับศัพท์เฉพาะให้นักอ่านด้วย ถือว่าเอาใส่ใจไม่เลว
ตอนที่ 2 : บทที่ 1 : สองเดือนแรกในพัซซ์เวิลด์ (1)
แม่ง... อ่านบทนี้แล้วกูรู้สึกเหมือนถูกดักควายนิดๆ เพราะมี Info-dump เกี่ยวกับประวัติศาสตร์โลกใหม่มาให้อ่านประมาณ 1 หน้า A4 อ่านไปเซ็งไปได้สักพัก นักเขียนมันตัดฉากจากประวัติศาสตร์เข้าสู่เนื้อเรื่องในห้องเรียนอย่างโคตรเนียน ว่าที่อ่านมาคือครูกำลังเล่าให้ยุวชนทหารฟังในห้องเรียน กูนี่ง้างเกือบจะด่าแล้วแต่เออวะปล่อยไปก็ได้ แต่อยากจะบอกคนที่อ่านอยู่ว่า ถ้าไม่จำเป็น อย่า info-dump ในทุกกรณี โดยเฉพาะเปิดเรื่องบทแรกหรือบทนำด้วย info-dump ประเภทเล่านิทานปรัมปราสงครามตำนานเทพ 4 ปีศาจ 8 อะไรก็ช่าง เพราะคนอ่านจะง่วงๆ เบื่อๆ แล้วปิดเรื่องของมึงทิ้ง ถ้าอยาก dump ให้ไป dump ตามรายทาง ใส่มาสั้นๆ 1-3 ย่อหน้าเอาให้ถูกจังหวะ dump แล้วเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องตอนนั้นจริงๆ ก็จะโอเคอยู่ เนื้อเรื่องต่อจากนั้นคือจบคาบเรียนพอดี (เรื่องผ่านมา 2 เดือน พระเอกเดินเรียนกับนางเอกในโรงเรียน) ระหว่างกำลังเดินไปเรียนวิชาต่อไป ก็มีชะนีตัวร้ายโผล่มาพูดเหยียดๆ จนนางเอกทำหน้าหมาหงอย
ตอนที่ 3 : บทที่ 1 : สองเดือนแรกในพัซซ์เวิลด์ (2)
อีดอกหัวหน้าก็พูดประมาณว่า เวอร์เน่แม่งเด็กเส้นทั้งๆ ที่เป็นปฏิกูลสงคราม (น่าจะเป็นพวกที่โดนเหยียดสุดๆ) พูดถึงเรื่องคู่หมั้นของเวอร์เน่กับเรื่องเชื่อมจิตว่าไอ้หนุ่มชื่อบากัสจะต้องอารมณ์เสียแน่ เพราะสายขาวๆ บนหัวตอนเชื่อมจิตนี่เขามีไว้ให้คู่รักเชื่อมเท่านั้น คือพระ-นางมันเชื่อมกันเพื่อรักษาแผล Isekai อักเสบเฉยๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง สักพักผู้อำนวยการโรงเรียนก็โผล่มา แล้วขู่พวกชะนีด้วยสายตาจนต้องห้อยหลวงพ่อเผ่นวัดป่าราบ ซึ่งลุง ผ.อ. เนี่ยเป็นปู่ของบากัสด้วย หลังจากนั้นก็เป็นฉากเดินไปเรียนต่อ เชื่อมเข้าช่วงไนท์เล่าข้อมูลเกี่ยวกับ ผ.อ. ที่ได้มาตอนนั่งอ่านหนังสือเล่นในห้องพยาบาลช่วงยังขาเดี้ยง ตรงนี้มี info-dump ผสมกับ opinion จนกูลังเลว่าจะด่าดีไหม คือมันอ่านได้ลื่นดีไม่ง่วงเท่าไหร่ แต่มันก็ยังมีความ dump แฝงอยู่ เดี๋ยวจะหักคะแนนตรงนี้ไปก่อนนิดหน่อยละกัน
ตอนที่ 4 : บทที่ 1 : สองเดือนแรกในพัซซ์เวิลด์ (3)
เล่าเรื่อง dump ข้ามตอนรวมเกือบ 4 หน้า แต่เป็น dump ที่ไม่ชวนง่วงเพราะเฉลยที่มาที่ไปของคำว่า "ปฏิกูลสงคราม" มีคำทำนายเป็นกลอนอยู่ช่วงต้นตอน (แต่งกลอนเพราะดีนี่หว่า) พอจบเรื่องเล่าไนท์ก็คิดในใจว่าอีเน่ (ขอเขียนย่อนะขี้เกียจ) คนนี้มันสวยมากเลยนี่หว่า ถ้าไม่มีเรื่องที่ว่าโดนสังคมรังเกียจ ใครๆ ก็แม่งคงมารุมจีบ ไอ้ไนท์แอบร้ายส่องทั้งนมทั้งบั้นท้าย พอโดนอีเน่สังเกตเห็นก็เปลี่ยนเรื่องแทบไม่ทัน จากนั้นก็ตัดฉากไปช่วงพักกลางวันของหลายวันถัดไป ไอ้ไนท์กำลังบ่นว่ารูบิก้าฝึกซ้อมที่ได้มาแม่งพัง หมุนไม่ไป เลยหาเรื่องคุยกับอีเน่แก้ว่าง อีเน่เลยถามว่าเบื่อมั่งป่าวที่ต้องมาอยู่กับปฏิกูลสงครามแบบนี้
ตอนที่ 5 : บทที่ 1 : สองเดือนแรกในพัซซ์เวิลด์ (4)
ก็มีฉากดราม่าให้อ่านหนึ่งฉากใหญ่ เกี่ยวกับเรื่องที่ไอ้ไนท์โดนสังคมรังเกียจไปด้วย นางเอกบอกว่าถ้าพระเอกหายแล้วก็ไม่ต้องติดต่อกันแล้วก็ได้นะ ปากก็พูดพร้อมกับกลั้นน้ำตาไปด้วย แต่น้ำตาไอ้ไนท์ดันไหลออกมาแทน ซึ่งน่าจะเป็นเพราะเส้นใยที่เชื่อมบนหัว ไอ้ไนท์บอกช่างแม่งคนอื่นเถอะ เราก็เป็นเพื่อนกันต่อไปเนี่ยแหล่ะ น้องเน่ได้ฟังก็น้ำ(ตา)แตก มีคอเมดี้เบาๆ แทรกมาล้อเรื่องขี้มูกนิดหน่อย หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เกี่ยวก้อยสัญญากัน แต่บากัสคู่หมั้นน้องเน่ดันโผล่มาเห็นเข้าพอดี ไอ้บากัสหรือย่อว่าไอ้กัสก็เม้งแตกตรงเข้ามาด่าน้องเน่ ไอ้ไนท์เห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปขวาง แต่ก็ใบ้แดกพูดไม่ได้เพราะอาการตกค้างจาก Isekai อักเสบยังอยู่ ไอ้กัสที่กำลังฟิวส์ขาดล้วงถุงข้างเอวเอารูบิก้าออกมาฟาดหน้าพระเอกลงไปวัดพื้น ผลักน้องเน่ล้มแล้วร่ายเวทขังไว้ไม่ให้เข้ามาช่วย พอไอ้ไนท์ลุกขึ้นมาได้ก็ยื่นรูบิก้าใส่มือท้าให้มาประลอง พระเอกรับไม่ได้ที่ไอ้กัสทำน้องเน่เลยรับคำท้าทันที
ตอนที่ 7 : บทที่ 2 : สิ่งที่ตามมาหลังการดวล (1)
พระเอกกับไอ้กัสสู้กันในโดมพลังเวท เหมือนเป็นเหมือนตัวกั้นไม่ให้คนนอกเข้ามายุ่งกับกันไม่ให้คนข้างในหนี ถึงจะรู้ว่าต้องบิดรูบิก้าเพื่อร่ายเวท แต่ไอ้ไนท์มือใหม่เกินเลยโดยเล่นจนเจ็บหนัก ไอ้ไนท์รู้ตัวว่าสู้ไม่ได้พยายามขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครนอกโดมเข้ามาช่วยเพราะเห็นว่าไอ้ไนท์แม่งเป็นพวกเดียวกับน้องเน่ โชคยังดีที่มีเสียงลึกลับดังเข้ามาในหัวพระเอก (แบบไม่ต้องเชื่อมสายด้วย) ทีแรกก็คิดว่าคงหลอนหูไปเอง ไนท์เลยตะโกนไล่แต่พอไอ้เด็กหนุ่มลึกลับแสดงดัวออกมาจากกลุ่มไทยมุง พระเอกเลยกลับมาตั้งใจฟัง เด็กหนุ่มที่ว่าสอนพระเอกว่าจะรับมือไอ้กัสยังไง สอนจบก็แฝงตัวหายเข้าไปในไทยมุงเหมือนเดิม
ตอนที่ 8 : บทที่ 2 : สิ่งที่ตามมาหลังการดวล (2)
การดวลดำเนินต่อไป พระเอกเหวี่ยงเวทของไอ้กัสสวนกลับได้สำเร็จ ทีแรกก็ดีใจว่ากูชนะแล้ว ปรากฏว่าไอ้กัสใช้ม่านกันเวทป้องกันความเสียหายส่วนใหญ่ไว้ได้ แถมสวนกลับมาทันทีด้วย ไอ้ไนท์ตกใจไม่รู้จะทำยังไงก็เอามือขึ้นกัน เวทกระแทกหลังมือจนรูบิก้าหลุดพุ่งเข้าใส่หน้าผากแตกเลือดอาบ หัวก็เจ็บ มือก็ชายกไม่ขึ้น สติแตกถอยหลังหนีแต่ติดกำแพงโดมประลอง ไอ้กัสได้ทีเลยยิงซ้ำอีกดอกคราวนี้โดนกลางหน้าผาก พระเอกทำท่าจะสลบเห็นภาพหลอนเหมือนกำลังดูจอภาพอะไรสักอย่าง ฉายภาพเหตุการณ์ต่างๆ ยิ่งเห็นยิ่งปวดหัว จนสุดท้ายพระเอกก็จำทุกอย่างได้ (เหมือนหัวโดนกระเทือนจนได้ความจำคืน)
ตอนที่ 9 : บทที่ 2 : สิ่งที่ตามมาหลังการดวล (3)
หลังพระเอกฟื้นตัวกลับมา คราวนี้สถานการณ์แม่งเปลี่ยนไปเลย พระเอกบิดรูบิคร่ายเวท์ได้เร็วกว่าเดิมเยอะ แถมอัดเพิ่มเลเวลเวทมนตร์ได้ง่ายขึ้น แต่ก่อนที่ไอ้กัสกำลังจะเจอเก็บ ผ.อ. ก็พังโดมเข้ามาแล้วสลายเวทที่พระเอกใช้ มีตัวละครใหม่อีกคนโดดเข้ามาในโดม พุ่งเข้าบีบคอแล้วใช้เวทไฟฟ้าช็อตพระเอกจนหมดสภาพ แล้ว ผ.อ. ก็สั่งให้คนใช้ไฟฟ้าแดงไปเตรียมห้องไว้น่าจะคล้ายกับห้องไต่สวน มีบทสนทนากันเล็กน้อยระหว่าง ผ.อ. น้องเน่ กับไอ้ไนท์ แต่ก่อนจะได้ไปห้องไต่สวน ผ.อ. ก็ให้เน่พาไนท์ไปห้องพยาบาลก่อนเพราะใช้พลังเวทเยอะไปจนเลือดไหลออกปาก หู จมูก ตา
ตอนที่ 10 : บทที่ 3 : สู่ห้องพิจารณา (1)
ไอ้ไนท์ที่ตอนนี้เป็นตัวของตัวเองแล้ว โดนน้องเน่ตื๊อถามหลังออกจากห้องพยาบาล เลยเผลอตะคอกไป 1 ดอก แต่สุดท้ายก็ต้องปลอบนางเอก เพราะความรู้สึกจากช่วงที่ยังความจำเสื่อมทำให้หวั่นไหว ระหว่างทางจากห้องพยาบาลไปห้องไต่สวน มีอาจารย์ 4 คน โผล่มาดักพวกไนท์กับเน่มีฉากคุยกันเล็กน้อยก่อนจะเดินทางต่อ ตรงกลางทางมีตัวละครใหม่โผล่มาเพิ่มแต่งตัวไม่เหมือนชาวบ้าน 2 คนนี้เป็นทูตของเผ่าอื่น แบ่งยังไงดี อาณาจักรที่พระเอกอยู่เรียกฝ่ายเขียว แล้วอีกสองฝ่ายเป็นฝ่ายขาวกับฝ่ายแดงละกัน ทูตขาวเป็นผู้หญิงดูสวยแต่รั่ว ส่วนทูตแดงคล้ายแวมไพร์ผู้ชาย พวกอาจารย์เกือบจะบวกกันท้ายตอนแต่มีคนห้ามไว้เสียก่อน
ตอนที่ 11 : บทที่ 3 : สู่ห้องพิจารณา (2)
ตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นการไต่สวนในชั้นศาล สรุปออกมาง่ายๆ ว่า ไอ้กัสมีความผิดเพราะหนีกลับมาจากแนวหน้า แล้วท้าพระเอกพิการให้ดวลกัน ส่วนพระเอกโดนเรื่องใช้อาวุธอย่างผิดกฏหมายกับเกือบทำคาร์บอม เพราะดันไปหน่วงเวทเกินระดับของอาวุธที่ใช้ ท้ายตอนมีการสอบสวนเพิ่มเติมจากคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้คุมกฏทั้ง 4 โดยเริ่มที่ลุงคนแรก ทั้งไนท์ทั้งกัสก็เจอสอบไปตามเรื่อง ปิดท้ายตอนด้วยการเหน็บเจ็บๆ โดยพระเอก
ตอนที่ 12 : บทที่ 3 : สู่ห้องพิจารณา (3)
ก็ไต่สวนกันต่อไปโดยผู้คุมกฏคนที่ 2 ที่ดูไม่โหดกับกัสแล้วใช้วิธีเชื่อมจิตแบบพิเศษกับไนท์ ลุงคนที่ 3 แม่งหลับในห้องเฉย ตื่นมาไม่สอบสวนไม่พอ สั่งลงโทษให้ล้างส้วมด้วย อะไรของแม่งก็ไม่รู้ แต่พอมาถึงคนที่ 4 เป็นผู้คุมกฏที่ดูหนุ่มที่สุดในกลุ่ม เขียน Show ไว้เข้าท่าดี บรรยากาศเลยจริงจังขึ้นจนสมเป็นการพิจารณาคดี
ตอนที่ 13 : บทที่ 4 : สิทธิของจำเลย (1)
ผู้คุมคนที่สี่สอบสวนได้โคตรเครียด ทั้งไนท์ทั้งกัสโดนไปคนละหลายดอก ฝั่งไอ้กัสโดนย้ำเกี่ยวกับเรื่องหัวร้อนง่าย ละทิ้งหน้าที่ พอกลับมาเจอว่าพระเอกพิการก็ยังจะท้าดวลมันเลยดูทุเรศ ส่วนพระเอกเหมือนโดนตบหน้าด้วยคำพูด เกี่ยวกับเรื่องความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่เกือบจะทำให้โรงเรียนวินาศสันตะโร
ตอนที่ 14 : บทที่ 4 : สิทธิของจำเลย (2)
บทนี้เป็นช่วงสุดท้ายของการไต่สวน พระเอกโดนผู้คุมกฏลำดับ 4 ที่เคยเป็นหัวหน้าหน่วยรบพิเศษจี้ถาม ว่ามึงหน่วงเวทเป็นได้ยังไงวะ ในเมื่อเทคนิคนี้มีสอนเฉพาะในหน่วยรบพิเศษเท่านั้น คนที่ตามไอ้กัสกลับมาที่โรงเรียนก็ไม่มีเลยสักคน ดังนั้นคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือน้องเน่ เพราะเน่เคยไปที่ค่ายฝึกแนวหน้า ถ้าสอบสวนแล้วเจอว่าน้องเน่แอบสอนไอ้ไนท์จริง จะให้เจ้าหน้าที่มาตัดลิ้นควักลูกตาทีหลัง มีการสอบสวนเพิ่มอีกเรื่องคนที่สอนหน่วงเวท พระเอกก็ยืนยันว่าเป็นนักเรียนที่ไหนไม่รู้ เฮีย 4 ไม่เชื่อแล้วถามซ้ำ ด้วยความที่ไนท์เป็นคนขี้รำคาญเลยตะคอกใส่ผู้คุมกฏจนเกือบโดนพี่สายฟ้าแดงต่อยหน้า พอถามต่ออีกเรื่องเกี่ยวกับการหน่วงแล้ว เฮีย 4 สั่งว่าห้ามไม่ให้ไนท์แตะรูบิก้าอีก เพราะไอ้พระเอกมีสกิล OP อะไรสักอย่างติดตัวมา ถ้าฝ่าฝืนให้เชือดได้ทันที แล้วการไต่สวนก็โดนลัดขั้นตอนจนจบเฉย ไอ้กัสโดนตัดสินให้ต้องโดนแช่แข็งทั้งเป็น 20 ชั่วโมง โดนพักการเรียนจากศูนย์ฝึกหน่วยรบพิเศษ แล้วก็โดนปลดออกจากตำแหน่งทีมประลองเวทระหว่างอาณาจักร ไอ้กัสได้ยินก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ไม่ยอมรับคำตัดสินข้อสุดท้าย ผ.อ. เลยตบหน้าแม่งจนกลายเป็นนิวไทป์ เอ๊ย! ด่าว่าตระกูลเราเนี่ยไม่เคยมีใครทำทุเรศแบบมึงเลย มีอย่างที่ไหนท้าคนพิการสู้แล้วเสือกแพ้ เสื่อมเสียชื่อเสียงสัสๆ
ตอนที่ 15 : บทที่ 4 : สิทธิของจำเลย (3)
ตอนนี้เริ่มด้วยบทลงโทษของไอ้ไนท์ อย่างแรกคือโดนแช่แข็ง 1 ชั่วโมง กับขังเดียวห้องธรรมดา 5 วัน อย่างที่ 2 คือโดนใช้ให้ไปเก็บสมุนไพรในเขตที่มีหมอกพิษ ข้อสุดท้ายคือให้ทำลายแหล่งพลังเวทภายในตัวพระเอก กับทำลายอวัยวะให้กลายเป็นคนพิการจริงๆ อาจารย์ประจำห้องพยาบาลพยายามประท้วงว่าโทษข้อสุดท้ายหนักเกินไป แต่ผู้ดูแลโรงเรียนลงความเห็นว่าที่ตัดสินเนี่ยโอเคแล้ว พระเอกได้ยินก็หัวเราะร่วนเหมือนคนเสียเส้น ผ.อ. ได้ยินก็โมโหทุบโตะให้ไอ้ไนท์เงียบแล้วอธิบาย ไอ้ไนท์บอกไปว่าที่ผ่านมาแม่งไร้ประโยชน์ อุตส่าห์เชื่อมจิตกับน้องเน่เพื่อให้ประสาทสัมผัสต่างๆ กลับมา แต่พอใกล้จะหนีความพิการพ้น ดันโดนตัดสินให้ต้องแขนด้วนตาบอด เลยอดขำไม่ได้ คือตอนนี้นิสัยพระเอกแม่งเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ตอนที่ได้ความทรงจำกลับมาเลย อ่านดูแล้วจากทั้งสีหน้า การกระทำ วิธีคิด เหมือนเป็นคนละคนกับตอนแรก ซึ่งการทำให้คนอ่านเชื่อหรือรู้สึกแบบนี้ได้ มันต้องใช้ทักษะค่อนข้างสูง เดี๋ยวไว้จะคุยอีกทีข้างล่าง เอ่อ แล้วท้ายตอนก็มีพูดถึงเหตุการณ์ในวันที่พระเอกโดนพาวาร์ปมาต่างโลก ว่าตอนแรกเป็นไงมาไง
ตอนที่ 16 : บทที่ 4 : สิทธิของจำเลย (4)
ไอ้ไนท์เล่าว่าคนที่โยนมันเข้าวาร์ปคือใครไม่รู้ ใส่ผ้าคลุมดำสวมหน้ากากประหลาด ตอนนั้นคือในห้องก็เงียบไปเลย บรรยากาศโคตรมาคุ อยู่ดีๆ ไอ้ลุงผู้คุมกฏลำดับ 3 ก็พูดว่า หน้ากากนั่นลักษณะเป็นอย่างที่ลุงพูดไหม พอรู้ว่าคนที่พาพระเอกมาเป็นใคร ลุงก็เรียกรูบิก้าประจำตัวออกมาแล้วโดดลงจากโพเดี้ยมวิ่งตรงมาหาไอ้ไนท์ ส่วนทูตขาวที่เป็นสาวหุ่นดีขี้เล่นก็เลือดขึ้นหน้าร่ายเวทด้วยรูบิก้าคริสตัลของตัวเอง สไลด์สเกตน้ำแข็งเข้าหาพระเอกเหมือนกัน ก็มีฉากการใช้เวทมนตร์ของคนอื่นในห้องเพื่อหยุด 2 คนแรกที่ว่า พอกลับมาคุยกันต่อก็ได้ความว่า พระเอกโดนบอสใหญ่พาตัวมาที่โลกนี้ ที่ลุงลำดับ 3 กับเจ๊ชุดขาวเม้งแตก เป็นเพราะคนของตัวเองโดนพวกฝั่งร้ายฆ่าไปหลายคน พอรู้ว่าพระเอกแม่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่บอสใหญ่วางไว้
เลยกะจะฆ่าทิ้งเพื่อตัดปัญหาด้วยความแค้น ก่อนจบตอนลุง ผ.อ. เสนอว่าทำไมไม่ชวนพระเอกมาเป็นพวกเดียวกับเรา ในเมื่อพระเอกแม่งยังพัฒนาได้อีกเยอะ พอคนในห้องไต่สวนได้ยินแบบนี้ ก็ชี้นิ้ว Objection (ขอคัดค้าน) กันค่อนห้อง
ตอนที่ 17 : บทที่ 4 : สิทธิของจำเลย (5)
คนที่อยู่ในห้องส่วนใหญ่ตั้งแง่กับไอ้ไนท์ เพราะนอกจากเป็นคนที่บอสใหญ่เลือกมาแล้ว ยังสุงสิงกับปฏิกูลสงครามอย่างน้องเน่อีก แต่ ผ.อ. ก็ยังเสนอว่าสามารถทำให้พระเอกเป็นพวกแบบทรยศไม่ได้อยู่ มีอาจารย์ 2 คนในห้องสนับสนุนเรื่องนี้ สักพัก ผ.อ. ก็บอกพระเอกว่าถ้าพระเอกทำตามเงื่อนไขแล้วจะไม่ต้องรับโทษ พอไนท์ถามว่าเป็นเงื่อนไขแบบไหน ก็ได้คำตอบว่า ให้พระเอกกลายเป็นประชาชนของอาณาจักร เรียนที่นี่จนจบปี 5 แล้วไปประลองเวท (น่าจะให้ไปแทนไอ้กัส) น้องเน่ได้ฟังก็ดีใจยกใหญ่ ส่วนไอ้ไนท์โมโหในใจเพราะคิดว่า ผ.อ. ยื่นข้อเสนอให้เพราะแค่อยากใช้กูเป็นเครื่องมือ สุดท้ายเลยบอกว่า "daka kotowaru" (กูขอปฏิเสธ) น้องเน่ได้ฟังถึงขั้นอึ้งกิมกี่
ตอนที่ 18 : บทที่ 4 : สิทธิของจำเลย (6) โหสัส มี 6 พาร์ทเลยเรอะ
น้องเน่เห็นไอ้ไนท์ปฏิเสธก็พยายามขอร้อง บอกว่าถ้าไอ้ไนท์เข้าทีมประลอง ด้วยพื้นฐานที่พระเอกมีกับสกิลติดตัว ถ้าฝึกไปนานๆ แล้วจะต้องเก่ง จนพาทีมชนะทัวร์นาเม้นท์ได้แน่ ถ้าชนะแล้วฝันของน้องเน่ก็จะเป็นจริง (ไม่รู้กูอ่านข้ามหรือเปล่า แต่จำไม่ได้ว่าถ้าชนะแล้วเน่จะได้อะไร) ไอ้ไนท์ได้ยินก็มองเหยียดบอกกลับไปว่า มึงก็เหมือน ผ.อ. ทำทุกอย่างเพราะมีผลประโยชน์มาเกี่ยว นางเอกปรี๊ดแตกบอกว่าไม่ใช่ แล้วบอกว่าที่ผ่านมานี่กูรักษามึงนะ พระเอกเลยเหยียดหนักกว่าเก่า ว่าแล้วมึงนี่มันปฏิกูลอย่างที่ชาวบ้านว่าไว้จริงๆ ช่วยคนแล้วทวงบุญคุณแบบนี้ ทุเรศสัสๆ ว่าจบก็เอาเอาหัวแตะหน้าผากนางเอกแล้วเชื่อมจิตแบบเดียวกับของลุงลำดับ 2 ตัดฉากเข้าไปในความทรงจำของพระเอกสมัยยังหัวเกรียน เล่าผ่านเหตุการณ์ที่พระเอกโดนลุงหลอกให้ต้องไปแข่งรูบิคเรื่อยๆ เพื่อเอาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายดูแลปู่ที่ป่วยติดเตียง เฉลยปมว่าทำไมพระเอกถึงไม่อยากถูกคนอื่นใช้งาน พออถึงจุดนี้กูแม่งรู้สึกว่าพระเอกด้านชามาก เมินแม้กระทั้ง ผ.อ. ก่อนจะออกจากห้องมีดราม่าบีบคั้นอารมณ์โผล่มา นางเอกพยายามถามถึงสัญญาที่เคยเกี่ยวก้อยกันไว้ก่อนดวลกับไอ้กัส พระเอกตอบกลับแบบมองด้วยหางตาว่า "มึงจริงจังกับคำพูดของคนความจำเสื่อมด้วยเหรอ" แล้วก็เดินจากไป แบบไม่สนใจน้ำตานางเอกเลย
การบรรยาย : สำนวนภาษาถือว่าค่อนข้างดี การบรรยาย 5W มีครบ เห็นภาพชัดทั้งฉากหลัง บรรยากาศในฉาก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉาก มีกิมมิคสำนวนคล้ายกับเรื่องน้องมัวร์ แต่เป็นแบบคล้องจองระหว่างประโยคที่ถูกใส่มาค่อนข้างบ่อยในบทบรรยาย ทำให้รู้ว่านักเขียนคนนี้น่าจะมีพื้นฐานด้านโคลงกลอนในระดับหาตัวจับยาก สับเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือนกำลังเล่น Photo hunt เพราะหาคำซ้ำ คำซ้อน คำผิด เจอยากจริงๆ แทบจะไม่มี แต่ยังมีความฟุ่มเฟือยอยู่หลายจุด ไม่รู้ว่าเป็นที่วิธีการสื่อหรือจงใจสร้างคำใหม่ใช้เองซึ่งเจอได้กับทุกคนทุกเรื่อง ความลื่นไหลน่าจะพอๆ กันกับน้องมัวร์อีกเช่นเคย แต่ด้วยแนวและการดำเนินเรื่องที่มีข้อมูลเยอะ ทำให้อ่านเร็วเกินไปไม่ได้ บางจุดถ้าไม่ตั้งใจอ่านก็จะพลาดข้อมูลสำคัญ ฉากต่อสู้ที่เคร่งเครียดกดดันทำได้ดีจนกลัวว่าพระเอกแม่งจะตายตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว (เอาเหอะ ยังไงก็เห็นมี Plot Armor มาช่วยอยู่) ใช้ Show มากกว่า Tell อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะภาษากายที่ตัวละครต่างๆ แสดงออก ช่วยเสริมให้สิ่งที่ตัวละครรู้สึกอยู่ดูน่าเชื่อ
ตัวละคร : ใช้ Show แสดงสีหน้าท่าทางเสริมได้ดีในอารมณ์ต่างๆ ของตัวละคร ทุกๆ ตัวมีมิติด้านนิสัยและแนวคิดชัดเจน เวอร์เน่ดูแม่พระเหลือเกิน ส่วนบากัสที่ Tell มาว่าขี้โมโหพอเจอตัวเข้าจริงๆ ก็ยั๊วะได้โล่ ส่วนไนท์ช่วงยังจำอะไรไม่ได้ก็เป็นเด็กหนุ่มอัธยาศัยดี พูดจากน่าฟัง มองโลกในแง่ดี แต่พอได้ความทรงจำกลับคืนมา หลายๆ อย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังตีน ทำหน้าเบื่อโลกตาก็หรี่ลง (เริ่มเข้าใจว่าทำไมถึงใช้รูปตรงหน้าปก) นิสัยอินดี้ไม่สนใจใคร ดูเป็นพวกเก็บกดด้วย ซึ่งตรงนี้มันมีเคมีบางอย่างที่เข้ากันได้ระหว่างคู่พระ-นาง คนหนึ่งดู introvert ส่วนอีกคนก็โดนสังคมรังเกียจ ต้องดูกันไปนานๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นด้านความสัมพันธ์ (หากมองเรื่องนี้ในแนวเลิฟแฟนตาซี) สรุปว่าตัวละครดูเรียลไม่แบนราบ และใช้ Show เพื่อเน้นนิสัยได้ถูกจุด มีเอกลักษณ์จนจำได้ทั้งฝั่งดีและฝั่งร้าย แต่ที่น่าแปลกคือ ไม่อธิบายลักษณะตัวประกอบเลย หรือถ้าจะพูดถึงก็พูดแค่นิดเดียวเท่านั้น
เนื้อเรื่อง : แฟนตาซีต่างโลก พระเอกมีสกิลที่เป็นอันตราย ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเอาเรื่องนี้มาต่อยอดยังไง แต่น่าจะ OP พอสมควรหลังดูจากปฏิกิริยาของคนในห้องไต่สวน การเดินเรื่องเป็นเส้นตรง บรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวพระเอกเป็น POV 1 ความเร็วในการเดินเรื่องค่อนข้างช้า เพราะใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ เยอะอยู่ เรื่องนี้เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้าเจอนักอ่านที่ตั้งใจอ่านแล้วจำได้ ข้อมูลที่เก็บมาจะทำให้อ่านได้สนุกขึ้นมาก แต่ถ้าเจอกลุ่มที่อ่านๆ ข้ามๆ หรือไม่ชอบการจำอะไรเยอะ จะอ่านแล้วงง จนอาจเลิกอ่านได้ การวางปมมีเยอะจนบางทีรู้สึกย้อนแย้ง อันที่จริงเรื่องแนวนี้ที่เดินเรื่องแบบเส้นตรงควรจะมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น-แก้ปัญหา-จบลง แล้วขึ้นเหตุการณ์ใหม่ แต่เรื่องนี้เป็น Isekai ที่ผูกปมตั้งแต่สาเหตุการข้ามมิติมาของพระเอก มันทำให้เราต้องตั้งคำถามว่า ถ้าบอสใหญ่เลือกพระเอก ทำไมตอนวาร์ปมาถึงไม่ใส่ตัวป้องกัน Isekai อักเสบให้ หรือในเมื่อพระเอกมีคุณสมบัติพร้อมใช้งานแถมสกิลก็ดี ทำไมปลายทางถึงไม่ใช่ปราสาทจอมมาร แต่ดันตกลงมากลางสวนในค่าย ร.ด. ของฝ่ายสีเขียว คืออ่านเรื่องนี้แล้วกูมีคำถามในใจเยอะ เพราะมันไม่ใช่ Isekai slowlife เบาสมองทั่วไป
สิ่งที่ชอบ : การ Show เรื่องอารมณ์ในซีนดราม่า ความไม่ให้พระเอก OP ตั้งแต่เริ่ม การเน้นสร้างเรื่องให้เป็น Character Base (ตัวละครเด่นกว่าพล็อต) กิมมิคสำนวนคล้องจองระหว่างประโยค การออกแบบตัวละครที่ดูสมจริงทั้งตัวหลักและตัวประกอบ
สิ่งที่เกลียด : INFO-DUMPPP ช่วงแรกมึง dump มากไปนิด ถึงจะเป็น opinion ผสม fact dump แต่ช่วงที่เล่าเกี่ยวกับประวัติ ผ.อ. ก็ถือว่า dump อยู่ดี การใช้คำที่คิดขึ้นใหม่ซึ่งทำให้เกิดความฟุ่มเฟือยซ้ำซ้อน ซึ่งพบได้นานๆ ครั้ง ข้อสุดท้ายคือคนแต่งแม่งใจร้าย ให้ไอ้ไนท์ทำกับน้องเน่แบบนี้ได้ยังไง ฟักยู!
คะแนน : 8/10
ความเห็นส่วนตัว : (ตรงนี้กูขอสารภาพว่าแอบไปอ่านต่อจากที่สับไว้มาแล้ว) ไอ้เหี้ย !! อยากบอกว่าเป็นนิยายที่ถูกจริตกูมาก เพราะกูชอบนิยาย Character Base แบบนี้ เรื่องนิสัยของตัวละครถึงช่วงแรกจะมีพัฒนาการแค่เรื่องพระเอกเปลี่ยนไปตอนจำทุกอย่างได้ แต่ตอนท้ายตัวละครหลักทั้งคู่มีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก เคมีก็เข้ากันดีขึ้นเรื่อยๆ ช่วงที่ลุ้นให้พระเอกยอมรับตำแหน่งหัวหน้าทีมนี่คือเยี่ยวไม่ออกเลย หลังจากช่วงที่สับไว้จะมีฟิลเลอร์เติมเข้ามาเพื่อให้บรรยากาศเบาลง แล้วก็กลับมาเคร่งเครียดใหม่อีกรอบ กูเรียกนิยายแบบนี้ว่าเป็นนิยายกลุ่ม Emotion Twister คือกราฟมันเปลี่ยนแบบสุดเหวี่ยง พอดีก็ดี๊ดี พอดิ่งก็โคตรดิ่ง แต่เป็นการขึ้นลงของกราฟเนื้อเรื่องในทางที่ดีนะ นักเขียนแม่งใจร้ายปั่นหัวคนอ่านให้ ปสด. บ่อยๆ เรื่องน่าจะไปสนุกมากจริงๆ ช่วงที่พระเอกฝึกกับตัวละครลับตัวหนึ่งแล้ว เห็นชื่อตานี่แล้วชวนให้คิดว่าจะมีตัวละครชื่อ "โทอิค" หรือ "โทเฟ่ล" โผล่มาไหม สำหรับสาววายกูมีข่าวดี ในฐานะที่กูเป็นสาววายคนหนึ่ง ถ้าชอบเรื่องที่มีกลิ่นวายบางๆ เรื่องนี้มีโมเมนท์ชวนจิ้นโผล่มาเป็นระยะๆ โดยเฉพาะตัวละครที่สอนพระเอกหน่วงเวทตอนแรกสุด มันไม่ได้ดูดปากเด้าตูดกันแบบโจ๋งครึ่มแต่อ่านแล้วคือดีย์อะ
บอกได้เลยว่า 5 ตอนใหญ่ช่วงแรกเหมือนอุ่นเครื่อง นักเขียนคนนี้เป็นแนว Slow Start ต้องรอให้ถึงจุดๆ หนึ่งก่อน แล้วเรื่องจะเข้มข้นขึ้นเยอะ แล้วแม่งเล่นกับจิตใจคนอ่านอย่างหนัก เหมือนอยากบอกว่าการรู้สึกเฉยๆ แล้วมามีความสุข มันให้อารมณ์น้อยกว่าเจ็บปวดก่อนแล้วค่อยพบความสุข หรือให้กูอดจนหิวโซแล้วถึงค่อยยอมให้กินอาหารโปรดเต็มที่ อารมณ์แบบนั้นเลย หลังๆ มามีฉากบู้ที่สนุกเร้าใจดีแต่กว่าพระเอกจะเก็บได้นี่ใช้ Plot Armor เพื่อให้รอดตายมาหลายรอบ เป็นนิยายที่ถ้าใครอ่านแล้วชอบ จะชอบมาก แต่ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบก็คือเกลียดเลย และเป็นนิยายที่เกิดผิดยุค ถ้าเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเร็วกว่านี้สัก 10 ปี มีโอกาสเกิดในวงการได้อยู่ เพราะเด็กสมัยนี้อาจไม่ชอบนี้ยายแบบนี้แล้ว มันอ่านแล้วไม่เทพทรู ไม่มีหีรุมล้อม แถมฉากดราม่าบีบคั้นจิตใจด้วย เป็นอะไรซึ่ง "ถูกที่ผิดเวลา" อย่างแท้จริง
เสริมอีกนิดเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ มีกิมมิคเรื่องตั้งชื่อตอนด้วย ส. เสือ ทุกตอน ไม่รู้ว่ามีความหมายแฝงอะไรหรือเปล่า ซึ่งคงจะได้คำตอบถ้านักเขียนมันกลับมาแต่งจนจบ ตอนนั้นถ้าใครยังอ่านอยู่ก็ลองถามดูละกันนะ
เห็นช่วงนี้เตร็ดเตร่ในบอร์ดเยอะเหลือเกิน ถึงจะเป็นหน้าใหม่แต่อนาคตน่าจะไม่ใช่ย่อย กูอยากรู้ว่านิยายมันเป็นยังไง เลยขอสับส่งท้ายปีแล้วกัน
โรงเรียนวิปลาส by NK Killer
https://writer.dek-d.com/NK-Killer/writer/view.php?id=2034118
แท็กมึงสปอยเรื่องว่ะ มึงล่อมา #ฆาตกรรม #คนใกล้ตัว #เพื่อนสนิท ไม่ค่อยเข้าใจไอ้แฮชแท็กเยอะๆ แบบไม่สื่อความหมายแบบนี้เท่าไร ส่วนตัวคิดว่าไอ้นี่ใช้ได้ไม่เกิดประโยชน์เลยสักนิด เปล่าประโยชน์! เปล่าประโยชน์! เปล่าประโยชน์!
เรื่องย่อ: กูขอย่อตามสไตล์ตัวเองแล้วกัน พวกมึงอ่านโม่งสับคนนั้นสับมาหลายเรื่องติดๆ กันอ่านอาจไม่ชิน
มีเด็กใหม่ย้ายเข้ามาชื่อฟลุ๊ค พ่อแม่ยัดเงินเลยเส้นเข้ามาได้ แต่รร.นี้เหยียดเด็กรวย-จน และเกลียดเด็กเส้นสัสๆ ไอ้ฟลุ๊คนั่งเกาไข่อยู่เฉยๆ ก็มีคนมาแกล้งยัดมือถือลงกระเป๋า เจ้าของมือถือด่าว่าฟลุ๊คจนเหรอแล้วเอาเงินฟาดหน้า ไอ้ฟลุ๊คเร้องไห้เลือดกำเดาไหล พอไอ้ฟลุ๊ควิ่งออกไป ไอ้ชัยคนแกล้งก็มาขอโทษแบบพยายามจะวาย
คือไอ้ชัยเนี่ยพยายามสั่งสอน(เหรอไอ้เด็กเหี้ย) ให้ฟลุ๊คแกร่งพอจะอยู่ในรร.นี้ได้ ก็งงกับมึงนะว่ารร.หรือเรือนจำกันแน่ แล้วจู่ๆ ผม(?) ก็บอกว่ามีแผนจะแก้แค้น ซึ่งก็รวมหัวกับไอ้ชัยแกล้งเจ้าของมือถือเฉย อ้าว กูงงเลย ไอ้ชัยเป็นคนเอามือถือมาใส่ ทำไมมึงไปแก้แค้นเจ้าของมือถือที่เขามาเอาคืนล่ะเห้ย ซึ่งวิธีการแกล้งคืนคือเอามือถือไปแฮกเฟซตั้งตัสว่าโสด.......... โอเค้ ก็มีการแบล็กเมล์ตามตัวไอ้ผิงเจ้าของมือถือมา ไอ้ชัยขู่เหมือนฆาตกรโรคจิต (อิหยังวะ) แล้วก็ทุบมือถือผิงทิ้งดูไอ้ผิงโวยวาย ชัยและฟลุ๊คที่ไม่รู้ว่าสนิทกันมาแต่ชาติไหนก็หันมายิ้มให้กัน
วันต่อมาเป็นเรื่องเป็นราวกันถึงห้องปกครอง พอเล่าเรื่องต่างๆ กลายเป็นว่าผอ.ปกป้องฟลุ๊ค แถมขู่พักการเรียนผิง 'ผม' ซึ่งน่าจะเป็นชัยก็สงสัยว่าทำไมผอ.ต้องปกป้องด้วย เสร็จแล้วพวกแก๊งๆ ก็ไปกินข้าวกัน กินกันแพงมากตอนแรกจะชัยจะจ่าย แต่ชัยไปคุยโทสับ ฟลุ๊คเลยจ่ายแทน เพื่อนก็งงว่าทำไมฟลุ๊ครวยผิดปรกติ...... อิหยังวะ ตัดไปปรากฏว่าจริงๆ แล้วชัยกับผิงวางแผนกันหวังไถเงินฟลุ๊ค ไอ้ผิงก็ไปขโมยของในร้านทองแบบทุบร้าน ทุบกล้องและสัญญาณกันขโมย.......เอาทองไปขายแล้วแบ่งเงิน โอเค้
เพื่อนฟลุ๊คมาเตือนให้ระวังผิงกับชัย สองคนนี้น่าจะไปปล้นร้านทอง ตัดไปผิงไปหลอกขายทองให้ห้างทองเปิดใหม่ เถ้าแก่นึกว่าผิงเป็นนักสะสมทอง เห็นเป็นเด็กดี(?) เลยรับซื้อ เถ้าแก่โดนจับข้อหาขโมยทรัพย์สินและรับของโจร ผิดแล้วมึง เถ้าแก่แค่คนซื้อ จะโดนแค่รับซื้อของโจรนาจา ที่มาที่ไปในการโอนเงินก็มีไอ้ควาย พอละ ขี้เกียจอ่าน เปลืองสมอง
อ้าว แม่งลืมเคาะ เอาใหม่นะ อันเก่าอ่านยาก
เห็นช่วงนี้เตร็ดเตร่ในบอร์ดเยอะเหลือเกิน ถึงจะเป็นหน้าใหม่แต่อนาคตน่าจะไม่ใช่ย่อย กูอยากรู้ว่านิยายมันเป็นยังไง เลยขอสับส่งท้ายปีแล้วกัน
โรงเรียนวิปลาส by NK Killer
https://writer.dek-d.com/NK-Killer/writer/view.php?id=2034118
แท็กมึงสปอยเรื่องว่ะ มึงล่อมา #ฆาตกรรม #คนใกล้ตัว #เพื่อนสนิท ไม่ค่อยเข้าใจไอ้แฮชแท็กเยอะๆ แบบไม่สื่อความหมายแบบนี้เท่าไร ส่วนตัวคิดว่าไอ้นี่ใช้ได้ไม่เกิดประโยชน์เลยสักนิด เปล่าประโยชน์! เปล่าประโยชน์! เปล่าประโยชน์!
เรื่องย่อ: กูขอย่อตามสไตล์ตัวเองแล้วกัน พวกมึงอ่านโม่งสับคนนั้นสับมาหลายเรื่องติดๆ กันอ่านอาจไม่ชิน
มีเด็กใหม่ย้ายเข้ามาชื่อฟลุ๊ค พ่อแม่ยัดเงินเลยเส้นเข้ามาได้ แต่รร.นี้เหยียดเด็กรวย-จน และเกลียดเด็กเส้นสัสๆ ไอ้ฟลุ๊คนั่งเกาไข่อยู่เฉยๆ ก็มีคนมาแกล้งยัดมือถือลงกระเป๋า เจ้าของมือถือด่าว่าฟลุ๊คจนเหรอแล้วเอาเงินฟาดหน้า ไอ้ฟลุ๊คเร้องไห้เลือดกำเดาไหล พอไอ้ฟลุ๊ควิ่งออกไป ไอ้ชัยคนแกล้งก็มาขอโทษแบบพยายามจะวาย
คือไอ้ชัยเนี่ยพยายามสั่งสอน(เหรอไอ้เด็กเหี้ย) ให้ฟลุ๊คแกร่งพอจะอยู่ในรร.นี้ได้ ก็งงกับมึงนะว่ารร.หรือเรือนจำกันแน่ แล้วจู่ๆ ผม(?) ก็บอกว่ามีแผนจะแก้แค้น ซึ่งก็รวมหัวกับไอ้ชัยแกล้งเจ้าของมือถือเฉย อ้าว กูงงเลย ไอ้ชัยเป็นคนเอามือถือมาใส่ ทำไมมึงไปแก้แค้นเจ้าของมือถือที่เขามาเอาคืนล่ะเห้ย ซึ่งวิธีการแกล้งคืนคือเอามือถือไปแฮกเฟซตั้งตัสว่าโสด.......... โอเค้ ก็มีการแบล็กเมล์ตามตัวไอ้ผิงเจ้าของมือถือมา ไอ้ชัยขู่เหมือนฆาตกรโรคจิต (อิหยังวะ) แล้วก็ทุบมือถือผิงทิ้งดูไอ้ผิงโวยวาย ชัยและฟลุ๊คที่ไม่รู้ว่าสนิทกันมาแต่ชาติไหนก็หันมายิ้มให้กัน
วันต่อมาเป็นเรื่องเป็นราวกันถึงห้องปกครอง พอเล่าเรื่องต่างๆ กลายเป็นว่าผอ.ปกป้องฟลุ๊ค แถมขู่พักการเรียนผิง 'ผม' ซึ่งน่าจะเป็นชัยก็สงสัยว่าทำไมผอ.ต้องปกป้องด้วย เสร็จแล้วพวกแก๊งๆ ก็ไปกินข้าวกัน กินกันแพงมากตอนแรกจะชัยจะจ่าย แต่ชัยไปคุยโทสับ ฟลุ๊คเลยจ่ายแทน เพื่อนก็งงว่าทำไมฟลุ๊ครวยผิดปรกติ...... อิหยังวะ ตัดไปปรากฏว่าจริงๆ แล้วชัยกับผิงวางแผนกันหวังไถเงินฟลุ๊ค ไอ้ผิงก็ไปขโมยของในร้านทองแบบทุบร้าน ทุบกล้องและสัญญาณกันขโมย.......เอาทองไปขายแล้วแบ่งเงิน โอเค้
เพื่อนฟลุ๊คมาเตือนให้ระวังผิงกับชัย สองคนนี้น่าจะไปปล้นร้านทอง ตัดไปผิงไปหลอกขายทองให้ห้างทองเปิดใหม่ เถ้าแก่นึกว่าผิงเป็นนักสะสมทอง เห็นเป็นเด็กดี(?) เลยรับซื้อ เถ้าแก่โดนจับข้อหาขโมยทรัพย์สินและรับของโจร ผิดแล้วมึง เถ้าแก่แค่คนซื้อ จะโดนแค่รับซื้อของโจรนาจา ที่มาที่ไปในการโอนเงินก็มีไอ้ควาย พอละ ขี้เกียจอ่าน เปลืองสมอง
สับเม้นท์ถัดไป
เนื้อเรื่อง:
อ่านแล้วรู้สึกอิหยังวะตลอดเวลา ตรรกะในนอกจากจะให้เหตุผลได้วิบัติแบบควรไปตาย ตรรกะอื่นๆ ยังมั่วซั่วไปหมดเรื่องมันแปลกๆ ปัญหาหลังคือการวางเซตติ้งที่ไม่แข็งแรง แถมแม่งเป็นเซตติ้งโรงเรียนที่คนอ่านมีประสบการณ์ร่วม มันเลยทำให้ออกมาประหลาดสัสๆ เช่น การเกลียด เหยียด พร้อมบูลลี่นักเรียนใหม่แบบไม่มีเหตุผลไปมากกว่าการเป็นเด็กเส้น จุดนี้มันอ่อนไปหน่อย มันต้องค่อยๆ เพิ่มระดับว่ะ มันต้องเริ่มจากหมั่นไส้แล้วค่อยทวีความรุนแรง ไม่ใช่มาถึงก็เกลียดเบอร์ 10 เลย ไม่สมเหตุสมผลเหี้ยๆ เหมือนมึงไม่เคยไปรร.มาก่อนอ่ะ
แล้วก็การให้เหตุผลแบบย้อนแย้งแม่งเต็มไปหมด อย่างพวกเหยียดคนจนคนรวย แต่เหยียดเด็กเส้น หรือความย้อนแย้งของตัวละครเด็กเส้นตัวละครฟลุ๊คมาจากตจว. ใช้ชีวิตติดดิน ที่แต่พ่อแม่เอาเงินยัดจนผอ.ใจอ่อน พอมาอยู่ที่นี่ก็ส่งคนมาดูแลทุกฝีเก้า เออ เด็กมือถือหายเอาเงินฟาดหน้าไอ้ฟลุ๊คที่ยัดเงินเข้ารร.มา เอากับมันเถอะ หรือไอ้ชัยที่แกล้งฟลุ๊คตอนแรกแต่มารวมหัวเอาคืนกับฟลุ๊ค...อะไรว้า
ตัวละครเยอะเหี้ยๆ เปิดตัวแบบไม่น่าจดจำ และพร้อมจะถูกลืมชื่อได้ตลอดเวลา แต่ละคนแม่งแข็งยิ่งว่าแร่ไวเบรเนียม เหมือนว่าตัวละครในเรื่องนี้ทุกตัวมาจากเรื่องกาเหว่าที่บางเพลง เหตุผลในการกระทำหาไม่ได้สักอย่าง เหมือนเท่ แต่ไม่เท่เหี้ยอะไรเลย
การเขียนและการนำเสนอ:
โต้งๆ โจ่งแจ้ง คือโต้งกว่านี้ก็ไก่โต้งร้องกระต๊ากแล้วไอ้สัส แต่ไม่ใช่คำชมนาจา นี่คือคำด่าจ้า คือไม่รู้จักกลวิธีในการนำเสนอให้เรื่องน่าสนใจใดๆ ทั้งสิ้น เปิดมาเหมือนพยายามทำให้คนสนใจ แต่มันอ่อนหัดมากๆ บทสนทนาว่าบรรยายตรงๆ แข็งๆ แล้ว บทสนทนายิ่งไปกันใหญ่เพราะแม่งปลอมเปลือกจนกูสงสัยว่าว่าโคตรพ่อโคตรแม่ไม่เคยคุยกับเพื่อนที่โรงเรียนมาก่อนหรือไงวะ บรรยากาศที่ตัวละครคุยกันมันถึงได้เย็นชา ห่างเหิน และ awkward เหี้ยๆ ไม่เหมือนเป็นเพื่อนกันเลยสักนิด เออ แต่ถ้ามึงบอกว่ามันเป็นโรงเรียนวิปลาส เพื่อนกันเลยคุยกันแบบนี้กูจะกัดฟันยอมก็ได้
จุดโฟกัสพังพินาศมาก ไม่รู้ว่าแม่งให้ความสำคัญกับอะไรกันแน่ กูอ่านแล้วปวดกะโหลกชิบหาย จะมิตรภาพ ระวังภัย เด็กเหี้ย เด็กเส้น หรืออะไรวะ
การใช้ภาษา:
มือใหม่เหี้ยๆ บรรยายแบบเด็กป.สามหัดเขียนเรื่องสั้นส่งครู เขียนออกมาได้แบบทื่อๆ เหมือนสมองตัวละครในเรื่อง อยากจะใส่วงเล็บก็ใส่ซะงั้น จู่ๆ ก็เปลี่ยน POV ซะจนกูงงเลยว่าใครคือ ‘ผม’ กันแน่ อยากจะใส่คำคมสอนใจพี่แกก็ใส่มาดื้อๆ อยากไล่ไปอ่านเยอะๆ แต่ก็ไล่มาหลายคนละ ไล่มันอีกคนด้วยแล้วกัน
สิ่งที่ชอบ: ความพยายามจบในค้างในแต่ละตอน ก็มีความพยายามแต่ยังอ่อนหัด
สิ่งที่เกลียด: ตัวละครกาเหว่าที่บางเพลง, จุดโฟกัสในเรื่องพังพาบ, การให้เหตุผลที่ไม่มีอะไรไม่ Fallacy สมควรยกไปเป็นตัวอย่างที่เหี้ยในคลาสตรรกศาสตร์และปรัชญาว่าคนที่ให้เหตุผลแบบนี้ยังมีอยู่จริง
คะแนน: อิหยังวะ อิหยังวะ อิหยังวะ อิหยังวะ
คะแนน อิหยังวะ 4 ที่ ยังงั้นเรอะ น่าจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจดีนิ
อ้าว เพิ่งสับไป เจ้าตัวไปโชว์หล่อในมู้เฉย อยากบอกเหลือเกินว่าที่วิวน้อยเพราะนิยายมึงได้สนุกไงไอ้ง่าว
เวลาตอบกระทู้เสือกเขียนดีอ่านเข้าใจ แต่หน้านิยายเขียนพังพินาศในทุกมุมมอง วุ้ย
https://www.dek-d.com/board/view/3956978/
อยากอ่านนิยายแนวสบายๆ ที่ไม่ใช่แนวที่หันไปก็เจอแต่ฉากเงี่ยนใส่กัน กูก็ต้องเปิดเด็กดวกแต่กว่าจะหาเรื่องที่ตรงจริตได้ทำไมมันหายากงี้วะ
สนุกชิบหายเลย คะแนนสี่อิหยังวะเนี่ย
กูลองกดมัวๆ เข้าไปอ่านสักตอนก็ปวดหัวแล้ว
บอร์ดนักเขียน นิยายบางเรื่องลงแค่หน้าปก บางเรื่องมาสองสามตอนมึงจะไปเรียกร้องหาคนอ่านก็ไม่ได้หรอกถ้าไม่เคยมีชื่อหรือเคยลงนิยายมาก่อน ขนาดกูมีแฟนนิยายอยู่พอสมควรหายหน้าไปหลายปียังต้องกลับมานับหนึ่งใหม่เลย ลงไปเกือบเดือน อัพทุกวันคนอ่านถึงเริ่มตาม ทีนี้นะอิพวกนักเขียนหน้าใหม่เห่อหมอยที่อยากจะเขียน พอเห็นไม่มีคนอ่านคนตามมากเหมือนที่หวังก็ดอง ลบทิ้งหายไปสักพักก็กลับมาแต่งเรื่องใหม่แล้วมาตั้งกระทู้บ่นไม่มีคนอ่าน วนไปซ้ำๆ อยากจะตอบจริงๆ แต่เดี๋ยวดราม่าอีกรำคาญ ถอดล็อกอินก็ขี้เกียจไม่ตอบแม่งแล้วกัน
อ่านสับนิยายเพลินดีขอบคุณโม่งที่เสียเวลากันมาสับให้ ช่วงนี้โคตรเบื่อ
>>659 กูตามไปอ่านมาแล้ว ก่อนไปคือกูเตรียมตัวด้วยการถอดสมองวางไว้ก่อนเพื่อไม่ให้อคติ แต่ก็ยังมีความอิหยังวะอยู่ดี
>>666 พูดถึงขาประจำ หลังอ่านนิยายของแต่ละคนดู ทำไมพวกขาประจำหน้าเก่านิยายดูดีกว่าพวกหน้าใหม่เยอะเลย พวกที่ทำตัววางก้ามตอนนี้พอไปอ่านนิยายแล้วรู้สึกว่าท่าดีทีเหลววะ หรือเขาอาจเกิดมาเพื่อเป็นครู สอนได้ดีแต่ทำเองไม่ค่อยเวิร์ค เป็นพวกหมูสนามจริงสิงห์สนามซ้อมก็ไม่รู้นะ
>>668 ถ้างั้นกูก็แม่งเป็นหน้าม้าแล้วดิวะ แต่กูสับไปตามเนื้อผ้าจริงๆ นะ
>>669 ตามที่กูไปไล่อ่านคอมเมนต์นักอ่านที่โต้ตอบกันกับ Talk ท้ายตอน ดูเหมือนนักเขียนจะป่วยเป็น SLE (เรื่องใหญ่เลยนะมึง) แต่กูว่าถ้านักเขียนยังไม่ตายก็คงกลับมาแต่งอยู่ เพราะเรื่องนี้ดูมีความตั้งใจ ทำไว้เนี๊ยบ ขนาดคำผิดยังแทบไม่มี กูเองก็เสียดายเหมือนมึงเพราะช่วงท้ายกราฟด้านความตื่นเต้นมันพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ส่วนช่วงดราม่าก็ช่วยกรองพวกนักอ่านใจบางออกไปได้เรื่อยๆ ฉากบู้ก็สนุกดีออกแนวโชเน็นที่หนักจนเข้าระดับเซเน็นอ่อนๆ (คือมีคนตาย มีความรุนแรงต้องห้ามบางอย่างในเรื่อง) โดยรวมคือกูอยากอ่านต่ออะ อ่านถึงตอนที่ 57 แล้วรู้สึกไม่พอ
กุเข้าไปอ่าน โรงเรียนวิปลาส by NK Killer มันเขียนเรื่องที่ไกลตัวเอง อย่างน้อยเด็กเส้นมันควรเปลี่ยนเป็นนักเรียนทุน ก็เข้ากับบริบทเรื่องมากกว่า แล้วมันก็คิดน้อยเกินไปในส่วนของเซ็ทติ้ง แถมยังขาดส่วนอธิบายตัวละคร ไม่ค่อยคุยกับคนอ่าน ดูล่องลอยจับต้อง เขียนไม่เห็นภาพ ขาดความชัดเจน แต่กุก็พอเห็นมันมีส่วนดีอยู่บ้าง ตรงตกใจกับความอีหยังก๊ะของเรื่องมันมาก ฟังแล้วเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ แต่กุว่ามันเป็นข้อดี แต่โดยร่วม กุขอสรุปว่ามันคิดน้อย เขียนไม่เก่ง ไม่มีเป้าหมายการนำเสนอ
เด็กใหม่ ๆ มันเขียนภาษาแบบแบบไลท์โนเวลมากไปหรือเปล่า กุรู้สึกว่าไลท์โนเวลมันออกแบบให้คนที่อ่านการ์ตูนหันมาอ่านนิยาย เอาหน้าปกกาม ๆ ล่อให้คุคิโม่ยมาอ่าน แต่ไลท์โนเวลสมัยก่อนคนเขียนแม่งก็เขียนนิยายเป็นแล้วปรับการบรรยายมาเป็นไลท์โนเวล แต่สมัยนี้แม่งกลายเป็น มึงบรรยายไม่เป็นแต่เขียนเป็นไลท์โนเวลเลย สุดท้ายแม่งสื่อสารไม่เป็น เนื้อหาของฉากการเล่าเรื่องโหวงแหวงเบาบางไปหมด
หรือว่าเพราะกุตามโลกไม่ทันเองวะ กุปวดหัว
ที่บอกว่าขาประจำใหม่ๆ ปากดีในบอร์ด แต่งานเขียนไม่ดีนี่กูเห็นด้วย อย่างมิรันนี่กูให้รุ่นกลางๆ แก๊งคุณป้าขาเม้าท์มอย แต่นิยายไม่ถึงสักอย่าง แล้วแม่งก็อวดตัวอยู่อีแต่เรื่องสั้นพยายามเซ็กซี่ 31 เรื่องได้อยู่เรื่อยไป กูงงตั้งแต่มึงออกตัวเองว่าเป็นนิยาย LGBT คนเขียนเป็น LGBT เพราะงั้นเรื่องสั้นมึง 31 เรื่องเลยผสมกัน ทั้ง NL BL GL แต่ในความเป็นจริงกลุ่มคนอ่านแม่งคนละกลุ่มกันป่ะวะ ไม่ใช่คนอ่าน NL ทุกคนจะอ่าน GL และคนอ่าน BL ก็ไม่ได้อ่าน GL ทุกคนเช่นกัน ไม่ต้องคิดเรื่องการตลาดหรือกลุ่มเป้าหมายเหี้ยไรก็ได้ เหมือนมึงไม่เคยเรียนเวนน์ ออยเลอร์มาก่อนอ่ะ
จะไม่มีคนตอบมู้หน่อยเหีอวะ กูอุตส่าห์เล็งไว้
https://www.dek-d.com/board/view/3957006/
กุไม่มีกระทู้ไหนประทับใจเลย เรื่องเหี้ย ๆ ในบอร์ดมันก็มีมาตลอดจนกุชาชิน
รางวัลหัวร้อนประจำปีควรจะได้แก่ใครดี ระหว่าง 1.เล่าเบียว 2.ตุ๋นกบ 3.มะนาวมาโซ 4.เอ็นควยคิลเลอร์
>>680 อีหีมะ(5555ชื่ออย่างชอบ) อีนี่ไม่ใช่แค่หัวร้อน มันเรียกว่าพวกชอบสวมหน้ากากจร้า
แสดงละครเก่งง แอ็บแบ๊วเก่งง ตบตาก็เก่งงง เบื้องหน้าหวานจ๋อยหยดย้อย เบื้องหลังคืออีสาวโรงงานปากปลาร้าด่าไฟแลบฉอดๆ
แม่งเก็บกดอัดอั้นจนต้องมาสร้างโลกสวยหวานตะมุตะมิบนโซเชียลที่พอคนสะกิดนิดเดียวก็กลายร่างเป็นปีศาจขั้นสี่ (ก่อนจะกลับมามุ้งมิ้งร้องไห้แคะขี้มูกสำนึกผิด กราบตีนขอประทานอภัยโทษทุกคนด้วนนะเคอะ นุ้งแค่เผลอทำหน้ากากหลุดไปน๊อยยยเดียว)
ตุ๋นกบหัวร้อนสุดละสัส ใครเห็นต่างหน่อยไม่ได้เป็นต้องเถียงกลับแม่งทุกคอมเม้น ทั้งในบอร์ดและในหน้านิยายของมันเอง อีโก้สูงเหรี้ยๆ ทั้งที่นิยายอย่างกาก พอโดนด่าเข้าหน่อยก็อ้างว่านิยายกูห่วยแล้วไง กูขายได้เยอะเดือนละหลายหมื่นหลายแสนละกัน เยอะกวยไรล่ะสัส เศษตังข้างตู้เย็นบ้านป้ากูชัดๆ อยากติดท็อปจนต้องซอยเนื้อหาเป็นตอนย่อยอัพถี่ๆ วันละหลายๆ ครั้ง อ้างว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อให้คนเห็นนิยาย หารู้ไม่ว่าการที่แต่ละตอนเนื้อหาน้อยๆ ตัวละครเดินไม่กี่ก้าวจบตอน ทำให้คนซื้อนิยายมึงน้อยลง ผู้บริโภคเค้าไม่ได้โง่
ไอสัสนี่ชอบหลอกล่อแฟนคลับวัยเห่อม๋อยเข้ามาอ่าน นิยายไม่มีห่าไรเลย บทบรรยายก็อย่างเหรี้ย ตัวละครเอ๋อแดกทั้งเรื่องโดยเฉพาะตัวละครผู้หญิง แม่งชอบเขียนตัวละครหญิงให้หลงรักพระเอกเว่อๆ เพื่อสนองนี้ดตัวเอง ทั้งที่พระเอกแม่งไม่มีเสน่ห์เหรี้ยไรเลยเหมือนกับคนเขียน ชีวิตจริงไอ้ตุ๋นกบแม่งคงโดนหญิงเมินทั้งชาติ ต้องเขียนนิยายเบียวๆเพื่อแก้ปมของตัวเอง
ดังนั้นในวันส่งท้ายปี กูขอมอบตำแหน่งเด็กเหรี้ยแห่งปีให้มึงเลยไอ้ตุ๋นกบ ปีนี้แม่งไม่มีใครเหรี้ยเกินเมิงละ ท็อปฟอร์มสัสๆ รักษาความหัวร้อนได้คงเส้นคงวา ไม่มีการพัฒนาการทางอารมณ์เหมือนตัวละครในนิยายมึงเป๊ะ
ลงชื่อ โม่งเห็บหมา
กระทู้อวตารขำสัส แต่สำนวนคุ้น ๆ
>>670 พูดได้ดี อ่านแล้วถูกใจ คือมันเป็นวงจรอุบาทว์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าของพวกนักหัดเขียนเด็กดวก บอกจนไม่รู้จะบอกยังไง ก็วนอ่างกันอยู่นั่น บอกว่าให้ตั้งใจแต่งไปได้เยอะๆ ก่อนค่อยมาโปรโมตก็ไม่ยอมฟัง แต่งได้ 3-4 ตอนพอเห็นว่าไม่มีใครกดติดตามหรือเมนต์ ก็เลิกแต่งแล้วมางอแงในบอร์ด ไอ้เด็กพวกนี้มันไม่เข้าใจธรรมชาตินักอ่านของเว็บ พวกนักอ่านนี่ก็ระแวงเหมือนกันเพราะเคยโดนนักเขียนเทมา ก็เลยมักจะอ่านเฉพาะนิยายที่แต่งไปได้เยอะๆ แล้ว 30 ตอนอัพ อะไรงี้ จะได้ไม่ต้องอารมณ์ค้าง ไม่ต้องลุ้นว่าแม่งจะเทหรือเปล่า เวลาเจอพวกยังไม่ถึง 10 ตอน เลยขอข้ามไปก่อนยังไม่อ่าน แล้วก็วนกลับมาที่เดิม นักเขียนหัดใหม่ไร้ความอดทนงอแง ทำไมไม่มีคนอ่านนิยายกูเลย (บางครั้งก็เป็นเพราะกากเองด้วย) แล้วก็เลิกแต่งตั้งแต่ยังไม่ถึง 10 บท วนเวียนงี้เรื่อยไปอะ
>>682 อันนี้ก็พูดได้ดี โดนใจกู ทุกวันนี้กูยังเข้าไม่ถึงเลยว่ามันดังได้ยังไง หรือเป็นเพราะได้ส่วนบุญจากช่วงที่นิยายจีนกำลังดัง เลยสะสมแฟนคลับมาได้เยอะ ตัวละครโคตรแบน ตรรกะหลายอย่างก็ควายจริง พวกตัวละครหญิงนี่ทำเป็นเล่นตัวได้ไม่นานก็ออกลายกะหรี่ คิดแล้วเพลีย
>>688 https://www.dek-d.com/board/view/3957018/ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหรอก กระทู้นารุโตะ (แยกเงาพันร่าง) อวยตัวเองเฉยๆ
ไม่ใช่แค่อวตารเม้นหลายเม้น แต่เนื้อหากระทู้ยังสับสนเลย บอกเพื่อนเขียน แต่นิยายอยู่ในmyidตัวเอง ขี้เกียจทัก ปล่อยให้โป๊ะไปงั้นแหละ
>>692 มึงเบลอแล้ว มันคนละเรื่องกันนิ
อันนี้ที่มันแนะนำ https://writer.dek-d.com/habeebha2550/story/view.php?id=2036743
อันที่อยู่ในมายไอดี https://my.dek-d.com/MEOW-N/writer/view.php?id=2031792
>>693 เดี๋ยวเรื่องแรกมันคือแฟนฟิคของเรื่องที่ 2 เหรอ???
แล้วคือเรื่องที่ 2 ของอีเหมียว ก็มีอีหีบานไปเม้นท์อวย แล้วอีหีบานก็เขียนแฟนฟิคของนิยายอีเหมียว แล้วอีเหมียวก็ตั้งมู้อวยอีหีที่เขียนนิยายแฟนฟิคตัวเอง?? แล้วก็เอาอวตารมาอวยเพิ่ม???
ทำไมอีเด็กเบียวพวกนี้ทำอะไรซ้ำซ้อนจังวะ กูอยู่ในหนังโนแลนหรือยังไง ไปๆ มาๆ ชักจะงงกับพวกมึง
ดูก็รู้ว่าน้องมันยังเด็กยังอยู่ในวัยเบียว อย่าไปซ้ำเติมมันมากเลยว่ะ โดยเฉพาะพวกไม่ได้ล็อกอินมาจากในนี้เปล่ากูก็ไม่แน่ใจ กูบอกไว้ก่อนเฉยๆ
กุไม่มีโมเม้นนี้ว่ะ ไม่เข้าใจว่าจะทำไปเพื่ออะไร
>>694 เออน่าจะอย่างนั้นแหละ555
>>696 กูก็ว่าใช่ และก็เตือนเหมือนที่เตือนไปตั้งแต่ไอ้เรื่องมู้ตุ๋นกบละ>>641 ว่าอย่าไปทำตัวบุนลี่เยอะทั้งๆที่เพิ่งมีถกเรื่องนอนเมมกัน
อัพเดทสถานการณ์ ในกระทู้อวตาร 1.น้องเจ้าของเรื่องที่เพื่อนมาแนะนำให้ โผล่ตัวมาบอกให้เพื่อนแจ้งลบ (และเป็นคนละไอพีซะด้วย แต่...ไม่รู้สิน้า)
2.ขำเอ็นควยคิลเลอร์กับความพยายามทำตัวมีบทบาทในกระทู้
กูว่าจะสับนิยายอีแดงมะนาวสักหน่อย เจอเองๆๆๆ เข้าไปแล้วปวดหัวตึ้บ ออกตัวว่านางเอกเป็นคนตจว.เลยแทนตัวเองกับน้องว่าเค้า-เอ็ง มึงตจว.แถวไหน เหยียดนะมึงเนี่ย กูโตบ้านนอกสุดๆ คุยกับเพื่อนใช้ เค้า-แก เรา-นาย กู-มึง ทั่วไปนี่แหละ และกูอยากบอกว่า...ตำนานเมืองลับแลอยู่อุตรดิตถ์ไม่ได้อยู่สุโขทัย อิควัย
กูไม่รู้นะว่ามีใครสับนิยายเรื่องใหม่ของไอ้ตุ๋นกบรึยัง แต่ถึงจะเคยมีคนสับไปแล้ว กูก็จะสับแม่งอีกอยู่ดี และนี่คือการสับนิยายครั้งแรกโดยโม่งเห็บหมา
เรื่อง : โลกาวินาศ
นามปากกา : TunKoB (ตุ๋นกบ)
คำโปรย : เรื่องราวของเด็กหนุ่มกวินทร์ที่ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไปตลอดกาลเพราะหลุดเข้าไปในมิติทับซ้อน ติดตามการผจญภัยในธีมโลกปัจจุบันของกวินทร์ ได้เลยครับ
หมวด : แฟนตาซี
จำนวนตอน : 256
สถานะ : ยังไม่จบและยังคงดูดเงินน้อนเกรียนอีกนาน
เกริ่นก่อนว่ากูเคยอ่านนิยายเหรี้ยนี่ผ่านๆ พอให้กูได้ซึมซับความกาก แต่วันนี้กูจะตั้งใจอ่านนิยายแม่งสักครั้ง ถือว่าเป็นการพลีชีพละกัน และแน่นอนว่ากูจะสับโดยไม่มีอคติ 1,000,000 เปอร์เซ็นต์
ก่อนอื่นกูขอคอมเม้นเรื่องชื่อเรื่องเลย ชื่อเรื่องโคตรไม่ดึงดูดคนอ่าน กูบอกเลยถ้ามึงคิดจะเขียนนิยายสักเรื่อง มึงช่วยครีเอทชื่อที่มันสร้างสรรค์หน่อย แบบที่เอาไปเสิร์ทกูเกิ้ลแล้วเห็นนิยายมึงเป็นชื่อแรก อย่าใช้คำเชยๆ อย่าง "โลกาวินาศ" ไม่แปลกเลยที่แรกๆ นิยายของมันคนอ่านน้อย เพราะคนอ่านเห็นชื่อเรื่องก็แหยงแล้ว น้องเกรียนแม่งคงคิด "โลกาวินาศแปลว่าไรวะ" , "นิยายแม่งต้องน่าเบื่อแน่ๆ" , "ชื่อเรื่องเชยว่ะ" เป็นต้น
จากนั้นพอกดเข้ามาในหน้านิยาย มึงก็จะเห็นภาพหน้าปกที่มีตัวเอกยืนแอ่นแบบโจโจ้ ลุคแม่งเหมือนเด็กแว้นแถวบ้านกูเลย เห็นชุดพระเอกแว้บแรกกูรู้เลยว่าแม่งก๊อปชุดในเรื่องกันสึมาแทบทั้งดุ้น แต่นิยายของแม่งกลับไม่ดึงข้อดีของเรื่องกันสึมาใช้เลยสักข้อ อย่างเรื่องความลึกของตัวละคร ซึ่งเรื่องกันสึแม่งเขียนพระเอกได้โคตรเรียล โคตรลึก แม้ตัวละครจะดูน่าสมเพชในบางครั้ง แต่กลับเป็นตัวละครที่น่าเอาใจช่วยมากที่สุดคนหนึ่งในโลกมังงะ ส่วนพระเอกของไอ้ตุ๋นกบน่ะเหรอ... เฮอะ
เลื่อนลงมาถัดจากรูปหน้าปก แม่งก็บรรยายเรื่องย่อซะยาวกว่า10บรรทัด คือเรื่องย่ออะกูขอสามบรรทัดพอไอ้สัด เอากระชับๆ มึงไม่ต้องบรรยายราวกับเป็นบทนำแบบนั้น ถ้าอยากให้คนรู้ประวัติพระเอกมึงไปใส่แบบเนียนๆในเรื่องนะ นี่ยังไม่เริ่มอ่านบทแรกแม่งก็เห็นถึงความบกพร่องของนิยายยุบยับไปหมด ไม่อยากคิดเลยว่าบทหนึ่งจะเหรี้ยแค่ไหน
บทที่ 1 กวินทร์
เริ่มเรื่องโดยการเปิดตัวพระเอกผู้กำลังนั่งกร่อยอยู่ในห้องเรียน ห้องเรียนเชียวนะมึง สถานที่ซึ่งถือว่าน่าเบื่อที่สุดระดับต้นๆ ในบรรดาสถานที่ทั้งหมดในโลกใบนี้ ถามจริงว่านี่คือซีนที่มึงใช้เปิดนิยายเหรอ มันควรจะน่าตื่นเต้นกว่านี้เปล่าวะ มึงควรจะเขียนให้มันดูแตกต่างจากนิยายอีกหลายหมื่นเรื่องในเว็บรึเปล่า นี่คือนิยายเรื่องที่สองของมึงนะโว้ย มึงไม่ได้ประสบการณ์อะไรจากเรื่องยูยานเลยเหรอวะ
จากนั้นแม่งก็เริ่มบรรยายประวัติภูมิหลังพระเอกดื้อๆ เลย อารมณ์เหมือนอยากยัดก็ยัดเข้ามา ถามหน่อยว่านี่คือชั้นเชิงการเล่าเรื่องของนิยายยอดขายหลายแสนบาทเหรอครับ มึงช่วยตอบกูหน่อย และประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ มึงดูไอ้ตุ๋นกบบรรยายสติปัญญาพระเอก "กวินทร์นั้นถือได้ว่ามีระดับสติปัญญาเหนือล้ำกว่าคนทั่วไปมาก" พวกมึงจำประโยคนี้เอาไว้เลย แล้วเรามาดูกันว่าไอ้ตุ๋นกบจะเขียนพระเอกให้ฉลาดเหนือล้ำกว่าคนทั่วไปอย่างที่มันโม้ไว้ได้มั้ย คือถ้ามึงเซ็ทตัวละครไว้แบบนี้ คนอ่านจะเริ่มคาดหวังแล้วว่าพระเอกจะต้องฉลาด ถ้าคนเขียนฝีมือไม่ถึง การทำอะไรแบบนี้แม่งนับว่าเสี่ยงเชี้ยๆ
ไม่กี่บรรทัดถัดมา ตุ๋นกบแม่งก็บรรยายว่าพระเอกเป็นนักเล่นPokerผู้เก่งกาจอีกทั้งยังทำเงินได้ไม่น้อย แถมยัง"ฉลาดล้ำเหนือคนทั่วไป" ว้าว... นี่มึงย้ำกับกูสองรอบแล้วนะว่าไอ้พระเอกมันฉลาดล้ำเหนือคนทั่วไป โอเคๆ กูรับทราบแล้วว่ามันฉลาดล้ำเหนือโลก แต่ช่วยให้มันทำอะไรสักอย่างที่ดูฉลาดได้มั้ย โชว์ให้กูเห็นหน่อย
จากนั้นแม่งก็บรรยายว่าพระเอกสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีเยี่ยม อ่านมาถึงตรงนี้กูเริ่มคาดหวังแล้วว่าจะได้เห็นพระเอกที่ฉลาดระดับยางามิไลท์อะมึง มันไม่มีทางจะโง่เง่าไปได้เลย แม่งต้องฉลาดเหี้ยๆ ทุกการกระทำแม่งต้องคำนวณเอาไว้หมดแล้ว ไม่มีโชว์โง่ให้เห็นแน่นอน
เพียงไม่กี่บรรทัดหลังจากนั้นก็มีเพื่อนในห้องชวนพระเอกไปเตะบอล
โอ้วว้าว..... เอาจริงเดะ? เตะบอล? มึงคิดว่ามีนิยายกี่เรื่องที่ตัวละครชวนกันไปเตะบอล คือมึงไม่มีการเดินเรื่องที่น่าสนใจกว่านี้แล้วจริงดิ ชวนพระเอกมันไปทำอะไรที่น่าสนใจกว่านี้หน่อย ก่อนจะเริ่มเขียนมึงต้องคิดไว้เลยว่าคนอ่านเค้าไม่แคร์ตัวละครของมึงหรอก มึงต้องดึงความสนใจคนอ่านเอาไว้ให้ได้ตั้งแต่ 10 บรรทัดแรกเลยด้วยซ้ำ แต่นี่มึงให้ตัวประกอบชวนพระเอกไปเตะบอล? กิจกรรมที่เด็กนักเรียนทั่วไทยเค้าทำกัน?
จากนั้นก็มีนักเรียนในห้องดูถูกพระเอกว่าขาเล็กๆแบบนั้นเตะบอลไม่ไหวหรอก...... ว้าว
คือกูเข้าใจนะ ว่ามึงอยากจะให้มีคนดูถูกพระเอกเพื่อให้คนอ่านรู้สึกเอาใจช่วยพระเอก แต่ขอเหอะ มึงช่วยทำให้มันมีชั้นเชิงกว่านี้หน่อยได้มั้ย คือมึงเพิ่งบรรยายตัวละครพระเอกที่ควรจะดูเท่ราวกับยางามิไลท์ แต่มันกลับต้องมาโดนดูถูกว่าไม่น่าจะเตะบอลไหว นี่มึงจะบ้าเหรอ มึงสับสนอะไรรึเปล่าหือไอ้ตุ๋นกบบบบบบ พ่องงง คอนเซ็ปตัวละครในหัวมึงมันเละเทะไปหมดแล้ว
จากนั้นแม่งก็บรรยายว่า "แม้กวินทร์จะถูกเพื่อนร่วมห้องดูถูกแต่เขาก็มิได้สนใจแต่อย่างใด"
คือกูไม่เข้าใจ ทำไมนิยายส่วนใหญ่เวลาพระเอกโดนดูถูกแล้วแม่งต้องทำเป็นไม่สนใจคำดูถูกวะ บรรยายแบบเดียวกันทุกเรื่อง "โดนดูถูกแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ" คือการเขียนแบบนี้มันทำให้กูหมั่นไส้พระเอกว่ะ ถ้ามึงเขียนว่าพระเอกรู้สึกหดหู่เพราะคำดูถูก แบบนี้อ่ะ กูถึงจะสงสารตัวเอกขึ้นมาบ้าง
"อย่าให้ตัวละครเมินเฉยคำดูถูก แต่ให้ตัวละครได้รับผลกระทบทางอารมณ์จากคำดูถูก"
สรุปอ่านมาหลายบรรทัด กูยังไม่รู้สึกเอาใจช่วยไอ้พระเอกเวรนี่เลย เริ่มหมั่นไส้มันแล้วด้วยซ้ำ ทั้งที่ไอ้ตุ๋นกบแม่งอยากให้คนอ่านเอาใจช่วยไอ้พระเอกนะ นี่คือเจตนาของมันแน่ๆ จากนั้นแม่งก็คอนเซ็ปเดิมๆ บรรยายว่าพระเอกเรียนโง่ ทำให้ถูกคนรอบข้างเมิน ว้าว... ไหนมึงบอกว่ามันฉลาดล้ำเหนือคนทั่วไปไง ต่อให้มันไม่ถนัดเรียน มันก็ไม่น่าจะห่วยถึงขนาดผลการเรียนต่ำเตี้ยเรี่ยดินนะโว้ย
และที่สำคัญคือตัวละครของมึงไม่มีอะไรใหม่เลย เต็มไปด้วยคุณสมบัติอันน่าเบื่อของพระเอกนิยายส่วนใหญ่ครบถ้วน ราวกับเป็นแหล่งรวมความน่าเบื่อทั้งหมดทั้งมวล อันได้แก่
1.ร่างกายดูอ่อนแอ
2.โดนคนรอบข้างมองข้ามดูถูก
3.เรียนห่วย
คือแม่งขาดคาแร็กเตอร์ที่มีจุดเด่นแบบรุนแรงมาก บทสนทนาของแม่งก็โคตรจะจืดชืด ไม่มีการแสดงเอกลักษณ์ของตัวละครออกมาเลย ไอสัส นี่กูจะทนอ่านได้ครบ 5 บทเปล่าวะ
ต่อๆ
จากนั้นก็มีการเปิดตัวละครหญิงเพื่อนพระเอกนามว่า "ฟ้า" อืม... ชื่อโคตรน่าเบื่อ ถ้านี่เป็นนิยายเมื่อ 30 ปีที่แล้วกูจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่จะปี 2020 อยู่แล้ว มึงคิดชือตัวละครได้แค่นี้เหรอ ถ้ามึงบิดอีกสักนิด ตั้งชื่อตัวละครว่า น้องสกาย หรือน้องท้องฟ้า แม่งจะดูน่าจดจำกว่านี้เยอะเลย
จากนั้นก็ตัดฉากไปที่ร้านขายคอม ซึ่งพนักงานในร้านแม่งดูถูกพระเอกว่าสารรูปแบบนี้ไม่มีปัญหาซื้อคอมร้านกูหรอก จากนั้นพระเอกเลยโชว์โง่ เอ้ย โชว์เงินสดในกระเป๋าให้พนักงานดู พบว่ามีแบงค์พันจำนวนมหาศาลซึ่งได้มาจากการเล่นPoker เป็นเงินจำนวนหลายแสนที่สามารถซื้อคอมเครื่องที่พระเอกเราเล็งไว้ พนักงานเห็นดังนั้นก็ถึงกับทำตัวสุภาพขึ้นมาทันที โอ้ว้าวคุณลูกค้า ผมผิดไปแล้วที่ดันไปเหยียดคุณ ที่จริงแล้วคุณเป็นคนมีตังขัดกับสารรูปหรือนี่
คือแบบ... มึงเอางี้จริงดิไอ้ตุ๋นกบ?
กูเข้าใจว่าไอ้ตุ๋นกบอยากให้พระเอกทำอะไรสักอย่างที่สร้างความสะใจให้คนอ่าน แต่มุขนี้เค้าใช้กันจนเบื่อแล้ว กูนึกว่าฉากในละครไทย แม่งเขียนให้พระเอกโดนเหยียดรูปลักษณ์จากนั้นก็ให้พระเอกโชว์เงินในกระเป๋าเพื่อแสดง"คุณค่า"ของตัวละคร แต่กูกลับมองว่านี่เป็นการลดคุณค่าของตัวละครว่ะ ในเมื่อพนักงานไม่อยากขาย มึงก็กลับบ้านสิครับ จะอวดรวยเพื่อไร ถึงแม้ว่าคอมที่พระเอกอยากได้มันจะมีแค่ร้านนี้ แต่การที่พระเอกตื้อจะซื้อคอมจากร้านนี้ให้ได้ทั้งที่เค้าไม่ต้อนรับมันแสดงให้เห็นว่าพระเอกไม่เคารพในตัวเอง อยากได้คอมจนตัวสั่น ไหนว่ามันควบคุมอารมณ์เก่งเหรี้ยๆ ไง แค่ฉากเดียวคุณค่าของตัวละครมึงแม่งลดลงฮวบๆ เลยไอสัส ไม่มีใครทำลายตัวละครมึงได้หรอกนอกจากตัวมึงเอง
จากนั้นก็มีซอมบี้โผล่ออกมาจากหลังร้านแบบโง่ๆ งาบพนักงานคนนั้นตายหอง พระเอกถึงกับทรุดร่างลงกับพื้นอย่างหวาดกลัว จากนั้นแม่งก็บรรยายความกลัวของพระเอกที่มีต่อซอมบี้อยู่หลายบรรทัด กูอ่านแล้วก็รู้เลยว่ามันจงใจบรรยายความสมจริงทางอารมณ์ของพระเอกที่มีต่อเหตุการณ์รุนแรงตรงหน้า
ในใจไอ้ตุ๋นกบแม่งคงคิดว่า "เป็นไงล่ะมึง กูเขียนบรรยายอารมณ์พระเอกได้โคตรสมจริง ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องมีอาการหวาดผวาแบบพระเอกกันทั้งนั้น"
ใช่ครับ ถ้าเป็นคนส่วนใหญ่ก็จะต้องหวาดผวาแน่นอน และมึงก็เขียนบรรยายออกมาได้สมจริงครับ
แต่ว่า.......... มันไม่น่าสนใจ
นี่คือฉากจบของตอนที่ 1 นะโว้ย แต่มึงจบตอนโดยการให้พระเอกทรุดตัวลงอย่างหวาดกลัวเนี่ยนะ มันทำให้กูอยากอ่านตอนที่ 2 เหรอวะ มึงคงอยากให้กูลุ้นว่าตัวเอกจะเอาตัวรอดได้ไหม
แล้วทำไมกูต้องลุ้นเอาใจช่วยพระเอกด้วยวะ ทั้งที่ตลอด 1 ตอนที่ผ่านมา มึงไม่ได้ทำให้กูรู้สึกเอาใจช่วยมันเลย กูไม่สนใจพระเอกเลยสักนิด ตัวละครของมึงมันโคตรกลวงอะ และนี่คือสาเหตุว่าทำไมมันถึงกลวง
1.นิสัยจืดชืดชิบหาย หรือจะพูดว่า "ไม่มีนิสัย" ก็ยังได้ บทพูดธรรมดาราวกับตัวประกอบเกรดF ตัวละครในนิทานเด็กอนุบาลยังมีบทพูดน่าสนใจกว่าเยอะ
2.ไม่น่าเอาใจช่วย คือการที่มึงจะทำให้คนเอาใจช่วยตัวละครมึงได้เนี่ย มึงทำให้ตัวละครมีบางอย่างที่คล้ายกับคนอ่าน ทำให้คนอ่านรู้สึกว่า "เออ ชีวิตกูก็เคยเจออะไรแบบนี้" แต่นี่มึงให้พระเอกโดนพนักงานร้านคอมดูถูก มึงคิดว่าฉากโง่ๆ แบบนั้นจะทำให้กูอินกับพระเอกเหรอวะ กูเองก็เคยโดนพนักงานร้านคอมเมินเหมือนกัน แต่กูอ่านฉากของมึงแล้วเฉยๆ อะ เพราะการเล่ามึงไม่มีชั้นเชิง เหมือนยัดเยียดซีนโง่ๆเข้ามาให้คนอ่านอินกับพระเอก
บทแรกของนิยายมึงควรจะแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของตัวเอกอย่างครบถ้วน ฮุคคนอ่านให้อยู่หมัด แต่มึงกลับล้มเหลวอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ฉากจบของบทแรกโคตรกร่อย ไม่ชวนให้อ่านบทต่อไป กูไม่แคร์หรอกว่าไอ้กวินทร์แม่งจะโดนงาบตายหรือระเบิดพลังแดกซอมบี้ตัวนั้น
และที่สำคัญคือกลุ่มเป้าหมายของนิยายเรื่องนี้คือน้องเกรียน แต่มึงเจือกบรรยายให้พระเอกทำตัวอ่อนด๋อย เจอซอมบี้เสรือกยืนขาสั่น มึงไม่กลัวน้องเกรียนจะเมินนิยายมึงเหรอ มึงควรจะเขียนให้มันโชว์เมพ ตบซอมบี้ตายหองในหมัดเดียวไปเลย ต้องแบบนั้นแหละถึงจะเป็นการเขียนที่ตรงกับกลุ่มคนอ่าน
โอเค หนทางยังอีกยาวไกล เดี๋ยวมาต่อ
ลงชื่อ โม่งเห็บหมา
ต่อๆ
ตอนที่2 ค่าสถานะ
แค่ชื่อตอนก็หายนะแล้ว "ค่าสถานะ" นี่คือคำที่ทำกูหลอนที่สุดตั้งแต่สมัยนิยายเกมออนไลน์ เปิดตัวพระเอกเสร็จก็โชว์ค่าสถานะ คอนเซ็ปเดิมๆ โครงสร้างเดิมๆ แค่เห็นชื่อตอนกูก็เดาได้เลยว่าแม่งจะได้รับพลังค่าสถานะเป็นตัวเลขแบบเกมออนไลน์
เปิดตอนด้วยการบรรยายอาการหวาดผวาของพระเอกผู้กำลังเผชิญหน้าซอมบี้ ซึ่งไอ้ตุ๋นกบดูจะภูมิใจกับการบรรยายอาการหวาดกลัวของพระเอกเอามากๆว่ะ จากนั้นพระเอกก็ไปพบกับปืนปริศนาเข้าและใช้มันสู้กับซอมบี้ คือมึงได้ปืนง่ายๆ งี้เลยดิ อยู่ดีๆ มือก็เคลื่อนไปโดนปืนที่วางอยู่บนพื้นซะงั้น
จากนั้นก็เดิมๆเลย พระเอกกำจัดซอมบี้แล้วได้รับค่าประสบการณ์ ทั้งตอนไม่มีอะไรเลยนอกจากพระเอกใช้ปืนยิงซอมบี้ พร้อมกับแสดงจำนวนกระสุนปืนที่ลดลงเรื่อยๆ คือแบบบบบบ เฮ้ออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
กูอยากจะตะโกนดังๆ ว่าไอ้เหรี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย น่าเบื่อออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ นี่เหรอผลงานของนักเขียนที่เต็มไปด้วยอีโก้ งานมึงมันโคตรขยะเลยโว้ย ลองไปเปิดนิยายเกมออนไลน์ส่วนใหญ่ แม่งจะมีสัดส่วนการเล่าเรื่องแบบนี้หมด คือไอ้ตุ๋นกบมันคิดอะไรใหม่ๆ ไม่ได้เลยจริงดิ มีปัญญาแค่นี้เหรอวะ
ปิดท้ายตอนด้วยการแสดงค่าสถานะพระเอกเป็นตัวเลขราวกับเกมออนไลน์ แถมยังมีค่าสถานะพิเศษเป็น "โชค" ซึ่งเป็นสกิลที่ตัวเอกนิยายเกมออนไลน์ส่วนใหญ่ล้วนแต่มีในครอบครองกันทั้งนั้น ซ้ำซากอีกแล้วจ้าาา
ตอนที่3 กูไม่อ่าน
กูไม่อ่านครับเพื่อนโม่ง กูข้ามไปตอน 4 เลย
ตอนที่ 4 ผู้รอดชีวิต
ทั้งตอนไม่มีเหรี้ยไรเลย แสดงสถานะพระเอกรัวๆ สู้ซอมบี้ บลาๆ น่าเบื่อ ทุกครั้งที่พระเอกฆ่าซอมบี้จะมีเสียงใสดังขึ้นประมาณว่า "กำจัดซอมบี้ได้ค่าประสบการณ์..."
ไอสัส เกมออนไลน์สินะ? มึงเล่นเกมออนไลน์อยู่สินะ?
ป.ล. "กำจัดซอมบี้ได้ค่าประสบการณ์..."
ตอนที่ 5 การตัดสินใจของกวินทร์
ไม่มีเหรี้ยไรเลย สู้ซอมบี้ได้รับค่าประสบการณ์ โชว์สถานะพระเอก "กำจัดซอมบี้ได้ค่าประสบการณ์..."
ตอน 6 ผู้ร่วมชะตากรรม?
พระเอกเจอตัวละครหญิง กูจำชื่อไม่ได้ บทบาทของเธอคือการเป็นตัวถ่วงให้พระเอกคอยปกป้อง ซึ่งการจะเขียนตัวละครหญิงเนี่ย โจทย์สำคัญของมึงคือต้องทำให้คนอ่านชอบตัวละครให้ได้ ถ้าเกิดว่ามีคอมเมนต์ประมาณ "ไม่เอานางเอก" นั่นคือมึงล้มเหลวแล้วล่ะ ซึ่งแน่นอนพอกูเลื่อนลงไปอ่านคอมเม้นก็พบว่านักอ่านส่วนใหญ่เกลียดตัวละครหญิงคนนี้กันแล้ว ทั้งที่แม่งโผล่มาแค่ไม่กี่บรรทัดเอง เห็นได้ชัดเลยว่าไอ้ตุ๋นกบแม่งล้มเหลวเรื่องการสร้างตัวละครหญิง
ซึ่งบทนี้แสดงให้เห็นว่าไอ้ตู๋นกบมันเด็กน้อยมาก จินตนาการของมึงแม่งเหมือนเด็กประถมเลย และนี่คือการเดินเรื่องของมันที่กูว่าเหมือนจินตนาการของเด็กน้อย
เจอซอมบี้ > ได้พลัง > โชว์เทพ > ปกป้องสาวงามผู้แสนบอบบางเพื่อเก๊กหล่อ เซลฟ์-อินเซิร์ทแบบฟินๆ
ฟินพ่องมึงดิ มึงไปเขียนให้เด็กอ่าน
ตอนที่ 7 ความจริงที่น่าสิ้นหวัง
พระเอกพบว่าตัวเองอยู่ในอีกมิติ เนื้อหาแม่งสั้นเหรี้ยๆ นี่ตอนที่ 7 แล้วนะโว้ย พระเอกแม่งยังไม่ไปไหนเลย ที่สำคัญกูยังไม่รู้สึกเอาใจช่วยพระเอกเลย
ตอนที่ 8 ปืนพลังไฟฟ้า
เปิดตอนด้วยประโยคเดิมๆ "กำจัดซอมบี้ได้ค่าประสบการณ์..." อืมๆ กูชินแล้วอะ ต่อๆ
อีกไม่กี่บรรทัดแม่งโผล่มาอีกแล้ว
"กำจัดซอมบี้ได้ค่าประสบการณ์..."
คือแบบ... เนื้อเรื่องมึงจะไม่มีเหรี้ยไรเลยเหรอ คือมึงจะมีแค่พระเอกฆ่าซอมบี้ได้ค่าประสบการณ์? มึงไม่มีสถานการณ์ที่มันน่าสนใจกว่านี้แล้วเหรอ แต่เอาเถอะ กูว่าอีกเดี๋ยวแม่งคงมีอะไรที่น่าสนใจล่ะมั้ง? อย่างเช่นการผูกเรื่อง เปิดตัวคาแร็คเตอร์เจ๋งๆ สร้างสถานการณ์ที่น่าสนใจ ซึ่งจะทำให้ตัวละครมีความ...
"กำจัดซอมบี้ได้ค่าประสบการณ์..."
พ่อง
ปิดตอนด้วยสถานะพระเอก คือตอนที่ 8 แล้วนะมึง สรุปนิยายมึงจะไม่มีเหรี้ยไรเลยจริงๆ เหรอ
พอๆ เลิกๆ กูไม่อ่านแล้ว เดี๋ยวกูมาสรุปเลยละกัน
สับนิยายตุ๋นกบภาคจบ
เนื้อเรื่อง : ไม่มีเหรี้ยไรเลยครับ แม่งเอาคอนเซ็ปนิยายเกมออนไลน์มาทั้งดุ้นแบบไม่มีความแปลกใหม่เลยแม้แต่น้อย ย้ำว่าไม่มีอะไรใหม่เลย ทั้งที่มันสามารถบิดเนื้อเรื่องให้แหวกออกไปได้ แต่มันกลับจมอยู่กับทิศทางเดิมๆ ไร้ซึ่งจินตนาการใดๆ กูว่าต่อให้เป็นน้องเกรียนก็ยังเบื่อนิยายของมันเลยมั้ง
เพราะแบบนี้ไง ตอนที่มันลงนิยายใหม่ๆถึงได้ไม่มีคนอ่าน
การบรรยาย : ธรรมดา ไม่มีการแสดงสำนวนหรือคำที่เป็นเอกลักษณ์ของคนเขียนออกมาแม้แต่น้อย บรึ๋ย
การนำเสนอและการดำเนินเรื่อง : กร่อย กร่อยมากด้วย คือกูไม่รู้จะสับอะไร เพราะมันไม่มีอะไรเลยนอกจากความน่าเบื่อ คือกูรู้สึกเบื่อที่จะสับนิยายมันอะ มึงคิดดูละกัน
มันเป็นไปได้เหรอวะที่ใครสักคนจะสามารถเขียนอะไรที่น่าเบื่อแบบนี้ออกมาได้ คนที่ตื่นเต้นกับงานเขียนของมันได้จะต้องเป็นคนที่ไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนในชีวิต กูบอกได้เลยว่าไอ้ตุ๋นกบควรจะไปกราบขอบคุณนักอ่านของมันทุกคนที่อุตส่าห์สละเวลาอันมีค่ามาทนอ่านนิยายของมัน พวกเค้าเป็นผู้มีพระคุณแบบสัสๆ และกูมองว่ามึงไม่คู่ควรกับ "คำขอบคุณ" ที่คนอ่านมอบให้มึงด้วยซ้ำ เพราะงานของมึงมันดูถูกสติปัญญาคนอ่าน มึงมันไร้พรสวรรค์ มึงมันไร้จินตนาการ มึงมันน่าเบื่อ ทุกอย่างที่มึงทำคือการเอาความน่าเบื่อทั้งหลายแหล่มายำรวมกันกลายเป็นงานขยะนามว่าโลกาวินาศ
กูไม่อยากสับด้วยถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังแบบนี้หรอก กูอยากจะชมมันนะ แต่นิยายของมันมันแสดงให้เห็นถึงความไร้ศักยภาพอันไร้ก้นบึ้งจนกูไม่อาจค้นหาคำชมขึ้นมาได้เลยจริงๆ
สิ่งที่ชอบ : กูชอบอ่านตอนมันหัวร้อนใส่คนอ่าน แม่งมันส์กว่าเนื้อหานิยายอีกสัส หัวร้อนเก่งชิบหาย คนอ่านตำหนิหน่อยไม่ได้เลยเป็นต้องดิ้นตลอด
สิ่งที่เกลียด : ทุกสิ่งที่เป็นนิยายของมัน ตั้งแต่หน้าปกที่ก๊อปกันสึ พระเอกลุคเด็กแว้น พระเอกที่เกริ่นว่าฉลาดแต่การกระทำโคตรง่าว ตัวละครหญิงโคตรกลวง การเล่าเรื่องอันน่าเบื่อชวนหาว "กำจัดซอมบี้ได้ค่าประสบการณ์..."
คะแนน : 0/10
ลงชื่อ โม่งเห็บหมา
เออแปลกดี ที่กูย้อนอ่านที่มึงสับจากล่างขึ้นบนว่ะ น่าสนใจดี
>>693 ตอนแรกมันก็แนะนำนิยายในไอดีมันนั่นแหล่ะ เพราะ link เริ่มต้นมันเป็นนิยายของ MEAW-N (อ่านแล้วนึกถึงไอ้เหมียวนนท์ขึ้นมาเลย) แล้วทีนี้มันเอาไอดี 2 ที่อยู่ในความเห็น 1 มาอวยบอกว่ารู้จักค่า ต่อมาเจอทีมงานนอนเมมจับได้เลยเข้ามาแซะเล่น น้องเหมียวไม่รู้ทำไงบอกว่าความเห็น 1 เนี่ยเพื่อนเค้าเอง ละนอนเมมในตำนานเลยแซะต่อว่า เพื่อไอพีเดียวกันเลยเนอะ (มันพิมพ์ตก น. หนู ตรงคำแรก) แล้วก็มีอีกหลายคนเข้ามาจับโป๊ะพิมพ์บอกว่าน้องชาวบ้านเขาดูออกหมดแล้ว น้องเหมียวเลยกดแก้ไขหัวกระทู้เอา link ของนิยายจากไอดี 3 มาแปะแทน ละพูดประมาณว่า 2 ไอดีแรกนี่ของเพื่อนหนูค่า เขาจะมาโปรโมตให้ สักพักไม่รู้ยังไง กดทั้งลบ ทั้งแก้ไขความเห็น จนเรื่องมันมั่วสัส กูก็เรียบเรียงต่อให้ไม่ได้แล้ว
ถ้าจะมีใครถามว่าอ่านนิยายของตุ๋นกบแล้วได้อะไร
กูจะได้ตอบแบบเต็มปากเต็มคำซะทีว่า “คุณได้ค่าประสบการณ์”
โลกาวินาศ มีคนสับสักที เปิดเข้าไปอ่านมาคร่าวๆ ช่วงแรกเพราะมีบทต้องแต่งกับแนวเรื่องพวกนี้นิดหน่อยแล้วก็ปิดหนีแม่ง! มันเฉื่อย มันเอื่อย จนกูขี้เกียจอ่าน พระเอกแม่งเหมือนจะเท่แต่ก็ไม่ ไม่รู้สิถ้าอ่านไปตอนสองตอนแล้วไม่มีอะไรดึงดูดกูปิดเลย นี่ตอนเยอะ คนตาม ขายได้เลยอ่านไปเยอะหน่อย ก็อย่างที่โม่งสับมา ไม่ชวนให้ติดตามเล้ย แล้วกูก็เกลียดเสียงประกอบ แท่ง แท่ง แท่ง เสียงเคาะประตูเหล็กมาก(หรือเปล่าลืม) พอดีกว่า
>>709 กูว่าเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น "กำจัดซอมบี้ได้ค่าประสบการณ์ Online" ดีกว่ามั้ง มาบ่อยจังอะ
มึงนี่สับสนุกดี กระแทกแดกดันได้แสบสันจริงๆ วิเคราะห์จากที่มึงอุตส่าห์เสียสละเซลล์สมองไปอ่าน กูรู้สึกว่าไอ้นี่ยังพาตัวเองออกจากความคลิเช่นิยายจีนไม่ได้ คือเป็นมาตั้งแต่ยูยานแล้วอะ เรื่องที่ว่าพระเอกกากก่อน โดนดูถูก หรือคะแนนนิยมไม่ดีในสายตาคนอื่น แล้วค่อยมาเทพทีหลัง หลังจากนั้นก็เทพทรูยาวเลย แต่กับเรื่องนี้แล้วมันเปลี่ยนไปอย่างหนึ่งตรงที่มันตัดกำลังภายในออก แล้วเอาพระเอกเข้าไปในมิติโลกเกมออนไลน์ยิงปืน เดาว่าคงอยากเจาะตลาดนักอ่านแนวระบบกับแนวเกมออนไลน์
บอกตรงๆ เลยนะ กูว่าแม่งสอบตก อ่านแล้วไม่รู้สึกถึงความเก่งมาตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญเลยของนิยายแนวระบบ/ออนไลน์ คือพวกนักอ่านจะชอบพวกพระเอกที่คล้ายคิริโตะ คือต้องมีพื้นฐานเกี่ยวกับเกมมาแน่นพอตัว เวลาเล่นจะต้องเทพกว่าชาวบ้านด้วยกรรมวิธีแปลกๆ ทั้งแบบธรรมดาและแบบโกง ไม่ก็รู้มากกว่าผู้เล่นทั่วไปจนดูเหนือ กูไม่เคยเจอนิยายระบบหรือเกมออนไลน์ที่พระเอกดูห่วยจนไม่น่าเอาใจช่วยแบบนี้ คือไม่มี Speciality อะไรติดตัวมาเลย แถมยังปอดแหกด้วย มิติก็เว้า (แย่กว่าแบนไปอีกขั้น) โม้ไว้เยอะแต่ไม่เห็นเป็นอย่างที่บอก
นี่จะขอบ่นอีกทีเรื่องการเอาสูตรสำเร็จนิยายจีนมาใช้นอกเซตติ้งจีน ตั้งแต่มันเอาตัวละครข้ามเซตติ้งมาเล่นในยุคกลางระบบฟิวดัลเรื่องยูยาน เด็กๆ มันไม่รู้สึกแปลกๆ อะไรหรอก เพราะอ่านเอาสนุก แต่กูกับหลายๆ คน รวมไปถึงไอ้ที่สับยูยานไว้ใน >>140 เห็นตรงกันว่า "สูญเสียความเป็นฝรั่ง" กลายเป็นฝรั่งขี้นกไปเลย แล้วยิ่งเรื่องนี้เซตติ้งอยู่ในไทย แต่ใช้ภาษากับคลิเช่แบบจีน มันจะกลายเป็นไอ้ไทยขี้นกตามไปด้วย อ่านแล้วทนไม่ได้ จะอ้วก
เรื่อง Tell ไร้ชั้นเชิงกูเห็นด้วยกับมึงเต็มๆ ถ้าไม่จำเป็น อย่าเขียนพิมพ์ออกไปโต้งๆ ว่า ตัวนี้เก่งนะ ตัวนี้ฉลาดมากๆ ตัวนี้อีโม คือให้ปัจจัยอื่นเป็นตัวบอกนักอ่านแทนว่าคนที่กำลังพูดถึงเป็นคนยังไง เหมือนที่เวลาจะนำเสนอนักเรียนแนวไม่เอาไหน คือไม่ต้องไปพิมพ์ว่า นายกบคนนี้เป็นไม่ตั้งใจเรียน แค่ให้ไอ้กบมาเข้าเรียนสาย ย้อมผมทอง ไม่ส่งการบ้าน เจาะหู แค่นี้นักอ่านก็มองไอ้เหี้ยนี่ว่าไม่ใช่เด็กตั้งใจเรียนแล้ว กูล่ะโคตรเบื่อเลยพวกชอบ Tell บอกมาแบบสั่วๆ เนี่ย จำพวก ตัวละครนี้ฉลาดมากเยือกเย็นรับมือได้ทุกสถานการณ์ ถึงเวลาแม่งเผ่นก่อนเพื่อน มันไม่ใช่แค่คาร์แกว่ง แต่มันหลุดคาร์ไปเลย ไม่มีความรู้สึกว่าไอ้นี่ทำตัวสมกับที่บอกไว้ ในเด็กดีมีนักเขียนพวกนี้อยู่เยอะ มันไม่ใช่แค่ออกแบบตัวละครแย่จนมิติแบน แต่แย่จนถึงขั้นเว้าลงไปเป็นหลุมอีกที อ่านแล้วไม่อินเลยสัส
ถ้าทั้งเรื่องมันจะมีแค่ยิงซอมบี้ ได้ EXP แล้วปักธงสาวตามทางที่เส้นเรื่องพาไป กูขอจัดเรื่องนี้ไว้ในหมวด "ขยะวรรณกรรม" ว่ะ
>>714 ไม่ๆ มึงกำลังเข้าใจผิด ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะอัลกอริทึ่มของกูเกิ้ลต่างหาก AI มันจำได้ว่ามึงเข้าเว็บเด็กดีบ่อย เคยพิมพ์คำว่า Tunkob หรืออยู่ในกระทู้นี้ที่เอ่ยถึงไอ้ทั่นกบหลายครั้ง เวลาค้นหา มันก็ต้องผูกคำค้นหาของมึงเข้ากับผลลัพท์นี้อยู่แล้ว ถ้ามึงเป็นคนที่ไม่เคยเข้าเด็กดวก ไม่ได้สนใจเรื่องอ่านนิยายเป็นหลัก ไม่เคยเล่นโม่ง เวลาเซิร์จคำนี้ อาจได้ผลมาเป็นพวกการก่อการร้าย ภัยพิบัติรูปแบบต่างๆ หรือคลิปสงครามซีเรีย ไม่ก็หนังเถื่อนที่มีคำว่าโลกาวินาศในชื่อเรื่อง (หรือมีเรื่อง Armageddon ติดมาด้วย) ทุกอย่างที่ขึ้นในผลการค้นหาคือ AI มันวิเคราะห์มาแล้วว่ามึงสนใจอะไรอยู่ ตามสถิติมึง เข้า-ออก เว็บไหนบ่อยๆ รูปแบบสิ่งที่มึงเขียนบนโลกออนไลน์ วิเคราะห์ทั้งหมดผ่านข้อมูลอิเล็คทรอนิค มันร้ายพอๆ กับอัลกอริทึ่มเฟซบุ้กเลยนะมึง (ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกเหมือนจะเชื่อมโยงกันด้วย) ลองมึงไปพิมพ์เซิร์จสินค้าอะไรสักอย่างในกูเกิ้ลดู แล้วพอกลับเข้าไปในเฟซ ทีนี้โฆษณาของที่มึงสนใจจะโผล่มารัวๆ มีหนหนึ่งกูอยากลองของ ไปค้นหาแหล่งขายตุ๊กตายางดูเล่นๆ ไอ้เหี้ย พวกมึงคงเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนหน้าเฟซกูตอนมีคนเดิมผ่านมาเห็น
>>717 มึงนั่นแหละเข้าใจผิด ก็ถูก ีี่ีีีี่ีีี่ีีีี่ีี่ีีีี่ีีี่ีีีีีี่ีีีี่ีีี่ีีีี่ีี่ีีีี่ีีี่ีีีีี่ีีีีี่ีีีี่ีีี่ีี่ีีีี่ีีี่ีี่ีีี่ีีี่ีี่ีี่ีีี่ีี่ี่ีีี่ีี่่ีีี่ีี่ีีี่ีี่ีี่ีี่ี่ีี่่ีี่ีี่ี่่ว่ามันมีการตรวจความสนใจอย่างที่มึงว่ามายาวเหยียดนั่นลาะ แต่กุลองไปพิมโลกาวินาศในโทรศัพอีกเครื่องซุ่งไม่มีประวัติเกี่ยวกับเว็บนิยายไรเลย และสิ่งที่ขึ้นอันแรกก้ยังเป็นนิยายตุ่นกบเหมือนเดิม
>>715 มันก้เป็นอย่างงั้นทุกอย่างป่าววะ งะ้นถ้ามีคนทำหนังชื่อ Dark Knight แล้วมันปังฮิตกระจายเดี๋ยวกนังแบทแมนที้โนแลนทำแม่งก้เลื่อนลงไปล่างเหมือนกันนั่นแหละ แค่นิยายตุ่่่่่่่่่่่่่ืืื่ื่่่่่่่่่่่่่่่นกบมันขึ้นหนเาแรกมันก่ทำให้ point ที่มึงด่ามันไปเรท่องชื่อมัน invalid ไปแล้วไม่ใช่รึ
>>718 >>719 เออ กูเอาโทรศัพท์แม่กูมาลองแล้วเหมือนกัน มั่นใจว่าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคอมกู ใช้เน็ตแยกกันคนละแหล่ง แล้วก็ลงทะเบียน google account ในโทรศัพท์ไม่เหมือนกัน ปรากฏว่าเรื่องเชี่ยเนี่ยโผล่มาอันแรกจริงๆ แล้วก็โผล่มาตั้งแต่ช่อง search เลยนะ แบบว่ายังไม่ได้กดค้นหา ตัวเลือกที่มีให้เลือกตั้งแต่เริ่มคำว่า โลกวิ- มันขึ้นอันที่ 5 ว่า :โลกาวินาศ dek-d:
พอกดค้นหาแล้วก็มีนิยายไอ้ตุ๋นโผล่มาก่อนเลย 2 อันแรก คือในเด็กดีกับในฟิคล็ออค กูข้องใจมากเลยโทรหาเพื่อนที่เชี่ยวเรื่องพวกนี้ มันบอกมาว่าอาจเป็นเพราะไอ้ตุ๋นมันจ้างคนทำ SEO ให้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ แปลว่าไอ้นี่ใช้เงินที่คนซื้อนิยายมันมาต่อยอดด้วย แม่งร้าย แต่กูก็ยังไม่แน่ใจนะว่าใช่วิธีนี้มั้ย เพราะนิยายมันก็มียอดคลิกเยอะแล้วก็อยู่มานาน อาจมีผลอะไรสักอย่างที่ทำให้ AI ของกูเกิ้ลแสดงผลนิยายมันก่อนก็ได้ (หนักสุดก็อาจซื้อโฆษณาเอา ซึ่งมีความเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะมีคนเคยทำมาแล้ว)
กูอาจคิดมากไปเองก็ได้ แต่กูสงสัยว่าไอ้ตุ๋นอาจได้แรงบันดาลใจจากนิยายจีนเรื่อง "โลกาวินาศล่มสลาย" คือมันเป็นแนวซอมบี้เหมือนกัน แต่พระเอกเรื่องนี้มันย้อนเวลามาก่อนที่จะเกิด outbreak อ่านๆ ดูแล้วไม่ใช่แนวระบบเกมแล้วก็ไม่มี exp ด้วย ถึงอย่างนั้นกูก็ยังสงสัยอยู่ดีว่ามันเอาไอเดียจากเรื่องนี้มาหรือเปล่า
>>723 อ้าวไอ้เหี้ยชัดแล้วล่ะ กูไปลองอ่านเรื่องโลกาวินาศล่มสลายไปถึงตอนที่ 9 มีหน้าต่างระบบเควสโผล่มา มีแจ้งเตือนเกี่ยวกับภาระกิจ มีบอกว่าถ้าฆ่าซอมบี้แล้วจะได้แต้ม มีระบบเครดิตที่เอาไว้ซื้อความสามารถพิเศษใน "ระบบล่มสลาย" ที่ไม่คล้ายก็มีแค่พระเอกแม่งใช้ขวานแทนปืนเฉยๆ ลอกพล็อตนิยายแปลจีนมาเขียนสั่วๆ หลอกขายเด็กเห่อหมอยนี่หว่า
ตีกันว่ะ คนอ่านvsคนเขียน
คนอ่าน https://www.dek-d.com/board/view/3957041/
คนเขียน https://www.dek-d.com/board/view/3957040/
แต่คือกูขำอิหิมะตก วิจารณ์แล้วแม่งเข้านิยายตัวเองหมดเลย ตลกชิบหาย
กระทู้ดราม่าผุดเป็นรายวันเลยว่ะ เด็กดวกเหงาจัดรึไง
กู 726 เองนะ เมื่อกี้กูไปอ่านนิยายไอ้ตุ๋นมา ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ลอกเป๊ะๆ แต่เอาพล็อตมาต่อยอด มันมีความคล้ายกันหลายอย่างเหมือนที่กูเขียนไว้ใน 726 แต่เท่าที่อ่านคือแม่งแต่งเติมเข้าไปเพิ่มค่อนข้างเยอะ เรื่องปืนนี่เหมือนกับกันสึจริงๆ ระบบเก็บเวลก็เหมือนพวกนิยายออนไลน์ทั่วไป แล้วเพิ่มพวกสกิลกับวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับมิติที่พระเอกมันเข้าไปเก็บเวล พอข้ามไปอ่านตอนท้ายๆ เหมือนภาษาจะดีขึ้น แต่นิสัยพระเอกนี่ทำไมดูจืดๆ เฉยๆ เหมือนเดิมเลยวะ เก็บเวลไปจนเวล 180 แล้วแต่อ่านบทสนทนาตอนคุยกับคนอื่นก็ดูไม่เปลี่ยนไปเลย
ที่ไม่เข้าใจอย่างสุดท้ายคือ ทำไมเวลามีนักอ่านมาแย้งเรื่องความสมเหตุสมผล มันแม่งเถียงทุกความเห็นเลย กูไม่เคยเจอนักเขียน ego แรงขนาดนี้มาก่อน เถียงแบบข้างๆ คูๆ ด้วยนะ ไม่ใช่ตอบคำถามแล้วกลบพล็อตโฮลตัวเองได้
ตุ๋นกบเคยบอกว่ามันศึกษาตลาด เขียนนิยายเพื่อหาเงิน นิยายพล็อตดี ๆ เขียนยากเปลืองเวลาไม่ทำเงิน
มันคุยด้วยซ้ำว่าเคยแนะนำ บ.ก. ทำพล็อตนิยายจีนไม่ยอมทำสุดท้ายเรื่องขายไม่ดี
กูว่ามันหาเงินได้ก็ปล่อนมันไปสิ โทษก็โทษคนอ่านที่ปล่อนให้มันหากินง่าย ๆ เถอะ แต่เรื่องสับนิยายกูสนับสนุน เงินทำเงินจากนิยายโง่ ๆ ก็สมควรโดนด่าแบบที่ละครไทยโดนนั่นล่ะ
โอ้โห่เฮะ โรงเรียนวิปลาสติดอันดับในหมวดว่ะ ดีใจเชรี้ยๆเลย(เอากะเขาดิ)
https://www.dek-d.com/board/view/3957056/
เห็นบางเรื่องยังไม่ลงตอน วิวไม่ถึงสิบก็ยังติดเหอะ น่าภูมิใจ
กูก็หนึ่งในคนเพิ่มวิวให้มันเพราะมีคนสับลงโม่ง ติดอันดับก็ไม่แปลก แต่ตุ๋นกบต้องพักไว้ก่อนเพราะนอกจากจะยาวแล้ว หลังจากอ่านที่โดนสับ ยิ่งไม่อยากอ่านเข้าไปใหญ่
พูดถึงตุ๋นกบ กูงงอย่าง เคยไปอ่านที่มันตั้งกระทู้กับคอมเมนต์ ต้องเป็นคนแบบไหนวะ ลากดราม่าได้ตลอด กูจำไม่ได้ว่ากระทู้ไหน ไปแซะชาวบ้าน เจอตีกระแสตีกลับอีก เอาจริงมันเขียนขาย แล้วมีรายได้ก็ไม่ได้อะไรมะ แบบมึงก็พิสูจน์ว่าสิ่งที่มึงคิด มันทำได้ แต่ไปแซะชาวบ้านเนี่ย เจอตอกกลับก็หุบตูดกันไป กูไม่โอเค เลยไม่ยุ่ง เสียดายเวลาชีวิต
>>745 นิสัยมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ล่าสุดที่ไปเม้นในกระทู้นึง มีการพูดประชดทำนองว่า "ดีมีที่ให้เม้นถ้าผมไปตั้งกระทู้เองเดี๋ยวคงมีดราม่า"
เช้อออ พูดนี่ยังกับว่ามึงตั้งกท.(ย่อ)ทีไรใครๆก็ลากดราม่าเล่นงานรุมมึง ไม่สำเหนียกกะลาหัวเลยเน้อ มันเคยย้อนกลับมาดูตัวเองบ้างมั้ย ว่าทำไมมึงตั้งกท.ทีไรแล้วมันเกิดดราม่าได้ทุกทีวะ
>>745 เดี๋ยวนะกุเพิ่งนึกออก กระทู้ที่มึงพูดถึงคืออันนี้ใช่มะhttps://www.dek-d.com/board/view/3940014/
>>748 อ่านแล้วหมั่นไส้เหี้ยๆ เหมือนที่โม่งบนๆ พูดเลย คือไอ้นี่มันสายเขียนเพื่อขาย ทำยังไงก็ได้ให้นิยายขายออก ทำทุกวิถีทาง ใช้ทุกเทคนิคที่มันไปสังเกตมาเพื่อให้นิยายมียอดคนอ่านกับยอดขายเยอะๆ กูผิดเองที่ไปจับผิดมันตั้งแต่แรก ผิดเองที่ไปถามหาสามัญสำนึกจากพ่อค้าหน้าเลือด ถามหาศีลธรรมจากฆาตกรโรคจิต
กูว่าถ้าจำไม่ผิด ไอ่ทู้เงินแสน เรื่องของเรื่องจริงๆตุ๋นกบมันตัั้งเพื่อตอบโต้ไอ้F..เพราะก่อนหน้านั้นมันเคยไปเถียงกันอยู่ในกระทู้คนอื่นแล้วโดนF...ด่าปั่นกระจุยไม่เหลือชิ้นดีว่านักเขียนไร้สมอง มันเลยเก็บความแค้นมาลงกระทู้นี้
//ถ้าถามว่าทำไมถึงโดนด่า มันเริ่มจากตุ๋นกบอยากโชว์พาวไปเม้นย่อยเถียงF...ว่าไม่เห็นด้วยกับแนวคิดมัน คงไม่ต้องเดาว่าเกิดอะไรขึ้น
(ดูความเห่อฮะมอยหลงตัวของไอ้ตุ๋นกบมันก็แล้วกัน กับคนบ้าคนเกรียนก็ยังเอา)
โม่งเห็บหมามาแล้ว
สาเหตุที่กูไม่ชอบไอ้ตุ๋นกบนะ เอาง่ายๆ
คือแม่งเป็นพวกไม่สำเนียกตัวเองว่ะ นิยายของมันไม่ได้พิเศษอะไรเลยเหมือนที่กูได้สับไป สาเหตุที่มันขายได้ก็เพราะใช้วิธีซอยตอนย่อย อัพลงทุกวันเน้นความสม่ำเสมอ แทบไม่มีนักเขียนออนไลน์ที่เข้ามาลงสนามแข่งกับมันแบบงานประจำ ผลคืองานขยะของมันที่อัพลงถี่ๆ ก็เลยเด่นขึ้นมาได้ เหมือนกับนิยายสำหรับอ่านฆ่าเวลา ไม่มีนักอ่านสติดีๆคนไหนคิดว่านิยายของมันสนุกสุดยอดยิ่งกว่าเรื่องอื่นหรอก
และที่สำคัญคือมันคิดว่าตัวเองเก่ง ชอบพิมพ์เหมือนกับว่าจินตนาการของมันช่างวิเศษและล้ำลึกมาก ซึ่งนั่นคือการประเมินตัวเองสูงกว่าที่ควรจะเป็น ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็น ส่งผลให้หยุดพัฒนาตัวเอง
เวลามีคนด่านิยายของมันว่าห่วย แม่งก็จะอ้างว่า “ห่วยแล้วไง นิยายกูขายได้ละกัน” ใช้ข้ออ้างนี้เป็นเกราะกำบังสร้างความภูมิใจปลอมๆ ให้ตัวเอง
อ้างว่านิยายดีอย่างเดียวไม่ได้ การตลาดต้องเลิศด้วย ต้องลงถี่ ต้องขึ้นท็อป ต้องหาเทคนิคต่างๆ นาๆ เพื่อดันนิยายขึ้นหน้าแรก ซึ่งนั่นมันก็ไม่ผิด มันคือเทคนิคที่กูเองก็ทำ แต่มึงควรจะพัฒนาฝีมือด้วย ไม่ใช่พอมีคำแนะนำแรงๆ หน่อยก็รับไม่ได้
เหมือนมันกลัวมากที่ต้องรับรู้ว่าตัวเองนั้นไร้พรสวรรค์ในฐานะนักเขียน คือกูสงสัยว่าอะไรทำให้มันคิดว่าตัวเองเหมาะกับอาชีพนักเขียนวะ?
สำหรับนักเขียนคนอื่น ต่อให้ไร้พรสวรรค์แค่ไหน แต่พวกมันก็ยังใช้ความพยายามพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ แต่สำหรับไอ้ตุ๋นกบ กูมองว่ามันคือคนที่ต่อให้พยายามอ่านงานคนอื่นให้ตายก็ไม่สามารถซึมซับข้อดีของงานเขียนเหล่านั้นมาใช้กับงานตัวเองได้
ต่อ
ถ้าให้กูวิเคราะห์ กูมองว่าอาจเป็นเพราะว่าไอ้ตุ๋นกบเป็นคนที่มองโลกแบบ “ตื้นเขิน”
ยกตัวอย่างเช่น
กูรู้ว่าไอ้ตุ๋นกบมันอ่านเรื่องกันสึ คือมังงะเรื่องกันสึเนี่ย โดดเด่นเรื่องตัวละครมากๆว่ะ ถ้ามันวิเคราะห์แก่นของเรื่องให้ดี มันสามารถนำสิ่งต่างๆ มาใช้กับนิยายตัวเองได้เยอะมาก
ยกตัวอย่างเช่น
1.”การเขียนให้คนอ่านเอาใจช่วยพระเอก” ซึ่งพระเอกเรื่องกันสึเป็นคนมีความเก่งกาจซ่อนอยู่ แต่โดนสังคมตราหน้าว่าเห่ย แม่งก็เลยเชื่อว่าตัวเองเห่ยจริงๆ แต่มันก็เริ่มพัฒนาตัวเองทีละนิดๆ เพื่อกลายเป็นฮีโร่ที่คนอ่านเอาใจช่วย
หันมาดูไอ้กวินทร์พระเอกโลกาวินาศ แม่งไม่มีเหรี้ยไรเลย โคตรกลวง ฆ่าซอมบี้เก็บประสบการณ์ไปวันๆ พูดจากับผู้หญิงทื่อๆเหมือนทั้งชีวิตไม่เคยเจอเพศตรงข้ามมาก่อน
2.”วิธีเขียนตัวละครหญิงให้คลั่งไคล้พระเอกอย่างมีศิลปะ” ในกันสึมีตัวละครหญิงที่ชื่อเรกะ ซึ่งแม่งชอบพระเอกมากๆ จนถึงขั้นทำอะไรบ้าๆ ซึ่งคนอ่านก็อินกับตัวละครนี้ เพราะมันมีความสมเหตุสมผลทางความคิด มีการไล่ระดับการพัฒนาทางอารมณ์ที่ดี
ซึ่งบังเอิ๊ญบังเอิญ นิยายโลกาวินาศก็เสรือกมีตัวละครหญิงที่คลั่งไคล้พระเอกเช่นกัน แต่แม่งกลับทำตัวเหมือนนางร้ายละครไทย บ้าผู้ชายจนเสียสติ อยากได้พระเอกจนตัวสั่น น่ารำคาญมากกว่าน่าอวย ไร้สติปัญญา พัฒนาการทางอารมณ์อยู่ในขั้นพังพินาศ
สรุปนี่มึงไม่ได้ซึมซับเรื่องกันสึมาเลยเหรอ หรือมึงก็อปมาแค่ชุดหนังสีดำของพระเอก?
ไอสัส นี่มึงอ่านมังงะของเค้าแทบตาย แต่เสือกก็อปมาแค่ชุดที่พระเอกใส่? ก็อบปืน ก็อปดาบ ทั้งที่มีสิ่งดีๆให้มึงศึกษาเต็มไปหมด ทำไมความคิดมึงถึงได้ตื้นเขินแบบนี้ กูถึงบอกไงว่าไอ้ตุ๋นกบมันไร้พรสวรรค์ และไม่เหมาะกับการเป็นนักเขียนหรือนักแต่งเรื่อง
ซึ่งกูมองว่าสกิลของไอ้ตุ๋นกบคงถึงทางตันแล้วอะ กูมั่นใจว่ามันเขียนให้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว จากที่กูสับไปข้างต้น คือแม่งไม่มีแววว่าจะเก่งขึ้นได้เลย พังตั้งแต่เนื้อเรื่องยันตัวละคร
คือมันไม่มีเซ้นต์ด้านการแต่งเรื่องเว้ย มันเป็นคนขาดจินตนาการ ขาดความคิดสร้างสรรค์ ไม่รู้ว่าเรื่องที่น่าสนใจควรเขียนอย่างไร และงานเขียนของมันก็จะจมปรักต่อไปแบบนี้แหละ
ลงชื่อ โม่งเห็บหมา
>>753 ตอนแรกที่เจอไอ้นี่กูเห็นนิยายมันติด Top แฟนตาซีก็คือไม่อะไรนะ ติดก็ติด ขายได้ก็ยินด้วยมึงเจาะกลุ่มเป้าหมาย ทำตลาดได้ จนวันนึงมันมาโผล่ในบอร์ดตอนเจ้าของเรื่อง Deva Wizard มาตั้งกระทู้อวดรายได้จากนิยายว่าได้ปีละแสนห้า แล้วโดนชาวบอร์ดรุมโทรมว่านิยายแบบนี้เนี่ยนะที่ขายได้เป็นแสน แนวเทพเซียนเสินเจิ้นผสมต่างโลกยุค Medieval ที่ได้อานิสงค์จากความดังของนิยายแปลจีนจนโด่งดัง หลังจากนั้นไอ้ตุ๋นกบนี่ก็โผล่หัวมา ดิ้นรัวๆ เหมือนไส้เดือนถูกเสียม บอกว่าพวกมึงมันปากดี เขียนนิยายไร้ค่า ยอดคนอ่านก็น้อย ขายแพ็คแบบนิยาย Deva Wizard ของไอดอลกูก็ไม่ได้ ทีนี้ก็บันเทิงเลย โดนชาวบอร์ดรุมตบกะโหลกไปอีกคน
ตอนนั้นกูแม่งข้องใจสงสัยมากว่านิยายของไอ้ตุ๋นกบมันเป็นแบบไหน สรุปคือก็เหมือนไอดอลมันนั้นแหล่ะ สไตล์เดียวกับ พล็อตคล้ายกัน ยืดหลอกแดกพอกัน มิน่าแม่งถึงต้องออกมาดื้นขนาดนี้ ท่าทางจะรู้สึกเหมือนโดนด่าไปด้วย เรื่องสำคัญที่กูรับไม่ได้ คือทัศนคติของมัน การอวดเบ่ง การเหยียด การจมไม่ลง อีโก้แรง แพ้ไม่เป็น พวกมึงดูเอาเองเหอะ กระทู้แต่ละอันของแม่งที่ตั้งขึ้นมา ถ้าไม่โชว์ภูมิก็อวดอะไรสักอย่างเช่น ยอดวิว อันดับ รายได้ ทำเป็นมาสอนคนอื่น แนะนำเทคนิคหรือประสบการณ์งั้นงี้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะอวดความเหนือ พวกเด็กใหม่ไร้เดียงสาก็ชื่นชมตาเป็นประกาย ส่วนพวกที่โตทำงานแล้วอย่างกูหรือคนอื่นๆ ที่เล่นบอร์ดมาพอสมควร อ่านแล้วก็เบะปากมองบน พอไปเมนต์ดักคอนิดเดียว ก็แม่งเถียงกลับไม่ลดละเลย อ่านแล้วก็ได้แต่คิดในใจอย่างสมเพชว่า มึงคิดจริงๆ เหรอว่าเงินที่พวกกูหาได้ปีๆ หนึ่งเนี่ย มันน้อยกว่าเงินจากการขายนิยายของมึง ไอ้เห็บหมาพูดถูกนะเรื่องที่ว่ารายได้ของแม่งเอาเข้าจริงไม่ได้เยอะอะไรเลย เศษเงินรองขาตู้กับข้าวชัดๆ
อันที่ทำให้กูแม้งแตกได้จริงๆ คือกระทู้ต่อจาก Deva Wizard ต่างหาก ถ้าใครกลับไปอ่านดราม่าของกระทู้สับภาคที่ 16-17 มึงจะเข้าใจเลยว่าไอ้เหี้ยนี่แม่งหน้าด้านของจริง เพราะมันด่าทุกคนที่วิจารณ์นิยายของมันกับไอดอลว่าเป็นพวกตัวถ่วง ทำให้วงการนิยายเด็กดีและนิยายไทยตกต่ำลง พวกกูอ่านแล้วสลดใจจนร้องไห้กับเป็นแถบๆ สัสเอ๊ยแค่แซะนิยายสายขายนิดเดียว เท่ากับพวกกูทำลายความเจริญของวงการเลยเหรอวะ แล้วนิยายที่จะผลักดันให้อนาคตของวงการหนังสือให้ไปถึงจุดสูงสุด จนได้รับการยอมรับในสายตานานาอารยประเทศเนี่ย มันคือนิยายกระแสเน้นแต่งเพื่อขายแบบของพวกมึงจริงๆ เหรอ... กูว่าไม่ว่ะ ไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว
อันที่เถียงไม่ออกจริงๆ มีแค่ สมัยนี้ค่านิยมของผู้บริโภคมันเปลี่ยน เขียนอันไหนแล้วขายได้ ก็ควรเขียนอันนั้น ไม่งั้นก็ไม่มีคนอ่าน ขายแพ็คไม่ออก แล้วพวกเราแม่งก็รู้กันอยู่เต็มอกว่าประชากรในเว็บส่วนใหญ่ ชอบอ่านอะไร เทียบง่ายๆ ระหว่าง SAO กับ บิเบลีย สองเรื่องนี้ก็พอ ว่าสุดท้ายผู้อ่านสนใจอะไรมากกว่ากันแน่ระหว่างความเทพทรูกับความสุดยอดของเนื้อเรื่อง
มีคนมาขายนิยายในบอร์ด
ผจญภัยในโลกเกม 1 Another World 1
โดย atiswriter
https://writer.dek-d.com/atiswriter/writer/view.php?id=2028659
[ 01 ]
01 - คิวกับซิสสู้กับงูทะเลทราย เลเวลห้าอย่างยากลำบาก แต่ดรอปไอเท็มเกลือ ๆ ออกมา
>> ทั้งคู่ มุ่งหน้ากลับเมือง นกสีขาวบินผ่านหมู่เมฆ แมลงป่องตัวเล็กมุดเขารูทราย ต้นกระบองเพชรยืดและหดหนาม ตามลมหายใจ - บรรยายเหี้ยอะไรก็ไม่รู้
02 - ย้อนกลับไปสามเดือนก่อนหน้านี้ ซิสได้รับจดหมายจากแม่ และกำลังเดินทางกลับบ้าน อธิบายว่า ซิสจากบ้านเกิดไปแล้วกว่าห้าปี เขาเรียนและทำงานอยู่รอบนอกเมืองใหญ่และเพิ่งกับบ้านมา ตัวบ้านโทรมมากเพราะถูกทิ้งร้างมานาน เพราะเป็นบ้านเก่าของแม่ซึ่งตอนนี้ย้ายไปทำงานกับพ่อ ซิสตัดพ้อเพื่อแสดงความไม่พอใจที่ต้องกลับมาอยู่บ้าน
>> บรรยายเหี้ยมาก
[ 02 ]
03 - เล่าว่า ซิสกลับบ้านมาเพราะหมดเงิน เขาหิวแล้วออกไปร้อนอาหารแถวบ้าน สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปจากตอนเด็ก ป้าไม่ผัดข้าวแล้ว เป็นลูกสาวมาผัดแทน ซิสหางานแถวบ้าน แต่หาไม่ได้ เมืองชนบทไม่ค่อยมีผู้คน ไม่มีงาน จนได้พบกับคิวเพื่อนเก่า คิวเสนองานให้ โดนนัดเจอกันที่ลานจอดรถวันพรุ่งนี้
>> แต่หนึ่งปีก่อนหน้านั้น เขาเข้าสู่หนังสือจำนวนมากจึงทำให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง - กุอ่านไม่รู้เรื่อง
>> นกบินมาเกาะที่ต้นไม้ แมวสีส้มผสมขาว แอบมองซิสผ่านหน้าต่าง - บรรยายเหี้ยอะไรก็ไม่รู้
04 - ลานจอดรถมีแต่รถเต็มไปหมด คิวเรียกซิสจากทางหนีไฟ ซิสถามว่ามาทำอะไร คิวบอกให้ตามมาก็จะรู้เอง ระหว่างเดินไปทางหนีไฟ คิวก็ถามซิสเรื่องเกม ซิสไม่ได้เล่นเกมมาหกปีแล้ว คิวก็ถามถึงจุดเด่นของซิส ซิสตอบว่าไม่มี คิวเปลี่ยนคำถามใหม่ “อะไรที่บ่งบอกว่านายเป็นนายมากที่สุด โดยที่ตัวเองรู้จักตัวเอง”
>> บรรยายเหี้ยมาก
[ 03 ]
05 - ซิสตอบว่า “ฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับเกมมากกว่าสิ่งอื่น แต่ก็ไม่ได้มากไปกว่าใครนะ” ซิสอธิบาย “ฉันหาทางชนะบอสได้เสมอ แต่ต้องใช้หัวคิดหน่อยนะ”
คิวเปิดประตูห้อง เข้าไปมีเสียงต้องรับจากลำโพง และมีสิ่งที่เรียกว่า ประตูมิติ ตั้งอยู่ คิวกอดคอเพื่อนเดินเข้าไปในประตู แต่ซิสเข้าไปไม่ได้ เขาถูกดีดกลับออกมา และถูกผู้คุมจับกุมตัวเอาไว้
>> เหนือกว่าบรรยายเหี้ยคือกุไม่บรรยายอะไรเลย
06 - ซิสถูกพาไปห้องขัง ถูกสอบปากคำ ก่อนคิวจะมาอธิบาย และพาตัวออกมา คิวบอกว่าลืมให้ซิสลงทะเบียน โดยต้องมีกำไรข้อมือก่อน
>> “กำไรข้อมือ” ซิสกำลังนึกถึงผู้คนมากมายที่สวมกำไรข้อมือ - ควยเถอะ
07 - คิวพาซิสออกจากทางหนีไฟ เขาร้านสะดวกซื้อ ซึ่งกุอ่านแล้วก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง คิวถามถึงเรื่องงาน คิวสรุปว่าจะพาซิสไปโลกแห่งเกมโดยผ่านประตูมิติ
>> กุพยายามมากกว่าจะรู้เรื่อง
06 - คิวพาซิสเดินเข้าประตู เป็นห้องทำบัตร เจ้าหน้าที่ต้องการเงิน แต่ซิสไม่มี
>> ประตูเหี้ยอะไรอีก แล้วก็ตัดตอนได้เหี้ย
[ 04 ]
07 - คิวจะให้ซิสยืมเงิน พอได้สายรัดข้อมือแล้วก็พากันออกมาที่ลานจอดรถ ซืสกังวลว่าถ้าไปโลกต่างมิติจะไม่ได้กลับมา แต่คิวยืนยันว่ากลับมาได้
08 - กลับไปหน้าประตูมิติ เดินทางผ่านมาอีกโลกหนึ่ง ซิสถามว่าจะกลับโลกเดินต้องไปทางไหน
[ 05 ]
09 - คิวบอกว่าโดดกลับเข้าน้ำพุก็กลับโลกเดิม
10 - มีเสียงประกาศกิจกรรม ได่รางวัลสองเท่าจากภาระกิจระดับสี่ดาว คิวพาซิสเดินชมเมือง ซิสรู้สึกว่ามันเหมือนเกมที่เคยเล่นสมัยก่อน คิวอธิบายว่าบางคนเขามาที่นี่เพื่อหนีโลก บางคนก็เข้ามาเพื่อหาความสุข ซิสบอกว่าเขาจะเข้ามาทำงาน และสนุกไปกับมัน ซิสบอกอยากจะลุยแล้วจึงพากันออกไปทางประตูทิศตะวันออก
11 - ตีโปริ่ง พูดถึงระบบของเกม ซิสต้องการอาวุธ
>> 09-11 บรรยายได้เหี้ยจริง ๆ
[ 06 ]
12 - เข้าร้านอาวุธ ไม่มีเงินซื้อ ออกมาแผงลอย อาวุธก็แพงอยู่ดี
[ 07 ]
13 - มีคนแซวว่าอยางซิสใช้ท่อนไม้ราคา 100 ทองก็พอมั้ง “ทั้งคู่” เลยจะไปท้าชายคนนั้นสู้ แต่ก็มีคนบอกว่าในเมืองสู้กันไม่ได้ ต้องไปพื้นที่สีแดงนอกเมือง แค่คิวควักระเบิดเตรียมลุยแล้ว ชายคนนั้นใช้อาวุธและโล่ทอง กล่าวท้าทายกันแล้วแยกย้ายกันไป
14 - เด็กแถวนั้นมาบ่นว่าคนพวกนี้ชอบรังแกชาวบ้าน แล้วสองคนนี้ทำเหี้ยอะไรก็ไม่รู้อ่านไม่เข้าใจ ทำให้ชาวบ้านมอบท่อนเหล็กให้ซิสฟรี
15 - ทั้งสองเดินทางไปป่าทางทิศตะวันออก เจอกระต่ายกับหมูป่า
[ 08 ]
16 - WTF อ่านไม่รู้เรื่อง มีชายคนหนึ่งกระโดดเข้ามาระหว่างการต่อสู้ ต่อยหมูป่าตายด้วยหมัดเดียว ดูเหมือนกำลัง Grinding หาของอยู่ ชายคนนั้นสอนอะไรหลาย ๆ อย่างกับสองคนแล้วบอกว่า “ข้ามีนามว่า ออคัส ผู้รักษาดินแดนที่ 12 แห่งพื้นที่สีแดง” แล้วก็พูดถึงประตูวาร์ป
[ 09 ]
17 - ลุงออคัส ก็ยังสอนอะไรหลาย ๆ อย่างต่อ และทำกระเป๋าให้ แต่ต้องเอาหางหมูป่ามาแลก ลุงออกคัสจึงนัดกับสองวันให้หลัง
>>พอเถอะกุไม่ไหวแล้ว
ไม่มีอะไรดีสักอย่าง กูสงสัยว่าต้องอยู่ในกะลาตามืดบอดขนาดไหนถึงกล้าขายของแบบนี้
เอ๊ะ แม่งใช่ปะวะ
คนละคน ไอ้เหี้ย อ่านชื่อผิด 5555555
>>754 กูหมายถึงเม้นที่ไอ้ตุ๋นกบมันเถียงกับคนอื่นในท็อปเม้น คือกูไม่ได้มีปัญหากับการที่ใครจะเม้นยาวหรือเม้นสั้นนะถ้ามันอัดแน่นไปด้วยประเด็นเนื้อหา ส่วนไอ้ตุ๋นกบเนี่ยมันพิมพ์เม้นนึงยาวมาก เหมือนมันไปชักแม่น้ำมาสามร้อยสายเพียงเพื่อจะเถียงประเด็นนิดเดียว แบบกูต้องชนะให้ได้ กูมีเหตุผลของกูมากมายเพราะงั้นพวกมึงต้องฟังกู
ความจริงมึงตอบสั้นๆ เอาแต่เนื้อก็ได้ จะไปชักแม่น้ำมาทำห่าอะไร ทีนี้กูเลยเปรียบเทียบกับอิดอกขาวเพราะพฤติกรรมมันคือเม้นยาวชิบหาย สาระนิดเดียวเหมือนกัน
ดอกขาวมันจะออกแนวเหมือนเห็นพวกกูเป็นเด็กอมมือ แล้วตัวมันเป็นคุณครูใจดีที่ต้องจูงมือพวกกูไปทัศนศึกษากับมันอ่ะ เรามาดูความหมายของคำนี้กันนะคะ เปิดวิกิแล้วเขาอธิบายว่างี้ๆๆ ตอนนี้เรามาดูอันนี้ต่อดีกว่า บลาๆๆๆๆ สุดท้ายแล้วเป็นกำลังใจให้นะคะ มิส จุ๊บๆคร่า (ตบท้ายด้วยอีโมผู้หญิงถือพู่เชียร์กีฬาสี)
ใครหลงอ่านจนจบก็ลืมไปเรียบร้อยแล้วว่าหัวข้อกระทู้มันคุยกันเรื่องอะไร
ทำไมเราถึงยังไม่มูฟออนจากไอ้ตุ๋นกบวะ ในเมื่อคนแบบนี้คือไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ด่าไปก็วนๆ กับประเด็นมั่นหน้า อีโก้สูง เขียนนิยายกากๆ หลอกเงินเด็กไปวันๆ
มา กูพาไปประเด็นใหม่เอง
>>758 กูตามไปอ่านนิยายที่มึงสับแล้ว มันก็ไม่ได้แย่นะ แต่ยังดูธรรมดาเกินไปหน่อย อ่านแล้วไม่ตื่นเต้น รู้สึก "อืมๆ" ตลอดการอ่าน อ่านไปถึงบทที่ 30 ก็ยังอืมๆ บรรยายงงเป้นระยะๆ แต่ถึงกับเหี้ยไหม ก็ไม่ ส่วนคุณภาพนิยายเทียบกับราคา 150 บาท (ที่มันตั้งขายในเว็บเมพ) ถ้าด้วยความยาวต่อตอนแบบนี้ กูว่าแพงมาก
อันที่อยากด่าข้อสุดท้ายคือ มึงใช้รูปปกย่อของ Ragnarok Online แต่เขียนเกม MMORPG base ได้แย่มาก จะขายนิยายแนวออนไลน์ได้ อย่าขายแค่คนตีกับมอน มันน่าเบื่อ
ได้เวลาขายนิยายหรือยัง?
https://www.dek-d.com/board/view/3957095/
มั่นหน้าสัด
ตะกี้ไปอ่านนิยายของ หลับปุ๋ย ที่โม่งสักคนสับไว้.. ถูกจริตดีว่ะ มีของคนอื่นแนะนำมะ ว่างงงงงงงงง.. แต่สุ่มกดอ่านแล้วก็ไม่ถูกใจสักที
กูวิว300k เฟบ8k ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ขาย กลัวไม่มีคนซื้อ เจอความมั่นของน้อลคิลเข้าไป กูเป็นเหี้ยไรเนี่ย5555
ปล. อ่านเม้นต์ย่อย 5 น้อนคิลจี้สัส
เด็กพวกนี้มันจะมีกับดักบางอย่างคือกับดักเพื่อนอวยเว้ย อ่านกันเองในกลุ่มเพื่อนแล้วอวยว่าดีมากแก สนุกมาแก ขายได้แน่ เลยเกิดความเข้าใจผิดๆ ว่านิยายตัวเองดีสุดในสามโลก เหมือนอีอวยเซปชั่นด้านบนที่มาอวยกันเองนั่นแหละ ต้องรอให้โตกว่านี้สักหน่อยแล้วพอกลับไปอ่านนิยายตัวเองตอนเด็กๆ จะเขินขึ้นมาเอง ที่พูดได้นี่ไม่ใช่ไร กูก็เคยเป็น 555555
>>773 กูเจอเรื่องนี้ระหว่างไล่ดูท็อปหมวด อ่านตอนแรกแล้ว ภาษาเข้าขั้นดีมาก จบไปหลายปีละพวกมึงอาจจะเคยเห็นแล้วก็ได้
https://my.dek-d.com/MarisolTK/writer/view.php?id=1324706
เฮ้ยพวกมึง เมื่อกี้กุเข้าไปเพิ่มยอดวิวกับจี้ถาม NK เกี่ยวกับพล็อตโฮลนิยายมันรายตอน (นอนเมมชื่อมะม่วงคือกุเอง)
จี้ไปได้ 3 ตอนแรกมันโผล่มาตอบกุ พอกุจี้ต่อถึงตอนที่ 5 แม่งปิดไม่ให้นอนเมมคอมเมนต์เว้ย ปิดหน้าตาเฉยเลยนะ
คือเวลามีคนเมนต์ในนิยาย นิยายมันจะโผล่ไปที่หน้าแรกของ Recent novel update ถูกป่ะ คือกุช่วยจี้นิยายมันมีคน
กดติดตามเพิ่มมาเป็น 11 คน แล้วดูมันตอบแทนกุด้วยการจำกัดสิทธิ์นอนเมม ลองเข้าไปอ่านที่แม่งแถดูละกัน ว่ามัน
อธิบายยังไง (อ่านที่แม่งตอบแล้วก็อิหยังวะเหมือนเดิม)
ที่มันติดอันดับเนี่ย เป็นเพราะพวกเราเข้าไปดู กับกูเมนต์ถาม ดังนั้นไอ้ NK ควรขอบคุณโม่งคนที่เอานิยายมันมาเแปะที่นี่
ไม่งั้นแม่งไม่ได้เกิดแล้ว
อะนี่ link https://my.dek-d.com/NK-Killer/writer/view.php?id=2034118
นี่เลยกูให้มึงเพลงนี้ไอ้ NK https://www.youtube.com/watch?v=gBFtJGFi9f4
จากกู โม่งมะม่วง
>>792 มันเป็น Bug หน้าเว็บ เวลาเจ้าของเรื่องกดแก้ไข่ความเห็นย่อยตรงหน้านิยาย ความเห็นนั้นจะกลายเป็นช่องว่างไปเลยหลังกดแก้พร้อมอัพเดตวันเวลาที่แก้ ส่วนข้อความก่อนแก้คืออะไรกูก็ไม่รู้ว่ะ เพราะมาไม่ทัน มาถึงมันก็ว่างแล้ว
วิธีเปลี่ยนพาสเฟซคือมึงต้องมีพาสเก่า มีเบอร์โทร มีเมลล์ที่ใช้สมัคร พาสเมลล์นั้น ถ้ามีครบเปลี่ยนได้แน่ แต่ถ้าไม่รู้ไป 1 ข้อคือจบ
พวกมึงๆ พอมีนิยายแนะนำ แบบที่ช่วงแรกๆ เฉยๆ มากอ่านแล้วจะหลับ แล้วก็ไต่ระดับขึ้นความพีคแบบอารมณ์ที่ว่าทุกอย่างที่วางมาตั้งแต่ต้นเรื่องมีไว้เพื่อจุดนี้โดยเฉพาะ ส่วนตอนจบถ้าไม่ปาโทรศัพท์ทิ้งก็ต้องกุมขมับ
ไม่ฟิกแนวนะ กูแค่อยากได้ที่มันเรื่องที่มันอ่านได้เรื่อยๆ
>>796 เหมือนจะเคยมีอยู่ในกระทู้นี้ภาคแรกๆ ไม่น่าเกินภาค 10 มีอยู่สัก 2-3 เรื่อง แต่กูจำไม่ได้ว่ากระทู้ภาคไหน
กับนิยายเก่าๆ ที่กูเคยอ่านช่วงปี 54-55 หมวดลึกลับ สืบสวน กับระทึกขวัญ แบบที่อ่านแล้ว WTF จริงๆ เอามือกุมหัวเลย คาดไม่ถึงสัสๆ ต้องกลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่แรก เพื่อให้ย้อนปมได้ จนต้องร้องโอ๊ย... เป็นระยะ เพราะดันมองข้ามจุดเล็กๆ นั้นไป ปัญหาคือกูจำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว นานเกิน จำได้แค่นิยายสมัยนี้เทียบไม่ติดเลย
อยากอ่านนิยายแนวฆาตกรรมโหดๆ จริงเว้ย เพื่อนโม่งมีแนะนำมั่งมั้ย หลังๆ มานี่อ่านเจอน้อยมากที่จะถูกใจ ขอเป็นของต่างชาตินะ ของไทยกูเคยอ่านละไม่อินเท่าไร อย่างฆ่ากันเพราะเงิน เพราะแค้น นี่เบื่อละ อยากได้แบบฆ่าเพราะสนุกเป็นปมจิตๆ ของตัวฆาตกรมากกว่า พูดไปก็ไปรื้อหาของเก่ามารอช่วงงานหนังสือดีกว่าวุ้ย
ยังรออ่านการสับเพื่อนโม่งอยู่นะจ๊ะ เพลินมาก
กุเห็นนิยายโฆษณาในบอร์ดเลยอ่านแล้วลองเขียนสรุปดู
https://writer.dek-d.com/nontawud601/story/view.php?id=2033602
Twisted Tales อวสานนิทานโลกสวย
โดย AuntieAntony
[1 บทนำ]
จินตนาการคือจุดกำเนิดของสรรพสิ่ง
[ 2 ]
1 - เปิดเรื่องด้วยเด็กรบเร้าแม่ให้อ่านนิทานเรื่องราพันเชลให้ฟัง แม่ก็เล่าให้ลูกฟังพร้อมกับเห็นแย้งเรื่องราวในนิทาน จนเด็กหลับลงไปก็เดินออกจากห้อง ในตอนที่ความเงียบปกคลุมห้อง ก็เปิดแสงเล็ก ๆ ลอยขึ้นจากศีรษะเด็ก สูงขึ้นไปเหนือหมู่เมฆ แสดงให้เห็นมีแสงเหล่านี้จากทุกทีทั่วโลก มุ่งหน้าไปยังหอคอยที่ตั้งบนหมู่เมฆ
2 - ภายในหอคอยเต็มไปด้วยหลังสือนิทาน และมีเอลฟ์สอนตนซื่อ ไรท์(หญิง)และพลูฟ(ชาย) (Write Proof) ทำหน้าที่เขียนและตรวจแก้นิยาย โดยใช้แสงที่รวบรวมจากทั่วโลกเติมลงไปในปากกาทำเป็นน้ำหมึก
3 - พลูฟเบื่อหน่ายนิทานน้ำเน่าที่พี่สาวเขียน จึงเกิดความคิดว่าทำไมตนไม่เขียนนิทานของตัวเองขึ้นมาบ้าง จึงแย้งปากกามาจากมือพี่สาว พี่สาวไม่ยอมการทะเลากันทำให้ปากกาแตก และหมึกสีขาวสำหรับการแก้ไขและหมึกดำสำหรับเขียนก็ผสมกัน ทำให้เกิดหมึกสีเทา ไหลซึมเข้าไปในนิทานเรื่องต่าง ๆ
4 - หมึกที่ซึมลงไปแก้ไขเนื้อหาในนิทาน จากเจ้าหญิงราพันเชลกลายเป็นปิศาจดักกินเนื้อคน จากนิทานแสนสุขกลายเป็นนิทานสยองขวัญไป ไรท์และพลูฟจึงต้องเข้าไปในนิทานเหล่านั้นเพื่อดูดหมึกสีเท่าออกมา ซึ่งเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย
[ 3 ]
5 - พลูฟตื่นขึ้นมาโดยไม่พบกับพี่สาว ปากกาทำหน้าทีเหมือนเข็มทิศนำทางชี้เข้าไปยังป่าลึก
6 - ไรท์เองก็ตื่นขึ้นมาไม่เห็นน้องชาย ปากกาทำหน้าทีเหมือนเข็มทิศนำทางชี้เข้าไปยังป่าลึกเช่นกัน
7 - พลูฟนำหิงห้อยใส่ขวดโหลใช้เป็นแสงนำทางเดินเข้าไปในป่าที่มืดมิด เขาเจอหญิงวัยกลางคนจับตัวไว้เพราะเข้าใจว่าเป็น ปิศาจแคระ จากข้อมูลที่พูดคุยกันทำให้พลูฟพอจะเดาได้ว่าหญิงคนนี้คือ แวนด้า แม่เลี้ยงของราพันเชล พลูฟใช้ประโยชน์ที่ตนรู้เรื่องราวของแวนด้า เพื่อให้เธอปล่อยเขาไป
>> ตามข้อเสนอตรงนี้ของพลูฟไม่ทันว่าทำไมแวนด้าต้องอยากรู้เรื่องของตัวเอง
8 - ไรท์เจอกวางน้อย แล้วกวางน้อยเข้าร่วมปาตี้ ( BGM https://www.youtube.com/watch?v=TLqsHwAWT0Q )
9 - พลูฟและแวนด้าคุยกันถูกคอ
>> กุไม่ชอบการสลับสองพี่น้องไปมา แทนที่จะทิ้งไว้ให้สงสัยว่าอะไรเกิดขึ้นกับอีกฝ่าย
[ 4 พบปะคนเขียน ]
>> ไม่อยากเจอ เหี้ยอะไรนี่กุข้าม กุไม่อ่าน
[ 5 ]
10 -ไรท์ตื่นมาก็หิว มองเห็นพุ่งเบอร์รีก็เดินไปหาอะไรกิน แต่กวางน้อยเดินนำไปก่อน “เหลือไว้ให้ฉันบ้างนะเจ้ากวางน้อย!” ไรท์พูดขึ้น ก่อนจะรู้สึกว่ารอบด้านเต็มไปด้วยใยสีทอง เธอกำลังอยู่ท่ามกลางใยของแมงมุม แล้วเจ้ากวางน้อยก็ถูกจับแดก เอลฟ์สาววิ่งหนี
11 - พลูฟมีมือเช้าอย่างสุขสมด้วยขนมปักอบฝีมือแวนด้า แล้วก็ร่ายกลอน ว่าด้วยเส้นผมของราพันเชลกระจายไปทั่วป่ากลายเป็นใยสีทองหากสัตว์ป่าตัวไหนไปโดนเข้าก็จะถูกลากไปกิน พลูฟฟังแล้วก็ห่วงพี่สาว จะตามออกไป แวนด้าจับแขนพลูฟเอาไว้ พูดว่าข้างนอกมันอันตราย
>> พลูฟรู้ได้ยังไงว่าพี่สาวเข้าไปในป่าลึก เพราะปากกาชี้ไปในทิศเดียวกันแบบนั้นเหรอ
12 - แวนด้านึกถึงความทรงจำตอนที่ไม่ยอมให้ราพันเชลออกไปจากหอคอย ด้วยเหตุผลที่ว่าข้างนอกมันอันตราย แต่ราพันเชลว่าเธออยากเห็นมันด้วยตาของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะดึงดันอย่างไร สุดท้ายราพันเชลก็หนีไป
13 - พลูฟบอกให้แวนด้าปล่อย พอแวนด้านึกย้อนไปในความทรงจำที่ relate กันยอมปล่อยพลูฟ พร้อมทำอาหารให้เอลฟ์เด็กติดตัวไป เดินทางไปยังหอคอยของราพันเชล
>> กุรู้สึกอีหยังก๊ะกับท่อนนี้
14 - ไรท์วิ่งหนี แต่ยิ่งวิ่งกลับวิ่งเข้าไปลึกกว่าเดิม สะดุดรากไม้ล้มลง ความหิวทำให้สติเริ่มเลือนรางก่อนถูกใครบางคนอุ้มไป
15 - ไรท์นึกถึงเรื่องในตอนเด็ก ที่เขียนนิยายให้แม่เธอตรวจ เพื่อจะเล่าเรื่องหน้าที่ของ “บรรณรักษ์แห่งห้องสมุดนิรันดร์” ต้องดูแลหอสมุดและดูแลจินตนาการให้ไปในทางที่ถูกที่ควร เมื่อแม่เธอหายไปพลูฟก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นผู้ช่วยของเธอแทนแม่
>>804 (ต่อ)
[ 6 ]
16 - แวนด้านึกถึงความทรงจำเก่า ที่ขังลูกเพื่อความปลอดภัยของเธอ แต่ลูกไม่เข้าใจ
17 - แวนด้าพยายามสลัดภาพเก่าในวัยเด็กของราพันเซลทิ้งไป ตอนนี้เด็กสาวกลายเป็นปิศาจไปแล้ว ในตอนนั้น เกรกอรี่พรานป่าก็มาเคาะประตูบ้านของแวนด้า เขาอุ้มไรท์มา การที่ขุนนางอย่างเกรกอรี่มาในป่าบ่อยขึ้นเพราะทางราชวังเป็นห่วงเรื่องป่าสีทองที่ขายอาณาเขตกว้างขึ้น แวนด้าก็ต้องปิดเรื่องของราพันเชลเป็นความลับ พรานป่ารอเวลาที่ไรท์ตื่นขึ้นมา เพื่อจะสอบถามว่าไปนอนอยู่ในป่าสีทองได้อย่างไร
18 - พลูฟ หยุดพัก มีรถม้าผ่านมาบอกว่าเขาเดินผิดทาง ทางนี้ไปเมืองหลวง ที่แท้เป็นแวนด้าบอกทางเขาผิด พี่สาวชวนขึ้นรถม้า เขาไปในเมือง
>> อีหยังก๊ะ เมิงจะไปช่วยพี่สาว แต่พอมีพี่สาวทรงโตชวนไปเทียวเมือง เมิงก็ไปกับเขา
19 - ไรท์ตื่นขึ้น (ท่อนนี้กุอ่านแล้วค่อนข้างสับสน) ไรท์เล่าให้กับกอรกอรี่ว่า ใยสีทองเหล่านั้นเป็นเส้นผม แวนด้าต้องปิดความลับเรื่องของราพันเชล จึงดึงตัวไรท์มาตกลงก่อนว่าให้ ไรท์เงียบปากเรื่องของแวนด้าไว้ เพื่อแลกกับแวนด้าจะบอกเรื่องของพลูฟ ไรท์ตกลงและออกมาบอกกับกอรกอรี่ว่าจะไปเมืองหลวงกับเขา (เพื่อให้ปากคำ?) แวนด้าบอกไปด้วย ในที่สุด
[ 7 ]
20 - พลูฟเอลฟ์เด็กตื่นตาตื่นใจกับเมืองหลวง และรู้สึกดีกับพี่สาวทรงโต(กุเติมเอง)
21 - เกรกอรี่ พาไรท์และแวนด้ามาพักโรงเตี้ยม แต่ห้องเหลือแค่ห้องเดียวเพราะคนหนีจากป่าสีทองเข้ามาในเมืองกันมาก ไร์และแวนด้าได้พูดคุยกัน มีส่วนที่ต่างฝ่ายต่างเห็นใจกันเล็กน้อย
22 - ทางด้านพลูฟได้รู้ว่าพี่สาวทรงโต(กุเติมเอง)ที่เดินทางมาด้วยคือเจ้าหญิงลิเลียน่า และฝากให้แอนนิต้าหญิงรับใช้ดูแลพลูฟ แอนนิต้ารู้เรื่องราวตอนที่ ราพันเชลถูกลักพาตัวไป ตกดึก พลูฟเห็นพี่สาวทรงโตเดินออกร้องไห้เสียจัยกับเรื่องบางอย่าง (คงเป็นเรื่องอีเจ้าชายที่กลายเป็นอาหารให้ราพันเชล
[ 8 คุยกับนักเขียม]
สวัสดีปีใหม่
>> สรุป กุว่ามีดีอยู่ แต่ต้องทนความมืดใหม่ขอคนเขียนในการบรรยายเรื่องราวที่ไม่ใช่ point ของเรื่อง เขียนมากได้น้อย เหมือนปล่อยกุลอยคอในทะเล ตัวกลอนที่เอามาเสริมเรื่องก็ ยังขาดความประทับใจ แต่ถ้าย้อนถามว่ากุเขียนกลอนได้ไหม กุก็บอกเลยว่าแค่เขียนนิยายเฉย ๆ กุก็เหนื่อยจะตาย 5 อยู่แล้ว กุไม่มีปัญญาหรอกว่ะ
ส่วนที่ชอบ คือตอนแรกของเรื่องมีความชัดเจนมาก บอกชัดว่าตัวเอกต้องไปทำอะไร เพื่ออะไร แต่เราไม่เห็นว่าปมของเรื่องต่าง ๆ ทำงานกับตัวละครหลักอย่างไร ถึงสร้างแรงขับให้เข้าไปแก้ไขนิยาย ถ้าเสริมตรงนี้กุว่าตอนที่หนึ่งจะสมบูรณ์ แต่กุเดา ๆ แล้วละว่าน่าจะส่งผลต่อไอ้พลูฟ พลอตโฮลมีบ้างหลับตามองข้าม ๆ ไปก็ได้อยู่
กุย้อนไปอ่านคุยกับนักเขียน แม่งก็จะขายอีกแล้ว กุบอกเลยว่าความคิดที่มึงจะขายนิยายไม่ใช่ความผิด แต่มึงต้องคิดทำนิยายของเมิงให้สมบูรณ์พอแล้วก่อน ถึงค่อยคิดจะขายมัน
>>800 ใช่ปะล่ะ คำถามกูธรรมดาพื้นๆ มากเลยนะ ไอ้นี่แม่งใจบางเกิน สงสัยคิดว่ากูเป็นนอนเมมก่อกวน มาเพื่อจับผิดโดยเฉพาะ (ข้อนี้เถียงไม่ได้เลยห่า) แต่จะแก้เกมด้วยการทำไอดีมะม่วงขึ้นมาใหม่ เดี๋ยวจะดูมีความพยายามเกินไปจนผิดสังเกต แล้วมันจะไล่กดลบความเห็นกู เลยคิดว่าเอาแค่นี้พอ ถ้าพวกมึงสังเกตวิธีการออกความเห็นของกู คือกูแกล้งทำเป็นสงสัยใคร่รู้ จะได้ดูเหมือนตามอ่านเรื่องมันจริงๆ แกล้งทำเป็นถามแบบไร้เดียงสา จำไมนิดๆ มันจะได้ดูสมจริง แล้วไม่ลบความเห็นกู (หัวเราะแบบโคตรชั่วร้าย)
>>801 กูอ่านเพื่อทดสองความอิหยังวะของเรื่องน่ะเพื่อน สรุปว่าอิหยังวะสุดๆ ตั้งแต่เนื้อเรื่องยันตอนเจ้าของเรื่องมาแถกลบพล็อตโฮลในเมนต์ย่อย แถไม่เนียนด้วย แสดงว่าเขี่ยๆ ออกมาแบบไม่ได้วางแผนไว้ก่อน (ซึ่งไม่ดีเลย สำหรับคนเขียนแนวนี้)
>>802 ถ้าจำไม่ผิดมันไปบ่นในกระทู้คนอื่นหรือเปล่า เพราะกูจำกระทู้ที่มันตั้งเองไม่ได้ แต่ที่ด่านอนเมมนี่ เคยเห็นอยู่
โม่งไม่คิดจะจัดรางวัล บุคคล/นิยาย แห่งปีบ้างเหรอ
เลียแผล่บๆพณฯท่านท่อนเอ็นคิลเลอร์ติดท็อปเมมเบอร์ผู้ทรงอิทธิพลของบอร์ด //ชุ่มได้ที่ตามไปเม้นนิยายต่อ
https://www.dek-d.com/board/view/3957184/ วายเรื่องใหม่ของน้อนท่อนเอ็นคิลเลอร์//รีบมาเลียแผล่บๆต่อ
>>812 กูว่ากูจะมูฟออนจากไอ้เหี้ยนี่แล้ว เสียเวลาชีวิต นิยายใหม่ก็สั้นเป็นหมอยมด บอกจับกระแสแนววาย แต่ลองอ่านแล้วท่าทางจะไปไม่รอด ไอ้กองอวยนี่ก็ผิดสังเกตเกินไปแล้ว ใครมันจะมาติดตามสถานการณ์ไอ้ NK แบบก้าวต่อก้าวขนาดนี้วะ ปกติไม่เห็นโผล่หัวมาเล่นบอร์ดเลย ไปดูประวัติก็มีกิจกรรมในบอร์ดน้อยมาก แต่พอไอ้ NK ตั้งกระทู้ปุ๊บหีสั่นมาแต่ไกล มาถึงก็อวยๆ เลียๆ เหมือนเดิม
กูว่ากูจะเลิกให้ค่าแม่งแล้ว เพราะมันมีแนวโน้มว่าแม่งจะใช้หน้าม้า (ถึงกูจะไม่มีหลักฐาน แต่สมัยนี้ใครๆ ก็มีมือถือป่ะวะ) ที่มันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ ก็เพราะมันยังไม่โดนจับได้คาหนังคาเขาเฉยๆ ส่วนตัวกูว่าจะปล่อยเบลอแม่งแล้ว อวยเกินขนาดจนน่าเกลียด
จากความขี้เสือกของโม่ง ทำให้ยอดวิวนิยายน้อลคิลมันเพิ่ม จนมันติดท็อป ตอนนี้มันยิ่งใหญ่มาก และเริ่มตอบกระทู้แบบผู้มากความรู้แล้วสัส
กู>>815 เองนะ มาละ กูว่านิยายกูสั้นหมอยหมาละ นิยายแม่งสั้นกว่ากูอีก บอกได้ไม่เกินสองหน้าเวิร์ด A4
เรื่อง 'รุ่นพี่ผมมีบ้านทุกสี่แยก'
https://writer.dek-d.com/NK-Killer/writer/view.php?id=2038492
ตอนที่1 : เนื้อเรื่องเป็นการที่ตัวเอกชื่อแอนฟิล(ถูกป่ะวะช่างแม่ง) ย้ายมาอยู่ในเมืองซึ่งคนเขียนเมกขึ้นมาเองว่าเป็นเมืองรักสภาพแวดล้อมใช้จักรยานมากกว่ารถยนต์(สะกดถูกมั้ย?) แล้วเพื่อนแม่ก็มารับมันจากสนามบินเพื่อไปบ้านหลังใหม่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางสี่แยก จบ
การบรรยาย : เด็กประถมแต่งเรียนความยังอ่านรู้เรื่องกว่า มึงเรียงประโยคได้ส้นตีนหมามาก บ่งบอกว่านักเขียนนั้นเห่อหมอยขนาดไหนไอ้สัส มึงควรไปอ่านให้เยอะนะครับ
คำผิด : ถือว่าเยอะสำหรับตอนสั้นๆ
คะแนน : ไม่มี กูรอมันลงอีกสักสองตอน แต่คาดว่าติดลบไปยันโลกหน้าแหละ ไม่ได้อคตินะ
คำแนะนำ ไปอ่านให้เยอะ ไปอ่านให้เยอะ ไปอ่านให้เยอะ ไปอ่านให้เยอะๆ
ปวดใจมากไอ้สัส!!
หรือไม่ก็น่าจะมีใครลองทักไปว่าไอ้หมาน้อยกะมึงเป็นเพื่อนกันเหรอครับ
หมาน้อยในทุ่งหญ้า เหมือนเคยเห็นมานานละนะ น่าจะอยู่มาก่อนท่อนเอ็นคิลเลอร์
ตีความได้สองแบบ คือถ้าไม่ใช่เพื่อนกัน ก็เป็นหนึ่งในโม่งนี่แหละเข้าไปปั่นแล้วเอามาแฉในนี้
มีการคอสเพลย์เป็นกูด้วย แต่ก็ไม่เป็นไร โม่งแม่งก็คือร่างแยกของกันและกัน ชื่อ Nameless Fanboi เหมือนกัน อยากทำอะไรก็เรื่องของมึง แต่กูขอชมว่ามึงทำได้ดีนะในกระทู้ (เอามือวางบนบ่าแบบที่ยูกิทำกับอาเทม)
แม่งคอสเพลย์กันประจำอยู่ละ ยังเคยมีคนใช้ชื่อโฮกปิ๊บที่กูใช้ไปเม้นท์ปั่นในนิยายไอ้คนที่อวยตัวเองเลย แล้วนี่กูเป็นเหี้ยอะไร ประเด็นไอพีเดียวกันกูจับโป๊ะมา 4-5 รอบละนะไอ้ชิบหาย
บ้านหรือป้อมจราจร
เพื่อนโม่งอยากได้คำวิจารณ์นิยายครับ
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1910410
อย่างน้อยนิยายของเอ็นK ก็ถือเป็นนิยายที่หาญกล้าท้าทายกับพล็อตเดิมๆในหมวดระทึกขวัญ ซึ่งมีแต่ผีไล่กระทืบคนไม่ก็คนดักตบผี ถ้าไม่นับนิยายของคุณพังพรอนก็นับได้ว่าเป็นนิยายแห่งยุคเพียงหนึ่งเดียวที่ได้เปิดศักราชแห่งแนวระทึกขวัญ นับว่าเป็นบุญแท้ของเว็บบอร์ดเด็กดีที่พระเจ้าได้ส่งเทพทรูจากต่างโลกมาเผยแพร่นิยายดีๆแบบนี้
โม่งสิ้นแล้ว เอ็นKขึ้นแทน ปีชวดนี้แล นิยายเอ็นKรุ่งเรือง
มาสับกันเถอะทุกท่าน รอบก่อนๆ สับไม่ค่อยละเอียดเพราะขี้เกียจ รอบนี้มาดูกันว่าจะขี้เกียจอีกไหม จะสับเรื่องนี้มาหลายรอบละ แต่เทไปก่อน วันนี้ฤกษ์งามยามดี เปิดประเดิมเรื่องแรกของปีนาจา ง่อลลลล
ท่านองครักษ์ ที่รัก โดยกะรัตมณี หรือ วันที่หิมะตก หรือน้องหีมะ
https://writer.dek-d.com/Winter45/writer/view.php?id=1981559
ไม่รู้ว่าชื่อเรื่องจะเคาะเว้นวรรคหาพระแสงปืนต้นอะไร เอ้า ไปอ่านกันเถอะ
เรื่องย่อ
1 - นางเอกเป็นเซลล์ขายรถหรู มีคู่รักมาซื้อรถ คู่รักสวีทกัน นางเอกพาไปดูรถหนึ่งคัน ขายรถได้ นางเอกเมพขริงๆ วันนี้ขายได้ห้าคันแล้ว (แต่มึงยังไม่ได้ทำส้นตีนอะไรเลยนะ) เปลี่ยนชุดกลับบ้าน แวะตลาดนัด เจออันธพาลมาจีบปะทะคารมกัน 15 ย่อหน้าสั้นๆ วนไปวนมา นางเอกจับทุ่มแม่งแล้วขับรถกลับบ้าน เพ้ออะไรถึงชีวิต ขับรถอยู่หิวเลยกินข้าว ประมาทเจอรถบรรทุกเลยขับรถตกน้ำ เปิดประตูรถมาจมน้ำตาย
2 - มีผู้หญิงโดนตามล่า ก่อนจะตายนักฆ่าถามว่ามีอะไรจะสั่งเสียไหม อีองค์หญิงเลยฝากจดหมายรักไป นักฆ่าพอเห็นชื่อแล้วก็มีคุณธรรมเลยรับปาก แต่องค์หญิงไม่อยากตายด้วยคมดาบศัตรูเลยโดดผาเองแม่ง 55555 แม่ง cult สัสๆ อะไรของมึงเนี่ย แล้วก็มีคนมาตามหาจนเจอร่าง ตัดไปที่นักฆ่าที่ไปรับเงิน รับเสร็จยังจิตใจดีเอาจดหมายรักไปส่งให้อีก 5555555
ขอย่อสั้นๆ เพราะแต่ละตอนไม่ได้มีเนื้อหาอะไร
3-7 - นางเอกทะลุมิติมาเข้าร่างองค์หญิงอวบอ้วน ใช้ชีวิตในหมู่บ้านเพื่อซ่อนตัวหนีการลอบสังหาร ตัดผมตัวเองท่ามกลางความตกใจขององครักษ์ กูก็งงๆ นะ ชีวิตนางเอกคือไม่มีสาวใช้สักคนเลย มีแต่องครักษ์ที่ยัดเยียดว่าหล่อมาก นางเอกก็ใช้ชีวิตลดความอ้วนไป ไม่ให้เรียกว่าองค์หญิง มีคนตะโกนเลยลื่นจะตกลงไปในแม่น้ำ มีคนมาช่วยเปิดตัวว่าหล่อ (อีกแล้ว) ก็ปะทะคารมกัน เฉลยว่าคนมาใหม่อีกองครักษ์อีกคนชื่อเหิงเฉียง เหิงเฉียงตกใจที่องค์หญิงผอมแล้วแถมนิสัยยังเปลี่ยนไป
ก็เล่าว่าคนที่สั่งฆ่านางเอกน่าจะเป็นพี่ชาย เพราะนางเอกเป็นลูกฮองเฮา แต่องค์ชายเป็นลูกสนม นางเอกเลยจะลุกขึ้นสู้แทนองค์หญิงที่ตายห่าไปเอง องค์หญิงขอให้สอนวรยุทธ์ ขอเป็นสหายกับพวกองครักษ์ มีฉากกุ๊กกิ๊กปะทะคารมกับเหิงเฉียง ที่เรียกนางเอกว่าแม่นาง...เอาเถอะ นางเอกสงสัยที่มาที่ไปขององครักษ์แต่ละคนเลยไปถามข้อมูล นางเอกไม่ชอบหน้าเหิงเฉียง พออาบน้ำมาสก์หน้าเสร็จเลยจะไปแกล้งให้ตกใจ
อ่านมา 7 ตอน พ้อยต์เรื่องไม่มีอะไรเลย ไม่เห็นไดนามิคของเรื่องด้วย เสียเวลาว่ะ หิวข้าว ขอพอแค่นี้ก่อน จะไปหาข้าวกินแล้ว
สับด้านล่าง บอกเลยว่า ยาววววว
เนื้อเรื่อง:
คลีเช่น้ำเน่ายุงบินหึ่ง ตรรกะย้อนแย้งพังยับสไตล์น้องหี การให้เหตุผลพังยิ่งกว่ารองเท้าคัทชูของกูที่โดนไอ้ตูบเอาไปนอนแทะวันก่อนซะอีก แค่ตอนแรกก็ให้เหตุผลพังไปหลายอย่างจนกูไม่รู้จะยกตัวอย่างอันไหนมาประกอบดี ต้องบอกว่าพังทุกอย่างจนหาจุดที่ไม่พังยังง่ายกว่า เล่าอะไรอยู่แล้วสามคำถัดมาพร้อมจะแย้งกับที่เล่าไปได้ทันที คือเหมือนมึงเป็นคนประสบการณ์ชีวิตน้อยอ่ะ เหตุการณ์ในเรื่องทั้งหมดคือการมโนล้วนๆ ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีการหาข้อมูล ไม่ถูกตามหลักฟิสิกส์ ทั้งพาร์ทปัจจุบันและพาร์ทอดีต มึงอย่าเรียกตัวเองเป็นจีนเสิ่นเจิ้นเลย กูสงสารเสิ่นเจิ้นเรื่องอื่น
เช่น
1. นางเอกในเรื่องเป็นเซลล์ในโชว์รูมรถหรู ตอนทำงานใส่เสื้อยืดแขนสั้นเอวลอยสีขาว กางเกงยีนส์ขาสั้น พอเลิกงานเปลี่ยนเป็นเดรสสายเดี่ยวสีน้ำเงินยาวถึงข้อเท้าคือพ่อมึงเคยพามึงเข้าโชว์รูมไปตรวจสภาพรถบ้างเปล่า แค่ศูนย์ฮอนด้า โตโยต้าก็ได้ ไม่ต้องรถไฮโซถึงขั้นสปอร์ตคาร์ เซลล์โคตรพ่อโคตรแม่มึงสิแต่งตัวเป็นสก๊อยขนาดนั้น ยิ่งรถหรู เซลล์ก็ต้องยิ่งแต่งหรูตามรถไหมอีง่าว แต่รถมึงราคาแค่หลักหมื่นหลักแสน ถ้าค่าเงินเป็นดอลลาร์หรือยูโรกูจะไม่แปลกใจ แต่เป็นค่าเงินหยวนจีน แม่งแค่คูณ 5 สปอร์ตหรูบ้านพ่อบ้านแม่มึงสิราคาแค่สามสี่แสนบาทอ่ะ MG จีนแดงยังราคานี้ไม่ได้เลยมั้ง
2. นางเอกขับรถตกน้ำ แต่เปิดประตูออกมาจมน้ำตายข้างนอก อีคว๊ายยยยย มึงไม่เข้าใจเรื่องแรงดันน้ำเหรอ มึงเกิดไม่ทันพี่บิ๊กดีทูบีใช่ไหม
3. อันนี้เป็นจุดที่กูรู้สึกแบบ มึงจะย้อนแย้งในสามคำถัดมาไม่ได้!! ต้องยกตัวอย่างให้พวกมึงดูอ่ะ "สุดท้าย ฉันก็ต้องอยู่บ้านหลังที่ยายอยู่ เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ก็มีคนคอยอยู่ดูแล สักสามสี่คน" 5555555 เพลงใหม่ของ Getsunova เหรอ อยู่คนเดียวสามสี่คน
4. คนสั่งฆ่าคือองค์ชายเพราะเป็นคู่แข่งกับองค์หญิง คือมึง องค์หญิงครองบัลลังก์ไม่ได้ป่ะวะ เป็นได้แค่เครื่องมือทางการเมืองส่งให้ไปแต่งกับอ๋องแคว้นอื่น หรือขุนนางที่ผลงานดีเท่านั้นแหละ เห้อ
การดำเนินเรื่องและการนำเสนอ:
หมาไม่แดก อ่านแล้วรำคาญ อึดอัด เหมือนคนเล่าเรื่องไม่เป็น มึงจะบรรยายต้นไม้ข้างทางอะไรมากมายวะ แล้วไม่ได้บรรยายดีนะ ไม่ได้พร่ำเพ้อพรรณนาแบบอีฟองเบียร์ แต่เป็นการเล่าในสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นต่อเนื้อเรื่อง คนอ่านไม่จำเป็นต้องรู้
อย่างนางเอกเปลี่ยนชุดมาเปลี่ยนชุดไป มึงก็จะมาพร่ำว่านางเอกใส่ชุดสีอะไร คือมันสำคัญมากขนาดนั้นเลยใช่ไหม????? หรือตลาดที่นางเอกแวะไปซื้อของกินมีร้านขายเสื้อผ้า ขายนาฬิกา ขายกับข้าว จำเป็นต่อเนื้อเรื่องมากสินะ???
นิยายมึงคือถ้าให้กูอีดิตตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกตอนนึงเหลือถึง 200 คำหรือเปล่ากูยังไม่แน่ใจเลย 7 ตอนที่อ่านมา ถ้ากูเขียนใหม่ แม่งคงเล่าจบใน 2 ตอน ดีไม่ดีตอนเดียวด้วยซ้ำ กูอยากจะเอาปากกาขีดๆๆๆๆๆ ขีดหัวมึงนั่นแหละอีหี
แล้วจู่ๆ มึงอยากจะเล่าเรื่องขึ้นมา มึงก็ใส่วงเล็บว่า (ช่วงเล่าเรื่อง) ??? วั้ทดาฟัก อยากให้เปลี่ยนทัศนคติในการใช้........ แล้วคิดว่าจะทำให้เรื่องน่าติดตาม ไม่! เพราะกูรำคาญ เลิกใช้!!
ช่วงบทสนทนาระหว่างตัวละครยืดเยื้อและ cult เหี้ยๆ เหมือนคุยวนไปวนมาหาข้อสรุปไม่ได้ เหมือนตัวละครเป็นออทิสซึ่ม พี่ยิมในพี่น้องลูกขนไก่ยังสื่อสารรู้เรื่องกว่า อ่านแล้ว weird และขำสัสๆ ไม่ยกตัวอย่าง เพราะยกเยอะละ อยากให้พวกมึงไปทดลองอ่านกันเอง
POV พัง เหมือนพวกมือใหม่ที่กูสับมาจนขี้เกียจจะยกตัวอย่าง อีนี่มันเขียนมาหลายปีแล้วหรือยังวะ? กูสงสัย ถ้าเขียนมา 2-3 ปีแล้วได้แค่นี้คือพัฒนาการต่ำจนต้องจับเข้าโรงเรียนพิเศษแล้วนะ
ตัวละคร:
ไม่มีเสน่ห์สักตัว นิสัยเป็นยังไงก็ไม่ชัด ขายแต่หล่อ หล่อ หล่อ หล่อเหี้ยไรนักหนา หล่อปูนเหรอ?? เล่าเรื่องได้ยัดเยียดมาก มึงเขียนว่านางเอกน่าค้นหา เขียนว่าพระเอกมีสง่าราศี แล้วบังคับว่ากูจะต้องเชื่อ ซึ่งกูไม่เชื่อ เพราะมึงไม่ได้ทำให้รู้สึกเลยว่าอีนี่มันมีของ ตัวละครกลวงยิ่งกว่านางเอกแจ่มใสอีก นิสัยเป็นยังไงยังไม่ชัดเจนเลย
ยาวเกิน ต่อเม้นท์หน้าจ้า
การใช้ภาษา:
ความเชื่อมโยงระหว่างประโยคและระหว่างย่อหน้าวินาศสันตะโร ครูภาษาไทยตอนป.5 จะต้องร้องไห้ เหมือนมึงไม่รู้จักสันธาน บุพบท และคำเชื่อมต่างๆ เนื้อเรื่องแม่งขาดการเชื่อมโยงสุดๆ เป็นท่อนๆ เหมือนภาพตัดแปะกากๆ
เคาะเว้นวรรคได้ฟุ่มเฟือยชิบหาย เคาะย่อหน้าถี่ๆ ที่ว่าเหี้ยแล้ว เคาะเว้นวรรคได้เหี้ยกว่า มึงจะเคาะถี่อะไรขนาดนั้น บ้านมึงรวย spacebar เหรอ เคาะจนประโยคพังกลายเป็นวลีกลายเป็นคำ ตอนประถมมึงไม่ได้เรียนเหรอเรื่องการเคาะเว้นวรรคเนี่ย จากไอ้ที่ควรจะอ่านรู้เรื่องเลยกลายเป็นกระท่อนกระแท่นเหมือนคนติดอ่างพยายามเล่าเรื่อง เอ้า กูก็ไปบูลลี่คนติดอ่างอีก ซอรี่
ดูมึงเคาะนะ เสียงเพลงแดนซ์สากล ดังขึ้นมาจากลำโพงข้างบนต้นเสา ทั้งสี่ของภายในที่โชว์รถยนต์ เป็นที่โล่งกว้าง เต็มไปด้วยรถยนต์หลายคัน ขยันเคาะเว้นวรรคจนประโยคพัง แต่เสือกไม่เคาะหลังเครื่องหมายอัญประกาศปิด อ่านแล้ว OCD กูกำเริบ อยากจะแทรกไปเคาะให้เหลือเกิน
คลังคำน้อย สรรคำได้ไม่เก่ง ย่อหน้าสั้นๆ กูเจอทันทีติดกัน 5 ย่อหน้า เยอะชิบหาย คำผิดกระจาย ex. ขมขืน จับทุ้ม คดเคียว
คะแนน: อีหีโง่! มึงทำให้นิยายจีนเสิ่นเจิ้นดูแย่!!
คำแนะนำ: ไหนๆ ก็มาทรงนี้แล้ว ไปสาย cult ให้สุดเลยไหมน้อง
เหนื่อยชิบหาย หมดพลังงานแล้วกู
อีหีมะคงไปติดเกมเต้น o2jam ถึงได้เคาะถี่ชิบหาย
>>843 o2jam เคาะไม่ถี่นะมึง Audition สิต้องกดเคาะบ่อย (แต่รู้จัก o2jam แบบนี่แปลว่า... สินะ)
>>840 อ่านที่มึงสับมาแล้วกูรู้สึกโกรธแทน ไม่นึกว่าน้องหีจะเป็นได้ถึงเพียงนี้ เซลล์ตามโชว์รูมนี่กูเห็นมีแต่ใส่สูทกระโปรงสั้นถุงน่องดำ (เชี่ย กูชอบ) มาดออกภูมิฐาน ขืนแต่งตัวไปรเวทอยู่บ้านแบบนั้นมาทำงาน โดนไล่ออกแบบไม่ต้องสืบอะ
คืออยากเขียนจีนแต่ไม่ถึงสักอย่าง การบ้านไม่ทำ ข้อมูลไม่รู้ สักแต่ขายผู้ แบบนี้มันเจ๊กแจ่มใส-โอโตเมะ สูญสิ้นความเป็นจีน (มาครบยังวะ ฝรั่งขี้นก ไทยขี้นก คราวนี้จีนขี้นก) เสินเจิ้นบางเรื่องอ่านแล้วยังสมจริงได้บรรยากาศจีนมากกว่า ขนาดพาโรดี้อย่างเรื่องรัชทายาทเสินเจิ้นยังทำได้ดีกว่าน้องหี มว้ากกก
เรื่องใช้ Tell บอกนิสัยตัวละครก็อีก ดูถูกคนอ่านเกินไปแล้วอีนี่ เจอมาบ่อยมาก เป็นกันหมดอะ ไอ้พวกมือใหม่ Show ให้กูเห็นทีว่าตัวละครของมึงหล่อจริง เก่งจริง ฉลาดจริง ไม่ใช่เอาคำพูดยัดปากตัวละคร อ่านแล้วขัดใจ
เรื่องวรรคนี่ก็ด้วย ทำเอากูนึกถึงมุกวรรคผิดสุดคลาสสิคเลย ที่เขียนว่า "ยานี้ กินแล้วแข็ง แรงไม่มี โรคภัยเบียดเบียน" วรรคผิดนิดเดียวความหมายเปลี่ยนเยอะมาก
โอย พอก่อน ลมจะใส่
>>836 ยอมใจในความพยายามของมึงนะ 138 ตอน ถึงจะตอนสั้นๆ ก็เถอะ ตอนนี้กูขี้เกียจ เจออีหีมะเข้าไปสมองบวมไปแล้วเลยสับไม่ได้ แต่จากการสกิมดูภาษาซึ่งเป็นส่วนที่กูน่าจะถนัดที่สุด กูพบความเศร้าบางอย่างคือมึงเขียนมา 138 ตอน นับตั้งแต่วันแรกที่ลงจนถึงตอนนี้ก็คือ 10 เดือน แต่ภาษามึงมีพัฒนาการที่ต่ำมากจนน่าใจหาย มึงก็ยังเขียนบรรยายได้กระท่อนกระแท่น แค่พออ่านจับใจความได้ เทคนิคไม่ได้เรื่อง การนำเสนอห่วย บทสนทนาก็แปร่งๆ ตลกๆ
กูแนะนำนะ เลิกอ่านไลท์โนเวล ไปหานิยายแฟนตาซีที่บรรยายดีๆ บรรยายเยอะๆ พวกนิยายแปลของ Enter เพอร์ซี่ แจ็คสัน อวี้หว่อ อะไรก็ได้
>>844 ขอพูดถึงรถบ้าง ขี้เกียจยกเรื่องจีนเห่อหมอย มีแต่พวกพริตตี้เท่านั้นที่ชอบแต่งตัวเซ็กซี่แบบอีหีมะกล่าวไว้ แต่พอในศูนย์รถไม่เคยมีใครแต่งตัวล่อตะเข้กัน พริตตี้บางตัวก็ไม่ได้ทำงานบริษัทรถยนต์ แต่มีการว่าจ้างทำงานแค่มอเตอร์โชว์จบงานแยกย้าย กูว่าชีวิตนางเอกของอีหีมะเหมาะจะเป็นพริตตี้มากกว่าเป็นพนักงานประจำ นางคนสับสนตีความผิด คนจะเซ็นสัญญาการซื้อขายให้ผู้ซื้อจะเป็นอีกคน คนซื้อไม่สนใจหรอกว่าใครสวยใครเซ็กซี่ แต่สนใจเรื่องรถต่างหาก
>>846 ตอนแรกกูอ่านคิดว่าเป็นพริตตี้มอเตอร์โชว์ แต่มันบอกว่าศูนย์รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ก็แปลว่าเป็นโชว์รูมรถนั่นแหละ แม่งคงไม่รู้มั้งว่าโชว์รูมขายภาพลักษณ์แบรนด์สัสๆ กูเคยเข้าโชว์รูมเบนซ์ตอนที่บ้านเอารถไปเช็คสภาพ อาจจะไม่ขนาดสปอร์ตคาร์ แต่คือเซลล์แต่ละคนแต่งตัวเนี้ยบหรู อีหีมะคงไม่เข้าใจจุดนี้ กูถึงด่าไงว่ามึงไม่เคยไปโชว์รูมรถกับพ่อสินะ
เอาจริงแบรนด์รถยนต์เดี๋ยวนี้ยังพยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์พริตตี้มอเตอร์โชว์เลยมึง ไม่ใช่ภาพลักษณ์แบบนิกกี้พริตตี้เงินล้านทุกคนซะที่ไหน รุ่นน้องที่รร.กูเป็น Toyota Pretty แบบเซ็นสัญญาปีต่อปี มีการอบรมจริงจัง ทำงานตามมอเตอร์โชว์ แต่ชุดออกงานแต่ละชุดนี่คือถ้าไม่ใช่ชุดล่อตะเข้นุ่งน้อยห่มน้อยแบบแต่ก่อนแล้ว แต่เป็นชุดราตรียาวบ้าง สั้นบ้าง ไม่ก็ก็เป็นชุดแบบสมาร์ทไปเลยตามดีไซน์รถที่ขาย
เขียนเอามัน ออกเร็ว เหมียนฟาสต์ฟู้ด สร้างฐานแฟนเยอะ ๆ ภาษาไม่เกลาก็ช่างก่อน แล้วลงขาย เนี่ย ช่องทางทำเงิน
แต่ก่อนที่สับกูก็ว่านิยายห่วยแล้วนะ มาทุกวันนี้คือห่วยกว่าเดิมอีก มาตรฐานขาประจำบอร์ดแม่งห่วยลงจริงๆ แต่ก่อนมาเฟียอย่างเคย์เซย์นี่เขียนเก่งนะ เขียนสนุกด้วย กิ่งน้า เครื่องบิน ซ่อนนาม เดธ ก็เขียนอ่านรู้เรื่อง มาสมัยนี้ดูอย่างอีมิแรนด้าที่ออกตัวประหนึ่งรุ่นใหญ่หรือไอ้ตุ๋นกบ คือไม่เข้าขั้นสักคน ยิ่งอีพวกลูกหาบหรือพวกรุ่นใหม่นี่ไปกันใหญ่ นิยายที่กูด่าสาดเสียเทเสียตอนมู้แรกสุดแม่งยังดีกว่านิยายพวกมันเลย แต่เดี๋ยวนี้กูซอฟต์ลงเยอะ คิดคำด่าไม่ค่อยออกแม่งเลยซ้ำๆ คำใหม่ๆ วัยรุ่นก็ใช้ไม่ค่อยเป็นซะละ
น้อนNK จะเป็นดาวดวงใหม่ตามพังporn และเล่าเบียวหรือไม่ โปรดติดตาม
จะว่าไปดาวกระทู้เด็กดวกนี่ก็หลายคนเหลือเกินนะ (เท่าที่กูจำได้)
มารเทา (ปัจจุบันหายสาบสูญ)
นักปฏิวัติ ผู้ริเริ่มการตลาดแบบ negative ให้เป็นกระแส
ตุ๋นกบ ผู้ที่เพิ่งจะคัมแบ็กอย่างยิ่งใหญ่ช่วงปีใหม่หลังจากเก็บตัวไปตั้งแต่บอกว่าพวกวิจารณ์คือพวกทำให้วงการนิยายตกต่ำ
เล่าเบียว&พังporn ผู้ที่ทำให้เกิดชื่อกระทู้นี้
มิรินด้า 5 บาท ผู้จุดกระแสการให้ credit ภาพ
ดอกขาวนักพูดน้ำท่วงทุ่ง
พูดถึง NK กูสงสัยว่า NK จะเป็นผู้หญิงว่ะ
เมื่อวานกูว่างเกินไป เลยเอารูปที่มันวาดรูปบ้านป้อมจราจรกลาง 4 แยกมา flip ดู ได้ข้อความออกมาว่า "พี่เกต" "สด" "ส้มตำปูปลาร้า" "ไม่ใส่ผงชูรส" "40" "จ่ายแล้ว" (ตัวแดงๆ ใหญ่ๆ) ทีนี้เลยเอานิ้วในรูปมาประกอบการตัดสินใจ รู้สึกว่ามันเป็นนิ้วผู้หญิง แล้ว NK ก็อาจมาจาก "น้องเกต" ก็ได้
คือกูหลอนๆ อยู่เหมือนกัน เพราะพวกผู้หญิงในบอร์ดนักเขียนนี่ไม่รู้เป็นไง ชอบปลอมตัวเป็นผู้ชายพูดครับ เยอะด้วยนะ ครึ่งต่อครึ่งเลย ทีนี้เลยสงสัยว่า NK นี่ใช่ด้วยหรือเปล่า หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ ตอนถ่ายอาจให้แฟนช่วยจับกระดาษให้ ลมมันแรง แล้วมืออีกข้างก็ไม่ว่าง กูก็ไม่รู้ว่ะ จะผู้ชายหรือผู้หญิงก็ช่างมันเถอะ ยังไงก็แต่งนิยายได้อิหยังวะเหมือนเดิม
กระทู้ตบกุ๋นนี่พวกมึงใช่ไหม เสียดายมาไม่ทันเม้นที่ลบ มันเขียนอะไรว้า
>>852 ดาวระดับดาวเคราะห์น้อยดิสัส เท่าที่กุเห็นมันก็แค่เด็กที่ห่อทำนุบำรุงหมอยตัวเองจนงอกงาม แล้วก็เอามาโชว์อย่างภาคภูมิใจ แถมคิดในใจไปด้วยว่า "นี่ไงดูดิๆหมอยของกู เจ๋งป๊ะล่า ถามได้นะว่าดูแลยังไง"
ตามด้วยคู่หูเดินมาข้างเคียงที่ช่วยปรบมืออวย "สุดยอดๆทำได้ไงอ่ะเจ้านาย แผล่บๆ"
>>855 อ่านแล้วฮา เดี๋ยวนี้ชักจะออกไปเรื้อนนอกโม่งกันบ่อยเหมือนกันนะ
แต่กูชอบกระทู้นี้มากกว่า https://www.dek-d.com/board/view/3957241/
เพราะกูจำนามแฝงได้ โม่งไหนสักตัวในนี้นี่แหล่ะ ที่บอกว่าจะสับนิยายให้แล้วใช้แอคหลุมชื่อ gusomean (กูใจร้าย) กูพูดถูกป่าว แสดงตัวออกมาตอบหน่อยดิ๊
>>859 เขารวมดาราแค่ยุคปัจจุบันกับกลางเก่ากลางใหม่ป่าว ถ้ามึงจะนับยุคเคซวยเรืองอำนาจด้วย กูเกรงว่าไอ้พวกเด็กๆ ที่วนเวียนในบอร์ดตอนนี้ บางทีอาจจะยังดีดลูกแก้วโดดหนังยางกันอยู่ ดีไม่ดีบางคนแม่งยังไม่เกิดด้วยซ้ำ
มะกี้ไปดูกระทู้โซมีนอีกทีเห็นความเห็น 6-1 ของ NK แล้วแม่ง อีนี่ใจบางจริงๆ ขนาดกูถามเบาๆ ยังเป็นขนาดนั้น ถ้าเจอด่ากราดตรงหน้านิยายนี่ ไม่หนีไปฆ่าตัวตายเลยรึไงวะ
ปล.หีมะโดนไปแล้ว รายต่อไปใครดี มะนาวมาโซไหม
เพื่อนโม่ง กูอยากบอกว่า มีโม่งเคยสับนิยายของ nakarin ไปแล้วนะ (กูหมายถึงเจ้าของเรื่องใน >>836) สมัยก่อนตอนนั้นเหมือนคนสับจะทีเล่นทีจริง พูดชมแบบเป็นมุกตลกขำๆ เพราะเห็นแก่ความพยายามที่เจ้าตัวแต่งเรื่องออกมาได้ยาวเหยียด (กูยังจำเรื่องที่มึงอวยลิฟท์ระดับน้ำได้นะเว้ย) คราวนี้เขากลับมาอีกครั้งในชื่อ nakarinOo (นครินทร์ดับเบิ้ลโอ) คือกูมีความคาดหวังเหมือนกันนะ ว่ามันจะเลิกแต่งนิยายน้ำเยอะแบบเรื่องที่โดนสับตอนนั้น
"แต่ ไม่ คิด ว่า มัน จะ หัน มา แต่ง แนว ไลท์ โน เวล แบบ นี้ !!" โม่งมะม่วงตะโกนเป็นจังหวะทีละคำ เอามือกุมหน้าด้วยความสิ้นหวัง
ลูกหาบที่พวกมึงพูดถึงใครบ้างวะ กูขอเข้าไปอ่านนิยายบ้างว่าจะเป็นยังไง เหมือนน้องอวตารหรือเปล่า
คำพูดจากปากของคนที่เข้ามาให้โม่งรุมโทรมถึงที่
https://i.imgur.com/BSq9cPK.png
กุจะรอมันมาโฆษณานิยายในบอร์ด ถ้าเขียนดีก็จะชม ถ้าเหี้ยกุจะด่าให้ไม่กล้าจับปากกาอีก
ทำไมมู้นี้ไหลไวจังวะ ยังไม่เดือนดีก็ปาไปแปดร้อยกว่าละ
มีดาวรุ่งเสนอหน้ามาบ่อย มู้เลยวิ่งไว
นักเขียนเห่อหมอยเดี๋ยวนี้เปราะบางกับเกรี้ยวกราดกันจังวะ ฝีมือต่ำเตี้ยแต่อีโก้สูงลิ่ว กากแล้วไม่พยายามขวนขวายศึกษา ใครวิจารณ์น้อนด่ากลับแม่งลูกเดียว วงการมััััััันเลยถดถอยลงเรื่อยๆ นิยายเหี้ยๆเมื่อก่อนยังดีกว่าตอนนี้หลายเท่า เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เขียนนิยายไม่เก่งแต่แม่งเขียนกันไม่เป็นเลยสัส
นุ้งเล่าเบียวมาแว้วววว
มู้โซมีน nk โดนจวกเข้าไป ลบเมนต์หนีไปแล้วว่ะ 55555555
กูก็ว่ามู้นี้มันเร็ว สายเมาท์เยอะขึ้นปะ เห็นเมาท์กันรัวๆ (กูด้วย) อย่างที่บอกตอนแรกกูคิดว่าน่าจะมีพวกเด็กดวกอพยพมาพอสมควร มู้ก่อนก็มีบ้างนะ แต่ไม่เมาท์กันติดลมบนขนาดนี้ จะว่ามีเบียวท็อปฟอร์มเลยพูดถึงกันก็ไม่น่าใช่ เพราะกูว่าเด็กเบียวท็อปฟอร์มแม่งก็มีกันทุกเดือน
เดี๋ยวนะมึง 555 กูถามจีงนะ ทำไมช่วงนี้กระทู้มีสาระในบอร์ดมันเยอะขึ้น อย่าบอกนะว่าพวกมึงเอานอนเมมไปตั้งกระทู้กัน
ทำดีแล้ว กูก็สิงทั้งบอร์ดทั้งโม่งมาตลอด แต่ไม่ต้องอะไรกับกูนะ เพราะกูก็ปากหมาเหมือนกันแหละ กูว่าบอร์ดเด็กดีมันเป็นที่อยู่ของเด็กแอ๊บแบ๊วแต่นิสัยชั่วอะ ในบอร์ดพูดดี ยอมรับข้อเสียที่เขาติได้ แต่ในทวิตส่วนตัวร้อนเป็นไฟ ด่าเก่งจนกูยอม
กูเองก็ผันตัวมาเป็นนอนเมมแล้วเหมือนกัน มันจะได้สนใจเนื้อหากระทู้มากกว่าชื่อคนตั้ง (ถ้าเอาเมมโพส บางคนแม่งอคติทันที แถมตามไปจับผิดนิยายกุด้วย) ไปๆ มาๆ คอนเซปของโม่ง มันดู work สำหรับบอร์ดบนดินแบบเด็กดวกได้ยังไงก็ไม่รู้วะ อาจจะแย่อยู่อย่างนึงเวลามีคนคอสเพลย์หรือสวมรอยเป็นเราอะ ทำได้ง่ายๆ เลย แค่พิมพ์ชื่อให้เหมือนกัน
กูก็ว่างั้นเหมือนกัน จริง ๆ ก็ไม่เคยโดนโม่งสับหรอก แต่อ่านที่พวกมึงสับกันก็เห็นด้วยนะ กูก็รำคาญบอร์ดเด็กดีมานานแล้ว ไม่ได้รำคาญที่คอนเซ็ปต์บอร์ดนะ แต่รำคาญสมาชิกบอร์ด อยากตั้งกระทู้ดึงสติพวกมันสักรอบก็ไม่กล้า อีดอกขาวนี่ก็อยู่ยงคงกระพัน และเข้ามาเฉพาะบอร์ดที่มีดราม่าด้วยนะ 555 บางคนเห็นว่าโตเข้าหน่อยก็เข้ามาฉอด มาสอน ทำมาเป็นแนะนำ บางทีก็ทำตัวเป็นมาเฟีย (ก็น่าจะรู้ว่าใคร) บางคนก็จอมแอ๊บ ฉันว่าอย่างนั้น ฉันว่าอย่างนี้ แต่เคยโดนแหกตอนที่นอนเมมมาฉะกับคนอื่น
สรุปคือบอร์ดเด็กดีมันก็วน ๆ อยู่แบบนี้ เด็กเห่อหมอยก็มีมาเรื่อย ๆ กูอยู่ยุคเมื่อเจ็ดแปดปีที่แล้วรู้สึกได้ว่าสนุกกว่านี้ เราโตได้จากกระทู้ในบอร์ดเด็กดี แต่บอร์ดทุกวันนี้มีแต่อะไรก็ไม่รู้ เล่นโม่งยังจะดีกว่า 5555
>>887 (ปล.ผมหมายถึงคนที่เอามาโพสต์น่ะ ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณ คนที่วันๆเอาแต่ด่าจิกกัดมันมีอะไรดีครับ ผมว่านะ บางคนนี่อายุน้อยกว่าผมเยอะ เรียกผมโปกเนี่ยคุณรู้จักตัวจริงผมเหรอ คนที่เขารู้จักกันดียังไม่เรียกกันอย่างนี้ครับ [คุณโตได้แล้วครับ] ผมโตนานแล้ว ชีวิตเราเนี่ย เราควรจะเป็นผู้ช่วยครับ ผมทำเพื่อช่วยเหลือ ไม่ใช่ทำเพื่อทำลาย มีเวลาไปทำอะไรที่มันสร้างสรรค์เถอะครับ ถ้าคุณคิดว่าคุณมีวุฒิภาวะพอที่จะคุยกับผมในเวอร์ชั่นนี้
ลูกผู้ชายตัวจริงเขาไม่ได้วัดกันที่น้ำลายครับ เขาวัดกันที่ใครทำประโยชน์ได้มากกว่ากัน มารยาทมีด้วยครับ ไม่ใช่ว่าสักแต่จะด่าจะว่าใคร คุณมีเสรีภาพในการโพสต์ แต่คุณไม่ควรมาโพสต์โดยที่ส่อให้ตรงถึงบุคคลเดียวครับ มันล่วงละเมิดเสรีภาพของผู้อื่น ถ้าผมเป็นเด็กเห่อหมอย คุณก็คงเป็นสเปริมครับ เอาเวลาไปวางแผนชีวิตเถอะครับ ชีวิตเรามันไม่ได้มีทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบมากมายหรอกนะครับ คุณเอาเวลามาด่าผมเนี่ย คุณได้อะไร เงิน? คุณสับผมผมได้ความรู้ มีเงินก็ลองลงทุนดูครับ รัฐบาลยุคนี้มันโคลงเคลง ซื้อหุ้นซื้อทองเก็บไว้เก็งกำไรเหมาะกว่าครับ หุ้นPTT กำลังขึ้น ลองซื้อดูไหมครับ ไม่ก็ทองแท่ง ราคาขายออกตอนนี้แค่สองหมื่นสองบาท ซื้อเก็บไว้ พอราคามันพุ่งสูงมากๆ ค่อยขาย
ว้าว ขอบคุณนะที่ริอ่านมาสอน ปรบมือให้บัวใต้ตมด้วย
เห็นในบอร์ดเดี๋ยวก็บอกว่าคนอื่นไม่สมควรเกิดมา เอาความกล้ามาจากที่ไหนถึงทำให้ตัดสินคนได้ขนาดนั้น ทัศนคติมีปัญหาหนักมาก บอกว่าโม่งชั้นต่ำแต่ตัวเองคอยมามอนิเตอร์ส่องโม่งตลอดเวลา ย้อนแย้งจนกูไม่รู้จะพูดอะไรดี นอกจากว้าวว คนอะไร toxic ได้ขนาดนี้ ไปหาหมอหรือจิตวิทยาคลีนิคเพื่อปรับทัศนคติตัวเองบ้างเถอะ
และมึงคิดว่าโม่งสับทุกคนลืมตาตื่นขึ้นมาก็สับนิยายได้เลยเหรอ มึงคิดว่ากูต้องสะสมองค์ความรู้ขนาดไหนถึงจะสับนิยายทั้งแฟนตาซี นิยายรัก จีนโบราณ สืบสวน ฯลฯ ตามที่ให้สับกันมาได้ มึงคิดว่ากูเริ่มอ่านมาเมื่อสองเดือนก่อนหรือไง กูไม่เคยอวดตัวหรอกว่ารู้เยอะ อ่านมาเยอะ เคยผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้างถึงเอามาสับได้ กูอาจจะจบตรงสายเรียนได้ A การอ่านจับใจความ วิชาการวิจารณ์ ตรรกศาสตร์ ปรัชญา การตลาด มนุษยวิทยา จิตวิทยาสังคม การบรรณาธิกรมาก็ได้ รำคาญความน้ำเต็มแก้ว ความรู้เยอะมาก งงในงงว่ามั่นหน้ามาจากไหนถึง judge เก่ง ตัวกูเองยังต้องอ่านตลอดเวลาเพื่อสั่งสมองค์ความรู้เลย แถมยังไม่มีความคิดจะบอกใครต่อใครด้วยซ้ำว่าไม่สมควรเกิดมา มึงเป็นใครมาจากไหนเหรอ???
คนแบบนี้ไม่มีค่าให้กูสนใจแล้วว่ะ วุฒิภาวะต่ำเกินไป นิยายก็กาก ถ้ามึงมี issue เรื่องอายุมากนัก กูบอกให้ก็ได้ว่ากูอาจแก่กว่าพ่อมึงอีก และหน้าฉากของกูข้างนอกบอกเลยว่ามึงคาดไม่ถึงหรอก เอาไว้นิยายมึงติดอันดับเมื่อไหร่แล้วค่อยกลับมาปากดีนะ ไอ้กระจอก
>>892 นิยายผมยังมีความรู้เรื่อง "ฮวาชา/จรวดจีน/ทามาฮากาเนะ(พิมพ์ผิดขออภัย)" เลยครับ รู้จักฮวาชาไหมครับ ฮวาชา เป็นอาวุธของเกาหลีที่มีไว้สำหรับต่อต้านซามูไร เป็นคล้ายๆกับท่อหลายๆอันประมาณ200กระบอกมารวมกัน ใส่ลูกศรกับดินปืนออกไป ใช้เวลาประมาณ 5 วินาทีถึงจะยิงหมด และมันเป็นอาวุธที่น่ากลัวมาก เน้นการทำลายทหารทุกรูปแบบ จรวดจีน เป็นกระบอกไม้ไผ่ผูกติดกับลำไผ่ ข้างในบรรจุดินปืน มีชนวนงอกออกมา เน้นการทำลานฐานที่มั่น ทามาฮากาเนะเป็นวัฒนธรรมการตีดาบของญี่ปุ่นซึ่งจะเริ่มจาก สำริด(Bronze)-ยุคนี้ดาบสำริดเป็นอะไรที่อ่อนมาก การใช้ดาบสำริดที่มีชื่อเสียงคือ ทัพฉิน แต่มีเกราะที่สามารถต่อกรกับมันได้ คือ เกราะหนัง เหล็ก(Iron)-ก็ค่อยแข็งขึ้นมาหน่อย ใช้งานได้นานกว่ามาก เหล็กกล้า(Steel)-เป็นการตีเหล็กธรรมดาจาก Iron ให้เป็น Steel โดยผสม Carbon ลงไปใน Iron แล้วก็ได้ Steel1 จากนั้นก็มีการผสม Iron ลงไปใน Steel เป็น Steel2 จากนั้นก็มี Cold Steel ซึ่งเป็นการนำ Steel ร้อนๆแดงๆ แช่ลงในน้ำเย็น ดาบประเภทนี้ได้แก่ ดาบยาวยุโรป และดาบซามูไร ครับ แล้วญี่ปุ่นก็มีการนำแร่ทามาเกะฮาเนะผสมลงไป แล้วตีให้บางๆแล้วเอาขึ้นมาทับ แล้วตีซ้ำไปเรื่อยๆ จนพอใจ
อ้างอิง https://www.youtube.com/watch?v=vGenWRgX9SE
และ
https://www.youtube.com/watch?v=-iBv_LTZnMI
อย่าถามอีกนะ ว่าทำไมมู้ไหลไว
เริ่มเลอะเทอะขึ้นเรื่อยๆ เอาเป็นว่าน้องเล่าเบียวอย่าเพิ่งเปลี่ยนตัวเองนะ รักษาแนวคิดแบบนี้เอาไว้ บอร์ดโม่งต้องการคนตรรกะแบบน้องคอยเติมไฟ โผล่มาแต่ละทีโคตรพีค กูจะได้มีเรื่องมันส์ๆไว้อ่าน
ลงชื่อ โม่งเห็บหมา
สมชื่อมู้จริงๆไอ้สัส ขนาดจะเต็มแล้วยังวนกลับมาเรื่องเดิมซ้ำซาก มู้หน้าก็ช่วยกันคิดชื่อไว้ล่ะ
ทุกวันนี้กูก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องซามูไรยุคหินวะ?
นิยายเด็กดีบทที่ 25 (DDN XXV) The Awaken of จูนิเบียว โม่งสับอย่าเพิ่งเหี่ยว เจี๊ยวผมเพิ่งผงาด การกลับมาของน้ำเต็มแก้ว แต่มึงเต็มสองแก้วแล้วนะไอ้สัส!
กำลังอ่านสับนิยายมันส์ๆ เลื่อนลงมาเรื่อยๆ นี่มันอะไรวะเนี่ย!
กูยอมใจว่ะ มู้วิ่งโคตรเร็ว
และกูอุตส่าห์ดีใจที่จบเรื่องน้องเล่าไปแล้ว
ไม่ทันไร กลับมาอีก ทำกูอึ้งอีกรอบคือ น้องเล่าก็บ้าจี๋แสดงตัวอีกแล้วครับท่าน
—กูคือคนที่พูดแบบนี้ และจะพูดแบบนี้อีกถ้ามันวนกลับมาแบบเดิม—
คงจะได้ขึ้นบทใหม่จันทร์หน้าละมั้ง
เชี่ยยมู้ไหลรัวๆกูงดเข้าคืนแค่เดียวพลาดอะไรไปเยอะเบยยย
อ้าว อีพอร์นฮับเคยเขียนนิยายแชทลอกพล็อตเรื่อง again ของจอยลดาแล้วอ้างว่าพล็อตแบบนี้มีเยอะแยะเหรอจ๊ะ เห็นกลุ่มวายกำลังด่ากันอยู่ :)
https://www.dek-d.com/board/view/3957351/ โม่งเปิดทุบสับแว้ว (กุว่าไอ้ยุริมันเกี้ยวกาดขึ้นนะ เพราะติดจากโม่งไป หรือจริงๆมันอัดอั้นกะดอกขาวมานาน55555)
>>913 เรื่องชื่อมู้กูเห็นเคยมีเคยพูดถึงไว้ตรงนี้>>618 (แต่กุชอบของมึงมากกว่าแฮะ)
กระทู้ไหลเร็วมาก เพราะมีคนบางจำพวกอยู่ในบอร์ด แล้วคนพวกนี้ก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน...
https://i.imgur.com/L8x5sKd.jpg
เป็นครั้งแรกที่กูอ่านเม้นดอกขาวโดยไม่เลื่อนผ่าน อ่านจบถึงกับร้องเหี้ยในใจ
ดูๆไปกูว่าเด็กดวกแม่งศูนย์รวมคนบ้า คนสติไม่ดีชัดๆเลย
>>928 คนสติดี ๆ เขาไม่มานั่งเฝ้าบอร์ดหรอก เอาเวลาไปพัฒนา ปั่นงานอัพโน่น ตะกี้ลองของในกระทู้โซมีนไปเรื่องนึง หมั่นมั่นหน้านัก อ่านแล้วกูไปไม่เป็นเลย ว่าเจ้ดอกไร้ทักษะบรรยายแล้วนะ ไอ้นี่พังกว่าอีก มึงจะใส่ตัวเลขมาทำไมเยอะแยะ ไม่ได้ดูฉลาดเลย โชคดีโซมีน สับถูกของไอ้นี่กูว่ามึงต้องกอบพาราพลางสับไปพลางบ้างละ
>>929 เท่าที่เคยอ่านมาในกระทู้นี้ทุกภาคนะ กูยังยืนยันคำเดิมอันดับ 1 เหี้ยที่สุดในใจ คือเรื่อง เรื่องไรวะจำชื่อไม่ได้ แต่ที่จำได้แม่นคือพระเอกตะโกนในฉากต่อสู้ว่า "ย๊ากกกกกกก ฉัวๆ กุดุสๆๆ ฉัวๆ กุดุสๆ" ทั้งฉากมีแค่นั้นจริงๆ ละดูมันเขียนชื่อสกิลคือเขียนถูกแค่คำแรก ที่เหลือเขียนผิดรวดตั้งแต่คำที่ 2 ยันจบตอน กูแม่งอ่านแล้วอยากตาย
คือมันเลียนเสียงผิดจาก กุรุ กุรุ (SFX ของการกลิ้งในภาษาญี่ปุ่น) มาเป็นกุดุสๆ กูเลยแม่งจำติดตามาจนถึงทุกวันนี้ อ้างอิงจากวิดีโอนี้ตอนนาทีที่ 1:24 https://www.youtube.com/watch?v=O7DKt70FZH0 (อันนี้เพลงเรียน Japanese onomatopoeia ของกุเอง)
ส่วนนี่ตัวอย่างส่วนหนึ่งของนิยายที่ว่า (ปัจจุบันลบเรื่องหนีความอับอายไปแล้ว)
https://i.imgur.com/V9o2uxs.png
เดี๋ยวกูเอานิยายเบียวไปให้โซมีนสับบ้าง
กูเข้าไปส่องนิยายฟิสิกส์นั่นมาละ เห็นที่มันมาตอบในมู้ก็หมดอารมณ์จะสับแล้วไอ้ชิบหาย อีโก้สูงมาเลย เป็นภาระของกูเหรอที่มึงใช้ศัพท์เฉพาะแล้วให้กูไปกูเกิลหาเอาเองอ่ะ เขียนแบบทรงเดียวกับเอ็นควยเลย วงเล็บชื่อหลังคำพูดตัวละคร เขียนกากสัสแต่ไม่รู้ตัว มีแต่น้ำเต็มแก้ว พวกมึงเป็นดา เอ็นโดฟินหรือไง
แค่ใช้คำเฉพาะแล้วมาโอ่ว่าข้านี่เจ๋งไม่ได้ทำให้มันดูมีความรู้ขึ้นเลย เสือกจะดูงี่เง่าเพราะมึงแค่ยัดศัพท์เฉพาะเยอะๆแต่ไม่มีปัญญาทำให้คนอ่านเข้าใจได้มันก็สูญเปล่า
แถมมีการมาโชว์พาวบอก จะอ่านนิยายฉันได้ต้องเข้า กูเกิลบ่อยนะ (กุถาม!!!นิยายบ้าอะไรต้องอ่านอากู๋ควบไปด้วยวะ นั่นแสดงว่ามึงอ่ะถ่ายทอดเนื้อหาไม่เป็น แบบนั้นมันไม่ได้ต่างอะไรกับอิเล่าเปียวที่พอเถียงทีก็สักแต่คว้าหยิบข้อมูลมาโปะๆน่ะแหละ)
ตั้งแต่กูอ่านหนังสือมา (กุหมายถึง "นิยายที่เป็นเล่มจริงๆ" ) มีอย่างไหนเขาเทข้อมูลมากองโผละเป็นขี้ๆแล้วพูดว่า เอ้านี่ ข้อมูลนิยายกุ ยัดใส่สมองพวกมึงแล้วจำๆไว้ซะ!
ห่วยเสียอรรถรสชิบหาย เป็นกูคงไม่อ่านแม่ง
นิยายฟิสิกส์อะไรนั่นคือเบียวสัส ๆ มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ แต่แม่งยังขายแพคเกจได้แล้วมีคนซื้อ 555 จริง ๆ นักอ่านที่ร้อนวิชามาเขียนนิยายก็มีแบบนี้เยอะ อีพวกน้ำเต็มแก้วตั้งแต่หัดเดิน นิยายของชั้นอ่านยากนะ ชั้นสูงนะ พวกแกอ่านไม่เข้าใจก็แสดงว่าแกไม่มีสกิลไงล่ะเฟ้ยยยย แต่จริง ๆ แม่งก็แค่คนเบียว ๆ ที่อยากมาเขียนนิยาย เอาเป็นว่าเขียนอีกเยอะ ๆ นะหนู เขียนภาษาคนให้อ่านรู้เรื่องอะ ออกจากกะลาซะบั้งอีควาย
เริ่มสับกี่โมงวะ กูรออ่านตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย
ดอกขาวดิ้นแผ่ดๆๆ แพล่มน้ำยาวเป็นหางว่าว กับนิยายขนาดนี้มัย
ไอ้นิยายฟิสิกส์นั่นแม่งจะให้คนอ่านไปกูเกิ้ลเองก็ไม่ใช่แล้ว ปกติถ้านิยายมีศัพท์เฉพาะมันต้องมีเชิงอรรถอธิบาย อีคนเขียนมันเคยอ่านนิยายเปล่าเนี่ย
อยากเขียนนิยายศัพท์เฉพาะทาง แต่ไม่มีปัญญาทำให้คนอ่านเข้าใจ เลยต้องให้ไปเปิดกูเกิ้ลหาเอาเอง บราโว่ววว
แวะมาทักทายว่ามู้นี้เต็มโคตรเร็ว ปลื้มใจจัง
KY
ถามหน่อย สมมติมึงเป็นนักวาด วาดรูปอยู่ในระดับเปิดรับคอมมิชชั่นได้
แล้วมีคนวิจารณ์รูปมึงวาดขายว่า ขาด ๆ เกิน ๆ ตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งฟังดูดี และมีเหตุผล
แต่คนวิจารณ์นั้นฝีมือวาดรูปเหมือน อิเจ๊มิรัน
มึงจะรู้สึกอิหยังวะนิด ๆ มั้ย?
อ้าว ตื่นมาโดนคนบ้าหาว่าเป็นคนบ้าซะงั้น ไม่รู้จะโกรธหรือจะขำดี เอาเป็นว่าขำแล้วกัน ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเขียนอะไรอ่านไม่รู้เรื่องนะเนี่ย ไม่รู้จะมีรีแอคชั่นยังไงดี นอกจาก ว้าว ว้าว ว้าว ว้าววววว
เกี่ยวกับคำวิจารณ์นี่ตอบยากว่ะ
กูเป็นคนนึงนะที่วิจารณ์นิยาย/ภาพวาดเก่งกว่าเขียน/วาดเองเหมือนเหมือนกัน(ถ้าพูดถึงนิยาย กูเคยสับในมู้บทก่อน ๆ แต่หยุดไปนานมากละ) ขอตอบละกันว่า...
ถ้าคนวิจารณ์กากกว่ามึงแล้วมาแค่เดี่ยว ๆ คนเดียวกูให้ปล่อยผ่าน(เว้นเสียแต่ว่าคนที่มาวิจารณ์/คอมเม้นต์ให้มึงมีแต่ติ่งมึง อันนี้ลองคิดดูก่อน) แต่ถ้าหลาย ๆ คนมันบอกมึงไปทางเดียวกันอันนี้มึงควรมองข้ามฝีมือไอ้คนวิจารณ์แล้วคิดดูเลยว่ามันเป็นงั้นจริงเปล่า ต้องแก้อะไรไหม
ตรรกะของไอ้พวกน้ำเต็มแก้ว
กูถามเน้นที่รูปนะ คิดว่ารูปมันชัดเจน เห็นภาพง่ายสุด
ส่วนนิยาย มันอย่างที่กูเข้าใจ คนวิจารณ์ไม่จำเป็นต้องเขียนนิยายดี แต่หาจุดอ่อน และแนะนำคนอื่นได้ กูโอเคตรงนี้
แต่กูลองไปดูทู้ใน subculture แล้วมึนเลย จะถามทู้ไหนดีวะ แนะนำหน่อย
>>963 แต่นี่มันมู้นิยายเด็กดีไงมึง ต่อให้มึงยกตัวบุคคลในเด็กดีมาเปรียบมันก็ไม่ใช่ที่พูดคุยเรื่องวาดรูป ขอเชิญมู้นักวาดนะ
>>962 มันใช้คำว่า 'ฝีมือเหมือน' อีเจ๊ มึงคิดว่าอีเจ๊คนเดียวที่วาดรูปกากเหรอ แล้วคนอื่นที่มันวาดรูปกากกว่านั้น วิจารณ์ไม่ได้เลยเหรอไง
ส่วนเรื่องเหยียดโม่ง กูไม่เคยสนนะ ว่าคนสับแม่งจะเป็นระดับเทพเบส หรือระดับกากหัดเขียน กูสนแค่การวิจารณ์ของมัน บางคนไม่เคยเขียนนิยายแต่อ่านมาเยอะ มันก็วิจารณ์ได้ แค่อยากจะย้ำให้พวกมึงรู้ตัว พวกมึงในนี้อยู่ในสถานะนักวิจารณ์นะไอ้สัส
'คนที่สกิลดีกว่าค่อยรับฟัง' ตรรกะคล้าย ๆ ไอ้พวกที่มึงด่ากันข้างบนเลยว่ะ 5555
>>951
สิ่งที่มึงพูดกูเคยเจอมากับตัวแล้ว แถมไอ้คนวิจารณ์เป็นคนที่กูไม่ชอบหน้าด้วยนะ แน่นอนว่ากูหัวร้อนในตอนแรก แต่พอใจเย็นลงแล้วมานั่งพิจารณาตามที่มันพูด มันพูดถูกทุกอย่างเลยว่ะ
เพราะฉะนั้นถามว่ารู้สึกอิหยังวะไหม ก็ต้องรู้สึกบ้างแหละ แต่ถ้ามึงเก่งกว่ามันจริง องค์ความรู้มึงมากกว่ามันจริง มึงจะมองออกเองแหละว่ามันพูดถูกรึเปล่า
https://www.dek-d.com/board/view/3957415/
เดี๋ยวนะ ให้หน้าใหม่ลงนิยายวันละสิบตอน เป็นกูกูร้องไห้แร้วนะ
>>951 สำหรับกูนะ คนวาดที่รูปเน้นเอกลักษณ์ลายเส้น ถ้าไม่อีโก้จัดๆ ก็จะดีรู้ว่ารูปตัวเองขาดเกินตรงไหน แต่การขนาดเกินคือไม่ใช่ว่าผิดอนาโตมี่แบบแขนท่อนล่างยาวแค่ครึ่งนึงของแขนท่อนบนอะไรแบบนี้นะเว้ย ทีนี้ถ้ามีคนแบบอิมิรันมาวิจารณ์ต้องดูก่อนว่ามันวิจารณ์ตรงไหน วิจารณ์เรื่องเอกลักษณ์ลายเส้นหรือวิจารณ์เรื่องแขนสองท่อนมันผิดสัดส่วน เรื่องนี้ถ้าเป็นกู กูยอมให้นะ แม้ว่างานคนวิจารณ์จะกากกว่าก็ตาม
อะ กลับมาพูดถึงนิยายเปรียบเทียบกับเรื่องลายเส้น มันก็มีสองแบบคือสร้างเอกลักษณ์ให้คนจดจำหรือสร้างงานที่ผิดเพี้ยน ตรรกะพังพินาศแล้วมาอ้างว่านี่คือเอกลักษณ์ของกู แบบอย่างหลังนี่พวกมึงก็คงเห็นตัวอย่างที่มาดิ้นในโม่งชัดเจนอยู่แล้ว
สับทิ้งก่อนขึ้นมู้ใหม่แล้วกัน
Gear อาวุธเปลี่ยนโลก
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1910410
โดย nakarin0o
[ 1 ]
1 - เปิดเรื่องด้วยคำโปรย
[ ดาบที่แตกหัก ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล ซากศพมากมายที่ต้องก้าวผ่านเพียงแลกมาเพื่อคำว่า ‘ผู้กล้า’ ที่ไร้ค่า ของแบบนั้นสมควรแล้วที่จะแตกหักไปพร้อมกับความปรารถนาของข้า ] - ความปรารถนาของผู้พูดคือความเป็นผู้กล้า แต่ต้องแลกมาด้วยความสูญเสีย แต่เมื่อได้มากลับเห็นว่าไร้ค่า ความผิดหวังนี้ทำให้ผู้พูดรู้สึกว่า ความเป็นผู้กล้าควรหายไป
เนื้อความตรงนี้มันไม่สื่ออารมณ์ที่ชัดเจน ถ้าอ่านผ่าน ๆ คือมันไม่เล่าอะไรเลย ซึ่งกุเปิดหน้านิยายมา กุไม่พร้อมที่จะฟังเมิงพูดจาอะไรไม่รู้เรื่องให้กุเอาไปตีความ กุอยากจะเห็นซีนสั้น ๆ ที่เห็นภาพชัด มีความแรง เป็นการแนะนำตัวเอกให้คนอ่านรู้จัก
2 - ชาลส์ตัวเอกของเรื่องทำงานในสวนผักของหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ห่างไกลจากสนามรบ ถูกแอนเจ้าของไร่ออกมาดุที่เขายืนอู้ และขู่ว่าไม่ทำงานเย็นนี้ไม่มีข้าวทาน ชาลส์จึงรีบเก็บเกี่ยวผักในไร่เดินกลับไปบ้านพร้อมกับแอน แอนให้อาหารกับเขาและฝากไปให้กับอลิเซีย
[ ชาลส์ตอบรับด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยเต็มใจพร้อมกับรับตะกร้าที่มีขนมปังและขวดไวน์แดงมาโดยที่ชายหนุ่มจะต้องเอาไปให้กับหญิงสาวที่อาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านกับเขา ] - อ่านแล้วเข้าใจว่าอลิเซียเป็นเมียชาลส์ มีข้อมูลบอกว่าพระเอกมาอยู่ได้สองเดือน และการรุกคืบของศาสนจักรต่อดินแดนนี้ ตรงนี้รู้สึกว่ายัดข้อมูล ถ้าทำได้เวลาจะให้ข้อมูลช่วยทิ้งอะไรให้คนอ่านเชื่อมโยงด้วยอย่าทิ้งมาเฉย ๆ เช่น สองเดือนแล้วนะที่ศาสนจักรมีชัยเหนือจอมมาร ความหึกเหิมนี่ทำให้รุกรานดินแดนไปทั่ว
3 - ชาลส์นำอาหารมาให้อลิเซีย แล้วก็แยกย้ายกันไป คืนนั้นเป็นคืนที่มีงานฉลองของฤดูเก็บเกี่ยว อลิเซียเอาไวน์มาให้เพราะเธอไม่ดื่ม ชาลส์ถามเรื่องที่อลิเซียเก็บตัว - ซีนนี้เขียนไม่สื่อสารอะไรเลย ถ้าอยากบอกว่าชาลส์อยากลืม ๆ เรื่องที่ผ่านมา ก็น่าจะแสดงออกด้วยวิธีอื่น ถ้าอยากบอกว่าอลิเซียเป็นคนเก็บตัว ไม่ต้องเดินออกมาจากบ้าน ปิดหน้าต่างมีแสงตะเกียงลอดผ่านมาก็ยังได้ แล้วก็ POV สลับไปมาแบบไม่ค่อยมีประโยชน์ ไม่ต้องสลับก็ได้
4 - ตอนเช้างานฉลองจบลง ชาลส์เดินไปในหมู่บ้านพบทหารของอาณาจักร ชาลส์ถามแอนเจ้าของไร่ผักว่าเกิดอะไรขึ้น เธอให้ข้่อมูลว่า ทหารมาจับแม่มด ก่อน อังเดร์อัศวินแห่งศาสนจักรจะแสดงตัวออกมา ว่าจะฆ่าผู้หญิงทุกคนหากไม่ส่งตัวแม่มดมา ชาวบานจึงแยกย้ายไปหาตัวแม่มด - ท่อนนี้รู้สึกว่าแปลก ๆ ดูมันไม่หนักแน่นลอย ๆ จับต้องอะไรไม่ได้ ตกลงเป็นทหารของศาสนจักรนะ ไม่ใช่อาณาจักร?
[ 2 ]
5 - ชาลส์เหมือนรู้ว่า ศาสนจักรต้องมาจับอลิเซียและมาถึงเร็วกว่าที่คิด ทำให้แอนถามว่าชาลส์รู้หรือว่าอลิเซียเป็นแม่มด ชาลส์ปฏิเสธ แต่ก็รีบไปเตื่อนอลิเซีย - ปมของเรื่องคือไม่ส่งแม่มดมา ศาสนจักรจะฆ่าผู้หญิงทั้งหมู่บ้าน
[แอนถามด้วยท่าทีแปลกใจ แต่ว่าชายหนุ่มทำเพียงส่ายหน้า สิ่งที่เขารู้คือเมื่อผู้คนอยู่ในความกลัวคนที่จะตกเป็นเป้าคือคนที่มีผลประโยชน์น้อยที่สุดและในที่นี้คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอลิเซีย ]
ท่อนนี้กุไม่เข้าใจเลย จะสื่อว่าศาสนจักรทำให้ชาวบ้านกลัว ต้องหาใครมาสังเวย คนนั้นต้องเป็นอลิเซีย ซึ่งมันไม่มีอะไรให้กุรู้สึกแบบนั้น ถ้าให้อลิเซียทำตัวเป็นแม่มด ใช้เวทมนตร์รักษาชาวบ้านเวลามีคนเจ็บป่วยกุยังพอจะเชื่อมโยงได้
6 - เมื่อถึงบ้านอลิเซีย แอนบอกให้เธอหนีไป “ศาสนจักรอีกแล้วสินะ ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้…ข้าแนะนำว่าพวกเจ้าควรที่จะหนีเช่นนะ คำพูดอะไรที่พวกนั้นสัญญาเชื่อไม่ได้หรอก!!” อลิเซียพูด
อลิเซียถูกเรียกแม่มดเป็นประจำ เธอลงไปเก็บของห้องใต้ดิน ขณะเดียวกันอังเดร์และชาวบ้านก็ตามมาถึง ชาลส์เลือกออกไปคุยถ่วงเวลา อังเดร์เลือกเดินผ่านชาลส์ไป ถึงบ้านของอลิเซียแต่กลับพบแอนเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดและเครื่องใน ส่วนอลิเซียหนีไปแล้ว ทำให้แอนถูกเข้าใจว่าแม่มด และจะถูกนำตัวไปเผา ชาลส์เลือกที่จะเงียบเพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์และคิดจะไปช่วยแอนภายหลัง
7 - ชาลส์กลับบ้านไปเอาดาบ อลิเซียปรากฏตัวอีกครั้งเพราะคิดจะช่วยแอน
>>977 (ต่อ)
[ 3 ]
8 - ชาลส์พูดคุยกับอลิเซียก่อนแสดงตัวต่อสู้กับทหารของศาสนจักร -
[ เพลิงที่ลุกไหม้เผาทุกสิ่ง ครอบครัว บ้านอันแสนสำคัญและสิ่งที่อยากได้คืน เสียมันไปหมดแล้วกับเปลวเพลิงเหล่านั้น เปลวไฟที่จะทำลายทุกอย่าง ]
เปิดตอนมาแบบนี้กุงง เพลิงลุกไหมอะไร เผาอะไร บ้านของอลิเซียโดนเผา? มันคงไม่สำคัญกับเธอมั้ง เพราะยังไงก็หนีอยู่แล้ว
ในขณะที่ทางศาสนจักรก่อไฟเตรียมพร้อม ชาลส์ก็ถามกับอลิเซียว่าแม่มดคืออะไร “นั้นสินะ พวกเราเป็นผู้ท้าทายพระเจ้า…แต่ว่าข้านะสงสัยมาตลอดว่ามันผิดหรือที่เพียงแค่ข้านะอยากที่จะไขว้คว้าในสิ่งที่พระองค์ประทานให้ไม่ได้” - โอเคเมิงเป็นแม่มดเพราะพระเจ้าให้บางสิ่งไม่ได้
[ ชายหนุ่มเผยยิ้มออกมาหลังจากได้ฟังคำตอบ ตัวเขานั้นเกือบที่จะลืมไปแล้ว เหตุผลที่ครั้งหนึ่งเคยจับดาบ เหตุผลที่ทำให้ตัวเขามาอยู่ในจุดๆ นี้ ] - ตรงนี้กุอ่านไม่รู้เรื่อง คือเมิงช่วยสื่อสารกับคนอ่านหน่อยเถอะว่าจะให้เขาใจอะไร
9 - อังเดร์อัศวินแห่งศาสนจักรถือคบเพลิงเตรียมพร้อมจะเผาแอน เพื่อรักษาชีวิตแอนจะบอกว่าใครเป็นแม่มด แต่อังเดร์ไม่สนใจของแค่ได้เผาคนแสดงพลังของพระเจ้าก็พอ ชาลส์ออกมาสู้กับทหารโดยไม่ฆ่าใครเลย อังเดร์จึงแสดงพลังของพระเจ้าใช้ร่าง 100% ต่อยดาบแตก (กุสงสารดาบของเรื่องนี้ต้องมีแตกอีกหลายเล่มแน่นอน) ก่อนจะเข้ามาต่อยชาลส์ - กุชอบซีนนี้อยู่นะถึงจะครีเช่แต่จังหวะมันโอเค แต่เมิงลืมชาวบ้านหรือเปล่า
10 - ชาลส์หลบหมัดของอังเดร์ได้ อังเดร์ถึงกับพูดว่า “โซนนะ บากะน่า” ชาลส์ พิมพ์ 555+ ใส่หน้า แล้วเฉลยว่า การบัพนี่ไม่ใช่พลังของพระเจ้าแต่เป็นบูท ทักษะเสริมพลัง และพระเอกก็ใช้บ้างต่อยใส่อังเดร์ และใช้ดาบหัก ๆ ปลิดชีวิต
11 - ชาลส์ออกเดินทางไปซ่อมดาบโดยอลิเซียบอกว่า ไปทางเดียวกันไปด้วยกัน
กุวิจารณ์แค่องก์แรกพอนะ กุมีนิยายต้องเขียนเหมือนกัน ถึงมันจะไม่มีคนอ่านก็เถอะ
ถามว่าอ่านได้ไหมกุก็อ่านได้ละ แต่กุรู้สึกว่าเมิงสนใจความไลท์โนเวลมากเกินไป คือถึงเมิงจะเขียนไลท์โนเวล ถ้าเมิงมีพื้นฐานนิยายอยู่แล้วก็อย่าไปโยนความสำคัญของการปูเรื่อง การเล่าเรื่องทิ้ง บรรยาย พรรณา อธิบาย บทสนทนา เมิงต้องแน่นกว่านี้ ไม่ใช่แน่นแบบน้ำท่วมทุ่ง แต่ให้คนอ่านสัมผัสเรื่องราวของเมิงได้ชัดเจน
แล้วก็สนใจคนอ่านบ้างว่าจะเข้าใจที่เมิงเขียนบ้างไหม ไม่ใช่อยากพ่นอะไรไม่รู้เรื่องก็พ่นออกมา สุดท้ายเมิงก็ลองส่งสำนักพิมพ์ดู ถ้ามี บ.ก. ดูแล ปรับแต่งเนื้อหาให้น่าสนใจ กุว่าเรื่องของเมิงมันก็น่าสนุกทีเดียว แต่สมัยนี้เห็นแต่ สำนักพิมพ์ง่อย ๆ ท่องไว้ตนเป็นที่เพิ่งแห่งตนแล้วกัน
ยอดวิวมันไม่ได้ตอบโจทย์อะไรเมิงเลย นอกจากบอกว่า เมิงขายแล้วรวย มีสำนักพิมพ์มาติดต่อ
อ้าว เพราะแบบนี้แม่งถึงสนใจแต่ยอดวิวกันหมด
>>940 สับเรื่องไหน ถ้ามึงหมายถึงนิยายมั่นหน้าที่ต้องใช้กูเกิ้ลควบระหว่างอ่าน กูไม่สับนะ เสียดายเวลาชีวิตกู เดี๋ยวกูจะสรุปให้อ่านอีกทีว่าทำไมนิยายของไอ้เหี้ยนี่ถึงแย่ชนิดเกินเยียวยา (เครดิต: เพื่อนโม่งคนอื่นที่พูดไปแล้ว)
- อย่างแรกเลย ใช้เครื่องหมายวรรคตอนได้เหี้ยมาก ใช้ "." เยอะเกินไป อะไรๆ ก็ .... ......... .. .... ....... ถามจริง นี่นิยายหรือสูตรเคาะรหัสมอส
- ใช้วงเล็บชื่อหลังอัญประกาศจนกลายเป็นนิยายแชท จะว่ากูไม่ PC เป็นพวกชอบเหยียดก็ได้นะ แต่ถ้าเขียนด้วยรูปแบบนี้ กูตีตรา "ขยะวรรณกรรม" ให้ทันทีแบบไม่อ่านเนื้อเรื่องตอนต่อไปเลย
- แล้วเรื่อง Info-Dump แบบโจ่งแจ้งนี่ก็ด้วย คือมึงพยายามใช้สูตรคำนวนและตัวเลขทำให้นิยายดูน่าสนใจ (หรือคิดไปเองว่าจะทำให้ดูน่าสนใจขึ้น) ทั้งๆ ที่จริงมันทำให้นักอ่านรำคาญ เป็น dump แบบที่กูเกลียดมากที่สุดในทุกประเภทของ dump และเป็น nonsense dump ผสม useless dump ด้วย ขยายความคือมันคือการเทข้อมูลที่ไม่ได้ทำให้นิยายมึงดูเหนือ, เทพ, สุดเจ๋ง ขึ้นมา ในทางกลับกันสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่สายคำนวน ไม่ได้ชอบการอ่านสมการต่างๆ เห็นแล้วอาจปิดนิยายทิ้งทันที (แล้วพวกมึงก็เข้าใจใช่ไหมว่า เพื่อนสมัยเรียนคนที่ชอบวิชาคณิตศาสตร์จริงๆ มันแทบจะไม่มี) เป็น annoying dump ด้วย เพราะมันพ่วงมากับตัวเลขจำนวนมาก เห็นแล้วทำให้รำคาญลูกตา
เท่าที่กูลองอ่านไปถึงช่วงตอนที่ 20 นิยายของไอ้นี่ไม่ได้เทพจนรู้สึกเหมือนอ่านผลงานของ ไอแซค อาซิมอฟ แต่เป็นนิยายพยายามขายเนื้อหาด้วยวิชาสายวิทย์-คณิตของนักเรียนมัธยมปลาย โดยการเอาสูตรคำนวน เกร็ดความรู้ ต่างๆ มาแปะไว้ในเรื่องอย่างไร้ชั้นเชิงและยัดเยียด นานมาแล้วกูเคยพูดไว้ในกระทู้บทเก่าๆ ตรงไหนสักที่ว่า "คนที่เขียนนิยายไซไฟเก่งมากจริงๆ จะสามารถอธิบายเกี่ยวกับอนุภาคควาร์กให้เด็กประถมฟังแล้วเข้าใจง่ายเหมือนเรียนเรื่องสสาร แล้วการอธิบายนั้นก็มาในรูปแบบเรื่องเล่าที่สนุก ฟังแล้วไม่ง่วงด้วย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย" แล้วนิยายเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้กูรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ตัวเลขทั้งหลายในสมการของแม่ง ก็ไม่ต่างอะไรกับ ตูม! บึ้ม!! ฟ้าววววววว เปรี้ยงๆ กุดุสๆ เพราะมันเป็นการเลี่ยงบทบรรยาย เป็นความมักง่ายในสายอาชีพนักเขียน ทั้งตัวเลขและ Sound effect พวกนี้ให้ผลแบบเดียวกัน คือทำให้นักอ่านต้อง "ดู" สัญลักษณ์แทน "อ่าน" ตัวอักษร และนิยายระดับที่โม่งเคยจัดไว้ในหมวด "ใต้หิ้ง" จนถึง "บนหิ้ง" ก็เป็นนิยายที่ไม่ค่อยมีตัวเลขหรือ SFX อยู่ในเรื่อง หรือต่อให้มี มันก็จะมาในเวลาที่เหมาะสมมากๆ อ่านเสียงนั้นแล้วทำให้อารมณ์และบรรยายกาศในฉากยิ่งพีคขึ้นไปอีก ซึ่งโมเม้นท์นี้มันมีไม่บ่อยนักในนิยายแต่ละเรื่อง ขืนปล่อยเรื่องนี้เข้าไปในกระทู้จัดอันดับหิ้งหนังสือบอร์ดโม่ง (ที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว) มีหวังโดนจัดไปไว้ใน "ชั้นวางรองเท้าชั้นล่างสุด" "เหมาะกับขาตู้วางรองเท้า" "ขยะกระดาษรอเผา" ไม่ก็ "กระดาษเช็ดรองเท้าเปียกฝน" แหงๆ แค่ฝันจะไปถึงระดับ "อยู่ในตู้หนังสือตรงระดับสายตา" หรือ "อยู่ในตู้หนังสือชั้นล่าง" ยังแทบจะไม่มีหวังเลย
- ไม่ทำเชิงอรรถ แต่ผลักภาระให้นักอ่านไปกูเกิ้ลเอาเอง อันนี้สอบตกในเรื่องความรับผิดชอบ สามัญสำนึก และความเอาใจใส่ต่อนักอ่าน แล้วก็เหมือนกับที่โม่งบนๆ ว่าไว้ ถ้ามึงกากเกินไปจนไม่สามารถสื่อสารให้นักอ่านเข้าใจในผลงานในขั้นตอนเดียวตั้งแต่อ่านรอบแรก แปลว่ามึงแม่งล้มเหลวในฐานะนักเขียน การโชว์เหนือของมึงทำให้ฉากเด็กชายเดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวปกติกลายเป็น "คุณป้าครับ ขอซื้อก๋วยเตี๋ยว 2 ยกกำลัง 2 ถุง น้ำตกพิเศษเส้นนะครับ" แล้วป้าก็ตอบกลับว่า "นี่จ๊ะ ทั้งหมด สแควรูท 16 คูณ 35 บาท" อ่านแล้วรู้สึกอิหยังวะปนหงุดหงิด
- นักเขียนไม่รู้จักสำเหนียก คิดว่าตัวเองเก่งพอจนสามารถแต่งนิยายระดับนี้ออกมาได้ นั่นทำให้เพดานการพัฒนาของมันถึงทางตัน เพราะความเชื่อผิดๆ ว่านิยายของแม่งสุดยอด ไม่มีใครเขียนได้แบบกูแล้ว ขนาดอาจารย์กูยังพูดเลยว่า ทุกคนสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ได้ ตราบใดที่ไม่เลือกบินเข้าถ้ำเสียเอง ความคิดเหี้ยๆ ของเจ้าของเรื่องเนี่ยแหล่ะ ที่จะทำให้มันเก่งไปกว่านี้ไม่ได้ คือไอ้นี่ไม่เข้าใจเลยว่าทุกวันคือการเรียนรู้ แล้วเราก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่อง ถ้าไม่ขยันหาความรู้ใส่ตัวเพิ่มเรื่อยๆ ก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ (ดีไม่ดีจะมูนวอร์คถอยหลังด้วย) นักเขียนที่ดีก็จะมีอะไรๆ ที่เหมือนกัน คือยอมรับตัวเองยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ รู้สึกไม่พอใจในงานที่ตัวเองเขียนแม้มันจะออกมาดีขึ้นเรื่อยๆ แสวงหาอะไรใหม่ๆ เพื่อเอามาพัฒนาฝีมือของตนเอง และชอบความท้าทายตั้งเป้าหมายให้เอื้อมถึงยาก
>>942 ใช่เลยเพื่อน ไม่แนะนำให้ทำเด็ดขาด ถ้าไม่อยากได้รางวัล อิหยังวะอวอร์ดสาขาเสียงประกอบส้นตีนยอดเยี่ยม แถมคนที่มามอบให้บนเวทีก็เป็นถึง ด็อกเตอร์ป๊วบ เจ้าของเรื่อง ด่ะ ไวท์โร้ด ด้วย
>>943 ตอนนั้นกูคิดในใจว่า ถ้านิยายแบบนี้มีคนอ่าน กูหลับตาเอาตีนเขี่ยกระดาษก็ต้องมีคนอ่านล่ะวะ
>>947 ที่ว่า 5 ส. นั่นกูประชดนะ แต่ถ้าอยากอ่านสับก็อยู่ใน >>>/webnovel/8477/463-465/ ( < เอาเม้าส์ชี้อ่านได้เลยไม่ต้องกดวาร์ป)
>>981 55555 กูชอบคำว่ารหัสมอสว่ะ แม่งเหมือนจริง ไม่รู้จะจุดหาห่าไรเยอะแยะ
กูไปอ่านคอมเมนต์นึง ค้องเป็นพวกมึงคนใดคนหนึ่งแน่ ไอ้คนเขียนยังไม่รู้ว่าตัวเองวิบัติยังไงเลยพวกมึงงงงงงงงงงงงง
ฝถามจริงแม่งเคยอ่านนิยายที่เป็นเล่ม ไม่ดิ...(ใช้มั้ง5555) แม่งเคยเรียนภาษาไทยมาไหมวะ มันต้องมีอ่านเรื่องสั้นบ้างเหอะเหี้ย ง่าย ๆ แค่นี้แม่งยังไม่รู้ กูเสียเวลาฉห.
ป่ะ พวกมึง วิ่งควายแล้วย้ายไปที่อยู่ใหม่กัน >> https://fanboi.ch/webnovel/8614/
เออ กูรอตั้งนาน อีดอกขาวเจอพวกแม่งรุมยำซักทึ ถึงอิเจ๊จะไม่เคยสะทกสะท้านก็ตามอย่างน้อยก็ให้พวกหน้าใหม่ผ่านมามันได้รู้ว่าอีนี่ไม่ปรกติ
กูวิ่งเปิดคนแรกเอง -- เขียนอะไรถมกระทู้ดีวะ เอานี่ละกัน
"ในขณะที่กลุ่มล็อคอินเอาแต่จิบชา ดราม่าในกระทู้สาระของเหล่านอนเมมกลับดูมีประโยชน์กว่า"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>987 ถ้าไอ้ฟิสิกส์มาถึงโม่งด้วย กูมั่นใจว่าเราจะมีแก้วสามใบ ถึงชี้จุดควรปรับปรุงให้ชัด ๆ คนแบบนี้ก็ไม่คิดจะซึมซับหรอก เห็นมันตอบเม้นต์นึง อยากให้เป็นวิทย์ผสานเวทมนตร์ คืออออ ไม่ถึงกับหาไอซิมอฟมาอ่านก็ได้ เข้าใจว่าขี้เกียจ แต่อย่างน้อยก็หาดูเรลกันซักซีซันเถอะ ขับตาดูซักคืนนึงก็จบ แทรกทฤษฎีเนียน ๆ น่ะไปหัดไป๊ หรือถ้าไม่อยากอ่านยาว ดูยาว กูโยนลิงก์เรื่องสั้นไซไฟดี ๆ ฟรี ๆ ตามเว็บสำนักพิมพ์ให้ก็ได้นะ จุดด้อยของมันใหญ่มากจนการเว้นย่อหน้า เคาะบรรทัดที่มันมาถามใต้เมนต์นั้นดูเล็กน้อยไปเลย
วิ่งควายจ้า ไปเร็วเล่าเบียว ควบไปข้างหน้า ฮุ่ยๆๆๆๆ
ปิดมู้ไปก๊งเหล้ากับผู้ใหญ่บ้านก่อน
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.