คาบุจัดเจ้าแม่เป็นพรรคพวกไปแล้วป่าววะ เหมือนกับเอ็นโจ เจ้าแม่คือพรรคพวกที่โตมาด้วยกัน ไว้ใจได้ มีอะไรปรึกษากันได้ คาบุไม่ได้มองเจ้าแม่แบบผู้ชายมองผู้หญิง ส่วนเจ้าแม่ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ด้วยความที่รู้เรื่องออริจินอล เลยมั่นใจว่าคาบุชอบวาคาบะมากๆแน่นอน ขืนไปขวางทางรักเข้าจะซวย เพราะงั้นความคิดว่าคาบุจะมาชอบตัวเองนี่ไม่มีอยู่ในหัวเจ้าแม่เลย
>>944 แต่ไอ้เจ้าไก่โง่นี่ก็เอามาหย่อนไว้นานเหมือนกันนะกว่าจะมีบท ทีแรกนึกว่าเป็นรุ่นน้องตัวประกอบที่เอ็นโจรู้จักเฉยๆแล้วก็ปล่อยเลยไป ดันเอามาใช้ซะงั้น ไม่มีตัวละครไหนเสียเปล่าเลย คาซึรางิดูจากความสัมพันธ์แล้วน่าจะเข้านอกออกในบ้านเอ็นโจได้ แถมดูเซ้าซี้เจ้ากี้เจ้าการเรื่องเกี่ยวกับยุยโกะเอามากๆด้วย อาจจะเป็นคนมาจากทางฝั่งยุยโกะก็ได้มั้งนั่น
>>947 ชัวร์มาจากฝั่งยุยแน่ๆ พ่อแม่อาจจะเป็นบ้านรองหรือลูกน้องคนสนิทของบ้านยุย แต่ก็น่าจะมีตำแหน่งประมาณนึงตาไก่ถึงกล้าเซ้าซี้/โทรตามเอ็นโจให้ไปหายุย
นอกเรื่อง กูอยากอ่านตอนพิเศษช่วงที่เอ็นโจไปตามคาบุที่เตลิดไปตอนอกหักจากยูริเอะอะ อยากรู้ว่าวันคริสมาสต์สองหนุ่มโสดกลางทะเลหนาวนั้นคุยอะไรกันบ้าง 555555
ยิ่งอ่านที่โม่งวิเคราะห์กันแล้วยิ่งอยากอ่านต่อ งือออออ
>>950 ตอนนี้ที่เล่ามาเนี่ยมันถึงครึ่งเรื่องยังนะ ยังเหลือก้อนใหญ่ๆคือคาบุตีกับที่บ้านเพื่อคบวาคาบะ เอ็นโจxเจ้าแม่จะเป็นยังไง แล้วก็ประเด็นเรื่องเพื่อนๆไฮโซ ถ้าทุกคนรู้ว่าวาคาบะกับเจ้าแม่เป็นเพื่อนกันจะเป็นไง แล้วเราจะได้เห็นเจ้าแม่ในชีวิตทำงานไหมนะ ว่าแต่จะทำอาชีพอะไรฟระเจ้าแม่เนี่ย 55555
>>951 กูว่ายังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลยมั้งนั่น สมมติเรื่องนี้มีไคลแมกซ์อยู่งานหมั้น แต่เรื่องราวมันก็ยังไปไม่ถึง ยังไม่มีอะไรผลักดันให้มาดามรีบมาจับลูกชายหมั้นกับเรย์กะ เพราะในมังงะคือวาคาบะกับคาบุคบกันแล้ว มาดามเลยต้องจับแยก แต่นี่ก็ยังเอื่อยๆอืดๆกันทั้งสองคู่อะ ยิ่งคาบุสงสัยเรื่องเจ้าแม่คือโคโระจัง ยังไม่น่าจะเอ่ยปากสารภาพรักในเร็วๆนี้หรอก และมันเป็นเรื่องวันๆของเจ้าแม่ก็แบบนี้ล่ะ มันก็เอื่อยๆตามเจ้าของเรื่องนั่นล่ะน้า
กูว่าย้งไงวาคาบะกับคาบุก็คงได้คบกันตามเส้นเรื่องเดิม แต่จะเลิกกันทีหลังมั้ยอันนี้ก็ไม่รู้ ตัวแปรมันเปลี่ยนเยอะ นางร้ายที่คอยขัดขวางดันลงมาแย่งชิงหัวใจนางเอกจากพระเอกไปแล้ว นางเอกก็ดันไม่เห็นพระเอกสำคัญเท่ากับนางร้ายที่เป็น"เพื่อนคนสำคัญ"อีก กลายเป็นยูริเถอะเรื่องนี้
>>952 ในเรื่องเดิมประกาศหมั้นตอนไหนเหรอ ตอน high school ปีสุดท้าย หรือเรียนจบซุยรันแล้ว
กุว่าคาบุมันไม่ได้สนใจมากหรอกว่าโคโระจังคือเจ้าแม่หรือเปล่า มันแค่กังวลว่าโคโรจังจะเป็นผู้ชาย ยิ่งมีคู่แข่งต้องยิ่งเร่งทำคะแนน เร่งสารภาพรักป่าววะ แต่กูรู้สึกว่าถ้ารีบสารภาพรักเกินไปโอกาสคาบุโดนวาคาบะเฟรนโซนคงสูง เหมือนวาคาบะจังก็อยู่ซุยรันสบายๆ อุ่นใจมีเจ้าแม่คอยช่วยเหลืออยู่ลับๆ ไม่ได้ต้องพึ่งพาคาบุเหมือนในออริ วาคาบะคงไม่ได้ซาบซึ้ง มองคาบุเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเหมือนในออริ กุว่าเด็กเนิร์ดอย่างวาคาบะจังไม่น่าจะอยากคบใครจริงจังตอนนี้
>>953 ไม่รู้ว่ะ ตอนที่ 1 บอกแค่มาดามจับหมั้นแล้วคาบุก็มาเล่นงานเรย์กะในงานหมั้นแค่นั้นเอง ถ้าเอาตามขนบโชโจในรั้วโรงเรียน งานหมั้นคงมีก่อนเข้ามหาลัยนี่ล่ะว่ะ เพราะการ์ตูนโชโจวัยมัธยมส่วนใหญ่มักเคลียร์เรื่องให้จบลงตรงที่ตัวละครทั้งหลายเรียนจบม.ปลายไปด้วยกัน อาจจะมีชีวิตมหาลัยหรือหลังจากนั้นโผล่มาแว้บๆให้ดูว่าตัวละครเป็นยังไง
ตอน 299 คาบุมันก็มาจับผิดอยู่นี่ว่าโคโระกับคิโชวอินเป็นคนคนเดียวกันป่ะ เจ้าแม่แถไปเรื่องอื่นเลยรอดตัวไปแค่หนนี้ แต่กูว่าคาบุมันก็ยังสงสัยอยู่นะ ส่วนเรื่องสารภาพรักเหมือนเจ้าแม่จะสปอยมาเป็นนัยๆว่าในมังงะคาบุมันไปสารภาพรักกลางสี่แยกที่คนเยอะๆกับมีอีเวนท์บุกบ้าน ถึงเจ้าแม่จะเปลี่ยนรายละเอียดปลีกย่อยไปเยอะ แต่ทุกอย่างมันก็ยังเดินไปตามโครงเรื่องเดิมอยู่ เช่นวาคาบะเข้าซุยรัน คาบุอกหัก พระเอกนางเอกได้รู้จักกัน ดังนั้นกูว่าตอนขึ้นเรือไปชมดอกไม้ไฟกัน คาบุมันยังไม่สารภาพรักหรอก
ส่วนวาคาบะกูว่ามีใจให้ว่ะ แค่รอคาบุมาสารภาพรักแค่นั้นล่ะ เพราะว่าถ้าไม่คิดเกินเพื่อนนี่คงไม่ลงทุนทำกับข้าวแล้วแบกไปให้กินทุกวันหรือไปไหนต่อไหนด้วยกันแบบสองต่อสองอะ ยิ่งเป็นสถานที่ปิดแบบเรือด้วยแล้ว ถ้าไม่ไว้ใจสุดๆคงไม่ยอมไป ไม่รู้ว่าอีเวนท์ฝั่งอาริมะเป็นไง แต่จะมองว่าวาคาบะก็ทำขนมมาให้พวกสภานักเรียนกินกันประจำก็เลยทำให้คาบุด้วยตามนิสัยก็ได้มั้ง
>>952 >>953 >>954 วาคาบะมีใจให้คาบุแน่ๆล่ะ แต่ไม่รู้มากถึงขั้นรับรักคาบุไหม กูว่าวาคาบะนี่ค่อนข้างมีคอมม่อนเซ้นส์ การรับรักลูกชายมหาเศรษฐีนี่ก็เห็นอนาคตว่าหนักแน่ วาคาบะจะพร้อมแลกรึเปล่า เพราะไม่ได้โดนแค่ตัวเองแน่ๆ ไหนจะน้องๆ ครอบครัว ตกเป็นเป้าสังคมนินทาแน่นอน
นั่นดิ ในต้นฉบับที่วาคาบะรักคาบุไว เหตุผลหนึ่งก็เพราะเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในรร.ด้วย (แต่เจ้าแม่ดันมาแย่งหน้าที่ซะแล้ว 55555)
พอไม่มีออริเรย์กะคอยกลั่นแกล้ง ไม่มีอีเว้นส่งเสริมให้คาบุเป็นพระเอกขี่ม้าขาว ทางฝั่งวาคาบะอาจแค่ชอบๆ แต่ก็ยังอยากดูๆไปก่อนละมั้ง
อยากอ่านต่อจัง
ยอมเพื่อนโม่งมากก ไม่ได้เข้ามานานตั้งแต่ ปารตี้ 15 นี่ 30 แล้ว ยังรอท่านฮิโยโกะอยู๋ทุกวันเดียวจะค่อยย้อนกลับไปอ่านมู้กับฟิคเพื่อนโม่งแก้คิดถึงดีกว่า
ตอน300เมื่อไหร่จะมา
กระทู้จะเต็มแล้ว เสนอชื่อโหวตกระทู้ใหม่กันเถอะ
ปาร์ตี้น้ำกัญชาซุยรันกับกับแกล้มของหมักของดอง 32 อย่าง
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับปีใหม่ที่ไร้ตอนต่อ ขอของขวัญเป็นตอนใหม่ด้วยเถิด สาธุ [คำอธิษฐานครั้งที่ 32]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับตอนต่อไปที่ไม่มีวันมาถึง [เช่นเดียวกับวันที่ 32 ในปฏิทิน]
>>938 แปลล่ะนะ หน้าแรก
เอ็นโจเริ่มเรื่องมาว่าถูกดาวมหาลัยสารภาพรัก
ท่านเรย์กะ บอกคนที่เป็นดาราน่ะเหรอ
ท่านเอ็นโจ : อืม แต่ก็ปฏิเสธไปแล้วล่ะ
ท่านเรย์กะ : อืมเหรอคะ
ท่านเอ็นโจ. : หึงซะแล้วเหรอ
ท่านเรย์กะ :ไม่ได้หึงสักนิดเลยนะคะ อืม เพียงแต่ก็มีบางครั้งที่คิดอยู่นะ
หน้าสอง
ท่านเรย์กะ : ที่ท่านเอ็นโจมาชอบฉัน ฉันก็ดีใจอยู่นะคะ เพียงแต่คิดว่าทำไมถึงชอบฉันกันน้า ถ้าเป็นท่านเอ็นโจ อยากจะคบผุ้หญิงสวยขนาดไหนก็ได้ และฉันก็จำไม่ได้ว่าเคยทำอะไรให้ท่านเอ็นโจรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษด้วย (คิดในใจ จะพูดให้ถูกคือหลีกเลี่ยงท่านเอ็นโจมาตลอดมากว่า)
ท่านเอ็นโจ (เปล่งประกาย) :คุณคิโชวอิน คนที่อยากทำอะไรเพื่อผมน่ะ มีอยู่มามากมายเลยนะ
ท่านเรย์กะ : นั่นก็ใช่ แต่พุดออกมาเองนี่มันก็...(พึ
มพำ)
ท่านเอ็นโจ :(หัวเราะ) แต่จะให้ชอบเขาเพราะเเค่เหตุผลนั้น มันเป็นคนละเรื่องกันนะ
ท่านเรย์กะ :( คิด)อืมจะว่าไปมันก็ใช่นะ
หน้าสาม
ท่านเอ็นโจ : คุณคิโชวอินน่ะ ดูภายนอกดูเป็นคนที่เพอร์เฟคมาก แต่ถ้าสนิทด้วยแล้วก็จะเห็นสีหน้าที่หลากหลาย ดูแล้วไม่เบื่อเลยน่ะ
แต่เมื่อก่อน คุณคิโชวอืนเอาแต่ทำหน้าเฉยเมยต่อหน้าผมกับมาซายะ ผมเลยตั้งใจมาตลอดเลยว่า สักวันนึง ผมอยากจะทำให้คุณหัวเราะ โกรธ หรือร้องไห้ ให้ได้น่ะ(ซบไหล่)
ท่านเรย์กะ : เดี๋ยวก่อนนะ ที่อยากทำสองอย่างหลังน่ะ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอคะ
ท่านเอ็นโจ : ก็นะ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตอนโกรธหรือตอนร้องไห้ ก็น่ารักไปหมดนี่นา
ท่านเรย์กะ : เอิ่ม พูดอย่างนี้มันน่ากลัวนะคะ เลิกพูดเถอะค่ะ
ท่านเอ็นโจ: (หัวเราะ) พอเห็นคุณคิโชวอินแล้ว คิดว่าอยากจะทำอะไรเพื่อคุณบ้างน่ะ (ทำตาออดอ้อน)
ท่านเรย์กะ : (เขิน) แล้วอยากจะทำอะไรให้หรือคะ
ท่านเอ็นโจ : อย่าง.. จุ๊บ?
ท่านเรย์กะ : อันนั้นก็แค่ท่านเอ็นโจอยากทำเองไม่ใช่เหรอคะ
ท่านเอ็นโจ : เอ้ โกหกน่า
(คุณคิโชวอิน) ไม่อยากทำ(จุ๊บ) จริงๆเหรอ
จบแล้วจ้า
/แปะแฟนอาร์ตท่านเรย์กะกับท่านพี่
https://twitter.com/nata__coco/status/1345389980437213184?s=19
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดปีที่ 20 ของ คิโชวอิน เรย์กะ
_______
วันนี้เป็นวันที่ฉันอายุครบ 20 ปี เป็นสาวมหาวิทยาลัยที่บรรลุนิติภาวะแล้วค่ะ! หลังจากนี้ก็จะสามารถดื่มได้อย่างเต็มที่แล้ว อุฮุฮุ~ อ๊ะ ไม่ได้สิ ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดที่ที่บ้านจัดขึ้นอย่างอลังการอยู่ ถ้าเผลอหลุดสีหน้าแปลก ๆ ออกไปต้องเรื่องใหญ่แน่เลย
งานเลี้ยงวันเกิดของฉันจัดขึ้นที่โรงแรมในเครือคาบุรากิ ได้รับการสนับสนุนจากมาดามคาบุรากิอย่างล้นเหลือ ไม่ว่าจะในด้านสถานที่และอาหาร ทั้ง ๆ ที่บอกไปแล้วว่าไม่ต้องการจะจัดงานใหญ่โตอะไร แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ไม่ยอมฟังกันเลย ไปปรึกษามาดามคาบุรากิเรื่องการจัดงานเลี้ยงจนเสร็จสรรพ พอไปเล่าให้ท่านพี่ฟังก็ได้คำตอบมาว่า
“วันเกิดของเรย์กะทั้งที พี่คิดว่ามีหลายคนที่อยากมาแสดงความยินดีให้น้องนะ ทำตามที่พวกท่านพ่อกับท่านแม่จัดการไว้น่าสนุกดีออก”
ท่านพี่.. ที่พึ่งสุดท้ายของน้องก็เห็นดีเห็นงามด้วยหรอคะ...
เพราะท่านพี่เองก็คิดแบบเดียวกันนั้น ฉันจึงหมดหวังและต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงสุดอลังการของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
ในช่วงหนึ่งเดือนก่อนงานเลี้ยง คาบุรากิที่ทราบเรื่องมาจากมาดามจึงบังคับให้ฉันออกกำลังกายเป็นบ้าเป็นหลัง บังคับให้ฉันทานอาหารเพื่อสุขภาพ แถมยังสั่งงดขนมอีกต่างหาก
“ถ้าเธอไม่ทำตามที่ฉันบอกต้องเสียใจแน่คิโชวอิน วิ่งเข้าไปเจ้าสัตว์กีบคู่!”
นั่นเขาเรียกว่าให้กำลังใจหรอคะ? แต่ว่าฉันคงไม่งดขนมตามที่บอกหรอก เอ เรียกว่างดไม่ได้มากกว่า ร่างกายของหญิงสาววัยกำลังโตต้องการเค้กอย่างน้อยวันละชิ้นนะคะ
“มาซายะโหดไปหรือเปล่า ถ้าคุณคิโชวอินทำตามตารางฝึกของนายร่างกายต้องไม่ไหวแน่ ๆ”
เอ็นโจที่มาเป็นแพ็คคู่กับคาบุรากิเอ่ยขึ้นมาจากม้านั่งใกล้ ๆ อุส่าแต่งชุดออกกำลังกายเต็มยศแต่กลับมานั่งอยู่เฉย ๆ อย่างน้อยก็ทำตัวมีประโยชน์แหละเนอะ ใช่แล้วย่ะ คาบุรากิ ให้สาวน้อยมาฝึกสปาตันแบบนี้ใครจะไปทำได้กัน!
“ถ้าหยวนให้ทานขนมได้สักหน่อยน่าจะดีกว่านะ คุณคิโชวอินก็เป็นพวกชอบขนมหวานเหมือนมาซายะ ถ้าหักดิบเลยอาจจะหมดกำลังใจก็ได้ จริงสิ ขนมที่บ้านคุณทาคามิจิก็มีเมนูแคลอรี่น้อยด้วยไม่ใช่หรอ”
กู๊ดจ๊อบเอ็นโจ ขนมบ้านวาคาบะจังงั้นหรอ อยากทานจังเลยนะ~ ถ้าไปแล้วได้ทานอาหารฝีมือคันตะคุงด้วยก็คงไม่เลวเลย
อาร๊ะ ดูตาคาบุรากิสิ พอพูดถึงวาคาบะจังก็หลุดเข้าไปในโลกของตัวเองเสียแล้ว หนุ่มน้อยในห้วงรักน่าหมั่นไส้ชะมัด คาบุรากิกับวาคาบะจังคบกันในช่วงเทอมสุดท้ายของม.ปลายปี 3 และเปิดตัวกับทุกคนในโรงเรียนตอนวันจบการศึกษา มีรุ่นพี่โทโมเอะเป็นไอดอลหรอคะ แต่ว่าน่าอิจฉาจังเลยนะ เดทในชุดนักเรียนที่ฉันใฝ่ฝัน ในขณะที่จนกระทั่งตอนนี้ฤดูใบไม้ผลิของคิโชวอิน เรย์กะก็ยังไม่มาสักที.. ฮึก
“หลุดเข้าไปในความคิดของตัวเองทั้งสองคนเลยนะ”
หนวกหูน่า เอ็นโจ
ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัส แต่ก็ต้องขอบคุณการฝึกของคาบุรากิที่ทำให้ฉันสามารถใส่ชุดเผยต้นแขนได้อย่างมั่นใจ ประกอบกับคอร์สบำรุงผิวที่ท่านแม่บังคับให้ฉันไปทำให้ผิวฉันเนียนนุ่มมากกว่าทุกที เมื่อใส่ชุดเดรสผ้าชีฟองเปิดไหล่สีพิงค์แชมเปญก็อยู่กึ่งกลางระหว่างน่ารักกับดึงดูดสายตาพอดี เครื่องประดับบนผมสีดำขลับที่ถักเปียรวบผมครึ่งหัวไว้ด้านหลังเองก็เล่นแสงเด่นเป็นประกาย เครื่องประดับผมชิ้นนี้มาพร้อมกับสร้อยคอ สร้อยข้อมือ และต่างหูที่ฉันใส่อยู่ ทั้งหมดเป็นของขวัญจากท่านพี่ที่วางอยู่หน้าห้องฉันเมื่อเช้า สมกับเป็นท่านพี่! เข้ากับชุดที่ฉันใส่พอดีเลย
หลังจากเช็คเครื่องแต่งกาย เครื่องสำอางและจัดปอยผมเรียบร้อย คิโชวอิน เรย์กะ ก็พร้อมออกจากห้องแต่งตัวไปทักทายคนในงานแล้วค่ะ!
แขกในงานมีทั้งเพื่อนของฉัน ญาติ คนรู้จักของครอบครัว และแน่นอนผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ เนื่องจากฉันไม่อยากให้งานเป็นทางการมากไปจึงกล่าวทักทายสั้น ๆ บนเวทีและขอบคุณผู้มาร่วมงานทุกท่านก่อนจะปลีกตัวไปทักทายเพื่อน ๆ ของฉันที่มาร่วมงาน แน่นอนว่าต้องไปหาพวกคิคุโนะจังกับเซริกะจังก่อนยังไงล่ะ~
..ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีเพื่อนกลุ่มอื่นนะ!
หลังจากจบจากซุยรัน ฉัน คิคุโนะจัง เซริกะจัง พวกเราสามคนเข้าเรียนมหาลัยในคณะเดียวกัน ทำให้พวกเรายังคงไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนสมัยเด็ก แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือ บางวันเวลาไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน มักจะมีใครสักคนแยกไปทานกับแฟนของตัวเอง ไม่คิดว่าจะโดนทรยศแบบนี้เลยนะคะ ทำไมทุกคนถึง...
ช่างเรื่องนั้นไปก่อนเถอะ นอกจากพวกคิคุโนะจังกับเซริกะจัง เพื่อน ๆ ที่ซุยรัน พวกมาโอะจัง ซากุระจัง สมาชิกสโมสร Pivoine ฉันยังชวนพวกอุเมวากะคุงมาอีกด้วยค่ะ! เอาเข้าจริงหลังจากเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันแล้วอะนะ ถ้าไม่นับเมลจากเบียทันถึงเรย์ทัน
“สุขสันต์วันเกิดนะเรย์ทันน อันนี้ของขวัญวันเกิดจากเบียทัน”
ใช่ค่ะ เมื่อเข้าไปหาสิ่งแรกที่ได้ยินก็คือ เสียงของนายบ้าหมาที่กำลังดัดเสียงพูดแทนเบียทริซ วันนี้อุเมวากะคุงอยู่ในชุดทางการ คนอื่นคงไม่มองว่าเขาเป็นพวกแยงกี้หรอก แต่ดัดเสียงสอง พูดด้วยคำศัพท์แปลก ๆ มันมีแก๊บมากเกินไปหรือเปล่าคะ? คนรอบข้างต้องคิดว่าหมอนี่เมาแน่เลย
ปกติแล้วของขวัญจากทุกคนจะมีจุดให้วางเอาไว้ตรงทางเข้างาน แต่สำหรับชิ้นนี้อุเมวากะคุงบอกว่าเบียทันอยากให้เรย์ทันรับกับมือก็เลยเอามายื่นให้ตอนนี้ ส่วนอีกชิ้นจากตัวเองวางรวมไว้กันคนอื่น พอได้ฟังแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้
'ขอบคุณสำหรับของขวัญนะจ๊ะ มีความสุขมาก ๆ เลย' ฉันส่งเมลไปหาเบียทริซแล้วก็ได้รับเมลตอบกลับมาทันที 'สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะเรย์ทัน จาก เบียทัน' เมื่อฉันละสายตาจากหน้าจอก็เห็นอุเมวากะคุงส่งยิ้มมาให้ หมอนี่มีแต่เบียทันทั้งตัวและหัวใจใช่มั้ยเนี่ย
หลังจากพูดคุยกับพวกอุเมวากะคุงเสร็จ ฉันก็เดินกลับไปยังห้องพักเพื่อเก็บของขวัญจากเบียทริซ(?) และแอบพักเหนื่อยจากการพูดคุยกับแขกผู้ร่วมงานท่านอื่น ๆ ที่ชวนคุยระหว่างฉันกำลังเดินตามหาเพื่อนแต่ละคน แต่ไม่ทันไรก็มีเสียงเรียกมาจากด้านหลัง
“คิโชวอิน”
นายตัวสำรองนั่นเอง
“สวัสดีค่ะมิซึซากิคุง ขอบคุณที่มาร่วมงานนะคะ”
ถึงพวกเราจะเรียนมหาลัยเดียวกันแต่ก็ไม่ได้เจอกันเลย ดูเหมือนนายตัวสำรองจะเปลี่ยนไปจากสมัยมัธยมนิดหน่อยนะ ส่วนสูงก็ดูจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยด้วย
“สุขสันต์วันเกิดนะ คิโชวอิน”
มิซึซากิคุงพูด หลังจากนั้นเราก็ถามไถ่เรื่องชีวิตทั่วไปของกันและกัน จนกระทั่งเขามองเห็นกล่องของขวัญจากอุเมวากะคุงที่ฉันถืออยู่
“เมื่อกี้กำลังจะเอานี่ไปเก็บหรอ ขอโทษที่เรียกเธอเอาไว้ ถ้างั้นเราเดินไปคุยไปดีมั้ย จะได้ไม่มีใครมาเรียกเธอเอาไว้ด้วยอีก”
ฉันพยักหน้าตกลง แล้วเราก็เดินคุยกันจนถึงห้องพักมิซึซากิคุงถึงแยกจากไป หลังจากเข้ามหาลัยเขาก็ยังสั่งชอบของจากทีวีไดเร็กอยู่เหมือนเดิม สมกับที่เป็นสหายทีวีไดเร็ก! ที่คุยกันเมื่อกี้เขาบอกว่ามีของชิ้นนึงฉันน่าจะสนใจ เดี๋ยวจะเมลรายละเอียดมาให้ดู น่าตื่นเต้นจัง!
เมื่อเข้าไปในห้องพักฉันวางกล่องของขวัญจากอุเมวากะคุงไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งและทิ้งตัวลงกับโซฟา ยังไม่ได้ไปหายูกิโนะคุงเลยนี่นา เทวดาน้อยบอกว่าขอร้องท่านแม่ว่าจะมางานเลี้ยงวันเกิดฉันให้ได้ถึงแม้จะเลิกงานดึกก็ตาม แหม~ น่ารักชะมัดเลย แต่เด็ก ๆ ไม่ควรนอนดึกนะยูกิโนะคุง
หลังจากพักจนหายเมื่อยฉันจึงลุกไปเติมเครื่องสำอางที่เลือนไปและน้ำหอมเพื่อออกไปตามหายูกิโนะคุงในงานเลี้ยง ซึ่งแปปเดียวก็หาเจอ จะเรียกว่าหาเจอหรือถูกหาเจอดีล่ะคะ? ยูกิโนะคุงเป็นคนเรียกฉันก่อนนี่นา
“คุณพี่เรย์กะ!”
ยูกิโนะคุงตะโกนเรียกและวิ่งเข้ามาหา ยิ่งเวลาผ่านไปยูกิโนะคุงยิ่งเหมือนเอ็นโจ แต่นิสัยเป็นเหมือนเทวดากับจอมมาร ต่างกันคนละขั้วเลย ระหว่างที่ฉันกำลังคิดเปรียบเทียบสองพี่น้องเอ็นโจ ยูกิโนะคุงก็มองหน้าฉันแบบงง ๆ อ๊ะ เทวดาน้อยอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ จะไปคิดเกี่ยวกับเอ็นโจคนพี่ให้เสียอารมณ์ทำไมล่ะเรย์กะ!
ฉันจับมือยูกิโนะคุงไปนั่งคุยเล่นกันที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ ห่างออกมาจากในงานเล็กน้อยเพื่อที่จะได้พูดคุยกันได้สะดวก เพราะเมื่อกี้ตอนที่ฉันคุยกับยูกิโนะคุงที่โต๊ะอาหารมักจะมีคนเข้ามาทักทายฉันจนยูกิโนะคุงงอนแก้มป่องไปเลย น่ารักจริง ๆ นะ~
ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน สายตาฉันก็เหลือบไปเห็นเอ็นโจกำลังเดินแยกตัวออกมาจากกลุ่มคนในงานเลี้ยง กำลังจะไปไหนกันนะ? เมื่อลองมองไปยังทางที่เขากำลังเดินไปก็พบว่าเขากำลังแยกตัวไปหาคุณยุยโกะ.. งานเลี้ยงวันเกิดของฉัน แต่ไม่มาหาเจ้าภาพ ดันไปสวีทหวานสองต่อสองกับคุณยุยโกะเนี่ยนะ..? ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านคานทองขอสาปอิตาเอ็นโจค่ะ! น่าหงุดหงิดชะมัด
“..คุณพี่เรย์กะ”
ยูกิโนะคุงสะกิดเรียกสติฉัน ลืมตัวไปเลยว่าตอนนี้เรากำลังนั่งคุยกันอยู่ เมื่อกี้คงไม่ได้ทำสีหน้าแปลก ๆ ใช่มั้ย
“ยูกิโนะคุง พี่รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย เดี๋ยวขอกลับไปห้องพักสักแปปนะจ๊ะ”
ฉันบอกและพายูกิโนะคุงไปหาพวกมาโอะจังก่อนจะแยกตัวไปยังห้องพัก ยูกิโนะคุงคอยถามตลอดว่าเป็นอะไรมากมั้ย? ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย? แต่ฉันก็ปฎิเสธไป ขอโทษที่ทำให้เทวดาต้องเป็นกังวลนะคะ แต่พี่ไม่เป็นอะไรหรอก แค่อยู่ ๆ รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาแค่นั้นเอง สงสัยเป็นผลจากการสาปแช่งเอ็นโจ ขอไปพักให้ใจเย็นก่อนเดี๋ยวกลับมาหานะจ๊ะ
ระหว่างทางไปห้องพักฉันพบบริกร จึงขอให้นำไวน์มาให้ฉันขวดหนึ่ง เป็นไวน์ที่ท่านพี่บอกว่าอร่อยและฉันน่าจะชอบ วันนี้อายุครบยี่สิบปีทั้งทีก็อยากลองชิมดูสักนิด ระหว่างนั่งพักในห้องเป็นโอกาสดีเลย
“ท่านนนน พี่~~~~”
เมื่อผมเข้ามาในห้องพักของน้องสาวเพราะหาตัวเธอในงานไม่เจอก็พบกับสภาพที่ เอ่อ.. แย่เอามาก ๆ ดื่มไปเท่าไหร่กันเนี่ยยัยน้องตัวดี ไม่ต้องพุ่งมากอดเลยนะ สภาพของเรย์กะตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ควรปล่อยให้เธอไปดื่มกับใครเลย
“มันหนักนะ”
ผมพูดออกไปเมื่อเธอกอดผมและโถมตัวเองเข้ามาหาเต็มที่พร้อมกับหัวเราะเอะเฮะเฮะ จากนั้นจึงจัดการอุ้มยัยน้องสาวตัวดีไปนั่งบนโซฟา ในขณะที่เจ้าตัวโวยวายแบบฟังไม่ได้ศัพท์ว่า สปาตัน อะไรก็ไม่รู้
“ทำไมถึงได้เมาขนาดนี้ล่ะ หืม?”
จากที่กวาดสายตามองบนโต๊ะ ถึงจะมีขวดไวน์อยู่หลายขวดแต่ก็ผ่านการชิมไปขวดละนิดหน่อย คออ่อนเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ผมคิดและหยิบแก้วที่เรย์กะรินค้างไว้ขึ้นมาแกว่งดู
“เอ๋~ เมาอะไรกันคะท่านพี่~~ ยังไม่เมาสักหน่อย ยังอยากลองชิมไวน์อีกหลาย ๆ ตัวอยู่เลย เอาแก้วคืนมาน้าาาาาา”
ในขณะที่ตีกับเรย์กะที่กำลังเมาจนไม่เหลือมาดของคุณหนูตระกูลคิโชวอิน อิมาริก็โทรเข้ามาหาผม เพราะวันนี้ยังไม่ได้เจอเรย์กะเลย จะปล่อยให้มาเจอสภาพนี้ก็ไม่ได้ด้วย แต่จะบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวดื่มไวน์ไปแล้วกำลังเมาไม่รู้เรื่องก็กลัวว่าจะเป็นปัญหาในอนาคตอีก คงต้องทิ้งยัยน้องสาวเอาไว้คนเดียวก่อน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก เพราะยังไงที่นี่ก็โรงแรมเครือคาบุรากิ
“เรย์กะ เดี๋ยวพี่กลับมานะ”
ท่านพี่บอกไว้แบบนั้นแต่ยังไม่กลับมาสักที ผ่านไปตั้งนานแล้วนะ อ๊ะ เข็มนาฬิกากำลังเต้นระบำอยู่ด้วย ว้าวว~
ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์จากไวน์ หนึ่ง.. เก้า.. สี่.. เจ็ด.. เอ่อ แปดแก้วมั้ง ที่ฉันดื่มเข้าไป ตอนนี้รู้สึกเหมือนจะรู้เรื่องแต่ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน ท่านพี่~ เมื่อไหร่จะกลับมาอ่าาาา
แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ฉันรีบวิ่งไปเปิดประตูแล้วโผกอดผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว อ้าว ท่านพี่ไปฉีดน้ำหอมมาใหม่หรอค้า เมื่อกี้เป็นคนละกลิ่นนี่นา ฉันซุกหน้าไปที่แผงอกของอีกฝ่ายเพื่อดมกลิ่นน้ำหอม แต่กลิ่นนี้คุ้นจัง เหมือนเทียนที่ห้องเลย อ๋าา ท่านพี่ซื้อน้ำหอมกลิ่นเดียวกับเทียนที่ห้องของน้องหรอ~~
“ค..คุณคิโชวอิน...? ปล่อยผมก่อนเถอะครับ”
ผม เอ็นโจ ชูสุเกะ ผู้ที่ถูกกอดกระทันหันรู้สึกทำตัวไม่ถูก ผมมาที่ห้องพักของเรย์กะเพราะได้ยินมาจากน้องชายว่าเรย์กะเห็นตัวผมไปหายุยโกะระหว่างงานเลี้ยงเลยกลับมาที่ห้องพัก ด้วยความที่ไม่อยากถูกเข้าใจผิดจึงได้มาหาเธอที่นี่ แต่กลับพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด
“ไม่ปล่อย! เดี๋ยวก็หายไปไหนอีกนี่นาา”
หายไปไหนอีก..? เธอหมายถึงที่หายไปหายุยโกะหรอ?
“ผมไม่หายไปไหนหรอกครับคุณคิโชวอิน”
ผมบอกพลางเหลียวมองซ้ายมองขวา หากมีคนมาเห็นตอนนี้ต้องเกิดข่าวลือแปลก ๆ แน่เลย สำหรับผมไม่เป็นอะไรหรอก แต่สำหรับเรย์กะคงไม่ดีแน่
“เรย์กะ เรียกเรย์กะสิค้า ทำไมถึงเรียกห่างเหินแบบนั้นกันอ่าา”
แย่แล้วสิ ดูเหมือนกำลังถูกเรย์กะเข้าใจผิดว่าเป็นคุณทาคาเทรุอยู่เลย จะให้เรียกชื่อตัวมันก็ออกจะลำบากอยู่นะ ถึงแม้จะอยากลองเรียกกับเจ้าตัวมาตั้งนานแล้วก็ตาม
“คุณคิโชวอิน ตอนนี้คุณเมาอยู่ใช่มั้ย”
คงเป็นคำถามที่โง่ไปสักนิด ถ้าเป็นปกติเรย์กะไม่มีทางเข้ามากอดผมอยู่แล้ว เธอคนนี้มีแต่ถอยหนีผมตลอดเวลา ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ และผมเองก็ไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้เพราะเรื่องของยุยโกะ.. แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้ว
“เรย์กะ”
เธอพูดขึ้นมาโดยไม่ตอบคำถามของผม เมื่อไม่มีทางเลือกจึงต้องทำตามสิ่งที่คุณกระต่ายน้อยผู้ที่ตอนนี้ไม่ขดกลัวแต่กลับมาขัดผมต้องการ
“ก็ได้ เรย์กะ ปล่อยผมก่อนนะ”
ว่าแล้วเรย์กะก็ผละออกแต่โดยดี แต่หลังจากปล่อยอ้อมกอดออกเธอก็ยืนเซพิงประตู อย่าว่าแต่ให้เธอเดินไปที่โซฟากลางห้องเลย แค่ทรงตัวให้อยู่เธอยังทำไม่ได้ ผมจึงถอดเสื้อสูทของตัวเองออกเพื่อห่อตัวเธอเอาไว้ และช้อนตัวเธอขึ้นในท่าอุ้มเจ้าสาว เพื่อจะพาไปนอนพักบนโซฟาภายในห้อง
“เหมือนในโชโจมังงะเลย อุฮุฮุ~”
เรย์กะในอ้อมอกของผมพูดขึ้นและหัวเราะเสียงแปลก ๆ สร้างความรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อกว่าร้อยตัวบินอยู่ภายในท้องของผม อันตรายเกินไปแล้ว..
หลังจากฉันถูกวางลงบนโซฟา และอีกฝ่ายบ่นพึมพำเกี่ยวกับไวน์บนโต๊ะ ฉันก็ชี้ไปที่ไวน์ขวดหนึ่งบนโต๊ะที่คิดว่าชิมแล้วชอบมากที่สุด
“อันนั้นอันดับหนึ่ง~”
“วันนี้วันเกิดทั้งทีก็เลยอยากลองดื่มไวน์ที่ท่านพี่แนะนำนี่นา แล้วก็..”
ฉันพูดตามที่คิดไปเรื่อย แต่เมื่อนึกถึงภาพแผ่นหลังของเอ็นโจที่เดินไปหาคุณยุยโกะ น้ำใส ๆ ก็ไหลออกมาจากตา
“...วันนี้วันเกิดของฉันแท้ ๆ...”
ผมปลอบเรย์กะที่อยู่ ๆ ก็ร้องไห้ออกมาจนเธอหลับไป ดูเหมือนจะคิดมากกับอะไรไม่เข้าท่าอยู่จริง ๆ ด้วยสินะคุณกระต่ายน้อย ผมนั่งยอง ๆ อยู่ข้างโซฟามองใบหน้าของหญิงสาวที่ตัวเองรู้จักมาตั้งแต่สมัยเด็ก นี่เป็นครั้งแรกที่สามารถเข้าถึงตัวเธอได้มากขนาดนี้ ถือว่าเป็นการฉวยโอกาสกับคนเมาหรือเปล่านะ
ใบหน้าของเธอในยามหลับสงบนิ่ง ช่างน่ารักเหลือเกิน ถึงแม้ตาจะบวมแดงแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่ารักของเธอน้อยลง ระหว่างที่ปาดคราบน้ำตาที่หางตาของเธอออกอย่างแผ่วเบา เรย์กะก็พึมพำชื่อผมออกมาเบา ๆ
“เอ็นโจ...”
ใจผมเต้นโครมคราม ตอนนี้เธอกำลังฝันถึงผมอยู่หรอ ความรู้สึกตื่นเต้นที่มาแบบไม่คาดคิดทำให้ผมผละมือออกจากใบหน้าของเธอ และหยุดนิ่ง เพื่อรอฟังว่าเธอจะพูดอะไรออกมาอีก
“............แย่ที่สุด”
เมื่อได้ยินดังนั้นผมก็หัวเราะออกมา น่ารักจริง ๆ เลยนะเรย์กะ ผมเอื้อมมือไปลูบหัวเธอเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มจากใจจริง
“สุขสันต์วันเกิด เรย์กะ”
เมื่อฉันตื่นมาอีกทีก็พบว่างานเลี้ยงเลิกไปแล้วค่ะ ท่านพี่ที่นั่งเฝ้าฉันอยู่ในห้องบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็ดุเรื่องที่ฉันดื่มจนเมาไม่รู้เรื่อง ขอโทษค่า.. เมื่อท่านพี่เห็นว่าฉันมีสติครบสมบูรณ์ดีจึงขอตัวไปนอนพักที่อีกห้องนึง เพราะตอนนี้เป็นเวลากว่าตีสองแล้ว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฉันสงสัยคือเสื้อสูทที่คลุมตัวฉันอยู่มาจากไหน เพราะเสื้อตัวนี้ไม่ใช่ของท่านพี่ พอถามท่านพี่ไปก็ทำหน้ายักษ์บอกว่าให้รีบเอาไปทิ้งเลย แล้วเดินออกไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด
หลังจากท่านพี่ออกไปฉันคลี่เสื้อสูทขึ้นมาดูอีกทีก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคย และเรื่องราวก่อนที่ฉันจะหลับไปก็ลอยขึ้นมาเป็นฉาก ๆ.. เหมือนกับตอนระลึกชาติว่าตัวเองมาเกิดในโลกคิมิดอลเลยนะ ฉันใช้ชีวิตอย่างดีทำให้ตระกูลไม่ต้องล่มสลาย คาบุรากิก็เลิฟ ๆ กับวาคาบะจัง ถึงจะผิดแผนไปบ้างที่ฉันดันสนิทกับเจ้าชายและจักรพรรดิทั้งที่อยากหลีกเลี่ยงแท้ ๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น คิโชวอิน เรย์กะ เมาแล้วก่อเรื่องค่ะ!
ฉัน-ไป-กอด-เอ็นโจ! เพราะคิดว่าเป็นท่านพี่! แล้วไหนจะ.. อ้ากกกกกกกกกกกกกก!!
น่าอับอายที่สุด! น่าอับอายที่สุด! น่าอับอายที่สุด!!
เมื่อโวยวายกับตัวเองและหมอนภายในห้องพักเสร็จฉันก็ออกไปด้านนอกเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ และม้วนเสื้อสูทกอดเอาไว้เพื่อจะได้นำไปส่งซักก่อนนำไปคืนเจ้าของอีกด้วย โรงแรมตอนกลางคืนค่อนข้างเงียบสงบ สวนที่ประดับไฟสวยงามชวนให้ผ่อนคลาย ฉันจึงเดินหามุมดี ๆ เพื่อนั่งรับลมก่อนนำเสื้อไปส่งซัก
สายลมเอื่อย ๆ และเย็นสบายพัดเข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้ฉันลืมเรื่องวุ่นวายที่ตัวเองก่อนไว้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น ขณะเงยหน้ามองหาดวงดาวที่ลอยอยู่บนฟ้าสายลมก็พัดแรงขึ้นจนผมปรกหน้าฉันไปหมด
“หนาวจัง..”
ฉันพูดแล้วจัดผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง ทันใดนั้นก็มีคนเรียกชื่อฉันขึ้นมา
“เรย์กะ?”
แล้วดันเป็นคนที่ฉันไม่อยากเจอมากที่สุดตอนนี้อีกด้วย เอ็นโจนั่นเอง
“มาอยู่ตรงนี้ไม่หนาวหรอ”
เอ็นโจพูดพลางมองไหล่ที่เปล่าเปลือยของฉัน และเข้ามาหยิบเสื้อของตัวเองขึ้นมาคลุมไหล่ให้ ทำเอาฉันเผลอหยุดหายใจไปชั่วขณะหนึ่งเพราะระยะห่างที่สั้นมาก กลิ่นที่คุ้นเคยจากตัวเขายิ่งตอกย้ำภาพความทรงจำน่าอายว่าฉันพุ่งไปกอดเขาอย่างแนบแน่นแบบไหน
“อ..เอ่อ.. แล้วท่านเอ็นโจมาทำอะไรอยู่ตรงนี้หรอคะ”
เสียงฉันสั่นเครือเล็กน้อยจากความเขินอาย เขาไม่ตอบ แต่กลับยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เรย์กะไม่เรียกผมว่าชูสุเกะแล้วหรอครับ”
หา....? ฉันถึงขนาดเรียกเขาด้วยชื่อตัวเลยหรอ ไม่ใช่ว่า เอ๊ะ แล้วทำไมถึง เอ๊ะ..?
ระหว่างที่ฉันกำลังสับสนอยู่ เอ็นโจก็นั่งลงข้าง ๆ และจ้องมองฉันอย่างรื่นเริง
“ยังไงกันนะ~”
ไอหมอนี่
“แล้วไม่ต้องไปคอยดูแลคุณยุยโกะหรอคะ”
ฉันเปลี่ยนประเด็น ปล่อยผู้หญิงบอบบางปลิวลมของนายไปไหนแล้วล่ะ ถึงได้เที่ยวมาเดินเล่นในโรงแรมดึก ๆ ดื่น ๆ คนเดียวแบบนี้
“เรย์กะตรงเข้าประเด็นเลยหรอ ยุยโกะกลับบ้านใหญ่ไปตั้งแต่สามทุ่มแล้ว”
เอ็นโจตอบกลับมาแบบสบาย ๆ แถมยังเรียกชื่อตัวฉันอย่างสบาย ๆ อีกด้วย
“ท่านเอ็นโจไม่กลับไปด้วยหรอคะ”
ฉันถามกลับไป
“ฟังดูห่างเหินจังเลยนะ ตอนนี้ผมไม่จำเป็นต้องคอยดูแลเขาแล้วครับ”
....นายต่างหากที่ทำตัวใกล้ชิดเกิน แต่หมายความว่ายังไงกันนะที่ว่าไม่ต้องคอยดูแลแล้ว ก็ไหนเป็นว่าที่คู่หมั้น..
“ออกมาทางสีหน้าหมดแล้ว เรย์กะ”
เอ็นโจหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ชวนให้รู้สึกหงุดหงิดไม่เบา แต่เพราะตอบกลับไม่ได้ฉันจึงได้แต่มองเขาหัวเราะอยู่แบบนั้น จนกระทั่งเขาหยุดหัวเราะไปเองและเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้า
“ก็แค่.. กระต่ายนำโชคล่ะมั้ง...”
เขาพึมพำออกมาเบา ๆ ตานี่พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง ฉันขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับเอ็นโจจึงเงยหน้ามองท้องฟ้าเช่นเดียวกันกับเขา
“พระจันทร์สวยจังเลยเนอะ”
ผมเอ่ยขึ้นหลังจากก้อนเมฆที่เมื่อครู่บดบังดวงจันทร์อยู่ค่อย ๆ เคลื่อนออกเผยให้เห็นพระจันทร์เต็มดวง
“อือ”
เรย์กะส่งเสียงในลำคอกลับมาเป็นเชิงเห็นด้วย บนพระจันทร์เต็มดวงสีเหลืองนวลก็มีลายคล้ายกับกระต่าย.. ดูท่าว่าวันนี้ผมจะมีโชคดีสูงล่ะ
“เรย์กะ”
ผมหันไปและเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงจริงจังหลังจากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่
“คะ?”
เมื่อเรย์กะหันหน้ามา แววตาของเธอแสดงความสงสัยออกมาเต็มที่ เป็นคนที่อ่านออกง่ายเหมือนเคยเลยนะครับ คุณกระต่ายน้อย
ไม่รู้ว่าผมเผลอจ้องตาเธอนานไปหรือเปล่า แต่ตอนนี้ความมั่นใจของผมเริ่มจะสั่นคลอนแล้ว หัวใจก็เต้นแรงขึ้น หวังว่าเรย์กะจะไม่ทันรู้สึกตัวนะ
ผม เอ็นโจ ชูสุเกะ ไม่ว่าอะไรก็เฝ้าสังเกตและทำอย่างรอบคอบเสมอ ซึ่งผลลัพธ์ก็มักจะเป็นไปตามที่ต้องการ แต่บางครั้งก็ไม่ใช่กับผู้หญิงคนนี้ ในทีแรกผมคิดว่า คิโชวอิน เรย์กะ ก็เหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป แต่เธอเป็นคนที่มีเรื่องคาดไม่ถึงอยู่เสมอ และเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกสนุกเมื่อเฝ้ามอง รู้ตัวอีกทีก็หลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมไปแล้ว แต่การพยายามเข้าใกล้เธอไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะทุกครั้งที่ผมก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว เธอก็จะถอยหลังไปสามก้าว รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมาป่าที่กำลังเข้าหากระต่ายเลย เธอรู้ตัวมั้ย ว่าตัวเองเหมือนกระต่ายน้อยขนาดไหน ทั้งความน่ารักและความขี้ระแวง
ในที่สุดวันนี้โอกาสก็มาถึงแล้ว ผมจะไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไปแน่นอน เพราะไม่รู้ว่าช่วงเวลาและบรรยากาศที่เป็นใจแบบนี้จะมาถึงอีกทีเมื่อไหร่ และผมไม่อยากรอนานกว่านี้อีกแล้ว ต้องพูดออกไปให้ได้ ถ้อยคำที่เก็บเอาไว้ในใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงคนสำคัญของผม.. ถึงคุณกระต่ายน้อยของผม...
เมื่อรวบรวมความกล้าของตัวเองเสร็จ ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดและเปล่งเสียงดังชัดเจนออกไป
“ผมชอบคุณ”
..และปฏิกิริยาของเธอช่างน่ารักจริง ๆ
_______
>>972-976 ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ น่ารักมาก นุ้งต่ายกับหมาป่า แต่จริงๆกูว่าเอ็นโจน่าจะเป็นจิ้งจอกมากกว่า เพราะสีผม(?) 5555555555
จะว่าไปเรื่องนี้ไม่เคยมีวันเกิดตัวละครหลักเลยนี่หว่า มีแต่วันเกิดของตัวละครรองๆแบบน้องมาโอะกับยูกิโนะ ส่วนแก๊งค์สามช่านี่ลึกลับจริงๆ วันเกิดยังไม่หลุดมาซักแอะ
ขอบคุณสำหรับฟิคมากๆเลยค่ะะะ //ไหว้
แปะฟิคอวยพรปีใหม่ให้ชาวโม่งค่ะ ถึงจะเลทๆไปบ้าง(?) แต่ก็อยากอวยพรค่ะ
กาลครั้งหนึ่งในฝัน ตอนพิเศษ 2.2
ความเดิมตอนที่แล้ว >>>/webnovel/6114/507-511
---------------------------
รู้สึกอึดอัดจัง จะคุยอะไรดีนะ…
ฉันลอบมองใบหน้าด้านข้างของเอ็นโจที่ขึ้นสีแดงระเรื่อจากเรื่องเมื่อครู่นี้ ก็เข้าใจอยู่นะว่ามันน่าอาย แต่เป็นแฟนกันมาตั้งหลายปีมันก็ต้องมีคุยๆเรื่องแบบนั้นกันบ้างล่ะเนอะ
“...ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ”
“อื๋อ”
“ฉันหมายถึง...เอ่อ…”
“อ๋อ” เอ็นโจไม่สบตาฉัน เอาแต่มองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว แต่ก็ขับรถอยู่นี่นะ “ก็ตั้งแต่ได้กลิ่นน้ำหอมของคุณตอนมาควงแขนผมที่บ้านคิโชวอิน แล้วพอคุณถอดเสื้อคลุมในร้านอาหาร ผมก็…”
“เอ๋”
การแต่งตัวแบบเซ็กซี่แล้วยั่วยวนนี่ได้ผลจริงๆด้วยแฮะ นึกว่าไม่มีปฏิกริยาอะไรเลยซะอีก ที่ไหนได้...ดันเป็นเอามากสุดๆ แบบนี้ถือว่าไม่เสียแรงเปล่านะเนี่ย
แต่ฉันได้ยินมาว่าผู้ชายถ้ามีอารมณ์แต่ไม่ได้ทำมันจะทรมานมากๆเลยนี่นะ จะไหวแน่เหรอ
เหมือนเอ็นโจจะรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่เพราะหันมายิ้มให้
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวมันก็หาย”
พอฉันมองจ้องแบบจะหาคำตอบที่แท้จริง เอ็นโจก็หัวเราะ
“ก็ใช่ว่าไม่อยากจะทำนะ แต่ผมสัญญาไว้กับคุณแล้วว่าให้มีตอนหลังแต่งงาน ก็ไม่อยากจะผิดสัญญาน่ะ”
เอาจริงดิ เคร่งครัดขนาดนั้นเลยเหรอ
ก็ปลื้มอยู่เหมือนกันอะนะที่เอ็นโจรักษาสัญญา แต่ก็กลัวด้วยว่าถ้าเกิดวันหนึ่งหมอนี่ทนไม่ไหว เลี้ยวลงข้างทางไปกับผู้หญิงอื่นจะทำยังไงดีล่ะ ยิ่งเนื้อหอมอยู่ด้วย
หรือจะขอแต่งงานตอนนี้เลยดีมั้ยนะ ถ้าเอ็นโจไม่ขอ ฉันขอเองก็ได้ วัดใจกันไปเลยว่าจะหน้าแตกกลับมามั้ย
ฉันรวบรวมความกล้าได้ในที่สุด
“แล้ว...ท่านเอ็นโจจะแต่งงานกับฉันมั้ยคะ”
“อื๋อ อะไรนะ” เอ็นโจหันหน้ามามอง ท่าทางเหมือนไม่อยากเชื่อหู
“ฉันถามว่าท่านเอ็นโจจะแต่งงานกับฉันมั้ยคะ”
“นี่กำลังขอผมแต่งงานเหรอ”
“ใช่ค่ะ” ในเมื่อมาถึงขั้นนี้ก็ต้องไปต่อให้สุดทางกันล่ะ “หรือไม่ตกลงเพราะอยากจะแต่งกับคนอื่นแล้ว”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่...เอ่อ ตั้งตัวไม่ทันน่ะ” เอ็นโจยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเอง “อีกอย่าง...มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ”
“ไม่ควรจะเป็นแบบนี้ที่ว่านี่คือยังไงคะ”
“ผมควรจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่า”
ฉันจ้องหน้าเอ็นโจเป็นเชิงประมาณว่า แล้วทำไมไม่พูดล่ะยะ หมอนั่นก็ส่งยิ้มแปลกๆให้ จอดรถเข้ากับข้างทางอีกหนเพื่อจะคุยกัน
“ผมไม่อยากจะขอคุณแต่งงานทั้งๆที่ผม....เอ่อ…อยู่อย่างนี้” เอ็นโจเสยผมขึ้น ยิ้มขื่นๆ “มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเลวที่เอาแต่คิดเรื่องสกปรกโสมมกับนางฟ้าแบบคุณ ผมพยายามห้ามตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้”
ว้าย ตายแล้ว นี่มองฉันสูงส่งขนาดนั้นเชียวเรอะ โฮ่โฮ่
แต่เห็นเอ็นโจมาสารภาพความผิดด้วยท่าทางจ๋อยๆหมดท่า หูเหอนี่แดงก่ำไปหมด ก็รู้สึกว่าอีตานี่ก็น่ารักไม่หยอกแฮะ
แล้วน่ารักแบบนี้ ฉันจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไงกันล่ะ
“อีกอย่าง การขอแต่งงานมันควรจะบริสุทธิ์ โรแมนติคและเป็นความทรงจำที่ดีกว่านี้สิ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนที่ผมกำลัง...”
คำพูดนั้นขาดหายไปเมื่อฉันจับประคองใบหน้าเอ็นโจไว้แล้วกดริมฝีปากลงไปบนปาก ฉันกดจูบค้างไว้พักหนึ่งแล้วค่อยๆเลื่อนใบหน้าออก ส่งยิ้มให้เอ็นโจที่ตัวแข็งทื่อเหมือนจะจับต้นชนปลายไม่ถูก
“แค่ตอบได้หรือไม่ก็พอแล้วล่ะค่ะ” มือฉันยังคงจับใบหน้าเอ็นโจไว้อยู่ “แต่งงานกับฉันนะคะ”
“คุณคิโชวอิน…” แววตาของเอ็นโจที่ฉันมองเห็นดูสั่นไหว น้ำเสียงแหบพร่า “...ถ้ายังอยากให้ผมรักษาสัญญาอยู่ก็อย่าทำแบบนี้”
ฉันไม่ได้ฟังคำพูดนั้น แต่จูบไปตามแนวกรามไปจนถึงต้นคอ ขบกัดเบาๆทิ้งรอยฟันจางๆเอาไว้ ความรู้สึกอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพุ่งขึ้นรุนแรงจนฉันระงับไว้ไม่อยู่
อยากได้ อยากได้ทั้งหมด แค่นี้มันไม่พอ
“เป็นของฉันนะคะ”
เพราะไวน์รึเปล่านะฉันถึงใจกล้าได้ขนาดนี้
จ้องตากันไปพักหนึ่ง เอ็นโจก็โน้มตัวเข้าหา จูบหนักหน่วงเหมือนจะตอบรับคำขอ ฉันหลับตาลงปล่อยใจให้เคลิ้มไปกับสัมผัสที่วาบหวาม
“ไม่เห็นต้องถามเลย”
เสียงกระซิบของเอ็นโจอยู่แนบชิดกับริมฝีปากฉัน
“ผมก็เป็นของคุณตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ”
.
.
.
.
พอเข้ามาในห้องและปิดประตูล็อคเรียบร้อย คนที่จูงมือฉันอย่างสงบเสงี่ยมมาตลอดทางก็แปลงร่างเป็นหมาป่าในทันควัน จับฉันกินแบบที่ยังไม่ทันจะถอดรองเท้าออกด้วยซ้ำ
ฉันถูกจับติดตรึงกับผนัง เสื้อคลุมขนเฟอร์หล่นลงไปกองที่พื้นแบบไม่สนมูลค่าแสนแพงของมัน ปากของเอ็นโจจูบไปทั่วเท่าที่จะสัมผัสได้ อ้อยอิ่งอยู่บริเวณต้นคอ ขบกัดเบาๆทิ้งรอยฟันจางๆเอาไว้เหมือนตอนที่ฉันทำบนรถ
“อย่าทิ้งรอยสิคะ” ฉันทำปากยื่น “ชุดนี้มันไม่ได้ปิดมิดชิดนักหรอกนะ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมซื้อชุดใหม่ให้”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นซักหน่อยนะคะ”
“ปัญหาอยู่ตรงชุดนี่ล่ะ”
“ชุดนี้ไม่ดีตรงไหนคะ” ฉันเลียนแบบรอยยิ้มดำมืดของเจ้าตัว จงใจลากฝ่ามือจากบริเวณหน้าอกไปถึงท้องน้อยของเอ็นโจแล้วหยุดแค่นั้น “ออกจะทำให้ท่านเอ็นโจเป็นได้ถึงขนาดนี้”
“....”
เอ็นโจนิ่งค้างไป ฉันเลยถือโอกาสผละตัวออก เดินนวยนาดเข้าไปด้านในแบบไม่ต้องใช้คนนำทางเพราะเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว
อึก...ขาเอ๋ย อย่าสั่นนะ
ถึงจะวางท่าเป็นสาวเซ็กซี่ขี้เล่นขนาดไหน แต่ใจฉันก็ยังเป็นสามัญชนกระจิบกระจ้อยอยู่ดี อายจะแย่อยู่แล้ว ฮึ่ย!! ห้ามสบตาตอนนี้เด็ดขาดเลยนะ เดี๋ยวโดนมองออกว่าดีแต่ท่า
เอ็นโจเดินตามหลังฉันมา ช้อนตัวฉันขึ้นอุ้มไปที่โซฟาแล้ววางลงอย่างนุ่มนวล ส่วนตัวเองก็ถอดเสื้อสูทตัวนอก โยนไปไว้ที่โซฟาตัวอื่นพร้อมกับปลดเนคไทไปด้วย
โอ้ว!? คุณพระคุณเจ้า...จะเริ่มกันตรงนี้เลยเหรอ
ฉันเคยอ่านประสบการณ์อะไรทำนองนี้ในอินเตอร์เนต ครั้งแรกของใครหลายคนก็เริ่มที่โซฟาเหมือนกัน
ตัวฉันที่มีประสบการณ์แบบผู้ใหญ่ในระดับเบสิค ถึงแม้จะเคยมีจูบที่วาบหวามร้อนแรงขนาดไหน แต่ก็ยังไม่เคยข้ามขั้นไประดับแอดวานซ์เลยซักครั้ง เมื่อกี้ก็ทำเอาหัวใจจะหลุดออกมาข้างนอกอยู่แล้ว
เอาไงดี จะวางท่าเป็นนางพญาคุมเกมต่อไปหรือจะยอมๆให้ผู้เชี่ยวชาญแนะแนวไปเลยดีกว่ากันนะ
ขณะที่กำลังคิดสะระตะอยู่นั้น ก็รู้สึกถึงวงแขนที่กอดรัดจากทางด้านหลัง เอ็นโจเอาคางเกยบ่าฉัน
“คิดอะไรอยู่เหรอ”
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“งั้นเหรอ” เสียงนุ่มทุ้มชวนให้ละลายดังอยู่ข้างหูพาเอาใจสั่นไปหมด “แต่ผมคิดนะ”
“อื๋อ…”
“คิดว่าจะทำยังไงถึงจะถอดชุดนี่ออกจากตัวคุณให้เร็วที่สุดดี คิดมาตั้งแต่อยู่ที่ร้านอาหารเลยล่ะ”
ฉันสะดุ้งเฮือก สองข้างแก้มรู้สึกร้อนผ่าว พอหันไปสบตากับเอ็นโจก็ต้องรีบเบนสายตาหนีออกไปมองอย่างอื่นทันควัน
ฮึก...อย่ามองกันด้วยสายตาแบบนั้นสิ ฉันทำอะไรไม่ถูกแล้ว
แล้วรู้สึกว่าจะเคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนนี่นะ
จำได้ว่ามันเป็นคืนปีใหม่ของปีที่แล้ว ฉันกับเอ็นโจนั่งดื่มไวน์กันบนเตียง Day Bed อันหนานุ่มที่ระเบียงของเพนเฮาส์ ดูดอกไม้ไฟฉลองข้ามปีด้วยกันสองคน ฉันกำลังเคลิ้มๆกับบรรยากาศไม่ทันรู้ตัวเลยว่าถูกมองอยู่ พอหันไปก็เจอสายตาที่มองมาเหมือนจะกลืนกินกันทั้งตัว
ยังไม่ทันจะพูดอะไร เอ็นโจก็ยิ้มหวานหยดก่อนจะประทับริมฝีปากลงมา
มันก็เหมือนการจูบกันในทุกๆครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันรู้สึกว่ามันต่างออกไป มันร้อนแรงกว่า ดูเต็มไปด้วยความปรารถนา กึ่งบังคับแต่ก็เว้าวอนในคราวเดียวกัน ปลายลิ้นที่สอดเข้ามาแตะกับลิ้นของฉันเหมือนจะสูบกลืนเอาเรี่ยวแรงกับสติสัมปะชัญญะไปจนหมด
กว่าที่ริมฝีปากนั่นจะผละออกไปได้ ฉันก็ได้แต่นั่งซุกอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย อาจจะเป็นเพราะแอลกอฮอลล์ที่อยู่ในไวน์แดงหรืออะไรก็ตาม ฉันนึกไม่ออกเลยสักนิดว่าควรจะทำอะไรต่อไป
เอ็นโจยกร่างฉันให้นั่งลงบนตักแล้วเริ่มลูบไล้ไปตามร่างกาย ใบหน้าซุกไซ้ไปตามต้นคอ พรมจูบลงมาเรื่อยๆตามแนวกระดูกไหปลาร้า ฝ่ามือขยับยุกยิกแถวๆหลัง สอดมือเข้ามาในเสื้อแล้วปลดตะขอบราฉันออกแบบง่ายดาย
ฉันเพิ่งจะรู้ตัวว่ามือของหมอนั่นอยู่ในที่ที่ไม่ควรจะอยู่ มันกำลังสอดเข้ามาใต้กระโปรง ฝ่ามือที่ร้อนผ่าวสัมผัสบริเวณต้นขาออกจะทำให้ร่างกายรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด
แต่เมื่อปลายนิ้วนั่นกำลังเกี่ยวกางเกงในฉันลงมา ฉันก็หวีดร้องเบาๆแล้วผลักเอ็นโจออกไป
“เอ่อ...คือ…”
“ผมทำตัวรุ่มร่ามไปหน่อย” เอ็นโจยิ้มฝืดๆให้ฉัน “ขอโทษด้วยนะ”
“คือ...ฉันไม่ได้…”
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ”
ทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบสงัด ดอกไม้ไฟเองก็จุดเสร็จไปเรียบร้อย และก้าวเข้าสู่วันปีใหม่มาได้หลายสิบนาทีแล้ว เอ็นโจเงียบไปตลอดทางที่พาฉันกลับไปส่งที่บ้าน ดูซึมไปอย่างเห็นได้ชัด
แล้วสองวันต่อมา เอ็นโจก็บินไปอังกฤษทันทีเลยนี่นะ ...โดนงอนเข้าเต็มๆเลยล่ะ กว่าจะง้อได้สำเร็จก็แทบแย่
ถ้าเกิดฉันผลักตานี่ออกไปแบบวันนั้นอีกล่ะก็ ต้องได้ทะเลาะกันแหงๆ บรรยากาศดีๆก็ไม่ควรจะรื้อฟื้นเรื่องแย่ๆใช่มั้ยนะ
“จะว่าไป ผมสงสัยมานานแล้ว” เอ็นโจพูดงึมงำอยู่กับแผ่นหลังของฉัน “ชุดแบบนี้เขาใส่บรากันยังไงน่ะ”
“แหม มันก็มีบราหลายแบบนะคะ”
ว่าแล้วฉันก็เลคเชอร์นิดหน่อยเกี่ยวกับชุดชั้นในของผู้หญิงเวลาที่ต้องใส่ชุดเปิดหลัง คำพูดฉันจะเข้าหูหมอนี่รึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะมือที่ลูบขาฉันอยู่เริ่มดีดสายรั้งถุงน่องฉันเล่นเข้าให้แบบเบาๆ
“อื๋อ แล้ว...คุณใส่แบบไหนอยู่เหรอ” เอ็นโจถามด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะใสซื่อ “ขอผมดูหน่อยได้มั้ย”
“คงให้ดูไม่ได้ เพราะไม่ได้ใส่ค่ะ”
ฉันแกล้งทำเป็นเล่นลิ้น รู้สึกได้ว่าร่างที่อยู่ด้านหลังเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย
“นี่คุณออกไปข้างนอกโดยที่ไม่ได้ใส่บราอย่างนั้นเหรอ” น้ำเสียงของเอ็นโจเข้มขึ้นมากระทันหัน
ฉันหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้าด้วยรอยยิ้มสบายๆ
“โอ๊ะ ขอโทษที ฉันลืมบอกไปว่ามันมีชุดที่บุฟองน้ำเป็นบราในตัวด้วย ชุดนี้ก็เป็นแบบนั้นล่ะค่ะ”
เอ็นโจนิ่งอึ้งไปเป็นรอบที่สอง
เป็นไงล่ะ บอกแล้วว่าคืนนี้ฉันเป็นฝ่ายคุมเกม นายน่ะอยู่นิ่งๆคอยฟังคำสั่งราชินีไปเถอะ
“คุณปั่นหัวผมเก่งขึ้นนะ”
“เอาคืนจากสมัยเรียนที่ท่านเอ็นโจปั่นหัวฉันยังไงล่ะคะ”
โหมดสาวเซ็กซี่ขี้เล่นยังคงทำงานอยู่ ฉันเลยตอบกลับไปแบบนั้น ทั้งที่ในใจตื่นเต้นจนมือไม้เย็นเฉียบไปหมดแล้ว อ๊ะ!! มีเหงื่อออกฝ่ามือด้วย
ฉันแอบเช็ดเหงื่อที่มือเข้ากับกระโปรงแบบเนียนๆ
“ผมไม่เคยทำแบบนั้นซักหน่อย” เอ็นโจทำเสียงงุ้งงิ้ง ...คิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่แล้วยะ ไม่ได้น่ารักเลยซักนิด “ผมออกจะเป็นเด็กดีกับคุณ”
“ไม่จริงเลยซักนิดค่ะ”
“เหรอ” เอ็นโจยิ้มหวานให้ตอนจับฉันเอนลงกับเบาะโซฟา อ๊ะ!! เผลอไม่ได้เลยนะยะ
เราจูบกันอีกหน และฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะหลอมละลายกับรสจูบและอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆของเราทั้งคู่ เสื้อผ้าหลุดรุ่ยและมีบางชิ้นถูกถอดกองไว้กับพื้น
“ตรงนี้...หรือที่เตียงดี”
เอ็นโจกระซิบถามฉันข้างหู เรียกสติฉันให้กลับมาและพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพล่อแหลมได้ขนาดไหน ชุดเดรสแสนสวยอยู่ในสภาพกึ่งถอด พร้อมจะทำเรื่องแบบนั้นได้ทุกเมื่อ
อะ เอายังไงดีนะ ถ้าจะขอให้หยุดแค่นี้ต้องได้ทะเลาะกันแหงๆ แต่จะให้ไปต่อมันก็….
“เอ่อ คือ…” ฉันสอดส่ายสายตาหาตัวช่วยไปรอบๆห้อง “ฉันอยากอาบน้ำก่อนน่ะค่ะ”
“คุณยังตัวหอมอยู่เลย” เอ็นโจซุกๆหน้าไปตามต้นคอของฉัน มือยังคงลูบไล้อยู่แถวๆขา “แล้วผมก็ชอบกลิ่นคุณนะ”
“มะ ไม่ได้หรอกค่ะ…” ครั้งแรกน่ะมันสำคัญนะยะ อย่างน้อยก็อยากอาบน้ำเตรียมพร้อมก่อนมากกว่าน่ะ
เอ็นโจนิ่งไปครู่หนึ่งก็ยิ้ม ปล่อยมือออกจากตัวฉัน
“ได้สิ” หมอนั่นลุกขึ้นจากโซฟา “คุณจะใช้ห้องน้ำในห้องนอนก็ได้ เดี๋ยวผมไปอาบห้องเล็กเอง”
เอ็นโจมองฉันยิ้มๆ สายตาก็ดูกรุ้มกริ่มมีเลศนัย
“หรือจะอาบด้วยกันก็ได้นะ”
“ฉันอาบห้องเล็กดีกว่าค่ะ”
ฉันไม่รอฟังคำตอบแต่รีบเดินเข้าห้องน้ำห้องเล็กไป ไม่ต้องอาศัยใครมานำทางเพราะฉันก็มาที่นี่หลายครั้งแล้ว ในตู้เสื้อผ้าก็มีชุดเดรสของฉันอยู่ด้วยซ้ำ แล้วก็มีพวกคลีนซิ่งกับเครื่องสำอางกระจุกกระจิกที่ฉันเอามาทิ้งไว้ที่นี่อีก
จะถ่วงเวลาอาบนานๆดีมั้ยนะ….แต่ขืนทำแบบนั้นก็น่าเกลียดแย่
ฉันคิดในใจขณะเช็คหน้าสดตัวเองหลังใช้คลีนซิ่งล้างเครื่องสำอางออก อืม...สมกับที่บำรุงผิวมาหลายวันแถมก่อนไปเดทก็ยังไปเข้าคอร์สนวดหน้าสปาผิว ก็เลยยังไม่ต้องใช้ท่าไม้ตายในการแต่งหน้าให้ผิวสวยเด้งเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้แต่ง
ถ้าเกิดว่าหมอนั่นจูบแก้มฉันแล้วพวกคอนซีลเลอร์หรือแป้งติดปากไปจนเป็นคราบแล้วล่ะก็ ได้อับอายไปชั่วชีวิตแหงๆ
….แต่บำรุงผิวไว้หน่อยก็ดีเหมือนกัน
ในห้องน้ำมีอโรม่าออยล์กลิ่นที่ฉันชอบอยู่หลายขวด ที่จริงวันนี้ก็อยากนวดขัดผิวอยู่เหมือนกัน แต่ก่อนออกจากบ้านฉันก็อาบน้ำอย่างพิถีพิถันมาแล้ว แถมตอนนี้เอ็นโจก็รออยู่ข้างนอกอีก จะปล่อยให้รอนานๆก็คงไม่ดี
เมื่อเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูอีกผืน ฉันก็พบว่าลืมหยิบเอาชุดนอนมาด้วย ตอนนี้มีแค่เสื้อคลุมอาบน้ำเท่านั้น ถ้าใส่แค่เสื้อคลุมออกไปแต่ข้างใต้ไม่มีอะไรใส่อยู่ จะถูกมองว่าอีนี่เตรียมพร้อมเต็มที่เลยรึเปล่าน่ะ
แต่จะยัดตัวเองใส่ชุดเดิมออกไปก็ใช่ที่ แถมชุดบ้านี่ก็ใส่ยากซะด้วยสิ
โอ๊ย ไม่รู้ด้วยแล้ว
ฉันบ่นปอดแปดในใจตอนสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ มัดเชือกผูกเอวให้แน่นหนาเพราะกลัวจะไปหลุดกลางทาง ไดร์ผมเปียกๆจากการสระผมต่อ
กว่าจะเสร็จขั้นตอนก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานพอดู ฉันแอบหวังว่าเอ็นโจจะเหนื่อยจนหลับไปแล้ว แต่พอชะโงกหน้าไปดูในห้องนอนก็เห็นหมอนั่นนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เอาหลังพิงพนักไว้
พอเอ็นโจเหลือบมาเห็นฉันก็ปิดหนังสือลง วางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ฉันไม่มีทางเลือกเลยต้องเดินเข้าไปหา พอไปถึงเอ็นโจก็จับข้อมือฉันไว้ให้นั่งข้างๆกัน
“สระผมมาเหรอ”
สมกับเป็นเอ็นโจที่สังเกตสิ่งที่เปลี่ยนแปลงบนตัวฉันได้รวดเร็วขนาดนี้ จะเป็นเพราะผมม้วนๆที่คลายตัวออกเพราะไม่ได้ม้วนโรลหลังสระ หรือจะเป็นเพราะกลิ่นแชมพูหอมๆที่ติดเส้นผมกันแน่นะ
“เอ่อ...พอดีตอนที่ฉันเอ่อ...อาเจียน แล้วกลัวว่ามันจะเลอะ ก็เลย….” ฉันรู้สึกกระดากนิดหน่อยที่ต้องพูดถึงเหตุการณ์อันน่าอับอายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า “ขอโทษที่ช้านะคะ”
แต่เอ็นโจกลับยิ้มบางๆ ปัดปอยผมที่ลงมาปรกแก้มฉันให้ทัดหู
“ผมรอได้”
ฉันสะดุ้งหน่อยๆกับแววตาที่เอ็นโจมองมาในตอนนี้ รู้สึกหน้าเห่อร้อนชอบกล กลิ่นหอมสบู่ที่เป็นกลิ่นเดียวกันก็ทำใจฉันหวิวๆ มือไม้เกะกะทำตัวไม่ถูกไปหมด
ตอนที่ฉันหลุบตามองไปทางอื่นเพราะไม่กล้าสบตาก็ถูกดึงเข้าไปกอด
….โอ้ว จะเริ่มกันเลยเหรอ เดี๋ยวก่อนซี่ ฉันยังไม่พร้อมนะ
----------------------
ตัดฉับแบบละครไทย ต่อพาร์ทหน้า
ไหว้ล่ะจ้ะ ตัดได้ แต่ห้ามหายข้ามเดือนข้ามปีนะโม่งฟิคคคคคคค
เลิฟยู แต่งได้น่ารักชวนใจเต้น กรี๊ดดดดด
ลงแดงจากนิยายแล้วก็มาลงแดงกับฟิคต่อ ฮืออออ ได้โปรดอย่าดองนะโม่งฟิค
ยังรอตอนที่300อยู่นะค้าาาา เอื่ออออออออออออ
https://twitter.com/marudori_kenkyo/status/1349681482982309892
สมเป็นพระเอกมังงะโชโจ หล่อชิบหาย 555555555555555555555
ไหนๆก็ไหนๆ ตั้งกระทู้ใหม่เลยละกัน
ใช้ชื่อนี้นะ "ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับปีใหม่ที่ไร้ตอนต่อ ขอของขวัญเป็นตอนใหม่ด้วยเถิด สาธุ [คำอธิษฐานครั้งที่ 32]"
จากผลโหวต
เปิดวาร์ปไปกระทู้ใหม่ >>>/webnovel/12292
จากนี้เชิญวิ่งควายตามสะดวกจ้า
>>989 เออ หล่อจริง สมเป็นพระเอกการ์ตูนโชโจที่ยังไงพระเอกก็ต้องหล่อไว้ก่อน 555555555555555555
พูดถึงหน้าตา จริงๆกูแอบจิ้นเจ้าแม่ทีแรกว่านางสวยแบบร้ายๆนะ แบบเห็นหน้าก็รู้ว่าอีนี่มันตัวร้าย หน้าจิกๆเหวี่ยงๆเชิดๆ แต่พอในเรื่องบอกว่านางหน้าตาน่ารักแบบตุ๊กตาฝรั่ง ก็ดูไม่ค่อยเป็นอิมเมจนางร้ายเท่าไหร่เลยวุ้ย ส่วนเอ็นโจกูจิ้นหน้าตาแบบตัวรองที่หล่อๆหางตาตกๆหน่อย เวลาปกติออร่าจะไม่เด่นเท่าตัวหลัก แต่พอถึงคิวตัวเองมีบทก็รังสีเฉิดฉายจนรู้สึกว่าไอ้นี่มันหล่อจัง วาคาบะกูจิ้นหน้าตาน่ารักตามมาตรฐานนางเอกการ์ตูนโชโจ ส่วนอาริมะกูจิ้นหน้าตาเหมือนคาบุแค่หัวขาวเพราะไม่ติดสกรีนโทน 555555555555555555
อะ ช่วยวิ่งควาย
กุนึกว่าห้องนี้เต็มแล้วเลยไปเจิมห้องนู้นกุขอโทษ
ขอให้ท่านฮิมาต่อก่อนกูเรียนจบด้วยเถอะ สาธุ
ขอตอนใหม่ด้วยค่ะท่านฮิ
ปิดท้ายด้วยขอตอนใหม่ในปีนี้ด้วยเถอะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.