เรย์กะมองค้อนใส่แล้วสะบัดหน้าหนี ทั้งๆที่หน้ายังแดงก่ำอยู่อย่างนั้น
“ผมดีใจมากเลยนะ”
“กะ ใกล้เกินไปแล้วนะคะ”
“งั้นเหรอ” เขายกมือนั้นขึ้นมาแล้วจูบที่ปลายนิ้วเบาๆ ช้อนสายตามองแบบออดอ้อนเล็กๆ
“....”
“คุณคิโชวอิน”
“คะ”
“ชอบเทพนิยายมั้ย”
“เอ๋ เอ่อ...ก็….”
“คุณคิโชวอินคงเคยได้ยินเรื่องแก้คำสาปใช่มั้ย” เขายิ้มบางเบา “ไม่แน่ว่าโรคดอกไม้ของพวกเรานี่อาจจะเป็นคำสาปก็ได้นะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเทพนิยายล่ะคะ”
“ขอผมจูบคุณหน่อยได้มั้ย”
เธอหน้าแดง ทำปากพะงาบๆเหมือนจะปฏิเสธ แต่ไม่มีคำพูดอะไรเล็ดรอดออกจากปากนั้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายสิบวินาที
“พะ พูดอะไรออกมาน่ะคะ ท่านเอ็นโจ”
“ก็แก้คำสาปไง เจ้าหญิงนิทราหรือสโนวไวท์ยังคลายคำสาปได้เพราะจูบจากรักแท้เลยนี่นา”
“!!!”
“เราลองมาทดสอบดูหน่อยมั้ย”
ชูสุเกะยิ้มบางเบา สายตาจ้องตากันในระยะที่ใกล้กว่าครั้งไหนๆ ใกล้จนเห็นแพขนตางอนยาวคู่นั้น ใกล้จนเขาคิดว่าเธอน่าจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นถี่รัวอยู่ในเวลานี้
เรย์กะเป็นฝ่ายหลับตาก่อน เธออาจจะเขินอายจนไม่กล้าสบตา แต่ก็ไม่ได้เบี่ยงตัวหนีหรือทำกริยาที่แสดงอาการขัดขืนทำให้รู้สึกใจชื้น
เขาถือว่านั่นคือคำอนุญาต ประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากอ่อนนุ่มที่เคลือบด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อน จูบเบาๆอย่างละเมียดละไมไม่เร่งร้อน
ชูสุเกะเคยจินตนาการถึงจูบแรกที่เขาหวังไว้ว่าจะได้ทำกับเธอ มันจะรสชาติเป็นอย่างไร จะหวานอมเปรี้ยวแบบในหนังสือว่าหรือไม่ แต่พอได้ทำจริงๆ คำบรรยายจากในหนังสือหรือนิยายที่เคยอ่านมันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เป็นอยู่ มันหวานกว่าเป็นร้อยๆเท่า ทั้งปลอดโปร่งและเบาสบายเหมือนแตะลงบนปุยเมฆ นุ่มนวลและอ่อนหวานคล้ายกับขนมสายไหม ความรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อกระพือปีกในท้องนับพันเป็นอย่างไรก็ได้รู้ในตอนนี้
ถ้าหากเป็นความฝันจากการผ่าตัดในการเอากลีบดอกไม้ออก เขาก็ไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกเลย
แต่นี่คือความจริง แม้เขาจะผละริมฝีปากออกมาแล้ว คนตรงหน้าก็ยังมีตัวตนอยู่จริงๆให้จับต้อง ชูสุเกะไม่รู้ว่าตัวเองทำสายตาแบบไหนในการจ้องมองเธออยู่ในเวลานี้ เขารู้แค่ริมฝีปากตัวเองยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ประคองใบหน้านั้นด้วยสองมือ แตะต้องอย่างทนุถนอม
และเรย์กะก็ยิ้มตอบกลับมา เอียงหน้าเล็กน้อยให้แก้มแนบกับฝ่ามือเขามากยิ่งขึ้น
ความสุขแผ่ซ่านไปตามที่ต่างๆในร่างกาย เหมือนอาบไล้แสงอาทิตย์ที่อบอุ่น มันเป็นความรู้สึกแบบเดียวกับตอนที่อยู่ในห้องสโมสรที่เธอและเขาหัวเราะด้วยกัน แต่ปลอดโปร่งกว่ามาก คงเพราะความหนักอึ้งและความไม่แน่นอนที่เคยรู้สึกได้หายไปแล้ว
ชูสุเกะรู้สึกว่าหนามแหลมที่แผ่ขยายไปทั่วร่างของเขาก็ได้หายไปเช่นกัน มันพาเอาอาการหายใจไม่ออกและเจ็บช่วงอกกับลำคอหายไปด้วย แต่มันจะหายไปจริงหรือไม่ คงต้องลองตรวจดูในวันพรุ่งนี้
หน้าผากเขาแนบลงกับหน้าผากของเธอ จ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง และไม่มีสัญญาณใดๆนัดหมาย ทั้งเขาและเรย์กะก็หัวเราะออกมาพร้อมๆกัน
นี่อาจจะเป็นฉากจบในเทพนิยายที่มีความสุข เจ้าหญิงและเจ้าชายได้ฝ่าฟันอุปสรรคและครองรักกันอย่างมีความสุข แต่นี่คือชีวิตจริงไม่ใช่เทพนิยาย และเขารู้ว่านี่มันคือจุดเริ่มต้นเท่านั้น
หลังจากนี้คงจะมีเรื่องราวตามมาอีกเยอะ ไหนจะเรื่องการคุยกับพ่อให้เข้าใจ ไหนจะเรื่องทางบ้านที่ยุ่งยากซับซ้อนปวดหัวอีก เขาจะจับมือคู่นี้เดินไปจนถึงปลายทางได้หรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้ อาการเขาอาจจะกลับมากำเริบจนต้องผ่าตัดอีกหน ….แต่เรื่องนั้นคงต้องเอาไว้ก่อน
ชูสุเกะยิ้ม และก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากอันอ่อนนุ่มนั่นอีกหน รสหวานของลิปกลอสติดมาที่ปลายลิ้น หวานจนคิดว่าอยากกินบ่อยๆ
ต่อจากนี้ เขาต้องวางแผนการณ์มากมายที่จะได้อยู่กับเธอ อาจจะถึงขั้นเตรียมใจที่จะแตกหักกับทางบ้าน แต่นั่นมันเรื่องของอนาคต ในเมื่อปัจจุบันตรงหน้านั้นสำคัญที่สุด เขาก็ต้องให้ความสำคัญก่อนตามนั้น
ในตอนนี้ขอดื่มด่ำและมัวเมาไปกับรสจูบที่เฝ้ารอมาเนิ่นนาน จนกว่าจะสาแก่ใจ
.
.
.
.
END