เขาตื่นมาอีกทีก็ช่วงเกือบบ่ายสาม เป็นเวลาที่คิดว่าสมควรจะออกไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายรอบๆสวนเหมือนทุกวันสักหน่อย
แต่ยังไม่ทันที่จะได้หยิบเสื้อคาดิแกนที่อยู่บนเก้าอี้ มือถือก็ส่งเสียงร้องเตือนว่ามีคนโทรเข้ามา เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในที่พ่อเขาเคยมอบหมายหน้าที่ให้ดูแลสอดส่องเรื่องทั่วๆไปในโรงพยาบาลนี้ เขาขมวดคิ้วพลางรับสายแบบนึกสงสัยว่ามีเรื่องอะไรกันแน่
ปลายสายทักทายมาเล็กน้อยแล้วเข้าเรื่อง ซึ่งเรื่องที่ว่าก็คือวันนี้ผู้มารับบริการกับทางโรงพยาบาลในชื่อ “คิโชวอิน เรย์กะ”
รายละเอียดของการรับบริการในครั้งนี้คือ เธอมาพบแพทย์ในช่วงเวลาบ่ายโมงเพื่อรับคำปรึกษาจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญในโรคอาเจียนเป็นดอกไม้และจะมีการตรวจในเบื้องต้นเพื่อหาวิธีผ่าตัดต่อไปด้วย
“ผมเห็นข้อมูลถูกคีย์มาในระบบตอนบ่ายโมงของวันนี้” ปลายสายมีเสียงดังต๊อกแต๊กเหมือนกำลังง่วนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ “เวลาให้คำปรึกษาและการตรวจรักษาเบื้องต้นเพิ่งจะสิ้นสุดลงไปเมื่อห้านาทีที่แล้วเองครับ ผมคิดว่าคุณอาจจะอยากรู้ก็เลยโทรมาแจ้งก่อน”
“ขอบคุณมากเลยนะ”
ชูสุเกะมองหน้าจอโทรศัพท์หลังวางสายแล้วเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง นี่ก็ผ่านมาเกือบสิบนาทีแล้ว ไม่รู้ว่าเธอจะออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับไปรึยัง
เขาคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับแบบลวกๆ เดินออกจากห้องพักผู้ป่วย ข้างนอกค่อนข้างเงียบสงบเพราะเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง หมอและพยาบาลจะมาในช่วงเวลาตรวจเยี่ยมหรือไม่ก็มีการกดเรียกเท่านั้น
ชูสุเกะกดลิฟท์ลงไปชั้นล่าง เขารู้ว่าแผนกตรวจโรคอาเจียนเป็นดอกไม้อยู่ที่ไหน บางทีถ้าเขาเดินไปที่นั่น เขาอาจจะได้พบกับเธอก็เป็นได้
เขาไม่ควรไปพบเธอเพราะมีแต่จะทำให้อาการแย่ลง
สัญญาณไฟจากลิฟท์บ่งบอกว่ากำลังเคลื่อนตัวขึ้นมาจากชั้นล่าง แค่ไม่กี่ชั้นเท่านั้น แต่ให้ความรู้สึกนานเป็นพิเศษในความคิดเขา
ระหว่างรอลิฟท์ ชูสุเกะได้คิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้
การที่เธอมาปรึกษาหมอแบบนี้ อาจจะต้องการที่จะผ่าตัดก็เป็นได้
โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลในเครือตระกูลเอ็นโจ รวบรวมเอาแพทย์ที่เก่งในแต่ละด้านแบบเฉพาะทางเอาไว้ ซึ่งโรคนี้เองก็เช่นกัน คิดว่าเรย์กะคงค้นหาข้อมูลการรักษาในอินเตอร์เน็ตถึงได้เจอโรงพยาบาลนี้
อันที่จริง ข้อมูลการรักษาของคนไข้จะเป็นความลับอย่างยิ่งยวด แต่เขาก็ได้รับรู้เพราะเป็นนายน้อยของตระกูลผู้บริหารโรงพยาบาลนี้
เขาเคยรับรู้ข้อมูลเรื่องประวัติการรักษาของคิโชวอิน เรย์กะมาแบบไม่ได้ตั้งใจมาก่อนก็ตอนที่เธอมารักษาโรคคิ้วแหว่งจากความเครียด เขาไม่ได้ไปแทรกแซงการรักษาของหมอหรอก แค่กำชับให้ดูแลเธอให้ดีเป็นพิเศษ แต่หลังจากนั้นเขาก็บอกให้พนักงานช่วยรายงานข้อมูลเกี่ยวกับเธอมาเป็นระยะๆหากมีการเคลื่อนไหว
ชูสุเกะแค่นหัวเราะแบบสมเพชเวทนาให้กับตัวเอง
เหมือนสตอล์กเกอร์ไม่มีผิด ถ้าเธอรู้คงยิ่งเกลียดเขาหนักกว่าเดิมแน่ๆ
ลิฟท์เปิดออกพอดี เขาเตรียมที่จะก้าวเข้าไปข้างใน แต่ก็หยุดนิ่งไปเมื่อเห็นคนที่อยู่ภายในลิฟท์ จ้องมองร่างตรงหน้าด้วยความพิศวง
คิโชวอิน เรย์กะยืนอยู่ข้างในนั้น
“สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ”
เธอเองก็เลิกคิ้วขึ้นพร้อมมองตอบมาเช่นกัน
----------------------------------------------
ตอนจบที่เขียนไว้มันยาวมากเลยตัดตอนไปจบพาร์ทหน้าละกัน ตัดจบแบบละครไทยให้ค้างเล่นๆ อิอิ