“ท่านมายาซะ เธอคนนี้….” คนขับรถทำหน้าแปลกใจและออกจะผวาไม่น้อยยามที่ฉันขึ้นรถมาได้สำเร็จ อะไรกัน คนที่บ้านน่าจะคุ้นเคยกับคิโชวอินในระดับนึงแล้วไม่ใช่เรอะ
“กลับคฤหาสน์” เพราะขี้เกียจอธิบายเลยสั่งไปเรียบๆ และยังดีที่คนขับรถไม่คิดจะถามอะไรอีก ระหว่างที่เอื้อมมือไปเพิ่มอุณหภูมิในรถก็บังเอิญเหลือบไปเห็นเบลเซอร์ที่ถอดทิ้งไว้วางข้างๆผ้าขนหนูสะอาดที่ยังไม่ได้ใช้อยู่ด้วย โชคดีจริงๆ ให้คิโชวอินเปียกโชกเหมือนลูกหมาแบบนี้ไม่ได้ด้วย เลยถือโอกาสใส่คลุมให้เสียเลย แน่นอนว่าผ้าขนหนูนั่นก็ต้องเช็ดตัวเธอให้ด้วย ท่าทีเงอะงะแบบนั้นกว่าจะจัดการเองเสร็จก็คงถึงบ้านก่อนแน่
รีบทำให้ร่างกายอบอุ่นซะ อ่อนแอแบบนี้ถ้าป่วยขึ้นมาคงหายยากน่าดู
คิโชวอินบ่นอุบอิบพึมพำอะไรบางอย่างออกมาเบาๆในระหว่างที่ฉันใช้ผ้าขนหนูซับน้ำออกไปจากผมเกลียวที่คลายแล้วของเธออย่างเบามือ พอแอบเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเสียงสะอื้นคลอมากับศัพท์ที่จับใจความไม่ค่อยได้ ‘ใจดี’บ้างล่ะ ‘ใกล้ไป’บ้างล่ะ ‘ไม่เห็นต้องมาช่วยเลย’บ้างล่ะ อะไรกันล่ะนั่น ไม่เห็นเข้าใจเลย
“……..ขอบคุณนะคะ”
แต่อย่างน้อยเสียงกระซิบอ้อมแอ้มนั่นน่ะได้ยินชัดเจนนะ
ฉันผุดยิ้มออกมา วินาทีนึงก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่มันคงเป็นเพราะแววตาสิ้นหวังแบบนั้นของคิโชวอินไม่มีอีกแล้ว อื้ม อื้ม ถึงตาจะคลอด้วยน้ำตาแถมทำหน้าน่าเกลียดไปบ้าง แต่ในที่สุดยัยนี่ก็กลับมาเป็นคิโชวอินแบบปกติสักที
เธอไม่เหมาะกับหน้าว่างเปล่าเหมือนไม่มีชีวิตหรอก ไม่ว่าใครก็ต้องยืนยันเป็นเสียงเดียวกับฉันอย่างแน่นอน!
แต่ตอนนี้เริ่มเครียดซะแล้วสิ….ถ้าท่านแม่รู้ว่าพาคิโชวอินสภาพนี้เข้าบ้าน จะโดนพูดว่าอะไรบ้างล่ะเนี่ย…..
-----------------
จบละมึง ทำไมแลดูไม่เหมือนคาบุรากิเลยวะ กุเผลอใส่ฟิลเต้อให้นางหล่อขึ้นรึเปล่าวะเนี่ย 55555555555555555