“คิโชวอิน ผู้หญิงตัวคนเดียวมายืนท้าฝนกลางพายุแบบนี้มันอันตรายนะ” แถมตอนแรกยังแอบนึกอีกว่าเป็นผีแน่ะ ถ้าไม่เห็นผมม้วนหลอดของเธอฉันคงจะผ่านไปแล้ว
ขอบคุณทรงผมที่อย่างกับหลุดมาจากตุ๊กตาของตัวเองซะเถอะนะ ที่เด่นมากๆจนเห็นทะลุฟิล์มกระจกรถฉันได้น่ะ
“….นั่นสินะคะ” คิโชวอินยิ้มออกมาบางๆตอบกลับมาเป็นมารยาท เป็นรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกฝืนทนสิ้นดี รอยยิ้มแบบที่ใครเห็นก็ต้องอยากจะร้องไห้ออกมา และนั่นทำให้ฉันรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย
คิโชวอินเหม่อมองออกไปไกล สายตาเธอหยุดลงที่ใดก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ เธอที่หลบซ่อนสายฝนใต้ร่มคันเดียวกับฉันชวนให้คิดถึงอะไรแปลกๆอยู่เหมือนกัน แต่จากที่ดู คิโชวอินคงยังไม่อยากจะกลับบ้านเร็วๆนี้แน่
ฉันถอนหายใจ จะปล่อยให้เพื่อนอยู่คนเดียวในสภาพนี้ มันก็คงไม่ใช่ทีหรอกมั้ง?
“คิโชวอิน ขึ้นรถ!” ฉันออกคำสั่ง กึ่งลากกึ่งจูงเธอออกมาจากลานกว้างตรงนั้นในระหว่างที่ยัดเยียดให้เธอถือร่มไปด้วย
“ เอ๋! คะ?? ท่านคาบุรากิ! จะทำอะไรน่ะคะ!!!”
คิโชวอินที่เพิ่งหลุดออกมาจากภวังค์โลกส่วนตัวหวีดร้องเบาๆเมื่อฉันใช้แขนโอบร่างเปียกๆของเธอให้เข้ามาด้านในของร่ม และเสียสละตัวเองยืนด้านนอกของร่มเพื่อกันละอองฝน ให้ตาย ยัยนี้ตัวเย็นเฉียบเลย ยิ่งกว่าน้ำแข็งซะอีก ถ้าปล่อยให้ยืนอย่างนั้นต่อไปคงไม่พ้นเป็นลมสลบเพราะอากาศหนาวแน่
เอาเถอะ ไว้ค่อยคิดก็แล้วกัน ฉันก้าวเท้า พยามกระชับคิโชวอินให้แนบติดกับตัวฉันเองให้ได้มากที่สุด ถึงจะเปียกก็ช่างมันปะไร อย่างน้อยถ้ามันช่วยให้เธออุ่นขึ้นได้สักหน่อยก็คงดี
เมื่อมาถึงรถ ฉันก็ดันร่างเธอเข้าไปโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น