Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ พวกเรารอท่านฮิโยโกะอยู่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ! [ฤดูกาลผันผ่านครั้งที่31]

Last posted

Total of 1000 posts

664 Nameless Fanboi Posted ID:zh6sUZjrT1

แจกความฝลดใฝล(?)ก่อนนอน
KimiDolce ~after story (เกอิชา) >>>/webnovel/6114/947-952

-----------------

วันเวลาผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ฤดูใบไม้ผลิก็มาเยือนอีกหนจนได้ ผม มาซายะและคุณวาคาบะก้าวขึ้นสู่ปีสองในรั้วมหาวิทยาลัย นั่นหมายถึงตารางเรียนและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็มากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ถึงจะยุ่งแค่ไหนพวกรุ่นพี่ก็พยายามจับผมและมาซายะไปเป็นหน่วยต้อนรับเด็กปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่ และมาซายะก็ต้องเป็นคนกล่าวต้อนรับทุกคนแทนที่รุ่นพี่คนอื่นๆอีกครั้ง

ในคณะมีแต่คนคุ้นๆหน้าจากซุยรันเต็มไปหมด ดูๆไปก็เกือบคล้ายงานคืนสู่เหย้าเหมือนกัน

มาซายะส่งยิ้มให้ทุกคนตามมารยาท แต่ท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ตอนที่ถูกพวกรุ่นพี่พยายามดึงตัวไว้ให้อยู่ในงานเลี้ยงนานๆ แล้วก็มีพวกคนที่เข้ามารุมล้อมอีก ผมรู้ว่าเขาน่ะอยากจะไปหาแฟนที่คณะจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งขึ้นปีสอง เวลาที่ใช้อยู่ด้วยกันก็น้อยเต็มที

คุณวาคาบะก็ต้องไปออกทริปกับทางคณะไม่ค่อยมีเวลาว่าง แถมยังต้องเข้าเรียนพิเศษกับมาดามคาบุรากิอีก ส่วนมาซายะก็ต้องเข้าประชุมกับบอร์ดบริหารบ่อยกว่าเก่า ถึงจะยังไม่มีอำนาจตัดสินใจแต่ก็ต้องนั่งฟังและวิเคราะห์ไปด้วย ผมเองก็คล้ายๆกันกับมาซายะนั่นล่ะ

วันที่ไม่มีเรียน พวกเราก็เลยนัดทานข้าวกลางวันกันสามคน มาซายะเลือกร้านอาหารฝรั่งเศสแบบออร์แกนิคที่ไม่เป็นทางการเกินไปนัก พวกเราทานไปคุยไปเกี่ยวกับเรื่องเปิดเทอมและรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาใหม่

“ที่คณะก็มีเด็กซุยรันเข้ามาเยอะเหมือนกันนะ” คุณวาคาบะเล่าถึงงานต้อนรับเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งผ่านพ้นไป “เจอรุ่นน้องในคณะกรรมการนักเรียนที่สนิทๆกับมิซึซากิคุงด้วยล่ะ มาเล่าให้ฟังว่าไปเจอมิซึซากิคุงที่ฝรั่งเศสตอนไปเที่ยวกับครอบครัวพอดี”

“อื๋อ มิซึซากิ…” มาซายะเลิกคิ้วขึ้น มือก็ยังคงหั่นเนื้อบนจาน “เห็นว่าหมอนั่นไปเรียนที่นั่นใช่มั้ยนะ”

“ใช่แล้ว เรียนกฎหมายน่ะ”

“ก็ดูเป็นอะไรที่เหมาะสมกับเขาดีนะ”

มิซึซากิที่ว่าเป็นประธานนักเรียนที่คอยขับเคี่ยวกับมาซายะมาในทุกๆด้านมาตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น ทั้งเรื่องการเรียน กีฬา ถึงมาซายะไม่ได้คิดจะแข่งขันอะไร แต่ก็สามารถเอาชนะเขาไปได้ในทุกๆครั้ง รวมถึงเรื่องความรักด้วย

เขาก็เป็นอีกคนที่ชอบคุณวาคาบะ เลือกใช้วิธีขาวสะอาดตรงไปตรงมาในการแข่งขันในทุกๆด้าน และเมื่อคุณวาคาบะเลือกมาซายะ เขาก็ยินดีที่จะหลีกทางให้พร้อมกับอวยพรให้คนที่รักมีความสุข ช่างเป็นคนดีและซื่อตรงอะไรอย่างนี้

ผมอดที่จะเปรียบเทียบกับใครบางคนในใจไม่ได้

บางทีถ้าผู้หญิงคนนั้นยอมรับความพ่ายแพ้เหมือนมิซึซากิ ไม่ดึงดันหรือใช้วิธีสกปรกในการกำจัดคู่แข่ง เรื่องมันคงไม่บานปลายจนมีจุดจบแย่ๆแบบนั้น

นี่ก็ผ่านมานานแล้วจากครั้งล่าสุดที่ได้เจอ ผมไม่รู้ว่าคุณคิโชวอินจะจับผู้ชายรวยๆได้สักคนแบบที่เธอตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ แต่คุณอิมาริที่ได้เจอตามงานเลี้ยงก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรเป็นพิเศษ เขาดูเหมือนจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องคุณคิโชวอินด้วยซ้ำ

แต่ถ้าเธอพลาดจากคุณอิมาริ เธอจะเที่ยวไปหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายคนไหนอีกผมก็ไม่รู้

และป่านนี้เธอจะทำอะไรอยู่กันนะ

.
.
.
.

.

เหมือนพระเจ้าจะได้ยินสิ่งที่ผมบ่นในใจไปเมื่อวันก่อน เพราะวันนี้พ่อก็ได้แจ้งให้ทราบว่าคู่ค้าจากอังกฤษจะมาเยี่ยมชมการผลิตที่ญี่ปุ่นอีกหนในต้นสัปดาห์หน้า และพ่อก็มอบหมายหน้าที่ให้ผมเป็นผู้รับรองแขกอีกเหมือนเดิม

เขารีเควสต์สถานที่ที่อยากไป แน่นอนว่าต้องมีร้านที่คุณคิโชวอินทำงานอยู่ เดาไม่ผิดเลยสักนิด ผมจึงบอกให้เลขาของพ่อจองสถานที่นั้นเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

วันนัดหมายมาถึง เขาก็ดูกระตือรือร้นที่จะไปที่นั่น คงอยากจะพบไมโกะสาวน้อยที่ไม่ได้เจอมาเนิ่นนานใจจะขาดแล้ว ชวนผมคุยเรื่องศิลปะวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ไปศึกษามาไม่ขาดปาก แถมยังมีของขวัญมามอบให้เธอด้วย

แต่เมื่อลงจากรถและกำลังจะเข้าไปด้านใน ก็มีเสียงทักขึ้นเสียก่อน

“อ้าว ท่านเอ็นโจใช่มั้ยน่ะครับ”

665 Nameless Fanboi Posted ID:zh6sUZjrT1

ผมหันไปตามเสียงเรียกชื่อ เห็นคนที่คุ้นเคยหน้ายืนอยู่ตรงทางเข้าสวนญี่ปุ่นในร้าน หมอนี่คือรุ่นน้องใน Pivoine ที่อยู่ซุยรัน ปกติเราแทบไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ

“สวัสดีครับ” ผมทักทายตอบกลับไป ขอตัวกับแขกอย่างสุภาพให้พวกเขาล่วงหน้าเข้าไปก่อน

“ท่านเอ็นโจมาทำอะไรที่นี่น่ะครับ”

“พาลูกค้ามาเลี้ยงรับรองน่ะ ลูกค้าอยากมาก็เลยต้องพามา” รอยยิ้มการค้าผุดขึ้นมาบนใบหน้าของผมอย่างเคย “แล้วนี่เพิ่งมาถึงเหรอ”

“ผมมากับพวกท่านพ่อ และกำลังจะกลับแล้วน่ะครับ” เขายิ้มตอบกลับมา มองไปยังกลุ่มคนที่กำลังขึ้นรถที่มีคนเปิดประตูให้จากนอกร้าน “ท่านเอ็นโจเพิ่งเคยมาที่แบบนี้หรือครับ”

“ก็ประมาณนั้นล่ะ” ผมตอบกลางๆไว้ก่อนเพราะยังไม่รู้จุดประสงค์แน่ชัดของหมอนี่ “เพิ่งเคยมาเหมือนกันเหรอ”

“ใช่ครับ วันนี้ท่านพ่อให้ผมมาพบลูกค้าด้วย” เขายิ้ม สายตาก็ดูมีลับลมคมใน “ ก็เป็นสถานที่ดีอีกที่หนึ่งนะครับ”

เลขาที่พ่อส่งมาเป็นผู้ช่วยยืนรอรับคำสั่งอยู่ไม่ไกล ผมเลยบอกให้เธอล่วงหน้าไปรับรองแขกก่อน เดี๋ยวผมจะตามไปทีหลัง พอหันกลับมาก็เห็นว่าเจ้าเด็กรุ่นน้องยังจ้องมองผมเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

“มีอะไรอย่างนั้นเหรอ”

เหมือนจะรอให้ผมถามคำถามนี้ เพราะเขาก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ๆ ทำเหมือนกำลังจะพูดความลับ

“ทายสิครับว่าผมเจอใครในที่แบบนี้…” เขาหัวเราะ หน้าตาในตอนนี้ดูเจ้าเล่ห์ “...ก็รุ่นพี่คิโชวอิน เรย์กะของเรายังไงล่ะครับ”

ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“ผู้หญิงคนนั้นน่ะ หลังจากโดนกระชากหน้ากากก็หายไปจากสังคมเลยนี่ครับ ทีแรกนึกว่าฆ่าตัวตายหนีความอับอายไปแล้วซะอีก แต่ได้มาเจอกันอีกทีในที่แบบนี้ ผมล่ะตกใจจริงๆ ทำเรื่องเลวร้ายไว้ขนาดนั้นยังกล้าสู้หน้าคนได้ยังไงกันนะ”

เขาเงียบไปเล็กน้อยเหมือนกำลังหยั่งเชิงดูปฏิกริยาของผม

“ว่าแต่ท่านเอ็นโจทราบรึเปล่าครับว่าเธอทำงานที่นี่”

“เอ...ไม่รู้สิ ผมให้เลขาจองน่ะ” ผมยิ้มการค้าอย่างเคย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างแนบเนียน “เธอทำงานอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ”

“ใช่แล้วล่ะครับ ตอนที่เจอ เธอก็ขอร้องไม่ให้ผมบอกใครด้วยนะครับ…แต่ผมเห็นว่าถ้าท่านเอ็นโจมารู้ทีหลังคงลำบากใจไม่น้อยที่ต้องพบผู้หญิงคนนั้น ก็เลยจำเป็นที่จะต้องบอก”

เขาทำสีหน้าเห็นอกเห็นใจที่ดูเสแสร้งจนน่าขำ ผมเลยเออออไปตามเรื่องตามราว จากนั้นก็ส่งยิ้มและตัดบทสนทนาโดยอ้างว่าปล่อยให้ลูกค้ารอนานๆจะไม่ดี

“ขอบใจที่มาบอกนะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

เขาโค้งให้ผมเล็กน้อยแล้วเดินไปที่ประตูทางออก ส่วนผมเดินเข้าไปในร้านที่มีผู้หญิงในชุดกิโมโนยืนประสานมือรอต้อนรับ ระหว่างที่ไปยังห้องที่จองไว้ก็ครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อครู่ไปด้วย

หมอนั่นต้องการอะไร

ผมลองคาดเดาถึงจุดประสงค์จากภาษากายและสีหน้าของเขาเวลาที่พูดถึงเรื่องนี้ ย้อนเดาถึงพฤติกรรมที่เคยพบเห็นในโรงเรียน

เขาก็เป็นคนแบบเดียวกับผู้หญิงคนนั้น ชอบใช้อำนาจข่มเหงรังแกคนอื่น แถมยังคอยช่วยเธอกลั่นแกล้งเด็กนักเรียนกลุ่มนอกเป็นบางครั้ง เป็นประเภทที่มาซายะและผมเกลียดก็เลยเลี่ยงที่จะคบค้าสมาคมด้วย

แต่พอเธอตกต่ำ เขาก็เป็นคนแรกๆที่ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่นิด คงขยาดเพลิงพิโรธของมาซายะที่แสดงให้เห็นในงานหมั้นนั่นล่ะ

ผมพอจะเข้าใจจุดประสงค์ของเขาแล้ว ...คิดจะยืมมือผมในการกำจัดคุณคิโชวอินสินะ

เขาคงคิดว่าถ้าผมได้เห็นเธอที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตในที่แบบนี้คงจะไม่พอใจและหาทางบีบให้โอชะยะไล่เธอออก ที่คาบข่าวมาบอกคงเพราะต้องการประจบประแจง ผูกสัมพันธ์กับผมและมาซายะไปด้วยในตัว

ไอ้หมอนี่ทุเรศชะมัด

เดินมาจนถึงห้องที่จองไว้ ผู้นำทางก็เลื่อนบานประตูให้ผมเข้าไปข้างใน เสียงดนตรีจากซามิเซ็งก็ดังขึ้นในโน้ตแรกพอดี และตามมาด้วยเสียงร้องเพลงจากนักดนตรีที่กำลังบรรเลงท่วงทำนอง

เพลงนี้มัน ...เจ้าหิ่งห้อยฤดูร้อน

666 Nameless Fanboi Posted ID:zh6sUZjrT1

คุณคิโชวอินร่ายรำอยู่กลางห้อง ใส่กิโมโนสีชมพูอ่อนคาดโอบิสีน้ำเงินเข้มปักลวดลายดอกไม้ โบกพัดไปมาดูท่าทางเศร้าสร้อย ทำท่าเหมือนไล่จับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงด้วยท่าทีอ่อนช้อย เมื่อเพลงจบก็หมอบคำนับลงบนพื้น และมีคู่ค้าของผมปรบมือให้อย่างเสียงดังออกนอกหน้ากว่าคนอื่นๆ

เธอยิ้มแย้มสลัดท่าทีเศร้าหมองเมื่อครู่นี้ ตรงเข้ามารินเหล้าใส่จอกให้กลุ่มพวกผมทุกคน ข้ามผมไปด้วยท่าทีที่เหมือนจะจงใจ แต่โอก้าซังนั่งอยู่ข้างผมและรินเหล้าให้แทน เลยไม่มีใครสังเกตถึงความผิดปกตินี้

“ฮิเมะจัง เมื่อกี้ผมเห็นคุณเศร้ามากเลย” คู่ค้าของผมเอ่ยขึ้นเมื่อเธอนั่งลงข้างๆเพื่อจะปรนนิบัติ “เป็นอะไรรึเปล่า”

“ได้พบกับคุณแล้วฉันจะเศร้าได้ยังไงกันคะ” คุณคิโชวอินส่งยิ้มหวาน “ฉันแค่เข้าถึงอารมณ์ของบทเพลงต่างหากล่ะ”

เขามีท่าทีสนอกสนใจ เธอจึงอธิบายด้วยการแปลความหมายของเพลงให้ฟัง ท่าทางที่เหมือนการไล่จับหิ่งห้อยที่สื่ออกมาในเพลงล้วนแล้วแต่มีความหมาย

“ถ้าอย่างนั้น ที่เศร้าคือไม่สามารถไล่จับหิ่งห้อยได้สินะ”

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ความหมายที่แท้จริงของหิ่งห้อยน่ะ คือการมอดไหม้ในความรักที่ไม่สามารถเอ่ยคำพูดออกไปได้ค่ะ”

“ฮิเมะของเราเก่งใช่มั้ยล่ะคะ”

โอก้าซังเองก็ยิ้มไปกับทุกคนที่ดูจะทึ่งในความหมายอันลึกล้ำนี้ แต่ละคนก็ดูจะชอบเสพสื่อหรือรสนิยมทางศิลปะที่ละเมียดละไมอยู่แล้ว คุณคิโชวอินก็สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก ผมรู้ทันทีว่าเธอผูกสัมพันธ์คนกลุ่มนี้เป็นลูกค้าประจำได้แล้ว ถ้าพวกเขามาที่โตเกียวอีกก็คงจะมาหาเธอด้วยทุกครั้งอย่างแน่นอน

ผมจิบเหล้ามองดูเธอเงียบๆ นึกถึงบทสนทนากับเด็กรุ่นน้องใน Pivoine เมื่อครู่ไปด้วย

รู้สึกว่าตอนนั้น หมอนี่ก็พยายามเทียวไล้เทียวขื่อคิโชวอิน เรย์กะอยู่เหมือนกัน ที่คอยกลั่นแกล้งนักเรียนกลุ่มนอกหรือเด็กผู้หญิงที่พยายามเข้าหามาซายะ ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากจะเอาใจเธอด้วย

ถึงจะนิสัยแย่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่ง คุณสมบัติก็เพียบพร้อม ทุกอย่างรวมกันก็มากเกินพอที่จะดึงดูดให้ผู้ชายเข้าหาแล้ว

แต่น่าเสียดายที่ท่านคิโชวอินผู้สูงส่งไม่ได้มีสายตามองใครนอกจากมาซายะเพื่อนของผมอีก คนที่คิดจะจีบเธอก็ต้องผิดหวังกลับไปทั้งนั้น

ผมไม่รู้ว่าเขาจะยังหลงใหลผู้หญิงคนนี้เหมือนตอนอยู่ซุยรันรึเปล่า แต่คิดว่าเขาคงจะมาอีกหลายๆหนเพื่อมาหาเธออย่างแน่นอน ยิ่งเธอทำงานบริการแบบนี้ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้และคงต้องทำตามคำสั่งเพื่อจะเอาใจลูกค้า

สถานะเธอในตอนนี้คงปฏิเสธอะไรได้ยากหน่อย ไม่เหมือนตอนที่เป็นราชินีอยู่ที่ซุยรัน ผมจำได้ว่าเธอน่ะไม่เคยเหลือบแลมองหมอนั่นด้วยซ้ำ

สายตาเราสบประสานกันโดยบังเอิญ และคุณคิโชวอินก็เชิดหน้ามองผ่านไป ทำเหมือนผมไม่มีตัวตนอีกหน การกระทำแบบนี้เรียกความหงุดหงิดขึ้นมาได้นิดหน่อย ผมเลยบอกตัวเองให้หยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

เธอจะเป็นยังไงก็ช่างหัวเธอสิ ไม่เห็นต้องไปคิดอะไรให้มันมากมายเลยนี่
.
.
.
.
.

สุดสัปดาห์หลังเลิกเรียน พวกเพื่อนในคลาสนัดกันไปผับเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการเรียนที่หนักหน่วง ถึงที่แบบนี้ผมไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่ แต่ก็จำเป็นต้องมาเพื่อการสังสรรค์บ้าง พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องมีสังคมกับคนภายนอก จะคบกันอยู่แค่สองคนกับมาซายะก็ใช่ที่

ข้างในผับมีแต่กลิ่นบุหรี่และเสียงดนตรีที่สุดแสนจะหนวกหู ผู้คนแออัดเต้นในฟลอร์แคบๆ บนเวทีก็มีดีเจคอยเปิดเพลงแนว EDM และอิเล็คโทรนิคที่ไม่ค่อยจะตรงกับรสนิยมผมนัก ผมชอบแนวนั่งดื่มในบรรยากาศที่ดีๆมีดนตรีคลอเบาๆมากกว่า

นั่งได้ไม่ถึงชั่วโมง ผมก็ได้กระดาษเบอร์โทรจากผู้หญิงโต๊ะอื่นๆมาห้าหกใบแล้ว บางคนก็เลี้ยงเหล้าหรือใจกล้าหน่อยก็ตรงเข้ามาชวนไปนั่งที่โต๊ะ แต่ก็มีบางคนมาขอร่วมโต๊ะด้วย เหล่าเพื่อนๆในคลาสของผมก็คะยั้นคะยอให้ผมตอบตกลง จุดประสงค์ก็น่าจะเล็งเห็นกลุ่มเพื่อนผู้หญิงของเธอคนนี้ที่จะตามมาร่วมโต๊ะในภายหลัง

ถ้าผมตกลง พวกนี้ก็น่าจะได้ผู้หญิงเพื่อหิ้วออกไปจากผับในคืนนี้แบบง่ายๆแบบไม่ต้องไปลงทุนจีบเอง

เพื่อเป็นการเพิ่มสายสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนร่วมคลาส ผมเลยตอบตกลงไป และเธอก็เรียกเพื่อนๆให้ตามมาที่โต๊ะของพวกเรา นั่งประกบคู่ใครคู่มันเป็นที่เรียบร้อย

คุยกันอยู่ครู่หนึ่งด้วยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป เธอก็เข้ามากอดแขนผม ใช้หน้าอกเบียดด้วยท่าทีจงใจ

“ไปเต้นกันมั้ยคะ ชู”

….ทำตัวสนิทสนมเร็วจังเลยนะ

แต่ในที่แบบนี้จะมาคิดเล็กคิดน้อยก็ใช่ที่ ผมส่งยิ้มให้ตามมารยาทในขณะที่เธอพาไปที่กลางฟลอร์เพื่อจะเบียดเสียดยัดเยียดกับผู้คนเป็นจำนวนมาก

ในขณะที่เธอเอาแขนคล้องคอและเลื้อยไปเลื้อยมาบนตัวผม ผมก็นึกอยากจะกลับไปนั่งที่มากกว่า แถมกลิ่นน้ำหอมของเธอก็ทำให้ผมรู้สึกฉุนจมูกมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วด้วย คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะไปต่อกันภายหลัง

667 Nameless Fanboi Posted ID:zh6sUZjrT1

ผมเลยขอตัวออกมา อ้างว่าหิวน้ำเลยอยากจะหาเบียร์ดื่มซักขวด ผมตรงดิ่งไปที่บาร์เหล้า สั่งเบียร์ขวดมายืนจิบแล้วมองไปรอบๆ และสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล

ถึงในผับจะมืดและมีแสงไฟสีฉูดฉาดจากเลเซอร์ที่คอยส่องให้บรรยากาศ แต่ผมจำได้ว่าหมอนั่นคือเด็กรุ่นน้องใน Pivoine อย่างแน่นอน หมอนั่นกำลังจูบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่มีใครสนใจเพราะก็มีอะไรทำนองนี้อยู่บ่อยๆให้เห็นจนเบื่อ และผมก็คงจะมองผ่านไป ถ้าไม่ได้มีเหตุการณ์หนึ่งมาดึงความสนใจเสียก่อน

เหตุการณ์ที่ว่านี่ก็คือมีผู้หญิงคนหนึ่งตรงดิ่งเข้ามาหาสองคนนั้น พูดคุยอะไรซักอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นการทะเลาะด่าทอ แต่ซักพักเจ้าเด็กรุ่นน้องของผมก็ตบเธอคนนั้นลงไปนอนกองบนพื้น ก่อนจะโอบเอวผู้หญิงคนที่เพิ่งจูบและเดินจากไปแบบไม่ไยดี

ไม่มีใครเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ทุกคนมองผ่านและเห็นเป็นเรื่องสนุก ผมเองก็ไม่ได้เข้าไปช่วยเธอเหมือนกัน สุดท้ายเธอก็ลุกขึ้นมาเองแล้วเดินโซเซออกไปจากที่ตรงนั้น และความคึกคักก็กลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เลย

“ชูคะ มาอยู่ตรงนี้เองเหรอคะ” ผู้หญิงที่ผมเต้นด้วยเมื่อครู่เข้ามาควงแขน ทำเสียงกระเง้ากระงอด “ตามหาแทบแย่แน่ะ นึกว่าชูหลงทางซะแล้ว”

ผมยิ้มให้เธอแทนคำตอบ และกระดกขวดเบียร์ขึ้นจิบไม่พูดอะไร

“อื๋อ มีอะไรรึเปล่าคะ” เธอมองตามสายตาของผมที่ไปหยุดที่เจ้าเด็กรุ่นน้องในฟลอร์ “อ๊า เจ้าหมอนั่นมัน….”

“รู้จักผู้ชายคนนั้นเหรอ”

“ก็เคยๆคุยกันบ้างน่ะค่ะ” เธอซบลงบนแขนของผม ช้อนสายตาแบบออดอ้อน “แต่ชูไม่ต้องหึงนะคะ อดีตมันผ่านไปแล้วไม่มีรีเทิร์นแน่นอนค่ะ”

ผมมองตอบกลับไปแบบยิ้มๆ

“เล่าเรื่องคุณกับเขาให้ผมฟังหน่อยสิ”

ผมพาเธอกลับมานั่งที่โต๊ะ เพื่อนๆในคลาสลุกไปจากที่นั่นหมดแล้ว จะไปไหนหรือทำอะไรผมก็ไม่สนใจ ดีซะอีกที่ไม่มีตัวเกะกะมานั่งฟังเรื่องที่กำลังจะได้ยิน และผมก็สั่งเหล้าหรืออะไรที่เธออยากดื่มมาให้ด้วย

เมื่อเหล้าเข้าปาก อะไรก็ง่ายขึ้น เรื่องราวของเจ้าเด็กรุ่นน้องไหลออกมาอย่างกับเขื่อนแตก ทั้งเรื่องเจ้าชู้หรือใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้หญิงที่ขัดใจเขา ผู้หญิงบางคนที่มีอะไรด้วยถ้าถูกใจก็จะอัดคลิปเก็บไว้เพื่อจะส่งต่อกันในกลุ่มเพื่อน สรุปได้ง่ายๆว่าเขาเลวร้ายยิ่งกว่าคุณอิมาริอีก

คุณอิมาริเป็นคาสโนว่าที่ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าก็จริง แต่ก็ให้เกียรติผู้หญิงและสุภาพน่ารักกับพวกเธอเสมอ อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยมีประวัติทำร้ายร่างกายคู่นอนหรือเอามาพูดลับหลัง ไม่เหมือนเจ้าเด็กรุ่นน้องของผม จากการกระทำเมื่อครู่นี้ก็เป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีแล้ว

“อ๊ะ แต่เขารวยจริงนะ เคยพาฉันไปที่ห้องหรูๆด้วยล่ะ ที่นั่นจัดปาร์ตี้เป็นประจำเลย”

“ปาร์ตี้”

“แหม ถึงจะบอกว่าเป็นปาร์ตี้ แต่เอาจริงๆมันก็ห้องมืดๆเปิดเพลงให้เต้นกับให้ดื่มเหล้า แล้วก็มีแจกบุหรี่ให้สูบ มันฟรีทุกอย่างเลย ว่าแล้วก็เสียดายจัง”

ผมฟังแล้วก็รู้ทันที ….บุหรี่ที่ว่านั่นคือกัญชาสินะ

แถมในงานแบบนั้นไม่น่าจะมีแค่กัญชาอย่างเดียวหรอก อาจจะมียาเสพติดหลายๆอย่างอยู่ด้วย

ดูท่ารุ่นน้องของผมจะอันตรายยิ่งกว่าที่คิดไว้ซะอีก เขาเข้าไปพัวพันกับอาชญากรรมหลายอย่างมาก ถ้าคุณคิโชวอินยังยุ่งเกี่ยวกับเขาต่อไปนี่ไม่ดีแน่

คนที่ให้ข้อมูลผมพอดื่มมากๆก็หลับคาโซฟาไป เป็นเวลาเดียวกับที่เพื่อนในกลุ่มของเธอกลับมาพอดี ผมเลยจ่ายค่าเหล้าทั้งหมดให้แล้วปล่อยเธอไว้แบบนั้น เดี๋ยวเพื่อนๆของเธอก็หามกลับบ้านไปเอง

ผมเดินผ่านบาร์เหล้าเพื่อจะออกไปจากที่นี่ ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอเจ้าเด็กรุ่นน้องกับเพื่อนของเขาจับกลุ่มสูบบุหรี่กันอยู่ โชคดีที่บริเวณนี้มีคนอยู่เยอะและแสงไฟก็มีไม่มาก ผมเลยพอจะกลมกลืนไปกับผู้คนได้

“มีเด็ดๆมาบ้างป่ะวะ”

“ตอนนี้ยัง แต่เดี๋ยวก็มี” หมอนั่นพ่นควันออกจากปาก จิ้มตอบข้อความในมือถือกับใครซักคนอย่างรวดเร็วไปด้วย “นี่ก็เล็งๆไว้คนหนึ่ง แต่แม่งเล่นตัวชิบหาย…”

“ใครวะ”

“อดีตรุ่นพี่ที่โรงเรียนน่ะ สวยโคตร นมเล็กไปหน่อยแต่หุ่นเช้งกะเด๊ะ” เจ้านั่นทำมือประกอบท่าทางการพูดไปด้วย “ปกติชอบทำตัวสูงส่ง แต่ตอนนี้ตกอับแล้วยังจะเสือกหยิ่งไม่เข้าท่า”

อดีตรุ่นพี่ที่โรงเรียน ….คุณคิโชวอินสินะ

“อยากเห็นหน้าขึ้นมาเลยว่ะ”

“เออ รอให้พามาที่ห้องก่อน เดี๋ยวก็ได้เห็น”

ผมยืนฟังบทสนทนาที่น่าเลาะฟันคนพูดออกมาด้วยหมัดไปเรื่อยๆ พวกนั้นคุยกันว่าจะจัดการเธออย่างไรบ้าง จะซ่อนกล้องแอบถ่ายไว้ตรงไหน และอีกสารพัดความเลวร้ายที่พูดกันอย่างสนุกปาก

สิ่งที่ยากที่สุดในตอนนี้ก็คือห้ามตัวเองไม่ให้ตรงเข้าไปทำอย่างใจคิดนั่นคือส่งพวกมันไปลงนรก จนพวกนั้นพากันแยกย้ายจากไปผมค่อยเดินออกมาจากตรงที่ยืนอยู่ ในหัวครุ่นคิดคิดหาวิธีที่เหมาะสมในการจัดการกับขยะสังคมแบบนั้น

ที่ที่พวกแกจะอยู่ได้ก็มีแต่ในคุกเท่านั้นล่ะ
.
.
.
.
.

668 Nameless Fanboi Posted ID:zh6sUZjrT1

การจัดการปัญหาขั้นแรกเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือต้องเตือนให้เป้าหมายรู้ตัวก่อน

ไม่ใช่ว่าผมกระหายอยากจะเป็นคนดีพิทักษ์คุณธรรมอะไร แต่จะให้ฟังว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถูกผู้ชายหนึ่งกลุ่มวางแผนที่จะข่มขืนแล้วปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปให้เธอเผชิญชะตากรรมเอง มันคงทุเรศน่าดู

การสืบหาเบอร์โทรศัพท์ของเธอไม่ใช่เรื่องยากเย็น ไม่ทันข้ามวันผมก็ได้เบอร์ของเธอมาจากนักสืบที่จ้างไป นอกจากนั้นก็ยังมีรายงานพฤติกรรมเบื้องต้นของเธอด้วย แต่ยังเป็นเรื่องทั่วไป ไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วนมากนัก

ผมโทรไปยังเบอร์ที่ว่านั่น เสียงเมื่อเธอรับสายดูงุนงงในทีแรก แต่พอผมพูดออกไปเธอก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะที่ดูเหมือนจะรำคาญ

“ผมมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย”

“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณนี่นา” เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท “นี่มันวันหยุดของฉันนะ จะให้ฉันเอาเวลาพักผ่อนที่แสนมีค่ามาทิ้งไว้กับคุณเนี่ยนะ ไม่เอาด้วยหรอก”

“คุณคิโชวอิน….นี่เรื่องสำคัญ”

“แต่ถ้าจ่ายเงินมาล่ะก็ จะลองคิดดูก็ได้”

“เท่าไหร่”

“แหมๆ พูดกันรู้เรื่องแบบนี้ค่อยน่าคุยด้วยหน่อย”

เธอบอกจำนวนที่ต้องการมา เป็นจำนวนสูงเลยล่ะ แต่ผมก็จ่ายเพราะขี้เกียจจะมาต่อล้อต่อเถียงเรื่องไร้สาระแบบนี้

ผมขับรถไปรับเธอจากหน้าที่พักตามที่ตกลงกันไว้ทางโทรศัพท์ เธอใส่ชุดเดรสลูกไม้สีขาวตกแต่งด้วยริบบิ้นดูเป็นคุณหนูผู้เรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ปากนั้นพ่นวาจาไม่น่าฟังออกมาตั้งแต่ประโยคแรกที่ทักทาย

“จะทำอะไรก็รีบๆหน่อยนะคะ ฉันไม่ค่อยว่างซะด้วยสิ นี่ก็นัดท่านอิมาริเอาไว้ช่วงเย็นต้องรีบกลับไปแต่งตัวสวยๆไว้รอ”

ผมพยายามสงบสติอารมณ์และห้ามตัวเองไม่ให้ทำอะไรรุนแรงอย่างเช่น จับหัวเธอโขกกับคอนโซลรถเป็นต้น

“ผมเจอรุ่นน้อง Pivoine มาร้านที่คุณทำงาน ….เขาเป็นหนึ่งในลูกค้าของคุณด้วยรึเปล่า”

“เอ รุ่นน้องใน Pivoine ก็มีหลายคนซะด้วยสิ คนไหนกันเหรอคะ”

“คุณรู้ว่าผมพูดอะไรอยู่”

เธอเลิกคิ้ว แต่สักพักก็แสยะยิ้มที่ดูน่าเกลียดออกมา

“คุณนี่ยังไงนะ เจอหน้ากันทีไรก็ถามถึงแต่ผู้ชายที่เข้าหาฉันตลอด หึงฉันเหรอค้า”

“คุณคิโชวอิน”

“ก็ได้ๆ เขาเป็นหนึ่งในลูกค้าของฉัน แล้วจะทำไมล่ะ” คุณคิโชวอินถอนหายใจด้วยท่าทีเซ็งๆ “ฉันก็ปรนนิบัติเขาเหมือนที่ทำกับกลุ่มของพวกคุณนั่นล่ะ พอใจรึยัง”

“แล้วคุณได้ออกไปไหนมาไหนกับเขารึเปล่า เขาพาคุณไปที่แปลกๆบ้างมั้ย”

“นี่คุณพูดเรื่องอะไรเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้วนะ”

“กรุณาตอบคำถามผมด้วย คุณคิโชวอิน”

“หยาบคายมากเลยนะคะที่ถามกันแบบนี้” เธอมองผมด้วยท่าทีขุ่นเคือง “ฉันไปแค่กับท่านอิมาริเท่านั้นล่ะค่ะ”

เธอนิ่งไปอีกพักหนึ่งก็แสยะยิ้ม ปลายนิ้วเล่นผมม้วนๆของตัวเองไปมา เป็นท่าทางที่เธอชอบใช้เสมอเวลาที่อยากจะกวนประสาทผม

“แต่ถ้าเขามาขอให้ฉันไปด้วยแบบท่านอิมาริ ฉันจะปฏิเสธได้ยังไงกันน้า ฉันก็ต้องการผู้ชายรวยๆอยู่ด้วยสิ เจ้าเด็กนั่นก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย...”

“คุณคิโชวอิน….”

“.....ตอนอยู่ซุยรันเขาก็เทิดทูนฉันเป็นเจ้าหญิงด้วยนี่นะ น่าจะยอมจ่ายได้ไม่อั้นเพื่อฉันเหมือนกัน หนักใจจัง จะเลือกใครดีน้า”

“อย่าไปยุ่งกับเขา”

669 Nameless Fanboi Posted ID:zh6sUZjrT1

“คิดว่าตัวเองเป็นใครคะ ทำไมฉันต้องฟังคำสั่งคุณด้วย” เธอมองผมด้วยหางตาแบบเดียวกับทุกๆครั้ง “อีกอย่างฉันไม่ได้มีสิทธิ์เลือกลูกค้านะคะ ถ้าเขาเลือกฉันเองฉันจะปฏิเสธได้ยังไงกัน”

“ผู้ชายคนนั้นมีข่าวแย่ๆเรื่องผู้หญิงและการใช้กำลัง ผมถึงไม่อยากให้คุณไปยุ่ง”

ผมเกือบจะหลุดคำว่า แค่คุณอิมาริคนเดียวยังไม่พอรึไง แต่ก็ต้องยั้งปากไว้ มันฟังดูเหมือนคำพูดในลักษณะที่หึงหวงตัดพ้อมากเกินไปหน่อย

คุณคิโชวอินทำตาโต

“นี่คุณตามสืบเรื่องเขาเหรอ”

“เปล่า” ผมตอบชัดถ้อยชัดคำ “แค่บังเอิญไปได้ยิน”

เธอพ่นลมหายใจแล้วมองกลับมาด้วยสายตาดูถูก

“แค่นี้ก็ต้องเอามาเตือนกันด้วยเหรอคะ นึกว่าจะมีอะไรซะอีก เสียเวลามานั่งฟังจริงๆ”

“....”

“อ๊ะ แต่คุณก็จ่ายเงินให้ฉันแล้วนี่เนอะ งั้นฉันจะไม่หงุดหงิดกับเรื่องไร้สาระนี่ก็แล้วกัน” เธอหัวเราะด้วยเสียงแหลมสูง “มีอะไรจะพูดอีกมั้ยคะ ไม่อย่างนั้นฉันจะได้ไปซักที นี่ก็จะครบชั่วโมงแล้วด้วย”

ผมกัดฟันอย่างรู้สึกแค้นเคืองในความโง่ของตัวเองที่มายุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ทำไมผมต้องลำบากขนาดนี้เพื่อจะเตือนเธอด้วย ให้เธอไปเจอด้วยตัวเองแล้วรอสมน้ำหน้าไม่ดีกว่ารึไง

คุณคิโชวอินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี คอยบอกทางให้ผมขับไปยังสถานที่ที่เธอกำลังจะไป เมื่อใกล้ๆถึงสถานีรถไฟเธอก็บอกให้จอดเพราะเธอจะเดินไปเอง น่าจะไม่อยากให้ผมรู้ว่ากำลังจะไปที่ไหนแบบแน่ชัด

ก่อนลงจากรถ อยู่ๆเธอก็หันมามองผมครู่หนึ่งแล้วส่งยิ้มแปลกๆ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีนัก

“ถ้าไม่อยากให้ฉันไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นนักล่ะก็ คุณก็มาเป็นผู้อุปถัมภ์ของฉันสิคะ”

คุณคิโชวอินเบียดเนื้อตัวเข้ามาชิด ซบหน้าลงบนไหล่ของผมแล้วช้อนสายตาขึ้นมองอย่างออดอ้อน

“ถ้าฉันมีผู้อุปถัมภ์แล้วล่ะก็ คงไม่ต้องไปหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชายแบบนี้อีก”

“คุณคิโชวอิน อย่ามาล้อกันเล่นแบบนี้”

“ใครบอกฉันล้อเล่นล่ะ” เธอวางมือลงบนหน้าของผมแล้วลูบไล้ “ฉันน่ะ ...อยากได้ผู้ชายรวยๆมาเลี้ยงจะตายไป ใครก็ได้ฉันไม่เกี่ยงหรอก ต่อให้เป็นคุณฉันก็ยินดี”

“.....”

“ค่าตัวฉันไม่แพงหรอกนะ น่าจะน้อยกว่าเงินใช้จ่ายรายเดือนของคุณด้วยซ้ำ แล้วคุณจะทำอะไรกับฉันก็ทำได้หลายอย่างเลยนะ อย่างเช่นแบบนี้...”

เธอยันตัวข้ามเบาะ ปีนขึ้นมานั่งตักผมในลักษณะนั่งคร่อม เอาแขนคล้องเข้ากับคอ ส่งเสียงกระซิบที่ฟังดูหวานหยาดเยิ้ม

“ไม่สนใจหน่อยเหรอคะ ท่าน...เอ็น...โจ”

ที่แคบๆแบบนี้จะขยับไปทางไหนก็ไม่ได้ ผมขืนตัวเองไว้เพราะเกรงว่าจะไปโดนยังจุดที่ไม่เหมาะไม่ควรเข้า แต่กลายเป็นว่าเธอเอาตัวเข้ามาชิดมากขึ้นกว่าเดิมอีก ความอ่อนนุ่มที่บดเบียดอยู่กับแผงอกและกลิ่นหอมที่รวยรินมาจากตัวเธอทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

“อ๋อ ใช่แล้ว วันนี้คุณซื้อตัวฉันไว้นี่นะ” เธอปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองเม็ดบนของผม ให้ฝ่ามือเข้ามาสัมผัสกับผิวเนื้อโดยตรง “งั้นให้ฉันบริการให้มั้ย ถือว่าทดลองงานก่อนตัดสินใจซื้อจริงก็ได้”

“อย่าทำแบบนี้ คุณคิโชวอิน” ผมกดเสียงลงต่ำ “ผมเตือนแล้วนะ”

“แล้วจะทำอะไรเหรอคะ จะตบฉันเหรอ ใช้กำลังมันไม่ดีนะ” เธอทำเป็นไร้เดียงสา แต่มือยังคงลูบไล้ผมไปเรื่อยๆ “ว่าแต่ผู้ชายชอบให้ทำแบบนี้นี่นา คุณไม่ชอบเหรอ”

คุณคิโชวอินมองผมขึ้นๆลงๆอยู่ครู่หนึ่งก็เหยียดยิ้ม

“ตายจริง ท่านเอ็นโจที่สาวๆหลงใหลใฝ่ฝันกันครึ่งโรงเรียนไม่มีรสนิยมชอบผู้หญิงหรือคะเนี่ย แหมๆ”

670 Nameless Fanboi Posted ID:zh6sUZjrT1

ผมเข้าใจแล้วว่าคนเราจะหน้ามืดฆ่าคนเพราะโมโหจนขาดสติได้อย่างไร ผู้หญิงคนนี้ยังคงยั่วโทสะผมได้เก่งเสมอต้นเสมอปลายไม่เคยเปลี่ยน ความโกรธจากเดิมที่คุกรุ่นอยู่แล้ว คำพูดของเธอก็เหมือนสาดน้ำมันเข้ากองไฟให้ไฟนั้นโหมกระพือมากขึ้นไปอีก

แต่เธอคงไม่ได้สังเกตอะไร เพราะกำลังแกล้งทำเป็นถอนหายใจและดึงมือออกจากเสื้อ

“ที่ฉันลงทุนเปลืองตัวขนาดนี้ก็เสียแรงเปล่าสินะคะ”

“ไม่หรอก” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ รั้งตัวเธอไว้ไม่ให้ลุกขึ้นไป “มันได้ผลดีมากๆเลยล่ะ”

คุณคิโชวอินเลิกคิ้วขึ้น และผมก็ไม่เห็นอะไรอีกนอกจากดวงตาของเธอที่อยู่ใกล้มาก ใกล้กว่าครั้งไหนๆ

ความอ่อนนุ่มคือสิ่งแรกที่รู้สึก ตามมาด้วยความเจ็บเพราะผมกดริมฝีปากเข้ากับปากของเธอ มันแทบไม่ใช่การจูบด้วยซ้ำ เหมือนกับการเอาชนะอะไรซักอย่างมากกว่า

การกระทำแบบนี้มันหยาบช้า แต่ผมไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องสุภาพกับคนแบบนี้ เธอล้ำเส้นมากเกินไปและไม่ได้แคร์ความรู้สึกของผม ผมก็ไม่ต้องแคร์ความรู้สึกของเธอเหมือนกัน

เธอพยายามขืนตัวหนี แต่ผมประคองใบหน้านั้นไว้ไม่ให้หนี รวบข้อมือเล็กๆที่พยายามทุบตีไว้ได้ด้วยมือข้างเดียว ผละออกเล็กน้อยก็ตอนที่เอียงหน้าเพื่อจะหามุมที่จูบได้ถนัดกว่าเก่า ไม่ได้กระแทกกระทั้นแบบเมื่อครู่ ไม่ใช่ว่าผมเห็นใจหรือนึกสงสารขึ้นมา แต่เป็นเพราะผมเจ็บปากต่างหาก

เมื่อไม่ได้รุนแรง ความนุ่มนวลก็เข้ามาแทนที่ ผมบดคลึงริมฝีปากลงบนกลีบปากนั่นเบาๆ ความร้อนวาบแผ่จากอกไปจนถึงบริเวณท้องน้อย เป็นความรู้สึกประหลาดบอกไม่ถูก

นี่เป็นครั้งแรกที่ทำแบบนี้มันเลยออกจะดูเก้ๆกังๆไปบ้าง ผมก็ไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไร แต่ฟังจากเสียงครางเบาๆในลำคอของเธอก็รู้สึกได้ว่ากำลังมาถูกทาง

เมื่อฝั่งนั้นเผยอปากขึ้น ผมก็สอดลิ้นเข้าไปด้านในแตะสัมผัสกับลิ้นของเธอ ปฏิกริยาทุกอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติแบบที่ผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน

ความอ่อนนุ่มที่อยู่ในมือทำให้หัวใจผมเต้นสั่น กลิ่นหอมที่คลอเคลียอยู่บริเวณจมูกและรสสัมผัสที่ปากเหมือนจะมอมเมาสติ ทั้งหวานและหอมจนบางอย่างในตัวผมมันบอกให้กินเธอซะเดี๋ยวนี้

...ไม่ได้!!

ผมต่อสู้กับความรู้สึกภายในใจ แต่จิตสำนึกในด้านดีก็ยังเป็นฝ่ายชนะ ไม่ใช่ว่าผมเกิดอยากจะมีศีลธรรมขึ้นมา แต่เป็นเพราะกลางวันแสกๆแบบนี้แถมเป็นที่จอดรถที่ใครจะผ่านไปผ่านมาตอนไหนก็ไม่รู้ คงจะไม่เหมาะกับการทำเรื่องอย่างว่านัก

เมื่อผมผละริมฝีปากออก ลึกๆแล้วรู้สึกเสียดายความหวานที่เพิ่งได้ลิ้มรส

คุณคิโชวอินดูมึนงงและกำแขนเสื้อผมไว้แน่น กระพริบตาปริบๆเหมือนไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ สองข้างแก้มแดงก่ำและหอบหายใจเหมือนเพิ่งไปออกแรงวิ่ง

ริมฝีปากเธอยังคงเผยอในลักษณะเดิมเหมือนที่ถูกจูบ มันฉ่ำวาวและเป็นสีแดงระเรื่อเหมือนเชิญชวนให้ผมกระทำความผิดอีกหน

“ทีนี้รู้รึยังว่าผมจะทำอะไรคุณได้” ผมคลายอ้อมแขนออก เธอรีบถอยกรูดไปชิดประตูฝั่งตรงข้ามคนขับให้ได้มากที่สุด “ทีหลังก็อย่าทำแบบนี้อีก”

คุณคิโชวอินเอาหลังมือถูริมฝีปากตัวเอง ถลึงตามองจ้องผมด้วยสายตาเคืองแค้น

“แล้วก็ฟังนะ เจ้าเด็กนั่นก็วางแผนกับเพื่อนที่จะจัดการคุณ ถ้าไม่อยากเป็นนางเอกหนังโป๊แนวรุมข่มขืนมีคลิปว่อนเน็ตก็อย่าไปยุ่งกับเขา แล้วก็อย่ากินอะไรที่หมอนั่นเสนอให้ด้วย”

เมื่อผมจอดส่งที่สถานีรถไฟตามที่บอกไว้ เธอก็วิ่งจ้ำอ้าวหนีไปเลย ดูไปแล้วก็คล้ายๆกระต่ายกระโดดหนีเวลาถูกไล่ล่าเหมือนกัน แถมวันนี้ชุดที่ใส่ก็ยังเป็นสีขาวซะด้วย

...กระต่ายขาว

ภาพเจ้าสัตว์ตัวเล็กๆหูยาวขนฟูนิสัยขี้กลัวปรากฎอยู่ในหัว เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนนั้น ผมก็ต้องหัวเราะออกมา เพราะไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงกันเลยแม้แต่น้อย

แต่จากจินตนาการไม่เข้าท่านั่นก็ทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาหลายเท่าจากเมื่อครู่ แม้จะต้องส่ายหน้าแบบอ่อนใจเล็กน้อยเพราะเรื่องนั้นก็ตาม

“ไม่เห็นจะเหมาะตรงไหนเลย”

---------------------------

ไม่ได้เขียนฟิคนี้ซะนาน รู้สึกว่ามันยาวจังเว้ย แถมยังมีแต่น้ำอีก

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.