>>572 กู >>581 นะ กาวไม่เหมือนซะทีเดียวแต่ก็ประมาณนั้น
(1)
“คิโชวอิน เรย์กะ” นายตัวสำร- อะแฮ่ม ก็คืออาริมะคุงที่ฉันต้องพยายามคิดให้ชินสมอง เรียกชื่อฉันเสียงหนักแน่น แถมยังพูดออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด ต่างกับเสียงพูดสุนทรพจน์เรียบเรื่อยที่ยาวยืดจนฉันเกือบจะสัปหงกไปอยู่แล้ว
แต่หมอนั่นพึ่งจะพูดชื่อฉันออกไมค์ไป
ฉันที่ตื่นเต็มตาจ้องมองขึ้นไปสบตาเขาบนเวทีอย่างงุนงง
Pivoine ที่ได้รับสิทธิ์นั่งตรงด้านหน้าสุด เหมือนได้ดูคอนเสิร์ตกับบัตรระดับเฟิร์สตคลาส ถึงจะไม่เหมือนคาบุรากิที่นั่งตรงกลางพอดีเป๊ะแต่เก้าอี้ของฉันก็ถัดมาเพียงแค่เก้าอี้เดียวเท่านั้น ก็เห็นหน้าอาริมะคุงชัดไม่ต่างกันเท่าไหร่
ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาไหวระริก เฮ้ คนที่จะต้องอายหรือกลัวอะไรมันคือทางนี้มากกว่าหรือเปล่า ฉันน่ะคือคนที่พึ่งจะถูกประธานนักเรียนเรียกชื่อเต็มออกไมค์ในวันจบนะคะ ส่วนนายคือคนที่พึ่งจะพูดชื่อฉันใส่ไมค์โดยเจตนา
แล้วนี่จะเรียกฉันเพื่อประจานหรือเปล่าเนี่ย อาริมะคุง ฉันน่ะยังไม่ทันจะหลับเลยนะคะ หรือต่อให้ฉันหลับไปจริง ๆ ก็น่าจะเห็นแก่ที่เราร่วมมือกันมาอย่างดีเกือบตลอดสองเทอมหน่อยสิคะ
หรือประเด็นที่สำคัญมากกว่านั้นคือ อาริมะคุง นายกำลังพูดในฐานะประธานนักเรียนนะคะ เขาให้ประธานนักเรียนมาพูดสุนทรพจน์จบ ไม่ได้ให้ใช้ไมค์เพื่อเรียกชื่อประจานพร่ำเพรื่อนะค๊า
ฉันสัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาทางนี้ คาบุรากิที่นั่งติดกันก็ยังจะหันหน้ามาเลิกคิ้วใส่
อย่ามองฉันเลยค่ะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาริมะคุงเรียกฉันทำไม ถ้าอยากรู้หันไปมองทางอาริมะคุงดีกว่านะคะ
“คิโชวอิน เรย์กะ” อาริมะคุงเรียกชื่อของฉันอีกครั้ง คราวนี้มันออกมาสั่น ๆ อย่างบอกไม่ถูก “ตลอดหลายปีที่เข้าซุยรันมา ผมเคยคิดมาตลอดว่า Pivoine น่ะมีแต่พวกหัวสูง หยิ่งยะโสและเห็นแก่ตัว”
เสียงหึ่ง ๆ ดังขึ้นมาทั่วฮอลล์ทันที แม้แต่คาบุรากิก็เบนหน้ากลับไปขมวดคิ้วจ้องอาริมะคุงแล้ว ฉันหวังว่านายจะรู้ตัวนะคะว่ากำลังทำอะไรอยู่ อย่าทำอะไรให้ความปรองดองประหลาด ๆ ที่ช่วยกันทำมาอย่างยากเย็นแตกหักลงเชียวนะคะ
หัวข้อเรื่องนี้มันยังคงเปราะบางอยู่
แต่หมอนั่นยังคงไม่สนใจ สองตาจ้องตรงมาที่ฉันแล้วก็ค่อย ๆ พูดต่อ “รุ่นพี่โทโมเอะบอกว่าผมน่ะใจแคบ” เหมือนเขาจะไม่สนใจว่าจะมีรุ่นน้องปีหนึ่งอีกหลายคนไม่รู้จักรุ่นพี่โทโมเอะ “บอกผมว่าไม่ใช่ทุกคนที่เป็นอย่างนั้นหรอกนะ อย่างเช่นคุณคิโชวอินที่อยู่ในปีผมน่ะก็ไม่ใช่คนอย่างนั้นเลย”
ขอบคุณนะคะรุ่นพี่โทโมเอะ ไม่เสียแรงที่เป็นรักแรกของฉัน
“ตอนนั้นผมก็ยังคงไม่เชื่อ จริงอยู่ที่คิโชวอินจะเป็นกรรมการห้องมาหลายครั้ง แต่ผมก็ยังคิดว่านั่นน่ะก็เพราะบ้าอำนาจไม่ใช่รึไงกัน” แม้ฉันจะรู้สึกแปลก ๆ ที่อาริมะคุงจะเรียกฉันว่าคิโชวอินที่ไม่ได้เรียกมานาน แต่คำพูดนั่นน่ะทำร้ายฉันกว่าหลายเท่าตัว บ้าอำน-บ้าอำนาจ? ฉันคนนี้นี่น่ะหรือคะ
“แต่คิโชวอินก็พิสูจน์ให้ผมเห็นว่าผมคิดผิด เธอเกือบถูกใส่ร้ายในเหตุการณ์ล็อกเกอร์ที่หลายคนคงจะจำได้ ผมขอประกาศความบริสุทธิ์ของคิโชวอินในตอนนี้ว่าไม่มีการบังคับหาแพะมาสารภาพอะไรทั้งสิ้น ความเชื่อของผมในตอนนั้นก็เริ่มสั่นคลอนแล้ว และต่อมาผมก็ยังได้อยู่ในเหตุการณ์พิเศษ...” อาริมะคุงลากเสียงยาว
หมายถึงเหตุการณ์สมาคมนิยมทีวีไดเรกต์สินะคะ แหม อย่างน้อยก็ทราบสินะคะว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะพูดในที่สาธารณะสุด ๆ ไปเลย “ตอนนั้นทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเธอไปจริง ๆ และก็ถือว่าอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างเป็นมิตร แม้ว่า Pivoine กับสภานักเรียนในตอนนั้นไม่เหมาะสมจะใช้คำว่าความสัมพันธ์อันดีมาบรรยายเท่าไหร่นัก”
“และต่อมาก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กัน จากคิโชวอินก็กลายเป็นเรย์กะสำหรับผม” อาริมะคุงชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ก็นับว่าเขามีทักษะการใช้คำพูดที่ยอดเยี่ยมไปเลย ใครฟังเข้าคงจะนึกว่าฉันกับอาริมะคุงคบกันจริง ๆ ใครจะรู้ว่าเขาไม่ได้โกหกและพวกเราก็ไม่ได้คบกัน
ก็แค่ความร่วมมือนิดหน่อยเท่านั้นเองน่า
ความสัมพันธ์อันมั่นคงระหว่างผู้ใหญ่บ้านคานทองกับลูกบ้านที่ดูเหมือนจะจองที่ดินไว้ตั้งแต่เกิดมาเป็นนายตัวสำรองยังไงล่ะ
“แต่เพราะความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งมันช่างเปราะบางในตอนนั้น ทำให้ผมกับเรย์กะ...” เป็นการหยุดจังหวะที่ดราม่าสุด ๆ ไปเลย ฉันโห่ร้องพร้อมกับแอบชูนิ้วโป้งให้ในใจ “เอาเป็นว่าผมดีใจที่ในที่สุดในวันที่ผมจบวันนี้ความสัมพันธ์ของทุกฝ่ายดีขึ้นมากจริง ๆ เรย์กะ ในที่สุดพวกเราก็ทำได้แล้วนะ”