เวลาถูกนับถอยหลังไปเรื่อยๆ อีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาที่ต้องผ่าตัด ชูสุเกะนึกอยากอาละวาดกรีดร้องทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าเป็นการขัดขืน แต่ที่ทำจริงๆก็แค่นอนเซื่องซึมอยู่บนเตียงผู้ป่วยและไม่รู้สึกอยากอาหาร เวลาแม่กับน้องมาเยี่ยมก็ต้องฝืนทานเพราะไม่อยากให้ทั้งคู่เป็นห่วง
มาซายะเองถึงจะทะเลาะกันไปเมื่อหลายวันก่อน แต่ก็ยังมาอยู่กับเขาทั้งวัน พวกเขานั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยในเรื่องกีฬา หรือสถานที่เที่ยวหลังจากนี้ ระมัดระวังที่จะไม่ไปแตะต้องประเด็นที่จะทำให้ขุ่นเคืองกันอีก
การที่มาซายะกับยูกิโนะมาขลุกอยู่กับเขาทั้งวันก็มีข้อดีอยู่อย่างคือเขาจะได้ไม่ต้องอยู่ตามลำพังกับยุยโกะที่บางทีก็พ่วงคาซึรางิมาด้วย ถ้าเวลานั้นเขาก็จะหลับหรือไม่ก็แกล้งหลับเพื่อจะหนีความน่ารำคาญใจให้พ้นๆ
ทั้งมาซายะและยูกิโนะก็ให้ความร่วมมือเต็มที่เพราะรู้ว่าเขาไม่อยากคุยกับสองคนนั้น หรือไม่มาซายะก็จะพาเขาไปเดินเล่นตามที่ต่างๆในโรงพยาบาล ออกจากห้องสี่เหลี่ยมของห้องพักผู้ป่วย ดูวิวบนสวนดาดฟ้าของโรงพยาบาลอะไรไปเรื่อย
“จะว่าไป ยัยคิโชวอินไม่เห็นมาเยี่ยมเลย”
ชื่อของเรย์กะที่หลุดออกมาจากปากของมาซายะทำเอาเขาหัวใจกระตุกไปเล็กน้อย หนามจากกิ่งก้านดอกไม้กระทุ้งไม่ให้เขาลืมว่าเธอมีอิทธิพลต่อเขาแค่ไหน
“เพื่อนเข้าโรงบาลแบบนี้ไม่มาเยี่ยม ใช้ได้ซะที่ไหน” มาซายะควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดหน้าจอเมล์เหมือนกำลังจะพิมพ์ส่งไปหาใครซักคน
“จะพิมพ์เมล์ไปหาคุณคิโชวอินเหรอ”
“ก็ใช่นะสิ” เพื่อนของเขาพยักหน้าหงึกหงัก นิ้วก็ขยับจิ้มแป้นพิมพ์ไม่หยุด “จะให้ส่งเมนูอาหารประจำวัน แล้วก็จะบอกให้มาเยี่ยมนายพรุ่งนี้ด้วย ….เฮ้ย!”
มาซายะโวยวายเสียงดังเมื่อถูกดึงโทรศัพท์ออกจากมือ ชูสุเกะกดลบข้อความที่บอกให้มาเยี่ยมเขาด้วย ให้เหลือแต่ข้อความที่ทวงถึงเมนูอาหารที่ทานตอนไดเอทแล้วกดส่งไปทั้งอย่างนั้น
“ทำบ้าอะไรของนายห๊ะ”
“ไม่ต้องหรอก” เขาส่งมือถือคืนเจ้าของ “บอกไปก็รบกวนกันเปล่าๆ”
“มันจะไปรบกวนอะไร ก็แค่มาเยี่ยมเพื่อน” มาซายะนิ่วหน้าใส่ข้อความป็อบอัพที่ขึ้นมาบนหน้าจอว่าเมล์ถูกส่งออกไปเรียบร้อย กดดูข้อความที่ถูกส่งให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ส่งอะไรแปลกๆออกไปให้ต้องมาแก้ตัวในภายหลัง
“ขอร้องล่ะ”
มาซายะละสายตาออกจากโทรศัพท์แล้วหันมามองเขา ท่าทางอึ้งๆ
“ชูสุเกะ …..หรือว่านาย”
เมื่อเขาไม่ตอบอะไรอีก มาซายะก็พ่นลมหายใจออกมา ดูท่าทางสับสนแบบเห็นได้ชัด
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะ”
“ไม่รู้สิ” ชูสุเกะส่ายหน้า “อาจจะตั้งแต่ประถมเลยก็ได้มั้ง”
พวกเขานั่งคุยกันบนสวนดาดฟ้าจนถึงตอนค่ำ มาซายะถามเขาละเอียดยิบในเรื่องนี้ คุยกันถึงสาเหตุว่าทำไมเขาถึงได้ชอบเรย์กะ มันเหมือนได้ฉายภาพย้อนวันคืนเก่าๆเกี่ยวกับคิโชวอิน เรย์กะที่เขาจำได้
เขายังจำเด็กผู้หญิงผมม้วนในชุดนักเรียนประถมซุยรันได้ดี มันกระจ่างชัดเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้ เธอเหมือนตุ๊กตาเจ้าหญิงที่เขาเคยเห็นในร้านขายของเล่น จำเด็กผู้หญิงผมม้วนที่เต้นรำกับพี่ชายในงานปาร์ตี้ซัมเมอร์ จำเรื่องที่มาซายะบังคับให้เธอช่วยง้อยูริเอะ จะเป็นยังไงนะถ้าวันนั้นเธอตามพวกเรามาซื้อกระดาษเขียนจดหมายด้วยกัน เราอาจจะสนิทกันเร็วกว่านั้นรึเปล่า จำภาพที่เธออุ้มกระต่ายเล่นตอนไปทัศนศึกษาได้ หลังจากนั้นเขาก็เรียกเธออยู่ในใจว่ากระต่ายขาวตลอด จำเรื่องที่เธอเป็นคณะกรรมการจัดงานกีฬาสีคู่กันกับเขา ภาพที่เธอทำงานธุรการจิปาถะอย่างขยันขันแข็งช่างน่าเอ็นดูในสายตาเขาเหลือเกิน จำภาพที่เธอเหยียบอึกวางที่นารา มาซายะขำก๊ากเลยล่ะเรื่องนี้ จำเหตุการณ์ที่เขาทวงบุญคุณกับเธอและจบลงด้วยการที่เธอต่อยท้องเขา หมัดนั่นหนักน่าดู ไม่สมกับเป็นมือเล็กๆของกระต่ายเลย จำได้ว่าซื้อเทียนที่เธอทำมาเก็บไว้ในตู้ด้วย มันเหมือนเป็นสมบัติอีกชิ้นของเขาเลยก็ว่าได้