Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ พวกเรารอท่านฮิโยโกะอยู่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ! [ฤดูกาลผันผ่านครั้งที่31]

Last posted

Total of 1000 posts

600 Nameless Fanboi Posted ID:53h+ggIWcZ

มาอัพฟิคจ้า
AU Hanahaki Verse [3]
ความเดิมตอนที่แล้ว >>>/webnovel/7425/229-232

-----------------------------

สิ่งแรกที่รับรู้เมื่อลืมตาตื่นขึ้นคือเพดานสีขาวสะอาด แสงไฟที่นุ่มละมุนไม่บาดตา และกลิ่นยาฆ่าเชื้อจางๆอวลอยู่ในบรรยากาศ แทรกมาด้วยเสียงเครื่องมืออะไรบางอย่างดังขึ้นเป็นระยะๆในความเงียบงัน

ชูสุเกะนอนจ้องเพดานนั่น พยายามทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาถึงได้มาอยู่ที่นี่ ดูจากเครื่องมือและสายระโยงระยางที่โยงมาหาตัวเขา ท่าทางจะเป็นโรงพยาบาลที่ไหนซักแห่ง

ความทรงจำสุดท้ายที่จำได้คือความรู้สึกวิงเวียนและอาการแสบร้อนที่ลำคอ เลือดสดๆที่ไหลออกจากปากพร้อมๆกับกลีบดอกไม้ มันหยดลงกับพื้นเมื่อเขาล้มลง ใบหน้ารับรู้ได้ถึงผิวสัมผัสที่เย็นชืดของพื้นกระเบื้องและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในโพรงจมูกและปาก

อาการอาเจียนเป็นดอกไม้ครั้งนี้คงจะรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆถึงได้ต้องนำมาส่งที่โรงพยาบาลแบบนี้

ชูสุเกะกลอกตามองไปรอบๆ นิ่งไปเมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยนั่งกอดอกหลับตาอยู่บนเก้าอี้อาร์มแชร์ที่อยู่ข้างๆเตียงคนป่วย

ผู้ที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือพ่อ

เหมือนพ่อรับรู้ว่าเขาตื่นแล้ว เพราะจากที่นั่งหลับตาอยู่ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา สายตาสบประสานกันชั่วครู่หนึ่งก่อนที่พ่อจะลุกขึ้นและเดินมาข้างๆเตียง

“เป็นไงบ้าง”

มือของพ่อวางลงบนหน้าผากเขาเหมือนจะวัดไข้

“...พ่อ”

“ยังไหวรึเปล่า”

เขาผงกหัวเล็กน้อย ซึ่งพ่อเองก็พยักหน้ารับทราบ เดินออกไปสั่งงานกับเลขาที่ยืนรออยู่นอกห้องแล้วกลับเข้ามาข้างใน

“ต้องขอบคุณยูกิโนะที่แอบลุกออกจากเตียงตอนดึกไปหาแกที่ห้อง เราถึงได้พาส่งโรงพยาบาลทัน” พ่อพูดยิ้มๆ แต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มตาม “แกหลับไปสองวันเต็มๆเลยนะ ยูกิโนะงอแงใหญ่ กลัวพี่ชายจะเป็นอะไรไป”

“งั้นเหรอครับ”

เลขาของพ่อกลับมาพร้อมกับแพทย์กลุ่มใหญ่ที่มาถึงก็เช็คนั่นเช็คนี่ดูวุ่นวายเล็กน้อย นายแพทย์ที่ดูอาวุโสที่สุดในกลุ่มรายงานอาการของเขาให้พ่อฟังที่ตรงมุมห้องไม่ให้เกะกะการทำงานของแพทย์คนอื่นๆ

ชูสุเกะได้ยินถ้อยคำแว่วๆที่ฟังไม่ได้ศัพท์อย่างเช่น “ผลเอ็กซเรย์” “...เรื่องอันตราย” “ผ่าตัด” แต่แค่นี้ก็เข้าใจได้ง่ายๆว่ากำลังจะเกิดอะไรกับตัวเขาในภายภาคหน้า

พ่อเหลือบมองเขาก่อนจะออกจากห้องไปกับคณะแพทย์พวกนั้น ทิ้งท้ายคำพูดเอาไว้

“พักผ่อนซะ”

ความเงียบสงบกลับมาสู่ห้องผู้ป่วยอีกหน

ชูสุเกะนอนเหม่อมองเพดาน พยายามทบทวนความทรงจำของตัวเองก่อนหน้า

มันเป็นค่ำคืนของงานปาร์ตี้ซัมเมอร์ที่มีมาซายะเป็นคนกำกับและควบคุมงาน ทุกอย่างออกมายิ่งใหญ่และงดงามราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย สมกับเป็นลูกชายของมาดามคาบุรากิผู้ที่นิยมการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ แขกที่มางานล้วนแล้วแต่ออกปากว่างานปาร์ตี้ซัมเมอร์นั้นหรูหราและอลังการยิ่งกว่าทุกครั้ง เอ่ยชมประธานที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดงานกันไม่ขาดปาก

และเขาก็ได้เต้นรำกับเรย์กะ ชูสุเกะขอเธอมาตั้งแต่ครั้งที่ไปดูดอกไม้ไฟบนตึกระฟ้าด้วยกันแล้ว อันที่จริงเขาก็ไม่ได้เอ่ยปากซะทีเดียวหรอก แต่เป็นยูกิโนะต่างหากที่เอ่ยปากขอให้ “คุณพี่เรย์กะ” เต้นรำกับพวกเขาสองพี่น้อง และเธอก็ยอมตกลงง่ายๆ

ถ้าเป็นยูกิโนะขอร้องแล้วล่ะก็ เธอไม่เคยปฏิเสธเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ก็ควรจะเป็นค่ำคืนที่มีความสุข ทั้งสถานที่สุดพิเศษ บรรยากาศแสนหวานเต็มไปด้วยความโรแมนติคชวนฝัน งานเต้นรำหน้ากากในคืนพระจันทร์เต็มดวงก็ฟังดูดีมากเกินพอที่จะให้เคลิบเคลิ้มแล้ว

มันคือค่ำคืนของคู่รัก แต่ใจเขาเจ็บปวด หนามจากกิ่งก้านของดอกไม้บีบรัดหัวใจจนเป็นแผลเหวอะหวะเมื่อเห็นภาพที่เรย์กะเอาแต่มองเหม่อไปทางคู่เต้นรำอีกคู่ที่อยู่ในฟลอร์

นั่นคือคู่ของมาซายะและคุณทาคามิจิ

แม้จะมีหน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เกือบครึ่ง แต่เขาก็รู้ว่าเพื่อนเขามีความสุขขนาดไหนที่ได้เต้นรำกับผู้หญิงในดวงใจ

มาซายะได้เซ็ตทุกอย่างนี้ขึ้นเพื่อคนพิเศษเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือคุณทาคามิจิ

ตอนที่มาซายะเอาเรื่องนี้มาปรึกษา เขาคิดว่ามันค่อนข้างบ้าระห่ำและงี่เง่า ยอมจัดงานเต้นรำหน้ากากปิดบังใบหน้าเพียงเพื่อจะให้คุณทาคามิจิได้เข้าร่วมงานได้สะดวก แต่เห็นความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของเพื่อนสนิทเขาก็ไม่มีอะไรจะไปทัดทาน เพราะอันที่จริงเขาก็กำลังทำเรื่องงี่เง่าอยู่เหมือนกัน

ชูสุเกะรู้มาว่ามีวิธีรักษาอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้หายขาดจากโรคบ้านี่ นั่นคือการที่คนที่เรารัก ต้องรักตอบ

ถึงตอนนี้เรย์กะอาจจะยังไม่รู้ตัว แต่เขาก็รู้ดีว่าเธอชอบใคร เพราะเขามองเธอมาตลอด

601 Nameless Fanboi Posted ID:53h+ggIWcZ

มันเป็นแค่ความต้องการฉวยโอกาสในระหว่างที่เธอยังไม่รู้ตัวถึงความรู้สึกของตัวเอง ถ้าเขาแทรกตัวเข้าไปในความสับสนนั่น เธออาจจะเปลี่ยนใจ ถึงเปอร์เซนต์ความเป็นไปได้จะต่ำกว่า 1 แต่เขาก็อยากจะลองดู

เหมือนกรรมจะตามสนองไวยิ่งกว่าที่คิด เพราะชูสุเกะก็ได้เรียนรู้ว่าใจคนไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ

เรย์กะดูจะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนัก เอาแต่มองมาซายะเต้นรำกับคุณทาคามิจิ ไม่สนใจใยดีเขาที่เป็นคู่เต้นอยู่ตรงหน้า และรีบจากไปอย่างเร่งร้อนเหมือนกับไม่อยากมองเห็นภาพบาดตานั้น

ชูสุเกะรู้สึกว่ากิ่งก้านหนามแหลมได้แผ่ขยายไปทั่วร่าง ทิ่มแทงทุกส่วนจนเจ็บปวด แต่เจ็บที่สุดก็ตรงที่หัวใจ

เขาต้องข่มอาการไอจนกลับมาถึงบ้าน ยูกิโนะเองก็คงจะดูออกว่าเขากำลังแย่ ถึงได้แอบลุกหนีออกจากเตียงมาหาเขากลางดึก ก็ต้องขอบคุณยูกิโนะเพราะไม่อย่างนั้นเขาคงตายในห้องน้ำไปแล้ว

เช้าวันถัดมา ยูกิโนะก็มาถึง ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ยืนกรานว่าจะอยู่กับเขาจนกว่าจะหมดเวลาเยี่ยม มาซายะเองก็ยกเลิกกำหนดการหรืองานเลี้ยงทั้งหมดเพื่อจะมาอยู่กับเขา จะกลับไปในช่วงดึกของทุกวันและจะมาใหม่ในรุ่งเช้าเสมอ

อาการป่วยที่พยายามปิดบังมาเนิ่นนานก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป แม้มาซายะจะถามว่าใครคือสาเหตุแต่เขาหลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถามนั่น

“ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” ชูสุเกะยิ้มขื่นๆ “อีกเดี๋ยวก็ต้องผ่าตัดแล้ว...มันจะจบแล้วล่ะ”

มาซายะนั่งกอดอกและขมวดคิ้วใส่แบบไม่ชอบใจ

“จะยอมแพ้แค่นี้รึไง” เมื่อเห็นเขานิ่งเงียบ มาซายะก็เดาะลิ้น “ทั้งที่ยังไม่เคยพูดออกไปเลยเนี่ยนะ”

ก็เพราะไม่ยอมแพ้แล้วยังไงล่ะ ถึงได้มานอนโรงพยาบาลแบบนี้

ชูสุเกะค่อนขอดอยู่ในใจ แต่เลือกตอบในสิ่งที่คิดว่าเหมาะสมที่จะพูดที่สุด

“มันถึงจุดที่รู้ว่าต้องพอแล้ว ฝืนไปกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ มาซายะก็รู้นี่ว่าตอนยูริเอะเป็นยังไง”

“นั่น...มันไม่เหมือนกัน” มาซายะดูฮึดฮัดขึ้นมา “อย่างน้อยฉันก็ยังได้พูดความรู้สึกจริงๆ ถึงผลลัพท์มันจะแย่ แต่ก็ได้พูด ดีกว่ามาเสียใจทีหลังว่าตอนนั้นทำไมถึงไม่ทำแบบนั้น”

“อ้อเหรอ” เขาลากเสียงยานคาง “แล้วตอนนี้ได้ไปพูดกับคุณทาคามิจิรึยังล่ะ”

มาซายะสะดุ้งหน่อยๆ แต่แววตาเริ่มปรากฎรอยขุ่นเคืองเพราะโดนจี้ใจดำ

“ที่ยังดึงเวลามาจนป่านนี้เพราะกลัวซ้ำรอยเดิมกับยูริเอะไม่ใช่รึไง โอกาสก็มีตั้งมากมายแท้ๆแต่ไม่ยอมทำ...รออะไรอยู่ล่ะ”

“ชูสุเกะ แก…”

พอเห็นมาซายะอับจนถ้อยคำได้ ชูสุเกะก็ยิ้มเยาะ

“เรื่องตัวเองไปเอาให้รอดก่อนแล้วค่อยมาสอนคนอื่นเถอะ มาซายะ”

เขาคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวแล้วนอนหันหลังให้เป็นเชิงว่าไม่อยากจะพูดอะไรอีกต่อไป มาซายะก็ทำได้แค่เดินออกจากห้องไปอย่างกระฟัดกระเฟียด

ชูสุเกะรู้ตัวว่าพูดแรงเกินไปหน่อย เพื่อนเขาแค่หวังดีและอยากให้เขาซื่อสัตย์ตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตัวเองให้มากกว่านี้ มันคือการให้กำลังใจในแบบของมาซายะ แต่เขาก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น มาซายะก็ยังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขามาลงเอยในที่แบบนี้อีกต่างหาก

ชูสุเกะไม่อยากนับมาซายะเป็นศัตรูหัวใจเลยสักนิด แต่มันก็ทำได้ยากยิ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่กรีดแทงหัวใจเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ภาพเรย์กะที่เอาแต่มองมาซายะทำให้เขารู้สึกโกรธแล้วก็เศร้าในเวลาเดียวกัน มันทำให้รู้สึกหงุดหงิดจนต้องหาที่ระบายออก ซึ่งเป้าหมายนั่นก็คือมาซายะที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

ความกรุ่นโกรธยังสุมอยู่ในใจไปจนถึงเวลาค่ำ ชูสุเกะต้องแกล้งทำเป็นยิ้มเมื่ออยู่ต่อหน้าแม่และน้อง อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากให้แม่เป็นกังวลมากนัก

พ่อมาถึงในเวลาค่ำเกือบจะดึกอย่างเคย เป็นเวลาที่ทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว พ่อจะมาเพื่อฟังรายงานประจำวันจากแพทย์ อยู่เงียบๆในห้องกับเขา ดูเขาทานยาจากพยาบาล และกลับไปในเวลาที่ต้องปิดไฟเข้านอนทุกครั้ง

หลายคนคงคิดว่าเป็นความรักที่พ่อแสดงออกต่อลูก นักธุรกิจที่งานยุ่งแสนยุ่งก็ยังเจียดเวลามาเยี่ยมลูกชายที่ป่วยอยู่ แต่ชูสุเกะคิดว่าเหมือนเป็นการคุมขังและจับตามอง เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะไม่ทำอะไรโง่ๆอย่างเช่นหนีการผ่าตัดมากกว่า

ตอนนี้อาการเขาคงที่แล้ว คงเพราะไม่มีอะไรมากระตุ้นให้เกิดการไอขึ้นมาอีก พ่อก็ดูจะพอใจเป็นอย่างยิ่ง

การผ่าตัดของเขาถูกเลื่อนให้เร็วขึ้นมาอีกหนึ่งอาทิตย์ พ่อทุ่มเทเงินทองไม่อั้นเพื่อซื้อตัวนายแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านผ่าตัดโรคนี้ มีผลงานการันตีความสำเร็จมานับครั้งไม่ถ้วน และรับประกันว่าเขาจะหายดีก่อนจะเปิดเทอมแน่นอน

602 Nameless Fanboi Posted ID:53h+ggIWcZ

เวลาถูกนับถอยหลังไปเรื่อยๆ อีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาที่ต้องผ่าตัด ชูสุเกะนึกอยากอาละวาดกรีดร้องทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าเป็นการขัดขืน แต่ที่ทำจริงๆก็แค่นอนเซื่องซึมอยู่บนเตียงผู้ป่วยและไม่รู้สึกอยากอาหาร เวลาแม่กับน้องมาเยี่ยมก็ต้องฝืนทานเพราะไม่อยากให้ทั้งคู่เป็นห่วง

มาซายะเองถึงจะทะเลาะกันไปเมื่อหลายวันก่อน แต่ก็ยังมาอยู่กับเขาทั้งวัน พวกเขานั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยในเรื่องกีฬา หรือสถานที่เที่ยวหลังจากนี้ ระมัดระวังที่จะไม่ไปแตะต้องประเด็นที่จะทำให้ขุ่นเคืองกันอีก

การที่มาซายะกับยูกิโนะมาขลุกอยู่กับเขาทั้งวันก็มีข้อดีอยู่อย่างคือเขาจะได้ไม่ต้องอยู่ตามลำพังกับยุยโกะที่บางทีก็พ่วงคาซึรางิมาด้วย ถ้าเวลานั้นเขาก็จะหลับหรือไม่ก็แกล้งหลับเพื่อจะหนีความน่ารำคาญใจให้พ้นๆ

ทั้งมาซายะและยูกิโนะก็ให้ความร่วมมือเต็มที่เพราะรู้ว่าเขาไม่อยากคุยกับสองคนนั้น หรือไม่มาซายะก็จะพาเขาไปเดินเล่นตามที่ต่างๆในโรงพยาบาล ออกจากห้องสี่เหลี่ยมของห้องพักผู้ป่วย ดูวิวบนสวนดาดฟ้าของโรงพยาบาลอะไรไปเรื่อย

“จะว่าไป ยัยคิโชวอินไม่เห็นมาเยี่ยมเลย”

ชื่อของเรย์กะที่หลุดออกมาจากปากของมาซายะทำเอาเขาหัวใจกระตุกไปเล็กน้อย หนามจากกิ่งก้านดอกไม้กระทุ้งไม่ให้เขาลืมว่าเธอมีอิทธิพลต่อเขาแค่ไหน

“เพื่อนเข้าโรงบาลแบบนี้ไม่มาเยี่ยม ใช้ได้ซะที่ไหน” มาซายะควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดหน้าจอเมล์เหมือนกำลังจะพิมพ์ส่งไปหาใครซักคน

“จะพิมพ์เมล์ไปหาคุณคิโชวอินเหรอ”

“ก็ใช่นะสิ” เพื่อนของเขาพยักหน้าหงึกหงัก นิ้วก็ขยับจิ้มแป้นพิมพ์ไม่หยุด “จะให้ส่งเมนูอาหารประจำวัน แล้วก็จะบอกให้มาเยี่ยมนายพรุ่งนี้ด้วย ….เฮ้ย!”

มาซายะโวยวายเสียงดังเมื่อถูกดึงโทรศัพท์ออกจากมือ ชูสุเกะกดลบข้อความที่บอกให้มาเยี่ยมเขาด้วย ให้เหลือแต่ข้อความที่ทวงถึงเมนูอาหารที่ทานตอนไดเอทแล้วกดส่งไปทั้งอย่างนั้น

“ทำบ้าอะไรของนายห๊ะ”

“ไม่ต้องหรอก” เขาส่งมือถือคืนเจ้าของ “บอกไปก็รบกวนกันเปล่าๆ”

“มันจะไปรบกวนอะไร ก็แค่มาเยี่ยมเพื่อน” มาซายะนิ่วหน้าใส่ข้อความป็อบอัพที่ขึ้นมาบนหน้าจอว่าเมล์ถูกส่งออกไปเรียบร้อย กดดูข้อความที่ถูกส่งให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ส่งอะไรแปลกๆออกไปให้ต้องมาแก้ตัวในภายหลัง

“ขอร้องล่ะ”

มาซายะละสายตาออกจากโทรศัพท์แล้วหันมามองเขา ท่าทางอึ้งๆ

“ชูสุเกะ …..หรือว่านาย”

เมื่อเขาไม่ตอบอะไรอีก มาซายะก็พ่นลมหายใจออกมา ดูท่าทางสับสนแบบเห็นได้ชัด

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะ”

“ไม่รู้สิ” ชูสุเกะส่ายหน้า “อาจจะตั้งแต่ประถมเลยก็ได้มั้ง”

พวกเขานั่งคุยกันบนสวนดาดฟ้าจนถึงตอนค่ำ มาซายะถามเขาละเอียดยิบในเรื่องนี้ คุยกันถึงสาเหตุว่าทำไมเขาถึงได้ชอบเรย์กะ มันเหมือนได้ฉายภาพย้อนวันคืนเก่าๆเกี่ยวกับคิโชวอิน เรย์กะที่เขาจำได้

เขายังจำเด็กผู้หญิงผมม้วนในชุดนักเรียนประถมซุยรันได้ดี มันกระจ่างชัดเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้ เธอเหมือนตุ๊กตาเจ้าหญิงที่เขาเคยเห็นในร้านขายของเล่น จำเด็กผู้หญิงผมม้วนที่เต้นรำกับพี่ชายในงานปาร์ตี้ซัมเมอร์ จำเรื่องที่มาซายะบังคับให้เธอช่วยง้อยูริเอะ จะเป็นยังไงนะถ้าวันนั้นเธอตามพวกเรามาซื้อกระดาษเขียนจดหมายด้วยกัน เราอาจจะสนิทกันเร็วกว่านั้นรึเปล่า จำภาพที่เธออุ้มกระต่ายเล่นตอนไปทัศนศึกษาได้ หลังจากนั้นเขาก็เรียกเธออยู่ในใจว่ากระต่ายขาวตลอด จำเรื่องที่เธอเป็นคณะกรรมการจัดงานกีฬาสีคู่กันกับเขา ภาพที่เธอทำงานธุรการจิปาถะอย่างขยันขันแข็งช่างน่าเอ็นดูในสายตาเขาเหลือเกิน จำภาพที่เธอเหยียบอึกวางที่นารา มาซายะขำก๊ากเลยล่ะเรื่องนี้ จำเหตุการณ์ที่เขาทวงบุญคุณกับเธอและจบลงด้วยการที่เธอต่อยท้องเขา หมัดนั่นหนักน่าดู ไม่สมกับเป็นมือเล็กๆของกระต่ายเลย จำได้ว่าซื้อเทียนที่เธอทำมาเก็บไว้ในตู้ด้วย มันเหมือนเป็นสมบัติอีกชิ้นของเขาเลยก็ว่าได้

603 Nameless Fanboi Posted ID:53h+ggIWcZ

ยิ่งไปกว่านั้นชูสุเกะก็ยังจำได้ว่าเขาโกรธแค่ไหนที่ได้รู้ว่าเธอชอบโทโมเอะคนนั้น เขายังไม่ยอมรับกับตัวเองด้วยซ้ำว่าชอบเธอ แต่เขาก็โกรธ จำได้ว่าเขาพยายามวิ่งแซงมาซายะตอนที่รู้ว่าสายตาเธอจับจ้องพวกเขาอยู่ ถึงจะเป็นแค่การซ้อมวิ่งแข่งแต่เขาก็อยากให้เธอได้เห็นภาพเท่ๆที่ได้รับชัยชนะไม่ใช่แค่คนที่ได้อันดับสองตลอดเวลา จำได้ว่าตอนเห็นเธอใส่ชุดหนูครั้งแรกเขาตะลึงแค่ไหน พอมาตอนพ่อบ้านแกะก็เกือบจะท้วงออกไปว่าเธอต้องใส่ชุดกระต่ายสิ และเขาก็หายใจไม่ทั่วท้องที่ได้เห็นเธอใส่ชุดกิโมโนที่รวบผมให้เห็นต้นคอขาวๆ ชูสุเกะต้องห้ามตัวเองอย่างยิ่งยวดในการไม่ให้คิดว่าอยากทำรอยจูบลงบนนั้น พอรู้ว่าเธออยากดูหิ่งห้อยใกล้ๆเขาก็ลงทุนไปจับให้ด้วยตัวเอง ทั้งที่ไม่เคยทำแบบนี้เพื่อใครมาก่อน เรย์กะคงไม่รู้หรอกว่าเขามีความสุขขนาดไหนที่ได้เห็นว่าเธอใช้ผ้าขนหนูแบบเดียวกับเขาเป็นของเข้าคู่กัน มันเหมือนเป็นไอเท็มคู่รัก แม้ว่าความสุขนั้นจะไม่ยั่งยืนเพราะมาซายะซื้อมาใช้ตาม แถมเธอก็ไม่ยอมเอาผ้าผืนนั้นออกมาใช้อีกเลย

ชูสุเกะจำเรื่องที่ตัวเองยืนหลังขดหลังแข็งในครัวเพื่อฝึกซ้อมเทลาเต้อาร์ตรูปกระต่ายเพราะอยากให้เธอได้ทานฝีมือเขาเองในงานโรงเรียน และช็อคไปเลยตอนเห็นเธอคนลาเต้อาร์ตทิ้งแบบไม่ไยดีเลยสักนิด เมื่อได้ทานอาหารฝีมือเธอครั้งแรกในงานวันเกิดยูกิโนะ เขาแอบจินตนาการไปไกลถึงเธอใส่ชุดผ้ากันเปื้อนอยู่หน้าเตา เป็นภรรยาที่ทำอาหารให้เขาทาน ตอนที่เธอเอาช็อคโกแลตมาให้ยูกิโนะ เขาก็ตั้งความหวังว่าซักวันเขาอาจจะได้จากมือเธอบ้าง เรย์กะคงจินตนาการความโกรธของเขาไม่ออกตอนที่เธอถูกใส่ร้ายในคดีล็อกเกอร์ และเขาสาบานกับตัวเองว่าจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเธอ อย่างเช่นการกำจัดซึรุฮานะที่คอยพูดจาให้ร้ายเธอไม่หยุดหย่อน

ความรักทำให้เขาดูเหมือนไอ้โง่ที่ใช้แต่อารมณ์นำหน้าเหตุผล ชูสุเกะไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้โกรธได้เวลาที่เธอไปใกล้ชิดผู้ชายคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นมาซายะ คุณอิมาริ หรือมิซึซากิ ในหัวเขามีแต่คำถามว่าทำไม ทำไมเธอต้องซื้อของฝากให้ผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ชายด้วยล่ะ ทำไมเธอกับมาซายะต้องนั่งใกล้ชิดกันขนาดนั้นในการอ่านนิตยสารหนึ่งเล่ม ทำไมเธอจะต้องไปอยู่กับเจ้าประธานนักเรียนนั่นในทุกๆเช้าเพื่อจะหาคนร้ายที่กลั่นแกล้งคุณทาคามิจิ และเขาก็เกลียดตัวเองมากด้วยที่ทำแต่เรื่องงี่เง่า พูดจาโหดร้ายประชดประชันที่น่าจะทำให้เธอเกลียดขี้หน้าเขาเพิ่มขึ้นอีก เธอคงไม่รู้ว่าหลังจากเขาพูดจางี่เง่ากับเธอ เขาไอเป็นกลีบดอกไม้หนักแค่ไหน

ถึงจะต้องเจ็บปวดแต่เขาก็ยังเอาตัวเองไปใกล้ชิดเธออยู่ดี เขาชอบที่จะเห็นเธอทานอาหารอย่างมีความสุข มาการองกลิ่นเชอร์รี่ที่เขาไม่ค่อยชอบ แต่พอเห็นเธอทานดูน่าเอร็ดอร่อยในห้องสโมสรแล้วเขาก็อยากจะทานมันบ้าง เขามองเธอทานอย่างตั้งใจจนรู้ว่าเธอไม่เคยทิ้งขว้างอาหารแม้แต่ครั้งเดียว ก็เลยต้องแก้ต่างให้มาซายะที่กล่าวหาเธออย่างไม่เป็นธรรมสักหน่อย โอโคโนมิยากิที่ไปทานด้วยกันสามคนก็อร่อยเป็นพิเศษ ชูสุเกะชอบเวลาที่เธอมองมาอย่างชื่นชมตอนที่เขาสอนการบ้านให้ ทั้งในสโมสรและในร้านกาแฟ มันทำให้เขารู้สึกภูมิใจในตัวเองว่าเป็นที่พึ่งให้เธอได้ อยากให้เธอพึ่งพาเขามากกว่านี้ อยากให้มีปัญหาอะไรก็บอกกล่าวเพราะเขายินดีจะช่วยจนสุดความสามารถ

เพราะเขาชอบเธอ ทั้งเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ความสุขกับความเศร้าที่เกิดขึ้นและอยู่ในความทรงจำล้วนแต่มีความหมาย เป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับเขา

604 Nameless Fanboi Posted ID:53h+ggIWcZ

แต่ทั้งหมดนี้กำลังจะหายไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลังการผ่าตัดเขาคงจะจำอะไรพวกนี้ไม่ได้อีกแล้ว และเรย์กะก็จะเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นปี เป็นคนแปลกหน้าที่ไม่มีความหมายใดๆกับเขาอีกต่อไป และเขาก็สามารถที่จะมองดูเธอแต่งงานไปกับคนที่เธอรักโดยที่ไม่ต้องมีอาการไออย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้

เขาอาจจะไปงานแต่งของเธอเป็นมารยาททางสังคมแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะเธอไม่ได้มีความสำคัญกับเขานัก อีกทั้งเขาคงแต่งกับยุยโกะตามที่ทางบ้านกำหนดให้ ตอนแรกชูสุเกะอาจจะไม่ได้รักเธอ แต่อยู่ๆกันไปเขาก็คงรักขึ้นมาเอง

ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สิ่งที่ควรจะเป็นโดยที่ไม่ต้องมีใครเจ็บปวดและได้ผลประโยชน์กันทุกฝ่าย

“นายไม่คิดจะบอกยัยนั่น...”

“ไม่มีประโยชน์หรอก”

ชูสุเกะยิ้มอย่างเคย พอเห็นเพื่อนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่อย่างไม่เห็นด้วยก็อธิบายต่อ

“คุณคิโชวอินน่ะ เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ผมพูดไปก็มีแต่จะสร้างความอึดอัดให้เปล่าๆ พอผ่าตัดเสร็จผมก็จะลืมเรื่องนี้ แต่เธอต้องอยู่กับคำสารภาพรักจากคนที่เธอไม่ได้ชอบ มันคงกระอักกระอ่วนน่าดู”

เขาไม่ได้บอกว่าคนที่เรย์กะชอบคือใคร แต่อีกไม่นานมาซายะก็คงจะรู้เอง

“...ปล่อยไปแบบนี้จะดีเหรอ”

“ดีสิ” เขาพยักหน้า เมื่อไอออกมาอีกหน กลีบดอกไม้สีขาวก็พรั่งพรูออกจากปาก “แบบนี้ล่ะ ดีที่สุดแล้ว”

ใช่แล้ว นั่นคือทางที่ดีที่สุด เป็นทางเดียวที่จะแก้ปัญหาเรื่องทั้งหมดนี่ได้ เขาต้องยุติเรื่องบ้าๆนี่ได้แล้ว

มาซายะเงียบอยู่ครู่หนึ่งก็เรียกชื่อเขาด้วยเสียงแผ่วเบา

“นายร้องไห้...”

“มาซายะ”

เขาตอบกลับด้วยเสียงที่แผ่วเบายิ่งกว่า

“บอกหน่อยสิ ผมควรจะทำยังไงดี”

มาซายะเองก็ไม่มีคำตอบ ได้แต่มองเขาด้วยสายตาที่หลากหลายความรู้สึกและนั่งเงียบๆอยู่อย่างนั้น

ชูสุเกะพร่ำบอกกับตัวเองว่านี่คือทางที่ดีที่สุด ถ้าเขาเป็นฝ่ายลืมเรื่องนี้เองมันก็จะจบที่ไม่มีใครต้องเจ็บทั้งนั้น แต่ดอกไม้ที่เบ่งบานในร่างกายกลับคอยทิ่มแทงหนามใส่ ราวกับจะสั่งให้เขาจดจำความเจ็บนี้ให้ฝังลึกลงไปถึงกระดูก และบังคับไม่ให้ลืมความทรงจำพวกนั้นไปได้ง่ายๆ

เขาไม่อยากลืมเรย์กะ ไม่อยากเข้ารับการผ่าตัด แต่ก็ไม่เห็นหนทางอื่นที่จะแก้ไขสิ่งที่เป็นอยู่ได้เลยสักนิด

-------------------------
ทีแรกว่าจะให้จบพาร์ทนี้ แต่กูติดนิสัยบรรยายยืดๆยาวๆเลยจบไม่ลงซักที ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง
แต่ตอนหน้าก็จบแล้วจริงๆจ้า

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.