คำตอบของเขาคงจะจืดชืดไปหน่อย แต่ก็นะ...จะให้เล่าเรื่องการทำข้อสอบที่ฟังดูน่าเบื่อก็คงไม่ดีเท่าไหร่ เรื่องทางบ้านก็พูดไม่ได้ ยิ่งเรื่องอาการไอเป็นกลีบดอกไม้ก็ยิ่งไม่ใช่หัวข้อที่ควรเอามาสนทนากันเลยสักนิด
ชูสุเกะเลือกที่จะเล่าเรื่องของเด็กม.4ที่ก่อเรื่องจนมาซายะสั่งให้ทุกคนใน Pivoine ต้องสอบได้ไม่เกินลำดับที่ 50 เด็กพวกนั้นคงผ่านเกณฑ์กันฉิวเฉียดจากการตรวจคำตอบไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน
พอมีชื่อของมาซายะเข้ามาเกี่ยวข้อง เรย์กะก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ท่าทางเหมือนอยากฟังต่อไปว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
“มาซายะก็มุทะลุไม่คิดหน้าคิดหลังมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะนะ” ชูสุเกะข่มอาการไอลงคอ ปั้นสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไร
“เหตุการณ์ที่ลำบากที่สุดที่เคยเจอคืออะไรคะ”
เรย์กะอาจจะไม่รู้ตัว แต่ในตอนนี้ แววตาเธอเป็นประกายสดใสคล้ายกับมีความสุข ทั้งที่เวลาพูดกับเขาเธอไม่เคยมีท่าทีแบบนี้เลยสักครั้ง
ก็ได้...ถ้าเธออยากฟังนัก
เขาเล่าให้เธอฟังเรื่องที่ไล่ตามหามาซายะไปตามสถานที่ฆ่าตัวตายทั่วญี่ปุ่นเพราะอกหักตอนม.4 ตอนนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ลำบากจริงๆ เรย์กะมีสีหน้าทึ่งหลังจากได้ฟัง แต่เขาต้องทุกข์ทรมานจากหนามที่กำลังบีบรัดทิ่มแทงหัวใจเพราะรู้ว่าเธอมีความสุขจากการฟังเรื่องราวของมาซายะผ่านปากเขา
“เจอเรื่องเดือดร้อนขนาดนั้น ทำไมท่านเอ็นโจถึงยังคบหาท่านคาบุรากิอยู่อีกล่ะคะ”
คำถามนั่นออกจะทำให้ชูสุเกะประหลาดใจพอสมควร นึกไม่ถึงว่าเธอก็อยากรู้เรื่องของเขาด้วยเหมือนกัน
แม้เขาพยายามจะบอกตัวเองว่ามันคือคำถามตามมารยาท เธออาจจะถามเพราะแค่อยากรู้เกี่ยวกับมาซายะ แต่หัวใจในอกกลับเต้นระรัวอย่างยินดีจนอาจเรียกได้ว่าบ้าคลั่ง
“แปลกเหรอ”
“อืม...ก็ไม่ถึงกับแปลกหรอกค่ะ”
“ที่เป็นเพื่อนกันนี่ก็ไม่ได้มีเหตุผลชัดเจนหรอกนะ”
คำถามนี้เขาเองก็ไม่เคยนึกเหตุผลแบบจริงๆจังๆมาก่อนเหมือนกัน ดังนั้น คำตอบที่พูดออกไปจึงเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับความในใจที่สุดในเวลานี้
“มาซายะน่ะ ดูเผินๆเหมือนจะสีหน้าไร้อารมณ์อ่านใจยาก แต่เนื้อในเป็นคนตรงไปตรงมาไม่มีหน้ามีหลัง อยู่ด้วยแล้วก็เลยสบายใจน่ะ แล้วก็ซื่อสัตย์กับคนอื่นๆด้วย ก็เลยรู้สึกอุ่นใจว่ามีแต่มาซายะเท่านั้นที่จะไม่หักหลังผมเด็ดขาดล่ะมั้ง ส่วนที่ทำอะไรโลดโผนนั่น ดูๆไปก็เพลินดีด้วยนะ”
ชูสุเกะหัวเราะเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต มันมีทั้งความสุขและความเศร้าปะปนกันไป เวลาที่มาซายะทำอะไรเหนือความคาดหมายก็ทำให้เขารู้สึกสนุกด้วยเสมอ
ในบรรดาคนมากมายที่เขารู้จัก คนที่เขานับว่าเป็นเพื่อนอาจจะมีแค่มาซายะคนเดียวก็ได้
พอเห็นรอยยิ้มของเรย์กะ เขาก็เลยเล่าเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับมาซายะให้ฟังอีกนิดหน่อย ชูสุเกะไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าอยากเห็นเธอยิ้มแบบนี้ไปอีกนานๆ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ทำให้เธอยิ้มได้จะไม่ใช่เรื่องของเขาก็ตาม
เธอเล่ากลับมาบ้าง เป็นเรื่องที่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตกับเรื่องที่ไปร้านฟาสต์ฟู้ดกันก่อนหน้านั้น มาซายะไม่ได้ให้รายละเอียดในเรื่องพฤติกรรมตัวเองหรอก แต่ฟังจากที่เรย์กะเล่ามันก็ตลกไม่น้อยเลยทีเดียว
ใครจะไปนึกว่าคุณชายบ้านคาบุรากิผู้สง่างามจะแวะเที่ยวชิมของแจกทุกซุ้มเหมือนกับพวกแม่บ้านจ่ายตลาด หอบข้าวของที่ตัวเองเพิ่งจะเคยพบเจอมาถือไว้พะรุงพะรังเหมือนพวกบ้าหอบฟาง หรือสั่งอาหารไม่เป็น ได้แต่ทำหน้าเคร่งขรึมกลบเกลื่อนสถานการณ์ และเขาก็เล่าเรื่องของมาซายะที่ตลกยิ่งกว่านี้ให้เธอฟังอีก