AU Hanahaki Verse [2/3]
ความเดิมตอนที่แล้ว >>>/webnovel/6627/628-629
------------
เธอเองก็มีอาการไอเป็นกลีบดอกไม้ด้วยอย่างนั้นเหรอ
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมหาย แม้จะผ่านมานานหลายวันแล้วก็ตาม
และคำถามที่ตามมาก็คือ ใครกันที่ทำให้เธอมีอาการแบบนั้นได้ มาซายะเหรอ หรือเป็นคนอื่นเหมือนตอนที่เธอแอบชอบเจ้าโทโมเอะคนนั้น
พอนึกถึงเรื่องนี้ทีไร ในอกก็จะเจ็บขึ้นมาทุกครั้ง และจะตามมาด้วยอาการไอเป็นดอกไม้ที่มันรุนแรงขึ้นทุกวัน จากเดิมที่มีแค่กลีบดอกไม้ ตอนนี้มันเริ่มจะมีกิ่งไม้เล็กๆติดออกมาด้วยแล้ว มันทำให้เขาทรมานมากขึ้นทุกครั้งที่ไอ
แล้วไหนจะยังเรื่องนี้อีก
ชูสุเกะถอนหายใจออกมาเมื่อเหลือบไปเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลอ่อนที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกตรงหน้า
หลังคืนทานาบาตะ พ่อเรียกเขาไปพบที่ห้องทำงาน และเมื่อไปถึงก็ได้รับมอบซองเอกสารที่ดูเป็นทางการมาให้
ของข้างในคือเอกสารที่ระบุอาการของโรคที่เขากำลังเป็น และแผ่นฟิล์ม X-Ray ครั้งล่าสุด
ชูสุเกะใช้แผ่นฟิล์มปิดบังรอยยิ้มขื่นๆ ในที่สุดพ่อก็รู้จนได้ว่าเขามีอาการของโรคบ้าๆนี่
เขาก้มลงมองเอกสารเพื่อปิดบังสีหน้า แผ่นฟิล์มแสดงให้เห็นสิ่งที่แปลกไปจากเดิม ดอกไม้ที่เจริญเติบโตอยู่แค่ในปอดและหัวใจ แต่ตอนนี้กิ่งก้านสาขาของดอกไม้เริ่มจะมีการเติบโตแผ่ขยายออกไปตามเส้นเลือดในร่างกาย และเป็นอันตรายต่อการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว
คำวินิจฉัยจากแพทย์ท้ายเอกสารลงความเห็นไว้ว่าควรได้รับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป นั่นหมายถึงความตายของเขาเอง
ในฐานะผู้สืบทอดตระกูล เรื่องนั้นพ่อของเขาคงไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่ๆ
ด้วยเส้นสาย เงินทองและอิทธิพลของตระกูลเอ็นโจ การจะหาแพทย์ผ่าตัดที่เชี่ยวชาญการผ่าตัดโรคนี้มาก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น แผ่นกระดาษหน้าถัดมาคือกำหนดการณ์ผ่าตัดมีขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ช่วงเวลาก่อนจะเปิดเทอมไม่กี่วัน
พ่อไม่สอบถามถึงต้นเหตุของการเกิดโรคของเขาแม้แต่คำเดียว บอกแค่ให้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการผ่าตัด แต่ชูสุเกะก็คิดว่าพ่อรู้ว่าใครคือสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้
เขาได้แต่รับคำอย่างสงบเสงี่ยมไม่มีปากเสียงเมื่อถูกย้ำเตือนถึงหน้าที่ของผู้สืบทอดของตระกูลเอ็นโจคนต่อไป ทุกอย่างในชีวิตได้ถูกกำหนดไว้แล้ว การเรียน หน้าที่ หรือแม้แต่คู่ครอง เรื่องความรักหรือความต้องการไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ
ชั่วแว้บหนึ่ง เขาคิดหนีออกจากบ้าน ทิ้งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเอ็นโจไปให้หมด ด้วยความหุนหันพลันแล่นและไม่ได้วางแผนอะไรไว้ เขาก็โบกแท็กซี่จากหน้าบ้าน บอกให้ขับไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมายปลายทาง สุดท้ายก็มาจบที่โรงเรียนเพราะไม่รู้จะไปไหนดี
โชคดีที่ตอนนี้คือช่วงปิดเทอมเลยแทบจะไม่มีคน นั่นหมายถึงความวุ่นวายก็น้อยลงด้วย เหมาะแก่การเป็นที่ลี้ภัยชั่วคราว
สโมสร Pivoine ข้างในว่างเปล่าไร้ผู้คน มีแค่พนักงานที่ทำหน้าที่ดูแล ปกติพนักงานเหล่านั้นก็ทำตัวสงบเสงี่ยมเหมือนตัวเองไม่มีตัวตนอยู่แล้ว จึงไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาในการที่มีคนอื่นอยู่ด้วยในสโมสร
เขาเลือกที่นั่งให้ตัวเองตรงหน้าต่างข้างๆแกรนด์เปียโนหลังใหญ่ ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ แต่เปียโนตัวนี้ทำให้เขานึกถึงมาซายะ บางเวลาที่มาซายะอารมณ์ดีหรือเกิดนึกอยากเล่นเปียโนขึ้นมาก็มักจะมานั่งตรงนี้เสมอ
มาซายะอาจจะเป็นสิ่งดีที่สุดเท่าที่เขาจะนึกออกในเวลาแบบนี้ หมอนั่นเป็นเพื่อนที่ดี อยู่ด้วยแล้วก็รู้สึกสบายใจไม่ต้องระมัดระวังตัวหรือหยิบหน้ากากขึ้นมาสวม ซื่อตรงต่อความรู้สึกและความต้องการของตัวเองเสมอ
จุดนั้นทำให้เขาชื่นชมมาซายะ แต่ก็รู้สึกอิจฉาไปในเวลาเดียวกัน
ชูสุเกะกดนิ้วลงบนคีย์เปียโน เสียงกังวานใสดังก้องในความเงียบของห้อง เขาไม่ได้มีเพลงที่อยากเล่นอยู่ในใจก็ทำได้แค่กดนิ้วลงไปตามคีย์อย่างเชื่องช้า ไม่เป็นเพลง
แต่พอได้มาเล่นเปียโนแบบนี้ ใบหน้าของเรย์กะก็ลอยขึ้นมาในห้วงความคิดแบบไม่ได้ตั้งใจ