Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ พวกเรารอท่านฮิโยโกะอยู่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ! [ฤดูกาลผันผ่านครั้งที่31]

Last posted

Total of 1000 posts

229 Nameless Fanboi Posted ID:a1nHoDJHhy

AU Hanahaki Verse [2/3]
ความเดิมตอนที่แล้ว >>>/webnovel/6627/628-629
------------

เธอเองก็มีอาการไอเป็นกลีบดอกไม้ด้วยอย่างนั้นเหรอ

คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมหาย แม้จะผ่านมานานหลายวันแล้วก็ตาม

และคำถามที่ตามมาก็คือ ใครกันที่ทำให้เธอมีอาการแบบนั้นได้ มาซายะเหรอ หรือเป็นคนอื่นเหมือนตอนที่เธอแอบชอบเจ้าโทโมเอะคนนั้น

พอนึกถึงเรื่องนี้ทีไร ในอกก็จะเจ็บขึ้นมาทุกครั้ง และจะตามมาด้วยอาการไอเป็นดอกไม้ที่มันรุนแรงขึ้นทุกวัน จากเดิมที่มีแค่กลีบดอกไม้ ตอนนี้มันเริ่มจะมีกิ่งไม้เล็กๆติดออกมาด้วยแล้ว มันทำให้เขาทรมานมากขึ้นทุกครั้งที่ไอ

แล้วไหนจะยังเรื่องนี้อีก

ชูสุเกะถอนหายใจออกมาเมื่อเหลือบไปเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลอ่อนที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกตรงหน้า

หลังคืนทานาบาตะ พ่อเรียกเขาไปพบที่ห้องทำงาน และเมื่อไปถึงก็ได้รับมอบซองเอกสารที่ดูเป็นทางการมาให้

ของข้างในคือเอกสารที่ระบุอาการของโรคที่เขากำลังเป็น และแผ่นฟิล์ม X-Ray ครั้งล่าสุด

ชูสุเกะใช้แผ่นฟิล์มปิดบังรอยยิ้มขื่นๆ ในที่สุดพ่อก็รู้จนได้ว่าเขามีอาการของโรคบ้าๆนี่

เขาก้มลงมองเอกสารเพื่อปิดบังสีหน้า แผ่นฟิล์มแสดงให้เห็นสิ่งที่แปลกไปจากเดิม ดอกไม้ที่เจริญเติบโตอยู่แค่ในปอดและหัวใจ แต่ตอนนี้กิ่งก้านสาขาของดอกไม้เริ่มจะมีการเติบโตแผ่ขยายออกไปตามเส้นเลือดในร่างกาย และเป็นอันตรายต่อการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว

คำวินิจฉัยจากแพทย์ท้ายเอกสารลงความเห็นไว้ว่าควรได้รับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป นั่นหมายถึงความตายของเขาเอง

ในฐานะผู้สืบทอดตระกูล เรื่องนั้นพ่อของเขาคงไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่ๆ

ด้วยเส้นสาย เงินทองและอิทธิพลของตระกูลเอ็นโจ การจะหาแพทย์ผ่าตัดที่เชี่ยวชาญการผ่าตัดโรคนี้มาก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น แผ่นกระดาษหน้าถัดมาคือกำหนดการณ์ผ่าตัดมีขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ช่วงเวลาก่อนจะเปิดเทอมไม่กี่วัน

พ่อไม่สอบถามถึงต้นเหตุของการเกิดโรคของเขาแม้แต่คำเดียว บอกแค่ให้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการผ่าตัด แต่ชูสุเกะก็คิดว่าพ่อรู้ว่าใครคือสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้

เขาได้แต่รับคำอย่างสงบเสงี่ยมไม่มีปากเสียงเมื่อถูกย้ำเตือนถึงหน้าที่ของผู้สืบทอดของตระกูลเอ็นโจคนต่อไป ทุกอย่างในชีวิตได้ถูกกำหนดไว้แล้ว การเรียน หน้าที่ หรือแม้แต่คู่ครอง เรื่องความรักหรือความต้องการไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ

ชั่วแว้บหนึ่ง เขาคิดหนีออกจากบ้าน ทิ้งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเอ็นโจไปให้หมด ด้วยความหุนหันพลันแล่นและไม่ได้วางแผนอะไรไว้ เขาก็โบกแท็กซี่จากหน้าบ้าน บอกให้ขับไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมายปลายทาง สุดท้ายก็มาจบที่โรงเรียนเพราะไม่รู้จะไปไหนดี

โชคดีที่ตอนนี้คือช่วงปิดเทอมเลยแทบจะไม่มีคน นั่นหมายถึงความวุ่นวายก็น้อยลงด้วย เหมาะแก่การเป็นที่ลี้ภัยชั่วคราว

สโมสร Pivoine ข้างในว่างเปล่าไร้ผู้คน มีแค่พนักงานที่ทำหน้าที่ดูแล ปกติพนักงานเหล่านั้นก็ทำตัวสงบเสงี่ยมเหมือนตัวเองไม่มีตัวตนอยู่แล้ว จึงไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาในการที่มีคนอื่นอยู่ด้วยในสโมสร

เขาเลือกที่นั่งให้ตัวเองตรงหน้าต่างข้างๆแกรนด์เปียโนหลังใหญ่ ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ แต่เปียโนตัวนี้ทำให้เขานึกถึงมาซายะ บางเวลาที่มาซายะอารมณ์ดีหรือเกิดนึกอยากเล่นเปียโนขึ้นมาก็มักจะมานั่งตรงนี้เสมอ

มาซายะอาจจะเป็นสิ่งดีที่สุดเท่าที่เขาจะนึกออกในเวลาแบบนี้ หมอนั่นเป็นเพื่อนที่ดี อยู่ด้วยแล้วก็รู้สึกสบายใจไม่ต้องระมัดระวังตัวหรือหยิบหน้ากากขึ้นมาสวม ซื่อตรงต่อความรู้สึกและความต้องการของตัวเองเสมอ

จุดนั้นทำให้เขาชื่นชมมาซายะ แต่ก็รู้สึกอิจฉาไปในเวลาเดียวกัน

ชูสุเกะกดนิ้วลงบนคีย์เปียโน เสียงกังวานใสดังก้องในความเงียบของห้อง เขาไม่ได้มีเพลงที่อยากเล่นอยู่ในใจก็ทำได้แค่กดนิ้วลงไปตามคีย์อย่างเชื่องช้า ไม่เป็นเพลง

แต่พอได้มาเล่นเปียโนแบบนี้ ใบหน้าของเรย์กะก็ลอยขึ้นมาในห้วงความคิดแบบไม่ได้ตั้งใจ

230 Nameless Fanboi Posted ID:a1nHoDJHhy

ปลายนิ้วที่กดคีย์เปียโนไปมั่วๆแปรเปลี่ยนเป็นท่วงทำนองของเพลงสวนในหยาดพิรุณที่ได้ยินจากงานทานาบาตะเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน เพลงนั้นถูกบรรเลงโดยฝีมือของมาซายะ และได้รับคำชมเชยอย่างมากจากแขกผู้เข้าร่วมงาน รวมไปถึงสายตาที่มองอย่างชื่นชมของเรย์กะด้วย

ชูสุเกะรู้มานานแล้วว่าเรย์กะดูจะชอบเวลาที่มาซายะเล่นเปียโนมากๆ เธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาแอบมองเธอแทบทุกครั้งที่มีโอกาส คอยสังเกตกริยาท่าทางของเธอเวลาที่อยู่กับคนอื่นๆ

เขาเคยกึ่งๆบังคับให้มาซายะเล่นเปียโนให้เป็นการตอบแทนที่เธอช่วยดูแลยูกิโนะ แต่เหตุผลหลักคือเขาต้องการทดสอบสมมติฐานที่อยู่ในใจ และผลที่ได้ก็เป็นไปตามความคาดหมาย

เวลาที่เรย์กะมองมาซายะเล่นดนตรี เหมือนเธอตกอยู่ในภวังค์ที่ทั้งโลกมีแค่มาซายะและเธอ ใครก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกได้

เมื่อตระหนักถึงความจริงในข้อนี้ กลีบดอกไม้ก็ได้หลุดร่วงออกมาจากปากของเขาเป็นครั้งแรก ทั้งที่ก่อนหน้านั้นมันยังเป็นแค่อาการไอเล็กๆน้อยๆอยู่เลย

ชูสุเกะยิ้มขื่นๆ ปิดฝาครอบเปียโนลงมาแล้วกลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิม ตั้งใจว่าจะรอให้ถึงช่วงเย็นแล้วค่อยกลับบ้าน ตอนนี้ก็นั่งเล่นฆ่าเวลาให้หมดไปก่อน การได้อยู่เงียบๆคนเดียวแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้คิดทบทวนว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตในตอนนี้

จะเป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อ ยอมเข้ารับการผ่าตัดไม่มีเงื่อนไข หรือจะดิ้นรนพยายามจนวินาทีสุดท้ายที่อาจจะหมายถึงอาการไอเป็นกลีบดอกไม้ไม่สามารถแก้ไขได้แล้วจริงๆ

นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงประตูห้องสโมสรเปิดออก ทั้งที่เป็นวันหยุดแท้ๆ ใครกันนะที่จะมาโรงเรียน

“ใครน่ะ”

เขาตะโกนออกไป นึกหัวเสียอยู่ไม่น้อยที่ความสงบถูกรบกวน และตามมาด้วยความคิดที่ว่าจะตัดบทสนทนาอย่างไรดีไม่ให้ดูเสียมารยาท

เรย์กะยืนอยู่ตรงนั้น เลิกคิ้วขึ้นมองมาอย่างสงสัย ส่วนชูสุเกะได้แต่จ้องมองเธออย่างพิศวง

“คุณคิโชวอิน” เขาพูดขึ้นมาราวกับจะถามตัวเองว่านี่ไม่ใช่ความฝันหรือภาพหลอน เธอจะมาอยู่ที่นี่ในเวลาแบบนี้ได้ยังไงกัน

“สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ”

เป็นเสียงเธอแน่นอนไม่มีผิด ชั่วแว้บหนึ่งเขานึกอยากเอื้อมมือไปสัมผัสตัวเธอเพื่อเช็คให้แน่ใจ แต่ก็ทำได้แค่ถามในสิ่งที่สงสัย

“หยุดสอบซ่อมแท้ๆ มีอะไรเหรอ” ชูสุเกะเลิกคิ้วขึ้น คิดถึงความเป็นไปได้ “....เอ๋!...หรือว่ามีสอบซ่อม”

“ไม่ใช่นะคะ”

เรย์กะรีบตอบทันควันพร้อมกับท่าทีพองขนที่ดูแล้วเหมือนกระต่ายในความคิดเขา มันเป็นท่าทีที่เธอชอบใช้เวลาจะปฏิเสธอะไรสักอย่าง ...นี่ตัวจริงแน่นอน ไม่ใช่ความฝันหรือภาพหลอนหรอก

ชูสุเกะหยอกเธอไปเล็กน้อยเรื่องผลการสอบ เธอก็ทำหน้าตาบึ้งตึง แต่พอพูดถึงมาซายะที่ออกปากว่าคงไม่ต้องเป็นห่วง เรย์กะก็มีท่าทีที่ดูกระตือรือร้นขึ้นมา ดวงตาเปล่งประกายราวกับกำลังคาดหวัง

หนามแหลมจากกิ่งก้านของดอกไม้ทิ่มแทงหัวใจเขาอีกหน

เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่ไอออกมาต่อหน้าเธอ ได้แต่ชวนคุยเรื่อยเปื่อยถามเรื่องที่มาโรงเรียนทำไม ก็เป็นเรื่องของกิจกรรมชมรมที่เธอทำอยู่

เรย์กะถามกลับว่าเขามาที่นี่ทำไม ชูสุเกะยิ้มขื่นๆตอบกลับไปว่าเป็นที่เดียวที่สามารถหลีกหนีจากความวุ่นวายที่บ้านได้ เธอก็ดูกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันควัน

ดูท่าทางเธอคงอยากจะหนีอีกแล้ว เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เวลาที่เรย์กะอยู่ใกล้ๆเขา เธอมักจะหาข้ออ้างมาปลีกตัวหนีไปได้เสมอ บางครั้งก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้

ชูสุเกะเลยประชดประชันด้วยการเชื้อเชิญเธอให้นั่งที่โต๊ะเดียวกัน ท่าทีนุ่มนวลของเขาคงทำให้เรย์กะปฏิเสธยากหน่อย ซึ่งนั่นก็เป็นไปตามคาด เธอยอมนั่งแต่โดยดีแม้จะดูอิดออดไปบ้างก็ตาม

เขาไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่มองดูเรย์กะที่กำลังทำสีหน้าอึดอัดใจเหมือนเป็นการลงทัณฑ์เธอทางอ้อม

“สอบปลายภาคของท่านเอ็นโจเป็นอย่างไรบ้างคะ”

เรย์กะโพล่งถามขึ้นมาในที่สุด ท่าทางคงอึดอัดกับความเงียบจนทนไม่ไหว

“ก็ไม่มีอะไรนี่ ตามปกติล่ะมั้ง”

231 Nameless Fanboi Posted ID:a1nHoDJHhy

คำตอบของเขาคงจะจืดชืดไปหน่อย แต่ก็นะ...จะให้เล่าเรื่องการทำข้อสอบที่ฟังดูน่าเบื่อก็คงไม่ดีเท่าไหร่ เรื่องทางบ้านก็พูดไม่ได้ ยิ่งเรื่องอาการไอเป็นกลีบดอกไม้ก็ยิ่งไม่ใช่หัวข้อที่ควรเอามาสนทนากันเลยสักนิด

ชูสุเกะเลือกที่จะเล่าเรื่องของเด็กม.4ที่ก่อเรื่องจนมาซายะสั่งให้ทุกคนใน Pivoine ต้องสอบได้ไม่เกินลำดับที่ 50 เด็กพวกนั้นคงผ่านเกณฑ์กันฉิวเฉียดจากการตรวจคำตอบไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน

พอมีชื่อของมาซายะเข้ามาเกี่ยวข้อง เรย์กะก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ท่าทางเหมือนอยากฟังต่อไปว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

“มาซายะก็มุทะลุไม่คิดหน้าคิดหลังมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะนะ” ชูสุเกะข่มอาการไอลงคอ ปั้นสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไร

“เหตุการณ์ที่ลำบากที่สุดที่เคยเจอคืออะไรคะ”

เรย์กะอาจจะไม่รู้ตัว แต่ในตอนนี้ แววตาเธอเป็นประกายสดใสคล้ายกับมีความสุข ทั้งที่เวลาพูดกับเขาเธอไม่เคยมีท่าทีแบบนี้เลยสักครั้ง

ก็ได้...ถ้าเธออยากฟังนัก

เขาเล่าให้เธอฟังเรื่องที่ไล่ตามหามาซายะไปตามสถานที่ฆ่าตัวตายทั่วญี่ปุ่นเพราะอกหักตอนม.4 ตอนนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ลำบากจริงๆ เรย์กะมีสีหน้าทึ่งหลังจากได้ฟัง แต่เขาต้องทุกข์ทรมานจากหนามที่กำลังบีบรัดทิ่มแทงหัวใจเพราะรู้ว่าเธอมีความสุขจากการฟังเรื่องราวของมาซายะผ่านปากเขา

“เจอเรื่องเดือดร้อนขนาดนั้น ทำไมท่านเอ็นโจถึงยังคบหาท่านคาบุรากิอยู่อีกล่ะคะ”

คำถามนั่นออกจะทำให้ชูสุเกะประหลาดใจพอสมควร นึกไม่ถึงว่าเธอก็อยากรู้เรื่องของเขาด้วยเหมือนกัน

แม้เขาพยายามจะบอกตัวเองว่ามันคือคำถามตามมารยาท เธออาจจะถามเพราะแค่อยากรู้เกี่ยวกับมาซายะ แต่หัวใจในอกกลับเต้นระรัวอย่างยินดีจนอาจเรียกได้ว่าบ้าคลั่ง

“แปลกเหรอ”

“อืม...ก็ไม่ถึงกับแปลกหรอกค่ะ”

“ที่เป็นเพื่อนกันนี่ก็ไม่ได้มีเหตุผลชัดเจนหรอกนะ”

คำถามนี้เขาเองก็ไม่เคยนึกเหตุผลแบบจริงๆจังๆมาก่อนเหมือนกัน ดังนั้น คำตอบที่พูดออกไปจึงเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับความในใจที่สุดในเวลานี้

“มาซายะน่ะ ดูเผินๆเหมือนจะสีหน้าไร้อารมณ์อ่านใจยาก แต่เนื้อในเป็นคนตรงไปตรงมาไม่มีหน้ามีหลัง อยู่ด้วยแล้วก็เลยสบายใจน่ะ แล้วก็ซื่อสัตย์กับคนอื่นๆด้วย ก็เลยรู้สึกอุ่นใจว่ามีแต่มาซายะเท่านั้นที่จะไม่หักหลังผมเด็ดขาดล่ะมั้ง ส่วนที่ทำอะไรโลดโผนนั่น ดูๆไปก็เพลินดีด้วยนะ”

ชูสุเกะหัวเราะเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต มันมีทั้งความสุขและความเศร้าปะปนกันไป เวลาที่มาซายะทำอะไรเหนือความคาดหมายก็ทำให้เขารู้สึกสนุกด้วยเสมอ

ในบรรดาคนมากมายที่เขารู้จัก คนที่เขานับว่าเป็นเพื่อนอาจจะมีแค่มาซายะคนเดียวก็ได้

พอเห็นรอยยิ้มของเรย์กะ เขาก็เลยเล่าเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับมาซายะให้ฟังอีกนิดหน่อย ชูสุเกะไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าอยากเห็นเธอยิ้มแบบนี้ไปอีกนานๆ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ทำให้เธอยิ้มได้จะไม่ใช่เรื่องของเขาก็ตาม

เธอเล่ากลับมาบ้าง เป็นเรื่องที่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตกับเรื่องที่ไปร้านฟาสต์ฟู้ดกันก่อนหน้านั้น มาซายะไม่ได้ให้รายละเอียดในเรื่องพฤติกรรมตัวเองหรอก แต่ฟังจากที่เรย์กะเล่ามันก็ตลกไม่น้อยเลยทีเดียว

ใครจะไปนึกว่าคุณชายบ้านคาบุรากิผู้สง่างามจะแวะเที่ยวชิมของแจกทุกซุ้มเหมือนกับพวกแม่บ้านจ่ายตลาด หอบข้าวของที่ตัวเองเพิ่งจะเคยพบเจอมาถือไว้พะรุงพะรังเหมือนพวกบ้าหอบฟาง หรือสั่งอาหารไม่เป็น ได้แต่ทำหน้าเคร่งขรึมกลบเกลื่อนสถานการณ์ และเขาก็เล่าเรื่องของมาซายะที่ตลกยิ่งกว่านี้ให้เธอฟังอีก

232 Nameless Fanboi Posted ID:a1nHoDJHhy

เสียงหัวเราะของเรย์กะดังก้องไปทั่วห้องสโมสร เป็นเสียงที่ให้ความรู้สึกดีและไพเราะยิ่งกว่าเครื่องดนตรีชิ้นไหนๆบนโลก ความสุขแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างเหมือนอาบด้วยแสงอาทิตย์อันอบอุ่น

เธอเคยหัวเราะแบบนี้รึเปล่านะ หัวเราะแบบสนุกสนานและรื่นเริง ไม่ใช่การหัวเราะแบบสงวนท่าทีของกุลสตรีแบบทุกครั้งที่ผ่านมา

เขาพยายามค้นดูความทรงจำของตัวเองแต่ไม่พบเลยแม้แต่ครั้งเดียว

และยิ่งมีความสุขมากเท่าไหร่ ความทุกข์ก็ตามมาเหมือนเป็นเงาตามตัวมากเท่านั้น เพราะชูสุเกะรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำให้เธอหัวเราะได้ก็คือเรื่องของเพื่อนสนิทเขา

หาใช่ตัวเขาเองไม่
.
.
.
.
.

เมื่อเรย์กะกล่าวคำอำลาและขึ้นรถบ้านคิโชวอินจากไป ชูสุเกะก็ทรุดฮวบลงกับพื้น อาการไอที่พยายามปิดบังไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอก็สำแดงฤทธิ์เดช มันทำให้ลำคอเขาแสบร้อนเหมือนกับถูกเผาในขณะที่อาเจียนเอากลีบดอกไม้จำนวนมากออกมา

มันไม่ได้มีแค่กลีบดอกไม้ แต่มีกิ่งก้านที่เต็มไปด้วยหนามแหลมตามออกมาด้วย เลือดของเขาติดอยู่ตามหนามเหล่านั้น และมันก็หยดลงพื้นคอนกรีตเป็นด่างดวงสีเข้ม เปรอะเปื้อนกลีบดอกไม้ที่อยู่เบื้องล่าง สีแดงสดของเลือดตัดกับสีขาวของกลีบดอกไม้เป็นภาพที่สวยงามแต่ก็น่าสะอิดสะเอียนไปในเวลาเดียวกัน

ชูสุเกะใช้หลังมือเช็ดเลือดที่ติดอยู่มุมปากแบบลวกๆ แหงนเงยหน้าพิงผนัง อ้าปากหอบหายใจเหมือนคนขาดอากาศ

อาการเขาหนักขึ้นทุกครั้งเมื่อได้พบเรย์กะ รู้ทั้งรู้ว่ามันทำให้ทรมาน แต่เขาก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ไปใกล้ชิดเธอได้ เหมือนที่เขาไม่สามารถบังคับให้ตัวเองหยุดไอได้ในเวลานี้

การเข้ารับการผ่าตัดเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ถึงจะไม่การันตีความสำเร็จร้อยเปอร์เซนต์ แต่ก็จะทำให้เขาหายทรมานจากอาการเหล่านี้

ชูสุเกะไม่ชอบหนังรัก ไม่ชอบเรื่องราวรักๆใคร่ๆและมองว่ามันไร้สาระมาตลอด พอตระหนักได้ว่าตัวเองได้ตกหลุมรักก็แทบจะไม่เคยมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเลยสักครั้ง ทำให้เขาขมขื่นและทุกข์ทรมานเจ็บปวดอยู่แบบนี้

ใช่แล้ว เขาควรจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อ ยอมเข้ารับการผ่าตัด เขาควรจะต้องฆ่าความรักนี้ก่อนมันจะฆ่าตัวเขาเองในที่สุด ชีวิตเขาต่างหากที่สำคัญที่สุด ความรักอะไรพวกนั้นมันก็แค่เรื่องฮอร์โมนหรือสื่อประสาทที่สับสนเท่านั้นเอง

ถึงจะคิดแบบนั้น แต่หัวใจเขากลับดิ้นรนขัดขืน หัวใจไม่รักดีที่ปล่อยตัวไปตามอารมณ์และความอ่อนไหวที่ไร้สาระ มันเรียกร้องให้เขาเลิกฟังเหตุผล ส่งเสียงกระซิบดังก้องในหัวว่าอย่ายอมเข้ารับการผ่าตัด อย่ายอมให้ใครเอาความทรงจำที่เกี่ยวกับเรย์กะไปจากเขา

ถึงแม้นั่นจะหมายถึงความตายของตัวเขาเองก็ตาม

-----------------------------------------------------------

Let's kill this love Yeah, yeah yeah, yeah yeah yeah
Gotta kill this love
Before it kills you too

ฟังเพลง kill this love แล้วได้มู้ดพอดีเลยรีบปั่นออกมา

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.