“อาซึมิ! เหม่ออะไรของนายอยู่น่ะ ทุกคนจะไปกันแล้วนะ”
“เฮ้ย พวกนายจะทิ้งฉันไว้ตรงนี้ไม่ได้นะเฟ้ย” ผมเงยหน้ามาอีกทีพวกชมรมไม่รักดีก็เดินไปอยู่ที่ประตูทางเดินกันหมดแล้ว ทรยศกันนี่นา ตอนลากก็ลากออกมาพร้อมกัน ไหงตอนกลับถึงทิ้งผมไว้คนเดียวล่ะ
“นายชอบงานเย็บปักถักร้อยชิ้นไหนล่ะ อาซึมิ มองตาค้างเชียว”
“...พูดอะไรของนาย ฉันจะไปชอบอะไรในนั้นได้ยังไง”
“อ้าว ผมเห็นนายนิ่งอยู่นานเลยนึกว่าชอบชิ้นไหนเป็นพิเศษซะอีก งานปักทาเพสตรี้รูปพระแม่มารีย์กับพระบุตรก็สวยดีนะ ชุดแต่งงานตรงกลางก็อลังการจริง ๆ”
“เอ๊ะ นายก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันเหรอ ตอนแรกผมก็ว่าจะมาเยาะเย้ยพวกนั้นที่เป็นนิทรรศการเงียบเหงา แต่พอเห็นฝีมือก็พูดไม่ออกเลยล่ะ ความจริงงานของพวกนั้นก็ใช้ได้นะ”
ผมปล่อยให้พวกเขาพูดแล้วเดินตามต่อไปเงียบ ๆ จำไม่เห็นได้เลยแฮะว่างานเทพาสตรี้ของพระแม่มารีย์กับพระบุตรอะไรนั่นอยู่ด้วย ที่จำได้น่ะมีแต่เซอบิรุสเท่านั้นแหละ
หือ เซอบิรุสไหนน่ะเหรอ ก็ต้องเป็นตัวที่คิโชวอินพกมาโรงเรียนก่อนวันประชุมแน่อยู่แล้ว วันนั้นตอนที่ผมเดินเล่นอยู่ก็เห็นผู้หญิงผมม้วนสะดุดล้มลงกับพื้น หัวกลม ๆ สีน้ำตาลสามหัวกลิ้งหลุน ๆ ออกมาจากถุง ถือว่าเป็นภาพที่ชวนหัวเราะใช้ได้ อยากจะช่วยอยู่หรอกนะ แต่ก็เห็นเขามองมาแล้วยิ้ม ๆ เหมือนกันนี่นา
เฮ้อ ขนาดเขายังได้แค่ยิ้มแล้วมอง ผมมันบุคคลธรรมดายังจะอะไรอีก รีบ ๆ เดินไปดีกว่าน่า
ตกบ่าย ๆ เย็น ๆ ของวันนั้น ตุ๊กตาฝรั่งเศสเวอร์ชั่นปกติก็เดินมาดูงานของชมรมผม ซ้ายขวาขนาบข้างด้วยสองขุนนางคู่กาย อย่างกับพวกคุณนายคนทวงหนี้ในละคร ตลกเป็นบ้- เอ๊ะ ลูกค้าเริ่มหนีกันแล้ว! กลุ่มคนที่ต่อคิวเริ่มจะแหวกออกเป็นสองข้างเหมือนโมเสกแหวกทะเล! เฮ้ย ไม่ได้นะ ยอดขายของชมรมจะกลายไปเป็นกับงบอุปกรณ์ที่ใช้ในชมรมนะเฟ้ย ถึงไม่ใช่ว่าผู้ปกครองจะไม่มีเงินจ่าย แต่เก็บเงินเองมันคูลกว่ากันตั้งเยอะ พวกเด็กโง่ในชมรมมีแต่พวกมีความคิดอย่างนี้ทั้งนั้น
เอาล่ะ ส่งบรรณาการให้แล้วก็รีบ ๆ ออกไปซะนะ ผมไม่คิดเงินด้วย แต่ได้โปรดอย่าเดินเฉียดมาแถวนี้อีกรอบเลย ขอร้องล่ะ!
จบแล้ว ทาดา! เอาถึงแค่เทศกาลพอ ตรงดอกโบตั๋นมันไปไกลเกิน ถถถถถถถ
ถึงโม่งคนนั้น ไม่รู้คนไหน กูแต่งเสร็จแล้วนาจาาาา