กูคือคนกำลังเขียนฟิคไดนากงที่เคยบนไว้ ขอโทษด้วยที่กูขี้เกียจแต่งแล้ว มันยาวเกินไปกูจบไม่ล๊งงง ฉะนั้นเลยตัดๆๆๆๆออกแล้วก็เหลือเป็นวันช็อทโง่ๆยยให้แทน
หัวหน้าชมรมฟุตบอล pov
ผมชื่ออาซึมิ ปัจจุบันเป็นนักเรียนม.ปลายปีสุดท้าย รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าชมรมฟุตบอลและเอซของชมรม เป็นนักเรียนชายที่ธรรมดาที่สุดเท่าที่จะธรรมดาได้แล้ว
แต่ผมกุมความลับของหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่เอาไว้ นั่นก็คือคิโชวอิน เรย์กะไม่ใช่คนน่ากลัวแบบที่ทุกคนคิด
อืม จริง ๆ จะเรียกมันว่าความลับก็ไม่เชิงในเมื่อเธอแสดงออกมาอย่างชัดเจน เรียกได้ว่าเหลือเพียงแค่สารภาพรักเท่านั้นที่คิโชวอินยังไม่ทำ พวกคนโง่รอบข้างต่างหากที่ไม่สังเกตเห็น
ถ้าจะให้เท้าความว่าความลับชิ้นนี้เป็นมายังไงต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยพวกเราทั้งคู่ยังอยู่ชั้นม.5
ผมได้ยินกิตติศัพท์ของเธอมาตั้งนานแล้ว เจ้าแม่กาลีเอย ดอลลี่เกิร์ลเอย แต่พวกเราไม่เคยอยู่ห้องเดียวกันมาก่อน ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว สำหรับผม เธอก็คล้าย ๆ ไอดอลสาวที่คุณทั้งรู้จักและไม่รู้จักในเวลาเดียวกันนั่นแหล่ะ
เพียงแต่...เทียบ คิโชวอิน เรย์กะ กับไอดอล เรื่องนี้เล่าให้ใครฟังต้องหาว่าผมเสียสติไปแล้วแน่ ๆ
...ช่างเถอะ ผมแค่จะบอกว่าจะบอกว่าใครน่ากลัวจากเพียงแค่ชื่อเสียงของคน ๆ นั้น ออกจะเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะอยู่บ้าง
แต่ อืม ความจริง ไม่นับชื่อเสียงของคิโชวอินดูจากท่าทีของเธอเวลาเดินโถงทางเดินก็รู้แล้วว่าเป็นผู้หญิงที่ห้ามมีเรื่องด้วยเด็ดขาด ไม่รู้เพราะมีเชื้อสายขุนนางเก่ารึยังไง เจ้าตัวถึงได้เพี้ยนขนาดที่ชอบตั้งขบวนผู้หญิงล้วนเดินแห่กันไปไหนต่อไหน
มีเรื่องด้วยต้องยุ่งยากแน่ ๆ แต่ผมไม่ได้กลัวเธอหรอกนะ
เพื่อนผมที่เคยอยู่ห้องเดียวกันมีแต่คนกลัวเธอทั้งนั้น เพื่อนร่วมชมรมผมก็เหมือนกัน ผมหัวเราะเยาะพวกเขาไปไม่รู้ตั้งกี่คน จนกระทั่งวันนั้น
สภานักเรียนจัดประชุมบรรดาหัวหน้าชมรมต่าง ๆ ขึ้นเพื่อปรึกษาเรื่องงานเทศกาลโรงเรียนที่จะจัดขึ้นในอีกไม่นาน หัวข้อการประชุมไหลไปอย่างต่อเนื่อง น่าเบื่อจนผมต้องหันไปชวนคนข้าง ๆ ที่เป็นหัวหน้าชมรมกีฬาซักชมรมคุย พอกำลังง่วงได้ที่พอดีก็ถึงหัวข้อเรื่องสถานที่จัดกิจกรรม
ผมตาสว่างขึ้นมาทันที เรื่องนี้แหละ ปีที่แล้ววันงานฝนตก ชมรมพวกเราที่จัดที่ด้านนอกเรียกได้ว่าขาดทุน เปียกม่อล่อกม่อแลกกันเกือบทุกคน ผมที่ยังเป็นแค่สมาชิกชมรมธรรมดารู้สึกเสียดายลูกค้าพวกนั้นจริง ๆ ชมรมกีฬาของเรานับว่ามีผลงานยอดเยี่ยม พวกสาว ๆ ด้านนอกที่มาชมโรงเรียนก็มาดูหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างดีในชมรมกีฬาแน่อยู่แล้ว ส่วนพวกผู้ชายก็มาดูอุปกรณ์สวัสดิการนักกีฬาในชมรม รุ่นน้องเขาบางคนถึงกับบอกว่าปีที่แล้วเห็นชมรมเราเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำขนาดนั้น ยังเกือบจะเลือกไม่เข้าชมรมแล้ว อย่างนี้ต้องเสียคนมีฝีมือไปหลายคนน่ะสิ อยู่ด้านนอกนี่เสียเปรียบชะมัด ไม่นับว่าปีนี้พวกเราได้สูตรขนมอร่อยมา คนต้องเยอะแน่ ๆ ผมต้องชิงที่ด้านในมาให้ได้
พอผมพูดเรื่องนี้ขึ้นมา สบตากับพวกหัวหน้าชมรมกีฬาคนอื่น ๆ แน่แหล่ะว่าทุกคนคิดถึงประสบการณ์ปีที่แล้วกันหมดถึงได้มีใครซักคนสนับสนุนแล้วเสนอให้เอาพวกชมรมเล็ก ๆ อย่างชมรมวัฒนธรรมออกมารวมไว้ด้านนอกแทน
อย่าหาว่าพวกนั้นใจร้ายเลยนะ แต่ชมรมพวกนั้นถ้าไม่ใช่พวกเนิร์ดกับผู้หญิงน่าเบื่อใครจะไปเข้ากันเล่า ผมฟังหัวหน้าคนอื่นพูดชื่อชมรมต่าง ๆ ออกมาพลางมองพวกหัวหน้าชมรมวัฒนธรรมที่ทำตัวลีบเล็กกันไปหมด
เฮ้อ จะว่าไปก็น่าสงสารอยู่หรอกนะ...เอะ
ผู้หญิงผมม้วนเป็นเกลียวแน่นที่ก้มหน้าหาของในกระเป๋าอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ว่านั่นคิโชวอิน เรย์กะหรอกเหรอ ยัยนั่นมาทำอะไรตรงนี้
ผมถึงกับตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ ไม่มีทางเด็ดขาดที่คิโชวอินจะเป็นหัวหน้าชมรมกีฬา แต่จะหัวหน้าชมรมชงชากับชมรมจัดดอกไม้ที่สมาชิก pivoine ชอบเข้าร่วมก็อยู่ตรงนั้น
ผมหาข้อมูลมาดีแล้วแท้ ๆ ว่าคนพวกนั้นแค่เด็กธรรมดาไม่ใช่สมาชิก pivoine ขอแค่ไม่ไปหาเรื่องเข้า คนพวกนั้นไม่มีทางก้าวก่าย แต่คิโชวอิน เรย์กะ...ยัยนั่น หัวหน้าชมรมอะไรกันนะ
เธอเหมือนจะหาของได้แล้ว ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อย ๆ แต่ดวงตากับเป็นประกายระยับ โดดเด่นออกมาราวกับเด็กคนอื่นเป็นแค่พื้นหลัง ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เพราะผมจะง่วงเกินไปถึงไม่ได้เห็นทั้งที่เธอออกจะโดดเด่นขนาดนี้ได้ยังไง
เขาถึงกับเหม่อลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
ใครซักคนก็ตะโกนออกมา “ที่เหลือก็นั่นไง! ชมรมงานฝีมือ!”
พรึ่บ!
เสียงสะบัดพัดปลุกผมขึ้นมาจากภวังค์
“ชมรมงานฝีมือทำไมไม่ทราบคะ” คิโชวอินที่สะบัดพัดออกมาถือคลี่ยิ้มมาให้ทางพวกเรา ฉายแววความพอใจออกมากระทั่งดวงตาก็โค้งเป็นรอยยิ้ม