โควตกันมาตั้งแต่คุณหนูชิราโทริ เรโกะถึงฮารุฮิ บอกอายุโม่งซุยรันเบาๆ นะคะนี่ //แอบเด็ดผมหงอกออกจากศีรษะ
...สารภาพว่าแอบไปเสิรชกูเกิ้ลมาว่าฮารุฮิกับชิราโทริ เรโกะไหน//คารวะน้ำชาโอนี่ซามะทุก ๆ ท่านในบ้านพักคนชร---
ฮรฮนี่มันเมะเปิดศักราชคุไทยเลยปะ? ยี้ พวกคุ!!!
กุยังไม่ยี่สิบก็ทันฮารุฮินะเว้ยยยย กุไม่แก่นะ ;__;
...แก่พรรษาในวงการอนิเมะมังงะญี่ปุ่นไงมึง
กุไม่คุ กุแค่รู้เพราะตอนนั้นมีแฟนเป็นคุ #อวดความหมู่บ้านมีรักแต่เล็กแน่น้อย
ตั้งแต่รู้จักฮารุฮิ กูก็ไม่ต้องการที่จะมีแฟนอีกต่อไป
กูฝันว่าได้อ่านตอนที่300ด้วยมึง ในเรื่องเอ็นโจกับเรย์กะได้ไปดูดอกไม้ไฟด้วยกันอย่างกระหนุงกระหนิงเลย/ซับน้ำตา
ตอน268นี้เหมือนเป็นตอนที่คู่นี้คุยกันตรงๆแบบเปิดใจกันโดยมีหัวข้อสนทนาคือการนินทาคาบุรากิ
ตอนนี้คือมู้เหมือนฉากคุยรำลึกความหลังอันฝังใจเมื่อหลายสิบปีก่อนเลย ไม่นะ ท่านฮิโยโกะพึ่งดองไปไม่กี่เดือนเอ๊งงง
อีกไม่กี่วันจะครบรอบลงนิยายเรื่องนี้ตอนแรกนี่
|
|
|
|
l ̄ ̄ ̄ ̄ ̄ ̄ ̄l
l อ.ฮิโยโกะ l
| ได้โปรด l
| ลงท่านเรย์กะ l
| ตอนใหม่ l
| ♥ l
|________________l
(อยากจะเขียนว่าหลายๆตอนแบบโดขิๆด้วย แต่คนเราไม่ควรโลภมากสินะ...)
ไปลองอ่านน้องหมูขาวลูกสาวเอิร์ลมาแล้ว ที่บอกอีพี่ริวเซ่เหมือนเอ็นโจ ทั้งที่กูเรือเอ็นโจนะ ชอบเอ็นโจมากๆ แต่กูกลับไม่ชอบอีตานี่เลยว่ะ กูชอบริชาร์ดมากกว่าอีก หรือเพราะริวเซ่มันดูไม่จริงใจต่อน้องหมูวะ ออกแนวหาผลประโยชน์อย่างเดียวไม่ได้รักหรือหวังดีอะไร แค่ใช้น้องหมูเป็นเครื่องมือหาเงินเข้าดินแดนเฉยๆ
>>661 กูว่าเพราะท่านเอ็นโจมีโมเอะพ้อยต์ที่ท่านพี่ริวเซ่ไม่มีเว้ย55555//โดนสบู่ปาหัว
ต้องเริ่มจากว่าภาพลักษณ์ที่มีคนบอกว่าท่านเอ็นโจเหมือนท่านพี่ริวเซ่เนี่ยเพราะดูเป็นพวกเจ้าเล่ห์ จอมวางแผนเหมือนกันใช่มั้ย แต่ว่ามึงก็รู้ว่าท่านเอ็นโจที่เป็นจอมมารสตอล์กเกอร์ผู้อยู่เบื้องหลังจักรพรรดิคาบุรากิเนี่ยเป็นข่าวลือลับ ๆ ในปาร์ตี้น้ำชาของชาวโม่งซุยรันเรานะเฟ้ย//ชี้ไปที่ชาวซุยรันต่างประเทศที่เม้าท์กันว่าท่านเอ็นโจเอนจอยการเล่นพ่อแม่ลูกตั้งแต่อนุบาลยันมัธยมปลาย ถึงจะดูมีหลักฐานความเป็นจริงอยู่บ้าง*ทำหน้าขรึม* แต่ข่าวนั้นยังไม่ได้รับการยืนยัน ไม่นับว่าแหล่งข่าว(ท่านเรย์กะ)ก็เป็นที่รู้กันดีว่ายังยืนยันความน่าเชื่อถือไม่ได้(ฟิลเตอร์หนามากค่า)
ในขณะที่แปลไทยของน้องหมูขาวมาแค่ไม่กี่ตอนทำให้ท่านพี่ริวเซ่ออกมาไม่เยอะ แต่ท่านเอ็นโจเนี่ยเราจะเห็นโมเอะพ้อยต์มาประปรายตามเกือบสามร้อยตอนที่ผ่านมา
มอพ(ขก พิมพ์แล้ว5555)นัมเบอร์วัน ได้แก่ ท่านคาบุรากิมาซายะที่มีความสัมพันธ์กันว่า ฉัน(ตีสีหน้า)อ่อนโยนกับคนทั้งโลก แต่(กลั่นแกล้งอย่าง)จริงใจกับนายคนเดียวไงล่ะ มาซายะ (...จริง ๆ ต้องรวมท่านเรย์กะไปด้วยแต่เดี่ยวมันจะไม่เข้าคอนเซป) ความมีเพื่อนสนิทผู้ชายที่ตัวติดกันมากๆจนท่านเรย์กะถึงขั้นสงสัยว่าทำไมวันหนึ่งถึงไม่ได้มาโรงเรียนด้วยกัน(...) แสดงให้เห็นว่าหมอนี่ยังรักเพื่อนอยู่ ไม่ได้คบเพื่อผลประโยชน์อย่างเดียวทั้งหมด ซึ่งท่านริวเซ่กับคุณเจ้าชายคือชัดมากว่า เข้าหาเพราะผลประโยชน์ ส่วนปัจจุบันที่ยังคบกันอยู่ก็ไม่ชัวร์ว่าที่ยังสนิทกันเป็นเพราะผลประโยชน์อยู่มั้ยรึยังไง(แต่ถ้าให้พูด คือ ดูเหมือนไมได้สนิทกันเท่าไหร่ด้วยซ้ำในมุมมองน้องหมูที่ไม่ค่อยบรรยายให้เห็นความสัมพันธ์ของสองคนนี้ หรือเจ้าชายโผล่มาทีไรก็สนใจน้องหมูที่นางเข้าใจว่าสนใจเรื่องเดียวกันมากกว่าอยู่ตลอด) สรุปว่า ท่านพี่ริวเซ่ยิ่งดูเป็นคนที่ไม่
>>662 จริงๆกูก็เข้าใจนะ เป็นลอร์ดยังไงก็ต้องเอาเรื่องประโยชน์ของดินแดนมาก่อนความสุขตัวเองอยู่แล้วแบบเอลิซ่าในกระทู้เพื่อนบ้าน เพราะในเรื่องก็เห็นฮีไปทุ่มเทดูแลติดต่อค้าขายล้างหนี้สินอยู่ตลอด ไอ้ที่จะยกน้องหมูไปแต่งงานที่พิจารณาแล้วว่าไม่เกิดประโยชน์เลยห้ามไว้มันก็เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น พวกเจ้าๆทั้งหลายส่วนใหญ่ก็แต่งงานการเมืองเกี่ยวดองด้วยผลประโยชน์กันทั้งนั้น แต่กูก็รู้สึกว่าฮีเลือดเย็นไม่ค่อยแคร์น้องหมูเท่าไหร่เลยเห็นใจน้องเขาจนไม่ชอบอีตานี่นี่ล่ะ
>>663 คห.มึงนี่แอบวายนะเนี่ย 555555 ฉันหลอกลวงคนทั้งโลกแต่จริงใจกับนายคนเดียวนี่มันรู้สึกหวานแปลกๆ
>>664 จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป เดี๋ยวเค้ารู้ว่ากูแอบตั้งชมรมลับสีม่วง55555 จะต้องโดนท่าน ๆ สั่งปิดอย่างแน่นอน
จริง ๆ กูอยากพิมต่ออีก 5555555 โมเอะพ้อยต์อีก(หลาย)อย่างของท่านเอ็นโจคือการยิ้มขมขื่นจนเป็นซิกเนเจอร์และก็การหลบความวุ่นวายจากที่บ้านมานั่งจิบชาอย่างเหงา ๆ ในสโมสรยังไงล่ะ คิดดูว่าคนมันต้องเบอร์ไหนวะถึงได้หลบจากที่บ้านมาสโมสรที่โรงเรียนอะ ท่านเรย์กะบรรยายได้น่าสงสารเวอร์ คะแนนในตอนนั้นท่วมท้น
(ส่วนท่านริวเซ่ นับว่ามีความทะเยอทะยานและเห็นตระกูลเป็นหลักอยู่เหมือนกัน เหมือนจะเป็นตัวร้ายขนาดที่ว่าขายน้องสาวเพื่อหาคอนเนคชั่นได้แต่ก็ไม่เชิงซะทีเดียว อาจจะเพราะถูกเลี้ยงมาด้วยพ่อแม่แบบนั้นด้วยแหล่ะ โตมาไม่ฟุ่มเฟือย รู้จักพัฒนาบ้านเมือง สำหรับกู กูว่าพี่ริวเซ่ก็โอเคแล้ว อีกอย่างคือเพราะเทียบกันแล้วท่านพี่ริวเซ่ค่อนข้างจะอยู่ในยุคโบราณและยังมีเชื้อสายเป็นแค่ขุนนางบ้านนอกที่เป็นหนี้ แถมยังมีทีท่าว่าจะไม่ได้สืบทอดที่ดิน คนสืบทอดก็ดันเป็นยัยหมูที่ดูจะฟุ่มเฟือยทำหนี้เพิ่มอีก ก็เหมือนท่านเอลิซ่าที่เลือกจะวางยาพิษญาติ ๆ ทิ้งเพราะตัวเองคงแก้นิสัยพวกนั้นไม่ได้แล้ว ท่านพี่ริวเซ่ที่เลือดเย็นไม่เท่า(หรือ อาจจะเพราะเห็นมาแต่เล็ก ๆ ก็ยังต้องพิสูจน์ต่อไป...?)เลยคิดจะใช้น้องหมูขาวเป็นหมาก อย่างน้อยฟุ่มเฟือยก็ควรจะมีประโยชน์บ้างเถอะ แต่เคราะห์ดีที่น้องหมูขาวมีคนมาสวมร่างเลยมีประโยชน์มากกว่าถ้าเก็บไว้ ส่วนเอ็นโจเนี่ย เพื่อนสนิทเป็นทายาทอันดับหนึ่งของตระกูลอันดับหนึ่ง ตัวเองก็เป็นลูกชายคนโตของบ้านที่รวยมากกกและยังจะที่ห่างกับน้องที่ขี้โรคเป็นสิบปี ตำแหน่งนอนมาแล้ว ยังไงถ้าบริหารไม่แย่จริง ไม่ได้โกงกิน บริษัทก็ไม่น่าจะเจ๊ง ความลำบากในการใช้ชีวิตมันต่างกันน่ะ )
>>666 ชมรมเราลับมาก มีค่าแรกเข้าเป็นกาวหนึ่งอย่าง ให้เลือกว่าจะวาดรูปหรือแต่งฟิคหนึ่งตอน *ทำหน้าข่มขู่* 555555555 รู้สึกไร้สาระ ฟฟฟฟฟ แต่มู้มันเงียบ ขออาหารด้วย/ชูจาน วายก็ได้ ชญก็ได้ ยูริยังได้เลย นี่ไม่เรื่องมาก เรือไหนก็ได้ ภาษาต่างประเทศก็ยังได้ ฮื่ออ
นี่ถ้าอาจารย์ฮิโยโกะมาเติมอาหารพลังกาวตอนที่300กูแต่งฟิคยุยโกะ/เรย์กะถวายเลยก็ยังได้ เติมกาวในใจให้หนุด้วยยย
>>665 เราคิดว่าริวเซ่เป็นสีเทาว่ะ คือมองผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้โหดร้ายเกินไป คือแกหาทางแก้ปัญหาที่คิดว่าดีต่อทุกฝ่ายแล้ว เอาจริงๆ การส่งน้องหมูไปเป็นคนติดตามองค์หญิงนั่นก็ดีที่สุดในตอนนั้นแล้วนะ เพราะนอกจากน้องหมูแล้ว คนอื่นไม่รู้อนาคตนี่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แลเวพอน้องหมูไม่ยอมไป แกก็ไม่บังคับต่อ เพียงแต่มันก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนเป็นธรรมดา
ปล ตอนล่าสุดนี่ ที่พี่แกไม่ให้หมั้นกับริชาร์ด เป็นเพราะหวังให้หมั้นกับเจ้าชาย หรือจะเก็บไว้กินเองกันแน่
ปล 2 น้องหมูเครียดที่ไม่ได้หมั้นกับริชาร์ด จนกินไม่หยุดแบบนี้ คิดอะไรกับริชาร์ดแล้วใช่มั้ย
>>668 กูเชียร์เก็บไว้กินเอง ตั้งแต่ตอนไหนซักตอนก่อนๆที่พูดประมาณว่าอยู่ด้วยกันต่อไป รึอะไรซักอย่างที่ฟังแล้วเหมือนขอแต่งงาน แต่กูก็ไม่เก็ตว่าพี่แกขอแต่งงานอ้อมโลกจริงๆหรือว่าแค่ทดสอบปฏิกิริยาน้องหมูว่ายังชอบตัวเองอยู่มั้ย แต่น้องหมูไม่เข้าใจ+ไม่สนใจแถมไม่ได้บรรยายอะไรพี่ริวเซ่เป็นคลูให้เดาต่อเลยได้แต่สงสัย แต่ก็นั่นแหละ เอาจริง ๆ ต่อให้พี่ริวเซ่สารภาพรักกับน้องหมู กูก็ยังคงติดค้างในใจว่านี่คือชอบจริงหรือว่าแค่เห็นว่าผลประโยชน์ในการคิดอะไรแบบนี้น่าจะพัฒนาที่ดินได้มากกว่าแต่งกับเลดี้คนอื่นที่อาจจะฟุ่มเฟือยกว่า เหมือนกับเรือล่มในหนองทองจะไปไหน ถึงแม้เราจะยังไม่มีทองก็ตาม... จนกว่าจะมี pov พี่ริวเซ่มายืนยันแบบริชาร์ดนั่นแหล่ะ
ปล.นี่ควรย้ายมู้ไปคุยนิยายนาโร่มั้ยวะ 555555555 ชักจะยาว
กลายเป็นกระทู้เรื่องอะไรละเนี่ย
นอกเรื่องนิด เห็นมีบนในทวิตเตอร์แล้วกูอยากบนบ้างว่ะ ถ้าท่านฮิโยโกะมาอัพตอน300ภายในเดือน7จะงดกินหมูกระทะปีนึงงี้
บนบ้าง ๆ ถ้าท่านฮิมาก่อนครบปีกูจะพยายามออกจากหมู่บ้านคานทองไปหมู่บ้านมีรักให้ดู !
กูจะอยู่บนคานจนกว่าท่านฮิโยะจะให้ท่านเรย์กะลงจากคาน
งั้นกูเอาด้วย
ถ้าท่านฮิอัพภายในปีนี้กูจะเต้นไก่ย่างหน้าบ้านตัวเอง 2 รอบ
ถ้าท่านฮิอัพจนจบ กูจะเสนอแผนงานมีทติ้งโม่งซุยรัน ไปแดกโอโคโนมิยากิและมงจะ ต่อด้วยจิบชาแกล้มมาการองและเอแคลร์แบบสวยๆ สาธุ
>>665 อ่านที่มึงพูดถึงเรื่องตำแหน่งละกูสงสัยเรื่องเอ็นโจ พวกผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในธุรกิจตระกูลนั้นมีจะปัญหากันภายในเงียบๆหรือเปล่าวะ เลยต้องหาพรรคพวกไว้ เอ็นโจถึงไม่อยากสานสัมพันธ์กับลูกสาวตระกูลอุริวแค่ไหนก็ต้องทนไว้ก่อน ดูจากที่หลบหน้ามาสิงสถิตอยู่รร.แล้วกูแน่ใจว่าเอ็นโจไม่ได้ชอบเรื่องยุยโกะแน่ๆ
เอาจริงต่อให้ไม่มีอัพเพิ่มหรือยังไงก็ก็อยากให้มีมีตนะ อยากทัวร์แดกกับพวกมึงถถถถถ
>>690 ไม่มีนะมึง ไม่เคยพูดเลยว่าเอ็นโจเป็นตัวการทำบ้านนางล่ม พูดแค่เป็นเพื่อนพระเอกผมสีทองเหมือนเจ้าชายผู้อ่อนโยนที่ได้ความนิยมที่ 1 กับออกมาไล่เวลาเรย์กะนางร้ายไปวอแวคาบุ ส่วนที่ล่มจมนี่เพราะคาบุไปแฉการทุจริตของบ้านนางกลางงานหมั้นต่างหาก
กูว่าที่นางระแวงเอ็นโจเพราะอ่านไม่ออกนี่ล่ะว่าจะมาไม้ไหน คิดอะไรอยู่ในใจ แถมตอนแรกๆก็ดันไปทำพฤติกรรมไม่ดีใส่อย่างข่มขู่ให้เป็นหัวหน้าห้องคาบุทำให้นางเครียด คนมันติดลบมาตั้งแต่แรก จะให้เชื่อใจก็ยาก แต่หลังๆกูว่านางซึนไปงั้นอะ 55555555555555
แล้วกาวกับออริก็กลายเป็นเนื้อเดียวกันขึ้นมา
>>696 ถ้าเปลี่ยนอาชีพไปเป็นโฮสต์ กูว่าฮีต้องไต่เต้าขึ้นสู่ความเป็นตัวท็อปได้แน่นอน ดูจากการเต๊าะรุ่นพี่โยโกะกับอ่อยสาวๆ แล้ว
...ทำให้เผลอจิ้น AU ที่คิโชวอิน เรย์กะของคิมิดอลเป็นฝ่ายอ่านเกมขาดเอาชนะเอ็นโจด้วยการกวาดซื้อหุ้นทำให้ตระกูลเอ็นโจตกเป็นฝ่ายล้มละลาย พอไม่มีใครขวางทางก็ได้แต่งงานกับคาบุรากิไปแบบสวยๆ แต่ชีวิตครอบครัวก็แตกร้าว (คิดดูยังไงก็ไม่น่าเข้ากันได้อะนะ) เลยมาเที่ยวบาร์โฮสต์ชั้นสูงแก้เหงา แล้วก็ได้พบกับเอ็นโจที่ตกต่ำกลายเป็นโฮสต์เบอร์ 1 ของร้าน ฝ่ายหนึ่งก็เรียกเขามาหวังจะกดขี่ข่มเหงให้สาแก่ใจ อีกฝ่ายหนึ่งก็ไฟสุมอกด้วยความแค้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็เล่นกับไฟ แต่สิ่งที่รอคอยทั้งสองอยู่กลับเป็นปลายทางแห่งโชคชะตาที่ไม่คิดฝัน...!?
โม่งฟิคคนไหนสนใจรับไปต่อได้นะคะ <3
พล็อตเหมือนเกอิชาเวอร์ชั่นสลับเพศ ฟฟฟฟฟ
เพียงแต่หวังว่าจะไม่ใช่กาวที่ลอยผ่านมาละก็ผ่านไป วอนโม่งฟิคเมตตา
คิดถึงฟิคเกอิชา โม่งฟิคขาาาา //ทำสายตาเว้าวอน
ミ/彡:::.゜。 ゜
..ミ 、 |ミ//彡::。゜
ミ.|.ミ /.|/:::.。゜
.|//|. []. ∧___∧
/. [] (・ω・`)
┬┬┬┬-∪┬∪┬
┼┼┼┼┼┼┼-
┼┼┼┼┼┼┼┼
【ขอให้ท่านฮิโยโกะและเหล่าโม่งฟิคกลับมาสานต่อผลงาน…】
ไม่ได้เข้ามานานท่านฮิโยโกะกลับมายังวะ
กลับมาเท้อออออออ ท่านฮิโยโกะ 😂
กูก็นึกว่าอัพแล้วเพราะเห็นบนๆแม่งเต็มไปด้วยฟิคและกาว YY
ถ้าท่านฮิกลับมาอัพในปีนี้ เราเหล่าโม่งควรนัดมีตติ้งกินแกงกะหรี่มิราเคิลนะ
พูดจริงๆ กูกลับไปอ่านกี่รอบต่อกี่รอบที่ยุยโกะมาปรากฎตัวในงานเทศกาลโรงเรียนเนี่ย ท่านเรย์กะชอบท่านเอ็นโจแล้วชัดๆ ไม่งั้นจะมาคิดว่าสองคนนั้นเปล่งบรรยากาศสนิทสนมเป็นส่วนตัว นี่มันอะไรกัน... แล้วหมดอาลัยตายอยาก ทำนองนี้ทำไม
>>697 มาๆ กูขอลองแต่งหน่อย 555555555555555555555
---- เอ็นโจวเป็นโฮสต์ ----- (คิดชื่อไม่ออก ใครคิดได้ก็คิดให้หน่อยละกัน)
เอ็นโจล้มละลายแล้ว...
ฉันแสยะยิ้มสาแก่ใจ มองภาพเขาที่เลือนหายไปจากสังคมชั้นสูง พร้อมๆ กับทาคามิจิ วาคาบะที่หันไปคบกับประธานนักเรียน ท่ามกลางเรื่องที่ไม่คาดฝันมากมาย คาบุรากิ มาซายะผู้สูญเสียทั้งเพื่อนและคนรักตกต่ำลงถึงขีดสุด จักรพรรดิผู้นั้นพังไม่เหลือชิ้นดี
ฉันเข้าหาเขา เลิกทำตัวกรีดร้องโวยวาย เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปลอบประโลมจิตใจเขาอย่างอ่อนโยน คอยดูแล เอาใจใส่ ทำตัวเป็นเพื่อนผู้เห็นอกเห็นใจ จนท้ายที่สุดเราสองคนก็ตกลงแต่งงานกันด้วยความเห็นชอบของทั้งสองตระกูล
"ขอโทษนะ ถึงเราจะแต่งงานกันแล้ว แต่ฉันก็ไม่รักเธอ" นั่นคือคำประกาศของเขาที่ส่งมาให้ฉันอย่างอ่อนโยนที่สุด จริงใจที่สุด เขามองหน้าฉันตรงไปตรงมา
"ไม่เป็นไรค่ะ" ฉันกลืนก้อนสะอื้นลงในอก ขยับรอยยิ้มที่ดูจริงใจที่สุดไปให้ "ฉันเข้าใจค่ะ ว่านอกจากตระกูลคิโชอินคงไม่มีตระกูลไหนเหมาะสมกับตระกูลคาบุรากิอีกแล้ว การแต่งงานของเราทำไปเพื่อธุรกิจเท่านั้น"
สีหน้าของเขาเจ็บปวด ดวงตามองแหวนแต่งงานที่นิ้วนาง "ขอโทษที่ลากเธอมาเกี่ยวข้องด้วยนะ คุณเรย์กะ"
อาจเพราะสองสามปีมานี้ฉันเฝ้าเอาใจใส่เขามากพอ เขาจึงไม่เกลียดฉัน ความรู้สึกสนิทสนมเลือนรางฉันท์มิตรทำให้เขากล้าพูดคุยกับฉันอย่างเปิดใจ กระทั่งตอนขอแต่งงาน เขายังย้ำนักหนาว่าฉันปฏิเสธได้หากมีคนรักอยู่แล้ว
จะเป็นไปได้ยังไงเล่า?
ในเมื่อคนที่ฉันรักมาตลอด รักจนยอมทำได้ทุกสิ่งคือเขา
ฉันทำลายเพื่อนรักของเขา หลอกล่ออดีตคนรักของเขาให้เข้าใจผิด หลอกลวงเขา ทำทุกสิ่งเพื่อครอบครองเขา
ทำให้เขาเห็นใจ ทำให้เขายอมรับ...
แต่ไม่เคยได้หัวใจเขา...
เขาไม่เคยรู้ เอ็นโจที่หายจากสังคมโดยไม่บอกกล่าวคนนั้น ฉันเป็นคนทำเอง หลอกล่อให้ติดกับ กว้านซื้อหุ้นจนบริษัทล้มละลาย ป้องกันทุกวิถีทางไม่ให้เขาติดต่อมายังตระกูลคาบุรากิได้อีก
สามัญชนทาคามิจิผู้นั้น ฉันทำให้หล่อนเข้าใจผิดเต็มประตู เจ้าหล่อนเชื่อหัวปักหัวปำว่าฉันกับเขาหมั้นหมายกันแล้ว ว่าเรารักกันแค่ไหน ฉันทำให้ประธานนักเรียนที่น่ารำคาญนั่นเห็นอกเห็นใจหล่อนเสียจนต้องเข้าไปเอาใจใส่
ในแววตาของเขาที่มองฉัน มีเพียงความรู้สึกเช่นมิตรสหาย แต่ไม่มีร่องรอยความอบอุ่นเหมือนตอนที่มองแม่สามัญชนคนนั้น
ฉันเจ็บปวด...แต่ทำได้เพียงจิกเล็บเข้าไปในฝ่ามือ ใบหน้ายังคงแย้มยิ้ม "ไม่เป็นไรค่ะ เรายังเป็นสหายกันเสมอ"
หลังแต่งงาน เขามุ่งมั่นทำแต่งานเหมือนคนบ้า กลับบ้านน้อยครั้งจนแทบจะนับนิ้วได้
ผ่านไปอีกปี ฉันก็ได้ยินเรื่องที่กรีดหัวใจเป็นที่สุด
เขามีคนอื่น คาบุรากิ มาซายะ ผู้นั้นมีคนอื่น
อีกฝ่ายเป็นสตรีสามัญชนที่เข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขาหน้าห้อง หล่อนคล้ายทาคามิจิผู้นั้นไม่ผิด หน้าตาไม่สวยงาม แต่ฉลาดปราดเปรื่อง หัวเราะกับเรื่องร้ายๆ ได้ มองทุกอย่างในแง่ดี
ยิ่งฉันหาทางขัดขวาง เขากลับยิ่งตกหลุมรักหล่อน ท่านประธานคาบุรากิ มาซายะผู้ขึ้นชื่อเรื่องความตรงไปตรงมาถึงกับไปมีคนอื่น!
ฉันเชื่อมั่นมาตลอด เชื่อในตัวเขา เชื่อว่าคนอย่างเขาจะไม่มีทางทำเรื่องบัดสีเช่นการมีเล็กมีน้อย แต่เขากลับทำ!
ฉันกรีดร้องเหมือนคนบ้า
เป็นในรอบหลายปีที่ฉันร้องไห้จนใจแทบขาด ทำไมเล่า? ถึงจะแต่งงานกัน ถึงจะได้ตัวมา แต่เขาก็ยังไม่รักฉัน เหมือนถูกลิขิตมาให้ไม่มีวันมองฉัน เหมือนถูกลิขิตให้คู่กับสามัญชนธรรมดา
ในตอนนั้น เขามองหน้าฉัน สีหน้ารู้สึกผิด ทว่าดึงดัน "ขอโทษนะ คุณเรย์กะ ฉันรักผู้หญิงคนนี้"
...
ฉันกลืนก้อนสะอื้นลงคออีกครั้ง ฉีกยิ้มทั้งน้ำตา รู้สึกคล้ายคนกำลังจะกระอักเลือด "ฉันเข้าใจค่ะ...เราแต่งงานกันด้วยผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น"
เราหย่ากันไม่ได้ ฉันโวยวายจนเขาหย่าไม่ได้
การหย่ากันของเราอาจทำให้ธุรกิจของทั้งสองตระกูลล่มสลาย หรือที่เลวร้ายกว่านั้น เครือคาบุรากิอาจดึงเอาเครือคิโชวอินไป ดังนั้นแม้จะเกลียดชัง ก็ทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น
ฉันเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยจนใจแทบขาด เหนื่อยจนอยากจบชีวิตตัวเองลง
ฉันเริ่มดื่ม ดื่ม และดื่ม โปรยเงินทองที่มีอย่างบ้าคลั่งไปกับแอลกอฮอล์หลากชนิด เข้าออกคลับชั้นสูงเป็นว่าเล่น หว่านเงินลงไปกับสิ่งไร้สาระ
ในตอนนั้นเอง ที่ฉันได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า "บาร์โฮสต์"
"เป็นคนดี ใสซื่อ มองโลกในแง่ดี?" ฉันทวนย้ำประโยคที่เขาพูดถึงผู้หญิงคนนั้นซ้ำๆ หัวเราะเหยียดหยัน ยกเครื่องดื่มในมือกรอกปากตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
คนดีที่ไหนจะเต็มใจเป็นเมียน้อยคนอื่นเล่า? ซ้ำยังเป็นอย่างเปิดเผยเสียด้วย
"ท่านคิโชวอิน วันนี้จะให้ใครมานั่งเป็นเพื่อนรึไม่ครับ?" ผู้จัดการร้านพินอบพิเทาถามฉัน
บาร์โฮสต์ชั้นสูงแห่งนี้เต็มไปด้วยสตรีมากมายที่แต่งงานแล้วทั้งยังมีชีวิตรักแหลกเหลว เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นคนคุ้นตาไม่น้อย
ไม่มีใครนำเรื่องเหล่านี้ไปสนทนากัน เราต่างคนต่างรู้กันเงียบๆ ว่าไม่เคยเจอกันในนี้ เพียงแค่มองหน้ากันแล้วมองผ่านไปคล้ายคนไม่รู้จัก ยามเจอกันในงานสังคมก็เพียงสนทนาเรื่องทั่วไป คล้ายไม่เคยเห็นอะไรมาก่อน
หากนำออกไปสนทนา จะต่างอะไรกับการยอมรับว่าครอบครัวตนเองก็เหลวแหลกเสียจนต้องเข้ามาเพื่อปลอบประโลมใจเล่า?
ฉันหัวเราะในลำคอ "ถามแบบนี้ มีใครมาใหม่งั้นเหรอ?" ดวงตาจับจ้องผู้จัดการร้านที่กำลังทำท่าประจบประแจง เขารีบตอบ
"ครับ คนนี้เป็นโฮสต์อันดับหนึ่งที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดมาตั้งแต่สมัยอยู่ร้านเล็กๆ จนมาถึงร้านนี้ หล่อเหลา พูดจาดี เอาใจเก่ง ทุกคนยืนยันว่าใครได้คุยด้วยก็สบายใจจนอยากจะทุ่มเทให้ทั้งชีวิตเชียว"
ทุ่มเทให้ทั้งชีวิต? ฉันหัวเราะ ฉันเคยทุ่มไปแล้วไง ทุ่มทุกสิ่งอย่าง สุดท้ายได้อะไรกลับคืนมากัน?
น่าขำ คนพวกนั้นทุ่มให้สามีตัวเองยังไม่พอ คิดจะทุ่มให้โฮสต์อีกเหรอ?
"เอามาสิ ฉันอยากลองคุยกับเขาเสียหน่อย"
ผู้จัดการร้านรับคำอย่างเอาอกเอาใจ ก่อนจะหายไปเพื่อตามบุคคลที่ว่า "ทางนี้ ท่านคิโชวอินครับ โฮสต์ที่ผมกล่าวถึงมาแล้วครับ เขาชื่อชู ชู ดูแลท่านคิโชวอินอย่าให้ขาดตกบกพร่อง เข้าใจไหม?"
"ทราบแล้วครับผู้จัดการ"
เสียงโฮสต์คนที่ว่าทำให้ฉันชะงักงัน เมื่อมองตามต้นเสียงไป ก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ตรงนั้น
"นาย..."
เอ็นโจ ชูสุเกะ!
----
อาห์...เดี๋ยวคิดออกค่อยเขียนต่อ
>>721-722 กูชื่นชมมึงในการเขียนฟิคออกมากูชอบ ฮื่ออ ท่านเรย์กะะะะะ ไม่เป็นไรนะคะ กูอยากอ่านต่อเลยแต่กูปวดใจจจจจจ ท่านเรย์กะ กูว่าสุดท้ายแล้วกูจะเลื่อนและรอมึงขึ้นว่าจบในสารบัญละค่อยอ่าน/กดดัน ดูแซ่บแต่กูปวดใจ แอร้ กูรักท่านเรย์กะมาก กูไม่ไว้ใจท่านเอ็นโจมาก แง ท่านเรย์กะต้องโดนหลอกอีกรึเปล่า...ฮือ กูปวดใจจจจ มะ มึงจะจบแฮปปี้เอนดิ้งใช่มั้ยวะ ฮื่อ สายสุขนิยมมันช่างเศร้า
จะบอกว่า ตั้งแต่เขียนนิยายมา...
กูไม่เคยเขียนจบสักเรื่องเลยค่ะเพื่อนโม่ง
//แจกไหดอง
ฟิคสนุกมากกก เอาอีกๆๆๆ ขอกาวอีกเยอะๆๆ
ต่อๆ จาก >>721 -722
หนี้แค้นไฟสวาท ชื่อโดย>>725
Ch.1
"อาห์ สวัสดีครับ คุณคิโชวอิน ไม่นึกว่าจะได้เจอกันอีกนะครับ"
เอ็นโจ ชูสุเกะ เพื่อนรักของคาบุรากิ มาซายะ องค์ชายแห่งซุยรัน ชายผู้มีรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าเสมอคนนั้น กำลังยกยิ้มสว่างไสวให้ฉัน
ผมสีน้ำผึ้ง ใบหน้าหล่อเหลาสง่างาม อ่อนโยนต่างจากเพื่อนรักที่เต็มไปด้วยความเย็นชาเผด็จการ
เขายังเหมือนเดิมไม่มีผิด
ฉันกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ มือขยับไปกำพัดในกระเป๋าแน่นโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะยกรอยยิ้มเย็นขึ้นบนใบหน้า "บังเอิญจังนะคะ ท่านชู..."
"ทั้งสองท่านรู้จักกันอยู่แล้วสินะครับ บังเอิญเหลือเกิน" ผู้จัดการร้านดูดีอกดีใจ "เช่นนั้น เชิญตามสบายนะครับท่านคิโชวอิน" เขาหันไปทิ้งท้าย "ฝากด้วยนะ ชู"
"รับทราบ" เอ็นโจยิ้มรับคำ ท่าทีดูสบายอกสบายใจ ก่อนจะขยับเข้ามานั่งบนโซฟาอย่างนิ่มนวล ปล่อยให้ผู้จัดการเดินจากไปในไฟสลัว
"ไม่ได้เจอกันเสียนานนะคะ ชู" ฉันหัวเราะเบา ยิ้มอ่อนหวาน เรียกด้วยชื่อที่เขาแนะนำ กวาดตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
เขายังดูดีเหมือนเดิม เสื้อผ้าเครื่องประดับบนร่างกายล้วนเป็นของดีราคาดังที่พบเห็นทั่วไปในสังคมชั้นสูง คล้ายกังว่าการล้มละลายของเครือเอ็นโจเป็นเพียงภาพฝัน "ท่าทางสุขสบายดีเหลือเกินนะคะ"
ไม่มี...ในดวงตาคู่นั้นไม่มีร่องรอยความแค้นเคืองแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ยิ้มรับ "ก็ต้องขอบคุณคุณคิโชวอินล่ะนะ ทำให้รู้ว่าตัวผมก็มีมูลค่าไม่น้อยเลย"
ฉันสูดลมหายใจเข้า ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่แน่ชัดสะกิดอยู่ในใจ คล้ายหนามแหลมที่ทิ่มแทงอย่างประหลาด แต่ริมฝีปากกลับฉีกยิ้ม "เช่นนั้นคงต้องขอให้คุณแสดงมูลค่าหน่อยแล้วล่ะค่ะ"
ฉันยกพัดสีไวน์ขึ้นแตะปาก "หวังว่าจะไม่ทำให้ผิดหวังนะคะ ชู"
คราวนี้จึงได้เห็น ว่าเขาจับจ้องพัดไม่วางตา ฉันมองไม่เห็นร่องรอยอารมณ์ใด ทว่าความเย็นเยียบที่ส่งมากลับรู้สึกได้
เขาต้องพบอะไรมา แววตาจึงได้ว่างเปล่าถึงเพียงนั้น...
เขาคงเกลียดพัดนี่มาก...เพราะในวันที่ครอบครัวเขาล้มละลาย เป็นฉันที่ยืนโบกพัดอยู่เบื้องหน้าเขา ใช้พัดนี่แตะแก้มเขา กระซิบกับเขาข้างหู
'ขอบคุณที่หลีกทางให้ฉันจนได้นะคะ ท่าน.เอ็น.โจ.'
ในวัยเด็ก วันนั้นเป็นวันที่ฉันโล่งใจที่สุดในชีวิต คิดว่าจะไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางฉันกับคุณมาซายะอีก...
แต่ความจริงกลับโหดร้ายยิ่งกว่า...
บางทีที่คุณมาซายะ ไม่เคย-ไม่รัก-และไม่มีวันรัก ฉัน อาจเป็นเพราะสิ่งที่ฉันกระทำไว้มันมากมายเหลือเกินกระมัง...
รอยยิ้มของเอ็นโจ ชูสุเกะดูฝืดเฝื่อนขึ้นมาบ้าง ฉันจึงรู้สึกถึงความสบายใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ก่อตัวขึ้น กระทั่งถึงตอนที่เขารินแชมเปญหรูหรายี่ห้อหนึ่งส่งมาให้ พร้อมประโยคที่ส่งมาด้วยน้ำเสียงสบายอกสบายใจเหลือเกิน
"ได้ยินมาว่ามาซายะไปพบรักกับหญิงสามัญชนที่คุณคิโชวอินดูถูกนักหนาไม่ใช่เหรอ" มือของฉันชะงักงันกลางอากาศ ขณะที่เขายังมีรอยยิ้มอ่อนหวานบนหน้า สมกับตำแหน่งโฮสต์อันดับหนึ่งเหลือเกิน "ข่าวนี้คงไม่ผิดสินะ ทำให้คุณถึงกับต้องมาบาร์โฮสต์นี่ แถมยังให้คนอื่นเรียกด้วยนามสกุลเดิมอีก"
"เพราะใช้ชื่อคาบุรากิมาเที่ยวสถานที่เช่นนี้คงไม่เหมาะมากกว่าค่ะ" ฉันรับแก้วแชมเปญด้วยมือข้างหนึ่ง "ไม่ดีเลยนะคะ เป็นถึงโฮสต์อันดับหนึ่ง แต่ซอกแซกเรื่องส่วนตัวลูกค้าเช่นนี้"
"ต้องขออภัยด้วยครับท่านคิโชวอิน" เขารับอย่างง่ายดาย ยกแชมแก้วแชมเปญของตนเองขึ้นแตะปากพร้อมรอยยิ้มบางเบา หากเป็นผู้หญิง คงบรรยายได้ว่ายั่วยวนราวกับจิ้งจอกเก้าหางไม่ผิด "ขอดื่มเพื่อขอโทษแล้วกันนะครับ"
แม้อยากจะคิดว่าเขาคงพูดเรื่อยเปื่อย แต่คนผู้นี้คือเอ็นโจ ชูสุเกะ ที่เต็มไปด้วยแผนการณ์มากมายจนเกือบจะล้มตระกูลฉันได้มาครั้งหนึ่ง
คนที่เกลียดคิโชวอิน เรย์กะเสียจนวางแผนให้ตระกูลล้มละลาย
ฉันไม่มีวัน...ไม่มีทางเชื่อใจเขา
"ชูจะไม่ลองออดอ้อนฉันหน่อยหรือคะ? ได้ข่าวว่าสาวๆ แทบจะทุ่มเททุกอย่างให้คุณเชียวนะคะ"
อยากเห็นนัก คนที่เคยพยายามทำลายฉัน เคยตวาดใส่หน้าให้ฉันเลิกยุ่งกับเพื่อนของเขา เคยประนามว่าฉันเป็นผู้หญิงไร้ยางอายคนนั้น
ให้เขายอมก้มหัวอ้อนวอน ให้ร่ำร้องขอโทษ
ให้เขาอยู่ในโอวาท ไม่ปริปากส่งเสียง แทนที่เพื่อนผู้นั้นของเขาทึี่ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวมองฉัน
บางทีฉันอาจยอมให้อภัย
บางทีความเจ็บปวดในหัวใจคงบรรเทาลง
เขาชะงักงัน เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งคล้ายคาดไม่ถึง ก่อนจะหัวเราะตอบ "คุณคิโชวอินไม่เคยหลงใหลผมอยู่แล้วนี่ ต่อให้งัดทุกวิธีคุณก็ไม่ยอมทุ่มให้ผมเหมือนคนพวกนั้นอยู่ดี"
ดวงตาคู่นั้นดูแพรวพราวเบื้องหลังแชมเปญใสสะอาด เขาเอนหลังพิงโซฟา "แต่คุณเรียกผมว่าชูเนี่ย ผมตื่นเต้นจนใจสั่นเลยล่ะ สมัยเรียนคุณเรียกแต่นามสกุลผมตลอดเลยไม่ใช่รึไง?"
"จะใจสั่นกว่านี้อีกนะคะ ได้ข่าวว่ายังปลดหนี้ไม่หมดไม่ใช่หรือคะ?" ฉันยืดแขนไป ใช้พัดแตะหน้าเขาแผ่วเบา คล้ายวันนั้นไม่มีผิด "ว่าไงล่ะคะ? ถ้ายอมออดอ้อนฉันสักเล็กน้อย ฉันอาจจะยอมช่วยดูแลเรื่องเงินทองให้พอมีเงินจ่ายหนี้ได้ดีไหม?"
เขาชะงักงัน ในดวงตาคู่นั้นปรากฏร่องรอยกระเพื่อมไหวขึ้นมาจนได้
“ไม่นึกว่าคุณก็จะอยากดูแลผมอีกคนนะ คุณคิโชวอิน” น้ำเสียงนั้นเข้มขึ้นไม่น้อยเชียว ใช่ แบบนั้นแหละ เหมือนตอนที่เรายังเรียนด้วยกัน
น้ำเสียงคล้ายรำคาญใจ คล้ายเกลียดชัง ดวงตาที่เต็มไปด้วยร่องรอยหงุดหงิดคล้ายอยากขยี้ฉันให้ตาย แต่ไร้หนทาง
ฉันหัวเราะคิกคักพออกพอใจ “ยังไงฉันก็เป็นคาบุรากิคนหนึ่งนะคะ แค่ไม่กี่ล้านต่อเดือน ยังไงก็นับว่าเป็นเศษเงินนี่คะ” ฉันยังเย้าแหย่ต่อ “ว่าไงล่ะคะ? สนใจอาศัยบารมีฉันไหม? แค่ยอมทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่างไม่ปริปาก คุณเองก็ได้เงินอย่างงามแบบที่ไม่มีมาดามคนไหนจ่ายได้แน่นอน หนี้ไม่กี่พันล้านนั้นอาจปลดได้ไวเกินคาดนะคะ”
พัดสีไวน์ไล้ไปตามโครงหน้าหล่อเหล่าที่ยามนี้ดูตึงเขม็งขึ้นเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกต “ยังไงเงินนั้นก็มาจากเครือเอ็นโจของคุณด้วยส่วนหนึ่ง ไม่ดีหรือคะ? ได้เงินที่เคยเป็นของคุณเองเชียวนะคะ”
เอ็นโจ ชูสุเกะผู้นี้เกลียดฉันเหลือเกิน ฉันรู้ดี แม้ดวงตาคู่งามยามนี้ไร้ซึ่งร่องรอยความรู้สึก แต่บรรยากาศรอบกายกลับคุ้นเคยจนสัมผัสได้
เขาเกลียดจนไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับฉัน เขาเกลียดจนอยากบดขยี้ฉันให้ตาย
แต่เขาทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย
เป็นเช่นนี้เสมอมา ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็มองฉันอย่างชิงชัง สีหน้าดูถูกดูแคลนคล้ายฉันเป็นเพียงขยะไร้ค่าที่เข้าไปวุ่นวายในชีวิต
ยามนั้น เขามักเตือนฉันเสมอ
‘เลิกยุ่งกับเพื่อนผมเสียที ไม่เห็นรึไงว่ามาซายะมีคนรักอยู่แล้ว’
‘เมื่อก่อนเขารักยูริเอะ ตอนนี้เขารักทาคามิจิ เขาไม่มีวันรักคุณ’
‘เลิกพยายามไร้สาระเสียที รู้ไหมว่าคุณเริ่มทำตัวน่ารังเกียจขึ้นทุกวัน’
‘จะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ คิโชวอิน เรย์กะ’
‘คุณมันน่าสมเพชสิ้นดี’
ตอนนั้นเขาเกรี้ยวกราด ตวาดใส่หน้าฉัน แม้ความสุภาพบุรุษก็ไม่เหลือ บางครั้งเขาถึงขั้นผลักฉันจนกระเด็นเพียงเพื่อปกป้องทาคามิจิคนนั้น
“รู้ไหมคะ ชู” ฉันกระซิบ ท่ามกลางเสียงดนตรีคลอเคลียในบรรยากาศ ท่ามกลางแสงไฟสลัว ใบหน้าของเอ็นโจหลบซ่อนอยู่ในเงา ”ถ้าคุณไม่ถึงขั้นวางแผนเทคโอเวอร์เครือคิโชวอินให้ตระกูลฉันล้มละลาย ฉันคงคิดว่าคุณหลงรักฉันไปแล้ว”
“ตอนนั้น ฉันคิดว่าคุณเพียงเป็นห่วงเพื่อนคุณ ฉันรู้ว่าคุณรำคาญฉัน แต่ไม่คิดว่าคุณจะเกลียดชังฉันถึงเพียงนั้น” ฉันไม่เห็นสีหน้าของเขา ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร รู้เพียงความอึดอัดในใจของตัวเองที่ท่วมท้น “ฉันคิดเสมอ แม้เราสามคนจะไม่สนิทกัน แต่ก็แทบเรียกได้ว่าโตมาด้วยกัน ครอบครัวของเราต่างไปมาหาสู่กัน พ่อแม่ของพวกเราต่างสนิทสนมกัน แม้บ้านคิโชวอินอาจไม่สนิทชิดเชื้อกับทางเอ็นโจและคาบุรากิ แต่ทั้งสามบ้านก็ยังมีการพบปะกันโดยตลอด”
ฉันเม้มปาก สูดลมหายใจเข้าลึก บางทีคงเป็นเพราะแชมเปญราคาแพงนี้ดีกรีสูงเหลือเกินกระมัง ฉันห้ามตัวเองไม่ได้เลย “ดังนั้นฉันจึงไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อยที่ต้องทำเช่นนี้กับคุณ เป็นทางคุณที่บีบบังคับให้ฉันต้องลงมือก่อน ไม่เช่นนั้น ผู้ที่ต้องคอยยินยิ้มแย้ม เอาอกเอาใจคนมีเงิน ผู้ที่ต้องลดตัวลงไปขายเรือนร่างตนเองในตอนนี้ คงเป็นฉัน ไม่ใช่คุณเป็นแน่”
ไม่ใช่ความผิดของฉันที่จะปกป้องตัวเอง ตอนนั้นเขาถึงขั้นเมคหลักฐานบางส่วนขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับตัวเลขจำนวนหนึ่งที่ไม่ควรมี เพียงเพื่อสร้างหลักฐานเท็จว่าคิโชวอินกรุ๊ปมีการฉ้อโกง ทั้งยังมีข่าวที่ตั้งท่ารอกระจายวงกว้าง และส่วนเสริมอีกมากมายที่พร้อมจะหลุดออกมาและล้มลงราวกับโดมิโน่ มากพอจะให้คิโชวอินล้มละลายหากไม่รีบกำจัดหนอนบ่อนไส้และตัวการต้นเหตุ
ในเมื่อเขาต้องการทำลายฉันขนาดนั้น ฉันเพียงแค่เอาคืนด้วยวิธีที่ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน จะผิดตรงไหนเล่า?
“ความเกลียดชังของคุณที่มีต่อฉันมีมากแค่ไหนกันเอ่ย? มากพอจะทำให้มองข้ามการรักษาพยาบาลคุณน้องชายที่ป่วยกระเสาะกระแสะเข้าไอซียูอาทิตย์เว้นอาทิตย์คนนั้นหรือไม่คะ?”
ดวงตาของเขาวาบวับ ฉันไล้ปลายพัดไปยังสาปเสื้อที่แบะอ้า เห็นแผงอกที่สาวๆ มากมายเคยวี้ดว้ายอยากพุ่งเข้ามาซุกในสมัยเรียน อดชมไม่ได้ “แหม ช่างกำยำล่ำสันเหลือเกินนะคะ ว่าแต่...คุณน้องชายชื่ออะไรน้า?....รู้สึกว่าจะชื่อ...ยูกิ--”
เพียะ!
พัดฉันกระเด็นหลุดมือ แม้จะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า ทว่าเขาดูเยือกเย็นเสียจนคล้ายอุณหภูมิในห้องลดต่ำลงหลายองศา “อย่ามายุ่งกับน้องชายผม คุณคิโชวอิน”
ฉันหัวเราะ “ดูไม่เหมือนท่านเอ็นโจผู้อ่อนโยนและเต็มไปด้วยแผนการณ์ผู้นั้นเลยนะคะ ถูกเคี่ยวกรำในสังคมสามัญชนจนเรื่องแค่นี้ก็รับมือไม่ได้เสียแล้ว”
“ต้องการอะไร” เขาถามห้วน สูดลมหายใจเข้าลึก โน้มตัวมาข้างหน้า ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย เขาเป็นเช่นนี้เสมอเวลาที่เราเจรจากัน “คุณน่ะเหรออยากให้ผมออดอ้อน ล้อเล่นกันแรงไปหน่อยมั้ง คุณคิโชวอิน”
“บอกไปแล้วไงคะ ออดอ้อนฉัน ทำตามคำสั่งฉันโดยไม่ปริปาก เรียกง่ายๆอีกอย่าง...” เราจ้องตากัน รอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้าเขาแข็งกระด้าง “ขายตัวให้ฉัน”
ใบหน้าของเอ็นโจกระตุก ในนิยาย เมื่อผู้หญิงคนไหนโดนพระเอกพูดแบบนี้ใส่ ก็มักจะเจ็บปวดขื่นขม ตวาดด่าสองสามประโยค สุดท้ายก็จำยอม
แต่คนตรงหน้าฉันคือเขา เอ็นโจ ชูสุเกะ
เขานิ่งงันไปเพียงชั่วครู่ ร่องรอยบางอย่างในดวงตาก็หายไปคล้ายเป็นเพียงภาพลวง เหลือเพียงความว่างเปล่าและรอยยิ้มเจ้าชายจอมปลอมนั่นประดับบนใบหน้า
“เช่นนั้นก็ได้ตามที่ขอครับ ท่านคิโชวอิน” เขาผ่อนคลายร่างกายลงอีกครั้ง ย้ำ “อย่าลืมที่ตกลงกันไว้ก็พอ”
“แน่นอนค่ะ ค่ารักษาพยาบาลของคุณน้องชาย กับค่าใช้จ่ายเดือนละไม่กี่ล้านนั้น ฉันจะดูแลให้เป็นอย่างดี”
เขาจงใจย้ำเรื่องเงิน บางทีอาจเพื่อเบี่ยงความสนใจ พยายามทำให้ฉันคิดว่าเขาเห็นแก่เกินเสียจนยอมทิ้งศักดิ์ศรี…
คนอย่างเขาไม่มีทาง-ไม่มีวันทำอะไรโดยไม่คำนึงล่วงหน้า
คนอย่างเขาไม่มีวันตกต่ำถึงเพียงนั้น
ไม่มีวัน
--- จบ CH1 ---
กุติดนิสัยเสียชอบยืดๆ เยื้อๆ กะบทสนทนา ไม่รู้จะแก้ยังไง มันห้ามไม่ได้ ,_,
นึกถึงทวิตนึงที่เพื่อนชอบเพื่อนละได้คบกัน จุดเริ่มต้นที่ฝ่ายช.ชอบคือ พอเห็นมัน(เพื่อนญ)ร้องไห้ก็เพิ่งรู้สึกว่ามันดูอ่อนแอขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีก็คอยดูแลมากกว่าคนอื่น อะไรประมาณนี้
ท่านชูจะมีความรู้สึกแบบนี้มั้ย ;w; อ่าห์ สายสุขนิยมช่างปวดใจเหลือเกิน
//ปิดตา เห็นกุแต่งออกมาแบบนี้ จริงๆกูก็สายสุขนิยมนะ /_;
แค่มีความสุขกับการรังแกตัวละครบ้าง อะไรบ้างเอง
ฟิคผู้ใหญ่เหมือนกัน แต่ทำไมเทียบอันนี้กะฟิคเวียนต่างกันลิบลับงี้วะ 5555555555555555
กู >>744 นะ ชื่อที่กูคิดออกคือซามอยต้อนกระต่าย 555
อุกี้~!!
ฉันรู้สึกมึนๆหน่วงๆและปวดเมื่อยไปทั่วตัวเลยล่ะค่ะ ลืมตามองห้องนอนที่ดูยังไงก็เป็นห้องสวีทของโรงแรมหรูระดับห้าดาว แถมเตาร้อนๆข้างตัวที่นาบอยู่ทำให้ฉันตัวแข็งทื่อ มือของเขาโอบกักฉันไว้ให้ความรู้สึกที่ไม่สบายตัวเอามากๆ ฉันเหลือกตามองแบบไม่พยายามขยับหน้าพบว่าผมสีน้ำผึ้งและผิวขาวๆ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ชวนมึนเมา
ไม่จริงน่ะ นี่ฉันนอนกับเอ็นโจ ชูสึเกะไปแล้วหรอ~!!
ฉันกำลังพยายามหาทางออกจากเหตุการณ์นี้ให้ไวที่สุด ไอ้ความปวดเมื่อไปทั้งตัวบ่งบอกว่าฉันเรียบร้อยไปแล้วแน่นอน ฮือ ท่านพี่คะ ฉันพยายามบังคับตัวไม่ให้สั่น ในหัวนึกออกว่าตัวเองพกยานอนหลับมา ฉันพยายามขยับมือไปเปิดกระเป๋าและล้วงยาได้สองเม็ดขณะกำลงคิดว่าจะให้เขากินยังไงก็รู้สึกเหมือนมีคนมอง ฉันเลยหันหน้าไป
“...”
“เอ่อ”ฉันอ้าปากพะงาบๆ เหมือนปลาตาย ตกใจจนตัวเย็นวาบเลยล่ะค่ะ
“เป็นอะไรไป”เขาลูบมือของฉันอย่างอ่อนโยน คลึงมือของฉันและคว้ายาก่อนจะบีบจนแตกกระจายบนเตียง คนขี้ขลาดแบบฉันยิ่งหัวหดขดตัวพยายามรักษาระยะห่างจากเขา แต่เอ็นโจเขาก็ขยับเข้ามาอีก
“เอ่อ ท่านเอ็นโจคะ”
“ครับ”เขายกรอยยิ้ม แววตาของเขามีความพอใจทำให้ฉันรู้สึกขนลุกซู่ ไม่นะ ฉันหลุดจากวังวนการล่มสลายของตระกูลคิโชวอินมาได้ ในที่สุดท่านคาบุรากิก็หมั้นกับวาคาบะจังไปแล้ว ฉันที่อีกไม่กี่วันก็จะจบมหาวิทยาลัยแล้วควรจะเตรียมตัวเข้าทำงานที่บริษัทของตระกูล ทำไมจู่ๆมาโผล่บนเตียงโดยมีคนตัวเป็นๆนอนกอดด้วยอ่า
“ค คือฉันอยากไปเข้าห้องน้ำค่ะ ช ช่วยหันไปหน่อยได้ไหม”ฉันอ้าปากพะงาบๆบอกเขาความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนคนตีที่หัวแล้วเพิ่งฟื้นสติเลยล่ะค่ะ เอ็นโจหมอนี่ให้ความร่วมมืออย่างดีด้วยการปล่อยมือและหลับตา! คือช่วยหันหลังไปไม่ได้หรือยะ ไอ้รอยยิ้มมุมปากนั้นอะไร ฉันรู้สึกมึนๆเกินกว่าจะอาละวาด ค่อยๆกลิ้งลงจากเตียงสภาพร่างกายเปลือยเปล่าและเจ็บที่สุดเลยค่ะ ความรู้สึกหน่วงๆมันแย่มากๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ โชคดีที่เสื้อผ้าไม่ได้กระจัดกระจายมากฉันเลยโกยเสื้อผ้าบังด้านหน้าไว้และมองทิศทางของห้องน้ำก่อนจะเดินถอยหลังค่ะ
“ท่านเอ็นโจคะ อย่าลืมตานะคะ!”ฉันร้องเสียงดังเมื่อเขาชันตัวนั่งเผยให้เห็นหน้าท้องเป็นลอนของซิกแพ็ค ผิวขาวๆที่มีรอยข่วน หน้าฉันร้อนวาบ
“หึๆ ครับ”เสียงของเขาทำให้ขาของฉันรู้สึกอ่อนยวบเลยล่ะค่ะ ฉันเร่งฝีเท้าแต่
โครม!
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ! แค่ลื่นเท่านั้น อย่าลืมตานะคะ!!”ฉันรีบบอก แต่ โอ้ย เจ็บก้นอ่ะ เอาล่ะอีกนิดเดียวฉันหอบสังขารเข้าห้องน้ำจนได้ พาตัวเองไปที่กระจกแทบกรีดร้อง รอยสีแดงๆและแววตาเยิ้มๆนี่มันแย่มากๆ ฉันจำได้ว่าเขาบอกว่าถ้าโดนข่มขืนห้ามอาบน้ำให้พาร่างกายไปที่สถานีตำรวจ แต่สถานการณ์นี้ฉันอยู่ในห้องสวีทของโรงแรมระดับห้าดาว อยู่กับเอ็นโจ อีตาเพื่อนพระเอกที่หน้าซื่อแต่นิสัยร้ายการ ผู้ชายระดับSSS มีผู้หญิงวิ่งตามเป็นพรวน เอ็นโจฮาเร็มเต็มไปหมด! ตัวฉันที่ขี้ขลาดไม่กล้ามีเรื่องแน่นอน ดังนั้น ฉันอาบน้ำค่ะ แต่อาบด้วยความไวระดับแสง พอใส่เสื้อผ้าชุดเดิมก็น้ำตาเล็ดด้วยความปวดเมื่อยตัวนี่เป็นการทรมานอะไรเนี่ย ฉันถอนหายในหลายเฮือก ฉันควรจะออกจากห้องยังไงดี กระเป๋าก็อยู่บนเตียงทำไมฉันโง่แบบนี้เนี่ย! ถ้าจะวิ่งหนีด้วยสปีดระดับเต่าของฉันคงไม่ถึงครึ่งห้องก็โดนเขาตะครุบแล้วแน่นอน
“โอ๊ย!”ฉันขยี้ผมทรงสว่านของตัวเองอย่างปวดหัว ฉันอยากขังตัวเองอยู่ในนี้ไม่ออกไปเลยอ่ะ ฉันพยายามนวดขมับนึก ในที่สุดก็จำได้เมื่อคืนนี้เป็นปาร์ตี้สละโสดของวาคาบะจัง เพราะ ตาโง่คาบุรากิอยากจะแต่งงานทันทีที่เรียนจบพวกเราเลยชิงจัดปาร์ตี้สละโสด จำได้ว่าเชิญเพื่อนมหาวิทยาลัยมาทั้งนั้น อ๊ะ มีมิซึซากิคุงอีกคน นายตัวสำรองกับปาร์ตี้สละโสดยังไงก็เหมาะสมกันดีน้าอะไรแบบนั้น แล้วทำไมฉันมาอยู่กับเอ็นโจได้ล่ะ!? ตอนนั้นรู้สึกว่าหนึ่งในกลุ่มสมัยม.ปลายของฉันชวนดื่มไวน์ เพราะ ว่าไวน์รสเลิศ และความโล่งใจต่อธงหายนะของฉันทำให้ดื่มมากไป อ่า ใช่ตอนนั้นคาบุรากิก็บุกมา งานเลี้ยงเลยสิ้นสุดเหล่าสหายร่วมรบรีบถอนทัพโดยไวรู้ตัวอีกทีก็เหมือนฉันกับวาคาบะจังที่ยืนเอ๋ออยู่ ตอนนั้นฉันถือพัดโบกไปมาอยู่เลย อ๊ะ วาคาบะจังถูกคาบุรากิลากไปที่รถแล้วฉันล่ะ ตอนนั้นเอ็นโจเดินมาถามฉันอย่างอ่อนโยน ตัวฉันที่กำลังมึนๆ
‘คุณคิโชวอิน ดื่มมากเกินไปรึเปล่าครับเนี่ย’เขายิ้มสุภาพอ่อนโยนแต่ฉันเห็นแววเย้ยว่าดื่มแค่นี้ก็มึน
‘มิได้ค่ะ นี่แค่เล็กน้อยวันนี้เป็นวันสละโสดของวาคาบะจังทั้งที’ ฉันหรี่ตาลงมึนๆ ‘ท่านเอ็นโจจะดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหมคะ’พูดจบฉันก็เดินมึนๆบอกพนักงานว่าอยากดื่มต่อสักหน่อย แต่อยากได้ความเป็นส่วนตัว พวกเขามองฉันและท่านเอ็นโจก็พยักหน้าแล้วเชิญฉันขึ้นมาด้านบน อืม จากนั้นไวน์ปี 1947 หลายขวดนี่สุดยอดเลยนะ ฉันเห็นท่วงท่าดื่มที่แสนสง่างามของตาเอ็นโจก็อดรินให้เขาบ่อยๆไม่ได้
‘แย่จริง บางทีฉันก็อยากดื่มแบบสามัญชนนะ!!’ฉันประกาศก้องก่อนจะเดินไปที่โทรศัพท์
‘สามัญชน?’เอ็นโจมองร่างบอบบางที่เดินโซเซก็อดส่ายหน้าไม่ได้
‘ใช่ค่ะ สามัญชนก็ต้องดื่มแก้กลุ้มพวกเบียร์หรือเหล้าแรงๆราคาถูก!’ ฉันมุ่งมั่นมากเมื่อปลายสายรับฉันก็อ้อแอ้สั่งเหล้าและเบียร์เน้นคำว่าขอแรงๆ จากนั้นฉันก็รินมั่วซั่วผสมเอง เอ็นโจจะแย่งไปผสมก็โดยฉันเบี่ยงหลบแถมยัง
‘พ่อหนุ่มหล่อ ไหนดื่มแก้วนี้ซิ!’ฉันเชิดหน้าและจ่อแก้วที่ริมฝีปากเขา นึกได้ว่าอยากลองบทบาทสาวที่คอยดูแลลูกค้าที่ร้านเหล้าบทก็เปลี่ยนไปแวบเลย
‘คุณพี่คะ น้องสาวชงอย่างตั้งใจเลยนะคะ จะไม่ลองดื่มสักหน่อยหรอคะ’แล้วก็กระพือขนตาหนาๆของตัวเอง เหมือนเขาสำลักกลางอากาศเลยล่ะ ฉันขมวดคิ้วไม่พอใจ
เอ สาวๆทำยังไงนะ ต้องเบียดแบบนี้หรือเปล่า’ ฉันดึงแขนของเขามาโอบเอวของฉัน อุ เลี่ยงชั้นไปมันวางที่ด้านหลังก็แล้วกัน แล้วก็เอนตัวไปด้านหน้า เอ็นโจแผ่นหลังแนบติดโซฟาราคาแพง
‘ดื่มหน่อยสิค๊า~’เขาหัวเราะลั่นเลยล่ะ ฉันจึงทำท่าฮึดฮัดและยกดื่มเอง จากนั้นก็นึกได้ว่าเคยเห็นท่านอิมาริทำแบบนี้ ฉันอมเหล้าที่ขมไว้ในปาก ก่อนจะประกบปากกับเขาจากนั้นพยายามเปิดปากเขาให้รับมันไป จำให้ว่าเอ็นโจตัวแข็งที่ฉันทำเหล้าหกไป พยายามนึกสิ่งที่เห็นอย่างมึนงง จู่ๆเอ็นโจที่นิ่งขึงก็จับฉันที่นั่งเกยตัวเขาไปนั่งบนตักของเขา จุมพิตที่มือใหม่อย่างฉันเริ่มถูกแทนที่ด้วยความเร่าร้อนเขาแสดงความสามารถของทายาทหมู่บ้านของคนมีรักอย่างเชี่ยวชาญจนตัวฉันอ่อนยวบรู้สึกร้อนไปทั้งตัว ล แล้วฉันก็ถอนชุดเดรสของตัวเองเฉยเลย
“ไม่น่า~”ฉันซุกหน้ากับเข่า จากนั้นฉากต่อมาทำฉันอึ้งไปหมด แต่ที่โซฟางั้นหรอ ข้ามขั้นเกินไปแล้ว
“คุณคิโชวอิน”เสียงเคาะประตูทำให้ฉันสะดุ้ง
“...”ทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันไม่ได้ยิน หัวซุกอยู่ใต้น้ำ
“ถ้าคุณไม่เปิดประตูผมจะเรียกคนขึ้นมาเปิด และถึงตอนนั้น”
“เปิดแล้วค่ะ”ฉันรีบถลาไปทันที ถ้ามีพนักงานมาก็มีคนรู้สิว่าฉันอยู่ห้องกับเขาทั้งคืน พอประตูเปิดฉันก็ก้มหน้างุด มองปลายเท้าของเขา
“เงยหน้าขึ้น”เสียงของเขาเข้มงวด
“ค่ะ”ฉันเงยหน้าขึ้นมองผมสีน้ำผึ้งของเขา ผมเขานุ่มจังเลยน้า อ๊ะ โคมไฟก็ดูดีจังเลย
“คุณผู้หญิงครับ มองที่ผมครับ”เขาจับใบหน้าฉันไว้ฉันก็เลย หลับตาลง
“ท่านเอ็นโจมีอะไรจะบอกหรอคะ”ฉันพยายามทำเสียงไม่ให้สั่น ง่ะ แต่ตัวสั่นไปหมดเลย
“เรย์กะ”เสียงของเขาทำให้ฉันแทบคุกเข่าให้ “จะคุยกันดีๆไหม ผมไม่รังเกียจที่จะทบทวนให้คุณตอนเช้าหรอกนะ”
“ไม่ค่ะ”ฉันเบิกตามองเขาทันที ไม่เอาน่ะ ฉันปวดไปทั้งตัวเลยนะ!
“ฉ ฉันจะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อคืนฉันผิดเองค่ะ”ฉันรีบบอกอย่างใจกว้าง ไหงเขาหรี่ตาและยิ้มแบบนั้น น่ากลัว น่ากลัวเกินไปแล้วยอมแพ้ค่ะ
“คุณว่ายังไงนะ?”เขากอดอกและพิงกรอกประตูฉันเห็นเขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเบจและกางเกงสีดำดูสุภาพและเกียจคร้าน แต่ใบหน้าที่ยิ้มน้อยๆดวงตาหรี่ลงให้ความรู้สึกอันตรายจนฉันแทบอยากคุกเข่าแล้วยอมรับผิด
“ป เปล่าค่ะ”ฉันถอนหนึ่งก้าว ฉันมองเขาพยายามข่มความอับอายเอาไว้
“ผมไม่ยินดีหรอกนะที่คุณจะไม่รับผิดชอบผมแบบนี้”เขาแสดงรอยยิ้มยุ่งยากใจ
“คะ?”ฉันขานรับเสียงสูง ฉันไม่รับผิดชอบยังไงไม่ทราบยะ
“คุณทำอะไรไว้เมื่อคืน”เขายิ้ม “ผมขัดขืนคุณไม่ได้หรอกนะ”
“อะ”ใบหน้าฉันร้อนวาบ จะว่าไปเมื่อคืนฉันรังแกเขาจริงๆนั้นล่ะ แต่เขาก็ควร ง่า
“จะให้ฉันรับผิดชอบยังไงหรือคะ”ฉันกลืนน้ำลายรู้สึกคอแห้งไปหมดเลย
“ตอนนี้ก็คบกันไปก่อน ต่อจากนี้ค่อยคุยกัน”เสียงของเขาอ่อนโยน เรียบเรื่อย
“คะ?”ฉันมองเขาอย่างอึ้งๆ
“คบกัน เป็นคนรัก ขั้นตอนของเราข้ามขั้นเกินไปถ้างั้นตอนบ่ายเราไปเลือกดูแหวนหมั้นกัน คุณเห็นด้วยใช่ไหม”เขาพูดอย่างปลอบโยน ฉันพยักหน้ามึนๆ
“อืม เรื่องเมื่อคืนที่นี่เป็นโรงแรมที่ผมบริหารได้กำไรสูงพอซื้อหุ้นจากท่านพ่อได้แล้วเมื่อกล้องวงจรปิดผมให้คนจัดการให้แล้วเรื่องนี้ไม่ต้องห่วง อีกสักครู่จะมีคนเอาชุดมาให้เราเปลี่ยนถึงจะอาบน้ำแล้วก็ไม่ควรสวมชุดเดิม”เขาเดินเข้ามาใกล้แตะที่ข้อศอกฉันอย่างนุ่มนวล
“มื้อเช้าก็ทานรูมเซอร์วิช ผมได้ยินมาว่าท่านพ่อของคุณชื่นชอบอาหารรสเลิศคุณก็น่าจะเคยชิน เช่นนั้นก็รบกวนให้คำแนะนำกับโรงแรมที่ ‘เรา’ พักด้วย”
“เอ่อ ค่ะ”ฉันมึนงงไปหมด “แล้วเราจะไปที่ไหนหรอคะ”
“ผมได้ยินมาว่าคุณได้รับร้านเพชรจากท่านแม่ ‘เรา’ไปดูที่ร้านของคุณดีไหม แต่คงเป็นแหวนหมั้นสำรองก่อน เพราะ เราคงไม่สามารถหมั้นกันเองง่ายๆ การหมั้นทางการต้องรอท่านแม่ผมและท่านแม่คุณหาเวลาที่เหมาะสมอีกที”เขาพูดเสียงอ่อนโยน ฉันนั่งลงอย่างมึนๆกลิ่นหอมของอาหารที่มาเมื่อไหร่ไม่ทราบ ฉันจัดท่านั่งโดยอัตโนมัติ เอ็นโจผายมือให้ทานได้พวกเราก็ทานอย่างเงียบเชียบจนหมดเรียบร้อยฉันก็ตอบเขาไปว่าอร่อย เสียดายที่ของหวานควรปรับปรุงอีกนิด เขาพยักหน้าครู่หนึ่งก็มีคนนำชุดมาให้ฉันกับเขาแยกเปลี่ยนชุดที่ห้องน้ำคนละห้อง ฉันนิ่งขึ้นกับชั้นในที่พอเหมาะพอดีหน้าร้อนไปหมด แต่สวมชุดเก่าก็ไม่ดี ชุดที่เขาเลือกมาก็เป็นเดรสสั้นคอเต่าสีขาวประดับด้วยลายดอกไม้เรียบหรู โชคดีที่ช่วงนี้อากาศเย็นการสวมชุดคอเต่าจึงไม่แปลกนักและมีเนื้อโค้ตที่อบอุ่นอีกตัว ฉันสวมรองเท้าส้นสูงคู่เดิมเพราะเข้ากับชุดมากกว่า ประดับต่างหู เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ลอนของฉันจึงคลายเล็กน้อยดีนะที่เมื่อคืนม้วนอย่างแน่นหนา ออกไปด้านนอกฉันก็เห็นเขาที่สวมชุดเข้ากับฉันอย่างยิ่งเหมือนคู่รักที่หวานแหวว
“ไปกันเถอะครับ”เขาผายมือฉันวางมือที่เขาอย่างมึนงง เอ็นโจปรับองศาทำให้มือของเราแนบกันสนิทขึ้น ฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าว เอ๋ แต่ แค่คืนเดียวฉันกำลังคบเขาเป็นแฟนและกำลงจะไปซื้อแหวนหมั้น นี่มัน ฉันกำลังจะอ้าปากถามแต่เอ็นโจก็เปิดประเด็นเรื่องของยูกิโนะคุง รู้ตัวอีกทีก็ถึงที่ห้างแล้ว เดินนิดหน่อยขึ้นลิฟต์แปบเดียวก็ถึงร้านสมาธิขิงฉันก็หมดไปกับการเลือกแหวนที่เหมาะสมกับเขาและเข้ากับแบบที่ฉันชอบ พอตั้งสติได้เราก็อยู่ที่เพนต์เฮาส์ของเขา เอ๋!? นี่มันอะไรกันเนี่ย
กูแต่งยาวเป็นพืดเลยแฮะ เพลินไปหน่อย ถ้ารำคาญยังไงก็ขออภัย กูไม่กล้าแต่ง xyz มาก กูกลัวเด็กๆใจแตก ลุงๆป้าๆมากประสบการณ์ก็โล้ดแล่นในหัวได้ //กูก็เช่นกัน~
>>756-758 กรี๊ดดดดดดดดฟหกดด อ่านไปหน้าร้อนไป ท่านเรย์กะเหล้าเข้าปากแล้วกลายเป็นกระต่ายซุกซนไปเรยนะคะ ฮือๆๆ เขิงงงงงง///
//ky นิด กุนึกอะไรได้ระหว่างตัดเส้นรูปวาคาบะเรย์กะ
ถ้าตอนแรกคิมิดอลเป็นการ์ตูนBL ท่านเรย์กะเป็นสาววายคอยเชียร์หนุ่มๆไม่ไปขัดขวางแบบต้นฉบับ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าจริงๆสามหนุ่มชอบตัวเองอยู่ มีโม่งฟิคคนไหนเอาไปสานต่อได้จะดีมากเลยข่ะ ขอบคุณข่ะ //ไหว้
>>756-758 วี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด >///< เขิงงงง ดูน่ารักงุงิจังเลย ฮือออ ฮีลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล
ปล.กุโม่งฟิคโฮสต์เอ็นโจเอง จะบอกว่าขอดองก่อนสัก2-3วัน ลืมไปว่ารับงานฝิ่นมา เดดไลน์วันมะรืน แต่ยังไม่เริ่มทำ ผีมาก 555555555555555555 ฮือออออออ
>>748 ทีแรกจะบอกว่าโปรดติดตาม แต่ก็น่าจะอีกนาน จริงๆมันก็ไม่ได้มีผลกะพล็อตเท่าไหร่
เอาเป็นว่า...เสร็จกันไปนานแล้วล่ะ(...)
กูฟิค ซามอยต้อนกระต่ายเองนะ กูว่าจะแต่งตอนต่อ แต่ดับฟังเพลงเจ๊แซม เกิดลางร้ายเลยหมดอารมณ์เขียนไปซะดื้อๆ แล้วนึกได้ว่าท่านเรย์กะเคยโดนแซวเรื่องสปาย เลยปันใจมาทางนี้แทน แค่กๆ สั้นๆพอ 555
-------------------------------------
สปายกระต่าย หมายเลข 008
ภารกิจถูกส่งมาแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนเลือดในตัวแข็งฉับพลัน ในกลุ่มที่จบการฝึกมาด้วยกันมีแปดคนและฉันคือคนที่แปด คนที่เจ็ดคือวาคาบะจังที่ตอนนี้กำลังตามประกบเป้าหมายอยู่ ฉันถูกเรียกว่ากระต่ายน้อย รหัสสายลับคือเอส008 ชื่อจริง อ่า นั้นเป็นความลับ
“ปกป้องคน!?”ฉันอ่านแล้วแทบอยากจะเขวี้ยงกระดาษใส่หน้าของหัวหน้าหรือบอส ภารกิจส่วนใหญ่ของฉันคือแฝงตัวเพื่อโจรกรรมข้อมูลจากตัวบุคคลมากกว่า หน้าที่งานบู๊แบบนี้มักเป็นพวกรหัส 007 ขึ้นไปต่างหากล่ะยะ
“บอสคะ นี่มันอะไรกันคะ!”ฉันรีบโทรหาบอสทันที ภาพของเขาฉายอยู่บนกำแพงเขากำลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์
“คุณอ่านภารกิจจบแล้ว?”เขาเลิกคิ้วถาม
“ไม่ค่ะ”ฉันตอบทันควัน “แต่หน้าที่ปกป้องคนนี่มันเกินไปหน่อยนะคะ”
“พี่ชายของคุณบอกผมว่าคุณควรเลิกจากหน้าที่นี้”บอสไม่สนใจ เขาพูดเรื่องอื่นเฉยเลย “เดิมทีเขาก็ร้องขอให้งานของคุณไม่หนักหนาอยู่ก่อน กระต่ายน้อย คุณไม่คิดว่าคุณเปลืองค่าภาษีประชาชนเกินไปหน่อยหรอ”
“ไม่หนัก?”ฉันทวนเสียงสูง “บอสคะช่วยตอบทีว่าไอ้การแฝงตัวเข้าสู่องค์กรรัฐบาลของประเทศอื่นนี่มัน ไม่ หนัก ตรง ไหน ไม่ทราบคะ”ฉันหรี่ตา
“หน้าที่ครั้งนี้คุณแค่เดินทางไปคุ้มครองนักธุรกิจข้ามชาติคนหนึ่ง เขาให้ความร่วมมือกับเราเพื่อจับไพธอน หัวหอกใหญ่ของพวกค้าอาวุธในเอเชียและแอฟริกา ไม่ใช่ว่าผมอยากใช้คุณหรอกนะกระต่ายน้อย”เขาเว้นจังหวะก่อนจะกวาดสายตามองฉันด้วยสายตาที่มองสินค้าตกมาตรฐาน ฉันอยากจะตะโกนบอกว่าฉันทำทุกภารกิจผ่านด้วยเกณฑ์ยอดเยี่ยมนะยะ!
“แต่นักธุรกิจคนนี้เขาร่ำรวย ชาติตระกูลดีเยี่ยม หน้าตาดี และอายุไม่มาก สายลับที่จะเข้าใกล้เขาได้ต้องอยู่ในตำแหน่งคู่ควง ซึ่งจะต้องเป็นที่ยอมรับได้ของสังคมเขาด้วย คุณคงไม่คิดให้ผมใช้ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าแฝงตัว ไม่ทันจะได้คุ้นปันเขาแต่จะโดนแม่เสือรอบตัวเขาขัดขวางซะก่อนน่ะสิ ถึงแม้คุณจะตกบางเกณฑ์ก็เถอะ”บอสคะ คุณมีฝีปากที่ดีเกินไปแล้ว
“เพราะฉะนั้น ยินดีด้วยนะแม่กระต่ายน้อยจบงานนี้คุณเกษียนได้แล้วล่ะ”
“ฉันได้ข่าวจากหน่วยอื่นว่าหน่วยดอกไม้ตะวันตกจบการศึกษาแล้ว ไม่ใช่ด้วยเหตุผลนี้หรือคะบอส!”ฉันยิ้มน้อยๆกอดอกมองเขาบ้าง
“อืม”เขาพยักหน้าอย่างง่ายดาย “พวกคุณเริ่มเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาหลายประเทศมากเกินไป แถมแก่เกินไปสำหรับปฏิบัติการแล้ว เพราะฉะนั้นควรปลดระวางไปทำงานส่วนเบื้องหลัง”
“บอสคุณหน้าไม่อายที่สุดเลย!”ฉันไม่มีคำพูดไหนจะมอบให้เขาแล้ว!!
“ขอบคุณที่ชม แม่กระต่ายน้อยคุณควรอ่านภารกิจซะ แล้วการติดต่อสายนี้จะจบลงแค่นี้ หวังว่าคราวหน้าคุณจะติดต่อด้วยเรื่องสำคัญจริงๆ ผมขี้เกียจให้คนเสียเวลาเก็บกวาดร่องรอยบ่อยๆนะ”เขาพูดจบก็ตัดสายทิ้งเลย ฉันรีบถอดซิมทิ้งให้โยนลงพื้นก่อนจะขยี้ด้วยส้นเตี้ยสีดำเรียบร้อยของตัวเอง ไอ้ที่บอกว่าตกเกณฑ์จะหาว่าฉันแก่เกินไปหรอฮะ!
“ฉันไม่ได้แก่นะ! เพิ่งจะ 27 ปีเอง!!”ฉันกระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด หนทางการเตรียมสอบเป็นข้าราชการของฉันมันเป็นไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยปีสองบังเอิญผ่านบททดสอบ ทำให้ฉันต้องเข้ารับฝึกเป็นสายลับ ฉันมองผู้หญิงที่สะท้อนในกระจกคุณภาพถูกของโรงแรมจิ้งหรีดในรัฐเล็กๆของอเมริกา เป็นหญิงสาวชาวจีนหน้าเรียวเล็กคางแหลมปากบางทาเคลือบด้วยลิปติกสีนู้ด ดวงตาโตถูกตกแต่งจนหยีเล็ก ผิวขาวผ่องทากลบด้วยเครื่องสำอางแสดงความเป็นเอเชียด้วยผิวขาวเหลืองติดจะคล้ำ ผมลอนที่เป็นเกลียวถูกแทนที่ด้วยผมยาวตรงที่สั้นประบ่า ดูยังไงก็เป็นนักศึกษาชาวจีนซื่อๆคนหนึ่ง ฉันถอนหายใจก่อนจะกระแทกตัวนั่งบนเตียงอ่านข้อมูล ภาษาญี่ปุ่นที่ห่างหายมานานถูกพิมพ์อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“จุดแลกเปลี่ยนอยู่ที่ไทยงั้นหรอ?”ฉันขมวดคิ้วยุ่ง ประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นประเทศที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยต่ำจริงๆนั้นล่ะ แถมอากาศก็ร้อนด้วย
“เป้าหมายบอกว่าไปพักร้อน”ฉันทวนเสียงสูง พักร้อนที่นี่เนี่ยนะ ฉันได้ยินมาว่านายรวยมากไม่ใช่หรือไง พอดูแผนที่และการเดินเรือก็อดอยากสรรเสริญไม่ได้ ไอ้เส้นทางการเดินเรือนี่มันเหมาะสมกับการค้าขายอาวุธสงครามจริงๆนั้นล่ะ ดูต้นทางและปลายทางก็ยอมแพ้
“เขาต้องมีเส้นสายขนาดไหนถึงเอาของจากอเมริกาออกไปได้กันนะ”ฉันเห็นรหัสอาวุธที่เขานำไปขาย แค่รหัสก็เดาได้ว่าเป็นของที่ทหารอยากเลาะทิ้งเต็มที่ บางทีเขาอาจจะเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น? ฉันพลิกจนแผ่นสุดท้ายประวัติของเขามีแค่แผ่นเดียวแต่รูปของเขาทำให้ฉันนิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจ เรือนผมสีน้ำผึ้ง ใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบ ดวงตาและรอยยิ้มอ่อนโยนสง่างาม พร้อมกับชื่อที่แสนคุ้นเคย เพื่อนสมัยประถมจนถึงมัธยมปลายของฉัน เอ็นโจ ชูสึเกะ
อิตาเอ็นโจเองเรอะ! ชั่วร้ายดำมืดแบบเขายังต้องการคนคุ้มกันอยู่หรือไงฮะ!?
-----------------------------
ใครอยากต่อก็ได้นะ กูได้แค่นี้ว่ะ 555
กูขอโทษ กูไม่ได้อ่านนาน พิมพ์ชื่อจอมมารผิด เอ็นโจ ชูสุเกะ เอ็นโจ ชูสุเกะ เอ็นโจ ชูสุเกะ เอ็นโจ ชูสุเกะ เอ็นโจ ชูสุเกะ เอ็นโจ ชูสุเกะ
หกครั้ง หวังว่าจอมมารจะอภัยโทษ
Ky ฝั่งยุ่นเขาร่ำร้องคร่ำครวญหา อ.ฮิโยโกะกันไหมวะ
กูอ่านตอนล่าสุดซ้ำไปซ้ำมา T-T
เป็นไปได้มั้ยว่าตอนหน้าจะเป็นตอนจบ เรื่องอาจจะจบแบบปลายเปิด และท่านฮิโยโกะอาจจะออกมาอัพตอนใหม่พร้อมประกาศปิดเรื่อง+ตีพิมพ์
อยู่ๆก็นึกตอนจบได้แบบนี้....
งานดอกไม้ไฟที่ไปดูจู่ๆ ก็มีทั้งคาบุรากิและวาคาบะ!? พอดอกไม้ไฟลูกแรกถูกจุด พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าก็กลายเป็นรูปหัวใจ คาบุรากิเดินเข้ามาหาตรงหน้าแล้วบอกว่า 'ฉันชอบเธอนะคิโชวอิน ที่ชวนคุยเรื่องวาคาบะบ่อยๆ เพราะอยากหาเรื่องคุยกับเธอ ไปเจอวาคาบะก็เพราะอยากฟังเรื่องของเธอให้มากขึ้น คบกับฉันได้มั้ย' ด้านซ้ายเป็นวาคาบะที่ปรบมือแปะๆ อย่างร่าเริง ด้านขวาเป็นเอ็นโจที่ส่งยิ้มขื่นๆ มาให้ ข้างๆมียูกิโนะที่ทำหน้าบูดบึ้งอยู่ซะงั้น เอ๋!??!!
พวกมึง กูเพ้อฝันถึงงานโรงเรียนมานานล่ะนะ อยากให้รถไฟเจ้าแม่ชนกันสักครั้ง แบบท่านเรย์กะชวนพวกนายบ้าหมากับบ้านทาคามิจิมางานรร. เดินไปเดินมาเจอกันพอดี คาบุเห็นเรย์กะกับนายบ้าหมานึกว่าโดนกุ๊ยข่มขู่จะเข้ามาช่วยเอ็นโจก็เดินตามมายิ้มๆ พอเรย์กะอธิบายก็แปลกใจว่าเรย์กะสนิทกับผู้ชายคนอื่นด้วยเหรอ? ยังไม่ทันหายสงสัย น้องๆบ้านทาคามิจิก็มาเห้นเรย์กะ 'อ๊ะ โคโรเน่นี่นา' วาคาบะที่เดินมาด้วยตะครุบปากไม่ทัน... ความแตก
จริงงง กูไม่รู้ว่าความจะแตกตอนไหน แต่อยากรู้รีแอคคาบุมากๆ กูว่าถ้าคาบุเก๊กขรึมที่โดนหลอกลวงมาหน่อย ท่านเรย์กะต้องง้อแน่ๆ แบบตอนที่คาบุเศร้าละท่านเรย์กะชวนไปกินโอโคโนมิยากิ แง๊ น่ารักเว่อร์ กูแบบ ท่านเรย์ก่าาาาา//น้วย แงวงวงง นึกถึงตุ๊กตาผมม้วนหลอดชะโงกหน้าโผล่มาจากข้างตัวละง้อสิ เป็นคาบุคือกูต้องระเบิดบึ้มเป็นโกโก้ครันช์ นั่ลลัก ช็อตนั้นคือกูหั่นชิ้นส่วนออกจากเรือเอ็นโจไปเรือคาบุแทบไม่ทัน เคมีน่ารักดีมาก
แต่อีกตอนที่อยากรู้แต่ไม่น่ามีคือน้องคันตะเข้ารรซุยรันไปเพื่อพบว่าสองในสามของผู้มีอำนาจปีที่แล้วเป็นพวกแปลกๆที่เคยมาเยี่ยมบ้าน อดีตจักรพรรดินีของซุยรัน ความจริงแล้วคือโคโรเน่คนนั้น น้องคงแบบ ความเป็นห่วงที่ว่าจะโดนรังแกตอนนั้น… แล้วดีไม่ดีริรินะผู้มีสปายก็น่าจะ นี่นายเป็นน้องของยัยทาคามิจจิอะไรนั่นใช่มั้ยยะ ฉันน่ะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคิโชวอิน//เปิดเรือใหม่ให้ตัวเองแบบงงๆ ตอนแรกจะชงคันตะเรย์กะ แต่เราต้องมีศัตรูหัวใจให้น้องหัวหน้าชมรมตรงนั้นบ้าง-
>>796 ไม่รู้ดิ แต่กูก็คิดว่าคันตะอาจจะไม่เข้าซุยรันก็ได้มั้ง น้องเขาอาจจะไปต่อม.ปลายที่โรงเรียนอื่น แต่ถามเฉยๆเพราะอยากรู้ว่าซุยรันเป็นไงเพราะเห็นเรย์กะกลัวคาบุลนลานตลอดเลยนึกว่าโดนพวกระดับบนๆรังแกมา แถมตอนมุมมองน้องเขาก็ไม่ได้มีความอยากรู้อยากเห็นโลกที่แตกต่างเหมือนวาคาบะด้วย ยังบอกวาคาบะถ้าไม่ไหวก็ให้ไปเรียนโรงเรียนธรรมดาๆอยู่เลย แต่ถ้าเข้า น้องแกคงคัลเจอร์ช็อคน่าดู โคโรเน่ที่ไปกินข้าวที่บ้านเป็นจักรพรรดินีคนดังของซุยรัน แถมไม่ต้องกังวลเรื่องโดนรังแกเลยซักกะนิด 5555555555555555
ต้องกังวลว่า(ลูกสมุน)โคโรเน่จะไปแกล้งใครมากกว่า..
ทำไมวันนี้เงียบจัง
ทำไมกูเปิดเว็บแมวดุ้นในโทรศัพท์ไม่ได้วะ...
เพิ่งเห็นโพสต์เสด็จพ่อ Sirn (Webmaster) เอามาเแปะให้ดูว่าค่าเฉลี่ยของแต่ละโพสต์ในโม่งอยู่ที่เท่าไหร่
Web Novel นำมาอันดับหนึ่งเลยว่ะ กูคิดว่าส่วนมากน่าจะมาจากฟิคกาวที่กวนกันในกระทู้นี้แหละ 55555
https://twitter.com/gridth1/status/1017799712487890945
มึงกูพึ่งเข้าไปดู สารบัญตัวละครหายไปไหนวะ รึกูหาไม่เจอเอง
กุน่าจะเคยAdd to folder ของกุไว้นะ ไม่รู้จะหายไปด้วยมั้ย ถ้าไม่หายเดะเอาลงให้
กุลากสารบัญเรย์กะของโม่งนิรนามเข้าโฟลเดอร์รวมละนะ สหายโม่งลองไปส่องดูว่าติดมั้ย
กู๋ไดรฟ์ช่วงนี้รวนๆเหรอวะ มันหายไปหลายไฟล์เลย ทั้งสารบัญจอมมาร สารบัญอิมาริท่านพี่ สารบัญตัวละคร ปกติมันจะเยอะกว่านี้ไม่ใช่เหรอ
ลองกดเข้า Shared with me แล้วเสิร์ชชื่อไฟล์ดูถ้าจำได้ เสร็จแล้วลากเข้าโฟลเดอร์ มันน่าจะยังอยู่ในประวัตินะ
กุเจอสารบัญเอ็นโจแล้ว เดี๋ยวลองลากแป๊บ
ไฟล์เปล่าก็หายไป กุว่าต้องมีคนเปิดในแอพแล้วเผลอๆลบแน่
ขออีกเม้น กุลากกลับมาได้แค่สารบัญเอ็นโจ+How to เพราะกุเข้าไม่ครบทุกไฟล์นะ ;_; (อีห่า รู้เลยว่าเมนใคร)
ใครมีสารบัญคนอื่นก็ช่วยๆหน่อยเด้อ
กด Share with me>> พิมพ์ชื่อไฟล์>> กดเข้าไฟล์ทีนึงแล้วค่อยออก (เป็นการดันให้ไฟล์มาอยู่ด้านบน) >> แล้วลากไฟล์นั้นเข้าโฟลเดอร์ท่านเรย์กะ
กูไม่ได้แชร์เก็บไว้เลย ใครมีเก็บๆ ไว้ช่วยกันหน่อยนะคะ ToT
ตอนนี้กุเปิดแล้วมี10อันอ่ะ เดิมต้องมีกี่อันนะกุลืม;__;
เท่าที่กูจำได้นะ รู้สึกว่าสารบัญอิมาริท่านพี่ สารบัญอาริมะหายไปว่ะ
มึงงง กูใส่ไปแล้วมันเป็นpdfอ่ะ กูขอโทษ กูทำไม่เป็นTT
ตอนนี้เหมือนจะเหลือของท่านพี่ท่านอิมารินะะะ
ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมในการกู้ภัยครั้งนี้ค่ะ //กราบงามๆ ทุกสารทิศ
ที่เงียบๆนี่คือกู้ภัยกันอยู่สินะ //พนมมือ
โม่งฟิคโปรดกลับมาอัพ กูจะขาดกาวตายแล้วววววว
จิตใจห่อเหี่ยวจัง ต้องการฟิค ต้องการกาว ต้องการให้อ.ลงต่อ//เอาเล็บขูดผนัง
โม่งฟิคจ๋าาาาาา คิดถึงจังโลยยยยย
พวกมึงว่าเรื่องนี้ท่านฮิจบแบบไหนที่จะจัดว่าพีคสำหรับมึง แบบอ่านแล้วร้องเชีี่*ยยยยย
ใจกูตอนนี้คืออย่างน้อยก็อยากอ่านโม่งซุยรันคุยกันนะ กูเหงา กูคิดถึงบรรยายกาศเก่าๆ โดยเฉพาะสมัยกาวกันหนักๆ กูชอบมากเลยเวลาพวกมึงหวีดแปลไทยหรือกาว หรือตอนที่มีโม่งเอาสาระมาแปะแล้วพวกมึงถกกัน ภาพลักษณ์โม่งในสายตากูเปลี่ยนไปเยอะเพราะมู้นี้ กูอบอุ่นกับครอบครัวโม่งซุยรันมาก เวลาเงียบกันกูเลยรู้สึกเหงา แต่กูก็เข้าใจแหละว่ามันไม่มีอะไรให้คุย
>>855 โอ๋ๆ กอดๆ นะมึง อยากบอกว่ากูก็ยังเป็นผีสิงกระทู้อยู่ตนนึงนะ วันนึงๆ ก็เข้ามารีเฟรชหลายรอบ แบ่บเหมือนมือมันเคยชินไปแล้ว 5555 เวลาเห็นกระทู้ไม่ขยับเลยก็รู้สึกเหงานิดๆ เพราะทุกวันนนี้ก็เหมือนเอาไว้เม้าท์ขนมน้ำชาเป็นคุณหนูซุยรันล่ะ กูเชื่อว่าถ้ามีคนชงประเด็นมาก็ยังมีคนมาตามตบเรื่อยๆ นะ แต่ไม่รู้จะเม้าท์อะไรกันดีนี่แหละ ถถถถถถ
งั้นกูมายกมือบอกว่ากูกำลังพยายามเขียนฟิคไดนากงออกมาอยู่ตามสัญญากับโม่งซักคนในตำหนักก่อนๆๆๆ(ก่อนมาก…5555ตั้งแต่แปลไทยได้ดอกไม้มั้ง…)ว่าถ้ามาปรากฎตัวเกินสามครั้งแล้วกูจะเขียนฟิคถวาย…ได้มาเกือบสามพันคำแล้วยังไม่ถึงครึ่งเรื่องที่วางไว้//ตอนนี้ดองแบบค่อยเป็นค่อยไป…
กุขอโทด กุจะพยายามปั่นต่อ กุคือโม่งฟิคโฮสต์เอ็นโจ
กะว่าจะเขียนต่อตั้งแต่วันจันทร์ แต่มันเขียนไม่ออก เขียนๆลบๆรัวมาก ฮือๆ
เห็นคนหาเรื่องเมาท์กัน กูกำลังอยากรู้อยู่พอดี
ปกติเวลามึงดื่มชามึงชอบดื่มกับอะไรกันวะ//กุไม่ชอบขนมหวานๆเลยหาของถูกใจยากชิบ
เว็บแมวเปลี่ยนหมวดหมู่ใหม่ ใครเล่นเฟส ไปแจ้งแอดมินเว็บแมวหน่อยดิว่า แท็กอาหารมันต้องเป็น Gourmet ไม่ใช่ Grume นึกว่าแนวโชกเลือด -_-"
>>867 กูแนะ dean and deluca มีสาขาที่สะดวกสุดสำหรับกูก็ที่เอ็มควอเทียร์ แต่ราคาแพงพอสมควร เซ็ตนึง 200 บาทมั้ง ได้สโคนลูกนึงกับคล็อตครีมแบบอังกฤษแท้ๆและแยม แต่สโคนลูกใหญ่นะ คนกินน้อยกินชิ้นเดียวก็อิ่มละ แต่ส่วนใหญ่พนักงานแนะให้ซื้อสองลูกจะได้พอดีกับตัวครีมและแยมที่อยู่ในเซ็ต สโคนขายเปล่าๆอยู่ที่ 70 บาทมั้ง
แมนดาริน โอเรียนเตล จำไม่ผิดราคาจะอยู่ที่ 150 เป็นเซ็ตสโคนเหมือน dean ได้สโคนสองลูก ครีมและแยมตามมาตรฐาน
นอกนั้นที่กูเคยกินก็พวกสตาร์บั๊ค ร้าน ka-nom หรือมึงจะสั่งออนไลน์มาก็ได้ แต่ต้องระวังเรื่องหน้าฝนเพราะมันชื้น เดี๋ยวขนมมึงจะขึ้นราได้ง่ายนะ
สโคนอร่อยกูแนะนำ Eric Kayser มีเนย แยมสตรอเบอร์รี่กับมะม่วง แต่ที่กูชอบสุดของร้านคือครัวซองค์ว่ะ 55555
ถ้าร้านบนราคาสูงไปนิด มีอีกที่แนะนำ Flower by p ไม่แน่ใจชื่อร้าน แต่อยู่แถวอารีย์ สโคนใช้ได้ มีชากุหลาบสตรอเบอร์รี่ รสอมเปรี้ยวนิดๆ หอมอร่อยดี ร้านน่าร้ากมากกก
นี่ก็เคยลองนะแต่ก็เป็นการจับคู่ของกินกับเครื่องดื่มประหนึ่งสุ่มกาชานั่นแหละ ถถถถถ
ปกติกูดื่มชาคู่สโคนอ่ะ ไม่ก็บิสกิต แต่ถ้าเป็นกาแฟ กูก็จะทานคู่กับขนมที่พาร์ทเนอร์แนะนำว่าตัวนั้นคู่กับขนมอันไหนเเล้วอร่อย << สตาร์บัคส์รีเสิร์ฟนะ มันมีกาแฟให้เลือกหลายตัว เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สนุกดี
กูกินชากับติ่มซำ จีนมักๆ
กาวนอก update แล้วนะเว้ย
>>889 ต้องดูว่าออกเยอะขนาดไหน
- งานรร นางมาเอง(แต่ท่านชูก็บอกว่าจะกลับไปทำลาเต้อาร์ตให้ที่บ้าน)
- ออกงานที่เหลือก็น่าจะเอสคอร์ทมาด้วยกัน (อาจจะผู้ใหญ่บังคับ-แบบที่มาดามคาบุจะให้มาซายะเอสคอร์ทแต่อันนี้ท่านเรย์กะปฏิเสธ รึท่านชูจะสมัครใจเองก็ไม่ทราบ)
- นอกรอบไม่ใช่งานสังคม เช่น ไปดูโอเปร่า(ปะวะ ซัมธิง)ที่ท่านอิมาริไปเจอ หึๆ (อันนี้โดนบังคับรึเปล่าไม่รู้ หรือโดนชวนแล้วก็ตามน้ำมาก็ไม่รู้—แหมก็ไม่น่าจะเคยชวนใครไปเดตก่อนเลยนี่คะ)
ไม่นับว่ามีโมเม้นที่ไม่รู้อีกนะ
อันที่จริงที่เราเดาๆกันว่าไม่เต็มใจ เพราะไอ้ตอนยิ้มขื่นๆประมาณล้านรอบ/หนีบ้านมารร(ไม่แน่ว่าเรื่องอะไร)/ทิ้งยุยโกะไว้กะฝูงผชตอนปาร์ตี้มาทักท่านเรย์กะ (แต่อย่าลืมว่ามีบางครั้งที่ท่านเรย์กะเห็นเอ็นโจยืนกะยุยโกะเช่นกัล)
ถามว่าอยู่บนเรือนี้มั้ยก็อยู่ แต่ความหมั่นไส้ในเรื่องนี้ก็มีเยอะกว่า ไอ้ผู้ชายหลายใจ ท่านเรย์กะอย่าไปสนเลยค่ะ! คานซังกับอาหารซังสิคะยั่งยืน—
ใครก็ได้ช่วยแปลกาวนอกต่อที
นี่อาจจะเป็นทริคป้องกันกองเรือตีกันก็ได้ เรือทุกลำสามัคคี อะไรก็ได้ทั้งนั้นขอแค่มาลงต่อให้จบก็พอ /ซับน้ำตา
เริ่มเปิดโหวตชื่อมู้ถัดไปกันเถอะ 900 แล้วนี่
เหงาๆ แต่ล่อไป 900 แล้วนะ คิดมู้ใหม่กันเถิด
ไอเดียตัน เอาไรดีน้า...
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับเสียงโหยหวนของเหล่าโม่ง [กรีดร้องขอตอนใหม่รอบที่ 27]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการที่นักเขียนหนีไปไดเอท(มั้ง)จนไม่ได้เขียนต่อสักที [กรีดร้องขอตอนใหม่รอบที่ 27]
ปล. ตั้งชื่อนี้เพราะคิดว่าท่านฮิโยโกะรู้จักของกินเยอะแบบนั้นน่าจะเคยกินมาหมดแล้ว คอเลสเตอรอลน่าจะจับหลอดเลือดเรียบร้อย
หรือที่ท่านฮิหายไปเพราะเข้ารพ.เนื่องจากไขมันอุดตันในเส้นเลือดกันนะ?
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการความสงสัยของเหล่าโม่งและนักเขียนที่หายไป [หาเรื่องคุยครั้งที่ 27]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เจ้าแม่กลับมา [ตั้งจิตภาวนาครั้งที่ 27]
กูโหวต 911
กูฟังเพลงนี้กูก็นึกถึงท่านเรย์กะตอนนี้เลยว่ะ กูต้องภาวนากับดาวแบบเพลงนี้ป่ะวะ 55555555555
"ทำให้ในช่วงเวลาที่ดาวตก
ฉันจึงไม่เคยได้ลืมตา
มันกำลังภาวนาหลับตาลง
เพื่ออธิษฐานให้เธอคืนกลับ
เพราะเธอไม่กลับ
ไม่กลับมามันนานเกินไป"
กาวนอกมีใครแปลต่ออยู่ป่าว
ไปขอตรงโซนราชประสงค์มั้ย
โหวต ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เจ้าแม่กลับมา [ตั้งจิตภาวนาครั้งที่ 27]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการบนบานกินแกงกะหรี่มิคาเคิลขอให้เจ้าแม่กลับมา [โม่งเสี่ยงตายครั้งที่ 27]
กาวนอกถึงแปลกันถึงไหนละ ในสารบัญถึง 13 เองเหรอ
อันนี้ลองคุ้ยๆ จิ้มมารวมไว้ให้ตรงนี้ก่อนแล้วกันนะ จะเข้าไปแปะเพิ่มก็กลัวทำหายวับทั้งหมดด้วยสกิลเทคโนโลยีที่ต่ำเตี้ยติดดิน
กาวนอก
CH 14
https://fanboi.ch/webnovel/5719/397-400/
CH 15
https://fanboi.ch/webnovel/5719/408-410/
CH 16
https://fanboi.ch/webnovel/5719/423-424/
CH 17
https://fanboi.ch/webnovel/5719/447-449/
CH 18
https://fanboi.ch/webnovel/5719/454-456/
CH 19
https://fanboi.ch/webnovel/5719/477-479/
CH 20
https://fanboi.ch/webnovel/5719/480-481/
โหวต 906 จ้าาา
กูเหงา กูอยากเสพอยากกาวฟิค
กูคือคนกำลังเขียนฟิคไดนากงที่เคยบนไว้ ขอโทษด้วยที่กูขี้เกียจแต่งแล้ว มันยาวเกินไปกูจบไม่ล๊งงง ฉะนั้นเลยตัดๆๆๆๆออกแล้วก็เหลือเป็นวันช็อทโง่ๆยยให้แทน
หัวหน้าชมรมฟุตบอล pov
ผมชื่ออาซึมิ ปัจจุบันเป็นนักเรียนม.ปลายปีสุดท้าย รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าชมรมฟุตบอลและเอซของชมรม เป็นนักเรียนชายที่ธรรมดาที่สุดเท่าที่จะธรรมดาได้แล้ว
แต่ผมกุมความลับของหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่เอาไว้ นั่นก็คือคิโชวอิน เรย์กะไม่ใช่คนน่ากลัวแบบที่ทุกคนคิด
อืม จริง ๆ จะเรียกมันว่าความลับก็ไม่เชิงในเมื่อเธอแสดงออกมาอย่างชัดเจน เรียกได้ว่าเหลือเพียงแค่สารภาพรักเท่านั้นที่คิโชวอินยังไม่ทำ พวกคนโง่รอบข้างต่างหากที่ไม่สังเกตเห็น
ถ้าจะให้เท้าความว่าความลับชิ้นนี้เป็นมายังไงต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยพวกเราทั้งคู่ยังอยู่ชั้นม.5
ผมได้ยินกิตติศัพท์ของเธอมาตั้งนานแล้ว เจ้าแม่กาลีเอย ดอลลี่เกิร์ลเอย แต่พวกเราไม่เคยอยู่ห้องเดียวกันมาก่อน ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว สำหรับผม เธอก็คล้าย ๆ ไอดอลสาวที่คุณทั้งรู้จักและไม่รู้จักในเวลาเดียวกันนั่นแหล่ะ
เพียงแต่...เทียบ คิโชวอิน เรย์กะ กับไอดอล เรื่องนี้เล่าให้ใครฟังต้องหาว่าผมเสียสติไปแล้วแน่ ๆ
...ช่างเถอะ ผมแค่จะบอกว่าจะบอกว่าใครน่ากลัวจากเพียงแค่ชื่อเสียงของคน ๆ นั้น ออกจะเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะอยู่บ้าง
แต่ อืม ความจริง ไม่นับชื่อเสียงของคิโชวอินดูจากท่าทีของเธอเวลาเดินโถงทางเดินก็รู้แล้วว่าเป็นผู้หญิงที่ห้ามมีเรื่องด้วยเด็ดขาด ไม่รู้เพราะมีเชื้อสายขุนนางเก่ารึยังไง เจ้าตัวถึงได้เพี้ยนขนาดที่ชอบตั้งขบวนผู้หญิงล้วนเดินแห่กันไปไหนต่อไหน
มีเรื่องด้วยต้องยุ่งยากแน่ ๆ แต่ผมไม่ได้กลัวเธอหรอกนะ
เพื่อนผมที่เคยอยู่ห้องเดียวกันมีแต่คนกลัวเธอทั้งนั้น เพื่อนร่วมชมรมผมก็เหมือนกัน ผมหัวเราะเยาะพวกเขาไปไม่รู้ตั้งกี่คน จนกระทั่งวันนั้น
สภานักเรียนจัดประชุมบรรดาหัวหน้าชมรมต่าง ๆ ขึ้นเพื่อปรึกษาเรื่องงานเทศกาลโรงเรียนที่จะจัดขึ้นในอีกไม่นาน หัวข้อการประชุมไหลไปอย่างต่อเนื่อง น่าเบื่อจนผมต้องหันไปชวนคนข้าง ๆ ที่เป็นหัวหน้าชมรมกีฬาซักชมรมคุย พอกำลังง่วงได้ที่พอดีก็ถึงหัวข้อเรื่องสถานที่จัดกิจกรรม
ผมตาสว่างขึ้นมาทันที เรื่องนี้แหละ ปีที่แล้ววันงานฝนตก ชมรมพวกเราที่จัดที่ด้านนอกเรียกได้ว่าขาดทุน เปียกม่อล่อกม่อแลกกันเกือบทุกคน ผมที่ยังเป็นแค่สมาชิกชมรมธรรมดารู้สึกเสียดายลูกค้าพวกนั้นจริง ๆ ชมรมกีฬาของเรานับว่ามีผลงานยอดเยี่ยม พวกสาว ๆ ด้านนอกที่มาชมโรงเรียนก็มาดูหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างดีในชมรมกีฬาแน่อยู่แล้ว ส่วนพวกผู้ชายก็มาดูอุปกรณ์สวัสดิการนักกีฬาในชมรม รุ่นน้องเขาบางคนถึงกับบอกว่าปีที่แล้วเห็นชมรมเราเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำขนาดนั้น ยังเกือบจะเลือกไม่เข้าชมรมแล้ว อย่างนี้ต้องเสียคนมีฝีมือไปหลายคนน่ะสิ อยู่ด้านนอกนี่เสียเปรียบชะมัด ไม่นับว่าปีนี้พวกเราได้สูตรขนมอร่อยมา คนต้องเยอะแน่ ๆ ผมต้องชิงที่ด้านในมาให้ได้
พอผมพูดเรื่องนี้ขึ้นมา สบตากับพวกหัวหน้าชมรมกีฬาคนอื่น ๆ แน่แหล่ะว่าทุกคนคิดถึงประสบการณ์ปีที่แล้วกันหมดถึงได้มีใครซักคนสนับสนุนแล้วเสนอให้เอาพวกชมรมเล็ก ๆ อย่างชมรมวัฒนธรรมออกมารวมไว้ด้านนอกแทน
อย่าหาว่าพวกนั้นใจร้ายเลยนะ แต่ชมรมพวกนั้นถ้าไม่ใช่พวกเนิร์ดกับผู้หญิงน่าเบื่อใครจะไปเข้ากันเล่า ผมฟังหัวหน้าคนอื่นพูดชื่อชมรมต่าง ๆ ออกมาพลางมองพวกหัวหน้าชมรมวัฒนธรรมที่ทำตัวลีบเล็กกันไปหมด
เฮ้อ จะว่าไปก็น่าสงสารอยู่หรอกนะ...เอะ
ผู้หญิงผมม้วนเป็นเกลียวแน่นที่ก้มหน้าหาของในกระเป๋าอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ว่านั่นคิโชวอิน เรย์กะหรอกเหรอ ยัยนั่นมาทำอะไรตรงนี้
ผมถึงกับตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ ไม่มีทางเด็ดขาดที่คิโชวอินจะเป็นหัวหน้าชมรมกีฬา แต่จะหัวหน้าชมรมชงชากับชมรมจัดดอกไม้ที่สมาชิก pivoine ชอบเข้าร่วมก็อยู่ตรงนั้น
ผมหาข้อมูลมาดีแล้วแท้ ๆ ว่าคนพวกนั้นแค่เด็กธรรมดาไม่ใช่สมาชิก pivoine ขอแค่ไม่ไปหาเรื่องเข้า คนพวกนั้นไม่มีทางก้าวก่าย แต่คิโชวอิน เรย์กะ...ยัยนั่น หัวหน้าชมรมอะไรกันนะ
เธอเหมือนจะหาของได้แล้ว ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อย ๆ แต่ดวงตากับเป็นประกายระยับ โดดเด่นออกมาราวกับเด็กคนอื่นเป็นแค่พื้นหลัง ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เพราะผมจะง่วงเกินไปถึงไม่ได้เห็นทั้งที่เธอออกจะโดดเด่นขนาดนี้ได้ยังไง
เขาถึงกับเหม่อลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
ใครซักคนก็ตะโกนออกมา “ที่เหลือก็นั่นไง! ชมรมงานฝีมือ!”
พรึ่บ!
เสียงสะบัดพัดปลุกผมขึ้นมาจากภวังค์
“ชมรมงานฝีมือทำไมไม่ทราบคะ” คิโชวอินที่สะบัดพัดออกมาถือคลี่ยิ้มมาให้ทางพวกเรา ฉายแววความพอใจออกมากระทั่งดวงตาก็โค้งเป็นรอยยิ้ม
แต่เธอจะเจาะจงมาทางผมเกินไปไหมนะ
ตัวของผมเริ่มแข็งทื่ออีกครั้ง นึกถึงตำนานปราบกบฏซึรุฮานะสมัยมัธยมต้นขึ้นมาได้ เหตุการณ์นั้นคนเห็นอยู่แค่ไม่กี่คน เรื่องเล่าปากต่อปากย่อมจะเชื่อถือไม่ได้ซะเกือบครึ่งอยู่แล้ว
ผมคิดว่าความน่ากลัวในตอนนั้นเป็นแค่เรื่องเล่า ดีไม่ดีคิโชวอิน เรย์กะนั่นเผยแพร่ข่าวลือเกินจริงเองด้วยซ้ำ ตรรกะเดียวกับตอนตั้งขบวนแสดงอำนาจ เธอยังต้องแพร่ข่าวประหลาดพวกนั้นให้อำนาจเธอมากขึ้นไปอีก
แต่พอเจอกับตัวจริง ๆ ถึงจะไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่ก็น่ากลัวจริง ๆ นั่นแหล่ะ
เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ซุยรันครั้งนี้ผมอยู่ด้วย...เสียดายที่เหมือนเป้าหมายของเธอเหมือนจะเป็นพวกผม...ผมไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิงสติไม่ดีคนนี้ซะหน่อย จนผมอดสบถด่าไอ้ชมรมปากมากข้าง ๆ ในใจไม่ได้ ใครมันโง่ถึงขั้นเสนอชื่อชมรมพวกนั้น ความจริงผมลองวิเคราะห์ดูแล้ว ความสำคัญของชมรมกีฬาเรามากกว่าชมรมวัฒนธรรมอยู่ไม่น้อย สภาต้องยอมโยกย้ายสถานที่ให้แน่ ไม่จำเป็นต้องลากเรียงรายชื่อชมรมวัฒนธรรมเล็ก ๆ พวกนั้นออกมาเลยด้วยซ้ำ
แต่นี่ดันไปแตะเกล็ดย้อนมังกรหลับเข้า
คิดในใจอยู่นาน ผมรู้ตัวอีกทีก็ ไม่รู้ว่าคิโชวอิน เรย์กะที่ยืนยิ้มเมื่อกี้เดินไปไหนแล้ว แต่พอกำลังจะหันกลับไป ก็มีอะไรบางอย่างมาสัมผัสไหล่ของผม ความเย็นของมันค่อย ๆ แผ่ออกมาผ่านเครื่องแบบนักเรียนจนผมขนลุกซู่
ผมชะงัก นี่คงไม่ใช่พัดด้ามนั้นหรอกนะ...?
พัดเคาะเข้ากับกระดูกบนไหล่ผมดังต๊อก ต๊อก ต๊อก
ให้ตายเถอะ นี่มันเจ็บนะเฟ้ย ยัยนี่ดูหนังมากเกินไปรึเปล่า...คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าแม่อย่างนั้นใช่ไหม เดาว่าตอนนี้เธอต้องกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจมากแน่ ๆ ผมพยายามบังคับให้ตัวเองให้ทำตัวปกติ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกที่มีคนยืนจ้องอยู่ด้านหลังโดยเฉพาะคนที่ว่าเป็นคิโชวอิน เรย์กะคนนั้นก็ชวนให้คนรู้สึกเสียวสันหลังจริง ๆ
คำถามแรกที่เธอถามเป็นอะไรธรรมดา ๆ เหมือนกับถามสารทุกข์สุกดิบประสาหัวหน้าชมรมทั่วไป แต่อย่างนั้นผมยังประหม่า มือชื้นเหงื่อจนตอบออกมาอย่างตะกุกตะกัก แต่เธอก็ยังชมต่อ บอกว่าไม่ต้องถ่อมตัว ผมที่สงบลงบ้างแล้วก็เลยขอบคุณตามมารยาท แต่แล้วเธอก็ดันพูดเรื่องที่มีชมรมฟุตบอลไปปิดร้านกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันมา
...
แน่นอนอยู่แล้วว่าปฏิเสธไม่ได้ แต่นี่เธออินถึงขั้นมีสปายด้วยเรอะ คิโชวอิน เรย์กะคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียหญิงของโรงเรียนจริง ๆ สินะ...
เรื่องสำคัญกว่าถูกข่มขู่คือสภานักเรียนใส่ใจเรื่องนี้รึเปล่าต่างหาก
ผมเหลือบตามองประธานนักเรียนมิซึซากิที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ เขาไม่ได้มองมาที่ผมแต่ผ่านไปจับอยู่ที่คนที่เดินจากผมไปข่มขู่หัวหน้าชมรมเบสบอลต่อ สีหน้าของเขาฉายแววอ่อนใจแต่ดวงตากับริมฝีปากยกยิ้มขึ้นนิด ๆ บอกว่าเขาเห็นชอบกับการกระทำนี้อย่างแน่นอน นอกจากเขาแล้วก็มีนักเรียนทุนอีกคนที่ทำสีหน้าปกติ รู้สึกว่าเด็กคนนั้นจะสอบได้ในห้าอันดับแรกเสมอชื่อทาคามิจิ
คนหนึ่งต้องตีกับพวก pivoine เป็นประจำ ส่วนอีกคนก็มีจักรพรรดิมาติดพัน ไม่กลัวเธอก็ไม่แปลกอะไร
แต่ถึงขั้นเห็นด้วยกับการกระทำของเธอ...
ผมหลุบตาลงพิจารณา ผมไม่คิดงัดข้อกับเธออยู่ตั้งแต่แรกแล้ว ผมเลยยอมอยู่ข้างนอกแต่โดยดี ขืนไปทำอะไรขัดใจเธอเข้า เห็นได้ชัดว่าชีวิตในโรงเรียนหลังจากนี้จะยากลำบาก
คิโชวอิน เรย์กะที่กุมชัยชนะเอาพัดป้องปาก ส่งเสียงหัวเราะโฮะโฮะโฮะออกมาดังก้องในห้องประชุม
ผมเหลือบตามองสภานักเรียนสองคนนั้นอีกครั้ง ประธานนักเรียนถอนหายใจ ส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้นอ้าปากหวอ อืม ดีแล้วล่ะ ถ้าพวกนายยังมองว่าเสียงหัวเราะประหลาดเมื่อครู่ปกติดี ผมคงไม่เชื่อถือสภานักเรียนอีกต่อไป
นี่ไม่นับว่าพอออกมาจากห้องประชุมแล้ว ยัยหัวสว่านคนนั้นก็ไอค่อกแค่กค่อกแค่กคว้าน้ำมาดื่มด้วยท่าทีเหมือนได้ขึ้นสวรรค์
ถ้าจะต้องเจ็บคอแบบนี้ เธอจะเก๊กเสียงหัวเราะแบบนั้นตั้งแต่แรก ทำไมไม่ทราบ
พอถึงงานวันเทศกาล ในขณะที่ผมกำลังเดินชมงานของห้องต่าง ๆ ผมก็รู้สึกได้ถึงรังสีชั่วร้ายที่โผล่ออกมาจากประตู
ผมม้วนหลอดสะบัดไปสะบัดมาเหมือนกำลังหาเหยื่อสังเวยผู้โชคร้าย วันนี้คิโชวอิน เรย์กะไม่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบแต่ใส่เป็นกี่เพ้ากับกางเกงขายาว
...มันไม่เข้ากันที่สุดของที่สุด เหมือนเวลาต้องกินสปาเกตตี้ซอสขาวแล้วเชฟใส่น้ำปลาแทนเกลือ ทั้งที่ทำผมม้วนหลอดที่น่าจะฮิตสมัยวิคตอเรียนศตวรรษที่ 17 แต่ดันใส่ชุดกี่เพ้า นี่ไม่มีคนบอกยัยนี่เลยรึไง...
เอ๊ะ ด้านในนั่นมีคนทำผมแอฟโฟรกำลังสีไวโอลินอยู่ใช่ไหมนะ...จะทำอะไรเอาแต่ใจก็ควรจะมีขอบเขตบ้าง ที่ไม่มีใครเตือนใครต้องเป็นเพราะไอ้ห้องพวกนี้มันเพี้ยนกันทั้งห้องใช่ไหม ต้องรีบเดินหนีแล้ว! อยู่ไปเจ้าแม่หัวม้วนนั่นอาจจะจับผมไปใส่น้ำเต้ากลั่นออกมาเป็นน้ำอมฤตที่โมเมว่ามาจากเผิงไหลเอาก็ได้
อะแฮ่ม ล้อเล่นน่ะ ความจริงคิโชวอินก็ไม่ได้ดูน่าสยดสยองขนาดนั้น มันแค่เหมือนตัดเอาหัวตุ๊กตาฝรั่งเศสมาต่อกับหุ่นในกังฟูแ*น***เท่านั้นแหล่ะ
ชวนให้นึกถึงปีที่แล้วที่เธอลงวิ่งแฟนซีแต่ดันแต่งเป็นหนูจริง ๆ ตอนนั้นคนถึงกับเงียบกริบ เป็นการแข่งขันวิ่งแฟนซีที่เครียดที่สุดแล้ว ไม่นับว่ายัยนั่นยังวิ่งช้าจนเรียกได้ว่าเหมือนแข่งเดินเร็วอวดโฉมมากกว่า พวกห้องอื่นที่แข่งด้วยก็ละล้าละลังจะวิ่งแซงได้รึเปล่าหรือถ้าวิ่งตามหลังคือเหมือนหัวเราะเยาะเธอไหม
พูดง่าย ๆ คือประหลาดยิ่งกว่าตอนนี้สิบเท่า ตอนนี้เป็นแค่พระนางมารี อังตัวเนต์ที่ใส่ชุดกังฟู ตอนนั้นน่ะเป็นพระนางมารี อังตัวเนต์ที่ใส่ชุดวันพีซสีเทา ใส่ที่คาดผมหนู รองเท้าแตะหนู แล้วยังจะถุงมือหนูเชียวนะ
ขณะกำลังนินทาคนอยู่ในใจ หัวของมารี อังตัวเนต์ก็หันขวับมาสบตากับผม ดวงตาเรียวรีเปล่งประกายก่อนจะโค้งเป็นรอยยิ้ม
หวา นั่นเธอกวักมือเรียกผมทำไมน่ะ
ผมไม่อยากไปยุ่งกับร้านที่ดูน่าสงสัยแบบนั้นหรอกนะ
“ฮึย พระนางบูเช็กเทียน” ผมตะโกนกลับแล้วรีบหนีไป ถ้าโดนลากเข้าไปในร้านต้องซวยแน่ ๆ ถึงผมจะบอกว่ากลั่นน้ำอมฤตจากการใส่คนในน้ำเต้าเป็นเรื่องเหลวไหลก็จริง แต่คาเฟ่ที่ขนาดแค่คอสตูมก็ผสมกันมั่ว ๆ แบบนี้ ใครจะรู้ว่าเมนูนั่นเอาชาจีนผสมกับอะไรให้ผมกินบ้าง เรียกว่าพระนางบูเช็กเทียน ยัยคนที่คิดว่าตัวเองน่ากลัวและวันนี้คอสเพลย์เป็นชาวจีน...ถึงจะประหลาด แต่ก็น่าจะพอใจกับคำตอบของผมสินะ
ปากท้องน่ะเป็นเรื่องซีเรียสนะ!
ผมชะโงกหน้าไปมองตอนที่หนีมาหลบอยู่ไม่ไกล แหงล่ะว่ายัยนั่นต้องไม่วิ่งตามมาแน่ ต่อให้วิ่งตามมาก็คงหนีไม่พ้นการวิ่งที่ดูเหมือนเดินแบบนั้น ริมฝีปากของเธอก็เบะคว่ำลงน้อย ๆ ดูน่าหยอกไม่เลว พอท่าทีมาเฟียนั่นหายไปจะยอมให้เป็นพระนางหยางกุ้ยเฟยก็ได้นะ ฮึ
ในงานเทศกาลวันที่สองผมก็ได้ยินข่าวลือถึงเรื่องในเย็นเมื่อวาน เอ็นโจ ชูสุเกะมอบลาเต้อาร์ต แบบพิเศษให้คิโชวอิน เรย์กะโดยไม่ต้องมีบัตรคิว เอ แต่ถ้าเป็นอย่างนี้เธอก็ต้องเป็นเตียวเสี้ยน** จันทร์หลบโฉมสุดาแทนหยางกุ้ยเฟยน่ะสิ
หึๆ
ในตอนบ่ายที่ผมได้พักชั่วคราว สมาชิกในชมรมผมก็ลากไปดูห้องของฝั่งชมรมวัฒนธรรมบอกว่าจะไปดูหน้าไอ้พวกที่บังอาจมาแย่งที่พวกเราไปดูซิว่าจะมีคนมาดูซักกี่คน เฮ้ย พวกนายจะไปหาเรื่องใส่ตัวทำไมน่ะ ที่สำคัญคือจะลากผมไปด้วยทำไมเล่า แต่ผมก็ดันเป็นหัวหน้าชมรมที่ดี...ยังไงซะต่อให้ไม่ลากก็ต้องตามไปช่วยรับเพลิงพิโรธอยู่แล้ว ก็ได้แต่ภาวนาว่าหัวหน้าชมรมฝั่งนู้นจะไม่อยู่ล่ะนะ
พอไปถึงนิทรรศการของชมรมงานฝีมือจริง ๆ ผมก็พบว่าต่อให้เดินเข้าไปกลุ่มใหญ่ คิโชวอิน เรย์กะยังไม่หันมามองซักนิด เพราะรอบตัวเธอมีนักเรียนนอกที่ทางซุยรันเปิดให้เข้ามาด้วยระบบตั๋ว แต่นักเรียนนอกพวกนั้นไม่ใช่แบบแฟนของอาคิสะวะ พวกนั้นมันเด็กที่ฐานะทางบ้านจนชัด ๆ เลยนี่นา
ทำสีผม เจาะหูหลาย ๆ รู ขนาดต่างหูยังเป็นรูปเขี้ยวเลย เป็นกุ๊ยขนานแท้ ขนาดผมยังว่าพวกเขาดูคุกคามน่ากลัวอยู่หน่อย ๆ ยังไงก็ไม่ใช่คนประเภทที่คิโชวอินจะไปเป็นเพื่อนด้วยได้เลย นี่คงไม่ใช่ว่าโดนหลอกหรือโดนข่มขู่เอาเงินหรอกนะ เธอไม่กลัวโดนจับไปเรียกค่าไถ่บ้างเลยเรอะ
ผมเกือบจะเดินตรงไปขวางอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ใช่ว่าคิโชวอินคลี่ยิ้มออกมา แล้วผู้ชายคนที่เจาะหูก็ทำท่ารบเร้าขออะไรซักอย่างแล้วไถ ๆ หัวไปกับตุ๊กตาหมา-
...ก็คงเป็นเพื่อนกันนั่นแหล่ะ
ซักพักประธานนักเรียนก็มาเรียกคุณคิโชวอินออกไปด้วยหน้าตาเคร่งขรึม แล้วยังเอาตัวมาบังสายตาให้ด้วย หืม ใครกันนะที่ว่า pivoine กับ สภานักเรียนไม่สนิทกันนะ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างประธานนักเรียนกับหนึ่งในสามผู้สูงส่งของซุยรันไม่เลวเลย
“อาซึมิ! เหม่ออะไรของนายอยู่น่ะ ทุกคนจะไปกันแล้วนะ”
“เฮ้ย พวกนายจะทิ้งฉันไว้ตรงนี้ไม่ได้นะเฟ้ย” ผมเงยหน้ามาอีกทีพวกชมรมไม่รักดีก็เดินไปอยู่ที่ประตูทางเดินกันหมดแล้ว ทรยศกันนี่นา ตอนลากก็ลากออกมาพร้อมกัน ไหงตอนกลับถึงทิ้งผมไว้คนเดียวล่ะ
“นายชอบงานเย็บปักถักร้อยชิ้นไหนล่ะ อาซึมิ มองตาค้างเชียว”
“...พูดอะไรของนาย ฉันจะไปชอบอะไรในนั้นได้ยังไง”
“อ้าว ผมเห็นนายนิ่งอยู่นานเลยนึกว่าชอบชิ้นไหนเป็นพิเศษซะอีก งานปักทาเพสตรี้รูปพระแม่มารีย์กับพระบุตรก็สวยดีนะ ชุดแต่งงานตรงกลางก็อลังการจริง ๆ”
“เอ๊ะ นายก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันเหรอ ตอนแรกผมก็ว่าจะมาเยาะเย้ยพวกนั้นที่เป็นนิทรรศการเงียบเหงา แต่พอเห็นฝีมือก็พูดไม่ออกเลยล่ะ ความจริงงานของพวกนั้นก็ใช้ได้นะ”
ผมปล่อยให้พวกเขาพูดแล้วเดินตามต่อไปเงียบ ๆ จำไม่เห็นได้เลยแฮะว่างานเทพาสตรี้ของพระแม่มารีย์กับพระบุตรอะไรนั่นอยู่ด้วย ที่จำได้น่ะมีแต่เซอบิรุสเท่านั้นแหละ
หือ เซอบิรุสไหนน่ะเหรอ ก็ต้องเป็นตัวที่คิโชวอินพกมาโรงเรียนก่อนวันประชุมแน่อยู่แล้ว วันนั้นตอนที่ผมเดินเล่นอยู่ก็เห็นผู้หญิงผมม้วนสะดุดล้มลงกับพื้น หัวกลม ๆ สีน้ำตาลสามหัวกลิ้งหลุน ๆ ออกมาจากถุง ถือว่าเป็นภาพที่ชวนหัวเราะใช้ได้ อยากจะช่วยอยู่หรอกนะ แต่ก็เห็นเขามองมาแล้วยิ้ม ๆ เหมือนกันนี่นา
เฮ้อ ขนาดเขายังได้แค่ยิ้มแล้วมอง ผมมันบุคคลธรรมดายังจะอะไรอีก รีบ ๆ เดินไปดีกว่าน่า
ตกบ่าย ๆ เย็น ๆ ของวันนั้น ตุ๊กตาฝรั่งเศสเวอร์ชั่นปกติก็เดินมาดูงานของชมรมผม ซ้ายขวาขนาบข้างด้วยสองขุนนางคู่กาย อย่างกับพวกคุณนายคนทวงหนี้ในละคร ตลกเป็นบ้- เอ๊ะ ลูกค้าเริ่มหนีกันแล้ว! กลุ่มคนที่ต่อคิวเริ่มจะแหวกออกเป็นสองข้างเหมือนโมเสกแหวกทะเล! เฮ้ย ไม่ได้นะ ยอดขายของชมรมจะกลายไปเป็นกับงบอุปกรณ์ที่ใช้ในชมรมนะเฟ้ย ถึงไม่ใช่ว่าผู้ปกครองจะไม่มีเงินจ่าย แต่เก็บเงินเองมันคูลกว่ากันตั้งเยอะ พวกเด็กโง่ในชมรมมีแต่พวกมีความคิดอย่างนี้ทั้งนั้น
เอาล่ะ ส่งบรรณาการให้แล้วก็รีบ ๆ ออกไปซะนะ ผมไม่คิดเงินด้วย แต่ได้โปรดอย่าเดินเฉียดมาแถวนี้อีกรอบเลย ขอร้องล่ะ!
จบแล้ว ทาดา! เอาถึงแค่เทศกาลพอ ตรงดอกโบตั๋นมันไปไกลเกิน ถถถถถถถ
ถึงโม่งคนนั้น ไม่รู้คนไหน กูแต่งเสร็จแล้วนาจาาาา
ถ้าแปลกๆก็ขอโทษด้วย ตอนแรกตั้งใจจะให้นายนี่เข้าใจผิดว่าท่านเรย์กะแอบชอบ แต่เอาเหอะ ขกแล้ว เอาเป็น พีโอวี ที่มีท่านเรย์กะประกอยฉากไปละหัน
>>953 ขอบคุณสำหรับกาวค่ะ กอดๆมึงน้า
อ่านๆไปนี่แอบสงสารนางอยู่เบาๆ ตอนแต่งพ่อบ้านก็บอกเหมือนดูหนังสยองขวัญ แต่งชุดจีนก็ว่าแปลกมั่ง น่ากลัวมั่ง ไดนากงยังบอกเป็นบูเช็คเทียนที่เจ๊แกขึ้นชื่อเรื่องความโหด ตกลงนางดูไม่น่ารักในสายตาหนุ่มๆซุยรันเหรอวะ แต่มุมมองคนนอกทีไรก็บอกสวย น่ารักเหมือนตุ๊กตาทุกที แถมจอมมารยังบอกน่ารักทุกครั้งที่มีโอกาสชม//แค่กๆๆ คนหน้าตาแบบนี้น่าจะคนจีบเยอะนะ
ปล. ถ้าเรย์กะหน้าสวยเหมือนตุ๊กตา กูแอบจิ้นอยู่เบาๆว่าท่านพี่เป็นหนุ่มหน้าสวยเหมือนกัน ไม่แน่ทานุกิสมัยหนุ่มๆอาจจะเป็นหนุ่มหน้าสวยหุ่นเพรียวบางเหมือนตุ๊กตาที่ท่านแม่เห็นแล้วปิ๊งเลยตามจีบก็ได้นะ 555555
กรุว่าดูมีความหวังอยู่นะ ฟิคนี้เอ็นโจเป็นมารความรักสินะ
อยู่ดีๆก็อยากอ่านฟิคท่านอิมาริกะท่านพี่ อยากแต่งเองเหมือนกันนะ แต่คิดพล็อตไม่ออกเลย T^T
โอ๊ยยย กลับมาคึกคักแล้ว ดีใจ ทุกคนเฉาๆ รอกาวกันอยู่สินะ TvT
สาเหตุที่ไม่มีคนแต่งอิมาริกะท่านพี่ออกมาซักทีอาจจะเป็นเพราะท่านอิมาริ คือคำพูดท่านอิมาริมันแบบเลี่ยนโว้ยย แต่งไม่ได้โว้ยยย แบบนี้5555555555
>>969 เรืออิมาริท่านพี่นี่แบบ...เรื่อยๆมาเรียงๆ แต่มั่นคงแบบไม่มีอะไรจะสั่นคลอนได้ ใครเขาจะตื่นมารอเพื่อนที่หนีเที่ยว ไล่ออกจากห้องตัวเปล่า ไปกับน้องก็ไม่ค่อยสนใจน้องเอาแต่จิ้มโทรศัพท์ ออกไปดื่มกับเพื่อนหลังเลิกงานตลอด ตอนพูดถึงเรื่องแฟนสาวๆของอิมาริ ท่านพี่ชอบทำหน้าหงุดหงิดด้วย ทำเอากูเผลอคิดเลยว่าที่อิมาริทำตัวเจ้าชู้ จีบสาวไปทั่ว เต๊าะเรย์กะบ่อยๆเพื่อเรียกร้องความสนใจจากท่านพี่ใช่มะ เพราะชอบทำต่อหน้าท่านพี่ตลอด จะดูปฏิกริยาเขาล่ะสิ 5555555555
ขอบอกก่อนนะว่ากูไม่ใช่สาววาย ดังนั้นตอนที่อ่านเรื่องราวระหว่างท่านพี่ กับท่านอิมารินั้น กูไม่ได้คิดอะไรเลย อย่างตอนที่
- พาน้องไปเที่ยว ก็ต้องพาอิมาริไปด้วย ก็เฉพาะตอนที่ไม่ได้ไปกันสองคนพี่น้องเท่านั้น เลยคิดว่าที่ชวนอิมาริมาด้วยคงเป็นเพราะให้มาช่วยกันดูสาว ๆ
- ที่หงุดหงิดตอนพูดถึงแฟนสาวของอิมาริ อันนี้ตำไม่ได้ว่าช่วงไหน พอจำได้ก็ตอนไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน แล้วนางพูดว่าทั้งสองคน (ท่านพี่ ท่านอิมาริ) ป้อบน่าดู แล้วท่านพี่หงุดหงิด อันนั้นคิดว่าแค่ไม่อยากให้น้องรู้เรื่องนี้
- ส่วนตอนทัศนศึกษา ตอนที่อ่านก็เข้าใจว่าต่างคนต่างเที่ยว แค่ท่านพี่ถึงห้องพักก่อนเลยเข้านอนเลยไม่ได้รอเพื่อน พอตื่นเช้ามาเห็นเพื่อนยังไม่กลับห้องเลยกังวล + เป็นห่วงตามประสาเพื่อน เพราะอยู่ต่างแดนด้วยติดต่อยาก พอเห็นเพื่อนกลับห้องแบบลั้นลาก็คงอดโมโหไม่ได้ ประมาณว่าตรูกังวลแทบแย่ แต่มรึงกลับมาลั้นลาอยู่ได้
- ไอ้เปิดไฟสลัว ๆ กินเหล้ากับเพื่อน อันนี้ก็ no comment จริง ๆ เพราะกูไม่กินเหล้า เลยไม่รู้ว่าบรรยากาศกินเหล้ากับเพื่อนมันเป็นยังไง
แต่พอเข้ามาอ่านกระทู้โม่งซุยรันนี่ คนละเรื่องกับที่คิดเลยแฮะ คือ อ่านเจอฉากสองคนนี้ทีไร ก็ติดมากทุกที 555
ปล กูไม่ใช่สาววายก็จริง แต่ถ้าการ์ตูน หรือนิยายที่อ่านมีคู่วาย ก็ไม่ซีเรียสนะ รับได้
>>971 กูว่าบางคนก็จิ้นเอาสนุกๆนะสองคนนี้ ไม่ได้จริงจังหรอก จะมีแซวๆกันเล่นบ้างเพราะโมเมนต์มันส่อจริงๆ ท่านพี่ก็ทำตัวเหมือนเมียหลวงคอยตามเช็ดล้างเวลาผัวมีเมียน้อย อิมาริก็หลั่นล้าไปทั่ว แต่เวลาท่านพี่ข่มขู่หรือต่อยเอา อิมาริก็ยอมลงให้ไม่ตอบโต้ แถมยังแกล้งแซวแกล้งแหย่เล่นด้วยความบันเทิง เหมือนพวกผู้ชายที่ยอมลงให้แฟนน่ะ
กูก็จิ้นอิมาริท่านพี่นะ แต่ถ้าเปิดตัวแฟนสาวของอิมาริหรือท่านพี่กูก็รับได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นกูขอให้เขาสองคนเป็นแฟนกัน เท่านี้กูก็แฮปปี้ละ 55555555555
>>974 เดี๋ยวจะเข้าใจผิด คือกูก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องใครจะจิ้นใคร หรือใครจะจิ้นวายหรอก อ่านหลาย ๆ เม้นก็พอรู้ว่าบางเม้นก็เอาจริง บางเม้นก็เอาฮา
คือรู้สึกว่านิยายเรื่องนี้มันสนุกถึงขนาเคุยกันหลายกระทู้ได้ ก็ตรงมีการตีความได้หลายแบบ แบบวาย ชช ญญ หรือจะนอมอล ซึ่งคงเป็นเพราะดำเนินเรื่องโดยมุมมองของคนคนเดียว เลยทำให้ต้องตีความทุกแง่ทุกมุม
การที่สาววายตีความแบบนั้น ก็เป็นการเปิดมุมมองของตัวเองเหมือนกันว่า ฉากบางฉากมันอาจจะซ่อนอะไรไว้ก็ได้
สาเหตุที่ทุกคนจิ้นก็เพราะสถานการณ์มันเหมาะเจาะเกินไปน่ะสิ เกร็ดเล็กๆ ไอ้ไฟสลัวๆ ท่าทีหงุดหงิด กับท่าทีMของท่านอิมารินี่มันเกินทนจริงๆน้า~ เจอราชินีสายเอสแบบท่านพี่ กูนี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เสมือนอ่านนิยายวาย แค่ก!--
บางทีกูก็สงสัยนะว่าอิมาริดูจะยอมๆท่านพี่มากเลย ถึงจะบอกว่าท่านพี่แบล็คเมล์ความลับอิมาริอยู่ก็เหอะ แต่โดนทำรุนแรงขนาดเกือบตายได้มันก็น่าจะมีตอบโต้ไปบ้าง แต่ไม่มีเลยซักครั้ง แถมตอนท่านพี่ปาลูกดอกใส่ อิมาริยังไม่พูดเลยว่าตัวเองเจ็บ บอกแค่เดี๋ยวโดนเรย์กะ แถมรู้ว่าถ้าไปเต๊าะเรย์กะต่อหน้าท่านพี่จะโดนกระทืบฮีก็ยังทำ ...ตกลงชอบที่จะถูกท่านพี่กระทำสินะ 555555555555
ต้องอ่านมุมมองของท่านอิมาริ ตลก5555555 เหมือนแกล้งๆแหย่ท่านพี่ไปงั้น กลัวนิดๆหน่อยๆพอเป็นพิธี เพราะปกติท่านพี่ใส่หน้ากาก ว่าแล้วก็อยากอ่านตอนสองคนนี้เด็กๆ ตั้งแต่สมัยอนุบาล ท่านอิมาริตีสนิทท่านพี่ยังไง ไปจนถึงสมัยมัธยมปลายกัปตันทีมบาสVSกัปตันชมรมธนู(รึเปล่าวะ คือท่านอิมาริอะใช่ แต่ท่านพี่นี่กาวรึเปล่า กูสับสน) สาวๆยุคนั้นต้องไปเชียร์กรี๊ดสลบกันแน่นอน ไม่เหมือนไอ้สองหน่อปัจจุบันที่อยู่ชมรมกลับบ้าน ถถ ดูเป็นคนหาตัวจับยาก นอกเวลาเรียนก็อยู่แต่ในสโมสร หรือจะเป็นตอนทำงานแล้วของท่านพี่ท่านอิมาริก็ได้ นัดมาดินเนอร์กันหลังทำงานเสร็จงี้ ไม่วายโจ่งแจ้ง แค่แบบ โชเน็นไอหรือโบรแมนซ์ยังได้เลย---ขอกาวด้วย โม่งฟิคโปรดเมตตาาา
มึงกูลองสรุป แต่ไม่รู้พลาดตรงไหนป่าวนะ
906 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับเสียงโหยหวนของเหล่าโม่ง [กรีดร้องขอตอนใหม่รอบที่ 27]
932 933 938 939 940 944 (6 โหวต)
907 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการที่นักเขียนหนีไปไดเอท(มั้ง)จนไม่ได้เขียนต่อสักที [กรีดร้องขอตอนใหม่รอบที่ 27]
910 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการความสงสัยของเหล่าโม่งและนักเขียนที่หายไป [หาเรื่องคุยครั้งที่ 27]
911 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เจ้าแม่กลับมา [ตั้งจิตภาวนาครั้งที่ 27]
913 921(2โหวต)
925 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการบนบานกินแกงกะหรี่มิคาเคิลขอให้เจ้าแม่กลับมา [โม่งเสี่ยงตายครั้งที่ 27]
926 927 928 929 930 947(6โหวต)
โคตร Satanic cult ฆ่าตัวตายหมู่ สังเวยชีวิตให้เจ้าแม่ด้วยแกงกะหรี่มิราเคิล แล้วจะซัมมอนตอนที่300ได้มั้ยวะ
เริ่มสร้างมู้กันได้แล้ว รอลิ้งมู้มาลงก่อนค่อยวิ่งนะทุกคน!
เปิดวาร์ป >>>/webnovel/5876/
จากนี้เชิญวิ่งควายกันได้ตามสบาย
ขอให้มีชีวิตอยู่จนได้เห็นตอนใหม่
คล้ายๆ ขอให้มีชีวิตอยู่จนโคนันโตสินะ
กาวจ้า เธออยู่ไหน
คานมาแน่
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.