สีหน้าของเธอกลับคืนสู่ลักษณะแบบเจ้าหญิงที่เธอมักทำ ก่อนจะพึมพำ "ขอบคุณ" กลับมาให้ผม
ผู้ชายหลายคนมองผมตั้งแต่ผมเริ่มเข้าหาเรย์กะ นี่ยิ่งกว่าตอนที่ผมถูกสาวๆ รุมล้อมเสียอีก ดูเหมือนเรย์กะจะป๊อบขึ้นกว่าเดิมอีกแล้ว
เมื่อคิดถึงว่าความนิยมของเรย์กะที่เพิ่มมากขึ้น ผมก็นึกถึงเรื่องไม่น่าพิศมัยเรื่องหนึ่งที่ชวนให้หงุดหงิดเสียจนโพล่งขึ้นอย่างกระทันหัน "คุณแม่ของมาซายะถูกอกถูกใจใหญ่เชียวนะ บอกว่าอยากจะเชิญมางานเลี้ยงอาหารค่ำด้วย"
สีหน้าว่างเปล่าปรากฏขึ้นบนหน้าของเธอ เช่นเดียวกับการตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ "เอ๋"
"ไม่ดีใจหรอกเหรอ"
"เอ๋ เปล่าค่ะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ" เธอยิ้มอย่างสุภาพ ตอบด้วยคำตอบที่มักจะใช้เสมอสไตล์เรย์กะ ใจหนึ่งผมอยากถามเสียเหลือเกินว่าเธอจะไปร่วมงานไหม ทว่าเมื่อเห็นดวงตาที่มีร่องรอยของความไม่ชอบใจอย่างรุนแรงแล้วนั้น ผมก็รู้ได้ว่าเธอต้องปฏิเสธเป็นแน่
"หืม" ผมมองเธออย่างจริงจัง พยายามจะอ่านใจเธอให้ออก
ไม่ใช่แค่เรื่องคุณแม่ของมาซายะ แต่เป็นทุกเรื่อง เรย์กะมักจะมีความลับมากมายอยู่เสมอ และดูไม่คล้ายว่าจะยอมเผยมันออกมา เมื่อผมมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ก็เหมือนกับว่าผมจะไม่สามารถทำความเข้าใจอะไรได้เลย ไม่ว่าผมจะอยากเข้าใจสักแค่ไหนก็ตามที
นั่นยังทำให้ผมรู้อีกสิ่งหนึ่ง
ผม ’ชอบ’ เรย์กะมากจริงๆ
ความคิดนี้ทำให้ผมตัวแข็งทื่อเมื่อรู้ว่าจะเกิดความยุ่งยากตามมาอีกแค่ไหน ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนหรือในฐานะเมมเบอร์ต่างเพศ ผมก็ไม่รู้ว่ายังไงหรือทำไม และผมก็ไม่คิด่าผมจะอยากรู้ด้วยเหมือนกัน
การปรากฏตัวของเรย์กะนั้นส่งผลกระทบต่อสภาพอารมณ์ของผมได้อย่างรุนแรง แล้วผมก็ไม่อยากจะเปลี่ยนสิ่งนี้ให้กลายเป็นต้นเหตุของอาการป่วยด้วยโรครัก หรือมานั่งเศร้าโสกจากการถูกปฏิเสธด้วย
"ลมเริ่มแรงแล้วนะคะ ฉันขอตัวกลับเข้าไปข้างในก่อนละค่ะ"
เสียงของเรย์กะกระทบโสต กระชากผมออกจากขบวนรถไฟฟแห่งความคิดสู่โลกแห่งความเป็นจริง ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไร เธอก็หมุนตัวเดินจากไปเสียแล้ว
ท้ายที่สุดผมก็ทำได้แค่หัวเราะตัวเองขณะตัดสินใจกลบฝังความรู้สึกเหล่านั้นสู่ส่วนลึกภายใน ให้ลึกจนผมลืมเลือนมันไปเสีย หรืออย่างน้อยก็จางหายไปตามกาลเวลา
ผมมองตามเรย์กะที่จากไป ก่อนจะเหม่อมองฟ้าอีกครั้ง
ทุกสิ่งเคยง่ายดายกว่านี้นัก เมื่อครั้งที่เราทุกคนต่างยังเป็นเด็ก…
--
จบ
ตอนนี้รู้สึกหม่นๆ เหมือนจอมมารอารมณ์ไม่ดี กุเลยลองแปลให้อารมณ์หม่นๆหน่อย ไม่รู้จะโอเคมั้ยนะ