เพื่อนโม่ง อย่าด่ากุนะ กุแค่เข้ามาอ่านเรื่องนี้หาอะไรฆ่าเวลาเล่นๆ แล้วพออ่านไปอ่านมา กุก้อรู้สึกว่าทำไมลูกคุนหนูในเรื่องมันแลดู หน่อมแน้มคล้อยตามง่าย ประสบการณ์ชีวิตน้อยจังฟระ ในเรื่องนอกจากตัวหลัก แล้วพวกตัวประกอบที่เหลือดูไม่มีความเปนตัวของตัวเองเลยซักคน แบบสมมุติชอบมาซายะกับเอนโจ ก้อแห่กันชอบตามกันเกือบทั้งรร.อะไรแบบเนี้ย หรือคนที่อวยเรย์กะแม่งก้ออวยกันสุดฤทธิ์อะไรแบบเนี้ยอ่ะ หรือว่าถ้ากุจะอ่านเรื่องนี้ให้สนุกกุต้องโยนสามัญสำนึกความเปนจริงทิ้งไปอะไรแบบนี้ 5555
>>194 กูว่าการที่สาวๆ ชอบสองหน่อนั่นคือเพราะมันหล่อ เอาตามเซ็ตติ้งคิมิดอลเลยคือหล่อชนิดว่าทุกคนหลง เพราะงั้นมึงต้องตัดความสงสัยไปว่าทำไมในนิยายทุกคนดูชอบสองหน่อนี้จัง ส่วนเรื่องอวยเรย์กะกูว่ามันก็อค่กลุ่มสมุนเจ้าแม่นะ กลุ่มอื่นมันไม่ใช่อวยอ่ะ น่าจะกลัวมากกว่า555 ด้วยชื่อเสียงอำนาจทางสังคมที่สามารถทำพ่อแม่มึงตกงานหรือถูกขับไล่จากสังคมคนรวยได้ แบบนี้
>>194 ส่วนตัวกูว่าเรื่องอวยหลงกันทั้งโรงเรียนคือไม่เชิงมองมาซายะกับเอนโจวเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกันแต่มองเป็นไอดอลที่มีไว้ให้ตามกรี๊ดแทะโลมทางสายตาเฉยๆอ่ะ อารมณ์ตอนอยู่มัธยมสาวๆจะรู้จัก80%รู้จักexoและส่วนใหญ่มองไปในทางที่ดี จะติ่งมากน้อยแค่ไหนแล้วแต่บุคคล
ส่วนเรย์กะส่วนใหญ่ที่อวยก็เพื่อนในกลุ่มนะแล้วคนในกลุ่มหลายคนก็เห็นความรั่วของเรย์กะแหละแต่เพราะเรย์กะรักเพื่อนดี เพื่อนเลยชอบโอ๋ๆปกป้องเรย์กะกัน ส่วนคนอื่นก็เกรงๆกันอารมณ์นัดเรัยนธรรมดามองเด็กกิจกรรมเฮดงานตัวแม่งี้ แบบไม่อยากมีปัญหาด้วยเท่าไหร่ พวกเพื่อนคนอื่นที่ไม่ใช่แก๊งเดียวกันก็ไม่ได้อวยอะไรเรย์กะออกแนวชอบแหย่ด้วยซ้ำ
>>199 กูมือลั่น คือคนปกติต่อให้ไม่ได้กรี๊ดสามหน่อก็คงไม่แสดงตัวตนว่าฉันเกลียดสามหน่อนั่นอ่ะ ดูkyไปนะ เหมือนคนอื่นกำลังกรี๊ดอยู่ดีๆแล้วไปขัดความชอบเขาน่ะ
จะว่าไปคนที่แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับสามหน่อนั่นก็ประธานนักเรียนคนปัจจุบันไง ก็ยังอยู่อย่างปกติมีคนชอบไปตามเรื่องตามราว คนก็ไม่ได้ได้ตามอวยสามหน่อหน้ามืดตามัวขนาดนั้น
>>198 แต่สามหน่อนั่นก็มีดีพอที่จะมีคนเทิดทูนบูชาเป็นแฟนคลับนะ หน้าตาดี เรียนดี บ้านรวย อิทธิพลสูง pivoine ก็แบ่งแยกฐานะจากนักเรียนทั่วไปอยู่แล้ว เป็นตัวตนที่อยู่เหนือขึ้นไป และสามคนนี้ก็ดันอยู่ในระดับสูงสุดของ pivoine อีกต่างหาก จะมีคนกรี๊ดกร๊าดคลั่งไคล้ก็ไม่แปลกนะ ดูเป็นอะไรที่ไกลห่างจากตัวเหมือนพวกนิทานนิยายมากกว่าจะเป็นคนจริงๆที่จับต้องได้ เหมาะแก่การเอาไว้บูชาเป็นไอดอลน่ะ
เอาละ กุสรุปได้แล้วว่า 3หน่อนั่นคนมันชอบเยอะในเรื่อง แต่กุก้อคิดว่ามันต้องมีซักคนในเรื่องที่คิดในใจว่า แม่งจะอวยอะไรกันนักกันหนาวะ แต่มันก้อได้แค่คิด และในนิยายมันก้อไม่ได้โฟกัสที่คนๆนั้น เพราะนิยายมันดำเนินเรื่องโดยเน้นมุมมองของเรย์กะ และอีก 2หน่อเปนหลัก มึงจะบอกกุแบบนี้ใช่ป่ะ 555
มึงอ่านกี่ตอนแล้ว ถามก่อน
ถ้ามึงอ่านถึงตอนพิเศษของพวกตัวประกอบ มันจะย้ำกันเสมอว่า “โรงเรียนนี้มีสามคน ที่ห้ามมีเรื่องด้วยโดยเด็ดขาด” เพราะฐานะอำนาจทางบ้านสูงมากจนกระทั่งรุ่นพี่ยังต้องยอมให้เกียรติ เอาเป็นว่าธุรกิจท็อปสามของญี่ปุ่น ท็อปเท่าไหร่ของโลกไม่รู้
ถ้ามีเรื่องด้วยก็เหมือนขุดหลุมฝังตัวเองอะ ดูอย่างตอนซึรุฮานะโดนตบกลับ เจ้าแม่แทบไม่ต้องทำอะไรมาก เอาอิทธิพลทางบ้านมาพูดแม่งก็ซีดแล้ว
เพราะงั้นต่อให้เกลียดก็ไม่กล้าแสดงออก ก็ทำเบลอๆไป ส่วนที่เรื่องมันมองจากมุมเจ้าแม่ มึงเลยไม่รู้ว่ามีคนเกลียดนางรึเปล่า นอกจากอีไก่โง่กับซึรุฮานะ คนอื่นเค้าก็รักชีวิตกันทั้งนั้นแหละ รอบตัวสามคนนี้ก็มีแต่คนอวยเป็นหลัก มันก็ธรรมดา
ทำไมมึงถามเหมือนอ่านข้ามตอนวะเนี่ย
เส้นใหญ่จนคนกลัวทั้งโรงเรียนของจริงไทยก็มี ไม่ต้องธุรกิจระดับโลก แค่ลูกคนใหญ่คนโตระดับจังหวัด กูเคยเรียนเจอแม่งหงอยหมดอ่ะ นินทาก็ต้องเฉพาะคนสนิทกัน ออกหน้าแซะไม่มีใครทำหรอก
>>202 มันก็มีไง แต่ไม่ได้โฟกัสมาก ตัวอย่างที่เห็นแบบชัดมากๆก็พวกสภานักเรียนที่หมั่นไส้กลุ่มอภิสิทธิ์ชนแบบ pivoine ไม่ได้ตามอวยตามเอาใจอะไร ออกจะมองว่าพวกนี้คือกลุ่มคนนิสัยแย่ที่เป็นต้นตอของปัญหาด้วยซ้ำ อาริมะช่วงแรกๆก็มีอคติกับเรย์กะหรือคาบุ แสดงออกถึงความไม่ชอบชัดเจน หรือซึรุฮานะที่เข้ามาหาเรื่องได้ไม่ว่างเว้น นักเรียนชายทุกคนก็ไม่ได้อวยเรย์กะ ออกจะกลัวๆหรือไม่ก็ล้อเลียนเอาลับหลังด้วยซ้ำ ลิ่วล้อเรย์กะตบแล้วไง พวกคนที่ไม่ได้ชอบหรืออะไรก็ยังล้อเลียนกันหรือพุ่งเข้ามาหาเรื่องอยู่ดี
แค่ที่มึงเห็นว่าคลั่งไคล้เว่อร์ๆก็พวกนักเรียนหญิงที่ต่อแถวเอาช็อกโกแลตให้คาบุกับเอ็นโจ เพราะกรี๊ดคนหล่อ อันนี้กูเข้าใจนะ กูก็เคยเป็น 55555 เอาของขวัญไปให้รุ่นพี่หนุ่มป๊อบในโรงเรียนเพราะเขาหล่อ วาเลนไทน์พี่เขาก็ได้ดอกกุหลาบกับสติ๊กเกอร์หัวใจแปะเต็มเสื้อไปหมด เวลาแข่งกีฬาสีเสียงกรี๊ดพี่เขาก็จะดังกว่าคนอื่นๆหน่อย แต่จะคลั่งไคล้ระดับที่สาวรุมกรี๊ดหน้ามืดตามัวทั้งโรงเรียนแบบสองคนนี้มั้ย ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เข้าใจว่าเซ็ตติ้งเดิมมันเป็นการ์ตูนตาหวาน มันก็มีอะไรเว่อร์ๆแบบนี้ออกมาน่ะ ไอ้เรื่องกลุ่มหนุ่มป็อบจนสาวคลั่งไคล้ไม่ลืมหูลืมตามันก็เป็นเรื่องที่เจอบ่อยๆในการ์ตูนเพื่อจะบอกว่าไอ้นี่หล่อจริงๆนะสาวถึงได้กรี๊ดขนาดนี้ เป็นการขายฝันให้คนอ่านไง
ย้อนกลับไปตอนที่ 162 เจ้าแม่พูดเรื่องยุยโกะมีบรรยากาศเฉพาะตัว แล้วบอกว่า "อย่างฉันคงไม่มีวันชนะได้หรอก"
ถ้าไม่ได้คิดอะไร จะไปแข่งเอาชนะทำไมล่ะว้าาาาา
แต่หาตอนที่เจ้าแม่ถามวาคาบะเรื่องเอ็นโจคุงไม่เจอแฮะ
วันนี้กูเพิ่งมีโอกาสได้มาญี่ปุ่นครั้งแรก กูไม่โทษเจ้าแม่เลยว่าทำไมหยุดตัวเองไม่ได้ ของกินแม่งเยอะมาก กูกินอิ่มแล้วอยากล้วงคออ้วกออกมาเพื่อให้แดกต่อได้ ลาก่อย โปรเจคลดน้ำหนักของกู
เวลากูไปญี่ปุ่น เข้ามินิมาร์ททีไรก็นึกถึงเจ้าแม่ทุกที 55555555 ไม่ใช่สิ กูเห็นอาหารอะไร กูก็นึกถึงเจ้าแม่ตลอด....
ของกินมินิมาร์ทญี่ปุ่นกูชอบชานมของ kirin ที่สุดละ ไม่หวานมาก รสชาติกำลังดี ส่วนนิชชินรสต้มยำกุ้งที่ขายที่ญี่ปุ่นเสือกอร่อยกว่าที่ขายที่ไทยอีก ไปญี่ปุ่นสามรอบกูยังกินของในเซเว่นญี่ปุ่นไม่ครบทุกตัวเลย เยอะจริงๆ
อ๋อ ชานมทีเบรกกกกกก สมัยมันมีที่ไทยกูแดกบ่อยมาก โคตรอร่อย ทำไมไม่เอามาขายแล้ววะ ;__;
เดี๋ยวๆ มันมีชาแอปเปิ้ลกับมะนาวด้วยไม่ใช่เหรอ แต่กูชอบชานมที่สุด
กลายเป็นที่รีวิวน้ำเซเว่นไปแล้ว 555555 กูชอบชาแอปเปิ้ล
สมเป็นสาวกเจ้าแม่ พอพูดถึงของกินทุกคนคึกคักมาก ผิดกับตอนที่พูดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ (ของเจ้าแม่) เราจะกอดคออยู่ด้วยกันที่หมู่บ้านคานทองต่อไป
ถ้าตอนที่ 300 ออก กูจะถวายสโคนและน้ำผึ้งชั้นดีแก่เจ้าแม่ สาธุ
ยังเหลือโม่งฝั่งหมู่บ้านคานทองอยู่มั้ยเนี่ย 55555555
ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป
ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป
ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป ขอสาป
- by เจ้าแม่เรย์กะ
//โบกมือให้ชาวหมู่บ้านคานทองจากหมู่บ้านมีรักอย่างสง่างาม
*สาดเกลือใส่พวกหมู่บ้านมีรัก* …ที่แท้ก็เป็นแบบฟุจินไรจินที่ต่อหน้าทำให้เจ้าแม่คิดว่าเป็นสาวโสดทั้งกลุ่ม แต่ความจริงลับหลังเจ้าแม่คือมีอะไรโดขิ โดขิเกิดขึ้นตลอดสินะ!!! ท่านเรย์กะคะ พวกทรยศอยู่นี่ค—//โดนลากไปปรับความคิดในซอกตึกของซุยรัน
หรือจริงๆ แล้วท่านฮิโยโกะจะเป็นเศรษฐีนีชาวหมู่บ้านคานทองที่ช่วงนี้แอบหนีออกจากหมู่บ้านไปตามสามัญชนหนุ่ม ส่วนที่โม่งสันนิษฐานกันว่าเป็นแม่ลูกอ่อนจริงๆ ตอนนั้นอาจจะกำลังวางแผนหนีตามกันเลยไม่ว่างมาอัพ คิดจะใช้นิยายกับคิมิดอลเป็นตัวถ่ายทอดความรักที่มีกับหนุ่มคนนั้นสินะ! //กูกาวมากไปแล้ว
>>248 เอาจริงๆกูก็นึกว่าพวกเซริกะจะเป็นอีสาวใจโฉดที่ชายทั้งโรงเรียนขยาดไม่กล้าเข้าใกล้ซะอีก ที่ไหนได้ พอแยกจากเรย์กะปุ๊บมีหนุ่มเดินมาคุยด้วยทันที ชวนกินไอติม ชวนกินบาร์บีคิว....ถ้าเรย์กะไม่ได้เป็น pivoine ฐานะพอๆกับพวกเซริกะหรือนักเรียนทั่วไปในซุยรัน จะมีหนุ่มๆเข้ามาจีบบ้างมั้ยวะ
>>250 กูว่ามีคนจีบแน่ๆ สวย นิสัยดี แล้วฐานะก็ไม่ได้สูงเกินเอื้อม หนุ่มๆทั่วไปในซุยรันคงคิดว่าตัวเองก็ระดับเดียวกัน จีบได้อยู่แล้ว แต่พวก pivoine ไม่น่าจะมาจีบเพราะคงคิดว่าคนละระดับกัน ถึงจีบคงจีบเล่นๆมากกว่าคบเป็นแฟนจริงจัง เพราะ pivoine ก็ดูหัวสูงถือตัวกันในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะพวกที่อยู่ใกล้ๆกับประธานโยโกะแบบพวกรุ่นน้องที่ฉี่เป็นเลือดน่ะ พวกเอ็นโจกับคาบุรากิคงมองผ่านๆไม่ได้สนใจเท่าไหร่เหมือนนักเรียนทั่วไป ยกเว้นจะโดดเด่นขึ้นมาจริงๆแบบวาคาบะ
กูว่าท่านเรย์กะอาจจะไม่ได้มีมาดสูงส่งอะไรมากหรอก//โดนเก็บ แต่ผมม้วนๆตอนอนุบาล/ประถมนางต้องดูยิ่งใหญ่กว่าทรงผมชาวบ้านเขาเลยทำให้มีคนชื่นชมศรัทธาในเกลียวสว่านนำโชค(?)ถวายตัวเป็นสาวกเป็นจำนวนมาก บวกกับการอยู่pivoineและไปรู้จักกับสองหนุ่มนั่น(เหมือนว่าจะสนิท) ก็เลยโดนยกขึ้นหิ้งเป็นเจ้าแม่ที่หนุ่มๆ กลัว นานๆเข้าก็ชิน ดูมีมาดมีบารมีโดยอัติโนมัติ
ถ้ามู้นี้เต็มแล้วตอน 300 ยังไม่มา จะตั้งชื่อว่าอะไรดี
ถวายอาหารร้านสะดวกซื้อให้เจ้าแม่ ขอตอนใหม่ครั้งที่27..
ก็มีรุ่นน้องมาจีบ(?)มาเข้าหาด้วยเรื่องโรคกระเพาะไง
>>252 กูกำลังจะบอกว่าอ้าว ก็ไม่ใช่ว่ามีคนส่งยิ้มดำมืดเวลามีคนเข้าหาตลอดเลยไม่มีใครกล้ามาจีบไม่ใช่เรอะ แล้วก็นึกได้ว่ากูเมากาวนอก *ลูบหน้า*
>>265 กูว่าเจ้าแม่เป็นพวกชอบเรื่องรักโรแมนติกแน่ๆหว่ะ แซะคาบุงู้นงี้แต่ตัวเองก็อยากเจอรักดั่งเทพนิยาย รักฉันเพราะฉันเป็นฉัน ไม่ใช่เพราะฐานะหรือเพราะเป็นคิโชวอิน
นึกถึงบทในหนัง Notting hill; And don’t forget, I’m also just a girl standing in front of a boy asking him to love her.
อยากแต่งฟิคเลย… แต่กูเรือเอ็นโจชนิดที่ว่าถ้าทำได้จะหลอมร่างตัวเองให้เป็นเนื้อเดียวกับเรือไปซะ
วันนี้กุว่าง อาสาแปลกาวนอกต่อละกัน
เชี่ยยยย ไปอ่านตอนที่81มาเลยแบบว่า จริงด้วยยยยย
ตัวเองปฏิเสธซะหมด แต่มาบ่นว่าไม่มีคนจีบคืออะรายยยยยยย
คงเห็นเจ้าแม่ตั้งกำแพงสูงปรี๊ด สุดท้ายเลยไม่มีใครกล้าจีบป่ะวะ
เป็นช่วงไหนสักช่วง หลักจากที่ไซซายะเป็นประธาน Pivoine แล้ว
<<Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ ตอนพิเศษ ทาคามิจิผู้ตกหลุมรัก : เอ็นโจ ชูสุเกะ POV; คั่นตอนที่ 11/12 >>
ระหว่างกำลังเดินไปที่สโมสร ผมก็คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ไปด้วย มาซายะตกหลุมรักทาคามิจิ, มาซายะยอมเป็นประธาน Pivoine เพื่อทาคามิจิ, มาซายะเริ่มเป็นสตอล์คเกอร์
ผมถอนใจ
การเป็นเพื่อนสนิทของคาบุรากิ มาซายะนั้นบันเทิงดี แต่ก็มีความเจ็บปวดปะปนอยู่ด้วย โดยเฉพาะเมื่อมาซายะผู้บูชาความรักคนนั้นเริ่มกลายเป็นไอ้งี่เง่าเวลาพูดถึงเรื่องความรัก เขาชัดเจนเสียจน 'ทุกคนรู้' ว่าเขาชอบทาคามิจิ แต่มีแค่แม่สาวคนนั้นคนเดียวเท่านั้นแหละที่ไม่รู้ตัว
พูดแล้วก็นะ ผมออกจะสงสัยอยู่ว่าทาคามิจิรู้สึกยังไงกับมาซายะกันแน่ เธอเป็นเด็กฉลาด เพราะงั้นผมว่าเธอน่าจะรู้ตัวแล้วนะ บางทีอาจจะแค่ไม่สนใจล่ะมั้ง?
แย่หน่อยที่ทาคามิจิไม่เหมือนคุณคิโชวอิน ผมยิ้มขณะคิดว่าคุณคิโชวอินคนนั้นเป็นคนชัดเจนขนาดไหน
(เสียง) "คุณทาคามิจิ คุณมีคนที่ชอบรึยังคะตอนนี้?"
หืมมม? ผมหยุดลงตรงมุมอับ เห็นคุณทาคามิจิกำลังพูดกับเพื่อนคนหนึ่ง คงเป็นเพื่อนร่วมชั้นล่ะมั้ง?
น่าสนใจแฮะ
ผมหลบเข้ามุม หวังว่าจะได้ข้อมูลมากกว่านี้
(ทาคามิจิ) "อะฮะฮะ คงงั้นล่ะน้า"
!!!
ทาคามิจิชอบใครสักคนอยู่? ใช่มาซายะป่ะ? ในที่สุดฤดูใบไม้ผลิอันสดใสก็มาเยือนเจ้าลูกชายตัวน้อยของผมแล้วใช่มั้ยเนี่ย? ผมแนบตัวชิดกำแพง ขยับเข้าไปใกล้ขึ้นเพื่อหาข้อมูล หัวใจเต้นถี่รัว
(เพื่อน) "มีเหรอ? ใครกัน? ใช่ท่านคาบุรากิรึเปล่า? ท่านคาบุรากิใช่มั้ยคะ? ท่านคาบุรากิชอบคุณอยู่ไม่ใช่เหรอคะ วิเศษไปเลย!"
(ทาคามิจิ) "อะฮะฮะ พูดอะไรน่ะ? คาบุรากิคุงไม่ได้ชอบฉันแบบนั้นซะหน่อย"
!!!
งี่เง่า! คุณทาคามิจิงี่เง่า! คุณคิโชวอินหมายเลขสอง!!!
(เพื่อน) "หา? พูดอะไรน่ะคะ? ท่านต้องชอบคุณแน่นอนค่ะ ชัดเจนเสียขนาดนี้"
(ทาคามิจิ) "หา เราพูดถึงคาบุรากิคุงคนเดียวกันรึเปล่าเนี่ย เขาไม่ได้ชอบฉันแบบนั้นแน่ๆ ค่ะ เขาเพียงเห็นฉันเป็นคู่แข่งและเพื่อนเท่านั้น"
พระเจ้า! คุณทาคามิจิ นี่คุณตาบอดขนาดไหนกัน? นี่น่ะคือมาซายะนะ รู้มั้ย! เจ้าคนเถรตรงงี่เง่ามาซายะไงล่ะ!! ทำไมถึงได้ทำตัวเหมือนคุณคิโชวอินซะงั้นเล่า?!!
ผมคร่ำครวญ นึกถึงตอนหมอนั่นติดหนึบชอบยูริเอะกับทุกอย่างที่หมอนั่นทำเพื่อแสดงออกว่าชอบเธอ แต่ก็โดนปฎิเสธอยู่ดี กลายเป็นงานหนักมาโถมใส่ผมเพราะต้องตามตัวหมอนั่นกลับบ้าน
(ทาคามิจิ) "อีกอย่าง ฉันชอบคนอื่นนะ"
!!! ทาคามิจิชอบคนอื่น!!! ใครกัน? ผมต้องโทรเรียกตำรวจให้คอยให้ความคุ้มครองหมอนั่นจากมาซายะมั้ย? อย่าทำอะไรโง่ๆ นะ มาซายะ!
RIP คาบุรากิ มาซายะ - ฆ่าตัวตายเพราะไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดจากการอกหักครั้งที่สองได้
(เพื่อน) "คุณไม่ชอบท่านคาบุรากิรึคะ? หรือว่าจะเป็นคุณมิซึซากิ?"
RIP ประธานนักเรียน มิซึซากื - ตายเพราะความหึงหวงจากสาวน้อยผู้บูชาความรัก
(เพื่อน) "หรือจะเป็นท่านเอ็นโจคะ?"
!!! ผมยังเด็กเกินกว่าจะตายตอนนี้! ยิ่งตายเพราะเพื่อนสนิทด้วย!
RIP เอ็นโจ ชูสุเกะ - ตายเพราะแย่งความรักจากสาวที่เพื่อนชอบ
(ทาคามิจิ) "หืม เอ็นโจคุงกับมิซึซากิคุงเหรอคะ? เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น"
ขอบคุณพระเจ้า!
(เพื่อน) "งั้นคุณชอบใครคะ?"
(ทาคามิจิ) "อะฮะฮะ ความลับน่ะ"
(เพื่อน) "อย่างน้อยก็เล่าให้ฟังหน่อยซี่"
ใช่ครับ ได้โปรด ยิ่งข้อมูลเยอะ ผมยิ่งสามารถหาตัวคนๆ นั้นเพื่อช่วยให้เขาหนีออกนอกประเทศได้ไวขึ้นนะ
(ทาคามิจิ) "ก็นะ คนๆ นั้นเป็นคนแรกเลยที่ช่วยฉันที่นี่ ตอนที่ฉันเจอปัญหากับ Pivoine ครั้งแรก คนๆ นั้นก็เป็นคนช่วยฉันเอาไว้ หลังจากนั้นฉันก็ได้รับจดหมายบอกวิธีปฎิบัติตัวเมื่ออยู่ใกล้ Pivoine ฉันไม่รู้นะว่าคนๆ นั้นตั้งใจจะปกปิดรึเปล่า แต่ก็ชัดเจนมากสำหรับฉันล่ะน่ะ หลังจากนันก็ยังมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่คนๆ นั้นทำอีก แม้ว่าจะไม่เปิดเผยตัว แต่คนๆ นั้นก็คอยช่วยเหลือฉันอยู่เสมอ เสื้อผ้าชุดนี้กับรองเท้าคู่นี้ก็ได้มาจากคนๆ นั้นตอนที่รองเท้ากับเสื้อฉันพังนะ ฉันได้ชุดใหม่เอี่ยมนี่ เพราะคนๆ นั้นย้ำแล้วย้ำอีกว่าจริงๆ แล้วชุดนี้้เปื้อนล่ะ"
(เพื่อน) "อุหวา ผู้สนับสนุนในมุมมืด โรแมนติกจังเลยค่ะ เขาเป็น Pivoine รึเปล่าคะ?"
(ทาคามิจิ) "ก็น้า ในสถานที่แห่งนี้ มีแค่คนๆ นั้นเท่านั้นแหละที่ฉันเชื่อใจได้ 100% ไปกินข้าวกันเถอะ ใกล้หมดเวลาพักเที่ยงแล้วน้า เรายังต้องเข้าเรียนอีก"
(เพื่อน) "คุณทาคามิจิรอเดี๋ยวสิคะ เล่าให้ฉันฟังอีกหน่อยสิ ฉันอยากรู้เรื่องคนๆ นี้อีกนี่นา"
(ทาคามิจิ) "ฟุฟุฟุ บอกแล้วไง ความลับจ้า"
ผมยืนอยู่ตรงนั้นจนไม่ได้ยินเสียงเดินแล้วถึงเดินออกมาจากมุมอับ ระหว่างเดินไปห้องสโมสร ผมก็คิดถึงสิ่งที่ทาคามิจิพูด เธอต้องชอบคนๆ นั้นมากถึงขนาดยังใส่รองเท้ากับเสื้อของหมอนั่นอยู่ แต่คงมีแค่ไม่กี่คนหรอกที่มีขนาดตัวพอๆ กับทาคามิจิ หมอนั่นเป็นใครนะ?
เดี๋ยวสิ
ทาคามิจิได้พูดถึงเรื่องเพศรึเปล่านะ? เธอเอาแต่พูดว่า 'คนๆ นั้น' ไม่ใช่ 'เขา' บางทีอาจจะเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ? ใครล่ะ? คนเดียวที่ผมรู้จักแล้วน่าจะช่วยเหลือเธอก็มีแค่คิโช---
เดี๋ยว. หยุด. เอาใหม่.
ไม่มีทาง ไม่ๆ ลืมมันไปซะ
ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
ทีนี้ เครื่องติดตามตัวนี่ราคาเท่าไหร่นะ
ผมต้องการสักเครื่องหนึ่งถ้ามาซายะออกเดินทางอีกรอบจากการอกหักครั้งใหม่
------------
จบตอนพิเศษ
ถถถถถถถ ถ้าจบแบบนี้จริงน่าสงสารไซซายะเกิ้น
>>279-280 โถ ไซซายะ ท่าทางนายจะได้ไปโดดผารอบสองแล้วล่ะ.......
ถ้าชอบผู้หญิงไม่รุ่ง ก็ลองๆมองผู้ชายข้างๆไว้ก็ได้นะ อยู่เคียงข้างในวันที่ลำบาก จะโดดผาก็ตามไปยับยั้ง คอยดูแลห่วงใยไม่ยอมไปไหน จะทำอะไรก็คอยซัพพอร์ต ดูแลดีขนาดนี้จะไปหาจากไหนได้อีกคะ นี่ล่ะคู่ชีวิตที่แท้ทรูของนาย
แค่ก ไม่แน่นะ อาจจะเกิดคอมบิเนชั่นใหม่ซึ่งเรียกว่า สามพ-*ปี๊บ* คาบุรากิ -> วาคาบะ -> เรย์กะ …(->ฟู้ดซังจากบ้านวาคาบะ)
<<Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 12 >>
การเฉลิมฉลองสอบเข้าของนักเรียนมัธยมปลายจัดขึ้นในวันที่เย็นสบายของเดือนเมษายน บรรยากาศงดงามด้วยอากาศสดชื่น และกลีบดอกซากุระที่พลิ้วไหวในสายลม
ผมนั่งอยู่แถวหลัง ล้อมรอบด้วยกลุ่มของผม และเมินเฉยสายตาเร่าร้อนที่จ้องมาจากนักเรียนคนอื่นๆ บนเวที ประธานนักเรียน โทโมเอะ เซ็นจุ กำลังกล่าวต้อนรับนักเรียนใหม่ ต่อด้วยมาซายะ ที่เมื่อก้าวขึ้นเวทีปุ๊บ ผมก็ได้ยินเสียงผู้คนสูดหายใจเข้า ช่าย ลูกชายผมหล่อใช่มั้ยล่ะ?
ผมดูมาซายะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เป็นตัวแทนนักเรียนใหม่ คนบางส่วนดูเหมือนจะตกหลุมเสน่ห์ไปแล้ว ผมรู้ ความป๊อบของมาซายะน่าจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว กลุ่มบางกลุ่มเริ่มส่งเสียงเอะอะทุกครั้งที่มาซายะกวาดตามองรอบเวที และผมก็คิดไอเดียสนุกๆ ออก ประมาณว่าน่าจะลองขว้างอะไรสักอย่างใส่คนพวกนั้นเพื่อบอกให้พวกเขาเงียบซะที
ในที่สุดพิธีต้อนรับก็จบลง มาซายะลงจากเวที แล้วเราก็เดินไปตรวจสอบห้องเรียนที่ถูกแปะไว้ด้านนอกหอประชุมด้วยกัน
พอเจอชื่อตัวเองแล้ว ผมก็ไล่ดูรายชื่อเพื่อนร่วมห้องของผม
เพื่อนร่วมห้องผมไม่มีทั้งมาซายะและเรย์กะ เฮ้อ...
-
"ผมเอ็นโจ ชูสุเกะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"
ผมยิ้มอย่างสุภาพและเมินเสียงปรบมือจากนักเรียนในไปเสีย เมื่ออาจารย์พยักหน้า ผมก็นั่งลง คนอื่นๆ ก็ทยอยแนะนำตัวต่อทีละคน
ผมเหม่อมองออกนอกหน้าต่างอย่างเบื่อหน่าย ห้องนี้ไม่มีคนน่าสนใจเลยน้า
หลังจากที่อาจารย์เลือกตัวแทนห้องเสร็จแล้ว คนอื่นๆ ก็ต้องตัดสินใจเลือกตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ กันไป รวมไปถึงการทัวร์โรงเรียนที่จะจัดขึ้นพรุ่งนี้เช้าในชั่วโมงโฮมรูมด้วย ดังนั้น เราก็เลยยุ่งกับเรื่องพวกนี้จนหมดคาบ
-
เมื่อผมกลับถึงบ้าน ก็เห็นคุณแม่นั่งดื่มชาผ่อนคลายอยู่ในห้องนั่งเล่น ผมทักทายคุณแม่ก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนกลับเข้าห้อง
พอจะเข้าไป ก็ได้ยินเสียงคนขยับอยู่ด้านใน เมื่อเปิดประตูก็ได้เห็นน้องชายของผมถูกห้อมล้อมด้วยของที่ถูกรื้อออกมาจากในตู้เสื้อผ้า เท่าที่มองจากด้านหลัง เขากำลังถืออะไรสักอย่างอยู่
"ยูกิโนะ?" ผมเรียกเขา วางกระเป๋าลงบนเตียง น้องชายผู้มีผมบลอนด์สว่างก็หันกลับมาและยิ้มสว่างไสวให้ "ท่านพี่ ยินดีต้อนรับกลับบ้านฮะ"
"ไง...ทำอะไรอยู่น่ะ?" ผมถาม เดินไปหาเขา เลือกทางเดินอย่างระมัดระวังท่ามกลางห้องที่ยุ่งเหยิง "ผมจะหาผ้าพันคอสวยๆ ที่ท่านพี่มีฮะ แต่ผมเจอนี่แทน! สวยจังเลย! ยังกับเจ้าหญิงแน่ะ! คนนี้ใครเหรอฮะ?"
"เจ้าหญิงเหรอ?" ผมก้มมองมือของยูกิโนะ เห็นเขาถือรูปเรย์กะจบการศึกษาอยู่
"ยูกิโนะ อย่าค้นของของพี่!" เผลอขึ้นเสียงใส่ยูกิโนะจนได้ ยูกิโนะสะดุ้ง รูปร่วงจากมือ เขามองผมด้วยดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตา ก้มหัวพึมพำ "ขอโทษฮะท่านพี่" แล้วไม่พูดอะไรอีก
ถึงจะมารื้อของของผมก็เถอะ...แต่ก็ขอโทษแล้วนี่นะ...
ผมถอนหายใจ ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ น้องชายและหยิบรูปขึ้นมา "โทษทีนะยูกิโนะ พี่ไม่ควรขึ้นเสียงใส่นายเลย" ผมลูบหัวเขาอย่างเบามือ "พี่ไม่ได้โกรธนะ ไม่ต้องกังวล"
"ขอโทษฮะ..."
ผมมองหน้า ก่อนจะเอารูปแตะหัวเขาเบาๆ "ถามพี่ว่าคนนี้ใครใช่มั้ย? เจ้าหญิงคนนี้น่ะ"
"...ฮะ"
ผมส่งเสียงอืมในลำคอเบาๆขณะมองรูป
"เธอเป็นคนที่น่าสนใจและสนุกสนานมากที่พี่รู้จักที่โรงเรียน มีหลายคนไม่กล้าเข้าใกล้เธอเพราะลักษณะภายนอก แล้วเธอก็ไม่ได้ให้เวลากับคนพวกนั้นด้วย แต่จริงๆ แล้วเธอเป็นคนชอบเข้าสังคมมาก แล้วก็สวยมากด้วย ดังนั้นเลยมีหลายๆ คนที่ชอบมาที่ห้องเราเพื่อแอบดูเธอ" ผมกัดริมฝีปาก จำได้ว่าหลายๆ ครั้งมีแฟนๆ ของเรย์กะมาที่ประตูห้องเรียนในตอนที่เราอยู่มัธยมต้นด้วยกันเพื่อแอบดูเรย์กะ หรือในชั้นปีสาม ที่พวกเด็กผู้ชายพูดถึงเธอมากมาย ไม่เหมือนมาซายะหรือผม เธออยู่ในกลุ่มที่ปกป้องเธออย่างดุดัน และไม่ยอมให้คนอื่นเข้าใกล้แม้แต่น้อย...
ผมพูดต่อ "จริงๆ แล้วเธอเป็นคนที่อ่อนโยนและเป็นคนดีมาก ถึงจะน่ากลัวสุดๆ เวลาโกรธก็เถอะ"
"โอ๋~" ยูกิโนะยิ้ม มองรูป "ท่านพี่ ชอบเธอรึเปล่าฮะ?"
ผมมองยูกิโนะ ยิ้มตอบ "เธอเป็นแค่เพื่อน"
สีหน้าของยูกิโนะดูสับสัน " แต่ท่านพี่พูดเหมือนชอบ---"
เสียงเคาะประตูขัดจังหวะคำพูดของยูกิโนะ "นายน้อย มื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ โปรดลงไปรับประทานอาหารด้วยนะคะ"
ผมพ่นลมหายใจเฮือกหนึ่งและยืนขึ้น เก็บรูปกลับเข้าลิ้นชักขณะมองไปทั่วห้อง ต้องให้คุณเมดมาทำความสะอาดซะแล้ว...
"มาเถอะยูกิโนะ ถึงเวลามื้อเย็นแล้วนะ" ผมจูงมือ ดึงเขาไปทางประตู แม้จะขัดขืนเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตามมาเงียบๆ
"เธอจะมาเป็นคุณพี่สาวของผมมั้ยฮะ?"
"อืมม~ เดี๋ยวก็รู้" ผมตอบขณะเดิน
เอ่อออ ดูจากที่เรย์กะหลบเลี่ยงผมแล้วเนี่ย ถ้าผมอยากให้เธอมาเป็นเจ้าสาว ผมคงต้องพยายามหนักสาหัสเชียวล่ะ...
-
เช้าวันต่อมา ตำแหน่งหน้าที่อื่นๆ ในห้องก็ถูกแจกจ่าย ผมมองในรายชื่อ นึกสงสัยว่าตัวเองต้องทำอะไร
พูดแล้วก็ ปีที่แล้วผมจ่ายงานหลายๆ อย่างให้นักเรียนนอกบางคนเหมือนกัน ผมมองไปรอบห้องเรียน คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มมีเสน่ห์ "มีใครอยากอาสามั้ยนะ?"
สายธารแห่งอาสาสมัครถล่มพัดเข้ามา ผมยิ้มอย่างใจดีให้หัวหน้าห้อง ทิ้งที่เหลือให้เขาจัดการจ่ายหน้าที่ ส่วนผมก็นั่งลงมองกลุ่มสาวๆล้อมรอบเขา ระวังอย่าโดนเหยียบล่ะ หัวหน้าห้อง
หลังจากทุกอย่างเสร็จลง เราก็เริ่มเดินทัวร์โรงเรียนไปทีละตึก นักเรียนนอกที่เข้าใหม่ดูจะคัลเจอร์ช็อคอย่างแรง พอดูหอศิลป์ ห้องแล็บ และแนะนำห้องสมุดอย่างคร่าวๆ แล้ว ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าบางคนน่าจะเริ่มรู้สึกได้ถึงความรวยบ้าบอของโรงเรียนนี้แล้ว แบรนด์ซุยรันไม่ได้มีไว้แค่อวดเฉยๆ หรอกนะ
สำหรับผม เห็นได้ชัดเจนเลยว่าดวงตาของเหล่า Pivoine แห่งซุยรันนั้นเปล่งประกายอย่างภาคภูมิกับอุปกรณ์ทุกชิ้นและตึกทุกหลังในโรงเรียนของพวกเขา ผมรู้สึกได้ถึงชนชั้นที่เกิดขึ้นระหว่างนักเรียนทั่วไปและ Pivoine ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบงัน...
-
พวกเรามาถึงห้องสภานักเรียนหลังจากที่ห้องก่อนหน้าเพิ่งจะจากไป เมื่อมองไปที่พวกนั้นก็สังเกตเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อ้าปากหวอ เอ่อ...ช่วยปิดปากหน่อยได้มั้ยครับ คุณดูออกจะ...โง่หน่อยๆ น่ะ
ทันทีที่ก้าวเข้าไป เราก็พบกับรุ่นพี่ประธานนักเรียนผู้ใจเย็นและจริงจัง โทโมเอะ เซ็นจุ
"โอ้ หวัดดี" รุ่นพี่โทโมเอะยิ้มอย่างสุภาพ เขาและสภานักเรียนคนอื่นเริ่มแนะนำตัว จากนั้นจึงอธิบายคร่าวๆ เรื่องกฏเกณฑ์ต่างๆ รวมถึงเตือนพวกนักเรียนนอกด้วย
" Pivoine เป็นกลุ่มที่ได้รับการอภิสิทธิ์พิเศษในซุยรันนะ ส่วนรายละเอียดพวกนายถามจากนักเรียนลูกหม้อได้ เข็มกลัดดอกโบตั๋นแบบที่อยู่บนเสื้อของคุณเอ็นโจคือสัญลักษณ์ของความเป็น Pivoine นะ ดังนั้นถ้าเจอใครใส่เข็มกลัดนี้ก็ให้ระวังหน่อยล่ะ"
...นี่คุณเพิ่งจะพูดว่าผมเป็นบุคคลอันตรายไม่ควรเข้าใกล้ใช่มั้ยครับ รุ่นพี่?
"ถ้ามีปัญหาอะไร มาบอกสภานักเรียนได้ทุกเมื่อเลยนะ แต่ฉันว่าคงไม่เป็นไรหรอก พวกนายมีคุณเอ็นโจอยู่แล้ว เขาเป็นคนที่รักษากฏระเบียบและช่วยเหลือทุกคนได้มากเลยล่ะ เพราะงั้นขอให้เขาช่วยเหลือก็ได้ถ้ามีปัญหา"
อย่าโยนผมใส่ใต้ท้องรถเพราะรุ่นพี่ขี้เกียจวุ่นวายกับปัญหาชาวบ้านสิวะครับ!
แม้จะประท้วงอยู่ในใจ แต่ผมก็ยังคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้า ก่อนจะจากออกมาพร้อมเพื่อนร่วมห้อง
ผมไม่ใช่เรย์กะนะ อย่ามาโยนงานแปลกๆ ให้ผมได้มั้ย!
-
เพิ่งจะพ้นปีใหม่มาไม่นาน ทุกสิ่งดูจะราบรื่นดี ไม่ก็ราบรื่นเท่าที่จะเป็นไปได้นั่นแหละ นักเรียนนอกเหล่านี้ยังคงต้องตะเกียกตะกายเหมือนปลาขาดน้ำ ก็อย่างที่คิดไว้แหละนะ ความแตกต่างระหว่างโรงเรียนทั่วไปกับซุยรันมันคนละโลก ดังนั้นพวกเขาน่าจะต้องเจอกับช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสกับโรงเรียนนี้ แต่ยังไงนั่นก็เป็นเรื่องของพวกหัวหน้ากับตัวแทนห้อง ไม่เกี่ยวกับผมอยู่ดี
ขณะที่ผมกำลังทานอาหารกลางวันกับมาซายะที่โต๊ะพิเศษของ Pivoine ก็สังเกตเห็นกลุ่มนักเรียนเกือบสี่สิบคน และมีคนหนึ่งลุกขึ้นยืนคล้ายจะเป็นแม่งาน คนๆ นั้นนั่งลงหลังจากพูดอะไรบางอย่างเสร็จ จากนั้นทุกคนก็เริ่มทานข้าว
โอ๊ะ เดี๋ยวสิ นั่นเรย์กะนี่นา!
ผมมองอย่างเงียบเชียบขณะทานอาหารไปด้วย ครู่เดียวหลังจากที่เริ่มทาน ทุกคนก็เริ่มส่งเสียงพุดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา
"ยัยนั่นเก่งเรื่องแบบนี้นะ"
หา? ผมหันไปมองด้านข้าง เห็นมาซายะกำลังมองดูอยู่เช่นกัน เขายักไหล่แล้วพูด "คิโชวอินไง ยัยนั่นเก่งพวกเรื่องการสื่อสารจัดการคนอื่นๆ มาแต่ไหนแต่ไร ตอนที่เป็นเรียนห้องเดียวกัน ยังกะยัยนั่นเป็นคนควบคุมการเคลื่อนไหวในห้องไม่ใช่ฉันซะอีก ออกจะ...ใหม่"
เขาดูสนอกสนใจเอามากๆ ดวงตาผมหรี่ลงเล็กน้อยขณะที่ถาม "นายเริ่มมองเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" น้ำเสียงผมเฉียบคมไปนิด ดังนั้นผมจึงรีบขยับรอยยิ้มขึ้นเพื่อให้คำพูดดูนุ่มนวลขึ้น
มาซายะมองผม คิดช้าๆ ก่อนจะตอบอย่างระมัดระวัง "ฉันเห็นว่านายเอาแต่มองยัยนั่นตลอด ฉันก็เลยสงสัย ก็เลยมองตามบ้าง ฉันไม่ได้สนใจยัยนั่นขนาดนั้นซะหน่อย"
เข้าใจล่ะ ผมยิ้มให้เขาและทานอาหารจนเสร็จ "เฮ้ มาซายะ แล้วคุณคิชิโดะล่ะเป็นไงบ้าง?"
"อ๋า? คิชิโดะเรอะ?" มาซายะคิดอยู่ชั่วครู่ "หมอนั่นเข้าชมรมบาสแน่ะ คิดว่านะ เป็นคนที่ระมัดระวังเวลาเล่นกีฬามากทีเดียว คอยเตือนคนอื่นๆ ให้ระวังคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหรือยืนอยู่ขอบสนามด้วย ฉันว่าหมอนั่นยังหลอนที่ปาบอลโดนหัวคิโชวอินเมื่อปีก่อนอยู่แหงๆ"
ผมก็ว่างั้นแหละ ก็หมอนั่นโดนกองกำลังลากไปนี่นะ "เข้าใจล่ะ"
มาซายะมองหน้าผม จากนั้นก็ยักไหล่แล้วทานอาหารจนเสร็จ
"คิโชวอินนั่นทำให้นึกถึงแม่ฉันอยู่เหมือนกัน จัดงานสังคมอะไรงั้น" เขากล่าว
เหมือนคุณน้าเหรอ? หืมมม...ผมเปรียบเทียบงานปาร์ตี้ของกลุ่มคาบุรากิครั้งล่าสุดกับอีเวนต์เล็กๆ ของเรย์กะ แล้วยักไหล่ "ก็คล้ายกันจริงๆ แต่ไม่อลังการเท่า"
"แต่ก็บอกไม่ได้ว่าเธอไม่เหมือนแม่ฉันใช่มั้ยล่ะ? ความคิดแบบ รวมตัวทุกคนมาทานข้าวเที่ยงด้วยกันเนี่ย ถ้าเป็นแม่ฉันก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน"
นั่น... "ก็จริง แม่นายชอบจัดงานสังคมนี่นะ"
มาซายะพยักหน้า แล้วเราก็เดินออกจากโรงอาหาร
-
"มาซายะคุง คิดออกรึยังจ๊ะ ว่าจะเข้าชมรมไหนดี?"
คุณแม่ถามขึ้นขณะที่เราทานข้าวเย็น ยูกิโนะนั่งอยู่ข้างคุณแม่ ส่วนผมนั่งติดกับมาซายะ ที่นั่งของคุณพ่อนั้้นมักจะว่างเปล่าเสนอ ก็ต้องบินไปทริปธุรกิจอยู่ตลอดนี่นะ
"ผมไม่อยากเข้าชมรมครับ ไม่เห็นชมรมไหนน่าสนใจเลย"
"เข้าใจล่ะ" คุณแม่มองหน้าผม ส่วนผมก็ยักไหล่ตอบ เธอรู้อยู่แล้วว่าผมไม่อยากเข้าชมรม
ข้างๆกัน ยูกิโนะก็เสริม "ถ้าผมเข้าซุยรันเมื่อไหร่ ผมจะเข้าชมรมฮะ!"
"นายเข้าชมรมกีฬาไม่ได้แน่ๆ ยูกิโนะ" มาซายะตอบ ผมเตะหน้าแข้งเขาเข้าให้ แล้วพูด "ไร้สาระน่ะ ถ้าหายป่วยแล้ว อยากจะเข้าชมรมไหนก็เข้าได้หมดเลยนะ ยูกิโนะ" มาซายะลูบหน้าแข้ง ถลึงตามองผม ส่วนผมยิ้มให้ยูกิโนะ
คุณแม่ยิ้มมองเราเงียบๆอย่างสนุกสนาน
"อืมม ฮะ!" ยูกิโนะยิ้มน่าเอ็นดู ผมเห็นเขาเขี่ยผักออกไปไว้ด้านข้าง ก็เลยดุ "กินผักด้วยสิยูกิโนะ มันดีกับสุขภาพนะ"
"หวาา ท่านพี่อย่ามาสั่งผมนะ!" ยูกิโนะทำปากยื่น
"ฉันเป็นพี่นายนะ"
"แต่ก็ยังไม่ใช่เจ้านายผมอยู่ดี!"
คุณแม่หัวเราะ เอ่ยขัด "ไม่เอาน่า ยูกิโนะจ๊ะ ทานผักเถอะ วันนี้ทำออกมาหวานๆ จะได้ไม่รู้สึกขมนะ"
ยูกิโนะทำปากยื่นใส่คุณแม่ที่ตักผักป้อน มาซายะมองอย่างสนุกสนานไปด้วยทานไปด้วย
"อืมม..." ในที่สุดยูกิโนะก็ทานจนเสร็จ หันมาหาผมแล้วยิ้มสดใส อะ ทำไมผมรู้สึกไม่ดียังไงชอบกล...?
"ท่านพี่มาซายะฮะ รู้จักเด็กผุ้หญิงที่ทำผมม้วนๆ ทรงเจ้าหญิงมั้ยฮะ?"
เดี๋ยว อะไรนะ?
"ผมม้วนทรงเจ้าหญิง?" มาซายะมองหน้ายูกิโนะ สับสนไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดต่อ "เออ ใช่ ก็รู้จักยู่คนนึง ทำไมเรอะ?"
"ยูกิโนะ อย่า-"
"เพราะท่านพี่เก็บรูปเธอไว้ในห้องด้วยฮะ!" เขาตะโกนออกมาจนได้!
ผมกลืนอย่างยากลำบาก คว้าแก้วน้ำขึ้นดื่มอั้กๆ ไม่สนใจสายตาว่างเปล่าที่จ้องมาของมาซายะ ส่วนยูกิโนะก็เริ่มถามมาซายะเรื่องเธออย่างมีความสุข
"ที่ท่านพี่บอก เธอสวยมา~ก แล้วก็ป๊อบมากเลยฮะ แต่ท่านพี่ไม่ยอมบอกผมว่าเธอชื่ออะไร! พิลึกเนอะ! รูปเหมือนจะเป็นรูปวันจบการศึกษานะฮะ ถ้าชอบเธอทำไมถึงไม่ถ่ายรูปคู่ด้วยเนอะ?"
"ยูกิโนะ-" ผมพยายามหยุดเขา แต่เจ้าน้องชายก็ยังพูดต่อไม่หยุด ดูเหมือนจะมีความสุขเหลือแสนที่ได้แฉผมต่อหน้าทุกคน ขนาดคุณแม่ยังดูท่าทางสนใจเลย หยู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
"ตอนที่ถามท่านพี่ว่า เธอคนนี้จะมาเป็นคุณพี่สาวของผมมั้ย ท่านพี่ตอบว่า 'เดี๋ยวก็รู้' ล่ะฮะ! คนนี้เป็นแฟนของท่านพี่ใช่มั้ยฮะ? ท่านพี่มาซายะ เธอเป็นคนดีเหมือนที่ท่านพี่พูดมั้ยฮะ? ท่านพี่มาซายะว่าคนๆ นี้จะเป็นเจ้าสาวที่ดีให้ท่านพี่ผมได้มั้ยฮะ?" ยูกิโนะยิ้มใสซื่อเมื่อแฉผมจบ อาห์ รู้สึกเหมือนกระเพาะปั่นป่วนเลยแฮะ ตอนที่คุณแม่จ้องมองผมเงียบๆ เนี่ย
มาซายะเงียบไปชั่วขณะ แล้วตอบ "คนๆ นั้นชื่อคิโชวอิน เรย์กะ ในสายตาฉัน ฉันว่าธรรมดามาก แต่ก่อนหน้านั้นยัยนั่นก็ช่วยฉันเอาไว้จริงๆ ดังนั้นอย่างน้อยยัยนั่นก็เป็นคนดีคนหนึ่งล่ะนะ ส่วนที่ยัยนั่นเป็นแฟนหรือจะเป็นเจ้าสาวของชูสุเกะรึเปล่าเนี่ย..." มาซายะจ้องมองผมโดยไร้คำพูด เลิกมองฉันด้วยสายตาผิดหวังเหมือนฉันเป็นพวกน่าขยะแขยงซะที! สามีมีรูปภรรยานี่เป็นเรื่องธรรมดานะ!
ผมกระแอม ดึงความสนใจกลับมาที่ตัวเอง และยิ้ม "คุณคิโชวอินเป็นเพื่อนของพี่ รูปที่อยู่ในห้องนั่นก็ไม่ใช่ว่าพี่มีรูปเธอแค่คนเดียวซะหน่อย พี่หารูปนั้นไม่เจอเลยไม่ได้เอาใส่อัลบั้ม จนกระทั่งยูกิโนะไปเจอเข้านั่นแหละ ว่าไปแล้วก็ ยูกิโนะ ค้นข้าวของของคนอื่นมันเสียมารยาทนะรู้มั้ย"
ทุกคนดูสงสัย แต่ผมเตรียมคำตอบเอาไว้ในกรณีที่ยูกิโนะคิดจะแฉให้คุณแม่ฟังแล้วน่า! ผมยิ้มกว้าง "เป็นความจริงนะครับ ผมยังมีอัลบั้มวันจบการศึกษาอยู่ แล้วก็ใส่รูปคุณคิโชวอินเข้าไปแล้วด้วย ถ้าอยากเห็นเดี๋ยวเอาออกมาให้ดูก็ได้"
ผมเมินมาซายะที่จ้องมองมา สนใจกับการพยายามซ่อมสถานการณ์มากกว่า อ๊ากกก ยูกิโนะ ทำไมนายต้องแฉพี่คาโต๊ะทานข้าวด้วย...
"อืม เป็นเรื่องปกตินะจ๊ะที่เรามักจะเก็บรูปภาพของคนที่เราสนิทสนมด้วยเอาไว้" คุณแม่พูดออกมาในที่สุด
ถึงจะโล่งที่เลิกคุยเรื่องนี้ได้ แต่แม่ครับ แม่ทำเสียงเหมือนผมชอบเธอเลยนะ!
"ฮะ..." ยูกิโนะรับอย่างเงียบเชียบ ผมไม่สนใจสีหน้าผิดหวังของเขา
"แต่แม่ออกจะแปลกใจนะจ๊ะ ทำไมลูกไม่ถ่ายรูปกับคุณคิโชวอินล่ะชูสุเกะ? ไหนๆ ก็ถ่ายรูปเธอแล้ว ทำไมไม่ถ่ายคู่กันไปเลยล่ะ?"
ผมยิ้มอย่างใจเย็น "ตอนนั้นผมอยู่กับคุณยุยโกะ เพิ่งจะรู้ว่าคุณคิโชวอินกลับบ้านไปแล้วตอนที่ผมกลับเข้าไปอีกรอบครับ เพื่อนผมก็เลยส่งรูปนั้นมาให้ผมแทน"
คุณแม่พยักหน้ารับคำตอบ อ่าฮะ ผมพลาดแล้ว ฟังยังไงก็โกหกชัดๆ ขนาดผมเองยังรู้สึกเลยว่าเหตุผลฟังไม่ขึ้น ก็ทำไมคนอื่นจะต้องส่งรูปเธอมาให้ผมด้วย ถ้าผมไม่ชอบเธอน่ะ? คุณแม่ต้องคิดว่าผมไม่อยากพูดว่าผมชอบเธอแน่ๆ อ่อก
แต่คุณแม่ก็รับแล้ว ยูกิโนะก็ได้คำตอบจากมาซายะแล้ว ผมก็แค่...ผมถอนใจหนักๆและทานข้าวเย็นจนเสร็จ
มาซายะ นายเลิกมองฉันด้วยสายตาเย็นชาแบบนั้นซะที...
-
"สรุปว่า...เป็นคิโชวอินสินะ หืม?"
มาซายะเริ่มทันทีที่เราเข้ามาในห้อง หมอนี่กอดอก มองผมอย่างล้อเลียน "นานแค่ไหนแล้ว?"
"รู้มั้ย ฉันชวนนายมาเล่นเกม ไม่ใช่มาคุยเรื่องที่ได้ยินบนโต๊ะอาหารนะ" ผมตอบขณะคุกเข่าค้นหาคอลเล็กชั่นเกมหน้าลิ้นชัก มาซายะไม่ยอมช่วย เขาแค่นั่งอย่างขี้เกียจอยู่บนเก้าอี้ มีอัลบั้มรูปวางบนตัก ก็ในเมื่อเขาไม่ยอมเชื่อ สิ่งแรกที่ผมทำเมื่อเข้ามาในห้องก็คือโยนอัลบั้มใส่หน้าเขาซะ แต่เจ้างั่งนี่ก็ยังดูไม่เชื่อผมอยู่ดี
"แหงสิ ก็นี่ครั้งแรกที่ได้ยินว่านายชอบใครนี่หว่า เป็นครั้งแรกที่ได้ยินด้วยว่านายมีรูปยัยนั่น เล่าหน่อยไม่ได้เรอะ?"
"ฉันไม่ได้ชอบเธอ" ผมตะคอกขณะค้นคอลเล็กชั่นเกม มาซายะแค่นเสียง "แน่น้อนนนนนนนนนนนน นายไม่ชอบเลย แบบว่า มองยัยนั่นตลอดเวลา ตามติดทุกฝีก้าวเวลาได้ยินว่าเกิดเรื่อง แถมยังตื๊อถามคนรอบตัวยัยนั่น ไม่มีอะไรบอกเลยว่านายชอบยัยนั่น ไม่มีเลยซักนิด"
ผมขว้างของชิ้นหนึ่งในลิ้นชักใส่เขา แต่เขารับไว้ได้ด้วยมือเดียว ไอ้งั่งน่ารำคาญเอ๊ย
"ยังกับนายไม่เคยทำ"
"ช่าย ฉันบอกยูริเอะอย่างเปิดเผยว่าฉันชอบเธอ แต่นายน่ะอีกเรื่อง ไม่แค่ปฎิเสธนะ แต่ยังตามสตอล์คยัยนั่นผ่านทางเพื่อนร่วมชั้นอีก"
ผมลุกขึ้น ถือเกมสองเกมไว้ในมือ เดินไปหามาซายะที่นั่งสบายใจเฉิบอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าสบายใจ "ว่าก็ว่าเหอะ นายสองคนไปสนิทกันขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าจำไม่ผิด ยัยนั่นหนีเรายังกะเห็นเราเป็นตัวเชื้อโรค"
ผมเตรียมเครื่องขณะที่เขายังพล่ามต่อไป ฟังเขาพูดต่อสักพัก ผมก็ตอบ "ชีวิตรักของพวกเราเป็นงี้ก็ตลกดีนะว่ามั้ย? แต่ข้อแตกต่างก็คือ ยูริเอะอาจจะชอบนาย คุยกับนาย แต่ก็แค่ในฐานะน้องชายที่เธอทิ้งไม่ลง ส่วนฉันน่ะคนละอย่างกัน ฉันยังมีโอกาสกับคุณคิโชวอินอยู่ ไม่ใช่แค่เราอายุเท่ากันนะ แต่ฉันยังไม่ต้องกลัวเรื่องที่ว่าเธอจะทิ้งไปเข้ามหาลัยก่อนด้วย ไม่เหมือนนาย"
มาซายะมองผมอย่างดุดัน แต่ผมเมินเขา หันไปโหลดเกมแรก
"เกมต่อสู้ เอาจริง?"
"ทำไมจะไม่จริง?" ผมยักไหล่
"ฉันจะขยี้แกให้เละเลย" มาซายะทิ้งตัวลงข้างๆ แล้วคว้าจอย ผมแค่นเสียงขณะเลือกตัวละคร
"เอ๊าะเหรอ? พนันมั้ยล่ะ?"
"เอาเซ่!"
-
ผมฮึมฮัมเบาๆ ขณะทานอาหารเที่ยงในที่นั่ง Pivoine เนื่องจากชนะเกมเมื่อวานเลยตัดสินใจลงโทษมาซายะด้วยการงดของหวานหนึ่งอาทิตย์
"แกมันปีศาจ" มาซายะด่าผมอย่างเจ็บแค้นพร้อมกับสวาปามข้าวเที่ยงลงไปด้วย อ่าฮะ นายมันคนแพ้ เพราะงั้นก็ยอมรับซะเถอะ
ระหว่างที่แข่งกันเมื่อวานนี้ เราทั้งคู่ก็ตัดสินใจจะไม่พูดถึงเรื่องเหตุการณ์บนโต๊ะอาหารอีก หนึ่ง เพราะเราทั้งคู่ต่างก็พูดถ้อยคำบาดหู (ที่จริงส่วนใหญ่เป็นผม) และสอง ไม่ว่าเราจะชอบใครก็เป็นเรื่องไม่ดีต่อสาวคนนั้นทั้งนั้น ถึงผมจะรู้สึกว่าทุกคนคงยอมรับก็เถอะ แต่ก็ยังรู้สึกว่าน่าจะเกิดการจลาจลย่อมๆ ขึ้นอยู่ดีถ้าเราคนใดคนหนึ่งบอกว่าเราชอบเรย์กะ...และไม่ใช่เพราะแฟนคลับยอมรับแฟนของผมไม่ได้ด้วย
ไม่ไกลจากเรานัก รุ่นพี่ Pivoine กับเรย์กะดูเหมือนกำลังไฟลุกโชน รู้สึกว่าจะเกี่ยวกับงานเลี้ยงอาหารกลางวันของเรย์กะเมื่อวานนะ เหมือนว่าเธอจะไปขออนุญาตจากประธานสภานักเรียนแทนที่จะทำๆ ไปเลย แล้วพวกรุ่นพี่ก็เลยรู้สึกรับไม่ได้ที่นั่นทำให้สภานักเรียนเสมือนมีอำนาจเหนือ Pivoine
แต่ยังไงเราก็ยังเป็นเด็กใหม่ ดังนั้นก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เราต้องเลี่ยงไม่ทะเลาะกับรุ่นพี่ เรย์กะคงจะเข้าใจเรื่องนี้ดี เธอเลยใช้เรื่องนี้เป็นเหตุผลอธิบาย จากนั้นก็ทำหน้าเหมือนโดนดุและเศร้าสร้อย ซึ่งทำให้พวกรุ่นพี่ยอมรามืออย่างรวดเร็ว ใช่ คุมสถานการณ์ได้ดีมาก เรย์กะ
หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปเป็นเรื่องชมรมแทน มาซายะกับผมก็เข้าร่วมด้วย มีรุ่นพี่สองคนพยายามแนะนำให้เราเข้าร่วมชมรม แต่เราปฎิเสธ
"ท่านเรย์กะมีชมรมไหนที่อยากเข้าหรือเปล่าคะ ได้ยินว่าไปดูๆ มาหลายชมรม"
"ค่ะ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้เลย..."
โอ้ ผมก็ได้ยินเรื่องนั้นมาบ้างเหมือนกัน ผมนั่งฟังขณะที่มาซายะดื่มชาของเขาไป
"ชมรมชงชาหรือจัดดอกไม้ล่ะเป็นไง" อ๋า ชมรมตามขนบของกุลสตรี
Pivoine เลยนะ...ผมจินตนาการภาพเรย์กะสวมกิโมโนหรือฟุริโซเดะ จัดดอกไม้และชงชา เหมาะกับภาพลักษณ์เธอดีจริงๆ
"มีอาจารย์ที่ให้การสอนอยู่ตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ก็เลยคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องเข้าชมรม"
"เหรอ แล้วมีที่ไหนอยากเข้าอีกหรือเปล่า"
"ตอนแรกก็ตั้งใจจะเข้าชมรมกีฬาน่ะนะคะ..."
มาซายะกับผมหันขวับไปทันทีที่ได้ยิน เรย์กะเข้าชมรมกีฬาอะนะ? แค่ปีนเขาก็แทบไม่รอดแล้วนี่นา จะมีแรงพอเร้อ?
"ได้ยินว่าชมรมกีฬาของซุยรันซ้อมโหดอยู่นะคะ คงไม่เหมาะกับท่านเรย์กะหรอกค่ะ"
"ค่ะ พอไปดูก็เห็นว่าคงไม่ไหวน่ะค่ะ"
ผมหันไปอีกทาง ซ่อนเสียงหัวเราะเอาไว้และตีมาซายะที่พร้อมจะระเบิดเสียงหัวเราะได้ทุกวินาที หยุดเลยนะ เดี๋ยวก็โดนจับได้หรอก!
เราตลกกับการคิดภาพเรย์กะเข้าชมรมกีฬา ซึ่งดูเป็นความคิดที่แปลกประหลาดสำหรับเราเอามากๆ ก็เธอเป็นคนซุ่มซ่ามแถมพลังกายต่ำอีก ผมสงสัยว่านอกจากวิชาพละแล้วเธอจะเข้าชมรมกีฬาชมรมไหนได้ มาซายะก็คิดแบบเดียวกัน ตอนที่พวกเรียนห้องเดียวกัน เวลาที่เขาถามว่าใครเหมาะกับกีฬาอะไร ก็พบว่าเรย์กะนั้นอยู่แค่ในเกณฑ์มาตรฐานจากงานกีฬาสีที่เธอเข้าร่วมปีละครั้ง
เรายังได้เห็นเวลาไปปีนเขากันทุกปี แบบว่า ถึงเราจะเริ่มปีนหลังห้องเธอ แต่สุดท้ายก็ยังแซงเธอไปได้อยู่ดี น่าสงสารเกินไปแล้วนะ
ระหว่างที่กำลังคุยกัน เราก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูดขึ้น "อ้าว ~ ที่นั่งตรงนี้ว่างอยู่ด้วยล่ะ ~"
ทันใดนั้น พวกรุ่นพี่ก็เปลี่ยนเป็นโหมดน่าเกลียดน่ากลัวทันที ทุกคนมองไปยังต้นเสียง เห็นว่ามีเด็กสาวที่ดูธรรมดามากๆ คนหนึ่งใกล้เข้ามาทุกทีและกำลังจะนั่งอยู่แล้ว ยัยนั่นทำอะไรเนี่ย?
ผมมองหาป้าย Pivoine และก็เห็นว่ามันไม่อยู่ หา? ใครเอาป้ายออกไปน่ะ?
บรรยากาศกดดันขึ้นเรื่อยๆ ผมเห็นว่ารุ่นพี่บางคนกำลังจะลุกขึ้นตะโกน
โอ้ยยย แย่แน่ๆ
"ตรงนี้เป็นที่นั่งเฉพาะสำหรับพวกเรา นักเรียนทั่วไปนั่งไม่ได้นะ"
เรย์กะลุกขึ้นเตือนเด็กผู้หญิงคนนั้น
เด็กคนนั้นกระพริบตาก่อนจะหันกลับไปและสังเกตกลุ่มคน น่าจะเป็นเพื่อนของเธอที่ยืนหน้าซีดอยู่ด้านหลัง เฮ้ ถ้ารู้ว่าตรงนี้เป็นที่ของ Pivoine แล้วทำไมไม่เตือนเพื่อนล่ะ?
"ขอโทษค่ะ ไม่ได้สังเกตเลย ต้องขอโทษด้วยนะคะ" เธอขอโทษขอโพยไปด้วย ก้มหัวหงึกๆ ก่อนจะกลับไปหาเพื่อนอย่างเร่งรีบ
หลังจากที่เธอจากไป พวกรุ่นพี่ก็โวยวาย
"เมื่อกี้นี้อะไรน่ะ นักเรียนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเหรอ ไว้ค้นชื่อแล้วเตือนให้หนักๆ หน่อยนะ ไม่รู้อะไรไม่เหมาะไม่ควรเลย"
"เด็กคนนั้นดูไม่ค่อยเหมือนนักเรียนซุยรันเลยนะ สงสัยจะเป็นพวกนักเรียนพิเศษล่ะมั้ง"
"งั้นก็ยิ่งเป็นปัญหาเข้าไปใหญ่"
เหมือนเธอจะกลายเป็นเป้าหมายเล่นงานไปแล้วนะ...
"เอ่อ คงไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ คงแค่ยังไม่ชินนั่นแหละค่ะ ครั้งนี้ปล่อยผ่านไปก่อนก็ได้มั้งคะ"
ผมมองเรย์กะที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้ทุกคนใจเย็น อืม พวกรุ่นพี่ดูจะไม่พอใจเท่าไหร่นะ
"แต่ว่า..."
"แน่นอนว่าจะปล่อยไปเฉยๆ ไมได้ ไว้ฉันจะฝากคำเตือนผ่านไปทางหัวหน้าห้องของเธอเองค่ะ แล้วคงต้องอบรมเรื่อง Pivoine กันด้วย นะคะ ขอร้องนะคะ"
เห็นเรย์กะต้องทำขนาดนั้น พวกรุ่นพี่ก็ยอมหยุด ยังไงสถานะทางสังคมของคิโชวอินก็ยังสูงกว่าพวกนั้น ก็ต้องยอมไว้หน้าเรย์กะบ้างอยู่แล้ว
"....งั้นครั้งนี้จะเห็นแก่หน้าคุณเรย์กะก็แล้วกัน"
"...นั่นสินะ ถ้าคุณเรย์กะพูดถึงขนาดนั้นล่ะก็"
"แหม ขอบคุณนะคะ !" เธอยิ้มอย่างสดใสแล้วพยักหน้า
มาซายะกับผมกินไปฟังไป ไม่ได้ใส่ใจนัก จริงๆแล้วถ้าแฟนคลับของเราพยายามบุกเข้ามากวนเราในพื้นที่ของ Pivoine มาซายะต้องอาละวาดอย่างแรงจนกลายเป็นโศกนาฏกรรม ทำให้ Pivoine คนอื่นๆ อาละวาดตามแหงๆ
ผมทานข้าวจนเสร็จและมองไปทางเรย์กะอีกครั้ง หืม นี่ผมคิดไปเองรึเปล่านะ? เหมือนว่าเรย์กะจะปวดท้องอยู่รึเปล่านั่น?
---
จบตอนที่ 12 แร้ว
>>288-292 ทำไมอ่านตอนนี้ แล้วกูคิดว่าเอ็นโจมีความกาวพอ ๆ กับเรย์กะวะ เรย์กะคิดอยากมีแฟนเป็นดารานักร้อง จะได้มีความรักแบบน้ำเน่า ส่วนเอ็นโจเบ่นพ่อแม่ลูกในหัว ตอนเถียงว่าสามีมีรูปภรรยานี่เรื่องปกติ กูเกือบสำลักน้ำ
ส่วนคาบุ แกไม่มีสิทธิมองเขานะ คือมันปกติมากถ้าผู้ชายจะมีรูปผู้หญิงที่ตัวเองชอบ แต่มันโคตรน่ากลัวเลยถ้ามีผู้ชายให้สร้อยคอทำเอง กะลงเรียนซัมเมอร์ตามผู้หญิงที่เจอหน้ากันนับครั้งได้เนี่ย
แต๊งกิ้วมากโม่ง อะไรคือคนผบิตกาวนอกแปะฟิคใน ao3 แล้วหายเงียบวะนั่น สังหรณ์ใจไม่ดีฉิบหาย
โอ๊ะ มีถึง 295 นี่ กูอ่านต่อก่อน
>>293 วอมรับว่าเป็นชีวิตรักแล้วเหรอ ยังปฏิเสธเสียงแข็งปาว ๆ อยู่เลยนะ
ปล. พออ่านกาวแล้วรู้สึกว่า จริง ๆ เจ้าแม่ก็เป็นที่จับตามองเยอะกว่าที่คิดจากคาบุ แต่ในออริ เอ็นโจก็มองเรย์กะเยอะมาก ๆ รู้ว่ากินข้าวหมดทุกครั้งด้วย ไม่แปลกที่คาบุที่มีเพื่อนคนเดียวจะมิงตามไปด้วย
>>288-295 มาซายะรู้แล้วเรอะว่าเพื่อนมันชอบสาวคนนี้ กูนึกว่าจะไม่รู้ซะอีก แต่ชอบบทนี้นะ ดูเป็นเพื่อนผู้ชายวัยรุ่นคุยกันดี เล่นเกม พนันแข่งเกมไรงี้
ยูกิโนะมีความร้ายยยย ตลบหลังท่านพี่ซะไปไม่เป็น จะเอาคืนที่ถูกตวาดเรื่องค้นของสินะ แต่ชูสุเกะนี่พอเป็นเรื่องเรย์กะแล้วดูควบคุมตัวเองไม่ได้ทุกทีเลย ใครสนใจนางก็รีบไปแผ่รังสีจอมมารใส่กันท่า มีซึนตอนถูกจี้ใจดำ ชอบตอนเถียงว่าสามีมีรูปภรรยามันก็ถูกต้องแล้ว หวายๆๆ เขายังไม่ได้เป็นอะไรกับตัวซักหน่อย ขี้ตู่เบ่เบ๋
KY นิด วันนี้กูไปบองกินมงจะยากิตามเจ้าแม่มาแล้วเว่ย ตอนเห็นคนผัดทำเครื่องเป็นวงๆ ก่อนเทน้ำแล้วรู้สึกฟิน มันก็อร่อยดีนะ แต่กูสงสัยว่าเจ้าแม่กินแผ่นเดียวไม่อิ่มเหรอวะ มีโอโคโนมิยากินำมาก่อนได้อีก กูยอมใจ แล้วนี่ถ้าคิดดีๆ คือเจ้าแม่แม่งกินเท่ากับเด็กม.ปลายผู้ชายเลยนะ มีอาหารอยู่ตรงหน้าทีไรนางลืมแอ๊บทุกที
ฟิลเตอร์กาวนอกทำไมดูยูกิโนะกับเอ็นโจสว่างชิบหาย ฝั่งเรานี่คือดำมืดด้วยแรงแค้น?555555
>>304 ฮีดำมืดมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่ะมึง แต่มาแสดงความยันเอาตอนผมไม่เคยโดนทิ้งที่บอกแต่ชื่อหนังที่พระเอกโดนแย่งคนรักแล้วไอ้คนแย่งไม่ตายดีซักคนนี่ล่ะ จากนั้นก็ดูควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่เรื่อยๆ ส่วนกอล์ฟมาร์กเกอร์กูไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าคนญี่ปุ่นเขาถือเรื่องแสลงอะไรพวกนี้มั้ย แต่กูว่าอ.แกใส่มาไม่ได้ใส่มางั้นๆแน่ๆอะ มีความหมายชัวร์ 55555555555555
รู้สึกว่าฮีแกคุมอารมณ์ไม่อยู่ ตั้งแต่มีคุณยูโกะโผล่มาเนี่ยแหละ ระเบิดเรือตัวเองเป็นว่าเล่น
>>308 กูตงิดคำว่าให้ได้อย่างสบายใจนี่ล่ะ แต่ตอนนั้นนึกแค่ว่ามันเป็นของที่ห่างไกลจากความโรแมนติคไง เลยรู้สึกสบายใจที่ได้แนะนำว่าอย่างน้อยคนรับคงไม่คิดลึกไปว่าคนให้พิศวาสตัวเองไรเงี้ย แต่พอโม่งกอล์ฟเอาความหมายมาแปะ กูนี่...อือฮือ จากเจ้าชายกลายเป็นคนเลว 2017 เลยมึง 5555555
คิดอีกแง่ อิมาริพอได้รับของแล้วอาจจะสบายใจแล้วว่าเรย์กะจังมีคนมาจีบด้วย รอดพ้นจากการโดนคลุมถุงชนกับเรย์กะ จะได้ไปจีบคิโชวอินคนพี่อย่างสบายใจ
ท่านเรย์กะแอบไปตั้งกระทู้พันทิปรึเปล่าคะ “เมื่อเราติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร หรือย่อว่า เอชไพโลไร “
https://pantip.com/topic/37790022
…//วิ่งหนียยยยยย
ความหมายของกอล์ฟมาร์กเกอร์คืออะไรวะ....
เอ็นโจ.....
กูเคยลองเซิร์จอังกฤษเรื่องความหมายของกอล์ฟฯนี่ แต่ไม่เจอเลยนะ
กูคิดว่าความหมายมันคือ เรย์กะโดนมาร์คอะ มาร์ค=จอง ตรงตัว
ทำอะไรอ้อมค้อมไม่ได้แด้กเจ้าแม่หรอกเอ็นโจคุงเอ่ย
>>338 แต่ชวนตรงๆอย่างตอนชวนกินคีชก็ดันโดนระแวงนะมึ้งงง ต้องอ้างน้องชายผู้แสนน่ารักเจ้าแม่ถึงยอมไป กูว่าตอนนั้นฮีน่าจะรวบรวมความกล้าและหน้าด้านพอๆกับตอนขอช็อกโกแลตจากเขาเลยล่ะ นั่งดูเขาว่าอยากไปร้านไหนแล้วชวนเอาดื้อๆเลย แผนเผินอะไรไม่มีทั้งสิ้น ด้นสดเอาหน้างาน ถ้าเจ้าแม่ไม่ระแวง ยูกิโนะไม่ได้ไป 100% ถถถถถ
>>340 กูว่าตอนนั้นฮีคงร้อนรนว่ะ เห็นเจ้าแม่จ้องมือถือนาน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แสดงความดีใจ(ในของกิน) เลยแบบ...คุยกับใคร ใครส่งอะไรมาให้ถึงทำให้คุณยิ้ม หรือใครนัดไปเที่ยวไหนทำไมดูมีความสุข อยากรู้จนต้องเดินไปเสือกถึงที่ แต่เรื่องไม่ชวนตรงๆกูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน หรือไม่มีจังหวะชวน พอจะชวนก็โดนขัดจังหวะแล้วนางก็เปิดแน่บหนีไปแล้วไรงี้
>>350 นี่ไง ได้นิยายโชโจหนึ่งเรื่องแล้ว คานซัง...พระเอกผู้เย็นชา ใจร้าย แต่นางเอกรักเขา ถึงจะบอกว่าเกลียดหรือไม่สนใจ แต่จริงๆก็โหยหาเขา อยากมีเขาอยู่เคียงข้าง ส่วนฟู้ดซัง...พระรองรูปหล่อผู้แสนดี ทำให้มีความสุข คอยอยู่เคียงข้างตลอด แม้นางเอกจะผลักไสบ้างบางที(ในช่วงลดน้ำหนัก) แต่ก็ยังอดทนไม่ย่อท้อหวังชนะใจนางเอกให้ได้ เรื่องนี้แม่งเป็นรักสามเส้าที่ดราม่าฝุดๆ ขอตัวไปซับน้ำตาแพพ
ตอนนี้กูซับน้ำตาที่ตอนใหม่หายไป 7 เดือนมากกว่า....
คิดไปคิดมาฟู๊ดซังอาจเป็นหนุ่มแบดบอยที่ถึงเค้าจะทำร้ายเราตลอดเวลาแต่ก็ยังคิดถึงอยู่เสมอทุกครั้งที่เห็นอะไรก็ได้นะมึงถถถถ
กรูเข้าใจละว่าทำไมกระทู้เจ้าแม่เรย์กะมันถึงได้เยอะขนาดนี้
กูมั่นใจว่าถ้าตอนที่ 300 มาเมื่อไหร่เราจะขึ้นมู้ใหม่อย่างว่องไว
ช่วงแรกๆเคยแบบ3-5วัน หนึ่งกระทู้ ผีมาก😂😂😂 เมากาวกันไปยาวๆ
คนเขียวกาวนอกบอกว่า เอางานไปลงao3 จะมีรีไรท์กลบช่องว่าง แน่นอนว่าจะไม่ขึ้นตอนใหม่จนกว่าจะรีไรท์ตอนเก่าเสร็จ
ขอkyแปป พึ่งไปอ่านเรื่องเกิดใหม่เป็นยัยหมูขาวลูกสาวเอิร์ล
รู้สึกว่าท่านพี่ช่างเหมือนเอ็นโจซะจริง พายเรือมาแล้วก็กดระเบิดเรือด้วยตัวเอง555
>>364 https://archiveofourown.org/works/14902706/chapters/34516499
เป็นเว็บคลังนิยาย
เห้อ อยากมีโมเม้นเข้ามู้มาแล้วมีตอนอัพจัง
ปูตินควรเมะสิวะ ;_;! เห็นภาพคิมตอนข้ามชายแดนมาจับมืออาเบะเนี่ย มุมิมากเลยนะ
กูจำตำแหน่งไม่ได้ แต่จำได้แค่ทรัมป์โดนเสียบไปรอบนึง....
กับอีกอันคือเจอที่เป็นทรีมป์*จีซัสผิวสี //นี่กูอ่านบ้าบอไรวะเนี่ย55555
พวกคนมีคู่ออกปัยค่ะ นี่หมู่บ้านคานทองนิเวศน์นะคะ*สาดเกลือ*
ฟิคแต่ละคนนี่ช่าง…กูนับถือใจคนแต่งและคนอ่านเลย5555 ไม่อ่านไปแต่งไปขำไปเหรอวะ
แล้วมีท่านเรย์กะใน ao3 มั้ยวะ กูว่าจะลองเข้าไปหาอ่านดู แต่ยังไม่มีเวลาคุ้ยซักทีเลยมาถามไว้ก่อน
ขอkyหน่อยค่ะ มีใครแปลฟิคเอ็นโจตอนที่14หรือยังคะ
โม่งใหม่กะจะแปลมาถวายน่ะค่ะ
>> 382 เองนะคะ
แปลเสร็จแล้ว...จะรออ่านตอน 13 นะคะ ดูพลาดไปหน่อย
แปลฟิคตอนที่ 13
เอ้อเหอ...ไม่คิดว่าจะยากขนาดนี้ (น้ำตามา) งุนงงกะสรรพนามมาก แต่ใช้ท่านมาซายะ ท่านชูสุเกะ ตามที่ฟิคต้นฉบับเขียนไว้นะ
บางส่วนก็ปรับนิดหน่อย ไม่ได้แปลตรงตัวเน้อ
>> Link >> https://forum.novelupdates.com/threads/kenkyo-kenjitsu-enjou-pov-fanfiction.51311/page-5#post-3410600
<< Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 13 >>
เดือนพฤษภาคม จะมีทริปทัศนศึกษาที่คามาคุระ
กำหนดการประกาศถูกในชั่วโมงโฮมรูม หลังจากการปีนเขาในตอนเช้า พวกเราจะกลับไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมที่จองไว้ ถัดมาจะเป็นการแสดงของกลุ่มนักเรียนนอกจากแต่ละห้อง ว่าง่ายๆ ก็เหมือนกับการรับน้องใหม่อันน่าอับอายของซุยรันละนะ พอกลุ่มนักเรียนนอกได้ยินแล้วก็ออกอาการหน้าซีดเผือดไปตามๆ กัน
“อืม...ก็...เท่าที่ได้ยินมา นอกจากร้องเพลงเล่นดนตรี พวกเต้นรำหรือการแสดงละครสั้นก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนะ” ตัวแทนห้องพูดกับนักเรียนกลุ่มนอกที่กำลังจิตตก
“ผมว่าหลังจากปีนเขา พวกเราหลายคนคงจะเหนื่อยกันพอดู ลืมเรื่องแสดงละครไป เปลี่ยนมาร้องเพลงแทนดีไหมครับ” ผมเสนอ
“ถ้าท่านเอ็นโจว่าอย่างนั้น...”
“อื้ม เอาอย่างนั่นก็แล้วกัน!”
“ท่านเอ็นโจชื่นชอบอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”
ผมนิ่งเงียบกับคำถามมากมายที่ประดังประเดเข้ามา นี่เป็นการรับน้องของนักเรียนกลุ่มนอก ไม่ใช่การแสดงเพื่อผมคนเดียวสักหน่อย จะมาถามอะไรผมนักหนานะ
“ไม่มีหรอกครับ ผมว่าเลือกสิ่งที่พวกคุณทุกคนจะสนุกสนานไปกับมันดีกว่านะ”
“นี่พวกคุณ หยุดวุ่นวายกับท่านเอ็นโจได้แล้ว!”
ผมชำเลืองมองตัวแทนห้องที่ยุติเรื่องทั้งหมด อา...เหมือนว่าปีนี้จะไม่หนวกหูเท่าปีก่อนๆ เพราะตัวแทนเป็นคนค่อนค่อนข้างเอาจริงเอาจังนะ
“นอกจากนั้น พวกเธอไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของท่านกับแม็กกี้เหรอ”
“แม็กกี้...ใครน่ะ?” นักเรียนนอกคนหนึ่งถามด้วยสีหน้างงงวย
นักเรียนเก่าอีกคนรีบถามทันควัน “แม็กกี้!? เดี๋ยวสิ เป็นความจริงเหรอ!? ฉันนึกว่าเธอคนนั้นคบกับจักรพรรดิซะอีก”
“ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิตามจีบรุ่นพี่สุซุชิโนะหรอกเหรอ”
...อืม ฟังจากการสนทนาของพวกเธอ และผู้หญิงคนเดียวที่มาซายะสนิทสนมด้วยนอกจากยูริเอะแล้ว ‘แม็กกี้’ ที่ว่าน่าจะหมายถึงเรย์กะสินะ? แต่การตั้งฉายาเธอว่า ‘Makki’ (ม้วน) ที่มาจาก ‘Makkigami’ (ผมม้วน) นี่โหดร้ายไปหน่อยนะ...อ่า แต่นั่นก็คงจะดีกว่า ‘แม่สาวกวาง’ หลายเท่าเลยละมั้ง
การแลกเปลี่ยนข่าวสารหยุดชะงักด้วยการระเบิดอารมณ์ของตัวแทนห้อง แต่ก็นะ ขนาดมีผมอยู่ในห้องด้วย พวกเธอยังกล้าถกเถียงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมกับเรย์กะ ความสัมพันธ์ของเรย์กะกับมาซายะ และตีความแทนพวกเราสามคนอย่างน่ารำคาญ เหมือนผมจะได้ยินพวกเธอพูดคำว่า ‘รักสามเส้า’ ด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่นเป็นระยะๆ ด้วย
น่าปวดหัว...
ผมปรบมือเสียงดังเรียกความสนใจจากทุกคน ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “ไม่ใช่ว่าพวกคุณต้องวางแผนเตรียมตัวสำหรับการแสดงหรือครับ?”
“ค่า/ครับ”
------------
(มีต่อ)
(ต่อนิ)
กำหนดการหลักของทริปคามาคุระผ่านพ้นไปแล้ว
หลังจากปีนเขาและงานเลี้ยง ก็เป็นเวลาการแสดงของนักเรียนกลุ่มนอก บางห้องร้องประสานเสียง บางห้องโชว์เต้น บางห้องจัดคอนเสิร์ตเล่นดนตรี บางห้องก็แสดงมายากล
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะให้ผมเลือกการแสดงที่สนุกสนานน่าสนใจที่สุด เห็นจะเป็นการแสดง ‘เทพเบ็นไซเท็นกับมังกรห้าหัว’ เรื่องมีอยู่ว่า หมู่บ้านแห่งหนึ่งประสบเคราะห์ร้ายมากมายจากมังกรห้าหัวที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ชาวบ้านจึงรวมตัวกันอธิษฐานต่อเทพเบ็นไซเท็น และท่านเทพก็ลงมาจากสวรรค์จัดการเจ้ามังกรนั่น ครั้นมังกรห้าหัวเห็นความงามของเทพเบ็นไซเท็น มันก็ขอให้เธอมาเป็นชายา แต่เทพเบ็นไซเท็นปฏิเสธ บอกว่าจะไม่มีทางแต่งงานกับคนชั่วร้าย ด้วยความเสียใจและสำนึกอย่างสุดซึ้ง เจ้ามังกรก็หลับใหลกลายเป็นส่วนหนึ่งของเกาะเอ็นโนชิมะ
นักแสดงทุกคนแต่งกายจัดเต็มและสวมบทบาทได้เป็นอย่างดี แม้แต่คนที่เล่นเป็นคลื่นทะเล ยังส่งเสียง ‘ซ่า ซ่า’ ด้วยความกระตือรือร้นแม้ว่าความสนใจของทุกคนจะอยู่ที่ตัวละครหลักอย่างเทพเบ็นไซเท็นกับมังกรห้าหัว แต่ว่านั่นก็ยังดีกว่าต้องแสดงเป็นเกาะเอ็นโนชิมะละนะ
หลังการแสดงทั้งหมดจบลง การแสดง ‘เทพเบ็นไซเท็นกับมังกรห้าหัว’ ก็ได้รางวัลชนะเลิศ นักเรียนนอกแต่ละคนได้รับตั๋วรับประทานอาหารฟรีที่โรงอาหารโรงเรียนเป็นจำนวนไม่น้อย เมื่อคิดถึงว่าราคาอาหารโรงเรียนเราแพงแสนแพง ผมก็ไม่แปลกใจเลยที่เห็นรอยดีอกดีใจของพวกเขา
ระหว่างการแสดงที่ว่า ผมสังเกตเห็นเรย์กะดูจะสนอกสนใจและจับจ้องด้วยสายตาแน่วแน่ พอมองตามสายตาเธอแล้ว ผมก็คิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลเท่าไรนัก...ทำไมเธอถึงให้ความสนใจคนที่แสดงเป็นคลื่นขนาดนั้นกันล่ะ?
----------------
หลังการสอบกลางภาค ดูเหมือนมาซายะจะเจอคนน่าสนใจ หรืออย่างน้อย ผมก็คิดว่าหมอนั่นสนใจ เพราะช่วงนี้ผมมักจะเห็นหมอนั่นตระหนักถึงตัวตนของเธอมากกว่าผู้หญิงคนอื่น
ใช่แล้ว เพื่อนผู้ ‘เกือบจะเป็นโรคขยาดหญิงสาว’ ของผม แสดงความสนใจต่อผู้หญิงคนอื่นนอกจากยูริเอะ ผมหมายถึง ไม่ใช่กรณีเดียวเรย์กะ เธอไม่ได้อยู่ในสายตาของหมอนั่นเท่าไร ผมเดาว่าเพราะหมอนั่นยังไม่ยอมรับเรื่องที่เรย์กะต่อว่าต่อขานในห้องสโมสรเปอติต์ตอนพวกเรายังเด็ก ประกาศลั่นว่าหมอนั่นไม่เหมาะจะเป็นทายาทผู้สืบทอดตระกูลคาบุรากิ
เด็กสาวคนนี้มีชื่อว่าทาคามิจิ วาคาบะ ทันทีที่มาซายะเห็นชื่อเธออยู่อันดับสามในบอร์ดผลการเรียน หมอนั่นก็ถามว่าใคร แล้วทุกคนก็พร้อมใจกันชี้ไปที่เธอทันที
ผมคาดว่าคุณอันดับสามที่มีคะแนนไล่เลี่ยกับพวกเราจะเป็นคนเอาจริงเอาจัง ขยัน คงแก่เรียน ประมาณสาวแว่นคลาสสิคทั่วไป แต่ว่าคนตรงหน้าพวกเรากลับผิดจากที่คาดไว้อย่างสิ้นเชิง
มันค่อนข้าง...น่าผิดหวัง? ผมหมายถึง เธอก็น่ารักดีหากคุณชอบเด็กสาวสายมึนที่มีแนวโน้มจะเหม่อลอยฟุ้งฝัน แต่ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มีทรงผมยุ่งเหยิง ปากอ้าหน่อยๆ และแสดงสีหน้าประหลาดใจนั่น จะสอบได้อันดับสามของชั้นเรียน ทั้งคะแนนยังสูสีไล่ตามพวกเรามาติดๆ ต่างจากนักเรียนมาตรฐานของซุยรัน ผมหมายถึง ภาพลักษณ์ของเธอค่อนข้างแตกต่างจากภาพลักษณ์นักเรียนทั่วไปของซุยรันน่ะนะ
นั่นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เมื่อเรย์กะกับผองเพื่อนของเธออยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน พอเทียบกับสาวๆ เหล่านั้นแล้ว ภาพลักษณ์ของคุณทาคามิจิก็ตกลงไปอีกหลายระดับ ถ้าหากเทียบเธอกับเรย์กะละก็ คงเปรียบได้กับ ‘เจ้าหญิงและกระยาจก’ เลยละมั้ง
พูดถึงเจ้าหญิง ตอนนี้เจ้าหญิงแห่งสโมสร Pivoine ยืนจ้องอีกฝ่ายมาสักพักแล้ว สายตาของเธอเปี่ยมด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นความกังวลหรืออะไรกันแน่ แต่ผมว่าเธอห่วงใยเด็กสาวคนนี้ ถ้าผมจำไม่ผิด คุณทาคามิจิน่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่เกือบเผลอมานั่งในที่ของ Pivoine วันนั้นใช่ไหมนะ เรย์กะไปสนิทสนมกับเธอตั้งแต่เมื่อไรกัน...
หลังเป้าหมายถูกชี้ตัว มาซายะทำเพียงหันมองแล้วเดินผละไป ผมเองก็เช่นกัน
พอเดินห่างจากฝูงชนได้ระยะหนึ่ง จู่ๆ มาซายะก็พูดขึ้น
“คิโชวอินมองนายอยู่”
“เห็นละล่ะ”
มาซายะเงียบไปพักหนึ่งแล้วว่า “ไม่ทำตัวเป็นแฟนเกิร์ลหน่อยรึไง ทำหน้าแดงขวยเขิน วี้ดว้ายว่ายัยนั่นสนใจกันด้วยแหละ ช่วงปิดเรียนเห็นนายบ่นตลอดนี่ว่ายัยนั่นหลบหน้านายยังกะหนีเชื้อโรค”
“มาซายะ หุบปากไปซะ”
---------------------
*รอยยิ้มดีอกดีใจ* สิ orz
(มีต่อนะ)
ช่วงบ่ายวันนั้น ระหว่างที่ผมกำลังสนทนากับเพื่อนในห้อง หนึ่งในนั้นก็เล่าว่าพวกเขาเห็นเรย์กะคุยกับสาวๆ ในห้องของเธอเกี่ยวกับผลสอบกลางภาค เห็นว่าพวกเธอโวยวายเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์จนเรย์กะต้องปราม เขาเล่าว่าเรย์กะเอ่ยชมความสำเร็จของผมกับมาซายะที่ครอบสองอันดับแรกไว้ได้ ทั้งที่คราวนี้ต้องแข่งขันกับนักเรียนกลุ่มนอกที่เพิ่งสอบเข้ามา
เพื่อนอีกคนเสริม “ท่านคิโชวอินไม่ค่อยเอ่ยชมใครเท่าไร คราวนี้ท่านเอ็นโจคงทำให้เธอประทับใจจริงๆ นะคะ”
“ใช่แล้ว ท่านชูสุเกะเอาชนะนักเรียนกลุ่มนอกทั้งหมดได้ อัจฉริยะจริงๆ!”
ผมยิ้มตอบอย่างสุภาพ ตั้งใจให้เป็นการยุติการเยินยอของพวกเขา จนกระทั่งหนึ่งในนั้นพูดขึ้น “แต่ท่านมาซายะได้อันดับสูงกว่า คงทำให้เธอประทับใจมากกว่าสินะ”
อ่า...ทำไมถึงเปลี่ยนประเด็นไปที่มาซายะกันล่ะ
“ท่านมาซายะได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิในงานโรงเรียนตอนมัธยมต้นไม่ใช่เหรอ จำได้ว่าท่านคิโชวอินเป็นเพื่อนร่วมชั้นตอนม.ต้นปีสุดท้ายนี่ เธอคงดีใจมากที่ท่านมาซายะนำชัยชนะมาสู่ทุกคนในห้องได้”
“ฉันได้ยินข่าวลือมาว่าเหตุผลที่ท่านเลือกเพียงฝึกฝนทหารม้าในปีนั้น ก็เพราะต้องการแสดงให้ท่านคิโชวอินเห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่สามารถโค่นล้มได้”
“อื้อ ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน! แล้วยังได้ยินมาอีกว่าท่านทั้งสองไปเดทฉลองชัยชนะด้วยกันอีกด้วยนะ”
เดทอะไร? เท่าที่จำได้ เรย์กะไม่ชอบความซื่อบื้อเถรตรงของมาซายะ คอยหลีกเลี่ยงตลอดเวลาต่างหาก
“พูดตามตรงนะ ฉันแปลกใจมากกว่าทำไมครอบครัวของท่านทั้งสองถึงไม่จับคู่ประกาศงานหมั้นสักที ออกจะเข้ากันดีขนาดนี้ ชื่อ ‘คาบุรากิ เรย์กะ’ ก็ฟังดูไพเราะเสนาะหูจะตาย”
“ตัวย่อของท่านเรย์กะก็เป็น KR อยู่แล้ว ฉันว่าให้เป็นสองตัวนี้ต่อไปดีที่สุด”
“ท่านทั้งสองเหมาะสมกันจริงๆ ฉันหมายถึง ท่านคิโชวอินเป็นคนน่ารักมาก ถ้าเธอยืนอยู่ข้างกายผู้เปี่ยมด้วยพลังอำนาจอย่างท่านมาซายะ ความน่ารักของเธอต้องเพิ่มขึ้นแน่ๆ”
ผมกระแทกหนังสือลงบนโต๊ะอย่างแรง ทุกคนหันมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นร้อนรนในฉับพลัน
“ท่านชูสุเกะ พวกเราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ!”
ผมคลี่ยิ้มสว่างไสว “โอ้ เหรอครับ? ส่วนไหนล่ะที่คุณว่าไม่ใช่ ส่วน ‘คาบุรากิ เรย์กะ’ หรือส่วนที่บอกว่าพวกเขาสองคนเหมาะสมกัน”
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่างค่ะ พวกเราแค่คุยเล่นเรื่อยเปื่อย...”
ผมยังคงรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
“...อืมมม ฉันได้ยินมาจากพี่ชาย เห็นว่าท่านคิโชวอินได้รับคำเชิญจากสภานักเรียนนะคะ”
ผมหุบรอยยิ้มในทันที “หือ? เธอน่ะเหรอ?”
“ค่ะ”
“คุณมิซึซากิก็ได้รับเชิญนะ เขาเคยเป็นประธานนักเรียนมาก่อน เดี๋ยวคงได้เป็นประธานอีกนั่นแหละ”
อารมณ์ของผมแปรเปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง
“ปีนี้คงตึงเครียดมากเลยสินะ”
ผมนิ่งเงียบประมวลข้อมูล
ถ้าเรย์กะเข้าร่วมสภานักเรียน เธอจะใช้เวลากับมิซึซากิมากขึ้น แต่คงไม่เป็นอะไรในเมื่อสองคนนั่นไม่ได้ชอบกันแบบนั้น...ใช่ไหม? แต่เรย์กะดูสังเกตหมอนั่นอยู่เหมือนกัน ถ้าหากว่า...
“โย่ ชูสุเกะ- เป็นอะไรน่ะ” ผมได้ยินเสียงเรียกของมาซายะ และเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา
“สวัสดีตอนบ่ายค่ะ ท่านมาซายะ”
“ไง” มาซายะตอบกลับ ผมรู้สึกถึงแรงเขย่าเล็กน้อยที่หัวไหล่ “เป็นอะไรของนายน่ะ”
“...ไม่มีอะไร” ผมตอบ
---------------
(จบแล้ววว) //ผายมือไปตอน 14
พิมพ์ตกเยอะจัง ฮือ ขออภัยกับภาษาด้วยจริงๆ TT^TT
>>392 หึงมาซายะน่ะถูกแล้วววววว เจ้าของตัวจริงทำได้แค่ฮึดฮัดๆ แต่แสดงความรักออกนอกหน้าไม่ได้ ต้องเอาเยี่ยงอย่างท่านพี่กับอิมาริไว้นะคะ อิมาริไปก่อปัญหาเรื่องสาวๆที่ไหน สภานักเรียนวิ่งโร่มาตามให้ไปจัดการทุกครั้ง ทุกคนเขารู้ค่ะว่าเจ้าของตัวจริงเขาเป็นใคร//แค่กๆๆๆๆ
ขอบพระคุณสำหรับกาวดีๆเจ้าค่ะ //กราบ
ตอน14 มีคนจองแล้ว งั้นกุจองตอน 15 ได้มะ
- Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 14 -
หัวหน้าห้องมาหาผมตอนพักเที่ยง มันก็สักพักแล้วละนะที่พวกเราได้คุยกัน ผมให้เขาเดินไปรอบโรงเรียนเป็นเพื่อนผม คุยกันด้วยหัวข้อทั่วไป แลกเปลี่ยนข่าวสารในสิ่งที่ทำ เรื่องที่เรียนและอื่นๆ จนหัวหน้าห้องพูดเข้าเรื่องที่เขาอยากพูดสุดๆ
"ร้องเพลงที่แต่งเองให้ผู้หญิงที่ชอบฟังเนี่ย มันจะดีหรือเปล่านะ?"
"ผมว่าไม่ควรจะทำอย่างนั้นหรอกนะ นอกจากพวกคุณทั้งสองสนิทกันมาก ยังไงก็เถอะ กลอนที่คุณแต่งเป็นยังไงบ้าง? คุณฮอนดะได้พูดอะไรหรือเปล่า?"
หัวหน้าห้องยิ้มพร้อมกับพูดด้วยท่าทางเพ้อฝัน "เธอบอกว่าดีด้วยล่ะ"
"แล้วคุณได้บอกหรือเปล่าว่าคุณเขียนให้เธอ?"
"อะ เอ๋! ไม่มีทางหรอกครับ!" หัวหน้าหน้าแดงแถมยังส่ายหน้าสุดแรง "มะ มันเร็วไปสำหรับเรื่องแบบนั้นนะครับ ที่สำคัญเราก็ยังไม่ได้สนิทกันมาก ขนาดคุณคิโชวอินยังบอกเลยว่าแต่งกลอนให้ผู้หญิงแบบนั้นเป็นความคิดที่แย่มาก"
"เพราะยังงั้นถึงไปขอให้คุณคิโชวอินส่งช็อคโกแลตให้สินะ จะว่าไป คุณคิโชวอินเป็นยังไงบ้าง?" ผมถามออกไปในตอนที่หัวหน้าห้องตั้งสติได้แล้ว
เขาตอบทันที "คุณคิโชวอินน่ะเป็นที่ปรึกษาความรักให้ผมก็จริง แต่เรื่องส่วนตัวอื่นๆน่ะ ผมไม่รู้เลย อ่า เมื่อไม่นานมานี้ตอนที่เราคุยกัน มิซึซากิคุงมาเจอพวกเราเข้า แถมยังถามด้วยว่าคุณคิโชวอินทำอะไรผมหรือเปล่า?"
เจ้าหมอนั่นอีกแล้ว... "คุณมิซึซากิเนี่ยดูท่าจะมองคุณคิโชวอินไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ"
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยินเรื่องที่ว่าหมอนั่นมองเรย์กะในทางที่เลวร้ายสุดกู่ ผมก็สงสัยนะว่าทำไม หรือเขาบังเอิญไปเห็นตอนเรย์กะใช้พัดจัดการซึรุฮานะเข้านะ? นอกเหนือจากเรื่องนั้นแล้ว เรย์กะก็มีภาพพจน์ที่ดีมากในซุยรัน โดยเฉพาะในฐานะสมาชิก Pivoine
"อืม แต่สุดท้ายคุณคิโชวอินก็ลากมิซึซากิคุงไปคุยล่ะนะ หลังจากที่เขาไปคุณคิโชวอินดูสลดลงไปนิกหน่อย ถึงเธอจะไม่บอกว่าเพราะอะไรก็เถอะ แต่ผมเดาว่ามิซึซากิคุงคงพูดอะไรทำร้ายจิตใจเธอน่ะ"
"อ่า..."
แหม ถ้าความสัมพันธ์ของพวกเขามันแย่ขนาดนั้น มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมหรอก
"ยังไงก็ตาม คุณคิโชวอินเป็นคนที่ฟื้นตัวเร็ว เธอคงไม่เป็นไรหรอกครับ"
"นั่นสินะครับ" หัวหน้าห้องยิ้ม "โอ้ ใช่ เกือบลืมเล่า ผมได้ยินจากเพื่อนของผม ซาโตมิน่ะว่าคุณคิโชวอินวันนี้หยุดเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบาย ผมค่อนข้างเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ถ้ายังไงท่านเอ็นโจช่วยดูให้หน่อยตอนไปพบเธอได้มั้ยครับ?"
"เธอป่วย?" ผมถามด้วยความประหลาด
"น่าจะนะครับ? เธอบอกว่าเพลียเพราะอากาศร้อน ดังนั้นมันน่าจะมีผลกับเธอไม่น้อย ขนาดที่ว่าไม่อยากอาหารด้วยซ้ำ"
...ฟังดูหลอกลวงยังไงไม่รู้
"ผมจะดูให้ถ้าผมทำได้นะครับ"
"ขอบคุณนะครับ!"
-
ผมนั่งอยู่ในห้องสโมสรก่อนที่จะกลับบ้าน ตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นเรย์กะนั่งห่างออกไปในมุมที่ค่อนข้างส่วนตัว กำลังจิบเครื่องดื่มเงียบๆ
ผมเดินเข้าไปหาเธอ และเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงเอาแต่จิบเครื่องดื่มอย่างเดียว
อา เพราะว่าอ้วนขึ้นนิดนึงสินะ?
เรย์กะ ผมว่าคุณออกจะผอมไปสักหน่อยด้วยซ้ำ?
แล้วเธอยังดูเจ็บปวดที่จะต้องปฏิเสธขนมเหล่านั้นอีกด้วย
ผมยิ้มแล้วพูดออกไปว่า "พยายามเข้านะ" ก่อนเดินออกมา
อืม~ คิดไปเองหรือเปล่านะว่าเรย์กะถลึงตาใส่ผมน่ะ?
ทำไมล่ะ ผมแค่บอกว่าพยายามเข้านะเอง...
-
(ต่อ)
ผมกำลังดื่มด่ำกับชาอยู่ที่บ้านพร้อมกับดูแลยูกิโนะไปด้วย ตอนนั้นอยู่ๆมาซายะก็โทรมา
"มางานน้ำชาของแม่ฉันด้วยกันซะ"
"หะ? ไม่ ขอปฏิเสธ"
ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างหงุดหงิดจากอีกฝั่ง ด้วยความบันเทิงใจ ผมจึงลูบหัวยูกิโนะแล้วเดินออกมาคุยข้างนอกกับมาซายะ
"ทำไม? นายมีธุระ?"
"ตอนนี้ไม่ แต่ฉันก็อยากใช้เวลาส่วนตัวคนเดียวบ้าง นายก็รู้ ไปงานน้ำชาแม่นายนี่ยังกับโดนลงโทษในเกมลงทัณฑ์ประหลาดๆ ซึ่งจะว่าไปแล้ว นี่เป็นการลงโทษจากคุณน้าที่นายพยายามจะบินไปอังกฤษเพื่ออยู่กับยูริเอะหรือเปล่านะ?"
หมอนั่นไม่พูดอะไรกลับมา ผมถอนหายใจ สรุปนี่เป็นการลงโทษของคุณน้าสินะ "ฉันไม่คิดจะไปโดนทรมานกับนายหรอกนะ มาซายะ อีกอย่างนายก็คงไม่เป็นไรหรอก ตราบเท่าที่นายรักษามารยาทสักหน่อย"
"คิโชวอินมาด้วย"
"โอ้ งานเริ่มกี่โมงนะ? นายว่าฉันควรจะเอาอะไรไปฝากคุณน้ามั้ย หรือนายคิดว่าฉันควรหาอะไรให้นายดูอยู่ยุ่งๆระหว่างงานหรือเปล่า?" ผมพูดตอบไปในโทรศัพท์พร้อมกับเดินลงบันได แล้วหยุดที่ห้องนั่งเล่นที่ท่านแม่กำลังดื่มชาอยู่กับท่านพ่อ
"กำหนดงานเริ่มสิบเอ็ดโมง แต่จริงๆก็คงเริ่มเที่ยงนั่นแหละ เอาช็อกโกล่ามาให้ฉันด้วย"
"รู้แล้ว" ผมตัดสายแล้วตรงไปที่ท่านแม่
"ท่านแม่ คุณน้าจัดงานเลี้ยงน้ำชาที่บ้าน มาซายะชวนผมด้วย ผมไปได้มั้ยครับ?"
แม่เงยหน้าจากน้ำชาแล้วถาม "คุณชูสุเกะทำการบ้านเสร็จแล้วใช่มั้ยคะ?"
"ครับ"
"งั้นเชิญตามสบายค่ะ อย่าลืมว่าต้องกลับมาบ้านก่อนค่ำ แล้วก็ฝากทักทายมาดามคาบุรากิด้วยนะจ๊ะ" ท่านแม่ยิ้มอย่างอ่อนโยนในขณะที่บอกอนุญาต ผมบอกขอบคุณด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปเตรียมตัว
"โอ้ สั่งช็อกโกแลตจากปาติชิเย่คนนั้นที่เพิ่งมาเปิดร้านให้ผมด้วยนะ" ผมสั่งเมดคนหนึ่งในขณะที่จัดเสื้อผ้า
-
(ต่อ)
ผมนั่งลงข้างมาซายะ และเล่นโทรศัพท์ในขณะที่รอให้งานเริ่ม น่ารำคาญจริงๆ~ ถ้ารู้ว่าต้องมานั่งรอแบบนี้ผมไปเอาช็อกโกแลตด้วยตัวเองยังจะดีกว่า
"เฮ้ ชูสุเกะ ถึงฉันจะบอกนายว่ายัยนั่นจะมา แต่นายก็ไม่ต้องทำหน้าบูดขนาดนี้เพราะยัยนั่นยังไม่มาก็ได้มะ"
"ฉันไม่ได้ทำหน้าแบบนั้นซะหน่อย ที่สำคัญไม่เพราะนายล่อให้ฉันมาไม่ใช่หรือไง?"
"ถ้าจะให้นายยอมทำอะไรสักอย่างแค่พูดชื่อยัยนั่นขึ้นมาก็พอ แล้วมันก็นายเองไม่ใช่เรอะที่ดูจะเต็มใจให้โดนหลอกซะเหลือเกิน"
"หืม? ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นายกล้าเถียงทั้งที่ตัวเองก็ทำแบบเดียวกัน เจ้าหม้อก้นดำ" ผมพูดเสียดสีใส่เจ้าบ้านี่ในขณะที่เก็บมือถือเข้ากระเป๋า มาซายะถลึงตาใส่กับยิ้มที่ผมส่งให้
เมื่อคุณน้ากลับมาที่โต๊ะของเรา เธอมีเรย์กะที่แต่งตัวน่ารักเดินตามมาด้วย เธอถือกล่องช็อกโกแลตมาด้วย หลังจากวางกล่องไว้ที่โต๊ะเธอก็ผละไปเดินรอบๆที่จัดงาน เมื่อแขกหลักๆของงานนี้เป็นเด็กสาว และด้วยทักษะการเข้าสังคมของเรย์กะที่ขัดกับบุคลิกสันโดษของเธอ ก็ต้องมีแขกที่เธอรู้จักกับคนที่อยากจะคุยด้วยก่อนที่เธอจะเดินกับมาที่โต๊ะของเราล่ะนะ
"นั่น คุณซาราระหรือเปล่า?"
"หืม?" มาซายะมองตามสายตาผมไปและพยักหน้า "อ่า ใช่ พ่อชอบเธอเพราะว่าเธอรักการอ่านมากสุดๆน่ะ แม่ก็เลยเชิญเธอมาด้วย"
"เธอเป็นหนึ่งในตัวเลือกหรือเปล่า?"
"เท่าที่ฉันรู้ ใช่" มาซายะทิ้งตัวลงกับเก้าอี้พร้อมกับโอดครวญ แหงล่ะ ถูกบังคับให้ทำตัวดีๆเกือบครึ่งวันคงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากสำหรับหมอนี่ ถึงจะเป็นมาซายะที่มีความอดทนกับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็กก็เหอะ ยังทนความเบื่อหน่ายมหาศาลจากงานเลี้ยงแบบนี้ไม่ได้เลย
หลังจากที่พูดคุยกับแขกอื่นสักพัก เรย์กะก็กลับมาททีโต๊ะของเรา เธอยิ้มอย่างเป็นมิตรในขณะที่พูดคุยกับคนอื่นและจิบชา เธอดูจะอารมณ์ดี และกินช็อกโกแลตอย่างมีความสุขใหญ่เลย เมื่อคุณน้ากลับมาที่โต๊ะของเราพร้อมกับเด็กสาวผมสั้นที่ม้วนปลายลอนด์อ่อนๆ
"นี่คุณไมฮามะ เอมะ จากยูริมิยะจ้ะ ฝากทุกคนดูแลด้วยนะ เอาล่ะ ทุกคนมากันพร้อมหน้าแล้ว เริ่มปาร์ตี้กันเลยไหมจ๊ะ"
ด้วยเหตุนี้ปาร์ตี้ที่แสนจะน่าเบื่อจนทรมานสุดๆเท่าที่ผมมีชีวิตมาก็ได้เริ่มขึ้น สิ่งเยียวยาจิตใจสิ่งเดียวคือเรย์กะที่ทำให้วงสนทนาครึกครื่น ดังนั้นก็ไม่แปลกที่จะพบว่าสายตาของผมถูกดึงไปที่เธอ แม้ว่าผมจะพูดคุยกับคนอื่นหรือดื่มชาก็ตาม มาซายะใช้ศอกถองผมเป็นครั้งที่ห้า แล้วก็เริ่มคุยกับผมพร้อมกับกันไมฮาระจากการสนทนาของเรา
ครู่หนึ่งให้หลัง มาซายะที่ยังอารมณ์บูดก็หยิบช็อกโกแลตส่งเข้าปาก หน้าหมอนั่นถึงจะพยายามซ่อนก็เถอะดูประหลาดใจกับรสชาติที่กำลังลิ้มรส ผมปรายตาไปที่โต๊ะ และพบว่ามันคือช็อกโกแลตที่มาจากปาติซิเย่ชาวฝรั่งเศสที่หมอนี่ชื่นชอบ ทั้งยังเป็นช็อกโกแลตที่เรย์กะเอามาอีกด้วย
คุณน้าสังเกตเห็นอย่างรวดเร็ว และมาซายะเริ่มออกปากถามเรย์กะเกี่ยวกับช็อกโกแลต บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนค่อนข้างจะเป็นมิตร และแน่นอนว่ามันดีกว่ามากเมื่อเทียบกับความปากหนักที่มีให้ไมฮาระก่อนหน้านี้ ผมมองผู้หญิงคนนั้นจ้องเรย์กะด้วยความอิจฉา เพราะมาซายะคุยกับเธอ
"ก่อนหน้านี้คุณเรย์กะมาพักที่โรงแรมในเครือของเรากับท่านแม่ด้วยใช่ไหมคะ? โรงแรมของเราเป็นยังไงบ้างคะ?"
"ค่ะ พวกแชมพูที่เป็นของออริจินัลวิเศษมากจนไม่อยากใช้เลยละค่ะ แล้วในสวนตอนกลางคืนก็สวยรางกับภาพมายาไม่มีผิด"
"แหม ขอบใจนะจ๊ะ! ดีใจจริงที่ถูกใจ"
"คุณคิโชวอิน ไปพักที่โรงแรมในเครือคาบุรากิมาเหรอ" ผมถามแทรกเข้าไปในบทสนทนาด้วยความสงสัย เธอไปที่นั่นทำไม? ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดขี้หน้ามาซายะ จนทำให้หลีกเลี่ยงคนของคาบุรากิเหมือนเป็นเชื้อโรคหรอกหรอ?
"ก็ใช่ค่ะ...."
"ได้ยินว่าไปอดอาหารเพื่อไดเอ็ทน่ะ"
(ต่อ)
มาซายะหย่อนระเบิดลูกโตลงมาหน้าตาเฉย เมฆหมอกสีดำเริ่มปกคลุมเหนือหน้าเรย์กะ
ว้าว มาซายะ ความงี่เง่าของนายนี่มันสุดๆจริงๆ
ผมพยายามกลั้นยิ้มในขณะที่คนเริ่มมาอ่อรอบโต๊ะและถามเรย์กะ มันค่อนข้างน่าตกใจอยู่นะ แค่พูดถึงเรื่องอดอาหารก็ทำให้เรย์กะกลายเป็นจุดสนใจของปาร์ตี้ได้ เธอตอบคำถามซ้ายขวาและไหลไปกับสถานการณ์
น่าเศร้า แม้คุณน้าจะช่วยพูดแก้ตัวว่าเรย์กะแค่ไปเป็นเพื่อนท่านแม่ของเธอเท่านั้น แต่หลักฐานสำหรับมองเรย์กะ มันก็อยู่บนหน้าที่เริ่มจะกลมๆนิดหน่อยแล้ว ขนาดพวกรุ่นพี่จาก Pivonie ยังสังเกตเห็นเลย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะเอ่ยปากขัดมาดามคาบุรากิ หรือเจ้าหญิงของบ้านคิโชวอินหรอกนะ
"เด็กผู้หญิงนี่ดีจริงๆ เด็กผู้ชายเนี่ยไม่น่ารักเลย" เพราะคำพูดของคุณน้า มาซายะถึงรู้สึกหดหู่ตอนที่ทิ้งตัวลงกับที่นั่ง อา มันคงจะหนักไปสำหรับเจ้าเด็กนี่ที่ครั้งหนึ่งเป็นแก้วตาดวงใจ แล้วต้องมาฟังแม่ตัวเองพูดว่าไม่เอ็นดูตัวเองแล้วนั้น ช่างบอบบางเสียจริงๆ~
แล้วไมฮามะก็แทรกเข้ามาในบทสนทนา
"ได้ยินว่าท่านคาบุรากิจะไม่รับช็อกโกแลตทำมือ แต่ฉันไปเรียนที่สถาบันสอนทำอาหารอยู่นะคะ ลองทานดูซักครั้งเถอะค่ะ!"
"ไม่เอา ฉันชอบสินค้าในท้องตลาดที่สมบูรณ์แบบจากฝีมือมืออาชีพมากกว่าของทำมือห่วยๆของมือสมัครเล่น"
ไมฮามะ ถูกปฏิเสธอย่างสมบูรณ์แบบ
ท้ายที่สุด ด้วยจำนวนคนที่มาที่โต๊ะของเราเพื่อสนทนากับเรย์กะ ทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เธอเล่าเรื่องต่างๆให้กับคนที่มาคุยด้วยความเพลิดเพลิน เหมือนเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่เผยแพร่ปรัญชา หรือในกรณีนี้คือครูอนุบาลใจดีที่อ่านนิทานให้เด็กฟัง เมื่อเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับการไดเอ็ทเป็นส่วนใหญ่ หลายๆคนเลยให้ความสนใจเกี่ยวกับคอร์สอดอาหารและตัดสินใจเข้าร่วมด้วย ดังนั้นในท้ายที่สุดแล้ว เรย์กะก็กลายเป็นป้ายโฆษณามีชีวิตและเดินได้ของโรงแรมคาบุรากิไปซะแล้ว
ตอนขากลับ คุณน้าถึงกับออกปากทักกับเรย์กะว่า "คุณเรย์กะช่วยให้งานครึกครื้นแท้ๆ ไว้มาอีกนะจ๊ะ!"
ผมมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า ทั้งยังคาดเดาความคิดของเธอไปด้วย ดูเหมือนว่าเรย์กะจะกลายเป็นตัวเลือกที่สำคัญที่สุดในการหมั้นกับมาซายะไปซะแล้ว
นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย! สองคนนี้ยังทนอีกฝ่ายไม่ได้ด้วยซ้ำ!
-
แปลเนี่ยมันยากจริงๆด้วย...
ส่งไม้ต่อch.15!
เกลียดการกลับลำทันควัน 55555555555555555555555555555555
>>398 ไม่ค่อยเลยนะอีตาคนนี้ ทีแรกปฏิเสธไม่ยอมไป พอได้ยินว่านุ้งต่ายจะมาเท่านั้นล่ะ เลี้ยวกลับแทบไม่ทัน
กูว่าถ้าอฟช.คาบุมันรู้ว่าเพื่อนมันชอบเรย์กะนะ มันต้องใช้เรย์กะเป็นเครื่องมือในการแกล้งเพื่อนชัวร์ๆ แบบตอนขอซอสมะเขือเทศที่กะจะให้ชูสุเกะเด๋อด๋าไปไม่เป็นแบบตัวเองน่ะ แต่จอมมารดันมาเหนือเมฆหลบไปแบบเนียนๆ ถ้าหาจุดอ่อนได้ กูว่าคาบุไม่พลาดที่จะใช้จุดนั้นมาแกล้งเอ็นโจหรอก 555555555
เราคนแปลตอน 14 จะมาบอกว่าเราจองตอน 16 น้าาาาา ถ้ามีตรงไหนให้แก้บอกได้นะ
ความแตกต่างของกาวไทยกับกาวนอกคือ กาวนอกไม่มีน้องเด๋อไซซายะผู้มีความสามารถในการหายตัวนี่แหล่ะะะ ขอบคุณโม่งแปลฟิคทั้งหลายจ้าาา
<< Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 15 >>
"ขอโทษนะ แต่งานเลี้ยงของ Pivoine นั้นเข้าได้เฉพาะเมมเบอร์ Pivoine เท่านั้นน่ะ" ผมพูดกรอกใส่ไมค์โทรศัพท์ให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะชัดได้ บางทีอาจเพราะช่วงเวลาไม่ดีนัก หรือเธออาจจะแค่ดื้อรั้นกว่าที่ผมเคยคิดไว้ในคราวแรก ทว่าเรื่องผมยกเลิกแผน "การนัดหมาย" ก่อนหน้านี้ไป เนื่องจากต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงของ Pivoine ดูเหมือนจะลอยไปเข้าหูเจ้าหล่อนจนได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ผมกล้าลงเงินหมดตัวเลยว่าต้องเป็นเจ้าฮารุกิที่เอาไปเล่าให้เธอฟัง
"แต่ว่า ชู..." เสียงจากปลายสายนั้นดูเศร้าสร้อย "เราวางแผนไว้แล้วนะ"
ผมนวดขมับไปพลาง กลั้นเสียงคำรามไปพลาง พวกเราอะไรกัน? มีแต่เธอนั่นแหละที่วางแผนเอาเอง "บอกไปแล้วนี่นาว่าช่วงนั้นผมไม่ว่างน่ะ คุณยุยโกะไม่คิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้พบกับคุณไฮยามะหรอกเหรอ? เห็นคุณบอกว่าเคยถูกเชิญไปทานอาหารที่ร้านอันโด่งดังของครอบครัวนั้นนี่นา ผมว่าคุณไฮยามะต้องยินดีเอสคอร์ทคุณแน่นอน"
"ไฮยามะซังเหรอ...? แต่ฉันอยากไปที่นั่นกับชูนี่นา"
ผมจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูภาพที่ผ่านตาพร้อมกับที่เราใกล้ถึงจุดหมายปลายทางมากขึ้นทุกที
"อืม ผมยุ่งตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงเปิดเทอมเลยเนี่ยสิ ผมแน่ใจว่าต้องมีคนอื่นที่เต็มใจร่วมทางกับคุณด้วยเป็นแน่"
ผมได้ยินเสียงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนที่เธอจะโพล่งขึ้นอย่างกระทันหันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเร็วจี๋ "อ๋าาา ชู เธอหึงฉันเหรอ? อย่าหึงเลยนะ! ฉันสนใจคนพวกนั้นเลยจริงๆ คนที่ฉันชอบมีแค่-"
"ผมถึงที่หมายแล้ว ฝันดีนะครับคุณยุยโกะ ยินดีที่ได้คุยกับคุณอีกนะ" ผมพูดอย่างรวดเร็วแล้วตัดสายในทันที ผมถอนใจก่อนจะลงจากรถ โชเฟอร์มองผมอย่างเงียบงันก่อนจะกลับขึ้นรถแล้วจากไป
ผมยืนอยู่ด้านหน้าสถานที่จัดงานครู่หนึ่ง เหม่อมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง เมินแสงวิบวับที่สาดส่องจากในฮอลล์จัดงาน พร้อมกับปล่อยให้ความเหนื่อยล้าเข้าครอบงำทั่วร่างอยู่ชั่วขณะ ผมถอนใจหนักหน่วงและหมุนตัว เก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง แล้วเข้าไปในงาน ใช้เวลาไม่นานนักพวกผู้หญิงก็สังเกตเห็นว่าผมมาถึงแล้ว ก่อนจะเข้ามารุมล้อมจนเต็มไปหมด ดูเหมือนมาซายะยังมาไม่ถึง ดังนั้นความสนใจทั้งหมดจึงตกลงมาอยู่ที่ผม ทำไม่ได้กระทั่งจะก้าวเข้าฮอลล์โดยไม่มีฝูงผู้หญิงน่ารังเกียจพวกนี้รุมล้อม ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะยืนใกล้กำแพง ทำตัวเป็นไม้ประดับ หรืออย่างน้อยก็เป็นได้อยู่เกือบสิบห้านาทีก่อนที่คนทั้งงานจะเข้ามารุมล้อมรอบผม
ใช้เวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงกว่ามาซายะจะปรากฏตัว ทันใดนั้นฝูงผู้หญิงครึ่งหนึ่งก็แยกตัวออกไปรุมตะครุบหมอนั่น ที่เดินมาทักผมอย่างสบายๆ เขาดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นพวกเด็กผู้หญิงเลยอยู่ห่างออกไปกว่าปกติ ซึ่ง...ก็ไม่ได้มากนัก ระวัง-- แต่นั่นก็ทำให้อาการกลัวฝูงชนของผมบรรเทาลงได้อย่างน่าแปลกใจ เราถูกพวกผู้หญิงรุมล้อมอยู่เกือบสองชั่วโมง กระทั่งผมยอมแพ้ที่จะคุยกับผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ในฮอลล์โดยไม่มีผู้หญิงพวกนี้มารุมรอฟังแล้ว ผมหันหลังและหนีออกมาเร็วเท่าที่จะทำได้ ทิ้งมาซายะให้รับมือกับพวกผู้หญิงที่เหลือ
ผมหนีออกมาด้านนอกและสูดเอาอากาศสดชื่นที่ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมเข้าปอดเฮือกใหญ่ กระทั่งมั่นใจว่าจะขาดอากาศหายใจตาย ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยพุ่งขึ้นจนแทบทะลุปรอทแล้ว ผมรีบมองไปรอบๆ เพื่อหาหนทางคลายความเหนื่อยล้านี้ลง ผมไม่ควรทำแสดงอาการเหน็ดเหนื่อยไร้อารมณ์ในงานทางการแบบนี้ ท่านพ่อต้องโกรธเป็นแน่หากผมก่อปัญหา
ผมได้ยินเสียงระฆังลอยมาและหันมองตามต้นเสียงแทบจะในทันที จึงได้เห็นซุ้มกุหลาบและเด็กสองคนที่น่าจะมาจากเปอร์ติต์กำลังสั่นระฆังเสียงดัง ในขณะที่เด็กอีกคน ที่อายุมากกว่าในชุดเดรสสีชมพูดูคล้ายกำลังเชียร์ให้ทั้งคู่สั่นกระดิ่งอีก เธอถือกล้องถ่ายรูปเล็กๆ ไว้ในมือ ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้พวกเขา
นาทีนั้นภาพความทรงจำในอดีตก็พุ่งพล่านขึ้น ผมจำภาพนั้นได้ เมื่อราวๆ หกปีก่อน ในตอนที่ผมยังเป็นเด็กและปัญหายังไม่เยอะถึงเพียงนี้ ภาพเด็กผู้หญิงในชุดเดรสสีเขียวผู้ยิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่เต้นรำกับพี่ชายของตน จากนั้นก็ไปสั่นกระดิ่งกับเขา ซึ่งในภายหลังกลายมาเป็นความเชื่อของเหล่าผู้หญิงใน Pivoine ว่าจะช่วยให้โชคดีด้านความรัก
ผมเดินไปหาเด็กหญิงในชุดเดรสชมพูคนนั้นอย่างไม่รู้ตัว กระทั่งตัวผมเองยังห้ามตัวเองไม่ทัน
เด็กทั้งสองจากไป เด็กหญิงคนนั้นมองภาพจากกล้องด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า รอยยิ้มที่แท้จริง ไม่แข็งทื่อหรือฝืนตัวเองดังที่เธอมักยิ้มอยู่เสมอเมื่อมาซายะหรือผมเข้าพูดคุยกับเธอ
"สวัสดี คุณคิโชวอิน" ผมทักทายเธออย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเห็นเธอกระตุกขณะหันมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาสู่ท่าทีใจเย็นภายในพริบตา เช่นเดียวกับรอยยิ้มฝืนที่เธอยกขึ้นประดับใบหน้า
"สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ"
เรย์กะมองผมคล้ายกำลังหาทางหนีจากสถานการณ์นี้ หรือพยายามคำนวนคำตอบอยู่ในหัว ทำให้ผมรู้สึกผิดพอๆ กับที่หงุดหงิดตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าเธอมีสิทธิจะสงสัยผมและตั้งกับถามกับทุกสิ่งที่ผมทำอย่างเต็มที่
"วันนี้ไม่สั่นระฆังเหรอ" ผมถาม มองดูซุ้มกุหลาบ ถ้าจำไม่ผิด เหมือนไอระจะเคยบอกว่านี่เป็นสิ่งที่เรย์กะตื่นเต้นที่สุดที่ได้ทำในงานเลี้ยง Pivoine ครั้งแรกของเธอนี่นะ?
"เอ๋" สีหน้าของเรย์กะดูงุนงง เธอมองผมอย่างสงสัย โอ๋ เหมือนเราเพิ่งจะเคยคุยกันจริงๆ จังๆ เมื่อไม่นานมานี้เองนี่นะ ดูเหมือนผมจะสูงกว่าเรย์กะด้วย เธอน่ารักขนาดนี้มาตลอดเลยรึเปล่าเนี่ย?
"เมื่อก่อนเคยสั่นระฆังไม่ใช่เหรอ กับท่านพี่น่ะ"
สีหน้าของเธอดูตกใจสุดๆ ในทันที ดวงตากำลังบอกอยู่ชัดๆ ว่า 'ทำไมหมอนี่ถึงรู้เรื่องนั้นได้ล่ะ!'
"มาซายะมองอย่างอิจฉาเชียวล่ะ"
ดูเหมือนเรย์กะจะดูไม่ค่อยพอใจนัก ปากเล็กๆ ของเธอเริ่มยื่นออกมานิดหน่อย ผมยิ้มกว้าง เธอตรงไปตรงมากว่าผู้หญิงคนอื่นตั้งเยอะ แสดงออกชัดเจนกว่ามากด้วย
ผมก้มมองชุดของเธอ เดรสผ้าชีฟองเป็นชั้นๆ สีชมพูอ่อนเหนือเข่านั้นอาจจะดูน่ารักเกินเหตุจนแปลกประหลาดบนร่างผู้หญิงคนอื่น แต่เมื่ออยู่บนตัวเรย์กะ มันกลับทำให้เธอดูบอบบางและอ่อนหวานกว่าเดิม คุณแม่ของเธอจะต้องตั้งใจแต่งให้ลูกสาวผู้น่ารักดูน่ารักยิ่งกว่าเดิมเป็นแน่ ผมต้องยอมรับจริงๆ ว่าออกมายิ่งกว่าสมบูรณ์แบบเสียอีก
"เดรสชุดนี้เหมาะมากเลยนะ ดีจังเลยนะที่อดอาหารประสบความสำเร็จ" ผมพูดจากใจ เหมือนเรย์กะจะกังวลเรื่องน้ำหนักตัวนี่นา บางทีอาจจะทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นก็ได้
สีหน้าของเธอกลับคืนสู่ลักษณะแบบเจ้าหญิงที่เธอมักทำ ก่อนจะพึมพำ "ขอบคุณ" กลับมาให้ผม
ผู้ชายหลายคนมองผมตั้งแต่ผมเริ่มเข้าหาเรย์กะ นี่ยิ่งกว่าตอนที่ผมถูกสาวๆ รุมล้อมเสียอีก ดูเหมือนเรย์กะจะป๊อบขึ้นกว่าเดิมอีกแล้ว
เมื่อคิดถึงว่าความนิยมของเรย์กะที่เพิ่มมากขึ้น ผมก็นึกถึงเรื่องไม่น่าพิศมัยเรื่องหนึ่งที่ชวนให้หงุดหงิดเสียจนโพล่งขึ้นอย่างกระทันหัน "คุณแม่ของมาซายะถูกอกถูกใจใหญ่เชียวนะ บอกว่าอยากจะเชิญมางานเลี้ยงอาหารค่ำด้วย"
สีหน้าว่างเปล่าปรากฏขึ้นบนหน้าของเธอ เช่นเดียวกับการตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ "เอ๋"
"ไม่ดีใจหรอกเหรอ"
"เอ๋ เปล่าค่ะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ" เธอยิ้มอย่างสุภาพ ตอบด้วยคำตอบที่มักจะใช้เสมอสไตล์เรย์กะ ใจหนึ่งผมอยากถามเสียเหลือเกินว่าเธอจะไปร่วมงานไหม ทว่าเมื่อเห็นดวงตาที่มีร่องรอยของความไม่ชอบใจอย่างรุนแรงแล้วนั้น ผมก็รู้ได้ว่าเธอต้องปฏิเสธเป็นแน่
"หืม" ผมมองเธออย่างจริงจัง พยายามจะอ่านใจเธอให้ออก
ไม่ใช่แค่เรื่องคุณแม่ของมาซายะ แต่เป็นทุกเรื่อง เรย์กะมักจะมีความลับมากมายอยู่เสมอ และดูไม่คล้ายว่าจะยอมเผยมันออกมา เมื่อผมมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ก็เหมือนกับว่าผมจะไม่สามารถทำความเข้าใจอะไรได้เลย ไม่ว่าผมจะอยากเข้าใจสักแค่ไหนก็ตามที
นั่นยังทำให้ผมรู้อีกสิ่งหนึ่ง
ผม ’ชอบ’ เรย์กะมากจริงๆ
ความคิดนี้ทำให้ผมตัวแข็งทื่อเมื่อรู้ว่าจะเกิดความยุ่งยากตามมาอีกแค่ไหน ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนหรือในฐานะเมมเบอร์ต่างเพศ ผมก็ไม่รู้ว่ายังไงหรือทำไม และผมก็ไม่คิด่าผมจะอยากรู้ด้วยเหมือนกัน
การปรากฏตัวของเรย์กะนั้นส่งผลกระทบต่อสภาพอารมณ์ของผมได้อย่างรุนแรง แล้วผมก็ไม่อยากจะเปลี่ยนสิ่งนี้ให้กลายเป็นต้นเหตุของอาการป่วยด้วยโรครัก หรือมานั่งเศร้าโสกจากการถูกปฏิเสธด้วย
"ลมเริ่มแรงแล้วนะคะ ฉันขอตัวกลับเข้าไปข้างในก่อนละค่ะ"
เสียงของเรย์กะกระทบโสต กระชากผมออกจากขบวนรถไฟฟแห่งความคิดสู่โลกแห่งความเป็นจริง ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไร เธอก็หมุนตัวเดินจากไปเสียแล้ว
ท้ายที่สุดผมก็ทำได้แค่หัวเราะตัวเองขณะตัดสินใจกลบฝังความรู้สึกเหล่านั้นสู่ส่วนลึกภายใน ให้ลึกจนผมลืมเลือนมันไปเสีย หรืออย่างน้อยก็จางหายไปตามกาลเวลา
ผมมองตามเรย์กะที่จากไป ก่อนจะเหม่อมองฟ้าอีกครั้ง
ทุกสิ่งเคยง่ายดายกว่านี้นัก เมื่อครั้งที่เราทุกคนต่างยังเป็นเด็ก…
--
จบ
ตอนนี้รู้สึกหม่นๆ เหมือนจอมมารอารมณ์ไม่ดี กุเลยลองแปลให้อารมณ์หม่นๆหน่อย ไม่รู้จะโอเคมั้ยนะ
อีห่า ก่อนโพสต์หาคำผิดไม่เจอ โพสต์เสร็จแล้วเจอเพียบเลยอีเหี้ย! กุขอโทดดดดดดด
>>408-410 บทนี้จอมมารดูอารมณ์ไม่ดีจริงๆนั่นล่ะ ฮีหงุดหงิดมาตั้งแต่ต้น แถมยังเจอคนมารุมล้อมเยอะๆอีก อดทนไม่ให้ว้ากใส่คนได้ก็ดีแล้ว ตอนท้ายๆนี่มารู้ตัวว่ารักเขา แต่ต้องหักห้ามความรู้สึกยังไงก็ไม่รู้สิ ดูพยายามยกเหตุผลมาอ้างนั่นอ้างนี่เพื่อจะตัดใจ แต่เรื่องหัวใจมันใช้เหตุผลไม่ได้เสมอไปหรอกนะชูสุมอยยยย
ช่วยกูคิดหน่อยว่าทำไมจอมมารไม่สลัดยุยโกะแล้วมาจีบเจ้าแม่จริงจังวะ
>>416 กูว่าเรื่องทางบ้านล้วนๆว่ะ สองตระกูลอาจจะทำธุรกิจด้วยกัน เป็นญาติกันก็น้ำท่วมปากอยู่ถ้าพูดอะไรแรงๆหรือไม่เอาเลยก็กระทบความสัมพันธ์อีก ผู้หลักผู้ใหญ่คุยๆกันไว้นานแล้วว่าอยากให้ลูกๆหลานๆมาหมั้นหมายกัน หรือจอมมารอาจจะติดหนี้อะไรไว้กับทางยุยโกะเพราะฮีดูพูดเรื่องบุญคุณบ่อยๆ ดูเป็นปมในชีวิต
>>416 เรื่องทางบ้านนั่นล่ะว่ะ อาจจะเป็นคำสัญญาของปู่ย่าแต่ละฝ่าย ที่มีลูกแล้วจะให้ลูกๆมาแต่งงานกัน พล็อตมาตรฐานของมังงะโชโจอีกแบบ เหมือนเรื่องเจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชาของเกาหลีที่ปู่ของพวกพระเอกนางเอกสัญญาว่าจะให้ลูกๆมาแต่งงานกัน แต่ฝ่ายบ้านนางเอกดันเกิดมาเป็นผู้ชายซะก่อนเลยต้องข้ามมาให้แต่งในรุ่นหลาน แล้วก็ทำตามสัญญานั้น
- Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 16 -
มันก็ผ่านมาสักพักแล้วตั้งแต่ปาร์ตี้คราวนั้น
เพราะยุยโกะไปเล่าให้ท่านแม่ฟังว่าผมยกเลิดนัดกับเธอ ท่านแม่ถึงบังคับให้ผมเป็นเอสคอร์ทยุยโกะไปงานปาร์ตี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สีหน้าของผมคงแสดงความเหน็ดเหนื่อยออกไป แขกบางคนที่สนทนากันถึงถามไถ่เรื่องสุขภาพของผม ทั้งแสดงความปรารถนาดี รวมถึงกล่าวเตือนไม่ให้ผมหักโหมจนเกินไป
น่าขำชะมัด ที่ไม่มีใครถามถึงสาเหตุสักคนเดียว แต่ถึงจะถามผมก็คงตอบไม่ได้หรอกว่าเป็นเพราะยุยโกะ ฉะนั้นยังไงผมก็คงพูดปัดไปอยู่ดี
ระหว่างไปเรียน เรียนพิเศษกับอาจารย์สอนพิเศษ ช่วยสอนบทเรียนให้ยูกิโนะ และคอยควบคุมความเสียหายเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของมาซายะแล้ว ช่างยากเหลือเกินที่จะหาเวลาที่เป็นส่วนตัวได้ในทุกวันนี้ ว่าตามจริงแล้วการมาโรงเรียนเนี่ยกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขแทนการอยู่บ้านซะแล้ว ทุกครั้งที่ต้องใช้เวลาร่วมกับคนอื่นน่ะมันเสียสุขภาพจิตสิ้นดี แถมผมเริ่มจะหมดความอดทนแล้วด้วย
บางทีคงเพราะแบบนี้ท่านแม่ถึงยอมให้ผมเลิกเอสคอร์ทยุยโกะไปงานปาร์ตี้สักที
อืม ถ้าลอง'พูดลอยๆ'ว่าปกติมีผู้ชายล้อมหน้าล้อมหลังจีบยุยโกะตลอด มันจะทำให้ท่านแม่ตัดสินใจอะไรได้สักทีมั้ยนะ ยังไงก็เถอะที่สำคัญตอนนี้น่ะคือผมเป็นอิสระจากยุยโกะสักที ยุยโกะดูจะพอใจไม่น้อยด้วย เพราะเธอยอมลดการโทรหาหรือมาที่บ้าน ก็ได้แต่หวังล่ะนะว่าเธอจะไม่มาอีกนานๆ ยูกิโนะดูจะไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่ และเธอทำให้เขาเครียดทุกครั้งที่เจอกัน
เพราะวันๆมันผ่านไปแบบนี้ ผมถึงลืมไปเลย ถ้าไม่ใช่เพราะกรรมการห้องถามเรื่องกีฬาที่ผมอยากลง ผมคงไม่รู้หรอกว่าอีกไม่กี่วันจะมีงานที่เป็นอีเว้นต์ใหญ่ของเทอมนี้
งานกีฬาสี
ว้าว ความเครียดทำให้การรับรู้เวลาเพี้ยนแฮะ
ผมตอบไปอย่างไร้อารมณ์ว่าจะลงแข่งวิ่งเร็วระยะสั้น ทันทีที่พูดไปแบบนั้น กรรมการห้องรีบพยายามขอร้องแกมบังคับให้ผมลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองแทน ถึงขั้นว่ายกเหตุผลเรื่องการถอนตัวของมาซายะเป็นโอกาสดีในการ 'เดบิวต์' ของผมในสนามแข่ง ยังอ้างถึงเรื่องม้าที่เคยถูกมาซายะฝึกจะลงแข่งครั้งนี้ ผมเกือบจะถูกล่อลวงอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่ได้สติขึ้นมาตอนที่คิดว่าถ้าข่าวนี้ถึงหูมาซายะล่ะก็ หมอนั่นต้องจัดคอร์สฝึกโหดจนกว่าเราจะทำได้ถึงมาตรฐานของเจ้าตัวแหง ปีที่แล้วผมดื่มด่ำกับการดูบรรดาม้าฝึกหนักอยู่ใต้ร่มไม้ แต่ให้ไปโดนมาซายะฝึกโหดแบบนั้น?
ไม่อะ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่มีทาง ขอบใจแต่ยังไงก็ไม่
คงเพราะผมปฏิเสธอย่างจริงจังมาก กรรมการห้องถึงยอมล่าถอยไป แต่ยังอุตส่าห์ถามว่าสนใจจะลงวิ่งผลัดแทนมั้ย ผมรีบตกลงทันที
กว่าจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น กรรมการห้องก็หนีไปแล้ว
บ้าเอ๊ย! โดนหลอกจนได้!
-
ผมกำลังดื่มน้ำจากกระบอกน้ำในตอนที่มาซายะโผล่มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง เราสองคนอยู่ที่สนามซ้อม โดยหนึ่งในสองคนคือเจ้าบ้าที่เร่าร้อนอย่างไร้สาระเพราะงานกีฬาสี
"มาแข่งกัน"
ถอนหายใจยอมรับชะตากรรม ผมเดินตามมาซายะไปที่ลู่วิ่ง เวลากระเหี้ยนกระหือรือจะแข่งขึ้นมาเนี่ยต่อให้บอกว่าไม่ก็แปลว่าได้ทุกทีสินะ
"เตรียมพร้อม...ตั้งท่า...ไป!"
วินาทีที่คำว่า 'ไป' ดัง ผมกับมาซายะก็วิ่งนำคนอื่นแบบไม่เห็นฝุ่น มันก็แน่อยู่แล้วล่ะ เราวิ่งนำอื่นมาค่อนข้างไกล คงเป็นไปได้ยากที่พวกนั้นจะไล่เงาเราทัน นอกจากจะเกิดปาฏิหาริย์น่ะนะ
เสียงกรี๊ดเชียร์ของพวกผู้หญิงตอนเราวิ่งผ่าน สายตาผมกวาดไปรอบ จนเมื่อผมสังเกตเห็นหญิงสาวที่มีดวงตาคล้ายลูกกวางน้อยมองมาอย่างสนอกสนใจ
ตึก-ตัก
ผมรู้สึกมีกำลังมากขึ้นยิ่งกว่าที่เคยมีในช่วงหลายสัปดาห์ และสมาธิที่จดจ่อกับการวิ่ง เสียงหัวใจของผมมันเต้นดังและรุนแรงในหัว แต่ผมกลับวิ่งได้เร็วขึ้นกว่าที่เคยทำได้ และแซงมาซายะเข้าเส้นชัยไปก่อน
"ชูสุเกะ อีกรอบ!" มาซายะตะโกนเมื่อวิ่งเข้าเส้นชัย หมอนี่เลือดขึ้นหน้าเพราะจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน และพวกผู้หญิงก็วุ่นวายกับการกรี๊ดเชียร์เท่าที่ปอดมนุษย์จะทำได้
"เอ๋..."
"เร็วเข้า! อีกรอบ!" สหายผู้มีใจอันแน่วแน่ตะโกนออกมา ก่อนจะวิ่งเหยาะๆกลับไปที่จุดสตาร์ท หัวใจของผมยังคงเต้นอย่างรุนแรง และความตื่นตัวเพราะอะดรีนาร์ลีนที่ฉีดพล่าน ผมถึงเดินตามมาซายะไปที่จุดสตาร์ท เราแข่งกันโดยไม่หยุดพัก บางรอบมาซายะชนะ บางรอบผมชนะ
รอบสุดท้าย ผมแพ้ให้กับมาซายะเพราะเริ่มเหนื่อยล้าและวิ่งช้าลง ด้วยเหตุนี้มาซายะถึงยอมหยุดท้าแข่งได้สักที
เมื่ออะดรีนาร์ลีนลดลง ความเมื่อยล้าก็เข้าจู่โจมอย่างหนักหน่วง ทิ้งให้ผมปวดเมื่อยและเหนื่อยแทบขาดใจ
อ่าาาาาา~ ทำไมถึงเผลอทำตัวงี่เง่าตามมาซายะไปกันเนี่ย?
ขณะที่พักและดื่มน้ำ ก็พบว่าแค่น้ำไม่เพียงพอต่อความหิวกระหายในตอนนี้ ผมถึงยอมรับมะนาวแช่น้ำผึ้งที่พวกผู้หญิงพยายามยัดเยียดให้กิน
"หนึ่ง สอง! หนึ่ง สอง!" ผมได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนออกเสียง ปรายตาไปมองเห็นเด็กผู้หญิงสองคนกำลังฝึกซ้อมวิ่งสามขาด้วยการเดินไปมา และปรับจังหวะให้เข้ากัน
"โอ้ ปีนี้คุณคิโชวอินลงวิ่งสามขาหรอ?" ผมเผลอพึมพำออกมา พวกผู้หญิงได้ยินก็เริ่มวุ่นวายเรียกร้องความสนใจจากผม ยังไงก็เถอะ ผมสนใจแต่รายละเอียดจากเด็กผู้หญิงที่อยู่ห้องเดียวกับเรย์กะ
"จริงๆแล้วพวกเราวางแผนให้ท่านเรย์กะลงเต้นคว็อดรีลค่ะ แต่เธอปฏิเสธเพื่อที่จะลงวิ่งสามขาแทน เด็กคนนั้นที่วิ่งกับท่านเรย์กะ คืออิโคมะจัง เด็กนอกน่ะค่ะ" เธออธิบายอย่างยินดีในตอนที่ผมมองเธอ "ท่านเรย์กะยังลงแข่งโยนบอลลงตะกร้าด้วยค่ะ"
"ใช่ค่ะ~"
เด็กผู้หญิงอีกคนที่ผมเดาว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องยืนยันอีกเสียง ผมพยักหน้าตอบรับพร้อมกับเก็บข้อมูล
"ใครเป็นกรรมการห้องคุณหรอครับ? นอกจากคุณคิโชวอินแล้ว"
"โอ้ เขาชื่อ ซาโตมิ ยูคินาริค่ะ เอิ่ม ทำไมหรอคะ?"
"ไม่มีอะไรครับ ขอบคุณสำหรับมะนาวแช่น้ำผึ้งนะครับ" ผมยิ้มจางๆ ยื่นกล่องคืนให้เด็กผู้หญิงที่หน้าแดงจัดรับไป เธอพูดด้วยเสียงสั่นๆ "เพื่อท่านเอ็นโจแล้ว ไม่ว่าอะไรก็จะทำให้ค่ะ!" พวกสาวๆจ้องเธอเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
หืม~ สักพักแล้วสินะที่ผมมีคนรู้จักในห้องเดียวกับเรย์กะ คุณซาโตมิดูน่าสนใจดี หวังว่าเขาจะยินดีเป็นเพื่อนกับผมนะ
-
ยิ้มอันดำมืดของจอมมาร นายโดนหมายหัวแล้ว ซาโตมิ
ยุยโกะอาจจะประมาณซากุระจังก็ได้
มีกูคนเดียวหรือเปล่าที่คิดว่ายุยโกะอาจเป็นประเภทสวยเสียของ นางดูมีความคู่ขนานกับเจ้าแม่หลายอย่าง
ป๊อปในหมู่หนุ่มๆ - เป็นที่หวาดเกรง
เทพธิดา - เจ้าแม่กาลี
บอบบาง - แข็งแกร่ง
ถ้าเจ้าแม่อ่านบรรยากาศเก่ง กูว่ายุยโกะน่าจะเป็นประเภทKYอ่ะ
ด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัว กุว่ายุยโกะเป็นประเภทที่โตมากับคำชมจนในหัวน่าจะประมาณว่า "ชั้นสวย~ ชั้นมีสิทธิเหนือชะนีทุกนางเพราะชั้นสวยน่ะค่ะ~~~~" อะไรงี้ ซึ่งตรงข้ามกับเจ้าแม่ที่เวลาโดนชมทีไรก็ "เอ๋? ชมตามมารยาทสินะ" "ประชดสินะ" ไรงี้ตลอด
>>427 กูว่าเป็นไปได้อยู่นะ คอนเซปต์เรื่องนี้ก็เหมือนเล่นกับความรู้หน้าไม่รู้ใจของตัวละครเด่นอยู่แล้ว อย่างจักรพรรดิที่โคตรเท่แต่ตัวจริงเป็นไซซายะเด็กเด๋อ ท่านเรย์กะที่สวยหรูดูดีมีบารมีแต่ความจริงโคตรป๊อด เจ้าชายจอมมาร ถ้าคุณยุยโกะออกมารั่วอีกคนกูจะไม่แปลกใจเลย... ความจริงนางอาจจะรั่วๆ มึนๆ มานานล่ะ แต่มีตาไก่โง่คอยโคเว่อร์ให้แบบแก๊งสาวๆ ของท่านเรย์กะ
>>424 มีสาวมองอยู่เลยอยากโชว์ให้เขาเห็นว่าตัวเองเท่บ้างสินะ บ๊ะ กาวไทยกับกาวนอกนี่มันใจตรงกันจริงวุ้ย 5555555555555
>>427 ยุยโกะนี่เป็นตรงข้ามกับเรย์กะหลายสิ่งเลยนะ เป็นทฤษฎีคู่ตรงข้ามได้เลย
เรย์กะผมยาว - ยุยโกะผมสั้น
เรย์กะหน้าตาคมเข้ม(และถึกทน) - ยุยโกะสวยหวานบอบบางชวนปกป้อง
เจ้าแม่กาลี - เทพธิดา
เจ้าแม่คานทอง - มิสป๊อบปูล่าร์
นางพญา - สาวงามผู้อ่อนหวานนุ่มนวล
ซึรุฮานะหมั่นไส้คอยหาเรื่อง - ยุยโกะไม่มีใครอิจฉาคอยหาเรื่อง
คนที่พี่น้องเอ็นโจชอบ - คนที่พี่น้องเอ็นโจพยายามหนี
ถ้าใช้ทฤษฎีคู่ตรงข้ามที่ว่ามานี่กูว่ายุยโกะไม่เอ๋อหรอก เพราะคนเอ๋อๆเด๋อๆนี่คือเรย์กะต่างหาก//โดนพัดตบ
นิสัยนางน่าจะตรงข้ามกับเรย์กะทุกอย่างด้วย เรย์กะนี่ตรงไปตรงมา คิดอะไรก็เปิดเผยออกทางสีหน้าหมด ไม่มีหน้ามีหลัง ทำให้รู้สึกสบายใจแบบเดียวกับคาบุ เอ็นโจก็เลยอยากอยู่ใกล้ๆ เรย์กะนี่ก็คาบุเวอร์ชั่นผู้หญิงดีๆนี่ล่ะ แค่ ky น้อยกว่า ส่วนยุยโกะกูว่านางคือเอ็นโจร่างผู้หญิงว่ะ ฟีลคล้ายๆกัน กูคิดว่าถ้าเอ็นโจเป็นผู้หญิงก็คงรูปลักษณ์หรือนิสัยประมาณนี้ล่ะ ตอนออดอ้อนชูก็ดูมีความมารยา มีความแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบจงใจหลายครั้งมาก โดยเฉพาะตอนเจอกันครั้งแรกในงานโรงเรียน จงใจมาหาถึงที่ มีการมองเรย์กะก่อนไปควงแขนชูด้วยนะ ประมาณว่าคนนี้ของชั้นนะยะ ไม่น่าจะใช่คนเอ๋อๆเด๋อๆอะไร หรือกูจะคิดผิดไปก็ไม่รู้นะ เฉลยมานางอาจไม่มีอะไรเลยก็ได้
ถ้าเป็นบากะริน่าคงปักธงเกลี้ยงไปแล้ว
แล้วที่ยุยโกะมางานโรงเรียนเกาะเอ็นโจ แล้วหันมายิ้มให้เจ้าแม่ หลังจากที่ขอให้ทำลาเต้อาร์ทนี่คือหมายความว่าไงวะ เยาะเย้ยหรือแค่ยิ้มเฉยๆ? ใครมาแปลความหมายให้กูที กูอยากรู้หลายๆมุม
ก็เป็นแค่โคโรเน่นี่นะ//ทำเสียงแบบคันตะ
เรย์กะเหมาะปักธงกับสาวๆเท่านั้นแหละ
>>435 คือนางโผล่มาทีก็ยิ้มทุกที จนตอนนี้ยังไม่มีสีหน้าอื่นของนางให้เห็นเลยอ่ะ ในความเห็นกูว่าไม่มีความหมายลึกซึ้งนะ
เรื่องยูกิโนะนี่ก็ต่างหาก คือในสายตาท่านเรย์กะยูกิโนะก็ดูใสๆ แต่ดูคุณแม่เอนโจกับจอมมารออกจะเห็นว่ายูกิโนะเอาแต่ใจอยู่นา มันคงจะมีประวัติกันยาวนานอยู่ เผลอๆยุยโกะจะเห็นยูกิโนะมาตั้งแต่เกิดอ่ะ
>>437 สุดท้ายยูกิโนะอาจจะได้คู่กับยุยโกะแทนพี่ชายที่คู่กับเรย์กะ…//ปรากฎเจ้าแม่ในชุดเจ้าสาวมองน้องยูกิโนะที่น้ำตาคลอตรงนั้นเลยบอกว่างานแต่งนี่ยกละ- (รอยยิ้มขมขื่นถูกส่งมาจากอีกทาง)
> เลือกแต่งงานกับเอ็นโจ ชูสุเกะ ( ความสัมพันธ์กับยูกิโนะคุงติดลบ )
> เลือกพายูกิโนะคุงหนีออกไปจากงาน ( ความสัมพันธ์คิโชวอินกรุ๊ปกับเอ็นโจกรุ๊ปและคาบุรากิกรุ๊ปลดลง หุ้นบริษัทตก ล้มละลาย? )
> กินอาหารฝีมือตัวเองเพื่อป่วยหนีงานแต่ง
>>437 ถึงภายนอกเรย์กะนางจะดูบ๊องๆ แต่เราคิดว่านางก็พอดูคนออกนะ เพียงแต่ไม่สนใจ ดังนั้นเลยคิดว่าเรย์กะก็พอรู้ ว่ายูกิโนะเป็นเด็กดื้อ เอาแต่ใจ เพียงแต่นางคงเข้าใจว่าเป็นอาการของเด็ก ๆ ที่เรียกร้องความสนใจจากผุ้ใหญ่มากกว่า
และส่วนตัวก้คิดว่า มีแต่ยุยโกะ กับเอ็นโจ ที่อ่านไม่ออก จึงไม่ค่อยอยากจะเข้าใกล้สักเท่าไร
>>437 กูว่านางน่าจะเป็นแบบเดียวกะเอ็นโจว่ะ ประเภทมีอะไรก็ยิ้มไว้ก่อน ดีใจ เสียใจ ไม่พอใจ โกรธ ยังไงก็ยิ้ม ยิ่งอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆยิ่งต้องยิ้มสร้างภาพ จากที่เอ็นโจบอกว่ายุยโกะคุยกับหนุ่มๆที่มารุมล้อมแบบเพลิดเพลินดี กูก็คิดว่านางบริหารเสน่ห์เป็นนะ สาวสวยที่หนุ่มมาติดพันเยอะก็ต้องรู้จักวางตัวยังไงถึงจะเป็นที่ชื่นชอบ จะมาหน้าบึ้งหน้างอแสดงอารมณ์ออกนอกหน้าเดี๋ยวเสียภาพพจน์สาวงามบอบบางน่าปกป้องในสายตาหนุ่มๆหมด
จริงๆ กูก็คิดนะว่ายุยโกะเป็นญาติสนิทกับเอ็นโจแต่เด็ก น่าจะสนิทสนมหรืออย่างน้อยก็เห็นหน้าคาบุมาแต่อ้อนแต่ออกเหมือนกัน เพราะทั้งสองฝ่ายเข้าๆ ออกๆ บ้านของกันไปมา อย่างน้อยน่าจะมีทักทายหรืออะไรบ้าง แต่นี่คาบุไม่เคยทัก ไม่เคยพูดกับยุยโกะเลย ต่อให้เจอหน้าจังๆ เรื่องนี้มันน่าจะมีอะไรบางอย่าง...
มีใครเอาตอน 17 ไปยัง? ถ้ายังจะขอนะ
น่าจะยังนะ เห็นจองล่าสุดคือ 16
<<Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 17 >>
งานกีฬาสีปีนี้สุดยอดมาก
อย่างแรกสุด ที่ไม่น่าแปลกใจ นั่นคือพวกผู้ชายในห้องเดียวกับมาซายะเอาชนะการแข่งวิ่งผลัดได้อย่างงดงาม การเคลื่อนไหวของพวกเขาลื่นไหลต่อเนื่องราวกับฟันเฟือง เพราะตั้งแต่มาซายะเลิกเข้าร่วมการแข่งขี่ม้าส่งเมือง เขาก็หันมาทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการแข่งวิ่งผลัดแทน
แล้วทำไมต้องบอกว่าถอนตัวด้วยเล่า? ถึงตอนนี้หมอนั่นก็ยังไม่ยอมบอกผม แต่ผมเดาว่าน่าจะเป็นเพราะเขาพยายามคุมไม่ให้ฉายาจักรพรรดิแพร่หลายไปกว่านี้ ผลก็ตรงกันข้ามล่ะน้า แต่ก็กลายเป็นว่ามีอีกหลายคนที่ปีนี้ยินดีร่วมลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองเพราะจักรพรรดิถอนตัวไปแล้ว ก็ถือว่าการถอนตัวของเขายังมีข้อดีอยู่บ้างแหละ
ห้องของผมออกจะเหนือกว่าห้องอื่นอยู่เล็กน้อย หลังจากที่ผมแข่งเสร็จ ผมก็ดิ่งไปยังสวนของ Pivoine ที่อยู่ติดห้องสโมสร นั่งอยู่ในที่ร่มๆ ตลอดการแข่งขันหลักๆ ของงาน
แต่ก็ยังมีเหตุการณ์สองอย่างเกิดขึ้น ซึ่งทั้งสองเหตุเกิดขึ้นเพราะทาคามิจิ
แรกสุดที่ผมได้ยินหลังจากมาถึงก็คือ ทาคามิจิขัดขาเรย์กะแล้วแย่งเอาอันดับหนึ่งในการแข่งไป เพราะว่าถูกขัดขา เรย์กะก็เลยสะดุดล้ม ในขณะที่ทาคามิจิยิ้มโอ้อวดชัยชนะต่อหน้าเธอ ตอนที่ผมได้ยินเรื่องนี้ ผมถึงกับตะลึงงัน
เอาจริงดิ?
แบบว่า ทาคามิจิดูไม่ใช่คนที่ดูจะตั้งใจทำอะไรแบบนั้นได้ ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะพูดแบบเดียวกัน แต่นั่นอาจเป็นเพราะเรย์กะเป็นที่รักของผู้คนในโรงเรียนนี้มากเกินไป ดังนั้นทุกคนเลยอาจเลือกเข้าข้างเธอมากกว่านักเรียนนอกก็ได้
อีกเรื่องหนึ่ง คือทาคามิจิปาบอลใส่มือของดิเท ซึ่งจัดว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก เพราะดิเทเอาแต่โวยวายว่ามือเขาหักและชีวิตในฐานะนักไวโอลินต้องจบสิ้นลงแล้ว...อืม...จากประสบการณ์ของผม ผมว่าดิเทน่าจะโวยวายเกินเหตุมากกว่า แต่ก็เพราะแบบนั้น ห้องของทาคามิจิเลยได้ที่โหล่ในการแข่งขัน
หลังจากที่ได้ยินเรื่องพวกนี้แล้ว ผมก็ถามเพื่อนๆ เรื่องเวลา ก่อนจะรู้ว่าถึงเวลาแข่งวิ่งคอสตูมแล้ว เรานั่งหัวเราะกันเมื่อคุยถึงพวกผู้เข้าแข่งขัน โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าอิวามุโระตัวใหญ่ยักษ์คนนั้นจะแต่งชุดซินเดอร์เรลล่าร่วมวิ่งในงานนี้ มีคนบอกว่าวันนี้อิวามุโระดูจะผิวสวยใสกว่าปกติ ก็เลยเริ่มซุบซิบกันว่าจริงๆ แล้วอิวามุโระอาจจะเป็น 'แบบนั้น' รึเปล่านะ
เอาเถอะ ไม่ว่าอิวามุโระจะชอบหรือไม่ชอบคอสเดรสก็ไม่ใช่ปัญหาของผมนี่นา ที่จริงแล้วพวกเขายังเล่าอีกว่าเรย์กะสนุกสนานกับการแปลงร่างอิวามุโระให้กลายเป็น 'สาวงาม' เอามากๆ เลยลงท้ายด้วยการที่คนทั้งห้องมาร่วมด้วยช่วยกันแปลงโฉมเขาอีกแรง
ทว่า ผมไม่ได้คิดเลยจริงๆ ว่าจะได้เห็นสิ่งนั้นเมื่อการแข่งเริ่มต้นขึ้น
-
ก่อนหน้านั้น ผมพยายามตามหาเรย์กะเพื่อชวนเธอมานั่งด้วยกันกับผมและมาซายะ แต่ก็หาเธอไม่เจอกระทั่งการแข่งเริ่ม ผมก็เลยยอมแพ้
แปลกชะมัด
ซาโตมิ หัวหน้าห้องของเรย์กะบอกว่าเรย์กะกำลังยุ่งกับการเตรียมตัวสำหรับการแข่งของเธอ ผมออกจะแปลกใจ เพราะผมจำได้ว่าเรย์กะลงแข่งแค่โยนบอลลงตระกร้าและวิ่งสามขา แต่หมอนี่ก็ไม่ยอมบอกผมว่าเธอไปซ่อนอยู่ที่ไหน
ดังนั้นผมก็เลยนั่งอยู่กับมาซายะและเพื่อนๆ อีกไม่กี่คน สร้างบาเรียร์ขึ้นป้องกันตัวจากพวกแฟนเกิร์ลที่พยายามเข้ามาใกล้ เรายังนั่งวิจารณ์ชุดคอสตูมของผู้เข้าแข่งแต่ละคนและหัวเราะว่าใครแต่งได้ตลกที่สุด คือ...ผมน่ะพูดถึง แต่มาซายะน่ะวิจารณ์ชุดสัตว์ของนักแข่งทุกคนหนักมาก โธ่เอ๊ยมาซายะ ใจเย็นหน่อยไม่ได้รึไง?
และแล้วก็ถึงเวลาที่นักแข่งจากห้องเรย์กะจะเข้ามาร่วม
แรกสุดคือซินเดอเรลล่า จากนั้นเด็กสาวในชุดที่ดูแล้วไม่แน่ใจว่าคืออะไรก็ตามออกมา แล้วเสียงเชียร์ดังกระหึ่งก็กลายเป็นเสียงพูดคุยฮือฮา ผมตาเบิกกว้างเมื่อเห็นผมม้วนอันคุ้นเคยนั่น
ซาโตมิบอกว่าผมน่าจะพกมือถือมาถ่ายรูปด้วย แต่ผมไม่ได้สนใจเพราะการกลับไปกลับมาจากล็อคเกอร์มันวุ่นวาย ตอนนี้ผมเสียใจขึ้นมาแล้ว
"นั่น...นั่นคุณคิโชวอินใช่มั้ย?" ผมพูดขึ้นอย่างแปลกใจ มาซายะนิ่งเงียบอย่างตกตะลึงอยู่ข้างๆ
"ท่านเรย์กะ ยอดเยี่ยมมากค่ะ!"
"พยายามเข้าน้า คุณคิโชวอิน!"
ผมหันไปตามเสียงเชียร์ เห็นกลุ่มผู้ติดตามของเรย์กะและหัวหน้าห้องเชียร์เรย์กะเสียงดัง นั่นเรย์กะจริงๆสินะ!
"ยัยนั่นแต่งเป็นตัวบ้าอะไรเนี่ย...?" มาซายะถามขึ้นขณะจ้องมอง ว้าว เธอวิ่งช้าจริงๆ
"ยังน่ารักเหมือนเคยเลยน้า" หนึ่งในกลุ่มเพื่อนของเราพูดขึ้น เมื่อผมหันไปมอง เขาก็พูดต่อทันที "ผมหมายถึง ชุดของเธอน่ารักน่ะครับ!"
"นายจะบอกว่าท่านคิโชวอินไม่น่ารักเหรอ?" เพื่อนอีกคนถามด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ
ผมยิ้มให้เขาและพูด "ผมว่าเธอน่ารักมากนะ ไม่คิดงั้นเหรอ?"
หมอนั่นตอบพร้อมรอยยิ้มตึง "ครับ ครับ ตามที่ท่านพูดครับ ท่านเอ็นโจ"
ผมหันความสนใจกลับไปที่การแข่งขันอีกครั้ง พร้อมๆ กับที่คนอื่นๆหันไปแกล้งเจ้าคนสิ้นหวังนั่น และมาซายะก็กลับมาวิพากษ์วิจารณ์ชุดคอสตูมต่อ
ในที่สุด ห้องของเรย์กะก็ไม่ชนะ แต่แน่นอนว่าเป็นผู้เข้าแข่งขันที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในวันนี้
อืม ผมรู้เลยว่าเรื่องนี้ต้องกลายเป็นหัวข้อสนทนาในวันพรุ่งนี้แน่ๆ
-
หลังจากการแข่งอีกหลายอย่างผ่านไป ในที่สุดก็ถึงเวลาขี่ม้าส่งเมือง
ปีนี้มีทีมป๊อบๆ เยอะแยะไปหมด ทุกครั้งที่แต่ละทีมเดินผ่านประตูเข้าสู่สนาม เสียงเชียร์ก็ยิ่งดังขึ้นทุกที ทีมที่นิยมที่สุดก็เป็นของม.ปลายปีหนึ่ง ทีมของมิซึซากิ อาริมะ สมาชิกสภานักเรียนคนล่าสุด เสียงเชียร์จากแฟนคลับของหมอนั่นทลายความตื่นเต้นเสียจนสิ้นซาก
แต่ทีมที่ได้รับเสียงเชียร์ดังที่สุดเป็นของรุ่นพี่โทโมเอะ เซ็นจุ อดีตประธานสภานักเรียน ถ้าคิดว่าเสียงเชียร์ของมิซึซากิดังเป็นบ้าแล้วล่ะก็ เสียงเชียร์ของแฟนๆ โทโมเอะนั้นก็ดังเสียจนเก้าอี้บนอัฒจันทร์ต้องสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง
ผมยังเห็นว่าเรย์กะปรบมืออย่างกระตือรือล้นจากที่นั่งของเธอ อีกแล้ว เธอมองเขาด้วยใบหน้าซับสีเลือด ใบหน้าของผมบิดเบี้ยวเมื่อหันไปอีกทาง ความรู้สึกไม่สบายใจและความขุ่นเคืองพลุ่งพล่าน เธอยังไม่ลืมเขาอีกเหรอ?
ผมหันไปสนใจการแข่งขันในสนามเบื้องหน้า การแข่งขันนั้นดุเดือดยิ่งกว่าสมัยมัธยมต้น จากความต่างของร่างกายและพละกำลังอันมหาศาล
แม้จะเป็นเช่นนั้น กลุ่มของมิซึซากิก็ยังเทียบเคียงกับรุ่นพี่ หมอนั่นฉกเอาผ้าคาดหัวของทุกคนที่ขวางทางมาได้
ทีมเริ่มหายไปทีละทีม นั่นหมายถึงสงครามเพื่อชิงตำแหน่งราชาใกล้เข้ามาทุกที ทีมมิซึซากิต้องปะทะกับทีมของโทโมเอะจนได้
ม้าของพวกเขาพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม ขณะที่ผู้ขี่ก็พยายามคว้าผ้าคาดหัวมา พวกเขายืนคุมเชิงกันจนกระทั่งฝ่ายโทโมเอะเข้าหลอกล่อ และฝั่งมิซึซากิตกหลุมพราง
ช่องว่างนี้ทำให้โทโมเอะแย่งเอาผ้าคาดหัวของมิซึซากิมาจนได้
ผมได้ยินเสียงสบถ เมื่อหันไปก็เห็นว่าเป็นของมาซายะ สีหน้าของเขาดูทั้งอับอายและไม่พอใจ ไม่ต้องเดาก็รู้ การที่หมอนี่ต้องมานั่งดูการแข่งดุเดือดขนาดนี้ ทำให้เขาต้องอยากถอนคำพูดที่บอกว่าถอนตัวไปก่อนหน้านี้แน่ๆ
ท้ายที่สุดแล้ว โทโมเอะก็มีชัยเหนือรุ่นพี่ปีสามทีมอื่นๆ และเป็นผู้ชนะในงาน กลายเป็นราชาของการแข่งในปีนี้
ผมเห็นเขามองไปทางกลุ่มแฟนของตัวเอง จากนั้น เขาก็เผยรอยยิ้ม ยกนิ้วโป้งให้ แล้วขยิบตาไปในทิศทางนั้น แฟนคลับของเขาถึงกับบ้าคลั่งไปเลย เขายังยิ้มกว้างขณะโบกมือไปให้กับใครบางคนในฝูงชน จากนั้นก็กอดคอเพื่อนจากไป
ผมมองตามทิศทางนั้น และเห็นเรย์กะที่หน้าแดงแจ๋
เธอมีความสัมพันธ์กับหมอนั่นแบบไหนกันแน่วะ!
จบไม้ 17 ชอบความเกรี้ยวกราดนี้ของเอ็นโจจัง...
วันนี้ว่าง เดี๋ยวต่อตอน18เลยละกันนะ
<<Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 18 >>
อย่างที่คิดไว้ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรย์กะและอดีตประธานนักเรียนกลายมาเป็นหัวข้อสนทนาทันทีหลังการแข่งขี่ม้าส่งเมืองจบลง
เรย์กะดูตกใจกับข่าวนี้และพยายามหาทางระงับมันตลอดวัน ทว่าก็ยากที่จะเชื่อว่าทั้งสองคนไม่มีอะไรต่อกัน หากเธอเป็นเพียงนักเรียนทั่วไปก็คงไม่สำคัญ แต่เธอคือ คิโชวอิน เรย์กะ ผู้นำกลุ่มนักเรียนหญิง นักเรียนตัวอย่างผู้เพียบพร้อมของซุยรัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอมักจะมีสีหน้าใจเย็นอยู่เสมอ หายากยิ่งที่จะแสดงความรู้สึกชื่มชมอะไร รวมถึงเรื่องผู้ชายหรือเรื่องรักใคร่ แล้วทำไมอยู่ๆ เธอถึงได้เริ่มเชียร์ใครสักคนอย่างกระตือรือล้นขนาดนั้นล่ะ?
แค่นั้นก็มากพอให้โทโมเอะต้องกลายเป็นศัตรูกับกลุ่มคิโชวอินแฟนคลับแล้ว
หมอนั่นเลยถูกไล่ล่าเพื่อเค้นเอาคำตอบให้ได้
ซึ่งผมก็บังเอิญเดินผ่านเมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นพอดี
---
"นายมีความสัมพันธ์ยังไงกับคุณคิโชวอิน?" นักเรียนปีสามคนหนึ่งถาม เบื้องหลังผู้พูดยังมีนักเรียนคนอื่นอีกหลายคน ผมเห็นว่าส่วนใหญ่ในนั้นยังเป็นสมาชิก Pivoine เสียด้วย บรรยากาศในโถงทางเดินนั้นราวกับทุ่งทุนดร้า เย็นยะเยือกและมีเพียงเสียงอันเงียบงันแห่งความตาย
คนมุงต่างยืนมองอดีตประธานนักเรียนที่ถูกสมาชิก Pivoine รุมล้อมด้วยสายตาเป็นกังวล
แม้จะถูกจับจ้อง โทโมเอะก็ยังตอบด้วยน้ำเสียงใจเย็น "ก็เป็นรุ่นน้องไง"
"แกจะล่อลวงเธอใช่ไหม?" เสียงคำรามของ Pivoine คนนั้นน่ากลัวยิ่ง ผมเห็นนักเรียนคนอื่นๆ ตัวสั่นสะท้านทว่าไม่กล้าละสายตาจากเหตุการณ์เลือดสาดที่กำลังจะมาถึง น่าแปลกใจจริงๆ ที่โทโมเอะยังใจเย็นอยู่ได้
"เปล่าซะหน่อย เธอก็เป็นคนที่ฉันรู้จักนี่ เธอเป็นเด็กดีออก รู้มั้ย" เขาตอบอย่างสบายๆ "แล้วก็ พวกนายไม่เว่อร์ไปหน่อยรึไง? รุมฉันแบบนี้ พวกนายตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?"
ผมสะอึกกับคำพูดของเขา ทำแบบนั้นเดี๋ยวก็โดนตัดสินโทษประหารหรอก!
ถึงผมจะสนใจอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับเรย์กะเป็นยังไง แต่ก็ไม่เคยคิดจะจุดชนวนให้ Pivoine และสภานักเรียนต้องปะทะกันหรอกนะ
ผมชอบความคิดที่ว่าน่าจะปล่อยเรื่องให้เป็นไปทั้งแบบนี้ ไม่มีเหตุผลที่ต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเองสักนิด การที่ Pivoine และสภานักเรียนปะทะกันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ ต่อให้เกิดการลงไม้ลงมือกัน แต่สุดท้าย Pivoine ก็จะเดินจากไปโดยไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย ส่วนกับโทโมเอะไม่ใช่แบบนั้น เขาจะต้องถูกบังคับให้รับผิดกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น และเมื่อคิดถึงความหยิ่งผยองของ Pivoine แล้ว พวกนั้นก็อาจจะลากครอบครัวเข้ามาเกี่ยวด้วยหากอยากจะทำ
และจะจบลงตรงที่หมอนั่นถูกไล่ออก
ผมตั้งใจจะเดินจากไป แต่ความรู้สึกผิดก็สะกิดผม เมื่อจำได้ว่าเรย์กะดูกระตือรือล้นขนาดไหนเมื่อเชียร์โทโมเอะในงานกีฬาสี ความไม่สบายใจเริ่มงอกเงย ผมรู้ ผมกำจัดเขาได้ แค่ปล่อยให้เรื่องมันเป็นไปแบบนี้ แต่นั่นจะทำให้เรย์กะโศกเศร้าใช่ไหมนะ?
ผมก้าวเข้าไป "เกิดอะไรขึ้น?"
"ท่านเอ็นโจ?"
"โอ้ เอ็นโจคุง เป็นไงบ้าง"
เสียงตอบอันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเมื่อผมมาถึงนั้นชัดเจนมาก ผมมองทั้งสองฝ่ายอย่างจริงจังขณะคิดว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ยังไงดี ผมสบถด่าตัวเองที่ทำตัวให้วุ่นวายแม้ภายนอกจะสวมหน้ากากใจเย็น ผมจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีวะเนี่ย?
"ทำไมถึงมายืนรุมรุ่นพี่โทโมเอะในโถงทางเดินแบบนี้ล่ะครับ?" ผมถาม พวกปีสามละสีหน้าขุ่นเคืองลงอย่างรวดเร็ว และเริ่มเล่าให้ฟังว่านักเรียนนอก(โทโมเอะ) นั้นทำตัวโอ้อวดเพียงเพราะชนะงานกีฬาสี โทโมเอะเงียบฟังเสียงก่นด่าอย่างอดทนและมองผมอย่างเงียบงัน เขารู้ว่าผมมองดูอยู่ก่อนหน้า แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่ม
ผมแอบถอนหายใจ "จากที่ผมเห็น ดูเหมือนเกือบจะมีการปะทะกันเล็กน้อยระหว่างพวกรุ่นพี่ใช่ไหมครับ รุ่นพี่ทาคาฮาชิ"
ผมมองตัวแทนปีสามซึ่งไม่ได้กล่าวโต้ตอบ จากนั้นจึงหันไปหาโทโมเอะ เขายังคงเงียบมองผม ผมเห็นร่องรอยชื่นชมในแววหาคู่นั้น หา? ผมไม่ได้เข้ามายุ่งกับเรื่องเพราะ 'คุณ' เพราะงั้นเลิกทำหน้าแบบนั้นเลยนะ
"อ่า ไม่มีอะไรหรอก เอ็นโจคุง" เขาพูดแบบนั้น แล้วหันมามองทุกคน ก่อนจะพูด "เอาล่ะ ฉันต้องกลับบ้านแล้ว ไปนะทุกคน บาย"
พวกรุ่นพี่บางคนยังคงจ้องตามร่างที่หายลับไป ทว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปขัด อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนที่ผมยังอยู่แถวนี้ อาจจะเพราะพวกเขาบางคนพยายามปูทางเข้าหาผมกับมาซายะอย่างยากลำบาก ก็เลยไม่อยากให้ความพยายามนั้นพังลงกระมัง
ทุกคนเริ่มแยกย้ายจากไป กระทั่งคนสุดท้ายที่เหลืออยู่คือผมและทาคาฮาชิ หนึ่งในสมาชิก Pivoine ชั้นปีสาม
"ขอโทษที่สร้างปัญหานะ ท่านเอ็นโจ" ในที่สุดทาคาฮาชิก็พูดออกมาเมื่อทุกคนจากไปแล้ว
"ทำไมครับ?" ผมกอดอกถาม ทาคาฮาชิเป็นรุ่นพี่จาก Pivoine ที่ผมเคารพ โดยปกติแล้วเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเฉื่อยชาและใจเย็น แล้วทำไมวันนี้ถึงได้เดือดนัก? ถึงขั้นตามล่าคนจากสภานักเรียนเนี่ยนะ?
"คือ...นายชอบคุณคิโชวอินอยู่ไม่ใช่เหรอ?"
ผมแทบจะสำลัก
"...นั่นมันเกี่ยวอะไรด้วยครับ?"
"ฉันเห็นอยู่ว่านายเป็นยังไงเวลาเป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอ ก็ช่วยไม่ได้นะ แต่ก็คิดว่าถ้าความพยายามทั้งหมดที่นายทำมาด้วยความหวังดีต้องพังลงเพราะโทโมเอะก็คงแย่ ที่จริงฉันกะว่าจะคุยกับหมอนั่นเป็นการส่วนตัว แต่เพื่อนของฉันดันมารวมตัวกันเสียอย่างนั้น...สถานการณ์ก็เลยเลวร้ายลง" ทาคาฮาชิดูอับอายแทบตายเมื่ออธิบาย "อีกอย่าง ถ้าหมอนั่นจะล่อลวงเธอจริงๆ ก็คงเลวร้ายน่าดู เพราะเขามีแฟนอยู่แล้วด้วย ฉันว่านายก็ไม่อยากเห็นคุณคิโชวอินอกหักเหมือนกัน ใช่ไหมล่ะ?"
"หมอนั่นมีแฟนอยู่แล้ว?" ผมทวน
ทาคาฮาชิพยักหน้ารับ พูดเบา "เพื่อนสมัยเด็กของฉันเอง ยัยคาซุมิ...สองคนนั้นคบกันจริงจังมาตั้งนานแล้ว ฉันไม่อยากรบกวนคาซุมิจังเรื่องนี้ก็เลยจัดการเอง ถ้าสุดท้ายหมอนั่นทำทั้งสองคนเจ็บทั้งคู่ก็คงไม่ดี เลยอยากจะไปเตือนหมอนั่นไว้ก่อนว่าไม่ให้ก่อเรื่องยุ่งยาก" เขาถอนใจ "หมอนั่นน่ะสมองทึบ ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้าจริงๆ แล้วเขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าคุณคิโชวอินชอบตัวเองอยู่"
ทาคาฮาชิตบหลังผมเบาๆ "นายยังมีโอกาสนะเอ็นโจคุง! อย่ากังวลนักล่ะ!"
ผมปัดมือเขาออก "ผมไม่ได้ชอบเธอแบบนั้นนะ! เลิกทำเหมือนผมชอบเธอซะที!"
"แน่น้อน นาย 'ไม่ชอบแบบนั้น' จริงๆ"
-
ผมตรงไปยังห้องสโมสร Pivoine พร้อมกับมาซายะ
พอเข้าไปก็เห็นเรย์กะกำลังเก็บของพอดี เอ๊ะ ถึงเวลากลับบ้านของเธอแล้วเหรอ?
ผมกำลังจะบอกลาเธอ มาซายะก็โพล่งขึ้น "อ๊ะ ยัยหนูงี่เง่า"
ผมหันไปขมวดคิ้วใส่เขา "มาซายะ"
ห้องสโมสรเงียบกริบ
ผมหันไปมองเรย์กะ เธอมีสีหน้าแข็งทื่อ ก่อนจะกล่าวลาเสียงอ่อน "...สวัสดีค่ะ ท่านคาบุรากิ ท่านเอ็นโจ ขอตัวก่อนนะคะ"
เธอกำลังจะจากไปอีกครั้ง มาซายะก็พูดขึ้นอีก "นี่ เธอเป็นหนูแท้ๆ ทำไมถึงไม่ติดจมูกหนูล่ะ ปีหน้าพยายามให้มากกว่านี้หน่อยสิ"
"มาซายะ" ผมเรียกเขาเสียงดังกว่าเดิม เอาจริงดิไอ้บ้านี่? เนี่ยเหรอเรื่องที่นายสนใจ? จำเป็นต้องทักเธอกลางห้องสโมสรด้วยเหรอ?
เมื่อผมมองเรย์กะอีกครั้ง สีหน้าเธอดำมืด ผมตัวสั่นเมื่อนึกถึงตอนที่เธอเข้าสู่โหมดจักรพรรดินีเต็มขั้นแล้วฉีกกระชากมาซายะ
คิดว่าทั้งคู่จะปะทะกันซะแล้ว ทว่าเรย์กะกลับขยับกระเป๋าแล้วเดินผ่านเราไป
"ให้ตายสิ ยัยนั่นจะรับคำติเพื่อก่อไม่ได้เลยรึไง?"
"นั่นติเพื่อก่อเหรอ?" ผมถามอย่างเหลือเชื่อ แต่เสียงเหมือนเสียดสีมากกว่า
"อืม...ในฐานะสมาชิก Pivoine แล้ว การแต่งตัวเช่นนั้นออกจะ..."
ผมหันไปจ้องคนพูด รู้สึกหงุดหงิดขึ้นในใจ ก็แล้วยังไงล่ะ เรย์กะแค่ตัดสินใจจะช่วยห้องของเธอเท่านั้นเอง!
"ฉันได้ยินมาว่านักวิ่งคนเดิมได้รับบาดเจ็บจนวิ่งไม่ได้ พอไม่มีใครยอมมารับตำแหน่งนี้แทน คุณคิโชวอินเลยขันอาสาเพื่อช่วยห้องตัวเอง"
ผมนั่งลงบนโซฟะพร้อมกับมาซายะที่มุมห้อง ยังคงพูดต่อเสียงดัง "ฉันว่าคุณคิโชวอินเป็นคนดีมาก ถึงไม่อยากทำก็ยังช่วยห้องของเธอเต็มที่ แต่เธอก็ตัวเล็กมาก ชุดคอสตูมที่มีก็ไม่พอดีตัว เลยต้องหาอย่างอื่นมาใส่แทนเพราะมันนาทีสุดท้ายแล้ว"
"โอ...แบบนี้นี่เอง"
"อ๋าา คุณคิโชวอินใจดีเกินไปแล้ว"
"ถูกบังคับงั้นสินะ เฮ้อ คุณคิโชวอินน่าสงสารจัง"
ผมได้ยินเสียงผู้คนพูดคุยกันหลังผมพูดจบ เหมือนข้อมูลที่ได้จากซาโตมิจะช่วยเปลี่ยนมุมมองของคนพวกนี้ได้มากทีเดียว ผมถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อไม่มีใครอยากจะเชื่ออยู่แล้วว่าเรย์กะอยากทำอะไรแปลกๆ เอง พวกเขาก็ยอมรับกันได้ว่าเธอทำไปเพื่อช่วยห้อง
นี่คือเรย์กะเอ็ฟเฟ็คท์แน่นอน ไม่ว่าเธอจะทำอะไรพิลึกแค่ไหน แต่ผู้คนก็จะมองมันในแง่ดีเพื่อเธอ เฮ้อ
ผมถอนใจขณะดื่มชา
"อ้อ ใช่แล้ว มาซายะ นั่นน่ะไม่ใช่การติเพื่อก่อหรอกนะ ถ้านายอยากจะวิจารณ์การแต่งตัวของคุณคิโชวอินล่ะก็ คราวหน้าทำให้มันเหมาะสมด้วย"
-
จบตอน 18
กุชอบความปกป้องรุ่นพี่โทโมเอะตอนนี้มาก แอบจิ้นด้วย 55555555555555555555555555
ในกาวนอก เหมือนจะรู้กันทั้ง รร แล้วมั้ง ว่าเอ็นโจชอบเรย์กะ
มองดูอย่างอบอุ่นว่าเมื่อไหร่เขาจะลงเอยกันสักที
แต่ตราบใดที่ยังไม่เคลียร์เรื่องตัวเองให้เรียบร้อยก็ไม่เชียร์หรอกนะ!!
ว่าแล้วก็ประกาศตามหาอ.ฮิโยโกะ กลับมาต่อเถอะค่ะ เผื่อเฮียแกจะเคลียร์ตัวเอง TT^TT
/แต่ก่อนนี่เชียร์ทุกคนที่ไม่ใช่คาบุกะเอ็นโจอะ รำ แต่หลังจากนั้นก็พบว่าเรือทุกลำที่ลงทยอยโดนระเบิดเพราะมีแฟนแล้ว ตะเตือนไต
/ขอคันตะได้มะ ทำไมยูกิโนะไม่เกิดเร็วกว่านี้หน่อยล่ะลูก
นั่นสินะ มีท่านเรย์กะวาคาบะอยู่แล้วทั้งคน ยังจะต้องเชียร์ใครอีก
มีใครอัปเดตมู้ลงสารมัญยัง?
ขอ ky หน่อย คือวันนี้กูคุ้ยฟิคอ่านแบบสุ่มๆ ชอบฟิคกาลครั้งหนึ่งในฝัน ฟิคเรย์กะความจำเสื่อม แล้วก็ฟิคเกอิชา โม่งคนเขียนอยู่แห่งใด ได้โปรดมาต่อที กูอยากอ่านต่อมากๆ
ฟิคเกอิชานี่กร๊าวใจมาก รอฉันรอเธออยู่นะ โม่งฟิคคค ;;w;;
เอ้อ ฟิคเรย์กะสามัญชนด้วย อันนั้นก็ดจีย์มากค่ะ
ชอบความจงใจพูดเสียงดังให้คนอื่นได้ยินด้วย 5555555 ทำไมกาวนอกแต่ละคนดูเป็นผู้เป็นคนจังวะ
<<Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 19 >>
"ได้ยินว่างานวัฒนธรรมปีนี้ ห้องของคุณคิโชวอินทำคาเฟ่ที่มีกิมมิคพิเศษด้วยนะ" ผมเริ่มบทสนทนา
ยูริเอะ ไอระ และมาซายะ รวมถึงผมกำลังนั่งดื่มชาอยู่ในห้องสโมสร Pivoine อีกทีนึง ลำดับการนั่งของพวกเราจะเป็น มาซายะ, ยูริเอะ, ไอระ แล้วก็ผมรอบโต๊ะ ไอระกับยูริเอะหูกระดิกทันทีที่ได้ยินคำว่า "กิมมิค" แล้วเริ่มให้ผมเล่ารายละเอียดมากกว่านี้ กระทั่งมาซายะก็ยังมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
"ฉันยังไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่เหมือนว่าหัวหน้าห้อง คุณยูคินาริเล่าว่าห้องนั้นจะทำคาเฟ่ในธีม...โกธิคโลลิต้าคอสเดรสล่ะมั้งนะ?" อันที่จริง พอพูดแบบนี้ออกมาดังๆ ผมก็อดสงสัยเรื่องสุขภาพจิตของชาวห้องเรย์กะไม่ได้ ผมพูดต่อ "เหมือนวางแผนจะตั้งชื่อว่า คาเฟ่แกะดอลลี่"
"เรย์กะจังจะออกมาเสิร์ฟด้านนอกด้วยรึเปล่าน่ะ?"
"เท่าที่ได้ยิน เหมือนเธอจะเป็นมาสคอตล่ะนะ"
"อุ๊ย เรียกว่าแกะ(ฮิทสึจิ) เพราะเธอเป็นพ่อบ้าน(ชิทสึจิ) รึเปล่าน้า?"
"น่าจะใช่ล่ะมั้ง"
"ยัยนั่นน่าจะตั้งใจแต่งตัวมากกว่าเดิมนะคราวนี้ ไอ้ที่ใส่ตอนวันกีฬาสีนั่นน่าผิดหวังชะมัด" มาซายะวิจารณ์ขณะกินมาการอง ยูริเอะเลิกคิ้วถาม "น่าผิดหวังเหรอ?"
"ยัยนั่นไม่ได้พยายามเลยสักนิด" มาซายะแก้ตัวเมื่อเห็นยูริเอะเริ่มตั้งท่าจะดุอีกแล้ว
"ฉันว่าเธอน่ารักมากนะ นายว่าไง ชูสุเกะ"
"เธอดูดีนะ ผมว่า" ผมตอบอย่างใจเย็นและดื่มน้ำชา
"หา? นายยังข่มคนอื่นอยู่เลยตอนที่มีคนบอกว่าคิโชวอินไม่น่ารักไม่ใช่รึไง?"
ผมสำลักน้ำชา ลดแล้วลง และเช็ดหน้าก่อนจะตอบ "ไม่ได้มีเรื่องอย่างนั้นซะหน่อย..."
"ไม่อะ มันเกิดขึ้นแน่ๆ ฉันชัวร์มาก นายยังยิ้มดำมืดด้วย เพราะงั้นฉันมั่นใจสุดๆ"
"อู้ววว ชูสุเกะตกหลุมรักงั้นเหรอ?" ไอระล้อ
ยูริเอะก็มองผมเหมือนกัน ดวงตาเธอเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตามมาด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง "เรย์กะจังเหรอจ๊ะ? ทั้งสองคนต้องเหมาะกันมากเลย!"
"ฉันไม่--" "งั้นวันงานเราไปคาเฟ่ของเรย์กะจังกันเถอะ!" ยูริเอะยิ้มสว่างไสว มาซายะตอบตกลงอย่างรวดเร็ว อนาคตผมถูกเจ้าพวกนี้ตัดสินไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
----
"หว - หวา" ไอระถึงกับอึ้งเมื่อเห็นแถวคนรอต่อเข้าคาเฟ่แกะดอลลี่ยาวเหยียด จำนวนคนรอเข้าคาเฟ่นั้นเยอะจนน่ากลัว ผมเห็นหลายคนหัวเราะกันอย่างตื่นเต้น ดูโทรศัพท์ของตัวเอง หรือกระทั่งหัวเราะคิกคักเมื่อถูกเมดเอสคอร์ทออกจากร้านและกล่าวอำลา
ผมมองแถวอันยาวเหยียดแล้วก็เริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมา เราน่าจะมาถึงเร็วกว่านี้ถ้าไม่ใช่เพราะยูริเอะชวนใครบางคนที่ไม่น่าชวนมาด้วย เอาเถอะ ยังไงยัยนั่นก็วุ่นวายอยู่กับมาซายะ ไม่ใช่ผมนี่นะ
ผมเตรียมใจจะรอแล้ว แต่คนที่อยู่แถวหน้าก็เห็นพวกเราเข้าเสียก่อน พวกนั้นเลยยกที่ของตัวเองให้เรา พวกเราเลยไม่ต้องต่อแถวรอยาวเหยียด ยูริเอะกับไอระพยายามปฏิเสธแล้ว แต่มาซายะรับไว้อย่าง อย่างน้อยนายก็มีดีอยู่บ้างนี่นา มาซายะ
แน่นอน ก็เหมือนปกติ ความวุ่นวายบังเกิดขึ้นในคาเฟ่ทันทีที่เรามาถึง ผมเห็นพวกผู้ชายหันมามองยูริเอะกับไอระ ส่วนพวกผู้หญิงก็พยายามเรียกร้องความสนใจจากผมกับมาซายะ
เรานั่งลง แล้วสาวน้อยบัทเลอร์ก็มาดูแลเราที่โต๊ะ
"เรย์กะจัง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน" ไอระร้องทักทันที
เรย์กะยิ้ม ทักทายพวกเราตอบ
"คุณคิโชวอิน" ผมยิ้ม "ต่อจากหนูก็เป็นแกะเหรอ ทุกคนฮือฮากันใหญ่เลยนะ"
"แล้วจมูกแกะล่ะไปไหน" มาซายะวิจารณ์ทันทีหลังจากที่มองเธอ
"เอามาติดจมูกแล้วมันหายใจไม่ออกค่ะ"
"หาทางพัฒนาหน่อยซี่"
ผมไม่สนใจการล้อกันของสองคนนี้ แต่เมื่อหันไปเห็นเด็กผู้หญิงที่ตัดสินใจทำตัวเป็นกาวติดหนึบอยู่ข้างตัวมาซายะคนนั้น เธอมีรอยยิ้มเยาะหยันอยู่บนหน้า ขณะที่เรียกเรย์กะ
"คุณเรย์กะเนี่ยเป็นถึงคุณหนูตระกูลคิโชวอินแท้ๆ แต่ช่างแต่งตัวประหลาดดีจังเลยนะคะ" เธอม้วนปลายผมของตัวเองด้วยนิ้วมือ พร้อมกับที่พยายามทำเสียงเหยียดหยัน หืม ต้องเป็นเพราะมาซายะสนใจเด็กผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอเป็นแน่ ยัยนี่พยายามโหยหวนเรียกร้องความสนใจมาสักพักแล้วนี่นะ
"เอมะ" ยูริเอะดุ "ขอโทษนะจ้ะ คุณเรย์กะ"
"แหม ~ท่านพี่ยูริเอะเนี่ยล่ะก็~" ไมฮามะทำเสียงง้องแง้ง ผมอยากคำรามเป็นบ้า ทำไมยูริเอะถึงได้เชิญคนน่ารำคาญแบบนี้มานะ?
ไมฮะมาเลิกทำเสียงโหยหวน ก่อนจะหันไปมองเรย์กะ แล้วยิ้มเย้ย "ทั้งแต่งแฟนซีทั้งอดอาหาร คุณเรย์กะเนี่ยทำอะไรแปลกๆ เรื่อยเลย" เธอหัวเราะ
ผมเห็นเรย์กะนิ่วหน้าเล็กน้อย ผมสูดลมหายใจเข้า รำคาญชะมัด ยัยผู้หญิงคนนี้...
"นี่เป็นการวิจารณ์คุณแม่มาซายะคนต้นคิดโปรเจคต์นี้หรือเปล่านะ ไว้ผมไปบอกคุณน้าให้เอาไหม" ผมยิ้มสดใสให้ไมฮามะ เธอเปลี่ยนสีหน้าและแก้ตัวทันที โง่เง่า
เรย์กะจากไปเมื่อรับออร์เดอร์เสร็จ ระหว่างรอ ยูริเอะและไอระก็เริ่มคุยกันว่าเมดคนไหนเป็นยังไงบ้าง ใครดูไม่สมหญิง ใครที่ดูออกจะ...กล้ามโตไปหน่อยสำหรับงานนี้ น่าประหลาดใจตรงที่อิวามุโระร่างใหญ่ยักษ์คนนั้นดูดีมากทีเดียว มาซายะและผมต้องตกใจอีกรอบเมื่ออิวามุโระเห็นเราจ้องอยู่ เขาถึงกับเข้ามาทักทายเราเลยทีเดียว
"ใครแต่งหน้าให้คุณคะเนี่ย?" ไมฮามะถามอย่างแปลกใจเมื่อมองเขา
"ท่านเรย์กะน่ะครับ ดูดีมากเลยใช่ไหม?" เขายิ้มและแตะหน้าตัวเอง ผมรู้สึกว่ามาซายะมองอย่างไม่เชื่อ ก่อนจะโพล่งถาม "ทำไมยัยนั่นเป็นแกะอยู่คนเดียวล่ะ?"
"อ๋อ" อิวามุโระนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองรอบๆ "จริงๆ แล้วเป็นความคิดของซาโตมิน่ะครับ อ่า ผมต้องไปแล้วล่ะ แล้วเจอกันครับทุกท่าน" เขาจากไปอย่างรวดเร็ว
ไมฮามะทำหน้างงงันอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะส่ายหน้าและพยายามเรียกร้องความสนใจจากมาซายะต่อ เพราะแบบนั้น ความสนใจมากมายเลยหันมาที่โต๊ะเรา ความสนใจในแง่ร้ายน่ะนะ
ผมถอนใจ มองกลับไปทางที่เรย์กะหายไป เร็วเข้า กลับมาเร้ว!
มาซายะคุยกับผม และไม่สนใจไมฮามะที่พยายามจะคุยด้วยโดยสิ้นเชิง
"รายการที่สั่งได้แล้วค่ะ" เรย์กะกลับมาพร้อมน้ำชาและคุกกี้ มาซายะมองอย่างสงสัย แต่เรย์กะบอกว่าคุกกี้เสิร์ฟเฉพาะลูกค้าผู้หญิงเท่านั้น เธอวางคุกกี้รูปแกะสีเหลืองทองลงตรงหน้ายูริเอะและไอระ ก่อนจะวางคุกกี้แกะดำลงตรงหน้าไมฮามะ
ผมดื่มชาเพื่อไม่ให้เผลอแค่นหายใจใส่เจ้าหล่อน คุกกี้นี่เหมาะกับยัยนี่สุดๆไปเลย
จากนั้นเราก็จากมา มาซายะวางแผนว่าจะเดินดูรอบๆ โรงเรียนด้วยกัน ไอระกับผมมองตามไมฮามะที่วิ่งตามสองคนนั้นไป
"ไปได้ไม่สวยเลยเนอะ ว่ามั้ย?" ไอระถามผมอย่างนุ่มนวลเมื่อเห็นทั้งสามจากไป
"ไม่เลยสักนิด" ผมถอนใจ ลั่นคอกร๊อบ เฮ้ๆ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ช่วยนะ
ไอระยังคงมองตาม แล้วถอนใจ "ก็นะ ถ้าสองคนนั้นใช้เวลาร่วมกันมากกว่านี้สักหน่อย..."
ผมล่ะเดาไม่ออกเลยจริงๆ
---
ผมกำลังเช็คเมล์ทางคอมพิวเตอร์อยู่ เมื่อเข้าไปดูในอินบ็อกซ์ก็เห็นเมล์เข้าสองฉบับ อันนึงจากยูริเอะ อีกอันจากมาซายะ
ผมเปิดเมล์มาซายะขึ้นมาอ่านก่อน มันเขียนไว้สั้นๆ 'ยัยปฏิเสธฉันแล้ว'
โอ๊ย เชี่ย
ผมรีบเปิดอ่านเมล์จากยูริเอะเพื่อยืนยันข้อสงสัยตัวเองทันที เชี่ย
ผมโทรหามาซายะอย่างเร่งร้อน หวังว่าเขาจะรับสาย แต่ก็ถูกส่งไปที่ว้อยซ์เมล์แทน ดังนั้นผมเลยโทรหาแม่ของมาซายะ
"คุณน้าครับ มาซายะอยู่ไหน?"
---
จบตอน 19
<<Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 20 >>
ผมไม่ได้เจอหรือคุยกับมาซายะเลยตั้งแต่ที่หมอนั่นขังตัวเองอยู่ในห้อง ทุกครั้งที่ไปคฤหาสถ์คาบุรากิ หมอนั่นก็ปฏิเสธไม่ยอมเจอใครโดยสิ้นเชิง
แย่ถึงขนาดที่พ่อของหมอนั่นต้องยกเลิกทริปธุรกิจไปเพราะลูกชายกำลังหดหู่สิ้นหวัง กระทั่งคุณน้าก็ยังไม่จัดงานสังสรรค์ตามปกติเพราะเป็นห่วงมาซายะเอามากๆ
การสอบผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่มาซายะก็ไม่ยอมไปโรงเรียน
ผมจ้องมองบอร์ดประกาศผลคะแนนที่ดูยังไงก็ไม่น่ายินดี
1. ทาคามิจิ วาคาบะ
2. เอ็นโจ ชูสุเกะ
3. มิซุซากิ อาริมะ
ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆ ว่าจะได้เห็นวันที่ไม่มีชื่อมาซายะอยู่บนบอร์ดนี้
ผมจมอยู่กับความคิดตัวเองจนไม่สังเกตุเห็นใครบางคนที่มาดูคะแนน ก่อนคนๆ นั้นจะร้องออกมาเสียงดัง
"ที่หนึ่งล่ะ!"
ผมหันไปมองท่ามกลางฝูงชน พบว่าต้นเสียงคือทาคามิจินั่นเอง
เธอกำลังดีอกดีใจและกระโดดไปมาอย่างมีความสุข ผู้คนที่ตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อเริ่มกลับมารู้ตัวอีกครั้งและมองเธอด้วยสีหน้าอันตราย
เฮ้ๆ คุณทาคามิจิ จุดยืนของคุณในโรงเรียนนี้เริ่มอันตรายแล้วนะ
ผมมองไปรอบๆ สังเกตว่าสายตาเหล่านั้นกำลังเล็งเป้าทาคามิจิอยู่
"สวัสดีครับ คุณทาคามิจิ"
ผมยิ้มทักเธออย่างสุภาพ เธอกำลังฮึมฮัมอย่างตื่นเต้น แต่ก็ดูเหมือนจะเย็นลงบ้างเมื่อเห็นผม
"สวัสดีค่ะท่านเอ็นโจ! ยินดีด้วยที่ได้ที่สองนะคะ ท่านต้องอ่านหนังสือมาอย่างหนักแน่เลย" เธอตอบอย่างสุภาพ ใช้คำสุภาพ(โกะคิเก็งโย)เหรอ?
"ขอบคุณนะ ดูเหมือนผมต้องพยายามหนักกว่านี้ถ้าอยากจะแซงหน้าคุณ" ผมยิ้ม "ได้ที่หนึ่งแบบนี้ คราวนี้คุณคงอ่านหนังสือหนักเลยสินะ ยินดีด้วยนะ แต่ว่า--" ผมพยักเพยิดไปทางพวกที่กำลังซุบซิบนินทาอยู่ "ผมว่าไว้ฉลองทีหลังจะดีกว่า"
"อ๊ะ! จริงด้วย" เธอหันมองรอบตัว ดูเหมือนจะมีร่องรอยความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อเห็นว่าตัวเองกลายเป็นเป้าความสนใจไปแล้ว
ผมพยักหน้ากับตัวเอง แล้วเดินจากมา
ดูจากสีหน้าของทุกคนแล้ว...จุดยืนในโรงเรียนของเธอตอนนี้ร่วงลงเหวเลยล่ะ
-
ผมกำลังเดินกลับไปที่รถ ก็บังเอิญเจอกับเรย์กะเข้าพอดี
"สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ"
รู้สึกได้ว่าเธอกำลังมองผมอย่างพิจารณา ดังนั้นผมเลยพยายามดึงรอยยิ้มที่ดีที่สุดมาประดับใบหน้า "ว่าไง คุณคิโชวอิน"
เมื่อเห็นดวงตาของเธอหรี่ลง และกำลังจะก้าวเท้าจากไป หน้าผมก็บิดไปนิดหน่อย ดูเหมือนรอยยิ้มของผมจะไม่มีผลในการปิดบังเรย์กะ "ดูเหนื่อยๆ นะคะ เป็นอะไรหรือเปล่า"
"อื๋อ ? ไม่เป็นไรหรอก แหม จริงๆ ก็มีหลายเรื่องน่ะนะ" ผมพยายามลืมๆ ปัญหาของผมไป แต่แล้วก็เห็นว่าเธอกำลังจะจากไปอีกแล้ว
เอ๋ เราเพิ่งจะได้คุยกันเองนะ! "คุณคิโชวอินก็สนใจหรือเปล่า เรื่องของมาซายะน่ะ"
"เอ๋ ?" เธอหันมามอง แม้ใบหน้าจะดูเยือกเย็น ทว่าดวงตานั้นหรี่ลงเล็กน้อย มุมปากของเธอกระตุก
"ไม่หรอกค่ะ ก็เป็นห่วงว่าจะไม่สบายไปหรือเปล่าน่ะค่ะ"
"ไม่สบายนะ..." จะพูดเรื่องนี้ก็คงพูดได้แค่ทำนองนี้ล่ะนะ
"เอ่อ... สุขภาพทรุดโทรมลงหรือเปล่าคะ"
ผมมองเธอและโคลงหัวเล็กน้อยขณะตอบ
"สุขภาพ...ทรุดโทรมลงหรือเปล่านะ ยังไงกันน้า ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
"เอ๋ !"
"ไม่ได้เจอมาซายะเลยน่ะ"
"ไม่ไปเยี่ยมหน่อยเหรอคะ"
คำตอบของเธอทำให้ผมอึ้งไปเหมอืนกัน เริ่มสนใจเรื่องของมาซายะตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ? ปกติคุณวิ่งหนีพวกเราตลอดเลยไม่ใช่รึไง?
"ไปเยี่ยมเหรอ คุณคิโชวอิน จะไปด้วยกันไหมล่ะ ไปเยี่ยมมาซายะน่ะ" ผมเสนอ ครึ่งหนึ่งก็แอบหวังว่าจะดึงเธอมาช่วยผมกับหมอนั่นได้ ถึงจะเคยบอกว่าจะไม่สร้างปัญหาให้เธออีกแล้วก็เถอะ...
"ล้อเล่นน่า" ผมยิ้มเมื่อเห็นสีร่องรอยสยองขวัญที่ปิดไม่อยู่ในดวงตาเธอ "ไปหาที่บ้านก็ไม่เจอมาซายะหรอก ตอนนี้เขาออกเดินทางน่ะ"
"ออกเดินทางเหรอคะ" เธอทำหน้าสงสัย ช่าย ผมรู้ ผมก็นึกว่าคุณน้าล้อเล่นตอนที่ได้ยินเหมือนกันแหละ แต่เดาจากนิสัยของมาซายะแล้วก็มีความเป็นไปได้สุดๆ เลย ปัญหาคือหมอนั่นไปที่ไหนเท่านั้นแหละ ที่ผมอยากจะรู้
"ใช่ นี่ความลับนะ ถ้าเล่าให้ใครฟังละก็เจออะไรน่ากลัวแน่"
"ไม่พูดหรอกค่ะ" เรย์กะตอบอย่างมั่นใจ
"ไม่นึกเลยว่าอยู่ดีๆ เพื่อนสนิทก็จะเปลี่ยนจ็อบเป็นนักเดินทางซะงั้นน่ะน้า~"
ผมถอนหายใจ รู้สึกปวดหัวตุบๆ เรย์กะที่ยืนอยู่ด้วยก็ดูเหมือนกำลังประสบปัญหาเช่นกัน
"อ้อ...."
"แล้วท่านคาบุรากิจะกลับมาจากเดินทางเมื่อไหร่เหรอคะ"
"เพราะไม่รู้ถึงลำบากอยู่นี่ไง กำลังจะไปเกลี้ยกล่อมมาซายะอยู่นี่แหละ"
"อ้อ... คงลำบากนะคะ...."
"ยังไงก็เถอะ นี่เป็นความลับนะ โอเค้?" ผมย้ำเธออีกรอบ ยกนิ้วขึ้่นแตะริมฝีปากด้วยท่าทาง 'ชู่' พอมาคิดดูอีกทีมันดูโง่ๆ ยังไงไม่รู้ เรย์กะไม่ใช่คนที่ชอบโพนทะนาความลับให้ใครฟังอยู่แล้ว ดูไม่เหมือนคนที่ชอบนินทาคนอื่นลับหลังด้วย ความนิยมและความหนักแน่นของเธอไม่ใช่เรื่องโกหก มันเป็นของจริง...
หลังจากที่เธอยืนยันอีกครั้งว่ามั่นใจได้ ผมก็จากมา
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเว็บไซต์สองสามเว็บ เดาจากนิสัยของมาซายะแล้ว ผมควรจะหาสถานที่ฆ่าตัวตายยอดนิยมเป็นอันดับแรก อาห์...แต่เดี๋ยวก็จะหน้าหนาวแล้วนี่นา หวังว่าหมอนั่นจะเอาเสื้อโค้ทไปด้วยตอนเดินทางนะ...
--
จบตอนที่ 20
อ่านมาถึงเอ็นโจสบถเชี่ยแล้วรู้สึกแปลกๆ คือกูนึกภาพเอ็นโจพูดจาหยาบคายไม่ออกเลยว่ะ 55555555555
ขอบคุณสำหรับกาวค่ะ รักเหล่าโม่งแปลทั้งหลายนะยูววว
บัดซบ, พับผ่า, ให้ตายเถอะ ก็ได้มั้ง
กูว่าแปลคำหยาบก็ได้ กูเดาว่ากาวนอกไม่ได้มองเอ็นโจเหมือนกาวไทย ดูมีความเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาๆเยอะอยู่
สังหรณ์ว่าเวลาไซซายะแทนตัวกับจอมมารอาจจะใช้โอเระก็ได้นะ ฟีลกุรู้สึกว่ามาซายะมันพวกเด็กผู้ชายหลงตัวเองที่หยาบใส่คนอื่นน่ะ เอ็นโอก็น่าจะมีบ้าง กับคนที่สนิท คนเรามันต้องมีสบถบ้างแหละ สุภาพยันความคิดนี่ก็คงแปลกๆ
คั่นแปบ ขนาดยัยหมูขาวในแมวดุ้นยังเปลี่ยนตัวเองจากหน้ามือไปหลังมือได้ ทำไมเจ้าแม่กูยังสวยเสียของเหมือนเดิมวะ
อาจไม่เหมาเพราะมีคนได้จูบแรกนางไปแล้ว
บากะรีน่านี่เรื่องไรนะ
>>514 กูว่าท่านพี่ก็ซิสค่อนนะ แต่อยู่ในระดับปกติของพี่ชายที่พึงกระทำ ไอ้เรื่องห่วงน้อง ปกป้องน้องจากคนไม่ดีที่จะมาหลอก แล้วเรย์กะก็เป็นน้องที่น่ารัก อ้อนพี่ ไม่งี่เง่าใส่ ท่านพี่เลยตามใจทุกอย่างเพราะยังไงก็รู้ว่าน้องสาวเป็นคนมีเหตุผลไม่เอาแต่ใจ ลองเรย์กะมีนิสัยแบบคิริโนะในน้องสาวไม่น่ารักแล้วไปวอแวแบบตอนนี้ดิ ท่านพี่คงอยากตีเข่าใส่วันละหลายรอบแหงๆ แล้วคงไม่อ่อนโยนด้วยเท่าไหร่
อยากได้ฟิกแบบท่านเรย์กะไปอยู่ในคิมิดอลมังงะจริงๆ อยากเจอคาบุหล่อสุขุมมั่ง
ถ้าอ่าน pov ของท่านพี่นี่ไอซิสค่อนกระจายอ่ะ แบบไม่ต้องมาทำตัวตามติด แต่ใส่ใจเรย์กะสุดๆ ปากบ่นนู่นนั่นนี่ แต่ก็ตามใจทุกอย่าง อาหารเรย์กะไม่อร่อยก็ฝืนแดร๊ก ชอกโกแลตไม่อร่อยก็จำใจกิน ไม่กล้าบอกว่ารสมันแย่ กลัวน้องเสียใจ วันสำคัญน้องก็ไปทุกอีเวนต์ แถมสังเกตทุกการกระทำอีก น้องไม่มาอ้อนก็บ่นถึง(ในใจ) แต่เรื่องหวงนี่ไม่เถียง แกดูไม่หวงเท่าไหร่ แต่ไม่แน่ อาจจะเพราะเรื่องยังเดินไปไม่ถึงตรงนั้น ไม่แน่ท่ายพี่อาจเปนลาสบอสของพระเอกเรื่องนร้ก็ได้
>>520 ตอนนี้ก็อยู่ในมังงะคิมิดอลไม่ใช่เรอะ แค่เรย์กะนางไปเห็นโฉมหน้าจริงๆของเหล่าตัวละครหลักที่อยู่นอกเหนือจากที่ถูกวาดโชว์ในมังงะเท่านั้นเอง ตัวประกอบอื่นๆยังเห็นคาบุหล่อสุขุม เอ็นโจหล่ออ่อนโยนเป็นเจ้าชาย วาคาบะก็ตามมาตรฐานนางเอกมังงะโชโจที่มีมุมโก๊ะๆเปิ่นๆบ้าง อาริมะก็เป็นคนจริงจังเอาการเอางาน เรย์กะที่สนิทใกล้ชิดกับพวกนี้ก็ได้เห็นอีกมุมหนึ่งเท่านั้นเอง
กุว่าท่านพี่ดูมีความใส่ใจแบบสมจริงอ่ะ ทำงานบริษัทยุ่งๆ มาตามน้องสาวไม่ลืมหูลืมตามันก็ไม่ใช่เรื่องใช่ม้า แต่นี่นั่งทำตุ๊กตาให้น้อง กลับมาเหนื่อยๆ ก็ช่วยติวหนังสือ และที่เด็ดสุดคือได้กลิ่นดอกไม้ไฟจากตัวน้องนี่แหละ แถมบอกให้โทรเรียกพี่ไปรับได้อีกตะหากแม้จะมีคนขับรถแล้วก็ตาม มันช่างกร๊าวใจ
>>532 ที่คนเขียนต้องติดสกรีนโทน ลงสีให้สีผมแตกต่างกันเพราะเดี๋ยวคนอ่านแยกหน้าตาไม่ออก ผมดำเดี๋ยวเหมาว่าเป็นคาบุหมดทุกคน ทั้งที่วาดอาริมะ สองคนนี้ยิ่งมาสไตล์คล้ายๆกันอยู่ 55555
>>533 ถ้าเป็นมังงะโชโจ นางเอกสไตล์สดใสร่าเริงแบบวาคาบะมักจะผมสีน้ำตาลหรือน้ำตาลอ่อนๆนะ นางเอกผมดำนี่ต้องแนวๆสาวที่ดูเรียบร้อยเป็นกุลสตรีหรือไม่ก็สวยลึกลับ
แต่ที่นางเอกแนวสดใสร่าเริงจะผมน้ำตาล ส่วนนางเอกแนวเรียบร้อยจะผมดำนี่มันบ่งบอกว่าคนญี่ปุ่นชอบย้อมผมกันป่ะวะ นี่กูไม่รู้วัฒนธรรมเขานะ แต่พวกร่าเริงสดใสมักมั่นใจในตัวเองกันพอสมควร แล้วก็ลุกขึ้นมาย้อมผมเสริมความดูดีให้ตัวเองกันไรงี้ ส่วนพวกเรียบร้อยก็จะไม่กล้าแหกกฎห้ามย้อมผมของโรงเรียนเลยไว้ผมดำเรียบๆไม่ตกแต่งมากประมาณนี้รึเปล่า
จริงโลกที่ท่านเรย์กะอยู่ในนิยายนี้อาจเหมือนคิมิดอลมังกะต้นฉบับก็ได้นา แต่เพราะคิโชวอิน เรย์กะเปลี่ยนไป เมื่อนางร้ายไม่ยอมเล่นบทนางร้าย เลยเกินบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟค ทำให้ตัวละครบิดไปจากเดิมกันหมด
แค่พวกอีเว้นหลักๆก็ยังอยู่ครบ อย่างคาบุโดนยูริเอะปฏิเสธจนช็อค หรือ การที่คาบุได้รู้จักกับวาคาบะจังแม้ไม่มีนางร้ายค่อยกลั่นแกล้งก็ได้รู้จักจากการรถชนอยู่ดี
งั้นความโสดคานทองของเจ้าแม่ก็คงตามต้นฉบับสินะ
รอดูเดธแฟลกเจ้าแม่เนี้ยว่าจะเกิดได้อย่างไร อีเว่นหลักของเรื่องเลยนะ
ตามคิมิฯ เนี่ย เจ้าแม่ต้องผมทองแน่ๆ ไม่รู้เป็นไร คาแร็คเตอร์คุณหนูผมม้วนเอาแต่ใจมันต้องผมทองกันรัวๆ
ยูริเอะน่าจะผมดำแบบเรียบร้อยๆ ส่วนไอระกุว่าผมสั้นสีแดงๆ
>>545 ก็นะ...นางมีอะไรก็ปฏิเสธไว้ก่อนถึงได้นกรัวๆแบบนี้ไง ทำตัวเองแท้ๆไม่ต้องโทษใครหรอก คนมาจีบคนเข้าหาตั้งเยอะก็ไม่เอา อยากไปร้านกาแฟด้วยแต่ก็ปฏิเสธแล้วก็บ่ายเบี่ยงอ้อมไปอ้อมมา ขนาดเด็กประถมชวนไปงานคริสต์มาสนางก็ยังปฏิเสธได้เลยต้องมานั่งเฉาๆอยู่กับเพื่อนในจินตนาการทุกปี ถ้านางเล่นด้วยกับจอมมารหน่อยนี่ป่านนี้จีบติดไปไหนต่อไหนละ อีตานี่จะได้ไม่มาถูกตราหน้าว่าเป็นไอ้ไก่อ่อนอยู่จนปัจจุบันนี้หรอก 55555555555
ไล่อ่านตอนเก่าจนจบแล้ว ก็ยังไม่มา เฮ้อออ อยากอ่านมากเลย
เคยรอนิยายนานสุดเท่าไหร่กันวะ แล้วสมหวังมั้ย พวกตำนานแบ่บ หน้ากากแก้ว Berserk คำสาปฟาโรห์ นี่ไม่นับนะ
หย่งเยี่ยของกูกูในตำนานแห่งตำหนักนิยายจีนสิ
รอนิยายตัวเอง 10ปีแล้วยังห้าบทอยู่เลย ขี้เกียจเขียนต่อ
ฟิคบางเรื่องไม่อัพมา 13 ปีละ กูยังรอเลย ฮือ ถึงรู้ว่าเค้าน่าจะไม่มาเขียนละ แต่ก็รอ
กูหวังว่า ท่านฮิจะปล่อยตอนที่ 300 เดือนนี้...
มองชื่อกระทู้ เรายังมีประกายแสงแห่งความหวังกันอยู่ใช่มะ...
ยังไม่สิ้นเดือนเลยใจร่มๆ วันก่อนโม่งแปลแปะโปสเตอร์งานดอกไม้ไฟ วันที่ 28/7 แน่ะ รอไปก่อน
ไม่งั้นท่านฮิก็รองานดอกไม้ไฟ จะได้ไปดื่มด่ำบรรยากาศ แล้วค่อยกลับมาเขียน
เมื่อคืนนี้กูฝันว่าท่านเรย์กะติดlc....
ภาวนาให้เป็นจริง ลงเน็ตฟลิกด้วยจะเป็นพระคุณ
ว่าแต่ซีรีย์ญี่ปุ่นแบบคนแสดงจริง
มีเรื่องไหนที่มีตัวละครลูกคุณหนูทำผมม้วนแบบท่านเรย์กะบ้างไหมนิ
>>575 พวกคุณหนูผมม้วนในซีรีย์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะออกมาแนวๆตัวรองหรือตัวร้าย ถ้านางเอกจะผมสั้นประบ่าหรือผมยาวตรงกันซะมากกว่า แต่ถ้าเป็นนางเอกก็เรื่องชิราโทริ เรโกะ นางเป็นคุณหนูก็ป้องปากหัวเราะโอะโฮะโฮะ แต่เรื่องนี้นางเอกเนื้อหอม ชายหนุ่มหมายปองจะจีบแต่นางไม่เอา ไปชอบหนุ่มธรรมดาหน้าตาบ้านๆ แล้วนางก็ไม่ค่อยประสีประสาเรื่องความรัก เลยได้ข้อมูลมั่วๆเกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆหรือเรื่องอย่างว่ามาผิดๆทุกที เป็นการ์ตูนตลก
>>580 ประมาณนี้มั้ง https://imgur.com/a/UovJKCn
มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ...
กูว่านางก็สวยน่ารักนั่นล่ะ หน้าตาเหมือนตุ๊กตาหรือไว้ผมหลอดไม่ใช่ปัญหาหรอก เพียงแต่ฐานะสูงส่งเกินไปเลยไม่มีใครกล้าเอื้อมไปถึงเท่านั้นเอง แถมยังมีหนุ่มตัวท็อปมารายล้อม มีลูกสมุนผู้ภักดีที่พร้อมลากไปสั่งสอนในมุมมืดอีก นางเลยสถิตบนคานตราบนานเท่านาน
ก็นะ ลองคิดดูว่าถ้าเซเลปสาวสวยบ้านรวยชาติตระกูลล้ำเลิศมาอยู่ใกล้ๆ ถึงจะชอบแต่ก็คงได้แต่มองว่ะ ไม่กล้าเข้าไปจีบหรอก ระดับมันต่างกันเกินไป แบบเจ้าแม่ที่ทุกคนในโรงเรียนรู้ว่านางเป็นใคร เลยไม่มีใครอยากยุ่ง แต่เด็กนอกโรงเรียนแบบพวกอุเมวากะหรือเด็กที่มาเล่นดอกไม้ไฟไม่ได้มารู้ฐานะด้วยเลยกล้าที่จะพูดแซวมากกว่า มันไม่ต้องมีความเกรงอกเกรงใจกันเพราะอยู่กันคนละโรงเรียน คนละสังคมด้วยล่ะ ให้พวกอุเมวากะมาอยู่ซุยรันก็คงเป็นแบบเด็กนักเรียนชายทั่วไปที่ไม่ค่อยอยากยุ่งกับเจ้าแม่หรือไม่กล้าแซวต่อหน้าแน่ๆ
ฟิคท่านเรย์กะที่โดนกูดองไป ไม่มีกาวแล้ว นึกไม่ออกแล้วว่าพล็อตยังไง เอามาแปะไว้ให้เพื่อนโม่ง เป็นอนุสรณ์ความกาวของกูเอง
ปล. กูดูวันที่ที่กูส่งไฟล์ให้ตัวเองในอีเมล์ 28 กรกฎา 2017
...
เชิญเอ็นจอย
สุดท้ายฉันก็พาคาบุรากิไปถึงฝั่งฝัน...แค่ก หมายถึง ในที่สุดนายนั่นก็ขอวาคาบะจังเป็นแฟนได้สำเร็จ! ในวันที่เดินกลับบ้านไปด้วยกัน แวะกินราเม็งร้านข้างทางอย่างเอร็ดอร่อย เมื่ออยู่ห่างจากบ้านฝ่ายหญิงไม่เกินสามหลังคา ในใจพลันบังเกิดความรู้สึกอยากให้ทางกลับบ้านนั้นยืดยาวออกไป ฝ่ายชายจึงเอื้อมมืออกไปคว้ามืออีกฝ่ายไว้แน่น ริมฝีปากพลันขยับพูดออกมาสามคำ "เป็นแฟนกันนะ"
ถือว่าเป็นอันปิดตำนานซินเดอเรลล่าแห่งซุยรัน จักรพรรดิผู้สูงส่งและเด็กสาวจากก้นครัวเบเกอรี่ งานของฉันก็ถือว่าเป็นอันจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ
ซะที่ไหนกันละคะ! หลังจากคาบุรากิส่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยรวมให้ฉันพร้อมกับแนบท้ายมาว่าเผลอหลุดปากขอวาคาบะจังเป็นแฟนไปตอนใกล้ถึงบ้านมาจบในหนึ่งข้อความ แต่ข้อความต่อมาต่อๆมา และต่อๆๆมาของหมอนั่นกลับเต็มไปด้วยคำบ่นไร้สาระ
"...ฉันน่ะลืมตัวไปหน่อย ทั้งที่กะจะขอเป็นตัวอักษรที่จะอ่านได้เฉพาะตอนมองลงมาจากเครื่องบินเจ็ทตรงที่ว่างในต่างประเทศซักที่แท้ๆ..."
"...แต่ทาคามิจิต้องไม่ยอมไปแน่ เลยคิดเผื่อปฏิเสธว่าอาจจะชวนไปบ้านพักตากอากาศต่างจังหวัดแทนแล้วก็เล่นมายากลไปเซอร์ไพรส์..."
"...หรือถ้าเล่นเปียโนพร้อมกับบอกความในใจ ระหว่างช่วงดนตรีสดตอนดินเนอร์ก็ฟังดูไม่เลว"
"...หรืออย่างน้อยฉันก็ควรมีดอกกุหลาบให้ยัยนั่นซะหน่อย..."
"เธอว่่าไง ยัยนั่นจะผิดหวังมากๆเลยรึเปล่านะ"
"เธอว่าพรุ่งนี้ฉันควรจะทำมันใหม่รึเปล่า ให้รถขนดอกไม้ไปส่งที่โรงเรียน แล้วประกาศว่าทาคามิจิน่ะเป็นของฉัน ไอ้ประธานนักเรียนนั่นจะได้รู้จักระยะห่างซะบ้าง"
"แต่อย่างนั้นฉันจะก็ต้องเลิกก่อนที่จะขอเป็นแฟนใหม่รึเปล่า?"
"อย่างนั้นน่ะไม่ได้นะ!"
"คิโชวอิน เธอคิดยังไง"
"นี่ๆ คิโชวอิน ตอบอะไรมาบ้างสิ!"
"เฮ้! นี่เป็นเรื่องสำคัญนะ ถ้าเธอไม่ตอบฉันจะโทรตอนนี้แล้วนะ!!"
ฉันมองไฟโทรศัพท์ที่กะพริบอย่างรวดเร็วซึ่งบ่งบอกว่ากล่องข้อความของฉันกำลังถูกถมด้วยอีเมลล์ขยะจากคาบุรากิ แต่พอเปิดเมลล์ล่าสุด สายตาก็เหลือบไปเห็นข้อความล่าสุดที่บอกว่าจะโทรมาเข้า
ฉันขยับนิ้วไปกดปุ่มปิดเครื่องอย่างรวดเร็ว
เจ้าลูกบ้านหมู่บ้านมีรักนี่น่ารำคาญจริงๆ ไม่รู้จักเวล่ำเวลาซะบ้าง ตอนค่ำวันศุกร์น่ะไม่มีใครว่างงานตลอดแบบนายหรอกนะยะ
คำถามที่ถามมาก็ไม่ได้เรื่อง! ดูจากข้อความที่ส่งมาก็รู้แล้วว่าบทเรียนความรักภาคทฤษฎีของหมอนี่ไม่รุ่งเพราะทักษะการวางแผนต่ำถึงติดลบ แต่ละอันที่เสนอก็แทบจะเหมือนกับลอกออกมาจากคอลัมน์ ขอแต่งงานอย่างไรดี จากนิตยสารแม่บ้านรายสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยยี่สิบเคล็ดลับเด็ดมัดใจสาว เก้าฮาวทูบีอะกู้ดไวฟุ ส่วนภาคปฏิบัติก็ห่วยแตกเพราะขาดความอดทนและไม่รู้จักการควบคุมตัวเอง
ยังไงก็เถอะ ถ้าวาคาบะจังตอบตกลงก็คงต้องถือว่าหมอนี่สอบผ่านล่ะนะ! คาบุรากิย้ายออกจากสำนักไปตั้งรกรากใหม่ ในที่สุดฉันก็จะได้เป็นไท!
ไม่มีการลากไปนู่นมานี่ตอนเย็น! ไม่มีการขัดจังหวะการปฏิบัติหน้าที่ของหัวหน้าชมรมของฉัน! ไม่มีอีเมลล์ขยะมารบกวนจิตใจ!
ไปต้มราเมงฉลองดีกว่า อุฮุฮุ
แต่ความรู้สึกยิบๆในอกนี่มันอะไรกันนะ... หรือว่า นี่คือสิ่งที่อาจารย์ประจำชั้นรู้สึกเวลาที่นักเรียนสำเร็จการศึกษาใช่มั้ยนะ?!? อยู่ดีๆ ฉันก็นึกถึงอนิเมะเรื่องหนึ่งในชาติที่แล้ว ฉากจบเป็นภาพแผ่นหลังของเด็กนักเรียนที่โตขึ้นมาเป็นครูซ้อนทับกับคุณครูที่เสียชีวิตไปแล้ว ในตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่ากะอีแค่สอนแค่เทอมเดียวจะไปส่งผลต่ออนาคต จะไปผูกพันกันขนาดนั้นได้ยังไง
แต่ตอนนี้เหมือนจะเข้าใจเสี้ยวความรู้สึกพวกนั้นขึ้นมาอีกนิดหน่อยละมั้ง...?
ก๊อกๆ
"เรย์กะ ไหนว่ามาเอาของแปปเดียวไง พี่..." ท่านพี่เปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่พอเห็นฉันกลับขมวดคิ้วขึ้นมา ก่อนจะเดินมานั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้นกับฉันด้วย
"เปลี่ยนใจแล้วล่ะ พี่ว่าพี่ไม่ค่อยได้มาหาเรย์กะที่ห้องเท่าไหร่ วันนี้เราอยู่กันห้องนี้แล้วกัน"
"..."
ปกติฉันจะได้เห็นท่านพี่ที่ปกติจะนั่งมาดเนี้ยบอยู่บนโซฟาหรือเก้าอี้ทำงานตลอด พอได้เห็นท่านพี่มานั่งสบายๆที่พื้นก็ไม่รอช้าเอนตัวไปซบไหล่ท่านพี่อย่างผ่อนคลาย...ไม่สิ! นะ นี่มันไม่ถูกต้อง! ฉันไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้!
ความรู้สึกเดียวที่อยู่ในใจคือ แข็ง! แข็งมาก!
พยายามผ่อนคลายหัวอย่างเต็มที่แล้ว แต่ทำยังไงกระดูกหัวไหล่ของท่านพี่ก็ทิ่มจนเจ็บไปหมด ในใจน้ำตาฉันไหลพรากๆที่ไม่รู้จักคิดให้ดีก่อน แน่อยู่แล้วว่าท่านพี่ที่รูปร่างผอมกำลังดีมีกล้ามนิดๆ ย่อมไม่มีเนื้อนิ่มๆเหมือนหมอนหนุน
พวกมังงะโชโจหลอกลวง! ตอนนางเอกซบลงบนไหล่พระเอกถึงได้สบายจนหลับไปทั้งแบบนั้นนี่มันขี้โม้ทั้งเพ!
ฉันสาปแช่งคนแต่งมังงะเรื่องนั้นอย่างดุเดือด แต่กลับหนีความจริงที่ว่าฉันพึ่งเอนซบลงไปไม่นานไม่ได้ ต้องเวลานานเท่าไหนถึงจะขยับออกได้แบบไม่เสียมารยาทนะ ถ้าขยับออกเร็วเกินไป ท่านพี่ต้องไม่สบายใจแน่ แต่ไม่ขยับออกก็ไม่ได้เหมือนกัน...
"เรย์กะ..." ท่านพี่พูดแผ่วเบา จริงสิ! ขอแค่ท่านพี่เอ่ยปากบอกว่าหนัก ยังไงฉันก็ต้องลุกออกไป คิดได้ดังนี้ก็กดน้ำหนักหัวลงไปสุดแรง เจ็บมากแค่ซักพักนึงจะเป็นไร แต่รอแล้วรอเล่าท่านพี่ก็ไม่พูดต่อซักที แย่ล่ะสิ แรงกดหัวของฉันจะหมดแล้วนะ
ท่านพี่ขา ช่วยน้องหน่อยนะ!
"เรย์กะไม่ต้องผ่อนน้ำหนักหรอก...ทิ้งตัวลงมาได้เต็มที่เลย ไม่ต้องเกรงใจ" ท่านพี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
บางทีมีท่านพี่ที่อ่อนโยนขนาดนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าปวดใจ! ท่านพี่ทำเอาฉันรู้สึกผิดที่คิดจะขยับออก นานๆทีท่านพี่จะมีเวลามาอยู่กับฉันแท้ๆ...
บรรยากาศในห้องเงียบลงเมื่อท่านพี่ไม่พูดอะไรต่อ ส่วนฉันก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ช่วยคาบุรากิให้รักกับวาคาบะจังเสร็จแล้ว ป้องกันท่านพ่อโกงธุรกิจก็ทำเท่าที่ทำได้แล้ว เงินก็เก็บสะสมเกือบจะพอจบมหาวิทยาลัยทั่วๆไปได้แล้ว ฉันที่วางแผนมาตลอดสิบกว่าปีนี้ก็อดรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาไม่ได้
หลังพิธีจบการศึกษานี้...ถ้าไม่นับสปินออฟหลังแต่งงานของทั้งสองคน ก็จะถือว่ามังงะเรื่องนี้จบลงแล้ว ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าฉันจะสามารถเป็นเด็กธรรมดาๆบ้างได้รึเปล่า
"หึ เด็กโง่" ท่านพี่เอื้อมมืออีกข้างมาลูบหัวฉันเบาๆ ก่อนจะออกแรงดึงให้ฉันไปนอนพิงอกแทนที่จะเป็นหัวไหล่ แล้วใช้แขนทั้งสองข้างรวบกอดไว้...ท่านี้ ฉันอดนึกไปถึงคุณพ่อในชาติที่แล้วไม่ได้ ความอบอุ่นจากความทรงจำปนกับสัมผัสที่ได้รับทำเอาฉันน้ำตารื้น
"เมื่อกี้กังวลเรื่องอะไร...หรือว่าเรื่องใคร เรย์กะบอกพี่ได้นะ"น้ำเสียงท่านพี่อ่อนโยนมาก จนฉันนึกอยากจะพูดออกมาให้หมด เรื่องที่ฉันเข้ามาในโลกนี้ แต่ว่า...นั่นหมายถึงฉันจะต้องยอมรับกับท่านพี่...กับ คิโชวอิน ทาคาเทรุ ว่าฉันเป็นน้องสาวของเขาแต่ก็ไม่ใช่น้องสาวของเขา
"เรย์กะ มีคนมาหาแน่ะลูก ...อ้าว ทาคาเทรุก็อยู่นี่ด้วย พอดีเลย ลงไปทักทายเพื่อนของเรย์กะหน่อยสิจ้ะ" ท่านแม่พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอยู่หน้าประตูห้อง ท่าทางเหมือนดีใจจนกระทั่งประตูก็ลืมเคาะ
ผิดปกติ! ผิดปกติมากๆ! ไซเรนในหัวของฉันส่งเสียงดังลั่นพร้อมๆกับสัญญาณสีแดง นี่มันลางร้าย! คนที่จะกล้ามาหาฉันถึงบ้านในช่วงกลางคืนวันศุกร์ คนที่จะทำให้ท่านแม่แทบจะอุ้มฉันลงไปส่ง ในหัวผุดออกมาแค่คนเดียว แถมยังเป็นชื่อคนที่ฉันพึ่งปิดเครื่องหนีเขาไปเมื่อครู่
มะ ไม่จริงน่า กลางคืนวันศุกร์หมอนั่นยังจะมาอีกหรอ ฉันกล้าปิดเครื่องเพราะคิดว่าเวลานี้หมอนั่นคงไม่บ้าถึงขนาดมาหาที่บ้่าน แต่หลักฐานก็มีให้เห็นแล้วชัดๆ...ฉันจะหนีไปทางไหนได้บ้างนะ หน้าต่าง!?! ไม่ได้! รังนกพวกนั้นล็อตใหม่พึ่งจะเริ่มมา ยังไม่ได้กำจัดเลย
อ้อมกอดของท่านพี่รัดแน่นขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนท่านพี่จะกระซิบ "เรย์กะ ไปดูกันเถอะว่าใครมา"
หวาย~ ท่านพี่ไม่พอใจแล้ว น้ำเสียงเท่สุดๆไปเลยค่า ท่านพี่กำลังเล่นบทอัศวินพิทักษ์เจ้าหญิงอยู่สินะค้า ฉันตัวอ่อนยวบไปกับความรู้สึกได้รับการปกป้องจากท่านพี่ มีท่านพี่อยู่ อีตานั่นจะนับเป็นอะไรได้
เจ้าพ่อมดชั่วคาบุรากิ จงรับดาบเพลิงพิโรธนี้ไปซ้า~ โฮะๆๆ บังอาจมาขัดเวลาของฉันกับท่านพี่...
"เรย์กะ?"
"คะ? อ้อ ค่ะ ไปเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ" ฉันลุกขึ้น พอท่านพี่ลุกขึ้นมา ฉันก็เดินนำไปที่ห้องรับแขก
แน่นอนว่าคนที่มาก็หนีไม่พ้นคาบุรากิอย่างที่คาดไว้
แค่ก ท่านเอ็นโจค่าตัวแพง ยังไม่ออกค่ะ...
เอ้า อิเลวววววว กาวมาแล้วก็ตัดฉับ เป็นท่านฮิเรอะ?!? เขียนแล้วก็ดองจนลืมเนี่ย!!!
แล้วความอยากรู้ท่อนต่อไปอันนี้จะไปทิ้งไว้ตรงไหนดี ฮา
โดนท่านฮิโยโกะดองตอน300แล้วยังมาเจอโม่งซุยรันด้วยกันดองฟิคอีก
ดูดู๊ดู ดูเธอทำ ทำไมถึงทำกับฉันได้....
ความจริงคือกูเจอเพราะไปขุดอีเมลล์มาหาลิสต์หนังสือที่คิดว่าจะหามาอ่านตอนว่างๆ แล้วไปเจอ รู้แต่ตอนนั้นจงใจให้ท่านพี่แกล้งไม่รู้ว่าท่านเรย์กะอยากขยับหัวออกกับท่านพี่โมโหที่คาบุมาขัดจังหวะเรื่องที่สงสัยท่านเรย์กะ555555 ส่วนคาบุจะมาหามาพูดอะไรนั้น ลืมไปหมดแล้วจ้าา
>>602 ใช่555555 แต่ซบไหล่เพื่อนด้วยกันนี่แหละ จะนอนตอนนั่งรถซะหน่อย อมก วางแล้วอยากจะเด้งหัวออกแทบไม่ทัน กระดูกกระแทกหัว ยอมเมื่อยคอเพราะคอพับยังจะดีซะกว่า
ตอนนี้ผันตัวมาเป็นคนเสพงานเต็มตัวรอฟิคแปลจากโม่งซุยรันคนอื่นๆ❤️
ถ้าซบมันจะลำบากขนาดนี้ก็หนุนตักไปเหอะ... แค่อาจต้องใช้พื้นที่มากกว่านิดนึง แต่สบายกว่าเยอะปะ
........นั่งฟังเงียบๆ จากคนเรียนรร.สหศึกษาแผนกหญิงล้วน
ไปๆมาๆจากหมู่บ้านมีรักกลายเป็นเหลือแค่ป้ายทางเข้าแล้วที่เหลือเป็นหมู่บ้านคานทองหมดวะถถถถ
โควตกันมาตั้งแต่คุณหนูชิราโทริ เรโกะถึงฮารุฮิ บอกอายุโม่งซุยรันเบาๆ นะคะนี่ //แอบเด็ดผมหงอกออกจากศีรษะ
...สารภาพว่าแอบไปเสิรชกูเกิ้ลมาว่าฮารุฮิกับชิราโทริ เรโกะไหน//คารวะน้ำชาโอนี่ซามะทุก ๆ ท่านในบ้านพักคนชร---
ฮรฮนี่มันเมะเปิดศักราชคุไทยเลยปะ? ยี้ พวกคุ!!!
กุยังไม่ยี่สิบก็ทันฮารุฮินะเว้ยยยย กุไม่แก่นะ ;__;
...แก่พรรษาในวงการอนิเมะมังงะญี่ปุ่นไงมึง
กุไม่คุ กุแค่รู้เพราะตอนนั้นมีแฟนเป็นคุ #อวดความหมู่บ้านมีรักแต่เล็กแน่น้อย
ตั้งแต่รู้จักฮารุฮิ กูก็ไม่ต้องการที่จะมีแฟนอีกต่อไป
กูฝันว่าได้อ่านตอนที่300ด้วยมึง ในเรื่องเอ็นโจกับเรย์กะได้ไปดูดอกไม้ไฟด้วยกันอย่างกระหนุงกระหนิงเลย/ซับน้ำตา
ตอน268นี้เหมือนเป็นตอนที่คู่นี้คุยกันตรงๆแบบเปิดใจกันโดยมีหัวข้อสนทนาคือการนินทาคาบุรากิ
ตอนนี้คือมู้เหมือนฉากคุยรำลึกความหลังอันฝังใจเมื่อหลายสิบปีก่อนเลย ไม่นะ ท่านฮิโยโกะพึ่งดองไปไม่กี่เดือนเอ๊งงง
อีกไม่กี่วันจะครบรอบลงนิยายเรื่องนี้ตอนแรกนี่
|
|
|
|
l ̄ ̄ ̄ ̄ ̄ ̄ ̄l
l อ.ฮิโยโกะ l
| ได้โปรด l
| ลงท่านเรย์กะ l
| ตอนใหม่ l
| ♥ l
|________________l
(อยากจะเขียนว่าหลายๆตอนแบบโดขิๆด้วย แต่คนเราไม่ควรโลภมากสินะ...)
ไปลองอ่านน้องหมูขาวลูกสาวเอิร์ลมาแล้ว ที่บอกอีพี่ริวเซ่เหมือนเอ็นโจ ทั้งที่กูเรือเอ็นโจนะ ชอบเอ็นโจมากๆ แต่กูกลับไม่ชอบอีตานี่เลยว่ะ กูชอบริชาร์ดมากกว่าอีก หรือเพราะริวเซ่มันดูไม่จริงใจต่อน้องหมูวะ ออกแนวหาผลประโยชน์อย่างเดียวไม่ได้รักหรือหวังดีอะไร แค่ใช้น้องหมูเป็นเครื่องมือหาเงินเข้าดินแดนเฉยๆ
>>661 กูว่าเพราะท่านเอ็นโจมีโมเอะพ้อยต์ที่ท่านพี่ริวเซ่ไม่มีเว้ย55555//โดนสบู่ปาหัว
ต้องเริ่มจากว่าภาพลักษณ์ที่มีคนบอกว่าท่านเอ็นโจเหมือนท่านพี่ริวเซ่เนี่ยเพราะดูเป็นพวกเจ้าเล่ห์ จอมวางแผนเหมือนกันใช่มั้ย แต่ว่ามึงก็รู้ว่าท่านเอ็นโจที่เป็นจอมมารสตอล์กเกอร์ผู้อยู่เบื้องหลังจักรพรรดิคาบุรากิเนี่ยเป็นข่าวลือลับ ๆ ในปาร์ตี้น้ำชาของชาวโม่งซุยรันเรานะเฟ้ย//ชี้ไปที่ชาวซุยรันต่างประเทศที่เม้าท์กันว่าท่านเอ็นโจเอนจอยการเล่นพ่อแม่ลูกตั้งแต่อนุบาลยันมัธยมปลาย ถึงจะดูมีหลักฐานความเป็นจริงอยู่บ้าง*ทำหน้าขรึม* แต่ข่าวนั้นยังไม่ได้รับการยืนยัน ไม่นับว่าแหล่งข่าว(ท่านเรย์กะ)ก็เป็นที่รู้กันดีว่ายังยืนยันความน่าเชื่อถือไม่ได้(ฟิลเตอร์หนามากค่า)
ในขณะที่แปลไทยของน้องหมูขาวมาแค่ไม่กี่ตอนทำให้ท่านพี่ริวเซ่ออกมาไม่เยอะ แต่ท่านเอ็นโจเนี่ยเราจะเห็นโมเอะพ้อยต์มาประปรายตามเกือบสามร้อยตอนที่ผ่านมา
มอพ(ขก พิมพ์แล้ว5555)นัมเบอร์วัน ได้แก่ ท่านคาบุรากิมาซายะที่มีความสัมพันธ์กันว่า ฉัน(ตีสีหน้า)อ่อนโยนกับคนทั้งโลก แต่(กลั่นแกล้งอย่าง)จริงใจกับนายคนเดียวไงล่ะ มาซายะ (...จริง ๆ ต้องรวมท่านเรย์กะไปด้วยแต่เดี่ยวมันจะไม่เข้าคอนเซป) ความมีเพื่อนสนิทผู้ชายที่ตัวติดกันมากๆจนท่านเรย์กะถึงขั้นสงสัยว่าทำไมวันหนึ่งถึงไม่ได้มาโรงเรียนด้วยกัน(...) แสดงให้เห็นว่าหมอนี่ยังรักเพื่อนอยู่ ไม่ได้คบเพื่อผลประโยชน์อย่างเดียวทั้งหมด ซึ่งท่านริวเซ่กับคุณเจ้าชายคือชัดมากว่า เข้าหาเพราะผลประโยชน์ ส่วนปัจจุบันที่ยังคบกันอยู่ก็ไม่ชัวร์ว่าที่ยังสนิทกันเป็นเพราะผลประโยชน์อยู่มั้ยรึยังไง(แต่ถ้าให้พูด คือ ดูเหมือนไมได้สนิทกันเท่าไหร่ด้วยซ้ำในมุมมองน้องหมูที่ไม่ค่อยบรรยายให้เห็นความสัมพันธ์ของสองคนนี้ หรือเจ้าชายโผล่มาทีไรก็สนใจน้องหมูที่นางเข้าใจว่าสนใจเรื่องเดียวกันมากกว่าอยู่ตลอด) สรุปว่า ท่านพี่ริวเซ่ยิ่งดูเป็นคนที่ไม่
>>662 จริงๆกูก็เข้าใจนะ เป็นลอร์ดยังไงก็ต้องเอาเรื่องประโยชน์ของดินแดนมาก่อนความสุขตัวเองอยู่แล้วแบบเอลิซ่าในกระทู้เพื่อนบ้าน เพราะในเรื่องก็เห็นฮีไปทุ่มเทดูแลติดต่อค้าขายล้างหนี้สินอยู่ตลอด ไอ้ที่จะยกน้องหมูไปแต่งงานที่พิจารณาแล้วว่าไม่เกิดประโยชน์เลยห้ามไว้มันก็เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น พวกเจ้าๆทั้งหลายส่วนใหญ่ก็แต่งงานการเมืองเกี่ยวดองด้วยผลประโยชน์กันทั้งนั้น แต่กูก็รู้สึกว่าฮีเลือดเย็นไม่ค่อยแคร์น้องหมูเท่าไหร่เลยเห็นใจน้องเขาจนไม่ชอบอีตานี่นี่ล่ะ
>>663 คห.มึงนี่แอบวายนะเนี่ย 555555 ฉันหลอกลวงคนทั้งโลกแต่จริงใจกับนายคนเดียวนี่มันรู้สึกหวานแปลกๆ
>>664 จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป เดี๋ยวเค้ารู้ว่ากูแอบตั้งชมรมลับสีม่วง55555 จะต้องโดนท่าน ๆ สั่งปิดอย่างแน่นอน
จริง ๆ กูอยากพิมต่ออีก 5555555 โมเอะพ้อยต์อีก(หลาย)อย่างของท่านเอ็นโจคือการยิ้มขมขื่นจนเป็นซิกเนเจอร์และก็การหลบความวุ่นวายจากที่บ้านมานั่งจิบชาอย่างเหงา ๆ ในสโมสรยังไงล่ะ คิดดูว่าคนมันต้องเบอร์ไหนวะถึงได้หลบจากที่บ้านมาสโมสรที่โรงเรียนอะ ท่านเรย์กะบรรยายได้น่าสงสารเวอร์ คะแนนในตอนนั้นท่วมท้น
(ส่วนท่านริวเซ่ นับว่ามีความทะเยอทะยานและเห็นตระกูลเป็นหลักอยู่เหมือนกัน เหมือนจะเป็นตัวร้ายขนาดที่ว่าขายน้องสาวเพื่อหาคอนเนคชั่นได้แต่ก็ไม่เชิงซะทีเดียว อาจจะเพราะถูกเลี้ยงมาด้วยพ่อแม่แบบนั้นด้วยแหล่ะ โตมาไม่ฟุ่มเฟือย รู้จักพัฒนาบ้านเมือง สำหรับกู กูว่าพี่ริวเซ่ก็โอเคแล้ว อีกอย่างคือเพราะเทียบกันแล้วท่านพี่ริวเซ่ค่อนข้างจะอยู่ในยุคโบราณและยังมีเชื้อสายเป็นแค่ขุนนางบ้านนอกที่เป็นหนี้ แถมยังมีทีท่าว่าจะไม่ได้สืบทอดที่ดิน คนสืบทอดก็ดันเป็นยัยหมูที่ดูจะฟุ่มเฟือยทำหนี้เพิ่มอีก ก็เหมือนท่านเอลิซ่าที่เลือกจะวางยาพิษญาติ ๆ ทิ้งเพราะตัวเองคงแก้นิสัยพวกนั้นไม่ได้แล้ว ท่านพี่ริวเซ่ที่เลือดเย็นไม่เท่า(หรือ อาจจะเพราะเห็นมาแต่เล็ก ๆ ก็ยังต้องพิสูจน์ต่อไป...?)เลยคิดจะใช้น้องหมูขาวเป็นหมาก อย่างน้อยฟุ่มเฟือยก็ควรจะมีประโยชน์บ้างเถอะ แต่เคราะห์ดีที่น้องหมูขาวมีคนมาสวมร่างเลยมีประโยชน์มากกว่าถ้าเก็บไว้ ส่วนเอ็นโจเนี่ย เพื่อนสนิทเป็นทายาทอันดับหนึ่งของตระกูลอันดับหนึ่ง ตัวเองก็เป็นลูกชายคนโตของบ้านที่รวยมากกกและยังจะที่ห่างกับน้องที่ขี้โรคเป็นสิบปี ตำแหน่งนอนมาแล้ว ยังไงถ้าบริหารไม่แย่จริง ไม่ได้โกงกิน บริษัทก็ไม่น่าจะเจ๊ง ความลำบากในการใช้ชีวิตมันต่างกันน่ะ )
>>666 ชมรมเราลับมาก มีค่าแรกเข้าเป็นกาวหนึ่งอย่าง ให้เลือกว่าจะวาดรูปหรือแต่งฟิคหนึ่งตอน *ทำหน้าข่มขู่* 555555555 รู้สึกไร้สาระ ฟฟฟฟฟ แต่มู้มันเงียบ ขออาหารด้วย/ชูจาน วายก็ได้ ชญก็ได้ ยูริยังได้เลย นี่ไม่เรื่องมาก เรือไหนก็ได้ ภาษาต่างประเทศก็ยังได้ ฮื่ออ
นี่ถ้าอาจารย์ฮิโยโกะมาเติมอาหารพลังกาวตอนที่300กูแต่งฟิคยุยโกะ/เรย์กะถวายเลยก็ยังได้ เติมกาวในใจให้หนุด้วยยย
>>665 เราคิดว่าริวเซ่เป็นสีเทาว่ะ คือมองผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้โหดร้ายเกินไป คือแกหาทางแก้ปัญหาที่คิดว่าดีต่อทุกฝ่ายแล้ว เอาจริงๆ การส่งน้องหมูไปเป็นคนติดตามองค์หญิงนั่นก็ดีที่สุดในตอนนั้นแล้วนะ เพราะนอกจากน้องหมูแล้ว คนอื่นไม่รู้อนาคตนี่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แลเวพอน้องหมูไม่ยอมไป แกก็ไม่บังคับต่อ เพียงแต่มันก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนเป็นธรรมดา
ปล ตอนล่าสุดนี่ ที่พี่แกไม่ให้หมั้นกับริชาร์ด เป็นเพราะหวังให้หมั้นกับเจ้าชาย หรือจะเก็บไว้กินเองกันแน่
ปล 2 น้องหมูเครียดที่ไม่ได้หมั้นกับริชาร์ด จนกินไม่หยุดแบบนี้ คิดอะไรกับริชาร์ดแล้วใช่มั้ย
>>668 กูเชียร์เก็บไว้กินเอง ตั้งแต่ตอนไหนซักตอนก่อนๆที่พูดประมาณว่าอยู่ด้วยกันต่อไป รึอะไรซักอย่างที่ฟังแล้วเหมือนขอแต่งงาน แต่กูก็ไม่เก็ตว่าพี่แกขอแต่งงานอ้อมโลกจริงๆหรือว่าแค่ทดสอบปฏิกิริยาน้องหมูว่ายังชอบตัวเองอยู่มั้ย แต่น้องหมูไม่เข้าใจ+ไม่สนใจแถมไม่ได้บรรยายอะไรพี่ริวเซ่เป็นคลูให้เดาต่อเลยได้แต่สงสัย แต่ก็นั่นแหละ เอาจริง ๆ ต่อให้พี่ริวเซ่สารภาพรักกับน้องหมู กูก็ยังคงติดค้างในใจว่านี่คือชอบจริงหรือว่าแค่เห็นว่าผลประโยชน์ในการคิดอะไรแบบนี้น่าจะพัฒนาที่ดินได้มากกว่าแต่งกับเลดี้คนอื่นที่อาจจะฟุ่มเฟือยกว่า เหมือนกับเรือล่มในหนองทองจะไปไหน ถึงแม้เราจะยังไม่มีทองก็ตาม... จนกว่าจะมี pov พี่ริวเซ่มายืนยันแบบริชาร์ดนั่นแหล่ะ
ปล.นี่ควรย้ายมู้ไปคุยนิยายนาโร่มั้ยวะ 555555555 ชักจะยาว
กลายเป็นกระทู้เรื่องอะไรละเนี่ย
นอกเรื่องนิด เห็นมีบนในทวิตเตอร์แล้วกูอยากบนบ้างว่ะ ถ้าท่านฮิโยโกะมาอัพตอน300ภายในเดือน7จะงดกินหมูกระทะปีนึงงี้
บนบ้าง ๆ ถ้าท่านฮิมาก่อนครบปีกูจะพยายามออกจากหมู่บ้านคานทองไปหมู่บ้านมีรักให้ดู !
กูจะอยู่บนคานจนกว่าท่านฮิโยะจะให้ท่านเรย์กะลงจากคาน
งั้นกูเอาด้วย
ถ้าท่านฮิอัพภายในปีนี้กูจะเต้นไก่ย่างหน้าบ้านตัวเอง 2 รอบ
ถ้าท่านฮิอัพจนจบ กูจะเสนอแผนงานมีทติ้งโม่งซุยรัน ไปแดกโอโคโนมิยากิและมงจะ ต่อด้วยจิบชาแกล้มมาการองและเอแคลร์แบบสวยๆ สาธุ
>>665 อ่านที่มึงพูดถึงเรื่องตำแหน่งละกูสงสัยเรื่องเอ็นโจ พวกผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในธุรกิจตระกูลนั้นมีจะปัญหากันภายในเงียบๆหรือเปล่าวะ เลยต้องหาพรรคพวกไว้ เอ็นโจถึงไม่อยากสานสัมพันธ์กับลูกสาวตระกูลอุริวแค่ไหนก็ต้องทนไว้ก่อน ดูจากที่หลบหน้ามาสิงสถิตอยู่รร.แล้วกูแน่ใจว่าเอ็นโจไม่ได้ชอบเรื่องยุยโกะแน่ๆ
เอาจริงต่อให้ไม่มีอัพเพิ่มหรือยังไงก็ก็อยากให้มีมีตนะ อยากทัวร์แดกกับพวกมึงถถถถถ
>>690 ไม่มีนะมึง ไม่เคยพูดเลยว่าเอ็นโจเป็นตัวการทำบ้านนางล่ม พูดแค่เป็นเพื่อนพระเอกผมสีทองเหมือนเจ้าชายผู้อ่อนโยนที่ได้ความนิยมที่ 1 กับออกมาไล่เวลาเรย์กะนางร้ายไปวอแวคาบุ ส่วนที่ล่มจมนี่เพราะคาบุไปแฉการทุจริตของบ้านนางกลางงานหมั้นต่างหาก
กูว่าที่นางระแวงเอ็นโจเพราะอ่านไม่ออกนี่ล่ะว่าจะมาไม้ไหน คิดอะไรอยู่ในใจ แถมตอนแรกๆก็ดันไปทำพฤติกรรมไม่ดีใส่อย่างข่มขู่ให้เป็นหัวหน้าห้องคาบุทำให้นางเครียด คนมันติดลบมาตั้งแต่แรก จะให้เชื่อใจก็ยาก แต่หลังๆกูว่านางซึนไปงั้นอะ 55555555555555
แล้วกาวกับออริก็กลายเป็นเนื้อเดียวกันขึ้นมา
>>696 ถ้าเปลี่ยนอาชีพไปเป็นโฮสต์ กูว่าฮีต้องไต่เต้าขึ้นสู่ความเป็นตัวท็อปได้แน่นอน ดูจากการเต๊าะรุ่นพี่โยโกะกับอ่อยสาวๆ แล้ว
...ทำให้เผลอจิ้น AU ที่คิโชวอิน เรย์กะของคิมิดอลเป็นฝ่ายอ่านเกมขาดเอาชนะเอ็นโจด้วยการกวาดซื้อหุ้นทำให้ตระกูลเอ็นโจตกเป็นฝ่ายล้มละลาย พอไม่มีใครขวางทางก็ได้แต่งงานกับคาบุรากิไปแบบสวยๆ แต่ชีวิตครอบครัวก็แตกร้าว (คิดดูยังไงก็ไม่น่าเข้ากันได้อะนะ) เลยมาเที่ยวบาร์โฮสต์ชั้นสูงแก้เหงา แล้วก็ได้พบกับเอ็นโจที่ตกต่ำกลายเป็นโฮสต์เบอร์ 1 ของร้าน ฝ่ายหนึ่งก็เรียกเขามาหวังจะกดขี่ข่มเหงให้สาแก่ใจ อีกฝ่ายหนึ่งก็ไฟสุมอกด้วยความแค้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็เล่นกับไฟ แต่สิ่งที่รอคอยทั้งสองอยู่กลับเป็นปลายทางแห่งโชคชะตาที่ไม่คิดฝัน...!?
โม่งฟิคคนไหนสนใจรับไปต่อได้นะคะ <3
พล็อตเหมือนเกอิชาเวอร์ชั่นสลับเพศ ฟฟฟฟฟ
เพียงแต่หวังว่าจะไม่ใช่กาวที่ลอยผ่านมาละก็ผ่านไป วอนโม่งฟิคเมตตา
คิดถึงฟิคเกอิชา โม่งฟิคขาาาา //ทำสายตาเว้าวอน
ミ/彡:::.゜。 ゜
..ミ 、 |ミ//彡::。゜
ミ.|.ミ /.|/:::.。゜
.|//|. []. ∧___∧
/. [] (・ω・`)
┬┬┬┬-∪┬∪┬
┼┼┼┼┼┼┼-
┼┼┼┼┼┼┼┼
【ขอให้ท่านฮิโยโกะและเหล่าโม่งฟิคกลับมาสานต่อผลงาน…】
ไม่ได้เข้ามานานท่านฮิโยโกะกลับมายังวะ
กลับมาเท้อออออออ ท่านฮิโยโกะ 😂
กูก็นึกว่าอัพแล้วเพราะเห็นบนๆแม่งเต็มไปด้วยฟิคและกาว YY
ถ้าท่านฮิกลับมาอัพในปีนี้ เราเหล่าโม่งควรนัดมีตติ้งกินแกงกะหรี่มิราเคิลนะ
พูดจริงๆ กูกลับไปอ่านกี่รอบต่อกี่รอบที่ยุยโกะมาปรากฎตัวในงานเทศกาลโรงเรียนเนี่ย ท่านเรย์กะชอบท่านเอ็นโจแล้วชัดๆ ไม่งั้นจะมาคิดว่าสองคนนั้นเปล่งบรรยากาศสนิทสนมเป็นส่วนตัว นี่มันอะไรกัน... แล้วหมดอาลัยตายอยาก ทำนองนี้ทำไม
>>697 มาๆ กูขอลองแต่งหน่อย 555555555555555555555
---- เอ็นโจวเป็นโฮสต์ ----- (คิดชื่อไม่ออก ใครคิดได้ก็คิดให้หน่อยละกัน)
เอ็นโจล้มละลายแล้ว...
ฉันแสยะยิ้มสาแก่ใจ มองภาพเขาที่เลือนหายไปจากสังคมชั้นสูง พร้อมๆ กับทาคามิจิ วาคาบะที่หันไปคบกับประธานนักเรียน ท่ามกลางเรื่องที่ไม่คาดฝันมากมาย คาบุรากิ มาซายะผู้สูญเสียทั้งเพื่อนและคนรักตกต่ำลงถึงขีดสุด จักรพรรดิผู้นั้นพังไม่เหลือชิ้นดี
ฉันเข้าหาเขา เลิกทำตัวกรีดร้องโวยวาย เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปลอบประโลมจิตใจเขาอย่างอ่อนโยน คอยดูแล เอาใจใส่ ทำตัวเป็นเพื่อนผู้เห็นอกเห็นใจ จนท้ายที่สุดเราสองคนก็ตกลงแต่งงานกันด้วยความเห็นชอบของทั้งสองตระกูล
"ขอโทษนะ ถึงเราจะแต่งงานกันแล้ว แต่ฉันก็ไม่รักเธอ" นั่นคือคำประกาศของเขาที่ส่งมาให้ฉันอย่างอ่อนโยนที่สุด จริงใจที่สุด เขามองหน้าฉันตรงไปตรงมา
"ไม่เป็นไรค่ะ" ฉันกลืนก้อนสะอื้นลงในอก ขยับรอยยิ้มที่ดูจริงใจที่สุดไปให้ "ฉันเข้าใจค่ะ ว่านอกจากตระกูลคิโชอินคงไม่มีตระกูลไหนเหมาะสมกับตระกูลคาบุรากิอีกแล้ว การแต่งงานของเราทำไปเพื่อธุรกิจเท่านั้น"
สีหน้าของเขาเจ็บปวด ดวงตามองแหวนแต่งงานที่นิ้วนาง "ขอโทษที่ลากเธอมาเกี่ยวข้องด้วยนะ คุณเรย์กะ"
อาจเพราะสองสามปีมานี้ฉันเฝ้าเอาใจใส่เขามากพอ เขาจึงไม่เกลียดฉัน ความรู้สึกสนิทสนมเลือนรางฉันท์มิตรทำให้เขากล้าพูดคุยกับฉันอย่างเปิดใจ กระทั่งตอนขอแต่งงาน เขายังย้ำนักหนาว่าฉันปฏิเสธได้หากมีคนรักอยู่แล้ว
จะเป็นไปได้ยังไงเล่า?
ในเมื่อคนที่ฉันรักมาตลอด รักจนยอมทำได้ทุกสิ่งคือเขา
ฉันทำลายเพื่อนรักของเขา หลอกล่ออดีตคนรักของเขาให้เข้าใจผิด หลอกลวงเขา ทำทุกสิ่งเพื่อครอบครองเขา
ทำให้เขาเห็นใจ ทำให้เขายอมรับ...
แต่ไม่เคยได้หัวใจเขา...
เขาไม่เคยรู้ เอ็นโจที่หายจากสังคมโดยไม่บอกกล่าวคนนั้น ฉันเป็นคนทำเอง หลอกล่อให้ติดกับ กว้านซื้อหุ้นจนบริษัทล้มละลาย ป้องกันทุกวิถีทางไม่ให้เขาติดต่อมายังตระกูลคาบุรากิได้อีก
สามัญชนทาคามิจิผู้นั้น ฉันทำให้หล่อนเข้าใจผิดเต็มประตู เจ้าหล่อนเชื่อหัวปักหัวปำว่าฉันกับเขาหมั้นหมายกันแล้ว ว่าเรารักกันแค่ไหน ฉันทำให้ประธานนักเรียนที่น่ารำคาญนั่นเห็นอกเห็นใจหล่อนเสียจนต้องเข้าไปเอาใจใส่
ในแววตาของเขาที่มองฉัน มีเพียงความรู้สึกเช่นมิตรสหาย แต่ไม่มีร่องรอยความอบอุ่นเหมือนตอนที่มองแม่สามัญชนคนนั้น
ฉันเจ็บปวด...แต่ทำได้เพียงจิกเล็บเข้าไปในฝ่ามือ ใบหน้ายังคงแย้มยิ้ม "ไม่เป็นไรค่ะ เรายังเป็นสหายกันเสมอ"
หลังแต่งงาน เขามุ่งมั่นทำแต่งานเหมือนคนบ้า กลับบ้านน้อยครั้งจนแทบจะนับนิ้วได้
ผ่านไปอีกปี ฉันก็ได้ยินเรื่องที่กรีดหัวใจเป็นที่สุด
เขามีคนอื่น คาบุรากิ มาซายะ ผู้นั้นมีคนอื่น
อีกฝ่ายเป็นสตรีสามัญชนที่เข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขาหน้าห้อง หล่อนคล้ายทาคามิจิผู้นั้นไม่ผิด หน้าตาไม่สวยงาม แต่ฉลาดปราดเปรื่อง หัวเราะกับเรื่องร้ายๆ ได้ มองทุกอย่างในแง่ดี
ยิ่งฉันหาทางขัดขวาง เขากลับยิ่งตกหลุมรักหล่อน ท่านประธานคาบุรากิ มาซายะผู้ขึ้นชื่อเรื่องความตรงไปตรงมาถึงกับไปมีคนอื่น!
ฉันเชื่อมั่นมาตลอด เชื่อในตัวเขา เชื่อว่าคนอย่างเขาจะไม่มีทางทำเรื่องบัดสีเช่นการมีเล็กมีน้อย แต่เขากลับทำ!
ฉันกรีดร้องเหมือนคนบ้า
เป็นในรอบหลายปีที่ฉันร้องไห้จนใจแทบขาด ทำไมเล่า? ถึงจะแต่งงานกัน ถึงจะได้ตัวมา แต่เขาก็ยังไม่รักฉัน เหมือนถูกลิขิตมาให้ไม่มีวันมองฉัน เหมือนถูกลิขิตให้คู่กับสามัญชนธรรมดา
ในตอนนั้น เขามองหน้าฉัน สีหน้ารู้สึกผิด ทว่าดึงดัน "ขอโทษนะ คุณเรย์กะ ฉันรักผู้หญิงคนนี้"
...
ฉันกลืนก้อนสะอื้นลงคออีกครั้ง ฉีกยิ้มทั้งน้ำตา รู้สึกคล้ายคนกำลังจะกระอักเลือด "ฉันเข้าใจค่ะ...เราแต่งงานกันด้วยผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น"
เราหย่ากันไม่ได้ ฉันโวยวายจนเขาหย่าไม่ได้
การหย่ากันของเราอาจทำให้ธุรกิจของทั้งสองตระกูลล่มสลาย หรือที่เลวร้ายกว่านั้น เครือคาบุรากิอาจดึงเอาเครือคิโชวอินไป ดังนั้นแม้จะเกลียดชัง ก็ทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น
ฉันเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยจนใจแทบขาด เหนื่อยจนอยากจบชีวิตตัวเองลง
ฉันเริ่มดื่ม ดื่ม และดื่ม โปรยเงินทองที่มีอย่างบ้าคลั่งไปกับแอลกอฮอล์หลากชนิด เข้าออกคลับชั้นสูงเป็นว่าเล่น หว่านเงินลงไปกับสิ่งไร้สาระ
ในตอนนั้นเอง ที่ฉันได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า "บาร์โฮสต์"
"เป็นคนดี ใสซื่อ มองโลกในแง่ดี?" ฉันทวนย้ำประโยคที่เขาพูดถึงผู้หญิงคนนั้นซ้ำๆ หัวเราะเหยียดหยัน ยกเครื่องดื่มในมือกรอกปากตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
คนดีที่ไหนจะเต็มใจเป็นเมียน้อยคนอื่นเล่า? ซ้ำยังเป็นอย่างเปิดเผยเสียด้วย
"ท่านคิโชวอิน วันนี้จะให้ใครมานั่งเป็นเพื่อนรึไม่ครับ?" ผู้จัดการร้านพินอบพิเทาถามฉัน
บาร์โฮสต์ชั้นสูงแห่งนี้เต็มไปด้วยสตรีมากมายที่แต่งงานแล้วทั้งยังมีชีวิตรักแหลกเหลว เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นคนคุ้นตาไม่น้อย
ไม่มีใครนำเรื่องเหล่านี้ไปสนทนากัน เราต่างคนต่างรู้กันเงียบๆ ว่าไม่เคยเจอกันในนี้ เพียงแค่มองหน้ากันแล้วมองผ่านไปคล้ายคนไม่รู้จัก ยามเจอกันในงานสังคมก็เพียงสนทนาเรื่องทั่วไป คล้ายไม่เคยเห็นอะไรมาก่อน
หากนำออกไปสนทนา จะต่างอะไรกับการยอมรับว่าครอบครัวตนเองก็เหลวแหลกเสียจนต้องเข้ามาเพื่อปลอบประโลมใจเล่า?
ฉันหัวเราะในลำคอ "ถามแบบนี้ มีใครมาใหม่งั้นเหรอ?" ดวงตาจับจ้องผู้จัดการร้านที่กำลังทำท่าประจบประแจง เขารีบตอบ
"ครับ คนนี้เป็นโฮสต์อันดับหนึ่งที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดมาตั้งแต่สมัยอยู่ร้านเล็กๆ จนมาถึงร้านนี้ หล่อเหลา พูดจาดี เอาใจเก่ง ทุกคนยืนยันว่าใครได้คุยด้วยก็สบายใจจนอยากจะทุ่มเทให้ทั้งชีวิตเชียว"
ทุ่มเทให้ทั้งชีวิต? ฉันหัวเราะ ฉันเคยทุ่มไปแล้วไง ทุ่มทุกสิ่งอย่าง สุดท้ายได้อะไรกลับคืนมากัน?
น่าขำ คนพวกนั้นทุ่มให้สามีตัวเองยังไม่พอ คิดจะทุ่มให้โฮสต์อีกเหรอ?
"เอามาสิ ฉันอยากลองคุยกับเขาเสียหน่อย"
ผู้จัดการร้านรับคำอย่างเอาอกเอาใจ ก่อนจะหายไปเพื่อตามบุคคลที่ว่า "ทางนี้ ท่านคิโชวอินครับ โฮสต์ที่ผมกล่าวถึงมาแล้วครับ เขาชื่อชู ชู ดูแลท่านคิโชวอินอย่าให้ขาดตกบกพร่อง เข้าใจไหม?"
"ทราบแล้วครับผู้จัดการ"
เสียงโฮสต์คนที่ว่าทำให้ฉันชะงักงัน เมื่อมองตามต้นเสียงไป ก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ตรงนั้น
"นาย..."
เอ็นโจ ชูสุเกะ!
----
อาห์...เดี๋ยวคิดออกค่อยเขียนต่อ
>>721-722 กูชื่นชมมึงในการเขียนฟิคออกมากูชอบ ฮื่ออ ท่านเรย์กะะะะะ ไม่เป็นไรนะคะ กูอยากอ่านต่อเลยแต่กูปวดใจจจจจจ ท่านเรย์กะ กูว่าสุดท้ายแล้วกูจะเลื่อนและรอมึงขึ้นว่าจบในสารบัญละค่อยอ่าน/กดดัน ดูแซ่บแต่กูปวดใจ แอร้ กูรักท่านเรย์กะมาก กูไม่ไว้ใจท่านเอ็นโจมาก แง ท่านเรย์กะต้องโดนหลอกอีกรึเปล่า...ฮือ กูปวดใจจจจ มะ มึงจะจบแฮปปี้เอนดิ้งใช่มั้ยวะ ฮื่อ สายสุขนิยมมันช่างเศร้า
จะบอกว่า ตั้งแต่เขียนนิยายมา...
กูไม่เคยเขียนจบสักเรื่องเลยค่ะเพื่อนโม่ง
//แจกไหดอง
ฟิคสนุกมากกก เอาอีกๆๆๆ ขอกาวอีกเยอะๆๆ
ต่อๆ จาก >>721 -722
หนี้แค้นไฟสวาท ชื่อโดย>>725
Ch.1
"อาห์ สวัสดีครับ คุณคิโชวอิน ไม่นึกว่าจะได้เจอกันอีกนะครับ"
เอ็นโจ ชูสุเกะ เพื่อนรักของคาบุรากิ มาซายะ องค์ชายแห่งซุยรัน ชายผู้มีรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าเสมอคนนั้น กำลังยกยิ้มสว่างไสวให้ฉัน
ผมสีน้ำผึ้ง ใบหน้าหล่อเหลาสง่างาม อ่อนโยนต่างจากเพื่อนรักที่เต็มไปด้วยความเย็นชาเผด็จการ
เขายังเหมือนเดิมไม่มีผิด
ฉันกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ มือขยับไปกำพัดในกระเป๋าแน่นโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะยกรอยยิ้มเย็นขึ้นบนใบหน้า "บังเอิญจังนะคะ ท่านชู..."
"ทั้งสองท่านรู้จักกันอยู่แล้วสินะครับ บังเอิญเหลือเกิน" ผู้จัดการร้านดูดีอกดีใจ "เช่นนั้น เชิญตามสบายนะครับท่านคิโชวอิน" เขาหันไปทิ้งท้าย "ฝากด้วยนะ ชู"
"รับทราบ" เอ็นโจยิ้มรับคำ ท่าทีดูสบายอกสบายใจ ก่อนจะขยับเข้ามานั่งบนโซฟาอย่างนิ่มนวล ปล่อยให้ผู้จัดการเดินจากไปในไฟสลัว
"ไม่ได้เจอกันเสียนานนะคะ ชู" ฉันหัวเราะเบา ยิ้มอ่อนหวาน เรียกด้วยชื่อที่เขาแนะนำ กวาดตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
เขายังดูดีเหมือนเดิม เสื้อผ้าเครื่องประดับบนร่างกายล้วนเป็นของดีราคาดังที่พบเห็นทั่วไปในสังคมชั้นสูง คล้ายกังว่าการล้มละลายของเครือเอ็นโจเป็นเพียงภาพฝัน "ท่าทางสุขสบายดีเหลือเกินนะคะ"
ไม่มี...ในดวงตาคู่นั้นไม่มีร่องรอยความแค้นเคืองแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ยิ้มรับ "ก็ต้องขอบคุณคุณคิโชวอินล่ะนะ ทำให้รู้ว่าตัวผมก็มีมูลค่าไม่น้อยเลย"
ฉันสูดลมหายใจเข้า ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่แน่ชัดสะกิดอยู่ในใจ คล้ายหนามแหลมที่ทิ่มแทงอย่างประหลาด แต่ริมฝีปากกลับฉีกยิ้ม "เช่นนั้นคงต้องขอให้คุณแสดงมูลค่าหน่อยแล้วล่ะค่ะ"
ฉันยกพัดสีไวน์ขึ้นแตะปาก "หวังว่าจะไม่ทำให้ผิดหวังนะคะ ชู"
คราวนี้จึงได้เห็น ว่าเขาจับจ้องพัดไม่วางตา ฉันมองไม่เห็นร่องรอยอารมณ์ใด ทว่าความเย็นเยียบที่ส่งมากลับรู้สึกได้
เขาต้องพบอะไรมา แววตาจึงได้ว่างเปล่าถึงเพียงนั้น...
เขาคงเกลียดพัดนี่มาก...เพราะในวันที่ครอบครัวเขาล้มละลาย เป็นฉันที่ยืนโบกพัดอยู่เบื้องหน้าเขา ใช้พัดนี่แตะแก้มเขา กระซิบกับเขาข้างหู
'ขอบคุณที่หลีกทางให้ฉันจนได้นะคะ ท่าน.เอ็น.โจ.'
ในวัยเด็ก วันนั้นเป็นวันที่ฉันโล่งใจที่สุดในชีวิต คิดว่าจะไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางฉันกับคุณมาซายะอีก...
แต่ความจริงกลับโหดร้ายยิ่งกว่า...
บางทีที่คุณมาซายะ ไม่เคย-ไม่รัก-และไม่มีวันรัก ฉัน อาจเป็นเพราะสิ่งที่ฉันกระทำไว้มันมากมายเหลือเกินกระมัง...
รอยยิ้มของเอ็นโจ ชูสุเกะดูฝืดเฝื่อนขึ้นมาบ้าง ฉันจึงรู้สึกถึงความสบายใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ก่อตัวขึ้น กระทั่งถึงตอนที่เขารินแชมเปญหรูหรายี่ห้อหนึ่งส่งมาให้ พร้อมประโยคที่ส่งมาด้วยน้ำเสียงสบายอกสบายใจเหลือเกิน
"ได้ยินมาว่ามาซายะไปพบรักกับหญิงสามัญชนที่คุณคิโชวอินดูถูกนักหนาไม่ใช่เหรอ" มือของฉันชะงักงันกลางอากาศ ขณะที่เขายังมีรอยยิ้มอ่อนหวานบนหน้า สมกับตำแหน่งโฮสต์อันดับหนึ่งเหลือเกิน "ข่าวนี้คงไม่ผิดสินะ ทำให้คุณถึงกับต้องมาบาร์โฮสต์นี่ แถมยังให้คนอื่นเรียกด้วยนามสกุลเดิมอีก"
"เพราะใช้ชื่อคาบุรากิมาเที่ยวสถานที่เช่นนี้คงไม่เหมาะมากกว่าค่ะ" ฉันรับแก้วแชมเปญด้วยมือข้างหนึ่ง "ไม่ดีเลยนะคะ เป็นถึงโฮสต์อันดับหนึ่ง แต่ซอกแซกเรื่องส่วนตัวลูกค้าเช่นนี้"
"ต้องขออภัยด้วยครับท่านคิโชวอิน" เขารับอย่างง่ายดาย ยกแชมแก้วแชมเปญของตนเองขึ้นแตะปากพร้อมรอยยิ้มบางเบา หากเป็นผู้หญิง คงบรรยายได้ว่ายั่วยวนราวกับจิ้งจอกเก้าหางไม่ผิด "ขอดื่มเพื่อขอโทษแล้วกันนะครับ"
แม้อยากจะคิดว่าเขาคงพูดเรื่อยเปื่อย แต่คนผู้นี้คือเอ็นโจ ชูสุเกะ ที่เต็มไปด้วยแผนการณ์มากมายจนเกือบจะล้มตระกูลฉันได้มาครั้งหนึ่ง
คนที่เกลียดคิโชวอิน เรย์กะเสียจนวางแผนให้ตระกูลล้มละลาย
ฉันไม่มีวัน...ไม่มีทางเชื่อใจเขา
"ชูจะไม่ลองออดอ้อนฉันหน่อยหรือคะ? ได้ข่าวว่าสาวๆ แทบจะทุ่มเททุกอย่างให้คุณเชียวนะคะ"
อยากเห็นนัก คนที่เคยพยายามทำลายฉัน เคยตวาดใส่หน้าให้ฉันเลิกยุ่งกับเพื่อนของเขา เคยประนามว่าฉันเป็นผู้หญิงไร้ยางอายคนนั้น
ให้เขายอมก้มหัวอ้อนวอน ให้ร่ำร้องขอโทษ
ให้เขาอยู่ในโอวาท ไม่ปริปากส่งเสียง แทนที่เพื่อนผู้นั้นของเขาทึี่ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวมองฉัน
บางทีฉันอาจยอมให้อภัย
บางทีความเจ็บปวดในหัวใจคงบรรเทาลง
เขาชะงักงัน เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งคล้ายคาดไม่ถึง ก่อนจะหัวเราะตอบ "คุณคิโชวอินไม่เคยหลงใหลผมอยู่แล้วนี่ ต่อให้งัดทุกวิธีคุณก็ไม่ยอมทุ่มให้ผมเหมือนคนพวกนั้นอยู่ดี"
ดวงตาคู่นั้นดูแพรวพราวเบื้องหลังแชมเปญใสสะอาด เขาเอนหลังพิงโซฟา "แต่คุณเรียกผมว่าชูเนี่ย ผมตื่นเต้นจนใจสั่นเลยล่ะ สมัยเรียนคุณเรียกแต่นามสกุลผมตลอดเลยไม่ใช่รึไง?"
"จะใจสั่นกว่านี้อีกนะคะ ได้ข่าวว่ายังปลดหนี้ไม่หมดไม่ใช่หรือคะ?" ฉันยืดแขนไป ใช้พัดแตะหน้าเขาแผ่วเบา คล้ายวันนั้นไม่มีผิด "ว่าไงล่ะคะ? ถ้ายอมออดอ้อนฉันสักเล็กน้อย ฉันอาจจะยอมช่วยดูแลเรื่องเงินทองให้พอมีเงินจ่ายหนี้ได้ดีไหม?"
เขาชะงักงัน ในดวงตาคู่นั้นปรากฏร่องรอยกระเพื่อมไหวขึ้นมาจนได้
“ไม่นึกว่าคุณก็จะอยากดูแลผมอีกคนนะ คุณคิโชวอิน” น้ำเสียงนั้นเข้มขึ้นไม่น้อยเชียว ใช่ แบบนั้นแหละ เหมือนตอนที่เรายังเรียนด้วยกัน
น้ำเสียงคล้ายรำคาญใจ คล้ายเกลียดชัง ดวงตาที่เต็มไปด้วยร่องรอยหงุดหงิดคล้ายอยากขยี้ฉันให้ตาย แต่ไร้หนทาง
ฉันหัวเราะคิกคักพออกพอใจ “ยังไงฉันก็เป็นคาบุรากิคนหนึ่งนะคะ แค่ไม่กี่ล้านต่อเดือน ยังไงก็นับว่าเป็นเศษเงินนี่คะ” ฉันยังเย้าแหย่ต่อ “ว่าไงล่ะคะ? สนใจอาศัยบารมีฉันไหม? แค่ยอมทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่างไม่ปริปาก คุณเองก็ได้เงินอย่างงามแบบที่ไม่มีมาดามคนไหนจ่ายได้แน่นอน หนี้ไม่กี่พันล้านนั้นอาจปลดได้ไวเกินคาดนะคะ”
พัดสีไวน์ไล้ไปตามโครงหน้าหล่อเหล่าที่ยามนี้ดูตึงเขม็งขึ้นเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกต “ยังไงเงินนั้นก็มาจากเครือเอ็นโจของคุณด้วยส่วนหนึ่ง ไม่ดีหรือคะ? ได้เงินที่เคยเป็นของคุณเองเชียวนะคะ”
เอ็นโจ ชูสุเกะผู้นี้เกลียดฉันเหลือเกิน ฉันรู้ดี แม้ดวงตาคู่งามยามนี้ไร้ซึ่งร่องรอยความรู้สึก แต่บรรยากาศรอบกายกลับคุ้นเคยจนสัมผัสได้
เขาเกลียดจนไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับฉัน เขาเกลียดจนอยากบดขยี้ฉันให้ตาย
แต่เขาทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย
เป็นเช่นนี้เสมอมา ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็มองฉันอย่างชิงชัง สีหน้าดูถูกดูแคลนคล้ายฉันเป็นเพียงขยะไร้ค่าที่เข้าไปวุ่นวายในชีวิต
ยามนั้น เขามักเตือนฉันเสมอ
‘เลิกยุ่งกับเพื่อนผมเสียที ไม่เห็นรึไงว่ามาซายะมีคนรักอยู่แล้ว’
‘เมื่อก่อนเขารักยูริเอะ ตอนนี้เขารักทาคามิจิ เขาไม่มีวันรักคุณ’
‘เลิกพยายามไร้สาระเสียที รู้ไหมว่าคุณเริ่มทำตัวน่ารังเกียจขึ้นทุกวัน’
‘จะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ คิโชวอิน เรย์กะ’
‘คุณมันน่าสมเพชสิ้นดี’
ตอนนั้นเขาเกรี้ยวกราด ตวาดใส่หน้าฉัน แม้ความสุภาพบุรุษก็ไม่เหลือ บางครั้งเขาถึงขั้นผลักฉันจนกระเด็นเพียงเพื่อปกป้องทาคามิจิคนนั้น
“รู้ไหมคะ ชู” ฉันกระซิบ ท่ามกลางเสียงดนตรีคลอเคลียในบรรยากาศ ท่ามกลางแสงไฟสลัว ใบหน้าของเอ็นโจหลบซ่อนอยู่ในเงา ”ถ้าคุณไม่ถึงขั้นวางแผนเทคโอเวอร์เครือคิโชวอินให้ตระกูลฉันล้มละลาย ฉันคงคิดว่าคุณหลงรักฉันไปแล้ว”
“ตอนนั้น ฉันคิดว่าคุณเพียงเป็นห่วงเพื่อนคุณ ฉันรู้ว่าคุณรำคาญฉัน แต่ไม่คิดว่าคุณจะเกลียดชังฉันถึงเพียงนั้น” ฉันไม่เห็นสีหน้าของเขา ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร รู้เพียงความอึดอัดในใจของตัวเองที่ท่วมท้น “ฉันคิดเสมอ แม้เราสามคนจะไม่สนิทกัน แต่ก็แทบเรียกได้ว่าโตมาด้วยกัน ครอบครัวของเราต่างไปมาหาสู่กัน พ่อแม่ของพวกเราต่างสนิทสนมกัน แม้บ้านคิโชวอินอาจไม่สนิทชิดเชื้อกับทางเอ็นโจและคาบุรากิ แต่ทั้งสามบ้านก็ยังมีการพบปะกันโดยตลอด”
ฉันเม้มปาก สูดลมหายใจเข้าลึก บางทีคงเป็นเพราะแชมเปญราคาแพงนี้ดีกรีสูงเหลือเกินกระมัง ฉันห้ามตัวเองไม่ได้เลย “ดังนั้นฉันจึงไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อยที่ต้องทำเช่นนี้กับคุณ เป็นทางคุณที่บีบบังคับให้ฉันต้องลงมือก่อน ไม่เช่นนั้น ผู้ที่ต้องคอยยินยิ้มแย้ม เอาอกเอาใจคนมีเงิน ผู้ที่ต้องลดตัวลงไปขายเรือนร่างตนเองในตอนนี้ คงเป็นฉัน ไม่ใช่คุณเป็นแน่”
ไม่ใช่ความผิดของฉันที่จะปกป้องตัวเอง ตอนนั้นเขาถึงขั้นเมคหลักฐานบางส่วนขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับตัวเลขจำนวนหนึ่งที่ไม่ควรมี เพียงเพื่อสร้างหลักฐานเท็จว่าคิโชวอินกรุ๊ปมีการฉ้อโกง ทั้งยังมีข่าวที่ตั้งท่ารอกระจายวงกว้าง และส่วนเสริมอีกมากมายที่พร้อมจะหลุดออกมาและล้มลงราวกับโดมิโน่ มากพอจะให้คิโชวอินล้มละลายหากไม่รีบกำจัดหนอนบ่อนไส้และตัวการต้นเหตุ
ในเมื่อเขาต้องการทำลายฉันขนาดนั้น ฉันเพียงแค่เอาคืนด้วยวิธีที่ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน จะผิดตรงไหนเล่า?
“ความเกลียดชังของคุณที่มีต่อฉันมีมากแค่ไหนกันเอ่ย? มากพอจะทำให้มองข้ามการรักษาพยาบาลคุณน้องชายที่ป่วยกระเสาะกระแสะเข้าไอซียูอาทิตย์เว้นอาทิตย์คนนั้นหรือไม่คะ?”
ดวงตาของเขาวาบวับ ฉันไล้ปลายพัดไปยังสาปเสื้อที่แบะอ้า เห็นแผงอกที่สาวๆ มากมายเคยวี้ดว้ายอยากพุ่งเข้ามาซุกในสมัยเรียน อดชมไม่ได้ “แหม ช่างกำยำล่ำสันเหลือเกินนะคะ ว่าแต่...คุณน้องชายชื่ออะไรน้า?....รู้สึกว่าจะชื่อ...ยูกิ--”
เพียะ!
พัดฉันกระเด็นหลุดมือ แม้จะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า ทว่าเขาดูเยือกเย็นเสียจนคล้ายอุณหภูมิในห้องลดต่ำลงหลายองศา “อย่ามายุ่งกับน้องชายผม คุณคิโชวอิน”
ฉันหัวเราะ “ดูไม่เหมือนท่านเอ็นโจผู้อ่อนโยนและเต็มไปด้วยแผนการณ์ผู้นั้นเลยนะคะ ถูกเคี่ยวกรำในสังคมสามัญชนจนเรื่องแค่นี้ก็รับมือไม่ได้เสียแล้ว”
“ต้องการอะไร” เขาถามห้วน สูดลมหายใจเข้าลึก โน้มตัวมาข้างหน้า ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย เขาเป็นเช่นนี้เสมอเวลาที่เราเจรจากัน “คุณน่ะเหรออยากให้ผมออดอ้อน ล้อเล่นกันแรงไปหน่อยมั้ง คุณคิโชวอิน”
“บอกไปแล้วไงคะ ออดอ้อนฉัน ทำตามคำสั่งฉันโดยไม่ปริปาก เรียกง่ายๆอีกอย่าง...” เราจ้องตากัน รอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้าเขาแข็งกระด้าง “ขายตัวให้ฉัน”
ใบหน้าของเอ็นโจกระตุก ในนิยาย เมื่อผู้หญิงคนไหนโดนพระเอกพูดแบบนี้ใส่ ก็มักจะเจ็บปวดขื่นขม ตวาดด่าสองสามประโยค สุดท้ายก็จำยอม
แต่คนตรงหน้าฉันคือเขา เอ็นโจ ชูสุเกะ
เขานิ่งงันไปเพียงชั่วครู่ ร่องรอยบางอย่างในดวงตาก็หายไปคล้ายเป็นเพียงภาพลวง เหลือเพียงความว่างเปล่าและรอยยิ้มเจ้าชายจอมปลอมนั่นประดับบนใบหน้า
“เช่นนั้นก็ได้ตามที่ขอครับ ท่านคิโชวอิน” เขาผ่อนคลายร่างกายลงอีกครั้ง ย้ำ “อย่าลืมที่ตกลงกันไว้ก็พอ”
“แน่นอนค่ะ ค่ารักษาพยาบาลของคุณน้องชาย กับค่าใช้จ่ายเดือนละไม่กี่ล้านนั้น ฉันจะดูแลให้เป็นอย่างดี”
เขาจงใจย้ำเรื่องเงิน บางทีอาจเพื่อเบี่ยงความสนใจ พยายามทำให้ฉันคิดว่าเขาเห็นแก่เกินเสียจนยอมทิ้งศักดิ์ศรี…
คนอย่างเขาไม่มีทาง-ไม่มีวันทำอะไรโดยไม่คำนึงล่วงหน้า
คนอย่างเขาไม่มีวันตกต่ำถึงเพียงนั้น
ไม่มีวัน
--- จบ CH1 ---
กุติดนิสัยเสียชอบยืดๆ เยื้อๆ กะบทสนทนา ไม่รู้จะแก้ยังไง มันห้ามไม่ได้ ,_,
นึกถึงทวิตนึงที่เพื่อนชอบเพื่อนละได้คบกัน จุดเริ่มต้นที่ฝ่ายช.ชอบคือ พอเห็นมัน(เพื่อนญ)ร้องไห้ก็เพิ่งรู้สึกว่ามันดูอ่อนแอขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีก็คอยดูแลมากกว่าคนอื่น อะไรประมาณนี้
ท่านชูจะมีความรู้สึกแบบนี้มั้ย ;w; อ่าห์ สายสุขนิยมช่างปวดใจเหลือเกิน
//ปิดตา เห็นกุแต่งออกมาแบบนี้ จริงๆกูก็สายสุขนิยมนะ /_;
แค่มีความสุขกับการรังแกตัวละครบ้าง อะไรบ้างเอง
ฟิคผู้ใหญ่เหมือนกัน แต่ทำไมเทียบอันนี้กะฟิคเวียนต่างกันลิบลับงี้วะ 5555555555555555
กู >>744 นะ ชื่อที่กูคิดออกคือซามอยต้อนกระต่าย 555
อุกี้~!!
ฉันรู้สึกมึนๆหน่วงๆและปวดเมื่อยไปทั่วตัวเลยล่ะค่ะ ลืมตามองห้องนอนที่ดูยังไงก็เป็นห้องสวีทของโรงแรมหรูระดับห้าดาว แถมเตาร้อนๆข้างตัวที่นาบอยู่ทำให้ฉันตัวแข็งทื่อ มือของเขาโอบกักฉันไว้ให้ความรู้สึกที่ไม่สบายตัวเอามากๆ ฉันเหลือกตามองแบบไม่พยายามขยับหน้าพบว่าผมสีน้ำผึ้งและผิวขาวๆ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ชวนมึนเมา
ไม่จริงน่ะ นี่ฉันนอนกับเอ็นโจ ชูสึเกะไปแล้วหรอ~!!
ฉันกำลังพยายามหาทางออกจากเหตุการณ์นี้ให้ไวที่สุด ไอ้ความปวดเมื่อไปทั้งตัวบ่งบอกว่าฉันเรียบร้อยไปแล้วแน่นอน ฮือ ท่านพี่คะ ฉันพยายามบังคับตัวไม่ให้สั่น ในหัวนึกออกว่าตัวเองพกยานอนหลับมา ฉันพยายามขยับมือไปเปิดกระเป๋าและล้วงยาได้สองเม็ดขณะกำลงคิดว่าจะให้เขากินยังไงก็รู้สึกเหมือนมีคนมอง ฉันเลยหันหน้าไป
“...”
“เอ่อ”ฉันอ้าปากพะงาบๆ เหมือนปลาตาย ตกใจจนตัวเย็นวาบเลยล่ะค่ะ
“เป็นอะไรไป”เขาลูบมือของฉันอย่างอ่อนโยน คลึงมือของฉันและคว้ายาก่อนจะบีบจนแตกกระจายบนเตียง คนขี้ขลาดแบบฉันยิ่งหัวหดขดตัวพยายามรักษาระยะห่างจากเขา แต่เอ็นโจเขาก็ขยับเข้ามาอีก
“เอ่อ ท่านเอ็นโจคะ”
“ครับ”เขายกรอยยิ้ม แววตาของเขามีความพอใจทำให้ฉันรู้สึกขนลุกซู่ ไม่นะ ฉันหลุดจากวังวนการล่มสลายของตระกูลคิโชวอินมาได้ ในที่สุดท่านคาบุรากิก็หมั้นกับวาคาบะจังไปแล้ว ฉันที่อีกไม่กี่วันก็จะจบมหาวิทยาลัยแล้วควรจะเตรียมตัวเข้าทำงานที่บริษัทของตระกูล ทำไมจู่ๆมาโผล่บนเตียงโดยมีคนตัวเป็นๆนอนกอดด้วยอ่า
“ค คือฉันอยากไปเข้าห้องน้ำค่ะ ช ช่วยหันไปหน่อยได้ไหม”ฉันอ้าปากพะงาบๆบอกเขาความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนคนตีที่หัวแล้วเพิ่งฟื้นสติเลยล่ะค่ะ เอ็นโจหมอนี่ให้ความร่วมมืออย่างดีด้วยการปล่อยมือและหลับตา! คือช่วยหันหลังไปไม่ได้หรือยะ ไอ้รอยยิ้มมุมปากนั้นอะไร ฉันรู้สึกมึนๆเกินกว่าจะอาละวาด ค่อยๆกลิ้งลงจากเตียงสภาพร่างกายเปลือยเปล่าและเจ็บที่สุดเลยค่ะ ความรู้สึกหน่วงๆมันแย่มากๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ โชคดีที่เสื้อผ้าไม่ได้กระจัดกระจายมากฉันเลยโกยเสื้อผ้าบังด้านหน้าไว้และมองทิศทางของห้องน้ำก่อนจะเดินถอยหลังค่ะ
“ท่านเอ็นโจคะ อย่าลืมตานะคะ!”ฉันร้องเสียงดังเมื่อเขาชันตัวนั่งเผยให้เห็นหน้าท้องเป็นลอนของซิกแพ็ค ผิวขาวๆที่มีรอยข่วน หน้าฉันร้อนวาบ
“หึๆ ครับ”เสียงของเขาทำให้ขาของฉันรู้สึกอ่อนยวบเลยล่ะค่ะ ฉันเร่งฝีเท้าแต่
โครม!
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ! แค่ลื่นเท่านั้น อย่าลืมตานะคะ!!”ฉันรีบบอก แต่ โอ้ย เจ็บก้นอ่ะ เอาล่ะอีกนิดเดียวฉันหอบสังขารเข้าห้องน้ำจนได้ พาตัวเองไปที่กระจกแทบกรีดร้อง รอยสีแดงๆและแววตาเยิ้มๆนี่มันแย่มากๆ ฉันจำได้ว่าเขาบอกว่าถ้าโดนข่มขืนห้ามอาบน้ำให้พาร่างกายไปที่สถานีตำรวจ แต่สถานการณ์นี้ฉันอยู่ในห้องสวีทของโรงแรมระดับห้าดาว อยู่กับเอ็นโจ อีตาเพื่อนพระเอกที่หน้าซื่อแต่นิสัยร้ายการ ผู้ชายระดับSSS มีผู้หญิงวิ่งตามเป็นพรวน เอ็นโจฮาเร็มเต็มไปหมด! ตัวฉันที่ขี้ขลาดไม่กล้ามีเรื่องแน่นอน ดังนั้น ฉันอาบน้ำค่ะ แต่อาบด้วยความไวระดับแสง พอใส่เสื้อผ้าชุดเดิมก็น้ำตาเล็ดด้วยความปวดเมื่อยตัวนี่เป็นการทรมานอะไรเนี่ย ฉันถอนหายในหลายเฮือก ฉันควรจะออกจากห้องยังไงดี กระเป๋าก็อยู่บนเตียงทำไมฉันโง่แบบนี้เนี่ย! ถ้าจะวิ่งหนีด้วยสปีดระดับเต่าของฉันคงไม่ถึงครึ่งห้องก็โดนเขาตะครุบแล้วแน่นอน
“โอ๊ย!”ฉันขยี้ผมทรงสว่านของตัวเองอย่างปวดหัว ฉันอยากขังตัวเองอยู่ในนี้ไม่ออกไปเลยอ่ะ ฉันพยายามนวดขมับนึก ในที่สุดก็จำได้เมื่อคืนนี้เป็นปาร์ตี้สละโสดของวาคาบะจัง เพราะ ตาโง่คาบุรากิอยากจะแต่งงานทันทีที่เรียนจบพวกเราเลยชิงจัดปาร์ตี้สละโสด จำได้ว่าเชิญเพื่อนมหาวิทยาลัยมาทั้งนั้น อ๊ะ มีมิซึซากิคุงอีกคน นายตัวสำรองกับปาร์ตี้สละโสดยังไงก็เหมาะสมกันดีน้าอะไรแบบนั้น แล้วทำไมฉันมาอยู่กับเอ็นโจได้ล่ะ!? ตอนนั้นรู้สึกว่าหนึ่งในกลุ่มสมัยม.ปลายของฉันชวนดื่มไวน์ เพราะ ว่าไวน์รสเลิศ และความโล่งใจต่อธงหายนะของฉันทำให้ดื่มมากไป อ่า ใช่ตอนนั้นคาบุรากิก็บุกมา งานเลี้ยงเลยสิ้นสุดเหล่าสหายร่วมรบรีบถอนทัพโดยไวรู้ตัวอีกทีก็เหมือนฉันกับวาคาบะจังที่ยืนเอ๋ออยู่ ตอนนั้นฉันถือพัดโบกไปมาอยู่เลย อ๊ะ วาคาบะจังถูกคาบุรากิลากไปที่รถแล้วฉันล่ะ ตอนนั้นเอ็นโจเดินมาถามฉันอย่างอ่อนโยน ตัวฉันที่กำลังมึนๆ
‘คุณคิโชวอิน ดื่มมากเกินไปรึเปล่าครับเนี่ย’เขายิ้มสุภาพอ่อนโยนแต่ฉันเห็นแววเย้ยว่าดื่มแค่นี้ก็มึน
‘มิได้ค่ะ นี่แค่เล็กน้อยวันนี้เป็นวันสละโสดของวาคาบะจังทั้งที’ ฉันหรี่ตาลงมึนๆ ‘ท่านเอ็นโจจะดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหมคะ’พูดจบฉันก็เดินมึนๆบอกพนักงานว่าอยากดื่มต่อสักหน่อย แต่อยากได้ความเป็นส่วนตัว พวกเขามองฉันและท่านเอ็นโจก็พยักหน้าแล้วเชิญฉันขึ้นมาด้านบน อืม จากนั้นไวน์ปี 1947 หลายขวดนี่สุดยอดเลยนะ ฉันเห็นท่วงท่าดื่มที่แสนสง่างามของตาเอ็นโจก็อดรินให้เขาบ่อยๆไม่ได้
‘แย่จริง บางทีฉันก็อยากดื่มแบบสามัญชนนะ!!’ฉันประกาศก้องก่อนจะเดินไปที่โทรศัพท์
‘สามัญชน?’เอ็นโจมองร่างบอบบางที่เดินโซเซก็อดส่ายหน้าไม่ได้
‘ใช่ค่ะ สามัญชนก็ต้องดื่มแก้กลุ้มพวกเบียร์หรือเหล้าแรงๆราคาถูก!’ ฉันมุ่งมั่นมากเมื่อปลายสายรับฉันก็อ้อแอ้สั่งเหล้าและเบียร์เน้นคำว่าขอแรงๆ จากนั้นฉันก็รินมั่วซั่วผสมเอง เอ็นโจจะแย่งไปผสมก็โดยฉันเบี่ยงหลบแถมยัง
‘พ่อหนุ่มหล่อ ไหนดื่มแก้วนี้ซิ!’ฉันเชิดหน้าและจ่อแก้วที่ริมฝีปากเขา นึกได้ว่าอยากลองบทบาทสาวที่คอยดูแลลูกค้าที่ร้านเหล้าบทก็เปลี่ยนไปแวบเลย
‘คุณพี่คะ น้องสาวชงอย่างตั้งใจเลยนะคะ จะไม่ลองดื่มสักหน่อยหรอคะ’แล้วก็กระพือขนตาหนาๆของตัวเอง เหมือนเขาสำลักกลางอากาศเลยล่ะ ฉันขมวดคิ้วไม่พอใจ
เอ สาวๆทำยังไงนะ ต้องเบียดแบบนี้หรือเปล่า’ ฉันดึงแขนของเขามาโอบเอวของฉัน อุ เลี่ยงชั้นไปมันวางที่ด้านหลังก็แล้วกัน แล้วก็เอนตัวไปด้านหน้า เอ็นโจแผ่นหลังแนบติดโซฟาราคาแพง
‘ดื่มหน่อยสิค๊า~’เขาหัวเราะลั่นเลยล่ะ ฉันจึงทำท่าฮึดฮัดและยกดื่มเอง จากนั้นก็นึกได้ว่าเคยเห็นท่านอิมาริทำแบบนี้ ฉันอมเหล้าที่ขมไว้ในปาก ก่อนจะประกบปากกับเขาจากนั้นพยายามเปิดปากเขาให้รับมันไป จำให้ว่าเอ็นโจตัวแข็งที่ฉันทำเหล้าหกไป พยายามนึกสิ่งที่เห็นอย่างมึนงง จู่ๆเอ็นโจที่นิ่งขึงก็จับฉันที่นั่งเกยตัวเขาไปนั่งบนตักของเขา จุมพิตที่มือใหม่อย่างฉันเริ่มถูกแทนที่ด้วยความเร่าร้อนเขาแสดงความสามารถของทายาทหมู่บ้านของคนมีรักอย่างเชี่ยวชาญจนตัวฉันอ่อนยวบรู้สึกร้อนไปทั้งตัว ล แล้วฉันก็ถอนชุดเดรสของตัวเองเฉยเลย
“ไม่น่า~”ฉันซุกหน้ากับเข่า จากนั้นฉากต่อมาทำฉันอึ้งไปหมด แต่ที่โซฟางั้นหรอ ข้ามขั้นเกินไปแล้ว
“คุณคิโชวอิน”เสียงเคาะประตูทำให้ฉันสะดุ้ง
“...”ทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันไม่ได้ยิน หัวซุกอยู่ใต้น้ำ
“ถ้าคุณไม่เปิดประตูผมจะเรียกคนขึ้นมาเปิด และถึงตอนนั้น”
“เปิดแล้วค่ะ”ฉันรีบถลาไปทันที ถ้ามีพนักงานมาก็มีคนรู้สิว่าฉันอยู่ห้องกับเขาทั้งคืน พอประตูเปิดฉันก็ก้มหน้างุด มองปลายเท้าของเขา
“เงยหน้าขึ้น”เสียงของเขาเข้มงวด
“ค่ะ”ฉันเงยหน้าขึ้นมองผมสีน้ำผึ้งของเขา ผมเขานุ่มจังเลยน้า อ๊ะ โคมไฟก็ดูดีจังเลย
“คุณผู้หญิงครับ มองที่ผมครับ”เขาจับใบหน้าฉันไว้ฉันก็เลย หลับตาลง
“ท่านเอ็นโจมีอะไรจะบอกหรอคะ”ฉันพยายามทำเสียงไม่ให้สั่น ง่ะ แต่ตัวสั่นไปหมดเลย
“เรย์กะ”เสียงของเขาทำให้ฉันแทบคุกเข่าให้ “จะคุยกันดีๆไหม ผมไม่รังเกียจที่จะทบทวนให้คุณตอนเช้าหรอกนะ”
“ไม่ค่ะ”ฉันเบิกตามองเขาทันที ไม่เอาน่ะ ฉันปวดไปทั้งตัวเลยนะ!
“ฉ ฉันจะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อคืนฉันผิดเองค่ะ”ฉันรีบบอกอย่างใจกว้าง ไหงเขาหรี่ตาและยิ้มแบบนั้น น่ากลัว น่ากลัวเกินไปแล้วยอมแพ้ค่ะ
“คุณว่ายังไงนะ?”เขากอดอกและพิงกรอกประตูฉันเห็นเขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเบจและกางเกงสีดำดูสุภาพและเกียจคร้าน แต่ใบหน้าที่ยิ้มน้อยๆดวงตาหรี่ลงให้ความรู้สึกอันตรายจนฉันแทบอยากคุกเข่าแล้วยอมรับผิด
“ป เปล่าค่ะ”ฉันถอนหนึ่งก้าว ฉันมองเขาพยายามข่มความอับอายเอาไว้
“ผมไม่ยินดีหรอกนะที่คุณจะไม่รับผิดชอบผมแบบนี้”เขาแสดงรอยยิ้มยุ่งยากใจ
“คะ?”ฉันขานรับเสียงสูง ฉันไม่รับผิดชอบยังไงไม่ทราบยะ
“คุณทำอะไรไว้เมื่อคืน”เขายิ้ม “ผมขัดขืนคุณไม่ได้หรอกนะ”
“อะ”ใบหน้าฉันร้อนวาบ จะว่าไปเมื่อคืนฉันรังแกเขาจริงๆนั้นล่ะ แต่เขาก็ควร ง่า
“จะให้ฉันรับผิดชอบยังไงหรือคะ”ฉันกลืนน้ำลายรู้สึกคอแห้งไปหมดเลย
“ตอนนี้ก็คบกันไปก่อน ต่อจากนี้ค่อยคุยกัน”เสียงของเขาอ่อนโยน เรียบเรื่อย
“คะ?”ฉันมองเขาอย่างอึ้งๆ
“คบกัน เป็นคนรัก ขั้นตอนของเราข้ามขั้นเกินไปถ้างั้นตอนบ่ายเราไปเลือกดูแหวนหมั้นกัน คุณเห็นด้วยใช่ไหม”เขาพูดอย่างปลอบโยน ฉันพยักหน้ามึนๆ
“อืม เรื่องเมื่อคืนที่นี่เป็นโรงแรมที่ผมบริหารได้กำไรสูงพอซื้อหุ้นจากท่านพ่อได้แล้วเมื่อกล้องวงจรปิดผมให้คนจัดการให้แล้วเรื่องนี้ไม่ต้องห่วง อีกสักครู่จะมีคนเอาชุดมาให้เราเปลี่ยนถึงจะอาบน้ำแล้วก็ไม่ควรสวมชุดเดิม”เขาเดินเข้ามาใกล้แตะที่ข้อศอกฉันอย่างนุ่มนวล
“มื้อเช้าก็ทานรูมเซอร์วิช ผมได้ยินมาว่าท่านพ่อของคุณชื่นชอบอาหารรสเลิศคุณก็น่าจะเคยชิน เช่นนั้นก็รบกวนให้คำแนะนำกับโรงแรมที่ ‘เรา’ พักด้วย”
“เอ่อ ค่ะ”ฉันมึนงงไปหมด “แล้วเราจะไปที่ไหนหรอคะ”
“ผมได้ยินมาว่าคุณได้รับร้านเพชรจากท่านแม่ ‘เรา’ไปดูที่ร้านของคุณดีไหม แต่คงเป็นแหวนหมั้นสำรองก่อน เพราะ เราคงไม่สามารถหมั้นกันเองง่ายๆ การหมั้นทางการต้องรอท่านแม่ผมและท่านแม่คุณหาเวลาที่เหมาะสมอีกที”เขาพูดเสียงอ่อนโยน ฉันนั่งลงอย่างมึนๆกลิ่นหอมของอาหารที่มาเมื่อไหร่ไม่ทราบ ฉันจัดท่านั่งโดยอัตโนมัติ เอ็นโจผายมือให้ทานได้พวกเราก็ทานอย่างเงียบเชียบจนหมดเรียบร้อยฉันก็ตอบเขาไปว่าอร่อย เสียดายที่ของหวานควรปรับปรุงอีกนิด เขาพยักหน้าครู่หนึ่งก็มีคนนำชุดมาให้ฉันกับเขาแยกเปลี่ยนชุดที่ห้องน้ำคนละห้อง ฉันนิ่งขึ้นกับชั้นในที่พอเหมาะพอดีหน้าร้อนไปหมด แต่สวมชุดเก่าก็ไม่ดี ชุดที่เขาเลือกมาก็เป็นเดรสสั้นคอเต่าสีขาวประดับด้วยลายดอกไม้เรียบหรู โชคดีที่ช่วงนี้อากาศเย็นการสวมชุดคอเต่าจึงไม่แปลกนักและมีเนื้อโค้ตที่อบอุ่นอีกตัว ฉันสวมรองเท้าส้นสูงคู่เดิมเพราะเข้ากับชุดมากกว่า ประดับต่างหู เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ลอนของฉันจึงคลายเล็กน้อยดีนะที่เมื่อคืนม้วนอย่างแน่นหนา ออกไปด้านนอกฉันก็เห็นเขาที่สวมชุดเข้ากับฉันอย่างยิ่งเหมือนคู่รักที่หวานแหวว
“ไปกันเถอะครับ”เขาผายมือฉันวางมือที่เขาอย่างมึนงง เอ็นโจปรับองศาทำให้มือของเราแนบกันสนิทขึ้น ฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าว เอ๋ แต่ แค่คืนเดียวฉันกำลังคบเขาเป็นแฟนและกำลงจะไปซื้อแหวนหมั้น นี่มัน ฉันกำลังจะอ้าปากถามแต่เอ็นโจก็เปิดประเด็นเรื่องของยูกิโนะคุง รู้ตัวอีกทีก็ถึงที่ห้างแล้ว เดินนิดหน่อยขึ้นลิฟต์แปบเดียวก็ถึงร้านสมาธิขิงฉันก็หมดไปกับการเลือกแหวนที่เหมาะสมกับเขาและเข้ากับแบบที่ฉันชอบ พอตั้งสติได้เราก็อยู่ที่เพนต์เฮาส์ของเขา เอ๋!? นี่มันอะไรกันเนี่ย
กูแต่งยาวเป็นพืดเลยแฮะ เพลินไปหน่อย ถ้ารำคาญยังไงก็ขออภัย กูไม่กล้าแต่ง xyz มาก กูกลัวเด็กๆใจแตก ลุงๆป้าๆมากประสบการณ์ก็โล้ดแล่นในหัวได้ //กูก็เช่นกัน~
>>756-758 กรี๊ดดดดดดดดฟหกดด อ่านไปหน้าร้อนไป ท่านเรย์กะเหล้าเข้าปากแล้วกลายเป็นกระต่ายซุกซนไปเรยนะคะ ฮือๆๆ เขิงงงงงง///
//ky นิด กุนึกอะไรได้ระหว่างตัดเส้นรูปวาคาบะเรย์กะ
ถ้าตอนแรกคิมิดอลเป็นการ์ตูนBL ท่านเรย์กะเป็นสาววายคอยเชียร์หนุ่มๆไม่ไปขัดขวางแบบต้นฉบับ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าจริงๆสามหนุ่มชอบตัวเองอยู่ มีโม่งฟิคคนไหนเอาไปสานต่อได้จะดีมากเลยข่ะ ขอบคุณข่ะ //ไหว้
>>756-758 วี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด >///< เขิงงงง ดูน่ารักงุงิจังเลย ฮือออ ฮีลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล
ปล.กุโม่งฟิคโฮสต์เอ็นโจเอง จะบอกว่าขอดองก่อนสัก2-3วัน ลืมไปว่ารับงานฝิ่นมา เดดไลน์วันมะรืน แต่ยังไม่เริ่มทำ ผีมาก 555555555555555555 ฮือออออออ
>>748 ทีแรกจะบอกว่าโปรดติดตาม แต่ก็น่าจะอีกนาน จริงๆมันก็ไม่ได้มีผลกะพล็อตเท่าไหร่
เอาเป็นว่า...เสร็จกันไปนานแล้วล่ะ(...)
กูฟิค ซามอยต้อนกระต่ายเองนะ กูว่าจะแต่งตอนต่อ แต่ดับฟังเพลงเจ๊แซม เกิดลางร้ายเลยหมดอารมณ์เขียนไปซะดื้อๆ แล้วนึกได้ว่าท่านเรย์กะเคยโดนแซวเรื่องสปาย เลยปันใจมาทางนี้แทน แค่กๆ สั้นๆพอ 555
-------------------------------------
สปายกระต่าย หมายเลข 008
ภารกิจถูกส่งมาแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนเลือดในตัวแข็งฉับพลัน ในกลุ่มที่จบการฝึกมาด้วยกันมีแปดคนและฉันคือคนที่แปด คนที่เจ็ดคือวาคาบะจังที่ตอนนี้กำลังตามประกบเป้าหมายอยู่ ฉันถูกเรียกว่ากระต่ายน้อย รหัสสายลับคือเอส008 ชื่อจริง อ่า นั้นเป็นความลับ
“ปกป้องคน!?”ฉันอ่านแล้วแทบอยากจะเขวี้ยงกระดาษใส่หน้าของหัวหน้าหรือบอส ภารกิจส่วนใหญ่ของฉันคือแฝงตัวเพื่อโจรกรรมข้อมูลจากตัวบุคคลมากกว่า หน้าที่งานบู๊แบบนี้มักเป็นพวกรหัส 007 ขึ้นไปต่างหากล่ะยะ
“บอสคะ นี่มันอะไรกันคะ!”ฉันรีบโทรหาบอสทันที ภาพของเขาฉายอยู่บนกำแพงเขากำลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์
“คุณอ่านภารกิจจบแล้ว?”เขาเลิกคิ้วถาม
“ไม่ค่ะ”ฉันตอบทันควัน “แต่หน้าที่ปกป้องคนนี่มันเกินไปหน่อยนะคะ”
“พี่ชายของคุณบอกผมว่าคุณควรเลิกจากหน้าที่นี้”บอสไม่สนใจ เขาพูดเรื่องอื่นเฉยเลย “เดิมทีเขาก็ร้องขอให้งานของคุณไม่หนักหนาอยู่ก่อน กระต่ายน้อย คุณไม่คิดว่าคุณเปลืองค่าภาษีประชาชนเกินไปหน่อยหรอ”
“ไม่หนัก?”ฉันทวนเสียงสูง “บอสคะช่วยตอบทีว่าไอ้การแฝงตัวเข้าสู่องค์กรรัฐบาลของประเทศอื่นนี่มัน ไม่ หนัก ตรง ไหน ไม่ทราบคะ”ฉันหรี่ตา
“หน้าที่ครั้งนี้คุณแค่เดินทางไปคุ้มครองนักธุรกิจข้ามชาติคนหนึ่ง เขาให้ความร่วมมือกับเราเพื่อจับไพธอน หัวหอกใหญ่ของพวกค้าอาวุธในเอเชียและแอฟริกา ไม่ใช่ว่าผมอยากใช้คุณหรอกนะกระต่ายน้อย”เขาเว้นจังหวะก่อนจะกวาดสายตามองฉันด้วยสายตาที่มองสินค้าตกมาตรฐาน ฉันอยากจะตะโกนบอกว่าฉันทำทุกภารกิจผ่านด้วยเกณฑ์ยอดเยี่ยมนะยะ!
“แต่นักธุรกิจคนนี้เขาร่ำรวย ชาติตระกูลดีเยี่ยม หน้าตาดี และอายุไม่มาก สายลับที่จะเข้าใกล้เขาได้ต้องอยู่ในตำแหน่งคู่ควง ซึ่งจะต้องเป็นที่ยอมรับได้ของสังคมเขาด้วย คุณคงไม่คิดให้ผมใช้ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าแฝงตัว ไม่ทันจะได้คุ้นปันเขาแต่จะโดนแม่เสือรอบตัวเขาขัดขวางซะก่อนน่ะสิ ถึงแม้คุณจะตกบางเกณฑ์ก็เถอะ”บอสคะ คุณมีฝีปากที่ดีเกินไปแล้ว
“เพราะฉะนั้น ยินดีด้วยนะแม่กระต่ายน้อยจบงานนี้คุณเกษียนได้แล้วล่ะ”
“ฉันได้ข่าวจากหน่วยอื่นว่าหน่วยดอกไม้ตะวันตกจบการศึกษาแล้ว ไม่ใช่ด้วยเหตุผลนี้หรือคะบอส!”ฉันยิ้มน้อยๆกอดอกมองเขาบ้าง
“อืม”เขาพยักหน้าอย่างง่ายดาย “พวกคุณเริ่มเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาหลายประเทศมากเกินไป แถมแก่เกินไปสำหรับปฏิบัติการแล้ว เพราะฉะนั้นควรปลดระวางไปทำงานส่วนเบื้องหลัง”
“บอสคุณหน้าไม่อายที่สุดเลย!”ฉันไม่มีคำพูดไหนจะมอบให้เขาแล้ว!!
“ขอบคุณที่ชม แม่กระต่ายน้อยคุณควรอ่านภารกิจซะ แล้วการติดต่อสายนี้จะจบลงแค่นี้ หวังว่าคราวหน้าคุณจะติดต่อด้วยเรื่องสำคัญจริงๆ ผมขี้เกียจให้คนเสียเวลาเก็บกวาดร่องรอยบ่อยๆนะ”เขาพูดจบก็ตัดสายทิ้งเลย ฉันรีบถอดซิมทิ้งให้โยนลงพื้นก่อนจะขยี้ด้วยส้นเตี้ยสีดำเรียบร้อยของตัวเอง ไอ้ที่บอกว่าตกเกณฑ์จะหาว่าฉันแก่เกินไปหรอฮะ!
“ฉันไม่ได้แก่นะ! เพิ่งจะ 27 ปีเอง!!”ฉันกระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด หนทางการเตรียมสอบเป็นข้าราชการของฉันมันเป็นไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยปีสองบังเอิญผ่านบททดสอบ ทำให้ฉันต้องเข้ารับฝึกเป็นสายลับ ฉันมองผู้หญิงที่สะท้อนในกระจกคุณภาพถูกของโรงแรมจิ้งหรีดในรัฐเล็กๆของอเมริกา เป็นหญิงสาวชาวจีนหน้าเรียวเล็กคางแหลมปากบางทาเคลือบด้วยลิปติกสีนู้ด ดวงตาโตถูกตกแต่งจนหยีเล็ก ผิวขาวผ่องทากลบด้วยเครื่องสำอางแสดงความเป็นเอเชียด้วยผิวขาวเหลืองติดจะคล้ำ ผมลอนที่เป็นเกลียวถูกแทนที่ด้วยผมยาวตรงที่สั้นประบ่า ดูยังไงก็เป็นนักศึกษาชาวจีนซื่อๆคนหนึ่ง ฉันถอนหายใจก่อนจะกระแทกตัวนั่งบนเตียงอ่านข้อมูล ภาษาญี่ปุ่นที่ห่างหายมานานถูกพิมพ์อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“จุดแลกเปลี่ยนอยู่ที่ไทยงั้นหรอ?”ฉันขมวดคิ้วยุ่ง ประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นประเทศที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยต่ำจริงๆนั้นล่ะ แถมอากาศก็ร้อนด้วย
“เป้าหมายบอกว่าไปพักร้อน”ฉันทวนเสียงสูง พักร้อนที่นี่เนี่ยนะ ฉันได้ยินมาว่านายรวยมากไม่ใช่หรือไง พอดูแผนที่และการเดินเรือก็อดอยากสรรเสริญไม่ได้ ไอ้เส้นทางการเดินเรือนี่มันเหมาะสมกับการค้าขายอาวุธสงครามจริงๆนั้นล่ะ ดูต้นทางและปลายทางก็ยอมแพ้
“เขาต้องมีเส้นสายขนาดไหนถึงเอาของจากอเมริกาออกไปได้กันนะ”ฉันเห็นรหัสอาวุธที่เขานำไปขาย แค่รหัสก็เดาได้ว่าเป็นของที่ทหารอยากเลาะทิ้งเต็มที่ บางทีเขาอาจจะเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น? ฉันพลิกจนแผ่นสุดท้ายประวัติของเขามีแค่แผ่นเดียวแต่รูปของเขาทำให้ฉันนิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจ เรือนผมสีน้ำผึ้ง ใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบ ดวงตาและรอยยิ้มอ่อนโยนสง่างาม พร้อมกับชื่อที่แสนคุ้นเคย เพื่อนสมัยประถมจนถึงมัธยมปลายของฉัน เอ็นโจ ชูสึเกะ
อิตาเอ็นโจเองเรอะ! ชั่วร้ายดำมืดแบบเขายังต้องการคนคุ้มกันอยู่หรือไงฮะ!?
-----------------------------
ใครอยากต่อก็ได้นะ กูได้แค่นี้ว่ะ 555
กูขอโทษ กูไม่ได้อ่านนาน พิมพ์ชื่อจอมมารผิด เอ็นโจ ชูสุเกะ เอ็นโจ ชูสุเกะ เอ็นโจ ชูสุเกะ เอ็นโจ ชูสุเกะ เอ็นโจ ชูสุเกะ เอ็นโจ ชูสุเกะ
หกครั้ง หวังว่าจอมมารจะอภัยโทษ
Ky ฝั่งยุ่นเขาร่ำร้องคร่ำครวญหา อ.ฮิโยโกะกันไหมวะ
กูอ่านตอนล่าสุดซ้ำไปซ้ำมา T-T
เป็นไปได้มั้ยว่าตอนหน้าจะเป็นตอนจบ เรื่องอาจจะจบแบบปลายเปิด และท่านฮิโยโกะอาจจะออกมาอัพตอนใหม่พร้อมประกาศปิดเรื่อง+ตีพิมพ์
อยู่ๆก็นึกตอนจบได้แบบนี้....
งานดอกไม้ไฟที่ไปดูจู่ๆ ก็มีทั้งคาบุรากิและวาคาบะ!? พอดอกไม้ไฟลูกแรกถูกจุด พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าก็กลายเป็นรูปหัวใจ คาบุรากิเดินเข้ามาหาตรงหน้าแล้วบอกว่า 'ฉันชอบเธอนะคิโชวอิน ที่ชวนคุยเรื่องวาคาบะบ่อยๆ เพราะอยากหาเรื่องคุยกับเธอ ไปเจอวาคาบะก็เพราะอยากฟังเรื่องของเธอให้มากขึ้น คบกับฉันได้มั้ย' ด้านซ้ายเป็นวาคาบะที่ปรบมือแปะๆ อย่างร่าเริง ด้านขวาเป็นเอ็นโจที่ส่งยิ้มขื่นๆ มาให้ ข้างๆมียูกิโนะที่ทำหน้าบูดบึ้งอยู่ซะงั้น เอ๋!??!!
พวกมึง กูเพ้อฝันถึงงานโรงเรียนมานานล่ะนะ อยากให้รถไฟเจ้าแม่ชนกันสักครั้ง แบบท่านเรย์กะชวนพวกนายบ้าหมากับบ้านทาคามิจิมางานรร. เดินไปเดินมาเจอกันพอดี คาบุเห็นเรย์กะกับนายบ้าหมานึกว่าโดนกุ๊ยข่มขู่จะเข้ามาช่วยเอ็นโจก็เดินตามมายิ้มๆ พอเรย์กะอธิบายก็แปลกใจว่าเรย์กะสนิทกับผู้ชายคนอื่นด้วยเหรอ? ยังไม่ทันหายสงสัย น้องๆบ้านทาคามิจิก็มาเห้นเรย์กะ 'อ๊ะ โคโรเน่นี่นา' วาคาบะที่เดินมาด้วยตะครุบปากไม่ทัน... ความแตก
จริงงง กูไม่รู้ว่าความจะแตกตอนไหน แต่อยากรู้รีแอคคาบุมากๆ กูว่าถ้าคาบุเก๊กขรึมที่โดนหลอกลวงมาหน่อย ท่านเรย์กะต้องง้อแน่ๆ แบบตอนที่คาบุเศร้าละท่านเรย์กะชวนไปกินโอโคโนมิยากิ แง๊ น่ารักเว่อร์ กูแบบ ท่านเรย์ก่าาาาา//น้วย แงวงวงง นึกถึงตุ๊กตาผมม้วนหลอดชะโงกหน้าโผล่มาจากข้างตัวละง้อสิ เป็นคาบุคือกูต้องระเบิดบึ้มเป็นโกโก้ครันช์ นั่ลลัก ช็อตนั้นคือกูหั่นชิ้นส่วนออกจากเรือเอ็นโจไปเรือคาบุแทบไม่ทัน เคมีน่ารักดีมาก
แต่อีกตอนที่อยากรู้แต่ไม่น่ามีคือน้องคันตะเข้ารรซุยรันไปเพื่อพบว่าสองในสามของผู้มีอำนาจปีที่แล้วเป็นพวกแปลกๆที่เคยมาเยี่ยมบ้าน อดีตจักรพรรดินีของซุยรัน ความจริงแล้วคือโคโรเน่คนนั้น น้องคงแบบ ความเป็นห่วงที่ว่าจะโดนรังแกตอนนั้น… แล้วดีไม่ดีริรินะผู้มีสปายก็น่าจะ นี่นายเป็นน้องของยัยทาคามิจจิอะไรนั่นใช่มั้ยยะ ฉันน่ะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคิโชวอิน//เปิดเรือใหม่ให้ตัวเองแบบงงๆ ตอนแรกจะชงคันตะเรย์กะ แต่เราต้องมีศัตรูหัวใจให้น้องหัวหน้าชมรมตรงนั้นบ้าง-
>>796 ไม่รู้ดิ แต่กูก็คิดว่าคันตะอาจจะไม่เข้าซุยรันก็ได้มั้ง น้องเขาอาจจะไปต่อม.ปลายที่โรงเรียนอื่น แต่ถามเฉยๆเพราะอยากรู้ว่าซุยรันเป็นไงเพราะเห็นเรย์กะกลัวคาบุลนลานตลอดเลยนึกว่าโดนพวกระดับบนๆรังแกมา แถมตอนมุมมองน้องเขาก็ไม่ได้มีความอยากรู้อยากเห็นโลกที่แตกต่างเหมือนวาคาบะด้วย ยังบอกวาคาบะถ้าไม่ไหวก็ให้ไปเรียนโรงเรียนธรรมดาๆอยู่เลย แต่ถ้าเข้า น้องแกคงคัลเจอร์ช็อคน่าดู โคโรเน่ที่ไปกินข้าวที่บ้านเป็นจักรพรรดินีคนดังของซุยรัน แถมไม่ต้องกังวลเรื่องโดนรังแกเลยซักกะนิด 5555555555555555
ต้องกังวลว่า(ลูกสมุน)โคโรเน่จะไปแกล้งใครมากกว่า..
ทำไมวันนี้เงียบจัง
ทำไมกูเปิดเว็บแมวดุ้นในโทรศัพท์ไม่ได้วะ...
เพิ่งเห็นโพสต์เสด็จพ่อ Sirn (Webmaster) เอามาเแปะให้ดูว่าค่าเฉลี่ยของแต่ละโพสต์ในโม่งอยู่ที่เท่าไหร่
Web Novel นำมาอันดับหนึ่งเลยว่ะ กูคิดว่าส่วนมากน่าจะมาจากฟิคกาวที่กวนกันในกระทู้นี้แหละ 55555
https://twitter.com/gridth1/status/1017799712487890945
มึงกูพึ่งเข้าไปดู สารบัญตัวละครหายไปไหนวะ รึกูหาไม่เจอเอง
กุน่าจะเคยAdd to folder ของกุไว้นะ ไม่รู้จะหายไปด้วยมั้ย ถ้าไม่หายเดะเอาลงให้
กุลากสารบัญเรย์กะของโม่งนิรนามเข้าโฟลเดอร์รวมละนะ สหายโม่งลองไปส่องดูว่าติดมั้ย
กู๋ไดรฟ์ช่วงนี้รวนๆเหรอวะ มันหายไปหลายไฟล์เลย ทั้งสารบัญจอมมาร สารบัญอิมาริท่านพี่ สารบัญตัวละคร ปกติมันจะเยอะกว่านี้ไม่ใช่เหรอ
ลองกดเข้า Shared with me แล้วเสิร์ชชื่อไฟล์ดูถ้าจำได้ เสร็จแล้วลากเข้าโฟลเดอร์ มันน่าจะยังอยู่ในประวัตินะ
กุเจอสารบัญเอ็นโจแล้ว เดี๋ยวลองลากแป๊บ
ไฟล์เปล่าก็หายไป กุว่าต้องมีคนเปิดในแอพแล้วเผลอๆลบแน่
ขออีกเม้น กุลากกลับมาได้แค่สารบัญเอ็นโจ+How to เพราะกุเข้าไม่ครบทุกไฟล์นะ ;_; (อีห่า รู้เลยว่าเมนใคร)
ใครมีสารบัญคนอื่นก็ช่วยๆหน่อยเด้อ
กด Share with me>> พิมพ์ชื่อไฟล์>> กดเข้าไฟล์ทีนึงแล้วค่อยออก (เป็นการดันให้ไฟล์มาอยู่ด้านบน) >> แล้วลากไฟล์นั้นเข้าโฟลเดอร์ท่านเรย์กะ
กูไม่ได้แชร์เก็บไว้เลย ใครมีเก็บๆ ไว้ช่วยกันหน่อยนะคะ ToT
ตอนนี้กุเปิดแล้วมี10อันอ่ะ เดิมต้องมีกี่อันนะกุลืม;__;
เท่าที่กูจำได้นะ รู้สึกว่าสารบัญอิมาริท่านพี่ สารบัญอาริมะหายไปว่ะ
มึงงง กูใส่ไปแล้วมันเป็นpdfอ่ะ กูขอโทษ กูทำไม่เป็นTT
ตอนนี้เหมือนจะเหลือของท่านพี่ท่านอิมารินะะะ
ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมในการกู้ภัยครั้งนี้ค่ะ //กราบงามๆ ทุกสารทิศ
ที่เงียบๆนี่คือกู้ภัยกันอยู่สินะ //พนมมือ
โม่งฟิคโปรดกลับมาอัพ กูจะขาดกาวตายแล้วววววว
จิตใจห่อเหี่ยวจัง ต้องการฟิค ต้องการกาว ต้องการให้อ.ลงต่อ//เอาเล็บขูดผนัง
โม่งฟิคจ๋าาาาาา คิดถึงจังโลยยยยย
พวกมึงว่าเรื่องนี้ท่านฮิจบแบบไหนที่จะจัดว่าพีคสำหรับมึง แบบอ่านแล้วร้องเชีี่*ยยยยย
ใจกูตอนนี้คืออย่างน้อยก็อยากอ่านโม่งซุยรันคุยกันนะ กูเหงา กูคิดถึงบรรยายกาศเก่าๆ โดยเฉพาะสมัยกาวกันหนักๆ กูชอบมากเลยเวลาพวกมึงหวีดแปลไทยหรือกาว หรือตอนที่มีโม่งเอาสาระมาแปะแล้วพวกมึงถกกัน ภาพลักษณ์โม่งในสายตากูเปลี่ยนไปเยอะเพราะมู้นี้ กูอบอุ่นกับครอบครัวโม่งซุยรันมาก เวลาเงียบกันกูเลยรู้สึกเหงา แต่กูก็เข้าใจแหละว่ามันไม่มีอะไรให้คุย
>>855 โอ๋ๆ กอดๆ นะมึง อยากบอกว่ากูก็ยังเป็นผีสิงกระทู้อยู่ตนนึงนะ วันนึงๆ ก็เข้ามารีเฟรชหลายรอบ แบ่บเหมือนมือมันเคยชินไปแล้ว 5555 เวลาเห็นกระทู้ไม่ขยับเลยก็รู้สึกเหงานิดๆ เพราะทุกวันนนี้ก็เหมือนเอาไว้เม้าท์ขนมน้ำชาเป็นคุณหนูซุยรันล่ะ กูเชื่อว่าถ้ามีคนชงประเด็นมาก็ยังมีคนมาตามตบเรื่อยๆ นะ แต่ไม่รู้จะเม้าท์อะไรกันดีนี่แหละ ถถถถถถ
งั้นกูมายกมือบอกว่ากูกำลังพยายามเขียนฟิคไดนากงออกมาอยู่ตามสัญญากับโม่งซักคนในตำหนักก่อนๆๆๆ(ก่อนมาก…5555ตั้งแต่แปลไทยได้ดอกไม้มั้ง…)ว่าถ้ามาปรากฎตัวเกินสามครั้งแล้วกูจะเขียนฟิคถวาย…ได้มาเกือบสามพันคำแล้วยังไม่ถึงครึ่งเรื่องที่วางไว้//ตอนนี้ดองแบบค่อยเป็นค่อยไป…
กุขอโทด กุจะพยายามปั่นต่อ กุคือโม่งฟิคโฮสต์เอ็นโจ
กะว่าจะเขียนต่อตั้งแต่วันจันทร์ แต่มันเขียนไม่ออก เขียนๆลบๆรัวมาก ฮือๆ
เห็นคนหาเรื่องเมาท์กัน กูกำลังอยากรู้อยู่พอดี
ปกติเวลามึงดื่มชามึงชอบดื่มกับอะไรกันวะ//กุไม่ชอบขนมหวานๆเลยหาของถูกใจยากชิบ
เว็บแมวเปลี่ยนหมวดหมู่ใหม่ ใครเล่นเฟส ไปแจ้งแอดมินเว็บแมวหน่อยดิว่า แท็กอาหารมันต้องเป็น Gourmet ไม่ใช่ Grume นึกว่าแนวโชกเลือด -_-"
>>867 กูแนะ dean and deluca มีสาขาที่สะดวกสุดสำหรับกูก็ที่เอ็มควอเทียร์ แต่ราคาแพงพอสมควร เซ็ตนึง 200 บาทมั้ง ได้สโคนลูกนึงกับคล็อตครีมแบบอังกฤษแท้ๆและแยม แต่สโคนลูกใหญ่นะ คนกินน้อยกินชิ้นเดียวก็อิ่มละ แต่ส่วนใหญ่พนักงานแนะให้ซื้อสองลูกจะได้พอดีกับตัวครีมและแยมที่อยู่ในเซ็ต สโคนขายเปล่าๆอยู่ที่ 70 บาทมั้ง
แมนดาริน โอเรียนเตล จำไม่ผิดราคาจะอยู่ที่ 150 เป็นเซ็ตสโคนเหมือน dean ได้สโคนสองลูก ครีมและแยมตามมาตรฐาน
นอกนั้นที่กูเคยกินก็พวกสตาร์บั๊ค ร้าน ka-nom หรือมึงจะสั่งออนไลน์มาก็ได้ แต่ต้องระวังเรื่องหน้าฝนเพราะมันชื้น เดี๋ยวขนมมึงจะขึ้นราได้ง่ายนะ
สโคนอร่อยกูแนะนำ Eric Kayser มีเนย แยมสตรอเบอร์รี่กับมะม่วง แต่ที่กูชอบสุดของร้านคือครัวซองค์ว่ะ 55555
ถ้าร้านบนราคาสูงไปนิด มีอีกที่แนะนำ Flower by p ไม่แน่ใจชื่อร้าน แต่อยู่แถวอารีย์ สโคนใช้ได้ มีชากุหลาบสตรอเบอร์รี่ รสอมเปรี้ยวนิดๆ หอมอร่อยดี ร้านน่าร้ากมากกก
นี่ก็เคยลองนะแต่ก็เป็นการจับคู่ของกินกับเครื่องดื่มประหนึ่งสุ่มกาชานั่นแหละ ถถถถถ
ปกติกูดื่มชาคู่สโคนอ่ะ ไม่ก็บิสกิต แต่ถ้าเป็นกาแฟ กูก็จะทานคู่กับขนมที่พาร์ทเนอร์แนะนำว่าตัวนั้นคู่กับขนมอันไหนเเล้วอร่อย << สตาร์บัคส์รีเสิร์ฟนะ มันมีกาแฟให้เลือกหลายตัว เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สนุกดี
กูกินชากับติ่มซำ จีนมักๆ
กาวนอก update แล้วนะเว้ย
>>889 ต้องดูว่าออกเยอะขนาดไหน
- งานรร นางมาเอง(แต่ท่านชูก็บอกว่าจะกลับไปทำลาเต้อาร์ตให้ที่บ้าน)
- ออกงานที่เหลือก็น่าจะเอสคอร์ทมาด้วยกัน (อาจจะผู้ใหญ่บังคับ-แบบที่มาดามคาบุจะให้มาซายะเอสคอร์ทแต่อันนี้ท่านเรย์กะปฏิเสธ รึท่านชูจะสมัครใจเองก็ไม่ทราบ)
- นอกรอบไม่ใช่งานสังคม เช่น ไปดูโอเปร่า(ปะวะ ซัมธิง)ที่ท่านอิมาริไปเจอ หึๆ (อันนี้โดนบังคับรึเปล่าไม่รู้ หรือโดนชวนแล้วก็ตามน้ำมาก็ไม่รู้—แหมก็ไม่น่าจะเคยชวนใครไปเดตก่อนเลยนี่คะ)
ไม่นับว่ามีโมเม้นที่ไม่รู้อีกนะ
อันที่จริงที่เราเดาๆกันว่าไม่เต็มใจ เพราะไอ้ตอนยิ้มขื่นๆประมาณล้านรอบ/หนีบ้านมารร(ไม่แน่ว่าเรื่องอะไร)/ทิ้งยุยโกะไว้กะฝูงผชตอนปาร์ตี้มาทักท่านเรย์กะ (แต่อย่าลืมว่ามีบางครั้งที่ท่านเรย์กะเห็นเอ็นโจยืนกะยุยโกะเช่นกัล)
ถามว่าอยู่บนเรือนี้มั้ยก็อยู่ แต่ความหมั่นไส้ในเรื่องนี้ก็มีเยอะกว่า ไอ้ผู้ชายหลายใจ ท่านเรย์กะอย่าไปสนเลยค่ะ! คานซังกับอาหารซังสิคะยั่งยืน—
ใครก็ได้ช่วยแปลกาวนอกต่อที
นี่อาจจะเป็นทริคป้องกันกองเรือตีกันก็ได้ เรือทุกลำสามัคคี อะไรก็ได้ทั้งนั้นขอแค่มาลงต่อให้จบก็พอ /ซับน้ำตา
เริ่มเปิดโหวตชื่อมู้ถัดไปกันเถอะ 900 แล้วนี่
เหงาๆ แต่ล่อไป 900 แล้วนะ คิดมู้ใหม่กันเถิด
ไอเดียตัน เอาไรดีน้า...
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับเสียงโหยหวนของเหล่าโม่ง [กรีดร้องขอตอนใหม่รอบที่ 27]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการที่นักเขียนหนีไปไดเอท(มั้ง)จนไม่ได้เขียนต่อสักที [กรีดร้องขอตอนใหม่รอบที่ 27]
ปล. ตั้งชื่อนี้เพราะคิดว่าท่านฮิโยโกะรู้จักของกินเยอะแบบนั้นน่าจะเคยกินมาหมดแล้ว คอเลสเตอรอลน่าจะจับหลอดเลือดเรียบร้อย
หรือที่ท่านฮิหายไปเพราะเข้ารพ.เนื่องจากไขมันอุดตันในเส้นเลือดกันนะ?
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการความสงสัยของเหล่าโม่งและนักเขียนที่หายไป [หาเรื่องคุยครั้งที่ 27]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เจ้าแม่กลับมา [ตั้งจิตภาวนาครั้งที่ 27]
กูโหวต 911
กูฟังเพลงนี้กูก็นึกถึงท่านเรย์กะตอนนี้เลยว่ะ กูต้องภาวนากับดาวแบบเพลงนี้ป่ะวะ 55555555555
"ทำให้ในช่วงเวลาที่ดาวตก
ฉันจึงไม่เคยได้ลืมตา
มันกำลังภาวนาหลับตาลง
เพื่ออธิษฐานให้เธอคืนกลับ
เพราะเธอไม่กลับ
ไม่กลับมามันนานเกินไป"
กาวนอกมีใครแปลต่ออยู่ป่าว
ไปขอตรงโซนราชประสงค์มั้ย
โหวต ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เจ้าแม่กลับมา [ตั้งจิตภาวนาครั้งที่ 27]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการบนบานกินแกงกะหรี่มิคาเคิลขอให้เจ้าแม่กลับมา [โม่งเสี่ยงตายครั้งที่ 27]
กาวนอกถึงแปลกันถึงไหนละ ในสารบัญถึง 13 เองเหรอ
อันนี้ลองคุ้ยๆ จิ้มมารวมไว้ให้ตรงนี้ก่อนแล้วกันนะ จะเข้าไปแปะเพิ่มก็กลัวทำหายวับทั้งหมดด้วยสกิลเทคโนโลยีที่ต่ำเตี้ยติดดิน
กาวนอก
CH 14
https://fanboi.ch/webnovel/5719/397-400/
CH 15
https://fanboi.ch/webnovel/5719/408-410/
CH 16
https://fanboi.ch/webnovel/5719/423-424/
CH 17
https://fanboi.ch/webnovel/5719/447-449/
CH 18
https://fanboi.ch/webnovel/5719/454-456/
CH 19
https://fanboi.ch/webnovel/5719/477-479/
CH 20
https://fanboi.ch/webnovel/5719/480-481/
โหวต 906 จ้าาา
กูเหงา กูอยากเสพอยากกาวฟิค
กูคือคนกำลังเขียนฟิคไดนากงที่เคยบนไว้ ขอโทษด้วยที่กูขี้เกียจแต่งแล้ว มันยาวเกินไปกูจบไม่ล๊งงง ฉะนั้นเลยตัดๆๆๆๆออกแล้วก็เหลือเป็นวันช็อทโง่ๆยยให้แทน
หัวหน้าชมรมฟุตบอล pov
ผมชื่ออาซึมิ ปัจจุบันเป็นนักเรียนม.ปลายปีสุดท้าย รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าชมรมฟุตบอลและเอซของชมรม เป็นนักเรียนชายที่ธรรมดาที่สุดเท่าที่จะธรรมดาได้แล้ว
แต่ผมกุมความลับของหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่เอาไว้ นั่นก็คือคิโชวอิน เรย์กะไม่ใช่คนน่ากลัวแบบที่ทุกคนคิด
อืม จริง ๆ จะเรียกมันว่าความลับก็ไม่เชิงในเมื่อเธอแสดงออกมาอย่างชัดเจน เรียกได้ว่าเหลือเพียงแค่สารภาพรักเท่านั้นที่คิโชวอินยังไม่ทำ พวกคนโง่รอบข้างต่างหากที่ไม่สังเกตเห็น
ถ้าจะให้เท้าความว่าความลับชิ้นนี้เป็นมายังไงต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยพวกเราทั้งคู่ยังอยู่ชั้นม.5
ผมได้ยินกิตติศัพท์ของเธอมาตั้งนานแล้ว เจ้าแม่กาลีเอย ดอลลี่เกิร์ลเอย แต่พวกเราไม่เคยอยู่ห้องเดียวกันมาก่อน ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว สำหรับผม เธอก็คล้าย ๆ ไอดอลสาวที่คุณทั้งรู้จักและไม่รู้จักในเวลาเดียวกันนั่นแหล่ะ
เพียงแต่...เทียบ คิโชวอิน เรย์กะ กับไอดอล เรื่องนี้เล่าให้ใครฟังต้องหาว่าผมเสียสติไปแล้วแน่ ๆ
...ช่างเถอะ ผมแค่จะบอกว่าจะบอกว่าใครน่ากลัวจากเพียงแค่ชื่อเสียงของคน ๆ นั้น ออกจะเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะอยู่บ้าง
แต่ อืม ความจริง ไม่นับชื่อเสียงของคิโชวอินดูจากท่าทีของเธอเวลาเดินโถงทางเดินก็รู้แล้วว่าเป็นผู้หญิงที่ห้ามมีเรื่องด้วยเด็ดขาด ไม่รู้เพราะมีเชื้อสายขุนนางเก่ารึยังไง เจ้าตัวถึงได้เพี้ยนขนาดที่ชอบตั้งขบวนผู้หญิงล้วนเดินแห่กันไปไหนต่อไหน
มีเรื่องด้วยต้องยุ่งยากแน่ ๆ แต่ผมไม่ได้กลัวเธอหรอกนะ
เพื่อนผมที่เคยอยู่ห้องเดียวกันมีแต่คนกลัวเธอทั้งนั้น เพื่อนร่วมชมรมผมก็เหมือนกัน ผมหัวเราะเยาะพวกเขาไปไม่รู้ตั้งกี่คน จนกระทั่งวันนั้น
สภานักเรียนจัดประชุมบรรดาหัวหน้าชมรมต่าง ๆ ขึ้นเพื่อปรึกษาเรื่องงานเทศกาลโรงเรียนที่จะจัดขึ้นในอีกไม่นาน หัวข้อการประชุมไหลไปอย่างต่อเนื่อง น่าเบื่อจนผมต้องหันไปชวนคนข้าง ๆ ที่เป็นหัวหน้าชมรมกีฬาซักชมรมคุย พอกำลังง่วงได้ที่พอดีก็ถึงหัวข้อเรื่องสถานที่จัดกิจกรรม
ผมตาสว่างขึ้นมาทันที เรื่องนี้แหละ ปีที่แล้ววันงานฝนตก ชมรมพวกเราที่จัดที่ด้านนอกเรียกได้ว่าขาดทุน เปียกม่อล่อกม่อแลกกันเกือบทุกคน ผมที่ยังเป็นแค่สมาชิกชมรมธรรมดารู้สึกเสียดายลูกค้าพวกนั้นจริง ๆ ชมรมกีฬาของเรานับว่ามีผลงานยอดเยี่ยม พวกสาว ๆ ด้านนอกที่มาชมโรงเรียนก็มาดูหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างดีในชมรมกีฬาแน่อยู่แล้ว ส่วนพวกผู้ชายก็มาดูอุปกรณ์สวัสดิการนักกีฬาในชมรม รุ่นน้องเขาบางคนถึงกับบอกว่าปีที่แล้วเห็นชมรมเราเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำขนาดนั้น ยังเกือบจะเลือกไม่เข้าชมรมแล้ว อย่างนี้ต้องเสียคนมีฝีมือไปหลายคนน่ะสิ อยู่ด้านนอกนี่เสียเปรียบชะมัด ไม่นับว่าปีนี้พวกเราได้สูตรขนมอร่อยมา คนต้องเยอะแน่ ๆ ผมต้องชิงที่ด้านในมาให้ได้
พอผมพูดเรื่องนี้ขึ้นมา สบตากับพวกหัวหน้าชมรมกีฬาคนอื่น ๆ แน่แหล่ะว่าทุกคนคิดถึงประสบการณ์ปีที่แล้วกันหมดถึงได้มีใครซักคนสนับสนุนแล้วเสนอให้เอาพวกชมรมเล็ก ๆ อย่างชมรมวัฒนธรรมออกมารวมไว้ด้านนอกแทน
อย่าหาว่าพวกนั้นใจร้ายเลยนะ แต่ชมรมพวกนั้นถ้าไม่ใช่พวกเนิร์ดกับผู้หญิงน่าเบื่อใครจะไปเข้ากันเล่า ผมฟังหัวหน้าคนอื่นพูดชื่อชมรมต่าง ๆ ออกมาพลางมองพวกหัวหน้าชมรมวัฒนธรรมที่ทำตัวลีบเล็กกันไปหมด
เฮ้อ จะว่าไปก็น่าสงสารอยู่หรอกนะ...เอะ
ผู้หญิงผมม้วนเป็นเกลียวแน่นที่ก้มหน้าหาของในกระเป๋าอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ว่านั่นคิโชวอิน เรย์กะหรอกเหรอ ยัยนั่นมาทำอะไรตรงนี้
ผมถึงกับตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ ไม่มีทางเด็ดขาดที่คิโชวอินจะเป็นหัวหน้าชมรมกีฬา แต่จะหัวหน้าชมรมชงชากับชมรมจัดดอกไม้ที่สมาชิก pivoine ชอบเข้าร่วมก็อยู่ตรงนั้น
ผมหาข้อมูลมาดีแล้วแท้ ๆ ว่าคนพวกนั้นแค่เด็กธรรมดาไม่ใช่สมาชิก pivoine ขอแค่ไม่ไปหาเรื่องเข้า คนพวกนั้นไม่มีทางก้าวก่าย แต่คิโชวอิน เรย์กะ...ยัยนั่น หัวหน้าชมรมอะไรกันนะ
เธอเหมือนจะหาของได้แล้ว ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อย ๆ แต่ดวงตากับเป็นประกายระยับ โดดเด่นออกมาราวกับเด็กคนอื่นเป็นแค่พื้นหลัง ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เพราะผมจะง่วงเกินไปถึงไม่ได้เห็นทั้งที่เธอออกจะโดดเด่นขนาดนี้ได้ยังไง
เขาถึงกับเหม่อลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
ใครซักคนก็ตะโกนออกมา “ที่เหลือก็นั่นไง! ชมรมงานฝีมือ!”
พรึ่บ!
เสียงสะบัดพัดปลุกผมขึ้นมาจากภวังค์
“ชมรมงานฝีมือทำไมไม่ทราบคะ” คิโชวอินที่สะบัดพัดออกมาถือคลี่ยิ้มมาให้ทางพวกเรา ฉายแววความพอใจออกมากระทั่งดวงตาก็โค้งเป็นรอยยิ้ม
แต่เธอจะเจาะจงมาทางผมเกินไปไหมนะ
ตัวของผมเริ่มแข็งทื่ออีกครั้ง นึกถึงตำนานปราบกบฏซึรุฮานะสมัยมัธยมต้นขึ้นมาได้ เหตุการณ์นั้นคนเห็นอยู่แค่ไม่กี่คน เรื่องเล่าปากต่อปากย่อมจะเชื่อถือไม่ได้ซะเกือบครึ่งอยู่แล้ว
ผมคิดว่าความน่ากลัวในตอนนั้นเป็นแค่เรื่องเล่า ดีไม่ดีคิโชวอิน เรย์กะนั่นเผยแพร่ข่าวลือเกินจริงเองด้วยซ้ำ ตรรกะเดียวกับตอนตั้งขบวนแสดงอำนาจ เธอยังต้องแพร่ข่าวประหลาดพวกนั้นให้อำนาจเธอมากขึ้นไปอีก
แต่พอเจอกับตัวจริง ๆ ถึงจะไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่ก็น่ากลัวจริง ๆ นั่นแหล่ะ
เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ซุยรันครั้งนี้ผมอยู่ด้วย...เสียดายที่เหมือนเป้าหมายของเธอเหมือนจะเป็นพวกผม...ผมไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิงสติไม่ดีคนนี้ซะหน่อย จนผมอดสบถด่าไอ้ชมรมปากมากข้าง ๆ ในใจไม่ได้ ใครมันโง่ถึงขั้นเสนอชื่อชมรมพวกนั้น ความจริงผมลองวิเคราะห์ดูแล้ว ความสำคัญของชมรมกีฬาเรามากกว่าชมรมวัฒนธรรมอยู่ไม่น้อย สภาต้องยอมโยกย้ายสถานที่ให้แน่ ไม่จำเป็นต้องลากเรียงรายชื่อชมรมวัฒนธรรมเล็ก ๆ พวกนั้นออกมาเลยด้วยซ้ำ
แต่นี่ดันไปแตะเกล็ดย้อนมังกรหลับเข้า
คิดในใจอยู่นาน ผมรู้ตัวอีกทีก็ ไม่รู้ว่าคิโชวอิน เรย์กะที่ยืนยิ้มเมื่อกี้เดินไปไหนแล้ว แต่พอกำลังจะหันกลับไป ก็มีอะไรบางอย่างมาสัมผัสไหล่ของผม ความเย็นของมันค่อย ๆ แผ่ออกมาผ่านเครื่องแบบนักเรียนจนผมขนลุกซู่
ผมชะงัก นี่คงไม่ใช่พัดด้ามนั้นหรอกนะ...?
พัดเคาะเข้ากับกระดูกบนไหล่ผมดังต๊อก ต๊อก ต๊อก
ให้ตายเถอะ นี่มันเจ็บนะเฟ้ย ยัยนี่ดูหนังมากเกินไปรึเปล่า...คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าแม่อย่างนั้นใช่ไหม เดาว่าตอนนี้เธอต้องกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจมากแน่ ๆ ผมพยายามบังคับให้ตัวเองให้ทำตัวปกติ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกที่มีคนยืนจ้องอยู่ด้านหลังโดยเฉพาะคนที่ว่าเป็นคิโชวอิน เรย์กะคนนั้นก็ชวนให้คนรู้สึกเสียวสันหลังจริง ๆ
คำถามแรกที่เธอถามเป็นอะไรธรรมดา ๆ เหมือนกับถามสารทุกข์สุกดิบประสาหัวหน้าชมรมทั่วไป แต่อย่างนั้นผมยังประหม่า มือชื้นเหงื่อจนตอบออกมาอย่างตะกุกตะกัก แต่เธอก็ยังชมต่อ บอกว่าไม่ต้องถ่อมตัว ผมที่สงบลงบ้างแล้วก็เลยขอบคุณตามมารยาท แต่แล้วเธอก็ดันพูดเรื่องที่มีชมรมฟุตบอลไปปิดร้านกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันมา
...
แน่นอนอยู่แล้วว่าปฏิเสธไม่ได้ แต่นี่เธออินถึงขั้นมีสปายด้วยเรอะ คิโชวอิน เรย์กะคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียหญิงของโรงเรียนจริง ๆ สินะ...
เรื่องสำคัญกว่าถูกข่มขู่คือสภานักเรียนใส่ใจเรื่องนี้รึเปล่าต่างหาก
ผมเหลือบตามองประธานนักเรียนมิซึซากิที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ เขาไม่ได้มองมาที่ผมแต่ผ่านไปจับอยู่ที่คนที่เดินจากผมไปข่มขู่หัวหน้าชมรมเบสบอลต่อ สีหน้าของเขาฉายแววอ่อนใจแต่ดวงตากับริมฝีปากยกยิ้มขึ้นนิด ๆ บอกว่าเขาเห็นชอบกับการกระทำนี้อย่างแน่นอน นอกจากเขาแล้วก็มีนักเรียนทุนอีกคนที่ทำสีหน้าปกติ รู้สึกว่าเด็กคนนั้นจะสอบได้ในห้าอันดับแรกเสมอชื่อทาคามิจิ
คนหนึ่งต้องตีกับพวก pivoine เป็นประจำ ส่วนอีกคนก็มีจักรพรรดิมาติดพัน ไม่กลัวเธอก็ไม่แปลกอะไร
แต่ถึงขั้นเห็นด้วยกับการกระทำของเธอ...
ผมหลุบตาลงพิจารณา ผมไม่คิดงัดข้อกับเธออยู่ตั้งแต่แรกแล้ว ผมเลยยอมอยู่ข้างนอกแต่โดยดี ขืนไปทำอะไรขัดใจเธอเข้า เห็นได้ชัดว่าชีวิตในโรงเรียนหลังจากนี้จะยากลำบาก
คิโชวอิน เรย์กะที่กุมชัยชนะเอาพัดป้องปาก ส่งเสียงหัวเราะโฮะโฮะโฮะออกมาดังก้องในห้องประชุม
ผมเหลือบตามองสภานักเรียนสองคนนั้นอีกครั้ง ประธานนักเรียนถอนหายใจ ส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้นอ้าปากหวอ อืม ดีแล้วล่ะ ถ้าพวกนายยังมองว่าเสียงหัวเราะประหลาดเมื่อครู่ปกติดี ผมคงไม่เชื่อถือสภานักเรียนอีกต่อไป
นี่ไม่นับว่าพอออกมาจากห้องประชุมแล้ว ยัยหัวสว่านคนนั้นก็ไอค่อกแค่กค่อกแค่กคว้าน้ำมาดื่มด้วยท่าทีเหมือนได้ขึ้นสวรรค์
ถ้าจะต้องเจ็บคอแบบนี้ เธอจะเก๊กเสียงหัวเราะแบบนั้นตั้งแต่แรก ทำไมไม่ทราบ
พอถึงงานวันเทศกาล ในขณะที่ผมกำลังเดินชมงานของห้องต่าง ๆ ผมก็รู้สึกได้ถึงรังสีชั่วร้ายที่โผล่ออกมาจากประตู
ผมม้วนหลอดสะบัดไปสะบัดมาเหมือนกำลังหาเหยื่อสังเวยผู้โชคร้าย วันนี้คิโชวอิน เรย์กะไม่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบแต่ใส่เป็นกี่เพ้ากับกางเกงขายาว
...มันไม่เข้ากันที่สุดของที่สุด เหมือนเวลาต้องกินสปาเกตตี้ซอสขาวแล้วเชฟใส่น้ำปลาแทนเกลือ ทั้งที่ทำผมม้วนหลอดที่น่าจะฮิตสมัยวิคตอเรียนศตวรรษที่ 17 แต่ดันใส่ชุดกี่เพ้า นี่ไม่มีคนบอกยัยนี่เลยรึไง...
เอ๊ะ ด้านในนั่นมีคนทำผมแอฟโฟรกำลังสีไวโอลินอยู่ใช่ไหมนะ...จะทำอะไรเอาแต่ใจก็ควรจะมีขอบเขตบ้าง ที่ไม่มีใครเตือนใครต้องเป็นเพราะไอ้ห้องพวกนี้มันเพี้ยนกันทั้งห้องใช่ไหม ต้องรีบเดินหนีแล้ว! อยู่ไปเจ้าแม่หัวม้วนนั่นอาจจะจับผมไปใส่น้ำเต้ากลั่นออกมาเป็นน้ำอมฤตที่โมเมว่ามาจากเผิงไหลเอาก็ได้
อะแฮ่ม ล้อเล่นน่ะ ความจริงคิโชวอินก็ไม่ได้ดูน่าสยดสยองขนาดนั้น มันแค่เหมือนตัดเอาหัวตุ๊กตาฝรั่งเศสมาต่อกับหุ่นในกังฟูแ*น***เท่านั้นแหล่ะ
ชวนให้นึกถึงปีที่แล้วที่เธอลงวิ่งแฟนซีแต่ดันแต่งเป็นหนูจริง ๆ ตอนนั้นคนถึงกับเงียบกริบ เป็นการแข่งขันวิ่งแฟนซีที่เครียดที่สุดแล้ว ไม่นับว่ายัยนั่นยังวิ่งช้าจนเรียกได้ว่าเหมือนแข่งเดินเร็วอวดโฉมมากกว่า พวกห้องอื่นที่แข่งด้วยก็ละล้าละลังจะวิ่งแซงได้รึเปล่าหรือถ้าวิ่งตามหลังคือเหมือนหัวเราะเยาะเธอไหม
พูดง่าย ๆ คือประหลาดยิ่งกว่าตอนนี้สิบเท่า ตอนนี้เป็นแค่พระนางมารี อังตัวเนต์ที่ใส่ชุดกังฟู ตอนนั้นน่ะเป็นพระนางมารี อังตัวเนต์ที่ใส่ชุดวันพีซสีเทา ใส่ที่คาดผมหนู รองเท้าแตะหนู แล้วยังจะถุงมือหนูเชียวนะ
ขณะกำลังนินทาคนอยู่ในใจ หัวของมารี อังตัวเนต์ก็หันขวับมาสบตากับผม ดวงตาเรียวรีเปล่งประกายก่อนจะโค้งเป็นรอยยิ้ม
หวา นั่นเธอกวักมือเรียกผมทำไมน่ะ
ผมไม่อยากไปยุ่งกับร้านที่ดูน่าสงสัยแบบนั้นหรอกนะ
“ฮึย พระนางบูเช็กเทียน” ผมตะโกนกลับแล้วรีบหนีไป ถ้าโดนลากเข้าไปในร้านต้องซวยแน่ ๆ ถึงผมจะบอกว่ากลั่นน้ำอมฤตจากการใส่คนในน้ำเต้าเป็นเรื่องเหลวไหลก็จริง แต่คาเฟ่ที่ขนาดแค่คอสตูมก็ผสมกันมั่ว ๆ แบบนี้ ใครจะรู้ว่าเมนูนั่นเอาชาจีนผสมกับอะไรให้ผมกินบ้าง เรียกว่าพระนางบูเช็กเทียน ยัยคนที่คิดว่าตัวเองน่ากลัวและวันนี้คอสเพลย์เป็นชาวจีน...ถึงจะประหลาด แต่ก็น่าจะพอใจกับคำตอบของผมสินะ
ปากท้องน่ะเป็นเรื่องซีเรียสนะ!
ผมชะโงกหน้าไปมองตอนที่หนีมาหลบอยู่ไม่ไกล แหงล่ะว่ายัยนั่นต้องไม่วิ่งตามมาแน่ ต่อให้วิ่งตามมาก็คงหนีไม่พ้นการวิ่งที่ดูเหมือนเดินแบบนั้น ริมฝีปากของเธอก็เบะคว่ำลงน้อย ๆ ดูน่าหยอกไม่เลว พอท่าทีมาเฟียนั่นหายไปจะยอมให้เป็นพระนางหยางกุ้ยเฟยก็ได้นะ ฮึ
ในงานเทศกาลวันที่สองผมก็ได้ยินข่าวลือถึงเรื่องในเย็นเมื่อวาน เอ็นโจ ชูสุเกะมอบลาเต้อาร์ต แบบพิเศษให้คิโชวอิน เรย์กะโดยไม่ต้องมีบัตรคิว เอ แต่ถ้าเป็นอย่างนี้เธอก็ต้องเป็นเตียวเสี้ยน** จันทร์หลบโฉมสุดาแทนหยางกุ้ยเฟยน่ะสิ
หึๆ
ในตอนบ่ายที่ผมได้พักชั่วคราว สมาชิกในชมรมผมก็ลากไปดูห้องของฝั่งชมรมวัฒนธรรมบอกว่าจะไปดูหน้าไอ้พวกที่บังอาจมาแย่งที่พวกเราไปดูซิว่าจะมีคนมาดูซักกี่คน เฮ้ย พวกนายจะไปหาเรื่องใส่ตัวทำไมน่ะ ที่สำคัญคือจะลากผมไปด้วยทำไมเล่า แต่ผมก็ดันเป็นหัวหน้าชมรมที่ดี...ยังไงซะต่อให้ไม่ลากก็ต้องตามไปช่วยรับเพลิงพิโรธอยู่แล้ว ก็ได้แต่ภาวนาว่าหัวหน้าชมรมฝั่งนู้นจะไม่อยู่ล่ะนะ
พอไปถึงนิทรรศการของชมรมงานฝีมือจริง ๆ ผมก็พบว่าต่อให้เดินเข้าไปกลุ่มใหญ่ คิโชวอิน เรย์กะยังไม่หันมามองซักนิด เพราะรอบตัวเธอมีนักเรียนนอกที่ทางซุยรันเปิดให้เข้ามาด้วยระบบตั๋ว แต่นักเรียนนอกพวกนั้นไม่ใช่แบบแฟนของอาคิสะวะ พวกนั้นมันเด็กที่ฐานะทางบ้านจนชัด ๆ เลยนี่นา
ทำสีผม เจาะหูหลาย ๆ รู ขนาดต่างหูยังเป็นรูปเขี้ยวเลย เป็นกุ๊ยขนานแท้ ขนาดผมยังว่าพวกเขาดูคุกคามน่ากลัวอยู่หน่อย ๆ ยังไงก็ไม่ใช่คนประเภทที่คิโชวอินจะไปเป็นเพื่อนด้วยได้เลย นี่คงไม่ใช่ว่าโดนหลอกหรือโดนข่มขู่เอาเงินหรอกนะ เธอไม่กลัวโดนจับไปเรียกค่าไถ่บ้างเลยเรอะ
ผมเกือบจะเดินตรงไปขวางอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ใช่ว่าคิโชวอินคลี่ยิ้มออกมา แล้วผู้ชายคนที่เจาะหูก็ทำท่ารบเร้าขออะไรซักอย่างแล้วไถ ๆ หัวไปกับตุ๊กตาหมา-
...ก็คงเป็นเพื่อนกันนั่นแหล่ะ
ซักพักประธานนักเรียนก็มาเรียกคุณคิโชวอินออกไปด้วยหน้าตาเคร่งขรึม แล้วยังเอาตัวมาบังสายตาให้ด้วย หืม ใครกันนะที่ว่า pivoine กับ สภานักเรียนไม่สนิทกันนะ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างประธานนักเรียนกับหนึ่งในสามผู้สูงส่งของซุยรันไม่เลวเลย
“อาซึมิ! เหม่ออะไรของนายอยู่น่ะ ทุกคนจะไปกันแล้วนะ”
“เฮ้ย พวกนายจะทิ้งฉันไว้ตรงนี้ไม่ได้นะเฟ้ย” ผมเงยหน้ามาอีกทีพวกชมรมไม่รักดีก็เดินไปอยู่ที่ประตูทางเดินกันหมดแล้ว ทรยศกันนี่นา ตอนลากก็ลากออกมาพร้อมกัน ไหงตอนกลับถึงทิ้งผมไว้คนเดียวล่ะ
“นายชอบงานเย็บปักถักร้อยชิ้นไหนล่ะ อาซึมิ มองตาค้างเชียว”
“...พูดอะไรของนาย ฉันจะไปชอบอะไรในนั้นได้ยังไง”
“อ้าว ผมเห็นนายนิ่งอยู่นานเลยนึกว่าชอบชิ้นไหนเป็นพิเศษซะอีก งานปักทาเพสตรี้รูปพระแม่มารีย์กับพระบุตรก็สวยดีนะ ชุดแต่งงานตรงกลางก็อลังการจริง ๆ”
“เอ๊ะ นายก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันเหรอ ตอนแรกผมก็ว่าจะมาเยาะเย้ยพวกนั้นที่เป็นนิทรรศการเงียบเหงา แต่พอเห็นฝีมือก็พูดไม่ออกเลยล่ะ ความจริงงานของพวกนั้นก็ใช้ได้นะ”
ผมปล่อยให้พวกเขาพูดแล้วเดินตามต่อไปเงียบ ๆ จำไม่เห็นได้เลยแฮะว่างานเทพาสตรี้ของพระแม่มารีย์กับพระบุตรอะไรนั่นอยู่ด้วย ที่จำได้น่ะมีแต่เซอบิรุสเท่านั้นแหละ
หือ เซอบิรุสไหนน่ะเหรอ ก็ต้องเป็นตัวที่คิโชวอินพกมาโรงเรียนก่อนวันประชุมแน่อยู่แล้ว วันนั้นตอนที่ผมเดินเล่นอยู่ก็เห็นผู้หญิงผมม้วนสะดุดล้มลงกับพื้น หัวกลม ๆ สีน้ำตาลสามหัวกลิ้งหลุน ๆ ออกมาจากถุง ถือว่าเป็นภาพที่ชวนหัวเราะใช้ได้ อยากจะช่วยอยู่หรอกนะ แต่ก็เห็นเขามองมาแล้วยิ้ม ๆ เหมือนกันนี่นา
เฮ้อ ขนาดเขายังได้แค่ยิ้มแล้วมอง ผมมันบุคคลธรรมดายังจะอะไรอีก รีบ ๆ เดินไปดีกว่าน่า
ตกบ่าย ๆ เย็น ๆ ของวันนั้น ตุ๊กตาฝรั่งเศสเวอร์ชั่นปกติก็เดินมาดูงานของชมรมผม ซ้ายขวาขนาบข้างด้วยสองขุนนางคู่กาย อย่างกับพวกคุณนายคนทวงหนี้ในละคร ตลกเป็นบ้- เอ๊ะ ลูกค้าเริ่มหนีกันแล้ว! กลุ่มคนที่ต่อคิวเริ่มจะแหวกออกเป็นสองข้างเหมือนโมเสกแหวกทะเล! เฮ้ย ไม่ได้นะ ยอดขายของชมรมจะกลายไปเป็นกับงบอุปกรณ์ที่ใช้ในชมรมนะเฟ้ย ถึงไม่ใช่ว่าผู้ปกครองจะไม่มีเงินจ่าย แต่เก็บเงินเองมันคูลกว่ากันตั้งเยอะ พวกเด็กโง่ในชมรมมีแต่พวกมีความคิดอย่างนี้ทั้งนั้น
เอาล่ะ ส่งบรรณาการให้แล้วก็รีบ ๆ ออกไปซะนะ ผมไม่คิดเงินด้วย แต่ได้โปรดอย่าเดินเฉียดมาแถวนี้อีกรอบเลย ขอร้องล่ะ!
จบแล้ว ทาดา! เอาถึงแค่เทศกาลพอ ตรงดอกโบตั๋นมันไปไกลเกิน ถถถถถถถ
ถึงโม่งคนนั้น ไม่รู้คนไหน กูแต่งเสร็จแล้วนาจาาาา
ถ้าแปลกๆก็ขอโทษด้วย ตอนแรกตั้งใจจะให้นายนี่เข้าใจผิดว่าท่านเรย์กะแอบชอบ แต่เอาเหอะ ขกแล้ว เอาเป็น พีโอวี ที่มีท่านเรย์กะประกอยฉากไปละหัน
>>953 ขอบคุณสำหรับกาวค่ะ กอดๆมึงน้า
อ่านๆไปนี่แอบสงสารนางอยู่เบาๆ ตอนแต่งพ่อบ้านก็บอกเหมือนดูหนังสยองขวัญ แต่งชุดจีนก็ว่าแปลกมั่ง น่ากลัวมั่ง ไดนากงยังบอกเป็นบูเช็คเทียนที่เจ๊แกขึ้นชื่อเรื่องความโหด ตกลงนางดูไม่น่ารักในสายตาหนุ่มๆซุยรันเหรอวะ แต่มุมมองคนนอกทีไรก็บอกสวย น่ารักเหมือนตุ๊กตาทุกที แถมจอมมารยังบอกน่ารักทุกครั้งที่มีโอกาสชม//แค่กๆๆ คนหน้าตาแบบนี้น่าจะคนจีบเยอะนะ
ปล. ถ้าเรย์กะหน้าสวยเหมือนตุ๊กตา กูแอบจิ้นอยู่เบาๆว่าท่านพี่เป็นหนุ่มหน้าสวยเหมือนกัน ไม่แน่ทานุกิสมัยหนุ่มๆอาจจะเป็นหนุ่มหน้าสวยหุ่นเพรียวบางเหมือนตุ๊กตาที่ท่านแม่เห็นแล้วปิ๊งเลยตามจีบก็ได้นะ 555555
กรุว่าดูมีความหวังอยู่นะ ฟิคนี้เอ็นโจเป็นมารความรักสินะ
อยู่ดีๆก็อยากอ่านฟิคท่านอิมาริกะท่านพี่ อยากแต่งเองเหมือนกันนะ แต่คิดพล็อตไม่ออกเลย T^T
โอ๊ยยย กลับมาคึกคักแล้ว ดีใจ ทุกคนเฉาๆ รอกาวกันอยู่สินะ TvT
สาเหตุที่ไม่มีคนแต่งอิมาริกะท่านพี่ออกมาซักทีอาจจะเป็นเพราะท่านอิมาริ คือคำพูดท่านอิมาริมันแบบเลี่ยนโว้ยย แต่งไม่ได้โว้ยยย แบบนี้5555555555
>>969 เรืออิมาริท่านพี่นี่แบบ...เรื่อยๆมาเรียงๆ แต่มั่นคงแบบไม่มีอะไรจะสั่นคลอนได้ ใครเขาจะตื่นมารอเพื่อนที่หนีเที่ยว ไล่ออกจากห้องตัวเปล่า ไปกับน้องก็ไม่ค่อยสนใจน้องเอาแต่จิ้มโทรศัพท์ ออกไปดื่มกับเพื่อนหลังเลิกงานตลอด ตอนพูดถึงเรื่องแฟนสาวๆของอิมาริ ท่านพี่ชอบทำหน้าหงุดหงิดด้วย ทำเอากูเผลอคิดเลยว่าที่อิมาริทำตัวเจ้าชู้ จีบสาวไปทั่ว เต๊าะเรย์กะบ่อยๆเพื่อเรียกร้องความสนใจจากท่านพี่ใช่มะ เพราะชอบทำต่อหน้าท่านพี่ตลอด จะดูปฏิกริยาเขาล่ะสิ 5555555555
ขอบอกก่อนนะว่ากูไม่ใช่สาววาย ดังนั้นตอนที่อ่านเรื่องราวระหว่างท่านพี่ กับท่านอิมารินั้น กูไม่ได้คิดอะไรเลย อย่างตอนที่
- พาน้องไปเที่ยว ก็ต้องพาอิมาริไปด้วย ก็เฉพาะตอนที่ไม่ได้ไปกันสองคนพี่น้องเท่านั้น เลยคิดว่าที่ชวนอิมาริมาด้วยคงเป็นเพราะให้มาช่วยกันดูสาว ๆ
- ที่หงุดหงิดตอนพูดถึงแฟนสาวของอิมาริ อันนี้ตำไม่ได้ว่าช่วงไหน พอจำได้ก็ตอนไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน แล้วนางพูดว่าทั้งสองคน (ท่านพี่ ท่านอิมาริ) ป้อบน่าดู แล้วท่านพี่หงุดหงิด อันนั้นคิดว่าแค่ไม่อยากให้น้องรู้เรื่องนี้
- ส่วนตอนทัศนศึกษา ตอนที่อ่านก็เข้าใจว่าต่างคนต่างเที่ยว แค่ท่านพี่ถึงห้องพักก่อนเลยเข้านอนเลยไม่ได้รอเพื่อน พอตื่นเช้ามาเห็นเพื่อนยังไม่กลับห้องเลยกังวล + เป็นห่วงตามประสาเพื่อน เพราะอยู่ต่างแดนด้วยติดต่อยาก พอเห็นเพื่อนกลับห้องแบบลั้นลาก็คงอดโมโหไม่ได้ ประมาณว่าตรูกังวลแทบแย่ แต่มรึงกลับมาลั้นลาอยู่ได้
- ไอ้เปิดไฟสลัว ๆ กินเหล้ากับเพื่อน อันนี้ก็ no comment จริง ๆ เพราะกูไม่กินเหล้า เลยไม่รู้ว่าบรรยากาศกินเหล้ากับเพื่อนมันเป็นยังไง
แต่พอเข้ามาอ่านกระทู้โม่งซุยรันนี่ คนละเรื่องกับที่คิดเลยแฮะ คือ อ่านเจอฉากสองคนนี้ทีไร ก็ติดมากทุกที 555
ปล กูไม่ใช่สาววายก็จริง แต่ถ้าการ์ตูน หรือนิยายที่อ่านมีคู่วาย ก็ไม่ซีเรียสนะ รับได้
>>971 กูว่าบางคนก็จิ้นเอาสนุกๆนะสองคนนี้ ไม่ได้จริงจังหรอก จะมีแซวๆกันเล่นบ้างเพราะโมเมนต์มันส่อจริงๆ ท่านพี่ก็ทำตัวเหมือนเมียหลวงคอยตามเช็ดล้างเวลาผัวมีเมียน้อย อิมาริก็หลั่นล้าไปทั่ว แต่เวลาท่านพี่ข่มขู่หรือต่อยเอา อิมาริก็ยอมลงให้ไม่ตอบโต้ แถมยังแกล้งแซวแกล้งแหย่เล่นด้วยความบันเทิง เหมือนพวกผู้ชายที่ยอมลงให้แฟนน่ะ
กูก็จิ้นอิมาริท่านพี่นะ แต่ถ้าเปิดตัวแฟนสาวของอิมาริหรือท่านพี่กูก็รับได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นกูขอให้เขาสองคนเป็นแฟนกัน เท่านี้กูก็แฮปปี้ละ 55555555555
>>974 เดี๋ยวจะเข้าใจผิด คือกูก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องใครจะจิ้นใคร หรือใครจะจิ้นวายหรอก อ่านหลาย ๆ เม้นก็พอรู้ว่าบางเม้นก็เอาจริง บางเม้นก็เอาฮา
คือรู้สึกว่านิยายเรื่องนี้มันสนุกถึงขนาเคุยกันหลายกระทู้ได้ ก็ตรงมีการตีความได้หลายแบบ แบบวาย ชช ญญ หรือจะนอมอล ซึ่งคงเป็นเพราะดำเนินเรื่องโดยมุมมองของคนคนเดียว เลยทำให้ต้องตีความทุกแง่ทุกมุม
การที่สาววายตีความแบบนั้น ก็เป็นการเปิดมุมมองของตัวเองเหมือนกันว่า ฉากบางฉากมันอาจจะซ่อนอะไรไว้ก็ได้
สาเหตุที่ทุกคนจิ้นก็เพราะสถานการณ์มันเหมาะเจาะเกินไปน่ะสิ เกร็ดเล็กๆ ไอ้ไฟสลัวๆ ท่าทีหงุดหงิด กับท่าทีMของท่านอิมารินี่มันเกินทนจริงๆน้า~ เจอราชินีสายเอสแบบท่านพี่ กูนี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เสมือนอ่านนิยายวาย แค่ก!--
บางทีกูก็สงสัยนะว่าอิมาริดูจะยอมๆท่านพี่มากเลย ถึงจะบอกว่าท่านพี่แบล็คเมล์ความลับอิมาริอยู่ก็เหอะ แต่โดนทำรุนแรงขนาดเกือบตายได้มันก็น่าจะมีตอบโต้ไปบ้าง แต่ไม่มีเลยซักครั้ง แถมตอนท่านพี่ปาลูกดอกใส่ อิมาริยังไม่พูดเลยว่าตัวเองเจ็บ บอกแค่เดี๋ยวโดนเรย์กะ แถมรู้ว่าถ้าไปเต๊าะเรย์กะต่อหน้าท่านพี่จะโดนกระทืบฮีก็ยังทำ ...ตกลงชอบที่จะถูกท่านพี่กระทำสินะ 555555555555
ต้องอ่านมุมมองของท่านอิมาริ ตลก5555555 เหมือนแกล้งๆแหย่ท่านพี่ไปงั้น กลัวนิดๆหน่อยๆพอเป็นพิธี เพราะปกติท่านพี่ใส่หน้ากาก ว่าแล้วก็อยากอ่านตอนสองคนนี้เด็กๆ ตั้งแต่สมัยอนุบาล ท่านอิมาริตีสนิทท่านพี่ยังไง ไปจนถึงสมัยมัธยมปลายกัปตันทีมบาสVSกัปตันชมรมธนู(รึเปล่าวะ คือท่านอิมาริอะใช่ แต่ท่านพี่นี่กาวรึเปล่า กูสับสน) สาวๆยุคนั้นต้องไปเชียร์กรี๊ดสลบกันแน่นอน ไม่เหมือนไอ้สองหน่อปัจจุบันที่อยู่ชมรมกลับบ้าน ถถ ดูเป็นคนหาตัวจับยาก นอกเวลาเรียนก็อยู่แต่ในสโมสร หรือจะเป็นตอนทำงานแล้วของท่านพี่ท่านอิมาริก็ได้ นัดมาดินเนอร์กันหลังทำงานเสร็จงี้ ไม่วายโจ่งแจ้ง แค่แบบ โชเน็นไอหรือโบรแมนซ์ยังได้เลย---ขอกาวด้วย โม่งฟิคโปรดเมตตาาา
มึงกูลองสรุป แต่ไม่รู้พลาดตรงไหนป่าวนะ
906 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับเสียงโหยหวนของเหล่าโม่ง [กรีดร้องขอตอนใหม่รอบที่ 27]
932 933 938 939 940 944 (6 โหวต)
907 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการที่นักเขียนหนีไปไดเอท(มั้ง)จนไม่ได้เขียนต่อสักที [กรีดร้องขอตอนใหม่รอบที่ 27]
910 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการความสงสัยของเหล่าโม่งและนักเขียนที่หายไป [หาเรื่องคุยครั้งที่ 27]
911 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เจ้าแม่กลับมา [ตั้งจิตภาวนาครั้งที่ 27]
913 921(2โหวต)
925 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการบนบานกินแกงกะหรี่มิคาเคิลขอให้เจ้าแม่กลับมา [โม่งเสี่ยงตายครั้งที่ 27]
926 927 928 929 930 947(6โหวต)
โคตร Satanic cult ฆ่าตัวตายหมู่ สังเวยชีวิตให้เจ้าแม่ด้วยแกงกะหรี่มิราเคิล แล้วจะซัมมอนตอนที่300ได้มั้ยวะ
เริ่มสร้างมู้กันได้แล้ว รอลิ้งมู้มาลงก่อนค่อยวิ่งนะทุกคน!
เปิดวาร์ป >>>/webnovel/5876/
จากนี้เชิญวิ่งควายกันได้ตามสบาย
ขอให้มีชีวิตอยู่จนได้เห็นตอนใหม่
คล้ายๆ ขอให้มีชีวิตอยู่จนโคนันโตสินะ
กาวจ้า เธออยู่ไหน
คานมาแน่
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.