เม้าท์มอยนิยายเด็กดี จะอวย ชม ติ ด่า วิจารณ์ก็จัดไป
คลังกระทู้เก่า
นิยายเด็กดี บทที่ 1 -- https://fanboi.ch/webnovel/2403/
นิยายเด็กดี บทที่ 2 -- https://fanboi.ch/webnovel/2703/
นิยายเด็กดี บทที่ 3 -- https://fanboi.ch/webnovel/2907/
ตั้งรอจ้า
Last posted
Total of 1000 posts
เม้าท์มอยนิยายเด็กดี จะอวย ชม ติ ด่า วิจารณ์ก็จัดไป
คลังกระทู้เก่า
นิยายเด็กดี บทที่ 1 -- https://fanboi.ch/webnovel/2403/
นิยายเด็กดี บทที่ 2 -- https://fanboi.ch/webnovel/2703/
นิยายเด็กดี บทที่ 3 -- https://fanboi.ch/webnovel/2907/
ตั้งรอจ้า
คุยไรต่อดีคะซิส
ว่าด้วยเรื่องฮาเร็มต่อ
กูจำไม่ได้ว่าเคยอ่านจากที่ไหนมา
ที่บอกฮ่องเต้มีสนมมากมาย เพราะสมัยก่อนทำมาหากินยากลำบากมากๆ
ใครได้เป็นสนมก็หมดกังวลเรื่องนี้ไป
พอเข้ายุคนี้ผู้หญิงทำงานได้ไม่ต้องเพิ่งพาผู้ชายอีกแล้ว เรื่องฮาเร็มเลยหมดไป ยกเว้นบางศาสนาที่ยังคงไว้ด้วยเหตุผลความมั่นคงในประชากรของตน
แต่ทุนนิยมมันแค่ปรับรูปแบบฮาเร็มไป
จากยอมจำเจกับผู้ชายคนเดียว เป็นไม่แคร์เรื่องผูกพันเท่าไร ไม่เหมือนสมัยโบราณ
เปลี่ยนเป็นแนวฮาเร็มในความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายผู้หญิงหลายคนได้แทน
คือผู้ชายและผู้หญิงก็มีซัมมิ่งระหว่างกันได้มากมายเกินและไม่ยึดมั่นความรักลึกซึ้งเหมือนเก่า
แบบอย่าถามว่าเธอหรือเขาเคยผ่านแฟนเก่ามาแล้วเท่าไร กว่าจะมาแต่งงานจริงจังกัน
กูขอเรื่องเน็ตวอชบุกหน่อยแล้วกัน จริงๆกูก็เล่นมู้นินทาเด็กดีนะ แต่กูเบื่อเวลามึงเอามู้ที่ไม่เกี่ยวกับนิยายมาแปะมาก เข้าใจเว้ยว่ามู้นิยายคนคึกคักกว่ามู้นินทาที่ตอนนี้เงียบกริบ แต่แม่งมันนอกเรื่องไง แล้วมึงก็ไม่ต้องไปให้ความสนใจพี่ถุยมากก็ได้ ห่า ขยับตัวทีนึง ตั้งกระทู้ทีนึงมึงก็เอามู้มันมาแปะ ก็รู้อยู่ว่ามันวันนาบี มึงเมินๆมันไปมั่งก็ได้ ยิ่งให้ความสนใจมันก็ยิ่งเหลิงป่ะ
กูไม่ค่อยนิยมนิยายฮาเร็มสักเท่าไร แต่กูเคยอ่านอสูรพลิกฟ้าแล้วก็ยอมรับว่าสนุกดีแต่ยิ่งอ่านเนื้อเรื่องเกี่ยวกับผญ.ก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วทำให้รู้สึกหมดสนุกเลยว่ะ หรืออาจจะเป็นเพราะกูไปอ่านสปอยฮาเร็มของมันมาด้วยมั้ง
เห็นโม่งหอบนิยายมาตั้งเยอะ ไม่มีใครสับให้เลย กูจำได้ว่าห้องนี้เริ่มมีคนเข้ามาเยอะเพราะการสับนิยายนี่แหละ ถ้ากูจำไม่ผิดน่าจะเริ่มจากใครสักคนเอานิยายหนูพริมณารามาสับมั้ง แล้วแม่มไอ้นั่นก็เสือกสับได้มีหลักการไม่ลำเอียงด้วย ถึงหนูพริมจะไม่ใช่ที่ชื่นชอบของใครๆ เท่าไหร่ แต่ยอมรับว่าโม่งคนนั้นมันพูดไปตามเนื้องานจริงๆ โม่งคนนั้นถ้ายังเล่นโม่งอยู่กูเป็นแฟนคลับมึงนะ แต่ตอนนี้มีนิยายมากองตรงหน้ากลับไม่มีใครสนใจเลย หรือทาร์เก็ตของห้องมันเปลี่ยนไปแล้ววะ
ตามมาจากนิยายห้อง 3 สรุปไม่มีใครแนะนำนิยายออนไลน์ตลกๆ ให้กูได้สักคนเลยเหรอ หาเองแม่งก็มีแต่พวกขี้โม้ ตลกฝืดหาดีไม่ได้สักเรื่อง
ไม่ก็สับนิยายเจ๋งๆ เรื่องสองเรื่องก็ยังดี จะได้ตามไปอ่าน ช่วงนี้กูว่างงาน
คิดยังไงบ้างกับนิยายแฟนตาซีสมัยนี้
https://www.dek-d.com/board/view/3691370/
นิยายตลกมันต้องมาจากความไม่พยายามว่ะ แบบนึกจะมาก็มาเอง ส่วนมากถ้าพยายามจะไม่ค่อยตลกหรือไม่ตลกเลย
>>>/webnovel/2907/988 ขุดนิยายที่มีคนกองไว้ เผื่อมีใครมาสับ
>>12 เรื่องกรุ สนุกใช้ได้ อ่านง่าย บอกเล่าทฤษฏีในเรื่องผ่านคำพูดตัวละครได้ดี คอนเซปมิติกรุในเรื่องคล้ายๆinsidious แต่ไม่ได้เหมือนเด๊ะ ชอบตรงสร้างเรื่องอาถรรพ์แบบไทยๆมาใส่ได้ดี แต่กุว่ายังเล่นกับความระทึกหรือหลอนได้ไม่สุดเท่าไหร่
ปล. ไม่ได้สับนะแค่ความเห็นเฉยๆ เพราะเคยแค่อ่านผ่านๆเท่านั้นไม่ได้จ้องหาจุดผิด
>>7 ดีจังที่มึงยังวนเวียนแถวนี้ กูยังไม่กล้าทักมึงหลังไมค์ไปเลยว่ะฮิ ฮือๆ (กูโม่งที่คุยกับมึงในห้องแชทวันนั้น)
นิยายตลกกูนี่แต่งไม่ได้เลย เพราะเซ้นด้านอารมณ์ขันของคนเรามันต่างกันมาก พวกคอมิดี้เท่าที่กูเคยอ่านนี่หาตรงจริตไม่ได้สักอัน(ละคร/หนังไทยยิ่งไม่ต้องพูดถึง วนแต่เรื่องตลกหยาบโลนกับตลกเรื่องเพศ)
วันก่อนเห็นคนพูดกันว่า แนวนิยายแฟนตาซีในเด็กดีตอนนี้มันเป็น แนวโรงเรียน > ออนไลน์ > ต่างโลกเกิดใหม่ทะลุมิติ > แล้วเดี๋ยวมันก็จะวนไปโรงเรียนอีก เพื่อนโม่งคิดว่าไง พวกเราจะหลุดจากแนวเดิมๆกันได้มั้ยวะ แนวอื่นต้องทำยังไงถึงจะขึ้นมาได้บ้าง? (เรื่องที่แปลกใหม่นี่กูเจอเยอะนะ แต่มันไม่ค่อยดังอ่ะ...)
สวัสดี เราคือโม่งอารี ความจริงกลับมาเล่นโม่งได้สักพักแล้วแต่ขี้เกียจแสดงตัว เพราะจำได้ว่าติดวิจารณ์นิยายพวกนายอยู่เรื่องหนึ่ง
พูดก็พูดเถอะนะ ความจริงไอ้นิยายเรื่องนี้เนี่ยอ่านจบไปตั้งแต่เดือนสิงหานู่นแล้ว แต่ไอ้นิยายยาวเหยียดเรื่องก่อนแม่งสูบพลังกูฉิบหายเลย แถมมีงานเข้าด้วย เลยปล่อยเบลอไป วันนี้ก็ขอมาเคลียร์หนี้ให้ครบก็แล้วกัน ถ้าวิจารณ์ได้ไม่ดี หรือลืมเรื่องไปบ้างก็ต้องขออภัยก่อนนาจา
เรื่อง : The Parallel Dimensions
link : https://writer.dek-d.com/nukrob/story/view.php?id=1308156
จำนวน : 47 ตอน
สถานะ : จบแล้ว
เอาล่ะ สำหรับเรื่องนี้กูอ่านแล้วจำได้ว่าสนุก แถมยังจบแล้วด้วย ถ้าไม่ติดที่เรื่องก่อนหน้าดูดวิญญาณกูจนแห้งล่ะก็กูคงเขียนวิจารณ์ได้ยาวเหยียด แต่ก็เอาเถอะ ไอ้47 ตอนนี่จริงๆแล้วไม่ค่อยยาวเท่าไหร่ มาเริ่มกันเลยดีกว่า
ธีมของเรื่องน่าสนใจ มันเป็นโลกในอนาคตนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ประมาณว่าโลกของเราเกิดเหตุโรคระบาดขึ้นทั่วโลก รัฐบาลโลกก็เลยต้องสร้างเขตปลอดเชื้อ คนแต่ละคนก็อยู่แต่ในบ้านของตัวเองในเขตปลอดเชื้อนั่น แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์อื่นใดนอกจากคุยกันผ่านเน็ตอะไรงี้ อารมณ์ว่าเป็นโลกที่สะดวกสบายมาก มึงไม่ต้องออกจากบ้านก็สามารถสั่งซื้อของ เรียนหนังสือ บลาๆ ทำอะไรต่อมิอะไรคนเดียวได้ แต่รัฐบาลก็อยากให้คนมีสังคมไง เลยพยายามผลักดันให้คนออกจากบ้านบ้าง แบบบังคับให้เด็กต้องไปโรงเรียนถึงแม้ว่าจะเรียนผ่านเน็ตได้สบายๆ ไรงี้
จุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งของเรื่องก็คือโลกนี้(หรืออย่างน้อยก็คือในเขตปลอดเชื้อ) ไม่มีสัตว์ เพราะถือกันว่าสัตว์เป็นตัวเชื้อโรค ดังนั้นเกมเสมือนจริงจึงเป็นสิ่งที่คอยปลอบประโลมคนในโลกใบนี้ อย่างเช่นพระเอกของเราที่ชื่อไอดิน เขาเล่นเกมสัตว์เลี้ยง เลี้ยงมังกรมังกรเหี้ยเห้ออะไรเต็มไปหมดอยู่ในโลกเกม
ในวันที่สงบสุขวันหนึ่ง จู่ๆก็มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในเมือง พระเอกก็รีบกลับบ้าน ล็อกบ้านแน่นหนาเพื่อป้องกันเชื้อโรค และทางหน่วยงานรัฐก็รมยาฆ่าเชื้อทั่วทั้งเมืองไป ผ่านมาหลายวันไม่มีเหตุผิดปกติ จนมาถึงคืนที่สี่ก็มีไอ้ตัวประหลาดท่าทางทรมาณมาเคาะหน้าต่างห้องของพระเอก พระเอกแม่งสงสารก็เลยปล่อยให้เข้ามา ไอ้ตัวประหลาดนี่หน้าตาเหมือนเสือแต่มีขนปุยๆ มีเขาและก็มีปีก เอาเป็นว่าแม่งเหมือนตุ๊กตายัดนุ่นตั๊ลลั๊คคค นั่นล่ะ แต่พระเอกแม่งเสือกแพ้ขนสัตวก็เลยจาม ไอ้สัตว์นั่นแม่งฉลาด รู้ว่าพระเอกแพ้ก็เลยยอมหลบมุมไปนอนไกลๆ
ขี้เกียจพิมพ์ยาวละ เล่าแบบรวบรัดไปเลยแล้วกันว่าไอ้สัตว์เนี่ยมันชื่อว่าโคซาน ซึ่งเป็นร่างแรก โคซานเมื่อรวบรวมพลังเวทก็สามารถแปลงร่างไปเป็นคนได้ คนก็แนะนำตัวว่ากูเนี่ยชื่อมุส มีตำแหน่งใหญ่โตอะไรสักอย่างในโลกต่างมิติ ที่ข้ามมิติมาก็เพื่อที่จะมาตามล่าโจรขโมยไข่สัตว์เทพ(จริงๆมันมีชื่อไข่แต่กูขี้เกียจจำ)
มุสโม้ว่าจริงๆตัวแม่งเนี่ยเก่งเทพสัสๆเลยนะ แต่ว่าต้องรอชาร์จพลังแปลงร่างเป็นร่างสามก่อน มุสรู้สึกแปลกใจมากที่โลกนี้ชาร์จพลังได้ยาก จนในที่สุดไอดินก็หาคำตอบได้ว่า ที่ชาร์จพลังได้ยากเพราะมียาฆ่าเชื้ออยู่ในอากาศ และเวลาที่มุส(หรือโคซาน) เดินผ่านเครื่องฆ่าเชื้อ แม่งก็จะง่อยเปลี้ยเสียขาไปด้วย (สรุปว่าไอ้ห่านี่แพ้ยาฆ่าเชื้อนั่นเอง)
ไอดินต้องจำใจพามุสไปโรงเรียนด้วย แต่เนื่องจากโลกใบนี้มันไฮเทค ขืนให้มุสเดินท่อมๆไปเรียนก็คงไม่ได้ เพราะไม่มีข้อมูลส่วนตัวอะไรอยู่ในฐานข้อมูลเลย ก็เลยให้มุสแปลงร่างเป็นโคซานจิ๋ว หลอกคนอื่นว่ามันเป็นหุ่นยนต์ สาวๆเห็นสาวๆก็กรี๊ดเพราะมันน่ารัก แต่มีเด็กผู้หญิง(สวย) คนนึงในห้องที่ตกใจเมื่อเห็นโคซาน เธอชื่อเกล็ดแก้ว ที่เธอตกใจก็เพราะเธอรู้ว่ามันไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่เป็นสัตว์จากต่างมิติ ซึ่งสาเหตุที่รู้ก็เพราะเกล็ดแก้วได้ให้ที่พักพิงแก่ลาทีฟ ซึ่งเป็นโจรขโมยไข่เทพที่มุสกำลังตามหานั่นเอง
เรื่องก็ผจญภัยไปเรื่อยๆ มีการเอาโคซานไปที่ห้องทดลองเพื่อเปรียบเทียบดีเอ็นเอบลาๆ อ่านเพลินๆก็สนุกดีแต่ขี้เกียจเล่า เอาเป็นว่าสุดท้ายแล้วที่ลาทีฟขโมยไข่มาเพราะมีเจตนาดีอะไรสักอย่างที่กูจำไม่ค่อยได้ แต่มันก็มีนักเวทชั่วอีกกลุ่มหนึ่งที่ตามล่าลาทีฟมาจากโลกต่างมิติเหมือนกัน พวกไอดิน+มุส+เกล็ดแก้ว+ลาทีฟ ก็ช่วยกันสู้บ้างอะไรบ้าง สุดท้ายมุสสามารถรวบรวมพลังจนแปลงร่างเป็นขั้นสามได้ก็จัดการโชว์เทพ สู้ชนะ แล้วก็พาลาทีฟกลับไปรับโทษที่มิติของตัวเอง
แต่ตอนสุดท้ายไอ้ลาทีฟนี่ก็ไม่ได้รับโทษหรอก ประมาณว่ามุสช่วยแก้ตัวต่อราชาให้ว่ามีเจตนาดีงู้นงี้ ลาทีฟจึงได้ครอบครองไข่สัตว์เทพ พอฟักก็เลี้ยงดูอย่างดีบลาๆ ตอนจบมุสก็ข้ามมิติกลับมาเยี่ยมไอดิน แฮปปี้เอนดิ้ง
เอาล่ะ ต่อไปเป็นการให้คะแนน
ต่อจาก >>18 ให้คะแนนเรื่อง The Parallel Dimensions
ก่อนอื่นต้องขอโทษทั้งเจ้าของเรื่องและพวกมึงด้วยนะ เมื่อกี้รู้สึกว่าเล่าเรื่องน้อยไปหน่อย แต่จริงๆแล้วสาระสำคัญมันก็มีอยู่ประมาณนั้นล่ะ
คำผิด : ไม่ค่อยพบคำผิดเท่าไหร่ น่าเสียดายที่ตอนอ่านละเอียดอ่านไว้นานแล้วเลยจำไม่ค่อยได้ว่ามีการเขียนผิดแบบน่าเกลียดๆรึเปล่า เมื่อกี้ลองกลับไป skim อ่านมาก็ไม่เห็นคำผิดอะไรนะ อย่างมากก็แค่เว้นวรรคแปลกๆ หรือพิมพ์ตกนิดหน่อย ให้ 9/10 ละกันค่ะ
การบรรยาย : เนื่องจากเป็นการบรรยายแบบบุคคลที่หนึ่ง เพราะงั้นเตรียมใจไว้ได้เลยว่าจะต้องโดนกูหักคะแนนแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นการเล่าเรื่องก็ลื่นไหลไม่ติดขัด มีการเลี่ยงการใช้คำซ้ำ อ่านการบรรยายแล้วสามารถเข้าถึงอารมณ์ของพระเอก และยังพอที่จะวาดภาพสภาพแวดล้อมของเรื่องออกมาได้ ต้องขอชื่นชม กูให้ 8/10
ตัวละคร : เฉยๆ คือต้องบอกไว้ก่อนว่าเวลาของการดำเนินเรื่องมันน้อย ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องเนี่ยผ่านมาแค่แป๊ปเดียวเองมั้ง เลยทำให้ไม่ค่อยเห็นการพัฒนาของตัวละครสักเท่าไหร่ แต่คาแร็คเตอร์ของพวกมันก็ชัดดี อย่างไอ้เจ้าพระเอกก็ดูซื่อๆ เอ๋อๆ หงอๆ ไอ้มุสก็ดูหน้าหม้อ เกล็ดแก้วก็ดูหยิ่งๆ ยิ่งเมื่อบวกกับการบรรยายด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งก็ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจความนึกคิดของตัวละครอื่นๆนอกจากพระเอกเลย ให้ 7/10 แล้วกันนาจา
เนื้อเรื่อง : ชอบการเซ็ตธีมของเรื่องมากตรงที่พูดถึงเมืองในอนาคตได้อย่างมีมิติ กล่าวคือไม่ใช่แค่พูดว่าโลกเผชิญปัญหาโรคระบาด เมืองเลยต้องเป็นระบบปิดแค่นั้นจบ แต่ผู้เขียนมีการอธิบายถึงระบบต่างๆของเมือง เช่น ไปซื้อของยังไง สวนสาธารณะ การปกครอง การผลิตอาหาร การกำจัดขยะ ซึ่งขอชื่นชมมาก สำหรับตัวเนื้อเรื่องจริงๆ ถ้าจะย่อให้สั้นมากๆก็คงได้ว่า "ตามล่าหัวขโมยจากต่างมิติ สุดท้ายก็ตามเจอแล้วพากลับไป จบ" คือเนื้อหาส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่การเคลียร์ปมหลักของเรื่อง ปมรองๆเท่าที่เห็นก็มีแค่ จะปกปิดพ่อแม่ยังไงไม่ให้รู้ว่าพระเอกแอบเอาสัตว์เข้าบ้าน ประมาณนี้ ถ้าเพิ่มปมย่อยเข้ามาก็จะทำให้เรื่องมีสีสันมากขึ้น ให้ 7.5 /10 นาจา
สรุปผล 31.5/40 ถือว่าเป็นนิยายดีๆอีกเรื่องที่ไม่ค่อยซู อ่านสนุกเพลินๆได้ แถมยังเขียนจบแล้วด้วยไม่ต้องกลัวค้างคาหรือลอยแพ หนูยกนิ้วให้ค่ะ
>>18 >>21 มึงสับได้รู้สึกน่าอ่านมาก ว่างๆ กูไปลองอ่านดีกว่า
>>22 อ่านเม้นมึงแล้วกูเลยไปค้น ปรากฏว่าเขาคือคนแต่งเรื่อง Half Twin ที่พิมพ์กับเอนเธอร์ ซึ่งกูซื้อมาแต่ดองไว้นี่หว่า(...) เขียนจบหลายเรื่องดีวุ้ย นับถือ
แต่เรื่อง The Parallel Dimensions นี่กูว่าเขาเขียนแนะนำเรื่องได้ไม่ดีอ่ะ เขียนว่า "เรื่องของไอ้บ้าที่ข้ามมาจากมิติสารพัดสัตว์ มาพบกับไอ้บ้ารักสัตว์ในมิติที่ไม่มีสัตว์" มีไอ้บ้าตั้งสองครั้งจนกูแอบคิดว่าถ้ากูเข้าไปอ่านแล้วกูจะบ้ามั้ย แถมมันดูลอยๆ งงๆ เลยไม่เชิญชวนเท่าไร เม้นกับเฟ็บน้อยมากจนน่าตกใจ(ซึ่งขัดกับความรู้สึกกูมาก เพราะอารีสับแบบกูรู้สึกว่าน่าอ่าน) ยังไงเดี๋ยวกูไปลองอ่านดูเองก่อนแล้วอาจจะมาคุยว่าคิดเห็นอะไรต่างกับคนอื่นมั้ยนะ
กูไปหามาละ ไม่ได้ออกกับเอนเธอร์นะ เขาเขียนให้สถาพรมา 2 เรื่องแล้วนะตรีพันธ์เนี่ย
>>27 พอฟังงี้กูแล้วนึกสงสารพวกเขียนแนวดาร์คๆ จริงๆ ว่ะ เมื่อกี้กูเพิ่งเข้าไปอ่านมู้ที่โม่งมาแปะ >>9 ท่าทางพวกนี้คงหา สนพ ตีพิมพ์ยากจริงๆ แต่กูก็ไม่ได้ตำหนิอะไร ตรีพันธ์ นะ เขาเป็นมวยเรื่องส่งต้นฉบับซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะงานเขามันก็อ่านเพลินดีอยู่ ส่วนพวกดาร์คก็คงต้องสู้ต่อไปในเมื่อใจรักจะเขียนแนวนั้น ก็ต้องทำใจกับเรื่องตลาด
กูโมโม่(จั)งตัวจริงนะ มู้ที่แล้วกูเล็งไว้เรื่องหนึ่งแต่สับไม่ทัน มาสับมู้นี้ละกัน
Fantasy High School มาสร้างโรงเรียนเวทมนตร์กันเถอะ
เนื้อเรื่องน่าติดตามทุกตอน อ่านถึงตอนล่าสุดกูนี่กัดฟันเลย สนุกมากกก พล็อตจะแปลกใหม่ดี เป็นนิยายที่ว่าด้วยเบื้องหลังโรงเรียนเวทมนตร์ที่แท้จริงแล้วมันก็แค่ละครเรื่องหนึ่งที่พวกภูตหานักแสดงเป็นมนุษย์มาเดินเรื่องตามบทที่เขียนไว้โดยที่มนุษย์ไม่รู้ตัว มีแซะว่าพระเอกนั้นบทต้องเด่นตั้งแต่เปิดตัวเช่น มาสาย โชว์เทพช่วยนางเอก แรกๆ กากกว่าตัวร้ายแล้วจะไปเก่งในช่วงหลังๆ ทำตัวผิดกฎแล้วเจอความลับของโรงเรียนกลายเป็นผู้ถูกเลือก บลาๆ คาร์นางเอกต้องสาวซ่า พระรองสุภาพบุรุษ นางรองแม่พระ ตัวร้ายโคตรอันธพาล ตรงจุดนี้ทำให้กูนึกถึงละครไทยขึ้นมาเลย แต่นิยายเรื่องนี้ยังมีการหักมุมเบาๆ ที่มีการแทรกแซงจากบุคคลลึกลับทำให้บทละครเริ่มเพี้ยน เช่นนางร้ายที่มีบทว่าแอบชอบพระเอกมีพลังแฝงมากกว่าหนึ่ง พระเอกเป็นตุ๊ด ความทรงจำถูกดัดแปลง
โดยรวมนับว่าดีงาม มีแซะพล็อตโรงเรียนเวทมนตร์และคาร์ตัวละครที่ส่วนใหญ่มาแนวเดียวกันหมด ถึงบางช่วงจะเล่าเรื่องงงๆ อยู่หน่อยก็พอให้อภัย คำผิดแทบไม่มีสำนวนลื่นไหลใช้ได้ เซ็ตติ้งโลกโอเค มีชื่อไทยชื่อฝรั่งผสมกันอย่างมีเหตุผล คือตั้งให้ดูอินเตอร์นักเรียนที่เป็นคนไทยจะไม่ได้สงสัย แอบฮาตรงที่เคยคิดจะให้ครูในโรงเรียนเวทมนตร์มีชื่อไทยแต่ถูกค้านเพราะมันดูไม่อินเตอร์นี่แหละ
สรุปคะแนน 8/10 บางฉากยังเรียงลำดับได้มึนนิดหน่อยนะ
ปล.ใส่ธีมในตอนย่อยแถมเป็นพื้นขาวอีกอ่านแล้วปวดตาว่ะ กูอ่านในมือถือนี่โครตเซ็ง
โม่งฮิ โม่งอารี โมโม่(จั)ง พวกมึงรียูเนี่ยนกันในกระทู้นี้แล้วสินะ กูดีใจ T_T
หลังๆมานี่รีวิวมีแต่อวยว่ะ กูอ่านไปสามตอนได้แต่ส่ายหัว
>>33 ไม่ขนาดนั้นมั้ง มันแล้วแต่คนชอบมากกว่า มึงจำไอ้คนที่มันมาตั้งมู้ไม่เห็นด้วยกับ บก ที่ปฏิเสธงานมันในเด็กดวกได้ไหม ต่อมามันก็ตั้งมู้ใหม่หลังจากส่งไป สนพ ที่สอง บก สอง สนพ นี่วิจารณ์ไปคนละทางเลย จนกูยังสงสัยอยู่จนทุกวันนี้ว่ามันส่งเรื่องเดียวกันไปหรือเปล่า ถ้าจะบอกว่ามันรีไรท์งานดีขึ้น กูบอกเลยว่าไม่เชื่อ ในเมื่อมันก็บอกเองว่าไม่เห็นด้วยกับ บก คนแรก กูเลยมาสรุปเอาเองว่าคนเรามันชอบต่างกัน มันอยู่ที่ว่าแต่ละคนจะเอาส่วนไหนมาพิจารณา ตัวกูเองชอบดูสำนวนการเขียนและการเดินเรื่อง ไอ้พวกใช้คำซ้ำรูปประโยคกำกวมนี่กูไม่อ่านต่อแน่ แต่ถ้าสำนวนดีเดินเรื่องช้ากูก็วางเหมือนกัน
https://www.dek-d.com/board/view/3691582/ การกระทู้นี้ อยากมาถามเพื่อนโม่งว่าคิดยังไงกับเม้นที่ 3 ของพีทคุง ที่ว่าการเม้นนิยายเป็นเรื่องใหม่ ฝืนธรรมชาติ
ส่วนตัว กูคิดว่าเพราะเมื่อก่อนช่องทางการติดต่อกับนักเขียนโดยตรงมันไม่ค่อยมี คนก็เลยไม่ได้เม้นกัน(แต่ก็มีจดหมายเขียนไปคุยกับคนแต่งบ้าง ถ้าเป็นกรณีลงในนิตยสาร) แต่ตอนนี้เทคโนโลยีมันมาไกลแล้ว เพราะงั้นการเม้นนิยายก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติเท่าไร ...ทั้งนี้ทั้งนั้นกูไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับเม้นที่ 3 นะ เพียงแต่อยากลองเอามาถามว่าเพื่อนโม่งคิดยังไงกันบ้างอ่ะ?
กูมองว่าการเมนต์คือ การทดสอบนิยายโดยตรงเลย ไม่ได้ฝืนอะไรทั้งนั้น
เพราะคนอ่านนิยายสามารถบอกอะไรกับคนเขียนได้โดยตรงในหน้านิยาย
ถ้าแค่ทำให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมในเนื้อหาตอนนั้นๆ ไม่ได้ แสดงว่ายากที่จะเดินต่อ นอกจากเขียนเล่นๆ ไม่หวังอะไรก็เป็นอีกเรื่อง
เคล็ดลับในการเขียนนิยายแบบหวังส่งเข้าสนพ.ก็เหมือนกัน
ถ้า 5-10 ตอนแรกทำให้คนอ่านติดตามเรื่องไม่ได้
นักเขียนหลายคนแนะนำว่าให้เลิกเขียนเรื่องนั้นได้เลย หรือนำกลับไปปรุงแต่งใหม่ให้ดึงดูดคนอ่านเข้ามาให้ได้สักจำนวนหนึ่งจึงพอมีลุ้น
>>37 มึงตัดข้อความของ คห.3 มาไม่ครบนะ ตอนแรกที่กูอ่านเม้นมึงก็นึกว่าไอ้ห่านั่นบ้า อยู่ดีๆมาบอกว่าเม้นนิยายฝืนธรรมชาติ
จริงๆคือแม่งบอกประมาณว่า ปกติแล้วเวลาเราอ่านนิยายน่ะก็คืออ่านไปเรื่อยๆจนจบ ไม่ใช่ว่าจบตอนนึงแล้วจะต้องอยากคอมเมนต์ เว้นแต่ว่าจะมีอะไรที่มันตื่นเต้น ขัดใจ ซึ่งก็จริงอะนะ เคยเป็นมะแบบเวลาอ่านบทสนทนาจี๊ดๆแล้วจู่ๆก็วางหนังสือลุกพรึ่บ เดินวนไปวนมา โอ๊ย แม่งโดนจัย
สรุปก็คือ ไม่มีคนเมนต์ไม่ได้แปลว่าไม่สนุก แค่อาจไม่ค่อยมีอะไรให้ลุ้น ไม่ค้างคา ไม่จี๊ดหัวจัย
>>38 มีอารมณ์ร่วมมากๆ ก็เลยรีบกดตอนต่อไปอ่านโดยไม่เมนต์ก็มีนะมึง กูก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัล
>>17 >>19 กูว่านิยายแฟนตาซีไทยหลุดเทรนยาก ต้องตามกระแสไม่งั้นขายไม่ได้ แนวนิยายแฟนตาซีในเด็กดีก็คงวนไปแหละตอนนี้แปลจีนกำลังมาก็โผล่ขึ้นมาเป็นดอกเห็ดมีเรื่องดีๆน้อยมาก นอกนั้นกูทนไม่ไหวอ่านไปสองสามตอนก็ลาละ แนวจีนก็เป็นเกิดใหม่ต่างโลก/ทุละมิติซะค่อนนึง...
ส่วนนิยายแฟนตาซีฝรั่งที่ดังๆ ก็มีวนๆอยู่แค่ dystopia, fairy tale retelling, epic/high fantasy, paranormal romance, urban fantasy (พวกแวมไพร์ shapeshifter ปีศาจเทวดา historical ฯลฯ) เรื่องก็วนๆกันอยู่ประมาณเนี้ยเดี๋ยวพอมีอะไรดังได้สร้างเป็นหนังก็มีแนวเดียวกันตามมาอีกเป็นสิบ เท่าที่กูเห็นก็มีแค่นี้ ส่วนแนวเกมออนไลน์ย้อนยุคเกิดใหม่แบบบ้านเรา/เอเชีย ฝั่งโน้นไม่ค่อยมีเท่าไหร่
เปรียบเทรนด์นิยาย นิยายแหวกแนวมันก็เหมือน อีปลวกเพื่อนกู ที่มันหน้าตาขี้เหร่ มันชอบตัดพ้อด้วยคำว่า "พิมพ์นิยม" พุดแม่งทุกจังหวะที่เห็นคนสวยกว่า ทำไมคนเราจำเป็นต้องไปศัลย์หน้า ทำผิวขาว ทำจมูกโด่งตามโลก ไม่งั้นหาผัวไม่ได้หรอ?
เขียนนิยายแหวกแนว ก็เหมือนสะเออะจะแรด หัวหยิกก็ตัดผมสั้น หน้าก็บานเป็นถาดใส่เส้นมะละกอร้านส้มตำ สินสอดเป็นล้านมึงอย่าหวัง ให้ข้าวแถมอีกสิบกระสอบเขาก็ไม่เอา
แน่นอนอีปลวกเพื่อนกูมันอาจจะนิสัยสันดานดี แต่ถ้ามันไม่ตามเทรนด์ เฉิ่ม ใครเขาจะมองมัน เอวังดีออก เอวัง กูเลยแนะนำให้มันเอานิยายมันไปสไลด์เขื่อนแทน
เพื่อนโม่งมึงสับให้กุหน่อย ลองเขียนแบบไลท์โนเวล กุเพิ่งลงได้สองตอนดีป่าวไม่รู้เลย
https://writer.dek-d.com/fictionpersi/story/view.php?id=1527867
>>44 มึงนี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่สนใจอะไรเรื่องบทนงบทนำเลยนะ บทแรกมันควรเป็นบทนำ ที่สามารถบอกอะไรได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องของมึงมันเกี่ยวกับอะไร การต่อสู้ ความรัก ต่างโลก อะไรก็ได้ แต่กูอ่านได้ประมาณครึ่งหนึ่งกูมีความรู้สึกว่า มันคือการเดินเรื่องในบทธรรมดา เปิดฉากมาตัวเอกเล่นปาจิงโก๊ะมันทำให้กูคาดหวังว่า กูจะได้รู้ว่ามันไปทำอะไรในนั้น ภายในหนึ่งหรือสองย่อหน้าที่ไม่ยาวมาก แต่กูอ่านไปจนถึงกลางบทกูก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันเข้าไปทำอะไรในนั้น มึงต้องหัดสร้างประเด็นให้ตัวเอกก่อนว่ะ มึงต้องตอบให้ได้ว่าแต่ละฉากมันมีเพื่ออะไร อยากบอกอะไรกับคนอ่าน ไม่ใช่มีปมอยู่ในใจแค่ปมเดียวแล้วเขียนไปเรื่อยเปื่อยหาทางเข้าปมเดียวอันนั้นให้ได้ โดยไม่สนใจว่าที่ผ่านมาตัวเองเขียนอะไรที่ไม่ได้เกี่ยวกับปมนั้นเลยยาวมาเป็นหน้าๆ กูอยากฝากไว้ว่าทุกฉากทุกการกระทำมันควรมีเหตุผล เอาไปปรับปรุงซะ
สงสารพวกเด๋อที่เอานิยายตัวเองมาลงโม่งแต่โดนด่า
>>43 ไม่ถึงขนาดนั้นปะมึง นิยายตลาดอาจเปรียบเสมือนคนสวยแบบพิมพ์นิยม อะไรล่ะ หน้าวีเชพ ขาวโอโม่ ตาโต นมใหญ่
แต่ถ้านิยายของกูเป็นสาวตาคม ผิวเข้ม ยิ้มสวย มันจะถึงขั้นไม่มีคนชายตามองเลยรึ
แม่งก็แค่จับกลุ่มลูกค้ากันคนละกลุ่มแค่นั้น ไม่ได้หมายความว่าเขียนแหวกแล้วจะไม่ดีนี่หว่า
>>44 สำนวนใช้ได้ แต่ก็อย่างที่หลายๆ คห.บอกไปว่าอ่านแล้วงง มึงควรเน้นเรื่องการตัดฉากให้ดีกว่านี้ พยายามหาทางลงให้แต่ละฉากมีจุดมุ่งหมายของมัน ไม่ใช่เขียนลากยาวไปเรื่อยๆ คนอ่านเขาคิดไม่ทันมึงหรอก ยังไงก็สับสน
แต่มีแนวโน้มที่จะพัฒนาได้นะ กูอ่านแล้วพอรับได้แต่คงพูดอะไรไม่ได้มากเพราะมีแค่ 2 ตอน ตั้งใจเขียนฝึกฝีมือไปแล้วกันนาจา
การโดนสับนิยายมีข้อดีข้อเสียของมันนะครับ
คือนักเขียนบางคนเพิ่งเขียนไง สำนวน เนื้อเรื่อง คาแรค ยังไปไม่ถึงไหนเลย คือมันยังเร็วไปที่จะให้วิจารณาด้วยซ้ำ
อย่างต่ำๆ ต้องมี 100 หน้าขึ้นไปนะ คราวนี้ไม่ต้องให้ใครวิจารณาหรอก ในเบื้องต้น กลับไปอ่านงานตัวเองก็ขนตูดลุกแล้ว ตอนแรก กับตอนล่าสุด แม่ง เหมือนคนเขียนคนละคน
ดังนั้น อยากเป็นนักเขียนจริงๆ ต้องลองๆ คลำทางดูก่อน ถ้ามาให้สับแค่สี่ห้าตอน ยังเร็วไป
>>59 มันแล้วแต่นะ ถ้าสามารถอ่านเองได้แล้วรู้ว่าพิมพ์นิยมคืออะไร เขียนไปร้อยตอนก็แก้ข้อผิดพลาดน้อยไม่ต้องแก้มาก แต่ถ้าไม่รู้อะไรจริงๆ แล้วเขียนไปร้อยหน้า คิดว่านักเขียนคนนั้นคงต้องทำงานหนักมากในเรื่องแก้ สู้ฟังคำแนะนำแค่ตอนสองตอนแรกแล้วค่อยๆ ปรับปรุงงานจะเบากว่าไหม
>>60 ช่างเหอะกูไม่คิดมากหรอก มันจะเขียนเรื่องอะไรก็ช่าง การที่กูจะอ่านหรือไม่อ่าน สับหรือไม่สับ มันไม่ใช่ว่ากูลำเอียงหรือไม่อยากช่วย มันอยู่ที่อารมณ์กู ณ เวลานั้นๆ ว่ากูอยากอ่านอะไรแนวไหน ถ้ากูไม่มีอารมณ์อยากสับกูก็ปล่อยผ่าน เพราะคนที่มาวางงานก็ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรกับกู มันแค่เวลาผิดปกติของกู ถ้าปกติกูก็ช่วยดูให้อยู่แล้ว แต่บางทีกูก็ไม่ได้อยู่ในโม่งตอนใครวางงานให้สับ กูว่ามันก็มีแค่นั้นนะ
>61 ไม่ไง ถ้าให้วัดแค่ 3-5 ตอน มันจะน้อยเกินกว่าจะมาสับแล้วเกิดประโยชน์ อันนี้มุมมองส่วนตัวนะ
>>62 กูเข้าใจมึงนะ คือมึงจะอ่านเรื่องไหน จะสับเรื่องไหนมันก็เป็นสิทธิ์ของมึงนั่นล่ะ มันก็ต้องยึดตามความสะดวกของมึงไว้ก่อนอยู่แล้วแหละ มึงอย่าคิดไรมาก กูที่พวกมึงสับแล้วก็สนุกดี มีแต่ไอ้ตัวตะแง้วๆเรียกร้องให้คนมาสับ งอแงๆนี่ล่ะที่น่ารำคาญ ยิ่งมีการปั่นกระแสตัวเอง ไอดีเดียวกันยิ่งตลก
เห็นนิยายพิราบเรื่องโรงเรียนกลับมาแล้วว่ะ มีบ่นท้ายตอนว่าจะเปลี่ยนมาใช้คำพูดแบบผู้หญิงไม่พูดว่าครับหรือใช้ผมอีก มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องเลิกตีพิมพ์ปะวะ ดูเขาเฟลๆ ไงไม่รู้ว่ะ
กุมาดูผลตอบรับแล้ว...ขอบใจพวกพวกมึงมาก
>>45 ขอบคุณสำหรับความเห็นตรงๆของมึงนะ
>>46 รอกุรีก่อน เดี๋ยวให้ใหม่อีกทีหนึ่ง
>>47 นั่นสิมันขาดๆเกินๆเหมือนที่มึงบอกนั่นแหละ
>>48 กุเห็นภาพล่ะ แต่พระเอกมันไม่ได้เล่นปาจิงโกะนะมึง มันเสี่ยงโชคต่างหาก ขอบใจหลายๆ
>>49 นี่กุเพิ่งรู้เลยนะเนี่ยว่าเขาไม่เคาะข้างเครื่องหมายกัน กุงมโข่งโลกไหนมาวะเนี่ย
>>53 กุจะพยายามลองแก้ดูก็แล้วกันแต้งกิ้ว
มีความโง่ในการใช้ไอดีซ้ำ
https://www.dek-d.com/board/view/3691743/1/?comment=16 ทำไมกูอยากให้ดอกขาวปะทะกับ ND111 จังวะ ถ้าเกิดขึ้นจริงคงเป็นมวยในฝันของกูเลย แนวๆ ว่าดอกขาวมันเป็นพวกโผล่ทุกกระทู้ แต่ ND111 มันเป็นประเภทรักสันโดษนานๆ จะเห็นมันไปตอบกระทู้ใครสักที แต่ดูในมู้นี้รู้สึกดอกขาวจะไม่กล้ายุ่งกับ ND111 เท่าไหร่ แหมกูตื่นเต้นจริงๆ นะเนี่ย ถ้าสองคนดังปะทะกันบอร์ดสะเทือนแน่ๆ
เออ น่ารำคาญมากอยากนินทาตัวบุคคลไสหัวไปที่อื่น กูไม่อยากรู้จัก ที่นี้เน้นสับนิยาย
มีใครอยากเอานิยายให้กูสับไหม กูโม่งฮู สับให้เรื่องนึงอะ
>>74 สับให้หน่อยนะ
>>78 กูเลือกปฏิบัติตรงไหน กูแค่สงสัยเอง แล้วนี่นินทาเหี้ยไร มึงอย่าโยงทุกอย่างไปนินทา กูบอกแค่นิยายแม่งเศร้าที่มีหลุยไปไกด์ไปโชว์เทพ กูก็พูดถึงนิยายอยู่เนี่ย ไม่ใช่ด่าบุคคลรัวๆ มึงอย่าอคติขนาดนั้นดิห่า
จริงๆอยากให้>>73 สับนิยายล็อตก่อนที่มีคนมากองไว้ เรื่องนี้เดี๋ยวกูสับให้ก็ได้ กูเข้าไปสไลด์กวาดสายตาตอนแรกแล้วเห็นบางอย่างที่อยากสับ
https://my.dek-d.com/vanaya/writer/view.php?id=1484470
1. ทำไมไม่เอาย่อหน้าแรกสุดเป็นบทนำ เพราะไอ้ที่เขียนว่าบทนำจริงๆ มันจืดชืดไร้ความตื่นเต้นโดยสิ้นเชิง
2. สำนวนยืดเยื้อไร้ความกระชับ คำซ้ำต่างๆ อ่านดูก็รู้ผู้เขียนไม่มีความรู้เรื่องการหลากคำและลงจังหวะแต่ละประโยคน้อยมาก โดยเฉพาะสรรพนาม "เธอ" วางในประโยคติดกันเป็นขบวนรถไป
3. ย่อหน้าที่สองของบทนำ อยู่ๆ ก็บอกว่าตัวละครมีแฝด มันไม่ใช่จังหวะที่จะบอกเลยควรโฟกัสที่ตัวละครนี้เดี่ยวๆ ไปก่อน
4. ในส่วนของตัวบันทึกที่เขียนไม่ขอติเรื่องเรื่องการใช้ประโยคหรือคำต่างๆ เพราะบันทึกมันมีค่าเท่ากับบทสนทนาทั่วๆ ไป ดังนั้นมันจึงสามารถมีคำซ้ำได้
***2. สำนวนยืดเยื้อไร้ความกระชับ คำซ้ำต่างๆ อ่านดูก็รู้ผู้เขียนมีความรู้เรื่องการหลากคำและลงจังหวะแต่ละประโยคน้อยมาก โดยเฉพาะสรรพนาม "เธอ" วางในประโยคติดกันเป็นขบวนรถไป
>>80 ขอเสริมมึงแล้วกัน ขอเป็นแนะเรื่องการเขียน การใช้ภาษาแล้วกัน กูค่อนข้างถนัดด้านนี้
สำนวนยืดเยื้อไม่กระชับตามที่ข้างบนบอกไป เหมือนอยากให้ภาษาสวยเลยใช้คำยาก แต่คนเขียนไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้น คลังคำน้อย ทำได้แค่จับคำมาเรียงกันเฉยๆ ทำให้ย่อหน้าเดียวกันแท้ๆ แต่ระดับภาษาไม่เท่ากันซะงั้น มีความพยายามใช้ ที่ ซึ่ง อัน จนทำให้ประโยคกลายเป็นวลี ซึ่งไม่ได้จำเป็นเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพยายามสร้างประโยคความซ้อนทำไม เวลาเขียนบรรยาย พรรณนามันใช้ประโยคธรรมดาก็ได้ แบบนี้มันอ่านไม่รู้เรื่องมากกว่า เรียกได้ว่าพยายามประดิษฐ์ภาษาให้สวยจนกระอักกระอ่วน ถึงกูจะชอบเสพวรรณศิลป์ แต่คือบางครั้งเขียนง่ายๆ ให้อ่านเข้าใจและสนุกได้ก็พอแล้ว
อีกอย่างเวลาจัดหน้าทางวารสารศาสตร์ ถ้าอยากให้ท้ายประโยคมันเสมอกันเหมือนในหนังสือนิยาย เขาใช้การจัดหน้าแบบ "กระจายแบบไทย" ไม่ใช่ "เต็มแนว" ในเวิร์ดมีลองเอาเม้าส์ชี้ๆ ดูก็ได้ เพราะใช้การจัดแบบเต็มแนวแล้วมันจะออกมาประหลาดชาติชั่วเหมือนนิยายเรื่องนี้ ที่บางจุดก็เว้นวรรคเป็นโยชน์ อ่านแล้วแทนที่จะดูเรียบร้อยกลับยิ่งขัดหูขัดตา
ส่วนเนื้อเรื่อง...เบื่อ ขี้เกียจอ่าน ดูแค่ภาษาพอละ
ปล.เกลียดการเน้นตัวดำ คนที่เน้นแบบนี้อีกคนคืออีหลุย แม่งเขียนตามๆ กันใช่มั้ย
ลงชื่อ โม่งฮิ จะไปเป็นครูสอนภาษาไทย ถุย
>>83 ขอถามหน่อยนึง คือเราก็กำลังพัฒนางานเขียนตัวเองอยู่ ทีนี้มีปัญหาตรงที่การประดิษฐ์ประโยคนี่ล่ะ คือนิยายเนี่ยถ้าภาษาไม่สลวยมากเอาแค่อ่านแล้วไม่ติดขัดแบบเจอคำซ้ำๆกันในประโยคเดียวเกินไปมันพอจะใช้ได้รึเปล่า คือเราไม่ถนัดใช้คำศัพท์อลังๆด้วยสิ
อีกเรื่องหนึ่งเวลาตัดฉากใช้การBold ตัวอักษรของประโยคแรกที่ขึ้นต้นถือว่าผิดไหม เมื่อก่อนเคยใช้พวกเครื่องหมาย อย่าว ... หรือ ---
ตีเส้นแบ่งไปว่าตรงนี้จบฉากแล้วจะตัดขึ้นอีกฉากแทน แต่หลังๆมาใช้พวกนี้แล้วทันทำให้จำนวนคำฟุ่มเฟือยโดยเปล่าประโยชน์ก็เลยลองเปลี่ยนไปใช้เน้นBold แทนอ่ะ
เห้ย กุโม่งฮู ทำไมมีคนแย่งงานกรูวววว
กุโกรธจนไข่สั่นไปหมดแล้วววว
>>85 มึงต้องเข้าใจให้ถูกต้องก่อนว่า ภาษาสวยกับคำสวยมันเป็นคนละเรื่อง คนที่เขียนภาษาสวยๆ หรือสำนวนสวยๆ มันไม่ได้ใช้คำสวยนะมึง มันอยู่ที่ความคิดในการสื่อและจังหวะการวางคำวางประโยค สำหรับคำซ้ำกูไม่อยากให้กังวลมากสำหรับมือใหม่ เขียนให้ออกมาได้ตามภาพในหัวที่เราคิดก่อนแล้วค่อยปรับคำปรับประโยคทีหลัง ถึงมันจะเป็นการทำงานหลายครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับเพราะเรามือใหม่ แม้กระทั่งมือเก๋าๆ เองเขียนเสร็จเขาก็ยังต้องมาไล่จังหวะไล่คำทั้งหมดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องคำซ้ำ
>>85 ตั้งแต่สับนิยายมา เราแนะนำให้เขียนแบบเบสิคก่อนทั้งนั้นเลยนะ เอาแบบแค่ประโยค who what where when why how ก่อน ค่อยๆ เล่าเรื่องไป การเขียนให้สละสลวยมันเป็นเรื่องของการสะสมประสบการณ์ อาศัยอ่านเยอะๆ แล้วนำมาประยุกต์ใช้เป็นของตัวเองไป อย่าคิดมาก ทุกอย่างมันพัฒนากันได้ถ้าเปิดใจ
ส่วนเรื่องคำซ้ำ อันนี้เคยแนะนำไปแล้วว่าให้ ctrl+f หาดูว่าคำมันซ้ำติดกันไปหรือเปล่า เช่น ย่อหน้าแรกของเรื่องสายรุ้งต้องสาป แค่ 4 บรรทัด ล่อคำว่าที่ไป 5 ครั้ง อันนี้เฟ้อมาก เยอะไป คือต้องคิดตรรกะว่าเราใช้คำว่าที่ เพื่อขยายประโยค แล้วมันจะต้องขยายอะไรขนาดนั้น
ส่วนตัวไม่ชอบการใช้ bold เพราะไม่ค่อยเป็นมิตรต่อสายตาเท่าไร อันนี้เป็นเรื่องของงานพิมพ์ด้วย ลองสังเกตดีๆ ในหนังสือนิยายจะไม่ค่อยใช้ bold ยกเว้นการสื่อที่ว่าตะโกนอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่ที่ใช้ bold จะเป็นงานวารสารศาสตร์จำพวก ข่าว สารคดี บทความ ที่ใช้เน้นย้ำความสำคัญของพวกชื่อที่ปรากฏมาครั้งแรก //วิชาการสัสๆ
>>88 เอ่อะ...
มาๆ ไหนกูก็สับไม่ทันละ กูจะมาแก้ไขปัญหานี้พวกมึงเองนะเพื่อนโม่ง
ปัญหาเรื่องคนำซ้ำ แก้ไขได้ดังนี้
1.อย่าไปห่วงเรื่องคำสวย
2.เขียนๆ ไป ซ้ำชั่งแม่ม
3.เน้นการเล่าเรื่องให้สนุก ตรงนี้สำคัญกว่าคำซ้ำอีก และขอย้ำอีกที คำซ้ำชั่งแม่ง
4.อ่านทวน
5.คำไหนซ้ำ มึงก็แก้คำนั้น แค่นั้นเอง
เดี๋ยวจะหาว่ากูกวนตีน มา ยกตัวอย่างให้
เขามาจากดินแดนที่ไม่ปรากฏในแผนที่ ว่ากันว่าบริเวณนั้นมีหุบเขาสูงชัน ที่ไม่มีทางเลย ที่มองลงไปถึงก้นหุบเหว ในรอบหนึ่งร้อยปีเท่านั้น ที่จะปรากฏสะพานแสงทองของดวงอาทิตย์ ที่จะสามารถทำให้เห็นทางเข้าดินแดนที่ว่านี้ได้
มึงจะเห็นว่า คำว่า 'ที่' แม่งเต็มไปหมด คราวนี้ มึงก็มาอ่านซ้ำ แล้วเปลี่ยนคำว่า 'ที่' ให้กลายเป็นคำอื่นที่มีความหมายเหมือน หรือใกล้เคียงก้ได้
เขามาจากดินแดนที่ไม่ปรากฏในแผนที่ ว่ากันว่าบริเวณนั้นมีหุบเขาสูงชัน 'อัน'ไม่มีทางเลย ที่มองลงไปถึงก้นหุบเหว ในรอบหนึ่งร้อยปีเท่านั้น 'ซึ่ง'จะปรากฏสะพานแสงทองของดวงอาทิตย์ โดยจะสามารถทำให้เห็นทางเข้าดินแดนที่ว่านี้ได้
อันนี้แค่เลเวลหนึ่งนะ เปลี่ยนแค่ที่ มึงไปฝึกกันก่อน เอาไว้เมื่อโปร ค่อยขึ้นเวลสอง คือเปลี่ยนทั้ง 'กลุ่มคำ'
by โม่งฮู ผู้โดยแย่งงาน
>>91 นี่กองไว้เยอะแยะ ไปสับสักเรื่องสิ >>>/webnovel/2907/988
ไหนๆ วันนี้ก็ว่าง ไม่มีอะไรทำ ขอดึงประเด็นเรื่องการเขียนประโยคมาหน่อยแล้วกัน ใครอยากอ่านก็อ่าน อาจจะไม่เก่งกาจอะไรมาก แต่ไกด์จากคนเคยผ่านงานอีดิตเตอร์มานิดหน่อย อาจจะไม่ได้เทพมาก แต่ถือเป็นไกด์ขำๆแล้วกัน
ขอทำใน doc มันจะได้ป้ายให้เห็นชัดๆ เลย กำลังอีดิตอยู่อยากอ่านตอนเสร็จแล้วก็รอหน่อยนะ
https://docs.google.com/document/d/114JBGxAKQksdZ5sfWsOPCWKWCUWW_HvZwDaPN2nfbyE/edit?usp=sharing
https://writer.dek-d.com/bear_la_bear/story/view.php?id=1503683
ช่วยวิจารณ์พวกการบรรยาย ลักษณะการใช้คำ ตังหวะการดำเนินเรื่องอะไรพวกนี้ให้หน่อยได้มั้ย อยากโดนสับแบบจริงจัง
>>98 1. เปิดเรื่องไม่เห็นภาพเพราะไม่รู้ว่า "ฉัน" ในเรื่องเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย
ลองเปิดเรื่องแบบนี้ดู
เมื่อเช้าฉันยังเป็นนักเรียนหญิงแต่งเครื่องแบบเรียบร้อยและรวบผมหางม้ามาโรงเรียนเหมือนเพื่อนคนอื่น
แต่!!! ตอนนี้สภาพฉันคงดูไม่ได้แน่ๆ ชายเสื้อหลุดรุ่ยที่มัดผมหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ฉันกำลังวิ่ง วิ่ง และวิ่ง บลา บลา บลา
กุดูให้แค่นี้แหละเดี๋ยวโม่งฮูมันหาว่าแย่งงานมันอีก
ฮูมาแล้ว จัดปายยย
>>บางครั้งฮูก็ติดนิสัยโลกเบื้องหน้ามามากไป คิดไปคิดมา ไม่ต้องถามหรอก ฮูขอสับให้คิดว่ากำลังพอดี และดีที่สุด เกิดประโยชน์ที่สุดละกัน
อย่างแรก คุณนักเขียนยังเขียนน้อยไป ที่ดูออกเพราะจังหวะการเล่าเรื่องยังแปลกๆ ถ้าให้เดา เพิ่งจะผันจากนักอ่านมาเขียนล่ะสิท่า
'ช่วยวิจารณ์พวกการบรรยาย ลักษณะการใช้คำ ตังหวะการดำเนินเรื่องอะไรพวกนี้ให้หน่อยได้มั้ย อยากโดนสับแบบจริงจัง'
การบรรยายตามที่ >>100 บอก ฮูเห็นด้วย แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
ขอเรียกคนเขียนว่า 'นาง' นะ
จะว่าไปนางก็เขียนออกมาโอเค พออ่านได้นะในเรื่องของการบรรยาย แต่ที่นางขาด ที่การ set ฉาก
นางต้องบอกนะ ว่าในเรื่องอยุ่ตรงไหน แล้วจะบอกว่าแค่ 'ในปราสาท ในโรงเรียนก็ไม่ได้ มันต้องอยู่ในการเล่าเรื่อง'
"นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?"
ฉันเดินก้าวเท้าอย่างเชื่องช้า มองไปรอบๆ ทางเดินภายในโรงเรียนซึ่งเป็นกำแพงอิฐและมีคบเพลิงแขวนเรียงราย ฉันรู้ได้ทันทีว่าทุกสิ่งหยุดการเคลื่อนไหว เนื่องมาจากเปลวไฟจากคบเพลิงซึ่งควรจะไหวไปมา มันกลับหยุดนิ่งเหมือนภาพวาด
อันนี้คือการ set ฉาก บอกว่านางเอกกำลังเดินในทางเดิน มีกำแพงนะเว้ย เป็นยุคกลางนะโรงเรียนอะ และที่เห็นว่าหยุดนิ่ง เพราะว่าคบเพลิงมันหยุดเคลื่อนไหวนะ
นั่นคือเรื่องแรก...
เรื่องที่สอง จะบอกว่าไงดี อย่ารรีบเกินไป ใจเย็นๆ ค่อยๆ เล่าเรื่อง ลงดีเทลหน่อย ให้คนอ่าน อ่านเรื่อยๆ จะเหมาะกว่ากับบทที่ไม่ค่อยมีเนื้อเรื่องอะไรพวกนี้
การใช้คำทำได้โอเค แต่ก็นั่นล่ะ พอกรเล่าเรื่องออกมาไม่ค่อยดี มันก็พังไปหมด ดังนั้น ในเบื้องต้น นางต้องเข้าใจนะ ว่าเวลาคือทุกสิ่ง นางต้องเขียนเยอะๆ เขียนบ่อยๆ แล้วเดี๋ยวสกิลมันจะเข้าที่เข้าทางเอก
สุดท้ายพูดตรงๆ มันไม่มีอะไรให้สับอะ สามตอนเอง ถ้าอยากเก่งขึ้น แนะนำให้เขียนให้เยอะกว่านี้ แล้วค่อยกลับไป ไปทำการบ้านเรื่องการเล่าเรื่องมาใหม่ เอ้อ การ set ฉากด้วย บุรุษ1 มันเป็นอะไรที่มีทั้งดีและไม่ดี มันเป็นตอบสองคม
คมแรก มันทำให้เราเข้าถึงคนอ่านได้ง่าย อินง่ายกว่า บุรุษ3
คมที่สอง อันตรายมาก ถ้าอินเนอร์ตัวเอกน่ามคาน คนอ่านปิดเลย
ไปฝึกมาใหม่ โม่งฮูยังไม่สับให้ไปมากกว่านี้ คำว่าสับ มันมาจากหมูสับ (เหรอวะ) เอาเนื้อชิ้นใหญ่ๆ มาสับ สับให้ละเอียด แต่ตอนนี้ ที่โม่งฮูเห็นมีแค่เศษเนื้อ มันยังสับไม่ได้ว่ะ
ด้วยรัก ขอให้ประสบความสำเร็จ by โม่งฮู
>>109 ขอบคุณมากคุณโม่งฮู
ยอมรับทุกจุดที่ติมาเลย สารภาพว่าตอนนั่งเขียนก็รู้สึกว่าตัวเองใจร้อนมาก มันเป็นความรู้แบบอยากดำเนินฉากนี้ไปให้ไวๆ แล้วไปต่อตรงเนื้อเรื่องจุดอื่นต่อ แต่ก็ลืมคิดไปว่าคนอ่านมันไม่ได้รู้เรื่องกับเราด้วยนี่หว่า
เรื่องการบรรยายฉากอันนี้เราก็ง่อยมากอีก แทบจะไม่มีทักษะทางด้านนี้เลย มันคิดไม่ออกว่าควรใส่มาตรงไหน บรรยายประมาณไหนถึงจะพอดี แต่เราจะพยายามฝึกนะ
ขอบคุณคุณโม่งฮูอีกรอบค่ะ
ลองสับเรื่องนี้ไหมมึง ซูฉี สาวงามสีขาว
เราคือ >>100 เองนะ เราเป็นนักเขียนเรื่องสั้น มีผลงานได้ตีพิมพ์ไปพอสมควรแล้วล่ะ เท่าที่อ่านเจ้าของเรื่องสำนวนดีนะ การใช้คำและประโยคทำได้ดี ถ้าจะให้ติคงต้องติเรื่องการบอกลักษณะตัวละคร มันบ่อยเกินไป เช่น สีผม สีนัยน์ตา อะไรพวกนี้ ส่วนจังหวะการเล่าจริงๆ เร็วแค่บางจุด อย่างตอนวิ่งไปใกล้ถึงสี่แยกแล้วรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคนจากอีกด้าน ต้องถามว่าด้านไหนเพราะด้านหน้ามีอยู่สามทางถูกไหม ยังไม่ได้ดุเนื้อเรื่องให้ว่าเบียวอย่างเขาว่าหรือเปล่า อ่านแค่บทนำต้องบอกว่าทำได้ดีทีเดียว
>>110 วิธีฝึกการบรรยายฉากทำได้ง่ายมาๆ นางต้องคิดตลอดเวลา ว่าตัวละครเห็นอะไรบ้าง แต่ไม่ต้องใส่แม่มทุกอย่างที่เห็นนะ เอาลงมาในบทบรรยายทีละนิดก็ได้ แฝงๆ เอาไว้ทีละจุด
มีตัวอย่างมาให้
สมมติตัวเอกอยู่ในโรงอาหาร โต๊ะกินข้าวสีดำไม้เนื้อดี โรงอาหารเป็นห้องโถงเพดานสูง ตรงข้ามมีคนคุยเสียงดัง
"เห้อ วันนี้ก็สอบอีกแล้ว"
ฉันพูดออกไปขณะนั่งลงบนโต๊ะอาหารพร้อมกับฮินะ เสียงจานกระทบกับไม้เนื้อดีส่งเสียงทุ้ม
"อย่าบ่นไปเลยเรย์ วันนี้ศาสตราจารย์เซนก็บอกแล้ว คะแนนไม่ได้มากเท่าไรในการสอบนี้"
ฮินะพูด พลางเขม่นไปยังโต๊ะตรงกันข้าม ซึ่งกำลังมีเด็กปีหนึ่งส่งเสียงจ้อกแจ้ก ให้ตาย เธอคงจะรำคาญพวกเขาพอๆ กับฉัน
"ก็แหม เธอก็รู้ ว่าฉันไม่ได้เก่งวิชาอักขระปิศาจ" ฉันพูดพลางเงยหน้าขึ้นสูงถอนหายใจ มองขึ้นไปยังเพดานสูงของโรงอาหาร ที่ด้านบนมีภูติจิ๋วบินเล่นไล่จับกัน ดูแล้วน่าจะสนุกสุดๆ
ประมาณนี้ ด้นสด ลองเอาไปใช้ดูนะครับ
by โม่งฮู
>>107 เอาจริงมั้ย กูเคยไปสมัครหมวดนักเขียนของเด็กดีด้วย ตอนนั้นว่างงาน เพื่อนขำกันชิบหายว่าอย่างกูนี่นะไปสมัครเด็กดี ถ้าได้จริงจะตำนานในหลายๆ แง่มาก ตอนนั้นกูอยากทำอะไรขำๆ สุดท้ายเขาไม่รับกูนะ ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรเหมือนกัน อาจกลัวกูลาออกไปทำสายแข็ง หรือกูไม่เหมาะกับงานเขาก็ได้ เพราะเขาถามว่าให้เชียร์แจ่มใสนี่ทำได้มั้ย กูหยุดคิดไปนิดนึงแล้วค่อยตอบว่าไม่ถนัด แต่ถ้าเป็นงานก็ทำได้
มีความขำที่ว่าเขาถามว่ากูเคยวิจารณ์มั้ย ให้ไกด์นักเขียนจะทำได้หรือเปล่า สมมติมีนักเขียนที่พล็อตดี แต่ภาษาไม่ดี จะช่วยชี้ช่วยปรับปรุงได้มั้ย กูได้แต่หัวเราะหึๆ ตัดภาพไปที่ทีมงานเขาสิ คุณภาพมากๆ
ทั้งหมดทั้งมวลกูไม่ได้เจ็บแค้นนาจา เพราะกูสิงโม่งเด็กดีมาตั้งแต่มู้แรกแล้ว แฉคนก็ทำมาเยอะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รับเข้าทำงานแล้วมาพาลเขา กูไม่ได้กลัวโม่งแตกด้วย ขำๆ กันไป
ปล. กูเสนอเรื่องขอให้นิยายในเด็กดีเป็นระบบแท็กแทนหมวดหมู่ไปตอนนั้น โน้ตแม่งเสียมารยาทมากตอนสัมภาษณ์ เล่นจิ้มมือถือตลอด ที่บ้านไม่สอนเรื่องมารยาทเหรอ มีอตินที่ดูจะสนใจฟังในสิ่งที่กูพูด
>>116 กูไม่ชอบการที่เปิดมาด้วยอาณาจักรนี้ ตัวเอกสีผม สีตา นิสัยนี้ เลยนะ แต่กูขอค้านเรื่องการเขียนบรรยายยาวๆ ไม่ค่อยมีบทสนทนาแล้วกัน คือถ้าเขียนให้ดี มันก็ทำได้นะ มันเป็นสไตล์ที่กูใช้ด้วยแหละมั้ง
ยกงานเก่าที่ไม่มีวันได้เผยแพร่มาเป็นตัวอย่างแล้วกัน อันนี้เป็นการเปิดเรื่องของนิยายแฟนตาซีเรื่องหนึ่งของกู ที่รู้สึกว่าพล็อตเรื่องยังไม่ดีพอเลยโละทิ้ง
‘เคล็ดลับของการรมควันอยู่ที่การเลือกไม้’
เอลิกซ์รู้สึกเหมือนตอนนี้เขาเป็นขาหมูที่กำลังถูกรมควัน...ถ้าปล่อยทิ้งไว้อีกนิดเขาก็คงจะสุกจนกลายเป็นแฮม...
เด็กหนุ่มเคยช่วยป้าเมย์รมควันสารพัดสัตว์อยู่หลายครั้ง ทั้งปลาเทราต์ ไก่งวง เป็ด และส่วนต่าง ๆ ของหมูตัวอ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขาต้องเอาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางควันไฟแบบนี้เลยสักครั้ง...ถึงมันจะไม่ใช่ควันจากเนื้อไม้ แต่กลิ่นหอมเอียนจากกำยานผสานกับเสียงสวดแหลมสูงที่เกือบจะเป็นเสียงโหยหวนของเหล่านักบวชในชุดขาวก็ทำให้เขาประสาทเสียจนอยากจะกลายเป็นแฮมอบน้ำผึ้งขึ้นมาจริง ๆ
แค่สวดเฉย ๆ ไม่พอเหรอ...ทำไมต้องจุดกำยานรมควันกันด้วย...
สามวันแล้วที่เอลิกซ์ถูกรมควันในพิธีอวยพรจากศาสนจักรแห่งแสง ดวงตาของเขาแดงก่ำเพราะควันหนาทึบ แสบตาเสียจนน้ำตาจะไหลเอ่อออกมาอยู่รอมร่อ แสบจมูกเสียจนไม่รู้สึกว่าเคยมีจมูกไว้หายใจ อันที่จริงเขาไม่ได้อยากจะเข้าร่วมเลยสักนิด ถ้าไม่ติดว่ามีใครดันบ้าจี้ตั้งกฎให้ทุกคนที่เข้าร่วมขบวนตามหาตัวเจ้าชายเกเบรียลต้องผ่านการอวยพรจากเหล่านักบวชในทุกเช้า และใครที่ว่านั่นดันเป็นเจ้าชายรัชทายาทอันดับสองแห่งอาณาจักรอาริไพน์
มีนิยายเรื่องไหนที่ติดท็อปได้โดยไม่ลงทุกวันบ้างป่าววะ
มีเรียนมีงาน ไหนจะต้องมานั่งแก้ขัดเกลาอีก จะให้เขียนลงทุกวันคงเหนื่อยตาย 555
กูขอเปิดประเด็นหน่อย ไหนๆ โม่งฮูก็กล่าวไว้ใน >>109 นิดๆ แล้วว่า "การ set ฉากด้วย บุรุษ1 มันเป็นอะไรที่มีทั้งดีและไม่ดี มันเป็นตอบสองคม
คมแรก มันทำให้เราเข้าถึงคนอ่านได้ง่าย อินง่ายกว่า บุรุษ3 คมที่สอง อันตรายมาก ถ้าอินเนอร์ตัวเอกน่ามคาน คนอ่านปิดเลย" เพราะงั้นกูเลยอยากขอคำชี้แนะจากพวกมึงทุกคนหน่อย คือกูเคยแต่งนิยายเรื่องนึง ตัวเอกเป็นผู้หญิง ใช้การบรรยายแบบบุคคลที่ 1 ก็ไม่มีปัญหาอะไรจนกูจะมาแต่งเรื่องที่สอง กูพบว่ากูมีไทป์คาร์ตัวเอกหญิงที่กูรำคาญเยอะมาก ถ้าไม่ใช่นางเอกแบบนิยายเรื่องแรกของกู กูจะทนอินเนอร์ไม่ได้เลย (นางเอกเรื่องแรกกูออกแนวลุยๆ ห้าวๆ หน่อย) ทำให้เหมือนกูมีไทป์นางเอกที่เขียนได้เพียงไทป์เดียวเท่านั้น เพราะงั้นนิสัยนางเอกในนิยายทุกเรื่องของกูมันก็จะซ้ำๆ คล้ายๆ กัน เลยอยากจะถามเพื่อนโม่งว่า พวกมึงคิดยังไงถ้านักเขียนคนนึงเขียนนิยายหลายเรื่อง แต่ตัวเอก(ในกรณีที่เป็นเพศหญิง) จะคล้ายๆ กันไปหมด ต่างก็แค่พล็อตเรื่องและelementอื่นๆ เท่านั้น ?
ปล. อันที่จริงกูถนัดเขียนผ่านมุมมองตัวเอกชายมากกว่า แต่อยากฝึกเขียนตัวเอกหญิงให้มากกว่านี้ ก็เลยมาถามน่ะ
ปล2. กูลองเขียนมุมมองบรรยายแบบบุคคลที่ 3 มาพอสมควรแล้ว พบว่าตัวเองเขียนแบบมุมมองบุคคลที่ 1 ได้ดี และชอบมากกว่า
โม่งเฮ
>>128 คือเรื่อง lost แฟนคลับเก่าเยอะอยู่ตามฐานะนักเขียน
ส่วนหน้าใหม่
กูตามเซนมาแต่แรก ปกติไม่ได้ลงทุกวัน ช่วงไรท์ขยันคือ 3 วันมาตอน นานๆทีถึงจะมีลงต่อกัน2วันติด
เรื่องนี้ไต่อันดับมาช้าๆแบบขยับมาเรื่อยของหน้าใหม่ แต่พอเข้าอันดับท็อปก็อยู่ยาวแบบเรื่องท็อปในตอนนี้
เพราะมีคนอ่านติดตามแล้วนั่นเอง
แต่หลังจากเป็นเล่มแล้วก็หายๆมาๆ ตามแบบที่นักเขียนได้ตีพิมพ์
กูเห็นมีนักเขียนในเด็กดีหลายคนบอกว่าค่อนข้างยากที่ติดท็อป แต่พอติดแล้วแฟนคลับจะมาเองแบบเป็นเท่าตัวไปเรื่อยๆ
>>127 กูคือโม่งอารี และอย่างที่มึงรู้ กูไม่ชอบการเขียนแบบบุคคลที่ 1
มันมีหลายเหตุผล แต่เหตุผลสำคัญสำหรับกูคือการเขียนมุมมองบุคคลที่ 1 มันจะทำให้มิติของตัวละครอื่นทีไม่ใช่ตัวเอกหายไป เพราะแน่นอนว่ามันจะไม่มีการบรรยายถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวละครอื่นเลย เว้นแต่จะเขียนบุคคลที่ 1 แบบสลับไปมา บทนี้เป็นพระเอก อีกบทเป็นนางเอกนำเรื่อง
จึงเห็นได้บ่อยครั้งว่า นิยายที่เดินเรื่องด้วยมุมมองบุคคลที่ 1 จะมีตัวเอกซึ่งเด่นมาก(และพูดมาก) และนักอ่านมักจะจำรายละเอียดปลีกย่อยของตัวละครเอกตัวนั้นได้เพียงตัวเดียว แต่ก็แน่นอน สำหรับนักเขียนที่เขียนบุคคลที่ 1 เก่งๆ ก็จะสามารถใส่ความรู้สึกนึกคิดของตัวละครอื่นผ่านการแสดงออกทางสีหน้าแววตา คำพูด หรือแม้แต่การให้ตัวละครเอกคาดเดาความรู้สึกของตัวละครอื่นที่กำลังสนทนาด้วย เช่น 'ข้าเห็นมุมปากของเซโร่ยกขึ้น หนอย เจ้าหมอนั่นมันต้องแอบหัวเราะเยาะข้าอยู่ในใจแน่ๆ'
กูมองว่า การเขียนแบบบุคคลที่ 1 จะช่วยดึงอารมณ์ร่วมจากนักอ่านได้มากกว่า เพราะแน่นอนว่าบทบรรยายโดยส่วนใหญ่เป็นความนึกคิดของตัวเอก (หรือบรรยายฉากจากความรู้สึกของตัวเอกอีกที) ทำให้ภาษาที่ใช้ค่อนข้างง่าย (หรือมีใครคิดในใจว่า 'พลันเจ้าอวชาตบุตรผู้ประกอบไปด้วยรัตนทั้งเก้าก็ปลาสนาการไป') คือมันง่ายต่อการ self insert อะ อ่านเพลินๆเลย
ส่วนเรื่องคาแรคเตอร์ตัวละครคล้ายๆกัน ถ้ามันสนุกก็อาจมองข้ามไป แต่ถ้ามันหลายเรื่องเกินก็อาจด่าว่าเอาแบบนี้อีกแล้วเหรอวะ นำไปสู่การเดาทางถูกและเบื่อ แต่ถ้ามึงเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงก็จะมีคนเอาเรื่องนี้มานินทาในโม่งเอง จบข่าว
นักเขียนแฟนตาซีไทยนี่ มีใครที่เขียนดีๆบ้างวะหรือในเด็กดีก็ได้ แบบเขียนดีๆพอให้กูใช้ศึกษาได้น่ะ พวกมึงพอผ่านตาย้างป่าววะ
>>127 กูโม่งเรื่องสั้น(ชื่อนี้เพิ่งมีสมาชิกโม่งตั้งให้ตอนเย็นเมื่อกี้) ความจริงแล้วการเขียนนิยายด้วย บุรุษที่หนึ่งหรือแม้กระทั้งบุรุษที่สอง(ถ้าเคยอ่านเชอร์ล็อคโฮมจะรู้) มันก็เขียนได้แหละแต่กูพูดจริงๆ ว่ามันยากมากที่มึงจะดันไปจนจบเรื่องได้ มันมีโอกาสที่จะเกิดอาการตันสูงเพราะการมองจากบุรุษที่หนึ่งเราเห็นแค่ท่าทางหรือสีหน้าของตัวละครอื่นๆ มันจะเกิดอาการไม่อินกับเนื้อเรื่องเพราะทำได้แค่เดาความคิดตัวละครพวกนั้น แล้วพอคนอ่านรับรู้นิสัยตัวอื่นจากการเดาของตัวเอก ถ้ามึงสามารถเขียนให้คล้อยตามตัวเอกได้ก็รอดไป แต่ถ้าไม่ได้คนอ่านมันจะต่อต้าน ประมาณว่าใช่เหรอคนแบบนั้นมีจริงเหรอ มันจะทำแบบนั้นจริงเหรอ อะไรทำนองนี้ ถ้ายิ่งคนเขียนเป็นพวกโลกสวยแล้วดันไปเขียนแนวต้องใช้เหตุผลมากๆ กูรับประกันเลยว่าตายอนาถ(มาก)
ดังนั้นการเขียนมุมมองที่หนึ่งจึงเหมาะกับการเขียนเรื่องสั้นมากกว่า เพราะมันมีไม่มีกี่ฉากไม่กี่ตัวละคร แต่นั้นมันก็ยากไปคนละแบบกับนิยายเพราะเรื่องสั้นมึงต้องเฉียบคมมาก เพราะต้องเขียนให้คนอ่านรู้เรื่องแค่ไม่กี่ตัวอักษร จะเสียเวลาพรรณาฟองเบียร์กระฉอกจากแก้วที่กระทบกันไม่ได้
ถ้าให้แนะนำ ไม่แน่จริงอย่าเขียนนิยายด้วยมุมมองทีหนึ่งเลย เชื่อกู
กูโม่งฮู บุรุษ1 ดีๆ กูแนะนำ คนคืนชีพหนังสือ กูว่าดีเลยล่ะ
บุรุษที่หนึ่งคือ ชายแท้
บุรุษที่สองคือ ชายไบ
บุรุษที่สามคือ ชายที่สาม
ทำไมนิยายหมวดอดีตต้องนางเอกซูเทพทรูด้วยวะ แม่งกูจงใจเขียนประชดนางเอกไม่เก่งเทพ พ้อยต์เรื่องแบบนางเอกไม่โชว์เทพแน่นอน โฟกัสเรื่องอื่น ก็มีคนเม้นท์ว่าเมื่อไรนางเอกจะเทพ ว้อทททท
>>129 กูอ่านงานคนอื่นที่บรรยายผ่านมุมมองคาร์ไทป์ที่กูไม่ชอบ มันก็ทำให้กูรำคาญอยู่ดี หรืออาจเพราะกูยังไม่เจอฝีมือดีๆ ก็ได้ มึงพอจะมีนักเขียนคนไหน หรือเรื่องไหนแนะนำมั้ยฮู? เอาเป็นเรื่องที่บรรยายผ่านนางเอกประเภทใสๆ ขี้ตกใจ แบ๊วๆ แบบไม่รู้เชี่ยไรเลย แล้วต้องจับพลัดจับพลูมาดีลกับเรื่องสำคัญๆ เงี้ย คือกูอยากลองเขียนคาร์แบบนี้ไม่ให้น่ารำคาญ แต่สุดท้ายกูก็รำ เลยเป็นด่านที่กูเอาชนะไม่ได้สักที แล้วที่รุ่นพี่มึงบอกว่า "อย่าให้มันบ่นเยอะ" นี่เขามีขยายความบ้างมั้ยวะ ถ้าตัวเอกมันต้องคิดต้องวิเคราะห์อะไรสักอย่าง มันก็ปกติไม่ใช่เหรอถ้าจะมีบ่น โดยเฉพาะถ้ามันไม่ได้ฉลาดอะไรมาก? หรือต้องใช้วิธีให้คาร์โง่ๆ ไปเลยแล้วกระตุ้นให้ตัวละครแวดล้อมคิดแทน บ่นแทนอ่ะ?
>>130 นั่นสิ เป็นกูกูก็เบื่อ กูถึงอยากเอาชนะตัวเองให้เขียนคาร์หลายๆ แบบให้ได้เนี่ย
>>131 กูเห็นด้วยนะว่าการคุมไม่ให้ตัวเอกรู้ทุกอย่างยังกับพระเจ้านี่ยากอยู่ นิยายในเด็กดีหลายเรื่องที่กูอ่าน พอเจอว่าตัวเอกแม่มรู้เห็นทุกอย่างเช่นอิเรื่องฟองเบียร์แตกนั่น กูก็ปิดเลย แต่โดยส่วนตัวแล้วกูยังไม่เคยเจอปัญหานี้ เพื่อนกับนักอ่านกูบอกว่ากูคุมได้โอเคอยู่
>>134 กูรอมึงอยู่เลยอารี เพราะจำได้ว่ามึงไม่ชอบบรรยายบุคคลที่หนึ่ง 55555 ที่มึงพูดมานั้นกูเห็นด้วย เพราะเขียนด้วยบุคคลที่หนึ่ง มันก็เหมือนตัวเอกเป็นจุดศูนย์กลางของทุกอย่าง คนอื่นเลยกลายเป็นแค่ดาวที่โคจรอยู่รอบๆ กูไม่ชอบให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ก็เลยพยายามให้ตัวละครอื่นแสดงออกทางสีหน้าแววตา แล้วให้ตัวเอกเดาความคิดคนอื่นบ่อยๆ ตามที่มึงยกมานั่นละ
ส่วนเรื่องโยกมุมมองไปให้พระเอกหรือตัวละครอื่นบรรยายบ้างนั่นกูไม่ค่อยใช้ เพราะหลายคนแนะนำมาว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่าสลับมุมมองจะดีกว่า แล้วก็ที่มึงบอกว่าบุคคลหนึ่งทำให้ self - insert ง่าย กูก็เห็นด้วยเช่นกัน ที่กูเลือกเขียนมุมมองแบบนี้ก็เพราะอยากให้คนอ่านรู้สึกอินเหมือนตัวเองเป็นตัวเอกนั่นละ ใช้ภาษาไม่ต้องซับซ้อนมากแบบที่มึงบอกด้วย
สุดท้ายเรื่องคาร์ซ้ำ ถึงมันจะเป็นไปไม่ได้ที่กูจะมีชื่อเสียงขนาดนั้น แต่กูไม่อยากให้ตัวเองเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเขียนคาร์เป็นแค่แบบเดียวอยู่ดี เลยต้องมาถามพวกมึงนี่แหละ ขอบใจมาก (มึงทำให้กูอยากกลับไปฝึกเขียนมุมมองบุคคลที่สามเลยว่ะ มาสายบุคคลที่หนึ่งจนชักจะเขียนบุคคลสามไม่เป็นละ)
โม่งเฮ
>>138 หวัดดีโม่งเรื่องสั้น กูเป็นคนที่เขียนเรื่องสั้นโคตรไม่ได้ความเลย...ไม่เคยเขียนสำเร็จเลย เฉียบไม่พอ เห็นด้วยว่าการจะดันให้ถึงตอนจบเรื่องนั้นยากมาก กูก็ตันเป็นพักๆ เหมือนกันเพราะบางครั้งก็คิดไม่ออกว่าจะให้ตัวเอกมันรู้เรื่องนี้ได้ยังไงฟระ T v T กูเลยใช้วิธีสร้างตัวละครแวดล้อมที่ค่อนข้างจะเอื้อให้ตัวเอกสามารถรู้เรื่องนั้นๆ ได้เอาน่ะ(จนบางครั้งก็ไม่รู้ว่ามันช่วยตัวเอกมากไปเปล่า พยายามระวังอยู่) แล้วก็ที่มึงบอกว่าถ้าไม่แน่จริงอย่าเขียนมุมมองบุคคลที่หนึ่งดีกว่า...อันนี้กูแน่ใจว่าฝีมือกูอ่ะไม่แน่จริง แต่กูแค่อยากฝึกดูน่ะ ไม่อยากให้อะไรที่ตัวเองทำได้ไม่ดี ก็ไม่ดีอยู่แบบนั้น ถ้าพัฒนาได้ก็อยากพัฒนา T v T (แต่ตอนนี้กลายเป็นว่ากูจะเขียนบรรยายบุคคลที่สามไม่ได้แล้ว แป่ว)
ปล. กูก็อยากเอาชนะความกากในการเขียนเรื่องสั้นของกูเหมือนกัน มึงทิ้งเคล็ดลับไว้ก็ได้นะ เผื่อกูเอาไปลองปรับใช้ดู
ปล2. มุมมองบุคคลที่สองแบบเชอร์ล็อคโฮล์มส์นั่นกูก็สนใจเหมือนกัน แต่เอาจริงๆ กูว่าเขียนยากที่สุดในบรรดาการบรรยายทั้งหมดเลย
โม่งเฮ
>>145 ไม่สับแล้วกัน เอาเป็นขอพูดถึงในแง่รวมๆ ลักษณะการเขียนของคนเขียนโอเคเลย ดูราบเรียบ เหมาะกับนิยายที่มีนางเอกประมาณนี้ แต่กูรู้สึกถึงความย้อนแย้งหลายจุด ไม่ชอบความไม่สมเหตุสมผลบางอย่างของเนื้อเรื่อง ที่เอาเรื่องนางเอกฝึกธรรมเป็นคำอธิบายไปหมดทุกเรื่อง
เช่น นางเอกดูฝึกธรรมปีเดียวก็บรรลุ ประหนึ่งว่าเป็นแม่ชีบวชเรียนมานาน ทำตัวบริสุทธิ์แต่แดกดันน้องห้า ตาทิพย์คืออะไร จู่ๆก็โผล่มา พ่อไม่ปกป้องลูก พอลูกเรียกร้องจะเรียนก็ตามใจ ตกลงอะไรยังไง นางเอกตัดกิเลสแล้วแต่ร้องไห้พอคิดถึงซิง มันตัดตรงไหนวะ แล้วการเป็นนักเขียนนิยายมีจินตนาการกับการฝึกธรรมที่อยู่กับความเป็นจริงมันตรงข้ามกันมะ พอฝึกธรรมแล้วสกิลนักเขียนจิตนาการยังบรรเจิดอีก มันค่อนข้างจะขัดกันในความรู้สึกกูนะ แล้วเหมือนเขาพยายามยัดเยียดให้นางเอกบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นสีขาว ทั้งที่จริงๆ ก็ยังมีกิเลส กูอ่านแล้วก็ติไป กระอักกระอ่วน เลยเหมือนอกหัก ไม่ค่อยถูกใจว่ะ
กูอ่านนิยายหมวดอดีตอยู่หลายเรื่อง พวกนี้เป็นนิยายที่กูอ่านแล้วปวดเฮด สงสัยว่าคนอ่านเยอะได้ยังไง เขาคิดอะไรกันอยู่ อยากแชร์ อีผี ใครอยากปวดกะโหลกก็อ่านดู กูไม่ได้สับ กูรีวิวความเกลียด
เหมยฮวา ธิดาหมื่นพิษ https://writer.dek-d.com/deviltotime/story/view.php?id=1513386
เกลียดความเชยแบบเหี้ยๆ ที่เขียนไปจู่ๆ ก็มีแบบ (ฉลาดจังนะ//ไรท์) เกลียดเนื้อเรื่อง เกลียดความไม่สมเหตุสมผล เกลียดที่ขอพรจากพระเจ้าให้มีความทรงจำ ให้มีพลังเหนือกว่าทุกคน ให้ฉลาดที่สุดในโลก แล้วพระเจ้าเสือกให้ เกลียดที่ไม่เขียนบรรยายเหี้ยอะไรเลย เกลียดที่บางตอนสั้นขนาดไม่ต้องสไลด์เม้าส์... เอาคะแนนไปเลยแปดผีเต็มสิบ
หงเยว่เฟยซิง ยอดสนมแห่งวังหลัง https://writer.dek-d.com/tanzanaza/story/viewlongc.php?id=1509967
เกลียดการเขียนที่อยู่ๆ ก็แทรกตัวเอนเป็นความคิดเข้ามา เกลียดการใช้เครื่องหมายคำพูดผิดๆ เกลียดนะค่ะ! เกลียดที่เขียนๆ ไปก็มี what the! very sad แทรกมา เกลียดนางเอกที่เป็นคณิกาแต่เสือกชื่อสี่พยางค์ ให้แปดผี
จอมนางเคียงบัลลัง https://writer.dek-d.com/daraga01/story/view.php?id=1520934
เกลียดที่สะกดว่าบัลลัง เกลียด O_O ที่เยอะกว่านิยายแจ่มใส เกลียดถามความเห็นฉันก่อนไหมค่ะ เกลียดพาไปด้วยได้ไหมเจ้าค่ะ เกลียด 5555 ในเรื่อง เกลียดความบ้าผู้ชายที่บ้าอยู่นั่น เกลียดกรี๊ดๆ คนนี้หล่อจัง คนนั้นหล่อดี เกลียดเครื่องหมายคำพูดที่เดี๋ยวใช้ถูกเดี๋ยวใช้ผิด สับสนเหรอ เอาไปเก้าผี ผีผีผีผีผีผีผีผีผี
อลหม่านป่วนใต้พิภพอลเวง https://writer.dek-d.com/garnet-t/story/view.php?id=1500102
นิยายในตำนานโม่งมั้ยล่ะมึง เกลียดปิรันย่า เกลียดพ่อมัน เกลียดแม่มัน เกลียด... ให้เก้าผีเหมือนกัน
เอาแค่นี้ก่อน เจออีกจะมาบ่นใหม่
กูโม่งฮูนะ อีกราวๆ สามสี่วันมั้ง จะส่งนิยายลงหมวดอดีต ปัจจุบัน สักเรื่อง พวกมึงให้กำลังใจกูหน่อย
โม่ง(นก)ฮู(ก)
โม่งตระกูล ฮ นี่โผล่กันตรึมเลยนะ กูเปลี่ยนจากฮิเป็นห๊ะ ได้มั้ย
กูโม่งเซฮุน
กลับไปเรื่องมุมมองบุคคลที่ 1 นิดนึงนะ
ถ้าใช้สลับกับบุคคลอื่นละ กูกะเขียนให้พระเอกการกระทำ (ภายนอก) กับความคิด (ภายใน) สวนทางกัน การบรรยายบุคคลที่ 2 - 3 จะมองพระเอกว่าดีไปหมด เป็นเทพเจ้ามาจุติ แต่บุคคลที่ 1 หรือก็คือพระเอกจะมีแต่ความคิดโฉดชั่วเลวทรามตลอดเวลา และเจ้าตัวก็รู้ดีด้วย เลยแสดงออกแบบนี้
แล้วกูกะจะวางทริคไว้ด้วย ถ้าเป็นบุคคลที่ 1 พระเอกจะบรรยายอย่างตรงไปตรงมา แน่นอนว่าพระเอกจะคิดให้ตัวเองดูดี "ชอบธรรม" เสมอ แต่บุคคลที่ 3 จะมองพระเอกอีกแบบ ชี้นำชัดเจนว่าพระเอกเป็นนคนดี ทำเพื่่อคนส่วนใหญ่ สิ่งนี้ดีแล้ว ถ้าไม่อ่านบุคคลที่ 1 ก็แทบจะไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่พระเอกทำมันเหี้ยแค่ไหน ส่วนบุคคลที่ 2 ก็จะคิดกันไปคนละแบบว่าพระเอกเป็นคนยังไง เพราะเคยเห็นโฉมหน้าของพระเอกต่างกันนะ
กูคิดว่าจะใช้บุคคลที่ 1 แค่ตอนให้พระเอกบรรยายแผนเหี้ยๆ ในหัวตอนที่อย่างจบแล้วหรือใกล้จบ เพื่อให้คนอ่านรู้ว่าที่ผ่านมามันดักควายยังไง ตอนนี้ทดลองเขียนแล้ว กูพบว่าที่ยากที่สุดคือการแบ่งแยกว่าเป็นมุมมองบุคคลไหนให้แน่ชัดวะ แล้วต้องปรับสำนวนไปมาอีก ค่อนข้างเหนื่อยแต่คิดว่าน่าจะรอด มั้งนะ
เห เห็นแยกบุคคลที่1,2,3 ช่วยแยกให้โม่งตาดำๆ ฟังหน่อย(หมายถึงข้อดีข้อเสียไง เพราะโม่งหลายคนบอกไม่เข้าท่า)
แล้ว MSO นี้ใช้แบบไหนอ่า
มีน้องอยากจะปรึกษาชีวิตหน่อย ไหนๆมีคนตกม้าตายไม่กี่ตอนแรก ช่วยทำวินิฉัยให้น้องทีว่าเป็นเพราะอะไรกัน
https://www.dek-d.com/board/view/3692930/
นี่นิยายเรื่องแรกของน้อง
https://my.dek-d.com/Teenladyboy/writer/view.php?id=1528257
>>165
1. เกลียดอักษรสีชมพู ชมพูเข้ม ฟ้า แล้วป้ายขาว เกลียดที่มันไม่เป็นมิตรต่อสายตา
2. เกลียดการเขียน เกลียดการเรียบเรียง เกลียดการบรรยาย เกลียดการดำเนินเรื่อง เกลียดที่เขียนยาวเป็นพรืดแล้วไม่รู้ว่าเนื้อความคือตรงไหนกันแน่
3. เกลียดลักษณะการเขียนที่ไม่ใช่นิยาย นึกว่าหัดเขียนบทละคร
4. เกลียดการจู่ๆก็บอกว่าตัวละครนี้ขาว ปากแดง ดัดฟัน น่ารัก
5. เกลียดการใช้เครื่องหมายผิดๆ วงเล็บที่ไม่รู้จะใส่มาทำไม
สรุปคือห่วย ไม่มีวันที่กูจะอ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะซิส ไม่มีวันที่กูจะทนได้ถ้ามึงยังเขียนแบบนี้ อ่านไปก็งง ไม่เข้าใจ มันไม่ใช่นิยายด้วยซ้ำ ไปอ่านมาเยอะๆ จะได้รู่ว่าเขาเขียนกันยังไง
ใครบอกทางให้มันมาโม่งว่ะ ใครเอามู้นี้ไปปล่อย เด็กจัดขนาดนี้ไม่น่าโผล่ดาร์กเวิลด์มาได้ด้วยตนเอง
Haters gonna hate
>>164 สั้นๆ บุคคลที่หนึ่งคือการเล่าเรื่องของตัวละครผ่านมุมมองของตัวมันเอง เช่น 'เสียงไก่ขันปลุกให้ข้าตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ หนอยแน่เจ้าไก่บ้า ไม่รู้หรือยังไงว่าเมื่อคืนข้าแทบไม่ได้นอน ประเดี๋ยวพ่อจับต้มให้หมดเล้าเสียเลยนี่'
ข้อดี: คนอ่านอินกับตัวละครง่าย ข้อเสีย: การอธิบายถึงสิ่งไกลตัวทำได้ยาก เพราะมองผ่านมุมมองของตัวเอก ถ้าตัวเอกไม่รู้เรื่องอะไร ก็จะอธิบายออกมาไม่ได้เลย เช่น เหตุการณ์กลางสนามรบ ตัวเอกก็จะรับรู้แค่การต่อสู้ตรงหน้า ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าสถานการณ์จริงๆมันเป็นยังไง
บุรุษที่สอง อันนี้ถ้าเคยอ่านเชอร์ล็อคโฮล์มจะเข้าใจดี เป็นการบรรยายตัวละครเอกโดยตัวละครอื่นอีกคน เช่น 'จูเลียนเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์กรอบเช้า เมื่อเห็นข้าพเจ้าเขาก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี "อรุณสวัสดิ์จอร์จ" เพื่อนสนิทของข้าพเจ้ากล่าวทักทาย "เมื่อคืนนี้มีสุภาพบุรุษจากคิวบาคนหนึ่งมาหากัน เขาทิ้งซิการ์อย่างดีกล่องหนึ่งไว้นั่นแน่ะ แกลองชมดูซี" '
ข้อดีข้อเสียไม่พูดถึงแล้วกัน ไม่ค่อยแน่ใจ และปกติก็ไม่เห็นคนนิยมเขียนแนวนี้เท่าไหร่นะ
ส่วนบุรุษที่สามก็ที่เห็นกันบ่อยๆ บรรยายฉาก บรรยายลมฟ้าอากาศด้วยมุมมองของพระเจ้า 'เสียงกระดิ่งยามต้องลมปลุกหญิงสาวให้ตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา เธอจ้องมองเพดานที่ถูกแสงตะวันอาบจนเปลี่ยนเป็นสีส้ม ในใจยังคำนึงถึงชายหนุ่มที่เธอพบพานในความฝัน'
ชาย2 เหมาะสำหรับแนวนักสืบที่สุดและล่ะ เอาไว้อธิบายสถานการณ์ที่เกิดเหตุ คาดเดาการกะทำซูๆ ของตัวเอก ถ้าเป็นการ์ตูนก็เหมือนมุมมองตัวพระรองที่คอยตามพระเอกดูโชว์เทพไปเรื่อยๆ
พูดถึงบุรุษที่สอง กูนึกถึงเรื่องที่ใช้บุรุษที่สองที่เคยอ่านครั้งแรก เรื่อง The Great Gatsby (ชื่อไทย:รักเธอสุดที่รัก)
บุรุษที่สาม นี้ถ้าละเอียดมากเกินไปก็ไม่ดี(อาทิ ฟองเบียร์) ไม่ละเอียดก็ห้วนไปอีก(กูเป็นประเภทนี้แหละ เขียนให้มันพอดีไม่ได้ ห่วย)
>>132 อยากบอกว่าอกหักเหมือนกันสำหรับเรื่องนี้ อยากจะขอสับ 淑慈 ซูฉี สาวงามสีขาว https://writer.dek-d.com/jnanalin/story/view.php?id=1518923
อย่างแรกเลยคือนิยายเรื่องนี้เปิดเรื่องได้มาน่าสนใจตรงที่คาแร็กเตอร์ของนางที่สวนกระแสกับนิยายจีนที่ลงกันอยู่ในเด็กดีตอนนี้ที่จะเป็นประเภทแบบว่าใครร้ายมาฉันร้ายตอบ มึงทำกูๆจะเอาคืนมึงสิบเท่า มีคำโปรยที่บอกว่า"และนั้นก็คือเรื่องราวของซูฉี ผู้มีใบหน้าอัปลักษณ์ แต่จิตใจกลับงดงามยิ่งนัก" แล้วในบทแรกๆที่นางตื่นขึ้นมาในร่างของคุณหนูสี่ ก็มีคนมาว่านางร้ายใส่นางก็ดูแบบว่ามีเหตุผลเป็นคนดี(แต่เหมือนบ่นอยู่ในใจคนเดียวมากกว่าเวลาคนแต่งพยายามทำให้นางเป็นดีคิดอย่างมีเหตุมีผล)แต่กลับมีเหตุพลิกผันตรงช่วงที่นางตกหน้าผาไปตรงช่วงนี้เหมือนคนแต่งจะเริ่มคุมคาแร็กเตอร์ของนางไว้ไม่ได้ตามมาตราฐานตอนแรก เพราะตามที่เราเข้าใจในตอนแรกคือนางเอกเป็นคนดีจิตใจงดงามมีเหตุผลอะไรประมาณนั้นแต่ช่วงนี้เหมือนมันเริ่มหลุดๆไปนิสัยดูเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นข้างตีนนิดหน่อยดูไม่สงบแบบตอนแรกเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ดูงี่เง่า สำหรับการบรรยายเราคิดว่าลื่นไหลพอใช้ได้และมีการหาข้อมูลมาสำหรับบางส่วนแต่จะชอบติดตรงที่ว่าคิดจะให้ผ่านไป 2 ปีก็ผ่านไปสะงั้น อ่าวอิห่าอยู่ดีๆผ่านไปอีกช่วงอีกแล้ว อ้าวมึงสวยแล้วหรอตอนไหนว่ะแล้วช่วงเวลาตัดผ่านเราคิดว่ามันไม่ดูไม่ลื่นพอกูอยากไปกูก็ไป ตอนนี้เนื้อเรื่องยังไม่ดำเนินไปไหนไกลแต่คิดว่าอีกไม่นานคงออกทะเลเป็นแน่แท้ (......./10)
ขอมาสับนิยายที่กูดองเอาไว้ ยุทธการครองรัก (猫头鹰) https://writer.dek-d.com/pingypop/story/view.php?id=1424658
เรื่องนี้ต้องขอโทาอย่างหนึ่งคือกุยังไม่ได้อ่านแบบรูปเล่มเต็มๆจะขอพูดถึงเท่าที่นักเขียนลงในเว็บ
เรื่องนี้จะเกี่ยวกับการทำสงครามมีการปูเรื่องมีปมหลังมาอย่างดี แต่จะมีการยืดเยื้อในช่วงแรกๆเพื่ออธิบายถึงตัวละครที่เกี่ยวข้องกับนางเอกก่อนที่จะหนีมาและปูมหลังของนางเอก เท่าที่อ่านมานางเอกกับพระเอกก็ยังไม่ได้โชว์กึ๋นในด้านการรบอะไรมากนัก แต่จะมีฉากหนึ่งที่นางไปช่วยเมืองอะไรสักอย่างนี้แหละทำอุบายศึกเพราะเจ้าเมืองเสือกโง่ไม่รู้ว่าจะทำให้กลไกที่ปกป้องเมืองทำงานยังไงเเราว่าตรงนี้ถึงจะเป็นฉากสั้นๆไม่ถึงพริงถึงขิงแต่ก็ทำได้ดีอยู่ จากนั้นนางเอกก็ยืดเยื้ออยูในจวนพระเอกไปไม่รูว่าเมื่อจะออกสนานรบแบบจริงๆจังๆสักที
>>175 นายๆ ผมนกฮูกเอง ช่วยสับนิยายจีนเราได้ไหม แต่มีแค่สามตอนนะครับ ผมกำลังพยายาม
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1529795
หรือน้อยไปไหมครับ รบกวนด้วยนะครับ
ต่ออีกเรื่องวันนี้มีอารมณ์ ฝนโลหิตคาววายุ ร่วมรื่นรมย์ชั่วคราว https://writer.dek-d.com/satancrow/story/view.php?id=1434938
สำหรับเรื่องนี้มาเปิดอ่านแบบไม่ได้คาดหวังอะไรนักอ่านไปตอนบทแรกๆก็ไม่ได้อะไรมาก นางเอกความจำเสื่อมแล้วพระมาเจอก็สนใจนางเอกคิดจะเก็บเอาไว้ใช้งานเลยวางยาพิษนางเอกตอนดำเนินเรื่องแรกๆก็เหมือนไม่มีอะไรอยู่ไปวันๆโดนพระเอกจิกหัวใช้งานทั่วไปแต่พอยิ่งมันกลับมีอะไรที่มากกว่านั้นนักเขียนวางปมวางเหตุผลได้ดีพอสมควร คือเป็นพระเอกที่เหี้ยจริงๆวางแผนหลอกใช้นางเอกได้อย่างคุ้มค่ามากมายนางเอกก็รู้เต็มอกละว่าเค้าหลอกใช้แต่ก็คิดว่าต่างคนต่างมีผลประโยชน์ มีฉากหนึ่งที่เราชอบมากกกกตอนที่นางเอกโดนจับตัวไปทรมานอิห่าคือแม่งโดนทรมานจริงแบบโรคจิตมากด้วยโดนถอดเล็บ ไฟจี้ ซ้อมสารพัด สุดท้ายโดนแล่เนื้ออกมาทั้งที่ยังรู้สึกอยู่แล้วก็โดนจับแก้ผ้าให้คนอื่นมารุมดู ห่านี้นางใช่นางเอกไหมว่ะแล้วพระเอกกูละสุดท้ายพระเอกมาช่วยตอนนางเอกฆ่าไปจะหมดพรรคไม่พอพระเอกยังให้นางรออยู่ที่ห้องทรมานเพื่อให้คนอื่นตามมาเห็นว่าพรรคนี้แหละที่จับนางเอกมาเพื่อเป็นข้ออ้างในการจำกัดทิ้งซะใช้งานจนคุ้มค่าจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ แล้วนางเอกเวลาที่บาดเจ็บจนใกล้ถึงชีวิตจะโดนจิตมารคอบงำนักเขียนบรรยายออกมาโรคจิตดีมากเลยนางเอกจะกลายเป็นพวกชอบความเจ็บปวดและปูมหลังของนางเอกที่น่าติดตาม แต่ในเรื่องความรักเราว่ามันยังดูสับสนวุ่นวายอยู่มากทั้งการให้เหตุผลที่ทำไมพระเอกเป็นคนอย่างนี้อยู่ๆจะมารักนางเอกง่ายๆเลยใช่หรอมันยังดูเข้าไม่ถึงพอ
>>177 แต่ลองไปอ่านดูมาอาจจะไม่ได้เขียนอะไรมากนะ ไม่รูว่าจะเขียนเอาฮาอย่างเดียวหรือเปล่าแต่ว่าถ้าจะเขียนเรื่องในวังต้องหาข้อมูลให้มากกว่านี้ทั้งตำแหล่งชื่อเรียกแล้วก็การแทนตัวเอง และก็การปฏิบัติตัวซึ่งในมุกเราว่ามันไม่เหมาะกับแนวจีนเลยอะ "นางชื่อจริงๆ ว่าจิงๆ" มันเหมือนนิยายเด็กน้อยเขียนอะ
ถามหน่อย มี่ยังเล่นโม่งอยู่ไหมวะ?
https://writer.dek-d.com/bi26678/story/view.php?id=1530390
ไอเดียดี แต่กูสยองว่าจะมีดราม่าอย่างทศกัณฑ์หยอดขนมครก
มีนิยายไหนสู้กันมันส์ๆให้กุอ่านะปะวะ
ช่วงนี้เห็นเพจแนะนำนิยายเด็กดีหลายเพจ เลยคิดว่าน่าจะไปสร้างเพจของตัวเองสักเพจนึง แล้วก็ไปสรรหานิยายแปลกๆ ในเว็บมาแปะ พร้อมการรีวิวสั้นๆ พวกมึงว่าจะโอไหม
จากนั้นถ้าเพจเกิดดัง มีคนไลค์สักหลักพันขึ้น อาจเปิดขายโฆษณา รีวิวในแง่บวกแลกทรูมันนี่ ฮรี่ๆๆๆ
ดีปะวะ
ห้องนี้เป็นกระแสพราะโม่งคนหนึ่งลากนิยายของพริมณารามาสับ(ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าโม่งคนนั้นเป็นใคร) จากนั้นโม่งอารีที่มีสกิลไม่แพ้โม่งคนแรกก็ถือกำเนิด ตามมาด้วยโม่งฮิและโม่งเฮ น้องใหม่สุดน่าจะเป็นโม่งฮู และกูโม่งเรื่องสั้นแวะมาเป็นครั้งคราว โดยส่วนตัวกูอยากให้โม่งทั้งหลายคงความขลังของห้องนี้ไว้ พวกมึงทำมาดีมากแล้ว กูอยากให้ทำแบบนี้ต่อไป
ลองวิจารณ์นิยายโม่งบ้างสิโม่ง กูว่ามันก็เขียนดีนะถึงเรื่องจะดูมั่วๆไปหน่อย+ไม่ค่อยมีใครอัพ
พล็อตนี้ให้ผ่านม่ะ
https://www.dek-d.com/board/view/3693334/
พวกมึงรู้ยัง นิยายของพริมณาราผ่านสนพ.แล้วว่ะ...
กุขอนิยายไปลืมหมดล่ะมั้ง 5555555
รสต
อาา..เราสนใจแนวเรื่องแบบนี้อา อาทิ เอาตัวละครในชีวิตจริงมาใส่ในโลกนิยายที่แต่งขึ้น(ไม่ใช่ทะลุนะเออ)เอง หรือมโนนั้นแลหะ ไม่รู้จะมีรึเปล่า อาจน่าเบื่อก็ได้ แต่คงไม่มีมั้ง^^
เห็นพิราบเปลี่ยนชื่อนิยายแฮกเกอร์ให้เข้ากับธีมเรื่องแล้ว แหม ส่องโม่งสินะ จะว่าไปมีนักเขียนกี่รายแล้ววะที่แอบส่องโม่งสับนิยายตัวเอง
>>213 การสับของโม่งเป็นสไตล์เฉพาะตัว แต่เป็นประโยชน์สำหรับคนอ่านและคนเขียน ถ้าใครอยากเขียนนิยายเก่ง ตอกเสาเข็มยึดห้องนี้ไว้เลย กูขอบอก มึงจะได้อะไรจากห้องนี้เยอะมาก เฮ้ย พวกโม่งสับทั้งหลายพวกมึงต้องยึดมาตรฐานเอาไว้ให้ได้นะเว้ย สิ่งสำคัญที่เป็นมาแต่แรก คือ ห้ามลำเอียง
นี่โม่งอารีนะ
มีใครจะเอานิยายมาให้วิจารณ์ไหม จริงๆช่วงนี้ก็ไม่ค่อยว่างหรอก แต่อยากหาอะไรอ่านบ้างนิดหน่อย ลองส่งๆมาดู ไม่เอาแนวรักแจ่มใส ไม่เอาสืบสวนสยองขวัญ ไม่เอากำลังภายใน ขอแบบไม่ยาวมากนะ เข็ดแล้วกับการเปิดรับนิยายยาวๆ สูบพลังฉิบหายเลยแม่ง
ถ้ามีคอมเมนต์น้อยๆจะดีมากเลยนะ แต่ขอให้เรื่องที่ส่งมามันพอดูได้หน่อยแล้วกัน ไม่งั้นก็คงไม่รู้จักวิจารณ์อะไร
สำหรับกูรสิตาแม่งเป็นสนพ.คุณภาพต่ำมาก เห็นนิยายที่ผ่านการพิจารณาแต่ละเรื่องแล้วแบบกลอกมองบน อีนาทีย่างี้ นิยายอีหนูพริมนี้ แต่ละเรื่องนี้แบบ ให้กูอ่านออนไลน์ฟรีๆแม่งยังเสียดายเวลาเลยข่า คงคิดแต่แบบนิยายแฟนคลับเยอะก็ขายได้แล้ว งี้หรา
>>220 มึงไม่รู้จักนาทีย่าเหรอ นิยายข้ามมิติเลื่องชื่อในโม่งพอๆกับฟองเบียร์ นางเอกเป็นแม่มดที่ข้ามไปจีนโบราณ อยากให้มึงลองสัมผัส ไปอ่านดูนะคะ <3
https://writer.dek-d.com/sunsy/writer/view.php?id=1432394
ขอถามเปิดประเด็นเรื่องการโปรโมท/ฝากนิยายในบอร์ดเด็กดีหน่อย
- การฝากแบบนี้จะทำให้มีคนมาอ่านจริงหรือ เพิ่มยอดวิว/ผู้ติดตาม/ความคิดเห็นได้จริงหรือไม่
- ถ้านิยายมีคนอ่านในระดับหนึ่ง ยอดวิวหลายพัน ยอดความคิดเห็นเป็นร้อย ยอดผู้ติดตามหลายร้อย ควรจะนำไปฝากอีกหรือไม่ ในเมื่อนิยายก็ดังอยู่แล้ว หรือนิยายดังก็ฝากได้
- การเอานิยายไปฝากถือเป็นการลดศักดิ์ศรีของผู้เขียนหรือไม่ เพราะในโม่งเองก็มีคำพูดที่ว่านิยายที่ดีจริงไม่ต้องไปฝากก็มีคนมาอ่าน
>>224 ดูกระทู้เสือขาวสิจ้ะได้พิมพ์จากที่โปรโมทบ่อยๆรีบไปโฆษณากันเถอะพวกมึง https://www.dek-d.com/board/view/3693903/
¡ɥʇnɹʇ ɟo plıɥɔ ǝɥʇ ɯ,ı ǝɯ uıʍ ɹǝʌǝu llıʍ noʎ
พิมพ์แล้วขายได้หรอวะ
เห็นด้านบนสงสัยว่า ทำไมช่วงหลังๆที่วิจารณ์นิยายมาถึงมีแต่อวย อันนี้ก็ตอบแทนคนอื่นให้ไม่ได้นะ แต่สำหรับกู การอวยนั้นเป็นปณิธานเริ่มแรกของกูอยู่แล้ว ถึงได้เรียกตัวเองว่าโม่งอารีไง
อาชีพที่กูคิดว่าหากินง่ายที่สุดอาชีพหนึ่งคืออาชีพนักวิจารณ์ โดยส่วนตัวที่ทั้งตอนเรียนมหาลัยก็อยู่คณะที่มีการถูกวิจารณ์งานค่อนข้างบ่อย (ทั้งจากตัวอาจารย์เอง และผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกที่อาจารย์เชิญมา) รวมไปถึงตอนที่เรียนจบ ก็ได้มีโอกาสทำงานในสายงานที่ต้องวิจารณ์ผลงานคนอื่นอยู่บ่อยๆ ทำให้เห็นได้ว่า ไอ้การที่จะมานั่งติ นั่งด่างานของคนอื่นนี่มันง่ายมาก คืออะไรที่กูไม่ถูกใจกูหยิบเอามาด่าได้หมดอะ ยิ่งเมื่องานมันเป็นศิลปะด้วยแล้วนักวิจารณ์แม่งจะพูดอะไรก็ได้ เมื่อกี้เพิ่งด่างานชิ้นนี้ไป งานอีกชิ้นยึดคอนเซปต์เดียวกันกูก็หาเรื่องมาชมได้ถ้ากูพอใจ
อันนี้ไม่ได้จะด่าใคร แต่จะบอกว่าการด่ามันง่ายๆจริงๆ ให้มึงยกนิยายชั้นครูเรื่องไหนขึ้นมาก็ได้แล้วให้กูด่า กูก็ขุดหาความผิดพลาดของแม่งขึ้นมาได้หมดละ ยิ่งบวกอคติเข้าไปอีกด้วยยิ่งมันส์ ไอ้นี่ก็กาก ไอ้นั่นก็ไม่สมจริง ตรงนี้มันจะเป็นไปได้เหรอ อันนี้อ้างอิงจากไหน มองสภาพสังคมในยุคนั้นด้วยสายตาของคนยุคนี้รึเปล่า บลาๆ
เพราะอย่างนั้นกูถึงเลือกที่จะมาทำสิ่งที่ยากกว่าคือการชม สำหรับกู ตราบเท่าที่นักเขียนมันยังมีความสามารถพอที่จะบรรยายสิ่งที่อยู่ในหัวของมันออกมาให้เข้าใจได้ในภาษาคน กูก็เชื่อว่ามันจะต้องมีอะไรดีๆที่ติดอยู่ในกระแสความคิดนั้น หากคำชมของกูมันจะสามารถสร้างกำลังใจ หรือช่วยดึงความคิดที่เป็นประกายบางอย่างในหัวของมันให้ชัดเจนขึ้นได้ กูก็รู้สึกดีใจและยินดี
เอาล่ะ ต่อไปจะเป็นการวิจารณ์นิยายเรื่องที่ขอมา
เรื่อง : Beyond Infinite | ปฏิวัติรัฐอำพราง
link : https://writer.dek-d.com/kitchensdelight/story/view.php?id=1488151
จำนวน : 8 ตอน
สถานะ : ยังไม่จบ
เอาล่ะ เรื่องมันเขียนด้วยมุมมองของบุคคลที่หนึ่ง โดยมีตัวเอกเป็นนักศึกษาชาย 2 คน สลับกันเด่นเป็นบทๆไป ชื่อพัชรกับอเล็กซ์ สองคนนี้เป็นเพื่อนรักกันอยู่ในโลกใบนี้ล่ะ หากแต่ช่วงเวลาของเรื่องนั้นเป็นยุคอนาคตที่มีทั้งรัฐบาลโลก รัฐบาลทวีป อะไรทำนองนั้น
ตัวละครเอกสองคนอยู่ในเมืองซิทาเดล ทวีปเอเชีย ฉากเปิดคือฉากในโบสถ์ใหญ่แห่งหนึ่งที่มีโป๊ปกำลังสวดมนต์ เทศนาธรรมอะไรไป ตัวเอกในบทนี้คือพัชร ไอ้ห่านี่เป็นพวกอ้อนตีน คือทำตัวสงบๆกับเขาไม่เป็น ก็ไม่สนใจฟังเทศน์ บ่นโน่นนี่ในใจ กูไม่เชื่อมึงโว้ยไอ้ศาสนาส้นตีนเหี้ยไรนี่ ที่กูมาฟังมึงพล่ามอยู่นี่เพราะโดนบังคับให้มา (เหมือนเป็นกิจกรรมมหาลัย ต้องสะสมชั่วโมงกิจกรรม) บลาๆ
ไอ้เหี้ยพชรก็เหม่อมอง ทำตัวกวนตีนทั้งๆที่คนอื่นเขาตั้งใจฟังเทศน์ จนผู้หญิงคนข้างหลังที่เป็นเพื่อนมันทนไม่ได้ ด่าแบบหยาบๆคายๆว่าอีสัส ทำไมมึงไม่ฟังที่โป๊ปพูดวะสัส มึงเป็นเหี้ยไรเนี่ย ไอ้พัชรก็ปากดี บอกไปว่ากูไม่เห็นสนเลยศาสนาเหี้ยไรนี่ กูงมงายในวิทยาศาสตร์โว้ย บลาๆ อีผู้หญิงนั่นก็โกรธมากเลยแจ้งเรื่องว่าไอ้พัชรแม่งเป็นภัยต่อความมั่นคง ทำให้การแสกนข้อมูลของไอ้พัชรมันขัดข้อง ต้องไปเข้าพบกองกิจฯ เพื่อแก้ไขปัญหา
ไอ้การแสกนข้อมูลนี่มันก็เหมือนๆกับนิยายวิทยาศาสตร์ทั่วไป ประมาณว่าพอโลกเราเจริญขึ้นก็มีการฝังชิพคนแบบหมาแมว พ่วงบัตรประชาชน ประกันชีวิต กระเป๋าตังเข้าไว้ด้วยกันหมดยังกะพร้อมเปย์ พอตัวเองแสกนข้อมูลไม่ได้ก็ง่อยแดก พอไปแจ้งเรื่อง เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องแม่งเห็นข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคง แถมไอ้เหี้ยพัชรยังปากดีด่าศาสนาต่ออีก ศาสนิกชนที่ดีอย่างเจ้าหน้าที่คนนั้นเลยรับไม่ได้ บอกมึงโดนแน่ กูแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางให้มาสอยดากมึงแล้ว
ไอ้พัชรก็วิ่งหนี จะขึ้นรถเมล์ก็ไม่ได้เพราะไม่มีตังจ่าย(ตัวแสกนโดนล็อกไง) เลยโทรศัพท์ไปหาเพื่อนของตัวเองที่ชื่ออเล็กซ์ แล้วก็ไปเจอกันที่สวนสาธารณะ ปรากฎว่าคนของรัฐบาลกลางก็มาตามจับตัวได้พอดี ไอ้พัชรแม่งสู้ อเล็กซ์เห็นเพื่อนเจ็บฉันก็เจ็บเหมือนกันเลยเข้าไปสู้ด้วย สรุปก็คือโดนช็อตไฟฟ้าคว่ำแดกฝุ่นทั้งคู่ แล้วก็ถูกจับไปโรงพยาบาล
ทีนี้บทมันก็จะเริ่มกระจาย ประมาณว่าบทนึงจะเล่าในมุมมองของอเล็กซ์ อีกบทเล่ามุมมองของพัชร แต่ให้กูเล่ารวมๆก็คือ ไอ้พัชรโดนจับขึง กำลังจะใช้เครื่องล้างสมองให้รักศาสนา แต่เสือกหนีออกจากโรงบาลนั่นมาได้(แบบง่ายเกินไปสัสๆ บ้าไปแล้ววว) ก็หนีการตามล่าของรัฐบาลกลางไปเรื่อยๆ ทำเหี้ยไรก็ไม่ได้ ข้าวก็ไม่มีจะแดก(เพราะไม่มีเงิน) สุดท้ายขณะที่กำลังจะจนตรอกก็มีฮีโร่เข้ามาช่วยไว้ เป็นกลุ่มคนของตัวละครใหม่ชื่อ ดร.ธนา ถึงเรื่องจะยังไม่ได้บอกอะไรมากแต่ก็เดาได้ว่าแม่งก็ต้องมีขึ้นเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลกลางและศาสนาส้นตีนไรนั่นเนี่ยล่ะ
ส่วนด้านของอเล็กซ์นี่แม่งก็โคตรพระเอก คือมันโดนจับล้างสมองไปแล้ว แต่เครื่องล้างสมองทำอะไรมันไม่ได้ พวกนักวิทย์ฯ เลยลงความเห็นกันว่ามันเป็นพวกที่เรียกว่า "วิสดอม" ก็คือต้านทานพลังล้างสมองนั่นล่ะ ไอ้อเล็กซ์ก็ถูกพาไปหานักวิทย์สาวสวยคนนึงชื่อ ดร.ลินดา แม่งก็ถูกบังคับให้เข้าร่วมการทดลองจับคลื่นสมองวิสดอม ถึงแม่งจะไม่เต็มใจแต่ก็ต้องทำ เพราะถูกขู่ว่าถ้ามึงตุกติกครอบครัวมึงได้ลาก่อยแน่
จบ 8 ตอน ต่อไปเป็นการให้คะแนน
ต่อจาก >>237 ให้คะแนนนิยายเรื่อง Beyond Infinite | ปฏิวัติรัฐอำพราง
คำผิด: พบบ้างประปราย แต่ก็พอที่จะให้อภัยได้ ส่วนมากเป็นการพิมพ์ตกหล่น เว้นวรรคผิดจุด ซึ่งก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก อันนี้ถือว่าดี ยอมรับได้ ให้ 8.5/10
การบรรยาย: ต้องบอกก่อนตามเคยว่ากูหักคะแนนในฐานะที่บรรยายบุคคลที่ 1 แน่ๆ และอันนี้จะหักคะแนนเพิ่มมากกว่าคนอื่นด้วย เนื่องจากมีเหตุผลหลายอย่างที่น่าตีมากๆ งงอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกบรรยายแบบบุคคลที่ 1
อันดับแรกต้องชมก่อนว่าเป็นการบรรยายที่ไหลลื่น กูอ่านได้ไม่ติดขัด มีการแยกความคิดของตัวละคร บทสนทนา และการบรรยายฉากได้ดี แต่ไอ้สัส มึงบรรยายด้วยบุคคลที่หนึ่งแบบนี้มันเดินเรื่องได้ปุบปับไปมาก อุตส่าห์สร้างโลกใหม่ที่มีกลิ่นอายดิสโทเปียจางๆ จากการที่ศาสนาเข้ามาแทรกแซงรัฐ แต่เสือกไม่สามารถบรรยายบรรยากาศอื่นๆได้เลย เพราะเอาเรื่องของการบรรยายมาผูกติดอยู่กับตัวเอกที่เป็นบุคคลที่หนึ่ง คือเข้าใจมะ ทั้งเรื่องแม่งก็มีแต่ไอ้พัชรคิด ศาสนาส้นตีนเนี่ยแม่งคือไรวะ เหี้ยจริงๆ บลาๆ กูไม่เห็นอยากจะนับถือเลย แบบนี้มันต้องล้างสมองกันแน่ๆ ไอ้การบรรยายแบบนี้แม่งโคตรลดเสน่ห์ของการเป็นดิสโทเปียล้างสมองคนไปเลย คือแม่งไม่มีความหน่วง ไม่มีความมืดมนแบบ อันนี้มันคืออะไร เป็นแบบนี้จริงเหรอ เฮ้ย แบบนี้ไม่ได้ แบบนี้มันเกินไปแล้วนะ เหมือนมึงขีดเส้นให้เรื่องตั้งแต่แรกแล้วว่า ศาสนาห่านี่ = เลว ศาสนิก = ถูกล้างสมอง แทนที่จะบรรยายด้วยบุคคลที่สามให้เห็นถึงด้านต่างๆของศาสนา ทั้งมุมมองของคนที่นับถือ ให้เห็นว่าทำไมคนที่นับถือศาสนานี้ถึงได้เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ ไอ้ห่า ล้างสมองนี่ไม่ใช่ล้างส้วมนะ จะได้แค่เอาเป็ดโปรเทๆแล้วฉีดน้ำไล่ มันต้องมีกระบวนการคิดที่ซับซ้อนกว่านั่นสิ ให้ 7/10
ตัวละคร: ชื่อจำง่าย เป็นภาษาคน แต่มิติของมันแบนมากอย่างที่เล่าไป คือแทนที่ตัวละครที่คลั่งศาสนาจะได้มีมุมมองที่แบบเห็นว่า เอ๊ะ ไอ้พัชรแม่งลบหลู่ยังไง โกรธพัชรที่หมิ่นศาสนายังไง แม่งกลับบรรยายด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งผ่านสายตาของไอ้พัชรว่าอีกพวกศาสนิกนี่แม่งบ้า สติแตก โดนล้างสมองไปหมดแล้ว แถมอีกหน่อยคือไอ้พัชรนี่แม่งดูไม่ฉลาดเลย คือถ้าจะเขียนให้ตัวเอกดูโง่ๆ ปากเก่ง โผงผาง เน้นใช้กำลัง อันนี้สอบผ่านนะ แต่ถ้าจะฝังบุคลิกฉลาดให้มัน อันนี้ก็ต้องลดความปากของมันลงนิดนึง ควรรู้หน่อยว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด โง่ฉิบหายไปด่าศาสนาแม่งกับศาสนิกในวิหารใหญ่ของพวกมัน ให้ 6.5/10
เนื้อเรื่อง: สรุปรวมจากที่พูดๆมาอะ คือมันอ่อนเรื่องของมุมมองที่หลากหลายของตัวละครในโลก กลายเป็นฟันธงแล้วว่าไอ้ศาสนานั่นแม่งส้นตีนแน่นอน การเดินเรื่องที่ดูเร่งๆ แถมการผูกปมคลายปมยังดูไม่ค่อยสมูท อย่างเรื่องที่ไอ้พัชรมันด่าศาสนากลางวิหาร แล้วก็มาต่อด้วยการด่าศาสนาต่อหน้าศาสนิกอีกคนที่หมายหัวมันเอาไว้ คือถ้าจะให้ตัวเอกโดนจับก็ควรที่จะให้เรื่องมันยากกว่านี้สักหน่อย แถมเรื่องที่หนีออกจากโรงบาลนี่ยิ่งไม่เมคเซนส์เข้าไปใหญ่ คือมึงโดนจับกลางสวนโล่งๆ แบบง่อยๆ แต่เสือกหลบหนีการทดลองด้วยพลังกาย แหกกรงโรงบาลใจกลางเมืองออกมาได้พร้อมมือถือติดตัว มันออกจะเวอร์ไปหน่อยนะ ไม่มีบอดี้การ์ดหรือตำรวจแข็งๆให้ชนสักหน่อยเหรอ สมมติจะให้กูเดาเนื้อเรื่อง ก็อาจปูไปได้ว่า จริงๆแล้วไอ้ศาสนาแม่งก็เลวล่ะ แต่ก็คงมีข้อดีอะไรบางอย่างอยู่ ส่วนไอ้องค์กรต่อต้านศาสนามันก็มีด้านเลวของมันอยู่เหมือนกัน และไอ้พัชรก็อาจได้สู้กับอเล็กซ์ ประมาณว่าพัชรได้รับงานให้เข้ามาทำลายอะไรบางอย่าง ซึ่งอเล็กซ์รู้ว่าถ้าไอ้นี่ถูกทำลานจะวิบัติกันหมด ทำนองนี้มั้ง อันนี้ลองเดาเล่นๆนะ ให้คะแนน 7/10
สรุป 29/40 ถือว่าดีแล้ว ข้อดีคืออ่านลื่น เดินเรื่องกระชับ ภาษาโอเค พอให้อ่านเพลินๆไปได้ พยายามผูกปมแน่นๆ รักจะมาสายดิสโทเปียแล้วก็ควรเปิดโลกให้มันกว้างๆ เขียนระบบของโลกให้ดูซับซ้อนและน่าเชื่อถือจะดูน่าลุ้นกว่าการมาโฟกัสที่ความคิดมุทะลุของตัวละครนะ
โม่งสนใจสับนิยายแนวไปต่างโลกที่เป็นเกมจีบหนุ่มปะ เรื่องนี้กูลองอ่านรู้สึกเหมือนเจอร่างแยกคนเขียนนาทีย่า
https://writer.dek-d.com/forgetgirl/story/view.php?id=1503771
เวลาตัดฉากหรือเปลีทยนมุมมองการเล่าในบทเดียวกันไม่มีการเอนเตอร์เว้นย่อหน้าเลยว่ะ แต่ที่อินดี้ยิ่งกว่าคือการบรรยายที่แทรกในบทสนทนาอย่างน่าปวดกบาลและตัดไปตัดมาเดี่ยวมุมมองบุคคลที่หนึ่งเดี๋ยวมุมมองบุคคลที่สาม
จะมีใครสนใจสับบ้างล่ะ ออกตอนรัวๆอยากรู้มีดียังไง
https://my.dek-d.com/noma007/writer/view.php?id=1386417
http://writer.dek-d.com/andyphetty/story/view.php?id=1451100 ดูจากชื่อเรื่องและนามปากกา เอาตัวเองไปเป็นนางเอกใช่มะ
มีนิยายข้ามมิติเรื่องไหนแนะนำมั่งมั้ย เอาแบบเบาๆ ไม่หนักสมอง ช่วงนี้เครียดพอแล้ว
เรื่องนี้หนุกป่ะ กูอกหักจากนิยายหมวดอดีตรัวๆจนไว้ใจอะไรไม่ได้แล้ว https://writer.dek-d.com/xin-er/story/view.php?id=1523713
นิยายพวกนี้สินะที่เป็นสาเหตุให้เกิดการจับตัวประกันในงานหนังสือ
¡ɥʇnɹʇ ɟo plıɥɔ ǝɥʇ ɯ,ı ǝɯ uıʍ ɹǝʌǝu llıʍ noʎ
คือกูไม่ได้อยากจะดราม่านะ แต่กูสงสัยว่าแค่แคปภาพแล้วใส่คำบรรยายนิดหน่อยนี่เรียกว่าเขียนบทความได้แล้วเหรอวะ
https://www.dek-d.com/board/view/3694261
ตอนแรกกูนึกว่าคงเป็นพวกเมมเบอร์ แต่แท้จริงคือเว็บมาสเตอร์ คือความเข้าใจของกู บทความคือการเขียนเนื้อหาที่มีรูปประกอบเพียง 5-10% เพื่อให้เห็นภาพการบรรยายชัดเจนขึ้น แต่ที่กูเห็นในกระทู้ที่บอกว่าเป็นบทความนี่คือ 85% คือแคปภาพมาแปะแล้วใส่ชื่อนักเขียนเจ้าของข้อความกำกับ มีบรรยายอธิบายนิดหน่อย แบบนี้ก็ได้เหรอวะ?
เพิ่มเติม กูใจร้อนไปหน่อยเลยไม่ได้ตรวจสอบ ลองเข้าไปส่องไอดีคร่าวๆ เหมือนจะเป็นเมมเบอร์ธรรมดานี่แหละ แต่ทำไมสำนวนการเขียนมันคุ้นๆ เหมือนเว็บมาสบางคนวะ
ตั้งแต่นักเขียนที่เขียนเรื่องดันเจี้ยนสักอย่าง ออกมาตั้งกระทู้ว่าตัวเองใช้วิธีซอยตอนย่อยๆ เพื่อให้ลงถี่และติดท็อปเร็ว กูก็เจอนิยายหลายเรื่องทำแบบนั้นเต็มไปหมดเลยว่ะ ห้าหกเรื่องได้แล้วมั้ง แต่ซอยตอนน่าเกลียด บางตอนอ่านในมือถือไม่ต้องสไลด์หน้าจอด้วยซ้ำ สั้นเกินไปมั้ย
นิยายเรื่องโรเซเนียออกทีเดียว 5เล่มจบเลย ใครรู้มั่งว่าเรื่องนี้มีอะไรดี ทำไมสนพ. ถึงกล้าดัน
>>264-265 ลองเอาลิ้งค์ไปดูแล้วกัน กูเจอเยอะกว่านี้ แต่ค้น history มาได้แค่นี้
https://my.dek-d.com/noma007/writer/view.php?id=1386417
https://writer.dek-d.com/VampireAntares/story/view.php?id=1532122
https://writer.dek-d.com/somchai45/story/viewlongc.php?id=1532689
KY อมก. แปลว่าไรว่ะ
ตลค. ตลาดคุกเรอะ
มู้เงียบจังว่ะ ใครก็ได้ช่วยสับซะเรื่องหน่อยสิ
โลกเวทมนตร์ของคาออส
https://writer.dek-d.com/GriMMix/story/view.php?id=1504276
Tales of muay thai
https://writer.dek-d.com/subasa1258/story/view.php?id=1506611
เซียนจอมเวทย์ Deva Wizard
https://writer.dek-d.com/TanSoSoDa/story/view.php?id=1481130
Slime Is God ภาค ตามหาของหมั้นสุดหฤโหด
https://writer.dek-d.com/kickerkob2/story/view.php?id=1529270
Empire Link ภาค สงครามเกมนอกจอ
https://writer.dek-d.com/sakun9975/story/view.php?id=1529525
พ่อครัวแห่งเซนราคุ
https://writer.dek-d.com/amalina/story/view.php?id=873906
Twinless Twin แฝดหนึ่งร่าง
https://writer.dek-d.com/Airin_and/story/view.php?id=1524343
>>274 ตายละ นึกว่า อห. ย่อมากจากอะไรที่รุนแรงกว่านั้นมาโดยตลอด เดี๊ยนรู้สึกหยาบคาย
เอารายชื่อนิยายมาเพิ่มให้ https://www.dek-d.com/writer/42007/ มหัศจรรย์มากที่เรื่องดังๆ สนุกๆ อย่างพระชายารั่วซีไม่ติด
>>276 นี่มันลิสต์เก่าตั้งแต่ก.ค. กูว่ารั่วซีมาดังหลังจากนั้นนะ จริงๆ กูไม่ชอบความเว่อร์วังเทพทรูของรั่วซีเท่าไร คือศึกษาสมุนไพรมา แต่ทำไมมึงเทพขนาดนั้น จุดนี้กูให้เสี่ยวหวางเฟยที่นางเอกเทพเพราะชาติต่อมาเป็นผู้ปรุงยาจริงๆ สมเหตุสมผลกว่า
>>278 กูเคยอ่านสวรรค์ลำเอียง นางมารน้อยข้ามภพ ป่วนพิภพ หวน สายลับข้ามภพ มีสวรรค์ลำเอียงที่เอื่อยๆ แต่พอทำใจรับได้ ที่เหลือกูส่ายหัวรัวๆ
>>277 เข้าใจว่าแปลว่าอิห่า 5555+
>>278 เคยอ่านแค่บางเรื่องนะ ปกติอ่านแต่นิยายแปลอย่างยอดรักชายาอ๋องปีศาจ ศิษย์ข้าเจ้าตายอีกแล้ว ถ้าจะอ่านนิยายคนไทยแต่งก็ต้องมีเพื่อนชวนอ่านหรือมีประเด็นอะไรให้เผือก ในนี้ไล่จากข้างบนลงมาข้างล่างตอบได้แค่นางมารน้อยข้ามภพกับหวนสองเรื่องว่ามันโอเคไม่โอเคยังไง
นางมารน้อย ถ้าชอบแนวตบมุกก็น่าจะชอบ มีแซวๆนิยายกับหนังจีนเป็นระยะ แต่เนื้อหาน่าจะอีกยาวไกล จนถึงตอนนี้เนื้อเรื่องมันก็ยังไม่ค่อยไปไหนเลย
หวน ถ้าชอบผลาญชอบพวกแนวไปสิงร่างคนอื่นแก้แค้นแนะนำเรื่องนี้ เรื่องนี้เปิดตัวนางเอกนางร้ายได้ดี ผูกเรื่องก็ใช้ได้ แต่เหมือนมีวิบากกรรม อ่านเรื่ออะไรคนเขียนก็หยุดอัพ แม้แต่นิยายแปลยังโดนดองแถมเรื่องที่โดนดองยังไม่มีสำนักพิมพ์ไหนซื้อลิขสิทธิ์ ดำน้ำยาวๆ ไปค่ะ
เสี่ยวหวางเฟยก็เคยอ่าน เดินเรื่องเร็ว สนุกดี มาเขียนทีหลังหรือยังไงทำไมไม่อยู่ในลิสท์
ทำไมนิยายรักบางเรื่องถึงมีฉากบนเตียงกันว่ะ ไม่จั่ว 18+ ไม่นับพวกวายน่ะ
http://writer.dek-d.com/Black-Bell/story/view.php?id=1527468
อ่านแล้วก็งงว่าทำไมคนอ่านเยอะ เขียนๆไปมีวงเล็บความคิดคนเขียน คือมีเกร็ดความรู้ แต่ข้อมูลในเรื่องแม่งประหลาด ดูมั่วๆไงไม่รู้ นิยายข้ามมิติใหม่ๆไม่มีดีกว่านี้แล้วเหรอวะ
กูว่าอันดับพวกนี้มันไม่น่าเชื่อถือมานานแล้วแหละ ส่วนใหญ่ก็หน้าม้าทั้งนั้นแหละ
วันนี้ดูอันดับท็อปแฟนตาซีแล้วเป็นกว่าครึ่งเป็นนิยายแปล คุ้นๆ ว่าในโม่งเคยคุยกันไปแล้ว แต่วันนี้กูอยากมาถามใหม่ เพื่อนโม่งคิดว่าเด็กดีควรแยกหมวดนิยายแปลมั้ยวะ แยกไปต่างหากเลยอ่ะ หรือว่านักเขียนไทยควรผลักดันตัวเองให้ยอดวิวอะไรมันสู้นิยายแปลให้ได้เอง?
>>295 ความเห็นกู ใช้ระบบแท็คให้เป็นประโยชน์ซะ แยกหมวดนิยายแปลก็ดีจะได้หาอ่านง่าย แต่ยอดวิวส่วนใหญ่มันเทไปทางนั้นแน่นอนเพราะขึ้นชื่อว่างานแปลมันก็น่าสนใจกว่างานไทยอยู่แล้ว แถมลงสม่ำเสมอเพราะแค่แปลไล่ตามต้นฉบับวันละตอนสองตอนไม่ต้องกลัวว่าจะอดออ่านเป็นเดือน (เว้นแต่คนแปลจะเลิกแปล) แต่กูเห็นมีกลุ่มนักแปลไปตั้งเว็บเฉพาะนิยายแปลละ คงไม่จำเป็นต้องแยกหมวดละมั้ง และนิยายแปลมันก็น้อยกว่านิยายไทยประมาณ 3/10 เรื่องที่สนพ.ปล่อยให้อ่านเป็นตัวอย่างก็มีประมาณ 1/10 ที่เหลือก็แปลฟรีฝึกภาษาอะไรก็ว่าไป ซึ่งถ้าจะแยกหมวดมันเปลืองเนื้อที่เว็บนะกูว่า ดีไม่ดีจะมีนิยายคนไทยเนียนเป็นนิยายแปลแบบเรื่องฮาเร็มจอมมารในธัญวลัย ดราม่ากันสนุกละมุง
กูลองไปส่องนิยายใหม่ที่คนไทยเขียนในหมวดอดีต ปัจจุบัน อนาคต ที่ติดท็อปใน 5 หน้า ไม่รวมนิยายวายนะ มาดูกันดีกว่าเพื่อนโม่งว่ามีอะไรบ้าง
1. เหมยฮวาฤดูหนาว
https://writer.dek-d.com/Maydox007/story/view.php?id=1530146
ท็อปหน้า 4 เริ่มลง 10/10/16 จำนวนตอน 16 ตอน
นี่เรียกว่านิยายได้จริงๆดิ ตอนนึงสั้นมาก สั้นเหี้ยๆ สั้นจนต้องร้องขอชีวิต หนึ่งตอนไม่ถึง 400 คำด้วยซ้ำ ดูรู้เลยว่าพิมพ์ในมือถือ เขียนไม่ได้ดี บรรยายไม่ได้ดี เนื้อเรื่องกูไม่รู้ว่าชวนติดตามได้ขนาดไหน เพราะกูทนอ่านได้แค่ 3 ตอน นางเอกเพิ่งคลอดกูก็บายละ
2.[懶婦] อี้จี จอมนางอสูรโลกันต์
https://writer.dek-d.com/Black-Bell/story/view.php?id=1527468
ท็อปหน้า 4 เริ่มลง 4/10/16 จำนวนตอน 8 ตอน รวมแนะนำตัวละคร
อีกเรื่องที่ไม่เข้าใจว่าทำไมมีคนอ่านเยอะ ตามที่ >>292-294 บอก
3. วาสนาพรางใจ (听姐姐的话)
https://writer.dek-d.com/pingypop/story/viewlongc.php?id=1521564
ท็อปหน้า 4 เริ่มลง 22/9/16 จำนวนตอน 7 ตอน นิยายจริงๆ 5 ตอน
ยังไม่ได้อ่านละเอียด แต่เท่าที่กวาดตาดู ไม่ข้ามมิติ แล้วก็เขียนได้ดี พอมีหวังกว่าสองเรื่องบน
4. 〈女神芳仙〉เทพธิดาจักรพรรดินี
https://writer.dek-d.com/bbbest-sb79/story/view.php?id=1525964
ท็อปหน้า 5 เริ่มลง 2/10/16 จำนวนตอน 9 ตอน
อห. ความเบียว ความซูมาเต็มตั้งแต่ตอนแรก นางเอกเป็นหมอที่สวยเก่ง เป็นดีไซเนอร์ และอื่นๆอีกมากมาย เหนื่อย พอไม่อ่าน
5. ชะตาดอกท้อ...น้องสาวเจ้าสิ!
https://writer.dek-d.com/xin-er/story/view.php?id=1523713
ท็อปหน้า 5 เริ่มลง 27/9/16 จำนวนตอน 9 ตอน
ภาษาดีกว่าอีข้ามมิติสามเรื่องข้างบนหน่อย กวาดตาดูแล้วอ่านได้เรื่อยๆ มีความพาโรดี้นิดๆ
สรุปขุดมา 5 เรื่อง เป็นข้ามมิติไป 4 นางเอกซูเทพทรูขนบเดิมไป 3 พออ่านได้อยู่ 2 เรื่อง บายยยยยย
>>297 สนับสนุนให้ละเมิดลิขสิทธิกับเปิดโอกาสมันคนละเรื่องนะเพื่อนโม่ง เว็บควรคัดกรองเรื่องให้ดีหากพบเป็นการละเมิดควรรีบแบน หากเรื่องไหนสามารถแปลได้โดยไม่ผิดลิขสิทธิ์เราชาวโม่ง หรือใครก็ตามที่เสพนิยายและการอ่านควรสนับสนุน จะแปลดีหรือแย่ค่อยว่ากันอีกที เพราะใครก็อยากอ่านงานดีๆ กันทั้งนั้น ส่วนควรแยกห้องไหม ดูจากข้อมูลสัดส่วนที่เพื่อนโม่งให้มาใน >>296 ไม่ต้องแยกหรอก ท้าทายนักเขียนไทยดี ในสัดส่วนตามที่ว่ามาอ่ะนะ หากมากในอนาคตค่อยว่ากันอีกที ชั่วโมงนี้เหมาะสำหรับเป็นบททดสอบของนักเขียนไทยมาก
ต้องเข้าใจระบบเด็กดีในนิยายขึ้นท็อปด้วย
คือต้องลงทุกวันเป็นประจำ
นิยายแปลทำได้เพราะไม่ได้คิดเนื้อเรื่องเอง แค่เอาใจภาษาและเกลาสำนวนขึ้นมา
ส่วนนักเขียนไทย ตอนหนึ่งบางคนใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือมากกว่านั้น
บางคนเน้นเร็วลงวันต่อวันก็ไม่ได้หมายความว่างานดี เพราะต้องเร่งเขียนออกมา ซึ่งด้านความลึกของเนื้อเรื่องจะขาดไป
ที่ว่าทดสอบนักเขียนไทย กูเลยมองกลางๆ เพราะนักเขียนนิยายบ้านเราต้องเรียนหรือทำมาหากิน
ต่างจากนิยายแปลที่คนเขียนมีอาชีพนักเขียนจริงๆ แล้วเขามีอาชีพนักเขียนที่อยู่ได้สบายๆ ในเรื่องดังๆ ที่นำมาแปลอ่านกัน
ความต่างมันเยอะเกินไป กับนักเขียนในไทยที่เขียนลงเว็บเด็กดี
ประมาณไม้ซีกกับไม้ซุง
>>300 การที่เราจะก้าวไปข้างหน้าได้มันต้องมีความแข็งแกร่งนะเพื่อนโม่ง กูไม่ได้บอกว่านักเขียนที่ประสบความสำเร็จทุกคนจะต้องก้าวข้ามสิ่งนี้ หลายคนมีข้อจำกัดในเรื่องเวลา เราทุกคนรู้ดี และหลายคนไม่ได้สู้กับนิยายแปลด้วยซ้ำ ในสัดส่วนแบบนี้ตามที่เพื่อนโม่งให้ข้อมูลมามันน่าสู้ เพราะถึงจะแพ้ ท็อปยังมีถึงยี่สิบอันดับให้ติด จะกลัวทำไม หากเราสามารถแซงขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งได้แทน มันน่าภูมิใจนะโม่ง ในอนาคต ถามโม่งจริงๆ อยากขายงานแค่ในไทยเหรอ ณ เวลานี้ มีบททดสอบที่น่าสนใจให้ลุยทำไมโม่งไม่คิดจะลุยล่ะ
จริงๆคือไม่แคร์ เพราะว่ากลุ่มลูกค้าในเว็บมีแต่เด็กๆที่ไม่ค่อยจะเสพอะไรที่งามๆเท่าไหร่ ส่วนมากก็ติดแนวการ์ตูนญี่ปุ่นแบบพระเอกต้องมีพลังพระเอกอะไรสักอย่าง โกงเทพ อะไรงี้
แถมพวกที่ติดท็อปโดยทั่วไปก็คือคนที่อัพงานบ่อยๆ วันละตอน สองวันตอน ถ้าไม่ว่างจริงๆแบบเป็นนักเขียนอาชีพ หรือซอยตอนเอา จะเขียนผลงานให้ออกมาดีๆภายในเวลาได้ยังไง เพราะงั้นจะติดท็อปหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาคิดมากจย้า
ติดท็อป > เพิ่มโอกาสการตีพิมพ์ ก็จริง แต่ถ้างานมันไม่ดี จะตีพิมพ์ให้เป็นขี้ปากชาวบ้านเขาทำไมวะ
>>302 มึงเข้าใจถูกแล้วว่ามาตรฐานท็อปมันแย่ แต่มึงอย่าลืมว่านี่คือภาพสะท้อนจากคนเสพ กูเชื่อว่าหลายคนในโม่งอัพนิยายได้ทุกวันหรืออาจจะสักสามวันครั้ง เพราะงั้นมึงจงเชื่อเถอะถ้ามึงสามารถอัพงานคุณภาพได้บ่อยๆ กูว่าแค่นิยายแปลหรือแม้กระทั่งท็อปนิยายไทยกากๆ ขวางพวกมึงไม่ได้หรอก มึงอย่ามาย้อนถามกูว่ากูสามารถทำแบบนั้นได้ไหม กูตอบตรงๆ ว่ากูยังทำไม่ได้ แต่กูไม่ท้อที่จะทำแน่ๆ
>>303 เอาจริงๆ ส่วนตัวกูว่ากูสามารถอัพทุกวันตอนละ 4000 คำ+ โดยรักษามาตรฐานไว้ได้นะ แต่ต้องวางพล็อตแบบรัดกุมมากๆ และที่สำคัญคือต้องว่างมากๆด้วย แบบเขียนเป็นอาชีพ หรือมี passive income อื่นอยู่แล้วอะ
ซึ่งไอ้ข้อจำกัดเรื่องเวลาเนี่ยมันเป็นไปไม่ได้สำหรับกู คือกูก็ต้องกินต้องใช้ปะวะ เขียนนิยายมันเป็นแค่งานอดิเรกไง ทำงาน 5 วัน บางวันทำข้ามคืน เสาร์อาทิตย์บางทีต้องเคลียร์งาน ได้ว่างบ้างก็อยากพักผ่อน ได้เดือนละสองสามตอนก็เก่งละ
กูว่าให้เอามาตรฐานเด็กดีก็ต้องอัพบ่อย ตัวเอกเก่งเทพ เนื้อเรื่องเบียวๆ นี่แหละ
>>306 จริงๆ วิธีแก้ก็อย่างมึงทำนี่แหละ เขียนให้ได้สักล็อตแล้วค่อยปล่อย อย่าใจร้อน พูดง่ายแต่ทำยาก แต่กูเชื่อว่าต้องมีสักคนทำได้ โดยเฉพาะในโม่ง พวกมึงทำอะไรได้อีกเยอะ ไม่ใช่แค่นี้หรอก พวกมึงดึงนิยายมาสับในนี้ได้ และตอนนี้หลายคนก็อยากเอานิยายมาให้สับด้วย พวกมึงคิดว่าเป็นดวงเหรอ พวกมึงก็รู้ว่าไม่ใช่
ช่วงนี้นักเขียนไม่อัพเดทนิยายกันเท่าไหร่น่ะ บางคนประกาศงดอัพเดทนิยายยาวจนถึงสิ้นเดือน อะไรแปลกๆ ขึ้นมาติดอันดับก็ไม่แปลกหรอก เดี๋ยวพ้นสิ้นเดือนขาใหญ่เจ้าประจำตัวจริงก็มา
นิยายพี่ถุยจบภาคแรกแล้วนะ มีใครสนใจอยากสับไหมวะ
ไปอ่านชะตาดอกท้อน้องสาวเจ้าสิมาละ
เรื่องนี้นางเอกตายแล้วโดนโยนวิญญาณไปใส่ร่างผู้หญิงจีนโบราณในโลกต่างมิติอะไรทำนองนั้น กลายเป็นสตรีชะตาดอกท้อ เดาว่าต่อไปจะเจอผู้ชายแซ่บๆ มารุมรัก
สำนวนการเล่า อ่านได้เรื่อยๆ มีความพาโรดี้แบบที่เพื่อนโม่งข้างบนบอก แต่คงเพราะเนื้อหามันยังน้อย เลยไม่รู้ว่านอกจากความดอกท้อของนางเอกแล้วประเด็นเรื่องคืออะไร ถ้าเป็นนิยายโรแมนติกคอมเมดี้แนวพาโรดี้อ่านเล่นๆ ก็นับว่าสอบผ่าน
ตัวละครมีเสน่ห์ มีที่มาที่ไปดี แต่อุปนิสัยนางเอกกับจังหวะการเล่าเรื่องบางช่วงจะชวนให้นึกถึงแพทเทิร์นบางอย่าง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเคยเห็นมาจากไหน แต่มันมีความรู้สึกวูบนึงว่าคุ้นมาก
กูพึ่งเห็นว่าพระชายารั่วซีจะหยุดอัพ ห่าแค่มีตอนเหมือนกันนิดๆหน่อยกับทราชตื้อรักก็มาด่ากันซะเนื้อเรื่องกำลังเดินสนุกเลย
เรื่อง : Empire Link ภาค สงครามเกมนอกจอ
link : https://writer.dek-d.com/sakun9975/story/view.php?id=1529525
จำนวน : 12 ตอน
สถานะ : ยังไม่จบ
ตอนแรกที่เปิดอ่านก็คิดว่าคงเป็นนิยายเกมออนไลน์ดาดๆ เรื่องหนึ่ง แต่พออ่านไปได้แล้วก็ยอมรับว่าประหลาดใจ นี่มัน pokemon go นี่หว่า
โลกในท้องเรื่องเป็นโลกอนาคต ผ่านไป 400 กว่าปีหลังจากเกิดเหตุการณ์อุกกาบาตถล่มโลก(ดูไม่เมกเซนส์ อุกกาบาตถล่มตั้งขนาดนั้นมนุษย์ควรสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ช่างเถอะ) แถมที่ตกลงมายังไม่ได้มีแค่อุกกาบาต แต่มีพวกเอเลี่ยนหลุดมาด้วย มนุษย์โลกก็สู้ๆไป สุดท้ายก็ชนะ แต่ประชากรโลกก็ลดฮวบ เหลือแค่ประมาณ 30%
เปิดเรื่องมานี่แม่งโคตรเบสิคของเบสิคนิยายเกม คือเป็นฉากการเปิดตัวเครื่องเล่นเกมใหม่เจ้าหนึ่ง พระเอกก็ไปเริ่มงาน แล้วโชว์ความเหี้ยด้วยการไปขโมยกล่องของชายคนหนึ่งที่กำลังหนีการตามล่าอยู่ ปรากฎว่าไอ้ที่ขโมยมาเสือกเป็นเครื่องเล่นเกมรุ่นลิมิเต็ด (พล็อตเดิมๆ)
พระเอกกลับมาบ้าน ก็พล็อตเดิมๆอีกเหมือนกันว่าพระเอกเป็นผู้ที่มีวิชา เนื่องจากเป็นศิษย์ของสำนักสอนศิลปะการต่อสู้ของผู้เฒ่าหงส์ ที่กำลังจะย้ายบ้านตามลูกสาว (มั้ง?) ไป ผู้เฒ่าก็เลยยกบ้านให้พระเอก ซึ่งจนแกลบแดกแต่มาม่า พอผู้เฒ่าไปพระเอกก็เหงา เลยคิดว่าเอาวะ กูลองเล่นเกมห่านี่ก็ได้ เลยสวมเครื่องเล่นเกมเข้าไป
ที่บอกว่ามันน่าสนใจคือตรงนี้ ปกติไอ้นิยายเกมต่างๆเนี่ยคือมันจะต้องเล่นเวลานอนหลับถูกมะ ประมาณว่าเข้าไปสู้กันในโลกคลื่นสมอง โลกความฝันอะไรก็ว่าไป แต่ไอ้เกมในเรื่องนี้มันเป็นอารมณ์ VR อะ คือใส่ไอ้อุปกรณ์นี้จะสามารถมองเห็นและต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ที่ถูกปล่อยออกมาในโลกจริงได้ เหมือนกับที่พวกมึงอาจเคยไปเดินจับโปเกม่อน แต่อันนี้สมจริงกว่า เพราะมีการคำนวณค่าสถานะของผู้เล่น มีท่าไม้ตาย มีดรอปของ สู้จริงเจ็บจริง สรุปก็คือมันเป็นนิยายเกมออนไลน์ ที่เล่นในชีวิตจริงด้วยร่างจริงเนี่ยล่ะ
พอไอ้พระเอกสวมเครื่องเล่นก็สลบไปครึ่งวัน ตื่นขึ้นมาก็มีเสียงของ A.I. สาวดังขึ้นในหัว ก็ตามพล็อตเดิมๆของนิยายเกม พระเอกเปิดตัวมาก็โกงแล้ว รู้อะไรหลายๆอย่างที่คนอื่นไม่รู้ (เพราะเครื่องเล่นแบบธรรมดาไม่แถม A.I.) เรื่องก็พาพระเอกไปเรียนรู้เรื่องระบบเกม (บางอย่างกูว่าไม่สมจริง เช่นระบบแลกเงิน) แล้วก็ไปต่อสู้กับมอนสเตอร์ตามสวนสาธารณะเก็บเลเวลไปเรื่อยๆ และเนื่องจากที่พระเอกแม่งมี esp (เทพอีกละ) ที่สามารถจดจำอะไรได้ด้วยการมองหรือฟังเพียงเสี้ยววินาที แถมด้วย A.I. สุดแจ่ม มันก็เลยเทพๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปตามล่ามอนสเตอร์เพลินๆ กำจัดคนพาลอภิบาลคนดี ดรอปของมาขายจนร่ำรวย จากที่แต่เดิมต้องแดกมาม่า ปัจจุบันก็กินเหลาได้แล้ว
แต่บริษัทเกมแม่งก็ไม่โง่ แม่งรู้ว่ามีคนบางกลุ่ม(แปลว่าไม่ได้มีแค่พระเอก) ที่ได้เครื่องเล่นเกมพิเศษไปครอบครอง บริษัทเลยส่งคนไปตามล่าตัวพระเอก เพราะอยากรู้ว่ามันไปเอาเครื่องเล่นเกมนี้มาจากไหน ได้ด้วยวิธีที่ถูกต้องหรือเปล่า
ตอนล่าสุดพระเอกก็ไปเจอถ้ำแห่งหนึ่ง ข้างในก็มีผู้หญิงเทพๆ กำลังสู้กับบอสอยู่ แต่ก็พลาดท่า พระเอกก็เข้ามาช่วยไว้อีกแล้ว และอาจกลายเป็นฮาเร็ม (อีกแล้วอีกแล้วอีกแล้ว) ก็นะ พล็อตแม่งดาดๆเลย มีแค่ไอ้ระบบเกมเนี่ยล่ะที่กูว่ามันน่าสนใจ
ต่อไปจะเป็นการให้คะแนน
ต่อจาก >>319 ให้คะแนนเรื่อง Empire Link ภาค สงครามเกมนอกจอ
คำผิด: ผิดเยอะฉิบหาย คะ-ค่ะ ก็ยังผิด นี่ถ้าเนื้อเรื่องกับการบรรยายแย่หน่อยนี่กูจะกรี๊ดแล้วนะ นอกจากไอ้คะค่ะก็ยังมีคำกากๆอีกตั้งเยอะแยะที่ไม่ควรจะผิดแต่ก็เสือกสะกดผิด ตลกแดกจริงๆ มึงเป็นเด็กประถมรึไง เห็นแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า เอาไป 4/10 พอ
การบรรยาย: ไหลลื่นพอควร ถือว่าพอรับได้ บางครั้งการใช้คำก็สวยจนประหลาดใจว่ามึงไปลอกใครเขามารึเปล่า(เมื่อเทียบกับความสามารถในการสะกดคำของผู้เขียน) ได้กลิ่นอายพวกนิยายจีนกำลังภายในสำนวนแปล น.นพรัตน์ มาสัสๆ แต่ก็ดีนะกูโอเค มีติดบรรยายมั่วบรรยายวกวนบ้างแต่กูก็เข้าใจและรับได้ ให้ 7/10 อะ
ตัวละคร: ก็ตามนั้นอะ พระเอกเก่งเทพอีกแล้ว มี A.I. ผู้หญิงโก๊ะๆ หน่อย เริ่มมีตัวละครหญิงหลายๆตัวมาเกี่ยวข้อง (คุณหนูบอบบาง ห้าวๆ ซึนๆ บลาๆ) เดี๋ยวอาจกลายเป็นฮาเร็ม ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เอาเป็นว่ากูมองว่ามันแบน แต่ถ้าจะอ่านคลายเครียดก็เอาเถอะ สนุกๆ เพลินๆ ให้ 5.5/10 นะคะ
เนื้อเรื่อง: มึงคิดการเริ่มเรื่องไม่ออกแล้วจริงดิ ไอ้แบบพระเอกไปงานเกมแล้วได้เครื่องเล่นเกมเทพมาเนี่ยแม่งมีมาจะสิบปีแล้วมั้ง แถมพระเอกก็ทำตัวเหี้ยๆ ประเภทฉกของอีก แต่เสือกจนซะงั้น มึงอวดอ้างนะว่าพระเอกเก่งเทพฝีมือดี ถ้ารึอาจเป็นขโมยทำไมมันถึงไม่มีเงินใช้กับเขาบ้างวะ เห็นแดกแต่มาม่า อาจารย์มึงก็ไม่ห้ามไม่ปรามอีก เอาเหอะ เรื่องที่จะชมก็คงเป็นการเซ็ตระบบเกมที่น่าสนใจขึ้นมา ซึ่งกูยอมรับว่ากูไม่เคยอ่านนิยายที่เขียนเกี่ยวกับเกมในรูปแบบนี้มาก่อน
แต่มีขาวก็มีดำ ถึงจะเซ็ตโลกเกมได้น่าสนใจ แต่ระบบย่อยในเกมมันก็ต้องดีตามไปด้วย เกมบ้านมึงสิเปิดมาได้ 2 วันอัพแพทช์ใหญ่แล้ว การแลกเงินจริงกับเงินในเกมก็ดูยากเวอร์ๆ เหมือนไม่เข้าใจหลักการแลกเปลี่ยนเงิน (100 เงินจริง แลกได้ 1 เงินเกม, 1000 เงินเกม แลกคืนได้ 1 เงินจริง wtf) ถามจริงๆว่าใครมันจะโง่ไปแลกกับระบบวะ สู้แลกกับผู้เล่นด้วยกันเองดีกว่า ได้ราคาเป็นธรรมกว่ากันเยอะแยะเลย
จริงๆมีอีกหลายอย่างที่อยากเขียนแต่ขี้เกียจและ เอาเป็นว่ากูโอเคกับเนื้อเรื่องแล้วกัน ดูเหมือนว่าจะมีอะไรดี (เรื่องเอเลี่ยนบุกโลกเมื่อ 400 ปีก่อน คงจะหาทางโยงมาเกี่ยวกับเกม) ให้ 7.5/10 ค่ะ
สรุป 24/40 ก็ผ่านเกณฑ์นาจา ถือว่าน่าสนใจพอควร แต่ไปหัดสะกดคำบ้างก็ดีนะอีหนู สงสารครูภาษาไทยมึงสัสๆ
>>321 ขอโทษที กูคงเขียนไม่เคลียร์ ประมาณว่ามันเป็นโลกซ้อนโลกอะ เหมือนแบบพวกมึงเล่นโปเกม่อนโกเงี้ย ไอ้ตัวโปเกม่อนที่จับๆกันมันไม่ได้มีจริงใช่ปะ แต่มึงสามารถมองเห็นได้ในมือถือมึงไง ไอ้เกมนี้ก็เหมือนกัน มอนสเตอร์มันไม่มีอยู่จริง แต่พอใส่เครื่องเล่นเกมสวมหัว (ประมาณแว่น vr) เข้าไปแล้วก็จะสามารถมองเห็นมอนสเตอร์ได้ทั่วไปตามข้างทางแถวบ้าน และก็ต่อสู้กับมันได้ อะไรงี้
ส่วนไอ้เรื่องอุกกาบาตถล่มโลก มีเอเลี่ยนโผล่มาอะไรงี้กูว่ามันเป็นพล็อตที่ไม่ได้แปลกเท่าไหร่นะ
>>323 น่าจะแบบนี้ https://www.youtube.com/watch?v=A6Gp5BPzYRs
ล่าสุดชะตาดอกท้อฯ มีระบบปราณธาตุด้วยนาจา มีปราณบริสุทธิ์ มีปราณคู่ พวกปราณเบญจธาตุคือพวกต่ำต้อยที่สุด แถมมีทดสอบระบบปราณธาตุ มีพาราดี้พวกนางเอกตัวขยะ ระบบเกจพลังก็แบ่งระดับชั้นมีราชัน จักรพรรดิ เทพเซียน โฮะๆ แฟนคลับศิษย์ข้าฯ and ทรราชย์ตื้อรักมาเอง
ไม่เป็นไร สำหรับเรา ตราบใดที่ไม่ชัดเจนว่าลอกกันมา ถ้าแค่อ่านแล้วเห็นเงาลางๆ ประหนึ่งว่าได้รับอิทธิพลหรือแรงบันดาลใจ เรายังโอเค
ฝากไว้ให้คิส เวลาจะเขียนอะไรออกมา *จะพาโรดี้ยังไงก็อย่าให้มันกลายเป็นมิกซ์แฟนฟิคนาจา*
and การได้รับอิทธิพลจากนิยายคนอื่น โดยเฉพาะนิยายคนไทยด้วยกันสูงมากๆ แล้วเสือกมิกซ์เก่งเขียนนิยายเป็นมันก็มีสองอย่างนะมึง ถ้าไม่รอดจนออกเป็นเล่มเก๋ๆ ให้คนแอบด่าไล่หลังเหมือนมิกซ์แฟนฟิคบางเรื่อง มึงก็จะโดนสอยร่วงโดนทุบหัวเบะตั้งแต่ยังไม่ทันออกจากดักแด้ วงการพวกนี้แคบจะตายห่า และคนอ่านเขาฉลาด หลายคนเคร่งเรื่องพวกนี้มาก อย่ามาโลกสวยคิดว่าชิลๆ ชิคๆ คำว่าแต่งเล่นๆ ไม่อาจคุ้มกะลาหัวมึงได้ กูเห็นพูดแบบนี้กันหลายคน สุดท้ายพอเขียนจบมองเห็นช่องทางก็ขายแดกอยู่ดี
>>332 กูถามเป็นความรู้หน่อยเพื่อนโม่ง มึงแยกมิกซ์แฟนฟิคกับพาโรดี้ยังไงวะ อย่างบารามอส ไวท์โร้ด โรเซนเนีย ที่เอาองค์ประกอบพวกตัวละครเรื่องนั้นมาผสมกับพล็อตเรื่องนี้ กูเข้าใจได้ว่าอันนี้มิกซ์แฟนฟิค แต่ถ้ายกองค์ประกอบเรื่องอื่นมาเพื่อล้อเลียนไม่ใช่ว่าเป็นพาโรดี้หรอ ตามความคิดกูพาโรดี้เป็นการเอานิยายกระแสมาแซวเล่น มันเลยมีองค์ประกอบหรือขนบในเรื่องในฐานะของสิ่งที่ต้องถูกแดกดัน ไม่ใช่ไรกูอ่านดอกท้อแล้วเห็นว่ามันแซะนิยายเรื่องอื่นอยู่และมีแววว่าจะแซะต่อไปเรื่อยๆ เลยสงสัยขึ้นมา
>>334 มิกซ์แฟนฟิค=เอาเรื่องที่ชอบมาต่อยอดผสมกัน เช่น พระเอกนิยาย A ผมดำตาแดง นิสัยแบดบอย ชอบแกล้งนางเอกด้วยการข่มขู่เนียนลวมลาม นางเอกเป็นคนอ่อนโยนไม่สู้คน พระเอกนิยาย B ผมน้ำตาลตาฟ้า นิสัยร่าเริง ชอบแกล้งนางเอกด้วยการตามตื้อพูดแซวให้ได้อาย นางเอกเป็นสาวหวานซ่อนเปรี้ยว มิกซ์รวมกัน=พระเอกผมน้ำตาลตาแดง นิสัยร่าเริง ชอบแกล้งนางเอกด้วยการข่มขู่เนียนลวนลาม นางเอกเป็นสาวหวานและอ่อนโยน
พาโรดี้=ล้อเลียนเชิงประชด เช่น พล็อตแนวต่างโลกที่พระเอกต้องกลายเป็นเทพทรูดีกว่าชาวบ้าน หรืออาจเป็นสวะกากโคตรๆ แต่ก็จะเทพทรูในภายหลัง มีฮาเร็ม มีสกิลโกง พาโรดี้=พระเอกไปต่างโลก มีสกิลโกงและเทพทรู แต่พอจะสอยสาวเข้าฮาเร็มดันกลายเป็นต้องกินแห้วเพราะสาวๆ หันไปจับคู่ยูริกินกันเอง สกิลโกงพอใช้แล้วกลายเป็นที่เคารพบูชาของคนทั้งโลกถูกยกย่องเป็นผู้กล้า แต่พอได้เป็นก็มีหน้าที่ไม่ต่างจากเบ้ไล่ตบมังกรหรือจอมมารตามคำขอของชาวบ้าน ไปๆ มาๆ ความเทพทรูนั้นถึงจะทำให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกแต่ก็ต้องทำงานไล่ปราบหายนะแบบไม่จบไม่สิ้น
>>334 ตามที่ >>335 ว่านะเพื่อนโม่ง การเอาคาแรคเตอร์คนอื่น เอาสำนวนคนอื่น เอาระบบโน่นนี่นั่นของคนอื่นมาเขียนเป็นชุดๆ จนคนอ่านสัมผัสได้ มันจะไปเข้าข่ายหยิบโน่นผสมนี่
พูดให้เห็นภาพก็ คนเขียนไปอ่านนิยายเรื่องนั้นเรื่องนี้มา เจออันนี้น่าสนใจ เจออันไหนชอบ ก็จับๆ มาเรียงๆ ต่อๆ กันประหนึ่งงานศิลปะตัดแปะ ต่อให้ตัดแปะจนเป็นภาพใหม่ดูเนียนๆ สวยๆ มันก็คือตัดแปะอยู่ดีอะนะ
ถามนิดนึง เห็นในนี้น่าจะเคยอ่านพวกนิยายเว็บกันมาเยอะ คือ
กูอยากอ่านแนวแบบตัวเอกเป็นนักบวช(ศาสนาอะไรก็ได้)หลุดไปต่างโลกแล้วเดินทางเผยแผ่ศาสนาอะไรงี้อะ มีบ้างรึเปล่าหว่า
ทุกวันนี้กูลองนั่งอ่านพวกนิยายจีนที่มีแปลในเด็กดีแล้วรู้สึกแปลก ๆ ว่ะ พระเอกแม่งเหี้ยกว่าตัวร้ายอีกสัส แล้วยังเสือกมีหน้าไปว่าตัวร้ายชั่วอีก แถมคนรอบตัวพระเอกแม่งก็อวยชนิดที่ว่าเลียตั้งแต่รองเท้ายันซอกไข่ กูนี่แทบจะเอาตีนก่ายหน้าผาก กูอ่านต่อไม่ไหวเลยดรอปไปหลายเรื่องละ กูสงสัยมากว่าคนอ่านไม่รู้สึกแปลก ๆ มั่งหรอวะ แล้วคนจีนนี่แม่งเก็บกดอะไรมารึเปล่ากูเห็นเรื่องที่ดัง ๆ แม่งมาแนวนี้หมดเลย
เรื่องในฉีเตี้ยน (เว็ปเด็กดีจีน) ส่วนใหญ่ก็แบบนี้ละ เน้นเอามันส์ไว้ก่อน สมองไม่ต้อง ตรงข้ามกับนาโร่ (เว็ปเด็กดีญี่ปุ่น) ที่พระเอกเอื่อยเฉื่อยเหลาะแหละคิดแต่จะกินซูชิ ข้าวสวย และทำตัวอ่อนแอ
แต่นิยายพวกนี้ส่วนใหญ่ขยะทั้งนั้น ขายแบบเล่มไม่ดีนักหรอก เพราะมันด้อยค่าเกินกว่าจะซื้อเป็นเล่ม นิยายแบบเล่มที่ขายดีคือพระเอกจะต้องเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่ทำตามคติเต๋า คือผ่านความทุกข์ยาดนานับประการเพื่อบรรลุเป้าหมาย แต่ยังไม่สูญเสียธาตุแท้ (จิตดั้งเดิม) ของคน นี่เป็นแบบฉบับที่คนจีนชอบที่สุด และขายดีที่สุดด้วย
ฉีเตี้ยนก็ไม่ต่างจากเด็กดีหรอก มันมีแบบแผนการติดท็อปของมัน ส่วนใหญ่จะเป็นขยะขายไม่ออก แต่เรื่องที่ดีคือดีจริงๆ อ้อ ฉีเตี้ยนมีระบบให้เงินคนเขียนตามยอดวิวนะ ดังนั้นตอนนึงจะสั้นๆ ลงถี่ๆ ลงยาวๆ และมุกตันกลางทางซะส่วนใหญ่
ลืมตอบข้อแรก เท่าที่รู้ไม่มี เพราะตอนนี้คนไม่มีศาสนาเยอะ การเล่นประเด็นศาสนามันขายยาก และอาจถูกมองในแง่ลบได้หลายอย่าง แต่ถ้าเป็น sub plot ก็พอมี อย่างหวงสือในจอมทัพพลิกแผ่นดิน ย้อนเวลาไปดัดแปลงศาสนาคริสต์ในจีนเพื่อสร้างทหารศาสนา
นอกนั้นคิดไม่ออกแฮะ แต่น่าสนใจดี
>>337 เคยมีคนยกเรื่องคนจีนเก็บกดด้วยเว้ยเฮ้ย
ถ้านึกเล่นๆ เท่าที่จะเป็นไปได้ก็คือ คนที่เป็นบิดาหรือมารดาหรือบรรพบุรุษปลูกฝังความเกลียดชังที่มีต่อเหตุการณ์ในอดีตผ่านมายังรุ่นลูกรุ่นหลาน แล้วทำให้เด็กคนนั้นโตขึ้นมามีอคติกับชาติอื่น โดยที่เด็กคนนั้นไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ กับสงครามในอดีตครั้งนั้น เด็กคนนั้นก็โตมาเป็นผู้บริหารพร้อมทั้งความคิดชาตินิยมที่ถูกปลูกฝังมาแบบผิดๆ
ซึ่งถ้าผมมองก็เหมือนประวัติศาสตร์ไทยที่ปลูกฝังให้เราเกลียดชาติอื่น เช่น พม่า เขมร โดยที่จริงๆ แล้วเรื่องสงครามในอดีตมันก็ผ่านมานานจนไม่มีใครเหลือชีวิตกันอยู่แล้ว แต่ในปัจจุบันเราก็ยังเน้นปลูกฝังเรื่องเหล่านี้ในหัวของเด็กรุ่นหลังกันต่อไป
ส่วนตัวคิดว่าเราควรจะเลิกล้างสมองเด็กรุ่นหลังกับเรื่องราวในอดีต ถึงแม้ว่ามันจะขมขื่นแค่ไหน เพราะการปลูกฝังเรื่องนี้ผมมองว่าไม่ได้มีประโยชน์อันใดแม้แต่น้อยครับ ท่าจะสอนก็ควรถ่ายทอดเป็นอุทธาหรณ์สอนให้เด็กรุ่นใหม่อย่าทำแบบอย่างคนรุ่นเก่าซึ่งน่าจะมีประโยชน์มากกว่าครับ
ในอดีตจีนเคยเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ แต่พอจนฝรั่งยุคล่าอาณานิคมรุมกระซวก
วางยาใช้ฝิ่นทำลายชาติ และบอกว่าคนจีนเป็นคนป่วยแห่งเอเซีย
จีนก็หมดความยิ่งใหญ่ พอยุดสงครามโลก ก็โดนญี่ปุ่นยำเละ อย่างเรื่องน่านกิงนี่ใครอ่านจะรู้ว่าโหดพอกับนาซีทำกับยิว
ส่วนตอนนี้
อเมริกาก็ยังกดดันจีนอยู่ตลอดเวลา เพราะประเทศจีนมีศักษภาพมาตั้งแต่ยุคโบราณ กลัวจะยิ่งใหญ่เหนือตน(ฝรั่งผิวขาว)อ เช่นเดิมอีก
ถ้าจีนไม่คิดเรื่องสงครามที่เคยโดน ป่านนี้คงเละเทะแตกประเทศเป็นสิบไปแล้ว
สงครามไม่เคยหมดจากโลกนี้นะ
>>340 ปัญหาคืออเมริกายังเอาเรือรบมาปิดล้อมจีนอยู่นะ
ประชาชนก็ต้องรู้สึกต่อต้านเป็นธรรมดา
แถมยุแหย่ให้ดินแดนต่างๆ แยกตัวจากจีนตลอดเวลา
เกมการเมืองที่เปิดหน้าแบบนี้ ยังไงจีนก็ต้องโกรธอยู่แล้ว
ส่วนไทยเราไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องอะไรเลย
แค่เขมรยังปะทะกันตูมตามไปไม่กี่ปีนี่เอง ถ้าเราไม่มีอาวุธเหนือกว่ามาก รับรองทางเขมรไม่หยุดหรอกครับ
อนาคตอีกถ้าฝั่งพม่าเขาสงบเมื่อไร ปัญหาเรื่องดินแดนรอยตะเข็บ ได้ถกเถียงกันอีกหลายจุด เพราะพม่าถือว่าชาติของเขายิ่งใหญ่ในแถบนี้
ถ้ายอมรับความจริง ด้านเชื้อชาติแถวนี้ ยังดูถูกดูแคลนกันมาโดยตลอด ไม่มีใครชอบใครด้วยใจจริงหรอก
ไม่ว่า พม่า ลาว เขมร ไทย เวียดนาม มลายู มีโอกาสก็พร้อมเสียบข้างหลังทันที
แบบภาคใต้เรา ถ้ามาเลไม่สนับสนุนเป็นที่หลบภัยกลุ่มแบ่งแยก
ก็คงไม่ยืดยื้อมาถึงทุกวันนี้
กูว่าพวกมึงไปไกลกันละ ขอตัดกลับมาที่นิยายเด็กดีดีกว่ามึง
พักชมสิ่งที่น่าสนใจกันสักครู่ เห็นว่าคนเขียนเรื่องพระชายารั่วซีดราม่าแรงมาก ประชดถึงขั้นแบบว่าขอบคุณที่ทำให้รู้ตัวว่าบกพร่องทางสมอง กูจะเข้าไปดูมันปิดตอนไปแล้ว อมก.
ถ้าพูดถึงลอกหรือแรงบันดาลใจของพวกจีนเสิ่นเจิ้นนะ เรื่องหวนก็พอกัน ถ้าอ่านนิยายแปลจีนดังๆ มาเยอะหน่อยจะรู้สึกถึงกลิ่นอายและบางฉากจากหลายๆ เรื่อง อย่างอีฉากต้อนรับเจ้าหญิงต่างเมืองแล้วเจ้าหญิงออกมาเต้นระบำโยนผ้าอ่อยผู้ของนางเอก นางเอกหวงรับผ้าแทนแล้วออกไปเต้นประชัน แม่มใช่มาก ลำนำทะเลทรายไงจะอะไรล่ะ
พวกคนเขียนพวกนี้ส่วนใหญ่อายุยังน้อย ไม่เข้าใจว่าอะไรคือผิดคือถูก แยกไม่ออกระหว่างลอกกับแรงบันดาลใจ บางคนก็สับสนระหว่างพาโรดี้กับจิ๊กส่วนเล็กส่วนน้อยจากตรงนั้นทีตรงนี้ทีมายำใหม่
ประมาณว่าลอกเอาฉากเด่นในนิยายอื่นมาไว้ในนิยายตัวเอง แทนที่จะคิดประชันอย่างอื่นแทน
แต่เข้าใจได้อยู่เพราะขนาดแค่พล็อตใหญ่แค่ออกไปแนวเดียวกันอย่าง เรื่องพิษสวาท ยังโดนวิจารณ์มากมายเป็นดราม่า
ซีรีย์ Mr. ROBOT ลอกทุกอย่าง คนแต่งออกมายอมรับด้วย ว่าแม่งไม่แคร์
แฟนๆก็ด่านะ แต่มันก็บอกว่างั้นมึงก็ไปดู Walking Dead ต่อไป ไม่ต้องมาดูของกู
>>348 เราคือ 347
ไม่เชิงนะเพื่อนโม่ง ออกแนวว่า เด็กๆ กลุ่มนี้ไปอ่านนิยายเจออะไรที่โดนใจก็จะจับมาไว้ในนิยายตัวเองน่ะ บางคนทำไปโดยไม่รู้ตัวก็มี แต่บางคนทำไปโดยเจตนาเพราะเข้าใจผิดว่าการทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องผิด
ไปอ่านที่ตัวเองพิมพ์ไปใน 347 แล้วรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับคนเขียนเรื่องหวน ขอแก้คำใหม่นะ ขอแก้เป็น "อ่านฉากนั้นแล้วเหมือนเห็นภาพฉากฉากนึงของเรื่องลำนำทะเลทรายลอยขึ้นมา" แทนก็แล้วกัน ฉากอื่นๆ เป็นต้นว่า ฉากปลอมตัวแจกข้าวต้มก็เหมือนกัน เพื่อนโม่งที่เคยอ่านผลาญอาจจะคุ้นกับสิ่งนี้ แต่จะได้ "แรงบันดาลใจ" มาแค่ไหน ไม่ขอฟันธงดีกว่า พวกสูจงไปพิสูจน์เอง
วาป "หวน" แจ้ : https://writer.dek-d.com/hardinese/story/view.php?id=1429054
กูชอบพวกที่ออกมาพูดว่า "กูลอกแล้วจะทำไม กูไม่แคร์ มึงไม่พอใจก็ไปอ่านอย่างอื่น" นะ อยาเห็นสักครั้งในชีวิตเขียดน้อยจริมๆ
นักเขียนคนไหนมาพูดนะกูจะตบมือให้พร้อมกับชูป้ายไฟตัวใหญ่ๆ ให้ว่า "ขอบใจที่บอก โอเคค่ะ พวกกูไปอ่านต้นฉบับดีกว่า บรัยส์ส์ส์"
นี่อารีนะ ขอนิยายแนวเกมออนไลน์แบบไม่ยาวมากแต่น่าสนใจสักเรื่องนึงสิ อยากลองอ่านดูว่าพอมีแนวต่างโลกมา ไอ้นิยายออนไลน์พวกนี้มันพัฒนาไปถึงไหนแล้วอะ
อห คนเขียนเรื่องคนคืนชีพหนังสือเหมือนจะประกาศทำมือว่ะ แต่แม่งประกาศว่าเอนเฟอร์วาดปกให้ เยดแหม ต้องขายกี่เล่มถึงจะได้ค่าวาดวะ
>>354 14 ตอนเสือกได้ขึ้นท๊อป
https://writer.dek-d.com/pinkko911/story/view.php?id=1505551
>>354 >>359 เพิ่มนิยายชื่อเกมเชยสุดๆ
https://writer.dek-d.com/ping2513/story/view.php?id=1247398
นิยายลงในเน็ตเน้นบันเทิงเริงใจ มันเปลี่ยนสไตล์ไม่มากหรอก
ทั้งแกรี่ ทั้งเปียว ทั้งเทพทรู สวย หล่อ รวย เป็นท่านชาย เป็นฮ่องเต้
คนอ่านส่วนใหญ่ชอบแนวนี้ เพื่อความบันเทิงใจ ขนาดคนเขียนมานานที่ได้ออกหนังสือ ก็มาแนวนี้เกือบหมด เพื่อนโม่งทำใจเถอะ
ว่าแต่เรื่องใหม่ก็ยังแนวออนไลน์เหมือนเดิมเหรอวะ
>>368 กูถึงกับไปค้นมาเลย เขียนจบแล้วเร็วๆนี้มีจำนวนตอนไม่เกิน50-60 มีอยู่สองสามเรื่องว่ะ เลือกเอาตามสะดวก
https://writer.dek-d.com/inthedarkz/story/view.php?id=1178002 >>>อันนี้มี 55 ตอนจบ
https://writer.dek-d.com/AneungTassana/story/view.php?id=1494016 >>>อันนี้มี 6 ตอนจบ นิยายบ้าอะไรวะมีแค่ 6ตอน?
https://writer.dek-d.com/jeels-gee/story/view.php?id=1287658 >>>อันนี้มี 15 ตอนจบ
มา กูอ่านจบละ ก็พอใช้ได้นะมึง แต่ทีจุดน่ารำคาญอยู่
สัส! มึงจะยกการอุปมาอุปไมยใส่ปรัชญามาทำไมหลายย่อหน้า คือเข้าใจนะว่าแต่งแนวพาโรดี้เชิงปรัชญา แต่มันจำเป็นด้วยหรือที่มึงต้องพร่ำเพ้อว่ามนุษย์มันอย่างงั้นอย่างงี้ เล่นเกมเหมือนเสพยาจนเสียสุขภาพเสียเงินเจ้าโรงบาลแล้วมาตั้งสเตตัสว่าไม่มีตังไปอิตาลี แค่บทแรกกูเจอว่าด้วยเรื่องวิสัยมนุษย์ในสังคมโลกแทบจะกดปิดละ ดีที่ยังมีเนื้อหาน่าสนใจอยู่เลยอ่านต่อได้เรื้อยๆ ชอบมุกเรื่องถาม AI ความคิดเห็นต่อหนังสือแฮรี่ ไส้เดือนตาบอด คือมันไม่ถึงกับฮาลั่นแต่กูชอบว่ะ ถ้าตัดไอ้ส่วนปรัชญาพร่ำเพ้อจากย่อหน้าเกือบสิบบรรทัดให้เหลือแค่สองสามบรรทัดหรือบทละรอบก็พอ นี่บทหนึ่งมึงก็ยัดมาทุกสองย่อหน้า ประม่ณ 60% ของเนื้อหา น่ารำคาญ
พล็อตก็น่าสนใจดี เป็นเรื่องราวว่าพระเอกเป็น GM แก้บั๊กกับ AI สาวแว่น ที่เป็นลูกน้อง (และน่าจะเป็นนางเอกด้วย) ทำหน้าที่ปกติทุกวัน แต่วันนี้หลังแก้เสร็จก็มีปัญหาจากโลกภายนอกว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทเกมระเบิด ตอนนี้ใช้ไฟสำรองแทนแต่คงอยู่ได้ไม่นานเพราะมีไฟไหม้ด้วย ระบบออฟไลน์ก็ถูกไฟไหม้เลยออกจากเกมไม่ได้ ซึ่งถ้าปล่อยให้เครื่องคอมมันดับเองมีโอกาสสูงมากที่ทุกคนในเกมจะตาย แต่ปัญหานี้พอแก้ได้ด้วยการหาเครื่องปั่นไฟมาใช้เพิ่มและรีบสร้างระบบออฟไลน์ใหม่ แต่ต้องมีการประหยัดพลังงานโดยการไล่ปิดพื้นที่ในเกม เลยมีคำสั่งให้อพยพผู้เล่นหกแสนกว่าคนไปที่เมืองหลวงของเกมโดยเดินออกจากเมืองเล็กผ่านดันเจี้ยนโหดๆ แล้วค่อยไปวาร์ปที่เมืองใหญ่ ระหว่างที่อพยพก็มีปัญหาทั้งจากมอนสเตอร์ ผู้เล่นโลภไปฉกสมบัติห้องลับบอสเพราะรู้ทางลับจากแผนที่ GM เลยพาคนไปตายซ้ำยังล่อบอสมาหาที่ค่ายอีก พื้นที่ในเกมถูกไล่ปิดทีละส่วนเพื่อประหยัดพลังงานให้มีไฟเหลือพอไปเลี้ยงเครื่องคอมหลักที่คุมโลกเกม ซึ่งโซนที่ปิดไปที่แรกทุกคนผ่านมาได้ แต่เริ่มมีปัญหาติดต้อกับโลกภายนอกไม่ได้ ที่สองมีคนติดอยู่ในนั้น ก็เหมือนถูกลบหายไปด้วย เลยเริ่มมีดราม่าหมดแรงใจ พอมาถึงเมืองที่จะวาร์ปก็เจอปัญหาไม่ให้เข้าเมืองต้องรอรากงอก จนโซนที่พักอยู่กำลังจะปิดตัว พระเอกที่เริ่มมีความเห็นแก่ตัวก็ฆ่าคนที่ขวางหน้าถล่มประตูเมืองเดินเฉิดฉายไปหาแกนวาร์ปได้สำเร็จ พอมาถึงเมืองหลวงก็เจอปัญหาคนแออัดมากดว่าเดิมเพราะพื้นที่ไม่พอสำหรับผู้เล่นหกแสนกว่าคนพ่วงด้วย NPC AI ที่พวกผู้เล่นไม่อยากให้มาอยู่ด้วยเพราะเห็นว่าไม่ใช่คนเป็นแค่สิ่งประดิษย์ แต่พระเอกมันมีความผูกพันกับ AI เลยหาเรื่องเชื่อมโยงให้ NPC กับ AI มีงานทำช่วยเหลือได้ พอถึงเวลาที่กำหนดว่าระบบออฟไลน์ทำเสร็จ แต่ปรากฎว่าเมืองหลวงกำลังจะถูกปิด พวกผู้เล่นเลยแตกตื่นหนีตายกันอลหม่าน พระเอกที่คงเริ่มปลงก็นั่งบนหลังคามองพร้อมจิบกาแฟคู่กับ AI ลูกน้องและเพื่อนที่ตามมาสมทบอีกคน จากนั้นก็จูบกับ AI สาวแว่น จบ
เพื่อนโม่ง ซอมบี้นกฮูกเปิดจองละว่ะ ไปส่องมา จองจะสี่ร้อยละ กูสงสัย นิยายกลวงๆ แบบนี้มันขายได้เหรอวะ เล่มก็แพง 400 กว่าบาท
ถึงจะมีปรัชญาอุปมาอุปไมยอยู่ยุบยั่บแต่บางจุดมันก็ไม่แน่นหรือยัดเยียด ยังคงมีความฮาอยู่ เช่นบทสุดท้ายที่ว่าภาวนาให้พวกศาสดามาช่วยกันยังไง? ฟื้นมาเสกให้ไฟไหม้ดับไปหรือพาออฟไลน์โดยไม่พึ่งระบบออฟไลน์ แต่ถ้าตัดไอ้ส่วนนี้ออกไปหน่อยจะดีงามขึ้น 20% พล็อตก็สนุกดี สำนวนการเขียนไม่แย่เกินไปแต่ก็ไม่ดีเลิศเลอ ถ้ามึงเป็นพวกขี้เกียจอ่านการอุปมาอุปไมยแนะนำให้เลื่อนข้ามไปเถอะ มันแทบไม่เกี่ยวเหี้ยอะไรกับเนื้อเรื่องหลักเลย จบได้แบบปลายเปิดให้มโนกันต่อเองว่าพระเอกมันจะรอดหรือตาย และตกลงที่โลกภายนอกปัญหาที่แท้จริงมันแค่ไฟไหม้จริงหรือ? เป็นการพาโรดี้ที่มีสีหม่นหน่อยๆ ถ้าใครชอบอ่านเนื้อหาแบบบันเทิง 30% สาระ(?) การอุปมาปรัชญาว่าด้วยสันดานคนและสังคมของโลกนี้ 70% มึงก็ลองอ่านซะ แค่หกบทเอง ถ้ามึงทนการบรรยายแบบการเขียนนิทานชาดกได้นะ
สรุปคะแนน 7/10
ปล.อ่านนิยายเรื่องนี้กูรู้สึกเหมือนกำลังจะบรรลุหนทางชีวิต มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตประเสิรฐที่มีความเห็นแก่ตัว กลัวสิ่งที่ตนสร้างขึ้นจะย้อนกลับมาทำร้าย พวก AI และ NPC ก็เหมือนผีในโลกออนไลน์ มนุษย์ช่างแปลกประหลาดพูดคุยกับผีค้าขายกับผี โอ้~ นี่แหละมนุษย์
>>371 มึงหมายถึงคนเขียน 7การ์ดป่ะ ถ้าใช่เรื่องใหม่เขาเป็นนิยายผจญภัยนะกูอ่านเรื่องนี้อยู่ รู้สึกมีสาระกว่าออนไลน์เยอะ ส่วนไอ้ที่โม่งมาแปะล่าสุดนี่กูเห็นประกาศว่าเป็นเล่มพิเศษไม่ได้ยาวมาก กูเดานะ ว่าเรื่องชื่อน่าจะเปลี่ยนไม่ให้มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ เพราะตอนแรกเห็นตั้งชื่อคล้ายๆเดิม แต่ไม่แน่ใจเหมือนกัน
>>376 ความเห็นกู ที่ขายได้ก็จากฐานแฟนคลับนิยายเรื่องเก่าด้วย และนิยายซอมบี้แนวนี้มันก็แหวกแนวดี อ่านแล้วรู้สึกว่าซอมบี้มันก็มีมุมน่ารักอยู่นะ มีความฮาเบาสมองที่นิยายซอมบี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมี (เพราะแม่งเน้นการบู๊เชือดน้องซอมหรือตบตีกันเอง) คนอ่านที่ชอบนิยายแหวกแนวก็มีเยอะอยู่นะมึง สรุปคือ มีคนชอบอ่านพร้อมเปย์มากเท่าไหร่ไอ้ฮูกก็ขายได้มากเท่านั้นแหละ
กูรออารีให้คะแนนอยู่ อยากรู้ว่าน่าอ่านไหม พอดีกูไปเจอนิยายในบอร์ดเรื่องหนึ่งเพิ่งมาแค่บทนำ ดูสำนวนแล้วตรงจริตกูพอสมควร อยากรู้ว่าอารีคิดไง
https://my.dek-d.com/must-go-on/writer/view.php?id=1535554
เรื่อง : World without rules Online
link : https://writer.dek-d.com/ping2513/story/view.php?id=1247398
จำนวน : 25 ตอน
สถานะ : ยังไม่จบ
เนื้อเรื่อง เกียร์เป็นนักเรียนม.ปลายที่โคตรเพอร์เฟค รักความอิสระ อาศัยอยู่กับน้องสาว มีเพื่อนสนิทชื่อไอซ์(มั้ง) ซึ่งเป็นเทพในเกม World without rules Online ที่เกียร์ไม่คิดจะเล่น เพราะรำคาญที่จะต้องวิ่งส่งเควส แต่ในเมื่อน้องสาวชวน บอกว่าเกมนี้อิสระ เกียร์ก็เลยลองเล่น ตอนที่ไปซื้อเครื่องเล่นเกมนั้นก็ปรากฎว่าเป็นเครื่องสุดท้ายของสาขา เลยได้รางวัลเทพๆมา คือกล่องสุ่มของเทพ จากนั้นเกียร์ก็เข้าไปเล่นเกมแล้วเปิดกล่องเทพได้ชุดและอาวุธเทพ เก็บเลเวลไปเรื่อยๆจนเทพ แล้วก็บังเอิญไปเจออาจารย์สอนวิชาเทพ เลยเก่งเทพ จากนั้นก็ไปทำเควสเทพ ต่อสู้กับสัตว์เทพในวิหารเทพ ชนะมาแล้วก็ยิ่งเทพ ไปปาร์ตี้กับกลุ่มคนขี้เก๊กโดยไม่เปิดเผยว่าตัวเองเทพ แต่เดี๋ยวสักพักคงได้โชว์เทพให้พวกนั้นเหวอแดก
ในโลกความจริงก็ปรากฎว่ามีผู้หญิงตระกูลสูงคนหนึ่งชื่อว่าริน รินเป็นคู่หมั้นของเกียร์ รินจึงย้ายมาอยู่บ้านเกียร์พร้อมกับบอดี้การ์ดสองคน ซึ่งจริงๆแล้วเรื่องก็เปิดเผยว่าไอ้เกียร์เองก็มีชื่ออยู่ในทำเนียบบอดี้การ์ดเทพๆ ซึ่งเป็นระดับเทพ เก่งเทพ เทพจริงๆ เทพสัสๆ เทพเหี้ยๆ เทพจนไม่รู้ว่าจะเทพยังไง
จบ 25 ตอน ต่อไปเป็นการให้คะแนน
คำผิด: ว่าเรื่องที่แล้วเหี้ยแล้ว เรื่องนี้แม่งจัดเต็มมากๆ คะ-ค่ะ ผิด สะกดคำง่ายๆผิด แม้แต่ง่ายแบบง่ายมากๆก็ผิด การใช้คำก็ไม่ได้สละสลวยอะไรเลย คลังศัพท์มีน้อย เว้นวรรคก็ผิด อะไรๆแม่งก็ผิด แต่กูขอใช้ความอารีให้คะแนน 10/10 ไปเลย
การบรรยาย: บรรยายแทบไม่รู้เรื่อง ที่อ่านได้เพราะมันใช้ศัพท์ง่ายๆ ผสมกับการจินตนาการฟุ้งๆ ทำให้บางตอนก็ใช้บุรุษที่หนึ่งบ้าง บุรุษที่สามบ้าง แบบบรรทัดนี้เป็นบุรุษที่สาม บรรทัดต่อไปเป็นบุรุษทีหนึ่ง กลับมาอีกย่อหน้าหนึ่งก็กลายเป็นบุรุษที่สามอีกแล้ว การบรรยายตัวละครและฉากทำได้เหวี่ยง คือแทบมองไม่เห็นภาพเลยว่าเป็นยังไง อาศัยการจินตนาการล้วนๆ บอกป่าไผ่ก็คิดเอาเองว่าป่าไผ่มันหน้าตาแบบไหน บอกหมาป่าขนเงิน ตอนแรกก็พยายามมองว่ามันคือหมาป่าขนสีเงินๆ แต่แม่งเสือกยิงธนูได้ด้วยกูก็เลยงงว่าแม่งหมายถึงมนุษย์หมาป่าหรือเปล่า เพราะฉะนั้นกูขอชื่นชมมาก เอาไป 10/10 เลยละกัน
ตัวละคร: แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร พระเอกโลกส่วนตัวสูง มีความเทพในทุกรูขุมขน ขนาดขี้ยังเป็นทอง อยู่บ้านกับน้องสาว รักน้องสาวมาก มีเพื่อนเย็นชา แถมยังมีคู่หมั้นเป็นคุณหนูผู้ทุ่มเทพสุดๆ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าตัวละคนเหล่านี้มีมิติที่ลึก และน่าสนใจว่าจะมีพัฒนาการด้านอารมณ์อย่างไรบ้าง ให้ 10/10
เนื้อเรื่อง: อ่านแล้วรู้สึกเหมือนกับได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปสมัยปี 50 พระเอกได้เครื่องเกมเทพ ได้ของเทพ ผจญภัยแบบไม่แคร์ลาภยศชื่อเสียงแต่มีสาวมาติด เก่งแม่งทั้งนอกเกมในเกม ถือได้ว่าคลาสสิกมากๆ กูชอบ ให้ 10/10
สรุปคะแนน 40/40 ไม่อ่านเรื่องนี้ก็เสียชาติเกิดแล้ว
เพื่อนโม่ง ของวาปมู้นินทาทีสิ
>>391 มึงหมายถึงอันนี้?
https://fanboi.ch/netwatch/2807/recent/
>>393 อัพบ่อย โครงเรื่องพิมพ์นิยม (ไม่ใช่เหมือนแค่แนว เส้นเรื่องต้องเหมือนด้วย เปลี่ยนแค่องค์ประกอบ) ไม่เน้นเรื่องรักมากนัก เน้นแต่ความเทพของตัวเอก (ด้วยความเทพก็ทำให้สาวติดได้แล้ว ไม่ต้องสร้างสตอรี่อะไรให้มาก)
บรรยายกระชับ ไม่เน้นสวย เน้นตัวหนังสือใหญ่ ตอนนึงไม่ยาวมาก จบตอนค้างคา
น่าจะประมาณนี้
น้องคนนี้เขียนใช้ได้ว่ะ เห็นบอกเพิ่งแต่งเรื่องแรก แต่ตินิดหนึ่งเขียนสั้นไปหน่อย ไม่ค่อยอิ่มเลยว่ะ
https://www.dek-d.com/board/view/3696463/
กูอ่านอีตจว.แล้วเฉยๆ ออกจะรำคาญนางเอกและความยืดยาดของเรื่องด้วยซ้ำ นางเอกแม่ง เอ๋ เอ อ๊ะ อยู่นั่นล่ะ เป็นลูกครึ่งยุ่นอ่อ ไม่ตรงจริตกูขั้นรุนแรง ยกเว้นถ้าหักมุมกลายเป็นนิยายสยองขวัญ ลึกลับ ฆ่ากันเลือดสาด ตายกันรัวๆ กูจะโอเค
มีใครอ่านเสี่ยวหวางเฟยบ้างมะ อยากถามว่าเรื่องนี้จะไปแบบมีพระเอกคนเดียวหรือ all วะ
สวัสดีค่ะ พี่ๆ และ เพื่อนๆ โม่งทุกคน ชื่อมัสท์คนแต่ง รักวุ่นวายของยัยต่างจังหวัดเองค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าไม่เคยรู้จักเว็บนี้เลยค่ะ พอดีมีเพื่อนชอบมาอ่านเว็บนี้ เพื่อนแนะนำว่าสำนวนดีนะ ลองเอาเรื่องมาให้โม่งอารีสับดูสิ แต่เราไม่กล้า เพื่อนเลยเอามาลงให้แทน ส่วนพี่ๆ คนอื่นที่เอามาลงขอยืนยันว่าไม่รู้จักเลยค่ะ ส่วนพี่ที่บอกอยากให้หักมุม ต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ตั้งใจเขียนให้ออกมาเบาสมองไม่มีสาระค่ะ สุดท้ายนี้ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านค่ะ
>>406 เค้าคือโม่งอารีนะ อย่างที่เคยบอกไปว่ามันยังสั้นมากๆ ไม่สามารถบอกอะไรได้หรอกนะคะ อีกอย่าง ถ้ามาให้เค้าสับยังไงเค้าก็หักคะแนนเตงเรื่องมุมมองการบรรยายอยู่ดี
เอาเป็นว่าสู้ๆนาจา เขียนให้ได้สักสิบตอนแล้วค่อยเอามาแปะใหม่ ปกติเขาก็ชอบแปะนิยายตัวเองกันอยู่ละ ไม่ต้องเนียนกะได้ค่า
>>412 ค่ะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ เรื่องไอพีไม่ได้สังเกต แต่คิดว่าคงเพราะใช้ไวไฟตัวเดียวกัน เราใช้คอมคนละเครื่องกับเพื่อนค่ะ เราแค่อยากให้คนมาวิจารณ์นิยาย แต่เพื่อนเสนอตัวมาช่วย ถ้าจะผิดก็ผิดที่เราเองแหละค่ะ เพราะตอนที่เขาโพสเราก็อยู่ด้วยกัน ขอโทษอีกครั้งค่ะถ้าทำให้ทุกคนไม่พอใจ
น้องเขาเป็นคนรักษาภาพลักษณ์ พวกมึงก็มีน้ำใจหน่อยดิเฮ้ย ปรบมือให้น้องเขาหน่อยสิ Very Very Strong ขนาดนี้
ไม่ต้องคิดมากว่ะ เหล่าโม่งนึกออกกันหมดอยู่แล้ว
มึงก็เห็นใจน้องมัสท์เขาหน่อยเพื่อนโม่ง ไม่มีคนดูนิยายให้ แล้วยังโป๊ะแตก เขาก็ต้องหาทางเอาตัวรอดปะว้า
เพื่อนอยู่ห้องเดียวกันถ้าไม่ใช่ผู้หญิงแฟนอยู่แล้วล่ะค่ะ มัสท์ไม่ต้องมาบอกก็ได้ว่าคนนั้นเป็นเพื่อน เสียใจค่ะที่มาบอกกลับถูกหาว่าตอแหล
- โม่ง ไม่ใช่เวปสาธารณะปกติ ที่นักเขียนนักอ่านปกติจะเจ้ามาใช้งาน คือมั้นต้องรู้แหล่งรู้แนว
- ถ้าเพื่อนหรือแฟนเล่นเวปนี้รู้จักเวปนี้ อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้ว่าเอานิยายตอนเดียวมาลงแล้วเชียร์ว่ามันดีแบบนั้นนี้ ผลจะเป็นยังไง แล้วพอมีสองตอนก็ยังแบบเดิมอีก แถมบอกว่าเจอจากเวปอีก
- ไม่ต้องชี้บอกหรอกนะ ว่าอ่านตรงนั้นตรงนี้ให้ดีสิ บอกไปแล้วนะ โม่งมีสมองพอ และประมวลผลเป็น และเพราะมันเป็นโม่ง ใครอยากจะเชื่อยังไงก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าไปบังคับเขา
เอาน่า เรื่องเล็กน้อย จบๆกันไปกะได่ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเลย หานิยายเรื่องอื่นมาสับกันจะดีกว่าน่า
ขอพักเรื่อง นู๋มัสท์ เดอะ ม้า เอาไว้ก่อน
โม่งอารีสับนิยายไปถึงไหนแล้ววะ? กูรออ่านต่อ
เฮ้ยๆ มึง มีคนมาวอร์กับนิยายกิ่งน้าว่ะ
อยู่หน้านิยายแน่ะมึง ลองไปอ่านแล้วมาเสวนากัน
กูเห็นด้วยกับคนวอร์ว่ะ มึงคิดดู ใครมอบอำนาจให้คนอื่นโดยไม่มีผลงาน แม่งโดนด่ากราดทุกราย ทีงี้พระเอกแม่งไม่โดนนินทาเชี่ยอะไรเลยเว้ย โลกสวยมาก //กุโปรยเมล็ดดอกลาเวนเดอร์แป๊บ
กูเพิ่งรู้ว่าคนในโม่งตามงานกิ่งน้าด้วย
ลองไปอ่านที่เขาตอบเม้นดูละ จริงๆเรื่องแบบนี้ปล่อยๆไปก็ได้ คงมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบล่ะ อาจบอกไปว่า ให้รอติดตามต่อไปยังจะน่าฟังกว่า
นี่มา ซันอย่างโน้น ซันอย่างนี้ ซันบลาๆ แม่งดู self-insert สัสๆ
โม่งฮูกลับมาแล้วเพื่อนโม่ง ใครสนใจให้สับนิยายไหม
เห็นน้องมัสท์แล้วกูสงสัยเลยว่าคอมคนละเครื่อง wifi เดียวกัน จะไอพีเดียวกันมั้ย ขอเทสต์หน่อยนะเพื่อนโม่ง กูจะใช้คอมกู 1 คอมเมท 1 มือถือกูอีก 1 เริ่มจากโพสต์นี้แล้วกัน
เทสต์ไอพีคอม 2
เทสต์ 3 มือถือกูเอง ค่อนข้างคือว่าไอพีเดิม
>>448 ไม่แน่แล้วว่ะ เรื่องไอพีแม่งไม่แน่นอนสุดๆ ใน >>447 กูใช้คอมเพื่อน แบบเปิดคอมใหม่เลยนะ ผลออกมาคือไอพีเดิม ไม่รู้เกี่ยวกับความเสถียรของเน็ตหรือเกี่ยวกับที่ว่าเป็นเน็ตที่มีคนใช้เยอะหรือเปล่า ก่อนหน้านี้กูใช้เน็ตมหาลัย กระตุกเป็นพักๆ ไอพีก็เปลี่ยนบ่อยเหมือนกัน
กูโม่งเรื่องสั้น กูไม่อยู่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นก๊อ ไล่อ่านเรื่องหนูมัสแล้ว เห็นเพื่อนโม่งบอกเป็นไปได้ใช้สองเครื่องแต่ได้ไอพีเดียวกัน ไล่ดูคอมเมนต์ของหนูมัสจากการบอกล่วงหน้าแล้วว่าเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน ก่อนจะถูกทักไอพี กูว่าใช่อยู่นะ น้องบอกก่อนแล้วว่าเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือผัวนั่นเอง สรุปผัวเป็นคนขี้เมียเป็นคนเช็ดอย่างงั้นก๊อ เป็นไปเว้ย แต่สำหรับกูไม่สนใจหรอกมึงจะเป็นใครมาจากไหนถ้าเอานิยายมาวางในโม่ง ถ้ากูมีอารมณ์ก็สับให้ ไม่มีก็ปล่อยผ่าน ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ว่ะ ดูบอลจบก่อนเน้อหนูมัสเดี๋ยวพี่โม่งเรื่องสั้นจะพิจารณาอีกที
รักวุ่นวายของยัยต่างจังหวัด
ไหนๆ น้องก็วอนท์มากสำหรับคำวิจารณ์จากโม่ง พี่โม่งเรื่องสั้นของน้องๆ ก็จะอาสาวิจารณ์ให้เอง เหตุผลไม่มีไรมากคือวันนี้กูใจดี เอาล้อมวงเข้ามาจะเริ่มแล้ว
สิ่งแรกที่สะดุดเลยคือ ไม้ยมกเยอะแท้เหลา ในหลายจุดที่ใช้หากไม่ใช้ก็ยังสามารถคงความหมายเดิมไว้ได้ เช่น "นี่ๆ พวกเธอ ฉันมีอะไรอยากจะบอก ทุกคนต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่านี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้มาเมืองหลวง" >>> "นี่พวกเธอ ฉันมีอะไรอยากจะบอก ทุกคนต้องไม่เชื่อแน่ ว่านี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้มาเมืองหลวง" เห็นไหมเอาออกไปทั้งหมดความหมายก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
หรือ "ฉันได้มาเรียนที่นี่จริงๆ เหรอนี่ น้ำตาฉันอยู่ๆ ก็ไหลออกมาอาบแก้ม" >>> "ฉันได้มาเรียนที่นี่จริงเหรอนี่ น้ำตาฉันอยู่ๆ ก็ไหลออกมาอาบแก้ม" เท่าที่ไล่อ่านดูเป็นคนที่เสพติดไม้ยมกมาก ถึงมากที่สุด เลิกซะเน้อ
ต่อมาคำว่า "นี่ๆ" คือความจริงแล้วมันก็ใช้ได้นะในการเขียนนิยาย แต่นึกออกไหมว่ามันเป็นภาษาพูด มันไม่ควรอยู่นอกเครื่องหมายคำพูด ถึงจะมาแย้งว่าเดินเรื่องแบบมุมมองที่หนึ่งเป็นความนึกคิดของตัวเอก จะบอกไงดีสำหรับคนที่เขียนใหม่ เอาเป็นว่าบทบรรยายไม่ว่าจะเป็นมุมมองไหนต้องใช้ภาษาทางการ มันคล้ายกับการที่เราพูดปกติกับการออกไปพรีเซนต์งานหน้าห้องนั่นแหละ การใช้ภาษามันต้องต่างกัน
เพิ่มเติมเรื่อง "นี่ๆ" อ่านไปจนเกือบจบ ไอ้คนที่กูคาดว่าจะเป็นพระเอกดันพูดคำนี้ขึ้นมาซะอย่างงั้น ถามว่าผิดไหมก็ไม่เชิงนะ เข้าใจว่าน้องน่าจะยังใหม่เลยไม่ละเอียดกับเรื่องคาแร็คเตอร์รวมถึงลักษณะการพูดของตัวละคร นักเขียนเก่งๆ หลายคนกว่าเขาจะลงมือเขียนนิยายแต่ละเรื่องนะ เขามานั่งสร้างตัวละครข้างนอกก่อน รูปร่าง หน้าตา ทรงผม รวมถึงคำพูดติดปากและคำอุทานของตัวละครด้วย พี่โม่งเรื่องสั้นถึงได้ฉงนว่าทั้งที่น้องทำให้คนอ่านเชื่อตั้งแต่แรกว่า "นี่ๆ" มันเป็นพูดประจำตัวนางเอก(ถึงจะผิดหลักบทบรรยายเพราะอยู่นอกเครื่องหมายคำพูด) ทำไมถึงเอาไปให้ตัวละครอื่นใช้ล่ะ
สำนวนภาษา ถ้านี่คือเรื่องแรกของน้อง ต้องบอกว่าทำการบ้านมาดีมาก เพราะนักเขียนที่เขียนมานานกว่านี้หลายคนก็ยังเขียนได้ไม่ดีเท่านี้ เป็นคนที่มีเทคนิคในการเขียนดีคนหนึ่งเลย ยกตัวอย่างตรงนี้
“ฟื้นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มของใครบางคนดังที่ข้างหู ฉันเริ่มมองสำรวจรอบตัวก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงที่ล้อมรอบด้วยผ้าม่านสีขาว
และ... “นะ...นายเป็นใคร!” ฉันใช้นิ้วชี้หน้าชายแปลกหน้าที่อยู่ข้างเตียงด้วยความตกใจ
อธิบายไม่ค่อยถูกว่ะตรงนี้ประมาณว่าสามารถพาคนอ่านเดินเรื่องไปพร้อมกับอารมณ์ของตัวละครได้ ทำได้ดีแต่มาพลาดตรงแบ่งตอนผิด แทนที่จะทำให้คนอ่านอึ้ง แต่กลับทำให้สะดุดแทน ไม่น่าพลาดจริงๆ ตรงนี้ เดี๋ยวจะลองแบ่งให้ดู
“ฟื้นแล้วเหรอ”
เสียงทุ้มของใครบางคนดังที่ข้างหู ฉันเริ่มมองสำรวจรอบตัวก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงที่ล้อมรอบด้วยผ้าม่านสีขาวและ... “นะ...นายเป็นใคร!” ฉันใช้นิ้วชี้หน้าชายแปลกหน้าที่อยู่ข้างเตียงด้วยความตกใจ
คำซ้ำมีบ้างประปรายแต่ยกให้ได้เพราะมีเทคนิคการเขียนที่ดี การใช้สรรพนามมีสะดุดแค่บางจุดถือว่าน้อยมาก
ต่อมาการเปิดเรื่อง คือพี่โม่งเรื่องสั้นไม่ค่อยได้อ่านแนวหวานแหววเท่าไหร่ มันไม่ค่อยถูกจริต สาวๆ อ่านแล้วฟินจิกหมอนกัดผ้าห่ม แต่พี่โม่งเรื่องสั้นกลับรู้สึกจั๊กกระเดี๋ยมยังไงไม่รู้ เอาตรงๆ นะ พี่ว่าน้องเปิดเรื่องพลาดมาก มันโคตรจะไม่มีอะไรเลย การเปิดเรื่องมันควรใช้หมัดเด็ดจับคนอ่านให้อยู่ตั้งแต่สองสามบรรทัดแรกเลย ดังนั้นแล้วนักเขียนทั่วไปจึงนิยมใช้ไคลแม็กมาเปิดกัน เช่น ฉากจากลาแบบทิ้งปริศนาให้อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องจากกัน หรือถ้าเป็นแนวฆาตกรรมก็เป็นฉากฆ่าเหยื่อแบบสุดโหด อะไรแบบนั้น ลองไปพิจารณาดู
การเดินเรื่อง ถ้าจะนับว่านี่คือสองตอนต้องบอกว่าเดินเรื่องช้า เพราะมันไม่มีประเด็นอะไรในเรื่องเท่าไหร่ แต่ถ้านับคำต้องบอกว่าเดินเรื่องได้เร็วใช้ได้ เพราะเท่าที่อ่านดู บทนำถึงห้าร้อยคำหรือเปล่า ตอนต่อมาไม่น่าเกินสองพันคำนะ น่าจะรวมสองตอนให้เป็นตอนเดียวไปเลย แล้วหาฉากเปิดเจ็บๆ ใหม่ และนิยายตอนหนึ่งไม่ควรต่ำกว่าสามพันคำ แต่ไม่เกินสี่พัน ถึงจะพอเหมาะพอดีสำหรับการอ่าน
เนื้อหาไม่ขอพูดถึงแล้วกันเพราะมันน้อยเกินไปจริงๆ
สรุป ก็อ่านได้เรื่อยๆ อ่ะนะ สำนวนดีจริงแต่ส่วนอื่นมันพลาดเยอะไปเลยดึงงานเราให้ดร็อปลง ถ้าปรับปรุงได้ตามที่แนะนำจะเป็นอะไรที่ดีกว่านี้
เปลี่ยนไปเป็นรัก รักจนหมดหัวใจ
รักเพียงแต่เธอ ขอเพียงให้เธอได้รู้
ไม่มีอีกแล้ว เพื่อนที่เธอไว้ใจ
เหลือเพียงแต่คน ๆ หนึ่ง
ที่เก็บซ่อนความรักไว้ไม่ไหว
ถ้าเธอไม่คิดอะไรอย่างนั้น
ก็แค่ทำว่าฉันไม่เคยพูดไป
หานิยายมาสับเถอะเพื่อนโม่ง
เพื่อนโม่ง กูไปอ่านนิยายแนวรักๆมา กูสงสัยพวกเต้นรำในงานเลี้ยงในนิยายแนวตะวันตกเป็นยังไง ตอนแรกก็ลองเสิร์จหาแล้วมันขึ้นบาร์บี้มา แต่บาร์บี้แม่งเต้นบัลเลต์หมดเลย เต้นรำสมันก่อนนี้นอกจากบัลเลต์มีอะไรบ้าง
จากโม่งหัวทึบทางศิลป์แต่ต้องการที่จะอินในฉากพระนางเต้นรำกัน
>>460 หรูหราไฮโซหน่อย มันก็มีจังหวะวอลซ์ มีแทงโก้ อะไรแบบนี้น่ะมึง แล้วก็มีแบบแตะมือกันแล้วเต้น อันนี้กูเรียกไม่ถูก แนะนำว่าลองหาหนังรักโรแมนติกแบบคลาสสิคมาดูจะเห็นภาพมากกว่านิยาย กูก็จำชื่อเรื่องไม่ค่อยได้ ถ้าแบบบ้านๆมีเรื่อง a walk in the clouds ที่คีอานู รีฟ เป็นพระเอก อันนี้จะเต้นรำเทศกาล แบบงานบอลลูนกูจำไม่ได้. แล้วก็หนังเรื่อง enchanted ของดิสนี่ย์ก็มีฉากงานเลี้ยงเต้นรำย้อนยุค
เดี่ยวนี้ Undertale เป็นเกมออนไลน์แล้วเรอะ
https://writer.dek-d.com/AliasZ/story/view.php?id=1535093
กูไปไล่อ่านสับนิยายในมู้เก่าขำๆมา นึกขึ้นได้ว่ายังติดอีคิตตี้ไว้ไม่ได้สับให้พวกมึงตั้งแต่มู้แรก ตอนแรกนึกว่ามันลบเรื่องนี้ทิ้งไปแล้ว สุดท้ายแม่งจากคิตตี้สีเลือด อีซากิกลายเป็นครูไปแล้ว นอกจากเปลี่ยนชื่อเรื่อง แม่งยังเปลี่ยนเซตติ้งมาไกลถึงขนาดนี้ กัวแล้วววววว
https://writer.dek-d.com/alastor4/story/view.php?id=1438822
เพื่อนโม่ง อิพวกนิยายออกใหม่แนะนำประจำเดือน แบบที่มันตีพิมพ์แล้วน่ะ เว็บมาสเตอร์คัดเลือกจากอะไรเหรอ
กูโม่งอารีนะ มีนิยายอะไรให้เค้าอ่านบ้างป่าว ไม่เอารักๆใคร่ๆกับสยองขวัญนะ
วพกมึงคงืลมนิยายบู๊ที่กุขอไปแล้วตอนก่อนๆ กุขอใหม่แล้วกัน ได้ทุกแนว แต่ขอบุคคลที่3พอ
เชิญแปะที่พวกมึงคิดว่าดีได้เลย กุจะได้เอามาอ่านแล้วเล่าต่อ
CODENAME: ZIKE เจาะรหัสดับแค้น - นิยายท็อปหนึ่ง หมวดแอคชั่น ตัวเอกเป็นแฮคเกอร์และเป็นซาตาน
https://writer.dek-d.com/dreammychar/story/view.php?id=631465
ราชันย์ผู้ฝ่ากาลเวลา โลเวล - เรื่องนี้กูเห็นตั้งแต่สมัยลงตอนแรก(กลางเดือนต.ค.) แค่สัปดาห์กว่าๆ อัพไป20ตอน+ และขึ้นท็อป20 ยังไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเองว่ามีอะไรดี หรือขึ้นท็อปเพราะเทคนิคที่พวกเรารู้ๆกัน
https://writer.dek-d.com/vtwr/story/view.php?id=1532885
DINOSAUR QUEST เจ้าหญิงอสูรร้ายไดโนเสาร์ - โลกปกครองด้วยไดโนเสาร์ แนวโรงเรียน นางเอกคนไทย
https://writer.dek-d.com/build1992/story/view.php?id=1467022
อุตตระบัลลังก์ - เรื่องนี้เห็นอัพบ่อยมาก เป็นนิยายไทยแฟนตาซี คนเขียนบอกว่ามีกลิ่นอายของนิยายกำลังภายใน ปรัชญาพุทธ เต๋า เซน
https://writer.dek-d.com/ming7749/story/view.php?id=1521988
RACHEL. - กูแปะเอาฮา คนเขียนโรเซเนียในตำนาน กูอ่านตอนแรกๆ มาแล้ว ตัวเอกเป็นชายหน้าหวานใครเห็นก็หลงรัก จะไปเรียนเป็นจอมยา อาชีพเก่าคือคนขายเกาลัดคั่ว มีกลิ่นอายความเป็นจีนหลายๆ อย่างทั้งที่กูคิดว่าเรื่องมันเกิดในเซ็ตติ้งตะวันตกนะ...
https://writer.dek-d.com/minikikaboo/story/view.php?id=1516502
เท่านี่ก่อน อู้งานอยู่ TvT
กุข้ามอันสุดท้ายไปอย่างรวดเร็ว
>>483
CODENAME: ZIKE เจาะรหัสดับแค้น
> แรงดึงดูดต่ำ(มาก)
บทนำบอกจะล้างแค้น
บทแรกเริ่มมาปูเรื่องพระเอก อยูม.5 เรียนห้องเก่งเทพ จากนั้นก็มีสาวเข้ามาสวีทวี่วี.... อ้าวไหนล้างแค้น? อ๋อ ยังปูปูบทความเทพของพระเอกที่เป็นอัจฉริยะอยู่ยังไม่เริ่มเรื่องจากบทนำ
อ่ะบทต่อไป เปิดมาด้วยการที่บอกว่าพระเอกเป็นสปาย ตอนนี้มีฉากโชวเทพคือพระเอกต้องแฮค กับบู้ ปรากฏว่ามันโทรตามคนอื่นมาแฮคให้(WTF....อ่อ มันไม่ใช่นิยายสายลับ หยวนๆ) ส่วนบทบู้ ศัตรู(เป็นลูกน้องพระเอกที่ทำงานพลาด พระเอกต้องเก็บมัน) ตัวร้ายยิง พระเอกพุ่งไปหลับหลังโต๊ะ แล้วก็เจอพระเอกยิงสวน ตายห่า(จบแค่นี้จริงๆ)
ต่อไป โชว์ความหล่อเทพของพระเอกเมื่อไปโรงเรียน สาวๆกรี๊ด แล้วก็สวีวี่วี่กับสาวเล็กน้อย
บทต่อไป โชว์ว่าพระเอกร้องเพลงเก่ง(ไปร้องเกะ ร้องเทพ แถมถูกเผยแพร่ออกไปโดยไม่รู้ตัวของพนักงานเพราะว่าคล้ายกับนักร้องในตำนานคนหนึ่ง) จุดนี้แหละที่เริ่มบอกว่าพระเอก(นักร้องในตำนาน) ครอบครัวถูกฆ่า จะล้างแค้น เอาแล้วเว้ยยยย
ต่อไป พระเอกทรมานคน (ยังไม่บู้ไม่แฮคอะไรทั้งสิ้น)
6บทแบบรวบรัดสำหรับกุ ข้ามบ้าง เบลอบ้าง ยังไม่เจอจุดที่กุต้องการหว่ะ คือแรงดึงดูแม่งอย่างกับดาวเคราะห์น้อยเลย เอาไว้กุจะข้ามหาบทบู้มาอ่านก่อนค่อยว่ากัน
ราชันย์ผู้ฝ่ากาลเวลา โลเวล
>เขียนในมือถือแน่นอน ไม่มีย่อหน้าอะไรเลย ไม่บอกว่าดีหรือไ่นะ แต่กุอ่านไม่ไหว แก่แล้ว
DINOSAUR QUEST เจ้าหญิงอสูรร้ายไดโนเสาร์ - โลกปกครองด้วยไดโนเสาร์ แนวโรงเรียน นางเอกคนไทย
> ยัดประวัตินิดหน่อย แต่ทำไมต้องมีเน้นตัวหนาประกอบแทบจะทุกย่อหน้า สะดุดมาก เนื้อเรื่องจากบทแรกกุสรุปว่ามันคือสารคดีไดโนเสาร์ คือมันไม่ใช่แนวกุอ่านะ
บทต่อไปมาแนวเดีวกัน ดูท่าจะเป็นการบู้ของไดโนเสาร์เป็นแน่แท้ เพราะนางเอกต้องฝึกมาสู้อ่ะจ้า
อุตตระบัลลังก์
> ดูคร่าวๆพอมีภาษีดีสุด ขออ่านปป
ไอ้เรื่องระดับขั้นพลังปราณห่าไรนี่มันมีที่มาจากอะไรวะ คือช่วงนี้เห็นบ่อยมาก บางเรื่องก็มี 7 ขั้น 9 ขั้น แบบ ปราณกำเนิด ปราณเทวา ปราณจอมทัพ
มาๆ ติดไว้ตั้งแต่มันยังชื่อซากิ จนตอนนี้แม่งเปลี่ยนชื่อไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ สมเป็นนิยายเรื่องใหม่ เปลี่ยนชื่อทุกเดือนจริงๆ
ไม่ได้สับนาน หวั่นๆเหมือนกัน อาจอ่านได้ไม่หมดทุกตอนนาจา รำคาญตอนไหนก็เลิก เหมือนเดิม
SUPER TEACHER ครูสาวยอดนักสู้ ไม่แน่อาจจะเปลี่ยนชื่ออีกก็ได้
https://writer.dek-d.com/alastor4/story/view.php?id=1438822
เปิดมากูก็กลอกตาใส่แล้ว พบกับสารคดีมนุษย์สี่ประเภทได้แก่ มนุษย์ มนุษย์ มนุษย์และมนุษย์... ไม่ใช่ คือมีคนธรรมดา คนมีพลังพิเศษ คนมีพลังเนตร และคนมีเวทมนตร์ อดีตคนมีเวทปกครองที่เหลือเป็นคนใช้ จนคนมีเวทตีกันเอง พวกที่เหลือเลยรวมหัวตีป้อมแตกแล้วก็กดขี่พวกคนมีเวทแทนเพื่อแก้แค้น คนมีเวทอยากตายก็ไม่ให้ตาย เพราะกลัวจะไม่มีที่ลง.. อีผี นี่อะไร ตรรกะ bdsm หรืออีห่า สรุปพวกเวททนไม่ไหวยอมสู้ตาย แต่แพ้ แล้วคนมีเวทก็หายไปหมด เหลือคนแค่สามกลุ่ม
บทนำตัดมาที่สัตว์ประหลาดหน้าตาน่ารักบุก ครูให้ลูกศิษย์หนีแล้ววิ่งพาร์คัว(?)ไปสู้กับผู้ใช้เวทที่ใช้เวทต้องห้ามที่ต้องสละสายเลือดตัวเอง ซึ่งคือลูกสาวของคนใช้เวทคนนั้น เดาว่าคืออีคิตตี้ เอ๊ย ซากิ แล้วก็สู้กัน...เห้อ บทนำทำนองนี้เหมือนจะใช้ตั้งแต่เรื่องเก่า กูจำวิ่งพาร์คัวได้ คือไม่เข้าใจว่าบรรยายอย่างอื่นไม่ได้เหรอ ทำไมต้องวิ่งพาร์คัวแล้วไปอธิบายข้างหลัง
ตอน 1 สกิปไทม์ไป 24 ปี ม.นิศาแถวปทุมมีปฐมนิเทศ ที่ห้องกิจกรรมสาขายุ่นจารย์ก็เล่าไป มีหน้าม่อสองตัวเล็งสาวที่จะจีบ ไปเล็งได้คนหนึ่งซึ่งบรรยายว่าสวยเหลือเกิน ก็เดาได้ว่าคงเป็นอีซากิที่เป็นอาจารย์ใหม่แต่แอ๊บมานั่งกับเด็กปีหนึ่ง สรุป เอออีซากิ เป็นอาจารย์นั่นล่ะ ก็บรรยายไปว่าสวย ยิ้มสวยละลาย แล้วซากิก็ออกมาเจอธีรศิลป์ คุยกับเป็นยุ่น ซึ่งไม่เข้าใจว่ามันจะขีดเส้นใต้หาพระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตงทำไม มึงก็บอกแล้วนี่ว่ามันคุยกันเป็นยุ่น เห้อ แล้วก็คุยไป ธีรศิลป์ก็เคลิ้มว่าสวย เว้ย ชักจะรำคาญความสวยละอีผี แล้วซากิก็โดนกระชากกระเป๋า โชว์เทพไปเอากระเป๋าคืน...ไม่ได้มีประเด็นอะไร โชว์นางเอกเฉยๆ
ตอน 2 เปิดตัวพี่เทพอัศวะ เป็นนักสืบมาสืบคดีฆาตกรรมแถวปทุม...โอเค นี่มันนิยายปทุมธาเนี่ยน ตำรวจไม่ให้เข้า แต่พี่เทพนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานกะผู้กำกับเลยเข้าได้ ว้าว โซไทยมากๆ นี่เสียดสีระบบการทำงานตำรวจไทยหรือเปล่าคะซิส พ่อท่านอัศวะก็เทพขริงๆ มองศพปุ๊บไปหาคนทันที ปรากฏว่าผัวอีคนที่ไปหาเป็นคนฆ่า มีบู๊แย่งปืนแล้วลากส่งตำรวจ เออ มึงเก่ง โคนันยังต้องยอมสยบ คินดะอิจิต้องเรียกมึงว่าปู่ เชอร์ล็อค โฮล์มส์ต้องร้องไห้
ตอน 3 ซากิกะอ.นุสราไปรับไดมารุ...คนไรชื่อเหมือนห้าง บรรยายอีกละว่าอีซากิสวย แล้วก็บรรยายไดจัง มึงนี่ขยันบรรยายยิ่งกว่านิยายตาหวานอีกนะ จู่ๆก็ง่วง หลับไปตื่นมาอีกทีโผล่กาญนะจ๊ะบุรี เหมือนโดนลักพาตัวไปขาย มีบอกด้วยอีนี่มีวิชายุทธ.. ว้อท อยู่ดีๆ ก็จีนกำลังภายในอ่อ ปรับตัวไม่ทันแล้วคนดี ซากิโดนยาไม่ให้มีแรง ตอแหลว่าปวดขี้แล้วหนีไปโดนรถเฉี่ยว ยอมใจ ถถถถถถถ
ตอน 4 เมื่อกี้ขับรถอยู่กาญฯ นี่โผล่มาตากแล้ว.. ระยะทางใกล้กันชิบหายยยย รถที่เฉี่ยวคือรถพี่เทพอัศวะ แต่อีกิดันนึกว่าฝ่ายโกง แต่โกงตัวโผล่มาผลัก เลยกลายเป็นว่าตีกับพี่เทพแทน แน่นอนว่าพี่เทพชนะ พี่เทพช่วยซากิไว้แล้วจะไปส่งที่รังสิต ไกลไม่เป็นไร พี่เทพเป็นปทุมธาเนี่ยนเหมือนกัน กูบอกแล้วว่านี่มันนิยายปทุมธาเนี่ยน ส่วนอีกิก็ไปกับเขาอีก นังคนใจง่าย จู่ๆกิก็ระลึกได้ว่าลืมไดมารุเลยยืมมือถือพี่เทพ มีตีกันกุ๊กกิ๊กนิดนึง... ไดจังไม่รับ กิก็ร้อนใจ...จะแจ้งตำรวจ พี่เทพบอกว่าช้า ไม่ต้อง เดี๋ยวช่วยเอง ส่วนกูเริ่มสงสัยว่ากูต้องทนอ่านต่อไปจริงๆหรือ
ตอน 5 มาถึงพิจิตร... โอ๊ย กูปวดใจเรื่องระยะทางและเวลาเบาๆ สมงสมองกูกลวงหมดแล้ว สืบคดีกันคิดว่านุสรามีพิรุจ พี่เทพโทรหาผู้กำกับ มีแพลมๆมาแล้วว่าพี่เทพชื่อฮอร์ส ชื่อเดียวกะไอ้เด็กที่มีครูช่วยไว้ตอนบทนำ ผู้กำกับก็แซวเรื่องสาวไป แล้วก็ช่วยหาข้อมูลให้ แต่ข้อมูลไม่มีประโยชน์ พี่เทพกับกิเลยกินเตี๋ยวเรือกันแทน... เอากับมันเถอะ ขับไปอีกสามชม.ก็แวะโรงแรมค้างคืนเพราะพี่เทพเหนื่อย ก็กุ๊กกิ๊กอีกละ ค้างห้องเดียวกัน อีกิก็กลัวโดนปล้ำ... ขอด่าว่ากุ๊กกิ๊กไม่ดูบรรยากาศ เหนื่อยใจ อีกย่างจริงๆจากพิจิตรขับเร็วหน่อยสามชั่วโมงก็จะถึงปทุมแล้วอีควาย
ตอน 6 ไปเจอนุสราละ สรุปว่าขายเพื่อนจริงๆ ขายให้เจ้าพ่อ ประมาณนั้น มีพี่เทพตามเสือก
ตอน 7 ณ RCA แถวรังสิต.... RCA อยู่รัชดามั้ยล่ะ จะให้เรื่องมันเกิดที่ RCA ไม่ได้ใช่มั้ย เลยต้องเป็น RCA ที่ปทุม มึงนี่มันปทุมธาเนี่ยนจริงๆ กูว่ากูจะพอตรงนี้แล้วอีบ้า เนื้อเรื่องมึงก็ไม่ค่อยเดิน แถมยังมั่วซั่วไปหมด สมงสมองกูไปหมดแล้ว
ต่อด้วยส่วนการเขียนข้างล่าง
>>496 บ้านกูอยู่ปทุมต้องอ่านนิยายแม่งด้วยรึป่าววะ ใส่ขนาดนี้กูมั่นใจว่าบ้านมันก็เหมือนกัน แดกเตี๋ยวเรือทำไมที่พิจิตรกลับมาแดกปทุมดิ ร้านเหล้ากับผับแถวปทุมโดนปิดเกือบหมดแล้วที่เหลือก็โคตรภูธรเลยสัส คนเขียนแม่งปทุมธาเนี่ยนเข้าเส้นเลือดจริงๆ เข้าเมืองอีกหน่อยก็ไม่ได้นะ
ขำความปทุมธาเนี่ยน55555555555555555
ต่อจาก >>496
การบรรยาย - ขาดๆเกินๆ อยู่แค่ในเกณฑ์พอเล่าเรื่องได้ ไม่ได้ดีเด่อะไรมาก ไม่ได้สามารถทำให้เห็นภาพได้ คนเขียนไม่น่าเก่งภาษาไทย ใช้ไม้ยมก สันธานมั่วดี ภาษาแกว่งระดับไม่เท่ากัน จู่ๆก็ใช้ภาษาพูดตรงภาษาเขียน เช่น ถ้าผู้ใช้เวทมนตร์ตายหมด พวกเขาจะไประบายความแค้นใส่ใครล่ะ แล้วอย่างคำศัพท์อย่างวิ่งพาร์คัวเนี่ย มันก็ไม่น่าจะเอามาเป็นคำบรรยายป่ะ น่าจะบอกว่าวิ่งพาดโพน โหนราวบันไดอะไรก็ว่าไป จังหวะก็ไม่ดี ช่วงเล่นมุกใช้ไม่ได้เลย เจื่อนหนักมาก คือจู่ๆ ก็ใส่มา ไม่ได้ขำอ่ะจ้ะ เช่น ผิวแทนเข้มเหมือนผิวคนไทย ก็คนไทยนี่เนอะ หรือมุกซากิออกเสียงครู เป็นกู ไม่ขำอ่ะ แล้วรำคาญ ! ด้วย เยอะมาก เต็มไปหมด เห็นจนตาลาย
การดำเนินเรื่อง - ดูมันแฟนตาซีสนองนี้ดจนความสมเหตุสมผลมาหายไปหลายเรื่อง ตะหงิดกับความเป็นปทุมธาเนี่ยน เซตติ้งปทุมธานีถ้าให้ขำก็ขำดีนะ โจ๊กดี ตัวละครยังแกว่งๆ พี่เทพยังโอเคเพราะเทพจริง ดูแล้วจะ self-insert ถึงได้เทพเหลือเกิน ตัวซากิดูสับสนในตัวเอง จะแบ๊ว จะเก่ง บางทีก็โง่ในเรื่องที่ควรฉลาด ไม่รู้จะเก่งหรืออ่อนภาษาไทยกันแน่ สรุปมันไม่มีเสน่ห์ชวนติดตามเลย แล้วการลำดับความเนื้อเรื่องมันประดักประเดิด อยากจะกุ๊กกิ๊กหวานแหววก็สปุกนิกกุ๊กกิ๊กปาปิยองขึ้นมาดื้อๆ เหมือนมันผิดจุด ไม่รู้ว่ารีบหรืออะไร
เนื้อเรื่อง - ความอดทนกูต่ำว่ะ คือหกตอนยังไม่เห็นอะไรมากนอกจากพี่เทพกับอีกิจะจับคู่กันโชว์เทพ น่าจะมีความหลังครั้งเก่าอะไรกันด้วย ตามสูตรอีซากิต้องเป็นลูกสาวผู้ใช้เวทตอนบทนำ เป็นผู้ใช้เวทคนสุดท้ายไรงี้ จริงๆ จากบทนำมันก็มีประเด็นอยู่นะ ไอ้เรื่องผู้ใช้เวทอะไรนั่น แต่มัวอะไรก็ไม่รู้ พอมันไม่ดึงดูด คนอ่านก็ไม่ตามต่อถึงจุดที่พอจะมีอะไรไง นี่อ่านมาก็ยังไม่รู้ว่าคนสี่ประเภทจะเอามาทำอะไรกับเนื้อเรื่อง
คำผิด - มหาศาล ผิดแบบตลกมากๆ ด้วย อย่างพิษซ่า อ่านแล้วก็ขำ หรือ รฤธิ์ยา ที่กูต้องถามตัวเองว่านี่มันอ่านออกเสียงว่าเหี้ยอะไรวะ
จุดที่เกลียด - การขีดเส้นใต้เวลาตัวละครพูดภาษาอื่น และความปทุมธาเนี่ยน
คะแนน - ปทุมธาเนี่ยนนี่มันปทุมธาเนี่ยนจริงๆ
มีใครแนะนำนิยายแนวแฟนตาซีที่น่าอ่านของวันนี้ได้บ้าง ไม่เอาแบบต่างโลก เกิดใหม่ แปลก็ไม่เอา เน้นดราม่า ยาวๆ หลายตอน กูเปิดไปเจอแต่พวกนั้นกันยาวๆ เบื่อระดับสิบแบบไม่มีไรทำเลยว่ะ
>>497 มึง คือความปทุมธาเนี่ยนแม่งเป็นเรื่องตลกร้ายในเฟซเพื่อนกู มันแซะว่าปทุมธาเนี่ยนบางคนชอบยึดปทุมเป็นศูนย์กลางจักรวาล ทำนองว่าโลตัสปทุมคนเข้าเยอะที่สุดในประเทศ เจริญขนาดคนสุพรรณยังต้องถ่อมาซื้อของที่นี่ ตอนนั้นกูก็ขำๆ ไม่ได้คิดไรจริงจังนะ จนมาเจอนิยายเรื่องนี้ กูคิดอะไรไม่ออกเลยนอกจากคำว่าปทุมธาเนี่ยน อึ้งเหมือนกันที่มีอยู่จริง
รู้สึกแปลกๆ เพราะเค้าก็เป็นคนปทุมเหมือนกัน ไอ้ rca นั่นน่าจะหมายถึง rca2 (มีจริงๆ) แถวๆรังสิตภิรมย์มั้งนะ
>>502 โอเคอันนี้เราไม่รู้เอง เราผิด สำหรับเราเรื่องสถานที่มันก็ยังเพี้ยนๆ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ส่วนหลักของเนื้อเรื่องหรอก มันแค่อารมณ์ไม่สมเหตุสมผล เพิ่งนึกได้ว่าตอนแรกจับซากิตอนขากลับจากสุวรรณภูมิ โผล่อีกทีกาญ แล้วโผล่ตาก นี่ก็ห่างกัน 400 km. แล้ว สุดท้ายไปเจอเสี่ยที่ RCA แถวปทุม....แล้วคือมึงจะไปวนประเทศไทยกันทำไม่อ่า จริงๆวนอยู่แถวปทุมก็ได้นะ แบบคลองหลวง เชียงราก รังสิตไรงี้ ไม่ต้องวนไปถึงกาญ ตาก พิจิตร
โม่งเรื่องสั้นเองนะ เรื่องคุณครูซากิไรเนี่ย โม่งเรื่องสั้นเคยไปอ่านตั้งแต่สองสามตอนแรกแล้วล่ะ แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าผู้แต่งเขาจะไม่ค่อยเปิดสำหรับการรับคำวิจารณ์ในทางลบเท่าไหร่ ก็เลยแบบว่าปล่อยผ่านเลยขี้เกียจสนใจ วันนี้มีคนมาสับก็เลยแอบมาดู คิคิ
>>500 อ่ะ กูพยายามหามาให้
เปลวหมอก แห่งมนตรา 159 ตอน มึงอ่านตาเหลือก คนเขียนบอกเรื่องนี้เป็นนิยายเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เพราะงั้นน่าจะดราม่ามั้ง
https://writer.dek-d.com/faery/story/view.php?id=72256
Die Held durch von Zeit: ภาคสงครามนาซี 16 ตอน เกี่ยวกับสงคราม เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน คงจะดราม่าแหละมั้ง
https://writer.dek-d.com/toshimada/story/view.php?id=1437332
Uroboros 63 ตอน มีภัยธรรมชาติ สงคราม ประชากรโลกลดลง ระบบปกครองอะไรมากมาย น่าจะพอดราม่า
https://writer.dek-d.com/khunti/story/view.php?id=1137476
NATASIA อภินิหารศึกโค่นล้ม สวรรค์ 28 ตอน โลกเก่าล่มสลาย ประเทศที่เหลือรวมตัวกัน
https://writer.dek-d.com/zaqio0056/story/view.php?id=1512860
The Book of Angels and Demons : แพทย์อัจฉริยะ 30 ตอน โปรยเรื่องว่าวีรบุรุษจริงๆเป็นสัตว์ร้าย เหยื่อผลิกกลับเป็นฝ่ายล่า
https://writer.dek-d.com/fix123456/story/view.php?id=1496869
The story of the magic 85 ตอน น่าจะโรงเรียนเวท มียุคมงยุคมืด ตามล่าศิลามากู้โลก
https://writer.dek-d.com/coconut1103/story/view.php?id=1120998
THRONUS 28 ตอน ฟิวชั่นระหว่าง Game of Thrones กับตูน Disney
https://writer.dek-d.com/silver-river/story/view.php?id=1429185
กูหมดแรงละ มึงลองเลือกดู TT
>>505 ในฐานะคนพูดเยอรมันได้ กูไม่โอเคกับชื่อเรื่อง Die Held durch von Zeit คือทรานสเลตกูเกิ้ลมาใช่มั้ยอีห่าน กูพยายามคิดหนักมากว่ามันต้องการจะแปลว่าอะไร แต่คิดยังไงก็ยังคิดไม่ออก กูอ่านจะไม่ได้เก่งแกรมม่ามาก แต่คือ durch กับ von มันเป็น preposition ทั้งคู่ อารมณ์ว่าคือ by/through กับ from มึงไม่สามารถเอามันมาอยู่คู่กันแบบนี้ได้นะว้อยยยย แล้ว Held เป็นเพศชาย ต้องเป็น der แล้ว Zeit เป็นคำนามก็ต้องมี die นำหน้าด้วย มึงมั่วมาก
กูพยายามแปลแบบคำต่อคำละ Die Held แปลว่าฮีโร่ durch แปลว่าผ่าน/ด้วย von จาก Zeit เวลา ฮีโร่หลายคนผู้ผ่านกาลเวลางั้นเหรอ... อีกเรื่อง Den Nationalen Jugendlichen Helden นี่เอาไปแปลในกูเกิ้ลได้ว่า วีรบุรุษเยาวชนแห่งชาติ แต่มึงรู้มั้ยว่ามันมั่ว den มันใช้นำหน้ากรรมตรงว้อย ไม่ต้องพูดถึงที่เหลือนะ แม่งมั่วทั้งหมด เด๋อ! มึงมันเด๋อ!! กระแดะใช้ภาษาเยอรมันแต่เสือกใช้อากู๋แปล มึงไม่รู้มึงตั้งชื่อไทยก็ได้มั้ย หรือไม่ก็ใช่แค่คำง่ายๆ ไม่ต้องกระแดะ แบบ Die Held เนี่ย แค่เนี้ยะ กูจะบ้าาาาาาาาาาาาาาา
เดี๋ยวว่าว่างๆจะนั่งทำลิสต์นิยายที่เคยโดนโม่งสับมาแล้วสักหน่อย ลองไล่ๆอ่านดูบางเรื่องก็ดีนะ
ถ้าใครว่างจะทำแทนก็ได้มึง จะแต๊งกิ้วหลายๆ
ระหว่างรอพวกโม่งสับนิยาย ดูมู้แก้เบื่อไปก่อน
https://www.dek-d.com/board/view/3697568/
>>512 Den Nataionalen Jungendlichen Helden ก็คนเขียนคนเดียวกับ Die Held durch von Zeit ไงมึง แต่อันนี้ชัดเจนกว่าที่พอเอาไปลงกูทราน มันแปลให้ว่า "วีรบุรุษเยาวชนแห่งชาติ" พอดีเด๊ะ ถ้าบอกว่าเรียง adjektiv ผิด มันก็ผิดตั้งแต่ที่ชื่อเรื่องใช้ den ที่เป็นกรรมแล้วนะ ซึ่งกูก็ชักงงว่ามันเป็น dativ หรือ nominativ มันจะเอาวีรบุรุษเยาวชนคนเดียวหรือหลายคน แล้วที่จริงควรใช้ตัวพิมพ์ใหญ่แค่ Held ป่ะ...... สรุปคือยังไงมันก็เด๋อ ไม่รู้จะโชว์เทพทำไม ถ้ากูไปโพสต์ในหน้านิยายมันจะว่าไงอยากรู้
จากที่เข้าไปดูแบบไม่อ่านละเอียด เนื้อเรื่องซ้ายสุดกู่มาก ชูคอมมิวนิสต์ เกลียดอังกฤษ เกลียดฝรั่งเศส เกลียดยิง ภาษาไทยสะกดไม่ถูก แล้วก็มีความออกญาภาษาเยอรมันอยู่ไม่น้อย ตอน 1 ก็ Guten Aband อาบานมั้ยมึง Ich kann kein dar Russisch ใส่ dar มาไม Lamberg อ่าน เลมเบรก ชื่อ Paul von Hindenburg มันอ่าน พาเลอ ฟอน ฮีดเอนบวรก มาอีกสามตอน กลายเป็นชื่อ พาลูน ฟอน ฮินเดนบรูกไปละ มีการบอกว่าอ่านไม่เหมือนใคร เพราะถอดเสียงใกล้เคียงเยอรมันที่สุด.....
ถ้าข้างบนเป็นปทุมธาเนี่ยน ไอ้เหี้ยนี่ก็โอตาคุบ้าสงครามออกญาเยอรมันแล้วค่าทั่นผู้ชมมมม
เพิ่งเห็น ใครเอาความเห็นกูไปแปะในหน้านิยายมัน สารภาพมา 5555555555555 ถ้ามันโมโห เดี๋ยวมันยิงกูด้วย Kar 98 K ขึ้นมาทำไง 55555555
>>514 รู้ละว่าคนเขียนคนเดียวกัน แค่ท้วงว่ามันเรียงชื่อเรื่องผิด
ซ้ายสุดกู่มากจริงๆ วางโครงเรื่องไม่มีเหตุผล (บอกหน่อยก็ดีว่าทำไมอเมริกาถึงล่ม)
อ่านไม่เหมือนใครจริงๆครับอ่านไม่เหมือนคนเยอรมันด้วยซ้ำ แบบนี้จะถอดเสียงใกล้เคียงเยอรมันที่สุดได้ยังไงวะ55555555 จูนิเบียวนี่มันจูนิเบียวจริงๆ
ควายจริงๆ พาร์ทหลังๆเหมือนนั่งอ่านวิกิพีเดียที่มีคนเอาตัวจูนิเบียวไปใส่เพิ่มในเรื่อง
>>515 ตอนแรกกูขำนะ มาคิดอีกที กูชักไม่เห็นด้วยที่มึงเอาไปแปะที่นั่นว่ะ คือถ้ากูจะบอกเจ้าตัวว่าชื่อเรื่องมันมั่ว+ไม่ต้องโชว์เทพ กูก็คงใส่มันเบากว่านี้ พูดจากับมันดีๆกว่านี้ ไม่ใช่การด่าในโม่งที่ใช้ภาษาเอามัน นี่มึงเล่นเอาไปแปะโต้งๆเลย คอมเม้นท์แม่งฉาวมากและเดือดมากเลยนะเว้ย ถึงมันจะเบียว จะคุ จะออกญายังไง การด่าแรงๆในหน้านิยายก็ไม่ใช่เรื่องว่ะ มีแต่จะทำให้มันโกรธมันดิ้นเท่านั้นแหละ แม่งใจร้ายไป เหี้ยไปด้วย กูเฟลว่ะ T_T
>>517 กูรู้สึกไม่สนุกด้วยว่ะ กับการวิจารณ์งานใครแบบจัดเต็มในโม่ง แล้วเอาไปส่งให้เจ้าของรู้ตรงหน้านิยาย ความจริงมึงน่าจะส่งข้อความลับไปหาเจ้าของเรื่องหรือดึงมันมาที่นี่ มันอาจจะคือความจริงที่เจ้าของเรื่องควรรู้ แต่แฟนคลับเขาควรรู้ด้วยหรือเปล่าวะ พวกมึงทำอะไรลงไป มึงอยากให้เขาเขียนงานดีขึ้น หรือมึงอยากให้เขาหมดอนาคตในงานเขียนกันแน่
สิ่งที่โม่งพูดควรอยู่ในโม่ง ถ้ามึงอยากพูดในที่สว่างก็อย่ามาอยู่ในโม่ง หรือเอาคำพูดโม่งไปพูดในที่สว่าง ใครที่ทำแบบนั้น มึงควรจะสำนึกบ้างนะ
ทีนี้สับนิยายกันทีไม่ระแวงกันไปหมดเรอะ
มึง เรื่องนี้กูสงสารคนเขียนนะ จะสับจะวิจารณ์อะไรมันก็ไม่ควรเอาไปแปะในที่ของเขาขนาดนั้นว่ะ กูคิดมานานแล้วว่าบทวิจารณ์ต่างๆ มันมีไว้เพื่อให้คนอ่านได้เลือกอ่านนิยายที่ตรงจริตว่ะ ไม่ได้มีไว้เพื่อคนเขียน เพราะงั้น กูเลยไม่เห็นด้วยกับการที่จะไปตีปลาหน้าไซ ทำร้ายจิตใจคนเขียนเขา หรือที่หนักกว่าคือ ไปด่าเขาถึงในหน้าที่เขาขายของ
เขาเปลี่ยนชื่อแล้ว สงสารเบาๆว่ะ
https://imgur.com/a/GHN9w
อยากเป็นมาเฟียเชิญมู้นินทาได้นะโม่ง เห้อ
พวกมึงจะมาโลกสวยอะไรกันนักหนาวะ อยากสวมบทบาทเป็นคนดีในโม่งเรอะ
กูเห็นด้วยว่าไม่ควรว่ะ อย่างน้อยถ้ามึงจะทำ มึงควรจับผิดด้วยตัวเองแล้วใช้คำพูดของตัวเอง ถ้าโม่งที่แม่งบ่นเรื่องภาษาแม่งตั้งใจจะประจานแม่งคงเอาไปแปะเองแล้ว อันนี้แม่งเหมือนอยากด่าคนแต่ไม่มีปัญญาทำด้วยตัวเองเลยยืมคำพูดคนอื่นว่ะ
>>526 วิจารณ์ในโม่งกับการเอาไปแปะในหน้าเว็บแม่งไม่เหมือนกันนะ ในโม่งทุกคนก็พูดสิ่งที่พูดในที่สาธารณะไม่ได้ ซึ่งแม่งไม่ได้แปลว่ามึงเลว คอนเซปของโม่งไม่ได้อยู่ที่ทำตัวเหี้ยๆใส่กันได้แล้วก็ไปเรื้อนใส่คนอื่นข้างนอกได้ กูว่าการเอาเรื่องที่พูดกันภายในไปแปะประจานคนเขียนสิเลว
>>526 ไม่มีใครโลกสวยหรอกไอ้หำ มีแค่คนเห็นว่าไม่ควรทำ แล้วกูแนะนำอะไรมึงให้เอาไหมไอ้โลกขี้เหร่ ถ้ามึงคิดว่าสิ่งที่พูดในโม่งสมควรพูดข้างนอก กูแนะนำให้มึงวิจารณ์นิยายทุกเรื่องที่มึงอ่านแบบเดียวกับในโม่ง กูก็อยากรู้เหมือนกันว่ามึงจะกล้าหรือทำได้ดีแค่ไหน ถ้าไม่มีโม่งคลุมหัว
>>526 คำพูดยอดฮิตเลยนี่หว่า 555+
ทำไม มึงไม่ชอบโลกสวย ชอบโลกระยำนักเหรอ
โลกแม่งเหี้ยลงก็เพราะคนไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรนี่แหละ ทำร้ายจิตใจคนอื่นก็ไม่ได้ทำให้ใครสูงขึ้นนะเว้ย
อห. มันไม่ใช่ว่าในโลกที่เกือบจะไม่มีใครรู้ว่ามึงเป็นใครจะทำตัวต่ำทรามทำเรื่องเลวร้ายกับใครยังไงก็ได้นะเว้ย ทำไมมึงไม่มองในมุมกลับบ้างล่ะว่านี่ขนาดมีโม่งคลุมหัวคนเค้าก็ยังไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมแบบนี้ ก็แปลว่าคนส่วนใหญ่มองว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ไม่เข้าท่าจริงๆ
ขนาดคนเขียนหลายๆ เรื่องมิกซ์แฟนฟิค โดนแหกในโม่งเป็นระยะ มันยังไม่มีใครก๊อบถ้อยคำเพื่อนโม่งไปแปะให้คนเขียนมันหน้าแหกต่อหน้าคนอ่านของมันเลยสักคน มึงคิดว่าเป็นเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะทุกคนเสแสร้งกล้งเป็นคนดีหรอกมึง แต่คนเขารู้ว่าอะไรควรไม่ควร
กูไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนทำ แต่ถ้ามึงไม่มีปัญญาคิดถ้อยคำเอง หรือถ้าขี้เกียจจะพิมพ์เองขนาดนั้น กูแนะนำนะ อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำห่าอะไรหรอก โคตรทำร้ายทั้งนักเขียนทั้งคนที่มาเมาธ์ในนี้ ต่อไปจะเขียนห่าอะไรไม่เกร็งแย่เหรอวะ
โม่งเหมือน fight club อ่ะสัด มึงไม่ควรเอาไปทำให้มีตัวตน
แล้วก็อย่าเถียงเหมือนเด็ก ด้วยเหตุผลโลกสวยห่าเหวที่มึงเข้าใจตื้นๆตามโลกโซเชียล คนอย่างกูอ่านแล้วเลิกคิ้วแคะขี้มูกดีดใส่จอ
ถ้ามึงคิดว่าที่นี่มีขึ้นเพื่อบันเทิงมึงกำลังเข้าใจผิด โม่งเป็นสังคมของคนที่มีอารยะ อยู่ที่นี่ได้ต้องจิตใจสูงเกินมนุษย์ สันดานเทวดา ทำตัวเหมือนลิงค่างบ่างชนีปลวกหมาเห็บหีไม่ได้หรอก
แม้ทุกมู้เป็นพื้นฐานของอิสรภาพทางคำพูด แต่มันก็ต้องมีขื่อแป ขอบเขตของพื้นที่
เป็นผู้ใหญ่หน่อยโม่ง
มองข้ามช็อตต่อไป นอกจากวิจารณ์แบบเกร็งๆไม่กล้าจัดเต็ม พวกชอบเลียนแบบหรืออยากกวนตีนชาวบ้านแม่งก็เข้ามายืมมือโม่งฆ่าคนได้อีกนะ
กูวิตกจริตไปปล่าวว่ะเนี่ย แหล่งอ่านบทวิจารณ์แบบถึงพริกถึงขิงยิ่งไม่ค่อยจะมีด้วย
การเป็นโม่งมันมันมีข้อดีคืองานที่ถูกเอามาวิจารณ์ถูกจัดเต็มแบบไม่อ้อมค้อม ไม่มีมานั่งรักษาน้ำใจเจ้าของเรื่อง มึงหาจากเว็บไหนไม่ได้หรอก เมื่อก่อนกูไม่รู้จักเลยคำซ้ำ ภาษาพูด ภาษาเขียน เดินเรื่องอะไร ไม่รู้เลย ก็ได้มารู้เพราะโม่งมาสับนิยายให้อ่านนี่แหละ กูชอบที่โม่งเป็นแบบนี้และหลายคนก็ชอบเหมือนกู ไม่งั้นจะมีคนเสี่ยงพลีชีพมาแอบเนียนฝากนิยายเหรอวะ มึงก็รู้ใช่ไหมนิยายที่โชคดีถูกสับในนี้จะได้อะไรไปปรับปรุงไม่มากก็น้อย คนที่ไม่ใช่เจ้าของเรื่องแต่ได้อ่านบทวิจารณ์ก็ได้อะไรไปใช้ในงานตัวเองด้วยเหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นที่มันเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเราเป็นโม่ง การพูดตรงๆ ตอนสับนิยายมันยากนะที่จะใช้คำพูดสุภาพ แต่ถึงจะใช้คำพูดค่อนข้างรุนแรงมันก็เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของโม่ง และโดยเนื้อแท้มันไม่ได้หยาบคายจนเกินรับได้ อ่านแล้วมันสนุกได้อารมณ์ แต่มันควรอยู่แค่ในนี้ ในพื้นที่ของเราชาวโม่ง
ห้องนี้เกิดจากการสับนิยาย และมันจะอยู่ต่อไปก็เพราะการสับนิยาย กูมาเล่นห้องนี้บ่อยเพราะชอบโม่งสับนิยายให้อ่าน กูรู้สึกโกรธโม่งที่เอาสิ่งที่เพื่อนโม่งพูดในนี้ไปพูดข้างนอก มันแย่มากว่ะ และกูหวังว่าโม่งนักสับทั้งหลายจะยังสับนิยายให้กูได้อ่านต่อไปเรื่อยๆ นะ
มันมาเหี้ยตอนพวกมึงเห็นดีเห็นงามตอนอีนิยายอัพหลอกแล้วมีคนไปโหวตต่ำ พอมาเรื่องนี้พวกมึงเสือกสงสาร แล้วกูไม่ได้โลกสวย กูแค่แหยงความอารยะชนของพวกมึง
จะทำอะไรก็ทำไปเถอะในนี้ จริงๆ มันก็เป็นกระทู้นินทากันอยู่แล้ว คนเขียนนิยายถ้ารับความจริงไม่ได้ก็ยากจะพัฒนางานก็ตัวเองได้
แต่คนสับก็ไม่ได้ดีเลิศอะไรมากนัก แค่เป็นคนธรรมดา มีอคติ มีชอบไม่ชอบส่วนตัว คนเราถ้าเหมือนกันก็ไม่ใช่มนุษย์ที่มีความรู้สึกแล้ว
เอาแค่วงการหนังก็มีแปลกยิ่งว่านี้อีก
คนวิจารณ์ด่าแล้วด่าอีก แต่หนังเสือกทำเงินมหาศาล ส่วนหนังที่แม่งชมว่าดีเลิศ เสือกทำเงินขาดทุนป่นปี้ก็มีมากมาย
เหมือนนิยายเรื่องหนึ่งมันมีทั้งคนชอบคนเกลียด ไม่งั้นจะมีนิยายหลายแนวหรือ
บางเรื่องแม่งฆ่ากันทั้งเรื่อง กลุ่มไม่ชอบก็ด่า
บางเรื่องแม่งฮาเร็ม กลุ่มไม่ชอบก็ด่า
บางเรื่องแม่งมีแต่เรื่องรักใคร่ วนเวียนจีบกันพระนาง กลุ่มไม่ชอบก็ด่า
สรุปนิยายเรื่องหนึ่งจะสับจะด่าจะเอาไปเปิดเผยยังไง กูว่ามันธรรมดามาก คนเขียนรับไม่ได้ แฟนคลับแอนตี้ คิดมากปวดหัว
กูบอกแล้วว่าใครคิดว่าการพูดแบบในโม่ง หรือคำพูดของโม่งในพื้นที่โม่งมันสามารถเอาไปใช้ที่ไหนก็ได้ ก็ลองดู เอาที่สบายใจเลย ผลมันจะเป็นยังไงก็รับเอาเองแล้วกัน อย่างน้อยก็คงได้เห็นกันแล้วล่ะว่าหลายคนในโม่งไม่สนับสนุนคนที่ทำแบบนั้น
>>535 ตรรกะวิบัติที่แท้จริง ตั้งแต่โลกสวยอยากเป็นคนดี ตอนนี้ลากเรื่องอื่นมาปน ถ้ามึงจะเอาเรื่องจักรพรรดิดวงดาวมาเทียบ มึงก็ดูด้วยว่าโม่งไปที่ไฟท์กับคนเขียนคนนั้นก็ไม่ได้ใช้ภาษาแบบโม่งไปไฟท์ ไม่ได้เอาความเห็นที่โม่งสับนิยายไปแปะ นิยายเรื่องไหนที่เป็นประเด็นในโม่งก็ไม่มีใครทำตัวใจร้ายขนาดเอาความเห็นแรงๆไปโพสต์ทั้งนั้น จะโพสต์อะไรมันก็ต้องดูสถานที่หน่อยมั้ย
แล้วกรณีนี้คือเอาความเห็นคนอื่นไปด้วย ไม่ได้คิดเอง ถ้าอยากจะแสดงความเห็น อยากจะด่าแรงใช้ถ้อยคำหยาบคายแบบโม่งในเด็กดีหรือที่อื่น มึงอยากทำมึงทำไป แต่ไม่ใช่เอาความเห็นคนอื่นไปโพสต์ คนทำตอนทำคือไม่ได้คิด เอาแค่สะใจหรือเอาฮาไว้ก่อนใช่มั้ย พอตอนนี้คนส่วนใหญ่ไม่ขำเพราะเห็นเป็นเรื่องไม่สมควร กูไม่เห็นพ้อยต์ในการงอแงเลยว่ะ
คนเราต้องใช้เวลาเติบโตกี่ปีวะ ถึงจะพ้นจากความเบียว กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ได้มีหัวไว้คั่นหูอย่างเดียว
พอละ เสียเวลา ตัดกลับมาสนใจที่นิยายบนเว็บดีกว่า ช่วงนี้นิยายจีนคนไทยเขียนที่กูตามๆ อยู่ไม่อัพเดทเลยว่ะ มีเสี่ยวหวางเฟยอัพอยู่เรื่องเดียว เพื่อนโม่งมีเรื่องไหนแนะนำไหมคะ
อ่านนิยายจีนของนกฮูกแล้วไม่ขำเลย กูเส้นลึกหรือว่ามันไม่ขำวะ
>>542 คำถามมึงต้องการคำตอบหรือเปล่า? เพราะเป็นคำถามที่ค่อนข้างโง่พอสมควร เรื่องแบบนี้มัน Subjective
กูดูชิงร้อยชิงล้านกูไม่ขำ แต่คนส่วนใหญ่ขำ กูอาจจะมองว่ากูเส้นลึก หรือว่ามองว่าคนอื่นเส้นตื้นล่ะ
ถ้าจะมองว่านิยายจีนฮูกไม่ขำ ทั้งๆที่มันมีความพยายามจะวางมุก อันนี้ มึงก็ต้องบอกได้ว่าตรงไหนบกพร่อง เช่น จังหวะ การใช้คำ วิธีการนำเสนอ ฯลฯ
เพราะ ฝรั่งไม่ขำมุกคนไทย คนไทยไม่เข้าใจมุกเยอรมัน และ อีอั้มเนโกะ สามารถหัวเราะในบางเรื่องได้
>>540 หวังอะไรกับเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่มีหัวคิด เน้นคำว่าไม่มีหัวคิด (ไม่ได้เหมารวมคนดีๆนะ) เป็นเกรียนกากคีย์บรอดของไทย
แค่เรื่องนาซ่าเขาสำรวจดาวพูลโต เป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก
พวกนี้แม่งยังไปทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงคนไทยระดับโลกมาแล้ว
ขนาดชาวต่างชาติขอร้องและบอกว่าประเทศเรามีสถาบันที่ดีงาม พวกนี้แม่งยังไม่สนใจเลย
>>543 มึงเดือดจัง อินอะไรมา ใจเย็นนะ กูเห็นคอมเม้นมันขำกันจัง แต่กูไม่ขำ กูก็สงสัยตัวเองไง คนอื่นมันมีใครไม่ขำเหมือนกันมั้ย หรือเขาขำกันปรกติ กูไม่กล้าฟันว่ามันเป็นที่กูเส้นลึก หรือมันไม่ตลกด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว กูจะได้ลงลึกไงว่ามุกมันอาจจะไม่ได้โดนใจ พยายามมากไป จังหวะไม่ดี หรืออะไร เพราะเห็นในเด็กดีก็อวยว่านกฮูกเก่งด้านคอมเมดี้ พอกูไม่ตลกกับมัน กูสงสัยไม่ได้อ่อ
>>541 ส่วนใหญ่เป็นแนวอ่านคลายเครียดนะเพื่อนโม่ง ตอนนี้เหลือที่ยังอยากรออ่านต่ออยู่สามสี่เรื่อง บางเรื่องติด บางเรื่องอยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป
1 หวน
มีคนแปะลิงก์บ่อยแล้วมั้ง แต่เอาไปอีกทีละกัน
ลิงก์ : https://my.dek-d.com/hardinese/writer/view.php?id=1429054
เรื่องนี้กูยังรออ่านเพราะอยากรู้ว่าคนเขียนจะดึงตัวเองกลับมาได้ไหม บทนำดีมากนะมึง บทที่ตามมาก็ยังโอเค แต่บทต่อๆ มาเหมือนเขาหลงทาง อาจจะด้วยเร่งเขียนเกินไปละมั้งนะ
2 นางมารน้อยข้ามภพ
ลิงก์ : https://my.dek-d.com/sweetwind/writer/view.php?id=1479257
3 ชะตาดอกท้อ
ลิงก์ : https://my.dek-d.com/xin-er/writer/view.php?id=1523713
4 เสี่ยวหวางเฟย
ิลิงก์ : https://my.dek-d.com/sweetyliqueur/writer/view.php?id=1510456
>>546 กูเคยอ่านหมดละ หวนกะนางมารน้อยไม่ค่อยถูกจริตเท่าไหร่ นางมารน้อยนี่แจ่มใสไปหน่อย รำคาญนางเอก ส่วนชะตาดอกท้อเห็นโดนโม่งด่าอยู่ข้างบน มีเรื่องที่กูชอบคือจิ่นเสวี่ยนหวางแต่เขาไม่อัพเลยเดี๋ยวนี้
ลิงค์ https://writer.dek-d.com/Leeau/story/view.php?id=1436226
สวัสดีค่ะพี่ๆ โมงทุกคน พอดีมีเพื่อนแนะนำมาว่าถ้าอยากได้คำวิจารณ์ดีๆ ให้ลองเข้ามาที่นี่ดู อยากฝากพี่ๆ ช่วยวิจารณ์นิยายให้เราหน่อยได้มั้ยคะ อยากได้คำวิจารณ์เพื่อปรับปรุงงานเขียนให้ดีขึ้นน่ะค่ะ
https://writer.dek-d.com/popee/story/view.php?id=1262660
>>548 ส่วนตัวนะ ออกตัวก่อนว่าส่วนตัว subjective มาก กูไม่เคยอ่านเรื่องอื่นะ แต่เรื่องนางมารน้อยข้ามภพ กูไม่ชอบจริตของเจ้าหญิงการเวกที่ใส่ลงไปนิยายของเขาเท่าไร มันเยอะไปหมดจนเวิ่นเว้อ สำนวนตรงบรรยายฉากและหน้าตาตัวละครจะชัดมาก เวิ่นสุดแรง แล้วเขาชอบตอกย้ำความสวยความหล่อซ้ำๆเดิมๆ อย่างบทที่ 3 บรรยายความหล่อซือฝูไปเป็นหน้าๆ ก่อนหน้านี้ก็เคยบรรยายมาแล้ว มันทำให้คนอ่านอย่างกูรู้สึกรำคาญมาก
อีกเรื่องเลยคือจริตของนางเอกที่จริตแจ่มใสมาก อ่านดูแล้วรู้สึกนางเอกเยอะแล้วก็ดัดจริตมาก เรียกว่าตัวละครแบบเป็น high school bitch เลย แล้วการเวกใช้นางเอกเป็นตัวดำเนินเรื่อง คนที่ไม่ชอบนางเอกสไตล์แจ่มใสที่อิ๊อ๊างน่ารำคาญ ก็จะพลอยรำคาญนิยายไปด้วย กูเองทนอ่านไปได้ไม่กี่ตอน เพราะรำคาญ ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้แปลว่านิยายห่วย เขียนไม่ดี เขาก็เขียนใช้ได้นะ ถึงจะเวิ่น แต่สำนวนที่บรรยาย ภาษาที่ใช้ก็ดีกว่าหลายๆเรื่อง เพียงแต่ถ้าคนไม่ชอบจริตของเขาก็จะไม่ชอบนิยายเขาเป็นเลย รสนิยมล้วนๆ เหมือนกูชอบแก้วเก้า แต่ไม่ชอบทมยันตี ประมาณนั้น
>>549
เย็ดแม่ ยาวว่ะ อ่านไม่ไหว ไม่ใช่แนวด้วย
ที่เห็นชัดๆ ก็คือวิธีการใช้ประโยค ให้มีช่องว่างหลัง "คำพูด" ด้วย ไม่ใช่ "คำพูด"แล้วต่อกันเลยแบบนี้ เหมือนที่ใช้กับไม้ยมกน่ะ โดยเฉพาะคำบรรยายที่แทรกอยู่ในย่อหน้าของประโยคคำพูด คนอ่านจะมองข้าม " " ไปได้ง่ายๆ แล้วจะแยกไม่ออกว่ามันเป็นคำพูดหรือคำบรรยาย
พยายามอย่าใช้เสียงเอฟเฟ็กต์แทนการบรรยายมาก มันไม่เห็นภาพ
ปัง! ปัง!
มันเกิดเหี้ยวอะไรขึ้นวะ เสียงอะไร เสียงปืนเรอะ ใครยิงใคร ยิงจากไหน ยิงใส่ใคร ยิงโดนหรือไม่โดน ไม่รู้เรื่องห่าอะไรเลย เอาแค่นี้แล้วกัน รอคนอื่นที่ขยันๆ นะ กูไม่ไหว
>>549 เปิดไปแล้วแต่ยังไม่ได้อ่าน เห็นมีโม่งออกตัวดูให้แล้วเลยไม่อ่านแล้วกัน แต่ขอติงหน่อย น้องใช้เว้นวรรคตรงเครื่องหมายอัญประกาศ ("...") เดี๋ยวผิดเดี๋ยวถูกตลอดเลย ต้องเคาะเว้นวรรคหน้าอัญประกาศเปิดและหลังอัญประกาศปิด
ex.1) "ไอริส..." เด็กหญิงเอ่ยเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงขาดห้วง
ex.2) สมิทธ์ปรายตามองเหล่าร่างไร้วิญญาณของเด็กสาวชายหญิงเบื้องล่าง "นับต่อสิคุณอีแวนส์"
ex.3) "ผู้ชายผมสีดำคนนั้น" ฉันกลั้นหายใจด้วยความลังเลไปชั่วครู่ "รีดจ์...เขาคือไทเลอร์ รีดจ์"
อันนี้ไม่ได้ว่าน้อง แต่สงสัยส่วนตัว เดี๋ยวนี้รร.ประถมเขาไม่สอนใช้เครื่องหมายพวกนี้กันแล้วเหรอ เจอคนผิดบ่อยจนเอือมใจ หรือว่ามันใช้ยาก?
>>547 ขอบคุณเพื่อนโม่ง เรื่องนี้เคยมีเพื่อนแนะนำมาเหมือนกันแต่ยังไม่ได้อ่านจริงจังสักที เคยเปิดเข้าไปอ่านผ่านๆ แล้วไม่โดน ไปเจอแฟนอาร์ตแล้วเกิดผงะเล็กๆ ด้วย 555+ เดี๋ยวจะลองเข้าไปอ่านดีๆ อีกที
>>548 ยังไงวะ เพื่อนโม่งลองยกตัวอย่าง
>>549 ความที่เป็นคนนิสัยเสียชอบจิ้มสุ่มอ่านตอนท้ายๆ ก่อน เลยจิ้มไปอ่าน reveries2 เป็นบทแรก สะดุดจังหวะบทสนทนาน่ะ ประโยคนี้เลย "ได้เพลงอะไรละ" น่าจะเว้นวรรคสักหน่อย หรือใส่จุดๆๆ เช่น "ได้ เพลงอะไรล่ะ" หรือ "ได้...เพลงอะไรล่ะ" พอจิ้มไปเจอแบบนี้ความประทับใจแรกมันลด แต่อ่านๆ ลงไปเรื่อยๆ บทสนทนาอื่นก็ดูโอเคนะ เดี๋ยวถ้าสุดท้ายแล้วยังไม่มีเพื่อนโม่งดูให้ก็จะอ่านให้นะ มันยาวเหมือนกัน ไม่กล้ารับปากส่งเดช
>>549 เตง เค้าโม่งอารีนะ ตอนแรกก็ครึ้มๆใจคิดจะลองอ่านนิยายเตงให้จบก่อนแล้วเอามาวิจารณ์ แต่พออ่านๆไปได้3-4ตอนแล้วเค้าว่าเค้าหยุดอ่านแล้วมาเขียนก่อนสักหน่อยดีกว่า ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเนอะ
ก่อนอื่นก็ต้องขอชมว่าการใช้ภาษาในการบรรยายทำได้ดีพอสมควร อย่างน้อยๆเค้าก็อ่านเข้าใจและไหลลื่น สามารถนั่งอ่านไปเรื่อยๆได้โดยไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไร แต่บางครั้งการที่มีตัวละครโผล่เข้าฉากมาทีละมากๆ รวดเดียว มันทำให้เกิดความสับสนอยู่ไม่น้อยนะ อย่างฉากในโรงพยาบาลในบทที่ 1 มีตัวละครทั้งหมด 4 ตัว ชาย 2 หญิง 2 เป็นตัวละครใหม่ 2 ตัว เตงกลับใช้การบรรยายแบบกึ่งๆ บุคคลที่หนึ่ง ในการอธิบายความคิดของตัวละคร ทั้งๆ ที่คนอ่านยังไม่รู้จักกับ voice ของตัวละครเลย เค้าต้องอ่านบทสนทนาช่วงนั้นวนๆ อยู่ตั้ง 2-3 รอบ กว่าจะเข้าใจว่าประโยคไหนใครพูดบ้าง
แล้วก็เรื่องการใช้ตัวอักษรเสียง แบบ "ปังๆ" "โครมๆ" อันนี้เค้าไม่ชอบเลย คือแม่งดูไม่โปรเห็นๆ อะเตง เตงไม่ได้เขียนไลท์โนเวลนะ รักจะบรรยายให้ดีแล้วก็ควรที่จะบรรยายเสียงที่เกิดขึ้นให้ได้ ไอ้ปังเนี่ยก็แค่ "เสียงปืนคำราม" "เสียงปืนดังขึ้นสองนัด เทลผลักน้องสาวให้พ้นไปจากวิถีกระสุนพร้อมล้วงมือลงไปในอกเสื้อ คว้าปืนพกสั้นขึ้นยิงตอบโต้" อะไรก็ว่าไปอะค่ะ
ส่วนเรื่องที่ทำให้เค้ารู้สึกหงุดหงิดมากๆ ก็คือความไม่สมจริงแบบน่าเตะของเรื่องน่ะค่ะ อย่างไอ้สัญญาที่พ่อของเทลทำกับบริษัทอะไรนั่นดูยังไงก็เฟค เฟคแบบเฟคมากๆ คือเตงรู้ไหมว่าทุกประเทศอารยะบนโลกใบนี้เนี่ยมันมีกฎหมายเกี่ยวกับข้อสัญญาไม่เป็นธรรมอยู่ คือการจะทำนิติกรรมอะไร ถ้ามันโอเวอร์ หรือเสียเปรียบจนทุเรศเกินไปมันก็ใช้บังคับไม่ได้นะคะ ไม่ใช่ว่าไปเซ็นจะใช้หนี้ที่ยืมไปภายใน 1 เดือน ไม่งั้นยกทุกอย่างให้หมด เอาลูกเอาเมียไปด้วย แล้วจะต้องทำตามนั้นนะ มันทำให้พล็อตตรงนี้ดูอ่อนมากๆ อ่อนจนเค้ารู้สึกเพลียเลยอะ
เรื่องตัวละคร อันนี้ก็หงุดหงิด เค้าอาจอ่านไปแค่ไม่กี่ตอน เลยยังไม่เห็นการพัฒนาของตัวละคร แต่เค้าก็ว่าตัวละครมันดูแบนนะ อย่างเช่นเทลเนี่ย เป็นแม่พระผู้โง๊โง่ เขาหลอกว่ารักก็เชื่อเขา (ทั้งๆ ที่เขาแสดงท่าทีชัดเจนมาตลอดว่ามึงไม่ใช่ลูกกู) โดนแม่เลี้ยงด่าว่ามาตลอด ทำร้ายจิตใจ ไล่ออกจากบ้าน แต่จู่ๆ ก็มาตามให้กลับไปอยู่บ้าน แถมทำตัวดีด้วยแบบเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ถ้ามึงไม่ปัญญาอ่อนก็ต้องเข้าใจปะคะว่ามันต้องมีซัมติงแน่ๆ
ไอ้พวกเพื่อนพ้องน้องพี่ของเทลก็ประสาทแดกจริง เป็นคาร์ฯ รักน้องสาวอีกแล้ว แต่พอน้องสาวที่ถูกไล่ออกจากบ้านจะกลับไปสู่สถานบ้านทรายทองด้วยสภาพการณ์ที่มัน weird ๆ ทะแม่งๆ กลิ่นตุๆ ไม่ชอบมาพากลสัสๆ แบบนี้ มึงไม่คิดจะรั้งจะห้ามกันหน่อยเหรอ อีพ่อก็โง่แบบแบนๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นนักธุรกิจใหญ่ได้ อีแม่เลี้ยงก็ร้ายแบบนางตอแหลในละครหลังข่าว คือแบนอะ มีแต่ไอ้น้องสาวของเทล(ลูกแม่เลี้ยง) ที่ชื่อเมลามีนอะไรสักอย่างที่ดูจะมีมิติกว่าชาวบ้านเขาหน่อย อย่างน้อยๆ ก็มีทั้งด้านที่เจ้าอารมณ์และด้านที่เข้าใจเหตุผล
อีกเรื่องหนึ่งคือชื่อตัวละคร เค้าไม่ค่อยแน่ใจว่าเตงตั้งชื่อตัวละครด้วยภาษาอะไรนะ แต่หลายๆตัวเค้าว่ามันฟังดูไม่ค่อยจะใช่ภาษาคนอะ อย่างนามสกุลของพวกเทล หรือของพ่อเทลอะไรเนี่ยมันมีคำแปลหรือเปล่าอะคะ หรือว่าตั้งขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้มีรากศัพท์มาจากอะไร
สรุปก็คือ ถ้าเป็นเด็กๆ มาอ่านนิยายของเตง เขาก็จะบอกว่ามันหนักไปสำหรับพวกเขา เขาชอบเบียวๆ ไม่เอาดราม่า ไม่เอาตัวเอกโดนรังแก ส่วนถ้าโตๆ หน่อยมาอ่าน ก็คงจะหงุดหงิดกับความไม่เรียลของเรื่องแบบเค้าเนี่ยล่ะ เพราะงั้นเตงต้องลองทวนๆดูนะ ว่าจะจับกลุ่มลูกค้าแนวไหน แต่ถ้าจะให้เขาแนะ เค้าจะแนะว่าให้เตงแต่งตามใจที่เตงต้องการเถอะ ยังไงเสียเค้าก็อ่านไปได้ไม่กี่ตอนอะ ตอนหลังๆเตงอาจเขียนได้ดี วางปมเฉลยปมได้เฉียบ ใครจะไปรู้
>>549 เตง เค้าโม่งฮูนะ
อย่างที่โม่งอารีบอกไปใน >>559 เค้าคิดประมานนั้นแหละ
อย่างแรก กุไปอ่านงานของหนูมาแล้วนะ ปรากฏว่า มีส่วนที่จะเสริมต่อจากโม่งอารีนิดนึง
ขออนุญาตพูดแบบโม่งสไตล์นะจ้ะ
อย่างแรกต้องขอชมก่อนเลย ว่าหนูเป็นคนที่ตั้งใจมากๆ คนหนึ่งในงานเขียน (งานหนูมันบอกแบบนั้น ว่าคนเขียนตั้งใจมาก) แต่หนูเคยเรียนฟิสกส์ไหม จากวิชานี้ ที่กุเรียนไปเครียดไป แต่ก็สรุปได้อย่างเดียว
'ทิศทางสำคัญกว่าอัตราเร็ว'
ฮูไม่ได้ดูแค่งานเขียนจากในลิ้งค์นะ ฮูไปดูเรื่องอื่นๆ ของหนูมาด้วย ปรากฏว่า ทุกเรื่องค่อนข้างทำได้ดี คือในแง่ของภาษา นี่ไม่ได้อวยนะ แต่ใช้ได้เลย ต้องขอชมเลย
แต่ก็อย่างที่บอกนั่นล่ะ ทิศทางสำคัญกว่าความเร็ว ถ้าหนูเขียนมาตั้งแต่ปี 52 ซึ่งเขียนมาก่อนฮูอีก แต่ยังมีจุดที่ยังทำได้ไม่ค่อยได้ แบบนี้ ฮูขอสรุปว่า เตงกำลังไปผิดทาง
ดังนั้น ฮูขออนุญาตบอกได้ไหม ว่าฮูคิดว่าหนูไปผิดทางตรงไหน...
อย่างแรก การเล่าเรื่องของเตงยังทำไม่ได้ดีเท่าไร ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร อันนี้คือเบสิกของการเขียนบุรุษสาม ที่เลเวลอัพขึ้นมามันมีอีกเยอะ ยกตัวอย่างนั่นก็คือ 'ทำไม' ซึ่งเอาไว้ว่ากันที่หลังละกัน
เตงต้องไปพัฒนาการเล่าเรื่องนะ ถ้าเป็นคนอื่น ฮูจะไล่ให้ไปฝึกเขียนเยอะๆ แต่ถ้าเป็นเตง ที่เขียนมานานแล้ว ฮูแนะนำให้ไปหานิยายมาเรื่องหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขดังนี้
1. เป็นนิยายตีพิมพ์ ของสนพที่เปิดมาพอสมควร ไม่เอานิยาย สนพ ใหม่ๆ นะ ทุกวันนี้แม่งเปิดกันเป็นดอกเห็ด
2. เป็นนิยายที่เตงชอบ เตงอวย
3. เป็นิยายที่มีกระแสตอบรับดี
หาให้ได้โดยครบเงื่อนไขสามข้อนี้ แล้วเตงมานั่งอ่าน อ่านรอบแรก อ่านเพลินๆ อ่านรอบสอง พยายามจับให้ได้ ว่าเขาบรรยายยังไง มีจังหวะแบบไหน อ่านรอบสาม พยายามแกะพลอตของเขาให้ได้ พยายามดูเส้นการดำเนินของเรื่อง (เช่น เส้นความรัก ทั้งคู่รักกันได้ยังไง เส้นปม ผู้ปมยังไงแก้ยังไง เส้นราแรคเตอร์ คาแรคเตอร์ตัวละครสื่อสารยังไง ถึงทำให้เตงหรือคนอ่านอื่นๆ หลงรักได้ขนาดนั้น)
จากนั้น ลูกก็เอามาเขียนนิยายเรื่องใหม่เลย (อย่าไปรีไรท์ เสียเวลา) อ้ะ แต่ไม่ใช่ว่าให้ก๊อบนะลูก สร้าพลอตเป็นของตัวเอง แต่ใช้โมเดลของเรื่องนั้นๆ มาปรับใช้กับเรื่องของเรา อันนี้ต้องระวัง สำหรับมือใหม่อาจจะกลายเป็นมิกซ์แฟนฟิคได้ ที่ผ่านๆ มาฮูเลยไม่แนะนำ แต่ลูกเขียนมานานแล้ว อ่านจากงานก็ถือว่าเริ่มมีเอกลักษณ์แล้ว ดังนั้น ฮูมั่นใจ ว่ามันจะออกมาดีแน่นอน
สุดท้าย ท้อเป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร คือ... บางครั้งคนเราทุกคนก็เป็นเพชรล่ะ แต่จะให้เปร่งประกายด้วยตัวเอง บางครั้งมันใช้เวลามากไป ลูกลองทำตามที่ฮูบอกนะ ได้ผลยังไงมาเล่าให้ฟังด้วย เชื่อว่าคนที่มีความตั้งใจขนาดหนู มันพัฒนาได้ไม่ยาก
ส๊ส๊คร๊
>>558 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ
>>559 ขอบคุณพี่โม่งอารีมากค่ะ คำแนะนำมีประโยชน์มากๆ หนูขอเก็บไปปรับปรุงในงานเขียนนะคะ พยายามแก้ในส่วนที่อ่อนมาทั้งหมด และจะระวังไม่ให้เกิดซ้ำอีกค่ะ ชื่อตัวละครส่วนมากมาจากการผสมกับสลับตัวอักษรค่ะ เลยอาจฟังแปลกๆ ไปบ้าง
>>560 ฟิสิกส์นี่หนูไม่ถนัดเลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็...ตกบ่อยๆ 5555 คำชมที่ได้มาเล่นเอาตัวลอยเลย ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำแนะนำ เพราะที่ผ่านๆ มาก็ติดปัญหาการเล่าเรื่องซึ่งนักอ่านส่วนใหญ่ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่างง หนูจะลองเอาไปใช้ดูนะคะ
ขอถามเพิ่มเติมได้มั้ยคะ เบียวแปลว่าอะไรหรอคะ
เท่าที่อ่านดูถือว่าเขียนอยู่ในเกณฑ์ดีนะ แต่ยังแยกภาษาพูดกับเขียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร การใช้สรรพนามต่างๆ ดูประณีตทีเดียว แต่ยังมีจุดสะดุดระหว่างบทสนทนาและการบรรยายหลังบทสนทนาอยู่บ้าง
เอาที่เรื่องแรกก่อน ภาษาพูด
“มาถึงคำถามสุดท้ายสำหรับสาวน้อยดาวรุ่งจากฮิเรเนสแล้วนะครับ คุณพร้อมหรือยังสาวน้อย...” แม้พิธีกรจะเอ่ยปากแซวเล่นพร้อมสายตากรุ้มกริ่ม กลับไม่ได้ทำให้สาวน้อยที่เป็นดาราหน้ากล้องกระดากอาย ซ้ำเจ้าตัวยังยิ้มอย่างแช่มชื่นด้วยความยินดี ทว่าหลังจากได้ยินคำถามกับเสียงซุบซิบทั่วห้องส่ง สาวเจ้าถึงกับหน้าตึงขึ้นมาแทบจะทันควัน
จากด้วนบนมีคำว่า "แซว" กับ "กรุ้มกริ่ม" ที่เป็นภาษาพูด ลองเปลี่ยนเป็น "เหย้าแหย่" กับ "เจ้าชู้" ดู
“มาถึงคำถามสุดท้ายสำหรับสาวน้อยดาวรุ่งจากฮิเรเนสแล้วนะครับ คุณพร้อมหรือยังสาวน้อย...” แม้พิธีกรจะเอ่ยปากเหย้าแหย่พร้อมสายตาเจ้าชู้ กลับไม่ได้ทำให้สาวน้อยที่เป็นดาราหน้ากล้องกระดากอาย ซ้ำเจ้าตัวยังยิ้มอย่างแช่มชื่นด้วยความยินดี ทว่าหลังจากได้ยินคำถามกับเสียงซุบซิบทั่วห้องส่ง สาวเจ้าถึงกับหน้าตึงขึ้นมาแทบจะทันควัน
เรื่องที่สองการบรรยายหลังบทสนทนา ถือว่าแนะนำเทคนิคให้แล้วกันนะ ในบทสนทนานั้นหากปรากฏชื่อตัวละครแล้ว บทบรรยายด้านหลังไม่ควรเอ่ยชื่อ นาม หรือ สรรพนามนั้นซ้ำ มันทำให้สะดุด อย่างชุดข้อความที่ยกมานั้นในเครื่องหมายคำพูดมีคำว่า "สาวน้อย" อยู่ก่อนแล้ว บทบรรยายจึงควรใช้คำอื่นแทน เดี๋ยวจะลองแก้ให้ดู
“มาถึงคำถามสุดท้ายสำหรับสาวน้อยดาวรุ่งจากฮิเรเนสแล้วนะครับ คุณพร้อมหรือยังสาวน้อย...” แม้พิธีกรจะเอ่ยปากเหย้าแหย่พร้อมสายตาเจ้าชู้ กลับไม่ได้ทำให้ผู้ที่ถูกเอ่ยถึงกระดากอาย ซ้ำเจ้าตัวยังยิ้มอย่างแช่มชื่นด้วยความยินดี ทว่าหลังจากได้ยินคำถามกับเสียงซุบซิบทั่วห้องส่ง สาวเจ้าถึงกับหน้าตึงขึ้นมาแทบจะทันควัน
ต่อมาเรื่องคำฟุ่มเฟือย เห็นอยู่แทบทุกย่อหน้า ลองปรับให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วกัน
“มาถึงคำถามสุดท้ายสำหรับสาวน้อยดาวรุ่งจากฮิเรเนสแล้วนะครับ คุณพร้อมหรือยังสาวน้อย...” แม้พิธีกรจะเอ่ยปากเหย้าแหย่พร้อมสายตาเจ้าชู้ กลับไม่ได้ทำให้ผู้ที่ถูกเอ่ยถึงกระดากอาย ซ้ำเจ้าตัวยังยิ้มอย่างแช่มชื่นอีกต่างหาก ทว่าหลังจากได้ยินคำถามกับเสียงซุบซิบทั่วห้องส่ง สาวเจ้าถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันควัน
ลองดูเองแล้วกันว่าเปลี่ยนอะไรให้บ้าง
รักโม่งทุกคน จากโม่งเรื่องสั้น
กรุ้มกริ่มกูว่าภาษาเขียนนะ
กูชอบบรรยากาศแบบตอนนี้จัง ใครมีนิยายอยากให้โม่งดูให้อีกก็แปะมาตรงๆ แบบนี้นะคะซิส ไม่ต้องให้เพื่อนให้ผัวเอามาแปะก็ได้
พวกมึงใจเย็นๆ นะคะ
โม่งด้านบนทำให้กูต้องไปอ่านเรื่องอื่นของการเวกเลย กูไปอ่านเรื่องอื่นเท่าที่เห็นในเว็บมา เจอจุดร่วมคือ เขาจะใช้นางเอกเป็นตัวเดินเรื่องทุกเรื่อง แล้วเหมือนจะเล่าผ่าน Voice นางเอก
น่าจะเป็นอย่างที่โม่งข้างบนบอก นางมารน้อยข้ามภพมันเขียนเล่าเรื่องด้วย Voice ของนางเอก อินางเอกคนนี้มันแอ๊บๆ มี Voice ที่กูขอนิยามว่า Naughty Bitchy จริตเวเน เป็นตลคที่กูหมั่นไส้ชิบหาย แต่ก็ชอบ ถุย ติดกับความ Bitch เต็มๆ
มึง เขาเขียนบอกไว้ว่าเรื่องนี้นางเอกเป็นโอตาคุตรรกะป่วงบรรลัย กูว่าไม่ใช่โอตาคุค่ะอิเหี้ย อินี่มันหื่น!!!!!!! กูจินตนาการไปถึงตอนก่อนที่อินางเอกจะทะลุมิติเลยมึง เพ้อเก่งระดับสิบกะโหลกแบบนี้อินางเอกเรื่องนี้ต้องเป็นนักเขียนขี้จิ้นคอยส่องรูปผู้ชายในอินเตอร์เน็ตแล้วเอามามโนแน่ๆ
กูชอบนางเอกเรื่องเล่ห์รักเจ้าชายอสูร อห พอเปลี่ยนนางเอก Voice ของเรื่องก็เปลี่ยน แตกต่างกันอย่างกับคนเขียนเป็นคนละคน (กูชม)
ที่ต้องขอชมเลยคือคาแรคเตอร์ตัวละครเขาชัดเจนมาก
พอละพิมพ์ยาวกูเหนื่อย อีกสิบห้านาทีจะได้พักแล้วนะคะ เจอกันอีกทีตอนกูเข้างานค่ะ
กูเล่าอะไรให้ฟังหน่อยก็ได้ หลายๆ อย่างที่กูเอามาแนะนำในการเขียนนิยายในโม่ง มันเกิดจากการที่กูมีโอกาสได้ไปเรียนตัวต่อตัวกับนักเขียนท่านหนึ่ง กูไม่ขอเอ่ยชื่อนักเขียนท่านนั้นแล้วกัน เกิดมีใครมาด่าอาจารย์กู กูคงรับไม่ได้ ทุกอย่างที่กูมาบอกมาได้จากตรงนั้นทั้งหมดเลย
>>573 พอบอกว่าเป็นคุก็อดขำไม่ได้ นั่นล่ะ กูไม่ชอบตัวละคร bitchy อ่ะเพื่อนโม่ง เลยรำคาญ อันนี้ก็รสนิยมส่วนตัวเนอะ
ประเด็นคำว่ากรุ้มกริ่ม กูว่าอันนี้พูดยากละ สำหรับกู กูโอเคที่จะใช้คำว่าสายตากรุ้มกริ่มในการบรรยาย ไม่ได้ทำให้ระดับภาษาแกว่งจนรู้สึกขัด นิยายไม่ใช่งานเขียนเชิงวิชาการ ระดับภาษามันไม่ได้ตายตัวเป๊ะๆ ถ้าเขียนแล้วอ่านลื่นมันก็โอเคแล้ว เอาจริงนะ เรื่องของน้องการใช้ภาษาไม่ได้แย่ แต่จุดอ่อนเป็นอย่างที่โม่งอารีและอีกคนบอก น้องจังหวะไม่ดี เหตุผลปวกเปียก ตรงนั้นน่าโฟกัสมากกว่า
ถ้ามึงคือ ณ พิชา จริง กูบอกเลยว่ากูเคยอ่านงานมึง และมึงก็คงแก่กว่ากูเยอะอยู่ มึงเป็นคนที่ใช้ภาษาเขียนนิยายได้ดี มีการเลี่ยงคำซ้ำเลี่ยงสรรพนามได้ดีสุดๆ มึงอาจจะฝีมือพอๆ กับอาจารย์กูด้วยซ้ำ และกูก็ไม่ได้แปลกใจที่มึงได้รางวัลนักเขียนรางวัลหนึ่งด้วย ถ้าในบรรดานักเขียนยุคหลังก็มีมึงกับอาจารย์กูนี่แหละที่กูยอมรับ
>>576 เรื่องสั้น จะว่าสอน จะว่าเสือกก็ได้ การที่คนเราจะยึดตามคำสอนของอาจารย์ไม่ใช่เรื่องผิด จะยกย่องอาจารย์ก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่การยกอาจารย์ลงมาเป็นส่วนหนึ่งในการโต้เถียงแล้วออกตัวว่าใครด่ารับไม่ได้ ตรงนี้เริ่มผิดแล้ว แล้วก็ยังไม่มีใครด่าอะไรอาจารย์ของเรื่องสั้นเลย มีแต่เขาถามให้อธิบาย ตัวเรื่องสั้นเองหรือเปล่าที่ดึงลากอาจารย์ตัวเองลงมาจนเดือดร้อนใจเอง เราว่านักเขียนทุกคนก็มีอาจารย์ทั้งนั้นนะ จะอาจารย์ที่สอนจริงๆ หรืออาจารย์ที่สั่งสอนผ่านงานเขียน อาจารย์ช่วยก่อสร้างรากฐานเราให้แข็งแรง แต่อาจารย์ไม่ใช่ไม้บรรทัดของชีวิตนะ อย่ายึดติดกับอะไรจนเกินไป
ถามหน่อย พวกโม่ง
Bitch bitchy เป็นตัวละครแบบไหนกัน ต่างจากนางเอกไม่บิชยังไง กูสงสัย
แปลกดี คิดว่าคอมเมนต์ใดคอมเมนต์หนึ่งน่าจะเป็น ณ พิชา ดีใจนะที่ได้คุยกับนักเขียนคนโปรด แต่ก็แปลกใจที่เราต่างก็สถิตย์อยู่เว็บนั้นกันเป็นปีๆ แต่ไม่เคยคุยกันเลย คิดว่า ณ พิชา คงรู้แหละว่าเราเป็นใคร บางทีอาจจะเห็นเราตั้งแต่วางงานแรกๆ ด้วยซ้ำ ตอนนั้นก็เหมือนน้องๆ ในนี้แหละ ไม่เคยมีประสบการณ์งานเขียนมาก่อนเลย ตอนนั้นวางงานไปตอนเดียวโดนเป็นสิบๆ ชุด แทบอยากเลิกเขียนไปเลย ตอนนั้นที่นั่นยังไม่เป็นแบบปัจจุบัน คนใจดีเยอะใครวางงานก็ช่วยดูช่วยอ่านให้ตลอด ทุกวันนี้ไม่ใช่แล้ว คิดถึงตัวเองในตอนนั้นก็เลยอยากมาแนะนำน้องๆ ที่อยากเป็นนักเขียน มันเหมือนมองเห็นภาพตัวเองตอนเป็นนักเขียนหน้าใหม่ ที่พอเขียนงานเสร็จก็ไฟแรงอยากได้คำวิจารณ์ ถึงวันนี้มีผลงานได้ตีพิมพ์ไปบ้างเลยคิดว่าพอมีอะไรจะบอกน้องๆ ได้บ้าง ก็เลยแวะเวียนมาที่นี่เป็นครั้งคราว
ไปกินข้าวแป๊บเดียว นี่มันอะไรวะเนี่ย
กูขอเผือกนิดนึงนะ กูขี้เผือก
1 การดึงอาจารย์ตัวเองมาอ้างโดยไม่ให้เหตุผลอื่นนอกจากพูดว่าอาจารย์สอนมาว่าเป็นภาษาพูด
2 การออกชื่อนามปากกาคนอื่นในประเด็นสนทนาที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องของเขา
มันไม่โอเคอะ
มึงเอาอะไรมาคาดเดาว่าใครเป็นใคร ข้อความสั้นๆ มันไม่น่าจะบอกได้ขนาดนั้นอะมึง
โม่งก็คือโม่ง ไม่ต้องพยายามเดาว่าโม่งเป็นใครดีกว่า อีกเรื่องสำคัญนะคะซิส ถึงมึงจะออกชื่อนามปากกาใครแบบชมเชย ถ้ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คุยและคนคนนั้นไม่ได้ดังขนาดนั้นก็ไม่น่าทำ คนจะมองในทางลบได้ง่าย ดีไม่ดีชื่อที่โดนพูดถึงจะโดนมองว่าแอบมาอวยตัวเองไปด้วย ไม่เอ่ยถึงเลยจะดีที่สุด กูอ่านเจอแวบแรกกูสะดุดกึกเลยนะมึง
แค่เรื่องกรุ้มกริ่ม พวกมึงก็เดากันออกรึวะว่าใครเป็นใคร เชี่ยโม่งแม่งน่ากลัวสัสๆ
กูพล่ามแบบคนไม่รู้เรื่องเหี้ยไรด้วยนะ อ้างอาจารย์มันเกี่ยวไรด้วยวะ มึงก็แค่บอกแหล่งอ้างอิงมากูจะได้ตามไปอ่านยกเว้นมึงไม่มี รึว่าแค่จากปากอาจารย์มึงก็เชื่อทันที แล้วโคตรเป็นสุภาพบุรุษ-สุภาพสตรีเลยสัสบอกชื่ออีกฝ่ายโต้งๆ แต่ชื่อตัวเองเงียบกริบเลย แฟร์เพลย์มาก
>>590 เออ นั่นสิ ชื่ออาจารย์กูยังไม่เสือกบอก แต่ออกชื่ออีกฝ่ายซะงั้น เมื่อคืนกูนอนน้อย เรื่องของเรื่องคือคือกูเคยเห็นนักเขียนคนที่ว่า เขาไปแนะนำนักหัดเขียนคนหนึ่ง คือเอาตรงๆ เลยตอนแรกกูก็หมั่นไส้เขาแหละ เพราะกูดันไปเข้าใจผิดว่าเขาเป็นนักเขียนอีกคน ที่เขียนนิยายแนวมุ้งมิ้ง แบบว่าภาษาแม่มไม่ถูกจริตกูเลย กูก็เลยกะจะไปจับผิดงานเขาไง เลยดิ่งเข้าไปในบล็อกเขา ปรากฏว่าเขียนดีมากอ่ะ กูจับผิดไม่ได้เลย แถมได้รางวัลนักเขียนด้วย ทีนี้กูก็มาเล่นโม่ง เห็นโม่งคนหนึ่งเถียงกับอีกคน แล้วเอ่ยชื่อนักเขียนคนนี้ขึ้น ปรากฏว่าอีกฝ่ายเงียบ กูเลยเชื่อมาตลอดว่าเขาก็อยู่ในโม่งเหมือนกัน ที่ไปที่มาก็เท่านี้แหละ วันนี้ถ้ากูทำอะไรผิดก็ขอโทษด้วยกูเบลอหนักมาก
>>592 มึงยอมรับว่าผิดกูไม่แซะต่อละ ทีหลังมึงสงสัย มึงก็แค่แย็บคุยเรื่องที่มึงรู้กันสองคนก็ได้นะไม่ต้องออกชื่อใคร แมนๆด้วยมึงรู้ว่าเขาเป็นใครเขาก็ควรรู้ว่ามึงเป็นใคร พวกมึงรู้กันสองคนไม่มีใครโม่งแตกเหอะ
2-3วันมานี่โม่งมีแต่เรื่อง เอาคำวิจารณ์ฉบับโม่งไปแปะงี้ ออกชื่อนักเขียนสวมโม่งงี้ ถึงโม่งจะเครดิตไม่ดีแต่ช่วยกันระวังกันหน่อยดิวะกูอยากอ่านโม่งนานๆ
ความรู้เท่าเม็ดแตดอึ่ง เสือกสะเออะมาให้ความรู้ด้านภาษา
>>595 กูว่านี่แรงไปนะโว้ย ใครก็ผิดได้ทั้งนั้นแล้วอีกอย่างไอ้ที่กูบอกไปมีสรุปได้ชัวร์ๆ ยังว่ามันคือภาษาพูดหรือภาษาเขียนกันแน่ ไอ้ที่มึงด่ากูว่าความรู้น้อย อย่างน้อยกูก็รู้จักแบ่งปัน และใจกว้างพอรับฟังคนอื่น ไม่ใจคอคับแคบมาด่าคนอื่นเอามันส์อย่างมึงหรอก ไม่ได้ช่วยอะไรใครเลย
มันเมนต์มานี่กูจี๊ดเลย แต่ก็ถูกของพวกมึง งานกูก็ปวดหัวพอแล้ว ไม่น่าไปให้ราคากับมันหรอก
โม่งเรื่องสั้นทำดีแล้วล่ะ ทำต่อไป เราให้กำลังใจนะ เราโม่งเซฮุนเอง
กดข้อแรกของโม่ง
อย่าสนในสิ่งที่บั่นทอน ยกเว้นว่านั่นคือประโยชน์
ใครว่างจัด ลองสับหน่อย สับเท่าที่อ่านไหวพอ
https://writer.dek-d.com/gandtao412/story/view.php?id=1389087
โม่งเรื่องสั้นคงยังอายุไม่เยอะ คงเพิ่งเรียนจบหรือจบมาไม่นานใช่ไหม จบคณะดีด้วย ดู ไปออกจะเป็นคนสุภาพด้วย แต่ยังมีความวู่วามอยู่ในที คนที่เข้ามาในนี้มีมากมายหลายนิสัย เราจะเจอคนแบบไหน จุดประสงค์ยังไง มันเลือกไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องหัดใจเย็น ตั้งสติให้ดี หากมีเรื่องไม่คาดคิดมากระทบตัวเรา เป็นกำลังใจให้
เอาดีๆ เถอะพวกมึง กูอยากอ่านสับนิยาย อยากนั่งเมาธ์มอยนิยายที่กูอ่านกับพวกมึง กูไม่อยากบึนปากแคะขี้มูกดีดใส่จอ มันสกปรก
งง
ไม่แน่ใจว่ากูไปทำอะไรให้ไม่พอใจนะ เพิ่งกลับมาถึงบ้านเมื่อกี้งงเลย ถ้ากูทำอะไรให้ไม่พอใจจริงๆ ก็ขอโทษด้วยจากใจ กูขอยุติเรื่องนี้ไว้แค่นี้ไม่อยากให้ตัวเองต้องเป็นสาเหตุให้ห้องนี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น
จากโม่งเรื่องสั้น
เยดเข้ คดีพลิก 5555555555555555555555555555555
กูงงไปหมดละว่าต้องการไร มีลากไปห้องนินทาด้วย เมินๆแล้วสับนิยายกันต่อมั้ย #ลาก่อนโม่งเซฮุน #ไปตั้งชื่อมาใหม่นะคะซิส
KY มีใครแนะนำนิยายแนวสลับเพศดีๆให้กูหน่อยได้ป่ะ เอาแบบมีการดำเนินเรื่องหน่อยๆแล้ว ไม่ใช่พอเปลี่ยนเป็นอีกเพศได้เขินเงิบกันตามคลิเช่แล้วคนแต่งก็เลิกแต่งน่ะ แนวหญิงเป็นชายยิ่งดี
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.