โอมยันกายลุกขึ้น เขารู้สึกเจ็บที่เหนือลิ้นปี่จากการถูกพลังประหลาดจับกระแทกพื้นจนต้องใช้มือซ้ายกุมอกของตนเองไว้ “โชคชะตายังงั้นเหรอ” ชายหนุ่มแค่นเสียง “โชคชะตามันเป็นใครถึงคิดจะมาสั่งให้ฉันทำอย่างโน้นอย่างนี้กัน หา”
เมย์ลินเหยียดยิ้มในขณะที่เอสเปอร์รัญญ่ายืนกอดอก “เจ้าน่ะจะดื้อด้านไปจนถึงเมื่อไหร่กัน” เจ้าหญิงแหว “ต่างคนต่างก็ต้องมีหน้าที่ขอตนเอง โชคชะตาได้ลิขิตเอาไว้แล้วให้เจ้าได้มาเป็นผู้กล้า”
“แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ” โอมตะคอกกลับไป “เธอจะปราบจอมมารก็หาคนในโลกของเธอมาเป็นผู้กล้าสิ ทำไมจะต้องเอาภาระบ้า ๆ แบบนี้มายัดเยียดให้กับคนต่างถิ่นอย่างฉันด้วย”
“เพราะมันเป็นโชคชะตาที่ได้ลิขิตเอาไว้แล้วยังไงล่ะ” เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงยิ้มเยาะ “อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องไปปราบจอมมาร ไม่มีใครหลีกหนีโชคชะตาได้พ้นหรอก เฮอะ อันที่จริงข้าก็ไม่ได้อยากให้คนใจเสาะอย่างเจ้ามาเป็นตัวแทนของโลกใบนี้หรอกนะ”
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากโต้ตอบกลับไป นักพยากรณ์สาวก็หันหน้ากลับมาหาเจ้าหญิง ขมวดคิ้วพร้อมชิงพูดขึ้นก่อน “เดี๋ยวนะเพคะองค์หญิง” เมย์ลินท้วง “ท่านว่าจะให้ท่านผู้กล้าไปปราบจอมมารอย่างนั้นหรือ”
สีหน้าของเอสเปอร์รัญญ่าดูฉงน “ก็เจ้าเป็นคนบอกข้าเองไม่ใช่หรือเมย์ลิน” เธอท้วง “ว่าเจ้าหมอนี่น่ะคือผู้กล้าที่จะมาทำให้จอมมารหายไปจากโลกนี้”
“ข้าพูดเช่นนั้นจริง” นักพยากรณ์ผงกศีรษะรับคำ “แต่ข้าไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องเป็นคนไปปราบจอมมารนะเพคะ”
โอมมองผู้หญิงสองคนตรงหน้าสลับกันไปมาอย่างงุนงง “นี่พวกเธอพูดเรื่องอะไรกันน่ะ” เขาร้อง “ฉันเป็นเหยื่อของพวกเธอนะ มีอะไรก็อธิบายให้ฉันฟังสิ”
เมย์ลินหันหน้ากลับมาหาโอม ริมฝีปากคู่สวยของเจ้าหล่อนเหยียดยิ้ม “เจ้าน่ะเป็นผู้กล้าตามคำทำนายของข้าจริง แต่โชคชะตาไม่ได้ลิขิตให้เจ้าเป็นผู้สังหารจอมมาร” เมื่อพูดถึงตอนนี้เธอก็ยิ้มกว้างขึ้น “ลูกชายทั้งเจ็ดคนของเจ้ากับเจ้าหญิงเอสเปอร์รัญญ่าต่างหากที่จะต้องทำมัน”
ดวงตาสีม่วงของเจ้าหญิงเบิกกว้าง “เจ้าพูดอะไรน่ะเมย์ลิน” เธอร้อง “ไม่น่ะ ข้าไม่ยอม”
“โชคชะตาได้ลิขิตไว้เช่นนั้น องค์หญิง” เมย์ลินหันมาส่งยิ้มหวานที่แฝงไปด้วยยาพิษให้กับเอสเปอรัญญ่า “ท่านพูดถูก ไม่มีใครหลีกหนีโชคชะตาได้พ้นหรอก”