"ขอโทษนะคะ ฉันอยากพบกับผู้จัดการของคุณ" พนักงานผู้อับโชคได้แต่เดินตัวสั่นไปเรียกผู้จัดการมาให้เธอก่อนที่มันจะกลายเป็นมหากาพย์การเทศนาอย่างยาวนานกว่าสิบนาทีว่าด้วยกาแฟที่ผิดเพี้ยนไป และแม้จะไม่ถูกต้องนักแต่ทางร้านกาแฟก็ต้องจำยอมต่อเธอด้วยประการทั้งปวงและชดเชยด้วยการมอบขนมกับกาแฟที่ชงใหม่ให้ ซึ่งมันทำให้เธออารณ์ดีขึ้นเล็กน้อยจนถึงกับต้องจดลงไปในโน้ตว่า “การเอาคืนทุนนิยมอย่างสาสม”
คลาสเรียนในวันนี้ก็ยังคงเป็นอะไรที่น่าเบื่อด้วยเรื่องเดิมๆ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งในตอนบ่ายที่เธอคิดว่ามีช่วงหนึ่งที่อาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งได้กล่าวเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง Listen and believe การฟังและเชื่อ เป็นแนวคิดที่ตอบรับทุกสภาพสังคมโดยเฉพาะสังคมที่เธอเชื่อว่าจะทำให้โลกนี้ดีขึ้นได้ อันว่าด้วยการรับฟังคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเหยื่อไม่ตั้งคำถาม และไม่คาดคั้น โดยให้เราเชื่อว่าเรื่องที่เหยื่อพูดนั้นคือความจริงเสมอ มันคือความยุติธรรมที่สุด มันชอบธรรม และมันเที่ยงธรรม เมื่อกระบวนการทางยุติธรรมมันเต็มไปด้วยการโทษเหยื่อ แล้วทำไมคุณถึงยังก้มหัวให้แก่ความยุติธรรมที่อยุติธรรมเหล่านั้น การใช้ศาลมันไม่ต่างอะไรกับการเอาเหยื่อไปขึ้นเขียงให้ตายทั้งเป็นจากการโดนทั้งสอบสวนทั้งตั้งคำถามซ้ำไปซ้ำมา กลายเป็นว่าเป็นการตอกย้ำให้เกิดบาดแผลทางจิตใจเข้าไปอีก ความยุติธรรมทางสังคม จึงยุติธรรมกว่า ไม่ต้องผ่านกระบวนการชายเป็นใหญ่ ให้สังคมเป็นผู้ตัดสิน และเครื่องมือเดียวที่จะช่วยให้ความยุติธรรมเหล่านี้เป็นจริงได้คือ วัฒนธรรมคว่ำบาตร Cancel Culture เท่านั้น เธอตาวาวเป็นประกายเมื่อรู้ว่าตัวเธอสามารถใช้มันเพื่ออะไรได้บ้าง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ผู้คนที่อ่อนแอกว่า เพื่อต่อกรกับปิตาธิปไตยที่เธอเกลียดชัง เพื่อช่วยเหลือเหยื่อและเอาผิดผู้กระทำในวันที่ความยุติธรรมของศาลไม่สามารถเอื้ออำนวย มันทั้งชัดเจน เด็ดขาด และรุนแรง คุณไม่จำเป็นต้องกังวลด้วยซ้ำว่ามันจะไม่ได้ผล มันได้ผลเสมอ และหากต่อให้มันผิด หากมันเป็นการกล่าวหาลอยๆ เธอก็เชื่อว่าอย่างน้อย มันก็ได้สร้างความตระหนักรู้ให้แก่สังคมได้มากกว่า มันไม่คุ้มอย่างนั้นหรือที่เราจะยอมเสียสละใครสักคนเพื่อให้เกิดแรงกระเพื่อมและสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องการกระทำความรุนแรงทางเพศ สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นวิชาที่เธอชอบที่สุดนับตั้งแต่เรียนมาเป็นเวลาสามปีกว่าด้วยซ้ำ
เย็นวันนั้นเป็นวันที่เธออิ่มเอมที่สุด ด้วยเนื้อหาสิ่งที่เธอได้เรียนมา มันนับเป็นทางสว่างของสังคมเลยก็ว่าได้ เธอตั้งมั่นว่าเธอจะเอาการคว่ำบาตรนี้ไปช่วยเหลือสังคมให้ได้มากที่สุดโดยตั้งใจเอาไว้อย่างแน่วแน่ว่าเมื่อกลับไปถึงห้องในคืนนี้เธอจะ Cancel ใครบ้างสักคนสองคนเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า แต่อย่างไรก็ดีช่วงหัวค่ำแบบนี้จะต้องหาอะไรกลับไปกินที่ห้องเสียก่อน เธอแวะที่ร้านอาหารตามสั่งร้านหนึ่งพร้อมกับสั่งว่า “ผัดผักรวม ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่น้ำมัน ไม่ใส่ผงปรุงรส ไม่ใส่ซอสหอยนางรม ไม่ใส่น้ำปลา ไม่ใส่น้ำตาล กลับบ้าน ไม่ใส่กล่องโฟม ไม่เอาช้อนพลาสติกค่ะ” ผู้คนหันมามองเธอทั้งร้านชั่ววินาทีหนึ่ง แต่เมื่อทุกสายตาจับจ้องเธอแล้วก็หุบลงในแทบจะทันที ถ้าจะกล่าวได้ว่าเธอเป็นบุคคลมีชื่อเสียงก็คงจะไม่แปลกนัก ระหว่างที่เธอกำลังนั่งรออยู่นั้นมีกลุ่มผู้ชายเดินเข้ามาพร้อมกับสั่งกะเพราไข่เยี่ยวม้า ทันใดเธอรู้สึกผะอืดผะอมคลื่นเหียนมาในทันที เพราะเธอได้รู้ความจริงข้อหนึ่งเกี่ยวกับความเลวร้ายของมนุษย์ที่สร้างสรรค์เมนูนี้ขึ้นมา เธอเคยเขียนเอาไว้ด้วยว่า